Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Germany : Love at first drive Chapter 15

Germany : Love at first drive Chapter 15

Published by Ou' Bookshop, 2021-09-24 04:55:03

Description: Chapter 15 : Rhine...river of life

Search

Read the Text Version

Germany : Love at first drive Chapter 15 : Rhine…river for life หนูเล็ก

ไรน์…..สายนํ้าแห่งชีวิต เมืองโคโลญจน์ (Cologne) ท่ีพวกเราเรียกกันนั้น ชาวเยอรมันเขาเรียกของเขาว่า เคลิ น์ (Köln) จดั เป็นเมืองท่ีใหญ่ท่ีสดุ เป็นอนั ดบั ส่ีของเยอรมนีรองจากเบอรล์ ินเมืองหลวง ฮมั บรู ก์ เมือง ท่าสาํ คญั และมิวนิค แตเ่ ป็นเมืองใหญ่ท่ีสดุ ของรฐั นอรด์ ไรน-์ เวสตฟ์ าเลน (Nordrhein – Westfalen) จดั เป็นเมืองท่ีเก่าแก่ท่ีสดุ เมืองหน่งึ ของเยอรมนีสรา้ งโดยชาวโรมนั ตงั้ แตป่ ี ค.ศ.50 โดยเม่ือครงั้ แรกไดร้ บั การเรยี กขานวา่ “Colonia Claudia Ara Agrippinensium” และเป็นเพราะตวั เมืองตงั้ อยรู่ มิ แมน่ า้ํ ไรนจ์ งึ เป็นศนู ยก์ ลางการคา้ ขายสาํ คญั ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ ในยคุ นนั้ ในปี ค.ศ.313 โคโลญจน์ เรม่ิ ปกครองโดยบิชอปเป็นครงั้ แรก และอย่ภู ายใตก้ ารปกครองของราชอาณาจกั รโรมนั จนกระท่งั ในปี ค.ศ.785 โคโลญจนไ์ ดก้ ลายเป็นเมืองท่ีดแู ลโดยอารค์ บชิ อปเร่อื ยมา ความเจรญิ รุง่ เรอื งของโคโลญจนอ์ ยา่ งรวดเรว็ ตงั้ แตย่ คุ กลางเป็นผลจากทาํ เลท่ีตงั้ ท่ีอยตู่ ดิ แมน่ า้ํ ไรนเ์ ม่ือครงั้ สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 โคโลญจน์ ไดก้ ลายเป็นศนู ยบ์ ญั ชาการทางทหาร ดงั นนั้ จึงไม่ใช่เร่อื งแปลกท่ีโคโลญจนจ์ ะกลายเป็นเปา้ ในการเขา้ โจมตีทางอากาศเช่นเดียวกบั เมืองสาํ คญั อ่ืนๆ ของเยอรมนี ทาํ ใหพ้ ืน้ ท่ีซง่ึ มีส่ิงปลกู สรา้ งตา่ งๆ กวา่ 600 เอเคอรไ์ ดถ้ ูกทาํ ลาย ทาํ ใหผ้ ูค้ นเสียชีวิตกว่า 480 คน และกว่า 59,000 คน ไรท้ ่ีอยู่อาศยั เม่ือสิน้ สุด สงครามประชากรของเมืองลดลงกวา่ รอ้ ยละ 95 เชน่ เดียวกนั กบั เมืองอ่ืนๆ ท่ีอยใู่ นพืน้ ท่ีท่ีถกู ทิง้ ระเบิดใน ชว่ งเวลา 2 ปีหลงั จากสงคราม ในชว่ งเวลาของสงครามชาวยวิ จาํ นวนมากถกู ฆา่ โดยพวกนาซี ไมเ่ วน้ แม้ แตส้ ุสานชาวยิวจาํ นวน 6 แห่งก็ถูกทาํ ลายย่อยยับ สงครามครงั้ นั้นทาํ ให้สถาปัตยกรรมต่างๆ ใน โคโลญจนแ์ ทบไม่เหลือรูปลักษณ์ท่ีคลาสสิกแบบโรมัน หลายส่ิงจาํ เป็นตอ้ งสรา้ งขึน้ มาใหม่ ทาํ ให้ รูปลกั ษณม์ ีความทนั สมยั มากขึน้ ความเจ็บปวดครงั้ นัน้ ท่ีชาวโคโลญจนไ์ ดร้ บั ไดก้ ลายเป็นมรดกแห่ง ความเจ็บชา้ํ ท่ีประชากรรุน่ ท่ีสองหรอื รุน่ ท่ีสามหลงั สงครามโลกตา่ งพากนั เกลียดชงั ความรุนแรง ชิงชงั ตอ่ สงคราม และพยายามแสวงหาซง่ึ สนั ตภิ าพ ความสงบสขุ เพ่ือใหโ้ คโลญจนไ์ ดห้ ลดุ พน้ มลทินในอดีตท่ีไม่ มีใครอยากนกึ ถงึ ท่ีน่ีมีพิพิธภณั ฑก์ ว่า 30 แห่งและเป็นศูนยร์ วมของแกลเลอร่ีต่างๆ กว่า 100 แห่งท่ีจัดแสดง ศิลปะทุกแขนงตงั้ แต่ศิลปะพืน้ เมือง ศิลปะยุคโรมนั เขา้ ตงั้ รกราก ไปจนถึงศิลปะร่วมสมัยและรูปปั้น ต่างๆ มากมาย แต่ท่ีผูค้ นรูจ้ ักโคโลญจนเ์ ป็นอย่างดีก็เป็นเพราะท่ีน่ีมีมหาวิหารนิกายโรมนั คาทอลิก ขนาดใหญ่ท่ีคนเยอรมนั เรียกว่า เคิลน์ เนอร์ โดม (Kölner Dom) ซ่ึงหนูเล็กจะไดพ้ าไปเท่ียวกัน นอกจากนีย้ งั มีมหาวิทยาลยั โคโลญจน์ (Universität Köln) ซง่ึ เป็นมหาวิทยาลยั ท่ีเก่าแก่ท่ีสดุ ในทวีป ยโุ รปและเป็นมหาวทิ ยาลยั ท่ีใหญ่เป็นอนั ดบั สองของประเทศ วา่ กนั วา่ เสนห่ ข์ องโคโลญจนอ์ ยทู่ ่ีเทศกาลคารน์ ิวาล (Karneval) โดยเทศกาลนีจ้ ะเรม่ิ ขนึ้ ในวนั ท่ี 11 เดือน 11 เวลา 11 นาฬิกา 11 นาที 11 วินาที ของทุกปี และจะดาํ เนินต่อไปจนถึงประมาณเดือน กมุ ภาพนั ธ์ ในชว่ งเวลานีท้ งั้ เมืองจะมีการแสดงดนตรี วงโยธวาทิต การประกวดเตน้ ราํ การแตง่ กายแบบ

แฟนซี เสือ้ ผา้ สีสนั สะดุดตา แต่ไม่ฉูดฉาดเหมือนพาเหรดเกย์ หรือเซ็กซ่ีอย่างท่ีกรุงริโอเดอจาเนโร (Rioderjanero) แต่จะดดู ีมีระดบั มีการด่ืมกินอย่างสนกุ สดุ เหว่ียงในวนั แรกและวนั สดุ ทา้ ยของงาน เทศกาลนีม้ ีช่ือเสยี งมากถึงขนาดวา่ ชาวเยอรมนีดว้ ยกนั เองยงั นิยมมาเท่ียว โดยเฉพาะชาวเมืองบอนนท์ ่ี อยไู่ มไ่ กลกนั นิยมมาเท่ียวกนั มากจนแทบจะหมดเมือง สว่ นงานพาเหรดเกยแ์ ละเลสเบีย้ นท่ีจดั ขนึ้ ท่ีโคโลญจน์ จะจดั ในเดือนกรกฎาคมของทกุ ปี เรยี ก กนั วา่ ครสิ โตเฟอร์ สตรที เดย์ (Christopher Street Day) ซง่ึ ก็จะมีนกั ท่องเท่ียวท่วั โลกแวะเวียนมาเท่ียว กนั เป็นจาํ นวนมากเช่นกนั ถงึ กบั เคยมีบนั ทกึ ไวว้ า่ มีผเู้ ขา้ รว่ มงานกวา่ 5 แสนคน เอกลกั ษณอ์ ีกอยา่ งของโคโลญจนก์ ็คอื ภาษา ซง่ึ จะไมเ่ หมือนภาษาเยอรมนั ท่วั ไป เขาบอกว่าจะ ฟังไดย้ ากกว่า แค่ภาษาเยอรมนั ธรรมดาหนูเล็กยังหูไม่กระดิก แลว้ ถา้ ย่ิงฟังยากเขา้ ไปอีกคงตอ้ งส่ง ภาษามือกันอย่างเดียว นอกจากนีท้ ่ีน่ียงั มีวงดนตรีทอ้ งถ่ินท่ีไดร้ บั ความนิยมมากวงหน่ึง จะรอ้ งดว้ ย ภาษาทอ้ งถ่ิน ทาํ ใหเ้ ป็นขวญั ใจของชาวโคโลญจนอ์ ยา่ งมาก เม่ือมาพกั ท่ีน่ี ก็ขอใชเ้ วลากบั Black Sheep Hostel กนั นิดหน่อย รูจ้ ักเมืองโคโลญจนก์ ันพอหอมปากหอมคอใหไ้ ดพ้ อมีขอ้ มลู สาํ หรบั การเท่ียวเมืองนี้ ก็คงถึง เวลาท่ีจะไปสมั ผสั ดว้ ยตนเองแลว้ เราเลือกท่ีจะเช็คเอาทก์ ันเลยจะไดไ้ ม่ตอ้ งยอ้ นกลบั มายงั ท่ีพกั อีก เพราะเราอยากไปชมความงามของมหาวหิ ารกนั แบบเตม็ ๆ ไมต่ อ้ งเรง่ รบี มากนกั เม่ือคดิ ไดด้ งั นีเ้ ราจงึ พา กนั จดั การกบั ตวั เองกันใหพ้ รอ้ ม ทงั้ อาหารเชา้ และสมั ภาระต่างๆ เม่ือทกุ คนพรอ้ มก็เอากุญแจ ผา้ ปทู ่ี

นอน และปลอกผา้ ห่มไปคืนพรอ้ มกบั รบั เงินคา่ มดั จาํ คืน จากนนั้ หนเู ล็กพลขบั เด่ียวมือหน่งึ มือเดียวของ แก็งคแ์ กะดาํ ก็ใหพ้ ่ีดีแ้ ละนอ้ งจีพาเราไปยงั มหาวิหารแห่งโคโลญจนใ์ นบดั ดล เราเลือกท่ีจะไปจอดรถท่ี ใตอ้ าคารมหาวิหารแมว้ ่าค่าจอดอาจจะราคาสงู กว่าการไปจอดยงั ท่ีจอดรถท่ีไกลกว่านนั้ แต่ถือไดว้ ่า เป็นท่ีจอดท่ีสะดวกท่ีสดุ และก็คงเหมาะกบั พวกเราท่ีตงั้ ใจจะใชเ้ วลาท่ีโดมแหง่ นีเ้ ป็นหลกั เพราะหลงั จาก ชมความย่ิงใหญ่ ความสวยงาม อลงั การของโดมเรียบรอ้ ย เราก็คงจะออกเดินทางต่อไปยงั จุดหมาย ถดั ไปของวนั นีต้ อ่ ไป ท่ีจอดรถใตเ้ คิลน์ น่าร์ โดม ค่อนขา้ งกวา้ งขวาง สะดวกสบาย ใครก็ตามท่ีขบั รถมาเท่ียวขอยก มือสนบั สนนุ ใหจ้ อดรถท่ีน่ี ดา้ นท่ีเราจอดเม่ือขนึ้ มาดา้ นบนจะเป็นดา้ นขา้ งของเคิลน์ น่าร์ โดม ดา้ นท่ีอยู่ ตดิ กบั พิพิธภณั ฑเ์ รอมิช – เจอมานิชเชส (Römisch – Germanisches Museum) พอเดินขนึ้ มาเท่านนั้ ความย่ิงใหญ่ของโดมก็อยตู่ รงหนา้ แลว้ มหาวิหารแห่งโคโลญจน์ (Cologne Cathedral : Kölner Dom) หรอื ช่ือเตม็ ๆ ในภาษาเยอรมนั คอื Hohe Domkirche St.Peter und Maria เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เป็นมหาวิหารโรมนั คาทอลกิ ท่ีสรา้ งดว้ ยหินทรายตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 1248 แตร่ ะหว่างการก่อสรา้ งมีปัญหาหลายประการท่ีทาํ ใหต้ อ้ งหยดุ พกั การก่อสรา้ งไปบา้ งเป็นระยะๆ จึงใชเ้ วลาสรา้ งกว่าหกรอ้ ยปีจึงจะสาํ เรจ็ พรอ้ มกบั มีพิธีวางหลกั หิน บนั ทึกขอ้ มลู การก่อสรา้ งเอาไวเ้ ป็นหลกั ฐาน จดุ เด่นคือหอคอยแฝดท่ีมีความสงู ถึง 157 เมตร กวา้ ง 86 เมตร และยาว 144 เมตร สรา้ งขนึ้ ในปี ค.ศ.1842 เพ่ืออทุ ิศใหแ้ ก่นกั บญุ ปีเตอร์ และพระแม่มารี (Virgin Mary) นบั เป็นวิหารท่ีใหญ่และสงู มากในสมยั นนั้ เคยเป็นมหาวิหารท่ีสงู ท่ีสดุ ระหว่างปี ค.ศ.1880 – 1884 สาํ หรบั ในประเทศเยอรมนีจะเป็นรองก็แตม่ หาวิหารแห่งอลู ม์ (Ulmer Münster) ซง่ึ สงู 161 เมตร เท่านั้น แต่คนท่ีเคยไปเท่ียวมหาวิหารแห่งอูลม์ หลายคนบอกว่า ท่ีน่ันไม่อลงั การเท่านี้ อนั นีเ้ ท็จจริง อยา่ งไรคงตอ้ งไปพิสจู นก์ นั ดว้ ยตนเอง หนเู ลก็ ยงั ไม่เคยไปก็เลยตอบไม่ไดเ้ หมือนกนั มหาวิหารแห่งนีจ้ ดั ว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคท่ีย่ิงใหญ่ท่ีสดุ ในโลกของคริสตศ์ าสนา ท่ีน่ีมีการเก็บรกั ษาอฐั ิธาตขุ อง บรรดาปราชญแ์ หง่ ตะวนั ออก

ในสมยั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ท่ีน่ีก็ไม่พน้ โดนเคร่ืองบินทิง้ ระเบิด เพียงแต่ไม่ไดโ้ ดนแบบเต็มๆ โครงสรา้ งบางสว่ นจงึ ยงั คงอยู่ ในระยะแรกมีการคงสภาพท่ีถกู ทาํ ลายเอาไวโ้ ดยไม่มีการบรู ณะซอ่ มแซม เพ่ือจะไดใ้ ชร้ ะลกึ ถึงความโหดรา้ ยของสงคราม แต่ภายหลงั หรือประมาณปี ค.ศ.1990 ไดต้ ดั สินใจต่อ เตมิ บรู ณะซอ่ มแซมใหส้ วยงามดงั เดมิ จนไดร้ บั การขนึ้ ทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองคก์ ารยเู นสโกเม่ือปี ค.ศ.1996 แตใ่ นอีก 4 ปีใหห้ ลงั ถกู ปลดระวางลงจนไปอย่ใู นลิสตข์ อง World Heritage in Danger เน่ืองจากตวั เมืองมีการขยายตวั มาก รอบๆ มีการก่อสรา้ งอาคารสงู ทาํ ใหบ้ ดบงั ความงดงามของมหา วหิ าร แตภ่ ายหลงั ทางการไดม้ ีการควบคมุ อาคารส่งิ ปลกู สรา้ งใหมๆ่ มากขนึ้ ไมป่ ลอ่ ยใหม้ ีการสรา้ งแบบ ตามใจฉัน การยตุ ิการก่อสรา้ งดงั กลา่ วจึงทาํ ใหค้ ณะกรรมการองคก์ ารยเู นสโกถอนใบแดงประกาศให้ เป็นมรดกโลกตอ่ ไปในปี ค.ศ.2006 มมุ มหาชน ภาพท่ีนกั ท่องเท่ียวทุกคนหา้ มพลาดในการมาเยือน คือการถ่ายรูปกบั หอคอยค่คู วามสงู 157 เมตร ซง่ึ จดั ไดว้ ่าเป็นเร่ืองท่ีทา้ ทายความสามารถของนกั ท่องเท่ียวมาก เน่ืองจากความสงู ของหอคอย แฝดมีมากเสยี จนไมร่ ูว้ า่ จะยืนยงั ไง จงึ จะไดภ้ าพครบ สว่ นใหญ่ยอดแหลมของหอคอยจะแหวง่ และหาก อัดรูปออกมาดูจะพบว่าตวั เราในรูปก็เล็กเสียจนแทบจะดูไม่ออกหรือหาไม่เจอเอาเลยว่าเรายืนอยู่

ตรงไหนของรูป ทาํ ใหบ้ อ่ ยครงั้ ท่ีจะเห็นท่าทางแปลกๆ ของช่างภาพท่ีพยายามจะเก็บภาพท่ีสวยท่ีสดุ ให้ ได้ เราเองก็ไม่แตกต่างจากนกั ท่องเท่ียวคนอ่ืนๆ พยายามหามมุ ท่ีจะเก็บภาพหอคอยใหไ้ ดแ้ บบเต็มๆ เป็นผลใหแ้ ทบมองไมเ่ ห็นตวั พวกเราเลยวา่ อยตู่ รงไหนของภาพถา้ ไมม่ ีสเี ดน่ ๆ จากเสือ้ ผา้ มาช่วยไว้ หาก มองไปท่ีตวั โบสถโ์ ดยรอบท่ีสะดดุ ตาก็คือตวั การก์ อยสท์ ่ีมีสารพดั แบบท่ีอย่บู นหลงั คาโดม แตล่ ะตวั ดนู ่า กลวั พิลกึ ประตทู างเขา้ มหาวิหารมีทัง้ หมด 3 ดา้ น ดา้ นละ 4 บาน ประตดู า้ นท่ีเปิดใหน้ กั ท่องเท่ียวเขา้ ออกจะเป็นดา้ นทิศตะวนั ตก โดยบานซา้ ยเป็นทางออก และบานขวาเป็นทางเขา้ บานใหญ่ตรงกลางถกู ปิดไว้ ประตดู า้ นทิศเหนือคือดา้ นท่ีติดกบั สถานีรถไฟกลาง (Haupbahnhof) ประตดู า้ นนีเ้ ร่มิ ก่อสรา้ ง ตงั้ แต่ศตวรรษท่ี 14 จากนนั้ มีการปรบั ปรุงใหเ้ ป็นแบบนีโอโกธิคในระหว่างปี ค.ศ.1843 – 1855 แต่ ภายหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ไดม้ ีการบรู ณะใหม่จากเดิมท่ีเคยใชห้ ินทรายซง่ึ ผกุ รอ่ นไดง้ ่าย เปล่ียนเป็น หินบะซอลทล์ าวาท่ีมีความคงทนกว่า ความงดงามของประตดู า้ นนีอ้ ย่ทู ่ีรูปปั้นท่ีประดบั อย่ตู รงซุม้ ประตู ซง่ึ เป็นรูปเทพและนกั บญุ ตา่ งๆ ส่วนประตดู า้ นทิศตะวนั ตก ซุม้ ประตดู า้ นขวาคือ ซุม้ ประตปู ีเตอร์ ซ่ึงทาํ ดว้ ยบรอนซ์ ดา้ นบน ประดบั ดว้ ยรูปปั้นนกั บุญผูเ้ ผยแพรศ่ าสนา 12 องค์ ส่วนบรเิ วณหนา้ บนั ก็จะเป็นเร่ืองเล่าของนกั บญุ ปี เตอรต์ งั้ แต่ก่อนท่ีพระเยซูจะเรียกมาบวช จนกระท่งั การถูกจบั หอ้ ยหวั จนเสียชีวิตเพ่ือใหแ้ ตกต่างจาก พระเยซูท่ีตายโดยการถกู ตรงึ ไมก้ างเขน ซุม้ ประตกู ลางท่ีปิดไวเ้ ป็นรูปปั้นพระแม่มารีอมุ้ พระบุตรไวใ้ น ออ้ มแขนอยตู่ รงกลางประตู หนา้ บนั จะเป็นเรอ่ื งราวเก่ียวกบั ศาสนา เช่น แถวแรกบอกเลา่ เรอ่ื งอาดมั กบั อีฟท่ีถกู พระเจา้ ขบั ใหล้ งมาอยบู่ นโลกมนษุ ยเ์ น่ืองจากรบั ประทานผลไมต้ อ้ งหา้ มของพระเจา้ แถวท่ีสอง เป็นเร่อื งราวเก่ียวกบั โนอาหท์ ่ีสรา้ งเรือขนครอบครวั และสตั วห์ นีนา้ํ ท่วมโลกจากการลงโทษของพระเจา้ สาํ หรบั ประตดู า้ นนีเ้ ป็นดา้ นท่ีมีลานกวา้ ง จึงมีทงั้ พวกนกั หารายไดจ้ ากการแต่งตวั เป็นนางฟ้า อศั วิน หรืออ่ืนๆ มายืนน่ิงๆ เหมือนหุ่น เม่ือมีใครเดินมาจะถ่ายรูปดว้ ยจะตอ้ งหย่อนสตางคล์ งกล่องท่ีวางไว้ ตรงหนา้ ก่อน และยงั มีพวกท่ีมาน่งั เพนตภ์ าพต่างๆ บนพืน้ ท่ีก็เรียกความสนใจจากนกั ท่องเท่ียวไดไ้ ม่ นอ้ ยเลย หลงั จากพวกเราเก็บภาพดา้ นนอกจนพอใจแลว้ ก็ไดเ้ วลาท่ีจะเขา้ ไปชมดา้ นในกนั เสียที อาจ เป็นเพราะเป็นโบสถแ์ บบโกธิค ดา้ นในจึงเต็มไปดว้ ยเสา จงึ ทาํ ใหด้ แู คบและมืด ไม่น่าประทบั ใจนกั เม่ือ

แรกกา้ วเขา้ ไป แตห่ ากเดินไปดา้ นขา้ งจะพบความงามของกระจกสีมากมาย กระจกแตล่ ะบานบอกเล่า เร่ืองราวต่างๆ อย่างบานหน่ึงเป็นภาพตอนพระเยซูประสตู ิท่ามกลางการช่ืนชมของเหล่าเมไจ (Magi) ทงั้ สามหรอื ผแู้ สวงบุญแห่งเปอรเ์ ซียท่ีนาํ ส่ิงของสงู ค่ามาถวายแด่ผยู้ ่ิงใหญ่ท่ีจะมาจตุ ิ และคืนนนั้ ก็เป็น คืนแหง่ การเรม่ิ ตน้ ของศาสนาครสิ ต์ ในภายหลงั เหลา่ เมไจไดร้ บั การยกยอ่ งใหเ้ ป็นกษัตรยิ ส์ ามองค์ และ กลายเป็นความเช่ือวา่ ทงั้ สามองคเ์ ป็นสญั ลกั ษณแ์ ห่งอายทุ งั้ สามชว่ งของมนษุ ย์ แตบ่ างความเช่ือก็บอก วา่ หมายถึงทวีปยโุ รป เอเชีย และแอฟรกิ า ดา้ นล่างของภาพนีเ้ ป็นพระส่ีรูปท่ีทาํ นายการมาประสตู ิของ พระเยซู ทางเขา้ ดา้ นหนา้ ภายในมหาวหิ าร เม่ือมายืนตรงจดุ นีแ้ ลว้ มองเขา้ ไปยงั ตรงกลางของโบสถ์ จะเห็นวา่ ตวั โบสถไ์ มไ่ ดม้ ืดอย่างท่ีเห็น ครงั้ แรก อาจเป็นเพราะจดุ ท่ีเขา้ มาตอนแรกเป็นจดุ ท่ีเสาบงั กระจกและหนา้ ตา่ งทงั้ หมดไว้ ภายในโบสถ์ เตม็ ไปดว้ ยนกั ท่องเท่ียวมากมายท่ีอยากมาช่ืนชมความงาม แสงแฟลชวบู วาบไปท่วั แตกตา่ งจากท่ีเคย ไปเท่ียวโบสถแ์ ห่งอ่ืนๆ ท่ีมกั จะหา้ มใชแ้ ฟลช หรอื เป็นเพราะโบสถจ์ ะมืดเกินไป หรือจะหา้ มไม่หวาดไม่ ไหวก็ไมร่ ูเ้ หมือนกนั พวกเราส่ีคนแยกยา้ ยกนั เดนิ นดั หมายกนั วา่ ตา่ งคนตา่ งชมกนั ใหพ้ อแลว้ ออกไปเจอ กนั ขา้ งหนา้ ในอีก 1 ช่วั โมงใหห้ ลงั กระจกสแี ละลวดลายท่ีพืน้ ทาํ ใหต้ ่ืนตาต่ืนใจมากจรงิ ๆ

หนเู ล็กเดนิ ไปตามแนวทางเดนิ เช่นเดียวกบั นกั ท่องเท่ียวคนอ่ืนๆ ระหวา่ งท่ีเดินไปสงั เกตเห็นว่า บนพืน้ มีโมเสกลวดลายต่างๆ มากมาย หลากหลายเร่ืองราว ทาํ ใหเ้ ห็นว่าเขาใส่ใจในรายละเอียดทุก เร่อื งราวจรงิ ๆ หนเู ลก็ รูแ้ ลว้ ละวา่ ทาํ ไมการมาชมท่ีน่ีนกั ท่องเท่ียวสว่ นใหญ่จงึ เก็บรายละเอียดไดไ้ ม่หมด ก็ไหนจะตอ้ งเดนิ มองกระจกสี รูปปั้นท่ีประดบั ตกแตง่ ไว้ แลว้ ยงั ตอ้ งเดนิ กม้ มองลวดลายโมเสกท่ีพืน้ อีก ไฮไลตข์ องมหาวิหารแห่งนีค้ ือโกศทองคาํ ขนาดใหญ่ เป็นโกศท่ีใชเ้ ก็บอฐั ิของเหล่าเมไจหรือ กษัตริยท์ งั้ สามท่ีอญั เชิญมาจากเมืองมิลาน ประเทศอิตาลีในปี ค.ศ.1164 โดยจกั รพรรดิ์เฟรดริชท่ี 1 บารบ์ ารอสซา (Friedrich I Barbarossa) หลงั จากท่ีนาํ ทพั บกุ เมืองมิลาน หลงั จากนนั้ ท่ีน่ีจึงกลายเป็น แหล่งนดั พบของนกั บญุ ท่วั สารทิศท่ีตอ้ งการมาสกั การะ สาเหตทุ ่ีอฐั ิกษัตรยิ ท์ งั้ สามองคไ์ ปอย่ทู ่ีมิลานก็ เพราะนกั บญุ เฮเลนา (St.Helena) พระมารดาของจกั รพรรดิคอนสแตนตินท่ี 1 ผทู้ ่ีทาํ ใหศ้ าสนาครสิ ต์ รุง่ เรอื งมากในกรุงโรมเม่ือ 900 ปีก่อนนาํ ไปไวท้ ่ีกรุงไบแซนไทนห์ รืออิสตลั บลู ในปัจจบุ นั ซง่ึ ก็ยงั คงมีอฐั ิ บางสว่ นยงั คงอย่ทู ่ีเมืองมิลานดว้ ย โกศทองมีการตกแต่งไวด้ ว้ ยรูปสลกั ปิดทอง แต่งดว้ ยหิน อญั มณีมี คา่ ศาสนิกชนทงั้ มวลท่ีประสงคจ์ ะมาท่ีแหง่ นีก้ ็เพราะมงุ่ หวงั ท่ีจะมาแสดงความเคารพ สกั การะโกศทอง นี้ โกศตงั้ อยู่บรเิ วณดา้ นในลอ้ มรวั้ ไว้ หากนกั ท่องเท่ียวคนใดตอ้ งการเขา้ ชมดา้ นในตอ้ งติดต่อผูน้ าํ ชม โดยเฉพาะ อยา่ งหนเู ลก็ เองก็ไดแ้ ตเ่ ก็บภาพนอกรวั้ เหลก็ เทา่ นนั้ โกศทองคาํ แต่สาํ หรบั หนเู ล็กผไู้ ม่ไดน้ บั ถือศาสนาครสิ ต์ หนเู ล็กว่าทุกๆ ศิลปกรรมภายในนี้ ไม่ใช่แค่เพียง โกศทองคาํ ท่ีชาวครสิ ตพ์ ากนั แห่แหนมาชม ทกุ อย่างดชู ่างวิจิตรตระการตาไปหมด ทงั้ พืน้ โมเสก กระจก สี อยา่ งท่ีเลา่ ไปแลว้ แลว้ ยงั จะพวกรูปปั้นตา่ งๆ ซง่ึ สว่ นใหญ่เป็นเรอ่ื งราวทางศาสนา ภาพเขียนสีบนผนงั เพดาน ทกุ อยา่ งท่ีมนั น่าต่นื ตาต่นื ใจไปทงั้ หมด ก็ลองคดิ เลน่ ๆ แลว้ กนั วา่ กวา่ ทกุ ส่ิงท่ีปรากฏตรงหนา้ จะ แลว้ เสร็จไดง้ ดงามเพียงนี้ จะผ่านความยากลาํ บากของจิตรกรหรือช่างฝีมือแขนงต่างๆ มากมาย เพียงใด แต่ละชิน้ จะใชเ้ วลานานก่ีปีต่อก่ีปี และส่ิงเหล่านีผ้ ่านมาก่ีช่ัวอายุคนแลว้ ทุกอย่างถูกเดิน ทางผา่ นรอ่ งรอยของกาลเวลาทงั้ สนิ้ เลา่ อยา่ งไรก็คงบรรยายความย่ิงใหญ่ งดงามไดไ้ มเ่ ทา่ ท่ีตาเห็น

มมุ ตา่ งๆ ภายในมหาวหิ าร ท่ีสะดดุ ตาอีกอย่างก็คงเป็นพวกบาทหลวงท่ีเดินแตง่ กายดว้ ยสีแดงสด แอบถ่ายรูปมาได้ แต่ก็ ไม่ชดั เสียน่ี ตามกฎเกณฑเ์ ขาจะระบไุ วเ้ ลยว่า วนั ไหนนกั บวชจะตอ้ งแต่งสีไหน เช่น วนั เฉลิมฉลองท่ีมี พิธีสาํ คญั ส่วนใหญ่จะทาํ ดว้ ยดิน้ เงินดิน้ ทอง หรือสวมใส่ดว้ ยสีขาวในวนั ราํ ลกึ ต่างๆ หรือบางครงั้ ก็จะ เป็นสีแดง วนั แห่ศพจะสวมใสส่ ดี าํ วนั อ่ืนๆ จะใสส่ ีเขียวอะไรทาํ นองนี้ แสดงว่าวนั นีค้ งเป็นวนั ราํ ลกึ อะไร สกั อยา่ งจงึ ไดแ้ ตง่ สแี ดง มีอีกสถานท่ีหน่งึ ท่ีเช่ือมตอ่ กนั และสามารถเขา้ ไปชมไดแ้ ตต่ อ้ งเสียคา่ เขา้ ชมก็คือ หอ้ งขมุ ทรพั ย์ ซง่ึ จะจดั แสดงส่งิ ของสาํ คญั ๆ เช่น โกศสาํ คญั ของนกั บญุ ตา่ งๆ ดาบ คฑา ภาชนะท่ีใชใ้ นพิธีตา่ งๆ อยา่ ง พวกจอกใสเ่ หลา้ อง่นุ รวมทงั้ เคร่อื งราชกกธุ ภณั ฑต์ า่ งๆ ของบิชอปท่ีเก็บสะสมมาตงั้ แตค่ รสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 18 แตพ่ วกเราไมไ่ ดเ้ ขา้ ชมสว่ นนีก้ นั หลงั จากใชเ้ วลาอยภู่ ายในคอ่ นขา้ งนาน เพราะมีรายละเอียดท่ีน่าดนู ่าชมมากมายไปหมด และ นกั ท่องเท่ียวก็ค่อนขา้ งมากทาํ ใหก้ ารเขา้ ชมบริเวณต่างๆ ค่อนขา้ งเสียเวลา เราก็ไดเ้ วลาอาํ ลาภายใน เคลิ น์ เนอร์ โดม กนั เสียที ลืมบอกไปวา่ ในการเขา้ ชมนนั้ เขาใหเ้ ขา้ ชมไดฟ้ รไี ม่เสียคา่ ใชจ้ ่าย ยกเวน้ หาก ตอ้ งการขนึ้ ไปชมวิวบนโดม ซง่ึ ตอ้ งเดินขนึ้ บนั ไดเวียนขนึ้ ไปสถานเดียว ไม่มีลฟิ ท์ ทางค่อนขา้ งแคบและ ชนั อากาศจะไม่ค่อยถ่ายเท แต่เขาก็ไม่ไดใ้ หข้ ึน้ ไปจนถึงจดุ สงู สดุ จะใหข้ ึน้ ไปไดแ้ ค่ 100 เมตร เท่านนั้ แคน่ ีก้ ็แทบแยแ่ ลว้ โดมแห่งนีเ้ ขาบอกว่าถา้ ใครมาเยือนแลว้ ไม่เห็นวา่ มีโครงเหลก็ ลอ้ มอยนู่ ่าจะจดั ไดว้ า่ เป็นคนโชคดีสดุ ๆ เพราะตลอดเวลาท่ีผ่านมายงั ไม่เคยมีใครท่ีถ่ายรูปออกมาแลว้ ไม่มีโครงเหล็กติดมา

อยา่ งวา่ ละนะซอ่ มแตล่ ะทีก็ตอ้ งใชเ้ วลา แลว้ ขนาดก็ใหญ่เสียขนาดนนั้ ก็ตอ้ งคอ่ ยๆ ซอ่ มแซม บรู ณะไปที ละส่วนก็เลยทาํ ใหช้ า้ กว่าปกติเขา้ ไปอีก ฉะนนั้ ไม่ว่าใครมาเท่ียวก็จะตอ้ งมีภาพโครงเหล็กติดในรูปทุก รายไป นกึ ๆ แลว้ ก็ขาํ ๆ ดี ลานจอดรถใตม้ หาวหิ าร แสนสะดวกสบาย แมว้ า่ โคโลญจนจ์ ะมีอะไรอีกมาก แตเ่ ราก็คงตอ้ งโบกมืออาํ ลาเสียแลว้ เพราะปลายทางของเรา ยงั อีกไกล แลว้ พวกเราก็อยทู่ ่ีไหนนานๆ ไมค่ อ่ ยเป็น อยากเก็บเก่ียวประสบการณไ์ ปเรอ่ื ยๆ อย่างนีแ้ หละ ปลายทางของวนั นีเ้ ป็นเมืองเล็กๆ รมิ แม่นา้ํ ไรน์ แต่ระหว่างทางก็คงแวะเมืองใหญ่นอ้ ยตา่ งๆ ไปเร่อื ยๆ ตามแตเ่ วลาและโอกาสจะเอือ้ อาํ นวย การเดนิ ทางของเรานบั แตน่ ีเ้ ป็นการเดินทางลงใตค้ อ่ ยๆ ไลล่ งเพ่ือ กลบั ไปยงั แฟรงคเ์ ฟิ รต์ เมืองแรกท่ีเราเดนิ ทางมาถึงแตย่ งั ไมไ่ ดเ้ ท่ียวเลยสกั นิดเดียว เมืองแรกท่ีเราจะแวะ ระหว่างทางก็คือกรุงบอนน์ (Bonn) ซ่ึงอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเยอรมนีตะวนั ตกมาก่อน เสน้ ทาง จากโคโลญจนท์ ่ีจะมงุ่ สกู่ รุงบอนนไ์ มไ่ กลนกั ใชอ้ อโตบ้ าหน์ สาย A565 ซง่ึ เป็นเสน้ ทางเดยี วกนั กบั ท่ีจะไป โคเบลนซ์ (Koblenz) ไปประมาณ 25 กิโลเมตร จากนนั้ จะมีทางแยกออกสาย B56 เพ่ือมงุ่ สกู่ รุงบอนน์ ว่งิ ไปอีกเพียง 6 กิโลเมตร ก็ถงึ ใจกลางเมืองแลว้ เดนิ ทางสบู่ อนน์ บอนน์ (Bonn) ถือเป็นเมืองท่ีใหญ่เป็นอนั ดบั ท่ี 19 ตงั้ อย่บู นแม่นา้ํ ไรน์ ห่างลงมาทางใตข้ อง โคโลญจน์ ในอดีตเป็นเมืองหลวงของเยอรมนีตะวนั ตก คือระหวา่ งปี ค.ศ.1949 – 1990 หรอื เม่ือครงั้ ท่ี เยอรมนีถกู แยกออกเป็นฝ่ังตะวนั ตกละฝ่ังตะวนั ออก สว่ นสาเหตนุ นั้ มาจากวา่ เมืองนีเ้ ป็นเมืองขนาดเล็ก ดงั นนั้ การจะใชเ้ งินปรบั ปรุง บูรณะใหเ้ ป็นเมืองหลวงไม่ตอ้ งใชง้ บประมาณมหาศาล การวางผงั เมือง สถานท่ีทาํ งาน องคก์ ารภาครฐั องคก์ ารระหวา่ งประเทศ สถานทตู และมหาวิทยาลยั สามารถทาํ ไดง้ ่าย

ไม่ยุ่งยากซับซอ้ น อีกทั้ง ยังเป็นเมืองท่ีตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเมืองใหญ่ 2 เมือง จึงจะกลายเป็น จุดเช่ือมต่อระหว่างผูค้ น เศรษฐกิจ และธุรกิจการคา้ ต่างๆ นอกจากนีท้ ่ีน่ีกลายเป็นสญั ลักษณข์ อง ประชาธิปไตยท่ีไดร้ บั การฟื้นฟูโดยสหรฐั อเมริกา จากเดิมท่ีเป็นเมืองเล็กๆ ท่ีแทบไม่มีใครรูจ้ ักมกั จ่ี ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของสาธารณปู โภคมีไวร้ องรบั อย่างเต็มเป่ียมเม่ือเทียบกบั เมืองขนาดใหญ่อ่ืนๆ ท่ี บางแห่งไม่มีรถไฟใตด้ ินใชง้ าน ดงั นนั้ วิถีชีวิตผคู้ นท่ีบอนนจ์ ึงไดเ้ ปล่ียนไปคลา้ ยวิถีชีวิตคนอเมรกิ นั จน เรยี กกนั เลน่ ๆ ว่า อเมรกิ นั นอ้ ย จนกระท่งั ปี ค.ศ.1998 องคก์ ารรฐั บาลหลายองคก์ ารไดย้ า้ ยจากบอนน์ ไปยงั เบอรล์ ิน (Berlin) เช่น สภาลา่ ง สภาสงู สาํ นกั นายกรฐั มนตรี บา้ นพกั ประธานาธิบดี แต่เพ่ือเป็น การแสดงความสาํ คญั ของเมืองหลวงเก่า ท่ีน่ีก็ยงั คงเป็นศนู ยก์ ลางทางการเมืองและการปกครองอีกแหง่ ครง่ึ หน่ึงของงานของรฐั ยงั คงอยู่ หน่วยงานระดบั เล็กกว่ากระทรวงก็ยา้ ยมาจากเบอรล์ ินมาตงั้ ท่ีน่ี รมิ แม่นา้ํ ไรนย์ งั มีท่ีตงั้ ของทาํ เนียบท่ีทาํ งานแห่งท่ี 2 ของประธานาธิบดีเยอรมนีอยู่ และท่ีสาํ คญั หน่วยงาน ขององคก์ ารสหประชาชาติ (UN) ก็ยงั คงตงั้ อยทู่ ่ีน่ี ท่ีน่ีจงึ ไดช้ ่ือวา่ เป็น นครสหพนั ธ์ (Bundesstadt) คนท่ีมาเท่ียวบอนนม์ กั จะเป็นพวกมีความสนใจดา้ นประวตั ศิ าสตรก์ ารดนตรี เพราะท่ีน่ีเป็นบา้ น เกิดของนกั ดนตรผี เู้ ป็นอจั ฉรยิ ะอยา่ งลดุ วิก แฟน บีโธเฟน (Ludwig Van Beethoven) นกั ดนตรหี หู นวก ผนู้ ีม้ ีช่ือเสียงมากไม่เพียงแต่ในเยอรมนี แตท่ ่วั ทงั้ ดินแดนยโุ รป หลายคนมกั จะมายงั อนสุ าวรียบ์ ีโธเฟน และบีโธเฟนฮอลลเ์ พ่ือเป็นการระลกึ ถึงนกั ดนตรเี อกผนู้ ี้ บรเิ วณรอบๆ ศาลาวา่ การเมืองจะมีตลาดและ รา้ นคา้ มากมาย ตวั ศาลาว่าการเมือง (Rathaus) เองก็เป็นอาคารเก่าท่ีสวยงามมาก ทรงคณุ คา่ แก่การ แวะไปชม และเป็นจดุ ท่ีคกึ คกั ท่ีสดุ แลว้ ของเมือง บอนนม์ ีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจไมแ่ พเ้ มืองอ่ืนๆ เพราะเป็นท่ีตงั้ ของบรษิ ัทขนาดใหญ่ท่ีเป็นท่ี รูจ้ กั กนั ดี เช่น Deutsche Telekom T-Mobile Deutsche Post Postbank และขนมสญั ชาตเิ ยอรมนีท่ี พวกเรามงุ่ ม่นั ท่ีจะหอบหิว้ กลบั ไปน่นั คือ ฮารโิ บ (Haribo) เขา้ เขตกรุงบอนน์ หนเู ล็กพาพวกเราเขา้ เมืองไปแบบงงๆ เพราะจะว่าไปพวกเราคิดไวแ้ ค่ว่าว่ิงผ่านๆ ไม่แวะเดิน เท่ียวเลน่ เพราะบางทีเอาปรมิ าณมากๆ ก็ไม่ไหว จะใหแ้ วะเสียทกุ เมืองก็พาลใหเ้ สียเวลาอย่เู หมือนกนั ระหวา่ งการเดินทางสายตาหนเู ลก็ และพ่ีใหญ่สะดดุ กบั อะไรบางอย่าง รมิ ถนนคดเคีย้ วท่ีเรากาํ ลงั คอ่ ยๆ

คลานไปแบบงงๆ มีคทั เอาทห์ มีสีเหลืองตงั้ อยู่ พรอ้ มๆ กบั ขอ้ ความท่ีตวั มนั ว่า “Haribo” ท่ีน่าสนใจมนั ไม่ใช่แค่นั้น เพราะรถของเรายงั ขับต่อไปไม่ไดเ้ น่ืองจากรถจาํ นวนมากกาํ ลงั ต่อทา้ ยกันเป็นแถวยาว ออกมานอกถนน คนั ท่ีจะออกยงั ออกไม่ได้ คนั ท่ีจะเลีย้ วเขา้ ก็เขา้ ไม่ได้ ขณะเดียวกนั ทงั้ ผใู้ หญ่และเด็ก พากนั หอบหิว้ อะไรกนั มากมายเต็มไมเ้ ตม็ มือ สายตา หวั สมอง ทาํ งานประสานกนั อยา่ งรบี ดว่ น หนเู ล็ก ถงึ บางออ้ รอ้ งโวยวายทนั ที น่ีมนั แหลง่ ขายสนิ คา้ ท่ีเราตงั้ ใจจะซือ้ กลบั บา้ นกนั ไงเลา่ ท่ีน่ีเป็นรา้ นขายขนม เจลล่เี จา้ หมีสเี หลืองย่ีหอ้ “ฮารโิ บ” (Haribo) น่นั เอง ภาพท่ีสะดดุ ตาจนตอ้ งเลยี้ วรถหาท่ีจอด ดจู ากสถานการณต์ รงหนา้ คงเป็นวนั ท่ีเขาลดกระหน่าํ อะไรสกั อย่าง เพราะแตล่ ะคนท่ีออกมา จากรา้ นลว้ นหอบหิว้ ใสร่ ถลากมาเป็นล่าํ เป็นสนั ราวกบั วา่ จะตงั้ อกตงั้ ใจกินแตพ่ วกมนั แทนขา้ วอย่างนนั้ เชียว จะว่าไปแลว้ พ่ีใหญ่สมองไวกว่าหนูเล็กอีกสามเท่า เธอออกคาํ ส่งั ทนั ทีใหต้ ่อทา้ ยรถท่ีเลีย้ วเขา้ ไป ขา้ งใน การไดม้ าเจอโดยบงั เอิญและในวนั พิเศษๆ นีน้ บั เป็นเร่ืองท่ีน่าต่ืนเตน้ และทา้ ทายใหเ้ ราเขา้ ไปมี สว่ นรว่ มเสยี จรงิ ๆ เม่ือเลยี้ วรถเขา้ ไปทาํ ใหพ้ บวา่ บรรยากาศดา้ นในดเู ป็นสถานท่ีอนั แสนโกลาหล ทงั้ รถ ทงั้ คน เนืองแน่นไปหมด เม่ือหาท่ีพอจะจอดพ่ีดีไ้ ด้ พวกเรารบี จา้ํ อา้ วไปยงั ตวั รา้ นท่ีเป็นจดุ หมาย งานนี้ ทงั้ คณุ ปาและคณุ สดุ ท่ีไมเ่ คยรูจ้ กั ขนมเจลล่ีชนิดนี้ เกิดความสนใจใครร่ ูข้ นึ้ มาทนั ทีวา่ มนั อะไรกนั นกั หนา เม่ือเดินมาถึงรา้ นจึงไดก้ ระจ่างชดั ว่า น่ีคือรา้ นจาํ หน่ายสินคา้ ภายใตช้ ่ือนีแ้ ละสญั ลกั ษณห์ มีสีเหลือง และเม่ือเปิดประตูเขา้ ไปดา้ นในก็ย่ิงน่าต่ืนตาต่ืนใจเป็นท่ีสุด สินคา้ ดา้ นในมากมายมหาศาล เจลล่ี สารพดั รูปแบบทงั้ ท่ีเคยเห็นในบา้ นเราบา้ ง กบั ท่ีไมเ่ คยพบเคยเห็นละลานตาไปหมด กวาดสายตาไปบน ชนั้ วางเล่นเอาเลือกซือ้ ไม่ถูก มนั น่าลิม้ ลอง น่ากวาดซือ้ กลบั ไปใหห้ มด มีทงั้ แบบห่อ แบบกล่อง แบบ กระป๋ อง แบบถุง หลายคนซือ้ กันแบบยกกล่องยกลงั และนอกจากจะเต็มไปดว้ ยเจลล่ีสารพดั รูปแบบ สารพดั รสแลว้ ยงั มีพวกของท่ีระลกึ ของย่ีหอ้ นีใ้ หซ้ ือ้ หาอีก ไมว่ ่าจะเป็น หมวก กระเป๋ า พวงกญุ แจ จาน ชาม แกว้ รม่ เสอื้ ยืดสารพดั เกินบรรยายลว้ นน่าซือ้ ทงั้ นนั้ คนท่ีต่ืนเตน้ ตอนนีจ้ ึงเปล่ียนจากหนเู ล็กและพ่ี ใหญ่เป็นคณุ สดุ เพราะเธอคิดถึงลกู ชายตวั นอ้ ยขึน้ มาติดหมดั เห็นอะไรก็อยากซือ้ ไปฝากเสียทงั้ หมด เห็นแลว้ ก็ขาํ ๆ วา่ ชาวเยอรมนั คล่งั ไคลเ้ จา้ น่ีกนั เหลือเกินจรงิ ๆ

กองทพั หมีละลานตาเตม็ ไปหมด ขนมนีม้ ีเร่ืองเล่าว่า เจลล่ีรูปหมี (Gummibär) เร่มิ ผลิตเม่ือปี ค.ศ.1922 โดยนายฮนั ส์ รีเกล (Hans Riegel) เขาทาํ งานเป็นคนปรุงลกู กวาดอยทู่ ่ีเมอื งบอนนน์ ่ีละ เรอ่ื งเรม่ิ ขนึ้ ตรงท่ีสมยั ก่อนผคู้ นนยิ ม ชมการแสดงละครสตั วก์ นั มาก ดงั นนั้ คณะละครสตั วจ์ งึ มีแพรห่ ลายท่วั ไป และหมีก็เป็นดาราท่ีดงึ ดดู คน ดไู ดม้ าก นายฮนั สป์ ระทบั ใจกบั เจา้ หมีมากเลยไดไ้ อเดียผลิตขนมเจลล่ีเป็นรูปหมีเสียเลย แรกๆ รูจ้ กั กนั ในช่ือ Tanzbären แตภ่ ายหลงั มาเปล่ียนช่ือเป็น Goldbären เขาบอกวา่ แรกๆ ตวั เจลล่ีจะมีขนาดใหญ่ กว่านี้ นิยมขายกันเป็นตวั ๆ ไม่ไดข้ ายเป็นถุงๆ แบบท่ีเห็นในปัจจุบนั และสีสนั ก็สดใสกว่าดว้ ยเพราะ สมยั ก่อนเขาใชส้ สี งั เคราะห์ แตเ่ ด๋ยี วนีเ้ ขาใชส้ ีท่ีสกดั จากผกั ผลไม้ สีจงึ ไมส่ ดใสมาก เช่น จากแบลค็ เคอ เรนท์ สม้ มะนาว กีวี แอปเปิ้ล มีทงั้ หมด 5 สี ไดแ้ ก่ สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีขาว และสีสม้ ในแต่ละถงุ จะใสป่ นๆ กนั มา หากลองสงั เกตใหด้ ีเขาจะใสส่ ีแดงไวม้ ากท่ีสดุ น่นั เป็นเพราะเป็นสีท่ีครองใจผคู้ นมาก ท่ีสดุ หรือประมาณ 1 ใน 3 ส่วน ส่วนสีอ่ืนๆ ในอตั ราส่วน 1 ส่วนใน 6 สว่ น ซ่งึ สีท่ีผคู้ นนิยมนอ้ ยท่ีสดุ ก็ คือ สขี าว อาจเพราะแคเ่ ห็นสกี ็ไมด่ งึ ดดู ใจแลว้ กระมงั สาเหตทุ ่ีไดร้ บั ความนิยมเพราะทาํ มาจากวุน้ เจลาติน ซ่ึงไม่มีส่วนผสมของไขมนั อีกทงั้ ยงั ให้ แคลลอร่ีต่าํ สว่ นประกอบอ่ืนๆ คือ กลโู คสไซรบั นา้ํ ตาลทราย นา้ํ ตาลเดรกโตรส ความเหนียวหนึบและ รสชาติอร่อย จึงทาํ ใหไ้ ดร้ ับความนิยมไม่เปล่ียนแปลงตัง้ แต่อดีตจนปัจจุบัน แลว้ ยังมีผลการวิจัย สนบั สนนุ อีกดว้ ยว่า การกินเจลล่ีสามารถช่วยลดความแข็งกรา้ วของผทู้ ่ีรบั ประทานมนั ไดอ้ ีกดว้ ย อาจ

เป็นเพราะการเคีย้ วขนมเหนียวหนึบนีค้ ลา้ ยๆ กบั การไดร้ ะบายความเครยี ด ผอ่ นคลายอารมณฉ์ นุ เฉียว โกรธขึง้ ใหเ้ บาบางลง เอ..ท่ีเขาขายไดด้ ีน่ี แสดงว่าคนเยอรมนั น่ีเครยี ดกนั เยอะเหรอ ก็สถิติเขาบอกว่า ฮารโิ บ ผลิตเจา้ หมีเจลล่ีน่ีหลายรอ้ ยลา้ นตวั ต่อวนั เลยทีเดียว ช่ือของย่ีหอ้ นีม้ ีท่ีมาท่ีไปแบบง่ายๆ ก็มา จากช่ือตน้ ของนายฮันส์ บวกตวั ตน้ ของนามสกุล และตามดว้ ยช่ือตน้ ของเมืองท่ีตงั้ ของบริษัทก็กรุง บอนนไ์ ง ไอเดียของนายฮนั สน์ ่ีเก๋ไก๋ไมเ่ บาเลย หลงั จากท่ีนายฮนั สเ์ สียชีวิตไป ลกู ชายของเขา นายฮนั ส์ รเี กล จเู นียร์ (Hans Riegel Junior) ก็ ทาํ กิจการนีต้ อ่ ในดา้ นสายการผลิต สว่ นอีกคนคือ นายพอล รเี กล (Paul Riegel) ก็รบั ผิดชอบทางการ วจิ ยั และพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ บรษิ ัทฮารโิ บมีสายการผลติ 5 แห่งในเยอรมนี มีพนกั งานกว่า 6000 คน และ ยงั มีสายการผลติ อีกประมาณ 13 แห่งในยโุ รป ผลิตภณั ฑข์ องฮารโิ บมีจาํ หน่ายกวา่ รอ้ ยประเทศท่วั โลก และก็เป็นขนมท่ียงั คงขายดบิ ขายดมี าตลอดหลายสบิ ปีท่ีผา่ นมานี้ สนิ คา้ ภายใตแ้ บรนด์ Haribo มีอีกมากมายใหเ้ ลอื กซือ้ ไหนๆ ก็มาจนถึงแหล่งแลว้ หนูเล็ก พ่ีใหญ่ พากันเลือกซือ้ ไวไ้ ปเป็นของฝาก เพราะนอกจาก แบบห่อสีทองท่ีตงั้ ใจจะซือ้ แลว้ ยงั มีอีกสารพดั แบบท่ีไม่เคยคนุ้ ไม่เคยเห็น และไม่ไดม้ ีแตร่ ูปหมี เขายงั ทาํ เป็นรูปรา่ งหนา้ ตาแบบอ่ืนๆ อีกเยอะแยะ คณุ สดุ ก็ซือ้ ไปฝากคณุ ลกู ชายเสียหลากหลายแบบ ส่วน คณุ ปาผูไ้ ม่นิยมของหวานแบบนีเ้ ท่าไรนกั จึงซือ้ ไปฝากหลานๆ แค่ไม่ก่ีถุง บริเวณเคานเ์ ตอรช์ าํ ระเงิน สายตาหนูเล็กไปสะดุดกับพวงกุญแจรูปหมีฮาริโบท่ีวางกองไว้ เขาทาํ ขนาดกาํ ลงั ดีไม่ใหญ่ไป เป็น รูปลกั ษณเ์ จา้ หมีเจลล่ีสีตา่ งๆ แบบเดียวกนั กบั ขนมท่ีอยใู่ นมือ ราคาตวั ละ 1 เหรยี ญเท่านนั้ ไม่รูว้ า่ อะไร ไปทาํ ใหต้ ามืดบอด หนเู ล็กจึงซือ้ ติดมือมาแค่ไม่ก่ีตวั ซง่ึ เม่ือออกจากรา้ นมาก็ใหน้ ึกเสียดายจนทกุ วนั นี้ วา่ ทาํ ไมไมข่ นซือ้ มาใหเ้ ยอะๆ เพราะมนั นา่ รกั เสยี เหลือเกิน ราคาก็ไมไ่ ดแ้ พงอะไรมากมาย แตค่ นอ่ืนสยิ ่งิ ไปกว่า เพราะพ่ีใหญ่ไม่ไดใ้ หค้ วามสนใจตงั้ แต่แรกจึงไม่ไดใ้ ส่ใจท่ีจะซือ้ คณุ ปาผไู้ ม่โปรดขนมหวานจึง ออกไปเตรค่ อยอยดู่ า้ นนอกตงั้ แตซ่ อื้ ของฝากเสรจ็ สว่ นคณุ สดุ ซือ้ แคต่ วั เดียวนยั ว่าจะเอาไปหอ้ ยเปท้ ่ีเพ่ิง ถอยมาใหม่ แตเ่ ม่ือหลายวนั ผา่ นไป เจา้ หมีเจลล่ีทงั้ 4 ตวั ของหนเู ล็ก กลบั กลายเป็นท่ีหมายปองของทกุ

คน เพราะอยากจะไดเ้ พ่ิม ถึงขัน้ มีการใหร้ าคาเพ่ิมจากราคาจริง และก็โอดครวญขอซือ้ ต่อกันใหญ่ สดุ ทา้ ยตอ้ งใจออ่ นใหค้ ณุ ปากะพ่ีใหญ่ไปคนละหน่งึ แตล่ ะครอบครวั ขนซอื้ กนั แบบไมค่ ดิ ชีวิต หลงั จากขนซือ้ เจลล่ีกนั จนแบกแทบไม่ไหว เพราะรวมๆ กนั แลว้ ก็หลายกิโลอยู่ พวกเราก็ออก เดนิ ทางกนั ต่อ โดยตดั สินใจว่าคงไม่แวะเท่ียวกรุงบอนนก์ นั แลว้ เพราะหมดเวลาไปกบั รา้ นเจลล่ีนานโข อยู่ คงตอ้ งออกเดนิ ทางกนั ตอ่ แลว้ เพราะปลายทางวนั นีอ้ ยทู่ ่ีรมิ แมน่ า้ํ ไรน์ ซ่งึ น่าจะเป็นอีกคืนท่ีเราคงจะ ประทบั ใจ จรงิ ๆ เมืองบอนนย์ งั เป็นเมืองสาํ คญั อีกประการ เพราะเป็นเมืองเกิดของลดุ วิก ฟอน บีโธเฟน แตเ่ ขาไดจ้ ากเมืองรมิ นา้ํ อนั เงียบสงบแบบนีไ้ ปตงั้ แตอ่ ายุ 17 ปี แตท่ างกรุงบอนนก์ ็ไดด้ แู ลรกั ษาบา้ นของ เขาเอาไวอ้ ยา่ งดีในฐานะพิพิธภณั ฑ์ สว่ นรูปปั้นของเขาจะอย่บู รเิ วณโดมพลาทซ์ (Domplatz) จดั ทาํ ขนึ้ ตงั้ แตป่ ี 1845 ก่อนถึงท่ีพกั เราแวะเตรยี มรถ เตรยี มคนใหพ้ รอ้ มทงั้ เติมนา้ํ มนั แวะหา้ งรมิ ทางซือ้ ของกินติดไม้ ติดมือไปนิดหน่อย เผ่ือว่าเม่ือไปถึงท่ีหมายรา้ นรวงจะปิดเสียก่อน เพราะกองทพั ของเราเดินดว้ ยทอ้ ง เสมอ ตอ้ งกินอ่ิม นอนหลบั จงึ จะเท่ียวสนกุ เตมิ นา้ํ มนั เตม็ ถงั ใหพ้ รอ้ มสาํ หรบั การเดนิ ทาง ถกเถียงกนั เพ่อื ใหไ้ ดส้ ง่ิ ท่ีดีท่ีสดุ

เสน้ ทางเลาะเลียบแมน่ า้ํ ไรน์ เม่ือเสบียงพรอ้ มก็ออกเดนิ ทางตอ่ จากออโตบ้ าหน์ สาย A61 นาํ ไปเราไปยงั เสน้ ทางเลาะเลียบ แม่นา้ํ ไรนไ์ ปตลอดทาง วิวขา้ งทางสวยสมใจอย่างท่ีคิดไว้ น่าเสียดายว่าเสน้ ทางคดโคง้ เป็นส่วนใหญ่ ดงั นัน้ จึงเป็นไปไดย้ ากหากจะจอดรถเก็บภาพริมทางแมว้ ่าอยากจะจอดใจแทบขาด ลาํ นา้ํ ไรนท์ ่ีอยู่ ตรงหนา้ ดเู หมือนเป็นแม่นา้ํ ธรรมดา แต่กลบั เป็นแม่นา้ํ ท่ีย่ิงใหญ่เสียเหลือเกิน เพราะถือเป็นสายเลือด ใหญ่ของแผ่นดินยโุ รป การคา้ ขาย วฒั นธรรม ประเพณีหลายอย่างเกิดขึน้ ก็มาจากลาํ นา้ํ นี้ นอกจาก แม่นา้ํ ไรนแ์ ลว้ ส่งิ ท่ีเห็นไปตลอดทางก็คือไรอ่ ง่นุ สาํ หรบั การทาํ ไวน์ และเรอื สินคา้ ขนาดใหญ่ท่ีลอ่ งอย่ใู น แม่นา้ํ ทงั้ สองอย่างมีคขู่ นานไปดว้ ยกนั ตลอดทาง วิวขา้ งทางทาํ ใหพ้ วกเรารูส้ กึ อ่ิมใจทงั้ ๆ ท่ียงั เดินทาง ไม่ถึงท่ีหมาย ความเป็นธรรมชาติแบบนีล้ ะท่ีพวกเราช่ืนชอบกันเหลือเกิน แม้ฟ้าจะดูหม่นๆ แต่ ความรูส้ กึ ในใจมนั สดช่ืนบอกไมถ่ กู เอาเสียเลย เลน่ เอาพวกเรากระปรกี้ ระเปรา่ อยากถงึ ท่ีหมายในบดั ดล ธรรมชาตขิ า้ งทางท่ีชมไดไ้ มเ่ บ่ือเลย

พ่ีดีแ้ ละนอ้ งจีพาเรามาถึงจดุ หมายปลายทางในเวลาท่ีไมเ่ ลวนกั ฟา้ ยงั ไมท่ นั มืด เม่ือมาถึงทาํ ให้ หนูเล็กตระหนักไดว้ ่า เพราะเหตุใดเจา้ ของท่ีพักท่ีจองไวใ้ นคืนนีจ้ ึงพยายามบอกเราว่า ท่ีน่ีมีความ ปลอดภยั พอควร แมว้ า่ ท่ีพกั ของเขาจะไมม่ ีท่ีจอดรถใหเ้ ฉพาะ ซงั คก์ วั ร์ (Sankt Goar : St.Goar) เป็น เมืองเล็กๆ ริมแม่นา้ํ ไรนท์ ่ีแสนเงียบสงบ มีผคู้ นเดินกนั ประปราย ไม่คึกคกั อะไร ท่ีพกั คืนนีเ้ ป็นโรงแรม ขนาดเลก็ ท่ีช่ือ Hotel an der Fähre ซง่ึ หากแปลเป็นภาษาเยอรมนั ก็คือ โรงแรมท่าเรอื ก็เพราะทาํ เล ท่ีตงั้ ของโรงแรมอย่บู รเิ วณท่าเรือขา้ มฟากพอดิบพอดี เรือขา้ มฟากท่ีว่าน่ีไม่ใช่แค่บรรทกุ คนเท่านนั้ แต่ เป็นเรอื ท่ีสามารถบรรทกุ รถขา้ มฟากไปยงั อีกฝ่ังไดด้ ว้ ย และแลว้ ก็มาถึงจดุ หมาย Hotel an der Fähre เราเอารถจอดไวบ้ รเิ วณลานจอดซ่งึ มีกวา้ งขวางมากมายพอ และดทู ่าก็คงจะปลอดภยั อย่างท่ี เจา้ ของโรงแรมวา่ ไว้ หนเู ลก็ รบั หนา้ ท่ีไปติดตอ่ เพราะเป็นผจู้ องท่ีพกั มาทางอินเตอรเ์ น็ตกบั บคุ คลท่ีใชช้ ่ือ ว่า อารม์ ิน สเตชเออร์ (Armin Stecher) เม่ือกดออกเรยี กสกั พกั มีชายหน่มุ รา่ งใหญ่เป็นผมู้ าเปิดประตู พอหนเู ล็กอา้ งอิงถึงการจองท่ีพกั ล่วงหนา้ เขารีบกลา่ วตอ้ นรบั ทนั ที เพราะเขารอพวกเราท่ีมีกาํ หนดจะ เขา้ พกั ในวนั นีอ้ ยแู่ ลว้ จากการพดู คยุ ทาํ ใหพ้ บวา่ หน่มุ ใหญ่คนนีล้ ะท่ีหนเู ล็กติดตอ่ ดว้ ย พอไดม้ าเห็นกบั ตาหนูเล็กขอยืนยนั ว่า ภาพท่ีเห็นในอินเตอรเ์ น็ตและของจริงสวยไม่แพก้ นั และใหค้ วามรูส้ ึกอยากพกั ขึน้ มาติดหมดั ไม่น่าเช่ือว่า หนุ่มใหญ่คนนีจ้ ะตกแต่งโรงแรมไดส้ วย น่าพกั ดหู รู มีระดบั ไดแ้ บบนี้ ท่ีพกั คืนนีเ้ ราจองไว้ 2 หอ้ ง ราคารวมอาหารเชา้ แบบเยอรมันซ่ึงจัดไดว้ ่าไม่แพงนัก อาหารเชา้ พรุ่งนีก้ ็คง เล่ยี นๆ อยา่ งหลายวนั ท่ีผา่ นมา ทงั้ สองหอ้ งท่ีจองไวเ้ ห็นวิวแมน่ า้ํ ไรนด์ ว้ ย ในสว่ นของหอ้ งโถงดา้ นลา่ งซง่ึ

จะเป็นพืน้ ท่ีสาํ หรบั การรบั ประทานอาหารดว้ ย เขาเอาของเก่าๆ มาตกแต่งไวอ้ ย่างลงตวั จัดไดว้ ่า บรรยากาศดที ีเดียว พวกเราทกุ คนถกู ใจกนั มาก หนเู ลก็ ผสู้ รรหาและคดั เลอื กคอ่ ยโลง่ ใจหน่อย ไดเ้ ห็นท่ีพกั สวย นา่ รกั ทาํ ใหห้ ายเหน่ือยเป็นปลดิ ทิง้ เม่ือพวกเราสนกุ สนานกบั การเก็บภาพท่ีพกั สวยๆ และเอาขา้ วของเขา้ ท่ีเขา้ ทางเรยี บรอ้ ยแลว้ ก็ พากนั ออกไปเดินเลน่ ชมทิวทศั นร์ มิ นา้ํ ยามเย็นเพ่ือทาํ ความรูจ้ กั กบั เมืองซงั คก์ วั ร์ เมืองนีเ้ ป็นเมืองเล็กๆ ท่ีอย่ทู างฝ่ังซา้ ยบรเิ วณกลางลาํ นา้ํ ไรนใ์ นเขตปกครองไรนแ์ ลนด์ พาลาทิเนต (Rhineland-Palatinate) เมืองนีเ้ ป็นท่ีตงั้ ของปราสาทเก่าไรนเ์ ฟล (Burg Rheinfels) ซง่ึ เป็นปราสาทสมยั ยคุ ขนุ นางศกั ดนิ าและ เป็นหน่งึ ในปราสาทท่ีมีช่ือเสียงแห่งหน่งึ รมิ นา้ํ ไรน์ ฝ่ังตรงขา้ มของซงั คก์ วั ร์ เป็นเมืองพ่ีเมืองนอ้ งกนั ท่ีช่ือ ว่า ซงั กวั รส์ เฮาเซน (Sankt Goarshausen) เขาบอกว่าการลอ่ งเรอื เท่ียวแม่นา้ํ ไรนน์ ิยมจะลอ่ งกนั ตงั้ แต่ เมืองบอบพารด์ (Boppard) มาถึงซงั กอรแ์ ห่งนี้ เน่ืองจากเป็นช่วงท่ีงดงามท่ีสดุ เพราะมีลาํ นา้ํ แคบและ

คดเคีย้ วไปมาในหุบเขา สองฝ่ังเต็มไปดว้ ยสถาปัตยกรรมงดงาม บา้ นหลงั เล็กๆ นอ้ ยๆ แบบเยอรมนั และไรอ่ ง่นุ อีกทงั้ ไมไ่ กลจากนีน้ กั จะมีหนา้ ผาเทพธิดาลอรเ์ ลอไล (The Lorelei) อีกดว้ ย ออกไปเดนิ ทกั ทายซงั กวั รใ์ นยามเยน็ แม่นา้ํ ไรน์ (Rhine River) มีความยาวทงั้ สิน้ 1,320 กิโลเมตร มีตน้ กาํ เนิดจากเทือกเขาแอลป์ ทางตอนใตข้ องประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ ไหลผา่ นประเทศสวิตเซอรแ์ ลนดข์ นึ้ ไปทางเหนือจากนนั้ ตอ่ ไปยงั ยุโรปหลายประเทศทั้ง ลิกเคนสไตน์ พรมแดนระหว่างเยอรมนีกับฝร่งั เศส เขา้ ไปในเยอรมนี และ เนเธอรแ์ ลนด์ โดยไปออกยงั ทะเลเหนือท่ีเมืองรอตเตอรด์ มั แตเ่ ดมิ ในสมยั จกั รวรรดิโ์ รมนั จะใชแ้ ม่นา้ํ ไรน์ เป็นเสน้ ทางคมนาคมเพ่ือการดาํ รงชีพ หลังจากอาณาจักรโรมันเส่ือมไป จักรพรรดิ์เยอรมันถึง 32 พระองคใ์ ชเ้ ป็นเสน้ ทางหลกั ในการเคล่ือนทพั เพ่ือมาทาํ พิธีครองราชยท์ ่ีเมืองอาเคน (Achen) สว่ นพวก พอ่ คา้ วาณิชยก์ ็ใชเ้ ป็นเสน้ ทางในการขนสง่ คา้ ขายกบั หวั เมืองชายฝ่ัง และในขณะเดียวกนั พวกโจรสลดั ก็ไดใ้ ชจ้ งั หวะเหลา่ นีใ้ นการปลน้ สดมภเ์ รอื ถนนเลียบแม่นา้ํ มีการสรา้ งขนึ้ ในภายหลงั จากท่ีพวกขนุ นาง ยคุ ศกั ดินาเรม่ิ สรา้ งปราสาท โจรสลดั จึงเร่มิ ลดนอ้ ยลง แตก่ ารท่ีขนุ นางมีอิทธิพลมากขนึ้ ก็ไดก้ ลายเป็น จดุ เรม่ิ ของการสรา้ งอิทธิพล พวกขนุ นางจะใชก้ ารเก็บภาษีจากพ่อคา้ ท่ีเดนิ ทางผ่านปราสาทเพ่ือเป็นคา่

คมุ้ ครอง ทาํ ใหเ้ กิดการขดั ผลประโยชนก์ นั เองในหมขู่ นุ นาง จนกระท่งั ภายหลงั ไดม้ ีการกวาดลา้ งอิทธิพล นี้ ความสงบจงึ กลบั มา รา้ นเบเกอร่ี ทาํ ขนมรูปหนา้ ผา ลอรเ์ ลอไลดว้ ย การสรา้ งปราสาทสว่ นใหญ่ของพวกขนุ นาง ก็เพ่ือเป็นการประดบั บารมี เพราะจริงๆ แลว้ มีแต่ เพียงจักรพรรดิ์เท่านัน้ ท่ีจะมีปราสาทได้ แต่ในยุคท่ีพวกขุนนางรุ่งเรืองก็ตอ้ งการแสดงถึงบารมีและ อทิ ธิพล ตลอดจนเพ่ือใชเ้ ป็นสถานท่ีในการดแู ลไรอ่ ง่นุ และท่ีดินในความครอบครอง เพ่ือไม่ใหใ้ ครเขา้ มา รุกราน ในภายหลงั เม่ือเยอรมนั มีการรวบรวมแควน้ ตา่ งๆ มาเป็นประเทศ พวกขนุ นางทงั้ หลายถกู เรยี ก เขา้ มารบั ราชการใหไ้ ปทาํ งานตามหวั เมอื งตา่ งๆ จงึ ตอ้ งละทิง้ ปราสาททงั้ หลาย ปราสาทเหลา่ นนั้ ตอ้ งถกู ทิง้ รา้ งใหท้ รุดโทรมไปตามกาลเวลา บางแห่งพวกโจรเขา้ มาอาศยั ใชเ้ ป็นท่ีหลบซอ่ น ซอ่ งสมุ บางแห่งถกู กองทพั นโปเลียนเขา้ โจมตีทาํ ลายลา้ ง จนกระท่งั ปี ค.ศ.1825 รฐั บาลเยอรมนีจึงไดเ้ ขา้ มาดแู ล โดยการ สง่ ผเู้ ช่ียวชาญเขา้ ไปบรู ณะปฏิสงั ขรณ์ หลายแห่งไดร้ บั การบรู ณะจนกลบั มามีสภาพดีเหมือนเดมิ มีทงั้ ปราสาทเก่าและอาคารโบราณ ตน้ ยุคกลางซงั คก์ ัวรเ์ ป็นเมืองท่ีมีช่ือว่า โวชารา (Wochara) ช่ือซงั คก์ ัวรใ์ นปัจจุบนั มีท่ีมา จากกวั ร์ (Goar) ผเู้ ป็นพระหน่มุ จากแควน้ อาคีแทน (Aquitaine) ท่ีอยทู่ างตอนใตข้ องประเทศฝร่งั เศสท่ี เดินทางมาพาํ นกั ยงั เมืองนีใ้ นฐานะท่ีเป็นมิชชนั นารีท่ีมาเผยแพรศ่ าสนา เขามาพกั อาศยั ท่ีถา้ํ แห่งหน่ึง แบบสนั โดษ แต่ไดร้ บั การกล่าวขานถึงเน่ืองจากเป็นบุคคลท่ีมีจิตใจโอบออ้ มอารี โดยเฉพาะกับพวก ชาวเรอื พระหน่มุ ไดส้ รา้ งสถานท่ีแห่งหน่ึงในเมืองขนึ้ เพ่ือการสวดมนตบ์ ชู าหลงั การเสียชีวิตเม่ือปี ค.ศ.

575 สถานท่ีพาํ นกั ไดร้ บั การปรบั ปรุงใหเ้ ป็นสถานท่ีสาํ หรบั การจาริกแสวงบุญ สถานท่ีสวดมนตเ์ ล็กๆ ไดร้ บั การยกฐานะขนึ้ เป็นวดั และช่ือเมืองก็ไดเ้ ปล่ียนมาเป็นซงั คก์ วั รน์ บั แตน่ นั้ เพ่ือเป็นการไวอ้ าลยั ในปี ค.ศ.1768 ไดม้ ีการสรา้ งโบสถเ์ ลก็ ๆ เพ่ืออทุ ิศแด่ กวั รแ์ ห่งอาคีแทน โดยสรา้ งในพืน้ ท่ีท่ีเขาเคยพาํ นกั และ วนั หนง่ึ พืน้ ท่ีลมุ่ นา้ํ ไรนร์ ะหวา่ งเมืองวีเซลิ (Wesel) และบอบพารด์ (Boppard) ก็ไดก้ ลายเป็นเมืองท่ีมีช่ือ วา่ ซงั คก์ วั ร์ นบั แตน่ นั้ เป็นตน้ มา ระหวา่ งเดนิ ชมเมืองในยามเย็น อุตสาหกรรมหลักของเมืองคือการท่องเท่ียว เพราะมีบรรยากาศสวยงามของแม่นา้ํ ไรน์ ปราสาทเก่า และการไดล้ อ่ งเรอื มาชมหนา้ ผาเทพธิดาลอรเ์ ลอไลเป็นจดุ ขาย สว่ นอตุ สาหกรรมรองลงไป ก็คือการปลกู ไรอ่ ง่นุ และการเกษตร นกั ท่องเท่ียวสว่ นหน่ึงเลือกมาขนึ้ เรือจากบรษิ ัทต่างๆ ท่ีมีใหบ้ รกิ าร พาชม ซง่ึ เรอื ท่ีมีบรกิ ารสว่ นใหญ่จะลอ่ งระหวา่ งเมืองโคโลญจนก์ บั ดสึ เซลดอรฟ์ (Düsseldorf) และท่ีน่ีก็ เป็นจดุ หน่งึ ท่ีนกั ทอ่ งเท่ียวสามารถมาขนึ้ เรอื ได้ รมิ แมน่ า้ํ ไรนท์ ่ีแสนสงบ แมว้ า่ ยงั ไม่เย็นย่าํ มากนกั แตค่ งเพราะเมืองนีเ้ ป็นเมืองเล็กๆ จึงคอ่ นขา้ งไรผ้ คู้ น มีเพียงพวกเรา 4 คนท่ีเดินเท่ียวเลน่ อยทู่ ่ามกลางรา้ นรวงท่ีปิดเป็นสว่ นใหญ่ มีนอ้ ยรา้ นท่ียงั คงเปิดใหบ้ รกิ ารอยู่ ซ่งึ พวก เราไม่ย่ีหระอย่แู ลว้ กบั ลกั ษณะแบบนี้ เพราะเรายงั คงสามารถวินโดวช์ อปปิ้งกนั ไดอ้ ย่างสบาย และไม่ ตอ้ งแครห์ รือเกรงใจสายตาคนขายดว้ ย ท่ีสะดุดตาระหว่างทางเดินตามตรอกซอกซอยคงเป็นรูปปั้น

บรอนซข์ องซงั คก์ วั ร์ นกั บญุ คนสาํ คญั ของเมืองท่ีเขาสรา้ งไวห้ นา้ โบสถใ์ หช้ าวเมืองไดร้ ะลกึ ถงึ คณุ ความดี แสดงใหเ้ ห็นถึงความรกั ความศรทั ธาท่ีชาวเมืองมีตอ่ นกั บญุ ท่านนีไ้ ดอ้ ยา่ งชดั เจน St.Goar จากการเดินเลน่ ในตรอกซอกซอย เราเปล่ียนไปน่งั ท่ีเกา้ อีส้ าธารณะรมิ แม่นา้ํ เราทกุ คนพากนั น่งั เงียบๆ ปลอ่ ยใหส้ ายนา้ํ ตรงหนา้ ค่อยๆ พาหวั ใจใหไ้ หลเร่ือยไปกบั บรรยากาศอนั แสนสงบ เยือกเย็น นานมากนะท่ีคนเราจะไดม้ ีเวลาสงบน่ิงแบบนีส้ กั ครงั้ เพราะความว่นุ วายท่ีลอ้ มรอบตวั เราอย่ทู าํ ใหเ้ รา หาเวลาหยดุ น่ิงไดย้ ากเหลือเกิน แตส่ ดุ ทา้ ยแมว้ ่าอยากจะน่งั น่ิงๆ เน่ินนานกนั ต่อเพียงใด เราก็ตอ้ งพา่ ย ตอ่ อากาศท่ีเรม่ิ เยน็ ลงเรอ่ื ยๆ ทาํ ใหไ้ มส่ ามารถน่งั น่ิงๆ ไดต้ อ่ ไป ตอ้ งพากนั เรง่ ฝีเทา้ กลบั ไปหาไออนุ่ จากท่ี พกั แสนหวานของมสิ เตอรส์ เตชเออรก์ นั โดยเรว็ คนื นีค้ งหลบั ฝันดฝี ันหวานกนั บา้ งละ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook