Germany : Love at first drive Chapter 13 : On the way of World Heritage Ep.2 หนูเล็ก
บนเส้นทางมรดกโลก 2 อรุณรุ่งที่เนิรน์ แบรก์ ค่อนข้างสดใส คงเพราะเช้าวันนีเ้ ป็ นเช้าฟ้าหลังฝน บรรยากาศ โดยรวมจึงดสู ดชื่น อากาศอาจจะเยน็ ไปสกั นิด เขา้ ใจวา่ พระอาทิตยค์ งยงั งอนไมห่ ายที่ฝนมาตกแย่งซี นอย่หู ลายวนั เลยยงั ไมอ่ ยากออกมาปรากฏตวั สกั เท่าไร แตก่ ด็ เี พราะรอ้ นนกั กเ็ ดนิ เท่ียวไมท่ น วนั นีเ้ รามี เวลาจนถึงเที่ยงก่อนที่จะเชค็ เอาท์ กค็ งจะใชเ้ วลาสาํ หรบั การไปเดินเที่ยวเลน่ ในเขตเมืองเก่าเป็นหลกั จากนน้ั ก็ตอ้ งกลบั มาเก็บสมั ภาระแลว้ พากนั ออกเดินทางตอ่ ไปยงั ท่ีหมายถดั ไป จากหนา้ ตา่ งหอ้ งเราสามารถมองเห็นโรงละครประจาํ เมือง (Staatstheater Nürnberg) ซึ่งเป็น สถานท่ีแสดงท้ังโอเปรา ละครเวที และบัลเลต์ ที่นี่จัดไดว้ า่ เป็นโรงละครที่ใหญ่มากอีกแห่งหนึ่งของ เยอรมนี อาคารแห่งนีด้ ยู ่ิงใหญ่ อลงั การ งดงามมากทีเดียว สรา้ งขึน้ ในช่วงปี ค.ศ.1905 และจาก หนา้ ตา่ งกย็ งั ทาํ ใหเ้ ราเห็นสถานีรถไฟใตด้ ินดว้ ย โรงละครประจาํ เมือง (Staatstheater Nürnberg) ดา้ นหนา้ ที่พกั ของเรา เมือ่ พวกเราทกุ คนพรอ้ ม เราพากนั เดนิ ลดั เลาะชมรา้ นคา้ ไปเรื่อยๆ อาจเป็นเพราะยังเชา้ อย่จู ึง ทาํ ใหท้ อ้ งถนนคอ่ นขา้ งไรผ้ คู้ น แตก่ ็ดีเพราะทาํ ใหเ้ ราสามารถเดินออ้ ยอ่ิงชมบรรยากาศของเนิรน์ แบรก์
ไปไดโ้ ดยไมร่ ูส้ กึ วา่ บรรยากาศมนั เรง่ รบี จนเกินไป ระหวา่ งทางเดินเราผ่านสิ่งปลกู สรา้ งเก่าแก่แห่งหนึ่ง บริเวณฮอลลพ์ ลาทซ์ (Hallplatz) ท่ีน่ีคือ ซ็อกเฮาส์ (Zeughaus) เป็นคลงั สรรพาวธุ ที่สรา้ งขึน้ ตง้ั แต่ปี ค.ศ.1588 ปัจจบุ นั คงเหลอื แตท่ างเขา้ ดา้ นหนา้ ท่ียงั คงสภาพดอี ยเู่ พราะตวั อาคารทง้ั หมดถกู ทาํ ลายเม่ือ ครงั้ สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 เดินต่อไปอีกไม่ไกลพี่ใหญ่และคุณปาพากันหยดุ ชะงกั ก็นักด่ืมทงั้ สองพบ รา้ นเบเกอร่ที ่ีจาํ หน่ายกาแฟสญั ชาตเิ ยอรมนั ยี่หอ้ ทชิโบ (Tchibo) ที่กรุน่ กลนิ่ ลอยลมมาเตะจมกู แกว้ ละ 1 ยโู รเทา่ นน้ั ไฉนเลยเธอสองคนผโู้ ปรดปรานกาแฟจะไมย่ อมเสยี เงิน หนเู ลก็ และคณุ สดุ จึงปลอ่ ยใหเ้ ธอ สองคนไปสาละวนอย่กู บั ของโปรด สว่ นหนเู ลก็ ขอเดนิ ไปยงั โบสถข์ นาดใหญ่ในบริเวณใกลก้ นั นีก้ อ่ น กาํ แพงเมอื งและประตู ในเขตเมืองเก่า รา้ นขายสนิ คา้ ระหวา่ งทางเดนิ พ่ีใหญ่เหน็ กาแฟ Tchibo ราคา 1 euro ตอ้ งขอสกั แกว้
โบสถท์ ี่ตง้ั ประจนั หนา้ อยกู่ บั รา้ นขายกาแฟรา้ นนีเ้ ป็นลอเรนซเ์ คียเชอ (Lorenzkirche) จดุ เด่น ของโบสถค์ อื หอคอยค่แู บบโกธิคซึ่งเริ่มสรา้ งมาตงั้ แตค่ ริสตศ์ ตวรรษท่ี 13 จัดไดว้ า่ เป็นโบสถท์ ี่มีขนาด ใหญ่ที่สดุ ของเมือง ตงั้ อยู่ดา้ นใตข้ องแม่นา้ํ เรกนิทซ์ ที่สะดดุ ตาหนูเลก็ ก็คงเป็นประตทู างเขา้ โบสถ์ที่ แกะสลกั ลวดลายไวอ้ ยา่ งวจิ ิตรบรรจง ภายในกเ็ ตม็ ไปดว้ ยงานแกะสลกั ที่งดงามมากมาย รูปลกั ษณข์ อง โบสถแ์ หง่ นีส้ รา้ งเลยี นแบบเซบลั ดเ์ คียเชอ (Sebaldkirche) ที่อย่ใู นเมอื งนีเ้ ช่นกนั หอคอยทง้ั สองมีความ สงู แตกตา่ งกนั 1 เมตร อนั หนึ่งสงู 80 เมตรและ 81 เมตร โบสถแ์ ห่งนีไ้ ดร้ บั ความเสียหายมากเม่ือครงั้ สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 โบสถท์ ่ีเราเหน็ นีจ้ งึ เป็นการบรู ณะขนึ้ มาใหมภ่ ายหลงั สงครามครง้ั นนั้ ลอเรนซเ์ คียเชอ (Lorenzkirche) ใกลๆ้ กันมีนา้ํ พขุ นาดสงู ตระหง่าน นา้ํ พุทเู กนดบ์ รุนเนน (Tugend brunnen) หรือนา้ํ พแุ ห่ง คณุ ธรรม (Fountain of the Virtues) สรา้ งขึน้ เม่ือปี ค.ศ.1589 จากฝีมือของเบเนดิคท์ วรู เ์ ซลเบาเออร์ (Benidikt Wurzelbauer) ชา่ งหลอ่ เหลก็ ฝีมือดี ซง่ึ ไดร้ บั มอบหมายจากคณะเทศมนตรีของเมือง นา้ํ พนุ ี้ สรา้ งในเชิงสือ่ ความหมาย รูปป้ันฐานลา่ งประกอบดว้ ย ไมก้ างเขนและถว้ ยองนุ่ แทนศรทั ธา เดก็ สองคน แทนความรกั สมอแทนความหวงั สิงโตแทนความกลา้ หาญ เหยือกแทนความพอประมาณ และตะเกียง แทนความอดทน ส่วนรูปปั้นในระดบั ที่เหนือขนึ้ ไปมีกามเทพถือตราประจาํ เมืองสองอนั มีเทพ 7 องค์ สว่ นบนสดุ เป็นเทพแห่งความยตุ ธิ รรมที่ยืนอย่บู นฐาน มผี า้ ปิดตาทงั้ สองขา้ งไว้ ในมือถือดาบและตาช่ัง เพื่อเป็นสญั ลกั ษณข์ องความเตรยี มพรอ้ มตลอดเวลา ศิลปินยคุ ก่อนนี่ลา้ํ ลึกจริงๆ จะสรา้ งนา้ํ พุสกั แห่ง ยงั เตม็ ไปดว้ ยความหมายมากมายถงึ เพียงนี้ ช่างมีความคิดละเอยี ดออ่ นกนั เสยี จรงิ สว่ นฝ่ังตรงขา้ มกบั โบสถล์ อเรนซม์ อี าคารเกา่ แก่อีกแหง่ อาคารนีค้ ือ นสั เซาเออรเ์ ฮาส์ (Nassauer Haus) เป็นหอคอยเก่า ตงั้ แตย่ คุ กลางชว่ งคริสตศ์ ตวรรษที่ 12 – 13 ท่ีไดร้ บั การอนรุ กั ษไ์ ว้ เคยใชเ้ ป็นที่พกั อาศยั ของขนุ นางและ คณะท่ีปรกึ ษาของผปู้ กครอง ปัจจบุ ันดเู หมือนจะถกู ใชเ้ ป็นสาํ นักงานของบริษัทโทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ีราย หน่ึง หนเู ลก็ ชอบอาคารนีน้ ะเพราะสมแลว้ ที่เขาอนรุ กั ษ์ไว้ เพราะยงั คงความสมบรู ณอ์ ย่มู ากเลยทีเดียว
นา้ํ พทุ เู กนดบ์ รุนเนน (Tugend brunnen) นสั เซาเออรเ์ ฮาส์ (Nassauer Haus) เท่าที่อ่านประวัติของเมือง เนิรน์ แบรก์ จัดได้ว่าเป็ นอีกเมืองหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ประวตั ิศาสตรข์ องเยอรมนีพอสมควร สาํ คญั อย่างไรหนูเล็กจะค่อยๆ เลา่ ให้ฟังแลว้ กนั เนิรน์ แบรก์ (Nürnberg) หรือ นเู รมเบิรก์ (Nuremberg) ในภาษาองั กฤษ เป็นเมืองท่ีตง้ั อยู่บนฝ่ังแมน่ า้ํ เพกนิทซ์ (Pegnitz) และคลองท่ีเชื่อมแมน่ า้ํ 3 สายคอื ไรน์ ไมน์ และโดเนา ซง่ึ เป็นเสน้ ทางคมนาคมทางนา้ํ ในการ คา้ ขายของยุโรป อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ เนิรน์ แบรก์ จึงมีความกา้ วหนา้ มากพอสมควร เมืองมีการ ขยายตวั แบบกา้ วกระโดดในช่วงปี ค.ศ.1051 – 1057 เป็นศนู ยก์ ลางการคา้ ขายท่ีสาํ คญั ควบค่ไู ปกับ เอากส์ บรู ก์ ตง้ั แตเ่ สน้ ทางจากอิตาลไี ปจนถงึ ยโุ รปตอนเหนือ จดั เป็นเมืองท่ีมีขนาดใหญ่เป็นอนั ดบั สอง ของแควน้ บาวาเรีย เม่ือปี ค.ศ.1219 อย่ใู นฐานะเป็นเมืองหลวงอย่างไม่เป็นทางการของจักรพรรดิ์ เยอรมนี ความสาํ คญั ของเมืองนีก้ ค็ อื เป็นศนู ยป์ ระชมุ หลกั ของพรรคนาซีในช่วงสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 มี อาคารรฐั สภา และตงั้ เป็นหน่วยระดมพลทหารเรือนแสน ฮิตเลอรแ์ ห่งอาณาจกั รไรซท์ ่ี 3 ไดจ้ ัดตง้ั ให้ เนิรน์ แบรก์ เป็นศนู ยก์ ลางการบรหิ าร นีเ้ องเป็นเหตผุ ลท่ีทาํ ใหเ้ หลา่ ทหารฝ่ายสมั พนั ธมิตรพากนั กระหน่าํ โจมตีอย่างหนักจนเมืองนีแ้ ทบจะสญู หายออกไปจากแผนที่ แตภ่ ายหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ชาว เยอรมนั ไดร้ ว่ มแรงรว่ มใจบรู ณะขึน้ มาใหม่ โดยยึดรูปแบบเดิมๆ ของเมืองไว้ สิ่งปลกู สรา้ งที่เห็นในทุก วนั นีล้ ว้ นเตือนใจไดเ้ ป็นอย่างดีถึงประวตั ิศาสตรอ์ ันเจ็บปวดเม่ือวันวาน โดยเฉพาะอาคารท่ีทาํ การ รฐั สภาที่ฮิตเลอรเ์ คยใชเ้ ป็นสถานที่ยกมือขวาขนึ้ สาบานตนตอ่ เหล่าทหาร ซ่ึงอยู่ทางทิศใตข้ องเมือง ก่อสรา้ งดว้ ยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโรมนั กอ่ ดว้ ยหินทรายสีแดงเช่ือมตอ่ กนั เป็นรูปโคง้ แบบเกือกมา้ เป็นอาคารสงู 3 ชน้ั มีชอ่ งประตแู ละหนา้ ตา่ งทรงโคง้ ตรงกลางเป็นสนามขนาดใหญ่ ดา้ นหนา้ มีอาคาร รูปส่ีเหล่ยี มผืนผา้ ขวางอยู่ อาคารนีถ้ กู ทาํ ลายย่อยยบั เมื่อบูรณะขนึ้ มาใหมไ่ ดใ้ ชเ้ ป็นอาคารพิพิธภณั ฑ์
และศนู ยข์ อ้ มลู ในการศึกษาประวตั ิศาสตร์ เนิรน์ แบรก์ จึงเป็นเสมือนเมืองแห่งอนสุ รณส์ ถานของนาซี เยอรมนั ที่ไดร้ บั การจารกึ ไวใ้ นประวตั ศิ าสตร์ หลายหลากอารมณ์ ภายหลงั สงครามโลกครง้ั ที่ 2 นาซีเยอรมนั ตกเป็นจาํ เลยในการพิจารณาคดีที่พวกนาซีกระทาํ การละเมดิ สิทธิมนษุ ยชนตอ่ ชาวยิว หรือคดีเนิรน์ แบรก์ ทกุ คนที่เกี่ยวขอ้ งไม่วา่ จะเป็นคนรบั ใชใ้ กลช้ ิด รฐั มนตรีในรัฐบาลฮิตเลอร์ ทหารระดบั สูง ทนายความและขา้ ราชการท่ีรับคาํ ส่งั ไปปฏิบตั ิ รวมทัง้ ผู้ พิพากษาท่ีตดั สินคดตี า่ งๆ ชว่ งที่ฮิตเลอรเ์ รอื งอาํ นาจ และนกั หนงั สอื พิมพท์ ี่เป็นกระบอกเสียงใหฮ้ ิตเลอร์ ก็ถกู ศาลโลกและศาลสงู สหรฐั อเมรกิ านาํ ตวั ขนึ้ ศาลในขอ้ หาสมรูร้ ว่ มคดิ รว่ มปฏบิ ตั ิ รว่ มวางแผน อีกท้งั เพิกเฉยต่อการฆาตรกรรมหมู่ชาวยิวกว่า 6 ลา้ นคน ซ่ึงใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมไรค้ วามปราณี ไร้ มนษุ ยธรรม เพราะเป็นการฆ่าลา้ งเผา่ พนั ธทุ์ ่ีมากมายที่สดุ ในโลก การท่ีผพู้ ิพากษาโดนเอาเขา้ ไปเก่ียว ดว้ ยก็เพราะจริงๆ แลว้ ผพู้ ิพากษาสามารถที่จะตอ่ ตา้ นและขดั ขวางคาํ ส่งั ของฮิตเลอรไ์ ด้ แตก่ ลบั เพิกเฉย ไมท่ าํ การระงบั หรือไม่ยบั ย้ังคาํ ส่งั ท่ีไรม้ นุษยธรรม จึงตอ้ งมีส่วนรว่ มรบั ผิดชอบกับการกระทาํ ของฮิต เลอรค์ รงั้ นน้ั ดว้ ย การพิจารณาคดขี อ้ กลา่ วหาอาชญากรรมตอ่ มนษุ ยชาตคิ รง้ั นีจ้ บลงท่ีนกั โทษบางคนถกู ตดั สินประหารชีวติ บางคนถกู ตดั สนิ ใหจ้ าํ คกุ ตลอดชีวิต และหลงั จากน้ันเยอรมนีถกู แบ่งออกเป็นสอง สว่ น สว่ นแรกควบคมุ โดยฝ่ายสมั พนั ธมิตร และอีกสว่ นปกครองโดยสหภาพโซเวียต ทาํ ใหเ้ ยอรมนีเป็น ศนู ยก์ ลางของสงครามเยน็ ในยคุ ตอ่ มา กอ่ นท่ีจะมีการรวมประเทศอกี ครง้ั ปลายคริสตศ์ ตวรรษท่ี 20 คดีบันลือโลกนี้ฮอลลีวูด้ ไดน้ าํ มาสร้างเป็นภาพยนตรใ์ นช่ือว่า นูเรมเบิรก์ (Nuremberg) กลา่ วถงึ ฝ่ายสมั พนั ธมติ รที่ยึดครองประเทศเยอรมนั และมีการจดั ตง้ั ศาลพิเศษที่ประกอบดว้ ยผพู้ ิพากษา และอยั การจากชาติสมั พนั ธมิตร 4 ชาติขนึ้ มาเพ่ือพิจารณาความผิดของนาซีเหลา่ น้ัน โดยสถานท่ีถ่าย ทาํ ไดใ้ ชอ้ าคารศาลแห่งหนงึ่ ในเมอื งเนิรน์ แบรก์ ท่ีมขี นาดกวา้ งขวางพอและสภาพอาคารไม่เสียหายมาก นกั เป็นฉากในการพิจารณาคดี เน่ืองจากเป็นเมืองท่ีฮติ เลอรเ์ ริม่ การกอ่ ตงั้ พรรคนาซี พระเอกของเร่อื งคือ อเล็กซ์ บอลดว์ ิน (Alex Baldwin) เล่นเป็นแจ็คสนั อยั การใหญ่จากสหรฐั อเมริกาที่จะตอ้ งหวั ป่ันกบั
เหลา่ สมนุ เอกของฮิตเลอรแ์ ตล่ ะคน โดยเฉพาะจอมพลแฮรม์ าน เกอริง (Hermann Göring) ผเู้ ป็นสมนุ มือขวาและไมย่ อมรบั ผพู้ ิพากษาและอยั การจาก 4 ชาติพนั ธมิตรเพราะเห็นว่าไมม่ ีความชอบธรรมใน การพิจารณาคดีของพวกเขา และยงั มีตวั ละครอีกตัวท่ีมีบทบาทคืออลั เบิรต์ สเปียร์ (Albert Speer) สถาปนิกคนโปรดของฮิตเลอรผ์ ซู้ ึ่งละอายต่อการเป็นนาซี ในภาพยนตรแ์ สดงใหเ้ ห็นวา่ ในช่วงปลาย สงคราม เขาพยายามคดั คา้ นฮิตเลอรใ์ นหลายๆ เรื่อง รวมทง้ั การขดั คาํ ส่งั ท่ีจะใหเ้ ขาทาํ ลายบา้ นเมือง และกระทาํ การถึงขนาดวางแผนสงั หารฮิตเลอรด์ ว้ ย ดงั นัน้ บทบาทในภาพยนตรจ์ ึงแสดงใหเ้ ห็นว่าเขา ดาํ เนินบทบาทตรงขา้ มกบั เกอริงในการเกลยี้ กลอ่ มใหจ้ าํ เลยบางคนสารภาพผิด บทภาพยนตรแ์ สดงให้ เหน็ ถึงการขบั เคีย่ วกนั ระหวา่ งอยั การ นายทหารนกั จิตวทิ ยา และอลั เบิรต์ สเปียร์ กบั ฝ่ายของจอมพลเก อริง และแน่นอนวา่ บทภาพยนตรใ์ นเรอ่ื งจะองิ กบั มมุ มองของฝ่ายอเมรกิ าคอ่ นขา้ งมาก มีเพียงบางฉาก บางตอนที่ผสู้ รา้ งเจตนาจะเสยี ดสี เชน่ ฉากที่เกอรงิ วิจารณว์ ่าอเมริกันเองก็รงั เกียจญ่ีป่ ุนแบบเดียวกัน กบั ท่ีเยอรมนั รงั เกียจชาวยิว เนิรน์ แบรก์ จงึ เป็นเสมือนอนสุ รณส์ ถานขนาดใหญ่ที่บอกเลา่ ประวตั ิศาสตร์ เยอรมนั ที่แสดงใหเ้ ห็นถึงความรุ่งเรืองและความปราชัย อดีตท่ีจารกึ ไวย้ ่อมจะเป็นสิ่งเตือนใจใหช้ าว เยอรมนั เรียนรู้จากอดีต และใช้เป็นบทเรียนในการสร้างปัจจุบันและอนาคตไม่ใหผ้ ิดพลาดและ เจริญกา้ วหนา้ ตอ่ ไป ทางเดินท่ีปดู ว้ ยหินแบบยคุ กลางชวนใหค้ ดิ ถึงบรรยากาศแบบยอ้ นยคุ บนเสน้ ทางเดินเท่ียวใน เขตเมืองมีสิ่งน่าสนใจมากมายที่สองเท้าพาพวกเราไปเจอ บริเวณจัตุรสั กลางหรือโฮฟมาร์คท์ (Haupmarkt) เป็นตลาดกลางของเมือง บริเวณนี้เป็นลานขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงเม่ือถึงเทศกาล คริสตม์ าส เพราะจะเป็นตลาดคริสตม์ าสหรือคริสตค์ ินเดิลสม์ ารค์ ท์ (Christkindlesmarkt) ที่มีขนาด ใหญ่ที่สดุ ในแถบบาวาเรีย ในช่วงนนั้ จะเตม็ ไปดว้ ยสินคา้ สาํ หรับการจัดคริสตม์ าสปารต์ ีท้ ่ีบา้ น ทั้ง กระทอ่ มไม้ ตน้ สน ต๊กุ ตา ระฆงั ของตกแตง่ ตน้ ครสิ ตม์ าสตา่ งๆ มจี าํ หน่ายหลากหลายมากมายใหเ้ ลือก ซือ้ หา ในอดีตท่ีน่ีเคยเป็นชมุ ชนพกั อาศยั ของชาวยิวในเนิรน์ แบรก์ มาหมดไปก็เมื่อครง้ั มีการสงั หารหมู่ ชาวยิวเกิดขนึ้ ในวนั นีก้ ม็ พี วกพ่อคา้ แมค่ า้ มาวางสินคา้ ตา่ งๆ ขายอย่เู ป็นหย่อมๆ ส่วนใหญ่เป็นพวกผกั และผลใม้ และขนมปังขิงขนมเลอ่ื งช่ือประจาํ เมืองก็สามารถหาซือ้ ไดแ้ ถวนี้ โดยปกตติ ลาดผกั ผลไมจ้ ะมี ทกุ วนั ทาํ การ แต่ในบางช่วงก็มีการจัดงานอ่ืนๆ บา้ งเหมือนกนั เช่น ตลาดแอสปารากัส (Asparagus market) ตลาดฤดใู บไมผ้ ลิ (Spring market) ตลาดฤดใู บไมร้ ว่ ง (Fall market) ผกั ผลไมท้ ี่รมิ ทางดสู ดมาก นา่ ซือ้ เป็นท่ีสดุ
จุดเด่นของโฮฟมารค์ ท์ก็คือเชินเนอรบ์ รุนเนน (Schöner Brunnen) หรือน้าํ พุที่สวยงาม (Beautiful Fountain) ซงึ่ อย่บู รเิ วณดา้ นทิศใตข้ องโฮฟมารค์ ท์ เป็นศิลปะโกธิคขนาดความสงู 19 เมตรท่ี สรา้ งโดยช่างหินฝีมือเอกที่ช่ือไฮนร์ ิคช์ เบไฮม์ (Heinrich Beheim) ขึน้ ระหวา่ งปี ค.ศ.1385 – 1396 สรา้ งเป็นรูปทรงแบบปิรามิดคอื ฐานกวา้ ง สว่ นที่สงู ขนึ้ กจ็ ะลดหล่นั ลงไปจนเป็นยอดแหลม ความสงู 19 เมตร โดยรูปป้ันต่างๆ กว่า 40 ตัวท่ีเรียงไวเ้ ป็น 3 แถวน้นั เป็นสญั ลกั ษณเ์ ชิงประวตั ิศาสตร์ ปรชั ญา ศาสนาและความเช่ือตา่ งๆ ในยคุ จกั รวรรดโิ รมนั อนั ศกั ดิส์ ิทธิ์ โดยแถวแรกเป็นเรอื่ งเกี่ยวกบั ปรชั ญาและ ศิลปะ แถวกลางเป็นเร่ืองเกี่ยวกบั ศาสนาและบคุ คลสาํ คญั ทางศาสนา สว่ นแถวสดุ ทา้ ยเป็นรูปปั้นของ ผปู้ กครอง 7 คน และอศั วนิ ทงั้ 9 คน สว่ นปลายยอดนน้ั เป็นรูปป้ันของโมเสสและผเู้ ผยแพรศ่ าสนาท้ัง 7 คน แตถ่ ึงอย่างไรก็เป็นโบราณวตั ถุลา้ํ ค่าจึงมีการลอ้ มรว้ั เอาไว้ รวั้ นีส้ รา้ งขึน้ ภายหลงั ในปี ค.ศ.1587 จดุ เดน่ ของนา้ํ พนุ ีอ้ ยทู่ ี่มวี งแหวน เขาเรียกกันวา่ “วงแหวนแห่งความปรารถนา” (Wishing Ring) ซ่ึงวง แหวนนีก้ ็เพิ่งมกี ารมาเพิ่มทีหลงั เม่ือปี ค.ศ.1902 เขาวา่ กนั วา่ ทกุ คนที่มาเนิรน์ แบรก์ ตอ้ งไมพ่ ลาดท่ีจะมา สมั ผสั วงแหวนนีซ้ ่ึงอยบู่ รเิ วณดา้ นทศิ เหนือ เขาเชื่อกนั วา่ ใครไดส้ มั ผสั และหมนุ วงแหวนครบ 3 รอบ คนๆ นน้ั จะโชคดีและสมหวงั และจะไดก้ ลบั มาเยือนเนิรน์ แบรก์ อกี ครง้ั วงแหวนท่ีวา่ จะอยู่ติดกับรว้ั แตเ่ ป็นท่ี นา่ เสียดายวา่ ความจรงิ ขอ้ นีพ้ วกเรามารูก้ เ็ ม่อื เดนิ ทางออกจากเนิรน์ แบรก์ มาแลว้ จึงพลาดโอกาสท่ีจะ สมั ผสั วงแหวนไปอย่างน่าเสียดายท้ังๆ ท่ีพวกเราเดินเท่ียวตลาดและเขา้ ออกรา้ นขายของที่ระลกึ ท่ี บรเิ วณโฮฟมารค์ ทเ์ ป็นนานสองนาน แตแ่ มว้ า่ ไมไ่ ดส้ มั ผสั วงแหวนก็จะหาทางกลบั มาเยือนเนิรน์ แบรก์ อีกครง้ั ใหไ้ ดค้ อยดสู ิ เชินเนอรบ์ รนุ เนน (Schöner Brunnen) แตม่ าคิดอีกทีแมจ้ ะพลาดการสมั ผสั วงแหวนก็คงไม่เป็นไร ก็นา้ํ พทุ ี่เห็นนีไ้ ม่ใช่ของจริงท่ีสรา้ ง เมื่อครงั้ นั้น เป็นเพียงแต่ของจาํ ลองท่ีสร้างขึน้ ในปี ค.ศ.1903 เพราะของจริงเขายา้ ยไปเก็บไวท้ ี่ พิพิธภณั ฑแ์ ห่งชาติ (Germanisches Nationalmuseum) แลว้ ใกลๆ้ กบั นา้ํ พุแห่งความสวยงามมีรา้ น
ขายของที่ระลกึ อยรู่ า้ นหนึง่ พวกเราคงอดั อนั้ ตนั ใจไมค่ อ่ ยไดใ้ ชเ้ งินกนั พากันเขา้ ไปเดินชมสินคา้ ของท่ี ระลกึ กนั อย่างเพลดิ เพลินไดข้ องฝากมติ รสหายกนั ไปพอสมควร เทา่ ที่สงั เกตราคาโดยท่ัวไปไม่ค่อยแพง นกั เมื่อเทียบกบั เมืองท่องเท่ียวดงั ๆ ที่เราผ่านๆ มา เคลด็ ลบั ในการซือ้ ของฝากอยู่แค่ตรงนีเ้ อง ตอ้ ง พยายามซือ้ จากเมืองท่ีไมด่ งั มากนกั หรือเมืองเลก็ ๆ ราคาก็จะย่อมเยาหน่อย ออ้ ...ตรงนา้ํ พุเป็นจุดจอด รถนาํ เที่ยวเขตเมืองเกา่ ใชเ้ วลาเที่ยวประมาณ 30 – 40 นาทีดว้ ย หากนกั ท่องเที่ยวคนใดอยากชมไดท้ ่ัว โดยไมต่ อ้ งเดินคงตอ้ งใหล้ องไปใชบ้ รกิ ารดู รา้ นขายของที่ระลกึ ท่ีมีสนิ คา้ ใหเ้ ลือกมากมาย เฟราเอนเคยี เชอ ( Frauenkirche) บริเวณโฮฟมารค์ ทย์ ังมีโบสถส์ าํ คญั อีกแห่งของเมืองคือ เฟราเอนเคียเชอ ( Frauenkirche) สรา้ งระหวา่ งปี ค.ศ.1352 – 1358 โดยจกั รพรรดิค์ ารล์ ที่ 4 บรเิ วณท่ีกอ่ สรา้ งนีเ้ ดิมเป็นโบสถย์ ิวเนื่องจาก
ชมุ ชนชาวยิวตง้ั รกรากในบรเิ วณนีต้ งั้ แตป่ ี ค.ศ.1349 ถือเป็นโบสถโ์ กธิคที่เกา่ แก่ท่ีสดุ ในฟรงั โคเนีย การ ก่อสรา้ งอยภู่ ายใตก้ ารกาํ กบั ดแู ลของปีเตอร์ พารเ์ ลอร์ (Peter Parler) ผสู้ รา้ งมหาวิหารเซนตไ์ วตสั ท่ีกรุง ปราก สาธารณรฐั เชค แรกเริ่มเป็นโบสถน์ ิกายโปรเตสแตนท์ แต่ภายหลังท่ีเนิรน์ แบรก์ อยู่ในการ ครอบครองของแควน้ บาวาเรียในปี ค.ศ.1806 ก็ได้กลายมาเป็นโบสถ์นิกายคาทอลิกจนปัจจุบัน รูปลกั ษณภ์ ายนอกของโบสถส์ รา้ งไดแ้ ปลกตาดี ยงั ไมเ่ คยเหน็ รูปลกั ษณแ์ บบนีท้ ่ีไหน มียอดแหลมแบบ โกธิคแตก่ ม็ โี ดมดา้ นบนดว้ ย วนั ท่ีเรามาเยือนวนั นีป้ ิดซอ่ มไมอ่ นญุ าตใหเ้ ขา้ ชมดา้ นใน จากหวั มมุ ของโฮฟมารค์ ทท์ ่ีมีน้าํ พทุ ่ีสวยงามเดินตอ่ ไปอีกนิดเดียวดา้ นขวาก็จะเป็นศาลาว่า การเมือง สว่ นดา้ นซา้ ยมือก็จะเป็นดา้ นหลงั ของโบสถห์ ลงั ใหญ่ บริเวณนีเ้ ขาเรียกวา่ รทั เฮาสพ์ ลาทซ์ (Rathausplatz) ตวั อาคารเป็นอาคารของสามญั ชนขนาดใหญ่หลงั สดุ ทา้ ยของเนิรน์ แบรก์ อาคารหลงั นี้ มีการสรา้ งหลายระยะ ส่วนท่ีเก่าที่สดุ สรา้ งระหว่างปี ค.ศ.1332 – 1340 ส่วนท่ีสรา้ งเพิ่มเติมสรา้ ง ระหวา่ งปี ค.ศ.1616 – 1622 รูปแบบการสรา้ งแสดงใหเ้ หน็ ถงึ อิทธิพลของศิลปะเรอเนสซองสช์ น้ั สงู แบบ พระราชวงั ที่อติ าลี เดมิ อาคารนีต้ งั้ ใจจะสรา้ งออกเป็นสปี่ ีกแยกออกจากกนั แตไ่ มส่ ามารถดาํ เนินการได้ สาํ เรจ็ เนื่องจากเป็นชว่ งที่กาํ ลงั จะเขา้ สสู่ งครามและขาดแคลนกาํ ลงั ทรพั ย์ ในช่วงสงครามโลกครงั้ ที่ 2 อาคารนีถ้ กู ทาํ ลายลงเกือบหมด ทาํ ใหม้ กี ารบรู ณะขนึ้ มาใหมร่ ะหวา่ งปี ค.ศ.1956 – 1962 ตรงซุม้ ประตู ทางเขา้ ทาํ ไวอ้ ลงั การมาก มีทงั้ สญั ลกั ษณน์ กอนิ ทรี มีทงั้ รูปป้ันเทพ รูปปั้นหงส์ อะไรต่อมิอะไรไมร่ ู้ รูแ้ ต่ วา่ พอมารวมกนั ดอู ลงั การดีจงั ศาลาวา่ การเมอื ง รทั เฮาสพ์ ลาทซ์ (Rathausplatz) สว่ นโบสถท์ ี่หนั หลงั ใหน้ ีก้ ค็ ือ เซบลั ดเ์ คียเชอ (Sebaldkirche) ตงั้ อย่บู ริเวณเซบลั เดอรพ์ ลาทซ์ (Sebalderplatz) เป็นโบสถโ์ รมนั ตอนปลายสรา้ งขนึ้ ในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 13 เพื่อเป็นเกียรติแกน่ กั บญุ เซบลั ด์ ซึ่งเป็นนักบุญประจาํ เมืองและศพของท่านก็ฝังไวท้ ี่นี่ ในช่วงกลางคริสตศ์ ตวรรษที่ 17 มีการ ปรบั ปรุงภายในใหเ้ ป็นแบบบารอคและมีการตกแตง่ ภายในเพิ่มเติมขึน้ ภายหลงั สงครามโลกครง้ั ที่ 2 บางสว่ นของโบสถถ์ กู ทาํ ลายไปจงึ มกี ารบรู ณะขนึ้ ในขณะที่บางสว่ นท่ีไม่ถูกทาํ ลายก็พยายามรกั ษาให้
คงสภาพเดิมไวจ้ นกระท่ังปัจจุบนั โบสถ์แห่งนีม้ ีงบประมาณในการตกแตง่ มากมายเพราะไดร้ บั การ สนับสนุนทุนทรพั ยจ์ ากครอบครวั ขนุ นางผมู้ ีฐานะ ดา้ นในงดงามดว้ ยกระจกสี (stain glasses) ส่วน ดา้ นนอกตกแตง่ ดว้ ยรูปป้ันตา่ งๆ จาํ นวนนับไม่ถว้ น โบสถน์ ีเ้ ป็นโบสถโ์ ปรเตสแตนทส์ าํ คญั ของเมืองที่ เปิดตอ้ นรบั ผเู้ ล่ือมใสศรทั ธาตลอดปี หลายวนั มานีเ้ ราเขา้ ไปชมดา้ นในของโบสถห์ ลายแห่ง ทาํ ใหต้ อ้ ง เรม่ิ ละเวน้ การเขา้ ชมดา้ นในบา้ งไมง่ น้ั คงมอี นั ไดม้ นึ งงไปหมดวา่ ท่ีไหนเป็นท่ีไหน เซบลั ดเ์ คยี เชอ (Sebaldkirche) เราเดินวนไปมาขา้ มสะพานอนั โนน้ อนั นีท้ ี่พาดผา่ นทาํ ใหน้ กึ ขนึ้ มาไดว้ ่า มีคาํ บอกเลา่ มาว่า ชื่อ เมืองเนิรน์ แบรก์ นีก้ ็มที ่ีมาจากสะพานน่ีละ ก็คาํ วา่ “Nürn” แปลวา่ เมืองที่มีสะพานมาก เห็นจริงก็ตอน เดินขา้ มไปขา้ มมาน่ีละ จริงๆ แลว้ เนิรน์ แบรก์ เป็นเมืองเก่าในยุคจักรวรรดิ์โรมนั เรืองอาํ นาจ และเป็น ศนู ยก์ ลางของชาวโรมนั ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากสิง่ ปลกู สรา้ งตา่ งๆ ท่ีเป็นแบบชาวโรมนั อย่างที่หนูเล็กพาไปชม มา จดุ เดน่ ของที่นี่คือปราสาทแสนสวยบนเนินเขา ยคุ สมยั ของฮิตเลอรผ์ นู้ าํ นาซีแห่งอาณาจกั รไรซท์ ่ี 3 ไดเ้ ปลีย่ นเมืองแหง่ เทพนิยายท่ีวา่ นีใ้ หก้ ลายเป็นเมอื งแห่งสงครามจากการมาใชท้ ี่นี่เป็นศนู ยก์ ลางทาง การทหารในการบญั ชาการและระดมพลทหารเรือนแสนอย่างที่หนูเลก็ เลา่ ไปแลว้ ปราสาทเนิรน์ แบรก์ หรือที่เรียกกันว่า เนิร์นเบอร์เกอรเ์ บิร์ก (Nürnburger Burg) หรือมักเรียกกันว่า ไกเซอรเ์ บิรก์ (Kaiserburg Castle) จึงเป็นอกี สถานท่ีหน่งึ ที่นกั ท่องเที่ยวไมค่ วรพลาดในการไปชม ปราสาทนีส้ รา้ งใน สมยั ของจกั รพรรดิเ์ ฟรดริชท่ี 1 บารบ์ ารอสซา ตวั ปราสาทตง้ั อยบู่ นภเู ขาหินทรายทางตอนเหนือของเขต ประวตั ิศาสตรข์ องเมือง จากชัยภมู ิของปราสาทจึงจดั ไดว้ ่าเป็นป้อมปราการท่ีสาํ คญั มากแห่งหน่ีงใน ยโุ รป จกั รพรรดิข์ องจกั รวรรดิโ์ รมนั อนั ศกั ดสิ์ ิทธิ์ทกุ พระองคม์ าประทบั ในระหว่างปี ค.ศ.1050 ถึงปีค.ศ. 1571 โดยการกอ่ สรา้ งทาํ เป็น 3 ระยะ หากมองจากขา้ งลา่ งก็จะเห็นหอคอยสงู ตระหง่านอยู่ไกลๆ ตวั ปราสาทจะมีกาํ แพงหินโอบลอ้ มปราสาทไว้ เม่ือขนึ้ สดู่ า้ นบนจะสามารถมองเห็นวิวได้ 180 องศา เขา บอกวา่ ในวนั ที่ฟ้าสดใส จะสามารถมองไปเห็นเมอื งโรเทนเบิรก์ ออบ เดอร์ เทาเบอรใ์ นมมุ กวา้ งไดเ้ ลย การเขา้ ชมจะตอ้ งมีไกดพ์ าเขา้ เท่านั้น มีสว่ นที่เป็นพิพิธภณั ฑอ์ นุญาตใหเ้ ขา้ ชม แต่นกั ท่องเท่ียวสว่ น ใหญ่ที่มายงั ปราสาทชอบท่ีจะมาชมความงามจากโครงสรา้ งของปราสาทที่ก่อดว้ ยอิฐสีแดงและบริเวณ โดยรอบซ่งึ สวนปราสาทที่ตกแตง่ ดว้ ยดอกไมส้ ีสดใส ไมเ้ ลือ้ ยที่ไตเ่ ลือ้ ยไปตามผนงั และกาํ แพงมากกว่า
แตส่ ่วนที่เป็นสวนจะเปิดใหเ้ ขา้ ชมเฉพาะในฤดรู อ้ น อีกประการที่นักท่องเท่ียวนิยมคือการขนึ้ ไปบน หอคอยปราสาทเพื่อชมววิ ของเมืองในมมุ สงู ความไมห่ รูหราของปราสาทนีล้ ะเป็นเสน่หท์ ่ีนักท่องเท่ียว สว่ นใหญ่นิยมขนึ้ ไปชมกนั ขอ้ แนะนาํ กค็ อื เขาใหไ้ ปชมแตเ่ ชา้ เพราะนกั ทอ่ งเที่ยวจะนอ้ ยหน่อย สถานท่ีน่าสนใจอีกแหง่ ที่ไมไ่ กลจากปราสาทนกั เป็นบา้ นของศิลปินเรเนสซองสเ์ ยอรมนั ผทู้ รง อทิ ธิพลมากคนหนึ่งที่ชื่อ อลั เบรชท์ ดอื เรอร์ (Albrecht Dürer) บา้ นหลงั นีเ้ ป็นทั้งบา้ นและท่ีทาํ งานของ เขา ปัจจบุ นั เปิดเป็นพิพิธภณั ฑแ์ สดงผลงานตา่ งๆ ของดือเรอรผ์ มู้ ีความสามารถหลายอย่างท้ังการวาด ภาพ งานไม้ การวาดสีนา้ํ และการเขียนเอกสาร ตาํ ราต่างๆ ผลงานของเขานอกจากจะจัดแสดงไวท้ ี่ บา้ นกึง่ ไมซ้ งุ แห่งนีแ้ ลว้ ยงั จดั แสดงไวท้ ่ีพิพิธภณั ฑแ์ หง่ ชาตอิ กี จาํ นวนหน่ึงดว้ ย การชมเขามีออดิโอไกด์ (audio guide) ใหบ้ ริการถึง 5 ภาษาโดยแอกเนส ดอื เรอร์ (Agnes Dürer)ภรรยาของเขาเป็นผบู้ อกเลา่ และใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั หอ้ งตา่ งๆ ในบา้ น เฟอรน์ ิเจอรต์ า่ งๆ ท่ีเขาใชง้ าน และชีวิตส่วนตวั ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็น ถงึ ชีวิตของเขาตงั้ แต่ปี ค.ศ.1471 การใชช้ ีวิตอย่ใู นบา้ นหลงั นีจ้ นวาระสดุ ทา้ ยของชีวิตในปี ค.ศ.1528 บางครงั้ เธออาจจะออกมาแสดงตวั บา้ งเวลามีเยาวชนและเดก็ ๆ มาเขา้ ชม และเพื่อเป็นการไวอ้ าลยั แด่ เขา ท าง กา รได้ส ร้า งรู ปป้ั นบ รอนซ์ของดื อเ รอร์ไว้บ ริเ วณ เที ยแ กร ทเ นอร์ต อร์พล าท ซ์ (Tiergärtnertorplatz) ในปี ค.ศ.1984 แมน่ า้ํ เรกนิทซ์ เราเดนิ ตามเสน้ ทางคาโรลิเนนสตราสเซ (Karolinenstraße) ซึ่งเป็นถนนคนเดินผา่ นแผงขาย ของรา้ นเลก็ รา้ นนอ้ ยมาเรอ่ื ยๆ มที งั้ ผลไม้ ขนม กระจกุ กระจิก ดอกไม้ ชอบตรงที่สีสนั สดใสแลดชู ื่นตา ชื่นใจไปหมด สีสนั ในยามย่างเขา้ ฤดหู นาวมนั สดชื่นแบบนีน้ ่ีเอง เดินมาจนสดุ ทางมีนา้ํ พุขนาดใหญ่อยู่ ตรงหนา้ จรงิ ๆ แลว้ เมือ่ คนื ที่เดนิ เลน่ เขา้ เขตเมืองเก่ามาเราก็เดินมาถึงจดุ นีท้ ่ีมีการจดั งานฟิ ชเฟสติวลั
(Fish Festival) หรือเทศกาลปลา (Fischtage) เป็นงานใหญ่ที่นกั ทอ่ งเท่ียวรูจ้ กั กนั ในนามวา่ นเู รมเบิรก์ ฟิ ช เดย์ (Nuremberg Fish Days) จดั ไดว้ า่ เป็นงานท่ีคกึ คกั มากทีเดยี ว เมือ่ ค่าํ วานก็เหน็ ผคู้ นมาเดินกนั คกึ คกั วนั นีก้ ย็ งั เหมือนเดมิ งานนีม้ อี าหารการกินที่ทาํ จากปลาเป็นหลกั มาจาํ หน่าย ทง้ั ของแหง้ ของสด มีทั้งปลาเป็นๆ ให้เลือกซื้อก็มี ที่แปรรูปแลว้ ก็มี บางรา้ นมีเล่นเกมเกี่ยวกับปลาแลว้ รางวลั ก็เป็น ผลิตภณั ฑป์ ลาก็มี เขาบอกวา่ ปลาในงานนีเ้ ป็นปลาท่ีมาจากทงั้ ทะเลเหนือ (The North Sea) ทะเลบอล ติก (Baltic Sea) และสดุ ทา้ ยคือจากทะเลสาบคอนสแตนซ์ (Lake Constance) พ่อคา้ แม่คา้ จะพากนั ตะโกนโหวกเหวกเรยี กลกู คา้ ใหม้ าอดุ หนนุ ลมิ้ รสชาติ หรอื ซือ้ หากลบั บา้ นกนั อยา่ งสนกุ สนาน Fish Festival เจอเรือ่ งของกนิ เลยพาออกนอกเรอ่ื งไปเสยี ไกลกลบั มาที่นา้ํ พขุ นาดใหญ่ตรงหนา้ อกี ที นา้ํ พุ เอเฮคารุสเซลล์ (Ehekarussell) หรือเดอะแมริเอท คารุเซล (The Marriage Carousel) อยู่บริเวณท่ี เรียกวา่ ลดุ วกิ สพ์ ลาทซ์ (Ludwigsplatz) เป็นนา้ํ พทุ ่ีมีความหมายถงึ วงจรชีวิตสมรส แสดงแตล่ ะช่วงของ ชีวิตสมรส สรา้ งขนึ้ ในปี ค.ศ.1984 ตง้ั อยู่ดา้ นหนา้ ของหอคอยสีขาว (Weißer Turm) นา้ํ พุนีอ้ อกแบบ โดยจือเกน เวเบอร์ (Jürgen Weber) โดยอา้ งอิงมาจากบทกวีของฮนั ส์ แซคช์ (Hans Sachs) ที่ช่ือว่า “Bitter-sweet Married Life” ที่ใชถ้ อ้ ยคาํ บรรยายอย่างดเุ ดด็ เผด็ รอ้ นถึงชีวิตแต่งงานตง้ั แต่ขนั้ ตอนแรก ซง่ึ เริม่ จากความรกั ที่รอ้ นแรง รอ้ นรน จนกระท่งั ถึงวนั สิน้ สดุ ของชีวิตคือความตาย จากบทกวีดงั กล่าว นาํ มาส่กู ารสรา้ งรูปปั้นท่ีมีทัง้ ที่สวยงามและท่ีน่าสะพรงึ กลวั มีการสรา้ งรูปปั้นของฮันส์ แซคชท์ ี่กาํ ลงั เตน้ ราํ อยดู่ า้ นหนา้ เหนือแพะและหญิงพรหมจรรย์ การสรา้ งนา้ํ พแุ ห่งนีเ้ ม่ือครงั้ น้นั ก่อใหเ้ กิดขอ้ โตแ้ ยง้ อย่างหนกั หน่วงในเรือ่ งคา่ ใชจ้ ่ายที่หมดไปซ่ึงเป็นจาํ นวนที่สงู มากจากทง้ั สภาเทศบาลเมือง ส่ือมวลชน และประชาชนโดยท่วั ไป ผลการโตแ้ ยง้ เป็นอย่างไรไมม่ ีประวตั ิบอกเล่าไว้ รูแ้ ตว่ า่ นา้ํ พนุ ีก้ ็ยังปรากฏให้ เหน็ อยู่ พอใจหรือไมพ่ อใจกส็ รา้ งจนเสรจ็ ไปแลว้ เสียคา่ ก่อสรา้ งไปแลว้ คงยากจะแกไ้ ขอะไรได้ มีแตว่ า่ อาจจะมีแนวทางแกไ้ ขปัญหาเรอื่ งเงินๆ ทองๆ ในทิศทางใดทิศทางหนง่ึ ไปเป็นท่ีเรียบรอ้ ยแลว้
นา้ํ พเุ อเฮคารุสเซลล์ (Ehekarussell) เมื่อตะกีก้ ลา่ วอา้ งไปถึงว่านา้ํ พนุ ีต้ งั้ อย่หู นา้ หอคอยสีขาวหรือเป็นหอคอย 1 ใน 2 แห่งที่เป็น ปอ้ มปราการป้องกนั ขา้ ศกึ ดา้ นในกาํ แพงเมอื งที่ยงั คงเหลอื อยู่ หอคอยนีส้ รา้ งในชว่ งครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 13 เป็นอีกแหง่ ที่ถกู ทาํ ลายลงเมือ่ ครงั้ สงครามโลกครงั้ ที่ 2 แตก่ ็เช่นกนั ท่ีไดร้ บั การบรู ณะขนึ้ มาใหมใ่ นปี ค.ศ. 1977 หอคอยนีต้ รงดา้ นลา่ งเป็นทางเขา้ – ออกรถไฟใตด้ ิน ดแู ลว้ ก็ใหน้ ึกชอบใจว่าเพียงผ่านทางเขา้ – ออกนีก้ ็ทาํ ใหเ้ รากา้ วเขา้ – ออกระหวา่ งยคุ สมยั ท่ีแตกต่างกันหลายรอ้ ยปี ดา้ นบนคือประวตั ิศาสตรอ์ นั เกา่ แก่ สถาปัตยกรรมอนั งดงามเตม็ ไปดว้ ยความสามารถเชิงศลิ ป์ และรอ่ งรอยแหง่ อารยธรรมยคุ โบราณ แตด่ า้ นลา่ งคอื ผลผลิตทางความคดิ จากความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีท่ีมนุษยค์ ิดขนึ้ เพ่ืออาํ นวยความ สะดวกในชีวิต เพ่ือเอาชนะอปุ สรรคที่ผา่ นเขา้ มาในชีวิต
ไวเซอรท์ รู ม์ (Weißer Turm) ทงั้ พ่ีใหญ่ คณุ ปา และคณุ สดุ สมคั รใจจะขอชมสนิ คา้ จากรา้ นรวงแถวนีเ้ พราะอยากไดข้ องฝาก กลบั บา้ นกนั บา้ ง หนเู ลก็ เลยขอตวั เดินเที่ยวงานฟิ ชเดยไ์ ปเร่ือยๆ ที่เพลิดเพลินคงเป็นที่สีสนั ของแตล่ ะ รา้ น พอมเี วลาไดส้ าํ รวจจรงิ ๆ ทาํ ใหพ้ บวา่ งานนีไ้ มไ่ ดม้ ีแตป่ ลาอย่างช่ืองานอย่างเดียว เพราะมีทง้ั ขนม หวาน ผลไม้ ผกั และของเดก็ เลน่ ก็คอื มา้ หมนุ ที่ไม่ใช่มา้ แตเ่ ป็นรถหมนุ ของเล่นแบบงานวดั ที่ถือเป็น สสี นั ของงานมากที่สดุ แปลกตรงท่ีไมเ่ ห็นมีเดก็ ๆ สนใจมาเลน่ ทง้ั ๆ ที่ดแู ลว้ นา่ เลน่ เป็นท่ีสดุ เดินมาเร่ือยๆ ทาํ ใหไ้ ดเ้ จออาคารเก่าที่เคยเป็นโบสถอ์ ีกแห่งหนึ่งอยู่บริเวณจาคอบสพ์ ลาทซ์ (Jakobsplatz) นนั้ ครงั้ หนึง่ เคยเป็นโบสถท์ ี่ชนเผา่ เยอรมนั เผา่ หนึ่งเขา้ มาเป็นสถานที่ในการชาํ ระลา้ ง
จิตใจ ตามหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรพ์ บวา่ สรา้ งในชว่ งคริสตศ์ ตวรรษที่ 14 ถงึ 15 ซงึ่ ท่ีน่ีก็เป็นอกี แหง่ ท่ี ถูกทาํ ลายโดยการทิง้ ระเบิดในคร้งั สงครามโลกครัง้ ที่ 2 โบสถแ์ ห่งนี้ใช้งบประมาณไปเป็นจาํ นวน พอสมควรในการกคู้ นื กลบั มา ในปัจจบุ นั ไดก้ ลายเป็นสถานที่รวบรวมผลงานทางศิลปะ สว่ นอีกอาคารท่ี เป็นทรงกลมไมไ่ กลกนั นกั ก็เป็นโบสถเ์ ชน่ กนั เอลิซาเบธเคยี เชอ (Elesabethkirche) เป็นโบสถค์ าทอลิก ขนาดใหญ่ มีรูปลกั ษณพ์ ิเศษเป็นแบบโดม สรา้ งตง้ั แตก่ ลางคริสตศ์ ตวรรษที่ 18 ใชเ้ วลาสรา้ งค่อนขา้ ง นานกวา่ จะแลว้ เสรจ็ จดั ไดว้ า่ เป็นโบสถท์ ี่มรี ูปรา่ งหนา้ ตาคลาสสิคมากแห่งหนึ่งในเนิรน์ แบรก์ สว่ นหนึ่ง อาจเป็นเพราะความเกา่ แกด่ ว้ ยกระมงั จาคอบเคยี เชอ (Jakobkirche) เดนิ ชมบา้ นเมืองของเนิรน์ แบรก์ แลว้ นึกชอบใจวา่ ทงั้ ๆ ที่เมืองเกือบทง้ั เมืองถกู ทาํ ลายย่อยยบั จากสงครามอนั เนื่องจากการเป็นศนู ยก์ ลางทางการทหารของนาซีเยอรมนั แต่จากท่ีเดินมาจนท่ัว บริเวณเทา่ ที่เวลาจะเอือ้ อาํ นวยในช่วงเวลาไมก่ ี่ช่วั โมงท่ีมาใชช้ ีวติ ที่เนิรน์ แบรก์ ทาํ ใหเ้ ห็นว่าคณุ ค่าของ อดีต สง่ิ ที่บรรพบรุ ุษสรรคส์ รา้ งไวล้ ว้ นมคี ณุ คา่ ทางจิตใจ ผคู้ นจึงพากันบูรณะเพ่ือใหส้ ่ิงเหล่าน้นั ฟื้นคืน ชีพกลบั มาดงั เดิม แมว้ า่ สิ่งปลกู สรา้ งเหล่านน้ั จะไม่ไดม้ ากมายทรงคณุ คา่ เพราะไมใ่ ช่โบราณสถาน โบราณวตั ถุที่แทจ้ ริงจากแรกสรา้ งในกาลก่อน แต่การปลกุ ส่ิงเหล่านั้นให้มีชีวิตกลับคืนมาเพื่อให้ ลกู หลานชาวเนิรน์ แบรก์ และชาวเยอรมนีไดต้ ระหนักถึงความเป็นมา ไดซ้ ึมซับถึงอารยธรรม ไดจ้ ดจาํ ชว่ งเวลาแห่งความเจ็บปวด และไดใ้ ชส้ ิ่งเหลา่ นีเ้ ป็นบทเรยี นแหง่ ความสญู เสยี เพ่ือนาํ ไปสยู่ า่ งกา้ วใหมท่ ี่ สดใสกวา่ บทบาทใหมใ่ นสงั คมโลก และการดาํ รงอยอู่ ยา่ งสนั ติ สงบของผคู้ นท่ามกลางความแตกตา่ ง ของมนษุ ยชาติ ส่ิงเหลา่ นีท้ าํ ใหห้ นเู ลก็ รูส้ กึ อ่ิมในใจเหลอื เกิน
ไดเ้ วลาอาํ ลาจากเนิรน์ แบรก์ กนั แลว้ เพราะเราตอ้ งเช็คเอาทจ์ ากที่พกั กอ่ นเที่ยง และตอ้ งใชเ้ วลา เดินทางไปยงั ที่หมายถดั ไป น่นั คือประตสู ่ถู นนสายโรแมนติกอย่างเวิรซ์ บวรก์ (Würzburg) ดงั นั้น เม่ือ ทกุ คนไดข้ องติดไมต้ ดิ มือเพ่ือเป็นของท่ีระลกึ ของฝากกนั เรยี บรอ้ ยแลว้ กช็ วนกนั เดินกลบั ที่พักกัน จริงๆ แลว้ ยงั มีส่ิงปลกู สรา้ งอีกหน่ึงอย่างที่หนูเลก็ ยงั ไมไ่ ดก้ ลา่ วถึง ก็กาํ แพงเมืองและป้อมปราการที่เราเดิน ผ่านไปกลบั กนั ในสองวนั นี้ ป้อมปราการของเมืองสรา้ งมาตง้ั แตค่ ริสตศ์ ตวรรษที่ 11 และมีการขยาย เพิ่มเติมถึง 2 คร้ังเนื่องจากการเพิ่มขึน้ ของชาวเมือง และเรื่อยมาจนกระท่ังสิ้นสุดเอาเมื่อต้น คริสตศ์ ตวรรษท่ี 14 รวมความยาวเกือบ 4 กิโลเมตร กาํ แพงเมือง หอคอย และป้อมปราการสรา้ งไว้ อยา่ งแขง็ แกรง่ มาก มีหอคอยทง้ั หมด 128 หอคอยแตท่ ่ียงั คงอย่มู ีประมาณครงึ่ หนง่ึ สว่ นประตเู มืองจะมี ทง้ั หมด 5 ประตู แตค่ งเหลอื เพียงแค่ 4 ประตซู ง่ึ ประตเู หลา่ นีก้ จ็ ะมสี ว่ นท่ีเป็นหอคอยดา้ นบนดว้ ยอยา่ งที่ หนูเล็กเล่าถึงหอคอยสีขาวบริเวณลุดวิกพลาทซ์ และหอคอยสาํ คัญอย่าง เฟราเอนตอร์ทูร์ม (Frauentorturm) หรือปัจจบุ ันรูจ้ ักกันในช่ือ เคอนิกสต์ อรท์ รู ม์ (Königstorturm) หรือหอคอยประตู กษัตริย์ สรา้ งขนึ้ ในปี ค.ศ.1318 ซง่ึ เป็นชว่ งเวลาของการขยายกาํ แพงเมืองช่วงสดุ ทา้ ย หอคอยประตนู ี้ เป็นเสน้ ทางการขนสง่ สนิ คา้ จากเรเกนสบ์ วรก์ กาํ แพงเมืองขนาดความสงู ประมาณ 30 เมตรนีล้ อ้ มรอบ เขตเมืองเก่าไวท้ ้ังหมด แต่ในครงั้ สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ความแข็งแกรง่ ท่ีสรา้ งไวน้ ีไ้ มส่ ามารถป้องกัน กองทพั อเมริกาบกุ เขา้ เมือง และโดนเคร่ืองบินทิง้ ระเบิดลงมา อย่างไรกต็ าม ความแขง็ แกรง่ ของกาํ แพง เมืองก็ยงั คงอย่จู นทกุ วนั นี้ ทาํ ใหเ้ ห็นไดว้ า่ แมว้ า่ เนิรน์ แบรก์ จะถกู ทาํ ลายอยา่ งหนกั ในสงครามโลกครง้ั ที่ 2 แตก่ ็เป็นเมืองใหญ่เมืองเดียวของเยอรมนีที่ยงั รกั ษากาํ แพงเมืองไวไ้ ดอ้ ย่างสมบรู ณ์ ซ่ึงไม่เพียงแต่ กาํ แพงเมืองเทา่ นนั้ คเู มอื งเองกย็ งั สมบรู ณเ์ ช่นกนั
แนวกาํ แพงเมืองท่ีมีประวตั ิศาสตรย์ าวนาน พวกเราเดินเลาะตามแนวกาํ แพงเมืองกลบั มายงั ท่ีพักเพื่อเตรียมตวั ออกเดินทางต่อและทิง้ ความย่ิงใหญ่ของเนิรน์ แบรก์ ไวเ้ บือ้ งหลงั หากไมไ่ ดร้ บั รูป้ ระวตั ิศาสตรอ์ นั เจบ็ ปวดของที่นี่ สายตาไรแ้ วว ของหนเู ลก็ คงไมอ่ าจแยกแยะไดว้ า่ อาคารบา้ นเรอื น โบราณสถาน โบราณวตั ถตุ า่ งๆ ท่ีตาเห็น เป็นสิ่งท่ี ถกู สรา้ งขึน้ เพื่อทดแทนของดง้ั เดิมท่ีถกู ทาํ ลายย่อยยบั เม่ือครงั้ สงครามแห่งการทาํ ลายลา้ งเผ่าพนั ธุ์ มนษุ ยอ์ นั เนื่องมาจากจดุ เริ่มตน้ ที่ความเกลียดชงั ชนชาติหนึ่งของคนๆ หน่ึงเพียงเท่าน้นั สจั จธรรมที่ มองเห็นก็คือ เมืองสามารถเจริญรุง่ เรืองขนึ้ มาไดก้ ็เพราะนา้ํ มือและมนั สมองของมนษุ ย์ แลว้ วนั หนึ่ง เมืองนน้ั ก็สามารถพังทลายลงอย่างย่อยยบั ดว้ ยนา้ํ มือมนุษยเ์ ช่นกัน แตเ่ หตทุ ่ีเกิดขึน้ ในครง้ั หลงั นีค้ ง ไม่ไดผ้ ่านมนั สมอง น่าจะมาจากความรูส้ ึกและอารมณท์ ่ีหวงั เห็นผลแห่งการทาํ ลายลา้ งท่ีจะเกิดขึน้ ไม่เช่นน้ันสงครามคร้ังนั้นคงไม่เกิด และมนุษย์เราก็คงอยู่ดว้ ยกันอย่างผาสุก แต่อย่างไรก็ตาม ประวตั ิศาสตรค์ ือส่ิงท่ีเกิดขึน้ และจบลงแลว้ ไมอ่ าจเปล่ียนแปลงได้ เราคงทาํ ไดเ้ พียงแค่การใชค้ วาม สญู เสียเหลา่ นนั้ เป็นบทเรยี น และอย่าใหอ้ ะไรมาแบง่ มนษุ ยอ์ อกจากกนั เช่นนน้ั อีก เท่านนั้ เอง หนูเล็กพาพวกเราเดินทางออกจากเนิรน์ แบรก์ อย่างหดหู่ในความรูส้ ึก ดงั น้นั จึงขบั รถตาม คาํ แนะนาํ ของนอ้ งจีโดยไมพ่ ดู ไมจ่ า กว่าจะรูส้ กึ ผ่อนคลายก็เมื่อขบั ออกมาจากเนิรน์ แบรก์ ไกลพอควร แลว้ เสน้ ทางที่นอ้ งจีใหเ้ ราใชอ้ อกเดนิ ทางเร่มิ ตน้ ท่ีออโตบ้ าหน์ สาย A73 ขบั ไปสกั พกั จะเหน็ ป้ายที่จะนาํ เราไปสจู่ ดุ หมายน่นั คือ เวริ ซ์ บวรก์ (Würzburg) วา่ ใหอ้ อกสอู่ อโตบ้ าหน์ สาย A3 การว่ิงบนออโตบ้ าหน์ เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งตรงท่สี ามารถทาํ เวลาไดเ้ ตม็ ท่ี คาํ นวณเวลาท่ีคาดวา่ จะถงึ จดุ หมายได้เราใชเ้ สน้ ทาง A3 ไปนานพอควร สองขา้ งทางมีวิวสวยๆ ใหเ้ พลิดเพลินทง้ั ทุ่งนา ป่ าเขา จนกระท่งั มีป้ายบอกทางให้ เลีย้ วขวาเขา้ สถู่ นนสาย B8 ซึง่ เป็นสญั ญาณวา่ อกี ไมไ่ กลเราก็จะใกลถ้ งึ จดุ หมายของเราแลว้ ท่ีพักท่ีเรา จองไวค้ นื นีค้ ือบาเบลฟิ ช โฮสเทล(Babel Fish Hostel) อย่ไู มไ่ กลจากสถานีรถไฟ หรือจะพดู ง่ายๆ ก็คือ อยตู่ รงขา้ มสถานีรถไฟเลยทีเดยี ว อกี ทงั้ จากท่ีพกั กเ็ ดนิ ทะลทุ ะลวงตามตรอกซอกซอยเขา้ ไปในเขตเมอื ง เก่าไดง้ า่ ย ดงั นน้ั ท่ีนี่จงึ เป็นที่นิยมของนกั เดินทางประเภทแบ็คแพ็ค (Backpack) เป็นอย่างย่ิง ราคาท่ี พกั ก็ไมส่ งู มากนกั จึงนบั เป็นขอ้ ไดเ้ ปรยี บของท่ีนี่เลยทีเดียว
ท่ีพกั แห่งนีอ้ ยรู่ มิ ถนนฮอคเกอรร์ ิง่ (Haugerring) และไมม่ ที ่ีจอดรถ ซง่ึ ถือเป็นปัญหาสาํ คญั ของ เราเลยทีเดียว เพราะรถเป็นรถเชา่ ถา้ กลวั ของในรถหายก็ตอ้ งไปหาสถานท่ีรบั ฝากรถซึ่งก็จะเสียค่ารบั ฝากจะกี่ยโู รกว็ า่ ไป สว่ นเร่ืองรถหายคงจะไมเ่ พราะดๆู แลว้ รถท่ีมรี าคากวา่ คนั นีด้ จู ะมีเยอะแยะ แต่หาก แคห่ าท่ีใหจ้ อดไดก้ ค็ งเป็นรมิ ถนนตรงไหนสกั แหง่ แตน่ ่นั ก็ตอ้ งหมายความวา่ มนั จะมีความเส่ยี งเกิดขนึ้ ก็ คงเป็นเรื่องท่ีเราตอ้ งมาคิดกนั อีกทีเม่อื ถงึ เวลา เมือ่ มาถึงที่หมายในเวลาประมาณบา่ ยโมงกวา่ ๆ หนเู ลก็ ตอ้ งจอดรถในบริเวณท่ีเขาอนญุ าตให้ จอดไดช้ ่วั คราวบรเิ วณดา้ นหนา้ ตกึ ที่เราจะเขา้ ไปติดตอ่ บาเบลฟิ ชตง้ั อยทู่ ี่ชน้ั 2 และ 4 ของอาคารนี้ โดย สถานที่ทาํ งานของเขาจะอย่ทู ่ีชนั้ 2 สว่ นท่ีพกั จะมีทง้ั ที่ชนั้ 2 และชน้ั 4 อย่ทู ่ีวา่ เราจะไดช้ นั้ ไหน หนูเล็กมี หนา้ ท่ีเช่นเดมิ คอื ตอ้ งเฝา้ รถเผือ่ กรณีจาํ เป็นตอ้ งเล่ือนเพราะมนั เป็นสถานท่ีจอดแค่ช่ัวคราว ในขณะที่ เหลา่ สมาชิกมหี นา้ ท่ีขนึ้ ไปตดิ ตอ่ และสาํ รวจหอ้ งวา่ มอี ะไรใหบ้ า้ งและตอ้ งจดั หาอะไรเพิ่มบา้ ง ทงั้ สามคน หายหนา้ ไปนานพอควรกวา่ จะกลบั ลงมา พี่ใหญ่บอกว่าไดส้ อบถามหาที่จอดรถแลว้ พนกั งานตอ้ นรบั บอกวา่ สามารถไปจอดบริเวณสถานีรถไฟไดเ้ พราะมรี บั ฝากรถเสยี คา่ ธรรมเนียมเลก็ นอ้ ย สว่ นหอ้ งหบั ได้ ขนึ้ ไปดแู ลว้ กส็ ะอาดสะอา้ นดี จดั แบบทนั สมยั นอนรวมกนั 4 คน มเี ตียงเดยี่ วสองเตียงและเตยี งสองชน้ั 1 เตยี ง โตะ๊ เลก็ ๆ สาํ หรบั การน่งั กินอะไรนิดๆ หนอ่ ยๆ และหอ้ งนา้ํ ที่สาํ คญั เฟอรน์ ิเจอรแ์ ละผา้ ผอ่ นตา่ งๆ ในหอ้ งเขาใชข้ องอิเกียเป็นหลกั ทงั้ สามคนช่วยกนั ขนกระเป๋ าขนึ้ ขา้ งบนไปเกบ็ ไวก้ อ่ น เราคงจะยงั ไมอ่ ยู่ ที่น่ีเพราะพ่ีใหญ่มีแผนพาไปเท่ียวเมืองใกลๆ้ นีก้ นั สกั สองสามช่วั โมงนัยวา่ เป็นเซอรไ์ พรส์ เล่นเอาพวก เราพากนั คกึ คกั จากเวิรซ์ บวรก์ พี่ใหญ่ใหน้ อ้ งจีนาํ พาเราไปยังเมืองเวิรท์ ไฮม์ (Wertheim) ซ่ึงไมไ่ กลจากเมืองนี้ มากนกั หรือหากมาจากแฟรงคเ์ ฟิ รต์ ก็เพียงแค่ 50 นาทีเท่านั้น การเดินทางตอ้ งออกจากตวั เมืองดว้ ย ถนนสาย B27 กอ่ นจากนนั้ เลีย้ วไปทางถนนสาย B468 ซ่ึงจะมีป้ายบอกทางใหใ้ ชอ้ อโตบ้ าหน์ สาย A3 วง่ิ ไปยงั ไมท่ นั ไรกเ็ ขา้ เขตเมืองนีแ้ ลว้ แตเ่ ราไมไ่ ดเ้ ขา้ ไปถึงตวั เมอื งเพราะมีป้ายบอกทางใหไ้ ปยงั เวิรท์ ไฮม์ วิลเลจ เอาทเ์ ลท ชอปปิ้ง (Wertheim Village Outlet Shopping) เป็นสถานที่ขายของแบบเอาทเ์ ลทท่ี เดนิ ทางสะดวกมากเมอ่ื มาจากเวิรซ์ บวรก์ ท่ีนี่เปิดวนั จนั ทรถ์ งึ วนั เสาร์ ตง้ั แต่เวลา 10 โมงเชา้ ถึงสองทุ่ม มีเปิดในเวลากลางคนื ในวนั ท่ี 17 กนั ยายน และวนั ที่ 3 ธนั วาคม และเปิดในวนั อาทิตยเ์ ฉพาะวนั ที่ 10 เดอื นตลุ าคม และวนั ที่ 7 พฤศจิกายน เฉพาะเวลา 13.00 – 18.00 น. หากเดินทางจากแฟรงคเ์ ฟิ รต์ ก็ คอ่ นขา้ งสะดวกเพราะเขามีรถบรกิ ารพามาและพากลบั โดยมีบรกิ ารทกุ วนั องั คาร วนั พฤหสั บดี วนั เสาร์ และวนั อาทิตยท์ ่ีเปิดใหบ้ รกิ าร มีคา่ บริการ 10 ยโู ร โดยสามารถตรวจสอบหรือจองท่ีไดเ้ ว็บไซตข์ องเขา (www.Bus.WertheimVillage.com)
เวิรท์ ไฮมว์ ลิ เลจ เอาทเ์ ลท ชอปปิ้ง (Wertheim Village Outlet Shopping) เม่ือไปถงึ พวกเราคอ่ นขา้ งต่นื ตาต่นื ใจ ทาํ ใหถ้ ึงบางออ้ ว่า พวกชอปปิ้งเอาทเ์ ลทที่บา้ นเราก็คง เลียนแบบจากตา่ งประเทศแบบนี้ หนา้ ตามนั ถงึ ไดเ้ หมือนกนั เชียว ที่จอดรถมีเหลือเฟื อโดยจะใหจ้ อดที่ ลานกวา้ ง แลว้ เดนิ เขา้ ไปยงั บรเิ วณชอปปิ้งดา้ นในที่มีรา้ นคา้ ใหเ้ ลือกซือ้ หาเป็นรอ้ ยกวา่ รา้ น ส่วนใหญ่ เป็นสินคา้ แบรนดเ์ นมท่ีคนไทยไม่วา่ จะมีเงินหรือไม่มีเงินจะซือ้ ก็จะรูจ้ กั ดี เช่น บิลลาบอง (Billabong) คาลวิน ไคลน์ (Calvin Klein Jeans) ลาคอสต์ (Lacoste) ลีวายส์ (Levi’s ) ทิมเบอรแ์ ลนด์ (Timberland) เมก็ ซ์ (Mexx) โอคเลย์ (Oakley) ควิกซิลเวอร์ (Quicksilver) พูม่า (Puma) รีบอค (Reebok) เอคโค (Ecco) ไบรเคนสต๊อค (Birkenstock) ฟอสซิล(Fossil) ลองชอมป์ (Longchamp) แซมโซไนท์ (Samsonite) ลอคซิทาน ออง โพรวองซ์ (L’occitane En Provence) เดอะบอดี้ ชอป (The Body Shop) ไทรอ์ มั พ์ (Triumph) เป็นตน้ น่ีแคส่ ว่ นหนึ่งยงั มอี ีกหลากหลายยี่หอ้ ท่ีอาจจะดงั ในโซนยโุ รป แตไ่ มไ่ ดโ้ ดง่ ดงั แถบบา้ นเราอยา่ งยี่หอ้ ที่หนเู ลก็ ยกตวั อย่างมาใหด้ ู พวกเราเดินเขา้ รา้ นนน้ั รา้ นนเี้ พอื่ สาํ รวจราคาขา้ วของวา่ ถกู สมกบั ที่เป็นเอาทเ์ ลทหรอื ไม่ ก็พบวา่ ราคาถกู กวา่ สินคา้ ราคาปกตบิ า้ ง แตอ่ าจจะเป็นสินคา้ ตกรุน่ บา้ ง บางรา้ นมีสินคา้ ใหเ้ ลือกนอ้ ยแตก่ ็ไมใ่ ช่ ประเดน็ เท่าไรนกั เพราะโดยรวมๆ ถือวา่ สินคา้ กม็ ากมายเพียงพอท่ีจะเลือกซือ้ อย่างพวกนาฬิการาคา
ไมแ่ พงนกั มีตง้ั แต่ 10 – 50 ยโู ร เสอื้ ผา้ กางเกงยีนสค์ ิดแลว้ ก็ตวั ละไมถ่ ึงพนั บาทก็มี ยังพอใหซ้ ือ้ ไดแ้ บบ ไมใ่ จหายนกั เพราะสว่ นหนงึ่ กม็ ่นั ใจไดว้ า่ ของแทแ้ น่นอน นกั ท่องเท่ียวคอ่ นขา้ งคกึ คกั เท่าที่เดินเที่ยวไม่ พบนกั ทอ่ งเท่ียวชาวไทยเอาเลย อาจเป็นเพราะสถานท่ีท่องเท่ียวแบบนีท้ วั รท์ ี่มาจากเมืองไทยไม่พามา ลง มกั จะพาไปปลอ่ ยใหเ้ ท่ียวแตต่ ามหา้ งในเมอื งใหญ่ๆ ถา้ มาแบบนีน้ กั ทอ่ งเที่ยวไทยจอมชอปปิ้งคงได้ มกี ระเป๋ าใบที่สอง ใบท่ีสาม ใบที่ส่ี ใบที่หา้ งอกกลบั ไปกรุงเทพฯ เป็นแน่ ทอ้ งฟ้ามดื ครมึ้ สลบั กบั สวา่ งจา้ เพราะมีฝนตกลงมาเป็นพกั ๆ ระหวา่ งที่เดนิ เท่ียวมฝี นตกหนักเป็นพักๆ พอเมฆฝนผ่านไปนักชอปทั้งหลายก็เดินชอปกนั ตอ่ พอฝนตกก็พากนั เดินวนเวยี นอยใู่ นรา้ น ทางเดินตรงกลางเขาตกแตง่ บรรยากาศรอรบั เทศกาลวนั ฮาโล วนี ทาํ ใหม้ ีผลฟักทองสสี ม้ สดขนาดตา่ งๆ ตงั้ ไวเ้ ป็นหย่อมๆ เรียกความสนใจใหน้ ักท่องเที่ยวพากนั มา เก็บภาพกนั เป็นท่ีระลกึ กนั อย่างสนุกสนานโดยเฉพาะพวกเดก็ ๆ พวกเราไดข้ องติดไมต้ ิดมือกันคนละ เลก็ นอ้ ยตามประสานกั ทอ่ งเท่ียวแนวประหยดั และแมอ้ ยากจะซือ้ มากมายก็คงไมม่ ีความสามารถที่จะ หอบไปมาระหวา่ งที่ยงั ตะลอนทวั รต์ ะเวนเที่ยวแบบเปลี่ยนท่ีนอนทกุ คืนแบบนี้ หมดเวลากบั ที่น่ีไปเกิน กวา่ เปา้ หมายที่ตง้ั ไวเ้ พราะเจอฝนกระหนา่ํ ใหต้ อ้ งหยดุ เดนิ เป็นพกั ๆ กบั เสียเวลาในการเลอื กซือ้ สินคา้ ให้
ไดข้ องถกู ใจ พระอาทิตยเ์ ร่มิ สิน้ แสงแลว้ เราคงออกเดินทางกลบั ที่พกั กนั ไดเ้ สยี ที ปัญหาสาํ คญั ยงั รออยู่ น่นั คอื การหาท่ีจอดรถท่ีปลอดภยั ตกแตง่ ท่วั บรเิ วณดว้ ยฟักทองตอ้ นรบั วนั ฮาโลวีนทจ่ี ะมาถึง หนเู ลก็ ขบั รถไปสง่ คณุ ปาและคณุ สดุ ท่ีโฮสเทลไวก้ อ่ น สว่ นหนเู ลก็ กบั พี่ใหญ่จะลองหาท่ีจอดริม ถนนดู เพราะเท่าท่ีเห็นมีท่ีจอดริมถนนอยบู่ า้ งเหมอื นกนั เราไปไดท้ ี่จอดรถแห่งหน่ึงบนฟตุ บาทริมถนน เรนิ ทเ์ กนรง่ิ (Röntgenring) ไมม่ ีปา้ ยหา้ มจอด ไมต่ อ้ งเสียคา่ จอด แตก่ ็เห็นมีรถจอดเรียงรายกนั เตม็ ไป หมด และก็ไมน่ ่าจะใช่รถของคนเมืองนีท้ ี่มาจอดกนั เพราะมีป้ายทะเบียนหลากหลายเมือง เราตดั สินใจ จอดตรงนีแ้ มว้ า่ จะห่างจากท่ีพักของเราพอสมควร ที่รบั ฝากรถใกลๆ้ สถานีรถไฟราคาก็พอควรอยู่ ตรวจดคู วามเรียบรอ้ ยแลว้ ก็ทิง้ พี่ดีเ้ อาไวล้ าํ พัง แมจ้ ะห่วงพ่ีดีอ้ ย่บู า้ งแต่ก็คิดวา่ คงไมน่ ่ามีปัญหาอะไร เมอ่ื ไปถึงพบวา่ คณุ ปาและคณุ สดุ สาํ แดงฝีมือพอ่ ครวั แมค่ รวั กนั กบั ขา้ วพรอ้ มเสิรฟ์ แลว้ พอเหน็ กบั ขา้ วก็ เลน่ เอาหิวติดหมดั ขนึ้ มาเลย พวกเราใชเ้ วลากบั มอื้ เยน็ ไมน่ านนกั ก็หมดเรียบ
พ่ีดตี้ อ้ งถกู ทิง้ ไวร้ ิมทางใหพ้ วกเราตอ้ งห่วง หนเู ลก็ เพิ่งไดเ้ หน็ บรรยากาศภายในของบาเบลฟิ ชเพราะเพ่ิงไดเ้ ขา้ มารอบนีห้ ลงั จากสละรถ ที่น่ี จดั ไดว้ า่ สวย สะอาด เป็นระเบียบทีเดียว และท่ีสาํ คญั ราคาไมแ่ พงดว้ ย เขามีบริการหมดทั้งส่วนเตรียม อาหารท่ีมีวสั ดุ เครอื่ งใชค้ รบครนั พืน้ ท่ีน่งั รบั ประทานอาหารกก็ วา้ งขวาง ท่ีน่ีก็เหมือนโฮสเทลท่วั ไปคอื มี มมุ ใหผ้ เู้ ขา้ พกั เตรยี มอาหารกินเองได้แตข่ อใหเ้ กบ็ วสั ดอุ ปุ กรณต์ า่ งๆ เขา้ ที่เขา้ ทางเหมือนเดมิ เทา่ นน้ั เอง เขามีบริการอินเตอรเ์ น็ตฟรสี าํ หรบั ผเู้ ขา้ พกั ดว้ ย และหากมพี วกโน๊ตบ๊คุ มาเขากม็ บี ริการไวไฟ (Wifi) ดว้ ย สว่ นของที่พกั ก็สะอาด เป็นสดั สว่ นมรี ะบบรกั ษาความปลอดภยั ครบถว้ น หอ้ งพกั ของพวกเราอยู่ท่ีชน้ั 4 แมว้ ่าจะเป็นหอ้ งขนาดไม่ใหญ่นัก แตโ่ ดยรวมก็ถือว่าโอเคสมกับราคา อย่างน้อยก็ไดใ้ จเร่ืองความ สะอาดเป็นเยี่ยม Babelfish ท่ีพกั เลก็ ๆ ที่ความสะอาดเป็นเย่ียม
กิจกรรมของพวกเราเมือ่ เดนิ ทางถงึ ท่ีพกั พี่ใหญ่เลา่ ใหฟ้ ังวา่ ไดเ้ จอนกั ท่องเที่ยวสาวคนหน่ึงชวนคยุ ระหวา่ งน่งั เลน่ อยู่ในหอ้ งอาหาร เธอ ถามวา่ เรามาจากไหนและกาํ ลงั จะไปไหน และเมื่อถามวา่ เราคา้ งที่น่ีกี่คืนแลว้ ไดร้ บั คาํ ตอบว่า คืนเดียว เธอกห็ วั เราะแลว้ บอกวา่ ไมค่ ิดวา่ มนั นอ้ ยเกินไปหรือ เธอชอบเมืองนีม้ าก เธออยู่มา 3 คืนแลว้ ยงั เที่ยว ไมท่ ่วั เลย จริงๆ แลว้ เราก็คิดอย่างที่เธอวา่ แตเ่ ราก็มีเวลากับเมืองนีเ้ พียงแคค่ ร่ึงวนั เชา้ เท่านนั้ หนูเลก็ ยอมรบั ว่า พวกเราเป็นพวกโลภมาก อยากรูอ้ ยากเห็นไปเสียหมด แลว้ เยอรมนีก็มีความหลากหลาย มากมายใหอ้ ยากไปเหน็ และทกุ เมืองที่เรามา พวกเรากไ็ มเ่ คยคิดวา่ จะมาเยือนเพียงครง้ั เดียว มนั เป็น เพียงแคก่ ารชิมลางวา่ เมอื งไหนที่เราอยากจะกลบั มาเยือนอกี ครง้ั และเมอื งไหนที่เราอยากจะใชเ้ วลาให้ มากขนึ้ แมค้ รงั้ นีจ้ ะรูส้ กึ ว่าหลายเมืองเรามีเวลาใหน้ อ้ ยเกินไป แตก่ ารกลบั มาแกต้ วั ใหมก่ ็ไม่ใช่เร่ืองที่ เกินความสามารถ ก่อนเขา้ นอนพวกเราใชเ้ วลาสนทนาเกี่ยวกับการเดินทางในหว้ งวันท่ีผา่ นมา แมจ้ ะผ่านมา หลายวนั แลว้ แตค่ วามประทบั ใจหรอื แมแ้ ตอ่ ปุ สรรคที่พบเจอกท็ าํ ใหพ้ วกเราจดจาํ มนั ไดด้ ีราวกบั ว่าทกุ เร่อื งราวเพ่ิงเกิดขนึ้ เม่อื ไมก่ ี่นาทีท่ีผา่ นมา ตา่ งพากนั แย่งกันพดู แย่งกันรือ้ ฟื้นเรื่องราวท่ีคงจะมีแต่พวก เราเทา่ นนั้ ท่ีมีภาพจาํ ที่ชดั เจนและดวงตาเป็นประกายทกุ ครงั้ ที่นึกถึง และก่อนแยกยา้ ยกนั ไปทาํ กิจกรรม สว่ นตวั กไ็ มล่ ืมท่ีจะเกบ็ ภาพแหง่ ความสขุ ของวนั นีไ้ วเ้ ป็นท่ีระลกึ ความสขุ ความทรงจาํ ไมส่ นิ้ สดุ
อย่างไรก็ตาม คนื นีก้ ็เป็นอกี คนื ท่ีพวกเราเขา้ นอนกนั แต่วนั อย่างนอ้ ยก็จะไดใ้ ชเ้ วลากบั เวิรซ์ บ วรก์ อีกเมอื งท่ีมสี ถานที่ท่ีไดร้ บั การบนั ทกึ ใหเ้ ป็นมรดกโลกจากองคก์ ารยเู นสโกใหค้ มุ้ คา่ ท่ีสดุ เท่าท่ีเวลา จะเอือ้ อาํ นวย
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: