Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานคุณธรรมเรื่องแต่งกายเลิศ ชูเชิด ม.4-2

โครงงานคุณธรรมเรื่องแต่งกายเลิศ ชูเชิด ม.4-2

Published by s-u-p-e-r_human, 2021-12-23 13:09:42

Description: โครงงานคุณธรรมเรื่องแต่งกายเลิศ ชูเชิด ม.4-2

Search

Read the Text Version



ก คำนำ โครงงานคุณธรรม เรื่อง แต่งกายเลิศ ชูเชิด รปค.50 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 ฉบับน้ี จัดทาข้ึนเพื่อแก้ปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4/2 ทาให้นักเรียนแต่งกาย ถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียน การจดั ทาโครงงานครง้ั นี้จงึ สาเรจ็ ลุล่วงดว้ ยดี เพราะความรว่ มมือของทุกคน ขอขอบคุณนักเรียนทกุ คนทใ่ี ห้ความร่วมมอื ในการทากิจกรรมตามที่วางแผนไว้ ผู้จดั ทา

ข สำรบญั คานา หนำ้ สารบัญ ก บทท่ี 1 บทนา ข บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 1 บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินงาน 2 บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน 9 บทที่ 5 สรปุ ผลและอภปิ ราย 11 บรรณานกุ รม 13 15 ภาคผนวก 16

๑ บทท่ี 1 บทนำ ท่มี ำและควำมสำคญั ของปัญหำ สภาพปญั หาทพี่ บเป็นประจาทุกวันของโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 50 ในช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4/2 พบว่า นักเรยี นบางคน แตง่ กายไม่ถูกต้องตามระเบียบของทางโรงเรียน แมค้ รปู ระจาชั้นและครใู นโรงเรียนจะ ชี้แนะหรือแจ้งเหตุผลให้นกั เรียนเกย่ี วกบั การแตง่ กายไมถ่ กู ต้องตามระเบียบแลว้ ก็ตาม แตน่ กั เรียนบางคนไม่ ค่อยสนใจปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตามนกั เรยี นทแี่ ตง่ กายถูกต้องตามระเบยี บของทางโรงเรยี นกเ็ ปน็ เพยี งสว่ นหนง่ึ ของจานวนนักเรียนในห้องเรยี น ด้วยเหตุนีจ้ ึงไดม้ กี ารรเิ รมิ่ นาแนวทางและวิธกี ารแก้ดังกลา่ วน้นั เพอื่ พัฒนา พฤติกรรมการแตง่ กายของนกั เรียนอย่างเป็นระเบยี บให้เกิดเปน็ คุณธรรมอตั ลักษณ์ และนกั เรยี นสามารถนาไป ปฏิบตั จิ รงิ สง่ ผลให้เกิดการเปลยี่ นแปลงในทางท่ีดีขนึ้ เกิดเป็นจริยธรรม ซึง่ เป็นการปรับลดข้อบ่งชอี้ ันไมพ่ งึ ประสงค์ใหห้ มดไป โดยใช้หลกั การเสริมแรงบวกและลบไปในขณะเดียวกนั วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นแต่งกายเป็นระเบียบเรยี บของโรงเรียน 2. เพอ่ื ปลูกฝังการมจี ติ สานกึ ของการปฏบิ ตั ิตนและมวี นิ ัยในตนเอง 3. เพอ่ื ใหน้ กั เรียนมพี ฤตกิ รรมเชิงบวกในเรอ่ื งการแตง่ กาย ปัญหำ นักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/2 แตง่ กายไมถ่ กู ต้องตามระเบยี บของโรงเรียน สำเหตขุ องปญั หำ 1. นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/2 แตง่ กายผดิ ระเบียบของโรงเรยี น 2. นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/2 สวมเส้อื ผ้ารองเทา้ มาผิดวัน กล่มุ เปำ้ หมำย 1. เชงิ ปรมิ ำณ - นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/2 จานวน ๔2 คน 2. เชงิ คณุ ภำพ เป้ำหมำยระยะสัน้ (ระยะเวลำ 3 เดอื น) - นกั เรียนร้อยละ 80 แต่งกายเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย เป้ำหมำยระยะยำว (ระยะเวลำ 1 ปกี ำรศกึ ษำ) - นักเรียนร้อยละ 95 แต่งกายเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย ประโยชน์ท่ีคำดว่ำจะได้รบั 1. นกั เรียนแต่งกายเปน็ ระเบยี บเรียบของโรงเรียน 2. นกั เรียนมีจติ สานึกของการปฏิบตั ติ นและมวี นิ ยั ในตนเอง 3. นักเรียนมีพฤตกิ รรมเชิงบวกในเร่อื งการแต่งกาย

๒ บทท่ี 2 เอกสำรทเี่ กีย่ วขอ้ ง ในการดาเนินโครงงานคุณธรรม นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/2 นนั้ ไดน้ าหลกั การคุณธรรมมาใช้ใน การแก้ไขปัญหาพฤติกรรมของนักเรยี น และนาไปส่กู ารปฏิบัติ ดังนี้ 1. ระเบยี บกระทรวงศึกษำธกิ ำรว่ำด้วยเครือ่ งแบบนกั เรียน พ.ศ. 2551 อาศยั อานาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบญั ญัติเคร่ืองแบบนกั เรยี น พ.ศ. 2551 รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร จึงวางระเบียบไว้ดงั นี้ ข้อ 1 ระเบยี บนเ้ี รียกวา่ “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเคร่อื งแบบนกั เรียน พ.ศ.2551” ขอ้ 2 ระเบียบนี้ใหใ้ ช้บังคบั ตง้ั แตว่ นั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นตน้ ไป ข้อ 3 ให้ยกเลิก 1. ระเบยี บกระทรวงศึกษาธิการวา่ ด้วยเครือ่ งแบบนักเรียนและนกั ศกึ ษา พ.ศ. 2527 2. ระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธิการวา่ ด้วยเครอ่ื งแบบนักเรยี นและนักศึกษา พ.ศ. 2540 3. ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธกิ ารวา่ ด้วยเครอื่ งแบบนกั เรยี นและนกั ศึกษา พ.ศ. 2542 4. ระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ ารว่าดว้ ยเคร่ืองแบบนักเรียนและนกั ศกึ ษา พ.ศ. 2546 ข้อ 4 ระเบยี บนีใ้ ห้ใช้บงั คบั แกน่ กั เรยี นผ้ซู ง่ึ ศึกษาในสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐานและสถานศกึ ษาระดบั อุดมศกึ ษาต่า กว่าปรญิ ญาตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการศกึ ษาแห่งชาติ เวน้ แตส่ ถานศกึ ษาน้ันจะมกี ฎหมายกาหนดเรือ่ งการแต่ง กายไวเ้ ปน็ การเฉพาะแล้ว ขอ้ 5 ลกั ษณะของเครื่องแบบนักเรยี นแบ่งตามระดับและประเภทการศึกษา เครอ่ื งแบบนกั เรียนระดบั ก่อนประถมศึกษา เคร่อื งแบบนกั เรียนระดับประถมศกึ ษา เครือ่ งแบบนักเรียนระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น เครือ่ งแบบนักเรียนระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลายสามญั ศกึ ษา เคร่อื งแบบนกั เรียนระดบั มัธยมศึกษาตอนปลายประเภทอาชีพและระดับอุดมศึกษาระดบั ต่ากว่าปริญญา เครื่องแบบนกั เรยี นสาหรับสถานศกึ ษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เครอ่ื งแบบนักเรยี นซึง่ นบั ถอื ศาสนาอสิ ลามในสถานศกึ ษาอนื่ นอกจากสถานศกึ ษาเอกชน สอนศาสนาอสิ ลาม ข้อ 6 เครื่องแบบนกั เรยี นระดบั กอ่ นประถมศึกษา นักเรยี นชำย เสือ้ ผ้าสขี าว แบบคอเชิต้ หรือคอปกกลม แขนสั้น เครอื่ งหมาย ใช้ชอื่ อกั ษรย่อของสถานศึกษาปักทอี่ กเสื้อ เบื้องขวา บนเนื้อผ้าด้วยด้านหรือไหม โดยสถานศกึ ษารัฐใชส้ ีนา้ เงิน สถานศึกษาเอกชนใช้สีแดง กางเกง ผ้าสีดา สนี า้ เงนิ สีกรมท่า หรือสแี ดง ขาสนั้ รองเท้า หนังหรอื ผา้ ใบสีดา แบบหุ้มส้นปลายเท้า ชนิดผูกหรือมสี ายรัดหลงั เทา้ ถงุ เทา้ ส้ัน สีขาว นักเรยี นหญงิ เสือ้ ผ้าสีขาว แบบคอเช้ิต หรือคอปกกลม แขนส้นั เคร่อื งหมาย ชือ่ อักษรยอ่ ของสถานศึกษาปักท่อี กเสื้อ เบื้องขวา บนเน้อื ผ้าดว้ ยด้ายหรือไหม โดยสถานศึกษารฐั บาลใช้สีนา้ เงิน สถานศึกษาเอกชนใช้สีแดง กระโปรง ผา้ ดา สนี ้าเงนิ สกี รมทา่ หรือสแี ดง แบบจบี รูดรอบตัว หรอื ยาวเพียงใต้เข่า แบบจีบทบรอบเอว หรอื พบั เปน็ จบี ข้างละสามจีบทั้งด้านหนา้ และดา้ นหลัง เมอื่ สวมแล้วชายกระโปรงคลมุ เขา่ รองเทา้ หนงั หรือ ผ้าใบสดี า แบบหุ้มส้นหมุ้ หลายเทา้ ชนดิ ผูกหรือมีสายรดั หลงั เทา้

๓ ถงุ เท้าสั้น สขี าว ข้อ 7 เคร่อื งแบบนกั เรียนระดบั ประถมศกึ ษา นกั เรยี นชำย เสื้อ ผ้าสขี าว แบบคอเชต้ิ หรือคอปกกลม แขนส้ัน เครอ่ื งหมาย ใชช้ ่ืออกั ษรย่อของสถานศกึ ษาปักท่อี กเสือ้ เบอ้ื งขวา บนเนอ้ื ผ้าดว้ ยดา้ นหรือไหม โดยสถานศึกษารัฐใชส้ นี า้ เงิน สถานศึกษาเอกชนใช้สีแดง กางเกง ผ้าสีดา สนี า้ เงนิ สีกรมท่า หรือสแี ดง ขาสนั้ รองเทา้ หนงั หรอื ผ้าใบสดี า แบบหุม้ ส้นปลายเท้า ชนดิ ผูกหรือมสี ายรัดหลงั เท้า ถงุ เทา้ ส้นั สีขาว นกั เรยี นหญิง เสื้อ ผา้ สีขาว แบบคอเชติ้ คอบวั หรอื คอปกกลาสีผกู ดว้ ยฟา้ ผูกคอชายสามเหลยี่ มเงื่อนกลาสี สีดาหรอื สี กรมทา่ แขนส้ันเครือ่ งหมาย ชอ่ื อักษรยอ่ ของสถานศึกษาปกั ทอ่ี กเสือ้ เบอื้ งขวา บนเน้อื ผา้ ดว้ ยดา้ ยหรือไหม โดยสถานศึกษารัฐบาลใช้สนี า้ เงิน สถานศกึ ษาเอกชนใชส้ แี ดง กระโปรง ผ้าดา สีน้าเงิน สกี รมท่าหรอื สแี ดง แบบจีบรูดรอบตวั หรอื ยาวเพยี งใต้เข่า แบบจีบทบรอบเอว หรอื พับเป็นจบี ขา้ งละสามจีบทง้ั ดา้ นหนา้ และ ด้านหลัง เมอ่ื สวมแลว้ ชายกระโปรงคลมุ เข่า รองเท้า หนังหรอื ผ้าใบสีดา แบบหุ้มสน้ หุ้มหลายเท้า ชนดิ ผกู หรือมีสายรดั หลังเท้า ถุงเท้าสั้น สีขาว ขอ้ 8 เคร่อื งแบบนกั เรียนระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น นักเรียนชำย เสอ้ื ผ้าสขี าว แบบคอเช้ิต หรือคอปกกลม แขนสน้ั เคร่ืองหมาย ใช้ชอ่ื อักษรย่อของสถานศึกษาปักที่อกเสื้อ เบอื้ งขวา บนเนื้อผา้ ด้วยดา้ นหรือไหม โดยสถานศึกษารฐั ใช้สีน้าเงิน สถานศึกษาเอกชนใชส้ ีแดง กางเกง ผา้ สดี า สีน้าเงนิ สีกรมท่า หรือแบบสุภาพ ขาสัน้ เขม็ ขัด หนัง สีดาหรอื สีน้าตาล หัวเข็มขดั เป็น โลหะรูปสเี หล่ยี มผนื ผ้า ชนิดหัวกลดั นักเรียนที่เปน็ ลูกเสือจะใชเ้ ขม็ ขัดลกู เสือแทนได้ รองเท้า หนงั หรือผา้ ใบ สดี า แบบหุ้มสน้ ปลายเทา้ ชนดิ ผูกหรอื มสี ายรดั หลงั เทา้ ถุงเท้าสั้น สีขาว นักเรียนหญิง เสือ้ ผ้าสีขาว แบบคอเชิ้ต คอบัว หรือคอปกกลาสีผกู ด้วยฟ้าผกู คอชายสามเหลย่ี มเงื่อนกลาสี สีดาหรือสี กรมทา่ แขนสัน้ เครื่องหมาย ชอื่ อักษรยอ่ ของสถานศึกษาปกั ท่อี กเสอื้ เบือ้ งขวา บนเน้อื ผ้าด้วยด้ายหรอื ไหม โดยสถานศึกษารัฐบาลใช้สีน้าเงิน สถานศกึ ษาเอกชนใช้สแี ดง กระโปรง ผ้าดา สนี ้าเงิน สกี รมท่าหรอื สีแดง แบบจบี รดู รอบตัว หรือยาวเพยี งใตเ้ ข่า แบบจีบทบรอบเอว หรือพับเปน็ จีบ ขา้ งละสามจีบทงั้ ดา้ นหนา้ และ ดา้ นหลัง เม่อื สวมแลว้ ชายกระโปรงคลุมเขา่ รองเทา้ หนงั หรอื ผ้าใบสีดา แบบหุ้มสน้ หุ้มหลายเท้า ชนดิ ผูก หรือมสี ายรดั หลงั เท้า ถุงเท้าสนั้ สขี าว ขอ้ 9 เคร่อื งแบบนักเรียนระดับมธั ยมศึกษาตอนปลายแระเภทสามญั ศกึ ษา นกั เรยี นชำย เสื้อ ผ้าสขี าว แบบคอเชต้ิ หรอื คอปกกลม แขนสัน้ เครือ่ งหมาย ใช้ชอ่ื อกั ษรยอ่ ของสถานศึกษาปักท่อี กเสอ้ื เบอ้ื งขวา บนเนอ้ื ผา้ ด้วยด้านหรือไหม โดยสถานศึกษารฐั ใช้สนี ้าเงนิ สถานศึกษาเอกชนใชส้ ีแดง กางเกง ผา้ สีดา สีน้าเงิน สกี รมทา่ หรือแบบสภุ าพ ขาส้นั เขม็ ขัด หนงั หรือผา้ สดี า หัวเขม็ ขัดเป็นโลหะรปู สเี หลย่ี ม ผืนผา้ ชนดิ หัวกลดั รองเท้า หนังหรือผา้ ใบสีดา แบบหุม้ ส้นปลายเทา้ ชนิดผกู หรอื มสี ายรดั หลังเทา้ ถุงเท้าสนั้ สขี าว นกั เรียนหญงิ เสอื้ ผา้ สีขาว แบบคอเชต้ิ คอบัว หรอื คอปกกลาสีผูกด้วยฟ้าผกู คอชายสามเหล่ยี มเงือ่ นกลาสี สีดาหรอื สี กรมท่า แขนส้นั เครอ่ื งหมาย ชอ่ื อักษรยอ่ ของสถานศึกษาปกั ท่ีอกเส้อื เบ้ืองขวา บนเนื้อผา้ ด้วยด้ายหรือไหม โดยสถานศึกษารัฐบาลใช้สีน้าเงิน สถานศึกษาเอกชนใชส้ ีแดง กระโปรง ผ้าดา สนี า้ เงิน สีกรมท่าหรือสแี ดง

๔ แบบจบี รดู รอบตัว หรือยาวเพียงใตเ้ ข่า แบบจีบทบรอบเอว หรือพับเป็นจีบ ข้างละสามจีบทัง้ ดา้ นหนา้ และ ดา้ นหลงั เมอื่ สวมแลว้ ชายกระโปรงคลุมเขา่ เข็มขดั หนังหรอื ผ้า สดี า หัวเขม็ ขัดรปู สเี่ หลี่ยมผืนผ้า ชนดิ หวั กลัดหมุ้ ดว้ ยหนงั หรือผ้าสีเดยี วกบั เขม็ ขัด รองเทา้ หนงั หรือผ้าใบสีดา แบบหุ้มส้นห้มุ หลายเทา้ ชนิดผูกหรอื มี สายรดั หลังเทา้ ถุงเท้าสนั้ สขี าว ขอ้ 10 เครื่องแบบนกั เรยี นระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลายประเภทอาชีพและระดับอดุ มศกึ ษาระดบั ตา่ กวา่ ปริญญา นกั เรียนชำย เสอ้ื ผ้าสีขาว แบบคอเช้ติ ผกู เนคไท แขนส้นั หรอื แขนยาว เครื่องหมายตดิ เขม็ เครอื่ งหมายของสถานศกึ ษาท่ี อกเส้อื เบ้อื งขวา กางเกง ผ้าสีดาหรอื สีกรมทา่ แบบสภุ าพ ขายาว เข็มขัด หนงั สดี า หวั เข็มขดั เป็นโลหะตรา ของสถานศึกษา รองเท้า หนังหรือผ้าใบสดี า แบบหมุ้ ส้น ชนดิ ผกู ถุงเท้า สัน้ สีดา นกั เรียนหญงิ เส้ือ ผ้าสีชาว แบบคอเช้ิต แขนสนั้ หรอื แขนยาว เครื่องหมาย ติดเข็มเคร่ืองหมายของสถานศึกษาทอี่ กเส้ือ เบ้ืองขวา กระโปรง ฟ้าสีดาหรือสีกรมท่า แบบสุภาพ เม่อื สวมแลว้ ชายกระโปรงคลมุ เข่า เขม็ ขัด หนงั สดี า หัวเขม็ ขัดเปน็ โลหะตราของสถานศึกษา รองเทา้ หนังหรอื ผ้าใบสดี า แบบหมุ้ สน้ หุ้มปลายเท้า มสี ้นสูงไมเ่ กิน 2 นิว้ ข้อ 11 เครื่องแบบนักเรียนสาหรับสถานศกึ ษาเอกชนสอนศาสนาอสิ ลาม นกั เรยี นชำย เสื้อ ผ้าสขี าว แบบคอเช้ติ หรอื คอปกกลม แขนสั้นหรอื แขนยาว เคร่ืองหมาย ใช้ชื่ออักษรยอ่ ของสถานศกึ ษา ปักทีอ่ กเส้อื เบือ้ งขวา บนเนื้อผ้าดว้ ยด้านหรือไหม โดยสถานศึกษารฐั ใช้สนี า้ เงนิ สถานศึกษาเอกชนใชส้ แี ดง หมวกใช้หมวกสขี าว (กะปเิ ยาะห)์ หรือหมวกสีดา (ซอเกาะห์) ในโอกาสอนั ควร กางเกง ผา้ สีดา สีน้าเงิน สี กรมท่า หรือแบบสุภาพ ขายาว เข็มขดั หนงั สดี า หวั เข็มขัดเป็นโลหะชนิดหัวกลดั หรอื หวั เขม็ ขัดเปน็ ตราของ สถานศึกษา รองเทา้ หนังหรอื ผ้าใบสีดา แบบหุ้มส้น ถุงเทา้ สนั้ สดี า นักเรยี นหญงิ เสื้อ กรุงสพี นื้ ไมม่ ีลวดลาย แบบคอกลมไม่มีปก เครอ่ื งหมาย ใช้ชือ่ อกั ษรย่อของสถานศกึ ษาปกั ท่ีอกเสอื้ เบอ้ื งขวา บนเนือ้ ผ้าด้วยด้านหรือไหม โดยสถานศึกษารัฐใช้สนี ้าเงนิ สถานศกึ ษาเอกชนใชส้ ีแดง ผ้าคลมุ ศรษี ะ ผา้ สีพื้นไม่มลี วดลาย ลักษณะเย็บเป็นถงุ หรือตัดเย็บในลกั ษณะอ่นื ซ่ึงต้องคลมุ ศรีษะทงั้ หมด เวน้ ใบหนา้ ชายผา้ คลมุ ศรษี ะคลุมไหล่ กระโปรงหรือโสร่ง กระโปรง ผา้ สีพ้ืนไมม่ ีลวดลาย แบบทรงปลาย บาน ไม่มีจีบ หรอื มจี ีบหรอื เกล็ดความยาว เม่อื สวมแล้วชายกระโปรงคลมุ ขอ้ เท้า โสร่ง มีลักษณะ เชน่ เดยี วกบั ผ้าถงุ หรอื ผา้ โสร่งทัว่ ไป เปน็ ผ้าสีพื้นไม่มีลวดลาย ขนาดกว้างพอเหมาะ ไมผ่ ่าข้างหรือรดั รูป เม่ือ สวมแลว้ ชายผ้าโสรง่ คลุมขอ้ เทา้ รองเทา้ หนังหรือผ้าใบสีขาว แบบหมุ้ ส้น หุ้มปลายเท้า ถุงเทา้ ส้ันสีขาว ขอ้ 12 เครอ่ื งแบบนักเรยี นซงึ่ นับถอื ศาสนาอิสลามในสถานศกึ ษาอืน่ นอกจากสถานศกึ ษาเอชน สอนศาสนา อิสลาม นกั เรยี นชำย เส้ือ ผ้าสีขาว แบบคอเชิต้ แขนสนั้ เครื่องหมาย ใช้ช่อื อักษรย่อ สัญลกั ษณ์ หรอื เขม็ เครอ่ื งหมายของ สถานศกึ ษาตามที่สถานศกึ ษากาหนด ปกั ทอ่ี กเสื้อเบื้องขวา กางเกงใช้ผา้ สีเดยี วกนั กับสีผ้าของกางเกงนักเรยี น ท่ัวไปท่ีใชใ้ นสถานศึกษาน้นั ขายยาวระดบั ตาตุ่ม ปลายขาพบั เข้าด้านใน เข็มขัดชนิดหวั กลดั สาหรบั ผู้ที่เป็น ลูกเสอื จะใช้เข็มขัดลูกเสอื แทนกไ็ ด้ หรอื หัวเข็มขัดเป็นตราของสถานศึกษา รองเท้า หนังหรอื ผ้าใบสีดาหรือสี น้าตาล แบบหมุ้ สน้ ชนิดผกู ถงุ เทา้ ส้นั สีขาว สนี ้าตาล หรือสีดา

๕ นักเรียนหญิง เส้ือ ผา้ สีขาวคอปกบวั ผ่าด้านหน้าตลอด แขนยาว ปลายแขนจบี รูดมีสาบกว้าง ไมเ่ กนิ 5 เซนตเิ มตร ตวั เสอื้ ยาวคลุมสะโพก ไมร่ ดั รูปเครอื่ งหมาย ใชช้ ่ืออกั ษรย่อ สญั ลักษณ์ หรือเขม็ เครือ่ งหมายของสถานศึกษา ตามที่สถานศึกษากาหนด ปักทอ่ี กเสือ้ เบอื้ งขวา ผา้ คลุมศรี ษะ ใช้ผ้าสขี าวเกล้ียงไมม่ ีลวดลาย หรือสเี ดยี วกนั กบั สผี ้าของกระโปรง ส่ีเหล่ียมจตั ุรัส ความยาวด้านละ 100 – 120 เซนติเมตร ขณะสวมใสเ่ ย็บตดิ ตลอด ต้งั แตใ่ ตค้ างจนถึงปลายมุมผ้ากระโปรง ใช้ผ้าสเี ดียวกันกับสผี า้ ของกระโปรงนักเรยี น ทว่ั ไปทใี่ ช้ในถานศึกษา นัน้ แบบสุภาพ พับเปน็ จีบข้างละสามจีบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เมื่อสวมแล้วชายกระโปรงคลมุ ขอ้ เท้า รองเทา้ หนงั หรอื ผา้ ใบสีดา มสี ายรดั หลงั เท่าหรือแบบหุม้ สน้ หมุ้ ปลายเทา้ มีสน้ สูงไมเ่ กนิ 2 นวิ้ ไมม่ ี ลวดลายถงุ เทา้ สนั้ สขี าว ไม่มลี วดลาย ปลายถุงเท้าไมพ่ ับนักเรียนซึ่งนบั ถือศาสนาอสิ ลามในสถานศกึ ษาอนื่ นอกจากสถานศึกษาเอกชน สอนศาสนาอสิ ลาม อาจเลือกแตง่ เครอื่ งแบบนักเรยี นตามวรรคหนง่ึ หรอื ตาม แบบที่สถานศกึ ษากาหนดได้ตามความสมคั รใจ ขอ้ 13 ให้สถานศึกษาโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสถานศึกษากาหนดใหร้ ายละเอยี ดเก่ยี วกับการแตง่ วิธกี าร และเง่ือนไขในการแต่งเครื่องแบบนักเรยี นดงั น้ี ชนดิ และแบบของเคร่ืองแบบ รวมท้งั จัดทารูป เคร่ืองแบบตามระเบียบน้ีไว้เปน็ ตวั อยา่ ง เครือ่ งหมายของสถานศกึ ษา การกาหนดรายละเอียดตามวรรคหน่งึ ให้ สถานศึกษาขอความเหน็ ชอบจากผู้บังคับบญั ชาเหนอื ขึ้นไปอกี ชน้ั หนงึ่ หรือผกู้ ากับดูแลสถานศึกษานั้น แล้วแตก่ รณี และประกาศใหน้ กั เรียนและผู้ปกครองนักเรียนทราบ ข้อ 14 สถานศึกษาใดมีความประสงคจ์ ะขอใช้เครื่องแบบเปน็ อย่างอ่ืนนอกจากที่กาหนดในระเบียบนใ้ี ห้ขอ อนญุ าตตอ่ ผูบ้ งั คับบญั ชาเหนือข้ึนไปอีกชน้ั หนึ่งหรอื ผ้กู ากับดูแลสถานศกึ ษานัน้ แลว้ แตก่ รณี ขอ้ 15 สถานศึกษาใดจะกาหนดใหน้ ักเรียนแตง่ เครอื่ งแบบลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด นกั ศึกษาวิชาทหาร หรอื แตง่ ชุดพ้นื เมอื ง ชุดไทย ชดุ ลาลอง ชดุ ฝึกงาน ชดุ กีฬา ชุดนาฏศิลป์ หรือชุดอ่ืน ๆ แทนเครื่องแบบ นกั เรียนตามระเบียบน้ใี นวนั ใด ให้เปน็ ไปตามท่ีสถานศึกษากาหนดโดยคานึงถงึ ความประหยัดและเหมาะสม ขอ้ 16 ในกรณีมีเหตุจาเป็นหรอื มเี หตพุ เิ ศษให้สถานศึกษาพจิ ารณายกเวน้ หรือผ่อนผนั การแต่งเคร่ืองแบบ นักเรียนได้ตามความเหมาะสม ขอ้ 17 นกั เรยี นซ่งึ ศึกษาในสถานศกึ ษาท่ีจัดการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั ให้แตง่ กายสภุ าพ ข้อ 18 นักเรียนผู้ใดไม่แต่งเครอ่ื งแบบนกั เรียนโดยไมไ่ ด้รบั ยกเวน้ ตามระเบียบนใ้ี หส้ ถานศกึ ษาพจิ ารณาลงโทษ ทางวนิ ยั ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าดว้ ยการลงโทษนกั เรยี นตามความเหมาะสม ขอ้ 19 สถานศึกษาใดที่ใชเ้ ครือ่ งแบบนกั เรียนอยูแ่ ล้วตามระเบียบเดิม หรอื ใช้เครอ่ื งแบบเปน็ อยา่ งอ่นื โดย ไดร้ ับอนญุ าตจากกระทรวงศกึ ษาธิการกอ่ นวันท่ีระเบียบนี้ใช้บังคับให้คงใชไ้ ด้ตอ่ ไป ขอ้ 20 ให้ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ ารรักษาการใหเ้ ป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มอี านาจตีความและวนิ จิ ฉยั ปญั หาเก่ยี วกบั การปฏิบตั ติ ามระเบยี บน้ี ประกาศ ณ วันท่ี 22 ตุลาคม พ.ศ. 2551

๖ 2. ระเบียบกำรแต่งกำยของนักเรยี นโรงเรยี นรำชประชำนเุ ครำะห์ 50

๗ 3. ควำมมวี นิ ัย หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ กรมสามญั ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร (2529 : 2-63) ไดจ้ ดั จาแนกระเบยี บ วนิ ัยออกเปน็ 3 ประเภท ดังปรากฏในเอกสารคาสอน ชุดการปลูกฝังและเสรมิ สรา้ งค่านยิ มพน้ื ฐานการมี ระเบียบวินัยและเคารพกฎหมาย ขอ้ บังคับ ระเบยี บแบบแผน และขนบธรรมเนียมประเพณอี ันดงี าม ดังน้ี 1. การมรี ะเบยี บวินยั ในการศึกษาเล่าเรียน หมายถงึ การที่นกั เรียนสามารถควบคมุ ตนเองให้ประพฤติ ปฏบิ ัติอยา่ งมีระเบียบแบบแผน มเี หตุผลและเป้าหมายในการเพ่ิมพูนความรู้ เพือ่ พัฒนาตนเอง โดยการจัด ตารางเวลาไว้สาหรบั ศึกษาเล่าเรยี นและการควบคุมตนเองใหป้ ฏิบตั ิตามตารางดงั กลา่ วได้ มคี วามตง้ั ใจเล่าเรยี น อยา่ งสม่าเสมอในทกุ ๆ วิชา มกี ารเตรยี มตัวอา่ นบทเรียนมาก่อนทจี่ ะถงึ เวลาเรยี นและทบทวนบทเรยี นทุกครงั้ ภายหลงั จากการเรยี น เข้าเรียนตรงเวลา ไม่ลอกคาตอบจากเพ่ือน อกี ทงั้ ต้องไมเ่ ปิดโอกาสหรือยินยอมให้เพือ่ น ลอกคาตอบในเวลาสอบ มีการเตรียมอปุ กรณ์การเรียนอยา่ งครบถว้ นและพร้อมสาหรบั การใช้อย่ตู ลอดเวลา 2. การมรี ะเบียบวนิ ัยในทอ่ี ยอู่ าศยั หมายถงึ การทีน่ กั เรียนสามารถควบคมุ ตนเอง โดยการประพฤติ ปฏิบตั อิ ย่างสมา่ เสมอในการรักษาความสะอาด ความเป็นระเบยี บของบ้านเรือนท่ีอยอู่ าศยั มกี ารจัดตกแตง่ ท่ี อย่อู าศัยใหน้ ่าอยู่ ไมร่ ับประทานอาหารในห้องนอน จดั แบ่งเนือ้ ท่ภี ายในบา้ นให้เป็นสดั ส่วนเหมาะสมต่อการทา กิจกรรมตา่ งๆ อกี ทง้ั ตอ้ งไมค่ ุย หวั เราะ จดั งานสงั สรรค์ ตลอดท้งั การเปิดโทรทศั น์เสยี งดงั รบกวนผู้อ่นื 3. การมรี ะเบยี บวินัยในสังคม หมายถงึ การที่นักเรียนสามารถประพฤตปิ ฏิบัตอิ ยา่ งมีระเบียบแบบ แผน ยึดมนั่ ในขนบธรรมเนียมประเพณีท่ีดีงาม เคารพปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายหรือขอ้ บงั คับของสังคม รู้จกั ใช้สิทธิ และหนา้ ที่ ละเว้น การใช้อภิสทิ ธโิ์ ดยรบั บริการและให้ บริการทเ่ี ปน็ ไปตามลาดับก่อนหลัง อีกทง้ั มมี ารยาทใน การใช้ถนน การขบั ขีย่ านพาหนะ โดยการปฏิบตั ิตามกฎจราจร และมีการแจ้งตอ่ เจา้ หน้าทเ่ี มื่อรู้เหน็ การกระทา ผิดระเบียบวินยั และกฎหมาย สว่ นกรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธิการ (2544 : 100) ไดก้ ลา่ วถึงประเภทของระเบียบวนิ ยั ไวใ้ น เอกสารเสรมิ ความรู้สาหรบั ครู กลุ่มสรา้ งเสริมลักษณะนิสยั จริยศึกษา ดงั น้ี 1. ระเบยี บวนิ ัยภายนอก ได้แก่ 1.1 การรักษาระเบยี บวินยั ในการบริโภค เชน่ การรบั ประทานอาหารให้ถูกหลักอนามยั และ สขุ วทิ ยา รับประทานอาหารเป็นเวลา มีมารยาทเรยี บรอ้ ยในการรบั ประทานอาหาร 1.2 การรกั ษาระเบยี บวินัยในการอุปโภค เช่น การรกั ษาร่างกาย เสื้อผ้า ท่อี ย่อู าศัยและ เคร่ืองใชใ้ ห้สะอาด เปน็ ระเบยี บเรียบร้อย 1.3 การรกั ษาระเบียบวนิ ัยตอ่ สถานท่ี เช่น การรกั ษาความสะอาดและความเปน็ ระเบยี บ เรียบร้อยทัง้ ในสานกั งาน วัดวาอาราม สถานท่ีราชการ และสาธารณะสถานต่างๆ โดยการประพฤติ ปฏบิ ัตติ ามกฎและข้อบังคบั ของสถานที่น้นั ๆ 1.4 การรกั ษาระเบียบวินยั ในการปกครอง เชน่ การสรา้ งวินัยเพอื่ ถือเปน็ หลกั ปฏิบตั ิ เอาใจ ใส่กวดขัน โดยปรับปรุงระเบยี บต่างๆ ใหม้ มี าตรฐานและถอื ปฏิบัตใิ หเ้ ปน็ แบบอย่าง 2. ระเบยี บวนิ ัยภายใน ไดแ้ ก่ 2.1 ระเบยี บท่วงที เชน่ การจัดท่าทางทว่ งทีใหม้ ีความเหมาะสมทงั้ แก่ฐานะและภูมริ ขู้ อง ตนเอง ไมด่ ูหม่ินผู้อืน่ และไมท่ ะนงตน 2.2 ระเบยี บกิริยา เช่น การควบคุมอาการของร่างกายที่เคลอื่ นไหวให้ปรากฏแก่คนท่ัวไป โดยควบคมุ และปรบั ปรงุ กิริยาให้งดงาม มคี วามเป็นระเบียบ มกี ิรยิ าดี สภุ าพ ออ่ นโยน มกี ารประพฤติ ปฏิบัตไิ ด้ถูกต้องตามกาลเทศะ 2.3 ระเบยี บวาจา เช่น การพูดสมานไมตรี พูดไพเราะ พดู ดีมีประโยชน์ ไมพ่ ดู คาซงึ่ เป็นเทจ็ ส่อเสียด คาหยาบ และไมพ่ ูดจาเพ้อเจ้อ

๘ 2.4 ระเบียบใจ เช่น การรู้จักทจ่ี ะควบคมุ อารมณ์และจติ ใจให้อยู่ในกรอบท่ีดีงาม 4. อิทธิบำท 4 อิทธิบาท 4 เป็นแนวทางการเรยี น การทางาน ให้ประสบความสาเรจ็ ที่พระพทุ ธองคไ์ ดท้ รงสดบั ไว้ อย่างแยบคลาย อันประกอบด้วยแนวปฏิบตั ิ 4 ข้อ คือ ฉันทะ วริ ยิ ะ จติ ตะ วมิ งั สา ซึง่ ใคร ๆ ก็ท่องได้ จาได้ แต่ จะมีสกั กค่ี นทีป่ ฏิบตั ิได้ครบกระบวนความทั้ง 4 ข้อ อนั เป็น 4 ขน้ั ตอนทต่ี อ่ เนอื่ งหนนุ เสริมกัน จะขาดข้อใดขอ้ หนงึ่ ไมไ่ ด้ ด้วยว่ามันเปน็ กระบวนการทเ่ี ชื่อมโยงกนั ท้งั 4 ขอ้ จึงจะทาให้เราประสบผลสาเร็จในชวี ิตและการ งานไดต้ ามความมงุ่ หวงั ขออธิบายดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ฉนั ทะ คือ การมีใจรกั ในสิง่ ท่ที า ใจทรี่ ักอนั เกิดจากความศรทั ธาและเชอื่ มัน่ ตอ่ ส่งิ ท่ีทา จึงจะเกิดผล จริงตามควร เราคงเคยไดย้ นิ คาว่า “ขอฉันทามติจากท่ีประชุม” บ่อย ๆ หรอื “มฉี นั ทะร่วมกัน” กอ่ นเลกิ การ ประชมุ บางอันเป็นเสมอื นสัญญาระหว่างกนั ว่าเราจะทาส่ิงนน้ั น้ีร่วมกนั หรอื ละเวน้ บางสง่ิ ร่วมกัน ซ่งึ ความเข้าใจ ในข้อนี้คดิ วา่ ถกู เพยี งครง่ึ เดยี ว เพราะความหมายของ “ฉันทะ” นนั้ ไมใ่ ชแ่ ปลว่าเปน็ สญั ญาภาษากระดาษหรอื สญั ญาท่ใี ห้ไว้กับมวลหมู่สมาชกิ เท่านน้ั หากแต่เป็นสัญญาใจและเป็นใจท่ผี กู พนั เปน็ ทศ่ี รัทธาและเชือ่ ม่นั ตอ่ สง่ิ นั้นอยู่เตม็ เปย่ี ม จงึ จะเกิดความเพยี รตามมา เปรียบได้กับนกั วจิ ยั ทศี่ รัทธาและเชือ่ มัน่ ในแนวควิ แนวปฏบิ ัติของ งานวิจัยเพ่อื ท้องถิ่นซงึ่ อาจมมี ากน้อยต่างกัน คงไม่มีใครบอกไดน้ อกจากตัวนกั วิจยั เองและผลของงานทเี่ กดิ ขน้ึ จริงเป็นที่ประจกั ษต์ ่อสาธารณะชน 2. วริ ิยะ คือ ความมงุ่ มน่ั ทุ่มเท เป็นความมงุ่ มั่นทกุ เททั้งกายและใจ ทจ่ี ะเรียนรแู้ ละทาให้เขา้ ถงึ แกน่ แทข้ องสิ่งนน้ั เรอ่ื งนน้ั ถา้ หากกระทาก็จะทาจนเชี่ยวชาญจนเปน็ ผ้รู ู้ ถา้ หากศึกษากจ็ ะศึกษาใหร้ จู้ นถึงรากเหง้า ของเร่อื งราวนนั้ ๆ ดังนน้ั คาวา่ “วิริยะ” จึงหมายถึงความเพียรพยายามอย่างสงู ท่ีจะทาตามฉนั ทะหรือศรทั ธา ของตวั เอง เพ่ืออะไรนนั้ ผลงานทเี่ ขาทาจะช้ชี ัดออกมาเองวา่ ทาเพอื่ อะไร ดังนนั้ นกั วิจยั ท้องถิน่ จึงตอ้ งมใี จที่ รักต่อคนทอ้ งถนิ่ และรกั ตอ่ การทางานวจิ ยั เพ่อื แกป้ ัญหาคนท้องถ่นิ อนั เปน็ ศรัทธาสงู สุด หากไมเ่ ป็นเช่นน้นั ก็ได้ แตเ่ พยี งศรทั ธาปากเปล่าทไ่ี ร้แมเ้ งาของความมุ่งมนั่ และทุ่มเท หากแต่มีศรทั ธาอืน่ ใหค้ รนุ่ คดิ และกระทาอยู่ 3. จติ ตะ คอื ใจที่จดจ่อและรบั ผิดชอบ เมอ่ื มใี จที่จดจ่อแลว้ กจ็ ะเกิดความรอบคอบตาม คานีย้ ่งิ ใหญ่ มาก ปจั จุบัน สังคมซบั ซ้อน มสี ง่ิ ใหม่ ๆ เกดิ ข้นึ มากมาย แตล่ ะคนมภี าระหน้าที่ ทตี่ ้องทามากมาย ไม่รจู้ ะทา อะไรกอ่ นเวลาอา่ นหนังสือกค็ ิดถงึ งานทรี่ บั ผดิ ชอบ เวลาอา่ นทางานกค็ ดิ วา่ ต้องอา่ นหนังสือเพอื่ เตรียมตวั สอบ ไมส่ ามารถมีจิตจดจอ่ อยกู่ ับส่ิงใดสิ่งหนึ่งไดน้ าน ผลคือ ทาอะไรก็ไม่ดสี กั อย่างทาผดิ ๆ ถูก ๆ อยอู่ ยา่ งนน้ั 4. วิมังสำ คือ การทบทวนในส่งิ ที่ได้คิดได้ทามา อันเกดิ จาก การมีใจรัก แลว้ ทาดว้ ยความมุ่งม่ัน อย่าง ใจจดใจจ่อและรบั ผดิ ชอบ โดยใช้วิจารณญาณอย่างรอบรู้และรอบคอบ จงึ นาไปสู่การทบทวนตัวเอง และ ทบทวนองค์กรหรอื ทบทวนขบวนการ ทบทวนในสิง่ ท่ไี ด้คิดสงิ่ ท่ีได้ทาผ่านมาว่าเกดิ ผลดีผลเสยี อยา่ งไร ท้ังท่ีเป็น เร่อื งสว่ นตัวเองเราเองและเปน็ เรอ่ื งท่ีรว่ มคดิ ร่วมทากบั คนอ่ืน เพือ่ ปรับปรุงแกไ้ ขใหด้ ียิ่งขน้ึ ดงั นัน้ “อิทธบิ าท 4” จึงมคี วามหมายกับคนรนุ่ ใหมท่ ีต่ อ้ งการจะเดนิ ทางไปในสู่ความสาเร็จในชวี ิตและ การงาน เพราะหากทาไดต้ ามกระบวนความแล้ว สงั คมความรู้ ชมุ ชนความรู้ และปัจเจกชนความรู้ คงอยู่ไมไ่ กล เกินฝนั ประการสาคัญ “อทิ ธิบาท 4” ไมไ่ ด้เกิดขึ้นอยา่ งโดดเดีย่ วจากหลักธรรมข้ออื่น ๆ อนั เป็นองค์รวมและ เช่ือมโยงถงึ กัน เพียงแต่อธบิ ายคนละบทบาทเท่านน้ั ส่งิ สาคญั เราได้ใคร่ครวญในเร่ืองเหล่าน้มี ากนอ้ ยเพียงใด เพราะ ในโลกปจั จุบัน โลกท่ีสังคม อวิชชามามากจนเกดิ ล้น จึงกลายเป็นโลกทีฉ่ าบฉวยและวุ่นวายสูงสดุ นั่น แปลวา่ เราตอ้ งฝกึ ฝนตนเองหลายเทา่ ตวั เพอื่ จะเข้าใจและเขา้ ถึงหลักธรรมทกี่ อ่ เกิดการพัฒนาท่ีจดุ เริ่มต้นของ ตนเองอย่างแทจ้ รงิ

