Germany : Love at first drive Chapter 4 : The Forgotten Dinkelsbühl หนู เล็ก
ดิงเคลสบูล…เมืองเก่าทเี่ ขาลืม วันนี้เราได้ฤกษเ์ ก็บเสื้อผ้าย้ายทน่ี อนกันอกี แล้ว บางทีก็นึกเบ่ือๆ อยู่เหมือนกันกับ พฤติกรรมเทยี่ วแบบนขี้ องพวกเรา เพราะเวลาจะออกเดินทางทีมนั จะว่นุ เรื่องการเก็บขา้ วของ กลวั จะลมื น่นั ลืมน่ีแลว้ เดินทางไกลไปเรอื่ ยๆ แบบพวกเราแบบนี้ ถา้ ลมื ของก็ไมต่ อ้ งคดิ จะกลบั มาเอากนั เลย เพราะเวลาวางแผนการเดนิ ทางหนเู ลก็ กบั พ่ีใหญ่จะตอ้ งตระเวนเที่ยวจนสดุ ๆ ระยะทางระหวา่ งที่พกั แต่ ละที่ไมไ่ ดว้ นกลบั มากนั ไดง้ า่ ยๆ วา่ แลว้ เราก็เริ่มตน้ ออกเดินทางตามถนนสายโรแมนติกกนั ตอ่ ไป พวก เราเป็นพวกออ่ นหวานกนั เอามากๆ การท่องเที่ยวบนเสน้ ทางสายนีอ้ าจทาํ ใหเ้ ราเร่มิ หวานกนั ขนึ้ มาบา้ ง กระมงั ไอท้ ี่วา่ ออ่ นหวานน่ะ หมายถงึ มอี ารมณห์ วานกนั ออ่ นเหลอื เกิน ท่ีเยอะๆ ดจู ะเป็นเปรีย้ วคือชอบ ทาํ อะไรกนั แผลงๆ กบั เป็นเคม็ คือเที่ยวแบบเนน้ ประหยดั เสียมากกวา่ บางทีกลบั ไปคราวนีจ้ ะมีอารมณ์ หวานๆ เล่ียนๆ กนั ขนึ้ มาบา้ ง ทา่ จะดี พรอ้ มสาํ หรบั การออกเดินทางตอ่ เมือ่ เกบ็ ขา้ วของกนั เรียบรอ้ ย เราก็พากนั ออกเดินทาง หนูเล็กอดใจหายไมไ่ ด้ ไม่ใช่อาลยั โรเท นเบิรก์ อนั แสนสวยโรแมนตกิ หรอกนะ สาํ หรบั หนเู ลก็ รูส้ กึ อาลยั ที่พกั มากกวา่ หนูเล็กซ่ึงเป็นคนคน้ หาท่ี พกั นีเ้ จอ ยอมรบั เลยวา่ ถกู ใจตง้ั แตใ่ นอินเตอรเ์ น็ต และเมื่อไดม้ าเห็น ไดม้ าพกั ย่ิงประทับใจกับการจดั แตง่ แบบเรียบง่าย แตน่ า่ รกั และอบอนุ่ ประกอบกบั คณุ ป้าแหมม่ เองก็อธั ยาศยั ดีพดู คยุ อย่างเป็นกันเอง แมว้ า่ อาจจะคยุ กนั เพียงเลก็ นอ้ ยตอนชาํ ระคา่ ท่ีพกั เมื่อเชา้ วานก็ตาม และไม่เพียงแตห่ นเู ลก็ เมื่อไดม้ า คยุ กนั ในภายหลงั ไมว่ า่ จะเป็นพ่ีใหญ่ คณุ ปา หรอื คณุ สดุ ทุกคนต่างประทบั ใจท่ีพักท่ีนี่เหมือนกันและ ดว้ ยเหตผุ ลเดียวกนั พวกเราจาํ ใจตอ้ งจากโดยไมม่ ีโอกาสไดร้ า่ํ ลาคณุ ป้าแหมม่ แตก่ อ็ ย่างนีล้ ะพวกบา้ น แบง่ ใหเ้ ชา่ ของฝร่งั ย่ิงพวกเราไมไ่ ดข้ อใหจ้ ดั อาหารเชา้ ใหด้ ว้ ยโอกาสจะเจอกนั อีกสกั ครง้ั ยิ่งไมม่ ี เธอไม่ โผลห่ นา้ มาใหเ้ ราเห็นเอาเสียเลย คงอยากใหเ้ ราพกั อาศยั ดว้ ยความอิสระ ทาํ อะไรกันไดอ้ ย่างเตม็ ท่ี อยา่ งที่เธอบอกไวแ้ ตแ่ รกเจอน่นั ละ
บนเสน้ ทางสู่ Schillingsfüsrt เมืองแนะนาํ บนเสน้ ทางนีท้ ี่เราจะตอ้ งเดินทางผ่านไปคือ ชิลลิงสฟสู ท์ (Schillingsfüsrt) เมือง เล็กๆ ท่ีมีปราสาทแบบสแปนิชบารอก (Spanish Baroque) ต้ังอยู่บนเขา สามารถมองเห็นไดใ้ น ระยะไกล ซึง่ หากไปเท่ียวที่นี่เขาจะมีการแสดงการกีฬาล่าสตั วด์ ว้ ยนกเหยี่ยวซึ่งเป็นวิธีการล่าสตั วใ์ น แถบบาวาเรยี ปกตแิ ลว้ จะจดั บริเวณลานปราสาทในเวลา 11 โมงเชา้ และบา่ ยสามโมง สว่ นการเที่ยวชม ปราสาทจะตอ้ งมีไกดพ์ าชมโดยเขาจดั จดั วนั ละ 4 รอบ มคี า่ ธรรมเนียมประมาณ 7 ยโู ร นอกจากนีจ้ ะมี พิพิธภัณฑ์ท่ีเก็บรกั ษาโรงป๊ัมนา้ํ ท่ีใช้พลงั ววั หมนุ เฟื องไม้ และอีกเมืองที่จะผ่านก็คือ ฟอยชทว์ งั เงน (Feuchtwangen) ที่เขาเชิญชวนใหไ้ ปชมเพราะเป็นเมอื งเกา่ ท่ีสาํ คญั อีกเมืองหน่งึ ซึง่ มจี ตั รุ สั กลางเมือง ที่ไดร้ บั การขนานนามวา่ เป็นหอ้ งบอลรูมแบบฟรานโคเนีย และโบสถน์ ิกายเบเนดิกท่ีก่อสรา้ งในแบบโร มาเนสก์ (Romanesque) ภายในโบสถม์ ีที่พกั ของชา่ งฝีมอื ท่ีมฝี ีมือดา้ นงานหัตถกรรมต่างๆ นอกจากนี้ กาํ แพงเมืองก็เป็นกาํ แพงเก่าที่มีอายยุ ืนยาวมาตงั้ แตป่ ี ค.ศ.1400 แมว้ ่าจะเป็นอีกเมืองท่ีน่าสนใจ แต่ สาํ หรบั พวกเราก็เป็นแตเ่ พียงเมืองทางผา่ น จึงแคแ่ วะจอดรถเดินชมเมืองนิดๆ หน่อยๆ ใหค้ นขบั รถมือ เดียวอย่างหนเู ลก็ ไดล้ งไปยืดเสน้ ยืดสายบา้ งกเ็ ทา่ นน้ั จากนนั้ ก็เดนิ ทางตอ่ ไปยงั จดุ หมายของเชา้ วนั นี้ Schillingsfüsrt
Schillingsfüsrt ไมน่ านนกั เรากถ็ งึ เมืองดิงเคลสบลู (Dinkelsbühl) เมอื งนีจ้ ริงๆ แลว้ ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งจากยคุ กลางที่รอดพน้ จากการถกู ทาํ ลายจากสงคราม ตวั เมอื งยงั คงสภาพท่ีสมบรู ณเ์ หมอื นในอดีตทกุ อยา่ ง และจริงๆ แลว้ หนเู ลก็ มองว่า เมืองนีน้ ่าจะไดร้ บั ความสนใจกว่าเมืองโรเทนเบิรก์ เสียดว้ ยซา้ํ ไป เพราะ วีรบุรุษของเมืองที่รกั ษาเมืองไวใ้ นประวตั ิศาสตรไ์ ม่ใช่ผูใ้ หญ่หรือทหารหาญกลา้ อศั วินผเู้ ขม้ แขง็ ใส่ เกราะเหลก็ แตอ่ ย่างใด แตเ่ ป็นเดก็ ๆ ลกู หลานของชาวเมือง เหตกุ ารณเ์ กิดขึน้ เมื่อปี ค.ศ.1631 ในช่วง สงคราม 30 ปีซ่ึงเป็นการตอ่ สทู้ างศาสนาระหวา่ งคาทอลิกและโปรเตสแตนท์ ผนู้ าํ โปรเตสแตนทซ์ ่ึงนาํ โดยกษัตรยิ ก์ สุ ตาฟ อดอลฟ์ (Gustav Adolf) แห่งสวเี ดนนาํ ทพั โจมตีตอนใตข้ องเยอรมนีอยู่ และแมว้ า่ เมอื งนีจ้ ะไมใ่ ชเ่ ปา้ หมายก็จรงิ เพราะกษัตรยิ ก์ สุ ตาฟเห็นวา่ ชาวเมอื งสว่ นใหญ่นบั ถือโปรเตสแตนท์ แตผ่ ู้ กมุ อาํ นาจในขณะนนั้ เป็นคาทอลกิ ดงั นน้ั จงึ เห็นวา่ น่าจะยกทพั มาโจมตีเมอื งนีเ้ พ่ือไมใ่ หพ้ วกคาทอลิกมี อาํ นาจปกครองตอ่ ไป แตเ่ มอ่ื เดนิ ทางมาถึงเหน็ วา่ เมืองนีม้ ีกาํ แพงเมืองแข็งแรงใหญ่โต มีคนู า้ํ ลอ้ มรอบ และมกี ารเตรยี มการตงั้ รบั ไวพ้ รอ้ ม จงึ เห็นวา่ ถา้ ยกทพั เขา้ ตีอาจจะเสียไพร่พลไปมากเกินเหตุ จึงใชก้ ล ยทุ ธแ์ บบปิดลอ้ มเมอื งไวแ้ ลว้ ย่ืนขอ้ เสนอใหย้ อมแพเ้ สยี จะไดไ้ มต่ อ้ งเสียเลอื ดเนือ้ แตช่ าวเมอื งไมย่ อมแพ้ โดยเฉพาะผปู้ กครองผนู้ าํ คาทอลิกซ่ึงก็คือท่านเคานท์ ิลล่ี (Count Tilly) เจา้ เดิมท่ีไปทา้ ด่ืมไวนท์ ี่โรเท นเบิรก์ น่นั ละย่ิงไมย่ อมที่จะเสียอาํ นาจใหแ้ ก่พวกโปรเตสแตนทเ์ ป็นแน่ เมื่อเจรจาแลว้ ยงั ไมย่ อมแพ้ กษัตริยส์ วเี ดนจงึ ใชว้ ธิ ีปิดลอ้ มเมอื งไวเ้ ฉยๆ ประมาณวา่ ดทู ีว่าพวก มนั จะอยกู่ นั ไปไดส้ กั กี่นา้ํ ถา้ เสบียงหมดจะอยกู่ นั อย่างไร ใหม้ นั รูก้ นั ไป จงึ ปิดลอ้ มไวอ้ ย่างนนั้ คาดว่าสกั วนั ผปู้ กครองและชาวเมืองจะตอ้ งยอมแพใ้ นท่ีสดุ เป็นแน่ และกจ็ ริงตามนนั้ เพราะเมอื่ นานวนั เขา้ เสบียง กเ็ รม่ิ รอ่ ยหรอลง เจา้ เมอื งเองกเ็ ริ่มมีความคดิ ทจ่ี ะยอมแพเ้ พราะคงดกี วา่ อดตาย กเ็ ลยจะเปิดประตเู มอื ง ใหข้ า้ ศกึ เขา้ มา ระหวา่ งท่ีกองทพั สวีเดนจะยกพลเขา้ เมือง ไดม้ ีกลมุ่ ทหารเดก็ เลก็ ๆ ที่พากนั เดินแถวรอ้ ง เพลงอยา่ งกลา้ หาญโดยมีผนู้ าํ เป็นเด็กหญิงซ่ึงเป็นลกู สาวของผรู้ กั ษาความปลอดภยั คนหนึ่งท่ีทกุ คน รูจ้ กั และเรยี กเธอวา่ คนิ ดาโลเรอร์ (Kinderlore) ซึ่งมีความหมายว่า เด็กหญิงท่ีคอยดแู ลเดก็ เล็กๆ เธอ นาํ กองทพั เดก็ เดินรอ้ งเพลงอยา่ งกลา้ หาญมงุ่ หนา้ ไปยงั ประตเู มอื งที่กองทพั สวเี ดนกาํ ลงั เขา้ มา กองทพั
สวเี ดนเหน็ ดงั นนั้ ก็พากนั ตกใจ ไมก่ ลา้ ลงมอื อะไรเพราะจะกลายเป็นวา่ ผแู้ ขง็ แรงกวา่ ใชก้ าํ ลงั ทาํ รา้ ยเด็ก เลก็ ๆ ที่ไมม่ ีทางสู้ คงถกู ตราหนา้ ใหอ้ ับอายไปอีกหลายช่ัวอายคุ น และขณะเดียวกันก็รูส้ ึกชื่นชมใน ความกลา้ หาญของเด็กเหล่านีท้ ่ีพากันมาปกป้องบา้ นเมืองไว้ กษัตริยส์ วีเดนจึงส่งั ไมใ่ หท้ หารทาํ รา้ ย เดก็ ๆ และยกเลกิ การโจมตเี มืองนีท้ นั ที แหม ฟังอยา่ งนีแ้ ลว้ หนเู ลก็ วา่ งานนีเ้ จา้ เมอื งนา่ จะอบั อายจนไม่ รูจ้ ะเอาหนา้ ไปไวท้ ่ีไหน เพราะขณะที่เจา้ เมอื งคิดแตจ่ ะยอมแพ้ จะเปิดประตเู มืองใหเ้ พราะไมอ่ ยากอด ตาย แตก่ ลายเป็นเด็กนอ้ ยเหลา่ นีพ้ รอ้ มจะสละชีพเพื่อรกั ษาบา้ นเมืองไว้ ใจเดด็ ดีแท้ ดงั นั้น เดก็ นอ้ ย เหลา่ นีจ้ งึ กลายเป็นวรี บรุ ุษ วีรสตรีของเมืองที่สามารถรกั ษาเมืองใหร้ อดพน้ การถกู ยึดครองไวไ้ ด้ และ เพ่ือระลกึ ถึงเหตกุ ารณค์ รงั้ นนั้ ระหวา่ งวนั ท่ี 14 ถงึ วนั ที่ 23 กรกฎาคมของทกุ ปี ชาวเมอื งจึงมกี ารจดั งาน เฉลิมฉลองที่เรียกวา่ คินดาเซเชอ (Kinderzeche) โดยในช่วงเย็นจะมีผรู้ กั ษาความปลอดภยั ประจาํ เมือง (Night Watchman) แตง่ กายดว้ ยชดุ โบราณพาเดินชมเมอื งในยามคา่ํ คนื โดยไมเ่ สยี คา่ ใชจ้ ่าย นัย วา่ เพื่อพานกั ท่องเท่ียวยอ้ นกลบั ไปสยู่ คุ สงคราม 30 ปีครงั้ นนั้ กอ่ นที่จะมาเป็นดงิ เคลสบลู ในวนั นี้ หนเู ลก็ คอ่ ยๆ ควบพี่ดีค้ ลานเขา้ เมอื งไป กอ่ นเขา้ ประตเู มอื งสงั เกตเหน็ วา่ รอบๆ กาํ แพงเมืองมีคู เมอื งลอ้ มรอบ มตี น้ ไมใ้ หญ่แผก่ ่ิงกา้ นสาขาดรู ม่ รน่ื เขา้ เมืองไปไดเ้ ลก็ นอ้ ยหนเู ล็กเห็นวา่ มีท่ีจอดรถตรง ใกลๆ้ โบสถท์ ่ีพอจะจอดไดช้ ่วั คราว เดินตรวจดจู นท่วั แลว้ ก็ไมเ่ หน็ ปา้ ยหา้ มอะไรกเ็ ลยใหพ้ ี่ดคี้ อยพวกเรา ที่ตรงนี้ ขอตวั ไปเดนิ สาํ รวจเมอื งกนั เสียหน่อย ตรงจดุ ท่ีจอดรถใกลม้ ารค์ พลาซสม์ ีรูปปั้นที่น่าสนใจอยู่ หนา้ โบสถ์ รูปป้ันนีส้ รา้ งขนึ้ เพื่อเป็นอนสุ รณแ์ กเ่ ดก็ หญิงตวั นอ้ ยและผองเพ่ือนที่แสดงความกลา้ หาญใน การปกปักษร์ กั ษาเมอื งไว้ เมืองนา่ รกั Dinkelsbühl
Dinkelsbühl ในวนั ฟ้าใส จริงๆ แลว้ โบสถท์ ี่เราไปจอดรถใกลๆ้ นี้ คือ มหาวิหารเซนตจ์ อรจ์ (Münster St.George) เป็น โบสถส์ ไตลโ์ กธิคขนาดใหญ่ท่ีไดช้ ่ือวา่ สวยที่สดุ แห่งหนึ่งในทางตอนใตข้ องบรรดาโบสถ์ที่มีในแถบนี้ สรา้ งมาตง้ั แตป่ ี ค.ศ.1448 – 1499 ออกแบบโดยนิโคลสั เอเซเลอร์ (Nikolaus Eseler) และการมาเที่ยว เมืองฝร่ัง สถานที่ท่องเที่ยวก็คือโบสถ์ เพราะหากใครเคยไปเมืองนอก เวลาที่เราตอ้ งการจะไปยังใจ กลางเมือง หรอื ที่เรยี กวา่ เซน็ ทรุม่ (zentrum) ถา้ ลองใหน้ อ้ งจี (GPS) คน้ หา นอ้ งจีจะพาพวกเราไปยงั โบสถส์ าํ คญั ของเมือง เพราะน่นั คอื ศนู ยร์ วมจิตใจของคนในเมืองนนั้ หาใชศ่ าลาวา่ การเมอื งแตอ่ ย่างใด Münster St.George
ดา้ นในมหาวหิ าร เม่ือเดินตามผเู้ ล่ือมใสศรทั ธาชาวคริสตเ์ ขา้ ไปดา้ นใน ย่ิงแลเหน็ ความใหญ่โตกวา้ งขวางของ โบสถไ์ ดอ้ ย่างชดั เจน ความย่ิงใหญ่ท่ีมองเห็นคงมาจากเสาโคง้ คา้ํ ยนั เพดานดา้ นบนที่เรียงตอ่ กนั ไป ทง้ั หมด 11 คู่ สิง่ ที่ดงึ ดดู นกั ทอ่ งเที่ยวใหม้ าเย่ียมชมคือ ภาพเขยี นรูปพระเยซถู กู ตรงึ ไมก้ างเขนฝีมือ มิคา เอล โวลเกอมทุ (Michael Wolgemut) ท่ีอย่เู หนือแทน่ บชู าที่สรา้ งในปี ค.ศ.1892 ตรงกลางขนาดใหญ่ สไตลน์ ีโอโกธิค (Neo – Gothic) ถือเป็นหนง่ึ ในสิง่ ควรคแู่ กก่ ารไปเย่ียมชม นอกจากนกี้ ย็ งั มีธรรมาสน์ เทศนท์ ่ีสรา้ งมาตงั้ แตค่ รสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 15 แผน่ ศิลาจารกึ เกย่ี วกบั บญั ญัติ 10 ประการ ซึ่งสรา้ งขนึ้ ประมาณปี ค.ศ.1520 และหนา้ ตา่ งแกะสลกั จากหินรูปเพรสเซล (pretzel) บริเวณดา้ นใตข้ องจดุ ท่ี นกั รอ้ งประสานเสยี งยืนซง่ึ เป็นตวั แทนของผบู้ ริจาคท่ีเป็นคนทาํ ขนมที่ช่ือกิลด์ (Guild) และสดุ ทา้ ยคอื การปีนบนั ไดขนึ้ ไปบนหอคอยศลิ ปะโรมาเนสก์ (Romanesque) ของโบสถ์ เพราะถือเป็นจดุ ชมวิวเมือง ดิงเคลสบลู ท่ีเยี่ยมมาก พวกเราเดินชมบรรยากาศภายในซึมซบั ความบรรยากาศแห่งความสงบและศรทั ธาท่ีชาวคริสต์ มตี อ่ องคพ์ ระเยซูกนั สกั พกั เม่ือพากนั ออกมายงั ดา้ นนอกไดพ้ บกบั อาคารบา้ นเรอื นเก่าตรงหนา้ ซึ่งจัดได้ วา่ ยงั คงความสมบรู ณม์ าก บรเิ วณนีเ้ รยี กวา่ ไวนม์ ารค์ (Weinmarkt) หรือไวน์ มารเ์ ก็ต (Wine Market) ซึง่ เป็นตกึ เกา่ เรียงตวั กนั อยู่ 5 หลงั มีสีสนั ตดั กนั ตง้ั แต่สีสม้ สีเขียว สีแดง สีเหลือง ซึ่งการทาสีบา้ นใน เมืองนีเ้ นน้ การทาสีเดียว (single color) และเขียนชื่อธุรกิจไวห้ นา้ บ้านดว้ ยตัวหนังสือแบบลายมือ (calligraphy letter) ในสีเอิรธ์ โทน (earth tone) นอกจากตามหนา้ ตา่ งจะมีการประดบั ดว้ ยกระถางไม้ ดอกสสี ดใสแขง่ ขนั ชชู ่อออกดอกบานสะพร่งั แลว้ อกี เอกลกั ษณส์ าํ คญั ของอาคารเก่าก็คือ หลงั คาสีแดง สดที่เหมอื นกนั ไปหมดทงั้ เมือง ในสว่ นของจดุ เดน่ ของอาคารแถบนีค้ งเป็นท่ีหนา้ จ่ัวแบบขนั้ บนั ได โดย ตกึ สีสม้ ท่ีอยตู่ รงหวั มมุ จะมลี กั ษณะพิเศษเพมิ่ นอกจากหนา้ จ่วั แลว้ ยงั มีโดมเลก็ ๆ อย่ดู า้ นบนอีก ปัจจบุ นั
เป็นโรงแรมที่ช่ือว่า อัลเดอรเ์ มน อินน์ (Aldermen's Inn) วา่ กันว่าที่นี่เคยเป็นที่ประทับของบุคคล สาํ คญั ๆ เช่น จกั พรรดคิ์ ารล์ ท่ี 5 (Emperor Karl V) เม่ือปี ค.ศ.1546 และกษัตริยก์ สุ ตาฟ อดอลฟ์ แห่ง สวเี ดน เมอ่ื ปี ค.ศ.1632 ซ่ึงน่าจะเป็นตอนที่เขา้ มาเจรจากบั ชาวเมอื งเรยี บรอ้ ยแลว้ วา่ จะไมย่ ดึ เมือง ตกึ สีเขียวถัดไปก็เป็นหนา้ จ่ัวขั้นบันไดอีกแบบหนึ่ง หลังนีเ้ คยเป็นบา้ นของพวกขนุ นางและ นกั การเมือง แตป่ ัจจบุ นั กลายเป็นโรงแรมซวั รก์ ลอ็ คเคอ่ (Zur Glöcke) หลงั ถดั ไปเป็นโรงแรมเหมือนกัน ช่ือวา่ ดอยชเ์ ฮาส์ (Deutsche Haus) ซ่ึงอาคารนีเ้ ป็นตวั อย่างท่ีดีของอาคารเก่าที่สรา้ งโดยไมซ้ ุงหรือท่ี เรียกวา่ ทิมเบอรเ์ ฮาส์ (old timbered house) ในช่วงคริสตศ์ ตวรรษที่ 15 เดิมเป็นบา้ นของขนุ นางใน ราชสาํ นกั เช่นกนั บา้ นหลงั นีต้ รงจ่วั จะเป็นสไตลเ์ รเนสซองสป์ ระดบั ดว้ ยปนู ปั้นเทพเจา้ ของไวนท์ ี่ชื่อ บัค คสุ (Bacchus) สว่ นตกึ สีเหลอื งถดั ไปช่ือวา่ ชรนั เน่ (schranne) ซึ่งจะมีหนา้ จ่วั เป็นขนั้ บันไดอีกเช่นกัน แตจ่ ะพิเศษตรงยอดปลายจ่วั แตล่ ะขน้ั จะประดบั ดว้ ยแท่นหินทรงปิรามดิ เลก็ ๆ ใหแ้ ปลกตาเขา้ ไปอกี เดมิ ใชเ้ ป็นท่ีเก็บรกั ษาขา้ วโพด การมาเดินเท่ียวเมอื งเกา่ ของยโุ รปหนีไมพ่ น้ การเดนิ แหงนคอมองตึกรามบา้ นช่อง อาคารเก่าๆ ท่ีตกแตง่ ในรูปลกั ษณต์ า่ งๆ งานนีเ้ ลยทาํ ใหเ้ รานอกเหนือไปจากเม่ือยขาแลว้ ยังตอ้ งเดินแหงนหนา้ จน
เมื่อยคอเขา้ ไปอกี หนเู ลก็ พกั ผอ่ นอริ ยิ าบทนีโ้ ดยการแวะชมของท่ีระลกึ ตามรา้ นตา่ งๆ บนถนนดอกเตอร์ มารธ์ ินลเู ธอร์ (Dr.Martin Luther straße) แทน เพราะเวลาเดินดขู องสวยๆ งามๆ มนั ก็เพลินจนทาํ ให้ ลืมความเม่ือยขบไปไดเ้ หมือนกัน ของที่ระลึกส่วนมากจะเป็นพวกงานฝีมือ งานไมแ้ กะสลกั เซรามิก ตกุ๊ ตนุ่ ต๊กุ ตาขนาดตา่ งๆ ภาพวาด โปสการด์ แผนที่ หนงั สอื ทอ่ งเที่ยว ทกุ อยา่ งวางเรียงรายอย่รู มิ ทางให้ ไดช้ มอยา่ งเพลิดเพลินจนลืมเวลา ลมื ความเมื่อยลา้ ไปเลยทีเดียว แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามสาํ หรบั หนเู ลก็ แลว้ ก็ เพียงแตแ่ คเ่ ดินชมเอาความเพลินตาเพลินใจเท่านนั้ เพราะหยิบขนึ้ มาแตล่ ะชิน้ ราคาไมใ่ ช่นอ้ ยๆ เลย ยิ่ง พวกเซรามิคไม่ตอ้ งพดู ถึงก็เพราะสินคา้ เหล่านีง้ านฝีมือลว้ นๆ อีกทั้งการขนกลับบา้ นดจู ะเป็นเรื่อง ย่งุ ยากและเป็นภาระทาํ ใหจ้ าํ ตอ้ งตดั ใจแมจ้ ะน่ารกั ถกู ใจสกั ปานใด อดหว่นั ไหวไปกบั ของสวยๆ งามๆ ไมไ่ ดเ้ ลย สาํ หรบั นกั ท่องเที่ยวที่ชอบด่ืมไวนเ์ ขาบอกวา่ หากไดม้ ีโอกาสเขา้ ไปทานอาหารในรา้ นอาหาร ย่านเมืองเก่าอย่าพลาดการส่ังไวน์มาด่ืม เพราะไวน์ท่ีเสริฟ์ ในร้านเหล่านี้เป็นฟรังโคเนียนไวน์ (Franconian wine) ซงึ่ จะมรี สชาติท่ีกลมกล่อมน่าติดใจ ส่วนอาหารท่ีขายจะเป็นเมนูแบบบาวาเรียน เรยี กวา่ ไดท้ านอาหารแบบเยอรมนั แทๆ้ เลยวา่ งนั้ เถอะ มองไปสดุ ถนนดอกเตอรม์ ารต์ นิ ลเู ธอร์ จะมองเห็นประตเู มืองทางดา้ นทิศเหนือ ประตนู ีค้ อื โรเทนเบิรก์ ตอร์ (Rothenburg Tor) หนา้ จ่วั กจ็ ะเป็นแบบยอดนิยมคอื ขน้ั บนั ได หากขนึ้ ไปท่ีดา้ นบนจะ มีหอ้ งขงั นกั โทษและหอ้ งทรมานรา่ งกาย และหากเดินตอ่ ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอป้อมปราการของเมืองเป็น ระยะๆ ซึ่งจรงิ ๆ แลว้ จะมหี อคอยทงั้ หมด 16 ปอ้ ม หากเดินทงั้ หมดคงหมดเวลาไปเป็นวนั เลยทีเดียว แต่ หากใครพอมเี วลาการเดนิ เลน่ บนกาํ แพงเมอื งจะไดบ้ รรยากาศทีเดยี ว เพราะเป็นการชมเมืองในมมุ สงู ท่ี ไดค้ วามงดงามเหน็ เมอื งในอีกแบบ ซง่ึ นอกจากประตเู มืองโรเทนเบิรก์ ตอร์ นีแ้ ลว้ ยังมีอีก 3 ประตคู ือ
เวอรน์ ิทซ์ ตอร์ (Wörnitz Tor) ซึ่งจะเป็นดา้ นท่ีติดกับแม่น้าํ เวอรน์ ิทซ์ ถัดไปเป็นเซกริงเงอร์ ตอร์ (Segringer Tor) และเนิรด์ ลิงเงอร์ ตอร์ (Nördlinger Tor) ซ่ึงมีการตกแตง่ ท่ีแตกต่างกันออกไปรวม 4 ประตพู อดบิ พอดี ประตเู วอรน์ ิช เป็นประตดู า้ นตะวนั ออกเฉียงใตแ้ ละเก่าแก่ท่ีสดุ ในบรรดาประตเู มืองทงั้ หมด หนา้ จ่วั และหอคอยซ่ึงมรี ะฆงั ดว้ ยนั้นสรา้ งในแบบเรอเนสซองสเ์ พ่ิมเติมภายหลงั ในคริสศตวรรษท่ี 16 สาํ หรบั ประตเู ซกรงิ เงอร์ เป็นประตดู า้ นทิศเหนือที่สรา้ งขนึ้ ใหมเ่ ม่ือปี ค.ศ.1655 เนื่องจากถกู ทาํ ลายโดย กองทพั สวเี ดนเม่อื ปี ค.ศ.1648 จดุ เดน่ คอื มนี าฬิกาที่ดา้ นบน และประตเู นิรด์ ลิงเงอร์ เป็นประตดู า้ นใต้ บริเวณจ่วั ประดบั ตกแตง่ อยา่ งประดดิ ประดอยดว้ ยหอยสรา้ งในคริสตศ์ ตวรรษที่ 16 ใกลๆ้ กันเป็นโรงสี ของเทศบาลเมืองจาํ นวน 2 หลงั ซ่ึงจกั รพรรดิ์คารล์ ที่ 4 ไดใ้ หส้ ิทธิพิเศษใหเ้ มืองนีด้ าํ เนินการตง้ั แต่ปี ค.ศ.1378 สร้างในรูปแบบคลา้ ยป้อมปราการเพราะมีคนู า้ํ ลอ้ มรอบไวด้ ว้ ย ปัจจุบันไดก้ ลายเป็น พิพิธภัณฑแ์ บบสามมิติ ซึ่งแสดงประวตั ิศาสตรเ์ ก่ียวกับความพยายามในซ่อมแซมบูรณะเมืองของ ชาวเมอื งนี้ ดา้ นนอกจะเป็นแปลงผกั กระหล่าํ ปลีประมาณ 20 แปลงของชาวเมือง ซ่ึงเขาจะแบ่งใหท้ ้ัง พวกคาทอลิกและโปรเตสแตนทใ์ นจาํ นวนเทา่ ๆ กนั ไวด้ ว้ ย เพื่อความยตุ ิธรรม ดงิ เคลสบลู ถือเป็นหน่งึ ในเมืองแบบท่ีเรยี กวา่ A free imperial city น่นั คือ เป็นเมืองที่ปกครอง โดยจกั รพรรดิ์ เป็นเมืองแบบระบบศกั ดินาในยคุ กลาง น่นั คือ ตอ้ งมีการส่งเครื่องราชบรรณาการไปยงั องคจ์ กั รพรรดิ์ อีกทงั้ ตอ้ งสง่ กาํ ลงั ทหารไปรว่ มสรู้ บ แตกตา่ งกบั เมืองที่เรียกวา่ free city น่ันคือ ปกครอง โดยบุคคลอ่ืน เช่น ดยุค หรือปรินซ์บิชอป เป็นเสมือนเมืองที่ปกครองตนเอง ไม่ตอ้ งส่งเครื่องราช บรรณาการหรอื กาํ ลงั พลไปยงั จกั รพรรดิ์ จะมศี กั ดแิ์ ละสทิ ธิพิเศษแตกตา่ งออกไป การเที่ยวเมอื งนีเ้ ขามีซิตีท้ วั ร์ (city tour) ดว้ ย โดยเป็นการน่ังรถมา้ เที่ยวชม แต่ตอ้ งคอยสกั นิด เพราะนกั ท่องเที่ยวสว่ นใหญ่นิยม คิวจึงไมค่ อ่ ยวา่ งตอ้ งรอนาน หนเู ลก็ วา่ การน่งั รถมา้ ชมเมอื งเก่าๆ แบบ นีเ้ ป็นส่ิงนา่ สนใจมาก เพราะเวลาท่ีฝีเทา้ มา้ ควบไปบนกอ้ นหินที่เรยี กวา่ cobblestone มนั ใหค้ วามรูส้ ึก ยอ้ นยคุ ดีทีเดียว ถือเป็นเสนห่ ห์ นงึ่ ท่ีนกั ท่องเท่ียวท่ีพอมเี วลานา่ จะลมิ้ ลอง Dinkelsbühl อกี เมืองท่ีตกหลมุ รกั
สาํ หรบั พี่ใหญ่และหนูเลก็ แลว้ ดิงเคลสบลู กลายเป็นเมืองท่ีสรา้ งความประทบั ใจใหเ้ รามาก เพราะมีความสมบรู ณแ์ ละงดงามไมด่ อ้ ยไปกวา่ โรเทนเบิรก์ เลย จะว่าไปแลว้ ดมู ีเสน่หม์ ากกวา่ เสียดว้ ย ซา้ํ อย่างที่หนเู ลก็ เลา่ ไปแลว้ ทง้ั ประตเู มอื งท่ีลว้ นมีความแตกตา่ งเฉพาะตวั การวางผงั เมืองทง้ั กาํ แพง เมืองอนั แขง็ แรงย่ิงใหญ่ มีคนู า้ํ ลอ้ มรอบ ป้อมหอคอยท่ีเรียงรายทงั้ 16 ป้อม เรายังนึกเสียดายที่ไม่ได้ สนใจศกึ ษาเมืองนีอ้ ย่างจริงจงั จะไดพ้ ักเสียท่ีเมืองนีจ้ ะไดม้ ีเวลาเก็บรายละเอียดต่างๆ ไดม้ ากกว่านี้ การท่ีเมืองนีไ้ ดร้ บั ความสนใจจากนกั ท่องเท่ียวนอ้ ยกว่าโรเทนเบิรก์ อาจเพราะมีความคลา้ ยกบั โรเท นเบิรก์ มากเกินไปจงึ แลดวู า่ เติบโตภายใตเ้ งาของโรเทนเบิรก์ หากดิงเคลสบูลหลีกเล่ียงการแขง่ ขนั ไปสู่ ธรุ กิจทอ่ งเท่ียว และหวนกลบั มารกั ษาเอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ของตนเองเอาไวใ้ หม้ ากๆ หนูเลก็ วา่ วนั หนึ่ง นกั ท่องเที่ยวจะใหค้ วามสนใจกบั ท่ีนี่ไมน่ อ้ ยเลย เน่ืองจากระยะทางยงั อีกไกลสาํ หรบั การไปยงั ที่พกั ในคืนนี้ เราเองยังตอ้ งการไปแวะชมเมือง อ่ืนๆ บนเสน้ ทางสายโรแมนติกกนั อีก จาํ ตอ้ งตดั ใจจากเมืองสดุ โปรดเมอื งนีไ้ ปดว้ ยความเสียดาย บางที นึกอยากแวะพกั เมอื งเลก็ ๆ รายทางไปเสียหมด เพราะไมว่ า่ เมืองนน้ั จะมอี ะไรมากนอ้ ยแคไ่ หน มนั ก็ตื่น ตาต่ืนใจไปเสียหมด แตด่ ว้ ยเราตอ้ งทาํ เวลาไปพรอ้ มๆ กัน จึงจาํ เป็นตอ้ งเลือกแวะบางเมืองที่น่าสนใจ มากกวา่ แตก่ ระนน้ั ก็ไดแ้ ตเ่ พียงไปเลาะเลม็ ชมบรรยากาศเลก็ นอ้ ยเท่านั้นนยั วา่ เพ่ือเปลี่ยนบรรยากาศ ออกไปเดินยืดเสน้ ยืดสายบา้ ง เพราะถา้ ใหน้ ่งั กนั ยาวนานมากๆ ก็เมื่อยเอาการอยเู่ หมือนกนั พี่ใหญ่เลือกแวะเมืองเนิรด์ ลงิ เงน่ (Nördlingen) เป็นลาํ ดบั ถดั ไป อาจเป็นเพราะตอนหาขอ้ มลู เมืองนีด้ หู นา้ ตาดีกไ็ ดม้ ๊งั กภ็ าพยอดฮิตสาํ หรบั เมืองนีเ้ ป็นภาพมมุ สงู ท่ีเห็นตวั เมืองเป็นวงกลมท่ีแสดงให้ เห็นถึงความสมบรู ณข์ องกาํ แพงเมอื ง หอคอยถงึ 11 แห่งและประตเู มอื ง 5 ประตทู ่ีลอ้ มเมืองไว้ จดั ไดว้ ่า เป็นเมืองท่ีมีความงดงามราวกบั ภาพวาด วา่ กนั วา่ ส่ิงท่ีน่าสนใจสาํ หรบั การเที่ยวเมืองนีอ้ ย่ทู ่ีการเดินไป ตามกาํ แพงเมืองที่สรา้ งมาตงั้ แตป่ ี ค.ศ.1327 อรรถรสอย่ตู รงที่ตวั เมืองยคุ กลางแห่งนีแ้ ยกต่างหากออก จากส่ิงก่อสรา้ งสมยั ใหม่ท่ีอย่ดู า้ นนอกอย่างชัดเจน นอกจากนีก้ ็คือการเดินชมบา้ นเก่าแบบกึ่งไมซ้ ุง (half – timbered) หลากสสี นั บา้ นที่นี่สว่ นใหญ่มีหลายชน้ั และมหี อ้ งใตห้ ลงั คา มีบา้ นอย่สู องหลงั ที่เขา บอกวา่ นกั ท่องเที่ยวควรไปชมเพราะเป็นอาคารเก่าแก่มาก หลงั แรกอยู่บา้ นเลขท่ี 4 บนถนนพาลาดีส์ (Paradiesstraße) ซึ่งเป็นบา้ นแบบก่ึงไมซ้ งุ ที่เก่าที่สดุ ของเมอื งสรา้ งตง้ั แต่ปี ค.ศ.1350 สว่ นอีกหลงั คือ วินเทอรเ์ ชสเฮาส์ (Wintersches Haus) ซึ่งอยู่บา้ นเลขท่ี 2 บนถนนเบรากาซเซ่ (Braugasse) สรา้ ง ตงั้ แตป่ ี ค.ศ.1697 อาจเรียกง่ายๆ ไดว้ ่า บา้ นตระกูลวินเทอร์ (House of the Winter Family) บา้ นนีจ้ ัด ไดว้ า่ เป็นบา้ นสว่ นตวั ท่ีมกี ารดแู ลรกั ษาใหค้ งสภาพไวด้ ีมากท่ีสดุ ในเมือง ตวั บา้ นมีสองชน้ั ชนั้ ล่างสรา้ ง ดว้ ยหิน ตกแตง่ ใหง้ ดงามออ่ นชอ้ ยดว้ ยประตแู กะสลกั พรอ้ มมขี อ้ ความจารกึ ไวว้ า่ “soli Deo Gloria”
Kriegenbrunn นา้ํ พศุ ลิ ปะอารต์ นโู ว หนเู ลก็ แอบเอารถไปจอดที่รมิ ถนนใกลๆ้ กบั นา้ํ พทุ ่ีชื่อวา่ ครีเกนบรุนน์ (Kriegenbrunn) ซ่งึ เป็นนา้ํ พฝุ ีมอื ชา่ งจากมวิ นิค ศลิ ปะแบบอารต์ นูโว คือการใชว้ สั ดอุ ย่างรูปป้ันบรอนซต์ กแต่งไวบ้ นรวั้ เหล็ก จดุ นีจ้ ะอยู่ดา้ นหลงั ของโบสถเ์ ซนตจ์ อรจ์ (St.Georgkirche) ที่ตง้ั สงู ตระหง่าน และเป็นหน่ึงใน สงิ่ ก่อสรา้ งที่เกา่ แก่ท่ีสดุ ของเมือง โบสถโ์ กธิคแห่งนีส้ รา้ งมาตงั้ แตค่ รสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 15 โดยเกือบท้ังหมด สรา้ งจากหินที่มคี วามแขง็ แกรง่ มาก ท่ีเรยี กวา่ suevite ซ่งึ เป็นหินที่พบในบริเวณทอี่ กุ าบาตมาตกเท่านนั้ เร่อื งนีไ้ วห้ นูเล็กจะขยายความอีกที และแต่เดิมสิ่งมีคา่ ท่ีอย่ดู า้ นในคือฉากหลงั แท่นบูชาที่สรา้ งเม่ือปี ค.ศ.1462 ฝีมอื ฟรดี ริช เฮอรล์ ิน แตป่ ัจจบุ นั ถกู นาํ ไปไวท้ ่ีพิพิธภณั ฑใ์ นโรเทนเบิรก์ แลว้ คงเหลือแต่ท่ีสรา้ ง ขนึ้ ทดแทนเทา่ นน้ั นอกจากนีม้ หี อคอยที่ช่ือวา่ “ดาเนียล” (Daniel Tower) ความสงู 90 เมตรตง้ั อยู่ตรง ทางเขา้ ดา้ นทิศตะวนั ตก หอคอยนีใ้ ชเ้ วลาสรา้ งตง้ั 185 ปี เพราะเร่ิมสรา้ งตงั้ แต่ปี ค.ศ.1454 มาแลว้ เสร็จเอาในปี ค.ศ.1639 ในอดีตนั้นตอนกลางคืนผดู้ ูแลความปลอดภัยประจาํ เมืองจะขึน้ ไปยังยอด หอคอยแลว้ ตะโกนลงมาเบือ้ งลา่ ง คนในเมอื งจะไดย้ ินเสยี งดงั กลา่ วชดั เจนเลยทีเดียว สว่ นนกั ทอ่ งเที่ยว เองสามารถไต่บันไดจาํ นวน 350 ข้ันขึน้ หอคอยไปชมวิวของเมืองท้ังเมืองในมุมสูงไดโ้ ดยเสีย คา่ ธรรมเนียมเลก็ นอ้ ย แตห่ ากไมอ่ ยากเสยี ก็ตอ้ งมาขนึ้ ในช่วงเทศกาลอสี เตอรซ์ ึ่งสามารถขนึ้ ไดฟ้ รี Nerdlingen เป็นอีกหนง่ึ เมืองบน เสน้ ทางสายโรแมนติก
เนิรด์ ลงิ เงน่ มีหลกั ฐานวา่ เป็นเมืองท่ีเคยมีลกู อกุ กาบาตขนาดใหญ่ตกเม่ือประมาณ 15 ลา้ นปี กอ่ น เพราะมีหลกั ฐานเป็นหลมุ ขนาดใหญ่บนพืน้ ขนาดกวา้ งประมาณ 25 กิโลเมตร จากการตรวจสอบ จากหลกั ฐานทางดาราศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ การจะเกิดหลมุ ขนาดใหญ่ขนาดนีไ้ ดอ้ กุ าบาตที่ตกลง มานีจ้ ะตอ้ งมีความเรว็ ไมน่ อ้ ยกวา่ 70,000 กิโลเมตรตอ่ ช่วั โมงเพราะมคี วามใกลเ้ คยี งกับขนาดท่ีเกิดบน พืน้ ผิวดวงจนั ทรท์ ่ีมีอย่จู าํ นวนมาก ทางโครงการอวกาศสหรฐั อเมริกาไดเ้ คยสง่ มนษุ ยอ์ วกาศของอพอล โล 14 มายังเนิรด์ ลิงเง่นในปี ค.ศ.1970 เพื่อมาอบรมเก่ียวกับเรื่องนีก้ ่อนที่จะไปปฏิบัติภารกิจที่ดวง จนั ทรเ์ นื่องจากพืน้ ท่ีอนั กวา้ งใหญ่บริเวณนน้ั มีลกั ษณะและพืน้ ผวิ เฉกเชน่ เดยี วกนั และเพื่อเป็นการตอบ แทนเนิรด์ ลิงเง่นทางองคก์ ารนาซา่ กไ็ ดม้ อบกอ้ นหนิ ที่มนษุ ยอ์ วกาศชดุ นีเ้ กบ็ มาจากดวงจนั ทรม์ าแสดงไว้ ที่พิพิธภณั ฑร์ สี คราเตอร์ (Rieskrater Museum) ซึ่งเป็นแหลง่ รวมขอ้ มลู ดา้ นนีโ้ ดยเฉพาะ สถานท่ีที่เป็น หลมุ อกุ าบาตนีจ้ ดั ไดว้ า่ เป็นสถานที่ท่องเท่ียวแหง่ หน่ึงของเนิรด์ ลิงเง่น เพราะมีการจดั กล่มุ ทัวรส์ าํ หรบั นกั ทอ่ งเท่ียวที่สนใจพาเดินเทา้ ไปชมยงั พืน้ ท่ีดงั กลา่ วดว้ ย เมอื งนีแ้ ตกตา่ งจากโรเทนเบิรก์ ท่ีรายไดห้ ลกั ของเมอื งคือการท่องเที่ยว ทกุ บา้ นรา้ นช่องเกิดขึน้ เพ่ือรบั นกั ทอ่ งเท่ียวเป็นหลกั เช่นเดยี วกนั กบั ดงิ เคลสบลู ท่ีหนเู ลก็ เคยเปรยๆ ใหฟ้ ังแลว้ วา่ เป็นเสมือนเงา ของโรเทนเบิรก์ เพราะพยายามเดินตามแนวนี้ ในขณะที่เนิรด์ ลิงเง่นเป็นเมืองที่ชาวเมืองดาํ เนินชีวิตไป ตามปกตคิ ือทงั้ การอาศยั และการทาํ งาน ไมไ่ ดเ้ นน้ การสรา้ งเมืองเป็นเมืองท่องเท่ียว ดงั นั้น เนิรด์ ลิงเง่ นจึงค่อนขา้ งสงบ ผคู้ นดาํ เนินชีวิตประจาํ วนั ไปตามปกติ นักท่องเท่ียวอย่างพวกหนูเลก็ มีบา้ งแต่ก็
ประปรายจนแทบจะแยกไมอ่ อกจากพลเมอื งที่เดนิ ทาํ กิจกรรมกนั บนทอ้ งถนน นอ้ ยนกั ที่จะเหน็ คนที่เดนิ สวนกนั มกี ลอ้ งถา่ ยรูปอยใู่ นมอื หรอื มเี ป้แบกอยู่บนหลงั ดแู ลว้ ก็เป็นเสน่หไ์ ปอีกแบบ เพราะบางทีการ สรา้ งจดุ ขายเยอะๆ ดมู นั เฝือๆ ไปเหมอื นกนั นะ ตอนนีบ้ ่ายแกแ่ ลว้ หนเู ลก็ เสนอใหพ้ วกเราไปแวะเมืองบนเสน้ ทางอีกสกั 2 เมือง คือ โดเนาเวริ ท์ (Donauwörth) และเอาสบ์ รู ก์ (Augsburg) เพราะจริงๆ แลว้ ทงั้ สองเมืองก็เป็นเมืองทางผา่ นของพวกเรา แตพ่ ่ีใหญ่แยง้ วา่ เราจะมเี วลาไดม้ ากขนาดน้นั เลยหรือ เพราะเท่าท่ีเราศกึ ษากันมาโดเนาเวิรท์ เองก็มี รายละเอยี ดท่ีน่าสนใจไมน่ อ้ ย สว่ นเอาสบ์ รู ก์ ก็เป็นเมอื งใหญ่มสี ถานท่ีน่าสนใจไมน่ อ้ ย ในขณะที่เรายงั ตอ้ งเดินทางไปหาท่ีพกั ที่จองไวแ้ ลว้ ในคนื นีก้ นั อกี ไดย้ ินดงั นีห้ นเู ลก็ กเ็ ลยวา่ ถา้ แวะไดก้ ็แวะ ถา้ เวลาไม่มี ก็คงตอ้ งผา่ นไปแต่มีเงื่อนไขวา่ ถา้ มาเยอรมนีครง้ั หนา้ พี่ใหญ่ตอ้ งพามาแวะเมืองที่ร่วงหลน่ จากแผน เหลา่ นีด้ ว้ ย พ่ีใหญ่เลยวา่ เอาครงั้ นีใ้ หร้ อดกอ่ นเถอะ วา่ กนั วา่ โดเนาเวิรท์ ซึ่งเป็นอกี เมอื งในเขตชวาเบน็ (Swabian) เป็นเมืองที่มถี นนใจกลางเมืองที่ สวยที่สดุ แห่งหนง่ึ ในเยอรมนีตอนใต้ แตเ่ ดิมเป็นหมบู่ า้ นชาวประมงบนเกาะในแมน่ า้ํ เวอรน์ ิซ (Wörnitz) โดยเป็นจุดท่ีแม่น้ําเวอรน์ ิซไปบรรจบกับแม่น้าํ โดเนา (Donau) หรือท่ีรูจ้ ักกันดีคือ แม่น้าํ ดานูบ (Danube) สว่ นถนนที่วา่ สวยที่สดุ นนั้ คอื ถนนไรชส์ ์ (Reichsstraße) ซง่ึ อย่ใู นเขตเมืองเก่าเริ่มตน้ ตง้ั แต่ ศาลาวา่ การเมอื ง (Rathaus) จนถงึ ฟกุ เกอรเ์ ฮาส์ (Fuggerhaus) อาคารรูปแบบเรอเนสซองสส์ ีขาวตดั ดว้ ยหนา้ ต่างสีแดง มีจ่ัวแบบขัน้ บันได สรา้ งขึน้ ในปี ค.ศ.1537-1539 โดยแอนตนั ฟุกเกอร์ (Anton Fugger) เคยเป็นท่ีพกั ของกษัตริยก์ สุ ตาฟ อดอลฟ์ แห่งสวเี ดน อีกทงั้ สวีเดนยงั ใชเ้ ป็นกองบญั ชาการรบ ของกองทพั ดว้ ย และที่น่ีเองยงั เคยเป็นที่ประทบั แรมของจักรพรรดิ์คารล์ ที่ 6 (Karl VI) เม่ือปี ค.ศ.1711 แตป่ ัจจบุ นั ไดก้ ลายเป็นที่ทาํ การของสภาเมือง (District Council) สว่ นศาลาว่าการเมืองนน้ั เป็นอาคาร เก่าท่ีสรา้ งตั้งแต่ปี ค.ศ.1236 แต่มีการก่อสรา้ งเพ่ิมเติมหลายครัง้ ความสาํ คญั ของอาคารนี้อยู่ที่ สญั ลกั ษณร์ ูปนกอินทรีท่ีเหนือประตทู างเขา้ เน่ืองจากไดร้ บั พระราชทานจากองคจ์ กั รพรรดิค์ ารล์ ท่ี 6 ใน ปี ค.ศ.1530 ดา้ นบนของอาคารมีนาฬิกาและระฆงั เลก็ ๆ รอบนาฬิกา (Glöckenspiel) โดยทกุ ๆ ช่วั โมง ตง้ั แตเ่ วลา 11.00 – 16.00 น. ของทุกวนั จะมีเสียงเพลงท่ีช่ือว่า Die Sonne muss scheinen หรือ The Sun must shine จากโอเปรา่ เรอ่ื ง The Magic Fiddle บรรเลงใหฟ้ ัง ถนนเสน้ นีถ้ ือเป็นถนนเศรษฐกิจหลกั ของเมอื ง อาคารสองฟากฝ่ังมีการบูรณะภายหลงั จากถกู ระเบิดทาํ ลายในช่วงสงครามโลกในปี ค.ศ.1945 อาคารต่างๆ ไดร้ บั การปรบั ปรุงใหแ้ ลดใู หม่ อาคาร ตา่ งๆ มีสีสนั สดใส นีเ้ องจึงทาํ ใหห้ นเู ลก็ อยากจะแวะเขา้ ไปชมใหเ้ ห็นวา่ สมราคาคยุ หรือไม่ แต่สดุ ทา้ ยก็ ตอ้ งดงึ ออกจากแผนการเดินทางไปดว้ ยเหตผุ ลวา่ ถา้ เราแวะทกุ อย่างตามความตอ้ งการค่าํ นีค้ งไม่ตอ้ ง ถงึ ท่ีพกั กนั พอดี
สว่ นอีกเมืองที่พวกเรากต็ อ้ งวิ่งผา่ นไปดว้ ยความเสียดาย น่นั คือ เอากส์ บรู ก์ (Augsburg) เมือง ที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมนี และเป็นเมืองท่ีมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สาม อีกท้ังยังเป็นเมืองแห่ง มหาวิทยาลยั อีกเมืองหนึ่ง (Universitätsstadt Town) ในแควน้ บาวาเรีย ตงั้ อยู่ระหว่างแม่นา้ํ เลคซ์ (Lech) และแมน่ า้ํ เวอรท์ อกั ช์ (Wertach) ทาํ ใหเ้ กิดคคู ลองตา่ งๆ มากมาย จงึ เป็นท่ีมาท่ีเอากส์ บรู ก์ ไดร้ บั การเรียกขานในอีกช่ือวา่ เวนิสตอนเหนือ เอากส์ บรู ก์ ไดร้ บั การตง้ั เป็นเมอื งขนึ้ เมอ่ื สองพนั กวา่ ปีกอ่ นโดยจกั รพรรดิเ์ อากุสตสุ (Augustus) เป็นเสน้ ทางการคา้ ในสมยั โบราณท่ีเรียกวา่ trans-Alpine via Claudia พลเมืองท่ีนี่นบั ถือนิกายโปรเตส แตนท์ จดั ไดว้ า่ เป็นศนู ยก์ ลางแหง่ ชา่ งทองฝีมือเย่ียม และวฒั นธรรมฝร่งั เศส เม่ือปี ค.ศ.1276 มีฐานะ เป็นเมืองแบบท่ีเรยี กวา่ Imperial Free City เชน่ เดียวกนั กบั ดงิ เคนสบลู แตภ่ ายหลงั ไดป้ กครองตนเอง โดยบิชอป ดว้ ยทาํ เลที่ตง้ั ของเมอื งที่คอ่ นขา้ งไดเ้ ปรยี บ ทาํ ใหเ้ อากส์ บรู ก์ กลายเป็นศนู ยก์ ลางการคา้ และ การผลติ สินคา้ สาํ คญั ทัง้ ส่ิงทอ เสือ้ ผา้ และเคร่ืองน่งุ ห่ม จากอดีตเมืองนีจ้ ัดไดว้ า่ เป็นเมืองท่ีรุม่ รวยท้ัง ศลิ ปะและสถาปัตยกรรมชน้ั เยี่ยม และเป็นบา้ นของศิลปิน คนดงั หลายคน แต่ท่ีพวกเราคนุ้ ๆ กันน่าจะ เป็นโมสารท์ ท่ีเคยอาศยั อยสู่ มยั ยงั อยทู่ ี่เยอรมนี จึงเป็นอกี เมอื งหนงึ่ ท่ีไดร้ บั ความสนใจจากนกั ทอ่ งเท่ียว ในยุคกลางเอาก์สบูรก์ เป็นเมืองท่ีมีความสาํ คญั และมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจของยุโรป อัน เน่ืองมาจากความม่งั ค่งั ของมหาเศรษฐีสองครอบครวั ของเมืองนีค้ ือ ฟุกเกอร์ (Fugger) และ เวลเซอร์ (Welser) ร่าํ รวยม่งั ค่งั แค่ไหนลองนึกดแู ลว้ กัน เพราะถึงขนาดวา่ มีเงินใหก้ ษัตริยย์ ืมไปใชบ้ ริหารงาน บา้ นเมอื งเลยทีเดยี วเชียว อาคารบา้ นเรือนและส่ิงปลกู สรา้ งส่วนใหญ่แมว้ ่าจะถกู ทิง้ ระเบิดทาํ ลายเม่ือช่วงสงครามโลก ครงั้ ที่ 2 เม่ือปี ค.ศ.1944 แตก่ ไ็ ดร้ บั การซ่อมแซมและสรา้ งใหม่หลงั จากนัน้ โดยส่ิงปลกู สรา้ งส่วนใหญ่ ในเมืองเป็นฝีมือจากของสถาปนิกคนสาํ คญั คือ เอเลยี ส โฮล (Elias Holl) ผลงานสรา้ งช่ือ ก็คอื ศาลาวา่ การเมือง (Rathaus) จดั ไดว้ ่าเป็นศาลาว่าการเมืองท่ีใหญ่โต หรูหรา วิจิตร งดงามมากท่ีสดุ ในยโุ รป ของเดิมสรา้ งขึน้ ในระหว่างปี ค.ศ.1615 – 1620 สรา้ งในรูปแบบเรอเนสซองส์ มีหอ้ งโถงสีทอง (Goldenen Saal) ที่ชนั้ สองขนาดความจุ 600 คน เพ่ือรองรบั การจัดเลีย้ งและรบั แขกบา้ นแขกเมืองท่ี เป็นไฮไลท์ หอ้ งทงั้ หอ้ งอร่ามเหลืองจากการประดบั ตกแต่งดว้ ยทองแผ่น จดุ เดน่ อยู่ท่ีเพดานท่ีตกแต่ง ดว้ ยลวดลายสีทองอย่างหรูหรา มีภาพวาดเลา่ ประวตั ิของเมืองซึ่งสรา้ งขนึ้ ใหมเ่ มื่อปี ค.ศ.1985 เพ่ือ เฉลิมฉลองการกาํ เนิดของเมืองนีค้ รบ 2,000 ปี ตรงดา้ นหนา้ อาคารมีตราสญั ลกั ษณร์ ูปนกอินทรีติด ตงั้ อยู่ เขาเปิดใหเ้ ขา้ ชมโดยเสียคา่ ธรรมเนียมเลก็ นอ้ ย ซง่ึ ถา้ ใครพอมีเวลาก็น่าจะเสียเงินเขา้ ไปชมเป็น ขวญั ตา ศาลาวา่ การเมืองตงั้ อย่บู รเิ วณรทั เฮาสพ์ ลาสซ์(Rathaus Platz) ซ่งึ มนี า้ํ พเุ อากสุ ตสุ (Augustus Fountain) หรือในภาษาเยอรมนั เรียกว่า Augustusbrunnen ตงั้ อยู่ นา้ํ พรุ ูปปั้นจักรพรรดิ์เอากสุ ตสุ ท่ี ตงั้ อยนู่ ีเ้ ป็นของท่ีจาํ ลองขนึ้ มาตงั้ ไว้ สว่ นของจริงที่ทาํ ดว้ ยบรอนซใ์ นปี ค.ศ.1588 นนั้ ถือเป็นสมบตั ลิ า้ํ คา่ ก็เลยนาํ ไปเก็บรกั ษาไวท้ ่ีพิพิธภณั ฑแ์ มกซิมลิ เลียน (Maximillian museum)
สิ่งปลูกสรา้ งท่ีสรา้ งชื่อเสียงให้เอาก์สบูรก์ ก็คือตัวแทนแห่งความศรัทธาของชาวคริสต์ที่ แสดงออกผา่ นมาทางโบสถต์ า่ งๆ มากมายหลายแหง่ ที่สาํ คญั คือ มหาวิหารประจาํ เมืองที่เรียกวา่ โดม เซนต์ มาเรีย (Dom St.Maria) เป็นมหาวิหารท่ีถือกาํ เนิดมาประมาณ 800 กวา่ ปีก่อนคริสตกาล มีความ สงู ถงึ 113 เมตร และกวา้ งถึง 62 เมตร มีหอคอยค่ตู ง้ั ตระหง่านทางทิศตะวนั ตก และมีหอ้ งใตด้ ินของ โบสถท์ ่ีใชเ้ ป็นท่ีฝังศพท่ีสรา้ งในรูปแบบโรมาเนสกจ์ าํ นวน 2 หอ้ ง แต่มาปรบั ปรุงภายหลงั ใหเ้ ป็นศิลปะ แบบโกธิคในช่วงคริสตศ์ ตวรรษท่ี 14 - 15 ที่มีชื่อเสียงคือ กระจกสีแบบท่ีเรียกว่า Stained-glass เนื่องจากเป็นกระจกสศี ิลปะโรมาเนสกท์ ่ีเก่าแก่ที่สดุ ในโลก เพราะสรา้ งมาตง้ั แตป่ ี ค.ศ.1140 โดยเป็น เร่ืองราวเกี่ยวกบั องคพ์ ระเยซูคริสตพ์ ระศาสดา ในขณะท่ีประตทู ี่ทาํ ดว้ ยบรอนซเ์ ป็นเร่ืองราวเกี่ยวกบั บญั ญตั ิ 10 ประการถกู นาํ ไปจดั แสดงไวท้ ่ีพิพิธภณั ฑแ์ ลว้ ที่น่ียงั เป็นที่อย่ขู องบิชอปแห่งเอากส์ บรู ก์ อีก ดว้ ย ถดั ไปเป็น แอนนาเคียเช่อ (Annakirche) เดิมเป็นโบสถค์ าทอลิกนิกายคาเมไลท์ (Carmelite) แต่ปัจจุบันเป็นโปรเตสแตนท์แลว้ ของเดิมสรา้ งต้ังแต่คริสตศ์ ตวรรษท่ี 14 แต่มาสรา้ งใหม่ในปี ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 16 โดยเพ่ิมในสว่ นของหอคอยซง่ึ เป็นฝีมอื ของเอเลียส โฮล เขา้ มาดว้ ยในปี ค.ศ.1602 สว่ นภายในมีการปรบั ปรุงเป็นศิลปะแบบโรโคโคในกลางครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 18 ความสาํ คญั ของโบสถแ์ ห่ง นีอ้ ย่ทู ่ีหอ้ งสวดมนตแ์ ละท่ีฝังศพของตระกลู ฟกุ เกอร์ ซ่งึ เป็นตวั แทนของศลิ ปะเรอเนสซองสใ์ นยคุ แรกของ เยอรมนี สว่ นอกี สองโบสถท์ ี่มีความงดงามและมีประวตั ิยาวนานไม่แพก้ นั คือ เซนต์ อลุ ริช อนุ ด์ เซนต์ อฟั ฟราเคียเช่อ (St.Ulrich-und St.Afrakirche) โบสถศ์ ิลปะบารอค มีโดมหัวหอมเป็นสญั ลกั ษณ์ และ มอริทซเ์ คยี เช่อ (Moritzkirche) ศลิ ปะโกธิคผสมบารอค ซ่งึ กถ็ กู สรา้ งขนึ้ ใหมห่ ลงั จากสงครามโลกเชน่ กนั เอากส์ บรู ก์ เป็นอีกเมอื งท่ีไดร้ บั การชื่นชมวา่ มีนา้ํ พทุ ี่สวยงามหลายแห่ง ในบรรดานา้ํ พทุ งั้ 10 แห่ง ท่ีเลือ่ ง ชื่อมากมีอยู่ 3 แห่ง คือ นา้ํ พุเอากุสตุส น้ําพุเมอร์คิวร่ี (Mercurybrunnen) และนา้ํ พุเฮอร์คิวลิส (Herculesbrunnen) ทั้งหมดนีส้ รา้ งตง้ั แต่คริสตศ์ ตวรรษท่ี 16 เม่ือครงั้ ฉลองเมืองครบ 1,600 ปี โดย นา้ํ พเุ หลา่ นีต้ ง้ั อย่บู นถนนแมกซิมิลเลยี น (Maximilionstraße) แตท่ ี่ตงั้ อย่นู ีก้ ไ็ มใ่ ช่ของแท้ เพราะทั้งหมด ถกู นาํ ไปเกบ็ รกั ษาไวท้ ี่พิพิธภณั ฑเ์ พ่ือการอนรุ กั ษไ์ ว้ นอกจากนีก้ ย็ งั มีนา้ํ พเุ ก่าๆ อกี หลายแหง่ ที่ควรคา่ แก่ การไปชม คือ นา้ํ พุเนปจูน (Neptunbrunnen) ปี ค.ศ.1536 นา้ํ พุจอรจ์ (Georgsbrunnen) ปี ค.ศ. 1563 – 1565 และนา้ํ พุชมีนเดอ (Schmiedebrunnen) ศิลปะแบบอารต์ นโู ว (Art Nouveau) แต่ที่หนู เลก็ รูจ้ กั เมืองนีแ้ ละเป็นเหตผุ ลท่ีอยากไปแวะ กลบั เป็นโครงการบา้ นสาํ หรบั ผมู้ รี ายไดน้ อ้ ยหรือท่ีเรียกว่า เดอะฟกุ เกอรไ์ รน์ (The Fuggerei) เพราะท่ีนี่จดั ไดว้ ่าเป็นเมืองย่อมๆ แบบท่ีเรียกวา่ เมืองภายในเมือง (town within a town) เพราะมีกาํ แพงลอ้ มรอบ มีประตทู างเขา้ 5 ประตู มีโบสถม์ ารค์ สุ เคียเช่อ (Markuskirche) สถานพยาบาลเป็นของตนเอง มีรา้ นคา้ ลานเบียร์ สวนหย่อม เดิมอาคารในชมุ ชนมี 53 หลงั ออกแบบเพื่อใหค้ รอบครวั ประมาณ 106 ครอบครวั อยู่อาศยั แต่เม่ือถูกทิง้ ระเบิดถล่มเมื่อช่วง
สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 หลงั การซ่อมแซมบรู ณะโดยหน่วยงานจดั การทรพั ยส์ ินของตระกลู ฟกุ เกอร์ ไดม้ ีการ สรา้ งบา้ นเพ่ิมเติมขนึ้ อีก 14 หลงั ทาํ ใหก้ ลายมาเป็นบา้ นในปัจจบุ นั มีทงั้ หมด 67 หลงั เดอะฟกุ เกอรไ์ รน์ เกิดขึน้ จากความคิดอนั ปราดเปร่ืองของมหาเศรษฐีคนดังของยุโรปคือ จาคอบ ฟุกเกอร์ (Jacob Fugger) ที่สรา้ งอทุ ิศใหก้ บั คนยากจนไดอ้ ยู่อาศยั โดยเฉพาะครอบครวั ที่มีเด็ก ก่อสรา้ งโดย โทมสั เค รบส์ (Thomas Krebs) ในระหวา่ งปี ค.ศ.1514 – 1523 ตงั้ อย่บู ริเวณรทั เฮาสพ์ ลาสซ์ ลกั ษณะของบา้ น เป็นเหมือนตกึ แถวสองชั้น หน้าต่างช้ันบนจะเป็นกระจกกรอบสี่เหล่ียมสีขาว ส่วนช้ันล่างจะมีบาน หนา้ ตา่ งทึบสีเขียวเพ่ิมขนึ้ มา ส่วนประตหู นา้ บา้ นจะเป็นสีเขียวตดั กบั สีสม้ ของตวั อาคาร บา้ นหลงั สดุ ทา้ ยของทกุ อาคารจะเป็นบา้ นที่มีหนา้ จ่ัวแบบขนั้ บันได (stepped gables) เอกลกั ษณข์ องแตล่ ะบา้ น คอื แทง่ เหลก็ เรียวยาวที่เป็นกระดงิ่ ของแตล่ ะบา้ นหอ้ ยอยทู่ กุ หลงั ท่ีมีปลายของกระด่ิงแตกต่างกันไป ไม่ ซา้ํ กนั เจตนาของผสู้ รา้ งที่แทจ้ ริง คือเอาไวเ้ พื่อการคลาํ หาบา้ นตนเองเพราะในสมยั ก่อนไฟฟื นยงั นอ้ ย ไฟทางเดินไมม่ ี ใครกลบั บา้ นดกึ ๆ ด่ืนๆ ก็จะใชว้ ธิ ีคลาํ หาเอกลกั ษณข์ องบา้ นตนเองจะไดเ้ ขา้ ไมผ่ ิดบา้ น ปลอ่ งไฟแตล่ ะบา้ นกเ็ ชน่ กนั จะแตกตา่ งกนั เชน่ กนั ท่ีนี่มบี า้ นหลงั สาํ คญั อยู่ 1 หลงั คือบา้ นเลขท่ี 14 ซึ่ง เป็นของฟรานซ์ โมสารท์ (Franz Mozart) คณุ ป่ ขู องโมสารท์ (Wolfgang Amadeus Mozart) ใกลก้ ันท่ี บา้ นเลขท่ี 13 จะเป็นพิพิธภณั ฑแ์ สดงประวตั ิศาสตรแ์ ละจาํ ลองการจัดแตง่ บา้ นไวใ้ หช้ ม ซ่ึงมีทง้ั เตียง นอน หอ้ งครวั แบบในสมยั เกา่ ปัจจบุ นั เดอะฟกุ เกอรไ์ รนเ์ ป็นท่ีอยอู่ าศยั ของคนประมาณ 200 กวา่ คน มกี ารตกแตง่ ท่ีทนั ต่อยุค สมยั แลว้ มที งั้ ไฟฟา้ ฮีทเตอร์ และส่งิ อาํ นวยความสะดวกครบครนั แตกตา่ งจากแตก่ ่อน การจะเขา้ อยทู่ ี่นี่ ไดใ้ นสมยั ก่อนจะมกี ฎกติกาไวช้ ดั เจนคอื ตอ้ งเป็นครอบครวั ท่ีมเี ดก็ ตอ้ งเป็นคาทอลิก และตอ้ งอาศยั อยู่ ในเอากส์ บรู ก์ ไมน่ อ้ ยกวา่ 2 ปี คา่ เช่ารายปี 1 เรนิช กิลเดอร์ (Rhenish Guilder) หรือประมาณ 86 ยูโร และอกี กฎท่ีสาํ คญั คือ ผเู้ ชา่ จะตอ้ งสวดมนตว์ นั ละ 3 เวลาดว้ ย ทง้ั หมดนีส้ ะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ ตระกลู ฟกุ เกอรเ์ ป็นตระกลู ที่รา่ํ รวย ม่งั ค่งั มาก อาจจะเป็นเพราะตน้ ตระกลู คือ ฮนั ส์ ฟกุ เกอร์ (Hans Fugger) ซ่ึงเป็นทง้ั พอ่ คา้ และนายธนาคารหลงั จากเขา้ มาลงหลกั ปัก ฐานที่นี่ตง้ั แต่ปี ค.ศ.1367 ไดว้ างรากฐานต่างๆ ไวเ้ ป็นอย่างดี จนทาํ ใหเ้ กิดการสืบทอดอาชีพคา้ ขาย และประกอบธรุ กิจธนาคารต่อกันมาจนถึงรุ่นลกู รุน่ หลาน อย่าง จาคอบ ฟุกเกอร์ นอกจากจะไดร้ บั ความไวว้ างใจจากกษัตรยิ แ์ ละบิชอปใหด้ แู ลดา้ นการเงินการคลงั แลว้ เขาเองยงั เคยสนับสนุนเงินใหแ้ ก่ จกั รพรรดิค์ ารล์ ท่ี 5 ในการขนึ้ สอู่ าํ นาจ อกี ทงั้ ยงั เป็นเจา้ ของปราสาทหลายแหง่ ในเยอรมนี และในอีกมิติ หนงึ่ กย็ งั เป็นผทู้ ี่ใหก้ ารสนบั สนนุ ศลิ ปะเรอเนสซองสใ์ หเ้ ขา้ มาสเู่ ยอรมนีจนรุง่ เรอื งอกี ดว้ ย แมว้ า่ เอากส์ บรู ก์ จะมสี ่งิ น่าสนใจอย่างท่ีกล่าวอา้ งถึงเพียงใด พวกเราจาํ ใจตอ้ งวิ่งผา่ นเมืองนี้ โดยปราศจากการสาํ รวจไปอกี เมืองหน่งึ เพราะแมว้ า่ พี่ใหญ่จะอนญุ าตใหห้ นเู ลก็ ที่ร่าํ รอ้ งอยากจะเขา้ ไป เที่ยวเดอะฟกุ เกอรไ์ รนแ์ ลว้ กต็ าม แตเ่ ม่ือเราขบั รถเขา้ เขตของเอากส์ บูรก์ สายตาอนั ซุกซนของหนเู ลก็ เกิดไปประสบพบกบั หา้ งคา้ เฟอรน์ ิเจอรแ์ ละสินคา้ ตกแต่งบา้ นในดวงใจของพี่ใหญ่และหนูเล็กอย่างอี
เกีย (IKEA) เขา้ หนเู ลก็ ไมต่ อ้ งรอใหใ้ ครอนญุ าต หรือไมแ่ มแ้ ตเ่ อ่ยปากถามสมาชิกในรถคนใดว่าสนใจ จะแวะไปชมหรอื ไม่ ตดั สนิ ใจเลยี้ วรถเขา้ ไปทนั ที โดยไมไ่ ดค้ าํ นงึ เลยวา่ เวลาพวกเรามีนอ้ ยนิด นี่เพิ่งเขา้ เขตเมืองเท่านน้ั หากจะไปชมเดอะฟกุ เกอรไ์ รนอ์ ย่างที่ใจอยากนะ่ ยงั ตอ้ งเดนิ ทางไปอีก แลว้ ไหนจะตอ้ ง ใชเ้ วลาในการเท่ียวชมอีกเลา่ หนเู ลก็ กลบั ลืมไปเสยี ได้ ไดแ้ วะหา้ งสญั ชาติสวเี ดน สดุ โปรดดว้ ย แตก่ แ็ ปลกตรงที่ไมม่ ใี ครสกั คนบนรถท่ีสง่ เสียงรอ้ งคดั คา้ น บางทีอาจเป็นเพราะเราเดนิ เที่ยวแต่ เมืองเก่า ดแู ตต่ กึ แต่โบสถก์ นั มาตลอด ไม่ไดจ้ ับจ่ายชอปปิ้งกนั สกั เท่าไรเลย เงินทองไมม่ ีร่วั ไหลออก จากกระเป๋ ากนั บา้ ง คณุ ปากบั คณุ สดุ เองก็อาจจะไมอ่ ยากพกเงินยโู รใหม้ นั ราํ คาญ คงอยากจะปลอ่ ยๆ กระจายรายไดไ้ ปใหค้ นเยอรมนั กนั บา้ งกระมงั เมื่อรถจอดทกุ คนจึงกลุ ีกุจอลงจากรถแบบไม่มีอิดออด แลดจู ะคกึ คกั กนั เป็นพิเศษ สาํ หรบั หนเู ลก็ และพี่ใหญ่เองก็เถอะเหมือนไดเ้ จอกบั คนคนุ้ เคยอะไรอย่าง นนั้ รอแตว่ า่ เมอ่ื ไหรม่ าเปิดท่ีเมืองไทยละก็ หาเรื่องไปเดินกนั บอ่ ยแน่แมว้ า่ จะไมค่ อ่ ยซือ้ อะไรนกั กต็ าม พวกเราเดินชมขา้ วของในอีเกียกนั อยา่ งไมร่ ูเ้ บื่อ หนเู ลก็ เองกล็ ืมความตง้ั ใจของตวั เองเสียสนิท เห็นอะไรก็อยากซือ้ อยากหอบกลบั บา้ นไปเสียหมด ท้งั พรมทอหลากสีสนั ผา้ ปทู ี่นอน ผา้ มา่ น ปลอก หมอน ปลอกผา้ ห่ม รวมไปทง้ั อยากซือ้ หมอนแบบคนเยอรมันมาใชเ้ พราะเกิดติดใจในขนาดขนึ้ มา หลงั จากไปพาํ นกั ที่คณุ ป้าแหม่ม ใครมีโอกาสไปเยอรมนั คงไดเ้ ห็น ไดส้ มั ผสั หมอนบา้ นเขาแปลกๆ ดี ตอนแรกนกึ วา่ จะนอนไมส่ บาย แตท่ ่ีไหนได้ หลบั เป็นตายทกุ คนื ทุกคนจบั จ่ายกนั ไปคนละเล็กละนอ้ ย ไมม่ ีใครกลา้ ทุ่มทนุ สรา้ ง (ภาระ) ในวนั นี้ เพราะยังอีก หลายวนั ที่ตอ้ งทาํ ตวั เป็นนกขมิน้ เปล่ียนที่กินที่นอน หากเรง่ ซือ้ ขา้ วของตงั้ แตว่ นั แรกๆ คงตอ้ งกลายเป็น พวกบา้ หอบฟางแบบพ่ีปอ้ ม อสั นี แลว้ ดทู า่ คงไมอ่ อกปากใหใ้ ครชว่ ยหอบดว้ ยไมไ่ หว แคก่ ระเป๋ าเดนิ ทาง คนละใบกห็ นกั องึ้ กนั พอดแี ลว้ เหลือบตาดนู าฬิกาอกี ทีบ่ายแกม่ ากแลว้ ระยะทางยงั อกี ไกลหากนบั รวม การเดนิ ทางไปยงั ที่พกั ของคืนนีด้ ว้ ย หนเู ลก็ กเ็ ลยทาํ สปีดเรง่ ฝีเทา้ พาพวกเราเขา้ เอากส์ บรู ก์ กนั เสยี ที พอเริ่มเขา้ เขตเมือง รถเราก็คลานตว้ มเตีย้ มเป็นเต่า เมืองนี้จดั ไดว้ า่ เป็นเมืองใหญ่ รถราจึง มากมายขวกั ไขวไ่ ปหมด แมว้ า่ จากสายตาที่เห็นจะมรี ถรางใหบ้ ริการหลายสายขบวนแลว้ ขบวนเลา่ แต่ ก็คงยงั รองรบั จาํ นวนผคู้ นที่เดินกนั เตม็ ทอ้ งถนนไมไ่ หว จริงๆ แลว้ เวลารถติดเป็นเวลาท่ีหนเู ลก็ ชอบท่ีสดุ
เพราะในฐานะพลขบั โอกาสไดด้ นู ่นู นี่แบบคนอน่ื ๆ เขามนั ไม่คอ่ ยมี ย่ิงมาตา่ งบา้ นต่างเมือง กฎจราจร ปา้ ยจราจรตา่ งๆ ลว้ นแตไ่ มค่ นุ้ เคย บางเมืองมีรถรางเขา้ ไปอีก ขบั แลว้ ตอ้ งคอยระวงั อีกเท่าตวั ดีไม่ดีจะ ไปจบู ประทบั ใจกบั ชาวเยอรมนั เขา้ แตย่ ามนีร้ ถติดมากเกินไปหรือเปล่า มองอะไรไมเ่ ห็นกับเขาเลย มี แตท่ า้ ยรถอยตู่ รงหนา้ เตม็ ไปหมด ไดแ้ ตภ่ าวนาวา่ ใหเ้ ราผา่ นถนนที่ติดๆ นีไ้ ปเสียทีจะไดล้ งรถไปสาํ รวจ เมอื งกนั แตส่ ดุ ทา้ ยความตงั้ ใจที่จะแวะเอากส์ บรู ก์ ของพวกเรากเ็ ป็นหมนั ไปจริงๆ เพราะตรงประตเู มือง รถตดิ กนั ยาวเหยียด กอ็ ย่างวา่ ละประตเู มืองในยคุ โบราณไมไ่ ดท้ าํ ไวใ้ หร้ ถยนตส์ องคนั มาว่ิงสวนกนั เขา้ - ออก ดงั นน้ั เวลาจะเขา้ เขตเมืองเก่ากนั ทีก็ตอ้ งรอสบั หลีกใหเ้ ขา้ ทลี ะคนั เลน่ เอาหางแถวยาวเชียว พ่ีใหญ่ เลยส่งั การใหห้ นเู ลก็ หนั หวั ออกเดนิ ทางตอ่ แมว้ า่ เราอยากจะแวะปานใด แตห่ นทางขา้ งหนา้ ท่ีจะตอ้ งไป ยงั ท่ีพกั ยังตอ้ งใชเ้ วลา ค่าํ มืดไปจะลาํ บาก และอาจจะไม่ปลอดภยั หากยังวิ่งอย่บู นทอ้ งถนนท่ีเราไม่ คนุ้ เคย การละโมบโลภแวะเสยี ทกุ เมืองคงไมเ่ หมาะ ทรปิ นีเ้ อาเป็นวา่ แคไ่ ดผ้ า่ นมาดมกล่ินเอากส์ บรู ก์ ก็ คงพอแลว้ จากเอากส์ บรู ก์ เราใชส้ าย B17 เดินทางด่ิงไปยังลนั สแ์ บรก์ อมั เลคช์ (Landsberg am Lech) เพราะคนื นีเ้ ราจองที่พกั ไวท้ ี่น่นั สาเหตทุ ี่เลอื กเมอื งนีเ้ ป็นเพราะหนเู ลก็ ไดย้ ินกิตติศพั ทข์ องเมอื งนีม้ านาน ถึงความน่ารกั สงบ เสนห่ ข์ องเมอื งเลก็ ๆ ก็อย่างนี้ ทาํ ใหค้ นรกั สงบอย่างพวกเราติดกบั เสียทกุ ทีสินะ่ หลงั จากบึง่ รถมาประมาณช่วั โมงเศษรถเราก็เขา้ เขตเมืองลนั สแ์ บรก์ ทางเขา้ สตู่ วั เมอื งเกา่ เราจะ ผา่ นแม่นา้ํ เลคช์ (Lech) ซ่ึงก็คือท่ีมาของช่ือเมืองนี้ ก็ช่ือเมืองในเยอรมนีมกั จะซา้ํ กันไปมา เขาก็เลย แยกแยะดว้ ยการบอกว่า เมืองนีท้ ่ีตง้ั อย่ทู ี่แมน่ า้ํ นี้ เหมือนอย่างแฟรงคเ์ ฟิ รต์ ที่เราบินมาลงน่นั ไง เขาก็ เรียกวา่ แฟรงคเ์ ฟิ รต์ อมั ไมน์ (Frankfurt am main) ซึ่งก็หมายถึง แฟรงคเ์ ฟิ รต์ ที่ตงั้ อยู่ตรงแมน่ า้ํ ไมน์ ที่น่ีก็เหมือนกนั จดุ เดน่ แรกพบคงเป็นเขื่อนกัน้ แม่นา้ํ เลคช์ (Lechwehr) ที่เม่ือนา้ํ เลคชท์ ี่ไหลมาบรรจบ ความแรงของนา้ํ ก่อใหเ้ กิดแรงกระแทกจนละอองลอยเป็นฝอยไปในอากาศ เมอ่ื ตอ้ งแสงแดดจงึ เกิดเป็น ละอองสีรุง้ สรา้ งบรรยากาศการตอ้ นรบั ท่ีน่าอบอนุ่ รถติดเลก็ นอ้ ยเม่ือเริ่มแล่นเขา้ สเู่ มืองเก่า คงเป็น เพราะถนนทางเขา้ สเู่ มอื งเก่าเป็นลกั ษณะคดโคง้ และไตร่ ะดบั สงู ขนึ้ เลก็ นอ้ ยเน่ืองจากตวั เมืองตงั้ อย่บู น ท่ีราบสงู ขณะเดียวกนั ก็มีตรอกซอกซอยเล็กๆ ที่ลว้ นปูดว้ ยหินตามสไตลเ์ มืองเก่าใหเ้ ราหมายม่นั ว่า พรุง่ นีค้ งไดม้ าเดนิ สาํ รวจกนั คราวนีท้ ่ีพกั ของเราอยไู่ กลออกไปจากเขตเมืองเก่า เนื่องจากตอนท่ีหาท่ีพักเกิดไปพบว่าท่ีน่ีมี หอ้ งแบบนอนรวม 4 คนในราคาที่จดั ไดว้ า่ น่าพอใจกบั การพกั ริมทางแคค่ ืนเดียวก่อนจะเดินทางต่อไป อกี ทงั้ เป็นราคาท่ีรวมอาหารเชา้ ไวใ้ หเ้ ราแลว้ เสรจ็ สรรพ เมื่อออกนอกเมอื งเกา่ มาสกั พกั นอ้ งจีก็พาเรามา หยุดลงตรงหนา้ เกสทเ์ ฮาส์ ฟอรท์ ันซ์ (Gästehaus Vortanz) ถนนสปีทัลเฟลด์ (Spitalfeldstraße) ใน เวลาไมน่ าน เราไปกดกริ่งเรียกเจา้ ของบา้ นอยสู่ กั พัก เธอก็เดินออกจากทางดา้ นหลงั มาตอ้ นรบั ดจู าก หนา้ ตาเธอนา่ จะเป็นคนในรูปท่ีปรากฏในเวบ็ ไซตซ์ งึ่ น่าจะเป็นภรรยาเจา้ ของ ตวั จริงดดู ีกวา่ ในเว็บไซต์
เสยี อีก หนเู ลก็ บอกเธอวา่ เราจองหอ้ งไวแ้ ลว้ สาํ หรบั 4 คน เธอจึงขอเวลาไปตรวจสอบก่อนพรอ้ มทัง้ เปิด ประตใู หเ้ ราเขา้ ไปดา้ นใน Gästehaus Vortanz อาคารนีเ้ ป็นอาคารชน้ั เดียวมีหอ้ งพกั เรียงรายอยปู่ ระมาณ 5-6 หอ้ ง เท่าท่ีแอบๆ ไปเดินดู เขามี หมดทง้ั มาคนเดียว มาเป็นคู่ มา 3 คน หรือมา 4 คน หรืออาจจะมากกว่าน้ันก็คงไดเ้ พราะหอ้ งท่ีนอน หลายคนคอ่ นขา้ งกวา้ ง เขาจดั ใหม้ เี ตียงแบบดงึ ออกมาจากเตียงหลกั ไดอ้ กี หอ้ งพกั ของพวกเราเป็นหอ้ ง ท่ีตอ้ งเดนิ ผา่ นสว่ นเตรียมอาหารเขา้ ไปเลก็ นอ้ ย ตวั หอ้ งมีขนาดใหญ่ กวา้ ง จัดเตรียมท่ีนอนไวใ้ หเ้ ป็นที่ เรยี บรอ้ ย มหี อ้ งนา้ํ ในตวั เมือ่ ทกุ คนเลือกจบั จองท่ีของตวั เองกนั แลว้ ก็ตงั้ ใจกนั วา่ จะเดินออกไปซุปเปอร์ มารเ์ กต็ ใกลๆ้ นีเ้ พื่อหาอะไรมาปรุงง่ายๆ สาํ หรบั มอื้ คา่ํ ของเรา ซ่ึงพ่ีใหญ่บอกวา่ ก่อนจะเลีย้ วมายังที่พัก ตรงถนนสายหลกั มซี ปุ เปอรม์ ารเ์ ก็ตเลก็ ๆ ที่ชื่อ นอรม์ นั (Norman) ตงั้ อยู่ พวกเราก็เลยอยากลองไปเดิน กันดู คงตอ้ งไปหาอะไรมาทาํ กินง่ายๆ กันสกั มือ้ เพราะที่น่ีไม่มีครวั เป็นแต่เพียงใหเ้ ตรียมอาหารได้ เลก็ นอ้ ยเท่านนั้ ที่พกั แสนอบอนุ่ ท่ี Landsberg am Lech
ตอนเดนิ ออกไปจากที่พกั อากาศเร่ิมเยน็ มากขนึ้ คงเป็นเพราะพระอาทิตยก์ าํ ลงั จะตกดินแลว้ กระมงั เสือ้ หนาว ถงุ มอื และหมวกที่ใสก่ นั มาดจู ะไมค่ อ่ ยคมุ้ กนั ความหนาวเย็นไดเ้ ลย เดินกนั มาสกั พัก พี่ใหญ่เรม่ิ รูส้ กึ วา่ ทาํ ไมมนั ไกลกว่าที่คิด เพราะไม่ถึงเสียที อย่างวา่ ละนะเม่ือตะกีเ้ ราใชว้ ิธีขบั รถมนั ก็ เหมอื นประเด๋ยี วเดยี ว แตเ่ ม่ือเดนิ ดว้ ยสองขาซา้ํ รา้ ยเดนิ ทา่ มกลางอากาศหนาวเยน็ ลงเรอื่ ยๆ ดว้ ย จะไม่ รูส้ ึกว่ามนั ไกลก็คงไม่ใช่ กว่าจะถึงเล่นเอาหอบเหมือนกัน แต่เวลาเขา้ ไปในหา้ งหรือในรา้ นขายของ นอกจากจะมคี วามสขุ และสนกุ กบั การเดนิ ดสู ินคา้ ตา่ งๆ ที่น่าต่นื ตาตน่ื ใจแลว้ ยงั ดีตรงที่มนั อนุ่ ดี เดนิ กนั ไมร่ ูเ้ บ่ือ ระหวา่ งเราเลือกซือ้ และถกเถียงกนั เรือ่ งเมนอู าหาร จ่ๆู มสี าวคนหนง่ึ เขา้ มาทกั ทายใหเ้ ราตกใจ เธอเป็นสาวไทยที่มาใชช้ วี ติ อย่ทู ่ีนเี่ น่ืองจากสามเี ป็นคนเมอื งนี้ นานๆ จะกลบั ไปเมอื งไทย ถือเป็นตวั ช่วย ท่ีดีในการเลือกซือ้ ของ เพราะของบางอย่างเราไมค่ อ่ ยเขา้ ใจวา่ มนั คืออะไรกนั แน่ โดยเฉพาะเรื่องการซือ้ เนือ้ สตั ว์ เนื่องจากพวกเราหลายคนเลกิ บรโิ ภคสตั วใ์ หญ่กนั แลว้ จึงพยายามจะหาเนือ้ หมไู ปปรุง ปัญหา คอื เม่อื จะหาหมสู บั หรือหมบู ดจะหาไมไ่ ด้ เพราะหากซือ้ เนือ้ หมหู รือเนือ้ ววั ก็จะมีแยกกันชดั เจน แตเ่ ม่ือ จะซือ้ หมบู ด จะมีแตช่ นิดที่ผสมกนั เนือ้ หมลู ว้ นไมม่ ีขาย แปลกดีแท้ ถดั ไปท่ีเราขอคาํ แนะนาํ จากเธอก็ คอื การเลือกซือ้ ไวน์ ตามซปุ เปอรม์ ารเ์ ก็ตของเยอรมนั มีไวนร์ าคาถูกใหล้ ิม้ ลอง พี่ใหญ่เลยอยากซือ้ ไป ดม่ื เรียกนา้ํ ย่อยบา้ ง ทงั้ ที่จริงๆ พวกเราเจริญอาหารกนั เหลือเกินแลว้ พวกเราเดนิ คยุ กนั อย่พู กั ใหญ่ เธอแนะนาํ น่นู นี่สารพดั แถมยังบอกดว้ ยว่าตลาดที่คนไทยนิยม ไปกนั อยทู่ ี่ไหน มเี ครือ่ งแกงจากเมอื งไทยมาขายเลยดว้ ยซา้ํ แตต่ อนนีป้ ิดไปแลว้ ตอ้ งเป็นพรุง่ นีเ้ ชา้ สว่ น ความเป็นอยขู่ องเธอคอ่ นขา้ งโอเค สามีเป็นคนดี เธอก็มีความสขุ ดีเพราะที่น่ีมีเพื่อนคนไทยอย่พู อควร สว่ นการส่อื สารกบั คนเยอรมนั สบายมาก แตอ่ ยา่ งไรกไ็ มเ่ คยลมื สรุ นิ ทรบ์ า้ นเกิด เห็นว่ารบกวนเวลาเธอ นานมากแลว้ เราจงึ ร่าํ ลาจากเธอและอาํ นวยอวยพรใหเ้ ธอมคี วามสขุ จากกนั แลว้ พ่ีใหญ่ถึงมานึกขนึ้ ได้ วา่ คยุ กนั เป็นนาน ไมย่ กั ถามชื่อแซ่ของเธอ คนไทยเราไมแ่ ลง้ นา้ํ ใจไมตรใี นยามท่ีพวกเราพลดั ถ่ินกนั การเออื้ อาทรกนั แบบนีล้ ะนะท่ีไม่เคย ห่างหายไปจากสงั คมไทย พวกเราช่วยกันหอบขา้ วของที่ลว้ นแต่เป็นของกินกันคนละไมล้ ะมือ ตอ้ ง แบง่ ๆ กนั ถือเพราะระยะทางไกลพอดู แคเ่ ดนิ ตวั เปลา่ มายงั รูส้ กึ แย่ ขากลบั ตอ้ งถือของหนกั ๆ กลบั บา้ น กันอีก ไม่แบ่งๆ กันถือดทู ่าจะไม่ไหว ดีวา่ เมนมู ือ้ เย็นนีเ้ ป็นแบบง่ายๆ ไมย่ ุ่งยากมากนัก เพราะเรามี เครอ่ื งแกงสาํ เรจ็ มาแลว้ แคเ่ อาของสดอยา่ งไกก่ บั หมมู าจดั การใหเ้ ป็นพะแนงไก่กบั ลาบหมู กินกับขา้ ว สวยรอ้ นๆ กจ็ บแลว้ ไมง่ นั้ คณุ ปาคงตอ้ งรบั บทหนกั อยคู่ นเดยี ว เหนื่อยอย่างนีค้ งไมม่ ีใครอยากช่วยเป็น แน่ ดงั นน้ั เม่อื พวกเรารบั อาหารเย็นกนั เรียบรอ้ ย จงึ ไมม่ ีใครอยากจะสนใจใคร แยกยา้ ยกันจดั การเร่ือง ของตวั เองแบบเงียบๆ จนแทบไมร่ บั รูก้ นั เลยวา่ คืนนีใ้ ครหลบั ไปก่อนใคร พรุง่ นีค้ อ่ ยวา่ กนั ใหมก่ ็แลว้ กนั
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: