Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore The lover รักเป็นจะเห็นใจ

Description: The lover รักเป็นจะเห็นใจ

Search

Read the Text Version

50 เราอย่าไปคิดว่า ความสวย ความงาม หรือความหล่อ ที่เห็น ๆ กันอยู่นั้น จะคงอยู่กับเขากับเราไปตลอดชีวิต มันอยู่กับเราเพียงชั่วคราว แต่ที่ยั่งยืนคือคุณธรรมความดีที่ อยู่ในใจต่างหาก สำ หรับฝ่ายหญิง เวลาที่เราดูใครก็อย่าไปดูที่มายา ฉาบหน้าว่า เขาลูดี ดูหล่อ หรือเขาปากหวาน แตให้เราลูว่า เขามีคุณธรรมความดีในตัวแคไหน เขาจะสามารถรับผิดขอบ ครอบครัวได้หรือ่ไม่ เขาจะเป็นพ่อของลูกเราได้ไหม ส่วนฝ่ายขายก็ให้ดูว่า ผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเป็นแม่ ของลูกเราไหม เธอจะดูแลลูก ดูแลครอบครัวเราได้ดีหรือไม่ ให้ดูกันตรงนี้เป็นหลัก เพราะว่าของจริงที่เราต้องเผชิญคือ ภาวะเรื่อง '■งาน\" นี้เอง ประการที่สองให้ตระหนักว่า ชีวิตการครองเรือนนั้น มีภาระมากมาย คนเรารับผิดชอบตนเองก็หนักหนาอยู่แลัว พอมีครอบครัวความรับผิดชอบนั้นทวีคูณ ลองคิดดูว่า ขนาด ตัวเราเองแห้ ๆ มือของเรา เห้าของเรา ปากของเรา ทั้งตัว เป็นของเรา เราสั่งตนเองได้ แต่บางทีเรายังหงุดหงิดตนเอง ยังรู้สึกขัดใจตนเองเลย แล้วจะให้คนอื่นมาถูกใจเราไปหมดนั้น ยิ่งเป็นไปไมได้ www.kalyanamitra.org

51 เพราะฉะนั้น พออยู่กันเป็นครอบครัว ความไม่ได้ ดั่งใจจะมากกว่าอยู่คนเดียวหลายเท่า เราไม่ได้ดูแลตนเอง เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ยังต้องคอยทำตัวให้ถูกใจเขา และดอย รองรับอารมณ์ตนเองเวลาที่เจาทำไม่ถูกใจเราด้วยเซ่นกัน ด้งนั้น ความผิดหวังย่อมมีมากกว่าความสมหวัง พีงรู้อีกอย่างว่า คนเรายังไม่หมดกิเลส มันเปลี่ยน ได้ตลอดเวลา บางคนประพฤติดีมาตลอด ทั้งขยันขันแข็ง ทำ งานเก่ง รับผิดขอบครอบครัว เป็นผู้นำที่ประสบความ สำ เร็จ แต่จู่ ๆ กลับมาเสียคนตอนอายุ 60 เพราะเกิด เหงาแอบมีบานเล็กบ้านน้อยอย่างนั้ก็มี www.kalyanamitra.org

i jI i ^'=ะะ. www.kalyanamitra.org

53 \"มากรักก็มากทุกข์ มากรักก็มากโศก หมดรักก็ หมดทุกข์ หมดรักก็หมดโศก\" ศัพท์บาลีว่า \"ป็ยโต ชายเต โสโก \" แปลว่า \"ความโศกเกิดจากความรัก\" มี ความรักเกิดฃึ๊นเมื่อใดให้เตรียมใจรับความโศก เพราะมันจะ มาเยือนเราเป็นแน่ด้วยเหตุต่าง ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยาก โศกเศร้าให้ตัดใจ อย่าให้เกิดความรักแต่ด้นดีที่สุด หากพิจารณาแล้วว่า ชีวิตหลังแต่งงานนั้นวนวาย จะแก้ป้ญหาโดยการไม่มีคู่ครอง หรือว่าเลือกที่จะประพฤต พรหมจรรย์นั้นถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าสามารถทำได้เราก็ จะมีอิสระ และมีเวลาในการทำกิจต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ หากเป็นผู้ชายก็ให้มาบวซช่วยกันศึกษาธรรมะปฏิบต ธรรม แล้วเผยแผ่ธรรมะนั้นสืที่สุด ส่วนฝ่ายหญิงก็สามารถ ประพฤติพรหมจรรย์!ด้ แต่จริง ๆ แล้วคนที่จะตัดใจได้ขนาดนั้น คงมีไม่มาก ก็ไม่ต้องกังวลว่าพระอาจารย์จะซวนให้มาบวช^ กันหมดทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วจะไม่เหลือใครสืบทอดเชื้อสาย ชาติไทย อย่าไปกลัวขนาดนั้น เพราะว่าบวชไม่กลัว กลัว จะไม่บวชมากกว่า ปีจจุบันคนบวชมีไม่มากจึงเกิดวัดร้างชื้น มากมาย เพราะฉะนั้น ใครพร้อมบวชก็เช้าวัดได้เลย www.kalyanamitra.org

54 ขอฝากข้อคิดไว้ว่า ถึงแม้ว่าเราจะครองเรือน ก็ขอ ให้มีข้อมูลเบื้องต้นเพื่อตระหนักถึงสิงที่รอเราอยู่ข้างหน้าก่อน เราจะไต้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม หากประสงค์จะครอง เรือนแล้ว ก็ให้ครองเรือนด้วยความมีสติ แล้วปฏิบัติตนให้ ถูกต้อง เราจะไต้สามารถมีชีวิตการครองเรือน ที่พอจะมี ความสุขไต้ตามสมควรแก่อัตภาพ คำ ว่า \"สมรส\" ปูย่าตายายท่านผูกคำแฝงนัยสำคัญ ไว้ว่า \"สม\" ภาษาบาลีแปลว่า \"เสมอกัน\" และ \"รส\" คือ \"รสนิยมความขอบ\" ตังนั้น \"สมรส\" หมายถึง \"คน มีรสนิยมหรือความขอบเสมอกันมาอยู่ด้วยกัน ถึงจะยั่งยืน และอยู่รอด\" และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า คู่ชีวิตจะ อยู่ร่วมกันได้ดีถ้าเสมอกันใน 4 ข้อ คือ www.kalyanamitra.org

55 น/ปีdJjma h SbfI 1 UFi^naiiciuanu มีความศรัทธาเสมอกันในพระพุทธคาสนา คือรักบุญ กลัวบาปเหมือนกัน ถ้าคนหนึ่งศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่ อีกคนหนึ่งไม่ศรัทธาก็เกิดปีญหา เซ่น อีกคนจะไปวัดทำบุญ ทำ ทาน แต่อีกคนจะไปบ่อน เข้าผับเที่ยวคาราโอเกะ มันก็ ไปด้วยกันลำบาก ดังนั้น คู่ซีวัตจะอยู่ร่วมกันได้ดีจงด้องมี ศรัทธาเสมอกัน ในทางโลกคือมีความเห็นในเรื่องต่าง ๆ ใกล้เคียงกัน เซ่น มีทัศนคติต่อระบอบการปกครองประเทศ ที่คล้ายกับ www.kalyanamitra.org

56 SaFt 2 Ficiieiuarw คู่ชีวิตจะอยู่ร่วมกันได้ดีต้องมีสืลเสมอกัน ถ้าคนหนึ่ง รักษาดีล อีกคนบี้มดตบยุงลุยแหลก ก็จะทำให้เกิดความ อีดอัดในการอยู่ร่วมกัน ไม่เฉพาะสืล 5 ศีล 8 เท่านั้น แต่ รวมถึงกิริยามารยาทต่าง ๆ ด้วย ถ้าได้รับการ!!กมาดีเสมอกัน อยู่ด้วยกันแล้วก็จะเกิดความสบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ตอนคบหากันใหม่ ๆ เราอาจจะดูแต่หน้าตาว่า เขา สวยหล่อดีจีงชื่นชอบแล้วแต่งงานกัน แต่พออยู่ด้วยกัน ไปแล้ว ต่างฝ่ายมีมารยาทไม่เสมอกัน คนหนึ่งถูกอบรมมา ดีมีมารยาทดี พูดจาไพเราะ อีกคนหนึ่งเอะอะโวยวาย บางครั้ง เผลอพูดจาหยาบคาย พอผ่านไประยะหนึ่ง เมื่อมายาความ หล่อสวยเริ่มจางลง ก็จะเริ่มอีดอัดอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน เพราะฉะนั้น ศีลและจรรยาชองคู่ชีวิตต้องเสมอกันด้วย www.kalyanamitra.org

57 ชฮ/f 3 นฅ0ๆน!ยีย?1อะ!ะ1น0โ1น จาคะคือมีความเสียสละเสมอกัน คู่ชีวิตต้องใจกว้าง และใจบุญเหมือนกัน ไม่ใช่คนหนึ่งใจบุญ แต่อีกคนหนึ่ง ขี้เหนียว ฝายหนึ่งจะทำบุญก็ต้องแอบทำ เห็นใครลำบากมา อยากช่วยก็ต้องไมให้อีกฝ่ายรู้ อย่างนี้จะเกิดความอึดอัดใจ ตามมา คู่ชีวิตที่จะอยู่ร่วมกันได้ดีจึงต้องมีนํ้าใจ มีจึตใจที่ กว้างขวางพอ ๆ กัน หmv ทิฬ;0yfl\"?v ()%Vด9)3/พ1ฬ www.kalyanamitra.org

^ oan 4 ijTJfijrijiiriuanu คู่ชีวิตจะอยู่ร่วมกันได้ดีต้องเป็นคู่คิด คู่ชีวิต มีเรื่อง อะไรสามารถช่วยเหลือกันได้ ปรึกษาหารือกันได้ ไม่จำเป็น ต้องเรียนจบปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกเท่า ๆ กัน แต่ขอให้เป็นคนฉลาด จับประเด็นเป็น ก็จะเป็นคู่คิดและ คู่ชีวิตที่เป็นที่ปรึกษาวางใจกันได้อย่างสนิทใจ ศรัทธา คิล จาคะ และป้ญญา ถ้าคู่ชีวิตมี 4 ข้อนี้ เสมอกัน ชีวิตสมรสก็จะราบรื่น ไม่ทุกชีมากนัก พอที่จะ ประคองตัวผ่านไปได้ตลอดรอดส์ง www.kalyanamitra.org

5^ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการเลือกคู่ครอง และใช้ซีวิตคู่ อย่างราบรื่น แน่นอนว่าอาจจะมความเปลี่ยนแปลงเกิดขน ในอนาคตไดเสมอ ๆ ดังนั้น เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด ก่อน โดยการเลือกคู่ครอง คน ๆ นั้นจะต้องเป็นคนดี มี ดีลธรรม อย่างน้อยต้องพูดดี คิดดี ทำ ดี และมีรสนิยมที่ เสมอกันทั้งศรัทธา ดีล จาคะ และป็ญญานั่นเอง www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

6t TtiFm..jl^riomd§ มนุษย์จำเป็นจะต้องดำรงเผ่าพันธุ แต่เนื่องจากการดูแลและเติบโตมาในสิง- แวดล้อมที่ต่างกัน เมื่อมาอยู่ร่วมกันปีญหา ต่าง ๆ จํงเกิดฃึ้นอย่างมากมาย ปีญหาที่เกิดขึ้นของคู่รักลามารถแบ่ง ได้เป็นหลายช่วง ตั้งแต่ช่วงก่อนโปรโมซั่น ช่วงโปรโมชั่น และช่วงหมดโปรโมชั่น คือ ป็ญหาก่อนแต่งงาน ป็ญหาขณะเพิ่งแต่งงาน และปัญหาหลังแต่งงานไปแล้ว โดยเฉพาะ ช่วงของการมีลูก ขึ้งเป็นปัญหาของคุณแม่ กับลูก หรือปัญหาของคุณพ่อกับลูกนั่นเอง www.kalyanamitra.org

62 ปีท}หาทยนildiJiiๆน ปัญหาครอบครัวเป็นป้ญหาใกล้ตัว และเป็นเรองทเรา หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเราจะมีวิธีการรับมือกับปัญหานี้อย่างไร ในปัจจุบันการคลุมลุงซนยังพอมืให้เห็นอยู่บ้าง ซี่ง เป็นการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรัก จริง ๆ แล้วในอดีต สังคมคลุมลุงขนนั้นเป็นไปอย่างกว้างขวาง อย่างในประเทศ จีนมีการคลุมลุงชนเกือบทั้งหมด ในประเทศไทยเองก็มีมาก พอสมควร ถามว่า การคลุมลุงซนมีปัญหาหรือไม่ ตอบว่า มี แล้วล้าถามว่าไม่คลุมลุงชนมีปัญหาหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า มีปัณุหาเหมือนกัน www.kalyanamitra.org

63 ในแง่ความรู้สีกของคน'ปิจจุบัน พอ'พูดถึงเรื่องการ ถูกคลุมลุงซนเราจะรับกันไม่ได้ เราต่างก็คิดว่า 'ทุกคนควรมี สิทธิเสรีภาพในการเลือกคู่ชีวิตของตนเอง เพราะเป็นอนาคต ของเราเอง ลู่ ๆ ผู้ใหญ่จะมาเลือกคู่ครองใ'ด้เรา ตัดสินใจใ'ด้เรา เสร็จสรรพ แล้วจับเราแต่งงานกับคน'ที่ไม่รู้จักกันเลย'นั้น เรา คง'ทำใจไม่ได้ คู่ชีวิตของเราควรเลือกเอง 'นั่นคือความคิด ของคนในยุคปีจจุบัน ซึ่งในแง'มุมหนึ่งนั้นถูกด้อง แต่ล้าถามว่า แล้วล้าเราเลือกคู่เอง ชีวิตคู่ของเราจะ ราบรื่นมีความสุขตลอดไปหรีอไม่ จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เป็น อย่างนั้นทุกคูใป คู่ที่มีชีวิตราบรื่นก็มีมาก คู่'ที่มีป้ญหาก็มีมาก เ'ซ่นกัน ครั้นไปดูคู่ที่ถูกคลุมลุงขนเราก็จะพบว่า บางครั้ง สัดส่วนปัญหาในการครองคู่นั้นแทบไม่ต่างกันเลย ต่างกัน เ'พียงความรู้สิกว่า ผู้ใหญ่เลือกคู่ครองใ'ห้เรา หรีอเราเลือก เองเท่านั้น ล้าคลุมลุงซน ผู้ใหญ่เลือกคู่ครองใ'ด้เรา เขาก็มักจะ 'พีจารณาจากซาติตระกูล 'ฬื้นฐานฐานะที่เหมาะสมกัน เลืยง เล่าลือว่าเป็นคนประพฤติเรียบรัอยดี พ่อ!!อแม่ซักต้องมา www.kalyanamitra.org

64 บรรยายสรรพคุณว่า ฝ่ายหญิงมีคุณสมบตอย่างไร และฝ่ายชาย มีคุณสมบัติอย่างไร พอเทียบเคียงว่าชาติตระกูลสมกัน ฐานะสมกัน วัยสมกัน ทุกอย่างดูสมกันดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย หรือไม่ หากปลงใจก็แต่งงานกันอย่างนี้คีอการคลุมถุงชน ส่วนถ้าเราเลือกคู่ครองเองอย่างในปิจจุบันก็เกิดได้ หลายกรณี ทั้งคู่รักที่มีฐานะใกถ้เคียงกัน หรือกรณีที่มีฐานะ สูงตรต่างกัน มีความรู้สูงตรต่างกัน แต่บังเอิญเกิดชอบพอ กันขึ้นมาก็มี ถึงมีคำที่พูดกันขำ ๆ ว่า \"ดอกใ?ปึากับหมาวัด\" อย่างนี้เป็นด้น การเลือกคู่ครองเองนั้นขึ้นอยู่กับความพอใจ จุดเด่น คีอคู่สมรสพึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ตนเองเป็นผู้เลือกเอง แต่มีจุคด้อย คือตอนที่เราคำลังชอบพอกันใหม่ ๆ ข้อเสีย ของเขาหากจะมีอยู่ก็ลูกมองข้ามไป เซ่น บางคู่ก็มีความต่าง เรื่องวัย อายุต่างกันมาก ๆ ก็มี หรือเรื่องพื้นฐานความรู้ พื้นฐานครอบครัวที่แตกต่าง ก็ลูกมองข้ามไปหมด เพราะ เราคำลังชอบเขาจึงมองข้ามไปแลัวจะแต่งงานกันใ■ฬ้ได้ พอ แต่งงานกันแล้วปิญหาหลายกรณีก็ปะทุขึ้น www.kalyanamitra.org

L (JJ)} ICH/Unj S9 www.kalyanamitra.org

66 หากเปรียบเทียบแล้ว กรณีคลุมถุงซนกับเลือกคู่เอง นั้นมีจุดอ่อนจุดแข็งทั้งสองแบบ โดยภาพรวมแล้วจึงยังสรุป ได้ยากว่า ความยั่งยืนระยะยาวซองชีวิตการครองเรือนแบบ ใดจะดีกํว่ากัน ยังมีคนจีนรุ่นเก่า ๆ อายุ 70 - 80 จ ที่หลงเหลือให้ เราเห็นอยู่ว่า เซาแต่งงานกันแบบคลุมถุงซน อยู่กินกันมา หลายสิบปี แต่ป้จจุบันเขาก็ยังครองคู่กันจนแก'เฒ่า อยู่กัน ราบรื่นดีมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมีอง แต่แน่นอนว่า คู่ที่มี ป้ญหาก็มีมากเซนเดียวกันกับกรณีที่เลือกคู่เอง ดังนั้น เราจะสรุปฟ้นธงว่า การเลือกคู่ครองแบบไหน ดีหรือไม่ดีนั้นคงไม่ได้ แต่ในยุคป้จจุบันล้าจะให้คนรุ่นใหม่ ยัอนกลับไปคลุมถุงซนนั้นคงจะยาก, คงดัองเลือกคู่เอง เป็นหลัก แต่หากเราจะเลือกคู่ครองเอง เราต้องเลือกอย่าง มีสติด้วย คือไม่เอาความซอบหรือความหลงเป็นหลักเพียง อย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงหลาย ๆ ต้าน ทั้งดูว่าความ ประพฤติของเซาเป็นอย่างไร พื้นฐานครอบครัวซองเขาเป็น อย่างไร www.kalyanamitra.org

67 หลายคู่ตอนกำลังชอบพอกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกันจีงยัง ไม่มีปีญหา แต่พออยู่ด้วยกันจริง ๆ ถ้าพื้นฐานต่างกัน มาก ๆ ถึงตอนนนเจอชองจริงเข้าอาจจะแย่ www.kalyanamitra.org

6^ โบราณกล่าวไว้ว่า \"ยามรักนํ้าต้มผักก็ว่าหวาน\" แต่ พอเลยช่วงรักนั้นไปแล้ว มาถึงตอนที่ต้องอยู่ด้วยกันยาว ๆ แล้ว อารมณ์หลงคลายตัวลงไปแล้ว ถ้าพื้นฐานทั้งสองคน ต่างกันมาก กิริยามารยาทคนละชั้น เพื่อนฝูงคนละระดับ ก็ จะมีปัญหาตามมามาก เพราะฉะนั้น เราจะเลือกคู่ครองเอง ก็อย่าใช้เฉพาะความชอบเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณา องค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย ^ nauriauiiciu ในยุคปัจจุบัน ปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน พบไต้บ่อยมากขึ้น ถามว่าจะมีริธีการปัองกันหรือหักห้ามใจ อย่างไรดี โบราณท่านสอนไว้ว่า \"ถูกมือคือเสืยตัว\" ถ้า เป็นหญิงต้องรักนวลสงวนตัว ไมให้เพศตรงช้ามมาถูกเนื้อ ต้องตัวไต้เลย แค่จับมีอก็ไม่ไต้เพราะถือว่าจับมือคือเสียตัว ยิ่งในสมัยก่อนเขาแต่งงานกันเร็วมาก อายุ 15 - 16 ปี ก็แต่งงานมืครอบครัวกันแล้ว ใครอายุ 20 ปี แล้วยังไม่ไต้ แต่งงานถือว่าแก่มาก เริ่มจะเป็นสาวพีนทกแล้ว www.kalyanamitra.org

69 เพราะฉะนั้น วัยรุ่นอายุ 15 - 16 ปี ฮอร์โมน กำ ลังพลุ่งพล่าน ถ้าถูกเนื้อต้องตัวกันเข้าอารมณ์จะเตลิดไป ไต้ง่าย ๆ คราวนื้จะลุกลามไปกันใหญ่ ผู้ใหญ่ถึงป้องกันไว้ ตั้งแต่ต้นว่า ขายหญิงไมให้ถูกเนื้อต้องตัวกันเลยนั่นเอง ยุคป้จจุบันวัยรุ่นถูกเนื้อต้องตัวกันง่ายขึ้น ชนิดที่ว่า กอดคอคลุกคลีตีโมงกันอย่างนั้นมีความเสี่ยงมาก ยิ่งหนุ่ม สาวที่จากบัานมาอาตัยอยู่หอพักรวมขายหญิงด้วยแล้ว ยิ่ง เสี่ยงมากขึ้นไปอีก ต้องฝากพ่อแม่ผู้ปกครองว่า ถ้าอยู่ต่างจังหวัดแล้วล่ง ลูกมาเรียนหบังสือที่กรุงเทพฯ หรือในเมืองใหญ่ ๆ ก็ตาม เราควรเลือกหอพักที่มีคนดูแลอย่างเข้มงวดให้ลูกอยู่ ที่สำ คัญ ควรเลือกหอพักที่เป็นหอหญิงล้วนขายล้วนด้วย www.kalyanamitra.org

70 หอพักควรมีระเบียบเรื่องเวลาเข้าออกที่คุมเข้ม ซึ่งลูก ๆ อาจจะไม่ชอบใจ แต่พ่อแม่ควรช่วยเลือกให้ลูก เพราะถ้า เราปล่อยตามความซอบใจของเขา เขาจะมีอิสระเสรมากเกินไป ลูกกลับบ้านมาเราอาจจะได้หลานแถมมาด้วย เพราะฉะนั้น พ่อแม่ควรตั้งใจเลือกสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ กับลูก ถ้าสิ่งแวดล้อมเอื้อให้ทำความผิด คนเรายังไม่หมด กิเลสกิมีโอกาสทำผิดได้มาก แต่ถ้าเราบีองกันไว้ก่อนก็จะมี ส่วนช่วยได้,อย่าไว้ใจแม้แต่ตัวเราเอง เพราะตราบใดเรายัง มีกิเลส ก็มีโอกาสจะผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น ดีที่สุดคือด้อง บีองกันไว้ก่อน www.kalyanamitra.org

พ นยปโอท!ห!^1น0านฅวๆน1ปีนจ3ง \"พอเริ่มมีความรักทุกอย่างจะคูสวยงามไ*ปหมด\" แล้วเราควรทำอย่างไรให้สามารถมองเ'สืนโลกตามความเป็นจริง ในขณะมีความรัก เพื่อที่จะได้ไม่มีปีญหาจนต้องเลิกราก'น เราจะได้ไม่เจ็บมาก... หากเราลองหาโอกาสคุยกับผ้ที่มีประสบการณ์ซีวิต มาก ๆ ถามไถ่เรื่องราวของเขาแล้วตั้งใจฟ้ง หรือจะอ่าน หนังสือให้ได้เรียนรู้ว่าชีวิตจริงนั้นเป็นอย่างไร เหมือนเป็น การย่นเวลาชีวิตของคนหนี่งที่ผ่านมา ตั้งแต่ฃ่วงวัยรุ่นถึง วัยชราให้เราได้สืกษาในเวลาเ'พียงไม่กี่นาที จากนั้นเราจะเริ่มเห็นบทเรียนจากผู้อื่น ตั้งแต่ตอนที่ กำ ลังเริ่มชอบพอกัน ทุกอย่างดูสดใส โลกกลายเป็นสีชมพู ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูงดงามไปหมด แล้วพอเวลาผ่านไป ความจริงเริ่มปรากฏ สุดท้ายทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป ผิดหวัง บ้าง เลิกรากันบ้างต่าง ๆ นานา www.kalyanamitra.org

72 พอได้แต่งงานกันจริง ๆ แล้วกลายเป็นครอบครัว มี ลูกมีเด้าก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่รักกันสุดชีวิต ต่างคนต่างเป็นแก้วตาดวงใจของกันและกัน เวลาผ่านไป 3 จ 5 ปี ผู้ชายบางคนเริ่มมีบ้านเล็กบ้านน้อย เกิดป็ญหาหย่าร้าง กันไปบ้าง เราลองไปถามคู่รักที่หย่าร้างกันไปแล้วสิว่า ในตอนต้น ที่ชอบพอกันนั้นเขารู้สีกอย่างไร เราจะได้เห็นตัวอย่างฉาก ชีวิตมากมายไปหมด ไว้เป็นคติสอนใจเราได้ว่า โลกไม่ได้เป็น สีชมพูอย่างที่เราคิดในตอนนี้ ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่เราต้องคิดทบหวน แล้วเราจะเริ่มมีสติไตร่ตรองมากขึ้น และเริ่มรู้จักควบคุมตนเองมากขึ้น อย่าหลงรักจนชาดสติ คิดอยากทำอะไรก็ทำตามใจตนเองไปหมด แต่เราควรรู้จัก ยับยั้งชั่งใจ เราถึงจะประคองตนเองรอดได้ www.kalyanamitra.org

73 เ^ ทนifJaiSan บางคู่ที่รักใคร่ขอบพอกัน แต่ยังไปคบคนอื่นไว้ เผื่อเลือก เพราะอาจจะคิดเข้าข้างตนเองว่า เรายังไม่ได้ แต่งงานกัน เรายังมีสิทธี้เลือกได้ อย่างนี้ไม่ถูกด้อง ๓เราคบหากันไนลักษณะเพื่อนฝูง เราสามารถมีเพื่อน ได้หลาย ๆ คน มีเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ หลาย ๆ คน แบบนี้ไม่มีปีญหา แต่ถ้าเราคบหาดูไจกับใคร แบบคู่รักแล้ว แต่ฃอมีแฟนหลาย ๆ คนไว้เผื่อเลือก อย่างนี้ ไม่ถูกต้อง เพราะพฤติกรรมของคนที่มีความพึงไจกัน ตกลง ปลงไจเป็นแฟนกันแล้ว คู่รักย่อมปฏิบัติต่อกันไม่เหมือน คนอื่น ดังนั้น ถ้ามีคนรักหลายคนไนเวลาเคียวกันย่อมไม่ดีแน่ ไม่ว่าจะเป็นขายหรือหญิงก็ตาม ถ้าคนที่เรากำลัง รักใคร่ขอบพอจนเพื่อน ๆ รับรู้กันแล้วว่าเป็นคู่รักกัน เขามี พฤติกรรมมีแฟนหลายคนไว้เผื่อเลือก ก็ไห้เราโบกมืออำลา เขาเสีย เพราะขนาดข่วงโปรโมชั้นยังไม่ทันแต่งงานกัน ซึ่ง ควรเป็นช่วงที่เขาเอาไจเรา ก็กลับมาเป็นอย่างนี้เสียแล้ว www.kalyanamitra.org

74 พอแต่งงานกันไปแล้วจะยิ่งไปกันใหญ่ เขาคงคบคน เผื่อสำรอง ตอนเราไม่สบายปวยไข้เป็นอะไรไป เขาจะได้ มีตัวสำรองไว้แทนที่เรา เขาก็คบเผื่อไปเรื่อย ๆ ไม่จบสิ้น เพราะฉะนั้น หาคนที่ซื่อตรงและรักเดียวใจเดียวกับเราดีทวา ร dniihiiijiTridUa คู่รักบางคู่ที่คบหาดูใจกันอยู่ แต่มีเหตุให้ต้องอยู่ห่าง ไกลกัน เข่น ไปทำงานต่างที่ต่างทางกัน บางเวลาก็อาจจะ มีคนใหม่ ๆ เข้ามาทำความรู้จักด้วย ทำ ให้จิตใจเอนเอียง จนมีสำนวนเกิดขึ้นว่า \"รักแท้แพ!กล้ขิด\" แล้วเราจะมีวิธี การทำใจหรือป้องกันแก้ไขอย่างไรดี ขั้นแรกเรามาพูดถึงการป้องกันแก้ไขก'อนซื่งคล้ายกับ กรณี \"ถูกมือคือเสียตัว\" ไม่เฉพาะแต่กับฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย ก็เข่นกัน ถ้ามีจุดเริ่มต้นแม้ลูเป็นเรื่องเล็ก ๆ เข่น เกิดความ รู้สิกองกับใครแล้วเราสานสัมพันธ์ต่อ ก็มีสิทธี้ที่จะลุกลาม เลยเถิด เพราะคนเรายังไม่หมดกิเลส จากไม้ขีดก้านเล็ก ๆ ก็อาจลุกลามกลายเป็นไฟกองใหญ่ไดีในที่สุด www.kalyanamitra.org

75 ถึงแม้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะนอกใจคู่รักเก่าของเรา แต่ สถานการณ์พาไป มันจะค่อย ๆ เลยเถิดไปเรื่อย ๆ โดยที่ ตัวเราอาจจะไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่มันเป็นเหมือน เกมที่สถานการณ์พาไป ตังนั้น ดีที่สุดคือการ \"ตัดไฟแต่ด้นลม\" อย่าให้เกิด กรณีอย่างนี้พยายามไมใปนัดแนะใครเป็นกรณ์พิเตษส่จนตัจ นัดหมายเจอกันในที่ลับอย่างนี้ไม่ดี สถานการณ์ใดที่อาจนัา ไปสู่ความสัมพันธ์ที่เลยเถิด เราควรหลีกเลี่ยง ไม่ทำอย่างนั้น กับใครทั้งสิ้น www.kalyanamitra.org

ในยุคปีจจุบันสามารถติดต่อกันได้ง่าย ตัวอยู่ไกลกัน แต่มีซ่องทางสื่อสารมากมาย ส่งข้อความผ่านซ่องทางการ ลือสารที่ไม่เสียค่าไข้จ่ายเลยก็ยังได้ หรือจะส่งรูปด้วยก็ได้ โทรศัพท์มือถือมีทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง เห็นหน้าตาได้ยิน เสียงกันได้ง่าย ๆ ทุกวัน คุยกันเข้าสายบ่ายคาก็ยังได้ อยู่ ไกลกันถืงต่างบ่ระเทศก็ไม่มือุบ่สรรคเรื่องระยะทาง สมัยก่อนอยู่ไกลกันคนละที่ ต้องเขียนจดหมาย 3 วันกว่าจะส่งถืง สมัยนี้สะดวกมากแค่ยกหูโทรศัพท์ก็คุยกั■น ได้แล้ว ตังบัน คู่รักแม้ที่อยู่ไกลกันจึงไม่มืข้อล้างแล้ว ขึ้น อยู่กับว่าเราจะมีความสำรวมในเรื่องนี้อย่างไรมากทว่า www.kalyanamitra.org

77 เลือกทจะ!Sfyfri3Fh}}r}uafivi0in^€rioUFiu auiaua ในปัจจุบันการแอสารมีความหลากหลาย ทั้งโทรศัพท์ เฟซบัก อีเมล หรือไลน์ คู'รักบางคู่ที่คบหาดูใจกัน ก็สามารถ ตรวจสอบเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายไต้จากสิ่งเหล่านี้ เพราะคิดว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่มีความลับอะไร เราก็สามารถตรวจสอบไต้ แต่บางคนคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ที่คู่รักควรจะเว้น ระยะห่างระหว่างกันบ้าง แต่ก็มีบางคนแย้งว่า ถ้าเราไม่ ตรวจสอบเลย ก็อาจจะเป็นการปล่อยให้อีกฝ่ายใช้เป็นซ่องทาง ในการนอกใจไต้ จริง ๆ แล้วในแง่ของตัวเราต้องมีความซื่อสัตย์ต่อ คู่ครองของเรา เพราะฉะนั้น การไปติดต่อกับคนอื่นในเซิง ชู้สาวนั้นควรหลีกเลี่ยง ถ้าอีกฝ่ายรู้ก็จะกระทบกระเทือน นั้าใจกัน แต่ในแง'ของอีกฝ่ายหนึ่ง เราควรให้เกียรติเขา ไม่คอยตามเซ็กเรื่องส่วนตัวเขาเหมือนกับว่าตนเองเป็นสายลับ เราควรควบคุมตนเองและให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่งต้วย ถ้าทั้ง สองฝ่ายทำไต้อย่างนี้ความรักก็จะราบรื่น www.kalyanamitra.org

ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมัวแต่ตามเซ็กเรื่องส่วนตัวของ อีกฝ่าย ก็มักจะมีเรื่องยุ่งเกิดขึ้นตามมามากกว่าผลดี เพราะ ดนเรานั้นยังไม่สมบูรณ์ อาจจะมีบ้างที่เผลอไผลแต่ไม่โซ่ เรื่องใหญ่โตอะไร แต่พอเรารู้เข้าก็กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ ขึ้นมาทันที เรื่องที่ว่าไม่เป็นเรื่อง ก็กลับเป็นเรื่องขึ้นมา เพราะฉะนั้น เราควรควบคุมตนเองและให้เกียรติอีกฝ่าย ด้วยดีกว่า ขท1นยข1จ1ตย0หรอจ่ะย^ทนพยขร ฟ้ญหาชีวิตคู'นั้นมีมากมาย เป็นไปได้ไหมว่าเราจะ ครองกายครองใจของเราให้อยู่ตัวคนเดียว รักตนเองได้ก็จะ สบายใจที่สุด แต่ครั้นจะขวนให้มาบวซกันหมดก็จะรับกัน ไม่ได้ เอาเป็นว่าถ้าจะอยู่ครองเรือน ก็ขอให้รักเดียวใจเดียว และขื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิตของเราเป็นดีที่สุด www.kalyanamitra.org

79 ท11จ0ท11ปีท์\\10แ091ปี1เฒ่ฆJvหฆี hvffm'b'Vfioiyum uroamriifiom liaiu fotiih m^nmi 1;^ ฯ)ริ]/ivnsflvs-j M'^vs^vgoms\" www.kalyanamitra.org

EO แต่ถ้าใครคิดแล้วว่า การมีคู่ครองนั้นท่าทางจะยาก คิดแล้วว่าเสี่ยงเกินไป ผ่านไปกี่ราย ๆ ก็มีป้ญหา เราได้เห็น ตัวอย่างมามากตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่แล้ว ไม่เอาดีกว่า ถ้าไม่ อยากปวดหัวก็เลือกอยู่เป็นโสดดีกว่า เมื่อเรารับผิดขอบตนเองได้ เมื่อไม่มีภาระครอบครัว ก็มีเวลามากขึ้น เราก[ซ้เวลาเข้าวัดปฎิบ้ตธรรม ไม่ต้องกลัว ใครเขาจะนินทา เพราะปีจจุบันการอยู่ครองตนเป็นโสดนั้น ลือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว การอยู่เป็นโสดก็สบายใจดี ชีวิตมีอิสระเสรี ไม่ต้อง ห่วงว่าแก่เฒ่าไปจะไม่มีใครดูแล เพราะลืงคนที่มีลูกแล้ร จริง ๆ พอลืงดราวแก่เฒ่าลูกหลานก็ไม่ได้มาดูแลอะไรมาก บางที ลูกไปมีครอบครัวแล้วยังเอาหลานกลับมาให้พ่อแม่เลี้ยงดูอีก เพราะฉะนั้น ถ้าเราวางแผนชีวิตไว้ดี เราจะสามารถ รับผิดชอบชีวิตตนเองได้ กนท}/flimxwfflnnfoifKiiiisiiiloflm nunonwifviกนก์ กน}ทต111)1ท1ก้ www.kalyanamitra.org

ล สรุปว่า \"สืล\" คือตัวกำหนดการกระทำของเรา เพราะคืลเป็นหลักเบื้องต้น และเป็นปอเกิดแห่งคุณงามความดี ทั้งหลาย รวมไปถึงเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวงด้วย ในเรื่องของการคบหาดูใจกันก่อนแต่งงานนั้น คืลฃ้อ ที่สำ คัญที่สุด คือคืลฃ้อ 3 และสืงที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เรา ใม่ทำผิดคืลข้อ 3 คือ \"ยับยั้งชั่งใจ\" ซึ่งใม่ยากเลย เพียง เราหมั่นฟ้กฝนอบรมตนเองจนกลายเป็นความเคยชิน เกิด เป็นการกระทำที่เป็นปกตินิสัยใด้ในที่สุด www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

^2 คำ ว่า \"อารมณ์ชั่ววูบ\" คือช่วง อารมณ์ที่คนเราโกรธหรือเสียใจมาก จน กระทั่งอารมณ์ขึ้นมาอยู่เหนือเหตุผล แล้ว เราจะมีวิธีการไซ้\"อารมณ์\" กับ \"เหตุผล\" 'XSMM- --- s อย่างไรให้เกิดประโยชน์และเกิดโทษน้อย ที่สุด เวลาใดที่เราควรใช้อารมณ์ และเวลาใด ที่เราควรใซ้เหตุผล เมื่อเราโกรธหรือเสียใจ อารมณ์มัก จะอยู่เหนือเหตุผล เมื่อเราต้องคิดวางแผน swiiii.:' เหตุผลมักจะอยู่เหนืออารมณ์ แล้วจะมี หลักการใดที่ทำให้เราสามารถใช้เหตุผลและ อารมณ์ให้!ต้ดีและเหมาะลมที่สด ?'■รุ! •'น^\" ? • s s '/:;^รุ: - •- ^ ;:รุ '^!'!.'\"!รุ'':'.\" :ไ www.kalyanamitra.org

^4 กน อ^น่ปี^ฬานทนเธนย่เป จรนหปีอ จริง ๆ แล้วบางครั้งอารมณ์ก็สามารถส่งเสริมเหตุผล ได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเรื่องราวสมัยพุทธกาล พระสารีบุตร เดิมก่อนบวฃท่านซื่อว่า \"อุปติสสะ\" ท่านมาพบพระพุทธ- ศาสนาโดยเห็น \"พระกัสสชิ\" ซึ่งเป็นหนึ่งในปีญจวัคคีย์ พระอรหันตรุ่นแรกสุดในพระพุทธศาสนา วันหนึ่งพระอัสสชิเดินบิณฑบาตในเมือง ขณะนั้นยัง มืพระสงฆ์น้อยมาก ผู้คนยังไม่ค่อยรู้จักพระพุทธศาสนามาก นัก อุปดิสสะเห็นบุคลิกของพระอัสสชิก็รู้สีกว่า สมณะรูปนี้ สงบเสงี่ยม มืผิวพรรณวรรณะผ่องใส หากจะมืพระอรหันต์ ในโลกแล้ว สมณะรูปนี้ด้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน อุปติสสะรอจนพระอัสสชิบิณฑบาตเสร็จ พอท่าน นั่งลงจะฉันภัตตาหาร อุปดิสสะก็จัดเตรียมที่นั่งให้ แล้วถวาย นํ้าดื่มนั้าใช้ พอพระอัสสชิหัาภารกิจเสร็จ อุปดิสสะจึงได้ กราบเรียนถามท่านว่า www.kalyanamitra.org

^5 \"อนทรียจองท่านผ่องใสยิ่งนัก ผิวพรรณวรรณะ ก็ผุดผ่อง ท่านออกบวชเฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาของ ท่าน ท่านชอบใจธรรมของใคร ศาสดาชองท่านกล่าวสอน อย่างไร\" พระอ้สสชิซึ่งเป็นพระอรหันต์แล้ว ตอบว่า \"พระ มหาสมณะโคดมผู้เสด็จออกบวชจากศากยตระกูลบั้นมี อยู่ ข้าพเจ้าออกบวชเฉพาะพระผู้มีพระภาคพระองต์บั้น พระองค์เป็นศาสดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าชอบใจธรรม ของพระองค์ ข้าพเจ้าเป็นผู้ใหม่อยู่ เพิ่งบวชในพระธรรม- วนัยนี้ไม่นาน เพราะฉะบั้น จะขอแสดงธรรมแก่ท่านโดยย่อ ธรรม เหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรม เหล่าบั้น และความดับแห่งธรรมเหล่าบั้น พระมหาสมณะ มีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้\" www.kalyanamitra.org

^6 เมื่ออุปติสสะฟ้งจบก็บรรลุธรรม ได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบนทันที พวกเราได้ฟ้งอย่างนี้แล้วบรรลุธรรม หรือไม่ ตอบว่า \"ยัง\" ใช่หรือไม่ ทำ ไมอุปติสสะฟิงแล้วจึง บรรลุธรรมเป็นโสดาบันในทันที ส่วนหนึ่งคืออุปติสสะสั่งสม บารมีมามาก แต่อีกส่วนหนึ่งที่มีนํ้าหนักมากพอสมควร คือ อารมณ์ความรูสีกที่เกิดความเลื่อมใสศรัทธานั่นเอง พออุปติสสะได้เห็นบุคลิกลักษณะของพระอัสสซิแล้ว เกิดความศรัทธาทำให1จเปีด เพราะฉะนั้น คำ พูดที่กล่าวโดย ผู้ที่เรามีดวามเลื่อมใสศรัทธา กับคำพูดที่กล่าวโดยคนทั่วไป แม้เป็นคำพูดเดียวกัน แต่มีนั้าหนักต่างกัน ในกรณีนี้คือ \"อารมณ์เสริมเหตุผล\" อุปติสสะเป็น ผู้มีเหตุผลมาก ภายหลังท่านออกบวฃได้เป็นพระสารีบุตร อัครสาวกเนี้องขวาของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า และเป็นผู้เลิศ ทางฟ้ญญา แสดงว่า ท่านเป็นผู้มีเหตุผลนั้นหนึ่งรองจาก www.kalyanamitra.org

พระสัมมาส้มพุทธเจ้าเลยทีเดียว แต่กระนั้นอารมณ์ความ เสีกก็ยังมีผลเสริมส่งทำให้เกิดศรัทธา พอเกิดศรัทธาแล้วได้ ฟ้งธรรมสัน ๆ จึงบรรลุธรรมทันที ถ้าเราตอกยํ้าใจตนเองให้หนักแน่น มีศรัทธาขนาด พระสารีบุตร ไม่แน่พอเราได้ฟ้งธรรมเมื่อใด ธรรมนั้นจะไป อยู่ในใจของเรา ทำ ให้[จเราหยุดนิ่ง ใจสงบจนสามารถบรรลุ ธรรมได้เหมือนกัน ในบางกรณีอารมณ์ก็เป็นเครื่องเสริมเหตุผล แต่ใน บางกรณีอารมณ์กับเหตุผลก็ฃัดแย้งกัน เข่น เหตุผลมืว่าเรา ไม่ควรออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่และควรทำการบ้านให้เสร็จ แต่ อารมณ์กลับบอกว่าฃี้เกิยจ อยากจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน www.kalyanamitra.org

iiJafiUi3iriะlBาะภีนยisurifijrrtjiQ^'iiiijB rfVafjiiB ถ้าคนเราไมใสัเกิดอารมณ์รุนแรงใส่กัน ก็คงไม่เรียกว่า ทะเลาะกัน เข่น อีกฝ่ายกำลังชุนเฉียวใส่อารมณ์ แต่อีกฝ่าย กลับนิงแล้วคดตรีกตรองตาม แยกแยะเหตุผลอย่างละเอียด ฝ่ายที่กำลังชุนเฉียวคงหมดอารมณ์ด่าทอต่อไป 'ยกตัวอย่าง อีกฝ่ายชุนเฉียวดุด่าออกไปว่า ลูกพ่อ แม่ไม่ส์งสอน ส่วนอีกฝ่ายไม่ด่าตอบ แต่กลับคิดย้อนตามถึง วัยเด็กของตนเองว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ก็มืบางเรื่องที่ พ่อแม่สั่งสอนเรา แต่บางเรื่องท่านก็ไม่ไตัสอนเราเลยจริง ๆ ต้องขอบคุณเขาที่ข่วยตักเตือน เราต้องระมัดระวังตนเองให้ มากขึ้นว่า สิงใดที่ท่านยังไม่ไต้สอน แล้วเขาข่วยตักเตือนก็ ต้องขอบคุณเขา ถ้าเป็นอย่างนี้ฝ่ายที่กำลังด่าคงหมดอารมณ์ โกรธไปเลย www.kalyanamitra.org

การที่คนเราจะทะเลาะกันได้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็น แบบหนึ่งมาสองไป ต่อปากต่อคำกันไปเรื่อย แต่ถ้าเราใช้ เหตุผลขึ้นมาเมื่อใด อารมณโกรธก็จะค่อย ๆ เบาบางลง ไปเอง เหมือนกับเวลาคนเราทำผิดสืล เซ่น ดื่มสุราหรือฆ่า สัตว์ ก็เป็นเพราะว่าเราใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล นั้นคือ เกิดอารมณ์ความอยากนั้นเอง www.kalyanamitra.org

90 อารมณ์มีหลายรูปแบบ อารมณ์ทางบวก เซ่น อยาก ทำ ความดี และอารมณ์ทางลบ ที่เราปล่อยให้กิเลสจูงไปทำ เรื่องผิดสืลธรรม ไปข้องเกี่ยวกับอบายมุข เป็นต้น ถ้าอารมณ์ความอยากรุนแรง มันก็จูงเราไปทำสิ่ง ไม่ดีมากมาย จนกระทั่งสตที่คอยเหนี่ยวรั้งใจเรานั้นสู้ไม่ไต้ ใจถูกดีงจนเตลิดไป ฝ่ายเหตุผลก็ยกธงขาวยอมแพ้ แล้วให้ อารมณ์จูงไปเรื่อยเป็อยจนเกิดความเลิยหายตๆมมา www.kalyanamitra.org

diiuuปีซ่ทนนเหq jf)}อนายๆขนru ถ้าตั้งแต่เริ่มต้นเรามัวแต่คิดว่า เราจะดำเนินชีวิตแบบ เหตุผลนำอารมณ์ ก็อาจจะรู้สีกแนใจเกินไป ถ้าเครียดเกิน ไปจะทำให้เรารู้สึกว่า ทำ อะไรตามใจตนเองไม่ได้เลย ต้อง ไข้เหตุผลทุกอย่าง เหมือนกับว่าเราต้อง13นใจตลอดเวลา เพราะคนเราโดยทั่วไปนั้นอารมณ์จะนำเหตุผล แต่ให้เรา ค่อย ๆ ทำ แบบสบาย ๆ มืสติในการคิด พูด ทำ สิงถูกต้อง ให้มากขี้น ค่อย ๆ \"ฝืกจะทำไดไปเอง กลายเป็นปกติธรรมคา ในที่สุด ให้ลองดูชีวิตของเด็กนักเรียนที่เรียนเก่งระดับทีม'ชาติ เปรียบเทียบกับเด็กนักเรียนท้ายห้องที่เรียนได้ทีโหล่ ตกข้า ขั้นอยู่เสมอ ๆ แล้วเราจะพบว่า มืความแตกต่าง คนที่เรียนไม่ดีตก ๆ หล่น ๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็น คนที่ไม่ใสใจการเรียน เซ่น โดดเรียนบ้าง ไม่ทำการบ้านบ้าง หนั!ปเล่นเกมบ้าง เที่ยวเตร่เฮฮากับเพื่อน ๆ บ้าง นอนดึก ตื่นเข้าก็ง่วงตื่นไมไหวบ้าง พอเข้าเรียนก็นั้งหลับบ้าง การเรียน จึงไม่ดี ถามว่า ชีวิตแบบนี้ที่ได้ทำตามใจตนเองนั้นมืสึลัน หรือไม่ ถ้าเปรียบเทียบกับชีวิตของคนที่เรียนดีและเข้าเรียน ก่อนเวลาเสมอ ๆ www.kalyanamitra.org

92 สมัยที่อาตมภาพเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมสืกษา ไปโรงเรียนแต่ละวัน ต้องออกจาก'บานแต่เช้า เพราะบ้าน อยู่ไกล ถ้าออกจากบ้านสายก็ต้องเจอรถติด เพราะฉะ'นั้น ประมาณ 6 โมงเช้า ฟ้าเริ่มสางก็ออกจากบ้านแล้ว ขึ้น รถเมล์วิ่งฉิวรู้สีกสบายใจ อากาศเย็น ๆ ถนนโล่ง แค่คริ่ง ชั่วโมง ราว 6 โมงคริ่งก็ถึงโรงเรียนแล้ว เราว่าตนเองมาเช้าแล้วนะ พอเดินเช้าโรงเรียนไป ปรากฏว่า มีคนอื่นมาถึงก่อนไม่น้อยเลย ห้องสมุดก็ยังไม่ เปิด ห้องเรียนก็ยังไม่เปิด จึงไปนั้งที่อัฒจันทร์สนามกีางา นั้งดูหนังสือกันเป็นแถว ๆ นี่คือเด็กที่ตั้งใจเรียน พอเลิกเรียนหลายคนเล่นกีางา บ้างเล่นบาสเกตบอล บ้างเล่นวอลเล่ย์บอล บ้างเล่น'ฬุตบอล หรีอวิ่งแข่งแล้วแต่ ว่าใครชอบอะไร แล้วก็กลับบ้านอาบนั้า ทำ การบ้าน อ่าน หนังสือ รุ่งเช้าก็ตื่นมาเรียนหนังสือกันใหม่ www.kalyanamitra.org

93 ถ้าถามว่า ชีวิตแบบนี้เป็นฃีวิตที่มีเหตุผลมากเกินไป หรือไม่ เครียดเกินไปหรือไม่ถ้าเทียบกับเด็กที่เรืยนตก ๆ หล่น ๆ ถ้าเราพิจารณาลูดี ๆ จะพบว่า ชีวิตของเด็กทื่ เรียนดี และทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระบบระเบียบ กลับ เป็นชีวิตที่มีความสุขมากกว่า ให้เราลองสังเกตดูใบหน้าของเด็กเรียนดี ส่วนใหญ่ เขาจะมีใบหน้าที่เบิกบาน มีแววตาที่สุกใส มีความมั่นใจใน ตนเอง เพราะเขามองไปข้างหน้าก็เห็นอนาคตที่งดงามรออยู่ ^แต่เด็กที่ทำอะไรตามใจตนเอง โดดเรียนปอย ๆ พอสอบก็ ทำ ไม่ได้ คุณครูถามอะไรก็ตอบไม่ได้ มันก็เศร้าเซีง แล้วพอ เกรดออกมาตํ่า ๆ ก็ยิ่งทำให้โม่อยากเรียนไปกันใหญ่ เพราะ เรียนแล้วไม่รู้เรื่องจึงเตลิดไปตามใจตนเอง กลับมีชีวิตที่ไม่มี ความสข {ไห ,■'^น www.kalyanamitra.org 9พ{)01

94 ถ้าเรามองไปถึงเนื้อแท'จริง ๆ แล้วจะพบว่า การทำ สิงที่ควรทำนั้นเป็นเรื่องที่ดี ในชีวิตของคนเราที่ทำทุกอย่าง ได้อย่างถูกต้องนั้น ไม่ใช่เป็นการดำเนินชีวิตต้วยเหตุผลซึ่ง ด้านกับอารมถป้ แต่เป็นการดำเนินชีวิตด้วยเหตุผลกับอารมถ5 ที่ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เฉพาะช่วงวัยเรียน แม้จะเป็นช่วงวัยทำงานก็ทำนอง เดียวกัน เปรียบเทียบระหว่างคนที่ทำตามใจตนเอง ไปมี บ้านเล็กบ้านน้อยเต็มไปหมด เขาต้องคอยหลบช่อนไมให้รถไฟ ซนกัน ต้องคอยปกปิดชุกช่อนความผิดนื้ไว้ เก็บโทรศัพทํ มีอถือไว้ข้างกายตลอดเวลา เพราะกลัวว่าภรรยาอาจจะไป เจอความลับอะไรในนั้น ถามว่า ชีวิตอย่างนื้มีความสุขหรือไม่ สู้คนที่รักเดียว ใจเดียว รับผิดขอบครอบครัว ดูแลทุกอย่างไต้ดี กลับมีชีวิต ที่มีความสุขมากกว่า เพราะเขาไม่ยอมทำตามอำนาจกิเลส นั่นเอง www.kalyanamitra.org

95 I คนที่มีความสุขกับความรับผิดฃอบของตนเอง ได้ เห็นภรรยามีความสุข ตนเองก็มีความสุขไปด้วย ได้เห็นลูก ยิ้มแย้มแจ่มใส ตนเองก็มีความสุขไปด้วย รู้สึกว่าเราได้ทำ หน้าที่สามีที่ดี ทำ หน้าที่ของพ่อที่ดี อย่างนี้ดีกว่า เพราะทั้ง อารมณ์ ความรู้สึก และเหตุผลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ^ เพราะฉะนั้น เราอย่ามองอะไรผ่าน ๆ ทำ ตามอารมณ์ เพยงเพราะรู้สึกว่าน่าจะสนุกดี คนที่มีเหตุผลมันเครียดเกินไป ในความเป็นจริงมันกลับตาลป้ตร ผู้ที่ด้าเนินชีวิตอย่างมีเหตุ มีผล คือคบที่มีความสุขในชีวิต แล้วเป็นความสุฃที่ \"อารมณ์ กับเหตุผลไปด้วยกัน\" www.kalyanamitra.org

96 โ)1ท^1ยน^]ทหอาน1'ท1ปีนฅนน1หดฺ(/)}อ1นท13[ท31} สำ คัญที่สุดคือพ่อเฌ่ต้องมีเหตุผลก่อน ถ้าเราอยากให้ ลูกเป็นคนมีเหตุผล แต่เราเป็นคนเจ้าอารมณ์ ที่งดุด่าทั้งลง ไม้เรียวกับลูก แล้วเขาจะเติบโตมาเป็นคนมีเหตุผลได้อย่างไร »ลูกจะกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ เพราะได้รับอิทธิพลมาจากพ่อ แมโดยตรง เพราะฉะนั้น ถ้าพ่อแม่ต้องการให้ลูกเป็นอย่างไร ตนเองต้องผึเกเป็นอย่างนั้นก่อน โดยมีหลักง่าย ๆ ว่า เวลา ที่เราโกรธเพราะเสีกว่าลูกทำอะไรบางอย่างขัดใจเรา อย่าพูด สอนลูกในขณะนั้นทันที เพราะตอนนั้นเราจะมีอารมณ์เจือปน แล้วลูกกีจะสัมผัสได้ว่า พ่อแม่กำลังโกรธเขาอยู่ เขาอาจจะ ไม่กล้าเถียง แต่เขาจะไม่มีสมาธิฟ้งสิงที่พ่อแม่กำลังพูดสอน เพราะเขาจะมัวแต่พะวงอารมณ์ของพ่อแม่ พ่อแม่ควรรอให้ความรัสึกโกรธของตนเองคลายลง แล้วจืงอบรมสั่งสอนลูกถีงสิ่งที่ลูกทำผิด พูดสื่อสารกับลูกออก ไปด้วยความรัก ความปรารถนาดี และเลือกคำพูดที่ผ่าน การไตร่ตรองมาแล้วอย่างดี www.kalyanamitra.org

97 พ่อแม่ที่กำลังโกรธคิดว่าลูกทำผิดแล้วจะสังสอนเขา ทันที จริง ๆ แล้วเป็นการสนองอารมถรโกรธของพ่อแม่ให้ ตนเองได้ระบายมากกว่า เพราะฉะนั้น เมื่อใดที่กำลังมีอารมณ์ โกรธให้เราเก็บไว้ก่อน รอให้อารมณ์Iกรธจางลง แล้วจึงพูด สอนโดยการชี้แจงเหตุผลให้ลูกฟ้ง ล้าลูกมีคำถาม พ่อแม่ควร!)กตนเองให้ตอบคำถาม ลูกให้ได้ ไมใช่พอตอบไม่ใด้ก็ทันไปดุลูกว่า อย่าพูดมากให้ ทำ ตามก็พอ อย่างนึ้1ม่ถูกด้อง ล้าด้องการให้ลูกมีเหตุผล แต่ ตนเองยังหาเหตุผลมาตอบคำถามลูกไม่ได้ การสอนนี้ก็จะไม่ ประสบความสำเร็จ ล้าพ่อเฌ่ด้องการให้ลูกเป็นคนมีเหตุผล พ่อแม่ก็ควร ตรึกตรองคำถามที่ลูกอาจจะสงลัยก่อน แต่ถ้าลูกถามเรื่องที่ www.kalyanamitra.org

เราปีกไม่ถึงและยังหาคำตอบไม่ได้ ก็อย่าไปปีกเสียหน้า แต่ ให้บอกลูกไปตามตรงว่า คำ ถามนี้สีกซึ้งมาก พ่อแม่ขอเวลา ไปหาคำตอบก่อน พอได้คำตอบแล้วจะมาตอบลูกทันที ผู้ที่ตอบคำถามได้ทุกเรื่องมแต่พระสัมมาล้มพุทรเจ้า เท่านั้น เพราะทรงมีพระสัพพัญญตญาณแทงตลอดในสรรพ- สิงทั้งปวง ^เราเป็นพ่อเฌ่มีหัวใจขยายกว้างเต็มเ!เยมไปด้วย ความรักและความเมตตาต่อลูก พอลูกถามอะไรที่เรายังตอบ ไม่ได้ ก็อาจดงลูกเข้ามากอดแล้วบอกไปว่า พ่อแม่ขอไปหา ข้อมูลก่อน พอได้ข้อมูลแล้วจะรีบมาตอบลูกทันที ลูกก็จะ รู้สึกว่า พ่อแม่รักและใสใจเขา หัวใจลูกก็จะอิ่มเอิบท่วมทัน ไปด้วยความรักและความปรารถนาดีของพ่อแม่ www.kalyanamitra.org

99 nh'Ah(m{ปีน)kmmm ; mvsniimum imi::lmiim {mD)igv^yd^mvmohm www.kalyanamitra.org