๙ บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนินโครงงำน วธิ ดี ำเนินงำน การจัดทาโครงงานคณุ ธรรมของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4/2 ในครงั้ น้ี มกี ารดาเนนิ งานตาม ข้นั ตอนดงั นี้ 1. ขั้นวำงแผน 1) สารวจและวิเคราะหป์ ัญหาของนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4/2 ทเี่ กิดข้นึ 2) นักเรียนและครูรว่ มกันวเิ คราะห์หาแนวทางแกไ้ ขปัญหา 3) นักเรยี นและครูวางรว่ มกนั แผนการแกไ้ ขปัญหา พรอ้ มกับสรา้ งความเขา้ ใจการดาเนินงาน สรา้ งขอ้ ตกลงในการดาเนินงาน 2. ข้นั ดำเนนิ งำน 1) ศึกษาหลักแนวคดิ หลกั ธรรมคาสอน คุณธรรม จริยธรรม 2) สารวจข้อมูลและสบื หาสาเหตปุ ญั หา 3) นาปัญหาร่วมประชมุ เพื่อกาหนดแนวทางในการจัดกิจกรรมแกป้ ัญหาโดยดาเนินการเพม่ิ กจิ กรรมเสริม ในชว่ั โมงแนะแนว 4) ประชุมระดมความคดิ สมาชกิ ทุกคนในโครงงาน เพ่ือกาหนดกจิ กรรม 5) สร้างความตระหนกั ใหน้ กั เรียนเห็นความสาคัญในการแต่งกายใหเ้ ป็นระเบยี บเรยี บร้อย โดย ครทู ป่ี รึกษาและแกนนานักเรียนในชั้นเรยี น 6) นักเรยี นแกนนาและนกั เรยี นทุกคนปฏบิ ัตเิ ปน็ กิจวตั รประจาวัน 3. ขัน้ ติดตำมผล 1) ประกวด/ประชาสัมพนั ธ์ ช่นื ชมชน้ั เรยี นทมี่ กี ารปฏบิ ตั ิดที กุ เดือน 4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล 1) สะท้อนผลและรายงานผลการดาเนนิ งานทกุ เดือน 2) สรุปผลการดาเนินโครงงานและรายงาน ตัวชีว้ ัดควำมสำเรจ็ 1) นักเรียนแต่งกายเป็นระเบยี บเรียบของโรงเรยี น รอ้ ยละ 95 2) นกั เรยี นมจี ติ สานกึ ของการปฏิบตั ิตนและมวี นิ ัยในตนเอง ร้อยละ 95 3) นักเรยี นมีพฤติกรรมเชงิ บวกในเรอื่ งการแต่งกาย ร้อยละ 95

๑๐ วิธกี ำรวัดประเมนิ ผล 1) นักเรียนมพี ฤตกิ รรมท่ีพงึ ประสงค์ รู้จักความรับผิดชอบและมีวินัยในตนเองมากขน้ึ 2) ผลการตรวจแคร่อื งแตง่ กายในแตล่ ะเดอื นได้ผลลัพธ์ในระดับรอ้ ยละ 95 วิธีกำรวดั ผล : สงั เกตพฤติกรรม เครอ่ื งมือวัด : แบบบนั ทกึ การตรวจเคร่ืองแตง่ กาย ชว่ งระยะเวลำวัดและประเมิน : เดอื นละ 1 ครัง้ ควำมเช่ือมโยงสูค่ ณุ ธรรมอัตลกั ษณ์ของโรงเรยี น โครงงานคณุ ธรรม เร่อื ง แตง่ กายเลิศ ชูเชิด รปค.50 ของนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4/2 นน้ั ได้ เช่อื มโยงสู่คณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี นในข้อที่วา่ ควำมมวี นิ ัย นักเรยี นแตง่ กายเป็นระเบียบเรียบของ โรงเรยี น มีจติ สานกึ ของการปฏบิ ตั ิตน มวี ินยั ในตนเอง และมีพฤติกรรมเชิงบวกในเร่อื งการแตง่ กาย

๑๑ บทที่ 4 ผลกำรดำเนนิ งำน ในการดาเนนิ โครงงานโรงเรยี นคุณธรรม เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาพฤติกรรมของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/2 เพ่อื ให้มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคใ์ นคร้งั นี้ นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/2 จานวน 42 คน สามารถลดปัญหาด้านพฤตกิ รรมที่พัฒนาและนกั เรียนแตง่ กายเรียบร้อยมากข้ึน ขอรายงานผล การดาเนนิ โครงงาน ดงั นี้ กลุ่มเป้ำหมำย 1. เชิงปรมิ ำณ - นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4/2 จานวน 42 คน 2. เชงิ คุณภำพ 1) นกั เรียนแตง่ กายเปน็ ระเบยี บเรยี บของโรงเรียน 2) นกั เรียนมจี ิตสานกึ ของการปฏบิ ัติตนและมีวินยั ในตนเอง 3) นักเรียนมพี ฤติกรรมเชงิ บวกในเร่ืองการแตง่ กาย 3. เป้ำหมำยระยะส้ัน (ระยะเวลำ 3 เดอื น) - นกั เรียนรอ้ ยละ 80 แต่งกายเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย เป้ำหมำยระยะยำว (ระยะเวลำ 1 ปีกำรศึกษำ) - นักเรยี นร้อยละ 95 แต่งกายเป็นระเบยี บเรยี บร้อย

๑๒ แบบประเมนิ ควำมพงึ พอใจกำรดำเนินโครงงำน แตง่ กำยเลิศ ชูเชิด รปค.50 ของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ 4/2 คำช้แี จง ใหท้ าเครอ่ื งหมาย / ในช่องระดบั คะแนนทค่ี ดิ วา่ เหมาะสม ระดบั คะแนน 5 หมายถึงดมี าก 4 หมายถึงดี 3 หมายถึงปานกลาง 2 หมายถึงพอใช้ 1 หมายถึงปรับปรงุ 1. สถานภาพ  ครู  นักเรยี น 2. เพศ  ชาย  หญิง ระดับควำมคิดเหน็ หมำยเหตุ ( X ) รอ้ ยละ รำยกำรทปี่ ระเมิน 4.6 96 4.6 96 1. การวางแผนในการจดั กจิ กรรมโครงงานมคี วามเหมาะสม 4.7 97 2. นกั เรยี นให้ความสาคญั และมีสว่ นร่วมในการวางแผน 4.7 97 3. นกั เรียนยอมรับเงื่อนไขและแนวปฏิบตั ิในการดาเนนิ กจิ กรรม 4.7 97 4. นกั เรียนให้ความรว่ มมอื และเตม็ ใจในการดาเนนิ โครงงาน 4.7 97 5. นักเรียนมองเหน็ ประโยชน์ทีจ่ ะเกิดจากการดาเนนิ กิจกรรม 4.7 97 6. กิจกรรมทจี่ ดั ทาใหน้ กั เรียนมีการแตง่ กายเรยี บร้อยมากขึน้ 7. ครผู ู้เกีย่ วข้องพบเห็นการเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมทด่ี ีขึ้นและพึงพอใจ 4.7 97 4.7 97 ด้านการเรยี นของนกั เรยี น 8. นกั เรยี นพงึ พอใจและยอมรบั ในกิจกรรมที่ทา 4.6 96 9. นกั เรียนเข้าใจและตระหนกั ในคณุ ธรรมทน่ี ามาใช้แก้ปัญหาของ 4.7 97 นักเรียน 10.โครงงานนีม้ ีสว่ นช่วยทาใหน้ กั เรยี นประสบความสาเร็จดา้ นความมีวนิ ัย รวม เกณฑค์ ณุ ภาพอยู่ในระดับ 4.7 หรือคดิ เป็นรอ้ ยละ 97 หมายความว่าอยู่ในระดับดีมาก

๑๓ บทท่ี 5 สรุป อภปิ รำยและข้อเสนอแนะ จากการดาเนินงานโครงงาน “แตง่ กายเลิศ ชูเชิด รปค.50” ของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4/2 เพือ่ แก้ปญั หานักเรียนแตง่ กายไมถ่ กู ตอ้ งตามระเบยี บของโรงเรยี น โดยสรปุ ผลการดาเนินงาน ดังนี้ สามารถสรุปผลการดาเนินโครงงานได้ ดังน้ี 1) นกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4/2 แตง่ กายเป็นระเบยี บเรยี บของโรงเรยี น รอ้ ยละ 95 2) นกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4/2 มจี ิตสานกึ ของการปฏิบัติตนและมวี นิ ยั ในตนเอง ร้อยละ 95 3) นักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4/2 มพี ฤติกรรมเชิงบวกในเรอ่ื งการแต่งกาย รอ้ ยละ 95 วัตถุประสงค์ 1) เพอ่ื ให้นักเรยี นแตง่ กายเป็นระเบยี บเรียบของโรงเรียน 2) เพื่อปลกู ฝังการมจี ิตสานกึ ของการปฏบิ ัตติ นและมวี ินยั ในตนเอง 3) เพ่อื ให้นกั เรียนมีพฤติกรรมเชิงบวกในเร่อื งการแต่งกาย กลมุ่ เป้ำหมำย 3. เชงิ ปรมิ ำณ - นักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4/2 จานวน 42 คน 4. เชงิ คุณภำพ เปำ้ หมำยระยะสนั้ (ระยะเวลำ 3 เดือน) - นักเรยี นร้อยละ 80 แต่งกายเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย เป้ำหมำยระยะยำว (ระยะเวลำ 1 ปีกำรศกึ ษำ) - นกั เรยี นรอ้ ยละ 95 แตง่ กายเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ย ประโยชน์ทค่ี ำดว่ำจะได้รับ 1) นกั เรยี นแตง่ กายเป็นระเบยี บเรียบของโรงเรยี น 2) นกั เรียนมจี ิตสานึกของการปฏิบตั ติ นและมวี นิ ัยในตนเอง 3) นักเรยี นมพี ฤติกรรมเชิงบวกในเร่อื งการแต่งกาย คุณธรรมเปำ้ หมำย 1. อิทธิบำท 4 1) ฉนั ทะ (ความพอใจ) 2) วริ ยิ ะ (ความเพยี ร) 3) จติ ตะ (ความมงุ่ มน่ั ) 4) วมิ งั สำ (ความไตรต่ รอง หรือทดลอง)

๑๔ ควำมเช่อื มโยงสู่คุณธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรียน โครงงานคณุ ธรรม เรื่อง แต่งกายเลศิ ชเู ชดิ รปค.50 ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4/2 นน้ั ได้ เชือ่ มโยงสู่คณุ ธรรมอัตลกั ษณ์ของโรงเรียนในข้อท่วี ่า ควำมมีวินัย นกั เรยี นแต่งกายเปน็ ระเบียบเรยี บของ โรงเรยี น มีจิตสานึกของการปฏิบตั ติ นและมวี นิ ัยในตนเอง และมพี ฤติกรรมเชงิ บวกในเรอื่ งการแต่งกาย สรปุ และอภปิ รำยผล จากการดาเนนิ งานโครงงาน “แตง่ กายเลศิ ชเู ชิด รปค.50” ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/2 เพ่อื แก้ปัญหานักเรียนแต่งกายไม่ถกู ตอ้ งตามระเบยี บของโรงเรียน โดยสรปุ ผลการดาเนนิ งาน ดังนี้ สามารถสรปุ ผลการดาเนนิ โครงงานได้ ดังนี้ 1) นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/2 แต่งกายเป็นระเบียบเรียบของโรงเรยี น ร้อยละ 95 2) นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4/2 มจี ติ สานึกของการปฏิบตั ติ นและมีวนิ ัยในตนเอง ร้อยละ 95 3) นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/2 มีพฤติกรรมเชงิ บวกในเร่ืองการแต่งกาย รอ้ ยละ 95 ขอ้ เสนอแนะ 1) ควรขยายผลไปยงั นกั เรยี นทุกคนในโรงเรยี น 2) ควรจัดทาโครงงานนอี้ ย่างตอ่ เนอื่ งเพอ่ื ให้นักเรยี นมีมวี ินัยในตนเองอยา่ งยงั่ ยืนของลกั ษณะนสิ ยั 3) ควรมีการพัฒนาสอ่ื คุณธรรมในรปู แบบต่าง ๆ เพอ่ื กระตนุ้ คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงคไ์ ดด้ ยี ่งิ ข้นึ

๑๕ บรรณานุกรม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2551). ระเบยี บกระทรวงศกึ ษำธิกำรว่ำด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551. Retrieved March 21, 2021, from Web site: http://opes.go.th/sites/default/files/users/user1. กระทรวงศึกษาธิการ. (2563). ระเบยี บวนิ ยั . Retrieved March 21, 2021, from Web site: http://www.digitalschool.club/digitalschool/thai2_4_1/thai7_1/more/page1.php. โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 50. (2563). ระเบียบกำรแต่งกำยของนกั เรยี นโรงเรียน รำชประชำนเุ ครำะห์ 50. Retrieved March 21, 2021, from Web site: https://web.facebook.com/rajaprajanugroh50/posts/4740198586007237/. พระอาจารยส์ งิ หท์ อง ธัมมวโร. (2564). อทิ ธบิ ำท4. Retrieved March 21, 2021, from Web site: https://www.posttoday.com/dhamma/117819.

๑๖ ภำคผนวก

๑๗ กำรแตง่ กำยของนกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี 4/2 โรงเรียนรำชประชำนเุ ครำะห์ 50 วนั จันทร์ วนั อังคำร วนั พุธ วันพฤหัสบดี

๑๘ วนั ศกุ ร์ วันเสำร์ วันอำทติ ย์

๑๙ นักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 4/2

๒๐


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook