Germany : Love at first drive Chapter 6 : Neushwanstein & Hohenschwangau หนูเล็ก
ปราสาทแห่งความฝัน วนั นเี้ ราตน่ื กันแต่เชา้ เพอ่ื จะได้เร่งจัดการกับตัวเองและเตรียมเร่ืองอาหารการกินให้แล้ว เสร็จโดยเร็ว เพราะตามแผนแลว้ วนั นีเ้ ราจะไปช่ืนชมความงดงามของปราสาทพอ่ ปราสาทลกู กนั ไมต่ อ้ ง งงหรอกนะ ก็ปราสาทโฮเฮนชวานเกา และปราสาทนอยชวานสไตน์ น่ันละ กิตติศพั ทอ์ นั เลื่องลือของ ปราสาททาํ ใหแ้ ตล่ ะวนั มนี กั ทอ่ งเท่ียวมาเยี่ยมชมเป็นจาํ นวนมาก เราจึงจาํ เป็นตอ้ งไปใหเ้ รว็ เพราะหากยิ่ง สายนกั ท่องเที่ยวก็ย่ิงมาก รอบที่จะไดเ้ ขา้ ชมกจ็ ะยิ่งชา้ ออกไป ดงั นน้ั เมอ่ื เตรยี มตวั กนั พรอ้ มแลว้ เราก็พากนั เดนิ ทางออกจากฟื สเซนไปยงั บริเวณปราสาท งว่ นกบั การเตรยี มอาหารเชา้ ก่อนเดนิ ทาง เช้าวนั นีด้ บู รรยากาศไม่ค่อยเป็นใจเอาเลย พระอาทิตยด์ ทู ่าวันนี้คงขอลางานเป็นแน่ อากาศ เหมอื นจะเย็นลงกวา่ เมอ่ื วาน ซา้ํ รา้ ยหมอกลงจดั มากเขา้ ไปอีก ทาํ ใหน้ อกจากพวกเราจะหนาวยะเยือกแลว้ ยงั ทาํ ใหเ้ ราแทบจะมองไมเ่ ห็นปราสาททัง้ สองแห่งจากเบือ้ งลา่ งเลยดว้ ยซา้ํ แต่ก็หาไดเ้ ป็นอุปสรรคต่อ นกั ท่องเท่ียวที่พากนั แห่มาท่ีน่ีวนั ละมากๆ รวมทงั้ พวกเราไมไ่ ด้ เพราะถนนท่ีว่ิงเขา้ ไปมีรถรามงุ่ หนา้ กันมา อย่างขวกั ไขว่ กท็ าํ ไงไดเ้ ดินทางมาแลว้ น่ีนะ ยงั ไงก็ตอ้ งชมอากาศจะเป็นใจหรอื ไม่ คงไมม่ าคาํ นึงถึงกนั แลว้ ละ นกั ท่องเท่ียวทกุ คนตอ้ งนาํ รถไปจอดตามลานจอดที่จดั ไวใ้ ห้ ซ่ึงเขาจัดไวห้ ลายจดุ ท้งั ตน้ ทางก่อนถึงจดุ จาํ หนา่ ยต๋วั หรือแมแ้ ตว่ งิ่ ผา่ นจดุ จาํ หน่ายต๋วั ไปแลว้ ก็มีเรียกว่าก็เยอะพอควรละ แต่ทกุ แห่งลว้ นมีคา่ จอด ทง้ั นน้ั ถา้ จะถามวา่ แพงไหมก็คงไมต่ อ้ งคิดเพราะเขาคดิ เหมาทงั้ วนั จา่ ยครงั้ เดยี วอยไู่ ดท้ ง้ั วนั ชมเขา้ ไปใหพ้ อ ตรงกอ่ นทางขนึ้ มาจะเป็นลานจอดแบบอตั โนมตั ิมไี มก้ น้ั ปิดเปิด แตจ่ ดุ ท่ีหนเู ลก็ ไปจอดซ่งึ อย่ใู กลก้ บั โรงแรม เยเกอรเ์ ฮาส์ (Jägerhaus) จะมีเจา้ หน้าท่ีเก็บค่าจอด ตอนที่เราไปคงเช้าเกินไป อากาศแบบนีค้ งไม่มี เจา้ หนา้ ที่ที่ไหนตืน่ มาบรกิ าร แลว้ การมาเที่ยวสถานที่อย่างนีอ้ ยา่ งไรใชเ้ วลาเป็นนานแน่ มาเกบ็ ตอนขาออก ก็ทนั ไมต่ อ้ งเรง่ รีบอะไร จริงไหม
จดุ จาํ หนา่ ยต๋วั ก่อนชมทง้ั สองปราสาท เม่ือพวกเราเตรียมขา้ วของสมั ภาระพรอ้ มลยุ เป็นที่เรียบรอ้ ยก็พากนั เดินมายงั จดุ จาํ หน่ายต๋วั กัน โดยในช่วงฤดหู นาวกบั ฤดใู บไมร้ ว่ งปราสาทจะเปิดใหเ้ ขา้ ชมตง้ั แตเ่ วลา 10 โมงเชา้ ไปจนถึง 4 โมงเย็น แต่ จะเปิดขายต๋วั ตงั้ แต่ 9 โมงไปจนถงึ บ่ายสามโมง ในขณะที่ฤดรู อ้ นและฤดใู บไมผ้ ลจิ ะเปิดตง้ั แต่ 9 โมงเชา้ ไป จนถึง 6 โมงเยน็ การเขา้ ชมจะจดั เป็นรอบๆ มีไกดน์ าํ ชม เดินเองไมไ่ ด้ เด๋ยี วเดินสะเปะสะปะ แลว้ ก็จะไมไ่ ด้ สาระอะไร เวลาซือ้ ต๋วั ตอ้ งแจง้ ภาษาที่ตอ้ งการ จะเลอื กชมทง้ั สองปราสาทหรือเฉพาะปราสาทใดปราสาท หนึง่ กไ็ ด้ ถา้ ชมแห่งใดแหง่ หนึ่งราคา 9 ยโู ร แตถ่ า้ เขา้ ทง้ั สองแห่งราคา 17 ยโู ร โดยเขาจะจดั เวลาใหส้ อดรบั กนั คือจะเริ่มท่ีปราสาทโฮเฮนชวานเกา แลว้ เหล่อื มเวลาเผอ่ื ใหเ้ ราชมตามรอบนนั้ ๆ บวกเวลาเดนิ ทางไปยัง ปราสาทนอยชวานสไตนด์ ว้ ย พวกเราเลือกชมทงั้ ค่เู พราะไหนๆ ก็มาแลว้ จะเสียดายเงินไปใย ปราสาทโฮ เฮนชวานเกาเราไดบ้ ตั รคิวที่ 122 ในเวลา 09.50 น. และปราสาทนอยชวานสไตนบ์ ตั รคิวที่ 446 เวลา 11.50 น. นี่ขนาดมาเรว็ แลว้ นะยงั เจอเอารอบนีเ้ ลย ยงั ไงกค็ งตอ้ งกะเวลาดีๆ โดยเฉพาะปราสาทนอยชวานสไตน์ ตงั้ อย่บู นเขา ทางเดินลาดชัน ถา้ ใชว้ ิธีเดินขนึ้ ยิ่งตอ้ งใชเ้ วลาไม่นอ้ ยกวา่ 30 – 40 นาที บวกเวลาเหนื่อย เวลาเดนิ เรื่อยเปื่อยชมววิ อีก แตถ่ า้ อยากประหยดั เวลา หรือเดินไม่ไหวเขาก็มีตวั ช่วยอยู่ 2 แบบ คือ รถมา้ และรถชตั เตลิ้ บสั แตร่ ถจะมีบริการเฉพาะขนึ้ ปราสาทนอยชวานสไตนอ์ ย่างเดยี ว ไมม่ พี าขนึ้ ปราสาทโฮเฮน ชวานเกา รถมา้ บรกิ ารขนึ้ ปราสาททงั้ สอง คา่ บริการขนึ้ ปราสาททงั้ สองแห่งสาํ หรบั รถมา้ จะมี 2 ราคาในแตล่ ะเที่ยว ขาขนึ้ จะราคาแพงกวา่ ขา ลง เพราะมา้ จะเหน่ือยกวา่ แตถ่ า้ มีหิมะตกหรือทางเป็นนา้ํ แข็งจะไม่มีบริการขนึ้ ปราสาทโฮเฮนชวานเกา เพราะทางขนึ้ คอ่ นขา้ งลาดชนั กวา่ อาจจะทาํ ใหอ้ นั ตรายเกินไปถา้ มา้ เกิดพลาดพลงั้ ลื่นไถลขนึ้ มา รถมา้ ไป ยงั ปราสาทโฮเฮนชวานเกามีจุดขึน้ บริเวณหนา้ อาคารจาํ หน่ายต๋วั ขาขนึ้ 4 ยูโร ขาลง 2 ยูโร ถูกกว่าขึน้
ปราสาทนอยชวานสไตนท์ ่ีขาขนึ้ 6 ยโู ร ขาลง 3 ยโู ร ซึง่ มีระยะทางไกลกวา่ และจะจอดบริการบริเวณหนา้ โรงแรมมึลเลอร์ (Hotel Müller) ส่วนรถชัตเติล้ บสั จะจอดบริการท่ีบริเวณหนา้ โรงแรมปราสาทลิเซิล (Schlosshotel Lisl) ขาขนึ้ 1.80 ยูโร ขากลบั คิด 1 ยโู ร แต่ถา้ เหมาจ่ายไป – กลบั เขามีสว่ นลดใหเ้ หลือ เพียง 2.60 ยโู ร และก็เช่นกนั ถา้ หิมะลงหนาหรือทางเป็นนา้ํ แข็งก็จะไม่มีบริการเพราะมนั อนั ตรายเกินไป แสดงใหเ้ ห็นถงึ ความรบั ผดิ ชอบของเขา ไมด่ แี ตจ่ ะเอาเงินจากนกั ทอ่ งเที่ยวอยา่ งเดียว โดยไมค่ าํ นงึ ถงึ ความ ปลอดภยั สาํ หรบั นักท่องเที่ยวแนวประหยัดอย่างพวกหนูเล็ก ขอทดสอบกาํ ลงั ขาและขอเดินชมวิวดีกว่า ประหยดั ไปไดห้ ลายสตางคอ์ ย่เู หมอื นกนั ใครจะเลยี นแบบไมว่ า่ กนั แตห่ ากจะคิดอกี มมุ การไดใ้ ชบ้ ริการน่งั รถมา้ กเ็ ป็นอกี ทางเลือกหนึ่งที่ถือเป็นประสบการณค์ รงั้ หน่ึงในชีวิต ใครอยากมีประสบการณแ์ บบนี้ มีรูป ถา่ ยไวใ้ หร้ ะลึกถึง ก็ไมไ่ ดถ้ ือเป็นเร่ืองน่ารงั เกียจแต่ประการใด เมื่อไดต้ ๋วั แลว้ เราก็ไม่รอชา้ พากนั เดินไป ปราสาทโฮเฮนชวานเกากนั เลยดีกวา่ จะไดเ้ ดินไปเรื่อยๆ ไม่ตอ้ งเร่งรีบให้เหน่ือย ทางขึน้ ไมช่ ันมากนัก สาํ หรบั การเดินขนึ้ เผลอนิดเดียวกเ็ ขา้ เขตปราสาทแลว้ แตถ่ า้ โดยสารรถมา้ จะขนึ้ อกี ทางหน่ึงซ่ึงจะออ้ มกวา่ “ปราสาทพอ่ ” ทา่ มกลางสายหมอก ทดสอบกาํ ลงั ขาสปู่ ราสาทพ่อกนั ก่อน ภาพเบอื้ งลา่ ง เม่อื มองจากดา้ นบน
เนื่องจากเราขนึ้ ไปก่อนเวลาที่จะไดเ้ ขา้ ชมตามคิวที่กาํ หนด เราจึงใชเ้ วลาเดินชมบริเวณภายนอก ถ่ายรูปกนั อยา่ งเพลดิ เพลินเป็นการฆ่าเวลาจนกระท่งั รูส้ กึ ไดว้ า่ เวลานานเกินไปดว้ ยซา้ํ เพราะใจน่ะเขา้ ไป ขา้ งในปราสาทตงั้ แต่ตอนเดินทางเขา้ มาบริเวณอาณาเขตปราสาทแลว้ สาํ หรบั ปราสาทโฮเฮนชวานเกา (Hohenschwangau Castle) หรือ Schloss Hohenschwangau เดิมเป็นป้อมปราการที่มีช่ือว่า ชวานส ไตน์ (Schwanstein) ครอบครองโดยครอบครวั อศั วินตงั้ แตค่ ริสตศ์ ตวรรษท่ี 14 หลงั จากการยุบเลิกระบบ อัศวินในคริสตศ์ ตวรรษที่ 16 ปราสาทก็เปลี่ยนมืออีกหลายคร้ัง และตัวปราสาทก็ถูกทาํ ลายในสมัย สงครามนโปเลียนจนเสือ่ มโทรมลงจนเหลือแตท่ ราก แต่พอตน้ คริสตศ์ ตวรรษท่ี 19 (ปี ค.ศ.1832) พระเจา้ แมกซิมลิ เลียนที่ 2 พระราชบิดาของพระเจา้ ลดุ วิกท่ี 2 สมยั เป็นมกฏุ ราชกมุ ารมาพบเขา้ และเกิดหลงไหลใน ภมู ิประเทศแถบนี้ จึงไดท้ าํ การบูรณะและใหส้ ถาปนิกโดเมนนิโค ควากลิโอ (Domenico Quaglio) เป็น ผรู้ บั ผดิ ชอบในการสรา้ งปราสาทขนึ้ ใหมบ่ นทรากปราสาทชวานสไตนเ์ ดิม เพื่อใชเ้ ป็นปราสาทฤดรู อ้ นของ ครอบครวั ส่วนช่ือโฮเฮนชวานเกา นัน้ มีท่ีมาจากคาํ 3 คาํ คือ Hohen ก็คือ High แปลว่า สงู ส่วน Schwan ก็คอื Swan แปลวา่ หงส์ และสดุ ทา้ ย Gau เทียบไดก้ บั Country หรือ region ซึ่งแปลว่า ดินแดน หรือเขตแดน จึงมีความหมายวา่ Castle of The High Swan Country หรือปราสาทแห่งดินแดนหงสท์ ่ี ตงั้ อย่ใู นที่สงู เมือ่ บรู ณะแลว้ เสรจ็ ที่นี่จึงเป็นที่ประทบั ของพระองค์ เจา้ หญิงมารแี หง่ ปรสั เซีย พระชายา และ พระโอรสทง้ั สองพระองคค์ อื เจา้ ชายลดุ วกิ และเจา้ ชายออตโต ที่นี่จึงเป็นท่ีประทบั ในวยั เยาวข์ องพระเจา้ ลดุ วิกท่ี 2 เจา้ ของปราสาทนอยชวานสไตน์ ภาพโดยรอบปราสาท
ตวั ปราสาทสรา้ งดว้ ยศลิ ปะนีโอโกธิค ตง้ั อยู่บริเวณทะเลสาบชวาน (Schwansee) และทะเลสาบ แอลป์ (Alpsee) ซ่งึ เตม็ ไปดว้ ยฝงู หงส์ สตั วแ์ หง่ โชคลาภในสมยั กลาง และทาํ ใหก้ ลายมาเป็นสตั วท์ ี่พระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 โปรดปรานมาก ภายนอกเป็นสีเหลืองสดใส มองไกลๆ ดเู หมือนเป็นสีทองเสียดว้ ยซา้ํ มีสวน ปราสาทเลก็ ๆ แตพ่ องาม ไมม่ ีมากมายเกินไปจนดรู ุ่มรา่ ม หรือนอ้ ยเกินไปจนเป็นขาดการดีไซน์ แลดสู วย สง่าสมแลว้ กบั ท่ีเป็นท่ีประทบั ของกษัตรยิ ผ์ คู้ รองแควน้ พระเจ้าแมกซิมิลเลียนท่ี 2 และพระชายาจะประทับท่ีตัวปราสาทใหญ่ ส่วนพระโอรสทั้งสอง พระองคจ์ ะอย่ใู นสว่ นที่ตอ่ เติม เม่อื พระเจา้ แมก็ ซิมิลเลยี นท่ี 2 สิน้ พระชนมเ์ ม่ือปี ค.ศ. 1864 พระราชโอรส หรือเจา้ ชายลดุ วิกกข็ นึ้ ครองราชยต์ อ่ เป็นพระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ทรงยา้ ยที่ประทบั จากสว่ นท่ีต่อ เติมไปอย่ใู นหอ้ งบรรทมของพระบิดาและพระมารดา และในเมื่อพระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 ไมท่ รงมีครอบครวั เจา้ หญิงมารีแห่งปรสั เซียพระมารดาจงึ ทรงประทบั อยทู่ ่ีปราสาทได้ พระเจา้ ลดุ วกิ ที่ 2 ทรงโปรดการพาํ นกั อยู่ท่ี ปราสาทโฮเฮนชวานเกามาก โดยเฉพาะเมือ่ ทรงเร่ิมสรา้ งปราสาทนอยชวานชไตนบ์ นเนินเหนือโฮเฮนชวาน เกาไมไ่ กลเท่าใดนัก เพราะตาํ แหน่งที่อยู่ตรงขา้ มกันนีท้ าํ ใหพ้ ระองคเ์ ห็นความคืบหนา้ ในการก่อสรา้ ง ปราสาทนอยชวานสไตนอ์ ยา่ งตอ่ เน่ือง เมื่อพระเจ้าลุดวิกท่ี 2 สิน้ พระชนม์ในปี ค.ศ.1886 พระปิ ตุลาของลุดวิก เจ้าชายลุทโพลด์ (Luitpold) ซึ่งไดร้ บั การแตง่ ตง้ั ใหเ้ ป็นผสู้ าํ เรจ็ ราชการไดป้ ระทบั อยบู่ นชน้ั สาม และทรงเป็นผรู้ บั ผิด ชอบใน
การตดิ ตง้ั ไฟฟา้ และลิฟทใ์ นปราสาทในปี ค.ศ.1905 สว่ นพระราชินีมารีแห่งปรสั เซียไดป้ ระทบั อยู่ในโฮเฮน ชวานเกาจนกระท่งั สนิ้ พระชนมใ์ นปี ค.ศ.1889 และตอ่ มาเม่อื เจา้ ชายลทุ โพลดส์ นิ้ พระชนมใ์ นปี ค.ศ. 1912 ปราสาทกก็ ลายมาเป็นพิพิธภณั ฑใ์ นปีตอ่ มา เราเดนิ วนเวียนเกบ็ ภาพบริเวณโดยรอบทมี่ อี ย่ไู มม่ ากนกั จนอาจจะถือไดว้ า่ กาํ ลงั เบื่อไดท้ ่ี กถ็ ึงเวลา ที่กาํ หนดไวต้ ามบัตรคิว เราจึงก็พากันไปยังบริเวณทางเขา้ ชมปราสาท ซ่ึงอยู่ตรงขา้ มกับอาคารท่ีใช้ จาํ หนา่ ยของท่ีระลกึ ท่ีมสี ญั ลกั ษณต์ า่ งๆ ท่ีเป็นตวั แทนของปราสาทแห่งนี้ โดยเฉพาะสินคา้ จาํ พวกเคร่ือง แกว้ และของประดบั ตกแตง่ ตา่ งๆ หนา้ ทางเขา้ จะปรากฏหมายเลขควิ ท่ีจะเขา้ ชมรอบตอ่ ไปขนึ้
ซึ่งเมือ่ ถงึ กาํ หนดเวลา จอหนา้ ทางเขา้ จะแสดงหมายเลขคิวที่ใหเ้ ขา้ ชมไดใ้ นรอบนี้ วิธีเขา้ ชมก็ง่ายๆ คอื นาํ บตั รดา้ นท่ีมบี ารโ์ คด้ สอดเขา้ ไปในเครื่องก้นั เหมือนเวลาเขา้ สถานีรถไฟฟ้าบา้ นเรา พอไฟเขียวขนึ้ ก็ สามารถผลกั ไมก้ น้ั เดินเขา้ ไปไดเ้ ลย เม่อื ผา่ นไมก้ นั้ เขา้ ไปก็จะขนึ้ บนั ไดเลก็ ๆ แคบๆ ประมาณ 90 ขนั้ ไปยัง ตวั ปราสาทดา้ นบนซึ่งจะมีเจ้าหนา้ ที่รอตอ้ นรับอยู่ รอบที่พวกเราไปชมไดไ้ กดเ์ ป็นคุณลงุ คนหนึ่งพูด ภาษาองั กฤษไดช้ ดั เจนดี ฟังไมย่ าก ดสู ขุ มุ สภุ าพมาก คณุ ลงุ ไกดน์ าํ พาเราไปชมหอ้ งตา่ งๆ ทีละหอ้ ง จดุ เดน่ ของปราสาทแหง่ นีอ้ ย่ทู ่ีภาพวาดเรื่องราวอศั วินแห่งหงสข์ าว (Lohengrin) ซึ่งเป็นอปุ รากรที่ ประพนั ธโ์ ดยริชารด์ วากเนอร์ บนผนังหอ้ งอศั วินหงส์ (The Hall of The Swan Knight) ซ่ึงพระเจา้ แมกซิมิ ลเลยี นที่ 2 ทรงบญั ชาใหส้ รา้ งขนึ้ ในภายหลงั บนโต๊ะตรงกลางหอ้ งมขี องขวญั ท่ีพระองคไ์ ดร้ บั จากสวาเบียน เม่ือครงั้ แตง่ งานกบั เจา้ หญิงมารี มารดาของพระเจา้ ลดุ วิก เกา้ อใี้ นหอ้ งบดุ ว้ ยหนงั และทาเคลือบดว้ ยทองทาํ ใหเ้ ห็นถงึ ความสกุ ปล่งั เป็นเงา หอ้ งถดั ไปเป็นหอ้ ง The Schyren Room คาํ วา่ “Schyren” เป็นชื่อเดิมของราชวงศว์ ทิ เทลบาคสใ์ ช้ เป็นหอ้ งแตง่ ตวั (Dressing Room) ของพระราชินีมารี ผนังหอ้ งเป็นภาพวาดประวตั ิศาสตรก์ ่อนการไดม้ า ซึ่งราชบลั ลงั กข์ องตระกลู นี้ ท่ีตรงมมุ หอ้ งจะมีภาพถ่ายของเจา้ ชายลดุ วิกและเจา้ ชายออตโตขณะยังทรง พระเยาว์ หอ้ งถัดไปเป็นหอ้ งโอเรียนเต็ล (Oriental Room) ใชเ้ ป็นห้องบรรทมของพระราชินีมารี (The Queen’s Bedroom) ตกแตง่ ตามแบบศิลปะของประเทศกรีซและตรุ กี ซึ่งมาจากความประทับใจของพระ เจา้ แมกซิมิลเลียนที่ 2 ท่ีไดม้ าจากการไปเยือนสองประเทศนีใ้ นปี ค.ศ.1832 – 1833 นอกจากนีย้ งั มีการ ประดบั ของขวญั ท่ีพระองคไ์ ดร้ บั จากสลุ ตา่ นมฮู มั เมด็ ที่ 2 แห่งตรุ กีดว้ ย อีกหอ้ งหนึง่ เป็นหอ้ งเบิรช์ ตา (Berchta Room) เป็นหอ้ งที่พระราชินีหรือพระมารดาของพระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 ใชท้ รงพระอกั ษร และกเ็ ชน่ กนั ที่ตกแต่งไวด้ ว้ ยภาพวาดตา่ งๆ ท่ีสวยงามมาก โดยภาพเหล่าน้ันถกู ประดบั ประดาดว้ ยเถาไมเ้ ลือ้ ยและขดเชือกท่ีเกี่ยวกระหวดั ไปมา ภาพวาดเป็นเรอื่ งราวเก่ียวกับตาํ นานการ ประสตู ิของกษัตรยิ ค์ ารล์ (Karl) ผยู้ ิ่งใหญ่ โดยเป็นการนาํ ภาพใหญ่ๆ มาวางเรียงตอ่ กนั เป็นเร่ืองราว ของ ประดบั ที่ตงั้ อย่กู ลางหอ้ งเป็นของขวญั ของอศั วนิ จอรจ์ ี้ (The Georgi-Knights) ที่มอบใหแ้ ดเ่ จา้ ชายลทุ โพลดเ์ ม่อื ครง้ั ฉลอง 50 ปี ของการเขา้ มาเป็นสมาชิกในปราสาทแหง่ นี้ หอ้ งโถงขนาดใหญ่ เป็นหอ้ งท่ีมีชื่อวา่ หอ้ งโถงวีรบุรุษและอศั วิน (Hall of Heroes and Knights) จดั ไดว้ า่ เป็นหอ้ งที่กวา้ งมากท่ีสดุ ของปราสาท เพดานฉาบปนู แบบเรยี กวา่ สตคั โค (Stucco) ประดบั ตกแต่ง เป็นศลิ ปะนีโอโกธิค โดยมสี ีชมพเู ป็นแบคกราวนด์ ตกแตง่ ไวด้ ว้ ยดาวสีเงินรูปสามมติ ิ เสาทกุ ตน้ ภายในหอ้ ง เป็นศิลปะโกธิค อีกหอ้ งหนึ่งเป็นหอ้ งที่มีช่ือว่า โฮเฮนสเตาเฟน (Hohenstaufen Room) ใชเ้ ป็นหอ้ งแต่งพระองค์ ของพระเจา้ แมกซิมลิ เลยี นที่ 2 และพระเจา้ ลดุ วิกท่ี 2 ในขณะเดยี วกนั กใ็ ชเ้ ป็นหอ้ งทรงดนตรีของพระเจา้ ลดุ
วกิ ท่ี 2 ดว้ ย ภาพวาดท่ีผนงั หอ้ งเป็นภาพแสดงเหตกุ ารณพ์ ิเศษที่เกิดขนึ้ ในสมยั ราชวงศส์ เตาเฟนของ ซึ่งถือ เป็นราชวงศท์ ี่มอี าํ นาจมากในยคุ สมยั นน้ั ภาพนีพ้ ระเจา้ แมกซิมิลเลียน ท่ี 2 ทรงเป็นผเู้ ลือกดว้ ยพระองคเ์ อง หอ้ งถดั ไปเป็นหอ้ งทัสโซ (Tasso Room) ใชเ้ ป็นหอ้ งบรรทมของพระเจา้ แมกซิมิลเลียนท่ี 2 และ พระเจา้ ลดุ วกิ ท่ี 2 ผนงั หอ้ งใชภ้ าพวาดตกแตง่ ทงั้ หมด โดยเป็นเรอื่ งราวจากมหากาพยข์ องกวีที่ชื่อทัสโซซึ่ง ถกู สง่ มาจากกรุงเยรูซาเลม็ (Jerusalem) การนาํ ชมจะใหช้ มพรอ้ มการบรรยายไปทีละหอ้ ง เม่ือบรรยายจบเวน้ ระยะใหน้ กั ท่องเที่ยวตนื่ ตาตนื่ ใจสกั พักก็จะตอ้ นนักท่องเท่ียวใหไ้ ปยังหอ้ งถัดไป จากน้นั ก็จะปิดประตูหอ้ งเมื่อตะกี้ หา้ มอยู่ดตู กคา้ ง จากนั้นก็จะทาํ อย่างนีไ้ ปเรื่อยๆ คณุ ลุงบอกว่าถือเป็นเร่ืองโชคดีท่ีปราสาทแห่งนี้ไม่ถูกทาํ ลายในสมัย สงครามโลกครงั้ ที่ 2 จงึ มีสภาพสมบูรณอ์ ย่างที่เห็น แต่ละหอ้ งออกแบบไวอ้ ย่างงดงาม จดุ เดน่ ของแตล่ ะ หอ้ งคงเป็นการประดบั ดว้ ยภาพวาดและเฟอรน์ ิเจอรท์ ่ีแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ชีวิตความเป็นอยู่ของกษัตริยแ์ ละชน ชน้ั สงู ในสมยั โบราณ ของมีคา่ ตา่ งๆ ดอู ลงั การวิจิตรแบบประเมินค่าไมไ่ ด้ ขา้ วของตา่ งๆ คณุ ลงุ อธิบายว่า ของมีคา่ เหลา่ นีเ้ ป็นศิลปะยคุ สวาเบียนทง้ั ท่ีสรา้ งขนึ้ และท่ีไดร้ บั เป็นราชบรรณาการที่เก็บสะสมรวบรวมมา ตง้ั แตค่ ริสตศ์ ตวรรษท่ี 14 ถึง 17 คณุ ลงุ พาเราเดนิ เพียงช่วั ประเด๋ียวเดียวกถ็ ึงทางออกแลว้ รวมเวลาที่ใชใ้ น การนาํ ชมเพียงแค่ 35 นาทีเทา่ นนั้ เอง ถา้ จะวา่ ไปความประทบั ใจสาํ หรบั การชมปราสาทแห่งนีข้ องหนูเลก็ คงเป็นความสุภาพและเป็นมิตรของคุณลุงซึ่งเสมือนเป็นตัวแทนของชาวเยอรมันท่ีให้การตอ้ นรับ นกั ท่องเท่ียวอยา่ งเราอย่างสภุ าพ สว่ นตวั ปราสาทแทบไมม่ ีจดุ ดงึ ดดู อะไรถงึ ขนาดทาํ ใหเ้ รารูส้ กึ ตะลงึ งนั คง อย่างนีน้ ่ีเองที่มคี าํ พดู กนั วา่ นกั ท่องเท่ียวสว่ นใหญ่ไมค่ อ่ ยนิยมมาเท่ียวท่ีน่ีนกั เพราะสวยสปู้ ราสาทลกู อย่าง ปราสาทนอยชวานสไตนไ์ มไ่ ด้ การตกแตง่ คอ่ นขา้ งเรียบง่าย ธรรมดาไป อาจเป็นเพราะพระเจา้ แมกซิมิ ลเลียนที่ 2 ไมไ่ ดม้ ีอารมณศ์ ิลปินหรอื คบหาศลิ ปินอย่างพระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 พระราชโอรส จึงตกแตง่ ปราสาท อย่างเรยี บๆ ท่ือๆ แบบสงู ศกั ดิธ์ รรมดา นกั ท่องเท่ียวที่มาเยี่ยมชมในเวลาใกลเ้ คียงกับหนูเล็กจึงค่อนขา้ ง บางตา แตช่ ่างเถอะสาํ หรบั หนเู ลก็ แลว้ การไดม้ าเห็นปราสาทแห่งนีค้ รงั้ หนึง่ ในชีวติ ถือเป็นโอกาสที่ไมอ่ ยาก พลาด เพื่อไมใ่ หเ้ ป็นการเสยี เวลา เราพากนั ออกจากปราสาทโฮเฮนชวานเกาโดยเรว็ เพราะระยะทางไปยงั ปราสาทเทพนิยายยังอีกไกลโขสาํ หรบั การเดินเทา้ ทางเดินไปยงั ปราสาทจะค่อยๆ ไต่ระดบั ความสงู ขึน้ เรือ่ ยๆ จะวา่ เหนื่อยกไ็ มเ่ ชิงเพราะเดนิ กนั ไปคยุ กนั ไปกเ็ พลนิ ๆ ไมต่ อ้ งเรง่ รีบมากนกั เพราะหากรีบจะเหน่ือย เกินไป แตท่ ่ีบางทีเรารูส้ กึ เหนื่อยหนูเล็กวา่ เป็นเพราะใจมนั ไปถึงท่ีหมายแลว้ แตข่ ายงั พาตวั ไปไมถ่ ึงก็แค่ นนั้ เอง ความอยากเหน็ ตน้ ฉบบั ปราสาทในเทพนิยายมนั เรง่ เรา้ อย่ใู นใจเสียจนใจเราคงเตน้ แรงเกินไปเสีย มากกวา่
หนทางเดนิ ขนึ้ สปู่ ราสาทหงสข์ าว จรงิ ๆ ตอนแรกพวกเราก็ชวนๆ กนั วา่ จะขนึ้ รถมา้ ดีไหมเอาบรรยากาศ แลว้ ขาลงค่อยเดินลงจะได้ ออมแรงไว้ แตพ่ อดเู วลาแลว้ ยงั เหลือเฟื อเพียงพอที่เราจะคอ่ ยๆ เดนิ ออกกาํ ลงั แกห้ นาว แลว้ นกั ท่องเท่ียวท่ี นิยมเดินเท้าอย่างเราก็มีคอ่ นขา้ งเยอะ อย่างว่าละนะฝร่งั โดยท่วั ไปนิยมการเดินแบบที่เรียกว่า เทรกกิ้ง (trekking) เพราะถือเป็นการออกกาํ ลงั ท่ีดีอย่างหนึ่ง ไดท้ ้งั เหง่ือ ไดท้ ั้งอากาศบริสทุ ธิ์ของป่ าเขา เราจึงมี เพ่ือนรว่ มเดินพอสมควร แตใ่ นขณะเดียวกนั การน่งั รถมา้ ก็ถือเป็นไฮไลตอ์ ย่างหน่ึงท่ีนักท่องเท่ียวต่างถ่ิน นิยม คา่ ใชจ้ า่ ยกไ็ มแ่ พงเท่าไรนัก ถา้ คิดวา่ มนั เป็นประสบการณค์ รง้ั หน่ึง ไดม้ ีโอกาสเก็บภาพเป็นท่ีระลึก ดว้ ย ระหวา่ งท่ีพวกเราเดินเทา้ กนั ไป ก็จะมรี ถมา้ ที่มนี กั ท่องเท่ียวน่งั เตม็ คนั ผา่ นไปเป็นระยะๆ คนั หน่ึงๆ น่งั ไดป้ ระมาณ 10 คน บางคนไดน้ ่งั หนา้ ไปกบั ผกู้ ุมบังเหียน หากจะไมอ่ ยากน่งั คงเป็นเพราะตอ้ งน่งั ดมกล่ิน ขีม้ า้ ท่ีเขาจดั ทาํ ภาชนะรองรบั ไวแ้ ถวบน้ั ทา้ ย กลนิ่ จะโชยมาเป็นระยะๆ แคเ่ ดนิ ตามหลงั รถมา้ ยงั ไดก้ ล่ินโชย มาอ่อนๆ คนที่น่ังบนรถมา้ จะไดก้ ล่ินขนาดไหนก็คิดเอาเองแลว้ กัน ดๆู ไปแลว้ ก็น่าสงสารมนั เหมือนกัน เพราะตอ้ งเดินขนึ้ – ลง วนั ละหลายเท่ียว เบ่ือบา้ งหรือเปลา่ ไมร่ ู้ ทางหรือก็ลาดชนั ใช่รถมา้ นาํ เท่ียวแบบ ลาํ ปางเสียที่ไหน ที่แคเ่ ดนิ วนๆ รอบตวั เมอื งแคน่ น้ั ของท่ีน่ีแตล่ ะรอบตอ้ งลากรถท่ีมีผโู้ ดยสารน่ังกนั เตม็ คนั เฮอ้ ...น่าเหน่ือยแทน แต่อย่างไรรถมา้ ก็จะส่งไม่ถึงหน้าปราสาท ก่อนจะถึงไม่ไกลนักจะมีจุดพักท่ีมี รา้ นอาหาร รา้ นขายของท่ีระลกึ ท่ีนกั ท่องเที่ยวตอ้ งลงตรงจดุ นี้ แลว้ เดินเทา้ ตอ่ ขึน้ ไปอีกระยะน่าจะไม่เกิน 500 เมตร แตท่ างช่วงนีจ้ ะคอ่ นขา้ งชนั น่าจะไมเ่ หมาะท่ีจะใหร้ ถมา้ ที่ขนคนมาเตม็ คนั รถเดินตอ่ ขนึ้ ไป จดุ นีม้ ี รา้ นขายของที่ระลกึ นา่ รกั ๆ หลายอยา่ ง ทงั้ ตกุ๊ ตา หมวก ถุงเทา้ เสือ้ ยืด พวงกญุ แจ ธง แลว้ ยังมีขนมเพรส เซลขนาดยกั ษ์ หรอื แมแ้ ตร่ า้ นอาหารท่ีสามารถรบั ประทานรองทอ้ งก่อนที่จะไปรอคิวเขา้ ชมดา้ นบนท่ีกล่ิน โชยมาย่วั นา้ํ ย่อยใหอ้ อกมาเรว็ กวา่ กาํ หนด จดุ พกั กอ่ นถึงปราสาท
พวกเราพยายามทาํ จิตใจใหเ้ ขม้ แข็ง เพ่ือจะไดเ้ ดินผา่ นจุดนีไ้ ปโดยไมเ่ สียเงินยูโรโดยไม่จาํ เป็น เพราะน่ีเพ่ิงเร่ิมตน้ การเดินทางเทา่ นนั้ ยงั มีเวลาอีกหลายวนั สาํ หรบั การละลายเงินยโู ร ดงั นนั้ พวกเราจึงพา กนั ไปหาที่คอยเวลาเขา้ ชมที่ดา้ นหนา้ ปราสาทดกี วา่ วนั นีจ้ ดั ไดว้ า่ อากาศไมค่ อ่ ยเป็นใจ เพราะหมอกลงจัด มาก ทางที่เดินเทา้ ขนึ้ มากเ็ ปียกมาตลอดทาง อากาศก็คอ่ นขา้ งเยน็ ๆ ชืน้ ๆ ผมเผา้ เปียกกนั เป็นแถว ไมร่ ูว้ ่า เป็นเพราะหมอกจดั อยา่ งเดียวหรือวา่ เหน่ือยกบั การออกแรงเดินเทรกกิง้ ขนึ้ มา วนั นีไ้ มม่ ีพระอาทิตยม์ าแบ่ง เบาความหนาวไปจากเราบา้ งเลย ทางเดนิ เทา้ ชว่ งสดุ ทา้ ยท่ีจะไปยงั ลานปราสาทมีนกั ท่องเที่ยวมากหนา้ หลายตา ทวั รไ์ ทยกม็ ี ท่ีมากนั เองกม็ ี ซ่งึ แมว้ า่ อากาศจะไมค่ อ่ ยเป็นใจ ผคู้ นก็แนน่ เตม็ ไปทงั้ บรเิ วณ แตด่ จู าก หนา้ ตา ทา่ ทางของนกั ท่องเท่ียวแตล่ ะคนแลว้ เห็นจะไมย่ ่ีหระกบั เรือ่ งนีเ้ ท่าไรนกั แมว้ า่ คนจะแน่นจนทาํ ให้ บรรยากาศดอู ดึ อดั ไปสกั นิด ทกุ คนก็ยังพดู คยุ กนั อย่างเฮฮาร่าเริง ก็สิ่งที่นักท่องเที่ยวรอคอยจะไดช้ มมนั ย่ิงใหญ่ออกขนาดนั้น แคแ่ หงนหนา้ ขนึ้ มองตวั ปราสาทท่ีอยู่ตรงหนา้ ความสงู แบบคอตง้ั บ่า ทาํ ใหอ้ ดนึก ไมไ่ ดว้ า่ คนสมยั โบราณที่แมจ้ ะมีเคร่ืองไมเ้ คร่อื งมือไมท่ นั สมยั นกั ยงั มีมานะ มีนา้ํ อดนา้ํ ทนในการสรา้ งสรรค์ สิง่ มหศั จรรยไ์ ดถ้ งึ เพียงนี้ ถงึ จดุ หมายกนั เสยี ที ทางเขา้ บรเิ วณลานปราสาทเราจะผา่ นประตโู คง้ ขนาดใหญ่ที่มตี ราประจาํ ตระกูล (Coat of Arms) แกะสลกั ไวเ้ หนือประตู เราเดนิ ผา่ นประตไู มส้ ีแดงเขา้ ไปดา้ นในท่ีคราคร่าํ ไปดว้ ยนกั ท่องเท่ียวตา่ งชาติต่าง ภาษาเนืองแน่นไปหมด ตอนที่มาถงึ หมายเลขลาํ ดบั คิวลา่ สดุ อย่ทู ่ีหมายเลข 435 ในขณะท่ีหมายเลขบัตร คิวของเราคือ 446 เวลาที่จะไดเ้ ขา้ ชมคือ 11.50 น. แตเ่ รามาถึงเร็วทีเดียว เพราะเพ่ิงจะ 11.00 น. เท่านนั้ หมายความวา่ เราตอ้ งรอเขา้ ชมอกี เกือบช่วั โมง แตไ่ ม่เป็นไรเพ่ือนนกั ท่องเที่ยวท่ีคอยดว้ ยกันมีอีกเต็มลาน หนเู ลก็ เลยฆา่ เวลาดว้ ยการเก็บภาพมมุ นนู้ มมุ นีไ้ ปใหเ้ พลนิ ๆ เสยี ดายวา่ หมอกลงจดั มาก ทาํ ใหไ้ มส่ ามารถ มองทะลลุ งไปใหเ้ ห็นเบือ้ งลา่ งไดเ้ ลย นบั เป็นเรอื่ งน่าเสยี ดายมากเพราะหลายครง้ั ท่ีหนเู ล็กไดเ้ ห็นภาพจาก หนงั สอื มมุ มองเบือ้ งลา่ งท่ีมีทง้ั หมบู่ า้ นชวานเกา ทะเลสาบ และปราสาทโฮเฮนชวานเกาเป็นภาพที่งดงาม เกินบรรยาย ย่ิงถา้ เป็นชว่ งใบไมเ้ ปลี่ยนสีเตม็ ท่ี ป่ าทง้ั ป่ าจะแดงสลบั เหลอื งเม่ือตดั กบั ทะเลสาบสฟี า้ ใสภาพ ทงั้ ภาพจะงดงามราวภาพวาด สว่ นคณุ ปาและคณุ สดุ พากนั ยืนฟังพี่ใหญ่ซ่ึงพกพาขอ้ มลู ท่องเท่ียวเกี่ยวกบั
ปราสาทตดิ มาดว้ ยอา่ นรายละเอียดของหอ้ งแตล่ ะหอ้ งท่ีเราจะเขา้ ไปชมกันดา้ นในกนั ไวก้ ่อน เวลาเขา้ ชม แลว้ ไกดอ์ ธิบายจะไดเ้ ขา้ ใจไดง้ า่ ยๆ ระหวา่ งรอควิ เขา้ ชม เมือ่ ถึงเวลาท่ีกาํ หนดหมายเลขลาํ ดบั คิวก็ขนึ้ ตรงกล่องเหนือเสาที่เขาจดั ไว้ นักท่องเที่ยวเพียงแค่ เอาบตั รดา้ นท่ีมบี ารโ์ คด้ ไปสอดตรงเครื่องกั้น เมื่อบตั รถกู อา่ นเรียบรอ้ ยก็ผลกั ไมก้ น้ั เดินเขา้ ไปดา้ นในซึ่งมี ลวดสลิงกน้ั เอาไวเ้ ป็นแถวๆ โดยแตล่ ะคนตอ้ งตรวจดหู มายเลขของตนที่กลอ่ งเหนือเสาแลว้ ไปยืนเขา้ แถว ตามหมายเลขประจาํ กลมุ่ รอเวลาท่ีเขาจะจดั ใหเ้ ขา้ ชม เม่ือจาํ นวนคนของแตล่ ะกลมุ่ ครบจะมีเจา้ หนา้ ท่ีนาํ เราเข้าสู่ด้านใน การชมมีเง่ือนไขว่าห้ามถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ โดยเด็ดขาด อีกท้ังทุกคนตอ้ งปิ ด โทรศพั ทม์ ือถือระหวา่ งการเขา้ ชมดว้ ย หากใครฝ่าฝืนจะถกู เจา้ หนา้ ที่ตอ่ วา่ ได้ เมอ่ื เขา้ ไปในตวั ปราสาท พบ รูปป้ันลอยตวั ครงึ่ องคข์ องพระเจา้ ลดุ วกิ ที่ 2 ซ่งึ หากเดนิ ชมจนครบจะสงั เกตไดว้ ่าไม่มีภาพของพระองคต์ ิด ไวภ้ ายในปราสาท น่นั เป็นเพราะไมโ่ ปรดใหม้ ภี าพพระองคต์ ดิ อยภู่ ายในปราสาท แตท่ ี่เหน็ รูปปั้นครง่ึ ตวั ของ พระองคต์ ง้ั แสดงไวแ้ ทน รูปปั้นนีม้ ผี บู้ รจิ าคใหใ้ นภายหลงั เม่ือปี ค.ศ.1988 คือหลงั จากที่พระองคส์ วรรคต แลว้ เม่ือตวั เลขควิ ปรากฏคอ่ ยเดนิ ไปตอ่ แถวเขา้ ชม
ไกดก์ จ็ ะพาเราผา่ นไปทีละหอ้ ง เม่อื อธิบายเสรจ็ ก็จะใหช้ มสกั พกั จากน้นั ก็จะตอ้ นไปยงั หอ้ งถดั ไป แลว้ กป็ ิดหอ้ งนีล้ ง เป็นเชน่ นีไ้ ปเร่ือยๆ เชน่ เดยี วกบั ที่ปราสาทพ่อที่เราชมมาแลว้ ก่อนหนา้ นี้ รอบของเราได้ ไกดเ์ ป็นหญิงรา่ งอว้ นกลม แต่งตวั รุ่มร่ามดีพิกลดเู หมือนพวกปาริเซียง แตเ่ ธอก็เดินอธิบายคล่องแคล่วดี พดู ภาษาองั กฤษเสยี งดงั ฟังชดั เสียแตว่ า่ เธอดดั เสียงจนเสยี งขนึ้ จมกู ไปสกั นิดเลยไมค่ อ่ ยรนื่ หนู กั ปราสาทนอยชวานสไตนเ์ กิดจากแรงบนั ดาลใจของพระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 ที่ไดไ้ ปเห็นปราสาทในเมือง วารท์ บวรก์ (Wartburg) รฐั ทือริงเงน (Thüringen) เมื่อครงั้ ไปทอดพระเนตรการแสดงท่ีโรงละครโอเปรา เรื่อง ทันฮอยเช่อ สรา้ งขึน้ ระหว่างปี ค.ศ.1868 -1886 แต่จนปัจจุบันท่ีแม้ว่าพระเจ้าลุดวิกที่ 2 จะ สิน้ พระชนมไ์ ปนานมากแลว้ ก็ยังมีอีกหลายหอ้ งที่ยังสรา้ งไม่แลว้ เสร็จ ตวั ปราสาทสรา้ งในแบบนีโอโร มาเนสก์ตอนปลาย (neo-late Romanesque) ส่วนดา้ นในตกแต่งเป็นรูปแบบผสมทั้งไบแซนไทน์ (Byzantine) โรมาเนสก์ (Romanesque) จนถึงแบบโกธิค (Gothic) ออกแบบโดยนกั ออกแบบโรงละครที่ ชื่อวา่ ครสิ เตยี น จงั ค์ (Christian Jank) ออกแบบตามจินตนาการของพระเจา้ ลดุ วิกท่ี 2 ท่ีไดม้ าจากละคร โอเปรา่ รวม 3 เร่อื ง ของรชิ ารด์ วากเนอร์ (Richard Wagner) คีตกวีนกั แตง่ บทละครโอเปราท่ีพระองคค์ ล่งั ไคลถ้ ึงขนั้ ใหม้ าเป็นคีตกวหี ลวง ซ่ึงประกอบดว้ ยเร่ือง โลเฮนกริน (Lohengrin) ทันฮอยเช่อ (Tannhauser) และพารซ์ ิฟาล (Parsifal) สรา้ งโดยเอดอู ารด์ ไรเดล (Eduard Riedel) และเกอออรก์ โดลมนั น์ (Georg Dollmann) สว่ นการออกแบบตกแตง่ ภายในปราสาทรบั ผิดชอบโดยยูเลียส ฮอฟมนั น์ (Julius Hoffmann) ทาํ ใหภ้ ายนอกปราสาทมรี ูปทรงดจุ ปราสาทในเทพนิยาย หากพวกเราจะคนุ้ ตาก็คงเป็นเพราะวอลทด์ ีสนีย์ ไดน้ าํ ไปเป็นตน้ แบบของปราสาทซินเดอเรลลา่ ในดิสนยี แ์ ลนด์ ตวั ปราสาทใชส้ ีขาวทงั้ หมด ตดั ดว้ ยกระเบือ้ ง หลงั คาสนี า้ํ เงินเขม้ ขบั ใหต้ วั ปราสาทโดดเดน่ กลางเนินเขาสงู ทาํ ใหม้ องเห็นไดแ้ ต่ไกล ภายในวิจิตรบรรจง ดว้ ยภาพวาดฝาผนงั และการตกแตง่ สารพดั รูปแบบอิงจากเรื่องราวในละครโอเปรา่ ทงั้ สามเรือ่ ง พระองคต์ งั้ พระทยั ที่จะใหป้ ราสาทแห่งนีม้ คี วามงดงามวิจิตรกวา่ ปราสาทโฮเฮนชวานเกาท่ีประทบั ในวยั เยาว์ ประกอบกบั ในช่วงเวลาดงั กลา่ วอาณาจกั รปรสั เซียกาํ ลงั ขยายอาํ นาจไปท่วั บรเิ วณ พระองคเ์ อง กร็ ูพ้ ระองคด์ วี า่ ไมไ่ ดม้ ีความสนพระทยั ในเร่อื งบา้ นเมือง หรือการแสดงพระราชอาํ นาจ หากสนพระทยั แต่ ในเร่อื งการละครและวรรณกรรมเทา่ นนั้ พระองคจ์ ึงพยายามสรา้ งอาณาจักรของพระองคเ์ องท่ีซ่ึงพระองค์ จะสามารถแสดงความเป็นกษัตรยิ ไ์ ดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ ปราสาทนอยชวานสไตน์ ถกู สรา้ งขนึ้ ดว้ ยเงินทุนมหาศาล แตท่ วา่ ปราสาทหลงั นี้ เพ่ิงไดร้ บั ขนาน นามวา่ \"นอยชวานสไตน\"์ ก็เมื่อหลงั จากท่ีพระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 ไดเ้ สด็จสวรรคตแลว้ ในปี ค.ศ.1886 ช่ือ ปราสาทมาจากการรวมคาํ 3 คาํ เขา้ ดว้ ยกนั คือ Neu ก็คือ New แปลวา่ ใหม่ ส่วน Schwan ก็คือ Swan หมายถงึ หงส์ และคาํ วา่ Stein กค็ อื stone กค็ ือ หิน เมอื่ นาํ มารวมกนั กค็ อื ปราสาทหินหงสใ์ หม่ มีเรอื่ งขาํ ๆ ว่า เวลาอ่านอย่าออกเสียงผิดเป็น นอยชไวนส์ ไตน์ (Neuschweinstein) เพราะคาํ ว่า ชไวน์ (Schwein) แปลวา่ หมู ช่ือของปราสาทก็จะเพีย้ นไปทนั ทีวา่ ปราสาทหินหมใู หม่ เด๋ยี วเขาจะวา่ อยากกินขาหมเู ยอรมนั (Schwein Haxe) เสยี จนเพีย้ น
การสรา้ งปราสาทนอยชวานสไตนแ์ ห่งนีม้ ิใช่เรื่องง่ายดาย เนื่องจากตอ้ งอย่าลืมว่าในสมยั ค.ศ. 1869 นนั้ ยงั คงปราศจากเทคโนโลยีเคร่ืองอาํ นวยความสะดวกทัง้ มวล วสั ดอุ ปุ กรณท์ ี่นาํ มาบรรจงสรา้ ง ลว้ นมีน้าํ หนักและปริมาณมากมายมหาศาล ตอ้ งมีการลาํ เลียงเคลื่อนยา้ ยทกุ สิ่งไปสสู่ ถานที่ก่อสรา้ ง ปราสาทอนั ตง้ั อย่ไู กลโพน้ และหลบเรน้ จากโลกภายนอก ไม่วา่ จะเป็น หินออ่ น 465 ตนั หินทราย 4,550 ตนั อฐิ 400,000 กอ้ น ทราย 3,600 ลกู บาศกเ์ มตร ซีเมนต์ 600 ตนั และสง่ิ สาํ คญั คอื การใชไ้ มเ้ พ่ือแกะสลกั ทั้งสิน้ 2,050 ลูกบาศก์เมตร ไม่นับรวมกาํ ลัง และสติปัญญาแรงงานจากช่างผู้ชาํ นาญและ ผูม้ ีส่วน เกี่ยวขอ้ งมากมาย การกอ่ สรา้ งเริม่ ตน้ จากการสาํ รวจสภาพดิน การวางท่อนา้ํ ตลอดจนการสรา้ งถนนขนึ้ ไป ยงั บริเวณกอ่ สรา้ ง โดยเริม่ วางฐานรากเมอ่ื วนั ที่ 5 กนั ยายน ค.ศ.1869 เร่ิมจากการสรา้ งบริเวณป้อมประตู ทางเขา้ กอ่ น ซ่งึ ใชเ้ วลาประมาณ 4 – 5 ปีกวา่ จะเสรจ็ จากนน้ั จงึ ไดค้ อ่ ยๆ สรา้ งตวั ปราสาทเป็นลาํ ดบั ถดั มา สิง่ ท่ีเป็นเอกลกั ษณก์ ็คอื ทกุ ซอกมมุ ของปราสาทจะเตม็ ไปดว้ ยรูปหงสท์ ่ีพระองคโ์ ปรดปราน และมีทองคาํ แทเ้ ป็นองคป์ ระกอบทง้ั ในภาพเขียน เครือ่ งเรอื น ทอ่ นา้ํ สรงพระพกั ตร์ หรอื ท่อนา้ํ ในหอ้ งครวั ความตงั้ ใจแตเ่ ดมิ พระองคจ์ ะสรา้ งปราสาทใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การสรา้ งปราสาทโบราณ คือ ตอ้ ง แบง่ ออกเป็น 3 สว่ น คอื สว่ นท่ีประทบั ของกษัตรยิ ์ สว่ นท่ีเป็นที่พาํ นกั ของสตรผี สู้ งู ศกั ดิ์ และสว่ นสดุ ทา้ ยคือ ที่พาํ นกั ของอศั วนิ แตพ่ อถึงเวลาก่อสรา้ งจริงๆ มีเพียงหอ้ งบรรทมเท่าน้ันท่ีมีการตกแต่งแบบปราสาทสมยั กลาง แมแ้ ตห่ อ้ งโถงบลั ลงั ก์ กถ็ กู ตกแตง่ เสยี จนโออ่ า่ วจิ ิตรบรรจงเกินกวา่ จะใชง้ านในการวา่ ราชการแผน่ ดนิ เพราะพระองคท์ รงใชโ้ บสถเ์ ซนตโ์ ซเฟี ยท่ีอสิ ตนั บลู ตรุ กี เป็นตน้ แบบ พระเจา้ ลดุ วกิ ท่ี 2 มชี ่ือเตม็ ๆ วา่ ลดุ วิก ฟรีดิช วลิ เฮลม์ (Ludwig Friedrich Wilheim)เป็นพระโอรส องคโ์ ตของพระเจา้ แมกซิมเิ ลยี่ นท่ี 2 ของตระกลู วทิ เทลบาคส์ (Wittelbach) กบั พระนาง มารีแหง่ ปรสั เซีย ประสตู เิ มอื่ วนั ที่ 25 สงิ หาคม ค.ศ.1845 วนั เดียวกนั กบั พระราชอยั กา (ป่ )ู หรือพระเจา้ ลดุ วิกท่ี 2 ท่ีปราสาทนิมเฟนบรู ก์ (Nymphenburg) ในเมอื งมิวนิค มนี อ้ งอีกพระองคค์ อื เจา้ ชายออตโต (Otto) เจา้ ชายลดุ วกิ ที่ 2 เป็นเจา้ ชายรูปงาม โปรดนา้ํ หอมและการแต่งองค์ พระองคไ์ มส่ นพระทัยการเมืองการ ปกครอง และไม่ไดถ้ ูกเลีย้ งมาใหใ้ กลช้ ิดกับพระบิดาและพระมารดาเท่าไรนกั ผทู้ ี่เลีย้ งพระองคก์ ลบั เป็น เหลา่ ขา้ ราชบริพาร ไมไ่ ดเ้ รียนและเล่นเหมือนกบั เด็กท่วั ไป มีอาจารยพ์ ิเศษมาสอนให้โดยเฉพาะ ทาํ ให้ พระองคม์ นี ิสยั คอ่ นขา้ งเก็บตวั ขอี้ าย ใชช้ ีวิตวยั เยาวอ์ ย่างโดดเด่ยี วท่ีปราสาทโฮเฮนชวานเกา โดยมีฝงู หงส์ ขาวบริเวณทะเลสาบใกลป้ ราสาทเป็นส่ิงที่ทรงโปรดปรานเป็นพิเศษ การที่พระเจา้ ลุดวิกท่ี 2 ไม่ค่อยมี ภาพถา่ ยหรือภาพเขียนมากนกั ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตนุ ี้ หรือหากมีก็จะไม่มีภาพใดท่ีพระองคม์ องกลอ้ ง หรือผวู้ าดแบบตรงๆ เพ่ือนสนิทของพระองคม์ ีเพียงเจา้ หญิงอลซิ าเบธแห่งบาวาเรีย การดาํ รงชีวิตอย่อู ย่าง ลาํ พงั เตบิ โตมากบั โลกของนิทานและการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติไดห้ ล่อหลอมพระองคใ์ หก้ ลายเป็นคนท่ี อย่ใู นโลกแห่งความเพอ้ ฝันและจินตนาการ สนพระทยั ในดา้ นวรรณกรรมและการละคร เมอื่ พระชนมายุ 15 ชนั ษา ไดม้ ีโอกาสชมละครของวากเนอรเ์ ร่ือง โลเฮนกรนิ เป็นครง้ั แรก ย่ิงทาํ ใหพ้ ระองคล์ มุ่ หลง คล่งั ไคลใ้ น ผลงานของ
วากเนอรม์ ากขนึ้ ไปอีก ถึงขนาดยกใหเ้ ป็นศลิ ปินในดวงใจและเป็นเพ่ือนที่รูใ้ จอย่างที่สดุ เม่ือพระ เจา้ แมกซิมิเลี่ยนท่ี 2 สิน้ พระชนม์ พระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 ตอ้ งขึน้ ครองราชยอ์ ย่างกระทันหันในปี ค.ศ.1864 ขณะท่ีมีพระชนมม์ ายเุ พียง 18 ชันษาเท่านั้น พระองคผ์ ซู้ ึ่งไม่เคยสนพระทยั ในกิจการบา้ นเมือง โปรดแต่ การละคร จึงไมส่ นใจบริหารบา้ นเมอื ง แต่กลบั เรียกใหร้ ิชารด์ วากเนอรม์ าเป็นคีตกวีหลวง ความสมั พนั ธ์ ของพระองคก์ บั กวีวยั 51 ปีสนิทแนบแน่นจนเป็นที่ครหาท่วั แผน่ ดนิ เนื่องจากเป็นท่ีรบั รูก้ นั ท่วั ไปวา่ พระองค์ ทรงมีความสมั พนั ธอ์ นั ลกึ ซงึ้ แนบแน่นเกินความเป็นเพ่ือน และลือกนั วา่ ทรงทมุ่ เทเงินในทอ้ งพระคลงั ใหก้ ับ ผลงานของวากเนอร์ จนทาํ ใหว้ ากเนอรห์ ลดุ พน้ จากหนีส้ ิน และมีเงินทองมากมาย สามารถผลิตงานชิน้ สาํ คญั ๆ ที่ยืนยงมาจนทกุ วนั นี้ โดยที่พระองคไ์ มท่ รงทราบเลยวา่ วากเนอรไ์ มไ่ ดม้ ีใจกบั พระองคแ์ ต่หวงั จะ ไดเ้ งินจากพระองคไ์ ปใชห้ นีเ้ ทา่ นนั้ เอง แลว้ วนั หนึ่งเสนาบดีและประชาชนไมพ่ อใจท่ีเห็นพระองคใ์ ชจ้ า่ ยเงินใหก้ บั วากเนอรม์ ากมาย และ วากเนอรเ์ องก็ไดเ้ ขา้ มากา้ วก่ายในกิจการบา้ นเมือง โดยยยุ งใหพ้ ระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 ปลดเสนาบดีชัน้ ผใู้ หญ่ ออก 2 คน ความอดทนของเหลา่ เสนาบดีจึงไดส้ ิน้ สดุ ลง พวกเขาไดบ้ ีบบงั คบั ใหว้ ากเนอรต์ อ้ งออกจาก แควน้ บาวาเรีย สิง่ นีน้ าํ ความเศรา้ โศกมาสพู่ ระเจา้ ลดุ วิกเป็นอย่างมาก ทาํ ใหพ้ ระองคท์ รงเปลา่ เปลี่ยว ชอบ ประทบั คนเดียวลาํ พงั และวากเนอรผ์ ซู้ ึง่ เป็นแรงบนั ดาลใจในการตกแตง่ ภายในปราสาทนอยชวานสไตนก์ ็ ไมเ่ คยมีโอกาสยา่ งเทา้ เขา้ มาในปราสาทแห่งนีเ้ ลย จากนนั้ ไมน่ านชาวบาวาเรยี ก็ไดร้ บั ขา่ วอนั น่ายินดี เม่อื มีการหมน้ั ระหวา่ งพระเจา้ ลดุ วกิ ท่ี 2 กบั เจา้ หญิงโซเฟี ย (Princess Sophia) ผเู้ ลอโฉม ผซู้ ่ึงเป็นพระขนิษฐาของจกั รพรรดนิ ีอลิซาเบธแห่งออสเตรีย แต่ แลว้ เวลาผา่ นไปเกือบปี ยงั ไมม่ วี ่แี ววการอภเิ ษกสมรสแตอ่ ย่างใด พระบิดาและพระมารดาของฝ่ ายหญิงไม่ สามารถอดทนตอ่ ไปได้ จึงเป็นฝ่ายขอถอนหมนั้ สรา้ งความพอพระทยั ใหก้ บั พระเจา้ ลดุ วิกท่ี 2 เป็น อย่าง มาก เพราะพระองคไ์ มไ่ ดท้ รงรกั เจา้ หญิงโซเฟี ยอยา่ งคนรกั เพียงแตท่ รงเอน็ ดอู ย่างนอ้ งสาวคนหนึ่งเท่าน้ัน ในปีถดั ไปเจา้ หญิงโซเฟี ยกไ็ ดเ้ ขา้ พิธีอภิเษกสมรสกบั เจา้ ชายแหง่ ฝร่งั เศส และใชช้ ีวิตอย่างมีความสขุ แมว้ า่ วากเนอรจ์ ะถกู กาํ จดั ไปจากพระองคแ์ ลว้ แตพ่ ระองคก์ ลบั ย่ิงทรงม่งุ ม่นั ทุ่มเทเวลาใหก้ บั การ สรา้ งปราสาทในฝันตอ่ ไป โดยยงั คงไมส่ นใจบรหิ ารกิจการบา้ นเมืองหรอื เรื่องอื่นใด แลว้ วนั หนึง่ พระเจา้ ลดุ วิ กตอ้ งเผชิญกบั เรือ่ งสาํ คญั ท่ีสรา้ งความสะเทือนใจในชีวิตถึงสองเร่อื ง คอื พระอนชุ าองคเ์ ดียวของพระองค์ ไดท้ รงคลุม้ คล่ัง สติวิปลาส และการไดท้ รงทราบว่า วากเนอรไ์ ดแ้ ต่งงานและโยกย้ายไปตง้ั รกรากยัง ประเทศอิตาลี พระองคจ์ ึงทรงพาตนเองไปอยใู่ นชนบท สนทนากบั ชาวชนบทมากกว่าจะเสวนากบั ขนุ นาง ขา้ ราชบริพาร และชนชนั้ กลางในเมืองหลวง และดบั ความทกุ ขใ์ นพระทัยโดยท่มุ เทใจและกายใหก้ บั การ กอ่ สรา้ งปราสาทอย่างเอาจริงเอาจังมากขึน้ นอกจากปราสาทนอยชวานสไตนท์ ่ีเร่ิมสรา้ งในปี ค.ศ.1868 ไดม้ ีการก่อสรา้ งปราสาทอกี 2 แห่ง คอื ปราสาทลินเดอรฮ์ อฟ (Liderhof) ในปี ค.ศ.1874 และปราสาทแฮร์ เรนคีมเซ่ (Herrenchiemsee) ในปี ค.ศ.1878 ซ่ึงคา่ ใชจ้ ่ายในการก่อสรา้ งปราสาทเหลา่ นีค้ ดิ เป็นเงินถึง 31 ลา้ นมารค์ สรา้ งความไมพ่ อใจใหก้ บั เหลา่ เสนาบดีเป็นอย่างมากท่ีพระองคไ์ มส่ นพระทยั กิจการบา้ นเมือง
และยงั เอาเงินในพระคลงั ไปใชม้ ากมาย ขนาดวา่ ในปี ค.ศ.1870 บาวาเรียเขา้ รว่ มเป็นพนั ธมิตรกบั ปรสั เซีย ในสงครามฟรงั โก – ปรสั เซียน เมือ่ สงครามจบลงและเยอรมนีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พระเจา้ ลดุ วิกกลบั ไม่สนใจ ยงั คงมงุ่ สรา้ งปราสาทตอ่ ไปโดยวา่ กนั วา่ เงินท่ีใชไ้ ปนนั้ มากกวา่ เงินทีค่ วรชดใชเ้ ป็นคา่ ปฏกิ รรมสงครามแกป่ รสั เซียเสยี อีก เหลา่ เสนาบดีจงึ คดิ แผนการกาํ จดั พระองคข์ ึน้ โดยการออกขา่ วว่าพระองคท์ รงมีสติวิปลาส และ จดั ตง้ั คณะแพทยข์ นึ้ มาชดุ หนงึ่ ซง่ึ มีแพทยแ์ บรฮ์ ารด์ ฟอน กดุ เดน้ (Bernhard von Gudden) ผทู้ าํ การรกั ษา ให้ทาํ การวินิจฉัยพระอาการของพระองคแ์ ละพิสูจนว์ ่าพระองคม์ ีสติวิปลาส จริง การตรวจสอบของ คณะแพทยใ์ ชว้ ิธีรวบรวมขอ้ มลู หลกั ฐานจากพยานบคุ คลที่มคี วามใกลช้ ิดกบั พระองคม์ ากอ่ น เชน่ คนรบั ใช้ และศตั รูทางการเมืองในลกั ษณะคาํ พดู ปากตอ่ ปาก โดยไมไ่ ดม้ ีการตรวจพระอาการโดยตรง จนกระท่งั ปี ค.ศ.1886 คณะแพทยก์ ็ลงความเห็นวา่ พระเจา้ ลดุ วิกทรงประชวรดว้ ยโรคจิต ไมส่ ามารถบริหารประเทศได้ ตอ่ ไป แตเ่ หลา่ เสนาบดีกย็ งั ไมก่ ลา้ ถอดถอนพระองคล์ งจากราชบลั ลงั กไ์ ด้ แตใ่ ชว้ ธิ ีแตง่ ตง้ั เจา้ ชายลทุ โพลด์ (Luitpold) เป็นผสู้ าํ เรจ็ ราชการแทนพระองค์ บางแหลง่ ขอ้ มลู กลา่ วกันว่า จริงๆ แลว้ พระองคไ์ มไ่ ดส้ ติฟ่ัน เฟื อน แตต่ กเป็นเหย่ือทางการเมือง เน่ืองจากเจา้ ชายลทุ โพลดต์ อ้ งการราชบลั ลงั ก์ จากนน้ั ไดจ้ ดั สง่ เจา้ หนา้ ที่ชดุ แรกมาจบั กมุ พระเจา้ ลดุ วกิ ที่ปราสาทนอยชวานสไตนถ์ ึงหอ้ งบรรทม แต่ก็ทาํ ไมส่ าํ เรจ็ เพราะชาวบา้ นพากนั ช่วยอารกั ขาพระองคไ์ ดท้ นั ต่อมามีเจา้ หนา้ ที่ชุดที่ 2 มาอีก แมว้ ่า ชาวบา้ นจะมาชว่ ยกนั อารกั ขาไดเ้ ช่นเดมิ แตพ่ ระองคป์ ฏิเสธการใหก้ ารอารกั ขา ไม่อยากจะตอ่ สอู้ ีกต่อไป จึงยอมใหค้ วบคมุ ตวั โดยดี เหล่าเสนาบดีไดน้ าํ พระองคไ์ ปควบคมุ ไวท้ ี่ปราสาทแบรก์ (Berg) เมืองแบรก์ ใกลก้ บั ทะเลสาบชตารน์ แบรก์ (Starnberg) ซ่ึงอยหู่ า่ งจากมิวนิคลงไปทางใตป้ ระมาณ 30 กิโลเมตร ในคืน วนั ท่ี 11 มิถนุ ายน ค.ศ.1886 แตแ่ ลว้ เหตกุ ารณไ์ มค่ าดฝันกเ็ กิดขนึ้ หลงั จากถกู ควบคมุ อยู่ในปราสาทไดเ้ พียงวนั เดียว เย็นวนั ท่ี 13 มิถุนายน ค.ศ.1886 พระเจ้าลดุ วิกที่ 2 และนายแพทย์กุดเดน้ ท่ีเป็นหนึ่งในสี่ของคณะแพทยท์ ่ีลง ความเหน็ วา่ พระองคส์ ตวิ ิปลาส ก็ออกไปเดนิ เลน่ บริเวณปราสาทแลว้ หายไปทงั้ คู่ เม่อื คน้ หากนั จนถึง 4 ท่มุ กม็ ผี พู้ บรา่ งของคนทงั้ สองจมนา้ํ ตายในทะเลสาบห่างจากฝ่ังประมาณ 20 ฟุต ทั้งๆ ท่ีพระองคเ์ ป็นนกั ว่าย นา้ํ ตวั ยง ทิง้ ปริศนาเก่ียวกับการสิน้ พระชนมข์ องพระองคแ์ ละการตายของนายแพทยค์ นดงั กล่าวเอาไว้ มากมายว่าเป็นการฆาตรกรรมหรือว่าเป็นอบุ ัติเหตหุ รือพระองคฆ์ ่าพระองคเ์ อง การสิน้ พระชนมอ์ ย่าง กระทนั หนั เม่ือพระชนมม์ ายุ 41 ชนั ษาเชน่ นี้ ทาํ ใหพ้ ระองคท์ รงมเี วลาประทบั อย่ใู นปราสาทในจินตนาการ เพียง 172 วนั ทั้งๆ ที่การก่อสรา้ งใช้เวลานานถึง 18 ปี พระองคท์ รงโปรดปราสาทแห่งนีม้ ากถึงกับตรสั ระหว่างการถูกคุมขงั ว่า ห้ามใครมาแตะตอ้ งดินแดนในฝันแห่งนี้ แต่หลงั จากการสิน้ พระชนมเ์ พียง 7 สปั ดาห์ ปราสาทไดเ้ ปิดใหผ้ คู้ นท่วั ไปไดเ้ ขา้ ชม นยั วา่ เพื่อหาเงินมาชาํ ระหนีส้ ินจากการกอ่ สรา้ งปราสาท จรงิ ๆ แลว้ วา่ กนั วา่ พระองคถ์ กู เขา้ ใจผดิ วา่ ใชเ้ งินในพระคลงั หลวงมาใชใ้ นการสรา้ งปราสาทหลาย แห่ง เพราะในความเป็นจริงเงินท่ีใช้ในการสรา้ งปราสาทไปเป็นเงินของตระกูลวิทเทลบาคสเ์ องทั้งสิน้
พระองคไ์ มเ่ คยแตะเงินสว่ นนน้ั เลย แตท่ ่ีแยไ่ ปกวา่ นน้ั ก็คือ ในขณะท่ีพระองคถ์ กู กล่าวหาว่ายกั ยอกเงินใน พระคลงั และตอ้ งสิน้ พระชนมอ์ ย่างมีเงื่อนงาํ ไม่มีโอกาสท่ีจะชีแ้ จงความจริงใหป้ รากฏ แต่ปราสาทท่ี พระองคส์ รา้ งไวท้ ง้ั หมด โดยเฉพาะปราสาทนอยชวานสไตน์ ไดน้ าํ เงินมลู คา่ มหาศาลใหแ้ ก่แควน้ บาวาเรีย และเยอรมนีหลายรอ้ ยลา้ นเหรียญจากการเขา้ ชมของนกั ทอ่ งเที่ยวท่วั โลกกวา่ ลา้ นคน แสดงใหเ้ หน็ ถึงความ ไมย่ ตุ ธิ รรมที่เกิดขนึ้ กบั พระองคอ์ ยา่ งแทจ้ ริง ดๆู ไปแลว้ ชีวิตของพระองคช์ ่างน่าเศรา้ ตงั้ แตต่ น้ จนจบจรงิ ๆ แตท่ ่ีนา่ สลดใจไปย่ิงกวา่ น่นั คอื ในขณะดาํ เนินการก่อสรา้ งปราสาทเกิดมผี เู้ สียชีวิตหลายคน ทง้ั ผู้ คมุ กอ่ สรา้ งที่ยิงตวั เองตาย ชา่ งไมท้ ่ีตกจากชนั้ สองของน่งั รา้ นและบาดเจ็บสาหสั จนเสียชีวิต ช่างไมอ้ ีกคน ลื่นพลดั ตกหนา้ ผาตายทนั ทีขณะลากทอ่ นซุง บางคนกพ็ บวา่ ตายอยใู่ ตห้ นา้ ผาโดยไมท่ ราบสาเหตุ บา้ งกถ็ กู หินหลน่ ลงมาทบั บา้ งก็ตกหนา้ ผาขณะขนึ้ ไปสรา้ งหลงั คา นบั วา่ ปราสาทแหง่ นีก้ ลืนกินทง้ั เงินและชีวิตผคู้ น เป็นจาํ นวนมากแมก้ ระท่งั เจา้ ของปราสาทเอง ไกดส์ าวตวั กลมนาํ เราไปทีละหอ้ ง จุดแรกที่เราผ่านคือหอ้ งคนรบั ใช้ (Servants Room) ไม่มีการ ตกแตง่ อะไรมากมาย มีเพียงเฟอรน์ ิเจอรส์ าํ หรบั ใชง้ านท่ีทาํ ดว้ ยไมโ้ อ๊คธรรมดาจาํ พวกตู้ โต๊ะ เตียง หอ้ งคน รบั ใชจ้ ะมที งั้ หมด 5 หอ้ ง ในยามปกตจิ ะมคี นรบั ใชพ้ ระองคอ์ ย่ปู ระมาณ 30 คนในปราสาทแห่งนี้ และจะมี คนใชเ้ พิ่มขนึ้ เพ่ือดแู ลความเรียบรอ้ ยอกี เป็นเท่าตวั เลยทีเดียวเมอื่ พระองคป์ ระทบั ท่ีนี่ จากนนั้ เธอพาเราผา่ นชนั้ ที่ 2 ไปยงั ชัน้ ท่ี 3 เนื่องจากชนั้ ท่ี 2 เป็นสว่ นที่ยังก่อสรา้ งไมเ่ สรจ็ จึงไมม่ ี อะไรใหช้ ม เมือ่ ผา่ นเขา้ ไปตอ้ งบอกเลยวา่ พวกเราตะลงึ เมื่อแรกเหน็ หอ้ งนีเ้ ป็นโถงบัลลงั ก์ (Throne Room) ที่ไกดเ์ ลา่ ใหฟ้ ังวา่ พระองคม์ พี ระประสงคท์ ่ีจะสรา้ งใหเ้ หมอื นกบั หอ้ งโถงศกั ดิส์ ิทธิเ์ ช่นเดียวกบั อปุ รากรเรื่อง พารซ์ ิฟาล ซง่ึ เป็นกษัตรยิ ผ์ พู้ ิชิตจอกศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ หอ้ งโถงดงั กลา่ วมีเพดานสงู เป็นโดมโคง้ เหมอื นท่ีเห็นในโบสถ์ ตา่ งๆ การก่อสรา้ งเป็นแบบไบแซนไทน์ มีการประดบั ประดาดว้ ยจิตกรรมฝาผนงั สที องอรา่ ม บนพืน้ ประดบั ดว้ ยโมเสคถึง 2 ลา้ นชิน้ นาํ มาเรียงรายเป็นรูปสตั วแ์ ละตน้ ไมห้ ลากชนิด ดา้ นบนเป็นโคมไฟแกว้ เจียระไน เม่ือตอ้ งกบั สีทองของผนงั ทาํ ใหป้ รากฏเป็นเงาวบิ วบั ราวกบั อญั มณี มีนา้ํ หนกั ถึง 900 กิโลกรมั สามารถชัก รอกลงมาไดเ้ พ่ือทาํ ความสะอาดหรือเปล่ียนเทียนเลม่ ใหม่ ผนงั ดา้ นหลงั บลั ลงั กม์ ีภาพวาดกษัตริยซ์ ึ่งไดร้ บั การเปรียบเทียบเป็นนกั บุญ 6 องค์ ไดแ้ ก่ กษัตริยค์ ารซ์ ิเมียร์ (Karsimir) ของโปแลนด์ กษัตริยส์ เตฟาน (Stephan) ของฮงั การี พระเจา้ ไฮนร์ ิชที่ 2 ของเยอรมนี พระเจา้ หลยุ สท์ ่ี 9 (Louis IX) ของฝร่งั เศส กษัตริย์ เฟอรด์ ินานด์ (Ferdinand) ของสเปน และพระเจา้ เอด็ เวิรด์ (Edward) ขององั กฤษ เหนือภาพนักบญุ ขึน้ ไป เป็นภาพพระเยซเู ปลง่ รศั มอี ยกู่ บั พระแมม่ ารแี ละนกั บญุ โยฮนั น์ (St.Johann) รายลอ้ มไปดว้ ยเหลา่ นางฟ้า ตวั นอ้ ย ผนงั ดา้ นหลงั ตรงกลางเป็นภาพอศั วินกาํ ลงั ฆ่ามงั กร สว่ นท่ีปิดทองหากสงั เกตดีๆ จะเห็นลายสิงห์ เล็กๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณข์ องแควน้ บาเยิร์นเรียงรายเต็มไปหมด ดา้ นขา้ งมีภาพอคั รสาวกท้ังสิบสอง ตาํ แหน่งของบลั ลงั กอ์ ย่รู ะดบั เดยี วกบั แทน่ บชู าที่อย่ใู นระดบั สงู ขนึ้ ไปตามขนั้ บนั ไดหินอ่อนสีขาว ภาพวาด ทง้ั หมดเป็นฝีมือของ ดบั บลวิ โคลม์ สเบอรเ์ จอร์ ในปี ค.ศ.1884 แตอ่ ย่างไรกต็ าม หอ้ งนีเ้ ป็นโถงบัลลงั กท์ ี่ไร้
บลั ลงั กเ์ พราะยงั สรา้ งไมเ่ สรจ็ พระองคเ์ องกย็ งั ไมม่ โี อกาสไดใ้ ช้ เพราะสิน้ พระชนมไ์ ปก่อนจะสรา้ งเสรจ็ และ หลงั จากท่ีพระเจา้ ลดุ วิกสนิ้ พระชนมโ์ ดยไมค่ าดฝันพระราชวงศก์ ย็ กเลกิ สญั ญาส่งั วสั ดทุ ง้ั หมด จากโถงบลั ลงั กเ์ ป็นหอ้ งเสวย (Dining Room) หอ้ งมขี นาดเลก็ เพราะพระองคเ์ สวยแตเ่ พียงลาํ พัง ภายในตกแตง่ ดว้ ยภาพนกั แตง่ เพลงและนักรอ้ งเพลงมินเนซัง (Minnesang) ซึ่งเฟ่ื องฟูมากในเยอรมนีใน สมยั ศตวรรษที่ 12-14 พรอ้ มเหตกุ ารณป์ ระกวดรอ้ งเพลงท่ีปราสาทวารท์ บวรก์ เหนือประตเู ป็นภาพของโวล แฟรม ฟอน เอสเชนแบช (Wolfrom von Eschenbach) ผเู้ ขียนเรอ่ื งพารซ์ ิฟาล ผา้ มา่ นในหอ้ งเป็นผา้ ไหมสี แดงทอสลบั ดว้ ยดนิ้ สที อง บนโต๊ะเสวยมปี ระตมิ ากรรมท่ีทาํ ดว้ ยบรอนซป์ ิดทอง เป็นรูปตวั ละครในอปุ รากร เรอ่ื งหนึง่ ของวากเนอรก์ าํ ลงั ตอ่ สกู้ บั มงั กร เดน่ ดว้ ยงานแกะสลกั ไมโ้ อค๊ และผา้ มา่ นท่ีทาํ จากไหมสแี ดงเขม้ มี การติดตง้ั กรง่ิ เรยี กดว้ ยระบบไฟฟา้ เพ่ือใหผ้ รู้ บั ใชไ้ ดย้ ินท่วั ไมว่ า่ จะอยทู่ ี่ใดกต็ าม อีกหอ้ งท่ีสรา้ งความตะลงึ งันใหก้ ับนกั ท่องเที่ยวคงเป็นหอ้ งบรรทม (Bed Room) ตกแต่งประดบั ประดาในแบบโกธิค คือ ใชว้ สั ดไุ มเ้ ป็นหลกั ท่ีโดดเดน่ ท่ีสดุ ในหอ้ งคือเตียงไมโ้ อ๊คท่ีประดบั ลวดลายวิจิตร งดงามใชช้ ่างไมแ้ กะสลกั ถึง 14 คน ใชเ้ วลากวา่ จะเสรจ็ รวม 4 ปี รูปแกะสลกั ดา้ นบนเป็นรูปหอคอยของ โบสถท์ กุ แห่งในมิวนิค สาํ หรบั หนเู ลก็ จะใหบ้ อกวา่ สวยกพ็ ดู ไมไ่ ดเ้ ตม็ ปาก เพราะจากความรูส้ ึกส่วนตวั แลว้ มองวา่ ดนู า่ กลวั เสยี มากกวา่ อะไรจะทาํ เขา้ ไปไดถ้ ึงปานน้ัน ผา้ ปูท่ีนอน ผา้ บเุ กา้ อี้ และผา้ มา่ นคลมุ เตียง เป็นผา้ ไหมสฟี า้ สด ซึง่ เป็นสที ่ีพระองคช์ อบ ลวดลายบนผา้ มา่ นเป็นตราประจาํ ตระกลู (Coats of arms) คอื หงสแ์ ละสิงหท์ ่ีเป็นตวั แทนของราชวงศว์ ทิ เทลบาคส์ เตียงมขี นาดใหญ่กวา่ ปกติ เน่ืองจากพระองคม์ ีความ สงู ถึง 1.90 เมตร หรือประมาณ 6 ฟตุ 4 นิว้ วา่ กันวา่ สมยั น้นั ความสง่างามของพระองคท์ าํ ใหส้ าวๆ อยาก สยบแทบเทา้ พระองคท์ งั้ นนั้ แตใ่ นระยะช่วงปีสดุ ทา้ ยของชีวิตพระองคท์ รุดโทรมมาก จากเดมิ ที่สะโอดสะอง ก็ไม่เป็นอย่างน้ันอีก ท้ังอว้ น ทั้งบวม หมดความสง่างามไปสิน้ เนื่องจากในช่วงสุดทา้ ยของชีวิตก่อน สิน้ พระชนมน์ นั้ พระองคม์ ีปัญหาเกี่ยวกบั พระทนตท์ คี่ อ่ ยๆ หลดุ รว่ งไปจนทาํ ใหต้ อ้ งเสวยแตอ่ าหารออ่ นและ อาหารเหลว เคร่ืองประดับต่างๆ ลว้ นแตเ่ ป็นสีฟ้าสดซึ่งเป็นสีโปรดของพระองค์ ดา้ นขวาของพระเกา้ อีอ้ ่าน หนงั สือเป็นเตาไฟกระเบือ้ งในแบบโกธิคประดบั ดว้ ยรูปป้ันดินเผา ทางดา้ นซา้ ยเป็นมมุ โคง้ เลก็ ๆ มีเบาะน่ัง ชมวิวภายนอกท่ีเป็นหนา้ ผาและนา้ํ ตก เหนือประตมู ีซอกเวา้ เขา้ ไปในกาํ แพงประดบั ดว้ ยรูปแกะสลกั ตาม ตาํ นานวีรบรุ ุษ สว่ นโคง้ เหนือประตมู ภี าพวาดของสตรใี นชดุ พืน้ เมืองสมยั ศตวรรษที่ 15กาํ ลงั ถือวรรณกรรม เกี่ยวกบั วีรชนเร่ือง ทริสทาน อนุ อิโซลเดอะ (Tristan und Isolde)ท่ีวาดประดบั โดยรอบหอ้ งบรรทม และ กลายมาเป็นโอเปรา่ เรื่องราวของความรกั ความซ่ือสตั ยแ์ ละความเศรา้ ทุกขแ์ ละสขุ อนั เป็นอมตะของวาก เนอร์ สว่ นขา้ งพระเกา้ อีม้ ีโต๊ะสาํ หรบั ลา้ งพระพกั ตรท์ ี่อยหู่ นา้ กระจกไดต้ ิดตงั้ ระบบทาํ นา้ํ รอ้ นเอาไวด้ ว้ ย เม่อื ดงึ ป่ มุ ขนึ้ นา้ํ รอ้ นก็จะไหลออกมาทางปากหงสส์ ีเงินท่ีติดตง้ั ไว้ จากนน้ั ก็จะไหลลงท่อนา้ํ ทิง้ ที่ติดตงั้ ซ่อนไว้ สว่ นฝาผนงั ดา้ นขา้ งเตียงท่ีประทบั เป็นภาพวาดจากบทละครของวากเนอรอ์ ีกเช่นเคย และหอ้ งบรรทมนีล้ ะ
ที่พระองคถ์ กู จบั กุมในคืนวนั ท่ี 11 มิถุนายน ค.ศ.1886 เขาบอกวา่ หอ้ งบรรทมนีพ้ ระองคม์ ีโอกาสประทับ เพียงแค่ 102 วนั เทา่ นนั้ เอง หอ้ งสวดมนตเ์ ลก็ ๆ (Oratory) จะอยตู่ ดิ กบั หอ้ งบรรทม มีประตเู ปิดถงึ กนั เป็นศิลปะแบบนีโอโกธิค ฝีมือของเจ ฮอฟมนั น์ (J.Hofmann) จากมิวนิค เฟอรน์ ิเจอรไ์ มท้ ้ังหมดทาํ จากไมโ้ อ๊ค ดา้ นในเป็นแท่นบชู า เล็กๆ ตกแต่งด้วยกระจกสีรูปพระเจ้าหลุยส์ท่ี 9 แห่งฝร่งั เศสผูเ้ ป็นกษัตริย์ท่ีพระองคเ์ ทิดทูนให้เป็น แบบอย่าง และใหเ้ ป็นนักบุญประจาํ พระองค์ หอ้ งนีจ้ ะใชเ้ ป็นการส่วนพระองคจ์ ึงทาํ ไวใ้ หส้ ามารถเขา้ ได้ จากหอ้ งบรรทมและหอ้ งแตง่ พระองค์ สว่ นหอ้ งแตง่ พระองค์ (Dressing Room) ตกแตง่ ในสไตลส์ วน เป็นหอ้ งเดียวในส่วนของที่ประทับ สว่ นพระองคท์ ี่เพดานไมไ่ ดท้ าํ จากไม้ แตก่ ลบั ประดบั ตกแตง่ ดว้ ยวาดเป็นดอกไมแ้ ละเถาวลั ยใ์ หล้ อยทะลขุ นึ้ ไปบนเพดานท่ีแตง่ ไวเ้ หมือนทอ้ งฟ้า ภาพในหอ้ งมาจากเพลงมินเนซงั เช่นเดียวกนั เดินต่อไปจะเป็นหอ้ ง สว่ นพระองคท์ ี่มขี นาดกวา้ งขนึ้ กวา่ หอ้ งอ่นื ๆ ตรงนีเ้ ป็นหอ้ งน่งั เลน่ (Living Room) และรบั รองแขก (Salon) ซ่ึงตกแตง่ ดว้ ยภาพวาดอศั วินหงสอ์ ยใู่ นพาหนะเหมือนเปลอื กหอยลากดว้ ยหงสเ์ ป็นฉากหนึ่งจากเรื่องโลเฮ นกรนิ อปุ รากรของวากเนอรท์ ่ีพระองคโ์ ปรดปรานมาก ทง้ั ภาพปักรูปหงสท์ ี่แขวนไว้ เครือ่ งป้ันดนิ เผารูปหงส์ จากประเทศจีน มีโคมไฟระยา้ ออ่ นชอ้ ย ตรงมมุ หลงั เสาประตโู คง้ ออ่ นชอ้ ยหินอ่อนสีขาว ไกดบ์ อกวา่ เป็น มมุ หงส์ (Swan Corner) เพราะเป็นมมุ โปรดท่ีใชท้ รงหนงั สือ ตกแต่งดว้ ยผา้ ปโู ต๊ะ ผา้ บพุ ระเกา้ อี้ และ ผา้ มา่ นสีฟ้า สว่ นพรมซ่งึ มสี ีฟา้ เป็นสีพืน้ และมลี วดลายเป็นสงิ หน์ น้ั ถือเป็นพรมดง้ั เดมิ ตง้ั แตส่ มยั พระเจา้ ลดุ วิกยังทรงประทับที่นี่ จริงๆ แลว้ พรมทุกผืนในส่วนของที่ประทับไดม้ ีการนาํ ไปเก็บรกั ษาไวใ้ นสถานท่ี ปลอดภยั ในชว่ งที่มสี งคราม แตเ่ มอ่ื หมดสงครามแลว้ กลบั มีเพียงหอ้ งนีท้ ี่นาํ มาติดตง้ั ไวด้ งั เดมิ จากนนั้ ไกดพ์ าเราไปยงั ถา้ํ เทียม (Grotto) ซ่ึงมาจากอปุ รากรเร่ืองทันฮอยเช่อ เป็นฝีมือของเดอรร์ ิ เกิล (Dirrigl) ชา่ งฝีมอื จากมวิ นิค ผเู้ ป็นบคุ คลเดยี วกนั กบั ท่ีสรา้ งถา้ํ เทียมในสวนของปราสาทลินเดอรฮ์ อฟ พระองคโ์ ปรดใหส้ รา้ งนา้ํ ตกและประดบั แสงไฟสีตา่ งๆ ไวใ้ นถา้ํ เพ่ือเพ่ิมความงดงาม ถือไดว้ า่ เป็นเทคโนโลยี ท่ีลา้ํ สมยั อีกอย่างหนึ่งนอกเหนือไปจากระบบทาํ ความรอ้ นที่ติดตง้ั ไว้ ผนงั หินงอกหินยอ้ ยของถา้ํ ทาํ ดว้ ย เชือกดบิ ผสมปนู ปลาสเตอรจ์ ากปารีส มปี ระตกู ระจกแบบเล่ือน เปิดออกไปส่รู ะเบียงซึ่งเป็นสวนฤดหู นาว (Winter Garden) ซง่ึ เดิมตง้ั ใจที่จะสรา้ งที่ชนั้ ท่ี 2 เพื่อชมวิวทิวทศั นอ์ ีกดว้ ย ใกลๆ้ กันเป็นหอ้ งทรงหนังสือ (Study Room) ที่มีภาพวาดใหเ้ ราเห็นชดั เจนเกี่ยวกบั ถา้ํ กรอตโตจากเรื่องทนั ฮอยเช่อ โดยเป็นภาพของ พระเอกที่อยใู่ นถา้ํ วนี สั กรอตโต (Venus Grotto) สรา้ งในแบบโรมนั เช่นเดียวกบั ปราสาทวารท์ บวรก์ งานไม้ ทง้ั หมดทาํ ดว้ ยไมโ้ อ๊คเช่นกนั โคมไฟเหนือโต๊ะทาํ จากแผ่นทองเหลืองขดั เงา ภาพที่ตกแตง่ นอกจากเร่ือง ทนั ฮอยเชอ่ แลว้ ยงั เป็นภาพบรรยากาศการแขง่ ขนั รอ้ งเพลงท่ีปราสาทวารท์ บวรก์ ผา้ มา่ นในหอ้ งนีใ้ ชผ้ า้ ไหม สีเขียว เป็นงานฝีมือที่ประดบั ดว้ ยดิน้ ทองและเงินตราประจาํ ตระกูลบาวาเรีย และบนโต๊ะทรงหนงั สือ ประดบั ตกแตง่ ดว้ ยหงสจ์ ากเรอ่ื งโลเฮนกรนิ จรงิ ๆ แลว้ ภายในหอ้ งยงั มเี ฟอรน์ ิเจอรอ์ ีกหลายอยา่ งท่ีวางไวใ้ น หอ้ งนีส้ าํ หรบั ใชง้ านส่วนพระองค์ แต่ไกดบ์ อกวา่ เน่ืองจากเป็นสว่ นท่ีเปิดใหเ้ ขา้ ชมจึงตอ้ งมีการขนยา้ ย
ออกไปเกบ็ รกั ษาไวใ้ นที่ปลอดภยั และในอณุ หภมู ทิ ี่เหมาะสม เช่นเดยี วกบั ของประดบั ตกแตง่ หอ้ งอีกหลาย อยา่ ง เพื่อเพ่ิมพืน้ ที่ของหอ้ งใหก้ วา้ งขนึ้ รองรบั กบั จาํ นวนนักท่องเที่ยวท่ีแวะเวียนเขา้ มาชมปีละหลายรอ้ ย ลา้ นคน และปอ้ งกนั การสญู หายจากการโจรกรรม ซ่ึงไกดเ์ องก็กงั วลสิ่งเหล่านีม้ ากเพราะถือเป็นสมบัติที่ ประมาณคา่ ไมไ่ ด้ หอ้ งสดุ ทา้ ยสาํ หรบั การนาํ ชมคือ โถงนักรอ้ ง (Singer’s Hall) ถือเป็นหอ้ งท่ีสาํ คญั ท่ีสดุ และใหญ่ ท่ีสดุ ซ่ึงตงั้ อยทู่ ่ีชน้ั 4 ของปราสาท จดุ เดน่ เร่มิ ตงั้ แตโ่ ถงบนั ไดทางขนึ้ ที่ไดป้ ระดิษฐ์เป็นตน้ อินทผลมั สงู เสียด ฟ้าไวห้ ลอกตา บริเวณนีเ้ รียกกนั วา่ แกลเลอร่ีทางเดิน (Gallery Passage) เพราะมีภาพวาดประดบั ไว้ ตลอดทางเดิน เป็นฉากจากเรือ่ งโลเฮนกรินและพารซ์ ิฟาล และหากสามารถมองออกไปนอกหนา้ ตา่ งขนาด ใหญ่ในบริเวณนี้ จะเห็นวิวของฟื สเซน และหุบเขาชวานเกา แซมดว้ ยสีฟ้าของทะเลสาบฟรอกเกน (Froggensee) เม่อื เขา้ สโู่ ถงนักรอ้ ง สถานที่ที่พระเจา้ ลดุ วิกท่ี 2 ตงั้ ใจจะใชห้ อ้ งนีเ้ ป็นสถานที่แสดงดนตรีและโอ เปราของวากเนอร์ ไดแ้ นวคิดมาจากการจดั หอ้ งจัดเลีย้ งประกวดรอ้ งเพลงในปราสาทวารท์ บวรก์ แมว้ ่า พระองคไ์ ดก้ าํ หนดใหส้ รา้ งเลียนแบบทงั้ ขนาดและการออกแบบตกแต่ง แต่ไปๆ มาๆ กลบั กลายเป็นว่ามี การตกแตง่ ท่ีหรูหรา โออ่ า่ อลงั การกวา่ ตน้ ฉบบั เสียอกี ที่สะดดุ ตาคอื โคมไฟระยา้ ขนาดใหญ่และภาพเขียน บนผนงั ที่เป็นเร่ืองราวจากโอเปรา่ เรือ่ งพารซ์ ิฟาล กษัตรยิ ผ์ พู้ ิชิตจอกศกั ดิ์สิทธิ์ และเป็นพระบิดาของอศั วิน หงสโ์ ลเฮนกริน หอ้ งนีจ้ ะตรงกบั หอ้ งหนงั สอื ที่ดา้ นลา่ ง เพราะพระเจา้ ลดุ วิกตงั้ ใจไวว้ า่ จะฟังเสียงดนตรีจาก หอนกั รอ้ งนีจ้ ึงไดเ้ จาะเพดานท่ีหอ้ งทรงหนงั สือไว้ แตส่ ดุ ทา้ ยความตงั้ ใจของพระองคก์ ็เป็นหมนั เพราะวาก เนอรก์ ลบั ไมเ่ คยไดแ้ สดงดนตรีในหอ้ งนเี้ ลยแมแ้ ตค่ รง้ั เดียวจนกระท่งั ถกู ขบั ออกไป จึงเป็นเพียงหอ้ งจดั เลีย้ ง ในงานวนั คลา้ ยวนั ประสตู อิ ย่างเงียบเหงาเพียงแคค่ รงั้ เดียว แมแ้ ตพ่ ระองคเ์ องกไ็ มเ่ คยไดท้ อดพระเนตรการ แสดงในหอ้ งนี้เลยจนกระท่งั สิน้ พระชนมไ์ ป หากมองออกไปนอกหนา้ ตา่ งในวนั ฟ้าเปิดดา้ นหนึ่งจะเป็น สะพานมารี (Marienbrücke) ท่ีทอดตวั อยเู่ หนือนา้ํ ตกสายยาวจากหนา้ ผาสงู ชนั ในขณะท่ีอีกดา้ นจะเป็น ทงุ่ หญา้ โลง่ กวา้ งไกลไปจนถึงเมืองชวานเการมิ ทะเลสาบฟรอกเกน (Froggensee) ตึกสีขาวท่ีเห็นลิบๆ อยู่ ริมทะเลสาบฟอรก์ เกน (Froggensee) เป็นอาคารมิวสิคลั เธียเตอร์ นอยชวานสไตน์ (Musical Theater Neuschwanstein) บนพืน้ ที่ 45,000 ตารางเมตร จผุ ชู้ มไดป้ ระมาณ 1,380 คน ที่จะบอกเล่าเร่ืองราวชีวิต ของพระองคท์ ่ีเกี่ยวพนั กบั ปราสาทแห่งนีใ้ นทกุ ค่าํ คนื แก่นกั ทอ่ งเท่ียว ปราสาทนอยชวานสไตนเ์ ป็นปราสาทที่ยงั คงสรา้ งไมเ่ สรจ็ เมอื่ ครงั้ ที่พระองคส์ นิ้ พระชนม์ ปราสาท นีไ้ ดถ้ กู สรา้ งไปเพียง 1 ใน 3 ของที่วางแผนไว้ โดยแลว้ เสรจ็ เพียง 20 หอ้ ง จากท่ีดาํ ริใหส้ รา้ งทัง้ หมด 70 หอ้ ง หลงั จากสิน้ พระชนม์ พระบรมวงศานวุ งศไ์ ดเ้ ปิดใหป้ ระชาชนไดเ้ ขา้ ชมภายในเพียงบางส่วน โดยเก็บ คา่ เขา้ เป็นคา่ ทาํ นบุ าํ รุงและซ่อมแซม แมว้ า่ ปราสาทแหง่ นีจ้ ะโดง่ ดงั ท่ีสดุ แตก่ ็ไม่ใช่หลงั ท่ีสวยที่สดุ หากจะ สาํ คญั กค็ งเป็นเพราะเป็นสถานท่ีท่ีพระองคป์ ระทบั ในชว่ งสดุ ทา้ ยของชีวิตกอ่ นที่จะถกู จบั กมุ ไปยงั ปราสาท แบรก์ และสนิ้ พระชนมล์ งอยา่ งปริศนา
นบั แตอ่ ดีตจนปัจจบุ นั ปราสาทแห่งนีม้ ีอายุราว 140 กวา่ ปี ไม่เคยว่างเวน้ นกั ท่องเท่ียวทกุ ผคู้ นที่ ใฝ่ฝันจะเดนิ ทางสคู่ วามงดงามราวเทพนิยายซง่ึ น่นั ก็รวมทั้งหนเู ล็ก พี่ใหญ่ คณุ ปา และคณุ สดุ ซึ่งลว้ นแต่ ไดร้ บั ความอม่ิ ใจ ประทบั ใจกลบั ไป และกค็ งเป็นเช่นนีต้ ราบนานเท่านาน สมกับคาํ ทาํ นายของพระเจา้ ลดุ วกิ ที่ 2 เคยทรงพระอกั ษรถึงวากเนอรว์ า่ “เมื่อเราทั้งสองตายไปแลว้ นานแสนนาน ผลงานของเราจะเป็นตวั อย่างอนั เรืองโรจน์ ช่วั ลกู ช่ัว หลาน” จากนนั้ ไกดก์ ็จะอาํ ลาเรา ขอบคณุ สาํ หรบั การมาเยี่ยมเยือนปราสาทแห่งนี้ และเธอทิง้ ทา้ ยไวว้ ่า เชิญมาเยี่ยมชมไดท้ กุ เมือ่ ซ่ึงพวกเธอยินดีตอ้ นรบั เสมอ แหม...ไม่ไหวกระมงั ค่าเขา้ ชมไม่ใช่ถูกๆ เพียงสกั ครงั้ หนง่ึ ในชีวิตท่ีจะเขา้ มาเดนิ ภายในนีก้ ็นา่ จะเพียงพอแลว้ เพราะถา้ จะถามวา่ ประทับใจมากเสียจนตอ้ ง กลบั มาชมอีกนน้ั คงไมถ่ ึงขนาดนั้น ยอมรบั วา่ สิ่งที่เห็นมานั้น สวย อลงั การ และเตม็ ไปดว้ ยฝีมือเชิงช่าง ลว้ นๆ เพราะทงั้ การตกแตง่ ภายในและเฟอรน์ ิเจอรต์ า่ งๆ นน้ั ยากท่ีคนธรรมดาจะทาํ ใหส้ าํ เร็จไดง้ ่าย ๆ แต่ หากดใู นความเป็นจรงิ แลว้ ทกุ อย่างดจู ะเตม็ ท่ีมากเกินจาํ เป็น ทกุ อย่างเตม็ ไปดว้ ยเรื่องราวหลากหลายที่ นาํ มาผสมปนเปกนั จนดฟู ่ มุ เฟื อย รุม่ รวย อดั แน่นจนเกินไป ก็จะไมใ่ หม้ ากเกินไปไดอ้ ย่างไร พระองคเ์ ล่น เอาละครตงั้ 3 เร่ืองมารวมกัน อะไรตอ่ มิอะไรเลยมากมายไปหมด สิ่งเหล่านีส้ ะทอ้ นใหเ้ ห็นวา่ พระองค์ น่าจะมคี วามขดั แยง้ ในพระองคเ์ อง จนดเู หมือนน่าจะเป็นแบบที่เรยี กวา่ “เดก็ มีปัญหา” ขาดความรกั ความ อบอนุ่ จึงหมกมนุ่ หลงไหลอย่แู ตใ่ นโลกของจินตนาการ เม่ือไปตกหลมุ รกั กับบทประพนั ธข์ องวากเนอรจ์ ึง ไดแ้ ตเ่ อาตวั เองไปผกู กบั โลกของบทประพนั ธ์ และพยายามที่จะนาํ ตวั เองไปผกู พนั กบั วากเนอรท์ ี่ตนลมุ่ หลง อีกตา่ งหาก เมอื่ ออกมาจะมีป้ายบอกทางไปยงั ทางออกท่ีอย่ชู น้ั ล่างสดุ โดยทางเดินจะพาเราผา่ นสว่ นที่เป็น รา้ นขายของที่ระลกึ ของปราสาทท่ีมีความเกี่ยวพันกบั ปราสาท พระเจา้ ลดุ วิก และประเทศเยอรมนี มีท้ัง ตกุ๊ ตารูปกษัตรยิ ใ์ สม่ งกฎุ ต๊กุ ตาหงส์ ตกุ๊ ตาสิงโต พระราชประวตั พิ ระเจา้ ลดุ วิก หนงั สือเลา่ ประวตั ิปราสาท โปสการด์ ภาพปราสาทในฤดกู าลต่างๆ หากตอ้ งการเก็บภาพภายในปราสาทเป็นท่ีระลึกก็จะมีโปสการด์ ภาพหอ้ งแตล่ ะหอ้ งที่เราไม่สามารถถ่ายภาพเองไดว้ างขายไวด้ ว้ ย ภาพเหลา่ นีค้ อ่ นขา้ งขายดีสาํ หรบั ผทู้ ี่ อยากเกบ็ ไวเ้ ป็นที่ระลกึ หนเู ลก็ เองกซ็ ือ้ มาเกบ็ ไวเ้ ป็นท่ีระลกึ เล่มหน่ึง เพราะการไดเ้ ขา้ ไปชมในระยะเวลา เพียงไม่ก่ีนาทีโดยที่ไม่อนุญาตใหถ้ ่ายภาพ เมื่อออกมาเดินภายนอกสกั พักก็คงจะลืมภาพประทับตา ประทบั ใจไปหมดแลว้ ภายในหนงั สือมที ง้ั ภาพภายในปราสาทแห่งนีแ้ ละปราสาทโฮเฮนชวานเกา
เทา่ ที่เดนิ สาํ รวจราคาสนิ คา้ ของรา้ นขายของที่ระลกึ สว่ นใหญ่มีราคาแพง ดงั น้ัน พวกเราจึงพากัน เดินผา่ นสว่ นนีอ้ อกประตไู ปโดยไม่ไดซ้ ือ้ อะไรติดมือกนั จากนัน้ จะพบป้ายบอกทางไปรา้ นอาหารภายใน ปราสาทที่กล่ินหอมย่วั ยวนนา้ํ ย่อยเสียเหลอื เกนิ แตเ่ ราคงสรู้ าคาไมไ่ หวจึงไดแ้ ตไ่ ปแวะใชบ้ รกิ ารหอ้ งนา้ํ ที่อยู่ ใกลๆ้ กนั ออ้ ..ใกลๆ้ กนั นีม้ โี มเดลจาํ ลองของปราสาทใหเ้ ราไดย้ ลโฉมดว้ ย จดุ สนิ้ สดุ การทวั รป์ ราสาท จากนน้ั ก็เดินไปยงั ประตสู ว่ นที่เป็นหอ้ งครวั (Kitchen Room) ซึง่ มขี นาดใหญ่มาก จุดเดน่ อยู่ท่ีเสา หินขนาดใหญ่กลางหอ้ งจาํ นวน 2 ตน้ หอ้ งครวั นีเ้ ป็นหอ้ งเดยี วภายในปราสาทท่ีสามารถถา่ ยรูปได้ จดั ไดว้ า่ เป็นครวั ท่ีทนั สมยั ที่สดุ ในยคุ นนั้ เพราะมีทงั้ ท่อนา้ํ รอ้ น นา้ํ เย็น ตเู้ ก็บอาหารที่ใชอ้ ากาศรอ้ นจากเตาอ่นุ ให้ รอ้ นได้ เตายา่ งหมนุ อตั โนมตั แิ บบท่ีใชเ้ ป็นไกย่ า่ งแบบหมนุ มีเตาอบขนาดใหญ่อย่ดู า้ นในสดุ หอ้ งนีก้ เ็ ป็นอกี หอ้ งที่เขาอนรุ กั ษ์ไวใ้ หค้ งสภาพเชน่ ในอดตี จะมใี หมก่ ็คงเป็นพวกภาชนะ เคร่ืองครวั ท่ีเอามาประดบั เพิ่มเติม ใหไ้ ดบ้ รรยากาศ ภาพเจา้ ของปราสาทเมอื่ ครงั้ ยงั หลอ่ เหลา
