Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จากความทรงจำ อุบาสิกาถวิล เล่ม16 หลงกลิ่น

จากความทรงจำ อุบาสิกาถวิล เล่ม16 หลงกลิ่น

Description: จากความทรงจำ อุบาสิกาถวิล เล่ม16 หลงกลิ่น

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org

จากความทรงจำ ของอุบาสิกาถวิล (บุญทรง) วิตรางกล เลฬ ๑๖ หลงกลิ่น ขอมอบเปีนธรรมบรรณาการ แด่. จาก.. www.kalyanamitra.org

จากความทรงจำ ของอบาสิลาถวิล (บุญทรง) วิตรางกล เล่ม ๑๖ หลงกลิ่น ฝ่ายวิชาการ วัดพระธรรมกาย จัดพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก ธ้นวาคม ๒๕๓๒ ISBN 974-514-069-4 ราคา ๑๕ บาท รายไจัสมทบทนการศึกษาค้นควัาธรรมะในพระพุทธคสนๅ 3JRn§6รรมทาน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี สงวนลิขสิทธิ๋ ติดต่อส^ซือไดฑ บานหนูแก้ว ๘๖ ถ.สี'พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางร้ก กรุงเทพๆ ๑๐๕๐๐ โทร.๒๓๕-๐๓๘๐-๑ ธนาถ!เติส์'งจ่าย \"บานหนูแก้ว\" ป.สเ. จุฬา www.kalyanamitra.org

คำ นำ \"กลิ่น' เป็นกามคุณชนิดหนึ่งในเบญจกามคุณ เป็นเหยื่อล่อ ของฝ่ายมาร เพราะกลิ่นหลอกให้เราหลงใหลได้ เมึ่อหลงใหลแด้ว ก็พอใจชอบใจ พอใจชอบใจแล้วก็อยากได้ เมึ่ออยากได้ก็ด้องแสวงหา ด้วยวิธีการต่าง «[ เหน็ดเหนึ่อยทุกข์ยาก ได้มาแล้วก็ด้องลำบากด้วยการ ดูแลร้กษาและคอยหาเพิ่มเติม ล้าหาไม่ได้ก็ด้องเสียใจเป็นทุกข์เพราะ ผิดหวัง โดยหน้าที'ที'แท้จริงของสัตว์โลก เฉพาะอย่างยิ่งเกิดเป็นมนุษส์ นั้น หน้าที่คอสร้างสมอบรมบารมี(ความดืที่ยิ่งยวด) ใน้แก่กล้า เพื่อจะ สามารลเข้าพระนิพพาน เลิกเวียนว่ายตายเกิด นึ่คือหน้าที'โดยตรง แต่พอได้เกิด ก็หลงลืม ลืมว่าตนเองจะด้องเตินทางเข้าสู่ พระนิพพาน พอหลงลืมทางพระนิพพาน ก็ทำ ใน้หํสงผิดเดินทางอื่น คือ เดินเข้าไปสู่กามคุณ ๕ เมึ่อหลงผิด ก็ย่อมเห็นกามคุณ ๕ ว่าเป็นของวิเศษยิ่งกว่า นิพพาน ไปแสวงหาเบญจกามคุณ พบกามคุณทั้ง ๕ เข้าแล้ว ก็หลงใหล ในสิ่งเหล่านั้น หลงใหลอย่างลอนตนเองไม่ออก ถูกดองอยู่ในกาม เมื่อหลงใหลก็ทำใน้หลงทาง เพราะพอหลงใหล ใจก็วนเวียน เกี่ยวเกาะอยู่กับกาม ไม่เกาะในรูปก็เกาะในเสียง หริอกลิ่น รส สัมผ้ส ทางกาย แต่ส่วนใหญ่หลงใหลหมดทั้ง d อย่าง เมื่อหมกมุ่นในสิ่งที่ดน พึงพอใจเสียแล้ว เรึ่องการเดินทางของข้วิตเป็นอ้นเลิกพูดถึง www.kalyanamitra.org

ดังนั้นเราจึงจำต้องลูกบังคับให้ หลงลืมทางเดิน หลงผิด หลงใหล หลงทาง อยู่ทุกครั้งที่เกิด ชาติแล้วชาติเล่า จนกว่าจะมีบัญญาขื้นมาในชาติใดชาติหนึ่ง แล้วถอนตน ออกจากสิ่งที่หมักดองเหล่านั้ เรื่องของกลิ่นที่หมักดองจิตใจผู้คนให้หลงใหลนั้น ก็มีอานุภาพ รนแรงไม่แพ้เรื่องใด ๆ ใครหลงกลิ่น กิชอบเกินพอดีไต้ทุกเรื่อง เช่น กลิ่นดอกไมั เมึ่อชอบกิต้อง^อมาบักแจกัน จัดพาน ประดิษฐ์เป็น พวงมาล้ย กระทั่งจัดสวนไมัหอม ไมัสีอะไรต่าง ®| กลิ่นนํ้าหอมมีทั้งที ต้องการทาร่างกายให้มีกลิ่นหอมเป็นที่ลูกใจ และที่ทาดับกลิ่นหมีนของ ร่างกาย เช่น แป้ง นํ้ามันใส่ผม ยาดับกลิ่น นั้ายาสเปรย์ผม นั้ายาทำให้ อากาศในที่ต่าง «1 สดรื่น เช่น ในห้องปรับอากาศ.ในรถยนต์ ในห้องนํ้า ห้องส้วม ฯลฯ การหลงใหลชอบสิ่งเหล่านั้เกินพอดี ทำ ให้เนเปลืองเงินทอง ชื้อหา ทรัพย์ที่ต้องเสียไปเพราะความหลงใหลเหล่านี้เสียประโยชน์เปล่า หากเราจะนำไปทำประโยชน์ที่มีคุณค่าอื่นอันเป็นบุญกุศลจะดีกว่า อุบาสิกาถวิล (บุญทรง) วิตรางคูล www.kalyanamitra.org

รายชื่อหนงสือ ฝพวิชาการ วัดพระธรรมกาซ ท. หRวงพ่0ค0บปัญทา ฬ่ม « ราคา ๓๐ บาท to.ทรวงฟ&ตอบปัญหา เล่ม to ราคา ๓๐ บาท m. ทรวงฟอฅอบปัญทา เล่ม m ราคา ๓๐ บาท ๔. ทรวงฟอตอบปัญทา เล่ม ๔ ราคา ๓๐ บาท ราคา ๖>๕ บาท ๕. คนไทยต้องวู้ ๖. รกษณะมทาบุรุษ ราคา 1๐๕ บาท ๗. คนคส์โรกต้องการ ราคา 1๐๕ บาท ๘.โอวาทปาฐโมกข ราคา ๓๕ บาท ๙. ทศธราชธรรม ธรรมะพระผู้นำ ราคา ๓๐ บาท •0. เฬญรอยตามบาทกปัฅรา ราคา 1๐๐ บาท ราคา •๕ บาท ทท. พระคุผ๗ ราคา •to บาท ราคา •๕ บาท •to. การทำบุญไท้ทาน?เรมบูรณ์แบบ •en. ?เร คุผคาชองความเป็นมนุษย์ •๔. เท้นธรรม ราคา 1๐๕ บาท •๕. ก่อนไปวัค ราคา •๕ บาท ราคา 1๐๐ บาท •๖. ชาวพุทธต้องวู้ •๗. จนต้ามภพ รวยข้ามชาแ ราคา •๕ บาท •๘. เล่าเรึ๋องยาย ราคา 1๐๕ บาท •๙. ผู้อม่เฟ้องทรงความสำเรจของวัคพระธรรมกาย ราคา 1๐๕ บาท too. รมุคภาพ คุผยายอบาสํกาจันทร ขนนกยูง ราคา ๘๐ บาท to^. กำ เฉคพ่ระจันทร ราคา too บาท toto.ข้วัคเฟ้อทรายพนปี ราคา 1๐๐ บาท www.kalyanamitra.org

torn. ล่าพญามาร ราคา•๕ บาท ราคา *๘ บาท ๒๔. ความอดทน ราคา *๘ บาท ราคา too บาท 10๕. เพขรนํ้าเอก ราคา «๕ บาท ราคา *© บาท ๒๖. วันเfiด ราคา *o บาท ราคา «o บาท 1ท๗. บุญวันเf^ด ราคา too บาท ไ0๘. ความสืดลรางสรรค ฉบับขอให้พระคุมครอง ราคา too บาท 10๙. ความ?!ดสร้างสรรค ฉบับหลายปีรค ๓©. ความ?!ดสร้างสรรค์ ฉบับสะพานข้รค ๓*. สมุดภาพ(เทานชาดก ะ กากับนกห้ราบ ๓to. สมุดภาพ(เทานชาดก ะ นกยางกับป ฬ่ม •พบยมฑูค,อานุภาพศูนย์กลางกาย ราคา•๕ บาท เล่ม ta ยอมคาย,•๙ ปีจงปีดอก ราคา •๕ บาท เล่ม m ฝี!จด,ฝีจ้าวเขาทรง ราคา •๕ บาท เล่ม ๔ ฝี-เปรด-อสุรกาย ราคา •๕ บาท เล่ม ๕ฝีพฟ้น ราคา•๕บาท เล่ม ๖ ปล่อยลัตว์ปล่อยปลา(สืลขอ•) ราคา •๕ บาท เล่ม ๗ ลักขโมย(รลขอ to) ราคา •๕ บาท เล่ม ๘ เพราะรกเพราะใคร่(คลข้อ ๓) ราคา •๕ บาท เล่ม ๙ เรึ๋องโกหก(คลข้อ ๔) ราคา•๔ บาท เล่ม mo สุราแปลว่ากลัา(คลข้อ ๕) ราคา •๕ บาท เล่ม รกสือทุกฃ;อา1นุาาพศูนย์กลางกาย ราคา•๕ บาท เล่ม vto พระคุผของฟอนม่ ราคา «๕ บาท เล่ม •๓ หลงรูป(•) ราคา•๕ บาท เล่ม •๔ หลงรูป(to) ราคา •๕ บาท www.kalyanamitra.org

สารบญ กลนต็ว..... ๔ หยาดเหimพอถูก... ๑๔ หลงฺกลนป้า. ๒๔ กลิ่นของต้องใจ. ๓๔ www.kalyanamitra.org

โ^^พ^^^พ^ www.kalyanamitra.org

๑๐ กลิ่นเป็นสิ่งที'สัมผัสได้ด้วยประสาทจมูก มีอากาศที'เคลื่อนที่ ได้คือลม เป็นสือด้วนำจากสิงทีมีกสินมายังจมูก กลิ่นก็เป็นเหมือน กามคุณชนิดอืน คือในตัวของมันเองไม่มีดีมีสิ่ว เรื่องที'เราเห็นว่ากลิ่น นั้นดี น่าสูดดม กสินนั้นไม่ดี เหมีน เป็นเพราะมีกิเลสมาบังคับใจของ ตัวเรา กสินดีของคน «1 หนึง อาจเป็นกลิ่นไม่ดีของบางคน ถ้าตกอยู่ใน อำ นาจของกิเลส เราก็จะเลือกแสวงหาแต่กลิ่นดีที่พอใจ ทำ ความทุกข์ ให้เกิดขึนมาได้ง่าย รเ เหมือนกัน ถ้าจะเอาชนะกามคุณเรื่องนั้ ก็ด้องใสัสติสำรวมใจ คือ เมือจมูกกระทบกับกสินอะไร ก็ให้เพียงสักแด'ว่าเ'ว่ากลิ่นของอะไร ให้รู้เพียงแค่นั้น เช่น กสินดอกไมั กสินอาหาร กลิ่นตัวคน กลิ่นสิ่งของ ไหม้ไฟ กลินของเน่า ฯลฯ ไม่ด้องให้ใจคิดปรุงแต่งต่อว่าเป็นกลิ่น \"ดี\" หรือ \"ไม่ดี\" เพราะถ้าปล่อยให้คิดต่อไป่ถึงว่าดีหรือไม่ดีแล้ว ใจก็จะ คิดเลยไปถึงเรืองพอใจชอบใจ หรือไม่พอใจุไม่ชอบใจได้ง่าย ต่อจากนั้น ก็จะมืดวามอยากได้ไม่อยากได้ตามมา อยากได้ก็ด้องทุกข์ด้วยการแสวงหา ไม่อยากได้ก็ด้องทุกข์ด้วยการพยายามคิดกำจัด เรืองกสินหอมหรือเหมีนอยู่ทีใจคิดยึดถึอเอาเอง อย่างเช่น คนบางคนได้กสินทุเรียนแล้วหอมอยากรับประทาน แต่บางคนเหมีน จนเวียนห้ว กสินนำหอมก็เหมือนกัน กสินเดียวกัน คนหนึ่งเหมีน คน หนึ่งหอม หรืออย่างกลิ่นอาหารบางอย่าง บางคนได้กลิ่นปลาร้าปลาเคืม ของหมักเน่า ก็ว่าหอม นึกถึงความเอรืดอร่อย บางคนกลับเหมีนถึง อาเจียน ด้องปิดจมูกหรือตัวอย่างง่าย «1 เราท้องขื้นผายลมปังออกมา www.kalyanamitra.org

แม้จะเหม็นเท่าเหม็น แต่คนที'เป็นเจ้าของทนดมได้หน้าตาเฉย ตรงข้าม กับคนอื่น ๆ ที'ร้องบ่นอุทานโวยวายว่าเหม็นสุดจะทน เรื่องกลิ่นเดียวกัน คนหนึ่งว่าเหม็นอีกคนว่าหอมนี่ ขอเล่า ตัวอย่างตัวข้าพเจ้าเองให้'ฟัง เมื่อสม้ยทีข้าพเจ้ายังเป็นเด็กพอจำความได้ จนกระ'ทั่งย่างเข้าวัยรุ่น มารดาข้าพ■เจ้าชอบลอดเสื้อคอกระเข้าแขวนไวั ข้างประตู เป็นเสื้อข้นในที'ผู้หญิงชาวบ้านในสมัยก่อนขอบใส่ มีจีบ รอบคอ ติดลูกไม้ลักด้วยมือลายสวย ๆ เมื่อข้าพเจ้าวิ่งเล่นหรือ'ทำอะไรมา พอผ่านข้างประตู ก็จะเอามือจับเสื้อคอกระเข้าของแม่มาสูดหอมเด็มที เสียครั้งหนึ่งแล้วก็วิ่งไปทำอะไรต่อ สักฟักพอ'นึกได้ ไม่เห้นแม่อยู่ที'นั่น ไม่มืแม่จะให้หอมแก้ม ก็จะวิ่งไปหอมเสื้อที่แขวนไว้แทน ทำ ตังนึ่ปอย ๆ จนวันหนึ่งแม่สังเกตเห้นลามว่า \"นั่น ห'แทำอะไรน่ะลูก ไปดมเสื้อที'แม่ใส่แล้วเหม็น «1 ทำ ไม\" \"ก็เวลาแม่ไม่อยู่ ห'นูไม่มืแม่จะหอม ห'นูก็หอมเสื้อแม่แทน ค่ะ\" ข้าพเจ้าตอบดามความร้สีกแท้จริงของตนเอง และยังแปลกใจว่า ทำ ไมแม่จึง'พูดว่าเสื้อของท่านเหม็น ในเมื่อข้าพเจ้าดมแล้วข้าพเจ้าว่า เสื้อนั้นหอม เพราะนหมือินกลิ่นที่ตัวแม่เปียบทีเดียว \"มันเหม็นออกจะตายไป ห'แดมไตัยังไงก้นลูก เดี๋ยวก็หายใจ ไม่ออกหรอก\" แม่ยังยืนยัน \"ไม่เหม็นเลย มันหอมดีออก เวลาแม่ไม่อยู่บ้าน ออกไป ธระที'ไหน ๆ หนูมืเสื้อที่แม่แขวนไวันึ่เป็นของแทนตัวแม่ เวลาหนูไป ดมมัน เหมือนหนูมืแม่อยู่ด้วยเลย\" ข้าพเจ้าตอบยืนยันท่านอีก เสียงแม่ บ่นเบา «1 ว่า www.kalyanamitra.org

๑๒ \"ลูกนี่แปลก ของเหม็น «1 บอกว่าหอม\" เฌุ้ว่าแม่จะบอกว่ากลิ่นตัวของท่านเหม็นเพียงไร ข้าพเจ้าก็ ว่าม้นเป็นกลินหอมของข้าพเจ้าเรื่อยมา กระทังในปี ๒๔๙๑ ข้าพเจ้าอายุ ๑๔ ปี เรียนจบข้นม้ธยม แล้ว เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ อยู่โรงเรียนประจำ วันหนี่งอาจารย์ประจำ ห้องเรียนห้องข้าง ยุ ไม่มาสอน อาจารย์ประจำข้นจึงให้นักเรียนสองทัอง มาเรียนรวมก้น ให้นั่งเก้าอี้เดียวก้นสองคน เจ้าประคุณเอย คนที่มานั่งก้บข้าพเจ้านั่งอยู่ทิศเหนือลม มี กลิ่นที่ร้กแร้ที่เราเรียกก้นว่า \"ขี้เต่า\" เหม็นร้ายกาจ ความจริงมันก็เป็น กลิ่นเดียวก้บกลิ่นตัวแม่ข้าพเจ้านี่แหละ แต่พอกลิ่นอย่างเดียวก้นมันอยู่ ทีคนอน ไม่ใช่ตัวของแม่ ข้าพเจ้าทนไม่ได้ ทำ ไมมันจึงเหม็นมากมาย ถึงขนาดนั้น จนทำให้ตัองนึกฉงนใจ เอ...มันก็กลินเดียวก้นนืนะ ทำ ไมไม่หอมข้นใจเหมือนเรา ดมของแม่เล่า\" ข้าพเจ้าตอบตนเองไม่ได้ว่า นันเป็นเพราะ \"ความยึดถึอ\" เรียกตามภาษาทางธรรมว่า \"อุปาทาน\" เมื่อยึดว่าเป็นของคนที่ตนร้ก กจะร้กของนันไปหมด ไม่ว่าจะดีเลว มีค่ามากนัอยเพียงใด เหมือนที เราเคารพนับถึอองค์สมเด็จพระfน้)มาส้มพุทฐเจ้ๅ พอเห็นรูปปฏิมา แทนพระอุงค์ เราก็เคารพไปหมด ไม่ว่ารูปนั้นจะทำด้วย ดิน ห็น ไมั หรอกระทังเศษวัสดุใด ยุ จะสร้างได้สวยงามหรือไม่ก็ตาม เมือตอบตนเองไม่ได้ก็ไม่เข้าใจว่า ทำ ไมตนเองจึงเหม็น กลิ่นตัวของเพื่อนจนเวียนห้ว ถึงก้บด้องนั่งหันข้างให้เพื่อน เพื่อให้ www.kalyanamitra.org

๑๓ จมูกห่างจากรักแร้ของเขาบ้าง แต่ก็ช่างเป็นกรรมเวรเสียจริง อาจารย์ ที่สอนอยู่ไม่เข้าใจ ท่านตุข้าพเจ้าว่า \"นี่เธอ ยายถวิลน่ะ นังไห่'ดีหน่อยข้ หันข้างเอียงกระเท่เร่ เสียว เดี๋ยวก็ตกเก้าอื้ไปเสียหรอก\" ข้าพเจ้ามองอาจารย์อย่างเสียใจ ไม่ทราบจะบอกออกไปได้อย่างไรว่าเราเหม็นขีเต่าเพือนจร^ตายรยู่'''-®'^ เมื่อบอกไม่ได้ก็ต้องจำใจเขยิบตัวเข้าหาเพื่อนอีกน่อย พอเผลอไปคิด ว่าจะพอทนได้แล้ว เจ้าลมแรงก็กระโชกเข้ามาทางหน้าต่างทิศเหนือลม กลิ่นฉนกึกกระทบจมูกแทบสะอึกลำลัก ขากับก้นข้าพเจ้าก็ขยับหนี โดยอัดโนม้ติ เสียงอาจารย์ตวาดข้าพเจ้า \"นี่ฉ้นว่าเธอแลัว เธอก็ยังหันข้างใหัฉันอีก อย่างนี้แสดง ความไม่เคารพฉันนี่ อย่านึกว่าเรียนเก่งแลัวอวดดีนะ!\" เสียงก็เขียว หน้าก็แสดงอาการโกรธจนเขีย*วพอกับเสียง เพื่อนทั้งสองหัองหันมองข้าพเจ้าเป็นตาเดียว ข้าพเจ้าอายจนหน้าชา น้อยใจอาจารย์ด้วย เสียใจตนเองด้วยทีเหมือนนำท่วมปาก สีแจงอะไร ก็ไม่ได้ อาจารย์กลับหาว่าข้าพเจ้าอวดดีไปโน่น ต้องหันมานังสีดเพือน ทนเหมืนแทบสิ้นใจตาย พอหมดข้วโมง นักเรียนหัองอึ๋นแยกไปแลัว เพื่อนสนิทเข้ามาลาม \"เป็นอะไรฮึ ต้องใหัอาจารย์ตุ ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง\" ข้าพเจ้าจึง ตอบเพื่อนไปว่า \"จะเป็นอะไรล่ะ ก็เหมืนกลิ่นเต่ายายนั่น...แทบสลบไปเลย น่ะสี อาจารย์ไม่รัอะไร ตุส่งเดช\" www.kalyanamitra.org

๑๔ ตอบแล้วก็นึกต่อไปว่า เรียนจบแล้วล้าตนเองเป็นครูสอน จะไม่ดนักเรียนส่งเดชอย่างนี้ จะเรียกออกไปลามนอกห้องในัflfอ้งก็ไล้ เราจะไม่เป็นครูขื้โมโหขาดเหตุขาดผล พาลนักเรียนอย่างอาจารย์คนนี้ เป็นอันขาด หาว่าเราเรียนเก่งเลยอวดดีไม่ฬ'งคำสอนไปโน่น\" ตังแต่ว้นนั้นมา เมือกล้บไปเยียมพ่อแม่ในเวลาปีดภาคเรียน ข้าพเจ้าไมหอมกสินแม่จากเสือทีแขวนไว้อีก รู้สึกว่ากสินเหมืนเหมือน ท'ีใคร ®[ เหม็นกันนั่นแหละ เพราะซาบเงฺแล้วว่า ความหอมหรีอความเหม็น ไม่ใข้ฃื้น อยู่กับตัวกลิ่น แต่ขื้นอยู่ที่ใจของผู้ดมว่าชอบหรือไม่ชอบต่างหาก www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

เมือ,ปีพ.ศ. ๒๔๙๗ ข้าพเจ้าเรียนอยู่คณ;;อักษรศาสตร์ จุฬาฯ ปีที่สอง ข้าพเจ้าย้ายออกจากที'พ้กเดิมไปอยู่หอพักนิสิตหญิง ของมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์การค้ามาบุญครองในปัจจุบัน โดย อยู่กันพัองละคน วันหนึงเพึ่อนซึ่อยุวดี.ซึ่งเป็นบุตรสาวนายตำรวจยศนาฎพล พักห้องติดกับข้าพเจ้าเดินมาหา เธอพูดว่า \"เมึ่อวานนื้พ่อเรามาเยี่ยม ท่านเพิ่งกลับจากการประชุมที่ ฝรํ่'งเศส ซื้อนํ้าหอมมาฝาก ๒ขวด นี่เธอดมดูซึ่ หอมมั้ย ซื้อที่โน่นยัง ขวดนึงตั้ง ๔๐๐ บาท มาถึงเมืองเรามนจึงแพงเกือบถึงพันไงล่ะ เธอ เอาไปขวดนึง^ ชอบใข้มั้ยนํ้าหอมฝรั่ง เห็นเธอไข้แต่กลิ่นไทย จุ อยู่ เลยต้องลามดูก่อน*' \"เรื๋องนํ้าหอมน่ะ ซื้นเฉย จุ นะ มีกืใข้ไม่มีกืแล้วไป ที่ใข้ กลิ่นไทย จุ เพราะขวดหนี่งแค่สิบกว่าบาทเท่านั้น ใข้ไปไต้ตั้งครึ่งปี*' ตอบแล้วกืนึกถึงการใข้นํ้ๆหอมของตนเอง ข้าพเจ้าจะใข้กื ต่อเมื่อมีนัดไปไหนมาไหน หรีอเวลาที่คนรักมาเยี่ยมเท่านั้น ไม่ไดไข้ พรํ่าเพรื่อ ว่าที่จริงตลอดข้วิตความเป็นสาวดูเหมือนจะเสียเงินซื้อ นํ้าหอมไปไม่เกิน ๓ขวด ขวดที่แพงที่สด ๑๗ บาท ไข้ลิปสติคหมดไป ครึ่งแท่ง แล้วก็เลิกไข้ทั้ง ๒ อย่าง รวมทั้งแป้งต้วย \"เธอลองไข้นํ้าหอมฝรั่งนี่สักขวดเลอะน่า\" เพื่อนอยากไห้ข้าพเจ้าจริง จุ ข้าพเจ้ารูไจข.องเขาดี เขาคง อยากตอบแทนบุญคุณข้าพเจ้าอย่างหนี่ง คือเธอคนนี้มีหนุ่ม จุ มาชอบ www.kalyanamitra.org

๑๗ ถึง ๓ คน เธอจะนัดให้มาพบไม่ชํ้าเวลากัน คนหนึ่งเป็นลูกชายของ แม่บ้านผู้ปกครองหอพ้ก คุณแม่บ้านจึงต้องคอยแอบดูแลยุวดีแทน ลูกชายของตนอยู่เสมอ เวลายุวดีจะออกไปข้างนอก ไปรับประทาน อาหารหรือดูหนังรอบคํ่ากับเพื่อนชายคนอื่น ข้าพเจ้าจะต้องมีหน้าที่ ไปใfงดูหนังสือในห้องของเธอ เปิดไฟ เปิดห้อง เปิดเพลงจากวิทยุ เสียงเบา ฯ ทำ เหมือนยุวดีอยู่ในห้องพ้ก ไม่ไต้ออกไปไหน คุณแม่บ้าน ก็จะไม่ผิดสังเกต ไม่นำเรื่องยุวดีหนีเที่ยวไปฟัองลูกชาย ข้าพเจ้ามีความสามารถพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือสามารถดู หนังสือไต้ ไม่ว่าจะมีเสียงอะไรดังอยู่รอบข้าง ด้งนั้นการต้องเปิดเพลง ไปด้วยจึงไม่มีบ้ญหาอะไร ครั้นจะไม่เปิดเพลงจากวิทยุเลย แม่บ้าน อาจผิดสังเกต เพราะนิสัยยุวดีชอบเปิดเพลงเสมอ เมื่อเพื่อนคะยั้นคะยอ ข้าพเจ้าก็รับมาถือไว้ แล้วเปิดจุกขวด ออกดม แล้วก็ต้องอุทานว่า \"เอ๊ะ กลิ่นนี ไม่ใช่กสินทีเธอเคยไข้'นี่ มันเป็นกลิ่นเดียวกับ ทีพีศรีสุดาทางหอใต้โน่นเค้าใข้ประจำติดต้วเลย แล้วเธอว่าในเมืองไทย นี่ฃวดนีงเป็นพันบาทเข้ยวหรือ (สมัยข้าวแกงจานละ ๕๐ สตางค์) ลูก เศรษเอย่างเธอก็ใข้ไต้ข้ แต่คนอย่างชั้นใข้ไต้ยังไง ถึงเธอจะให้ฟรีก็ เถอะ ชั้นก็ใข้ไม่ลงหรอก นีกถึงว่าว้นหนี่งข้างหนัาใข้หมดแล้ว ไม่มี สตางค์ซื้อใหม่มาไข้ จะไม่สบายใจ เพราะเคยต้ว เอาของเธอคืนไปเถอะ แค่ออกปากให้ของแพง จุ นี่ก็ซื้งในนํ้าใจเต็มที่แล้ว\" ยื่นนํ้าหอมคืนให้เพื่อนแล้ว ใจก็อดหวนนีกถึงนิสิตรุ่นพี่คน ที่ข้อศรีสุดาไม่ไต้ ต้องถามเพื่อนว่า www.kalyanamitra.org

๑๘ ^ \"นี่อุ เธอรู้มั้ย พี่ครีสุดาทำไมเค้ารวยจังนะ เนเห็นเค้าใ'รของดี ๆ เสือผ้ามีแต่สวย 6| ทั้งนั้น กระเป้า รองเท้า มีเ'ฃ้า'ชุดกันแบบแปลก ใหม่สุดตามแฟท้นเลย ของห้างทั้งนั้น เวลาเค้าเดินผ่าน นั้นไค้กลินนํ้ๆ หอมยี่ห้อนี้แหละ หอมนั้นใจทั้งตาปีเลย...\" \"อ้าว! เธอไม่รู้จริงเหรอ รึว่าแกล้งถามกันแ'น่\" อีกฝ่าย มองหน้าเหมือนจับพิรุธ \"ไม่รู้จริง «1 พ่อแม่เค้าต้องรวยมากแน่ 6| นั้นเห็นเค้านั่ง สามล้อมาเรึยนทุกวัน\" 'ข้าพเจัาตอบ พร้อมทั้งนึกภาพพี่ศรึสุดานั่ง สามล้อทุกเข้าเย็น. เป็นสามล้อค้นเดิม และม้กไม่ร้บส่งที'หน้าหอพัก แต่จะคอยรับส่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๒0-๓๐ เมตร สมัยนั้นใน กรุงเทพฯ กังไม่มืแทีกนั้มากน้ก น้บเป็น'ข้วโมงจึงจะมืแล่นผ่านมาสัก ค้นหนึ่ง รถตุ๊ก ๆ กกังไม่มี มืแต่รถสามล้อเตมไปในถนนทุกสาย อันที' จริงจากที่พักของพวกเราไปมหาวิทยาลัยไม่ไกลมากน้ก ราๆ รเ ครึ่งกิโล เมตร พวกเราทุกคนล้าไม่มีธุระอะไรรึบต่วน มักจะไข้วิธีเดินไปกลับ ดือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว เพราะค่าสามล้อระยะทางจากหอพัก ไปที่เรึยนกิต้องเสียดืง ๓ บาท ไปกลับวันละ ๖ บาท (เท่ากับค่าของ เงินประมาณ ๕๐ บาทสมัยนี้) \"พ่อเค้าก็คนลีบสามล้อค้นนั้นแหละจัะ...\" เสียงเ'พื่อน กระข้บบอก \"เป็นไปไค้กังไงกันเนึ่ย ตายจริง ไม่น่าเนั้อเลย...\" ข้าพเจ้า อุทาน ทำ ตาเหลือกไค้เองเพราะประหลาดใจจนพูดไม่ถูก เสียงเพื่อน ขยายความให้พังต่อไปว่า www.kalyanamitra.org

๑๙ \"แม่บ้านมาเล่าพฟ'งว่า เวลาพี่ศรีสุดาไม่อยู่ ไปเอของ พาหุรัดบ้าง ไปดูหนังบ้าง สามล้อคนนั้นเอของมาฝากแม่บ้านไวไนัพี่ ศรีสุดาน่ะ ของกินดี ๆ ทั้งนั้น\" ยุวดียังเล่ารายละเอียดให้ข้าพเจ้าฟงต่อไปอีกว่า สามล้อกีบ คนนั้นมีพี่ศรีสุดาเป็นลูกคนโต เป็นเด็กเรียนหนังสือเก่ง สอบเข้าเรียน ในมหาวิทยาล้ยได้ เธอไม่อยากอยู่ไนบ้านโกโรโกโสกับครอบครัว เกรง เพื่อนฝูงและครูอาจารย์ทราบเข้าจะดูดูกเธอ ไม่มีใครยอมคบด้าสมาคม ด้วย จึงขอให้พ่อส่งเธอเข้าพักในหอพักของมหาวิทยาล้ย และอย่าได้ แสดงด้วว่าเป็นพ่อของเธอเป็นอันขาด สามล้อคนนั้นเล่าให้แม่บ้าน หอพักพังพรัอมทั้งขอรัองว่า \"อาจารย์ครับ อาจารย์ทราบแล้ว ช่วยปิดเป็นความลับด้วย นะครับ ผมไม่อยากให้ลูกของผมอายเพื่อนฝูง ผมกีบสามล้อทั้งกลางวัน กลางคืน อดทนส่งเสียเด้าเรียนให้เด็มทีสุดความสามารกของผบ ไม่ให้ ลูกอับอายขายหนัาใคร ๆ เป็นอันขาด ของเรียนของใข้อยากได้สิงไหน ผมตามใจหมดทุกอย่าง ผมยอมเหนื่อย บางทีไม่สบายกีบสามล้อไม่ไหว กิต้องไปกัหนั้ยืมสินมาให้ ผมยอมทั้งนั้น เมึ่อลูกเรียนจบแล้ว คงจะ เป็นทีพฬองครอบครัวได้บ้าง\" ข้าพเจ้าพังเพื่อนเล่า ห้วใจนึกสลดหดหู่เป็นกำลัง ภาพที เคยเห็นเวลาพี่ศรีสุดาลงจากรกสามล้อ เธอไม่ได้หยิบเงินค่ารกให้ แต่คนกีบสามล้อนั่นต่างหากเป็นคนหยิบเงินจากกระเป๋ากางเกงส่งให้ เธอ ข้าพเจ้าเดินกลับจากมหาวิทยาลัยตามหลังสามล้อคันด้งกล่าวมา จึงได้เห็น ครั้งแรกเข้าใจว่าเป็นการทอนเงิน แต่เมื่อไม่เห็นฝ่ายเ^ดยสาร www.kalyanamitra.org

๒๐ หยิบเงินให้เลย จึงไม่ใช่ทอนเงิน ได้แต่เฝัาสงสัยอยู่ตั้งแต่ครั้งนั้นว่า ทำ ไมสามล้อเป็นฝ่ายให้เงินคนโดยสาร เพิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งวันนั้เอง ข้าพเจ้าไม่สงสัยความร้กของพ่ออย่างคนถีบสามล้อคนนั้น แม้พ่อของข้าพเจ้า หรือแม้พ่อของคนอื่น«[ ในโลก เพื่อลูกแล้ว พ่อที' เป็นพ่อแท้ ®| ย่อมเสียสละให้ได้เสมอ เข้าเย็นอุตส่าห์มาร้บส่งถีบรถ ให้ลูกนั่ง นํ้าตาข้าพเจ้าซึมออกเปียกขอบตา คิดในใจว่า ถ้าข้าพเจ้าเป็น ลูก ข้าพเจ้าจะนั่งรถที'พ่อเหนึ๋อยแรงถีบได้หรือ ใจก็ตอบออกมาท้นที ว่า ไม่ได้ นั่งไม่ได้ เราไม่ได้เจึบได้ป่วยนี่ เราซึน่าจะถีบให้พ่อนั่งด้วยข้า แต่นํ้าใจของพ่ออย่างสามล้อคนนั้น เขาด้องมีความสุขมากนักหนาที'ได้ ถีบรถให้คนที่เป็นที'รักของเขานั่ง แต่ลูกอย่างพิ่ศรืสุดาคงจะนึกถึง นํ้าใจพ่อไม่ออกแน่ «1 คิดดูเถิด ถ้าเธอรัซึงถึงความรักของพ่อที่มีตั้อเธอ เธอจะ กล้าซึอของใข้ราคาแพง 6J อวดเพื่อนได้อย่างไรกัน รองเท้าของเธอ คู่หนึง ®| ชือรองเท้าอย่างทีข้าพเจ้าใข้ได้ถึง ๖-๗ คู่ ทำ ไมเธอจึงเห์น เรืองความอายเพือนมีค่าสูงกว่าความเหนื่อยยากของพ่อแม่ พ่อหารายได้ มาเท่าใด ด้องมาให้เธอเสียเกือบทั้งหมด เหลือกล้บไปเลี้ยงตนเอง แม่ และน้อง «[ อีก ๔ คนของเธอเลืกน้อยเต็มที ทุกคนในครอบครัวของพิ่ศรืสุดายอมลำบาก อดอยาก ขาดแคลน เต็มใจให้เธอสมบูรณ์พูนสุขอยู่เพียงคนเดียว ด้วยความหวัง ว่าเมื่อจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว เธอคงให้ความอุปการะครอบครัวตอบแทน ในเวลานั้นข้าพเจ้ามีอายุ ๒๐ ปี ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าที่พิ่ศรืสุดา ทำ อย่างนั้นเป็นเรื่องผิดหรือถูก สมควรหรือไม่ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่า ค่านิยมของคนทีเรียนในระด้บมหาวิทยาลัยสมัยนั้นเห้นเรื่องความหรูหรา www.kalyanamitra.org

สำ คัญเพียงใด ข้าพเจ้ารู้แต่ว่าสำหร้บคัวข้าพเจ้าแคัว ทำ ตนอย่างพี' ศรีสุดาไม่ได้ พ่อแม่ของข้าพเจ้าเป็นคนบ้านนอก ไม่ว่าท่านจะมาเยี่ยม ข้าพเจ้าที่หอพัก หรีอบางครั้งท่านก็ไปเยี่ยมถึงตึกเรียนในมหาวิทยาลัย พ่อแต่งคัวเหมือนชาวบ้านตามปกติที่งก็ส่อถึงฐานะที่ไม่ตึนัก ส่วนแม่ แม้จะมีเครื่องทองรูปพรรณประดับตัวหลายเน แต่ท่านก็นุ่งผ้าโจงกระเบน ไม่ใส่รองเท้า กินหมากจนพันดำทั้งปาก ข้าพเจ้าไม่เคยอายเพื่อน กรากเข้าไปกราบที่คักท่านทุกครั้งที่พบ แนะนำให้เพื่อน 6] รู้จ้กว่า ๘ นคอพอแมของตนเอง มีอยู่บ้าง เพื่อนบางคนที่ไม่สนิทนกมองอย่างดูหมิ่น ข้าพเจ้า มองสายตาเหล่านั้นออก และเพื่อนคนนั้น «1 ก็จะลูกข้าพเจ้า \"หมายห้ว\" ไว้ที่จะไม่ยอมคบค้าสมาคมด้วยเป็นอันขาด พูดด้วยเป็นมารยาทเท่านั้น ใครรักเรา จะต้องเคารพพ่อแม่ผ้เป็นที่เคารพของเราด้วย ข้าพเจ้าคิด แต่ก็เป็นเรื่องแปลก เพื่อนที่ชอบดูลูกดูหมิ่นความจนของเพื่อนด้วยก้น ที่ข้าพเจ้าพบนั้น พวกเขากลับมีพื้นเพเติมจนยิ่งกว่าข้าพเจ้าเสียด้วยซํ้า วางท่าเป็นเศรษฐีไปอย่างนั้นเอง ส่วนพวกที่รํ่ารวย มีเกียรติยศจริง «1 เช่น เป็นแอพระวงศ์ มีศักดิ๋เป็นหม่อมราชวงศ์ หม่อมเจ้า ลูกนายพล ลูกพระยา ลูกคุณพระ ฯลฯ กลับไม่มีใครดูลูกดูหมิ่นข้าพเจ้าแม้แต่คน เดียว เราสนิทสนมก้นด้วยไมตรีจิตแท้จริง ไม่มีเรื่องของครอบครัว มาเกี่ยวข้อง นับตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้าทราบประว้ตของพี่ศรีสุดาแล้ว ทุก ครั้งที่ข้าพเจ้าเห็นชายถึบสามล้อคนนั้นเอารลมาจอดยืนคอยรับลูกอยู่ ข้างทาง ข้าพเจ้าจะรู้สีกเหมือนมีอะไรตีบด้นขื้นมาในลำคอ ถ้าไม่เกรง ว่าเขาจะเสียใจว่ามีคนรู้ว่าเขาเป็นพ่อของพี่ศรีสุดาแล้ว ข้าพเจ้าอยาก www.kalyanamitra.org

๒๒ ยกมือไหว้สวัสดีชายผู้นี้เสียจริง ๆ ไหว้เพราะเคารพในความร้กของพ่อ คนหนึ่งในโลกนี้ ที่รักลูกของเขาสุดหัวใจ และด้วยซาบ^งในความรักของขายลีบสามล้อที่มืต่อลูก ข้าพเจ้าก็พลอยซาบเงในพระคุณของพ่อแม่ของข้าพเจ้าอีกเป็นทวีคูณ น้บแต่นั้นทุกครั้งที่พ่อแม่มาเยี่ยม ข้าพเจ้าจะล้มทรุดตัวลงกราบที่ปลาย เท้าท่านทุกครั้ง จะไม่กราบเพียงแค่บนตักเหมือนแต่ก่อน และไม่เคย อาย ล้าจะมีใครเห็น ครั้งใดทข้าmจ้าฅ้อทดนฝาหทศรสุดา คลหนาหอมจาคร่าง 'นอทธอทข้าพเจ้าเคยชนชมว่าหอมรรiรวยขนใจนั้น ค็คลับคลายเป็นเหมอน ข้าพเจ้าไลัคลิ่นเหงอไคลชองชายฉบสามล้อ^น... โธ่เอีย กว่าจะได้ค่าโดยสารพอข้อนี้ๆหอมแพง ®[ อย่างนั้น ให้ลูกสักขวด จะต้องลีบสามล้อคู่ยากกี่เดือนล้นก็ไม่รั เงินทองที่ไต้มา ล้ามองให้ลึกข้งไปลีงนี้าใจของ(^หัหรือถึง ความเหนึ่อยยากในการทำมาหากินของเราแต่ละคนแล้ว เงินทองเหล่านั้น เป็นของมีค่ายี่ง ควรใข้ให็ไต้ประโยขน์ให้มากที่สุด นอกจากใข้เลื้ยงดู ร่างกายตามความจำเป็นแท้จริงแล้ว ก็ควรใข้ในสิ่งที่ทำให้เป็นบุญเป็น กุศลให็ยี่งขื้นจึงสมควร ในรายของศรืสุดาล้นี้ ข้าพเจ้าไต้ทราบเรื่องของเธอว่า เมึ่อ จบการศึกษาแล้ว เธอก็เป็นโรค จมไม่ลง ต่อไป ทำ งานมีเงินเดือน ก็ใข้บำรุงบำเรอตนเองไม่ให้น้อยหน้าเพึ๋อนร่วมงาน ครอบครัวของเธอ ผิดหวังต่อไปตามเดิม พ่อแม่และน้อง ๅ ไม่ไต้รับอุปการะสิงใด ศรีสุดา วางท่าเหมือนตังเธอเป็นคนในครอบครัวมั่งตัง ทำ ให้มีผู้ขายบางคน www.kalyanamitra.org

๒๓ หลงเ^อเข้าตีสนิทคุ้นเคยด้วย ภายหลังเมื่อเขาทราบความจริงว่า''ธอ เป็นอย่างไร พวกเขาก็ตีจาก เธอจึงผิดหวังบ่อย ใ ที่สดผู้ชายรายสดท้าย เธอตั้งความหวังไว้มาก เมือถูกทอดทิง ความเสยไจจงเกิดขนอยางร,ม'''''รง จนถึงกลายเป็นคนวิกลจริตไบ่ ข้าพเจ้าทราบข่าว''พยง''''ด้นิา^ และไมรู เรื่องใด ®| ต่ออีกเลย เรื่องเบญจกามคุณทั้ง ^ อย่าง ได้แค่ ล (รูบ่) ''^^ง รส และสัมผัสทางกาย ล้าหลงใหลเกินพอตี ย่อมมโทษให้เห็นเป็น ต้วอย่างอยู่เสมอ ล้าใข้สิ่งเหล่านี้อย่างมีสติควบคุม ให้มีใข้พอบ่ระมาณตาม ความจำเป็นแล้ว ก็ไม่มีโทษลันใดมาดนัใา สำ หรับเรื่องกลิ่นที่เล่าไวัแลัวนี้ ว่าที่จริงสำหรับการหลงใหล ในความหอม ไม่ทำให้ผู้คนได้รับลันตรายมาก'.ท่าใด เพราะล้าเพียงแต่ มีสติรู้ท้นว่ารายได้ของตนมีเท่าใด ควรใข้เรองอะไร กพอยับยังตนเองได www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

๒(£ ข้างหลังบ้านพักหลังปัจจุบันของข้าพเจ้า เป็นเรือนไม้สองข้น อายุ ๒๘ ปี ค่อนข้างเก่า เคยใข้เป็นเรือนหอของข้าพเจ้าในอดีต ต่อมา เมื่อได้สร้างบ้านหลังที่สองเสร็จ อยู่ติดถนนในซอยสามารลจอดรถเข้า ออกได้ สะดวกกว่าหลังแรกข้งไม่มีถนนเข้าถึงบ้าน ข้าพเจ้าก้บครอบคร้ว จึงย้ายไปอยู่หลังที่สอง หลังแรกก็ให้คนเข้า กระทั่งปี ๒๕๒๘ เจ้าของ สวนที่งติดก้บบ้านหลังแรกได้ถมที่เปลี่ยนจากสวนเป็นสร้างบ้านหลัง ใหญ่ จุ ขาย ทำ ให้บ้านหลังนั้นของข้าพเจ้ามีนํ้าข้งเฉอะแฉะเพราะพื้นที่ ตํ่ากว่ากันมาก เมื่อบ้านจัดสรร ๑๓ หลังนั้นเริ่มการก่อสร้าง ข้าพเจ้าเดิน เข้าไปคูบ้านหลังเก่าแลัวรำพึงในใจ \"แหม...บ้านหลังที่สองเนี่ย ดรงกับบ้านเรือนหอของเรา พอดี ล้าข้อเป็นของเราได้ เราก็จะเจาะรั้วให้ทะลุต่อเป็นที่ดินแปลง เดียวกัน ทีนี้รถก็เข้าถึงที่ดินแปลงเก่าได้ ราคาที่ก็สูงขนดามไปด้วย แต่ ราคาบ้านมันก็สูงลิบลิ่ว ขาดอยู่ไม่กี่หมื่นก็ถึงล้านบาท เราจะเอาปัญญา ที่ไหนไปซื้อ เงินที่ได้มาแต่ละเดือนก็ใข้บ้าง ทำ บุญบ้าง ไม่มีเหลือเก็บ อยู่เลย เฮ้อ...เอ้อ...อยากได้จัง...อยากได้จัง\" ข้าพเจ้าคิดอยากได้แล้วก็ถอนใจเสียยืดยาวหลายครั้ง เดิน จากที่นั่นไป และไม่ได้มาคูการก่อสร้างดรงนั้นอีกเลย ไม่ใข้ไม่อยากคู แท้ที่จริงแล้ว บ้านทั้ง ๑๓ หลังนั้นปลูกน่าคูน่าอยู่มาก ใข้ว้สดุอย่างดี ราคาแพง แบบบ้านแต่ละหลังภูมิฐาน บรรยากาศเงียบสงบเพราะเป็น ซอยตัน รถเข้าออกไม่พลุกพล่าน ที่ไม่อยากคูเพราะกลัวใจคิดอยากได้ www.kalyanamitra.org

๒๖ พออยากไส์'แล้วไม่มีหนทางได้มา กล้บเห็นคนอื่นซื้อได้แล้วอยู่แทน ไจ ก็จะเป็นทุกข์เสียใจ ^ม่เห็นไม่ดูไม่รู้เสียเลยดีกว่า หมดเรื่อ^หมดราว ไป นี่เป็นอุบายแก้ทุกข์อย่างง่าย ๆ วิธีหนี่งของข้าพเจ้า รู้ว่าล้าต้องเห็น ต้องพบอะไรแล้วไม่สบายไจ ก็หนีไปไห้ห่าง 6| เอาไว้ก่อน ฟัคนมาดูบ้านสวย «[ ทัง ๑๓ หล้งนั้นว้นละหลาย «[ ราย แล้วก็จองก้นไป ซื้อก้นไป จนสำนักงานขายข้วคราวหมดความจำเป็น ลูกรื้อทิ้ง เวลาผ่านไปหลังจากการก่อสว้างเสร็จไปปึเศษ 6| แล้ว ว้น หนี่งข้าพเจ้ามีความจำเป็นจะต้องติดต่อธุระบางเรื้องล้บคนเช่ๅห้ๅน ครั้นจะเดินอ้อมไปอีกซอยหนี่งเพึ๋อเข้าทางหนัๅบ้ๅนฦเป็นระฎะทๅงไกอ ถึง ๖-๗ ว้อยเมตร แต่ล้าเข้าไปทางบ้านจัดสรร ระยะทางไกล้แค่ ๖-๗ สิบเมตรเท่านั้นเอง ประกอบกับบ้านเหล่านั้นแม้ลูกจองลูกซื้อไปแล้ว แต่ส่วนไหญ่เจ้าของยังไม่มีไครมาอยู่ ข้าพเจ้าจึงไข้เก้าอี้หนุนเท้าพูด ข้ามกำแพงรั้วตรงบ้านหลังที่สองซื้งตรงกับบ้าน•ของข้าพเจ้า เมื่อพูดธุระเสร็จเรียบว้อย เด็กสาวคนหนี่งซื้งเป็นลูกจ้าง ของอีกบ้านหนีงอยู่ติดก้น เดินมาพูดกับข้าพเจ้าว่า \"บ้านไม้หลังเก่า ๆ นั่นเป็นบ้านของคุณป้าเหรอคะ\" เมื่อข้าพเจ้าว้บคํๆ เธอก็พูดต่อไปว่า \"คุณป้าซื้อบ้านหลังนี้เลยข้คะ ม้นตรงก้นดีออก จะไต้เจาะ รั้วทะลุถึงก้นเลย บ้านหลังนี้ (หลังที่สอง) แปลกจริง รเ ค่ะ ไคร มา จองมาข้อ ขนาดนัดวางเงินก้นแล้ว ยังมีเหตุไห้ต้องล้มเลิกก้นไปทุกราย «1 เลยค่ะ คนจองก็บ่นเสียดายก้นทุกคนเลย แต่พวกเต้าก็มีอะไรต่ออะไร www.kalyanamitra.org

๒๗ ข้ดข้องกันทั้ง ๔-๕ รายเลยค่ะ สงสัยว่าเค้าคงไม่ใช่เจ้าของนะคะ เลย ^อไม่สำเร็จ\" \"โฮ้ย ป้าไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนเอหรอกจ้ะ เหยียบค้านยังงี้\" ข้าพเจ้าตอบตามจริง \"ป้าก็กัธนาคารข้คะ ทางบริษ้ทเค้าจัดการให้เสร็จ แค้วป้า ก็เอาบ้านที่อยู่โน่นให้คนเช่า เอาค่าเช่าผ่อนส่งแบงค์\" เธอแนะนำเสีย เสร็จ ดูราวกับว่าต้องการให้ข้าพเจ้ามาอยู่ใกค้บ้านเธอเต็มที่ ความจริงข้าพเจ้าชอบอาศัยอยู่ในบ้านตึกหลังที่สองเงพำน้ก อยู่ในขณะนั้นเป็นอย่างยิ่ง แม้จะปลูกออกแบบไวในลักษณะห้องแกว ๓ คูหาสองข้น แต่ก็กว้าง โดยเฉพาะต้านหลังบ้านมีต้นไม้ร่มรื่น มีทั้ง ต้นมะพร้าว ชมพู่ มะม่วง ขนุน และไม้ประต้บอีกเป็นดง ส่วนใหญ่ เป็นไม้หอม เช่น ชมนาด มะลิ ต้นแก้ว กระทั่งว่านกอใหญ่ ®| ดอกสีขาว กลิ่นหอมอ่อน «1 คลัายนํ้าหอมผ่รั่งบางชนิด รวมทั้งกลัวยไม้แขวนไว้ หลายสิบกระลาง ออกดอกเป็นช่อบ้าง เป็นพวงบ้าง กระทั่งเป็นดอก เดี่ยว «) เช่น แคทลียาก็มี โดยเหตุที่ข้าพเจ้ามีพื้นเพเดิมเป็นคนบ้านนอก เรียกให้ ไพเราะหน่อยก็เรียกว่าคนชนบท เคยอยู่กับสิ่งแวดค้อมที่เป็นธรรมชาติ แท้®! ภูเขา แม่นํ้า ต้นหมากรากไม้ พอมาอยู่ในเมืองก็ไม่สามารถลืม ความเป็นอยู่อย่างเดิม ยังชอบอยู่ในสกานที่ใกลั «1 แม่นํ้าลำคลอง มี ต้นไม้แยะ ®[ ให้รกเป็นบ้าเหมือนที่บ้านนอกก็ยิ่งชอบใจ เวลาไม้ผล ไม้ดอกออกช่อส่งกลิ่นดลบอบอวล กลิ่นดอกมะลิ ดอกแก้ว กระทั่ง กลิ่นช่อมะม่วง ดอกชมพู่ ข้าพเจ้าหอมข้นใจทั้งนั้น เหน็ดเหนื่อยจาก www.kalyanamitra.org

๒๘ ไปทำงานนอกบานทไหนมา เข้าบานได้กลินดอกไ3Jไบหญ้าฦหๅฏฐ่ฐน เพลีย ท่านจะเรียกว่าข้าพเจ้าติด \"กลิ่น\" ก็คงไม่ผิด ติดกลิ่นไอของ ชนบท อุตส่าห์ไม่ติดกลิ่นนํ้าหอมของชาวกรุง แต่ก็ยังติดกลิ่นเติม 6| ดงกล่าว แต่ท่านคงไม่รู้ว่าข้าพเจ้าแทบเสียข้ๆต เพราะความที่ร้กต้นไม้ ใครจะด้ดจะลอนเป็นถูกข้าพเจ้าห้ามไปหมด หล้งบ้านก็เลยเหมือนป่า ตรงพนตินมต้นชะพลูขืนแน่นเติมเหยียบไม่ฎึงติน ความรกทำให้มืฑั้ง ตะขาบและงูชนิดต่าง 6[ ปรากฎด้วอยู่เสมอ งูทีเห์นประจำบางทีเห์น พร้อมก้นลง ๓-๔ ด้ว คืองูเขียว นอกจากนั้นก็มืงูเห่า งูแสงจันทร์ และ ทอยูด้ว่ยแต่ไมปรากฏต้วให้เห่นเลยจนกระฑังวันดา£|ขฎ^^_ขๅดืg^^<^)^gQ3J ต้วใหญ้ขนาดห้องน่อง ยาวถึง ๓ เมตร ที่ใด้ลุนตึๆ เข้าตรู่วันอาทิตย์ต้นเดือนราว 6| กลางป็ ๒^10๘ เวลาประมาณ เกอบตห้า ขาพเจ้าตืนขืนทำก้บข้าวเตรียมไปทำบุญทิวัดเหมือนที'เคย ทำ ฑุกเดอน อากาศค่อนข้างอบอ้าว เพราะเป็นเวลาก่อนฝนตก ข้าพเจ้า จงยกเตาออกมาทำก้บข้าวทีลานปูน*!,ฤด้ด้น'!ม้วฦ รเ วันนั้นต้มปีกไก่ นำ แดง ขณะกำลังเทปีกไก่ลงหม้อเพือเคียวไห้เปีอย มืเสียงก๊อกแก๊ก อยูห่างจากทข้าพเจ้านังประมาณ คอฦ ข้าพเจ้ามิได้ห้นหน้าไปมอง ติดวาเป็นลูกชายคนเล็ก เขาชอบทำอาหารไปทำบุญ คงจะคืนขืนมาช่วย จึงพูดก้บเขาว่า ตนแลัวเหรอลูก เดียวช่วยดูหม้อแกงหน่อยนะ แม่จะไป หลังบ้านหน่อย\" www.kalyanamitra.org

๒๙ เมื่อเงียบไม่มีเสียงตอบ แต่ก็ยังมีเสียงก๊อกแก๊กอยู่ระดํโบไหล่ ของข้าพเจ้า ก๊คิดว่าลูกคงจะนังยอง «1 เพื่อแทนที่ข้าพเจ้าคอยดูหม้อแกง แต่ทำไมไม่พูดอะไรตอบบ้างเลย ข้าพเจ้าจึงหันไปอ้าปากจะถามว่า ตื่นใหม่ «j ยังไม่หายง่วงหรือ พล้นก็ต้องตกใจสุดขีด รู้สึกร่างกาย แข็งทื่อไปหัวขณะ เพราะข้างกายของข้าพเจ้าห่างไม่ถึงศอก มีงูสีคลํ้า ตัวใหญ่ขนาดข้อมีอสองตัวชูหัวขื้น ทำ ลำ ตัวตั้งฉากกับพื้นปูนที่ข้าพเจ้า นั่ง ลำ ตัวของงูทั้งคู่ตั้งขื้นขนานกันไม่ห่างจากกันนัก สูงจากพื้นประมาณ ๕๐ เหันติเมตร ทำ หัวส่ายโอนเอนสลับกันไปมา เหมือนทั้งคู่เป็นคนร้ก ทีกำ ลังพูดคุยจีบกันอย่างสดตื่น คุยอย่างลืมตัว ว่าลำตัวของเขาทั้งสอง แทบจะมาขนหัวไหล่ข้าพเจ้าอยู่แล้ว พอหายดกตะลึง ข้าพเจ้าก็ตั้งสติให้มัน รู้ทันทีว่างูคู่นั้นกำลัง จะผสมพันธ์กัน เคยไต้พังคนโบราณเล่าต่อ ®} กันมาว่า เวลามันจะ ผสมพันธ์นั้น งูจะคุมาก อย่าว่าแต่ไปขัดขวางมันเลย งูคุ ๆ บางขนิดเช่น งูจงอาง กัาใครไปเห้นมันกำลังเกี๊ยวกันอยู่มันก็จะโกรธจนเลื้อยพุ่งตัว เขัาไปฉกทันที \"งูคู่นื้ งูอะไรก็ไม่รู้ มีพิษรึเปล่าก็ไม่รู้ จะว่างูเห่า ตัวมันก็ ไม่ดำนัก และบนหัวไม่มีลายดอกจัน แต่ยังไงก็ดาม จะเป็นงูคุหรือ ไม่คุ ถ้าเราเคลื่อนไหวเสียงตังให้มันตกใจ มันอาจจะพุ่งตัวเข้าฉกทำร้าย เอาก็ไต้'* คิดแล้วข้าพเจ้าก็ค่อยกระเถิบหนีทีละนัอย «1 พอห่างออก ไปมากหน่อยจึงลุกขื้นยืนพรวดพราดส่งเสียงเรียกลูกทั้งสองคนให้ตื่น มาช่วยไล่ง www.kalyanamitra.org

๓๐ เราสามคนแม่ลูกหาไม้มาตีทีพนบาง เคาะข้างฝาให้ดังโครม คราม เพึ่อให้งูตกใจกลัวหนีไปเสีย เคาะจนกระทั่งปีบ กระป๋อง กะละม้ง เสียงดังสนั่นลั่นบ้านจนกระทั่งบ้านใกล้เรือนเคียงพาก้นตื่นทุกบ้าน สงสัยว่าเกิดเหตุประหลาดอะไรขึ้น เขาจะนอนให้สาย «1 ก้นหน่อย เพราะเป็นวันอาทิตย์กินอนไม่ไดั เพื่อนบ้านกิมายืนดูอีกหลายคนํ เอะอะก้นกึงขนาดนั้น เจ้างูสองดัวม้นทำเหมือนไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไร 8| เลย ในโลกนี้มืเขาอยู่ก้นตามลำพ้งสองข้วิตเท่านั้น ทั้งคู่เอาห้วเคล้าเคลียก้นไปมาสักครู่แล้วเริ่มเอาดัวพันก้นอย่างรวดเรืว พันเป็นเกลียวเหมือนเกลียวเข้อก เป็นเกลียวยาวตรงตั้งแต่ห้วจรดหาง แล้วล้มลงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาทั้งที่เป็นเกลียวเข้อกเสันตรงอย่างนั้น หลายตลบ กลิ้งอยู่เป็นครู่ใหญ่เหมือนม้นเป็นดัวเดียวก้น เกิดมาข้าพเจ้ากิเพิ่งเคยเห็น พลอยฺให้นีกเข้าใจคำว่า \"เกี้ยว\" ไปดัวย เหมือนจะกลายมาจากคำว่า \"เกี่ยว\" งูม้นเอาดัวเกี่ยวก้นไวั อย่างนื้ เกี่ยวเสียจนเป็นดัวเดียวก้น ข้งเป็นเสันตรงไดัยังไงกิไม่รู้ เวลา นั้นข้าพเจ้ารู้สีกสลดใจจนพูดไม่ลูก เห็นงูเป็นดัวอย่าง สัตว์อื่น หรือ แม้คนกิไม่ผิดแปลกก้นเลยอำนาจกามราคะทำให้สัตว์ลีมกลัวตาย ม้น ไม่สนใจเลยว่าผู้คนจะมามุงลูกันกี่คน ใครจะเอาไม้หรืออาวุธมาตีมาฆ่า ม้นไม่สนใจทั้งสิ้น ภาพของงูที่รัดกันเป็นเกลียวเข้อกเส้นใหญ่ขนาตน่อง ที่กลิ้งไปมาอยู่ตรงหน้านั้น ทำ ให้ข้าพเจ้าต้องนีกพูดก้บม้นว่า \"นี่ดีนะ.ที่เป็นบ้านของข้น ข้นกึอศีล ไม่ฆ่าสัตว์ ล้าเป็น บ้านคนใจรัายอื่นละกิ... กลิ้งไม่รู้เรื่องยังงี้ เค้าเอาท่อนไม้หวดตรงห้ว ทีเดียวตายสองดัวเลยนะ ไม่ท้นไต้หนีและไม่ทันไดัสู้กันหรอก นี่เอง www.kalyanamitra.org

๓๑ ทีเขาเรียกกันว่า ตัณหาหน้ามืด ไม่ว่าสัตว์ ไม่ว่าคน เรื่องอย่างนี้มักทำ อะไรลืมตายกันไตัฑั้งนั้น\" มันกลิ้งหลายตลบแสัวนอนนิ่งอยู่ไม่แยกออกจากกันสักที หมัอแกงขอฬาพเจ้าที'อยู่ใกกั ®[ นั่นก็เดือดใกล้แน้ง เตี้ยวจะไหมั ไม่ต้อง เอาไปทำบุญกัน ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจบอกลูกให้หิ้วกระป้องใส่นํ้ามา คนละกระป้อง \"เทราตไปที'พื้นให้แรง ๆ หน่อยนะลูก เตี้ยวพอนํ้าไปกระทบ ตัว มันจะไตัรู้สึกว่ามีคนอยู่ที'นิ่กันเยอะแยะ จะได้กลัวเลื้อยหนีไป\" ข้าพเจ้าสั่งลูกทั้งสองคนทำตาม งูทั้งคู่ตกใจคลายตัวออก ตัวหนิ่งเลื้อยปราดเข้าป้าตงชะพลู ไป อีกตัวเลื้อยถลันเข้าในบ้าน ฝัคนต้องกระโตตหนีกันจ้าละหวั่น ข้าพเจ้า รีบปราดไปยกหม้อแกงลงจากเตาไฟ ต่อจากนั้นข้าพเจ้ากับลูก «1 ก็ส่วยไข้ไม้เคาะที'พื้นไล่ให้งูออก นอกบ้าน น่าประหลาด งูในบ้านเลื้อยออกไปที่ลานปูนตรงที'เดิม ทันใด นั้นงูตัวที'เลื้อยเข้าตงชะพลูก็หวนเลื้ยวกลับเข้ามาหาอีก แลัวทั้งคู่ ก็ทำ อาการเสพสมกันเหมือนเมื่อสักครู่นั่นใหม่ มันส่างไม่รู้จักอายผู้คน ที'ยืนรุมดูกันตั้งร่วม ๑๐ คน อำ นาจกามราคะนิ่ส่างร้ายแรงน่ากลัว เสียจริง ไม่กลัวตายเอาเสียเลย นิ่ขนาดเป็นเตร้จฉานนะ ส่วนที่เป็น กามราคะของคนนั้นเล่า ไม่กลัวตาย ไม่กลัวเสึ่อมเสียส่อเสียง ไม่กลัว บาปกรรมใด «1 ทั้งเน แย่หน้กขื้นไปอีก เสียงสามีของเพึ๋อนข้างบ้านพูดว่า www.kalyanamitra.org

๓๒ \"ตรงนั้นมันมีไฟนีออนส่องอยู่บนลานปูนนี่คร้บอาจารย์ งูสองตัวนี่เค้าเรียกว่างูแสงจันทร์ มันชอบเล่นไฟ เวลาเดือนหงายมัน ก็ชอบออกมาเลื้อยเล่น สมตาม^อของมันน่ะครับ\" \"อ้อ...มิน่า ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปที'อื่น เฉพาะตัองมาอยู่ใตั หลอดไฟนีออน ในรกในป่าก็ไม่รู้จักไป หน้าไม่อายเสียจริง\" ข้าพเจัาปนว่าส่งเดชไป แต่ก็ยังไม่หายจากความรู้สึกหวาด เสียว พวกงูแสงจันทร์ แสงอาทิตย์อะไรพวกนี้น่ะ กัดลูกเข้าจะตัอง ตายตัวยกันหมดทั้งนั้นแหละ นี่โทษของการชอบต้นไม้รก ชอบกลิ่น ป่า อีกเรึ๋องหนี่ง ^งเป็นโทษของการหลงรักกลิ่นต้นหมากรากไม้ กับเรึ่องงูเช่นกัน ขอใน้ตัวหน้งสีอที'เขียนไว้ตอนนี่ เป็นอนุสรณ์แก่ เพื่อนตัอยู่ใต้ถุนตึกนานถึง ๒0 ป็ของข้าพเจัา เขาดืองูเหลือมตัวยาว ๓ เมตรตัวนั้น ข้าพเจ้าและลูก รเ ยัายไปอาศ้ยอยู่ที'บ้านตึกนี่งเป็นบ้านหลัง ที'สองที่กำลังเล่าถึงอยู่นี่ ในป็ พ.ศ.๒๕๑๐ เป็นบ้านตึกปลูกเต็มเนี่อที่ดิน ต้านติดถนนและเต็มด้านข้าง ใข้ฝากำแพงแทนรั้วบ้านไปในตัว มีที่ว่าง อยู่ค้านหลังตัวตึกมากกว่าเนี่อที่ตัวบ้าน ที่ดินแปลงข้างบ้าน เจ้าของยังไม่ไต้ถม ยังคงสภาพเดิมเป็น ร่องสวน เวลาฝนตกมีนํ้าฝนขังอยู่เต็มเปียม นํ้านั้นก็ละลายเอาดินใต้ ตัวตึกบ้านข้าพเจ้าพังออกทีละเ•ลืกละน้อย จนเป็นโพรงดินเข้าไปใต้ถุน่ ตึก ในปีนั้นเอง ตอนตึกบ้าง ตอนเข้ามีดบ้าง ก็มีผู้คนเหนงูเหลือมตัว ใหญ่เลื้อยเข้าไปในโพรงดินนั้นอยู่เสมอ งูตัวนี่อยู่ใต้ถุนบ้านข้าพเจ้า มานาน และมาตายเอาว้นที่ ๑๒ สิงหาคม ปี ๒๕๓๐ ตลอดเวลา ๒๐ ปี www.kalyanamitra.org

๓๓ ที่อยู่ด้วยกัน ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นตัวเลย แต่ในวันตาย เขามาตายอยู่บริเวณ ดงชะพลูหลังบ้านให้เห็นตัว เหมือนฝากฝังซากศพให้ช่วยจัดการ งูด้วนื้เพื่อนบ้านเล่าว่า ครั้งหนึ่งเดือนหงายแจ่ม เขาเห็น งูเหลือมกินแมวรุ่น ®[ ในบ้านของเขารวดเดียว ๓ ตัว โดยที่แมววิ่งหนี VI _ I . โชคดจริง ๆ ทเขาด่วนคายเสยค่อน ถ้าขืนอยู่ด่วยค่นด่อไป คัวคงโคมาคขน ๆ เคยวคงไดมารคเด็กเล็ก ๆ ค่นกันเล็ยบ้างหรอก นแหลรi ขอบกลนปา ทำ บ้านให้เป็นปา ถ้คว์ปาล็เลยขออยู่คัวยให้ใจหายใจควาเล่น รายนข้าพเถ้ายังลอกหนังของเขาไถ้เป็นทรรiSกถงเทอนทอยู่ร่วมบ้านคัน โดยไม่เคยเห็นกันรง ๒๐ ปี สถ้นmเผ่นหนังหายไปหมดแถ้ว เทราะเอาไป ถ้างเขาฟอกล็แด่ลวดลายสวย ๆบนเกล็ดยังมองเห็นไคัชัดเจน www.kalyanamitra.org

กลินของตองใจ \\-UJSiv uMi- 1^; .•■เ^' f' ii-'^*\"\"] _~N \"\" *\\4^ \"''^' j Jl / Jl \\ ■-^, iA ' V^lr^ ui www.kalyanamitra.org

๓ส่! เรื่องความหอมความเหม็นของกลิ่น ไม่พสิ่งตรงกันใน ความรู้สึกของทุกคน กลิ่นบางอย่างคนหนึ่งว่าหอม อีกคนว่าเหม็น เป็นเรื่องของความพอใจและความคุ้นเคย เช่นกลิ่นของนํ้ามันเบน^น กลิ่นทินเนอร์ กลินแน กัญชา เฮโรอีน กลิ่นสุรา คนที่เสพติดอยู่ ย่อมมีความรู้สึกเหมือนเป็นกลิน ทิพย์จากสรวงสวรรค์ ตรงข้ามกับคนทีไม่เสพติดหรือรู้โทษของมัน ย่อมเกลียดกลัว ไม่พยายามเข้าใกลั ข้าพเจ้าเคยรู้จ้กคนที่เหม็นกลิ่นทุเรียน ได้กลินเข้าก็เวียนศีรษะ ทำ ท่าจะอาเจียน ส่วนคนปกติอย่างเรา ๆ ได้กลินก็หอมอยากจะร้บ ประทาน เคยได้ยินคนเล่าให้ฬงว่าสามเณรน้อยองค์หนึง เกิดมาเณร ไม่เคยรู้จักทุเรียนเลย วันหนึ่งมีโยมใส่ทุเรียน ๑ พูลงในบาตร เณรก็นึก ตำ หนิ \"โยมคนนี้ ช่างตระหนึ่กระไรเลย เอาขนุ่นเน่า กลิ่นเหม็น หึ่งทีเดียวมาใส่บาตร ตัวเองกินไม่ได้แล้วก็ย้งไม่ยอมทิ้ง ทำ อย่างนึ คิดจะแกล้งพระแกล้งเณรด้วยรีเปล่า\" สามเณรเดินบิณฑบาตต่อไป กลิ่นขนุนเน่าจากในบาตรก็ ฟังขื้นมากระทบจมูกแทบอาเจียน เณรจึงเป็ดบาตรออก หยิบเอาทุเรียน พูนั้นโยนทิ้งไปข้างทาง อีกเป็นปีกว่าเพึ๋อนเณรด้วยกันจะบอกให้รู้จัก ว่าเป็นผลไมัรสเลิศ เรื่องกลิ่นหอมหรือเหม็นนั้น้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละ คนจริง ®| ท่านคงรู้จักอาหารชนิดหนึ่งที่เรียกว่าปลาร้า คนทั่วไปที่มิใช่ www.kalyanamitra.org

๓๖ คนภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว มักรับประทานไม่ลง มีความรู้สึกว่า มันเหมีน แต่คนทางภาคนั้นจะนิยมกันว่าหอมชวนรับประทานข้าว บางคนติดกลิ่นปลารัามาก ถึงขนาดอาหารที'ตนเองรับประทานที่เป็น ของคาวแล้ว ต้องใส่ปลารัาทุกอย่าง เมื่อข้าพเจ้าอายุ ๗-๘ขวบ ย่าชอบพาไปพ้กที่บ้านท่านครั้งละ หลาย ยุ คืน และท่านมักสอนให้ข้าพเจ้าหัดทำกับข้าว โดยเฉพาะแกง ชนิดต่าง ยุ ย่าไม่ใข้กะปิใส่แกง ท่านใข้ปลาชนิดหนึ่งเรียกว่า \"ปลาแดก\" ใส่แทนกะปิ ปลาแดกทำต้วยปลาต้วเล็ก ยุ คลุกกับเกลือหมักดากแดด ๓-๔ วัน พอเน่าไต้ที่ก็นำมาโขลกให้แหลกละเอียด แล้วดากแดดต่อไป อีกหลาย ยุ วัน ข้าพเจ้ารู้จ้กปลาแดกครั้งแรกรู้สึกเหมีนเน่าจนเวียนหัว แปลกแห้ ยุ คนทางหมู่บ้านของย่าชอบกินกันหมดทุกบ้าน การชอบที่ไม่เหมือนกันในเรื่องกลิ่นนั้น ข้าพเจ้ารู้ตั้งแต่วัยเด็ก ดังที่กล่าวแล้วนั้น และย้งรู้ต่อไปถึงความชอบกลิ่นของสัดว์ต้วย ว่า บางอย่างกิชอบเหมือนคนเรา บางอย่างกิชอบดรงข้ามกับคน ในวัยเด็กที่ย่าชอบพาข้าพเจ้าไปพักอยู่กับท่านคราวละหลาย ยุ วันนั้น เป็นเวลาที่สงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งเลิกใหม่ ยุ ผู้คนค่อนข้าง อดอยากยากจน ในหมู่บ้านของย่าหลายสิบหล้งคาเรีอน ไม่มืบ้านใคร สักบ้านเดียวที่มืสัวม หรือแม้สัวมชนิดมืรื่อว่า \"เวจ\" อย่างบ้านพ่อแม่ ของข้าพเจ้ากิไม่มื ท่านอย่าเพิ่งนึกภาพว่า \"เอ๊ะ ถ้างั้นหมู่บ้านนั้คงเหมีนหึ่ง ด้วยกลิ่นอุจจาระคลุ้งไปหมดข้นะ\" เปล่าเลย สะอาดและไม่มืกลิ่น อะไรเลย ยิ่งกว่าหมู่บ้านของข้าพเจ้าเสียอีก www.kalyanamitra.org

๓๗ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีกลิ่นอุจจาระคนก็จริง แต่มีกลิ่นอุจจาระ ของหมูแทน หมู่บ้านของย่าเลี้ยงหมูกันทุกบ้านทีเดียว อย่างน้อยที'สุด ก็บ้านละ ๑ ตัว อย่างมากไม่เกิน ๔-๕ ตัว เขาไม่เลี้ยงไว่ในคอกเหมือน การเลี้ยงหมูสม้ยนี้ แต่เลี้ยงกันเหมือนเลี้ยงสุนัข คือปล่อยวิ่งเพ่นพ่าน ทัวไปตามใตักุนบ้าน หมูเหล่านี้เองทำหน้าที่เป็นฝ่ายกำจัดอุจจาระ เวลาใครปวดอุจจาระ ก็จะลือเศษไม้เล็ก ร] (ใตัสำหรับ ปาดกันเมื๋อถ่ายเสร็จ) แล้วเดินไปทางป่ารกท้ายบ้าน พอหมูเห็นคนลือ เศษไม้ติดมือ ม้นก็จะพากันวิ่งตาม ๔ ตัว ๔ ตัว เป็นพรวนไปทีเดียว ไปยืนล้อมวงอยู่ห่างจากตัวคนไม่มากน้ก (ราว กุ ไม่เกินเมตร) พอคน ถ่ายออกมากัอนแรก แมลงวันบินมาตอมก่อน แต่แทบจะไม่ไตัเกาะ กัอนอุจจาระเลย เจ้าพวกหมูเหล่านี้นก็กรูเกรียวรัอง อุด อุด กัด กัด กันเข้ามาแย่งเอาปากตันกันไปตันกันมา ตัวคนถ่ายก็ตัองรีบเลื่อนไปนั่ง ถ่ายตรงอึ่นต่อไป ข้าพเจ้าเป็นเด็กตัวยังไม่โตน้ก ส่วนหมูเหล่านั้นหลายตัว มืขนาดโตมาก บางทีม้นวิ่งเข้ามาแย่งกินอุจจาระของข้าพเจ้า จนตัวของ ม้นหัวของม้นชนข้าพเจ้าหกคะมำ หายปวดถ่ายไปเลย ในวัยเพียงแค่นั้น ข้าพเจ้าก็พิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไตัว่า \"ออ...เรากับสัตว์พวกนี้ชอบกลิ่นไม่เหมือนกันแฮะ ขึ้น่ะ เหม็นจะตายไป ไอ้เจ้าแมลงวันกะเจ้าหมูพวกนี้ม้นกล้บว่าหอมไตัยังไง ว่าหอมก็ย้งไม่พอ ม้นยังว่าอร่อยด้วย กินกันใหญ่เลย เจ้าประคู้น ขอเรา อย่าไตัมืบาปกรรมตัองไปเกิดเป็นสัตว์พวกนี้เลย\" อธิษฐานหนี ทั้งที่ไม่เคยมืใครบอกมาก่อนเลยว่า การตาย ของสัตว์ที่ยังมืกิเลสนั้น ตายแล้วไม่สูญหายไปไหน ต้องเวียนว่ายตายเกิด www.kalyanamitra.org

๓๘ ไปตามกรรมที่ทำเอาไว้ และเวลานั้นยังไม่มีปัญญารู้ว่า การเกิดเป็น อะไรแล้ว ชอบไม่ชอบ หรือต้องพบปะเจอะเจอสิ่งต่าง ร[ อย่างไร 6| นั้น เป็นเพราะอำนาจกรรมบีบคั้น แมลงว้นเอย หมูเอย ชอบอุจจาระ มนุษย์ เห็นว่าเป็นของดีของหอมสำหรับมัน นั่นเป็นเพราะสัตว์พวกนั้ ในสมัยเกิดเป็นคน ชอบเห็นการกระทำทางกาย วาจา ใจที่เป็นบาป เป็นทุจริตว่าเป็นสิ่งดีควรกระทำ เมื่อผลกรรมทำให้เกิดเป็นเดรัจฉาน กรรมก็ยังตามมาบังคับ ต้วยอำนาจความคุ้นเคยติดคัวมาจากชาติก่อน ให้เห็นของเหมีนเป็นของหอมของดีของอร่อย การติดกลิ่นสิ่งเป็นกามคุณชนิดหนึ่งในกามคุณ <jf (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผ้ส) ทำ ให้เกิดโทษทั้งที่เป็นปัจจุบันและอนาคตชาติ ภายภาคหน้า แค่เห็น จุ กันอยู่ทุกว้นนั้ ที่เราต้องชื้อของให้ที่ผลิตขื้นโดย เอากลิ่นมาล่อ เราก็ต้องแสวงหาเงินทองมาให้จ่ายล่าบากแย่อยู่แล้ว ยาสระผมนวดผม นํ้ามันหรือสเปรย์ฉีดผม แป้งทาหน้า ครีมรองพื้น ครีมทาหน้า นํ้ายาคับกลิ่นปาก คับกลิ่นคัว นํ้าหอมฉีดตามส่วนต่าง จุ ของร่างกาย นํ้ายาห้กผ้า ล้างจาน ล้างพื้นบ้าน นํ้ายาทำให้ผ้านุ่มและหอม น้าหอมฉีดในบ้าน ในรถ ในห้องนำ ห้องส้วม สบู่แข็ง สบู่เหลว อะไร จุ ก็ให้กลินให้สีมาล่อก่อน คุณภาพยังไม่รู้ ข็วิตแต่ละคนต้องเป็นทาส สินคัาที่เกินความจำเป็นทั้งข็วิต นึ่ไม่รวมเรื๋องเหล้าเรึ๋องบุหรี่ที่ผ้คนพากันติดกลิ่น ยี่ห้อนั้น ยีห้อนั้ กระทังต่างชาติก็ยังให้เรื่องบุหรี่มาต่อรองเรื่องกฎหมายการคัา ระหว่างประเทศ ล้ามีกำล้งรบเท่ากัน เรื่องบุหรี่ก็เป็นชนวนทำสงคราม กันไต้อย่างสบาย โทษของกลินในปัจจุบันชาติ เขียนเป็นวิทยานิพนธ์ ทั้งเล่มก็คงเขียนไม่หมด www.kalyanamitra.org

๓๙ สำ หร้บโทษในอนาคตชาติ ก็เนื๋องมาจากอกุศลกรรมที่ ประกอบไว้เพราะความติดกลิ่นหรือหลงใหลในกามคุณอย่างใดอย่าง หนึ่งเหล่านั้นเอง ผลของบาปก็ดามให้ทุกข์ให้โทษเหมือนเงาดามตัว นึ่เป็นโทษของกามคุณทุกชนิด ล้าท่านผู้อ่านเป็นน้กฬงเทศน์อยู่บ้าง ท่านคงจะเคยฬงพระ ภิกษุท่านสอนถึงอว้ยวะต่าง กุ ในร่างกายของคนเรา นึ่งเป็นที่ให้กามคุณ อารมณ์เกิด ไตัแก่ ดา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ พระท่านว่า ตา มีธรรมชาติเหมือนงู งูมันชอบอยู่ในทีรก เร/นป้า อยู่ใน ที่แคบเช่นรู และชอบแอบช่อนตัว ดาของคนเราก็ชอบดูอะไรที่เป็น ของแอบ กุ ช่อน กุ ปกปีด อะไรทีเขาปีดเขาช่อน ดาจะชอบซอกแชก อยากรู้อยากดู หู มีธรรมชาติเหมือนจระเข้ ชอบอยู่ในที่นํ้าลึก กุ เย็น กุ. หูก็ชอบฬงเสียงที่ทำให้เย็นหูเย็นใจ เสียงตุเสียงร้อนใจไม่ชอบฬง จมก มืธรรมชาติเหมือนนก ชอบที่โล่ง อากาศบริสุทธิ้ ไตั บินไปมาอย่างอิสระ จมูกก็ชอบความโล่งโปร่งสบาย ลิ้น มีธรรมชาติเหมือนสุนัขบ้าน เศษอาหารอะไรใครจะทิ้ง ลงมาจากเรือน เป็นต้องขอลองกินเสมอ ลิ้นก็ชอบลิ้มรสต่าง กุ ไม่ว่า จะเป็นรสดีหรือไม่ดี ข้มดูทั้งนั้น กาย มืธรรมชาติเหมือนสุนัขใน สุนัขป้า สุนัขจิ้งจอก ชอบ คลุกคลีเคี้ยวกินซากศพต่าง กุ ร่างกายคนเราก็เหมือนกัน ชอบคลุกคลี เคล้าคลึงสัมผ้สกับร่างกายของผู้กึ่น (เพศดรงข้าม) นึ่งว่าที่จริงร่างกาย นั้นไม่ว่าจะเป็นของใคร แท้ที่จริงแล้วก็เหมือนซากศพด้วยกันทั้งสิ้น www.kalyanamitra.org

๔๐ ใจ มีธรรมชาติเหมือนลิง ^งชอบอุกเลุกลน ชุกซนว่องไว ไม่มือยู่นิ่ง ไม่สงบ ใจก็ว่องไวในการคิด คิดไติ'รวดเร็ว เรึ๋องนี้เรึ่องนั้น ไม่มืหยุดนิ่ง สัาเราทดลองเอาท่อนไม้มาท่อนหนึ่ง เอาสัตว์ทั้ง ๖ อย่างนี้ ผูกไว้ คงจะเกิดโกลาหลวุ่นวาย เพราะต่างตัวต่างก็จะลากท่อนไม่ไปตาม ที่ม้นชอบ ทำ นองเดียวกน อว้ยวะทั้ง ๖ อย่างนี้ มืธรรมชาติไม่เหมือนกัน จึงคอยทำความทุกข์ให้กันและกันอยู่เสมอ เท่น ในการแสดงดนตรี หูอยากฬงเสียงเพลง แต่ตากล้บเมื่อย ตาเลยหลับ หูก็พลอยอดฬ'งเสียง ไปด้วย ตาอยากดูอะไรในที่คับแคบ เท่น ดูภาพยนตร์ ดูฟลอโชว์ ในสลานที'จำกัด ผู้คนมากมาย แต่จมูกไม่ชอบใจ เหมืนคว้นบุหรี่ หายใจ ไม่ออก เหมืนกลิ่นสุรา ลินอยากกินของอร่อย 6[ แต่ตาต้องไปมองเหนการฆ่ากุ้ง หอย ปู ปลาเป็นอาหารในคร้ว ตารู้สึกไม่ชอบ จมูกชอบยืนสูดอากาศบริสุทธิ๋ในที'โล่ง «1 แต่กายไม่ชอบ เพราะเมื่อย ไม่มืที'นั่งที'นอนให้อยู่ในท่าสบาย «1 ใจคิดอะไร ยุ อยากจะเขียนเป็นตัวอักษรไว้ แต่มือก็ไม่ยอม เขียน ตาก็ไม่ยอมทำงาน ใจอยากทำกรรมฐานเจริญภาวนา ให้คิดถึงสิ่งใดอยู่เรื่องเดียว เดี๋ยวหูก็ลากไปฬ'งเสียงคนคุยกัน เสียงสุนัขเห่า เสียงลมพ้ด ฯลๆ จมูกลากไปได้กลิ่นกับข้าวน่าอร่อย กายลากไปรำคาญอากาศร้อนอบอ้าว ตังนี้เป็นด้น www.kalyanamitra.org

ตัวอย่างข้างต้น หมายลึงธรรมชาติของอวัยวะเหล่านั้น ซึ่ง พร้อมจะใหกิเลสเข้าแทรกไต้ตลอดเวลา แฑรกแล้วก็ยังข้ดขวางการ ทำ งานของก้นและกัน ล้าหากเราขาดสติไม่ร้เท่าทันสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็จะต้องไต้รับ ทุกข์ยากต่าง «1 ในการคอยดูแลตามใจอวัยวะเหล่านี้ เผลอไผลนิดเดียว สิ่งที่มากระทบก็จะก่อให้เกิดกิเลสต่าง «[ มากมาย กิเลสบีบบังตับให้ กาย วาจา ใจ ประกอบอกุศลกรรม กรรมซึ่วเหล่านั้นเมื่อทำไปแล้ว ก็จะเกิดเป็นวิบาก (ผลของกรรม) ผลของกรรมก็คอยตามทวงหนี้เจ้าของ เจ้าของถูกกรรมเลว «[ เหล่านั้นทวงหนี้ ต้องประสบทุกข์ภัยต่าง «1 ทุกข์เหล่านั้นบีบจิตใจให้ประกอบกรรมขึ้นมาอีก และล้าผู้นั้นเป็นคน ไม่มีบัญญาพิจารณาเห็นสิ่งทงหลายตามความเป็นจริง ก็จะมีตัวกิเลส ที่ซึ่อโมหะ หรืออีกซึ่อเรียกว่า อวิชชา(ไม่รู้ตามจริง) เข้าคอยผสมโรงแทรก สิงในใจ บีบใจให้ทำกรรม ทำ กรรมแล้วก็มีวิบาก วนเวียนซึ่าซากเป็น วัฏจ้กร ต้วยเหตุนี้คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราที่ตรัสว่า เห็น สิ่งใด ก็ให้รู้ สักแต่ว่าเห็น ได็ยน สิ่งใด ก็ให้รู้ สักแต่ว่าได้ยิน ไดํ้กลิ่น สิ่งใด ก็ให้รู้ สักแต่ว่าไต้กลิ่น เคยวกิน สิ่งใด ก็ให้รู้ สักแต่ว่าไต้ลิ่มรส สํมผํส ต้วยร่างกายในสิ่งใด ก็ให้รู้ สักแต่ว่าไต้สัมผ้ส จึงเป็นการตัดไฟทีต้นลม ตัดแต่ต้น ไม่ให้หมุนเวียนเอา ความทกข์เข้ามาเกิด www.kalyanamitra.org

๔๒ คำ สอนตอนนื้ ข้าพเจ้าเคยอ่านพบ จำ ไคํ'ว่า ในสม้ยพระ สัมมาสัมพฑธเจ้าพระองค์ก่อน มีพระภิกษุสองรูปเป็นเพื่อนกัน บำ เพ็ญ สมณธรรมไม่สำเร็จ ตายแล้วคนหนึ่งไปเกิดเป็นพระพรหม อีกคน มาเกิดเป็นคนเดินเรือในสมัยครั้งพทธกาล เรือเกิดอับปาง ว่ายนํ้าเข้าหา ฝืง นำ พัดผ้านุ่งห่มหลุดไปหมด เป็นคนเปลือยกาย ผู้คนพบเหนเข้า พากันตืนํข่าวว่าเป็นผู้วิเศษ เป็นพระอรหันต์ตัดกิเลสได้หมด จึงพากันมา บูชาแห'แหน จนชายนั้นเข้าใจว่าดนเองเป็นพระอรหันต์จริง e[ เพื่อน ทีเกิดเป็นพรหมอยู่มีความเมตตา จึงเนรมิตกายใหัเห็นบอกว่า พระ อรหันต์ที'แท้จริงคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลานั้ประท้บอยู่ที'ใด ชายคนนีดีใจรีบเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพักเลย เพื่อ เข้าเฝัาพระบรมศาสดา มากึงในเวลาทีพระองค์เสด็จไปบิณฑบาต ก็ ตรงเข้าทูลขอพังพระธรรมเทศนาท้นที พระตถาคตเจ้าทรงกล่าวปฏิเสธ กึง ๒ ครั้ง (เพื่อใหัเกิดความเสียใจ คลายความตื่นเด้น ใจจะได้สงบลง) เมือทูลขอเป็นครั้งที ๓ พระพุทธองค์ตรัสสอนด้วยข้อความเพียง \"เธอจงพีงกระทำใจเนั้อฌ็นสิ่งใด ก็สํกแต่ว่าเห็น'' สอนสั้นเพียงเท่านี้ ชายผู้นั้นนึ่งข้อพาห็ยะพังแล้วคิดเองได้ ตลอด ได้ยินเสียงสักแต่ว่าได็ยิน ได้กลิ่นสักแต่ว่าได้กลิ่น ฯลฯ เขา สามารฉเนกิเลสเป็นพระอรหันต์ในเวลานั้นเอง นับว่าเป็นพระสาวก ทีเลิศด้วยการบรรลุธรรมโดยรวดเร็วฉับพลัน และกึงแก่ปรินิพพาน โดยยังไม่ท้นได้บรรพชาเป็นพระภิกษุ เพราะถูกแม่โคนึ่งเคยมีเวรต่อกัน มาขวิดดายในขณะคุ้ยเขี่ยหาเศษผ้าจากกองขยะเพื่อนำมาทำจึวร www.kalyanamitra.org

๔๓ เอามาเล่าใหํ้ทาน ปี^ ย่างรกเรรงหน'รว่า คนทิ่^งสมบารมไว้มาก ใfmรมเฬยงประโยคเดยา มป้พญาทำตนให้ปน จากทกข์ทั้งหมด เราห้งธรรมมาแล้วนบด้วยห้นด้วยแสนปร^โยค แม้ยังไม่ ล่าเรํ่จคณธรรมเบองปีง แต่ก็ถรว่าเรนการสว้างบญสะสมบารนเราไว้ จง ไม่ควรห้รแห้ห้รถรยในการทำกคส ให้หาน ว้กบาศส เจริญภาวนาให ยิ่งๆขนไม่ www.kalyanamitra.org

าธึฝืกสมาธิผองด้น ๓) นั่งฟ้ดสมาธิ เห้าขวาห้บเห้า ต่อไปนื้ ใใไทดลอง!!เกฟ้'อมควบ ห้าย มือขวาห้บมือห้าย นิ้วสีมือขวาจรด คุมใจคนเองให้อยู่ในความสงบส์'วยการ ห้วแม่มือห้าย หลับคาพอปีดสน้ท แต่ ทำ สมาธิในพุทธศาสนาดามแนววิชชา ไม่ลึงกับบีบกห้ามเนื้อคา ตั้งกายครง ธรรมกาย ห้ารงสตีมั่น ๑) สำ รวมใจ ระสกถงบุญกุศล ๔) กำ หนดเครื่องหมาย ดวง ที่เคยทำมาตีแห้วตลอดธิวิต เพื๋อยังความ แก้ว ใหํใสเหมือนเพชรลูกที่เจียระไน ต่มธินให้แก่จิดใจ สิงใดห้ากระทำ ห้า เห็น ห้าไห้ยิน ห้าระลึก!เงแห้วก่อให้เกิด เป็นดวงกลม ๆ ไม่มืห้าหนี สีขาวใสเย็น ความไม่สบายใจ ควรเว้นเสีย คาเย็นใจ โคเท่ากับแกัาตาห้า นิ้เรืยกว่า Id) กราบบุชาพระร''คนตห้ย บ!กรรมนมิด น้อมมาตั้งไว้ที่ศูนย็กลาง หน้าที่บุชาพระ สมาทานศีลห้า (หรือ กายฐานที่ ๗ (ดูภาพ) แห้วบริกรรม ศีลแปดคามก่าห้งศรัทธา) ตั้งใจรักษา ภาวนาในใจเป็นพุทธานุสตีว่า ส'มิมา ให้มั่น อะระหง บริกรรมตั้งสองอย่างนิ้ให้ ควบค่กันไป ภาพแสดงทตั้งจฬฑั้ง ๗ ฐาน ฐานท•ปา๗อง9มูท หญิงช่างช่'ใย 5านก่ ta เพอาคา ชายช่างขวา ฐานที่ เท จอมปาะศาท หญิงช่างช่าย ชายช่างขวา ฐานที่ ๙ช่องเพคาน '\"ไ.) to นั้วมอ ฐานที่๕ ปาทช่องส์าคอ ฐานที่ ๖ คนย์ทลางทายระifบระรอ ฐานที่๗ ภูนfiทลางทายที่รงจคทาวร www.kalyanamitra.org

ภาพนflftง^ง«ท^<1 ๗ รไน Jiufi•ปา๗รฬนท I พญิผัาง4*10 ชาพ่ทพท ฐาน*!to เพ«ใ«า j าาญิฬาฬ'ใซ 1 _ 1.V _ 'ขาฬางขวา ฐาน*!ท จอมปวะขาท ะ.., ..'.ไ ฐานฑึ่ ๔ช่องเพคาน ฐาน*!๕ ปา๗องส์าคอ ฐานฑึ่ ๖ คูนทคางทาอวะฟันระคือ ฐาน*!๗ คูน6ทคางกายที่^ง?คทาวว เปือนิมิตเปีนดวงเแ^ไวไสเ!1คชื้น ดวงแห้วที่เจียระไนแลัว ใสสะอาดไม่ แส์ว ให้หยุดบริกรรมภาวนาเหลอแต่ การกำหนดสติอยู่กลางดวงนิมิดอย่าง มีรอยขึดรอยถ้าว สว่างเย็นดาเย็นใจ เดียว ถ้าดวงนิมิดเกดชื้นที่ดีน เช่น ดรง ขนาดประมาณเท่าฟองไข่แดงของไข่ไก่ ห้วดาบ้าง บ้างหห้าบ้าง หห้าห้องบ้าง หรืออย่างโดก็ขนาดเส้นผ่าคูนย็กลาง ให้ห้อมเอานิมิดนั้น มาติงไถ้ที่คูนย์กลาง กายฐานที่ ๗ แต่อย่าใบ้แรงบ้งคับ ประมาณหนิงคืบ เมึ๋อใจหยุดลูกส่วนเบ้า ในที่คูดจะมีถ้ศมีสว่างรอบดวงสามารถ ห้าใจให้หยุดเบ้าไปดรงกลาง ดวงนิมิด เห็นจุดคูนย็กลางดวง บ้งมีขนาดเล็กเท่า เริอยไปไม่ลอยหคังกลับ ดวงนิมิดก็จะ ปลายเข็ม ดวงนิมิดนั้ดีอ ดวงธรรม สว่างสดใสยิ่งชื้น จะนิกให้Iหญ่หรือเล็ก เรืยกว่า ดวงปฐมมรรค ที่ชื้อเช่นนั้ ก็ไคัดามปรารถนา เพราะเชนหนทางเบั้องคันไปส่มรรค ผลและนิพพาน ฉะนั้น ด้องหมํ่น เมึ่อใจหยุดลูกส่วน นิมิตที่เกิด ประคองถ้กษาไ'รให้ดี จนกว่าจะเห็น ชื้นจะเห็นได้บ้ดเจน มีลักษณะเหมือน อยู่ดลอดเวลา ทั้งนั่ง นอน ยืน เติน จีงจะห้บได้ว่า ได้ที่พึ่งลันประเสริฐ www.kalyanamitra.org

ไเอควรระวํง ๑- อย่าใสัฟ้าสงคอ'น11ฟ้โ/1า๙ง สว่างเป็นบาทเบื้องล้น เมิอเกิดนิมิด เป็นดวงสว่างแล้วค่อยเจริญวิปัสสนา ใด*1 ทั้งเน ฟนไมบบกล้ามเนื้อตา เ<^อจะใล้เฟ้นน£1ตเ^ว ๆ ไม่เกร็งแขน ไนภายหล้ง จึงไม่มีความจำเป็นล้อง ไม่เกร็งกล้ามเนื้อทล้าล้อง ไม่เกร็งล้ว ฟ้าหนดคมหายไจเล้าออกแด่ประการได เพราะ การไล้ฟ้าล้งดรงส่วนไหนของ ๔. เมีอเคกจากนั่งสมาธแล้ว ร่างกายฟ้ดาม จะฟ้าไล้จิดเคส์อนจาก ไล้ดงไจไว้ที่คูนรกคางกายที่เดียวไม่ว่า ชุฟเกคางกายไปส่^ดนั้น จะอยู่ไนอิริยาบกไดก็ดาม เช่น ยืนก็ดี เดินก็ดี นอนก็ดี หรือนั่งก็ดี ล้ามล้าย ๒. อย่าอยากเล้น คอ ฟ้าไจไล้ เป็นกคาง ประคองคดิมิไล้เผคอจาก ฐานที่ทั้งจิตไจไปไว้ที่อึ๋นเป็นกันขาด บรกรรมภาวนาแคะบริกรรมนิมิด ส่วน ไล้ทั้งไจบริกรรมภาวนาพว้อมกับนิกยืง จะเล้นนิมิดเมิอไดนั้นอย่ากังวค กัาคึง บริกรรมนิมิดเป็นดวงแกัวไสควบคู่กัน เวคาแล้วย่อมเล้นเอง การปังเกิดของ ดคอดไป ดวงนิมิดชุปมาเสมิอนการนื้นแคะดกของ ๕. นิมิดด่าง ๆ ที่เกิดยืน จะ ล้องน้อมไปทั้งไว้ที่คูนรกคางกายทั้งหมด ดวงอาทิดรไม่อาจจะเร่งเวคาไล้ ๓. อย่ากังวค!เงการกำหนด กัานิมิดที่เกิดยืนแล้วหายไปก็ไม่ล้อง คมหายไจเล้าออก เพราะการฟืกเจริญ ดามหา ไล้ภาวนาประคองไจต่อไปดาม ภาวนาดามแนววิชชาธรรมกายอาล้ย ปกติ ไนที่สุด เมีอจิดสงบ นิมิดย่อม ปรากฎขื้นไหม่อิก การเพ่ง อาโคกกสผ ล้อ กสิผแสง www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org