Germany : Love at first drive Chapter 2 : I lost my heart in Heidelberg
ไปหาหวั ใจทีไ่ ฮเดลแบรก์ Haufbahnhof ตน้ แบบของสถานีรถไฟหวั ลาํ โพงที่อยไู่ มไ่ กลจากโฮสเทล หนูเล็กและพใ่ี หญ่ตื่นแต่เช้าเพอ่ื เตรียมตัวไปเอารถท่บี ริษัทรถเช่าทต่ี ั้งอยู่ท่ถี นนเมน เซอรล์ ันด์ (Mainzerland straße) ทไี่ ด้ตดิ ต่อนัดหมายกันไวล้ ่วงหน้า โดยใหค้ ณุ ปาและคณุ สดุ เก็บ ขา้ วของคอยท่าอย่ทู ี่น่ีแลว้ จะมารบั เพื่อออกเดินทางกนั หลายคนอาจแปลกใจว่าทาํ ไมเราไมเ่ ลือกเช่า บริษัทรถเช่าดงั ๆ อย่าง Avis Budget หรืออ่นื ๆ ที่ใหเ้ ขานาํ มาสง่ ให้ เรอ่ื งของเรือ่ งเป็นเพราะวา่ การใหน้ าํ รถมาสง่ หรือการเลอื กเชา่ ท่ีหนงึ่ และคนื อีกท่ีหนึง่ ลว้ นมคี า่ ใชจ้ ่ายทั้งสิน้ ดงั นนั้ อะไรที่เราประหยัดไดเ้ รา จะประหยดั อาจจะจรงิ ท่ีเราดจู ะลาํ บากไปสกั นิดกบั การเดินทางไปรบั รถ แตเ่ ราไดค้ ิดแลว้ ว่าในวนั ที่นาํ รถมาคืนเราจะเอาของมาเขา้ ท่ีพกั กอ่ นแลว้ จงึ คอ่ ยไปคืนจึงไมใ่ ช่เรอ่ื งย่งุ ยากอะไร เราเลือกเชา่ รถกบั บริษัทที่ช่ือวา่ Enterprise เพระจากขอ้ มลู ที่ศกึ ษามาบริษัทนีโ้ ด่งดงั ในยโุ รป แตท่ ่ีบา้ นเราคนุ้ เคยกนั แตเ่ พียง Avis หรือ Budget เท่าน้นั และลา่ สดุ หนูเล็กเพ่ิงไดท้ ราบขอ้ มลู การจัด อนั ดบั เรื่องตา่ งๆ ที่เก่ียวกบั การท่องเที่ยวของโลกของนิตยสาร CONDÉ NAST TRAVELER วา่ บรษิ ัทรถ เชา่ ที่ดีท่ีสดุ เป็นอนั ดบั สองรองจาก Hertz ก็คอื Enterprise น่ีละ พี่ใหญ่กบั หนเู ลก็ เองก็เอาบริษัทพวกนี้ มาเปรยี บเทียบก่อนตดั สนิ ใจเหมือนกนั เลยพบวา่ บริษัทนีม้ ีราคาน่าสนใจ จึงเป็นบริษัทที่เราตดั สินใจ เลอื กเชา่ รถผา่ นทางเวบ็ ไซตโ์ ดยจองรถโอเปิล แอสตรา คอมแพค เอาไว้ เน่ืองจากขนาดน่าจะกวา้ งพอ สาํ หรบั เราสคี่ นพรอ้ มกระเป๋ าคนละใบ และราคาไมส่ งู มากนกั โดยเลือกแบบไมจ่ าํ กดั ระยะทาง บริษัทนี้ มีราคาค่าเช่าระบบนาํ ทางที่เรียกวา่ GPS วนั ละ 5 ยูโร ซึ่งเรากะว่าจะลองไปต่อรองดูอีกที เพราะ คาํ นวณแลว้ ก็เป็นเงินไม่ใช่นอ้ ยหากเราเช่าประมาณ 14 วนั เพราะส่วนหน่ึงเราไดเ้ ตรียมแผนสาํ รอง กรณีไมเ่ ช่า GPS ไว้ ดว้ ยการเตรยี มแผนท่ีทางหลวงเยอรมนีและเสน้ ทางการขบั รถไปยงั เมืองต่างๆ ว่า
ตอ้ งใชถ้ นนเสน้ ใดบา้ งมาไวแ้ ลว้ ซ่ึงคงจะลาํ บากหน่อยก็ตอนท่ีเราไปหาที่พกั น่ีละ แต่ก็คงตอ้ งลอง พิจารณาดอู ีกที ระหวา่ งทางท่ีเดินไปรบั รถเช่า เราไมไ่ ดเ้ รง่ รบี นกั เน่ืองจากบริษทั เปิดทาํ การในวนั เสารเ์ วลาประมาณ 9 โมงเชา้ แตเ่ มือ่ เดนิ ทาง ไปถึง หนา้ บรษิ ัทมีกระดาษขอ้ ความติดไวท้ ่ีหนา้ ประตวู ่า ในวนั เสารใ์ หไ้ ปติดตอ่ สาํ นกั งานซึ่งเลยไปอีก ไมไ่ กลนกั แตด่ จู ากเลขที่บา้ นแลว้ เหน็ จะไมจ่ รงิ ตามนนั้ หนเู ลก็ และพ่ีใหญ่ดนู าฬิกาแลว้ คดิ วา่ จากเวลา นัดหมายท่ี 10 โมงเชา้ เราคงไปทันอยู่แลว้ จึงถือโอกาสเดินเล่นต่อไปยังสาํ นักงานท่ีว่า นัยว่าชม บรรยากาศยามเชา้ ท่ีอากาศเยน็ ฉ่าํ ชื่นใจไปดว้ ย เราไปถงึ ตามเวลาท่ีนดั หมาย แตเ่ มอ่ื เจา้ หนา้ ที่ขอเอกสารสาํ คญั ในการจองอย่างพาสปอรต์ หนู เลก็ กลบั ไมม่ ีใหเ้ สียนี่ ควานหาจา้ ละหว่นั วา่ หายไปไหนของสาํ คญั เช่นนี้ กว่าจะนึกไดว้ ่า เม่ือคืนนีฝ้ าก เอาไวท้ ี่คณุ สดุ ตอนท่ีกาํ ลงั ยุ่งๆ เก็บขา้ วเก็บของเขา้ ท่ีเขา้ ทางกันน่ันเอง แมว้ า่ เราจะขอรอ้ งและโอด ครวญวา่ ขอใหเ้ ราเชา่ กอ่ นไดไ้ หม เอาเอกสารอื่นเป็นหลกั ประกนั กอ่ นไดไ้ หม เด๋ียวไปรบั เพื่อนแลว้ จะวิ่ง เอามาใหอ้ ีกที เจา้ หนา้ ที่สาวช่ือ Nach กไ็ มย่ อมท่าเดยี ว เธอใหเ้ รากลบั ไปเอามา พรอ้ มกาํ ชบั วา่ ตอ้ งมา ใหท้ นั ในเวลาเที่ยงตรงดว้ ยนะ เพราะวนั เสารบ์ ริษัททาํ งานแค่ 9 โมงเชา้ ถึงเท่ียง จริงอย่ทู ่ีเราเขา้ ใจวา่ พาสปอรต์ สาํ คัญเพียงใดสาํ หรบั การเช่า แต่ก็น่ันละนะ แค่ลองทาํ ทีขอรอ้ งเธอดู เผื่อว่าจะเห็นใจ นกั ทอ่ งเที่ยวหวั ดาํ ๆ อย่างเรา แตก่ ฎก็คือกฎ ดงั นน้ั หนเู ลก็ และพ่ีใหญ่จึงตอ้ งเดินคอตกกลบั ไปยงั ท่ีพกั อกี รอบโดยไมม่ เี งื่อนไข กว่าจะกลบั มาถึงบริษัทอีกครงั้ ก็จวนเจียนเวลาเกือบเที่ยง สาว Nach กลา่ วขอบคณุ และขอ โทษในความเครง่ ครดั ในกตกิ าของเธอ ซึ่งจริงๆ เธอก็ทาํ ถูกแลว้ ไมร่ ูต้ อ้ งมาขอโทษเราทาํ ไม แตเ่ ธอคง รูส้ กึ เช่นนั้นจริงๆ จึงไดข้ อไถ่โทษที่ทาํ ใหเ้ ราตอ้ งเสียเวลาในการท่องเที่ยว ดว้ ยการเปล่ียนรถใหเ้ ป็น “Audi A3” สดี าํ มนั วบั ซึ่งนา่ จะทาํ ใหเ้ ราใหอ้ ภยั เธอได้ เลน่ เอาของระดบั นีม้ าลอ่ หนเู ลก็ กบั พี่ใหญ่ไดแ้ ต่
แอบกลืนน้าํ ลายเก็บอาการไว้ โดยเธอมีขอ้ แมว้ ่าอาจจะตอ้ งเสียค่าเช่าเพิ่มขนึ้ เลก็ นอ้ ย แต่รถรุน่ นีม้ ี ระบบนาํ ทางตดิ ตงั้ มาเรยี บรอ้ ยแลว้ และใชน้ า้ํ มนั ดีเซลอีกตา่ งหาก โดยเธอไม่คิดค่าใชจ้ ่ายเพิ่มแตอ่ ย่าง ใด ถือเป็นขอ้ เสนอท่ีเราคงไมก่ ลา้ ปฏเิ สธ ในเมื่อเราจะไดร้ ถท่ีมสี ภาพที่ดีกวา่ ใชน้ า้ํ มนั ดีเซลที่จะช่วยให้ เราประหยดั คา่ นา้ํ มนั อีกทงั้ ยงั มรี ะบบนาํ ทางเสร็จสรรพ แมเ้ สียค่าเช่าเพิ่มเล็กนอ้ ย แต่เม่ือคาํ นวณวา่ เราจะตอ้ งเสยี คา่ เชา่ GPS และการใชน้ า้ํ มนั เบนซินสาํ หรบั การเชา่ รถคนั เกา่ ราคาแทบไมแ่ ตกตา่ ง ดงั นนั้ แมจ้ ะทาํ ทีว่าขอคิดนิดนึงเพ่ือใหด้ วู า่ หญิงไทยอย่างเราไม่ตดั สินใจอะไรง่ายๆ แต่หนเู ลก็ และพ่ีใหญ่ เพียงสบตากร็ ูว้ า่ เราทงั้ คไู่ ดต้ ดั สินใจกนั ไปเป็นที่เรียบรอ้ ยแลว้ เพียงแตต่ อ้ งมีการวางฟอรม์ กันเลก็ นอ้ ย จะรบี ตะครุบดจู ะเสยี เชิงไปสกั หน่อย หลงั จากทาํ สญั ญาเช่า ตรวจสอบสภาพรถ สอนใหเ้ ราทาํ ความ รูจ้ กั ป่ มุ ตา่ งๆ เพ่ือการใชง้ าน ตลอดจนวิธีการใช้ GPS ในการคน้ หาจดุ หมายปลายทางในเบือ้ งตน้ เป็นที่ เรยี บรอ้ ยแลว้ กเ็ ป็นเวลาท่ีหนเู ลก็ จะตอ้ งสรา้ งความคนุ้ เคยเองแลว้ และจะตอ้ งใชใ้ หเ้ กิดประโยชนเ์ ตม็ ท่ี สาํ หรบั การนาํ พาพวกเราคน้ หาความเป็นตวั ตนท่ีแทจ้ รงิ ของเยอรมนีในเวลาสองสปั ดาหน์ บั จากนีไ้ ป หนเู ลก็ ให้ “พ่ีด”ี้ และ “นอ้ งจี” สองสมาชิกใหมพ่ าเรากลบั ไปยงั โฮสเทลเพ่ือรบั คณุ ปาและคณุ สดุ ซึง่ คงคอยเราแย่แลว้ หลงั จากน้ันเราคงไดเ้ ร่ิมเดินทางออกจากแฟรงคเ์ ฟิ รต์ กันเสียที ปัญหาตอนนี้ ของหนเู ลก็ คือการทาํ ความคนุ้ เคยกบั “พี่ด”ี้ เพราะรถยี่หอ้ นีล้ องถา้ อย่เู มืองไทยคงไมม่ ีปัญญาไดข้ บั โฉบ เฉี่ยวเป็นแน่ หนเู ลก็ จึงตอ้ งพยายามเรยี กความทรงจาํ สมยั ขบั รถเท่ียวเชคท่ีเคยขบั รถพวงมาลยั ซา้ ย เขา้ เกียรด์ ว้ ยมือขวา เปิดไฟเลีย้ วดว้ ยมือซา้ ย และปัดนา้ํ ฝนดว้ ยมือขวา ใหก้ ลบั มาอีกครงั้ เพราะรา้ งห่าง หายไปนานมากแลว้ และวนั วยั กเ็ พิ่มขนึ้ ตามมาดว้ ย แลว้ รถย่ีหอ้ นีก้ ม็ รี ะบบแปลกๆ ท่ีหนเู ลก็ ไม่เคยรูม้ า ก่อน เช่น การยา้ํ คลชั ทส์ าํ หรบั การสตารท์ รถ หรอื เครอ่ื งยนตจ์ ะดบั เม่ือเราจอดแลว้ ปลดเกียรว์ า่ ง นยั ว่า เพ่ือความประหยดั ขณะจอด หากจะออกตวั กแ็ คย่ า้ํ คลชั ทอ์ ีกครง้ั เคร่ืองก็จะติดขึน้ มาอตั โนมตั ิ เล่นเอา หนเู ลก็ มนึ งงไปเป็นนานกบั ระบบแบบนี้ กวา่ จะจบั ทิศทางไดเ้ ลน่ เอามนึ ไปพอสมควร ในขณะท่ีพ่ีใหญ่ซ่งึ กินตาํ แหนง่ เนวเิ กเตอรค์ อยเปิดแผนท่ีเม่ือครง้ั กอ่ น ซึ่งคราวนีไ้ ดต้ วั ช่วยเป็น “นอ้ งจี” กต็ อ้ งพยายามศกึ ษาวธิ ีการใชง้ านใหค้ ลอ่ งแคลว่ เพราะอยา่ งนอ้ ยกช็ ่วยใหพ้ ่ีใหญ่ไดน้ ่งั ชมววิ ได้ สบายขนึ้ ในระหวา่ งการเดนิ ทาง เพราะหากไดก้ าํ หนดจดุ หมายปลายทางไวเ้ รียบรอ้ ยแลว้ “นอ้ งจี” จะ พดู บอกทางเราไปจนถึงที่หมายโดยพ่ีใหญ่ไม่ตอ้ งทาํ อะไรอีกเลย เสียงที่พูดออกมาจะบอกหมดวา่ ให้ ตรงไปกี่กิโลเมตร จะตอ้ งเตรยี มออกทางออกหนา้ ในอีกกี่เมตร ขบั เลยแลว้ ถา้ เป็นไปไดใ้ หก้ ลบั รถ คณุ ได้ ถึงจดุ หมายแลว้ ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะพดู ใหข้ บั ตามท่ีบอกแลว้ ตรงหนา้ ปัทมข์ องคนขบั จะมีขอ้ มลู ตา่ งๆ บอกไวห้ มด ทง้ั ลกู ศรบอกทิศทางใหต้ รง ใหเ้ ตรียมเลีย้ วซา้ ย เลีย้ วขวา ระยะทางอีกกี่กิโลเมตร เวลาที่ คาดว่าจะเดินทางถึงหากใชค้ วามเรว็ ประมาณนี้ หมายเลขถนนที่ใชอ้ ยู่ รวมทัง้ อณุ หภมู ิภายนอกท่ีดู ยงั ไงก็ไมม่ สี งู ไปกวา่ 15 องศาเซลเซียสเสียที การท่ีเราไดส้ มาชิกใหมท่ ้ังสองมาช่วยทาํ ใหก้ ารเดินทางของเราง่ายขนึ้ สะดวกสบายขนึ้ โข ทีเดียว แมว้ า่ ยงั คงเหมอื นคนแปลกหนา้ ท่ียงั ตอ้ งคอ่ ยๆ สรา้ งความสนิทสนม คนุ้ เคย แตเ่ วลาท่ีเราไดอ้ ยู่
ดว้ ยกันตลอด 2 สปั ดาหค์ งทาํ ใหส้ มั พันธภาพระหว่างเราแนบแน่นขึน้ ในไม่ช้า คงตอ้ งขอกล่าวคาํ ตอ้ นรบั สมาชิกใหมส่ าํ หรบั การเดินทางของเราครงั้ นีต้ ามสไตลเ์ ยอรมนั เสียหน่อยแลว้ “Willkommen Herr di and Frau G” จุดหมายแรกของการออกเดินทางเราตง้ั เป้ากันว่าจะไปแวะเที่ยวปราสาทท่ีไฮเดลแบร์ก (Heidelberg) กนั เป็นแห่งแรก เพราะไฮเดลแบรก์ ซ่ึงเป็นเมอื งของรฐั มีระยะทางห่างจากแฟรงคเ์ ฟิ รต์ ไม่ มากนักคือประมาณ 35 กิโลเมตร แม้ว่าอาจจะเริ่มตน้ ออกเดินทางช้าเกือบ 2 ช่ัวโมง แต่เห็นว่า ระยะทางไมไ่ กลนกั หนเู ลก็ จึงไมอ่ ยากใหผ้ ดิ แผนที่วางไว้ เพราะหากเรามงุ่ หนา้ ไปยังเมืองท่ีจะพกั กนั ใน ค่าํ คนื นีโ้ ดยไมแ่ วะท่ีไหน ก็ไมม่ ีหลกั ประกนั อะไรในอกี สองสปั ดาหข์ า้ งหนา้ วา่ เมื่อกลบั มาแถบนีเ้ ราจะ ไดม้ าแวะเท่ียวไฮเดลแบรก์ ไดห้ รือไม่ และหากพลาดไปคงทาํ ใจไมไ่ ดเ้ ป็นแน่ การที่เยอรมนีแบ่งแยกออกเป็นแควน้ เลก็ แควน้ นอ้ ย มีรฐั ตา่ งๆ ในอดตี มากมาย แตล่ ะแควน้ จะ มีผปู้ กครองมีกษัตรยิ ข์ องแควน้ นาํ มาซง่ึ การสรา้ งปราสาทราชวงั สาํ หรบั เป็นท่ีประทับของราชวงศ์ การ มาเที่ยวเยอรมนีสิ่งหนง่ึ ที่พลาดไม่ได้ คือการไปเที่ยวชมปราสาทเก่าๆ ซึ่งมีประวตั ิศาสตรอ์ นั ยาวนาน เพราะจะวา่ ไปเยอรมนีเป็นประเทศท่ีมปี ราสาทมากมาย และปราสาทสว่ นใหญ่ก็ติดอนั ดบั การไปเย่ียม ชมชนิดท่ีเรียกวา่ “a must” เสียดว้ ย ดงั นั้น พวกเราจึงไม่อยากพลาดการไปเย่ียมชมปราสาทไฮเดล แบรก์ อนั เลอื่ งชื่อ การเดนิ ทางจากแฟรงคเ์ ฟิ รต์ ไปยงั ไฮเดลแบรก์ ดว้ ยออโตบ้ าหน์ (Autobahn) ช่วยเราอย่างมาก ในการทาํ เวลา ทาํ ใหเ้ ผลอแผลบเดียวเราก็เดินทางเขา้ เขตตวั เมืองของไฮเดลแบรก์ กันแลว้ พี่ใหญ่ให้ นอ้ งจีคน้ หาสถานท่ีตง้ั ปราสาทไฮเดลแบรก์ (Heidelberg Castle หรอื Heidelberger Schloss) แลว้ เรา กข็ บั ตามนนั้ ไป ปัญหาคอื เราตอ้ งไปหาท่ีจอดรถใหไ้ ดก้ ่อน ซ่งึ ท่ีจอดรถในเยอรมนีเป็นเร่ืองท่ีตอ้ งศึกษา และทาํ ความเขา้ ใจใหด้ กี อ่ นจะจอด เพราะเขามแี บง่ ประเภทตา่ งๆ ไวช้ ดั เจน หา้ มจอดผิด ไมเ่ ช่นนน้ั จะ ถกู ปรบั ไดง้ า่ ยๆ สว่ นใหญ่เขาจะมีท่ีจอดรถใหเ้ ชา่ อย่แู ลว้ ทง้ั แบบในอาคาร สงั เกตจากป้าย P ท่ีมีหมวก ครอบ แตห่ ากเป็นตวั P เฉยๆ จะเป็นลานจอดกลางแจง้ และที่จอดรถพวกนีส้ ว่ นมากก็จะมีป้ายบอก จาํ นวนท่ีวา่ งไวช้ ัดเจนวา่ “frei” อย่เู ท่าไหร่ ป้ายคาํ เตือนท่ีจอดรถริมถนนมีอยู่มากมาย เช่น บริเวณนี้ เฉพาะผทู้ ี่อาศยั อย่ใู นพืน้ ที่นัน้ หรือใหจ้ อดเฉพาะวนั ท่ีเป็นเลขคู่ หรือหา้ มจอด ดงั น้นั แมว้ า่ หนูเล็กจะ เห็นถนนริมทางวา่ งๆ น่าจะจอดได้ แตพ่ อดปู ้ายแลว้ สว่ นใหญ่จะเป็นพืน้ ท่ีสาํ หรบั ผทู้ ่ีอาศยั อย่แู ถวๆ นนั้ พวกที่จอดแบบหยอดเหรียญก็พอมีแตค่ อ่ นขา้ งนอ้ ย แตท่ ่ีสาํ คญั ป้ายพวกนีเ้ ป็นภาษาเยอรมนั ท้งั หมด ดงั นน้ั หากใครไมร่ ูภ้ าษาเยอรมนั ตอ้ งศกึ ษาใหด้ เี ชียว เคลด็ ไมล่ ับของหนเู ล็กจะมีวิธีสงั เกตป้ายสาํ หรบั จอดรถคนท่ีอยู่อาศยั แถวน้นั ได้ อาจไมแ่ น่นอนรอ้ ย เปอรเ์ ซนตแ์ ตก่ ค็ งพอจะมสี ว่ นถกู อย่บู า้ ง คอื เมอ่ื เราขบั รถในเมืองไหนๆ ก็ลองมองป้ายทะเบียนรถของ เมอื งนน้ั ๆ ตวั หนงั สอื ท่ีป้ายทะเบียนน่ีละที่จะบอกวา่ รถคนั นีจ้ ดทะเบียนที่เมืองไหน เช่น รถคนั ที่หนเู ล็ก เชา่ มา ตวั อกั ษรเป็น “WI” หนเู ลก็ เดาเอาวา่ น่าจะเป็นวีสบาเดน เพราะหนูเลก็ เช่าที่แฟรงคเ์ ฟิ รต์ เมือง
ใกลๆ้ ก็คงจะเป็นวีสบาเดนเป็นแน่ ดงั นั้น อย่างถา้ มาไฮเดลแบรก์ รถท่ีว่ิงอยู่ในเมืองสว่ นใหญ่จะใช้ ตวั อกั ษรวา่ “HE” ดงั นัน้ ถา้ จะไปจอดริมถนนท่ีเราอา่ นป้ายไมอ่ อก ก็ลองมองทะเบียนรถส่วนใหญ่ท่ี จอดอยู่ ถา้ เป็น “HE” ละกใ็ หส้ นั นิษฐานไวก้ ่อนเลยวา่ คงเป็นของคนที่อาศยั อยแู่ ถวนีเ้ ป็นแน่ แตส่ ดุ ทา้ ย วิธีท่ีดีที่สดุ กค็ ือยอมเสียคา่ ท่ีจอดเสียเถอะ สบายใจกว่าพวกจุดจอดรถท่ีเขาเรียกว่า Parkhaus น่นั ละ เพียงแตว่ า่ อาจตอ้ งเลือกใหห้ ่างสถานที่สาํ คญั ๆ ออกไปบา้ ง ค่าที่จอดจะถูกหน่อยและเราก็จะมีเวลา เดินเที่ยวไดน้ านขึน้ เพราะถา้ จอดใกลม้ ากๆ คา่ จอดจะค่อนขา้ งแพง ถา้ ไม่อยากเสียค่าจอดมากก็ กลายเป็นจะตอ้ งรบี เดินเที่ยวเสียอรรถรสไปเปลา่ ๆ ลานนา้ํ พุ เซบาสเตยี น มนึ สเตอร์ วา่ แลว้ พวกเรากเ็ ลยพากนั ไปจอดรถที่ใตด้ ินของบรเิ วณจตั รุ สั คารล์ (Karl’s square) ซ่ึงจดั ไดว้ ่า ไมไ่ กลจากทางเดินไปส่ปู ราสาทไฮเดลแบรก์ มากนกั เมื่อเดินขนึ้ มาจากลานจอดรถใตด้ ิน ตรงกลาง จตั รุ สั จะมีนา้ํ พลุ กั ษณะแปลกตาตง้ั อยู่ คือ นา้ํ พุเซบาสเตียน มนึ สเตอร์ (Sebastian Munster) เราเดิน ลดั เลาะผา่ นบริเวณที่เป็นตลาดขายเมลด็ พนั ธพุ์ ืช (Kornmarkt) ซง่ึ ตรงกลางลานเป็นรูปปั้นของพระแม่ มารอี มุ้ พระบตุ รยืนอย่บู นลกู โลกสีทองที่มเี ทวดาลอ้ มรอบ รูปปั้นของพระแมม่ ารีอมุ้ พระบตุ ร ยืนอย่บู นลกู โลกสีทองท่ีมีเทวดา ้
ดว้ ยพวกเรามีเวลาไมม่ ากนกั จึงไมไ่ ดเ้ ดินเท่ียวบริเวณนีซ้ ึ่งมีนักท่องเท่ียวเดินกนั ใหข้ วกั ไขวซ่ ึ่ง เป็นเรื่องนา่ เสียดายอย่างยิ่ง พวกเราพากนั ลดั เลาะไปทางสถานีรถไต่เขา (Furnicular railway) เคอนิ กซช์ ตลู (Konigstuhl) ที่เรยี กวา่ แบรก์ บาน (Bergbahn) ซึง่ รถไตเ่ ขานีส้ ามารถพาเราขนึ้ ไปยงั ปราสาทไฮ เดลแบรก์ ไดด้ ว้ ย โดยตอ้ งลงท่ีสถานีแรกคือสถานีปราสาท (Schloss) แตเ่ ปลา่ หรอกนะ พวกเราไมข่ นึ้ ไป ใหเ้ สียเงินหรอก เพราะจากจุดนีจ้ ะมีทางขึน้ ไปยงั ปราสาทไดอ้ ีก 2 ทาง ทางหนึ่งเป็นบนั ได (Kurzer Buckel) จาํ นวน 315 ขนั้ ซ่ึงมีตวั เลขกาํ กบั ไวใ้ หเ้ ห็นชดั เจน สว่ นอกี ทางหนง่ึ เป็นทางลาด (Burgweg) ที่ จะใหเ้ ราเดินขึน้ ปราสาทดา้ นติดแมน่ า้ํ ซึ่งจริงๆ แลว้ ทางนีใ้ นปัจจุบันใชเ้ ป็นทางออก แต่ปรากฏวา่ มี นกั ท่องเที่ยวจาํ นวนมากเลอื กท่ีจะเดินขนึ้ ทางนี้ อาจเป็นเพราะรูส้ กึ วา่ เดนิ งา่ ยกวา่ การกา้ วขนึ้ บนั ไดหรือ เปลา่ กไ็ มร่ ู้ แลว้ วนั ที่หนเู ลก็ ไปก็ไมไ่ ดม้ ีการหา้ มขนึ้ ทางนีแ้ ตอ่ ย่างใด ประมาณวา่ ไม่คอ่ ยเครง่ ครดั พวก เราจงึ พากนั เดินขนึ้ ทางนีก้ นั สดุ ทา้ ยกไ็ ปโผลบ่ รเิ วณทางเขา้ ปราสาทซึง่ มีซมุ้ ขายต๋วั ตงั้ อยู่ เมื่อพ่ีใหญ่ไป จดั การราคาคา่ ต๋วั คนละ 5 ยโู รเป็นที่เรยี บรอ้ ย เรากเ็ รมิ่ เขา้ ไปสลู่ านปราสาท (Schlossinnenhof) กนั ทางเดนิ เขา้ ปราสาทฝ่ังติดแมน่ า้ํ (Burgweg) โถงทางเดนิ ก่อนถงึ จดุ ขายต๋วั พ่ีใหญ่จดั การซือ้ ต๋วั ก่อนเขา้ ชม
ปราสาทไฮเดลแบรก์ ซึ่งทาํ ดว้ ยอิฐสีแดงไดร้ บั การยอมรบั ว่าเป็นปราสาทแบบเรอเนสซองส์ (Renaissance) ที่สวยท่ีสดุ ทางเหนือในเขตเทือกเขาแอลป์ แมว้ า่ ตามประวตั ิการก่อสรา้ งปราสาทที่ นา่ จะเรมิ่ ตงั้ แตก่ ่อนปี ค.ศ.1214 สรา้ งเป็นศิลปะแบบโกธิค (Gothic) ก็ตาม ตวั ปราสาทตงั้ ขนานไปกบั แมน่ า้ํ เนคคาร์ (Neckar) แมน่ า้ํ สายสาํ คญั ของเมือง และอยบู่ นเขาเคอนิกซช์ ตลู ดงั นน้ั จากปราสาทจะ สามารถมองเหน็ ววิ ของตวั เมืองไดท้ ่วั แตใ่ นทางกลบั กนั ความโดดเดน่ ก็เป็นภยั ต่อตวั ปราสาทที่โดนทงั้ ภยั ธรรมชาติอย่างฟา้ ผา่ และการเป็นเป้าถกู ทาํ ลายในชว่ งสงคราม แตแ่ รกเร่ิมตวั ปราสาทมขี นาดไมใ่ หญ่มากนกั แตเ่ มอื่ ผา่ นผปู้ กครองหลายยคุ หลายสมยั ตา่ งก็ สรา้ งตอ่ เตมิ ตามความชอบเพื่อแสดงอาํ นาจและบารมี และพากนั ตงั้ ชื่อตามผสู้ รา้ ง ปราสาทจึงขยาย เพ่ิมขนึ้ กินบริเวณกวา้ งโดยไมม่ ีการปรบั ปรุงตกแตง่ ของเดมิ แตอ่ ย่างใด ทาํ ใหเ้ กิดเป็นอาคารหลายสว่ น มาเรียงตอ่ กนั อย่างบริเวณท่ีพวกเราเดินเขา้ ไป ทางดา้ นซา้ ยมือจะเป็นส่วนท่ีเรียกว่า ออตไฮนร์ ิชสเ์ บา (Ottheinrichsbau) สรา้ งโดยกษัตรยิ ช์ ่ือนี้ ปราสาทสว่ นนีเ้ หลือเพียงกาํ แพงดา้ นหนา้ และหอ้ งดา้ นล่าง เพียงเลก็ นอ้ ย แต่ที่อลงั การคือ กาํ แพงท่ีเห็นเต็มไปดว้ ยรูปป้ันท่ีเป็นตวั แทนของความศกั ดิส์ ิทธิ์และ อาํ นาจ คลา้ ยๆ กบั เป็นรูปป้ันเชิงสญั ลกั ษณเ์ พ่ือคา้ํ จุนราชบัลลงั กอ์ ะไรประมาณน้ัน เพราะจะมีรูปปั้น พวกเทพเจา้ ต่างๆ เช่น เนปจูน แซมซ่นั เฮอรค์ ิวลิส เป็นตน้ บริเวณนีจ้ ะมีทางเขา้ ไปยังพิพิธภณั ฑย์ า (Deutsches Apotheken Museum) ซึ่งบอกเลา่ เก่ียวกบั การพฒั นาของยาตงั้ แตค่ รสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 13 ซ่ึง รวบรวมไวห้ มดทง้ั ระเบียบขอ้ บงั คบั การปรุง การผลติ วตั ถดุ ิบในการผลิต ยารูปแบบต่างๆ หอ้ งปรุงยา พรอ้ มทง้ั อปุ กรณท์ ่ีเกี่ยวขอ้ งทง้ั หมด Ottheinrichsbau เมอื่ หนั มาทางดา้ นขวามือก็จะเป็นอีกอาคารหนึง่ ซึ่งอาจกลา่ วไดว้ า่ เป็นสว่ นที่ใหมท่ ี่สดุ คือสรา้ ง เมื่อช่วงตน้ ของครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 17 ชื่อวา่ เฟรดริชสเ์ บา (Friedrichsbau) มีลกั ษณะคลา้ ยๆ กับอาคาร
เม่อื สกั ครูน่ ี้ เพราะมีการประดบั ประดาตกแตง่ ดา้ นหนา้ อาคารดว้ ยรูปปั้นเช่นเดียวกนั แตเ่ ป็นรูปปั้นนกั ปกครองของตระกลู วิทเทลบาคส์ (Wittelbachs) ดา้ นในอาคารจะเป็นโบสถเ์ ลก็ ๆ และหอ้ งแสดงประวตั ิ ตา่ งๆ แตก่ ารเขา้ ภายในอาคารตอ้ งมผี นู้ าํ ชมดงั นนั้ พวกเราจึงไมส่ ามารถเขา้ ไปชมได้ Friedrichsbau ว่ากนั ว่าไฮไลตข์ องการมาชมปราสาทคือการไปชมถังเก็บบ่มไวนท์ ี่ใหญ่ที่สดุ ในโลก ซ่ึงอยู่ บริเวณใตต้ กึ ท่ีติดกบั เฟรดรชิ สเ์ บา ถงั นีม้ ไี วเ้ พ่ือเก็บรวบรวมไวนจ์ ากที่ต่างๆ ท่ัวทงั้ แควน้ โดยเจา้ ของไร่ ไวน์ตา่ งๆ จะตอ้ งส่งไวนม์ าใหเ้ จ้าของปราสาทเหมือนเครื่องราชบรรณาการ ไวนก์ ็จะถูกนาํ มาเก็บ รวมกนั ไวใ้ นนี้ ซงึ่ มคี วามจถุ ึง 220,000 ลิตร เรียกวา่ ดื่มกนั ไมม่ หี มด แตห่ นเู ลก็ สงสยั วา่ แลว้ รสชาติ มนั จะเป็นอย่างไร แตล่ ะไรจ่ ะไดร้ สชาติไวนท์ ี่เหมอื นกนั หมดหรอื ใครรูช้ ่วยตอบที พวกเราเดินยอ้ นออกไปตรงทางเขา้ หลกั จะมอี าคารทางขวามอื ที่ไดช้ ื่อวา่ เก่าแก่ท่ีสดุ ที่ชื่อวา่ รูเปรชทสเ์ บา (Ruprechtsbau) สรา้ งโดยเจา้ อีเล็กเตอรร์ ูเปรชทท์ ี่ 3 ผกู้ ่อตง้ั มหาวิทยาลยั ไฮเดลแบรก์ เป็นอาคารที่มรี ูปแบบเรียบๆ ไมต่ กแตง่ หวอื หวาแบบสองอาคารแรก ภายในจัดแสดงเร่ืองราวเกี่ยวกบั แควน้ พาลาทิเน็ต (Palatinate) ซ่ึงอย่บู ริเวณทางเหนือของบาเดน - เวอรท์ เทมแบรก์ ท่ีเคยอยู่ในการ ปกครองของผคู้ รองนครไฮเดลแบรก์ ตลอดจนประวตั ผิ ปู้ กครอง ประวตั ขิ องปราสาท แตก่ ็เช่นกนั ทีต่ อ้ งมี ผนู้ าํ ชม และสามารถถ่ายภาพไดโ้ ดยหา้ มใชแ้ ฟลช เราเดินขา้ มสะพานหินท่ีสรา้ งครอ่ มคนู า้ํ ออกมายงั ดา้ นนอก ประตทู างเขา้ นีเ้ ป็นประตเู กา่ ที่สรา้ ง ตง้ั แตป่ ี ค.ศ.1528 ซึ่งจริงๆ แลว้ เป็นประตหู ลกั สาํ หรบั การเขา้ ชมปราสาท เพ่ือไปชมบริเวณดา้ นนอกซ่ึง เมื่อเลีย้ วขวาไปจะเจอประตทู ี่ไดร้ ับการขนานนามว่า “ประตคู ืนเดียว” ซึ่งจริงๆ ก็คืออลิซาเบธ เกท (Elizabeth gate) เพราะเป็นประตทู ี่มาจากพลงั แหง่ ความรกั ของพระเจา้ เฟรดรชิ ท่ี 5 ท่ีมีบญั ชาใหส้ รา้ ง ใหเ้ สรจ็ ภายในคนื เดียวเพ่ือเป็นของขวญั ใหแ้ ก่ภรรยาเม่อื มีอายคุ รบ 19 ปี มสี ว่ นที่เป็นสวนเล็กๆ ติดกบั
ระเบียงปราสาทที่สามารถมองลงไปเห็นตวั เมอื งไฮเดลแบรก์ ไดช้ ดั เจนในวนั แดดแรงกลา้ เช่นนี้ เม่ือเดิน ตรงไปจะเป็นอาคารสว่ นท่ีเรียกวา่ อิงลิชเชอรเ์ บา (Englischer Bau) ซึ่งสรา้ งโดยพระเจา้ เฟรดริชท่ี 5 กษัตริยผ์ ไู้ ดร้ บั ฉายาวา่ “The Winter King” เน่ืองจากเป็นกษัตริยแ์ ควน้ โบฮีเมียที่ครองราชยเ์ พียงฤดู หนาวเดียว หลงั สงคราม 30 ปีพระองคก์ ลายเป็นผลู้ ีภ้ ยั ทางการเมือง พระเจา้ เฟรดริชที่ 5 สรา้ งอาคารนี้ ขึน้ เพ่ือมอบใหแ้ ก่เจา้ หญิงอลิซาเบธ สจ๊วต (Elizabeth Stuart) พระชายาผซู้ ึ่งอภิเษกสมรสกนั ดว้ ย เหตผุ ลทางการเมือง การแตง่ งานเกิดขนึ้ ตอนที่เธออายเุ พียง 16 ปี จึงคอ่ นขา้ งเอาแตใ่ จตวั เองมาก พระเจา้ เฟรดรชิ ท่ี 5 เองก็ตอ้ งการเอาชนะใจเธอ ดงั นน้ั เม่ือเธอส่งั ใหต้ ่อเติมปราสาทโดยมีหอ้ งบอลรูม สาํ หรบั การจดั งานเลยี้ งเตน้ ราํ พระองคก์ เ็ ลยดดั แปลงหอคอยบนปอ้ มท่ีใหญ่และสงู ที่สดุ มาให้ ว่ากนั ว่า ปัญหาที่ตามมาคอื โรงครวั ของปราสาทตง้ั อย่สู ดุ ทางอีกดา้ นหน่ึง ทาํ ใหข้ า้ ราชบริพารตอ้ งเดือดรอ้ นเดิน ออ้ มปราสาททงั้ หลงั และปีนป่ ายปอ้ มเพื่อนาํ พระกระยาหารไปถวายบนยอดหอคอยน่นั เชียว Elizabeth gate ประตคู นื เดียว Englischer Bau
ตวั เมอื งไฮเดลแบรก์ จากนน้ั หนเู ลก็ กพ็ าพวกเราเดนิ ยอ้ นมาอกี ทางหนึง่ ของประตทู างเขา้ หลกั ซ่ึงจะเป็นทางพาเราไป ยงั สวนปราสาทแตร่ ะหวา่ งทางเราจะผา่ นป้อมพลู เวอรท์ วรม์ (Pulverturm) ท่ีแสดงใหเ้ ห็นร่องรอยของ สงครามที่ฝร่ังเศสยึดเมืองได้ แลว้ พระเจา้ หลยุ สท์ ่ี 14 กษัตริยฝ์ ร่งั เศสในสมยั นั้นใหน้ าํ ดินปืนมาจุด ระเบิด ทาํ ใหต้ วั ปอ้ มเสยี หายไปครงึ่ หนงึ่ ปอ้ มนีเ้ ป็นจดุ ที่นกั ทอ่ งเที่ยวนิยมมาถา่ ยภาพ นอกจากจะแสดง ใหเ้ ห็นถึงการกอ่ สรา้ งในยคุ กอ่ นที่เนน้ ดา้ นความปลอดภยั จึงไดส้ รา้ งป้อมปราการไวอ้ ย่างแขง็ แกร่งก่อ อิฐก่อหินไวห้ ลายชนั้ ในขณะเดยี วกนั ก็ยงั ทาํ ใหเ้ หน็ ความรา้ ยแรงของสงครามที่เนน้ การทาํ ลายลา้ งให้ ย่อยยับเสียหายจนยากที่จะบรู ณะซ่อมแซม ปราสาทถูกทาํ ลายจากสงครามไมพ่ อ ในปี ค.ศ.1764 ปราสาทกถ็ กู ฟา้ ผา่ ใหเ้ สยี หายยบั เยินย่ิงไปอีก จากนน้ั ปราสาทกถ็ กู ทิง้ รา้ งใหเ้ ถาวลั ยเ์ ลือ้ ยปกคลมุ เตม็ ไปหมด ชาวเมืองเองก็มาขนหินจากซากปรกั หกั พังไปสรา้ งบา้ นเรือน สภาพท่ีปรากฏยากเกินกวา่ จะ เยียวยา จนกระท่ังปี ค.ศ. 1800 ท่านเคาน์ ชารล์ ส์ เดอ เกรมแบรก์ (Count Charles de Graimberg) ชาวฝร่งั เศสมาขดุ พบจงึ ไดร้ เิ ร่มิ การอนรุ กั ษป์ ราสาทอย่างจริงจงั และกลบั กลายเป็นวา่ ซากปราสาทที่ถูก ปกคลมุ ดว้ ยเถาวัลยก์ ลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินและนักเขียนมากมายล่มุ หลงความยิ่งใหญ่ งดงามอนั เป็นอมตะนีจ้ นถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดและบทกวีตา่ งๆ อย่างมากมาย Pulverturm ท่ีถกู ทาํ ลายจากสงคราม
จากบริเวณนีถ้ า้ เดนิ ตอ่ เน่ืองไปจะเป็นสวนอนั กวา้ งขวางใหญ่โตรม่ ร่นื วา่ กนั วา่ ก่อนโดนทาํ ลาย จากสงครามจดั ไดว้ า่ เป็นสวนเรอเนสซองสแ์ หง่ แรกของเยอรมนีเลยและติดอนั ดบั ส่ิงมหัศจรรยข์ องโลก เลยทีเดยี ว เพราะพระเจา้ เฟรดรชิ ท่ี 5 ไดเ้ ชิญสถาปนิกจากลอนดอนมาออกแบบให้ ที่เราเห็นน่ีคือผ่าน การบรู ณะแลว้ จึงไมง่ ดงามเท่าเก่า ดา้ นทิศตะวนั ตกของสวนแตเ่ ดิมเรียกกนั ง่ายๆ ว่า สวนปืน (Gun Park) มที ี่มาจากเดิมซงึ่ เป็นบริเวณที่ใชท้ าํ ประโยชนท์ างยทุ ธศาสตรซ์ ึ่งจะมีปืนใหญ่ตง้ั อยู่ แตเ่ มื่อพระ เจา้ เฟรดริชที่ 5 ตอ้ งการเอาใจเจา้ หญิงอลิซาเบธ กเ็ ลยเปล่ียนใหเ้ ป็นสวนสาํ หรบั การพกั ผ่อนหย่อนใจ เสยี แทน เก็บภาพในสวนปราสาทเป็นที่ระทกึ กนั เสยี หน่อย วิวแมน่ า้ํ Neckar จากสวนปราสาทไฮเดลแบรก์ เราช่ืนชมหลงั คาบา้ นสสี ม้ สดท่ีละลานตาในตวั เมอื งจากระเบียงของสวนจนหนาํ ใจ ก็พากนั เดิน กลบั ออกมาทางเดมิ เพราะเรายงั ตอ้ งเดนิ ทางตอ่ ไปยงั ท่ีพกั ของเราในค่าํ คืนนีท้ ี่เมืองเลก็ ๆ ที่มีชื่อวา่ โรเทนเบิรก์ ออบ เดอร์ เทาเบอร์ (Rothenburg Ob de Tauber) กันอีก แต่ขากลบั เราพากันเดินไปลง ทางบนั ได 315 ขนั้ ซงึ่ ก็สามารถพาเราไปยงั จดุ หมายดา้ นลา่ งไดเ้ หมอื นกนั จริงๆ แลว้ ไฮเดลแบรก์ ยังมีสถานที่ที่ควรแก่การไปเยือนอีกมากมาย แต่พวกเรามีเวลาเพียง เท่านี้ เพราะมวั แตไ่ ปเสยี เวลาที่แฟรงคเ์ ฟิ รต์ จงึ พลาดการเยี่ยมชมใหเ้ ตม็ ท่ีอยา่ งน่าเสียดาย จึงคิดกนั วา่
หากขากลบั พอมเี วลาหรอื ชว่ งท่ีเรากลบั มาที่แฟรงคเ์ ฟิ รต์ แลว้ ยงั พอมีแรง ค่อยน่ังรถไฟมาเท่ียวเอาแลว้ กนั เพราะสถานท่ีที่เขาแนะนาํ ยังมีท้งั โบสถไ์ ฮลิกไกสเ์ คียเชอะ (Heiliggeistkirche) หรือ The Church of the Holy Spirit ซึ่งอย่บู ริเวณมารค์ พลาสต์ (Markplatz) เพราะโบสถน์ ีเ้ ป็นโบสถท์ ่ีเก่าแก่ท่ีสดุ ของ เมือง ซ่ึงเป็นศิลปะแบบโรมาเนสก์ (Romanesque) ตอนปลาย หรือการไปบนสะพานอลั เทอะ บรึค เคอะ (Alte Brucke) หรือเรียกอีกช่ือว่าคารล์ ทีโอดอร์ บรคึ เคอะ (Karl-Theodore Brücke) ซ่ึงมาจาก วา่ ทา่ นคนนีเ้ ป็นผสู้ รา้ งสะพานนีข้ ึน้ ทดแทนสะพานไมท้ ่ีเสียหายไปจากอทุ กภยั นอกจากนีจ้ ดุ ชมวิวที่ นบั วา่ ดีท่ีสดุ ในการชมไฮเดลแบรก์ ตอ้ งเดนิ ไปจนสดุ สะพานแลว้ เดินลดั เลาะไปยงั ระเบียงธรรมชาตทิ ี่อีก ฝ่ังหนึ่งของแมน่ ้าํ ที่เรียกว่า ฟิ โลโซเฟ่ นเว็ก (Philosophenweg) ซึ่งนักกวี ศิลปินต่างๆ มกั ไปอาศัย บรรยากาศตรงนน้ั ในการสรา้ งสรรคส์ ิ่งตา่ งๆ และภาพงามๆ ของเมืองนีก้ ็มกั จะถา่ ยมาจากจดุ นีน้ ่นั เอง และสิ่งท่ีหนูเล็กรู้สึกเสียดายอย่างที่สุดคือ การไม่ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่สําคัญทาง ประวตั ศิ าสตรข์ องคนไทย เพราะตามที่ไดเ้ คยอา่ นหนังสือ “เจา้ นายเล็กๆ ยุวกษัตริย”์ ของสมเดจ็ พระ เจา้ พี่นางเธอกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ไดท้ รงเลา่ ไวว้ า่ ครง้ั นนั้ พระมหิตลาธิเบศรอดลุ ยเดชวิกรม พระบรมราชชนกทรงพระประชวรคณะแพทยจ์ งึ กราบทูลใหไ้ ปรกั ษาอาการพระประชวรท่ีตา่ งประเทศ โดยพระบรมราชชนกทรงคนุ้ เคยกบั ไฮเดลแบรก์ เน่ืองจากเคยทรงศกึ ษาที่น่นั จึงตดั สินใจไปที่น่นั ดงั นั้น พระบรมราชชนกจึงทรงพาครอบครวั อนั ประกอบดว้ ยพระศรีนครินทราบรมราชชนนีซ่ึงขณะนั้นคือ หมอ่ มสงั วาลยแ์ ละสมเดจ็ พระพ่ีนางฯ โดยเสดจ็ ดว้ ย โดยขณะนน้ั สมเดจ็ ยา่ ทรงพระครรภเ์ กือบ 8 เดือน แลว้ เมื่อไปอยู่ไม่ถึงเดือนสมเดจ็ ย่าก็เสดจ็ เขา้ โรงพยาบาลเพราะใกลค้ ลอดเต็มที จวบจนกระท่งั วัน อาทิตยท์ ี่ 20 กนั ยายน 2468 เวลาประมาณ 01.45 น. หมอ่ มเจา้ ชายองคเ์ ล็กๆ นา้ํ หนักประมาณสอง กิโลกรมั คร่ึงจึงไดป้ ระสตู ิ และอยู่ที่เมืองนี้จนสมเดจ็ ย่ามีพระวรกายแข็งแรงดี จึงไดท้ รงเดินทางไป ประทับท่ีปารีส ซ่ึงหม่อมเจา้ ชายองคเ์ ล็กที่พระองคท์ รงเล่าน้ัน ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว อานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ส่วนสถานที่ที่ประสูติก็คือที่เฟราเอนคลีนิก (Frauenklinik) หรือ โรงพยาบาลเฟราเอน น่นั เอง แมว้ า่ หนเู ลก็ มาเท่ียวชมสว่ นหน่ึงของไฮเดลแบรก์ เท่าท่ีพอมีเวลา ก็ยังพอจะสงั เกตเห็นไดว้ า่ เป็นเมืองที่มีคนหนมุ่ สาวเดินกนั ขวกั ไขว่ น่นั เป็นเพราะเมอื งนีเ้ ป็นเมืองมหาวทิ ยาลยั กิตติศพั ทน์ ีเ้ ล่อื งลือ มาเป็นเวลานานแลว้ มหาวิทยาลัยไฮเดลแบรก์ (Ruprecht-Karls-Universitat Heidelberg) เป็น มหาวิทยาลยั เกา่ แก่ท่ีสดุ ของเยอรมนี มีช่ือเสียงมากดา้ นการแพทย์ กฎหมาย เทววิทยา และปรชั ญา ซ่ึง เป็น 4 คณะแรกเริม่ ของมหาวิทยาลยั ในขณะท่ีปัจจบุ นั มี 12 คณะ และมีอยู่ 2 วิทยาเขต คือ เขตเมือง เก่า (Altstadt) ซึ่งจะสอนสายวิทย์ และเขตเมืองใหม่ (Neuenheim) ซึ่งจะสอนสายศิลป์ ความที่เป็น เมืองมหาวิทยาลยั จงึ มคี าํ พดู ติดตลกกล่าวกันวา่ 2 ใน 3 ของคนเมืองนีเ้ ป็นนักศึกษา ส่วนท่ีเหลือเป็น นกั ท่องเที่ยว ดทู ่าเห็นจะจริงอยเู่ หมือนกนั
ตามความเห็นของหนูเล็ก ไฮเดลแบรก์ เป็นเมืองท่ีมีเสน่หต์ รงท่ี ร่องรอยของสงครามยงั คงมี ปรากฏใหเ้ หน็ อยา่ งชดั เจนแมจ้ ะมกี ารบรู ณะไปบา้ งแลว้ กต็ าม เพราะน่นั ทาํ ใหน้ กั ท่องเที่ยวท่ีไดม้ าเยือน อดสะทอ้ นใจไมไ่ ดว้ า่ เพียงเพราะมนษุ ยเ์ ราแบ่งแยกชนชาติ แบ่งแยกสผี ิว แบ่งแยกความคิด ความเช่ือ แบง่ แยกอาณาจกั ร ดินแดน ทงั้ ๆ ที่พวกเราก็ลว้ นเป็นมนษุ ยด์ ว้ ยกันทัง้ นั้น ไม่ไดม้ ีใครเกิดมาเหนือกวา่ ใคร แตก่ ลบั เอาความแตกตา่ งหรือการแบ่งแยกเพียงเทา่ นีม้ าหา้ํ ห่นั กนั ไดถ้ งึ ขนั้ ทาํ ลายลา้ ง ทาํ ใหศ้ ิลปะ อารยธรรมท่ีมนษุ ยเ์ องนนั้ เป็นผสู้ รรคส์ รา้ งขนึ้ อย่างวิจิตร ตอ้ งมาถกู ทาํ ลายดว้ ยนา้ํ มือมนุษยด์ ว้ ยกนั เอง เพราะเหตผุ ลตามท่ีว่า การไดม้ าเห็นจึงอดรูส้ ึกสลด หดหู่ ไปไม่ได้ แต่อย่างไรในอีกทางหน่ึง ซาก ปรกั หกั พงั ที่ยงั คงมีรอ่ งรอยของความพยายามเอาชนะสิ่งตา่ งๆ ของมนุษย์ ร่องรอยของพลงั แห่งความ รกั ที่ทาํ ใหม้ นษุ ยท์ มุ่ เท สรรคส์ รา้ งสง่ิ ก่อสรา้ งขนาดมหึมา ท่ีมีความงดงาม ออ่ นชอ้ ย เต็มไปดว้ ยความ ละเอียดละออ ประณีต และสอ่ื ถงึ ความเป็นอจั ฉรยิ ะของมนษุ ยท์ ี่มีความคิดอา่ นมากกว่าสตั วช์ นิดอ่ืนๆ บนโลก ก็ไดก้ ลายเป็นเสนห่ ท์ ี่แฝงดงั เงาของกนั และกนั อยู่ และความประทับใจนนั้ จึงไดส้ ่ือออกมาเป็น เป็นเพลงประจาํ เมืองและรูจ้ กั กนั ท่วั ไปแลว้ วา่ “I lost my heart in Heidelberg” “My heart was lost in Heidelberg forever, my heart still beats at the Neckar strand” “Again is on the Neckar the wine in bloom, as then, The years have been a-passing, I am a lonely man And if you ask the fellow why he did no one find, I told you, friends, I told you friends, what there is on my mind” แมห้ นเู ลก็ เดินเที่ยวเลน่ อยู่ในเมืองนีใ้ นเวลาเพียงเล็กนอ้ ย ก็แลเห็นและซึมซบั ความสขุ ที่เบ่ง บานในหวั ใจของผคู้ นที่เดินอย่ใู นเมืองนีอ้ ย่างท่ีสามารถจบั ความรูส้ ึกได้ นีเ้ องทาํ ใหผ้ คู้ นที่ไดม้ าเยือน ลว้ นตกหลมุ รกั และทาํ หวั ใจหลน่ หายกนั ไดง้ า่ ยๆ หรอื อาจเป็นไดว้ า่ พลงั แห่งความรกั อนั แรงกลา้ ท่ีพระ เจา้ เฟรดริชที่ 5 ที่มตี อ่ เจา้ หญิงอลิซาเบธ ไดค้ รอบคลมุ และมอี ทิ ธิพลเหนือดินแดนแห่งนีอ้ ย่างเป็นอมตะ ไมร่ ูค้ ลาย จงึ ไดท้ าํ ใหผ้ คู้ นท่ีไดม้ ีโอกาสมาเยือนตา่ งพากนั ลมุ่ หลงและเฝา้ ฝันที่จะมาเยือนอกี อย่างไมม่ ีรู้ เบื่อ หากหนเู ลก็ จะมาตามหาหวั ใจผคู้ นท่ีหลน่ รว่ งอยู่ คงเก็บกลบั บา้ นไปไดเ้ ป็นกระบงุ วา่ แตว่ า่ หน่ึงใน นน้ั จะมหี วั ใจหน่มุ หนา้ ตาดีและยงั โสดหลน่ อย่ใู หเ้ กบ็ กลบั มาบา้ งไหม
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: