๑๐๐ นิทานชาดกเล่มหก เนอทๆปีๆดก ในอดีตกาล ลฝัยเมึ่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบ้ติ ณ กรุงพาราณสี คราว\"หนึ่ง มีงาน■นกขัตฤกษ์ประจำปี พ่อลูกสองคน ซึ่งเป็น'นกเป่าสังข์ ได้พากันมาแสดงการเป่าสังข์ในงานนี้ด้วย สองพ่อลูกเป่าสังข์เป็นเพสงไดีใพเราะจับใจมาก ไม่ว่า จะเป็นเพสง'ช้า เพสงแว เพสงใหม่ เพสงเก่าอย่างไร 'ทั้งสองก็เป่าได้ ถูกอกถูกใจคนฟังยิ่ง'นัก ทั้งยังร่ายรำ 'คำท่าตามจังหวะเพสงได้อย่าง เหมาะเจาะ ทำ ใ'หผู้ฟังส'เรุกสนานเพลิดเพลินไปด้วยกันอย่างเต็มที่ คนที่มาเที่ยวงานต่างมุงฟังเสียงสังข์ของสองพ่อลูกอย่าง แน่นขนัด 'ดุกครั้งที่เสียงสังข์หยุดสง ก็จะไดยินเสียงปรบมีอแสะ เสียงเงินเหรียญที่คนฟังหย่อนไต่ถูงไ'หทั้งสองพ่อลูก ยิ่งมีคนฟังมาก ก็ได้เงินมาก เขาก็ยิ่งคfมอกคทึ้เไจ เป่าสังข์ได้สนุกสนานคfนเครง ยิ่งขึ้นไปอีก สองพ่อลูกเป่าสังข์จนกระทั่งงานเลิกแล้ว จึงพากันเดิน สัดเสาะมาตามขายป่าเพื่อกสับบ้าน ขณะที่กำสังเดินอยู่ทั้น ผู้เป็น พ่อเสึกคขึ้มอกคขึ้มไจ จึงหยิบสังข์ขึ้นมาเป่าทำนองที่ไข้ประกอบการ เสด็จของเจ้านายชนสูง ลูกขายก็ไม่ว่าอะไร ได้แต่เดินเคียงข้าง ไปเรื่อย ๆ หสังจากเป่าทำนองขบวนเสด็จกองเกียรติยศไปได้ระยะหนึ่ง เขาก็เป่าสังข์เป็นทำนองสนุกสนานคขึ้นเครง ตามจังหวะเพสงที่ กำ สังนิยมกัน ลูกขายจึงเขย่าแขนพ่อแล้วเตือนขึ้นทันที
๑0๒ นิทานชาดกเล่มหก \"พ่อ...พ่อ...!!! เปาเพลงอะไรน่ะ หยุดเถอะ\" แต่ผู้เป็นพ่อกลับเบี่ยงตัวหลบ แล้วเป่าลังข์ต่ออย่างคfมใจ แม้ลูกชายจะท้วงติงอย่างไร ก็ไม'สนใจฟัง ฝ่ายพวกโจรซึ่งอยู่ในป่า ไดยินเลียงเป่าสังข์ในตอนแรก ก็ช่อนตัวเงียบอยู่ เพราะคิดว่ามีขบวนเสด็จผ่านมา แต่เมื่อฟังไป เรื่อย ๆ ทำ นองเพลงสังข์กลับเปลี่ยนไปไม่ใช่ขบวนเสด็จเลียแล้ว ก็แปลกใจ ครั้นออกจากที่ช่อน เห็นสองพ่อลูกกำลังเป่าสังข์อยู่ก็โกรธ จึงพาก้นกแข้ามารุมตีสองพ่อลูก แล้วชิงเงินทั้งหมดไป เมื่อโจรไปหมดแล้ว ลูกชายได้พยุงพ่อให้ลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า \"พ่ออยากเปาสังข์ก็เปาไปเถิด แต่ไม่น่าเปาเกินประมาณ อย่างนี้ เราอุตส่าห์เปาสังขํได้ทรัพย์มา แต่พ'อกสับเปาสังข์พรำเพรื่อ เลยเปาเอาทรัพย์ไปแท้ๆ ทีเดียว\" จากนน ทั้งสองคนพ่อลูกก็พากันเดินโชชัดโชเชกลับม้าน ด้วยความทุลักทุเล 1|9ะซุมซๆดก เมื่อพระบรมศาสดาทรงแสดงชาดกจบแล้ว ทรงประชุม ชาดกว่า ได้มาเป็นพระภิกษุผู้ว่ายาก บิดา ดูกยาย ได้มาเป็นพระองค์เอง
นิทานชาดกเล่มหก ๑๐๓ ฟ้อคิดจากขาดก ๑. ผู้ใหญ่ทั้งหลาย ควรรับฟังความคิดเห็น คำ ท้วงติงของ เด็กบ้าง อย่าถือว่าตนเองผ่านโลกมามากกว่า เพราะใดยทั้วไป คนเรามักมองไม่ค่อยเห็นความผิดของตัวเอง ต้องให้คนอื่นช่วยบอกให้ ๒. ผู้ใหญ่ดื้อ แก้ยาก เหมือนไม้แก่ตัดยาก บางคนไม่รู้ ด้วยซํ้าว่าตัวเป็นคนหัวดื้อ บางคนรู้ตัวว่าเป็นคนดื้อรน อยากแก้ใขตัวเองเหมือนกัน แต่ก็มืทิฎฐจัดใครเตือนก็ใกร^ไม่ยอมรับ อย่างนี้ด้องแก่ไขตัวเอง โดยหมั่นนั่งสมาธิม่าก ๆ สำ รวจตัวเองทุกวันว่า มืข้อบกพร่องอะไร แล้วพยายามแก่ไขตัวเองไปเรื่อย ๆ ๓. ลูกที่เห็นว่า พ่อ แม่ ดื้อรั้นในบางเรื่อง เมื่ออยากจะ ตักเตือนต้องฉลาดหาอุบายที่เหมาะสม อย่าผลีผลามพูดจาว่ากล่าว โดยไม่ดูกาลเทศะ และต้องรู้จักขัดเกลาสำนวนให็ไพเราะ มิฉะนั่น จะกลายเป็นลบหลู่พ่อแม่ไป
๑o(ร: นิทานชาดกเล่มหก อรบๆยฟั'ฬท์ (ลังขธมนชาดก อ่านว่า ลัง-ขะ-ทะ-มะ-นะ-ขา-ดก) สังซรมน คนเป๋าสังข์ บระคๆถๆ'ชระจํๆซๆดก ธเม ธเม นาติธเม อติธนุตํ หิ ปาปกํ ธนฺเตนาธิคตา โภคา เต ตาโต วิธมี ธมํ ควรเป๋าสังข์ ควรเป๋าสังข์ แต่ไม่ควรเป๋าเกินไป การเป๋าเกินไปไม่ดี เป๋าสังข์ได้ทรัพย์มาแล้ว พ่อกสับกระหน่าเป๋าเสียจนทรัพย์หายไปหมด
\"นิทานซาดกคือคำสอนแบบเล่านิทานคติธรรม คำ ว่า ซาตกหรือซาดกแปลว่า ผู้เกิด คือเล่าถึงการที่พระพุทธเจ้า ทรงเวียนว่ายตายเกิด ถึอเอากำเนิดในซาติต่าง'^ ได้พบปะ ผจญกับเหตุการณ์ดีบ้างชั่วบ้าง แตกได้พยายามทำความดี ติดต่อกันมากบ้างน้อยบ้างตลอดมา จนเป็นพระพุทธเจ้า โนซาติสุดท้าย กล่าวอีกอย่างหนึ่ง จะถือว่านิทานซาดก เป็นวิวัฒนาการ แห่งการบำเพ็ญคุณงามความดีของ พระพุทธเจ้า ตั้งแต่ยัง เป็นพระโพธิส์'ตว์อยู่ก็ได้ ลาระสำคัญจึงอยู่ที่คุณงามความดี และอยู่ที่คติธรรมในนิทาน\" จาก พระไตรปีฎกฉบับสำหรับประซาชน
วิรีแกสมาธิเบื้องด้น สมาริ คือความสงบ สบาย และ เกร็ง แต่อย่าให้หลังโค้งงอ หลับดาพอ ความรู้สิกเป็นสุขอย่างยิ่งที่มนุนย์ สบายคล้ายกับกำลังพักผ่อนไม่บีบกล้าม สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง เป็นสิง เนี้อตาหรือว่าขมวดคิ้ว แล้วตั้งใจมั่น ที่พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้เป็นข้อ วางอารมถง์สบาย สร้างความรู้สิกให้ ควรปฏิบัติเพื่อการดำรงชีวิตทุกวันอย่าง พร้อมทั้งกายและใจ ว่ากำลังจะเข้าไป เป็นสุข ไม่ประมาท เต็มไปด้วยสติสิ'ม- ปซัญญะ และปัญญา อันเป็นเรื่องไม่ ส่ภาวะแห่งความสงบสบายอย่างยิ่ง เหลือวิสิ'ย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ ๔. นีกกำหนตนีมิต เป็น \"ตวงแก้ว ดังวิธีปฏิบัติที่ พระเดชพระคุณพระ กลมใส\" ขนาดเท่าแก้วตาดำ ใสสนิท มงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงพ่อ ปราศจากราคี หรือรอยตำหนิใตๆ ขาว วัดปากนํ้าภาษีเจริญได้เมตตาสิ'งสอน ใสเย็นตาเย็นใจ ดังประกายของดวงตาว ไว้ดังนี้ ตวงแก้วกสมใสนี้เรียกว่า บริกรรมนิมิต 0. กราบบูชาพระรัตนตรัย เป็น การเตรียมดัวเตริยมใจให้นุ่มนวลไว้เป็น นึกสบายๆ นึกเหมือนตวงแก้วนั้นมา เบื้องด้น แล้วสมาทานคืลห้าหริอคืล นิ่งสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด นึกไปภาวนาไปอย่างนุ่มนวลเป็นพุทธา แปดเพื่อยํ้าความมั่นคงในคุณธรรมของ นุสดีว่า \"สัมมาอะระหัง\" หรือคอยๆ ตนเอง น้อมนึกดวงแก้ว กลมใสให้ค่อยๆ เคลื่อน เข้าฝูศูนย์กลางกายตามแนวฐาน โดย ๒. คุกเข่าหรือนั่งพับเพียบสบายๆ เรื่มด้นตั้งแต่ฐานที่หนิ่งเป็นด้นไป น้อม ระลึกถึงความดี ที่ได้กระทำแล้วใน ด้วยการนึกอย่างสบายๆ ใจเย็นๆ ไป วันนี้ ในอดีต และที่ตั้งใจจะทำต่อไป ในอนาคตจนราวกับว่าร่างกายทั้งหมด พร้อมๆ กับคำภาวนา อนิ่ง เมี่อนึมืตดวงใส แสะกลมสนึท ประกอบขึ้นด้วยธาตุแห่งคุณงามความ ปรากฏแล้ว ณ กลางกาย ให้วางอารมเน์ ดีล้วนๆ สบายๆ กับนึมืดนั้น จนเหมือนกับว่า ๓. นั่งขัตสมาริ เท้าขวาทับเท้า ดวงนึมืตเป็นส่วนหนิ่งของอารมถง์ หาก ซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นี้วซื้ขวาจรด ดวงนึมืตนั้นอันตรธานหายไป ก็ไม่ด้อง นึกเสืยดาย ให้วางอารมเนสบายแล้ว หัวแม่มือซ้าย นั่งให้อยู่ในจังหวะพอดี นึกนึมืตนั้นขึ้นมาใหม่แทนดวงเก่า หรือ ไม่ตินร่างกายมากจนเกนไป ไม่ถึงกับ
เมื่อนิมิตนั้นไปปรากฏที่อื่น ที่มิใช่ศูนย์ หายใจ หรีอนึกเมื่อใดเป็นเห็นได้ทุกที กลางกาย ให้ค่อยๆ น้อมนิมิตเข้ามา อย่างนี้แล้ว ผลแห่งสมาธิจะทำ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีการบังคับ ให้ชีวิตดำรงอยู่บนเล้นทางแห่งความสุข และเมื่อนิมิตมาหยุดสนิท ณ ศูนย์กลาง ความส่าเรีจ แสะความไม่ประมาทได้ กาย ให้วางสติลงไปยังจุดศูนย์กลาง ตสอดไป ทั้งยังจะทำให้สมาธิละเอียด ของดวงนิมิต ด้วยความรู้สีกคล้ายมิ อ่อนก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ได้อีกด้วย ดวงดาวดวงเล็กๆ อีกดวงหนึ่งซ้อนอยู่ ข้อควรระวัง ตรงกลางดวงนิมิดดวงเติม แล้วสนใจ 0. อย่าใช้กำลัง คือ ไม่ใซ้กำลัง เอาใจใส่แต่ดวงเล็กๆ ตรงกลางนั้นไป ใดๆ ทั้งสิน เช่นไม่บีบกล้ามเนี้อตา เพื่อ เรื่อยๆ ใจจะปรับจนหยุดได้ถูกส่วน จะให้เห็นนิมิตเร็วๆ ไม่เกร็งแขน ไม่ แล้วจากนั้นทุกอย่างจะค่อยๆ ปรากฏ เกร็งกล้ามเนี้อหน้าห้องไม่เกร็งตัว ฯลฯ ให้เห็นได้ด้วยตนเอง เป็นภาวะของ เพราะการใซ้กำลังตรงส่วนไหนของ ร่างกายกิตาม จะทำให้จิตเคลื่อนจาก ดวงกลม ที่ทั้งใสทั้งสว่างผุดซ้อนขึ้นมา ศูนย์กลางกายไปส่จุดนั้น จากกึ๋งกลางดวงนิมิต ตรงที่เราเอาใจ ๒.อย่าอยากเห็น คือทำใจให้เป็น ใส่อย่างสมื่าเสมอ กลาง ประคองสติมิให้เผลอจากบริกรรม ภาวนาและบริกรรมนิมิต ส่วนจะเห็น ดวงนี้เรียกว่า \"ดวงธรรม\" หรีอ นิมิตเมื่อใดนั้น อย่ากังวล ถ้าถึงเวลา \"ดวงปฐมมรรค\"อันเป็นประตูเบื้องด้น แล้วย่อมเห็นเอง การบังเกิดของดวง ที่จะเป็ดไปส่หนทางแห่งมรรคผลนิพ- พาน การระลึกนึกถึงนิมิต หรีอดวงปฐม นิมิตนั้น อุปมาเสมือนการขึ้นและตก มรรคสามารถทำได้ในทุกแห่งทุกที่ ทุก ของดวงอาทตย์ เราไม่อาจจะเร่งเวลาได้ อิริยาบถ เพราะดวงธรรมนี้คือที่พึ๋งอัน ค. อย่ากังวลถึงการกำหนดลม เป็นที่สุดแล้วของมนุนย์ หายใจเข้าออก เพราะการแกสมาธิ เจริญภาวนาวิชชาธรรมกาย อาคัย ข้อแนะนำ คือ ตองทำให้สมั๋าเสมอ การเพ่ง \"อาโลกกสิณ\" คือกสิณความ เป็นประจำ ทำ เรื่อยๆ ทำ อย่างสบายๆ สว่าง เป็นบาทเบื้องด้น เมื่อเกิดนิมิต เป็นดวงสว่างแล้วค่อยเจริญวิปัสสนา ไม่เร่ง ไม่บังคับ ทำ ได้แค่ไหนให้พอใจ แค่นั้นอันจะเป็นเครื่องสกัดกั้นมิให้เกิด ในภายหลัง จึงไม่มิความจำเป็นด้อง กำ หนดสมหายใจเข้าออกแต่ประการใด ความอยากจนเกินไปจนถึงกับทำให้ใจ ๔. เมื่อเลิกจากนั่งสมาธิแล้ว ให้ ด้องสูญเลึยความเป็นกลาง และเมื่อ การปฏิบัติบังเกิดผลแล้ว ให้หมั่นตรีก ระลึกนึกถึงอยู่เสมอ จนกระทั้งดวงปฐม มรรคกสายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลม
ภาพแสดงที่ตั้งจิตทั้ง ๗ฐาน ฐานที่ ๑ ปากช่องจมูก หญิงข้างซ้าย ฐานที่ ๒ เพลาตา {ชายซ้างขวา {หญิงข้างซ้าย ชายข้างขวา ฐานที่ ๓ จอมประสาท ฐานที่ ๔ ช่องเพดาน ฐานที่ ๕ ช่องปากลำคอ ฐ'านdท l๖ Zสูนอlกลlางกาlยระด.ัฯบสะดริ.อ ฐานที่ ๗ สูนอ'กลางกายที่ตงจิตถาวร ตั้งใจไว้ที่ศูนย์กลางกายที่เดียวไม่ว่าจะ จะไต้เป็นการพักผ่อนหลังจากการ อยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม เซ่นยืนก็ดี เดิน ปฏิบัติหน้าที่ภารกิจประจำวัน โดยไม่ ก็ด นอนก็ดี หรือนั่งก็ดิ อย่าย้ายฐานที่ ปรารถนาจะทำให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ ตั้งจิตไปไว้ที่อี่นเป็นอินขาด ให้ตั้งใจ ยังติดอยู่ว่าการอยู่กับบุดรภรรยาการ บริกรรมภาวนา พร้อมกับนึกถึงบริกรรม มีหน้ามิตาทางโลก การทองเที่ยวอยู่ใน นึมิดเป็นดวงแก้วใสควบคู่กันดลอดไป วัฏฏสงสาร เป็นสุขกว่าการเข้านิพพาน &. นิมิตต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะต้อง เสมือนทหารเกณฑ์ที่ไม่ติดจะเอาดีใน น้อมไปตั้ร่ไว้ที่ศูนย์กลางกายตั้งหมด ถ้า ราชการอีกต่อไปแล้ว นิมิตที่เกิดขึ้นแล้วหายไป ก็ไม่ต้องตาม การ13กสมาธิเบื้องต้นเท่าที่กล่าว หาให้ภาวนาประคองใจต่อไปตามปกติ มาตั้งหมดนื้ก็พอเป็นปัจจัยให้เกิดความ ในที่สุดเมื่อจิตสงบ นิมิตย่อมปรากฏ สุขไต้พอสมควร เมื่อซักข้อมปฏิบัติอยู่ เสมอๆ ไม่ทอดทิ้ง จนไต้ดวงปฐมมรรค ขึ้นใหม่อีก แล้ว ก็ให้หมั่นประคองรักษาดวงปฐม สำ หรับผู้ที่นับถึอพระพุทรศาสนา มรรคนั้นไว้ตลอดชีวิต และอย่ากระทำ ความชั่วอีก เป็นอันมั่นใจไต้ว่าถึงอย่างไร เพียงเพี่ออาภรถว์ประดับกาย หรือเพี่อ ชาตินี้ ก็พอมีที่พี่งที่เกาะที่ดีพอสมควร เป็นพีธีการชนิดหนั่ง หรือผู้ที่ต้องการ 1!1กสมาธิเพียงเพี่อให้เกิดความสบายใจ
คือเป็นหลักประกันได้ว่าจะไม่ต้องตก ©.๕ ต้านคิลธรรมจรรยา นรกแล้วทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป - ย่อมเป็นผู้มีลัมมาทิฏฐิ เชื่อกฎแห่ง กรรม สามารถคุ้มดรองตนให้พ้นจาก ประโยชน์ชองการแกสมาธิ ดวามชั่วทั้งหลายได้ เป็นผู้มีดวาม 0. ผรด่อดนเอง ประพฤติดี เนื่องจากจิตใจดี ทาให้ดวาม ประพฤติทางกายและวาจาดีตามไปด้วย 0.0 ต้านสุขภาพจิต - ย่อมเป็นผู้มีดวามมักน้อย ลันโดษ - ส่งเสริมให้คุณภาพของใจคืขึ้น คือ ทำ ให้จิตใจผ่องใส สะอาด บริสุทธี้ สงบ รักสงบและมีขันติเป็นเลิศ เยือกเย็น ปลอดโปร่ง โล่ง เบา สบาย - ย่อมเป็นผู้มีดวามเอื้อเทั้อเผื่อแผ่ มีดวามจำ และสติปัญญาคืขึ้น เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประ- - ส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ ทำ ให้ โยชน์ส่วนตัว ย่อมเป็นผู้มีลัมมาดารวะ คิดอะไรไต้รวดเร็วถูกต้อง และเลือก และมีดวามอ่อนน้อมถ่อมตน คิดแต่ในสิงที่ดีเทำนั้น ๒. ผฟิด่อครอบครัว 0.๒ ต้านฟัผนาบุคลิกภาพ ๒.0ทำ ให้ครอบครัวมีความสงบสุข - จะเป็นผู้มีบุคลกภาพดี กระฉับ กระเฉง กระปรี้กระเปร่า มีดวามองอาจ เพราะสมาซิกในดรอบดรัวเห็นประ- สง่าผ่าเผย มีผิวพรรณผ่องใส โยชน์ของการประพฤติธรรม ทุกดนตั้ง - มีดวามมั่นดงทางอารมเน์ หนัก มั่นอยู่ในคิล ปกดรองกันด้วยธรรม แน่น เยือกเย็นและเชื่อมั่นในตนเอง เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็กทุก - มีมนุษยลัมพันธ์ดี วางตัวได้ คนมีดวามรกใคร่สามัคดีเป็นนี้าหนื่งใจ เหมาะสมกับกาลเทศะเป็นผู้มีเสน่ห์ เพราะไม่มักโกรธ มีดวามเมตตากรุณา เดียวกัน ต่อบุดดลทั้วไป iQ.ISl ทำ ให้ครอบครัวมีความเจริญ O.CT ต้านชีวิตประจำวัน ก้าวหน้า เพราะสมาซิกต่างก็ทำหน้าที่ - ช่วยให้ดลายเดรียด เป็นเดรื่อง เสริมประสิทธิภาพในการทำงาน และ ของตนโดยไม่บกพร่อง เป็นผู้มีใจดอ หนักแน่น เมื่อมีปัญหาดรอบดรวหรือมี การคิกษาเส่าเริยน อุปสรรดอันใด ย่อมร่วมใจกันแก้ไข ปัญหาให้ลุล่วงไปไต้ - ช่วยเสริมให้มีสุขภาพร่างกาย ฅ. ผลต่อสังคมและประเทศชาติ แข็งแรง เพราะร่างกายกับจิตใจย่อม มี อิทธิพลต่อกันถ้าจิตใจเข้มแข็งย่อม m.o ทำ ให้สังคมลงบสุข ปราศจาก เป็นภมีด้านทานโรดไปในตัว ปัญหาอาชญากรรม และปัญหาลังดม
อื่นๆ เพราะปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นใน มีผู้ไม่ประสงค์ดีต่อลังคม จะมายุแหย่ให้ ส์เงคม ไม่ว่าจะเปีนปัญหาการฆ่า การ ข่มขืน โจรผู้ร้าย การทุจริตคอรัปชั่น เกิดความแตกแยกก็จะไม่เปีนผสสำเร็จ ล้วนเกิดขึ้นมาจากคนที่ขาดคุณรรรม เพราะสมาชิกในลังคมเปีนผู้มีจิตใจ หนักแน่น มีเหตุผสและเปีนผู้รกสงบ เปีนผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอหวั่นไหวตออำนาจ สิงยั่วยวนหรือกิเลสได้ง่าย ผู้ที่แกสมาธิ ๔. ผลต่อศาสนา ย่อมมีจิตใจเข้มแข็ง มีคุณธรรมในใจสูง ๔.© ทำ ให้เข้าใจพระพุทธศาสนาได้ ถ้าแต่ละคนในสิ'งคมต่างแกฝนอบรมใจ อย่างถูกด้อง และรู้ซึ้งถงคุณค่าของ ของตนให้หนักแน่น มั่นคงปัญหาเหล่า พระพุทธศาสนารวมทงร้เห็นดวยดัวเอง นี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ล่งผลให้สิ'งคมสงบสุขได้ ว่าการแกสมาธิไม่ใช่เรื่องเหลวไหล หาก ๓.๒ ทำ ให้เกิดความมีระเบียบวินัย แต่เปีนวิธีเดียวที่จะทำให้พ้นทุกฃ์เข้าล่ และเกิดความประหยัด ผู้ที่แกใจให้ นิพพานได้ ดีงามด้วยการทำสมาธิอยู่เสมอ ย่อม ๔.๒ ทำ ให้เกิดศรัทธาตั้งมั่นในพระ เปีนผู้รักความมีระเบียบวินย รักความ รัตนตรัย พร้อมที่จะเปีนทนายแก้ต่าง สะอาด มีความเคารพกฎหมายของบ้าน ให้กับพระศาสนาอันจะเปีนกำลังสำคัญ เมีอง ดังนั้นบ้านเมีองเราก็จะสะอาด ในการเผยแผ่การปฏิบัติธรรม ที่ถูก น่าอยู่ไม่มีคนมักง่ายทั้งขยะลงบนพื้น ด้องให้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง ถนน จะข้ามถนน ก็เฉพาะตรงทางข้าม ๔.๓ เป็นการสืบอายุพระพุหธ- ศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป เพราะ เปีนด้น เปีนเหตุให้ประเทศชาติไม่ด้อง ตราบใตที่พุทธศาสนิกซนยังสนใจปฏิบัติ สินเปลืองงบประมาณ เวลา และ ธรรมเจริญภาวนาอยู่พระพุทธศาสนา กำ ลังเจ้าหน้าที่ ที่จะไปใข้สำหรับแก้ ก็จะเจริญรุ่งเรืองอยู่ตราบนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความไม่มีระเบียบ ๔.๔ จะเป็นกำลังส่งเสริมพะนบำรุง วินัยของประซาขน ศาสนา โดยเมื่อเข้าใจซาบซึ้งถึงประ ๓.๓ ทำ ให้สังคมเจริญก้าวหน้า เมื่อ โยชน์ของการปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง สมาชิกในลังคมมีสุขภาพจิตดี รักความ แล้วย่อมจะซักซวนผ้อื่นให้ทำทาน เจริญก้าวหน้า มีประสิทธิภาพในการ ทำ ทานรักษาดีล และเจริญภาวนา เมือ ทำ งานสูง ย่อมล่งผลให้ลังคมเจริญก้าว นั้นย่อมเปีนที่หวังได้ว่าลันติสุขที่แห้จริง หน้าดามไปด้วย และเมื่อมีกิจกรรมของ ก็จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ล่วนรวม สมาชิกในลังคมก็ย่อมพร้อม ที่จะสสะความสุขล่วนตน ให้ความ ร่วมมีอกับล่วนรวมอย่างเต็มที่ แสะถ้า
บรรณานุกรม • พระไตรป็ฎกภาษาไทย ฉบับหลวง (กรุงเทพฯ, กรมการศาสนา, ๒๕๒๕) เป็นพระไตรปีฎกฉบับแปลจากภาษาบาลีที่สมบูรณ์ฉบับ แรกในประเทศไทย มีความสำคัญอย่างยิงในการสืกษาค้นศว้าทาง พุทธศาสนาในส่วนที่เป็นชาดกจะมีเฉพาะพุทธพจน์หรือคำสุภาษิต สํนๆ เป็นเนื้อหาธรรมะล้วนๆ ผู้อ่านจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐาน ทางศาสนา และภาษาบาลี ใ'ต้เป็นหลักในการค้นคว้าของนักคักษา วิชาการศาสนา • พระคัมภีร์ชาดกแปล ฉบับ ส.อ.ส. (พระนคร. โรงพิม'พ์ยิ้มศรื. ๒๔๙๓)เป็นฉบับแปลจากภาษาบาลี ซ็่งแต่งโดยพระพุทธโฆษาจารย์ พระเถระ ชาวอินเดีย เมี่อประมาณ พ.ศ. ๙00โดยนำพุทธพจน์ใน พระไตรปีฎกมาขยายความเป็นอรรถกถาใ'ห้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น • พระสูตรและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัย (กรุงเทพฯ เฉลิมชาญการ'พิม'พ์. ๒๕๒๖) เป็นฉบับแปลจากภาษาบาลีของพระ พุทธโฆษาจารย์เ'ช่นเดียวกับคัมภีร์ชาดกฉบับ ส.อ.ส. แต่เป็นอีก สำ นวนหนึ๋ง • พระเจ้า ๕00 ชาติ โดยปัย แสงฉาย (กรุงเทพฯ. สำ นัก'ฬิม'ศ์ ส.ธรรมภักดี. ๒๕0๔) แปลจากพระไตรปิฎก และอรรถกถาต่างๆ เรียบเรืยงเป็นคำเทศน์แบบสรุปเอาความโดยย่อใช้ภาษาอ่านเข้าใจ ง่าย แต่รายละเอียดถูกตัดทอนไปมาก • ชีวประ'วัติพุทธสาวก (ประวัติอัจฉริยะเถระ)โดย จำ เนียร ทรงฤกษ์ (กรุงเทพฯ. มูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย. ๒๕๒๕) เป็นหนังสือ รวบรวมประวัติโดยละเอียดของพระอรหันตสาวกที่เป็นกำลังสำคัญ ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสมัยปฐมโพธกาล
การเดินทางไปวัด รถบระจาทาง รถบระจาทางหลายสายสุดทางทรงสต (สาย ๒๙, ฅ๔, ๓๙, บอ.00, ปอ.0ต) จากรังสิตมีรถเมล์สาย ๑00๘ ไปถึงคลองสาม รถส่วนตัว ใช้เวลาประมาณ ๔๕ นาที จากอนุสาวรีย์ซัยสมรภูมิ วันอาทิตย์ธรรมดา วันอาทิตย์ต้นเดือน และวันสำคัญทางศาสนา มีรถออกจาก - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รถจอดหน้าป้ม ปตท. ใกล้ ททบ.๕ ถนนพหลโยรน รถออก เวลา ๖.00-๘.00 น. - สนามหลวง รถจอดหน้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้านตรงข้ามสนามหลวง วันอาทิตย์ธรรมดา รถออก ๗.ต0 น. วันอาทิตย์แรกของเดือน รถออกเวลา ๗.00-๘.00 น. - มหาวิทยาลัยรามคำแหง รถจอดหน้าตึกอธิการบดีรถออกเวลา ๗.ฅ0 น. มหาวิทยาลัย ด้านถนนพหลโยธิน รถออกเวลา ๗.ฅ0 น. ^วัดพระธรรมกาย หากท่านต้องการรายละเอียดเพมเติมกรุณาติดต่อ แผนกจราจร สำ นักบริการกลาง วัดพระธรรมกาย โทร. £๒๔-๐๒๕๗-๖๓ ต่อ ๒๐๒๔,๒๐๒๕
นิทานซาดก เป็นสมบัติลํ้าค่าของซาวพุทธ ■■'จ,ๆ มิใช่เรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อสอนคุณธรรม แต่นิทานชาดก คือเรื่องในอดีตชาติของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงแสดงแก่พระภิกษุในโอกาสต่าง เพื่อเป็นแบบแผนในการทำความดี ผู้อ่านหรือฟ้งนิทานชาดก จึงควรอ่านหรือ ฟ้งด้วยความพิจารณา และในที่สุด นำ หสักธรรมที่ได้ ไปใช้เป็นคุณประโยชน์แก่ดนเองและผู้อื่น ISBN 974-89321-6-8
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114