จากจดุ นีถ้ ือวา่ การทวั รป์ ราสาทสนิ้ สดุ ลงจรงิ ๆ แลว้ เรามองหาป้ายทางท่ีจะไปสะพานมารีหรือมา เรียนบรคึ (Marienbrüke) ที่ในวนั ฟา้ ใสสะพานนีจ้ ดั เป็นจดุ ชมวิวปราสาทที่เย่ียมที่สดุ เพราะจะไรส้ ่ิงบดบงั ทงั้ ปวง แตถ่ า้ จะเอาใหส้ วยสดุ ๆ แบบในโปสการด์ ท่ีวางขายกัน คือ เห็นตวั ปราสาทท้ังหมดโดยมีป่ าและ ทะเลสาบเป็นฉากหลงั ตอ้ งยอมเสียเงินขนึ้ เคเบิล้ คารท์ ่ีนาํ ไปสยู่ อดเขา เทเกลแบรก์ (Tegelberg Moutain) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวปราสาทประมาณ 2 กิโลเมตร ที่ความสูงถึง 1,720 เมตรจากระดับน้ําทะเลใน ขณะเดยี วกนั หากมองจากหนา้ ตา่ งปราสาทกจ็ ะเหน็ สะพานนีช้ ัดเจนเช่นกัน แต่ในวนั นีด้ ทู ่าพวกเราคงจะ ผดิ หวงั เป็นแนแ่ ท้ เพราะฟา้ ปิดเสยี เหลอื เกิน หมอกยงั คงลงหนาจัดเช่นเดิมไม่มีลดลงเลย แตก่ ระน้นั เราก็ ตดั สินใจวา่ ครง้ั หนึ่งในชีวติ ก็ขอไปเดินเลน่ บนสะพานกนั สกั หนเถอะ จะอยา่ งไรกช็ า่ ง ไหนๆ กม็ าถึงขนาดนี้ แลว้ เสน้ ทางเดินไปยงั สะพานเป็นทางลาดยางอยา่ งดี ผา่ นตน้ ไมต้ น้ สงู ใหญ่ที่กาํ ลงั ทยอยเปล่ียนสเี ป็นสี เหลือง สีแดง เสียแตย่ ังมีสีเขียวอย่มู ากจึงยงั ทาํ ให้ป่ ายังคงความสดชื่น ไมด่ ูเศรา้ เกินไปนัก หากจะดู หมน่ หมองไปสกั นิดอาจเป็นเพราะสายหมอกที่ยังไร่เร่ียไปท่ัวบริเวณ ประกอบกบั การไดร้ บั รูเ้ รื่องราวอนั แสนรนั ทด หดห่ขู องพระเจา้ ลดุ วิกท่ี 2 เลยทาํ ใหห้ นเู ลก็ มองดวู า่ บรรยากาศในวนั นีท้ ่ีมาเยือนมนั ดจู ะเศรา้ ไปเสียหน่อย ระหว่างทางเดินมีมา้ น่ังใหน้ ักท่องเท่ียวสามารถน่งั พักเหน่ือยไดเ้ ป็นระยะๆ วนั ท่ีเราไปมี นกั ท่องเที่ยวมาเสน้ ทางนีก้ นั ไมม่ ากนกั อาจเป็นเพราะหมอกลงจดั เลยทาํ ใหน้ กั ทอ่ งเที่ยวสว่ นหนง่ึ ไมส่ มคั ร ใจจะเดนิ มา เพราะเมือ่ ไปถงึ สะพานก็คงไมส่ ามารถมองววิ อะไรจากสะพานไดเ้ ลย ทางเดนิ สวยๆ สสู่ ะพานมารี
หลงั จากเดินลดั เลาะกนั มาไดส้ กั พกั เรากม็ าถงึ จดุ หมาย สะพานเหลก็ นีท้ อดตวั ระหวา่ งเขาสองลกู ที่มีความลกึ ราว 90 เมตร มีนา้ํ ตกสงู 45 เมตรไหลผา่ น แตเ่ ดิมสมยั ท่ีพระเจา้ แมกซมิ ลิ เล่ยี นท่ี 2 สรา้ งไวเ้ ป็น สะพานไมภ้ ายหลงั จึงไดม้ ีการสรา้ งสะพานเหลก็ ทดแทน จดุ ถ่ายภาพสว่ นใหญ่ของนักท่องเท่ียวคือการได้ ไปยืนกลางสะพานเป็นที่ระลกึ ดงั นน้ั แมว้ า่ จะมีนกั ท่องเที่ยวท่ีมาในเวลาเดียวกนั กบั เราไมม่ ากนกั แต่ก็ยงั มีควิ ตอ้ งคอยกนั เป็นระยะๆ แตด่ ว้ ยเหตทุ ่ีหมอกลงจัด เลยทาํ ใหแ้ คพ่ ่ีใหญ่ไปยืนกลางสะพาน แลว้ หนูเลก็ ยืนเกบ็ ภาพใหย้ งั แทบจะมองกนั ไมช่ ดั ตวั สะพานคอ่ นขา้ งแขง็ แรง ไมต่ อ้ งกลวั หากจะเดนิ เลน่ บนสะพานนน้ั เพียงแตเ่ วลามองลงตา่ํ ไปยงั เบือ้ งลา่ งหนเู ลก็ อดจะเสียวไมไ่ ด้ ก็ความสงู ตง้ั ขนาดน้ันใครไมร่ ูส้ กึ อะไรเลยก็ แปลก เก็บภาพท่ามกลางสายหมอก ท่ีตาขา่ ยราวสะพานมีแมก่ ญุ แจเกี่ยวคลอ้ งกนั อยหู่ ลายลกู ดเู หมอื นจะกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ไปแลว้ ท่ีครู่ กั มกั จะมาคลอ้ งแมก่ ญุ แจประกาศรกั ยืนยงกนั บนสะพานสงู แบบนี้ นอกจากนีย้ งั มกี ารประกาศ ความรกั กนั ดว้ ยการนาํ ปากกาเมจิกมาเขียนไวต้ ามราวสะพานดว้ ย ซ่ึงวิธีนีเ้ ป็นวิธีท่ีไมแ่ นะนาํ เลย เท่าที่ เดินๆ ดขู องไทยเรายงั มาประกาศรกั ต่อประเทศไทยไวบ้ นนีด้ ว้ ย จริงๆ แลว้ หากรกั ประเทศไทยไมต่ อ้ งมา แสดงออกถึงเยอรมนีก็ไดน้ ะ มีทงั้ กญุ แจประกาศความรกั และการสลกั ช่ือทิง้ เอาไว้ เราเดนิ ขา้ มสะพานกนั ไปมาหลายรอบจนพอใจ ตอนนีก้ ็บ่ายโมงกวา่ แลว้ คงไดเ้ วลาท่ีเราตอ้ งอาํ ลา จากปราสาทแหง่ ความฝันกนั เสยี ที เดนิ อยใู่ นอาณาจักรของพระเจา้ ลดุ วิกนานๆ แบบนี้ พอนึกถึงเจา้ ของ สถานที่ขนึ้ มากอ็ ดรูส้ กึ หดหใู่ จอย่เู หมอื นกนั อดคิดไมไ่ ดว้ า่ พวกเรานักท่องเท่ียวเป็นใครกันถึงไดม้ าเดินอยู่
ในพระราชอาณาจกั รของพระองคก์ นั อย่างเพลิดเพลิน ไดม้ าเดนิ เสพสขุ ไดอ้ ย่างเต็มที่ ในขณะท่ีพระองคผ์ ู้ เป็นเจา้ ของกลบั มีโอกาสไดอ้ ยเู่ พียงไมก่ ี่วนั และช่วงเวลาท่ีมีชีวิตอยู่ก็ยังไม่ทันจะมีความสขุ เสียดว้ ยซา้ํ ไป เราเดินลงโดยใชท้ างอีกดา้ นหนง่ึ ลดั เลาะลงมาไมน่ านกถ็ ึงบริเวณรา้ นขายของที่ระลกึ และจดุ จาํ หน่ายต๋วั คณุ ปาและคณุ สดุ ขอเขา้ ไปเดินชมของที่ระลกึ สกั พกั เผื่อไดอ้ ะไรตดิ ไมต้ ิดมอื ออกมา แตเ่ ทา่ ท่ีเดนิ สาํ รวจของ คอ่ นขา้ งแพงทกุ คนก็เลยเดนิ มือเปลา่ กลบั ออกมา เสน้ ทางเดนิ ลงสทู่ ะเลสาบแอลป์ สนิ คา้ ตา่ งๆ ในรา้ นขายของท่ีระลกึ กอ่ นจะเดนิ ทางกลบั เราถือโอกาสแวะไปชมความงามของทะเลสาบแอลป์ (Alpsee) ท่ีเดินจากจุด ที่จอดรถไปไม่ไกลนัก วันนี้มีลมอ่อนๆ ทาํ ใหน้ า้ํ ไม่เป็นริ้วระลอกมากนัก น้าํ นิ่งสงบแบบนี้เลยทาํ ให้ กลายเป็นทะเลสาบกระจกทีส่ ะทอ้ นเงาของเทือกเขาไทโรลีนแอลป์ (Tyrolian Alps) เทือกเขาที่กนั้ พรมแดน ระหวา่ งเยอรมนีกบั ออสเตรยี ที่ลอ้ มรอบอยู่ นา้ํ ในทะเลสาบเป็นสเี ขียวใสจนเหน็ ถึงพืน้ กรวดเบือ้ งลา่ ง มีหงส์ 6 – 7 ตวั ท่ีเขา้ ใจวา่ คงคนุ้ กบั นกั ทอ่ งเท่ียวไปแลว้ พากนั มาลอยตวั ริมฝ่ังรอรบั อาหาร นักท่องเที่ยวสามารถ เขา้ ไปใหอ้ าหารไดใ้ กลม้ ากทีเดยี ว
ทะเลสาบแอลป์ (Alpsee) หมดเวลากบั ปราสาทแห่งนีก้ นั จรงิ ๆ แลว้ ระยะทางของวนั นีเ้ ราอีกไกล ความงดงามและลงตวั แห่ง สถาปัตยกรรมอนั แสนวิจิตรของปราสาทกบั ความสมบูรณท์ ั้งภมู ิประเทศ ที่ตง้ั ท่ีมีฉากหลงั เป็นทะเลสาบ โอบลอ้ มดว้ ยหุบเขาตระหง่าน พฤกษชาตินาๆ พันธุ์ เหล่านี้เอง จึงไม่แปลกที่ทาํ ใหป้ ราสาทแห่งนีเ้ ป็น ตน้ ฉบบั ของความโรแมนติกท่ีร่าํ ลือกนั เราไดแ้ ตส่ ง่ สายตาอาํ ลาปราสาทพ่อ ปราสาทลกู ทิง้ ความย่ิงใหญ่ ทงั้ สองไวเ้ บือ้ งหลงั แมว้ นั นีผ้ คู้ รอบครองปราสาทจะจากไปแลว้ แตค่ วามย่ิงใหญ่ที่ทิง้ ไวใ้ หช้ นรุน่ หลงั ช่างมี ค่ามีความหมายเสียเหลือเกิน พระองคท์ ่านจะรูไ้ หมนะวา่ ส่ิงที่พระองคส์ รา้ งไวม้ ีคณุ ค่ามหาศาล ซ่ึงไม่ เพียงแตช่ าวเยอรมนี แตก่ บั มนษุ ยโ์ ลกทกุ เผา่ พนั ธุ์ เพราะสถานที่แห่งนีถ้ ือเป็นมรดกทางความคิด มรดกทาง ฝีมอื ท่ีบรรพชนในอดีตไดฝ้ ากเอาไวใ้ หอ้ นชุ นรุน่ หลงั ไดช้ ื่นชม หนเู ลก็ นาํ พาพวกเราออกรถมาตรงปากทางซึ่งมีกองฟักทองวางจาํ หน่ายตอ้ นรบั วนั ฮาโลวีนที่จะ มาถึงในอีกไมก่ ี่วันขา้ งหนา้ นี้ เราลองไปจอดดกู ันไม่เห็นมีคนขายเฝ้าของเลย บา้ นเมืองเขาอยู่กันแบบ ซ่ือสัตย์ ไม่กลวั ใครมาอมุ้ ไปแมจ้ ะวางทิง้ ไวแ้ บบนี้ เพราะขา้ งๆ กองฟักทองสีสม้ สารพัดขนาด สารพัด รูปแบบท่ีวางไวเ้ ขาจะมีตหู้ ยอดเหรียญพรอ้ มปา้ ยที่จะบอกไวว้ า่ ฟักทองแบบไหนราคาเท่าไหร่ เลือกขนาด และรูปแบบท่ีตอ้ งการแลว้ ก็ดรู าคาแลว้ ก็หยอดเหรียญลงไปตามน้นั พอตกเย็นเขา้ ใจว่าคนที่เอามาไวค้ ง คอ่ ยมาตามเก็บกลบั ไป แผงจาํ หนา่ ยฟักทองรมิ ทาง แบบ Self service จดุ หมายถดั ไปของเราเป็นวสี เ์ คียเช่อ (Wieskirche) โบสถท์ รงรีที่ไดช้ ่ือวา่ งดงามมากและเป็นมรดก โลก อยใู่ นเขตเมืองโชนเกา (Schongau) การเดินทางจากปราสาทนอยชวานสไตนม์ ีระยะทางไม่ไกลกนั มากนกั แตห่ ากใหห้ าทางไปเองเชื่อวา่ พวกเราคงจะหลงเป็นแน่ เพราะทางเขา้ ตรงริมถนนถา้ ไมส่ งั เกตดีๆ
คงไมท่ นั ไดเ้ ลีย้ วไป เพราะตวั โบสถจ์ ะตอ้ งวิ่งเขา้ ลดั เลีย้ วผา่ นท่งุ หญ้าเขา้ ไปดา้ นในท่ีไมส่ ามารถมองเห็น จากดา้ นนอกไดเ้ ลย ดีวา่ เรามี “นอ้ งจี” เป็นไกดน์ าํ ทาง ดงั น้นั แค่ขบั ตามท่ีนอ้ งจีบอกเราก็คงถึงจดุ หมาย เป็นแน่ แต่อย่างไรก็ตาม หนูเล็กอดพิศวงไมไ่ ด้ เพราะตรงหน้ามีแต่ถนนเสน้ เล็กๆ แค่พอให้รถว่ิง ดา้ น ซา้ ยมอื และขวามือมีแตท่ ่งุ หญา้ สเี ขียวสดสลบั เนินสงู ตา่ํ มวี วั นมตวั อว้ นพียืนและเลม็ หญ้า เมื่อรถเราแล่น ผา่ นไดแ้ ตเ่ หน็ วา่ พวกหลอ่ นเอียงหนา้ มามองรถเหมือนจะดว้ ยอารมณน์ ึกราํ คาญ ที่พากนั วงิ่ ทะลทุ ะลวงเขา้ มาทาํ ลายความสขุ ของพวกหล่อนแมใ้ นพืน้ ที่อนั แสนสงบเช่นนี้ ลดั เลีย้ วไปมาไม่นานเราก็เห็นตวั โบสถส์ ี ขาวโพลนขนาดใหญ่ตง้ั ตระหง่านอย่เู บือ้ งหนา้ มรี ถนกั ท่องเท่ียวเขา้ มาเย่ียมชมจาํ นวนไม่นอ้ ยเลย ที่ลาน จอดรถท่ีเขาจัดไวใ้ หม้ ีทง้ั รถทัวร์ รถบัสนาํ เท่ียว รถโคช้ และนักท่องเที่ยวท่ีขบั รถมาเท่ียวกันเองแบบเรา เขา้ ใจวา่ รถสว่ นใหญ่คงเขา้ มาตามเสน้ ทางหลกั ท่ีแยกมาจากถนนสาย B17 ก่อนจะเดินทางไปยงั ฟื สเซน ในขณะท่ีพวกเรายอ้ นมาจากทางฟื สเซนจึงกลายเป็นถนนเสน้ เลก็ ๆ แคร่ ถวิ่งไดท้ ีละคนั ระหว่างทางเดินจากลานจอดรถที่มีหอ้ งนา้ํ ไวบ้ ริการ ยงั มีรา้ นขายของท่ีระลึกใหน้ กั ท่องเท่ียวได้ เลือกซือ้ ไปเป็นของขวญั ของฝากดว้ ย สิ่งที่สะดดุ ตาคงเป็นไมก้ างเขนท่ีทาํ จากวสั ดนุ านาชนิดวางจาํ หน่าย ลอ่ ตาลอ่ ใจ มที ง้ั ท่ีเป็นไม้ เป็นเซรามคิ ปูนปั้น สลกั ขอ้ ความทางศาสนา หรือเทียนสีขาวนวลในรูปลกั ษณ์ ตา่ งๆ ที่สวยงามไมแ่ พก้ นั นอกนนั้ ยงั มขี องประดบั ตกแตง่ และภาพวาดสนี า้ํ ท่ีเป็นรูปพระเยซแู ละพระแมม่ า รี ถือเป็นของที่ระลกึ ที่เหมาะแก่การเลอื กสรรไปฝากมติ รสหายชาวครสิ ต์ รา้ นขายของที่ระลกึ ที่มีแตข่ องน่าสนใจ
ตวั โบสถส์ ีขาวท่ีเห็นชา่ งเป็นสถาปัตยกรรมท่ีเรียบง่ายอะไรจะปานนนั้ หากจะใชค้ าํ วา่ เรียบง่ายกย็ งั ดจู ะนอ้ ยไป จดั ไดว้ า่ จืดชืดเลยทีเดียวละ แตห่ นูเลก็ เช่ือว่าในความธรรมดานีต้ อ้ งมีอะไรไม่ธรรมดาพอตวั ไมเ่ ชน่ นน้ั คงไมไ่ ดส้ ญั ลกั ษณม์ รดกโลกจากองคก์ ารยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ.1983 มาการนั ตีไวใ้ ห้ เหน็ ตรงดา้ นหนา้ ความย่ิงใหญ่ท่ีสายหมอกไมอ่ าจบดบงั ไว้ ไดร้ บั การขนึ้ ทะเบียนเป็นมรดกโลกดว้ ย ไดเ้ วลาเขา้ ไปชม ความงดงามดา้ นในกนั แลว้
ซง่ึ กจ็ รงิ ดงั คาด เพราะเมอื่ เปิดประตโู บสถเ์ ขา้ ไป คาํ ว่าอลงั การงานสรา้ งยังดจู ะนอ้ ยไป น่าจะอภิ มหามหึมาอมตะอลงั การตระการตาอะไรทาํ นองนั้นเลยทีเดียวเชียว ภายในพื้นผนังเป็นสีขาวบริสทุ ธิ์ ประดับประดาโดยรอบดว้ ยบรรดารูปปูนป้ันนักบุญ ส่วนผนังและเสาตกแต่งลวดลายไวร้ าวกับเนรมิต เพดานโคง้ ภายในทั้งหมดวาดภาพเกี่ยวกับเร่ืองราวขององคพ์ ระเยซูในตาํ แหน่งตา่ งๆ ของโบสถ์ และ ภาพวาดบรรดานางฟ้าและทวยเทพตา่ งๆ ท่ีทาํ ใหโ้ บสถน์ ีด้ ยู ิ่งใหญ่อาจเป็นเพราะการใชส้ ีสว่างและตกแตง่ แซมดว้ ยสที องจงึ ทาํ ใหด้ วู จิ ติ รงดงามตามแบบฉบบั ของศลิ ปะรอคโคโคและถือเป็นผลงานชิน้ เอกของศิลปิน คนสาํ คญั ของยคุ สมยั อยา่ งโดมินิคสุ ซิมเมอรม์ นั น์ (Dominikus Zimmermann) อย่างแทจ้ ริง เพราะศิลปิน วยั 70 ปีไมส่ ามารถท่ีจะละทิง้ การสรา้ งโบสถแ์ ห่งนีไ้ ดเ้ ลย เขาถงึ ขน้ั สรา้ งที่พักเอาไวใ้ กลป้ ระตโู บสถเ์ พ่ือให้ ตนสามารถท่มุ เทแรงกายแรงใจสรรคส์ รา้ งผลงานชิน้ นีไ้ ดอ้ ย่างเตม็ ท่ีกวา่ จะแลว้ เสรจ็ รวม 11 ปี คือตง้ั แตป่ ี ค.ศ.1745 จนถงึ ปี ค.ศ.1754 ก่อนที่เขาจะเสียชีวติ ลง ณ บา้ นหลงั นี้ ความอลงั การที่ทาํ ใหแ้ หงนมองคอตงั้ บา่ โบสถ์วีส์ นับเป็นโบสถ์ของผู้แสวงบุญ(Pilgrims) มีช่ือเต็มๆ ว่า Wallfahrtskirche zum Gegeisselten Heiland auf de Wies หรือในช่ือภาษาองั กฤษว่า Pilgrimage Church to Our Tortured Saviour on the Meadow ถือกาํ เนิดจากวนั ที่ 14 มิถนุ ายน ค.ศ.1743 มีชาวนาของหมบู่ า้ นหน่ึงในชไตน์ การเ์ ดนอา้ งวา่ ตนไดเ้ ห็นนา้ํ พระเนตรหล่งั จากองคพ์ ระเยซูท่ีถกู ตรงึ ไมก้ างเขน (The Scourged Saviour) คาํ ร่าํ ลือถึงปาฏิหาริยด์ งั กลา่ วนาํ พาใหม้ ีผจู้ าริกแสวงบญุ เดินทางมาสกั การะ เย่ียมชมและขอพรจากรูป แกะสลกั ดงั กลา่ ว โดยมคี วามเชื่อวา่ จะทาํ ใหร้ กั ษาโรคภยั ไขเ้ จ็บได้ ความงดงามของโบสถถ์ ึงขนั้ ทาํ ใหเ้ กิด คาํ กลา่ วว่า “The Wies is a bit of heaven in this suffering world” และยงั ทาํ ใหไ้ ดร้ บั เลือกจากองคก์ าร ยเู นสโกใหข้ นึ้ ทะเบียนเป็นมรดกโลกอยา่ งท่ีหนเู ลก็ เลา่ จากนน้ั ไดม้ ีการบรู ณะปฏิสงั ขรณค์ รงั้ ใหญ่ในช่วงปี ค.ศ.1985 – 1991 โบสถเ์ ปิดตอ้ นรบั ผแู้ สวงบญุ นกั ทอ่ งเท่ียว และผเู้ ลื่อมใสศรทั ธาทกุ วนั ไมม่ ีวนั หยดุ ทาง โบสถ์มีจัดทัวร์พาชมดว้ ยเพียงแต่มีเฉพาะภาษาเยอรมันและจะตอ้ งมีการติดต่อล่วงหน้า แต่ไม่มี คา่ ธรรมเนียมใดๆ เชน่ เดียวกนั กบั การเขา้ ชมท่ีไมเ่ สยี คา่ ชม ขอเพียงใหช้ ่วยกนั บริจาคเพื่อใชเ้ ป็นสินนา้ํ ใจแก่ ผนู้ าํ ชม และเพื่อการบาํ รุงรกั ษาเท่านน้ั และหา้ มการเขา้ ชมขณะมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ช่วง
คริสตม์ าสและปีใหม่ ส่วนในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี จะมีการจัดแสดงดนตรี คลาสสิกดว้ ย เตม็ ไปดว้ ยผเู้ ล่อื มใสศรทั ธาจากทกุ สารทิศ เพดานโคง้ ท่ีแสนวจิ ติ รงดงาม เม่ือพวกเราดืม่ ด่าํ กบั ความงามราวอย่บู นสวรรคก์ นั เตม็ ท่ีแลว้ กอ็ อกเดินทางกลบั ที่พกั กนั เสยี ที มือ้ เย็นวนั นีย้ งั ไมม่ เี มนกู นั เลยวา่ จะทาํ อะไรกนั คงตอ้ งกลบั ไปในเมืองไปหาวตั ถดุ บิ ท่ีขาดเหลอื กนั เสยี หน่อย แต่ เนื่องจากคนื นีเ้ ป็นคนื สดุ ทา้ ยที่ฟื สเซน เราจาํ เป็นตอ้ งตดิ ตอ่ ลาโดเ้ พ่ือชาํ ระคา่ ท่ีพักใหเ้ รียบรอ้ ย เพราะหาก รอลาโดม้ าหาในวนั พรุง่ นีต้ ามที่นดั กนั ไวแ้ ตแ่ รก ไมร่ ูว้ า่ พอ่ เจา้ ประคณุ จะมากี่โมง หนทางขา้ งหนา้ ของเราก็ ยงั อกี ไกล ดงั นนั้ เม่อื “พี่ด”ี้ พาเรากลบั เขา้ เมืองมา เราจงึ พากนั ไปยงั โฮสเทลของลาโดท้ ี่เราไปหาเขาเมอ่ื วนั แรก แตป่ รากฏวา่ เขาไมอ่ ยู่ เจอแตห่ นมุ่ หนา้ ละออ่ นเพื่อนของเขา เราจึงแจง้ ความจาํ นงของเราใหเ้ ธอทราบ เธอจงึ โทรศพั ทต์ ดิ ตอ่ ลาโดแ้ ละรบั คา่ ที่พกั เอาไวแ้ ทนก่อนจะอาํ นวยอวยพรใหเ้ ราเดินทางต่อไปโดยสวสั ดิ ภาพ และขอบคณุ สาํ หรบั การใหโ้ อกาสเพ่ือนเขาไดต้ อ้ นรบั ในฐานะเจา้ บา้ นท่ีแสนดี เมอ่ื รา่ํ ลากนั เรยี บรอ้ ยเรากพ็ ากนั มาเดนิ ทอดนอ่ งเป็นพระยานอ้ ยชมตลาดกนั อยา่ งเพลิดเพลิน แต่ ตลาดท่ีวา่ กไ็ มใ่ ช่ของกินอยา่ งท่ีตง้ั ใจ เพราะรา้ นรวงท่ีขายของลว้ นแตเ่ ชิญชวนใหเ้ รา “Window shopping” กนั เหลอื เกิน ไอน้ ่นู กส็ วย ไอน้ ่ีกน็ า่ ซือ้ แตส่ ดุ ทา้ ยก็เห็นมีแตข่ นมติดไมต้ ิดมือกนั ออกมา เพราะขา้ วของที่ว่า ราคาคอ่ นขา้ งสงู เมอื งท่องเที่ยวกอ็ ย่างนีล้ ะ นกั ท่องเที่ยวสว่ นใหญ่ที่เดนิ สวนเราไปเป็นชาวญ่ีป่ นุ เป็นหลกั
ว่ากันว่าคนญี่ป่ ุนชอบเหลือเกินปราสาทนอยชวานสไตน์เนี่ย ดังน้ัน ฟื สเซนจึงเป็ นจุดหมายของ นักท่องเท่ี ยวกลุ่มนี้ โดยถนนเส้นที่ถือเป็ นลมหายใจของการชอปปิ้ งคือ ไรน์เชนสตราสเซ่ (Reichenstrasse) เป็นถนนแบบเก่าที่ปูดว้ ยหิน (cobble stone) บา้ นสองขา้ งทางเป็นหนา้ จ่วั ทรงสูง ตวั แทนจากยคุ กลาง เมื่อเหลา่ พระยานอ้ ยจะไปชมเมือง ฟื สเซนเป็นเมอื งเลก็ ๆ ท่ีระดบั ความสงู 808 เมตรจากระดบั นา้ํ ทะเล ซ่ึงถือว่าสงู ท่ีสดุ ในแถบบาวา เรีย โดง่ ดงั จนไดร้ บั การขนานนามวา่ “The Romantic Soul of Bavaria” ตง้ั อย่เู ชิงเทือกเขาแอลป์ ลอ้ มรอบ ดว้ ยทะเลสาบและมีแมน่ า้ํ เลคชไ์ หลผา่ น บางทีดจู ะเป็นการไม่ค่อยยุติธรรมสาํ หรบั ฟื สเซนนักเพราะการท่ี ผคู้ นใหค้ วามสนใจและอยากเดินทางมาท่ีนี่ เป็นเพราะอยใู่ กลช้ ิดติดกบั ปราสาทช่ือดงั ตงั้ สองแห่งท่ีหนูเล็ก พาไปเที่ยวมาแลว้ นอ้ ยนกั ท่ีนักท่องเท่ียวจะตงั้ ใจมาฟื สเซนเพราะอยากมาเที่ยวเมืองเล็กๆ แห่งนีอ้ ย่าง ตง้ั ใจ ประวตั ขิ องเมืองเรมิ่ ตง้ั แตเ่ มื่อ 2,000 กวา่ ปีก่อนที่โรมนั เขา้ มาครอบครองดินแดนแถบนี้ เน่ืองจาก เป็นเสน้ ทางขนส่งสินคา้ ท่ีสาํ คญั ในการเดินทางจากอิตาลีไปยังเอาสบ์ รู ก์ ผ่านเทือกเขาแอลป์ หรือเป็น เสน้ ทางท่ีเรียกวา่ “Via Claudia Augusta” เช่ือมเมืองของเยอรมนีบริเวณแม่นา้ํ ดานบู ไปยงั เมืองบริเวณ ทะเลแอเดรียติก (Adriatic sea) คือตง้ั แต่ โดนาวเวิรท์ (Donauwörth) ผ่านเอาสบรู ก์ (Augsburg) ลนั ส์ แบรก์ อมั เลคช์ (Lansberg am Lech) สดุ เขตของเยอรมนีที่ฟื สเซนแห่งนีก้ ่อนจะขา้ มเทือกเขาแอลป์ ไป ยงั ทิโรล (Tyrol) ของออสเตรียและตอ่ ไปเร่อื ยๆ จนถงึ เวนิส (Venice) ของอติ าลี
หลากสสี นั ในฟื สเซน สถานที่ทอ่ งเท่ียวที่สาํ คญั ของฟื สเซนเองกม็ อี ยู่ แตไ่ มค่ อ่ ยโดง่ ดงั นกั อย่างปราสาทโฮเฮส (Hohes Schloss) หรอื ปราสาทสงู (Higher Castle)ท่ีไดช้ ื่อนีเ้ พราะปราสาทแหง่ นีต้ ง้ั อยบู่ นเนินเขาไตร่ ะดบั สงู ขนึ้ ไป ไดร้ บั การอนรุ กั ษ์ในฐานะท่ีเป็นปราสาทโกธิคตอนปลาย ใชส้ าํ หรบั เป็นที่พาํ นักของปรินซบ์ ิชอปของเอาส์ บรู ก์ ในชว่ งฤดรู อ้ น ปัจจบุ นั ปราสาทแห่งนีใ้ ชเ้ ป็นอีกสถานที่หน่ึงในการเก็บสะสมภาพวาดและงานศิลปะ ตา่ งๆ ของบาวาเรีย อีกสถานที่หนงึ่ ท่ีเขาบอกวา่ ไมค่ วรพลาดในการมาเยือนฟื สเซน คือ พิพิธภณั ฑฟ์ ื สเซน (The Füssen Heritage Museum) ที่โดดเด่นคือผนังศิลปะบารอคซ่ึงสะทอ้ นใหเ้ ห็นที่ประวตั ิศาสตรข์ อง สถานท่ีแห่งนีว้ ่าครงั้ หนึ่งเคยเป็นโบสถเ์ บเนดิก (The Benedictine church) มาก่อน ภายในสามารถเดิน ต่อไปยังโบสถเ์ ล็กๆ เหมือนหอสวดมนตแ์ อนนา (The Anna Chapel) ซ่ึงมีภาพวาดที่ชื่อว่า Dance of Death ของศิลปินจาคอบ ฮีเบเลอร์ (Jacob Hiebeler) ซึ่งบอกเลา่ เร่ืองราวเกี่ยวกับความตายไวอ้ ย่าง ประหลาด ฟื สเซนถือเป็นเมอื งแบบเฟรสโกท่ีเกา่ ท่ีสดุ ในเยอรมนีเน่ืองจากยอ้ นไปไดถ้ งึ ครสิ ตศตวรรษท่ี 8 ที่ เห็นไดช้ ัดคือโบสถ์เซนต์แมงก์(St.Mang’s Basilica) สร้างเพ่ือใช้เป็นที่ฝังศพนักบุญที่ช่ือมักนัส
(St.Magnus) ซึ่งเป็นที่รกั และศรทั ธาของชาวบาวาเรยี นเป็นอย่างมาก ส่วนโบสถอ์ ีกแห่งก็คือ สปิทาลเคีย เช่อ (Spitalkirche) โบสถบ์ ารอคท่ีขนาดไมใ่ หญ่โตมากนกั แตส่ ีสนั ท่ีวาดตกแตง่ ไวด้ า้ นหนา้ แทบจะทาํ ให้ บอกไมไ่ ดเ้ ลยวา่ น่ีคอื โบสถ์ สิน้ แสงตะวนั ในฟื สเซน นอกจากนีห้ ากพอมเี วลาเขาแนะนาํ วา่ ใหไ้ ปเดินเที่ยวเลน่ ชมววิ รมิ แมน่ า้ํ เลคช์ หลายคนไดม้ ีโอกาส ไปเดนิ แลว้ พบวา่ ความโรแมนตกิ มนั อย่ตู รงนีเ้ อง ทิวทศั นร์ ิมนา้ํ สวยในทกุ ฤดู ยามใบไมเ้ ปล่ียนสกี ท็ าํ ใหเ้ ห็น สสี ม้ สเี หลอื งตดั กบั ทอ้ งฟ้าที่ปลอดโปรง่ ขณะท่ีเมอ่ื ยามหิมะตกในฤดหู นาว แมต้ น้ ไมใ้ บหญา้ จะถกู ปกคลมุ ไปดว้ ยหิมะท่ีขาวโพลน แตก่ ลบั ใหค้ วามรูส้ กึ อบอนุ่ อยภู่ ายในใจไดอ้ ย่างประหลาด สาํ หรบั พวกเราไมม่ ีเวลามากนักจึงไดแ้ ต่เดินลดั เลาะเที่ยวชมเขตเมืองเก่าแบบไรจ้ ดุ หมาย เก็บ ภาพประทบั ใจไวเ้ พียงภาพถ่ายท่ีคงจะซาบซึง้ ตรึงใจทุกครง้ั ท่ีหยิบออกมาชม ขอเพียงแค่ซึมซบั และเก็บ เก่ียวบรรยากาศอนั งดงามที่มอี ย่มู ากมายของเมืองเลก็ ๆ แหง่ นีไ้ ปเป็นที่ระลึกแทนก็แลว้ กนั และไดแ้ ตห่ วงั วา่ เราจะไดม้ าเท่ียวฟื สเซนแหง่ นีใ้ หม่ โดยวนั นน้ั ฟื สเซนตอ้ งไมใ่ ช่แตเ่ พียงเป็นเมืองทางผา่ น อย่างท่ีเราไดใ้ ช้ ฟื สเซนเป็นทางผา่ นไปยงั ปราสาทแสนสวยทงั้ สองแห่ง โดยลืมไปว่าฟื สเซนเองก็มีเสน่หบ์ างอย่างที่เรายัง ไมไ่ ดค้ น้ หา วนั นนั้ ฟื สเซนจะเป็นเมอื งท่ีเราตงั้ ใจมาคน้ หาอยา่ งแทจ้ ริง หวงั วา่ คงมสี กั วนั
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: