Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ThaiVersion

Description: ThaiVersion

Search

Read the Text Version

การท่องเท่ยี วไทยในวันวาน เขยี นโดย สตฟี แวน บีค เรียบเรยี งโดย รอย ฮาวเวริ ์ด

คำ�น�ำ แนวคดิ การจดั ทำ�หนังสือเล่มนี้เกดิ มาจากการพดู คยุ ในชว่ งปี 2014 ระหวา่ งคุณชนนิ ทธ์ โทณวณกิ แห่งบรษิ ัท ดสุ ติ ธานี จ�ำ กดั (มหาชน) และคุณรอย ฮาวเวิร์ด อดตี ผจู้ ดั การฝ่ายโมษณา บรษิ ัท การบินไทย จำ�กดั (มหาชน) ในหัวข้อ ทเี่ ก่ียวขอ้ งกับการเตบิ โตของอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวในประเทศไทยในชว่ ง 60 ปที ีผ่ า่ นมา การเตบิ โตอยา่ งรวดเร็ว เชน่ นเ้ี ปน็ ผลมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเปน็ อุปนสิ ัยท่ีอบอุน่ และไมตรจี ติ ดา้ นการบริการของคนไทย ทัศนียภาพที่ งดงามและหาดทรายท่ขี นึ้ ชอ่ื ในระดบั โลกภายใตภ้ ูมิอากาศแบบรอ้ นชนื้ ที่เหมาะแกก่ ารตากอากาศ รวมไปถึงอาหาร รสเลิศทีถ่ กู ปากใครต่อหลายคน แตค่ วามสำ�เร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากวิสยั ทัศนข์ องรัฐบาลไทยและการ สนับสนนุ จากบรรดาผูป้ ระกอบการในการลงทนุ ก่อสร้างท่ีพัก รสี อรต์ ศูนย์กลางการชอ็ ปปิง้ บรกิ ารทางดา้ นการบิน และนำ�เทยี่ ว ร้านอาหาร รวมไปถึงการลงทุนเชงิ งบประมาณ เป้าหมายของการจัดพิมพ์หนังสือเล่มน้ีเพ่ือท่ีจะเผยแพร่ข้อมูลซึ่งถือเป็นข้อมูลเชิงลึกคร้ังแรกที่เกี่ยวข้องกับ อตุ สาหกรรมการทอ่ งเทยี่ วของประเทศไทยซง่ี ท�ำ รายไดใ้ หก้ บั ประเทศไทยเปน็ สดั สว่ นสงู ถงึ 17%ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวม และยังได้ช่วยสรา้ งงานมากกวา่ 6 ล้านคน หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเสมือนบนั ทกึ บอกเลา่ เรอ่ื งราวของนักท่องเท่ียวชาว ตะวันตกในยคุ แรกที่มาเยือนประเทศไทยและการเปล่ยี นผา่ นของกรงุ เทพจาก ‘เวนิสแห่งตะวนั ออก’ ไปสูม่ หานครแห่ง การทอ่ งเทย่ี วทไี่ ด้เปิดประตูต้อนรับผ้มู าเยอื นจากทวั่ โลก ในเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ยังได้แทรกประวัติของบุคคลสำ�คัญที่ได้มีส่วนช่วยสร้างความสำ�เร็จแก่การท่องเที่ยว ของประเทศไทยไปพร้อมๆกับความทา้ ทายท่ีแตล่ ะทา่ นไดเ้ ผชิญเมอ่ื เข้าสสู่ มรภมู กิ ารท่องเท่ียวในระดบั โลก เนอ่ื งจาก หนงั สือเลม่ นไี้ ดท้ ำ�การค้นควา้ ขอ้ มลู เชงิ ประวตั ศิ าสตรท์ ีย่ อ้ นหลังกลับไปถงึ 60 ปี ทำ�ใหก้ ารสัมภาษณบ์ ุคคลทอ่ี ยใู่ น ชว่ งเวลาดงั กลา่ วไม่สามารถเป็นไปได้อย่างครบสมบูรณ์ อยา่ งไรกด็ ี เราได้พยายามอย่างย่งิ ท่จี ะท�ำ ให้หนงั สือเล่มนมี้ ี ขอ้ มูลทีค่ รบถ้วนและสมบูรณ์เท่าที่จะท�ำ ได้และเราอยากจะขอขอบคณุ ทุกทา่ นท่ีไดม้ สี ว่ นชว่ ยเหลือในการน้ี ผู้จัดทำ�หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มน้ีจะสามารถให้ข้อมูลอ้างอิงท่ีเป็นประโยชน์แก่นิสิตนักศึกษาและห้องสมุด มหาวิทยาลยั โรงเรยี น ตลอดจนผูท้ ีส่ นใจในหวั ข้อทีเ่ กย่ี วขอ้ งน้ี เราอยากจะขอขอบคุณผ้สู นบั สนุนทกุ ท่านท่มี สี ่วนร่วม และชว่ ยสนบั สนนุ ให้หนังสือเลม่ น้ไี ดเ้ กิดขึ้น บริษทั ดสุ ติ ธานี จำ�กัด (มหาชน)

สารบญั บทน�ำ ความสำ�เรจ็ ของอุตสาหกรรมการทอ่ งเทย่ี วไทยในภาพรวม ดนิ แดนในฝัน ประเทศไทย คนไทย ประวตั ศิ าสตร์ และความหลากหลายอันนา่ อัศจรรย์ มนต์เสนห่ ์ที่แตกตา่ ง ผ้มู าเยือนในยุคแรกและความประทบั ใจแห่งเมอื งสยาม พระมหากรุณาธคิ ณุ ของสถาบนั พระมหากษตั ริย ์ บทบาทส�ำ คญั ของสถาบันพระมหากษตั ริย์ตอ่ การเติบโตของการทอ่ งเทีย่ ว สรา้ งชอ่ื เสยี งไทยใหก้ อ้ งไกลไปท่วั โลก บทบาทของ ททท.และภาคเอกชนในการโปรโมทการท่องเที่ยวไทย กรุงเทพและรอบทิศถ่ินไทย การเตบิ โตของการท่องเท่ียวในกรุงเทพและทั่วเมอื งไทย สร้างพ้นื ฐานรองรบั การเติบโต การพัฒนาสาธารณูปโภคพนื้ ฐานเพ่ือรองรบั ความต้องการของการท่องเที่ยว การเปิดบ้านต้อนรบั โลก โรงแรมในยคุ เรม่ิ ตน้ และยคุ ตอ่ มา ท้องนภาสีฟ้า การพฒั นาธุรกจิ การบนิ ที่นำ�โลกกว้างสู่ประเทศไทย สรา้ งความหลากหลาย ขยายจุดเดน่ สรา้ งความหลากหลายทางการท่องเทีย่ วเพ่อื รองรับตลาดท่เี ปลีย่ นแปลง กิตตกิ รรมประกาศ

บทน�ำ ตลอดระยะเวลากวา่ 60ปที ี่ผ่านมาอุตสาหกรรมการทอ่ งเทยี่ วไดพ้ ลิกโฉมหนา้ อุตสาหกรรมการขนสง่ โรงแรมรีสอรต์ และภาคการทอ่ งเที่ยวของประเทศไทย โดยไดเ้ ปิดทางให้แก่ความคดิ สร้างสรรค์และไอเดียใหมๆ่ รวมไปถึงการปรบั เปล่ียนในเชิงภูมทิ ศั น์ทางวฒั นธรรม การท่องเทย่ี วยังได้ขยายตัวอย่างมากจากภาคสว่ นขนาดเลก็ ของเศรษฐกจิ ประเทศไปสู่ภาคส่วนหลักท่ีสร้างรายได้หลักให้กับประเทศไทยซึ่งได้นำ�ความม่ังค่ังและความก้าวหน้ามาสู่บรรดา เมอื งใหญ่ รวมไปถงึ ครัวเรือนในชนบทตา่ งไดป้ ระโยชน์จากการเติบโตของการทอ่ งเท่ยี วอกี ดว้ ย อาจกลา่ วไดว้ ่าสง่ิ ส�ำ คัญทส่ี ุด คือความพยายามจากทกุ ภาคส่วนและทกุ ชนชั้นทางสังคมและเศรษฐกจิ ท่มี สี ่วนช่วยผลกั ดนั การเติบโตนี้ ไมว่ ่าจะเปน็ นายทนุ เจ้าของโรงแรมไปจนถึงบรรดาผคู้ ้าขายรมิ ถนน การทอ่ งเท่ียวยงั ประสบผลส�ำ เรจ็ ยง่ิ กวา่ อุตสาหกรรมใดๆ ในการสรา้ งภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้ปรากฎเดน่ ชดั ในระดบั โลก ด้วยการสร้างประสบการณ์ท่ีตราตรึงใจใหก้ ับผทู้ ีไ่ ดม้ าสัมผัส ดินแดนท่ีซง่ึ ไมเ่ หมอื นกบั เมอื งท่องเทย่ี ว อนื่ ๆ เพราะการทอ่ งเทย่ี วไทยยังคงเตบิ โตอยา่ งตอ่ เนือ่ งมาโดยตลอดในช่วงครง่ึ ศตวรรษทผ่ี ่านมา เห็นไดช้ ดั เจนวา่ การท่องเทย่ี วไทยไดฉ้ ายแววโดดเด่นตั้งแตร่ ะยะแรกของการเตบิ โตเลยทีเดียว หนงั สอื เลม่ นีเ้ ปน็ เล่มแรกท่ีอธิบายวิสยั ทศั น์ เร่อื งราวรวมถึงความทุม่ เทของบรรดาผบู้ ุกเบิกอุตสาหกรรมการท่องเทยี่ ว ในยุคแรก ในขณะเดยี วกนั ไดน้ �ำ พาท่านผู้อ่านย้อนเวลากลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) ถงึ พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) ซ่ึงเป็นช่วงเรม่ิ ต้นทีป่ ระเทศไทยเปิดโอกาสใหก้ ับการลงทุนต่างๆ ซ่ึงจะทำ�ให้ทา่ นไดท้ ราบข้อมูลเก่ยี วกบั วิวัฒนาการของบรษิ ทั ในยคุ นั้นจวบจนถึงปจั จุบัน ชีวประวัติ เร่อื งราวและคำ�พดู จากบรรดาผูน้ ำ�ในวงการท่องเที่ยวไทยไดเ้ พม่ิ อรรถรสและความนา่ สนใจให้กบั เรื่องราว เหล่านี้ ซงึ่ แน่นอนวา่ ไมเ่ คยถกู เปดิ เผยมากอ่ น  

ดนิ แดนในฝัน ประเทศไทยเปน็ ประเทศทีม่ คี วามหลากหลายอันน่าอศั จรรย์ ไม่เฉพาะแต่เพียงภูมปิ ระเทศ แต่ยังรวมไปถึงผคู้ นอีก ดว้ ย ประเทศไทยมอี าณาเขตโดยรวมทัง้ สนิ้ 513,120 ตารางกิโลเมตร (198,120 ตารางไมล์) ซง่ึ จัดอยูใ่ นประเทศ ท่ใี หญ่เป็นอันดับท่ี 50 ของโลก ใกลเ้ คียงกบั ประเทศสเปนและเลก็ กวา่ รัฐแคลิฟอรเ์ นยี ประเทศสหรฐั อเมรกิ าเพียง เล็กน้อย ประเทศไทยมพี รมแดนตดิ กับประเทศพม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศกมั พชู า และ ประเทศมาเลเซยี และต้งั อยใู่ จกลางของทวปี เอเซียตะวันออกเฉียงใต ้ ภูมิประเทศที่หลากหลายนำ�มาซึ่งสถานท่ีอันสวยงามมากมายท่ีเอื้ออำ�นวยให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรรตามความชอบ ไมว่ ่าจะเป็นการพักผ่อนหรอื กิจกรรมผจญภัยอย่างเช่น ปีนหน้าผา หรอื การพายเรือ ซึง่ ไดร้ ับความนิยมอย่างมากใน ชว่ งทศวรรษทีผ่ า่ นมา กิจกรรมกลางแจ้งอ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ การเดนิ ปา่ ในภเู ขาทางภาคเหนอื การต้งั แคมปใ์ นป่า การพกั ผ่อน แบบโฮมสเตย์ในหม่บู ้านกลางทงุ่ นา และการด�ำ น�ำ้ ชมทัศนียภาพใตน้ ้ำ�ในจุดท่สี วยท่ีสุดแห่งหนึ่งของโลกในทะเลทาง ภาคใต้ นอกจากนยี้ งั มกี ฬี าทางนำ�้ อาหารรสเลิศและรีสอร์ทหรูหลายแหง่ บนชายหาดทท่ี อดยาวกวา่ 3,219 กม. ตามแนวอ่าวไทยและทะเลอันดามันทางภาคตะวันออกของอ่าวเบงกอล สภาพภูมอิ ากาศอยู่ในเขตรอ้ นช้นื กับอณุ หภูมทิ มี่ ีตัง้ แตเ่ ย็นสบาย ร้อนจดั และร้อนชื้น แต่ล้วนเป็นทีช่ นื่ ชอบของบรรดา นักอาบแดดท่วั โลก ฝนที่ตกในชว่ งเดอื นมิถุนายนถงึ เดือนพฤศจิกายนจะตกลงมาเป็นช่วงๆพรอ้ มกับลมพายุในบางคร้ัง ซงึ่ เมด็ ฝนทโี่ ปรยมาได้มอบความเขยี วขจีและความชมุ่ ช้นื ให้กบั ทัศนียภาพ ในฤดูทอี่ ากาศเยน็ สบายจะเปน็ ชว่ งท่ีไดร้ บั ความนยิ มทีส่ ุดในหมู่นกั ท่องเทย่ี วซ่งึ จะมีระยะเวลาตง้ั แต่เดอื นธนั วามคมไปจนถงึ เดือนกุมภาพันธ์ เป็นท่นี ่าสังเกตวา่ ถา้ เทยี บกบั บรรดาประเทศเพือ่ นบา้ นใกล้เคยี งนน้ั ประเทศไทยมักไมค่ อ่ ยได้รับผลกระทบจากภยั ธรรมชาติ เชน่ ไตฝ้ ุ่น หรอื แผ่นดนิ ไหว ไมน่ บั รวมคล่นื สนึ ามทิ เี่ กดิ ขึน้ ในปี 2004 ซง่ึ ถอื เปน็ ประวตั กิ ารณใ์ นประวตั ศิ าสตร์ของประเทศ ความอดุ มสมบรู ณข์ องธรรมชาตทิ สี่ วยงามนีไ้ ดเ้ ปน็ ทเ่ี ล่ืองลือ ดงั ปรากฎในคำ�กล่าวของบรรดาผมู้ าเยอื นในศตวรรษที่ 19 ดังเช่น แมกซ์เวล ซอมเมอรว์ ลิ ล์ ทีไ่ ดบ้ รรยายในระหว่างการเดนิ ทางจากต้นนำ�้ สู่กรุงเทพในปี ค.ศ. 1897 ซง่ึ เขา ไดค้ ้นพบความน่าตื่นตาตื่นใจของสองฝง่ั แม่น้ำ�ทป่ี กคลมุ ไปดว้ ยปา่ อนั อุดมุ สมบูรณ์ “ในขณะท่เี ราก�ำ ลังถงึ จุดหมาย สองข้างทางเตม็ ไปด้วยฝูงลิงท้งั ตัวเลก็ ตัวใหญห่ อ้ ยโหนอยบู่ นต้นไม้ บางสว่ นไดล้ งมา เล่นน้ำ�ตามรากต้นไม้ที่งอกบริเวณแนวชายฝั่งอย่างเงียบสงบและเป็นธรรมชาติเสมือนหน่ึงมีมนุษย์จิ๋วมาว่ิงเล่นอยู่รอบ ตวั นกแก้วซึง่ ถา้ เปน็ ในอเมริกาได้อยู่เพยี งแตใ่ นกรง แตใ่ นทีน่ ้เี ราไดเ้ ห็นมนั บนิ ไปมาทวั่ ท้งั บริเวณสองฝากฝ่ังแม่น้�ำ ” ในขณะทีพ่ ้ืนทที่ างธรรมชาติบางส่วนได้ถกู ถางเพอ่ื ท�ำ การเกษตรและปลกู สรา้ งท่ีอยอู่ าศยั ขอ้ มูลขององค์การอาหาร และการเกษตรแหง่ สหประชาชาติ (FAO) ในปี 2011 พบว่า ยงั มพี น้ื ทีถ่ ึง 37.1% ของประเทศหรือประมาณ 18,972,000 เฮกเตอร์ (189,720 ตร.กม.) ยังคงปกคลุมไปด้วยปา่ ไม้ซงึ่ รวมถึงป่าเชงิ พาณิชย์ทม่ี พี ้นื ทถ่ี ึง 3,986,000 เฮกเตอร์(39,860ตร.กม.) ซึง่ ในพนื้ ที่เหลา่ นี้880ตร.กม.ไดถ้ กู จัดสรรให้เป็นอุทยานแห่งชาติจ�ำ นวน127แห่ง (22แหง่ คืออทุ ยานทางทะเล) ซึง่ เต็มไปดว้ ยสัตว์ปา่ และนกหลากหลายสายพันธ์ทุ ่ีเปิดใหน้ ักท่องเทีย่ วไดเ้ ข้ามาตง้ั แคมป์ และเดนิ ป่า

ประเทศไทยมีประชากรทั้งหมด 67 ลา้ นคน (ปี2013) ในจ�ำ นวนน้ี 1.5 ลา้ นคนได้เป็นผู้อพยพทไ่ี ด้มาตัง้ ถ่ินฐานใน เมอื งไทย ไทยคอื ช่ือทใี่ ชเ้ รยี กชาตพิ ันธุไ์ ทย (แตอ่ นั ท่ีจรงิ แล้วเป็นการผสมกันระหว่างคนหลากหลายชาติพันธุ์ไม่ว่า จะเปน็ พมา่ ลาวหรอื มาเลย์) ซง่ึ เป็นกล่มุ ชาตพิ ันธห์ุ ลกั ของประเทศ ชาวจีนได้เรมิ่ เข้ามาในอาณาจกั รสยามในชว่ ง ศตวรรษที่ 12 และไดเ้ พิ่มจ�ำ นวนอย่างรวดเร็วเปน็ 9 ลา้ นคนในช่วงศตวรรษทผี่ ่านมา ซึง่ ถือว่าเป็นชาตพิ ันธุ์ทใ่ี หญ่ ลำ�ดบั สอง ท�ำ ใหป้ ระเทศไทยมีชมุ ชนชาวจนี ทใี่ หญ่ทีส่ ุดในภูมภิ าคเลยทเี ดียว ส่งิ ที่นา่ สนใจคอื การเข้ามาผสมผลานของชาตพิ ันธจุ์ ีน ซึ่งชาวจีนน้นั ได้เขา้ มามบี ททบาทตัง้ แตส่ มัยกรงุ ศรีอยธุ ยา (ปี 1351-1767) และไดม้ ีสว่ นสรา้ งความม่ังค่งั ให้กับเศรษฐกจิ ของสยามผ่านการคา้ ขาย ชาวจนี จ�ำ นวนมากไดน้ ยิ ม เปลี่ยนนามสกลุ และไดด้ �ำ เนนิ การขอสัญชาตเิ ปน็ พลเมอื งไทยรวมถึงได้แต่งงานกบั คนไทยอกี ด้วย ซ่ึงการผสมผสาน ทางชาติพนั ธ์อุ ันหลากหลายน้ที �ำ ให้ยากต่อการทราบท่ีมาของชาติพันธด์ุ ้ังเดิม ถดั จากกลมุ่ ชาวจนี คอื กลมุ่ ชาตพิ นั ธทุ์ อ่ี ยทู่ างใตข้ องประเทศซง่ึ สว่ นใหญม่ เี ชอื้ สายมาเลยแ์ ละนบั ถอื ศาสนาอสิ ลามกลมุ่ นี้ มสี ัดส่วนประมาณ 5% ของประชากรซ่งึ รวมถึงชาวอนิ เดีย ปากีสถาน ลาว พมา่ และเวียดนามทปี่ ะปนอยอู่ ีกด้วย นอกจากนีย้ งั มีชนกลุ่มน้อยซ่ึงเข้ามาตง้ั ถน่ิ ฐานจากพรมแดนทางเหนอื ของประเทศไทยเมื่อประมาณ 120 ปีก่อนซึ่ง แบ่งออกเปน็ 6 กลมุ่ หลักซึ่งลว้ นมีความตา่ งทัง้ ภาษา ความเชือ่ ทางศาสนาและขนบธรรมเนียมประเพณแี ต่อย่รู ่วมกัน อยา่ งสันตสิ ุข ภาพจากแผนทีท่ างตอนเหนอื ได้แสดงท่ีต้งั ของชนกลุ่มน้อยทงั้ 6 กลมุ่ น้โี ดยแทนดว้ ยจุดสีทีต่ ่างกันละม้าย คล้ายคลงึ กับภาพวาดท่ีใชเ้ ทคนิคการผสานจุดสมี ากกวา่ ทจี่ ะแบง่ แยกเป็นชอ่ งๆแบบกระเบื้องโมเสก เพื่อแสดงให้ เหน็ วา่ ไม่มกี ลมุ่ ใดทค่ี รอบครองพ้ืนทใี่ ดพืน้ ทีห่ น่งึ เปน็ หลักแต่ได้อยู่ปะปนกนั ระหวา่ งชนกลมุ่ ต่างๆ อาจกลา่ วไดว้ า่ การใหค้ ำ�นยิ ามของความเปน็ คนไทยน้นั ไม่ใชเ่ รื่องงา่ ยเลยทีเดยี ว ความอดุ มสมบรู ณ์ของพืน้ ทแ่ี ละสภาพ อากาศทเ่ี หมาะสมทส่ี ง่ ผลตอ่ การเจรญิ งอกงามของพชื พนั ธไ์ุ ดเ้ ปน็ สง่ิ ทด่ี งึ ดดู ใหผ้ คู้ นเขา้ มายงั ผนื แผน่ ดนิ น้ี หลายศตวรรษ ทผี่ า่ นมา ผคู้ นได้เข้ามาและได้อยอู่ าศยั จนช่ัวลกู ชั่วหลานและแนวโนม้ น้ียังคงเป็นอยู่จนถึงปัจจบุ นั นบั รวมถึงชาวตา่ ง ชาติท่ไี ด้เข้ามาใช้ชวี ิตหลังเกษยี นอายุอกี ด้วย ประเทศไทยมศี าสนาท่คี นส่วนใหญน่ ับถอื ถงึ 6 ศาสนาหลักของโลกดว้ ยกัน สงั คมไทยข้ึนช่อื ว่าค่อนขา้ งเครง่ กับความ เช่ือทางศาสนาเป็นอย่างมาก ประชากรสว่ นใหญ่ของประเทศ (92%) นับถือศาสนาพทุ ธนิกายเถรวาท ประมาณ 5% ของประชากรนับถอื ศาสนาอสิ ลาม และส่วนทีเ่ หลือนบั ถอื ศาสนาพทุ ธนิกายมหายาน ศาสนาคริสต์ ศาสนาฮนิ ดู และศาสนาซิกข์ นอกจากน้ยี งั มีลทั ธิทน่ี บั ถือภตู ผีวญิ ญาณซึ่งเป็นของชนกล่มุ น้อยที่อาศัยอย่ตู ามป่าเขา หากยืนอย่ทู ่ี สะพานพทุ ธและมองไปในรศั มี 500 เมตรจะเห็นทง้ั วัดวาอาราม มสั ยิด วัดจนี โบสถ์คาทอลิกและโบสถ์ซิกข์ปรากฎ อยรู่ อบตวั แตอ่ ย่างไรกต็ าม ไม่เคยปรากฎความขดั แยง้ หรือการปะทะกนั ทางศาสนา ดว้ ยธรรมชาติของคนไทยท่ีงา่ ยๆสบายๆจงึ เป็นปจั จยั หลักทีส่ ร้างความส�ำ เรจ็ ใหก้ บั การท่องเท่ียว ความมีน้�ำ ใจของคน ไทยทต่ี อ้ นรับนักทอ่ งเทีย่ วจากทกุ สารทิศเป็นผลมาจากการหล่อหลอมทางชาติพันธุม์ าแต่ครัง้ ประวตั ิศาสตร์ ไม่วา่ จะ เป็นชนชาติเปอร์เซีย ชาวจีน ชาวแอฟริกันตอนเหนือ ชาวยุโรปและอื่นๆ ศาตราจารย์ เดวิด เค. ไวอาจ (David K. Wyatt) ศาสตราจารย์รับเชิญผู้เขียนหนังสือประวัตศิ าสตร์ไทยฉบบั สงั เขปท่ีได้รบั การยอมรับอย่างแพรห่ ลายได้ บรรยายถึงความเป็นไทยไวอ้ ยา่ งเหน็ ภาพ เมอื่ ครัง้ ทที่ า่ นได้รบั เชญิ ใหไ้ ปบรรยายท่ีสยามสมาคมเมอ่ื 20 ปที ่ีแล้ว

ไดม้ คี นถามทา่ นว่ามีแผนทีจ่ ะปรับปรุงเนอื้ หาในหนังสอื หรอื ไม่ ทา่ นไดใ้ หค้ ำ�ตอบท่สี รา้ งความตกตะลงึ ให้กับผ้คู นว่า “ผมอยากที่จะโยนมันทิง้ ลงถังขยะเสียด้วยซ�้ำ ” และทา่ นไดอ้ ธบิ ายตอ่ วา่ “ผมไมร่ ้วู ่าคนไทยจรงิ ๆคอื อย่างไร ดูจาก ผู้คนรอบตัวเหล่าน้ีทเี่ รียกตวั เองวา่ คนไทย อะไรคือสงิ่ ที่หลอมรวมใหเ้ ป็นชาติพันธุไ์ ทย ในเมอ่ื พวกเขาเป็นส่วนผสม จากหลากหลายชาตพิ ันธุ์ในโลกน”ี้ ส่ิงท่ที า่ นพูดนนั้ มีประเด็นอย่างย่งิ เมือ่ มองจากคนไทยรอบตัวท่ีเดนิ ผ่านไปมาตามทอ้ งถนน พวกเขาล้วนมีรปู ร่าง หนา้ ตาและผิวสีท่ีต่างกัน คนไทยจงึ เป็นชาตพิ ันธุท์ ่ีมีความผสมผสานมาต้ังแตป่ ระวตั ิศาสตร์ ซ่ึงขอ้ สนับสนุนนี้สามารถ พบไดจ้ ากข้อมลู เชิงประวตั ศิ าสตร์ ในอดตี กลมุ่ อทิ ธิพลหลกั จะเป็นพวกยุโรปและอาเซียน แต่ทุกวนั นต้ี ามทวั่ ไปเป็นปกตทิ ีจ่ ะเหน็ ชายชาวไนจีเรียกับ ภรรยาชาวไทยเดนิ จูงมอื ลกู ชายตวั น้อยในชดุ นกั เรยี น หรือหญิงมสุ ลมิ ทคี่ ลมุ ฮญิ าบนัง่ กินขา้ วกับเพ่อื นชาวพุทธ จงึ เป็น สง่ิ ทท่ี �ำ ให้นักท่องเทีย่ วรบั รูไ้ ดถ้ งึ ความเป็นมิตรและการตอ้ นรบั อย่างอบอนุ่ ต่อชาวต่างชาติ หนงึ่ ในเหตผุ ลท่ีท�ำ ให้ ประเทศไทยรุ่งเรืองคือการคงไว้ซึ่งความสงบและสันติภาพแม้ในยามที่เศรษฐกิจและสังคมของเหล่าประเทศเพื่อนบ้าน จะอยู่ในภาวะสงคราม หรอื แมแ้ ต่ปดิ ประเทศก็ตาม ประเทศไทยยงั ค่อนขา้ งเปิดรับกบั ความคดิ ใหม่ๆและเทคโนโลยี เนอื่ งดว้ ยการมีศาสนาและวัฒนธรรมที่หลากหลายนน่ั เอง อีกหนงึ่ ข้อสนับสนนุ คอื แนวความคิดของ “ความเป็นไทย” เม่อื ใหน้ ิยามความเปน็ ไทยในแบบส�ำ รวจอย่างไมเ่ ป็น ทางการ สิ่งแรกทน่ี กั ทอ่ งเทย่ี วสว่ นใหญ่กลา่ วถงึ คอื ผคู้ น ไม่วา่ จะเปน็ ความเปน็ มติ ร ความสุภาพ รอยย้ิม ความใจดี สงบ และในลำ�ดับถดั มาพวกเขาจะนึกถงึ ลกั ษณะเชิงกายภาพของประเทศ เช่น อนสุ าวรยี ์ ชายหาด ปา่ ไม้ อาหาร ภายใต้ค�ำ จำ�กดั ความว่า “ประเทศทม่ี เี สนห่ ท์ ี่แตกตา่ งจากบ้านเมอื งของฉนั อยา่ งเหน็ ได้ชดั ” แนวคิดของความเป็นไทยซ่ึงยากต่อการอธิบายนั้นดูเหมือนว่าจะบรรยายถึงวิถีชีวิตของคนไทยที่ค่อนข้างผ่อนคลาย วฒั นธรรมไทยมีจดุ เดน่ ในการคงไว้ซงึ่ ความสงบ ไม่วา่ จะเผชญิ กบั ความวนุ่ วายประการใดก็ตาม คนไทยจะยังคงไว้ ซง่ึ อารมณ์แหง่ ความสนกุ สนาน นอกจากน้คี นไทยยงั มนี �ำ้ ใจซงึ่ เห็นไดช้ ัดเจนในระหว่างการรว่ มรับประทานอาหาร ใบหนา้ ทเี่ ตม็ ไปดว้ ยความสุขทำ�ให้ชาวตา่ งชาตเิ รียกเมืองไทยว่าเป็น “สยามเมืองยิม้ ” นอกจากนี้ ความมน่ั ใจและภาคภมู ิใจในวัฒนธรรมไทยได้แทรกซมึ ผ่านปฏิสมั พันธ์ทางสงั คม การทำ�งานและการ พักผ่อนซ่งึ จะเห็นไดว้ ่าในภาษาไทย ความหมายของคำ�ว่า “งาน” น้ันเป็นได้ทง้ั “การท�ำ งาน” และ “การร่วมงาน (สงั สรรค์)” การก่อตัวของความเชื่อเหล่าน้ีมาจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ท่ีว่าวิวัฒนาการของชาวไทยคือการผสมผสานทาง ชาติพนั ธ์ทุ ีห่ ลากหลาย โดยย้อนกลับไปต้ังแต่ยคุ สำ�ริด (ยคุ ทองแดง) ทีม่ ีอารยธรรมทเ่ี ฟือ่ งฟูดงั ปรากฎที่แหลง่ วฒั นธรรมบ้านเชยี ง ซ่ึงต้ังอยทู่ างภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศซงึ่ เป็นอารยธรรมในสมยั ราว 1,495 ปกี อ่ น ครสิ ต์กาล ในสมัยนน้ั ไดม้ ีการผลิตเครือ่ งมือเครือ่ งใช้ท่ที ำ�จากทองแดง เครือ่ งประดบั ทมี่ ดี ไี ซนท์ ซ่ี บั ซอ้ นรวมไปถึง ภาชนะเครอ่ื งปั้นดินเผาลายเขียนสีแดง นอกจากน้ียังมหี ลักฐานท่ีแสดงถึงการทำ�การเกษตรอีกด้วย แต่อยา่ งไรก็ตาม การส้ินสุดของยคุ สำ�ริดยังไมเ่ ป็นท่ีทราบอยา่ งแน่ชัด

แนวความคิดที่ได้รับอิทธิพลถัดมาคือชนชาติไทยน่าจะมีถิ่นกำ�เนิดอยู่บริเวณคาบสมุทรมลายูและไล่มาจนถึงที่ราบ ทางตอนกลางของทวีปซึ่งเป็นต้นกำ�เนิดของหลากหลายเชื้อชาติในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะอย่างย่ิง ชาตพิ นั ธุ์ทางตอนใต้ของประเทศไทย ถงึ แม้ที่ตั้งที่แน่ชดั ของอาณาจกั รศรีวชิ ัยอนั เก่าแก่ยงั ไม่เปน็ ทยี่ ืนยัน แตจ่ าก จารึกทางประวัติศาสตร์พบว่าในชว่ งเท่ยี งวนั มนุษยจ์ ะไม่เหน็ เงาตนเองซึง่ สนบั สนนุ ความเช่อื ของทีต่ ้งั ท่นี า่ จะอยูใ่ กล้ กบั เสน้ ศนู ยส์ ูตร ซง่ึ ไมน่ านมาน้ี ได้ข้อสรุปวา่ คอื บรเิ วณหมเู่ กาะสุมาตราในชว่ งราวศตวรรษที่ 7 ข้อมลู ทางอารยธรรมน้ันมที ีม่ าจากบนั ทกึ ของหลวงจีนในสมยั ราชวงศ์ถงั นามว่าอ้ีจิง (Yijing) ท่ีไดบ้ ันทกึ การเดนิ ทาง จากเมืองกวางตงุ้ ประเทศจีนไปยงั มหาวิทยาลยั นาลันทา ประเทศอนิ เดยี เพ่ือสืบทอดพระพทุ ธศาสนา หลวงจีนอจี้ ิงได้ พำ�นักอยทู่ ่เี มืองปาเลม็ บงั ในอาณาจักรศรีวิชยั เป็นเวลาถงึ 6 เดือนในปี ค.ศ. 671 ซง่ึ ทา่ นไดบ้ นั ทึกเก่ยี วกับความเจริญ รงุ่ เรอื งของอารยธรรมแถบนที้ ท่ี ่านได้สมั ผสั เป็นท่รี ้กู ันโดยทว่ั ไปว่าอารยธรรมศรวี ิชยั น้ไี ดแ้ ผอ่ ิทธพิ ลไปทางตอนเหนือ ในประเทศเวียดนามและประเทศไทย ลักษณะท่ีเป็นเอกลกั ษณข์ องอารยธรรมศรีวชิ ัยปรากฎอยา่ งเดน่ ชัดในแหล่ง โบราณสถานและแผ่นหนิ แกะสลกั แบบฮนิ ดทู ีพ่ บได้ในหลายแหง่ ในบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย ในยุคเดยี วกบั อาณาจักรศรวี ชิ ยั คอื อาณาจักรทวารวดีที่อยูบ่ ริเวณตอนกลางซ่ึงเปน็ ของชนชาติมอญทีม่ อี ำ�นาจปกครอง อยูท่ างตอนใตข้ องประเทศพมา่ ได้เร่มิ เข้ามาในประเทศไทยในช่วงราว ศตวรรษที่ 5 และไดต้ ้ังถน่ิ ฐานในดนิ แดนลุ่มน้ำ� เจ้าพระยา ในศตวรรษท่ี 8 อารยธรรมทวารวดไี ดเ้ จริญรุง่ เรืองอยา่ งมากในแถบเมืองลพบรุ ี ซง่ึ อย่หู ่างจากกรงุ เทพ ประมาณ 130 กโิ ลเมตร ลพบุรเี ป็นเมืองท่มี ีช่อื เสียงในยุคโบราณในฐานะของเมอื งท่เี ป็นศูนยก์ ลางของพทุ ธศาสนาที่ ไดร้ ับความสนใจจากนกั วชิ าการต่างประเทศไม่แพ้อาณาจักรศรวี ชิ ัย ในอดตี กอ่ นที่แมน่ ้ำ�จะตกตะกอนจนเกดิ ท่ีราบลุ่ม จนมาเปน็ กรุงเทพนัน้ ลพบรุ เี ปน็ เมืองท่าเรอื ที่มีเรอื เดนิ ทางมาจากทง้ั อนิ เดีย ศรลี งั กาและจนี ศูนย์กลางทางพุทธศาสนาท่ีสำ�คัญอีกแห่งคือที่นครปฐมและบริเวณเจดีย์จุลาประโทนซ่ึงอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 57 กโิ ลเมตร และเป็นเมอื งท่าเชน่ เดียวกับลพบุรี โบราณสถานที่ส�ำ คญั ท่ีไดก้ อ่ สรา้ งขึ้นในยคุ น้นั คอื พระปฐมเจดยี ์ ซงึ่ มีความสงู ประมาณ 127 เมตรและถอื เป็นเจดีย์ทสี่ ูงทส่ี ดุ ในโลก จวบจนปจั จุบัน พระปฐมเจดียไ์ ด้กลายเป็นแหลง่ ทอ่ งเที่ยวส�ำ คญั ที่ดงึ ดูดนกั ทอ่ งเที่ยวจ�ำ นวนมากมาย ความนา่ สนใจไมไ่ ด้มีเพยี งแค่ขนาดอนั ใหญโ่ ตเทา่ นัน้ แต่ยงั รวมถึง ความส�ำ คญั ทางประวัติศาสตร์อันทรงคณุ ค่าอีกด้วย ศิลปะในยุคทวารวดีโดดเด่นทางด้านประติมากรรมพระพุทธรูปซ่ึงได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียและในด้านภาษา เขียนทไี่ ดป้ รากฎอักษรอินเดยี ทางใต้ปะปนอยแู่ สดงให้เห็นการติดต่อระหว่างกัน ในยุคน้นั ผูค้ นจ�ำ นวนมากไดเ้ ริม่ ต้งั ถืน่ ฐานถาวรในดินแดนไทยและไดเ้ กิดการผสมผสานทางชาติพนั ธุ์ ในชว่ งศตวรรษท่ี 10 อาณาจกั รทวารวดีได้เริ่มตกอยภู่ ายใต้อิทธพิ ลของอาณาจักรเขมรซงึ่ เปน็ ช่วงรชั สมยั ของพระเจา้ สรุ ยิ วรมันท่ี 2 แหง่ จักรวรรดเิ ขมรที่ไดเ้ สวยราชยใ์ นช่วงตน้ ศตวรรษที่ 12 ซง่ึ ในภายหลงั ศิลปะของลพบรุ ไี ด้ถูกอิทธิพล ของศลิ ปะแบบเขมรครอบง�ำ ตอ่ มาอาณาจกั รทวารวดีจึงค่อยๆลม่ สลายและได้กอ่ กำ�เนิดอารยธรรมใหม่ที่ปรากฎ ในบรเิ วณภาคกลางตอนบน อย่างไรก็ตามชนชาตมิ อญยังคงสร้างรากฐานทางประวตั ศิ าสตร์ และศลิ ปะแบบมอญ ยงั ปรากฏเด่นชัดในบรเิ วณวัดแถบลมุ่ แม่นำ�้ เจ้าพระยา

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ พน้ื ท่บี ริเวณสามเหลี่ยมปากแมน่ �้ำ ทางตอนใต้ซง่ึ เป็นทต่ี ั้งของกรุงเทพในปจั จุบันกำ�ลังก่อตวั ขน้ึ จากการทับถมของดนิ ตะกอน พน้ื ทบี่ รเิ วณนเ้ี ปน็ พนื้ ท่ีโคลนขนาดใหญเ่ ชน่ เดยี วกบั พ้นื ที่ในบริเวณปากแม่น้ำ�ในยคุ ปัจจบุ นั จนกระทั่งเมื่อประมาณ 1,500 ปีท่แี ล้ว ดนิ ตะกอนท่เี ร่มิ ทับถมไดเ้ กิดเปน็ พื้นท่โี คลนขนาดใหญเ่ ปรียบเสมอื น กับ “ทะเลโคลน” และไดเ้ ริม่ มีการต้งั หลักแหล่งของชาวประมงพื้นเมืองท่สี รา้ งทีอ่ ยอู่ าศยั โดยใชใ้ บจาก ชนพื้นเมือง เหล่านไ้ี ด้เริม่ เพาะเล้ยี งหอยแมลงภ่แู ละหอยนางรมซ่งึ ต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในเมนหู ลักของอาหารไทยและเป็นท่นี ิยม ในหมู่นกั ทอ่ งเทย่ี ว พืน้ ท่สี ว่ นใหญบ่ รเิ วณตอนกลางของไทยในยคุ น้นั เปน็ พน้ื ทล่ี ุ่มนำ้� นอกจากนีย้ ังมีปา่ รกทึบทีป่ ิดการเดินทางจากเหนอื ลงใต้จนกระท่งั เมอื่ ต้นศตวรรษที่ 20 ท่ีเรมิ่ มีการสัญจรทางเรอื ตามแม่นำ้�ล�ำ คลองเกิดขึ้นซง่ึ เป็นการเดนิ ทางเพียงวิธี เดียวที่สามารถทำ�ไดใ้ นเวลาน้นั การสัญจรทางเรอื จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยทถ่ี กู จดจำ�ในสายตาของชาว ยโุ รป ทกั ษะทางดา้ นการสัญจรทางเรอื ของชาวไทยเป็นทก่ี ล่าวถึงในวารสารยุโรป ซง่ึ ในศตวรรษที่ 19 นักเดนิ ทาง ได้ตง้ั ขอ้ สงั เกตุวา่ การท่ีได้เหน็ เด็กตัวเล็กๆพายเรอื เดินทางไปมาในเมืองไทยนน้ั กลายเป็นเรอ่ื งปกตเิ สยี แล้ว แสดงให้ เห็นว่า “สายน้ำ�คอื บ้านทแ่ี ทจ้ ริงของคนไทย” ซ่ึงยังคงเป็นเอกลักษณ์ทสี่ รา้ งความประทับใจให้กบั นักท่องเทยี่ วจนถงึ ปจั จุบนั ทฤษฎีของความเป็นมาของชนชาติไทยอีกทฤษฎีหน่ึงคือเชื่อว่าถ่ินกำ�เนิดของชนชาติไทยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ จีนทางตอนเหนือของแม่น้�ำ โขง ชาวไตซงึ่ เป็นชนกลุ่มนอ้ ยท่ใี หญ่ทสี่ ดุ ในจนี ไดถ้ อยรน่ ลงมาทางใต้เพือ่ หนกี ารรกุ ราน ของกองทพั มองโกเลีย ชาวไต (เง้ยี วหรอื ไทใหญ่) ซ่งึ มีวัฒนธรรมและขนบธรรมเนยี มประเพณีทใี่ กล้เคียงกับชาวไทย ในปัจจุบันได้ลงมาตั้งถ่ินฐานทางแถบภาคเหนือและได้แตกออกเป็นหลายชนเผ่าซ่ึงมีถิ่นฐานกระจายออกไปตามแนว ขอบของอาณาจกั รเขมร (ศตวรรษที่ 6-13) และได้สวามภิ ักด์ติ ่อจกั รวรรดขิ ะแมร์ (เขมร)ทีไ่ ดแ้ ผข่ ยายอิทธพิ ลมา สู่ทางตะวนั ตกของไทยจนถึงพรมแดนพมา่ และทางตอนใต้ของเพชรบุรี ซึง่ ไดท้ ิง้ อิทธิพลทางด้านศาสนาและศลิ ปะ ในแบบเขมรผา่ นการก่อสรา้ งโบราณสถานทม่ี ีช่ือเสียงในปัจจบุ ัน เชน่ ปราสาทหนิ พมิ าย ปราสาทหนิ พนมรุง้ และ เขาพระวิหาร หลักฐานของศลิ ปะเขมรยงั ไดป้ รากฏในวัดสามแห่งท่มี ีกลิน่ อายของศิลปะเขมรซงึ่ ตงั้ อยูใ่ จกลางสโุ ขทัย หลังจากนน้ั อทิ ธิพลของอาณาจักรเขมรเร่ิมเส่ือมกำ�ลังลงเรือ่ ยๆหลงั จากปี 1180 ชาวไตได้ควบรวมกนั และได้ ก่อตั้งอาณาจักรข้ึนมาซ่ึงปกครองโดยกษัตริย์องค์แรกที่มีพระนามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ซึ่งเป็นผู้ปฎิวัติและยึดอ�ำ นาจ จากเขมรมาไดส้ �ำ เร็จในปี 1238 และภายหลังได้สถาปนากรงุ สโุ ขทยั เป็นราชธานีทางตอนเหนือ หลังจากนนั้ พ่อขนุ รามค�ำ แหง (1279 - 1298) ซึ่งเป็นพระโอรสของพ่อขนุ ศรีอนิ ทราทติ ย์ได้รวบรวมอาณาจกั รไทยให้เปน็ ปึกแผน่ มี การผลติ เครือ่ งถ้วยชามและเคร่ืองปั้นดินเผา ที่เรียกวา่ “เครอื่ งสงั คโลก” และส่งขายยังตา่ งประเทศผา่ นเรอื ส�ำ เภาจนี ซากเรอื ส�ำ เภาโบราณยงั คงพบไดต้ ามชายฝงั่ ของประเทศไทยกมั พชู าและเวยี ดนาม รายไดจ้ ากการคา้ ขายในสมยั สโุ ขทยั ได้ทำ�ให้ราชอาณาจักรมีความรุ่งเรืองและได้ถูกยกให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกซ่ึงมีวัดวาอารามที่สวยงามใน แบบศรีลงั กาปรากฏอยู่มากมาย (ไดร้ บั อทิ ธิพลทางศาสนาและสถาปตั ยกรรมจากเกาะทางตอนใตข้ องอินเดีย) รวมถึง ศลิ ปะแบบศรีสัชนาลัยทีเ่ ป็นเมอื งขา้ งเคยี งซึง่ ไดก้ ลายเป็นแหลง่ ท่องเทยี่ วทางประวัตศิ าสตร์ทม่ี ีชอื่ เสยี งในปัจจบุ ัน หลังจากนน้ั มารว่ มศตวรรษ ผปู้ กครองอาณาจกั รสโุ ขทยั ไดพ้ ุง่ ความสนใจที่การท�ำ นบุ �ำ รงุ พระพทุ ธศาสนามากกว่าที่ จะขยายราชอาณาจักรท�ำ ให้อาณาจกั รสุโขทยั ไดเ้ สอ่ื มอำ�นาจลงและลม่ สลายไปในปี 1583 เนือ่ งจากถูกยึดอำ�นาจ

โดยราชอาณาจักรทางตอนใต้โดยพระเจ้าอู่ทองซึ่งมีดินแดนอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่นำ้�เจ้าพระยาและได้บัญชาการ ให้ทหารขุดลอกครู อบเมอื งเพอ่ื สร้างป้อมปราการทางนำ้�ลอ้ มรอบเมอื ง ซงึ่ นับแต่ปี 1351 พระเจ้าอ่ทู องไดส้ ร้าง ศนู ย์กลางทางอำ�นาจใหมใ่ นทางตอนกลาง และได้ตัง้ ช่อื ราชธานีใหมว่ ่าอยุธยาตามชือ่ เมอื งอโยธยาทางตอนเหนือ ของอนิ เดีย ซึง่ นามอโยธยาน้นั สอดคล้องกับความเช่อื ทีเ่ ปน็ แผน่ ดินท่ีประสูติของพระราม กษตั รยิ ์ที่เป็นดังสมมติเทพ ตามวรรณกรรมฮินดู วรรณกรรมรามายณะยงั เป็นวรรณกรรมทีแ่ พรห่ ลายไปเกือบทกุ ประเทศในทวีปเอเซียตะวนั ออก เฉยี งใต้ (คนไทยรจู้ กั ดีในช่อื รามเกียรติ) การต้ังช่ือดงั กลา่ วสบื เนือ่ งจากความต้ังใจของพระเจ้าอทู่ องทปี่ รารถนาจะทใ่ี ชช้ ื่อเสรมิ สรา้ งบารมีของราชวงศ์ เนื่องจาก พระรามถอื เป็นอวตารของพระวิษณุ มหาเทพผู้ปกปักรกั ษา ร่วมกบั พระพรหม มหาเทพ ผู้สร้างทุกสรรพสงิ่ และ พระอิศวร (พระศิวะ) รวมเป็นสามมหาเทพตามคติความเช่อื ของศาสนาฮนิ ดแู ละศาสนาศาสนาพราหมณท์ เ่ี ปน็ ต้น กำ�เนิดของพระราชพธิ ีตา่ งๆ ของพระมหากษัตรยิ ไ์ ทย นอกจากน้ยี ังปรากฎอยใู่ นแนวคิดของการต้งั พระนามของกษตั ริย์ เช่น “รามค�ำ แหง” หรือกษัตรยิ ์ในสมัยอยุธยาอกี หลายพระองค์ หรอื แม้กระทง่ั ในราชวงศจ์ ักรซี ง่ึ เป็นราชวงศท์ ีส่ ถาปนา กรุงเทพเปน็ ราชธานีในปี 1792 และได้ปกครองราชอาณาจกั รไทยมาจนถงึ ปัจจบุ นั ผา่ นการปกครองแบบราชาธปิ ไตย ภายใตร้ ัฐธรรมนูญ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช พระมหากษัตรยิ ์ในรชั กาลที่ 9 ยงั มอี ีกพระนาม คอื พระบาทสมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี 9 อาณาจักรอยุธยาได้แผ่ขยายอำ�นาจออกไปทางภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ซ่ึงรวมท้ังคร่ึงหน่ึงของประเทศกัมพูชา และส่ีรัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซียถงึ 417 ปี ความยงิ่ ใหญ่และความร�่ำ รวยของราชอาณาจกั รทำ�ใหภ้ ายใน ปี 1680 ไดม้ ีประชากรถึง 1 ล้านคนมากกวา่ จำ�นวนประชากรของเมอื งลอนดอนในขณะนนั้ จากความรุ่งเรอื งดงั กลา่ ว ส่งผลใหอ้ ยธุ ยาไดก้ ลายเปน็ เมอื งท่ีดงึ ดูดทัง้ พวกยุโรปและเอเซยี ใหเ้ ข้ามาทำ�การค้า นอกจากความสนใจของบรรดาพ่อคา้ แล้ว อยุธยายงั เป็นเมอื งทีไ่ ดร้ ับความสนใจจากพมา่ ซ่ึงได้เขา้ มารุกรานหลายตอ่ หลายครงั้ และจากความพยายามคร้งั แลว้ คร้งั เล่าในการทำ�สงครามกบั อยธุ ยา พม่าไดร้ บั ชัยชนะเหนือกรุงศรอี ยุธยาใน ท่สี ุดในปี 1767 และได้เผาท�ำ ลาย กวาดต้อนทรัพย์สนิ และผคู้ นไปหมดสนิ้ ภายใน 3 ปี กรุงศรีอยธุ ยาซงึ่ คร้งั หน่งึ มปี ระชากรเป็นลา้ นคนไดเ้ หลือแต่เพยี งเศษซากปรงั หักพงั และไดก้ ลายเป็นเมอื งร้างทเี่ หลือผู้คนไม่ถงึ หลกั หมน่ื กษัตริย์องค์ถัดมาท่ีมีบทบาทสำ�คัญคือพระเจ้าตากสินที่มีเช้ือสายจีนซ่ึงเป็นผู้ขับไล่กองกำ�ลังพม่าออกไปจาก กรุงศรอี ยธุ ยา กองก�ำ ลังทหารในพม่าขณะนั้นได้ยงุ่ กับการท�ำ ศึกกบั กองทพั จนี ทีเ่ ข้ามารุกรานจากทางเหนอื พระเจ้า ตากสินจงึ ได้ใช้โอกาสนี้ในการขับไลข่ า้ ศึกพม่า ดว้ ยความตระหนกั ดวี ่าการจะฟ้นื ฟกู รุงศรีอยุธยาให้เปน็ ราชธานีดังเดมิ นั้นคงเปล่าประโยชน์และด้วยความปรารถนาที่จะสร้างราชธานีให้ห่างไกลของพ้ืนที่เดิมเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรูให้กลับ มารกุ รานได้อกี จงึ ท�ำ ให้พระเจ้าตากสินย้ายราชธานใี หมม่ าทางฝั่งธนบรุ ีตรงขา้ มพระบรมมหาราชวังพระเจา้ ตากสนิ ได้ ใช้อยุธยาเป็นศนู ยบ์ ัญชาการรบและในทสี่ ดุ ได้สามารถกอบกเู้ อกราชคืนจากพม่าไดส้ ำ�เรจ็ แตส่ ถานการณภ์ ัยสงคราม ที่เกดิ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนื่องในรชั สมยั ของท่านไดท้ ำ�ให้พระเจา้ ตากสินถกู บังคบั ให้สละราชสมบตั ิในปี 1782 ในชว่ งระยะเวลาดังกลา่ ว แม่ทัพใหญท่ ไ่ี ดเ้ สรจ็ จากการปราบศกึ สงครามจากทางลาวไดถ้ กู อญั เชญิ เสดจ็ ข้นึ ปน็ กษัต รยิ แ์ ละได้สถาปนาราชธานีใหม่ขนึ้ ทรงมพี ระนามวา่ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลก หรอื พระบาทสมเด็จ

พระรามาธบิ ดีท่ี 1 พระองคโ์ ปรดเกลา้ ฯ ใหย้ ้ายราชธานีจากกรงุ ธนบุรีราชธานีเดิมมายงั ฝ่งั ตะวันออกของแม่น้ำ� เจา้ พระยาและไดว้ างยุทธศาสตรท์ ต่ี ้ังทชี่ ่วยป้องกนั ข้าศกึ พมา่ ที่ยังคงรุกรานราชธานอี ย่างตอ่ เน่อื งถึง 40 ปี ในฝั่งซ้ายของราชธานี ได้โปรดให้สร้างพระบรมมหาราชวังขน้ึ และรอบเมืองยังล้อมรอบไปดว้ ยป้อมปราการทางนำ�้ จากแมน่ ้ำ�เจา้ พระยาอกี ดว้ ย นอกจากน้ียังไดส้ ร้างก�ำ แพงเมอื งขึน้ โดยใช้อฐิ ทมี่ าจากกรงุ ศรอี ยุธยาทล่ี ม่ สลาย แสดงให้ เหน็ ถงึ พระปรีชาทช่ี ่วยประหยดั เงนิ ท้องพระคลงั และยงั เป็นสญั ลกั ษณข์ องการสืบตอ่ ความรุ่งเรอื งในอดตี อีกดว้ ย ในอดตี ทผ่ี า่ นมา ประเทศไทยได้ถกู ปกครองโดยกษตั รยิ ์หลากหลายพระองคท์ ี่ทรงพระปรีชาสามารถ หน่ึงในน้ันท่ี ทั่วโลกจดจำ�เป็นอย่างดี คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อย่หู ัว (ครองราชยป์ ี 1851 - 1868) พระองคท์ รงเป็น กษัตริย์ท่มี ีพระปรีชาอย่างยิ่งในการสร้างสนั ถวไมตรีกบั ชาวตา่ งชาตทิ ี่เข้ามาตัง้ ใจบ่อนท�ำ ลายราชอาณาจกั รไทย หนง่ึ ในความส�ำ เรจ็ ในชว่ งรชั กาลของพระองคค์ อื การสรา้ งความเปน็ หนง่ึ เดยี วใหก้ บั สงั คมและวฒั นธรรม กอ่ นทพ่ี ระองค์ จะครองราชย์ พระองค์ได้ทรงผนวชเปน็ พระภิกษุนานถึง 27 ปี และ ทรงใชเ้ วลาในการฟน้ื ฟคู �ำ สั่งสอนทางพระพทุ ธ ศาสนาเพื่อให้มีความเข้าใจทถ่ี ูกตอ้ งและขจัดความเชอื่ ทง่ี มงาย ในหลากหลายแหง่ ท่ศี าสนาได้เสื่อมสลายลงไดเ้ ปดิ โอกาสใหป้ ระเทศนกั ลา่ อาณานิคมเขา้ มารุกรานในประเทศไทย ความแข็งแกร่งของความเช่อื ทางศาสนาไดช้ ่วยพยงุ ประเทศให้รอดพน้ จากการรุกรานของชาตมิ หาอำ�นาจในเบ้ืองตน้ พระองค์ยังคงได้สร้างรปู แบบความสัมพนั ธร์ ะหว่างกษัตริยแ์ ละประชาชนใหม่ ในสมัยนน้ั พระมหากษตั ริยเ์ ป็นที่เคารพ สักการะเป็นอย่างสูงซ่งึ ห้ามใหป้ ระชาชนสบตาหรอื แม้แตเ่ อ่ยพระนามอยา่ งเด็ดขาด แตพ่ ระองคก์ ลับใชห้ ลกั การ ปกครองอย่างเป็นประชาธปิ ไตย ซึง่ เปน็ ผลมาจากการทีท่ รงผนวชและได้ออกบิณฑบาตในทุกวัน ทำ�ให้พระองค์ได้ใกล้ ชิดกบั ฆราวาสและไดท้ ำ�ให้พระองค์เรยี นรูเ้ ก่ยี วกบั ชีวติ ประจำ�วนั ของประชาชน แบบอยา่ งและแนวปฏิบตั ิทพ่ี ระองค์ ไดส้ ร้างไดถ้ ่ายทอดไปยังพระโอรส พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว (ครองราชย์ป1ี 868-1910) ท่ไี ดเ้ สด็จ ตรวจเย่ียมโครงการสำ�คัญของรัฐหลากหลายโครงการยังผลให้ภาพลักษณ์ของกษัตริย์มีความเป็นปุถุชนซึ่งไม่เคย เกดิ ขน้ึ มาก่อนในอดตี นอกจากน้ี พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัวไดว้ างรากฐานในการรักษาอธปิ ไตยของไทยใหค้ งอยใู่ นศตวรรษ ที่ 20 ในขณะที่เพ่อื นบ้านอื่น ๆ ในเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ลว้ นตกอยภู่ ายใต้อาณานคิ มยุโรป ซึ่งมีเพียงประเทศไทย เท่านั้นทีร่ อดพ้นจากชะตากรรมนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าไดข้ ยายการฑตู และสรา้ งปฏิสัมพนั ธอ์ นั ดกี ับผู้น�ำ ตา่ งประเทศ พระองคย์ ังได้ดงึ ผู้ เชยี่ วชาญจากต่างประเทศเขา้ มามีบทบาทในการพัฒนาการบรหิ ารงานของประเทศ ไม่ว่าจะเปน็ การฝกึ กองทพั ทหาร และต�ำ รวจ การสรา้ งสถาบันการเงนิ การสร้างสาธาณปู โภคและการปรับปรุงรูปแบบการคา้ พระปรชี าสามารถของ พระองค์ในการจ้างชาวต่างชาติทำ�ให้มั่นใจได้ว่าการดำ�เนินการต่างๆยังคงอยู่ภายใต้การบริหารงานของไทยและระบบ ท่ีใชน้ น้ั ไดด้ �ำ เนินการอย่างเหมาะสมและสามารถส่งต่อความเชย่ี วชาญต่างๆไปยังผ้ใู ตบ้ งั คบั บัญชาซ่ึงเปน็ คนไทย

นอกจากน้ี พระองคย์ ังไดส้ ง่ พระโอรส 29 พระองคไ์ ปศกึ ษาต่อยังเมอื งหลวงในต่างประเทศซงึ่ เจ้านายหลายพระองคไ์ ด้ สรา้ งความประทบั ใจแกบ่ รรดาอาจารยผ์ ูส้ อนในสติปัญญาท่ีเฉลียวฉลาดและการวางตวั ที่เหมาะสม หลังจากทบ่ี รรดา พระโอรสกลับมาจากการศึกษาต่อไดด้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ส�ำ คญั หลายกระทรวงท่ไี ด้มีการจัดตัง้ ขนึ้ และท่สี �ำ คญั ไปกว่าน้นั คือการที่บรรดาเจา้ นายเหล่านี้ได้มีมติ รสหายในต่างประเทศ ซง่ึ เปน็ รปู แบบแรกของการสร้างเครือขา่ ยความสมั พันธ์ ทีส่ ง่ ผลดตี อ่ ประเทศไทยในภายหลัง พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้ายงั ทรงโปรดปรานการท่องเทีย่ วและได้เสดจ็ เยอื นรัฐชวา ประเทศอนิ เดยี และยโุ รปซึ่ง ทรงสร้างภาพลกั ษณ์ที่ดแี ก่ประเทศไทย ในครงั้ ท่ีพระองค์เสดจ็ เยือนยุโรปในปี 1897 และอีกครัง้ ในปี 1907 พระองค์ ได้พบกบั ผนู้ ำ�ที่มอี ำ�นาจทัดเทียมกัน ซ่งึ พระองคไ์ ด้แสดงจดุ ยนื ให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศท่ีเจรญิ แล้วและไม่ ประสงคก์ ารแทรกแซงใดๆจากต่างประเทศในฐานะพันธมิตรท่จี ะชว่ ยสร้างชาติ ในช่วงศตวรรษท่ี 20 ได้น�ำ ความเปลีย่ นแปลงครง้ั ใหญม่ าสูก่ ารปกครองของประเทศไทย ในปี 1932 ท่ามกลางกระแส ที่เรียกร้องให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการปกครองประเทศได้ก่อให้มีการปฏิวัติการปกครองประเทศทำ�ให้ระบอบรา ชาธปิ ไตยท่ไี ดป้ กครองมากว่า 700 ปีได้สน้ิ สุดลง และได้เปดิ ทางแก่ระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั ริยเ์ ป็น ประมุข นับตงั้ แตน่ น้ั มา ประเทศไทยได้มรี ฐั บาลทัง้ ทมี่ าจากการเลือกตง้ั และแตง่ ตั้งเป็นผู้บริหารประเทศ เศรษฐกิจ ในชว่ งสมัยอยธุ ยา ความม่ังคง่ั ของประเทศส่วนใหญเ่ ปน็ ผลมาจากสงครามเปน็ หลัก ทงั้ นี้ความมง่ั คงั่ ของประเทศไทย ในยุคสมัยใหมเ่ ริม่ ตน้ ประมาณปี 1782 ผา่ นเกษตรกรรม การผลิตและการค้า ถ้าไลด่ ูจากแผนท่ี ต้ังแตเ่ หนือจดใต้ ของแม่น้�ำ เจ้าพระยาคือรอ่ งรอยของการพฒั นาทางเศรษฐกจิ ของประเทศ เริ่มตน้ จากการท�ำ ไรเ่ ลื่อนลอยของบรรดา ชาวเขาทางเหนือทส่ี ร้างผลผลติ ทางการเกษตรท่ีหลากหลาย ในบริเวณทร่ี าบลมุ่ ภาคกลางนนั้ เปน็ แหลง่ เพราะปลูกข้าว อันอดุ มสมบรู ณ์ สภาพภูมอิ ากาศและความชื้นทีเ่ หมาะสมทำ�ใหไ้ ทยเปน็ แหล่งเพาะปลกู ทางการเกษตรช้นั ดแี ละ เปน็ หนึง่ ในประเทศผู้สง่ ออกข้าวชน้ั นำ�ของโลก ถัดลงมาทางใตป้ ระมาณ 53 กิโลเมตรในบริเวณใกล้อา่ วไทยซงึ่ เปน็ ท่ีตัง้ ของกรงุ เทพอันเจริญรุง่ เรอื ง เมอื งหลวงของประเทศไทยได้เป็นตวั ขับเคลอื่ นส�ำ คญั ต่อการพฒั นาประเทศไปสยู่ ุค การพฒั นาอตุ สาหกรรม ในเขตชานเมืองของกรงุ เทพได้กลายเปน็ ทต่ี ั้งของโรงงานซงึ่ ดงึ ดูดคนงานจากภาคชนบท เข้ามาเปน็ แรงงาน ปัจจบุ นั ภาคอตุ สาหกรรมน้นั ไดม้ ีสว่ นในการสรา้ งรายได้หลกั ใหก้ บั ประเทศ ภาคการผลติ ได้สร้าง ผลผลติ มากมายไลต่ ้งั แตช่ ้นิ สว่ นอุปกรณ์อิเล็คทรอนกิ ส์ไปจนถงึ เสอ้ื ผ้า ช้นิ สว่ นยานยนต์จนถงึ ผลิตภณั ฑ์เคมีทง้ั เพ่ือ การบริโภคภายในประเทศและเพื่อการสง่ ออก โรงงานตามชานเมอื งได้มบี ทบาทในการแปรรปู ผลผลติ ทางการเกษตร ใหก้ ลายเปน็ ผลติ ภณั ฑอ์ าหารทมี่ มี ลู คา่ เพมิ่ เพอื่ การสง่ ออกกรงุ เทพไดก้ ลายเปน็ ศนู ยก์ ลางของประเทศและเปน็ ศนู ยก์ ลาง ของการเงินและการลงทนุ ตา่ งๆ ภาคการเกษตรไดค้ รอบครองตลาดแรงงานถงึ 41% ในทกุ วันนี้ตวั เลขดงั กล่าวได้ใกล้เคยี งกับตวั เลขการจ้างงานในภาค บรกิ ารซึ่งสว่ นใหญค่ ือภาคการทอ่ งเทยี่ ว ในอดตี ท่ผี า่ นมา ข้าวคือพชื หลกั ของเกษตรกรรมไทยแต่หลังจากปี 1970 เปน็ ตน้ มา ไดเ้ ริ่มนำ�พชื ผกั ผลไม้ชนดิ ใหมๆ่ เขา้ มาปลกู มากข้ึน ท�ำ ให้ไทยไดก้ ลายเปน็ ประเทศทีม่ คี วามหลากหลายทาง ดา้ นอาหารและโดง่ ดังไปทวั่ โลก นอกจากนก้ี ารเติบโตทางด้านอุตสาหกรรมอาหารท�ำ ให้ประเทศไทยได้เร่ิมเปล่ียนจาก

การสง่ ออกวตั ถดุ บิ ท่มี มี ลู ค่าตำ�่ ไปเปน็ การแปรรปู เพ่อื เพิม่ มูลคา่ ผลติ ภณั ฑ์อยา่ งเช่น การส่งออกอาหารแช่แขง็ หรอื การ แปรรูปใหเ้ ปน็ อาหารพร้อมทาน เป็นตน้ การพฒั นาทน่ี า่ สนใจอกี อยา่ งหนึ่งคอื การสง่ ออกกล้วยไม้สายพนั ธ์ไุ ทยซ่งึ เป็นทีน่ ิยมไปสู่ตลาดในยุโรปซึ่งใชก้ ารขนส่งอยา่ งรวดเรว็ เพยี งแค่ขา้ มคนื นอกจากนย้ี ังมียางพารา การประมงและการ ท�ำ ปา่ ไม้ที่สรา้ งรายไดใ้ ห้กับจดี ีพีของประเทศ ในศตวรรษทผ่ี า่ นมา ความมง่ั คง่ั ทเ่ี ปน็ ผลมาจากภาคเกษตรกรรมไดส้ รา้ งรากฐานการพฒั นาทางวฒั นธรรมทแ่ี ขง็ แกรง่ และเป็นสง่ิ ที่สร้างความประทับใจให้กบั นักทอ่ งเทย่ี ว วดั วาอารามท้งั ในสโุ ขทยั อยุธยา กรงุ เทพหรือแม้แตท่ างภาค อสี านได้กลายเปน็ แหลง่ ประวตั ิศาสตร์ทีม่ ีชื่อเสียงและไดร้ บั การยกย่องใหเ้ ปน็ มรดกโลกถงึ 5 แหง่ วัดที่มีชอื่ เสียงใน กรงุ เทพหลายแห่ง เช่น วดั พระแก้ว (วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม) พระบรมมหาราชวัง วดั อรุณ วัดเบญจมบพติ ร และอีกมากมายหลายแห่งไดถ้ ูกบรรจุอยใู่ นโปรแกรมการทอ่ งเทย่ี วทหี่ ้ามพลาด ศิลปะไทยยังได้รับการยกย่องในดา้ น ความสวยงาม ประตมิ ากรรมพระพุทธรปู ไทยได้รบั การยกย่องถึงความสวยงามทส่ี ุดอนั หนง่ึ ในเอเซียและไดร้ ับความ นิยมจากบรรดานกั ท่องเทยี่ วใหเ้ ขา้ มาเยยี่ มชม ในระยะหลัง ได้มีการกอ่ ต้ังพิพิธภัณฑศ์ ิลปะรว่ มสมัย หอศลิ ป์และสตู ดิโอจดั แสดงภาพวาดอยา่ งมากมายทไี่ ดแ้ สดงผลงานท่นี ่าสนใจตา่ งๆ ในด้านศลิ ปะการแสดงท่ีครง้ั หน่งึ ในช่วงศตวรรษ ท่ี 16 ได้เปิดให้เฉพาะพระบรมวงศานวุ งศ์รับชมน้นั ไดข้ ยายออกมายงั สาธารณะ รูปแบบของศิลปะการแสดงของไทย มคี วามหลากหลายทั้งการแสดงโขน ละครร�ำ การแสดงละครห่นุ ไดก้ ลายเปน็ การแสดงทีย่ งั คงได้รับความนยิ มมาจน ถึงปัจจุบันและกลายเป็นการแสดงเพื่อสร้างความบันเทิงใจให้กับนักท่องเท่ียวในระหว่างการรับประทานอาหารอีกด้วย ในปัจจบุ ัน การแสดงเหล่าน้ีสามารถพบเหน็ ไดต้ ามศาสพระพรหมเอราวัณ ศาลหลักเมอื งและในเขตพระนครใกล้กับ วัดพระแก้ว  

มนต์เสนห่ ์ทแ่ี ตกต่าง ประเทศไทยเป็นเมอื งทส่ี รา้ งความบันเทิงใจให้กบั บรรดานักทอ่ งเทีย่ วมามากกว่าศตวรรษ แต่ส่งิ ทเี่ ดน่ ชดั ของการ ทอ่ งเทีย่ วไทย คอื ความประทับใจของนกั ทอ่ งเที่ยวยคุ ปจั จบุ ันได้เปน็ สิ่งเดยี วกันทส่ี รา้ งความประทับใจให้กบั ผู้มาเยือน ในอดตี พวกเขาไมไ่ ด้มาเพ่อื วตั ถุประสงค์ในการท่องเทย่ี ว หากแต่เป็นวตั ถปุ ระสงค์ด้านการฑตู การค้าหรือภารกิจทาง ดา้ นศาสนา ดงั เชน่ บรรดาผนู้ �ำ โลกอย่างประธานาธิบดยี ูลสิ ซีส เอส. แกรนต์ (Ulysses S. Grant) ท่ไี ดม้ าเยอื นไทย ในปี 1879 และ ซาเรวิตชแ์ ห่งรัสเซียทไ่ี ด้เสดจ็ มาในปี 1891 ได้มีบันทึกของบรรดาผมู้ าเยือนในอดีตมากมาย ทีไ่ ด้กล่าวถงึ ความงดงามของราชอาณาจักรไทยรวมถึงวัดวาอารามตา่ งๆ พวกเขายงั ไดป้ ระทับใจกับความงามของ สองฝ่ังคลองและแม่น้ำ�ล�ำ ธาร รวมถึงไมตรีจิตและการต้อนรบั ของคนไทยทีม่ ีตอ่ ผมู้ าเยือน สิ่งทป่ี รากฎเดน่ ชดั ในบนั ทึก การเดินทางช่วงก่อนศตวรรษท่ี 20 คอื การบรรยายถึงความเขยี วขจีของผืนแผน่ ดินทวี่ ่างเปลา่ ซึ่งเต็มไปด้วยโอกาส อย่างมากมาย ผู้เขียนบนั ทกึ ยงั ไดก้ ลา่ วถงึ ความอดุ มสมบรู ณข์ องพนื้ ที่ซ่งึ ดจู ะเอ้ือต่อการเพาะปลกู พชื พันธุ์ต่างๆได้ เป็นอยา่ งดีรวมไปถึงตน้ ไมท้ ี่เต็มไปด้วยผลไมน้ านาชนดิ ระหว่างการเดินทาง นกั ทอ่ งเที่ยวได้ผา่ นป่าดงดบิ เปน็ ระยะ ทางยาว ซงึ่ ได้พบกับหมู่บ้านคนเป็นช่วงๆ แสงทสี่ าดส่องลงมาผ่านต้นไมน้ ้อยใหญ่และบรรยากาศอนั เยน็ สบายจาก ท้องฟา้ ที่แจ่มใสช่วยเพ่ิมความความสดชน่ื ให้กบั การเดนิ ทาง ภายหลงั ประเทศไทย (หรือทรี่ จู้ กั กนั ดใี นช่ือสยาม)ไดเ้ ปน็ ศนู ย์กลางทางการบนิ และไดเ้ ป็นเมืองส�ำ คญั ของบรรดา พอ่ ค้า ผู้แสวงหาสมบัติ ผ้แู สวงบญุ นักผจญภัยรวมไปถงึ นักล่าอาณานิคม สิง่ ท่นี ่าสนใจคือคนหลากหลายชาตทิ เ่ี ขา้ มาในเมอื งไทย ซ่ึงมที ง้ั เอเซีย ยุโรป หรือแมแ้ ต่แอฟริกาเหนือ ซ่ึงมีจำ�นวนมากทีเ่ ขา้ มาและใชช้ วี ิตอยู่อยา่ งถาวร และ ไดส้ ร้างลูกหลานที่กลายเปน็ ส่วนหนึง่ ในสังคมไทย ผมู้ าเยือนในอดีตบางกลมุ่ ไม่ได้เข้ามาเพื่อวัตุประสงค์ดา้ นการท่อง เทยี่ ว แตต่ รงกนั ข้ามเพื่อท�ำ การยดึ อำ�นาจ ในปี 1252 กุบไลข่านและกองทพั ไดเ้ ดนิ ทางมาจากทางใต้ของมองโกเลีย และไดท้ ำ�ศกึ ชนะเหนือดินแดนเสฉวนและเฉิงตู กองทัพกุบไลข่านไดเ้ ขา้ ตรี าชอาณาจกั รไทยทางเมอื งน่านเจ้าซ่ึงใน ปจั จบุ นั คอื มณฑลยนู นาน ในปี 1294 อาณาจกั รสุโขทยั และเชียงใหมไ่ ดย้ อมสวามภิ กั ดใิ์ หก้ บั ราชวงศ์หยวนและในรชั สมยั ของพ่อขนุ รามคำ�แหงได้โปรดให้สง่ เคร่อื งบรรณาการไปเจริญสมั พันธไมตรีจนถงึ ปี 1299 คร่ึงศตวรรษหลงั จาก น้นั พ่อคา้ ชาวจีนได้เรมิ่ เขา้ มาในไทยผ่านทางเรือสำ�เภาท่ีเดินทางมาจากมณฑลฝูเจ้ยี นและกวางตงุ้ เพอ่ื แสวงหาโอกาส ในการคา้ พอ่ คา้ ชาวอนิ เดยี ในชว่ งราชวงศ์โจฬะและปาลลาวะได้เริ่มเดนิ ทางเขา้ มาในไทยชว่ งราวศตวรรษท่ี 5 พวก เขาไดต้ ง้ั สถานกี ารคา้ ในบรเิ วณปากแมน่ �้ำ ทางตอนใตข้ องคาบสมทุ รและไดค้ า้ ขายแลกเปลย่ี นสนิ คา้ กบั หมบู่ า้ นในแถบนนั้ การคา้ ระหวา่ งชาวไทยและชาวอนิ เดยี ได้เริ่มกอ่ ตัวขึ้นในชว่ งอาณาจกั รสุโขทยั ในปี 1275 พวกพราหมณซ์ ึง่ เข้ามาในช่วงอาณาจกั รขอมเรอื งอำ�นาจได้สร้างอทิ ธพิ ลต่อวฒั นธรรมไทยเป็นอย่างมาก และไดร้ ับการ ยกย่องในความเช่ียวชาญด้านดาราศาสตร์รวมถึงความรู้ในโบราณราชประเพณีของกษัตริย์ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากทาง อินเดีย ในสุโขทยั และอยุธยาไดม้ วี ัดพราหมณเ์ กดิ ข้ึนเปน็ จ�ำ นวนมาก พราหมณย์ ังเป็นผูร้ ับผดิ ชอบในการด�ำ เนินงาน พระราชพธิ ีตา่ งๆตามแนวคดิ ทีว่ ่ากษัตรยิ ค์ อื สมมติเทพน่ันเอง ในยุคปจั จุบันพราหมณย์ งั มบี ทบาทในการประกอบพระ ราชพธิ ที สี่ ำ�คัญของกษัตรยิ ์ เช่น พระราชพิธสี ถาปณามกุฎราชกมุ าร พระราชพธิ ีโสกันต์ รวมถงึ การหล่อพระพทุ ธ รูปทองสัมฤทธ์ิ พราหมณจ์ ากโบสถพ์ ราหมณท์ ีอ่ ย่ใู กล้วัดสุทศั น์ ยงั คงเปน็ ผูป้ ระกอบพิธีสำ�คัญอยา่ งเช่นพิธโี ลช้ ิงชา้ ซ่ึง เปน็ ประเพณีของชาวฮนิ ดทู ีต่ อ้ นรบั การเสด็จลงมายังโลกของพระอศิ วร พิธโี ล้ชิงชา้ ทีม่ ชี ื่อเสยี งนี้ประกอบไปด้วยผูท้ จี่ ะ

โล้ชิงชา้ ขึ้นชิงชา้ ทีละ 4 คน และท�ำ การแกว่งชงิ ชา้ เพอ่ื ฉวยเงนิ รางวัลที่เปน็ ทองคำ�ทีผ่ กู แขวนไวก้ บั เสาสูง ซง่ึ พิธีดังกลา่ ว ไดถ้ ูกระงบั ไปในปี 1935 แตม่ ีแผนท่จี ะฟ้ืนฟูขน้ึ มาใหมใ่ นปัจจบุ นั ซงึ่ ถา้ เปน็ เช่นนน้ั แนน่ อนวา่ พิธนี ้จี ะไดร้ ับความสนใจ จากบรรดานักท่องเที่ยวอย่างแนน่ อน โปรตเุ กสเป็นชาวตะวนั ตกชาติแรกทเ่ี ดนิ ทางเข้ามาในเอเซียและได้เข้ามาตดิ ตอ่ กบั กรุงศรอี ยธุ ยา ในปี 1511 ในขณะทีป่ ดิ ล้อมเมอื งทา่ มะละกา ดยุคแห่งอัลบแู กรไ์ ด้สง่ สง่ ทูตพร้อมของบรรณาการเพื่อ เจรญิ สมั พันธไมตรีกับสยามตามปรากฎในบนั ทึกของโตเม ปิเรส (Tome Piris) นกั เดินทางชาวโปรตเุ กส ในหนังสือ “The Suma Oriental” ในปี 1515 “ ... ดนิ แดนแห่งสยามมีขนาดกว้างใหญแ่ ละเตม็ ไปดว้ ยบรรดาขุนนางและพอ่ ค้าตา่ งชาตจิ ำ�นวนมาก ซงึ่ สว่ นใหญ่เปน็ ชาวจนี เนือ่ งจากสยามไดท้ ำ�การค้ากับชาวจีนเปน็ จำ�นวนมาก ซงึ่ พวกเขาได้รบั การยกย่องในดา้ นความรอบคอบและ การเปน็ ทป่ี รึกษาท่ีดี ราชอาณาจกั รถูกปกครองดว้ ยความยุติธรรมและพระมหากษตั รยิ ์ทรงประทับอยู่ที่เมอื งโยเดีย [อยุธยา]” สามปีถดั มาในปี ค.ศ. 1518 สยามและโปรตเุ กสได้ลงนามในสญั ญาทางพระราชไมตรีและการพาณชิ ย์ซึ่งสยามไดใ้ ห้ สิทธิ์โปรตเุ กสในด้านศาสนาและการพาณิชย์ โดยฝ่ายโปรตุเกส ได้สัญญาว่าจะให้ความชว่ ยเหลอื ทางการทหารแก่ สยามโดยสอนทหารชาวสยามใหร้ ้จู กั ศิลปะในการสงครามและการสรา้ งปอ้ มปราการ ในปี ค.ศ. 1536 ชาวโปรตุเกส จ�ำ นวน 120 คนไดเ้ ขา้ ร่วมรบโดยเปน็ ทหารอารักขาใหก้ ับสมเด็จพระชัยราชาธิราช (ครองราชยป์ ี ค.ศ.1534-1546) ชาวโปรตุเกสได้รับพระราชานุญาติให้สร้างบ้านเรือนและโบสถ์ในคริสต์ศาสนาในราชอาณาจักรอยุธยาและต่อมา ในกรุงเทพซึ่งต้ังอยู่บนริมฝ่ังแม่น้ำ�ใกล้สะพานพุทธและอีกจุดหน่ึงคือโบสถ์ซางตาครู้สซ่ึงเป็นโบสถ์คาทอลิกได้ถูกสร้าง ข้นึ ในปี ค.ศ. 1770 อทิ ธพิ ลของโปรตเุ กสทม่ี ีตอ่ สยามอีกสงิ่ หน่ึงทส่ี �ำ คญั คอื ดา้ นการทำ�ขนมคาวหวาน ซึ่งชาว โปรตเุ กสเป็นผนู้ ำ�สตู รการทำ�ขนมทีม่ ีสว่ นผสมของไขแ่ ดงเขา้ มาในไทย เชน่ ขนมฝอยทอง อนั โด่งดัง ชาวญีป่ นุ่ ในยคุ แรกที่เขา้ มาในสยาม ได้เขา้ มาเปน็ กองก�ำ ลังอาสา ดงั ปรากฎในบนั ทึกสงครามยุทธหตั ถใี นปี ค.ศ. 1593 ทมี่ ีกองกำ�ลังทหารญีป่ ุ่นจำ�นวน 500 คนได้เขา้ รว่ มทำ�สงครามกับพมา่ ในแผน่ ดินของสมเดจ็ พระนเรศวร มหาราช (ครองราชยป์ ี ค.ศ. 1590-1605) ซงึ่ กองอาสาญีป่ ่นุ ไดร้ บั หน้าที่เปน็ ทหารทัพหน้าปอ้ งกนั สองกษตั รยิ ใ์ น สงครามบนหลงั ช้าง ความสัมพนั ธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญป่ี ่นุ ได้เริม่ ต้นในปี ค.ศ. 1621 ซึง่ จากพระราชสาส์นใน ปี 1626 ของพระเจา้ ทรงธรรม(ครองราชย์ ปี ค.ศ. 1620-1628) ถึงรฐั บาลโชกุนแหง่ ตระกูล “โตกกุ าวะ” ได้แสดง ถึงมติ รภาพระหว่างสองประเทศ ตามเน้อื ความตอนหนง่ึ ท่ีกล่าววา่ “มหาสมทุ รท่ีกวา้ งใหญท่ ่ีกน้ั ระหว่างสยามและ ญีป่ ุน่ ดูจะเปน็ อุปสรรคต่อการตดิ ต่อของสองชาติ อย่างไรกด็ ี การคา้ ขายทางเรือทีเ่ กดิ ขึ้นอย่างสมำ่�เสมอได้ท�ำ ใหค้ วาม สัมพนั ธ์ระหว่างสองชาตแิ นน่ แฟน้ ข้ึน เปน็ ที่ประจกั ษ์อย่างชัดเจนวา่ ทา่ น [โชกุน] ไดม้ ีไมตรจี ติ อย่างแทจ้ รงิ ให้กบั ชาว สยาม ไมตรจี ติ ทจี่ รงิ แทย้ ิง่ กวา่ สายสัมพนั ธ์ในตระกลู เสียอกี ” ทา่ นโชกุนไดม้ สี าสน์ตอบกลบั มาว่า “มติ รภาพระหว่าง สองชาติมิสามารถทำ�ลายลงได้ เพราะเราต่างอยบู่ นพนื้ ฐานของความเชื่อใจระหว่างกนั มหาสมุทรทกี่ ัน้ ขวางระหวา่ ง สองชาติหาไดม้ คี วามสำ�คัญไม่” ภายในช่วงระยะเวลาหลายปี ชาวญ่ปี ่นุ ได้เขา้ มาสรา้ งชุมชนและอยอู่ าศัยในสยามเปน็ จำ�นวนมากถึงประมาณ 1,500 คน (บางข้อมลู คาดว่านา่ จะสงู ถงึ 7,000 คน) ส่วนใหญ่ไดท้ �ำ การค้าขายโดยสนิ ค้าญ่ีปุน่ ทเ่ี ปน็ ท่ตี ้องการของคนไทย คอื เงนิ เหรยี ญ ดาบ กลอ่ งเคลอื บ กระดาษคุณภาพสูง เป็นตน้ ในชว่ งศตวรรษท่ี 17 มีซามไู รญี่ป่นุ มากถึง 5,000 คน

ได้เขา้ ร่วมรบในสงครามพมา่ ทหารรับจ้างเหล่าน้ีอย่ภู ายใต้การน�ำ ของนายพล ยามาดา นางามาสา (Yamada Nagamasa) ซ่ึงเปน็ เจา้ กรมอาสาญี่ป่นุ ซึ่งตอ่ มาไดร้ ับพระราชทานบรรดาศักดจ์ิ ากพระเจา้ ทรงธรรมให้เป็น ออกญา (เจ้าพระยา) และได้รับคำ�สั่งให้ไปปกครองเมืองนครศรธี รรมราชทางใต้ ซ่ึงความดีความชอบของท่านยังคงตกทอด มาถึงบรรพบุรุษซึ่งเปน็ ต้นตระกูลยมราช ซ่งึ ตอ่ มาเป็นชื่อของเขตบรเิ วณสแ่ี ยกเพชรบรุ ี พษิ ณโุ ลกและถนนหลานหลวง ในกรุงเทพ ตามพงศาวดารของกรุงศรอี ยธุ ยาได้บันทึกว่าในชว่ งปี ค.ศ. 1600 สมัยพระเจา้ เอกาทศรส (ครองราชย์ ปี ค.ศ. 1605–1610) “พระองค์ไดส้ นพระทยั ในการสรา้ งความม่งั ค่ังให้กบั เงินคงคลงั ” และได้ “โปรดใหม้ กี ารติดต่อกับ ชาวตา่ งชาติโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ชาวโปรตุเกส สเปน ฟิลิปปินส์ จนี ชาวดัตซ์และญปี่ ุ่น” ในปี ค.ศ. 1601พอ่ คา้ ชาวดทั ซไ์ ด้เริม่ เข้ามาในอยุธยา และในปี ค.ศ. 1608 ได้รบั พระบรมราชานญุ าตจากสมเดจ็ พระ เอกาทศรถใหต้ ง้ั สถานกี ารค้าแห่งแรกและภายหลังไดม้ กี ารแลกเปลี่ยนทางการทตู เพ่ือเจริญสมั พันธไมตรี เช่นเดยี ว กับชาวโปรตเุ กสและญีป่ ุ่นทเี่ ข้ามาเปน็ กองก�ำ ลงั อาสา ในระหว่างปี ค.ศ. 1630 – 1632 ชาวดัทซ์ไดเ้ ข้ารว่ มรบในสมัย สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (ครองราชยป์ ี ค.ศ. 1630-1645) ในสงครามการสู้รบกบั กมั พูชา และไดร้ บั สง่ิ ตอบแทน เปน็ การผูกขาดการคา้ ของสินค้าบางชนดิ เช่น หนังกวาง หนงั ปลากระเบนและไมฝ้ าง (มีถิ่นก�ำ เนิดทางอินเดียตะวนั ตก ซงึ่ มเี นือ้ ไม้เปน็ สีแดงและมสี รรพคณุ เป็นสมุนไพร) โดยแลกกับเครอื่ งเงินและทองแดง พอ่ ค้าชาวดัทซน์ ามวา่ ฟรานซลิ คารอนและจูทส์ สเคาเตน ไดบ้ ันทึกในหนงั สือท่ีบรรยายรายละเอียดของราช อาณาจักรสยามและญปี่ นุ่ ตีพิมพเ์ มอ่ื ปี 1671 ซง่ึ ได้บรรยายความประทบั ใจในราชอาณาจักรอยุธยา ดังใจความตอน หนึ่งว่า “เมอื งไอยเู ดยี (อยุธยา) นั้นลอ้ มรอบไปดว้ ยกำ�แพงอิฐขนาดใหญ่..ถนนภายในก�ำ แพงเมืองนั้นกว้างใหญ่ เปน็ เส้นตรงและเช่อื มกนั แมว้ ่าบางเส้นทางจะเปน็ คู คลองขนาดเล็ก ชาวบา้ นกย็ งั สัญจรไปมาโดยวธิ ีทางเรอื ที่สามารถ เทียบทา่ หนา้ ประตูบ้านเลยทเี ดยี ว “เมอื งนัน้ สวยงามเปน็ อย่างยิง่ และ เต็มไปดว้ ยโบสถว์ ิหารซงึ่ มีจ�ำ นวนมากกวา่ ๓๐๐ แหง่ และก่อสร้างขน้ึ อยา่ งวจิ ิตรบรรจงท่สี ุด โบสถ์วหิ ารเหลา่ นม้ี ปี รางค์ เจดยี ์และรูปปน้ั รูปหลอ่ อยา่ งมากมาย ใช้ทอง ฉาบอยภู่ ายนอกสเี หลอื งอร่ามทั่วไปหมด พระราชวงั ของกษัตริย์ตง้ั อยู่ใกล้แมน่ �ำ้ ซึง่ มีอาณาบรเิ วณคลา้ ยคลึงกบั เมือง ขนาดเลก็ มีความย่ิงใหญแ่ ละงดงาม อาคารหลายแห่งถกู ประดบั ประดาเปน็ สที อง” “หากมีคราใดทพ่ี ระมหากษตั ริยเ์ สดจ็ ดำ�เนนิ ทางนำ้� จะมบี รรดาขุนนางกวา่ 200 คนพรอ้ มด้วยฝีพายอีก 80-90 คน ตามเสดจ็ บนเรอื ทีป่ ระดับประดาไปด้วยทอง กษัตรยิ ์จะทรงประทับอยา่ งสง่าอยบู่ นบังลังคโ์ ดยมบี รรดาขุนนางเข้าเฝ้า อยไู่ มห่ า่ ง” การสญั จรทางเรือซ่งึ แพรห่ ลายในเมืองไทยได้สรา้ งเอกลักษณใ์ ห้กับชาวตา่ งชาตจิ นถึงปจั จุบัน ในปี ค.ศ. 1687 ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (Simon de la Loubere) ได้บรรยายถงึ สยามตอนหนึ่งใจความวา่ “เสน้ ทางการเดนิ ทาง ในสยามส่วนใหญค่ ือทางน�้ำ ลัดเลาะไปตามคลอง ซ่งึ คลา้ ยคลงึ กบั เมอื งเวนิซทมี่ สี ะพานท่ีทำ�จากอฐิ ทงั้ เลก็ ใหญ่” ซึ่งชาว ตา่ งขาตใิ นยคุ แรกไดใ้ ห้สมญานามตอ่ อยธุ ยาและภายหลงั คือกรงุ เทพว่าเปน็ “เวนซิ ตะวนั ออก” อย่างไรกด็ ีสมญานาม นี้ไดถ้ ูกเรียกในอกี 21 เมืองในเอเซีย ในปี ค.ศ. 1688 นโิ กลาส์ แฌร์แวส (Nicholas Gervaise) ได้ประทับใจกับ บา้ นเรอื นบนนำ�้ ในระหว่างการเดนิ ทางไปอยุธยา: “สองฝากฝ่ังของแม่น้ำ�ล้วนเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของคนซึ่งมีลักษณะเหมือนแพที่ทำ�จากไม้ไผ่และยังมีเรือท่ี จำ�หนา่ ยสินค้าจากจีน ซึง่ มีมากมายจนทำ�ใหอ้ ดคดิ ไมไ่ ด้วา่ เส้นทางหลกั ของการเดนิ ทางและการคา้ ขายของชาวสยาม คือ ทางน�้ำ ไม่ใช่ทางบก”

“ทันทีท่เี ดินทางเข้ามาในราชอาณาจกั ร จะมีเรือหลวงเขา้ มาตอ้ นรับ คณะเดินทางจะน�ำ จดหมายมอบแก่เจา้ เมอื ง ซึง่ เปน็ เสมือนตัวแทนของกษัตริยเ์ พื่อนำ�ไปมอบใหแ้ กก่ ษตั ริย์ต่อไป ในท้องถนนเต็มไปด้วยกองทหารติดอาวธุ เป็น จ�ำ นวนมาก และจะมีชา้ งซ่งึ ประดบั ประดาด้วยอาภรณพ์ ร้อมกับบรรดาข้ารบั ใช้ทน่ี �ำ หน้าขบวนทูตเพ่อื เข้าเฝา้ พระมหา กษัตริยใ์ นพระราชวัง ในการเข้าเฝา้ จะมีการมอบของขวญั ทีม่ คี า่ อย่างมากมายมหาศาลแก่กษตั รยิ ์เพอื่ แสดงถงึ ความ เคารพและเชิดชคู วามยง่ิ ใหญ่” นักเดนิ ทางชาวเปอร์เซยี ไดเ้ ดนิ ทางมาถงึ เมืองหลวงใน ค.ศ. 1602 และประทับใจในวิธชี วี ติ บนน�ำ้ และจากงานใน ศตวรรษท่ี เร่ืองเรอื ของสไุ ลมาน ได้เปล่ียนช่ือของเมอื ง ในตะวันออกกลางมาเป็น “Sahr-e nav” หรือ “เมอื งแห่ง เรือ และ แม่น้ำ�” ชาวเปอร์เซียนไมไ่ ดม้ บี ทบาทแค่เพยี งด้านการคา้ เท่านน้ั แต่ยังมบี ทบาทส�ำ คัญในดา้ นการรับใช้ราช สำ�นักไทยอีกด้วย ดังเช่น ตระกูลบนุ นาค ซึ่งมบี ุคคลส�ำ คัญในตระกูลท่ไี ด้ดำ�รงต�ำ แหน่งเปน็ ผูส้ �ำ เร็จราชการแผ่นดิน ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ปี ค.ศ. 1868-1910) เม่ือคร้ังยังทรงพระเยาว์ จนกระท่งั ถึงปี ค.ศ. 1873 ชาวเปอรเ์ ซยี นสว่ นใหญ่ไดเ้ ปลยี่ นมานบั ถอื ศาสนาพุทธและค�ำ ศพั ทข์ องเปอร์เซยี จ�ำ นวนมากได้ เข้ามาอยใู่ นภาษาไทย เช่น ค�ำ เรียกชือ่ ผกั และผลไม้ เชน่ กุหลาบ องุ่น และกะหลำ�่ ปลี และยงั รวมไปถงึ ค�ำ ว่า “ฝรงั่ ” ซงึ่ ใชเ้ รียกชาวตะวนั ตกและชาวอเมรกิ าเหนือซงึ่ ใชม้ าจนถึงปจั จบุ นั บนั ทกึ ของเอนเยลเบริ ต์ แกมปเ์ ฟอร์ (Engelbert Kaempfer) ในปี ค.ศ. 1690 ได้บรรยายถงึ ความงามของธรรมชาติ ในสยามว่า “เม่อื เรามาถงึ ปากน้ำ� (สมทุ รปราการ) ห่างจากฝงั่ แม่นำ้�ประมาณ 7 ไมล์ เราพยายามเดินเข้าไปในปา่ ที่ คอ่ นขา้ งแห้ง เตม็ ไปด้วยเสือและสตั วป์ ่าทห่ี วิ กระหาย บรเิ วณฝัง่ แมน่ �ำ้ คอ่ นขา้ งตน้ื เขนิ และเตม็ ไปด้วยดินโคลน จาก กรุงเทพถงึ ทา่ เรอื ไมม่ ีอะไรนอกจากปา่ “นอกจากน้ี ระหว่างลอ่ งเรอื ยงั ได้พบกับสตั ว์หลากหลายพันธุ์ ท่ีเห็นไดช้ นิด แรก คอื ลิงท่ีมขี นสดี ำ�.... ห่ิงห้อยคอื สัตว์อกี ชนิดหนง่ึ ที่นา่ สนใจ หิง่ หอ้ ยน้นั ลอยอยู่ตามต้นไมซ้ ่ึงจะอยรู่ วมกันตามกิ่ง กา้ นสาขาของต้นไม้ พร้อมเปล่งแสงออกมาวบิ วับเป็นจงั หวะ เปรยี บเหมือนจงั หวะการเต้นของหวั ใจ นักเขยี นหลาย คนไดต้ น่ื ตาตื่นใจกับปรากฎการณท์ างธรรมชาตินเี้ ชน่ เดยี วกนั ” “รอบๆตวั เมืองคือชานเมอื งซ่ึงเตม็ ไปดว้ ยหมบู่ า้ นท่ผี คู้ นอาศยั อยูใ่ นเรือนแพบนนำ้� แต่ละหลงั อาจจะมสี องครอบครวั หรอื สาม หรอื มากกวา่ น้นั อยรู่ ว่ มกัน บางระยะเวลากไ็ ด้เคลื่อนย้ายถิน่ ฐานและกลับมาใหม่เมื่อฤดนู ้�ำ ข้ึน ผู้คนไดใ้ ช้ ชีวิตบนแพท้งั เพอื่ คา้ ขายสินคา้ และอยู่อาศัย” ฝรั่งเศสได้เขา้ มามีบทบาททส่ี �ำ คญั ในอยุธยาช่วงศตวรรษท่ี 17 และไดเ้ ป็นสอ่ื กลางในการเรม่ิ ต้นการติดตอ่ ระหวา่ งไทย และฝรงั่ เศส ในปี ค.ศ. 1680 บริษทั อินเดยี ตะวันออกของฝร่งั เศส(Frence East India) ได้สง่ เรือเข้ามายงั ประเทศไทย และไดส้ ง่ คณะทูตเพ่ือด�ำ เนินการเจรจาข้อตกลงการค้ากบั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช (ค.ศ. 1657-1688) หลงั จาก นนั้ ทง้ั สองฝ่ายไดแ้ ลกเปลยี่ นคณะทตู ระหว่างกัน ในปเี ดยี วกนั และในปี ค.ศ. 1684 คณะทตู ไทยได้เดนิ ทางไปปารีสใน สมัยของพระเจา้ หลุยส์ท 14 ซง่ึ ได้รบั การต้อนรบั อย่างยิ่งใหญ่ ชาวฝร่งั เศสทม่ี ีสำ�คัญอีกคนหนึ่ง คอื กี ตาร์ชาร์ (Guy Tachard) ท่มี าเข้ามาในปี ค.ศ. 1685 ในบนั ทึกการเดนิ ทางไปส่ปู ระเทศสยามในปี ค.ศ. 1688 ได้กลา่ วถงึ ความ อดุ มสมบูรณ์ของธรรมชาตทิ เี่ ต็มไปด้วยฝูงลงิ ตามตน้ ไม้บรเิ วณสองฝั่งน้ำ� และเสริมอกี วา่ “ไม่มคี วามเพลดิ เพลนิ ใด จะสู้การมองดูฝูงนกกระสาบินไปมาตามต้นไมน้ อ้ ยใหญ่ นกสขี าวซงึ่ บินปะปนกับสีเขียวของตน้ ไม้ทำ�ให้ทัศนยี ภาพ นา่ มองยง่ิ นกั นกในป่าเหลา่ นีต้ า่ งมปี ีกทสี่ วยงามเตม็ ไปด้วยสีสัน บา้ งมีปีกสเี หลือง บา้ งแดง บา้ งเขยี ว โบยบินไปมา”

เขายังคงบนั ทึกความประทับใจในบ้านเรอื นสองฝงั่ น�้ำ วา่ “ระหวา่ งบางกอกและสยาม [อยธุ ยา] จะพบเห็นบา้ นเรอื น มากมายอยรู่ ิมแมน่ ้ำ�ซงึ่ มลี กั ษณะเปน็ กระท่อมบนเสาสูงเพอ่ื ปอ้ งกันนำ้�ท่วม ตัวบา้ นจะทำ�มาจากไผซ่ ึง่ ได้มาจากลำ�ของ ต้นไผซ่ งึ่ นยิ มใช้กนั ในประเทศ... ในบรเิ วณข้างเคยี ง คือตลาดน้ำ�ทชี่ าวสยามผ้สู ญั จรไปมาไดซ้ ื้อขายของกินกัน มที ้งั ผล ไม้ ขา้ ว เหล้า (มีสว่ นผสมจากขา้ วและมะนาว) ” อย่างไรก็ตาม ชาวยโุ รปได้เขา้ มาพวั พนั กับกรณพี พิ าททางการเมอื งในสยาม ท�ำ ให้ถูกขบั ไล่ออกไปจากราชอาณาจกั รใน ปี ค.ศ. 1688 และถกู ส่งั หา้ มไม่ใหเ้ ข้ามาจนกระทง่ั ปี ค.ศ. 1820 ช่วงนั้นมเี พียงชาวจีนและชาวญ่ีปุ่นทีย่ งั คงท�ำ การคา้ กบั อยุธยาจนกระทงั่ ถึงปี ค.ศ. 1767 ทีก่ รงุ ศรอี ยธุ ยาไดล้ ม่ สลายและไดเ้ ปลย่ี นราชธานีมาเป็นกรุงธนบุรแี ละกรงุ เทพ ในเวลาต่อมา ในปี ค.ศ. 1825 นักเดนิ ทางชาวยุโรปไดบ้ ันทึกการเดินทางในสยาม ดงั ปรากฏในจดหมายเหตุของ สิงคโปรซ์ งึ่ เขาได้บรรยายวา่ “กรงุ เทพ เมืองหลวงแห่งสยามมีสภาพอากาศทด่ี ี ความสะดวกสบายและสิ่งของท่จี ำ�เป็น ตา่ งหาได้งา่ ยในกรงุ เทพ ขา้ วมีราคาถูกมาก รวมถึงปลา เน้ือสตั ว์ต่างๆล้วนมีมากมายในคุณภาพทด่ี ี แต่ส�ำ หรับชาว ยุโรปอาจประสบกับความไม่สะดวกบางอยา่ งจากการพฒั นาทย่ี ังลา้ หลงั อยูบ่ ้าง เชน่ ถนน รถหรือแมแ้ ตก่ ารรบกวน จากยุง…” ในปี ค.ศ. 1867 มากี เดอ โบววั ร์ (Marquis de Beauvoir) ซึ่งดูเหมอื นวา่ จะเป็นนกั ท่องเทยี่ วคนแรก ทเี่ ดินทางมาไทยเพื่อการทอ่ งเที่ยวอยา่ งเดยี วโดยปราศจากวัตถุประสงค์ดา้ นการค้า ศาสนาและการทูต เขาเดินทาง มาจากสงิ คโปร์โดยเรือกลไฟ และเป็นคนแรกทีไ่ ดบ้ ันทกึ เกีย่ วกับการท่องเทยี่ วในกรงุ เทพ ถึงแมจ้ ะอยู่ในชว่ งวยั ร่นุ (อายุ 20 ป)ี แตเ่ ขาได้สงั เกตสุ ่ิงรอบตวั อย่างละเอียดถถี่ ้วน และได้ใช้เวลาประมาณ 1 สปั ดาห์ในเดือนมกราคม ท่องเทยี่ วในกรุงเทพ ตัวหนังสอื ในบันทึกของเขาเปรยี บเสมือนกลอ้ งถา่ ยรูปที่ช่วยเก็บภาพระหว่างการเดินทาง ในขณะทเ่ี รอื เทยี บทา่ เขาไดบ้ ันทกึ วา่ “เบอื้ งหลงั ของแมน่ ำ้�ใหญ่ ทศั นียภาพของกรงุ เทพไดป้ รากฎสู่สายตา ชา่ งเหลอื เชื่อ ยิ่งนกั ทจ่ี ะมที ีใ่ ดๆในโลกทจี่ ะสวยงามหรือมหัศจรรย์ไปกว่าท่ีน่ี เวนซิ แห่งเอเซยี นีไ้ ด้รวมทุกส่ิงท่ีนา่ อัศจรรยภ์ ายในรศั มี 8 ไมล์ แม่น�้ำ ท่ีกวา้ งใหญ่ซ่ึงมีเรือมากถึง 60 ลำ� จอดเรยี งราย บริเวณสองฝัง่ แมน่ ำ้�เต็มไปด้วยบา้ นเรือนนบั พนั หลงั และผู้คนที่แต่งกายดว้ ยสสี ันสดใส บนผืนแผ่นดินคือท่ีต้ังของพระราชวัง ศูนย์กลางการปกครองของเมือง ทีล่ ้อมรอบไป ดว้ ยก�ำ แพงสูง” เกอื บสามทศวรรษถัดมา อีรคิ ไซเดนฟาเดน (Erik Seidenfaden) ผูแ้ ตง่ หนังสอื แนะนำ�กรุงเทพ พรอ้ มบันทึกเกีย่ วกับสยาม (Guide to Bangkok with Notes on Siam) ซงึ่ เป็นหนังสอื น�ำ เที่ยวในยคุ แรก ได้เขยี น ไวว้ า่ “อนิจจา ภาพทีเ่ คยงดงาม บดั นี้บ้านเรอื นแพทัง้ หลายแทบไมเ่ หลืออย่เู ลย” เดอ โบววั ร์ (De Beauvoir) และสหายของเขาไดพ้ กั ทโี่ บสถค์ าทอลิกฝรงั่ เศสและได้เทย่ี วชมเมืองโดยได้ไปวดั อรุณ วดั โพธิ์ วดั สระเกศ (ซึง่ โด่งดงั ในเรื่องของฝงู แร้งที่จกิ กนิ ซากศพ) และพระบรมมหาราชวัง เขาทง้ั สองยงั ได้รบั การต้อนรับ จากพระบาทสมเด็จจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและได้รับอนุญาตให้เข้าชมบริเวณเขตพระราชฐานช้ันในซ่ึงเป็นท่ีหวงห้าม สำ�หรับคนภายนอกและผู้ชาย ในปี ค.ศ. 1888 หนังสอื พิมพ์ เซนท์ เจมส์ กาเซทท์ (St. James Gazette) แห่งลอนดอนได้ตีพมิ พ์เรื่องราวทีค่ ล้าย กันเก่ยี วกบั กรุงเทพ โดยได้ใหค้ วามสนใจกับวัด พระราชวังและต้นไม้นอ้ ยใหญท่ ปี่ ระดับประดาให้กรุงเทพแลดูเหมอื น อทุ ยานขนาดใหญ่ สถาปตั ยกรรมทีง่ ดงามของสยามทีเ่ ต็มไปด้วยพระราชวงั และโบสถ์วิหารลว้ นเป็นที่เลอ่ื งลือมาแสน นาน และภายในไมก่ ี่ชว่ั โมงของการเดนิ ทางล้วนมีสิง่ ที่นา่ สนใจใหน้ ักท่องเท่ยี วได้รบั ชม ซ่ึงตา่ งจากในเมอื งจนี ทีต่ อ้ ง ใช้เวลาหลายสัปดาห์จึงจะไดพ้ บ”

ในท�ำ นองเดียวกัน นักเขยี นจากหนังสอื พิมพ์ เดอะ แฟมิล่ี เฮรัลด์ (the Family Herald) ได้บรรยายไว้ในปีเดียวกัน ว่า “ผคู้ นได้จบั จ่ายซอื้ ของบนเรอื และในขณะที่ผู้หญงิ ได้ขายของ บ้านท้งั บา้ นจะถกู เปดิ ออกมา ผู้ชายจะท�ำ หน้าทีต่ ก ปลา เดก็ ๆวา่ ยน้�ำ ไปมาในบรเิ วณน้ัน” สามปถี ัดมา กรงุ เทพได้มีโอกาสตอ้ นรบั การมาเยอื นของราชวงศ์ต่างชาติ ซาเรวติ ซ์แห่งรสั เซยี (มกุฎราชกุมาร) ที่ได้ มาเยอื นไทยเป็นเวลาหลายวนั ซง่ึ ไดม้ บี ันทกึ ไวว้ ่า “เราได้รับรูถ้ งึ ไมตรจี ิตที่ยิง่ ใหญ่แห่งสยามผา่ นบันทึกในหนงั สือมา ชา้ นาน แต่ไม่สามารถเทียบไดเ้ ลยกับที่เราไดม้ าประจกั ษ์และสมั ผัสด้วยตนเอง” ในปี ค.ศ. 1897 แมกซเ์ วล ซอมเมอร์วิลล์ (Maxwell Sommerville) ไดต้ กตะลงึ กบั วิถชี วี ติ ของชาวสยามท่ีใชแ้ ม่น้ำ� ลำ�คลองเป็นเสน้ ทางสัญจรและอยอู่ าศยั “ระหวา่ งการล่องแมน่ �ำ้ เจ้าพระยาในระยะเวลาหลายชว่ั โมง เรือหลายร้อยลำ� ทีจ่ อดอดั แนน่ เบยี ดเสยี ดไดบ้ ดบงั ทศั นยี ภาพไปหมดส้ิน ยอดแหลมของโบสถ์ไดป้ รากฏบนฝ่งั รอบข้างคอื เรอื ทส่ี ัญจร ไปมาอยา่ งคบั คงั่ ทเี่ ตม็ ไปด้วยผคู้ นทงั้ พ่อค้าแม่ค้า นักดนตรี ชาวประมง พระภกิ ษุสงฆ์ ซึ่งภาพทปี่ รากฎทง้ั หมดนี้ ทำ�ให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าเม่อื ไหรก่ ันที่เราจะผ่านกรุงเทพได้เสียท”ี เมอื่ ข้ึนศตวรรษที่ 19 กรุงเทพไดก้ ลายเปน็ จดุ หมายของการท่องเท่ียว ในปี ค.ศ. 1899 บรรณาธิการของบางกอกไทมส์ ได้ตงั้ ข้อสังเกตุเกีย่ วกับสยามว่า “เป็นทปี่ ระจักษ์ชดั วา่ สยามได้กลายเปน็ จดุ หมายของนกั ทอ่ งเทยี่ วท่วั โลกซง่ึ มีจำ�นวน ทีเ่ พม่ิ ขึ้นสองถึงสามเท่าต่อวัน” กรงุ เทพยังได้ตอ้ นรับนักเขียนมากมายในระยะเวลาหลายปี เร่มิ จากโจเซฟ คอนราด (Joseph Conrad) ท่ไี ดใ้ ชร้ ะยะเวลา 1 สัปดาห์ในเดือนมกราคมปี ค.ศ. 1888 นอกจากน้ียังมี วลิ เลียม ซอเมอร์ เซต มอหม์ (W. Somerset Maugham)ซง่ึ ไดร้ ับแรงบนั ดาลใจในการสรา้ งบทประพันธ์ระหวา่ งการเยอื นกรงุ เทพในปี ค.ศ.1923 และการเข้าพกั ท่โี รงแรมโอเรียลเตล็ ยังได้ปรากฎในบทประพนั ธเ์ รื่อง The Gentleman in the Parlour: A Record of a Journey From Rangoon to Haiphong ที่ตพี มิ พใ์ นปี ค.ศ. 1930 หลังจากหนงั สือทอ่ งเทยี่ วของ เจ อันโทนโิ อในปคี .ศ.1904 ไดม้ ีการจดั ทำ�หนังสือท่องเทย่ี วเลม่ ทสี่ องขนึ้ โดยอรี คิ ไซเดนฟาเดน (Erik Seidenfaden) ผแู้ ตง่ หนังสือแนะนำ�กรงุ เทพพรอ้ มบนั ทึกเกีย่ วกับสยามในปี ค.ศ.1928 (Guide to Bangkok with Notes on Siam) ตีพิมพโ์ ดยการรถไฟแหง่ ประเทศไทย ในชว่ งปี ค.ศ. 1960 ไดม้ กี ารเกดิ ข้นึ ของหนงั สือทอ่ งเทยี่ วอยา่ งมากมาย แตเ่ ล่มที่ได้รบั ความนิยมท่สี ุด คือ โลนลี แพลนเน็ต (Lonely Planet) ทตี่ ีพิมพ์ ในปี ค.ศ. 1982 ทม่ี เี นื้อหาหลักเกี่ยวกับการทอ่ งเท่ยี วไทย วถิ ีชวี ิต อาหารการกนิ ศิลปะและอกี มากมาย ในปี ค.ศ. 1961 ธรุ กจิ ท้องถ่นิ ไดเ้ ขา้ มามีบทบาทในการจัดท�ำ หนงั สอื นำ�เทีย่ วทม่ี ีเน้ือหาเจาะลกึ ในแต่ละดา้ น หม่อมเจา้ ภศี เดช รชั นี ผูอ้ ำ�นวยการแผนกส่งเสรมิ การขายและการโฆษณาของบรษิ ัทเชลล์ แห่งประเทศไทย จ�ำ กัด ไดร้ ่วมมอื กบั ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวตั น์ จัดท�ำ คูม่ อื แนะน�ำ รา้ นอาหารภายใต้ช่อื “เชลล์ชวนชมิ ” ซ่งึ ถอื เป็นคมั ภีรท์ ีแ่ นะนำ�รา้ น อาหารอร่อยทว่ั ทัง้ กรุงเทพและในเมอื งไทยมาตลอดระยะเวลากวา่ 50 ปี คู่มอื นไี้ ดจ้ ัดท�ำ ขึน้ เปน็ ภาษาไทยโดยใช้โลโก้ ในยุคแรกเป็นรปู หอยเชลลแ์ ละเปลวแก๊สแลบออกมา ตอ่ มาในปี ค.ศ.1982 ไดเ้ ปลีย่ นโลโกเ้ ปน็ รปู ชามลายคราม ตัวแทนของวัฒนธรรมทเ่ี กา่ แก่ ซง่ึ โลโก้ทัง้ สองไดเ้ ปน็ สัญลกั ษณ์ของอาหารรสเลศิ

ในปเี ดยี วกัน บรษิ ัทเชลลย์ ังได้จัดท�ำ “คู่มอื แนะน�ำ อุทยานแหง่ ชาตใิ นประเทศไทย” ซง่ึ ตีพิมพท์ ้งั ภาษาไทยและองั กฤษ และไดร้ วบรวมเนื้อหาของอทุ ยานแห่งชาติในเมอื งไทยจ�ำ นวน 42 แห่งทัว่ ประเทศ ซ่ึงในปจั จบุ นั เมอื งไทยมีอทุ ยาน แห่งชาตทิ งั้ สิ้นรวม 127 แหง่ และแบ่งเปน็ อทุ ยานทางทะเล 22 แหง่ อทุ ยานแห่งชาตเิ หลา่ นี้อดุ มไปด้วยดอกไม้ พนั ธ์พืชและสัตวน์ านาชนิดและไดเ้ ปน็ สถานท่ีอยอู่ าศยั สำ�หรบั สัตวห์ ลากหลายสายพันธ์ุ ซึง่ กลายเป็นแหล่งทอ่ งเท่ียว ท่เี ปิดใหน้ ักท่องเทีย่ วได้เข้ามาสัมผัสกับความงามของธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติทม่ี ีชื่อเสยี ง ไดแ้ ก่ อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่ อุทยานแหง่ ชาตแิ ก่งกระจานและอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สงิ่ ทน่ี า่ สนใจอกี อยา่ งคอื จ�ำ นวนนกั ทอ่ งเทย่ี วตา่ งชาตทิ เ่ี ขา้ มาในเมอื งไทยไดช้ ว่ ยประชาสมั พนั ธเ์ กยี่ วกบั เมอื งไทยผา่ นการ บอกเล่าปากต่อปากซึ่งเป็นเครื่องมอื ประชาสัมพนั ธท์ ่ดี ีย่ิงกวา่ การโปรโมทใดๆ ทำ�ใหเ้ มอื งไทยจงึ กลายเป็นเมอื งท่ีเป็น ท่ีรูจ้ กั กลมุ่ คนทม่ี บี ทบาทในการประชาสมั พันธเ์ ก่ยี วกับเมืองไทยหลักๆคือ ทหารอเมริกาท่ีประจ�ำ ในปี ค.ศ. 1960 (ซง่ึ หลายคนไดเ้ กษยี นอายุที่เมืองไทย) อาสาสมัครหน่วยสนั ติภาพสหรัฐอเมรกิ าและองั กฤษและยงั มีอาสาสมคั รจาก ชาตอื น่ื ๆ รวมถึงบรรดามิชชันนารที ไ่ี ด้เดนิ ทางกลับไปยงั ประเทศบา้ นเกดิ อกี สงิ่ ทไ่ี ม่สามารถมองขา้ มในการเผยแพร่วฒั นธรรมไทย คือ บรรดาร้านอาหารไทยที่เปิดในต่างประเทศในช่วงปี ค.ศ. 1980 และในเวลาไมถ่ งึ ทศวรรษ อาหารไทยไดก้ า้ วขนึ้ มาเป็นอาหารช้นั นำ�ของโลก และไดร้ บั ความนิยมอย่าง ยง่ิ ในหมนู่ ักท่องเที่ยวจนต้องหาโอกาสเดนิ ทางเขา้ มาชิมในประเทศไทย หลายคนได้ลงเรียนวชิ าการทำ�อาหารไทย เพอื่ กลบั ไปท�ำ ยงั บ้านเกดิ ตนเอง เมอื่ ประเทศไทยได้รับความนิยมดา้ นการท่องเท่ยี วส่งผลใหธ้ รุ กจิ การบนิ โรงแรมและภาคการทอ่ งเท่ยี วเตบิ โตอย่าง รวดเรว็ เพ่อื ดงึ ดูดชาวตา่ งชาตทิ เี่ ดินทางเข้ามา ในปี ค.ศ. 1960 ไดม้ กี ารก่อตั้งการท่องเท่ยี วแห่งประเทศไทย เพ่อื รองรบั กับการเตบิ โตของจ�ำ นวนนักทอ่ งเทย่ี วที่หลง่ั ไหลเข้ามาในเมอื งไทยและมีจ�ำ นวนเพิม่ ข้นึ โดยตลอดระยะเวลากวา่ 50 ปี มมุ มองของชาวเปอรเ์ ซียนในปี ค.ศ. 1680 อบิ นุ มฮู มั หมดั อบิ ราฮิม (Ibn Muhammad Ibrahim) ชาวเปอรเื ซยี นท่ีไดเ้ ดินทางเขา้ มาในไทยในปี ค.ศ. 1680 ได้บนั ทึกข้อสงั เกตุของเขาไวใ้ นหนงั สอื สำ�เภาของกษัตรยิ ์สุไลมาน (The Ship of Sulaiman) ซึ่ง ภายหลงั ไดต้ ีพมิ พ์ในลอนดอน เราไดเ้ ดนิ ทางมาทางเรอื และเพยี งหน่งึ วนั เราไดม้ าถงึ เมืองซูฮาน [กรุงเทพ] เมอื งนอ้ี ยู่ตดิ กับชะฮฺร์ นาว์ [อยธุ ยา] ซ่ึงเปน็ เมืองทีม่ ีความสวยงามและอดุ มสมบูรณ์ สายน�ำ้ จากแมน่ ้ำ� ได้ไหลผา่ นตัวเมอื งและไหลออกไปสทู่ ะเล สองฝั่งแมน่ �้ำ เต็มไปดว้ ยสวนผลไม้ท่ีเปิดโลง่ ไร้ร้ัวหรอื กำ�แพงใดๆ ผคู้ นได้ปลกู ผลไม้นานชนดิ มีตงั้ แตม่ ะนาว สม้ มะพร้าวและแมงโก รวมไปถงึ ตน้ พลูและไมส้ น ผลไม้ของ สยามทุกชนิดลว้ นมอี ย่ใู นพระนครแหง่ นี้ รอบตัวของเราเต็มไปด้วยตน้ ไมท้ ไ่ี มเ่ คยได้รว่ งหล่นหรือสัมผัสลม หนาวแหง่ ฤดูใบไม้รว่ ง ตน้ ไมท้ กุ ตน้ ล้วนเจริญงอกงามเหมอื นกบั ความหวังในวยั หน่มุ สาวทหี่ ลอ่ เลีย้ งหวั ใจ ในยามชรา ในเมอื งอื่นๆต่างมิอาจหลีกเลย่ี งลมหนาวท่ีพดั พาใบไมป้ ลิวหลุดลอยรว่ งหลน่ แต่พระนครแหง่ น้ี ชา่ งโชคดีเหนอื เมอื งอ่นื ใด

การทัศนาจรกรุงเทพมหานครฯ ของทา่ นราชทตู ครอว์เฟริ ด์ ทา่ นราชทตู แห่งสหราชอาณาจักร ทา่ นจอห์น ครอว์เฟิรด์ (Sir John Crawfurd) ถูกส่งตวั มาจากประเทศ องั กฤษเพอ่ื ปฏิบัติภารกิจในการส�ำ รวจหย่ังเชิงท่าทขี องไทยเก่ียวกับส่รี ัฐมาเลยท์ างภาคเหนือ โดยได้พำ�นกั ระยะยาวอย่ทู กี่ รุงเทพมหานครในปี ค.ศ. 1822 ในบันทกึ ความทรงจำ�ปี1828 ทปี่ รากฏอยใู่ นวารสารของ สถานทตู ศาลไทยและโคชินไชนา (Journal of an Embassy to the Courts of Siam and Cochin China) ท่านจอหน์ ครอวเ์ ฟริ ์ด บันทกึ ไวว้ ่า: พวกเราได้ท่องเทยี่ วเมืองกรงุ เทพมหานครฯในเชา้ น้ี พื้นดนิ ที่ถูกสรา้ ง ขน้ึ เต็มไปดว้ ยร่องรอยของแผ่นดินลุ่มน้ำ�ตำ�่ แตไ่ ม่ได้เป็นแอง่ นำ้� และถกู เชื่อมต่อกันดว้ ยล�ำ ธารอนั คดเคย้ี ว และลำ�คลองจ�ำ นวนมาก พวกเราข้ามแม่นำ�้ จากท่อี ยู่อาศัยของเราไปสู่พระราชวังซ่งึ ตง้ั อยรู่ ิมฝงั่ ตะวนั ตกของ แมน่ �้ำ ในแตล่ ะดา้ นของแมน่ ำ�้ มแี ถบทีอ่ ยอู่ าศยั วางตัวลอยล่องอยูบ่ นแพไม้ไผ่จอดอยู่รมิ ฝ่ัง ... ครอบครอง โดยชาวจีนผ้ดู ีทีม่ รี ้านคา้ อยู่รมิ แมน่ �้ำ ... สิง่ เหลา่ นจี้ ำ�นวนมากมายท�ำ ใหพ้ วกเราหลงอยใู่ นชว่ งเวลาทดี่ ี โดยท่ี เราไม่ไดน้ กึ ถึงเลยว่า มถี นนอยเู่ พียงไมก่ ่ีแห่ง หรือแทบไมม่ ีเลยในกรงุ เทพฯ โดยทแ่ี มน่ ำ้�และลำ�คลองต่างๆ ไดท้ ำ�ให้เกิดทางหลวงสัญจรทคี่ นุ้ เคย ไม่เพียงแต่พาหนะท่ีขนสง่ สินค้าเท่านน้ั แตย่ งั รวมถงึ การเดนิ ทางของ ผู้โดยสารทกุ ๆประเภท เรือจ�ำ นวนมากเป็นรา้ นคา้ ทีม่ ีเคร่ืองเคลอื บดนิ เผา น�ำ้ ปลา เครอ่ื งปรุงอาหาร ปลาแหง้ และเนอ้ื หมูสด ผขู้ ายของสินคา้ โภคภัณฑท์ ัง้ หลายเหลา่ นี้กำ�ลงั ท�ำ การเรข่ ายและร้องเรียก ประหนึ่งว่าพวกเขา อย่ใู นเมืองยโุ รป ในบรรดาผทู้ ี่ล่องเรอื ทัง้ หลาย ส่วนใหญจ่ ะเป็นผ้หู ญงิ และพระภิกษสุ งฆ์ท่โี กนหวั และนุง่ หม่ ผ้าเหลือง น่ีเปน็ ช่วั โมงที่พวกเขามกั จะท�ำ การบิณฑบาต ซงึ่ เราจะเห็นพระภกิ ษสุ งฆ์เป็นจ�ำ นวนมากแม่นำ�้ แสดงให้เหน็ ถึงฉากของกิจกรรมทีส่ �ำ คญั และหลักฐานของการด�ำ รงอยขู่ องการค้าทเ่ี จรญิ รงุ่ เรือง เรานับ เรอื สำ�เภาขนาดใหญ่ และขนาดเล็กทม่ี ีสว่ นร่วมในการค้าตา่ ง-ประเทศได้ถึงเจด็ สบิ ลำ�...นอกจากน้ี ยังมีเรือ ขนาดเลก็ จ�ำ นวนมากท่ีมสี ่วนรว่ มในการค้าภายในประเทศ เชน่ เดยี วกับแพลำ�เลยี งสนิ ค้าจำ�นวนมาก ความ ม่งั คง่ั ของสินคา้ รวมถึงพริกไทยด�ำ น้ำ�ตาล ดีบกุ กระวาน กฤษณา ซาง เปลอื กไมโ้ กงกางแดง ชงิ ชันสำ�หรับ เฟอรน์ ิเจอรแ์ ละต,ู้ ผา้ ฝา้ ย งาชา้ ง ไมค้ รั่ง ขา้ ว ถ่ัวหมาก เกลือ ปลา ทกี่ �ำ บงั พราง และหนังววั ควาย ชา้ ง แรด กวาง เสือ เสือดาว นาก ชะมด ลนิ่ ของงแู ละมยูขทมี่ เี ปลอื กทอ้ งของ เตา่ สายพนั ธุ์บก เขาของควาย ววั กวางและแรด กระดูกของวัว ควาย ชา้ ง แรดและเสอื เอ็นกวางตากแหง้ ขนของนกกระทงุ นกกระสา นกยงู นกกระเต็น หลายสายพนั ธุ์ และรังนกนางแอ่นพร้อมรับประทาน เจคอ็ บ ไชด์ 1892 ในปี 1892 เจคอ็ บ ที ไชด์ ได้สงั เกตเุ หน็ วา่ ตลาดน้ำ�มคี วามคึกคกั อย่างมากก่อนรุ่งอรุณ อาณาจกั รตลาดนำ�้ ของเมอื งสยามนจี้ ะมีการคา้ ขายที่คกึ คักในช่วงกลางคืน มีเรอื มาจากทัว่ สารทิศทีบ่ รรทกุ ของมาขายมที ัง้ ผล ไม้ ผกั ข้าวและเนื้อสตั ว์ ทนี่ ่ีผหู้ ญิงจะเปน็ แม่ค้าและท่ามกลางแสงไฟจากโคมทท่ี �ำ จากกะลามะพร้าว คือการ ตอ่ รองราคาที่เขม้ ข้นท่ัวทกุ หนแห่ง แม่น้ำ�ท้งั หมดถูกปกคลุมด้วยแสงไฟทรี่ บิ หร่ีเหล่านดี้ ังกับแสงของหิ่งห้อย เรือจอดอยอู่ ย่างแน่นขนดั ไปหมดจนเปน็ การเปล่าประโยชน์หากจะพยายามแทรกตัวผ่าน แตท่ นั ทที ีล่ ำ�แสง แรก ของดวงอาทิตย์ได้ทอดผ่าน แสงริบหรเี่ หลา่ นไ้ี ด้อันตรธานหายไป แตใ่ นไมช่ ้าไม่นานอาจจะไดเ้ หน็ ภาพ ของเรือท่ีวุ่นวายสลับกบั เสยี งตะโกนของผ้คู นบา้ ง แม่นำ�้ ทงั้ เส้นดูว่างเปล่าและเงียบสงบในช่วงระหวา่ งวนั

ความประทบั ใจแห่งเบาว์ริง ในปี ค.ศ.1855 เซอร์จอหน์ เบาว์ริง (Sir John Bowring) นักการทตู องั กฤษไดเ้ ดนิ ทางเขา้ มาในกรุงเทพเพอ่ื เจรจาสนธสิ ญั ญาฉบบั ใหมแ่ ละมีอำ�นาจในการบงั คับใหค้ นไทยรับในข้อตกลง แต่เขาได้เกิดความประทบั ใจ ในไมตรีจิตและการต้อนรับอย่างอบอุ่นของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซ่ึงภายหลังได้กลายเป็น มิตรแทต้ ลอดช่วงชีวิตของเขา ความประทบั ใจนย้ี ังได้ถูกถา่ ยทอดในหนงั สือชุดที่ 2 ราชอาณาจกั รและราษฎร สยาม (The Kingdom and People of Siam) วนั 4 เดือนเมษายน ผวู้ า่ ราชการเมืองปากน้�ำ เปน็ ชาวจนี เราจงึ ใชภ้ าษาจนี กลางสื่อสารกับครทู ่ีสอนภาษาจีนซงึ่ ท่านไดแ้ ปลเปน็ ภาษากวางตุง้ จากนน้ั ชายชาวกวางตงุ้ ได้แปลเป็นภาษาฮกเกี้ยนและในท่ีสดุ จากฮกเกี้ยนเปน็ ภาษาไทย ใน บริเวณแม่นำ้�เต็มไปด้วยปา่ โกงกาง ในแมน่ ้ำ�คอื สถานทต่ี ้ังของปอ้ มซงึ่ เหน็ ไดช้ ัดเจนที่กลางนำ้�และมีลักษณะ คลา้ ยเจดียส์ ีขาว (พระเจดีย์กลางนำ�้ ) ธงจำ�นวนหลากสีทอี่ ยู่เหนือเหลา่ ต้นไมส้ เี ขยี วปรากฏเป็นภาพที่ สวยงาม ในเวลา 12 นาฬิกา เรือหลวงไทยจำ�นวน 8 ลำ�พรอ้ มด้วยเรอื ติดตามไดเ้ ข้ามารบั เราเข้าไปยัง พระนคร เรอื ลำ�ของข้าพเจา้ นน้ั ย่งิ ใหญ่งดงามไปด้วยสที องเหลืองอรา่ ม บนเรือมีธงสองอนั ท่ีประดบั ตกแต่ง อย่างสวยงาม ทีห่ างเรอื คือพรมผนื ใหญ่และมา่ นสีสักหลาดและสที อง เรอื น้ันประดบั ไปด้วยสที องทัง้ ล�ำ และ มีหางคล้ายกับหางปลา เรือหลายลำ�ไดถ้ กู ตกแต่งใหม้ ีลักษณะคลา้ ยปลาซ่งึ มีนยั น์ตาอยูท่ างท้ายเรอื และมี หางทยี่ าวออกไป…บทเพลงหนึ่งไดถ้ กู ขับขานออกมา “พายไป พายไป ขา้ ได้กลน่ิ ของขา้ ว” – ซ่ึงหมายถงึ มอ้ื อาหารหลังจบการเดนิ ทาง บนเรือมีฝพี ายประมาณ 20-40 คน แต่งกายด้วยสแี ดงสลบั กับสเี ขยี วและขาว ขา้ พเจ้ากะคร่าวๆวา่ ทง้ั หมดนไ้ี ดใ้ ชก้ �ำ ลังคนประมาณ 500 นาย ภาพแม่น�ำ้ ทีป่ รากฏนน้ั สวยงามและอุดมไป ดว้ ยพชื พรรณไม้ กระทอ่ มไม้ไผ่ปรากฏอยูท่ ่ามกลางสีเขียวของใบไม้ เปน็ ความสวยงามตามธรรมชาตทิ ่ีไม่ สามารถลอกเลยี นได้ ผลไม้และดอกไมอ้ อกดอกผลอยบู่ นกิง่ กา้ น แมแ้ ตส่ ตั ว์ป่าตา่ งไม่หวั่นเกรงในยามท่ี เราเฉยี ดใกล้ ฝงู ปลาแหวกว่ายอยใู่ นบรเิ วณใกล้ฝ่ัง หมูน่ กบ้างตา่ งยนื มองเราผา่ นไป บา้ งได้โบยบนิ อยเู่ หนือ ท้องฟา้ รอบตวั ในขณะทีเ่ ราเขา้ ใกล้พระนคร เรอื นแพซ่ึงทำ�จากไมไ้ ผ่ดเู หมือนจะมจี ำ�นวนมากข้นึ ซ่งึ เรอื นแพ เหล่านี้เปน็ ทัง้ ร้านค้าและที่อย่อู าศัยในเวลาเดยี วกนั ในดา้ นหน้าของคฤหาสน์ทใ่ี หญ่โต เรายังได้สังเกตุเห็น บรรดาสภุ าพสตรีจำ�นวนมากที่กำ�ลังเฝา้ มองขบวนของเรา หนง่ึ ในนั้นคือภรยิ าของเจา้ เมอื งซึง่ กำ�ลังชี้มาทาง เรา ภกิ ษุสงษจ์ �ำ นวนหลายรปู ได้น่ังอยบู่ นแพหนา้ วัด เราไดม้ าถงึ ประมาณ 6 นาฬิกา รอบข้างมหี ง่ิ ห้อย สอ่ งแสงระยบิ ระยับและได้ยินเสยี งของตุ๊กแกดงั อยูเ่ ปน็ ระยะๆ สลับกับเสียงอีกาและสุนขั จรจัด รอบตวั คือ บรรยากาศทีเ่ ป็นธรรมชาตยิ ิ่งนัก มีทงั้ สตั ว์ แมลง ตน้ ไม้และส่งิ มีชวี ิตต่างๆท่มี ีชีวติ ชีวา เจา้ เมืองไดส้ ่งดอกไม้ อนั สวยงามและผลไมห้ ลากชนดิ มาให้ข้าพเจา้ วนั ที่ 5 เมษายน ในชว่ งกลางวัน เราไดไ้ ปเยอื นเจดยี ท์ ใ่ี หญท่ ีส่ ดุ ในพระนคร ประดบั ด้วยระฆังทแ่ี ขวนอยู่โดยรอบ ยามทีล่ ดพดั เสยี งของระฆงั ทดี่ ังอยา่ งไม่เปน็ จังหวะฟงั ดไู ม่คอ่ ยอภริ มณเ์ ท่าใดนกั วันท่ี 11 เมษายน ระหว่างการล่องเรือ เราได้เหน็ ชา้ งกำ�ลงั อาบน�ำ้ ซึง่ มีชา้ งเผือกรวมอยู่ในนนั้ แตส่ ีของมันไม่ใช่สีขาว แตอ่ อกไป ทางสีอฐิ .... เรายงั ไดเ้ ห็นไก่ชนก�ำ ลงั ต่อสู้กัน

บันทกึ ซอมเมอรว์ ลิ ล์ (sommerville) ปี 1897 ในปี 1987 แมกซ์เวล ซอมเมอร์วลิ ล์ (Maxwell Sommerville) ได้เขยี นบนั ทกึ เกี่ยวกับสยามระหว่าง การเดนิ ทางทางนำ�้ จากอา่ วไทยไปยงั เมืองอยุธยาวา่ แมแ้ ต่ช่วงราตรแี ม่นำ้�ยังคงคกึ คักราวกับมชี ีวติ ฉากของ ตลาดน�้ำ สว่างไสวไปดว้ ยแสงไฟทร่ี ะยบิ ระยับ บรรดาตัวประกอบมากมายปรากฎอยพู่ รอ้ มถอื คบเพลงิ กวักมือ เชญิ ชวนลูกคา้ บางสว่ นยืนประจำ�ท่ีอย่บู รเิ วณโคมไฟกระดาษหลากสี ภาพเบอ้ื งหนา้ ที่ปรากฎเปรียบเหมือน กับฉากในละครซึง่ อยู่ทา่ มกลางไฟทม่ี แี สงสลวั ทส่ี าดสอ่ งใหเ้ กิดเป็นภาพเงา มอื และแขนที่เคลือ่ นไหวของนกั แสดงปรากฏเปน็ ทว่ งทา่ ของนก สตั ว์และคน การแสดงของภาพเงาเหล่านี้ถกู ขดั จังหวะเปน็ ช่วงๆด้วยเสยี ง จากกระดงิ่ เชิญชวนใหเ้ ขา้ มาเส่ียงโชค ร้านพนันลอยน้�ำ เหลา่ นมี้ เี กมส์การพนันซงึ่ คล้ายกบั รเู ลต็ (roulette) แม้กระทง่ั ในระยะไกล เรายังคงเหน็ แสงสแี ละภาพเคลอื่ นไหวที่ปรากฎของโรงละครทางนำ้�แห่งน้ี บรรดาผู้ หญงิ คอยบรกิ ารสรา้ งความบนั เทิงใหเ้ ชียรค์ นงานทเ่ี หน็ดเหนอ่ื ยด้วยรอยยม้ิ ทีส่ นุกสนาน หนังสอื ท่องเทีย่ วปี 1904 ในปี ค.ศ.1904 ชา่ งภาพทอ้ งถ่ิน เจ อันโทนิโอ ได้ตพี ิมพ์หนงั สือนำ�เทีย่ ว ชือ่ ว่า คมู่ ือท่องเทยี่ วกรงุ เทพ และสยาม ซ่ึงดเู หมือนจะเป็นหนังสอื น�ำ เทย่ี วเลม่ แรกของประเทศไทย กรุงเทพ เมืองหลวงแหง่ สยามทซี่ งึ่ มี ประชากรอาศัยอยู่ราว 400,000 ถงึ 450,000 คน ปัจจุบันได้มถี นนระยะทางประมาณ 80 – 100 ไมล์ ทวั่ กรงุ เทพและได้มีการสร้างถนนเส้นใหมๆ่ เกดิ ข้นึ อยูเ่ สมอ ดูเหมือนวา่ การเดนิ ทางด้วยรถลากจะเปน็ ส่ิง ที่ไม่คนุ้ ชินสำ�หรับชาวตะวันตก แต่มันก็เป็นการเดนิ ทางที่คอ่ นข้างประหยดั กจิ กรรมความบันเทงิ ทไี่ ดร้ บั ความนิยมในสยามคอื กีฬายงิ ปนื ซงึ่ มีเพียงไม่ก่ีแหง่ ในโลกทเี่ หมาะกบั กีฬาประเภทนี้ รอบๆกรงุ เทพและใน บรเิ วณเขตโดยรอบที่มีทุ่งนาได้มสี นามยงิ ปืนหลากหลายแหง่ ซึง่ บางครั้งมกี ารนำ�กระสอบขนาดใหญ่เขา้ มาใช้ ด้วย ปัจจุบนั สถิตทิ ี่บันทึกของปนื เดยี่ ว คอื การยิงนก 167 ตวั ใน 5 ช่วั โมงซง่ึ เปน็ สถติ ิในปี 1891 ทอี่ ำ�เภอ บ้านหม้อทสี่ ถานรี ถไฟโคราช นอกจากนย้ี งั มีสตั ว์ท้องถ่ินภายในประเทศที่สามารถลา่ ได้ในหมนู่ กั ยงิ ปนื แม้ว่า ช้างอาจจะไม่ใช่สัตวท์ ่เี หมาะกบั การลา่ แตย่ ังมีแรด สมเสรจ็ ควายป่า เสอื เสือดาว เสอื ปลา หมแี มว แมวดาว อเี ห็น หมีสลอ็ ธ ละม่งั เก้ง สมัน ละอง ตัวนมิ่ (ปัจจุบนั สูญพันธ์แลว้ ) กระต่ายป่า และจระเข้ ในบรรดาสัตว์เลยี้ งลกู ดว้ ยนมท่นี ักกฬี าจำ�นวนน้อยประสงค์ท่จี ะล่า คือ ลงิ ซ่ึงมีหลายสายพนั ธ์ุ หน่งึ ในนัน้ ท่ีเปน็ ที่นยิ ม คือชะนี นอกจากนี้ยงั มนี กป่าหลากหลายสายพนั ธุ์ เชน่ นกพริ าบปา่ ไกป่ ่า นกกระทา สยาม นกยงู ไกฟ่ า้ 8-9ชนิด ไก่ฟา้ พญาลอ (ปัจจบุ นั สูญพนั ธไุ์ ปแล้ว) นกเปด็ นำ้�และเปด็ ปา่ เมอื งพกั ผอ่ น ตากอากาศท่คี นกรงุ เทพชืน่ ชอบ ไดแ้ ก่ ศรีราชา อ่างศลิ าและเกาะสชี งั ไกลไปอกี หนอ่ ยจะมีเมืองจนั ทบูร (จนั ทบรุ ี) และบางปะอนิ จงั หวัดอยุธยา การท่องเท่ยี วต่างจงั หวัด โคราชไม่มโี รงแรมทีพ่ กั ส�ำ หรับนกั ท่องเท่ียว แต่สามารถไปพักได้ทีส่ ถานีรถไฟซ่งึ มีหอ้ งรับรอง โคราชเป็น เมืองท่พี ัฒนาอยา่ งรวดเรว็ และกลายเปน็ เมอื งทคี่ ่อนขา้ งใหญ่ ทนี่ ั่นมีกองทหารรักษาการณแ์ ละวงดนตรีซ่งึ จะบรรเลงเพลงในชว่ งบ่าย สง่ิ ท่ีควรกล่าวถงึ ทีโ่ คราช คือ เป็นแหล่งผ้าไหมทส่ี ำ�คัญของประเทศ ห่างออกไป หลายไมล์ท่ใี ชเ้ วลาเดนิ ทางประมาณ 1 วนั คอื สถานท่ที ่ีเรียกว่า พมิ าย ซ่งึ มวี ดั โบราณทมี่ ีสถาปัตยกรรม คล้ายคลงึ กบั นครวัดอนั โด่งดัง

คุณปู การของพระราชวงศ์ พระราชวงศ์ของไทยมบี ทบาทที่ส�ำ คัญตอ่ การสนับสนนุ ส่งเสรมิ ประเทศไทยใหเ้ ป็นสถานทีท่ ่องเที่ยวที่นา่ สนใจ กอ่ นที่ จะรบั รู้ถงึ ความงดงามของราชอาณาจกั รไทย และสถานท่ีทอ่ งเทย่ี วพักผ่อน ในประเทศไทย ชาวตา่ งชาติได้รู้จักพระ ราชวงศไ์ ทยและประเทศไทย โดยเรยี นรผู้ ่านทางพระราชวงศ์ เปน็ เวลาอันยาวนาน พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้า เจ้าอยหู่ ัวฯ (ร.5, 1868 - 1910) เสด็จประพาสเมอื งหลวงของยุโรป โดยแบง่ เปน็ 2 ระยะ ในระยะแรก พระองค์ เสดจ็ ประพาสเปน็ ระยะเวลาเจด็ เดือน ( 7 เมษายน - 16 ธนั วาคม 1897) ทง้ั หมด 16 ประเทศ ไดแ้ ก่ ประเทศ องั กฤษ ฝรงั่ เศส เดนมาร์ก สวีเดน เบลเยียม อิตาลี ออสเตรีย ฮงั การี สเปน เนเธอร์แลนด์ โมนาโก โปรตเุ กส รัสเซีย สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และอียปิ ต์ พระองค์ทรงได้รับการต้อนรับอย่างเอิกเกรกิ และพระบรมฉายาลักษณข์ อง พระองคป์ รากฏอยู่บนหนา้ ปกนิตยสารจ�ำ นวนมากมาย ส่วนหน่งึ ท่ไี ด้รบั ความนิยมชมชอบเปน็ อยา่ งมาก โดยเฉพาะ ในกล่มุ ผู้อา่ นสภุ าพสตรี คอื กอ่ นท่พี ระองค์จะเสดจ็ ประพาส ในปี 1897 พระองคท์ รงประกาศว่า พระมเหสีของ พระองค์ สมเด็จพระราชินเี สาวภา (Queen Saovabha) จะทรงงานในฐานะผสู้ �ำ เร็จราชการแทนพระองค์ในขณะท่ี พระองคท์ รงเสดจ็ ฯ เยือนยุโรป ซ่งึ เปน็ การถ่ายทอดความประทับใจ โดยที่แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหา กษัตริย์ทม่ี ีความทนั สมยั ในชว่ งที่สองของการเสดจ็ ประพาสยุโรป ซึ่งเปน็ เวลา 10 ปีต่อมา (27 มนี าคม – 6 พฤศจกิ ายน 1907) พระองค์ทรงเสด็จ เยือนประเทศตา่ งๆเปน็ จ�ำ นวนคร้งั ท่เี ทา่ ๆกัน ในการเสด็จเยือนแตล่ ะครง้ั พระองคท์ รงสร้างความประทับใจแกค่ ณะ ปฏคิ มดว้ ยการแสดงออกถึงความสภุ าพอ่อนโยน พระมหากรุณาธิคุณและขา่ วท่แี พรก่ ระจายออกไปอยา่ งกว้างขวาง สง่ ผลใหเ้ กิดการสรา้ งภาพลกั ษณท์ ี่ดงี าม ทำ�ให้ราชอาณาจักรไทยสามารถคงเอกราชไวไ้ ด้ นอกจากนี้ พระโอรสของ พระองค์ท้ัง 20 พระองคท์ ที่ รงศกึ ษาเล่าเรียนในเมอื งหลวงต่างๆของยโุ รป ยังทรงสรา้ งความประทบั ใจทด่ี งี ามอีกดว้ ย การราชาภิเษกสมรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชและสมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ิตฯ์ิ ในปี 1950 ได้รบั การพาดหัวขา่ วโดยสอื่ ตา่ งๆทวั่ โลก พระบรมฉายาลกั ษณ์ทท่ี รงฉายคู่กัน แสดงใหเ้ หน็ ถงึ การอภเิ ษกสมรสดงั่ เทพนยิ าย ปรากฏอยา่ งสงา่ งามบนหนา้ วารสารตา่ งๆของโลก ทำ�ใหค้ วาม โปรดปรานที่มตี ่อประเทศไทยดังกอ้ งไป ทวั่ แคว้น ในชว่ งเวลาน้ัน การดำ�เนินกิจกรรมต่างๆ ของทงั้ สองพระองค์ ส่งผลใหก้ ารทอ่ งเทีย่ วมคี วามเจริญรงุ่ เรอื ง ในปี 1956 เบนนี่ กดู้ แมน (Benny Goodman) นกั เป่าคลาริเน็ต (clarinet) ผ้มู ีชอ่ื เสียง ได้มาเยือนกรงุ เทพมหานคร และ รว่ มเล่นดนตรีกับพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั ซึ่งพระองค์ทรงเปน็ นักแซกโซโฟนและนักประพันธ์เพลงแจ๊ส (Jazz) ที่ ประสบความส�ำ เร็จ ในเดอื นมีนาคม ปี 1960 ซง่ึ เป็นปีที่ได้มกี ารจัดตั้งการท่องเทยี่ วแห่งประเทศไทย (The Tourism Organization of Thailand:TOT)พระมหากษตั รยิ แ์ ละพระราชนิ ีทรงเสดจ็ เยอื นประเทศอนิ โดนเี ซยี และสหภาพพมา่ หลงั จากนน้ั 3เดอื น ต่อมา (ในเดือนมิถนุ ายน) ทัง้ สองพระองคเ์ สดจ็ ประพาสทวั่ โลก เป็นระยะเวลา 7 เดอื น รวมถึงประเทศสหรัฐอเมริกา และ 13 ประเทศในทวปี ยุโรป ในชว่ งระหว่างการเสดจ็ เยือนประเทศสหรัฐอเมริกา พระมหากษตั รยิ ท์ รงแซกโซโฟน

ณ อพารท์ เมนทข์ องนายเบนน่ี ก้ดู แมน (Benny Goodman) ที่มหานครนิวยอรก์ ซ่งึ เปน็ ขา่ วปรากฏตามส่อื ต่างๆ ในช่วงทศวรรษเดียวกัน พระองค์ไดท้ รงดนตรีแจ๊สกบั ตำ�นานดนตรแี จ๊สอยา่ ง สแตน เก็ตซ์ (Stan Getz) ไลโอเนล แฮมพ์ตนั (Lionel Hampton) และเบนนี่ คารเ์ ตอร์ (Benny Carter) ในปี 1987 แฮมพ์ตันกลา่ วไวใ้ นบทความ นิตยสารสวัสดี (Sawasdee Magazine) ของไทยวา่ “พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวทรงเปน็ พระมหากษตั ริย์ท่ีเทห่ ์ และทรงเปีย่ มดว้ ยความสามารถทส่ี ุดในแผน่ ดนิ น”ี้ ความส�ำ เรจ็ ของพระองค์ในฐานะทที่ รงเปน็ นักประพันธ์เพลงแจส๊ ได้รบั การยอมรบั ในปี 1964 โดยสถาบันดนตรีและ นาฏศิลป์แหง่ กรุงเวยี นนา ซ่ึงพระองค์ทรงดำ�รงต�ำ แหน่งในฐานะสมาชิกกติ ตมิ ศกั ดิ์ และยังทรงเปน็ นักประพันธเ์ อเชยี คนแรกทไี่ ด้รบั ต�ำ แหน่งอนั ทรงเกียรตินี้ ในขณะทโ่ี ลกเร่ิมก้าวเขา้ มาสบู่ ันไดหน้าประตูของประเทศไทยในปี 1960 ชาวต่างชาติได้พบและสัมผสั ถงึ เสนห่ ข์ องอนุสรณ์สถานและพิธีกรรมต่างๆทเี่ ก่ียวข้องกบั พระราชวงศ์ เช่น พระบรม มหาราชวงั พระทน่ี ง่ั วมิ านเมฆพระราชวงั สวนผกั กาด(theSuanpakkadPalace)ซง่ึ เปน็ สถานทท่ี น่ี กั ทอ่ งเทยี่ วจ�ำ นวน มากเดนิ ทางไปเยีย่ มชม เมอ่ื เร็วๆนี้ นักท่องเทย่ี วทเี่ ดินทางไปเยย่ี มชมพระบรมมหาราชวังได้เข้าชมพิพิธภัณฑส์ ิ่งทอของ สมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ทแี่ สดงตวั อยา่ งแฟชน่ั ฉลองพระองค์ ชดุ ผ้าไหมไทยอันสวยงามท่สี มเดจ็ พระนางเจ้าสิรกิ ิติฯ์ ทรงสวมใส่ในอดีต ซึ่งฉลองพระองค์สว่ นใหญน่ ัน้ ออกแบบและตัดเย็บโดยดีไซเนอรช์ ัน้ น�ำ ของโลก นอกจากนี้ นกั ทอ่ งเทย่ี วยังมคี วามปติ ยิ ินดที ี่ไดเ้ ข้าร่วมในพระราชพธิ ที ่ีเก่ียวขอ้ งกับพระราชวงศ์ เชน่ พิธีสวนสนามของ ทหารรกั ษาพระองค์ (The Trooping of the Colors) ในเดือนธันวาคม และ พระราชพธิ ีพืชมงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวัญ (The Ploughing Ceremony) ในเดือนพฤษภาคม ไดก้ ลายมาเปน็ กิจกรรมประจำ�ในปฏิทินการทอ่ งเทีย่ ว อย่างไรกด็ ี พระราชพิธีทงี่ ดงามตระการตาทส่ี ดุ คือ พระราชพธิ ีพยหุ ยาตราชลมารค (The Royal Barge Ceremony) เมือ่ พระมหากษัตริยท์ รงเสดจ็ พระราชด�ำ เนินถวายผ้าพระกฐิน ด้วยกระบวนพยหุ ยาตรา ซ่งึ ประกอบด้วยกระบวนเรือ ลงรักปดิ ทองงดงามทัง้ สนิ้ จ�ำ นวน 52 ลำ� โดยชลมารคไปตามแมน่ ้ำ�เจา้ พระยา ณ วดั อรุณราชวราราม เพ่อื ถวายผา้ พระกฐินแด่พระภิกษสุ งฆ์ หลงั จากสนิ้ สดุ การเขา้ พรรษา (Buddhist Lent) เปน็ เวลา 3 เดือน นกั ท่องเท่ยี วจำ�นวนมาก ไดท้ ำ�การเข้าเยี่ยมชมพิพิธภณั ฑ์เรอื พระราชพธิ ี (The Royal Barge Museum) ณ คลองบางกอกนอ้ ย โดยเรอื พระทน่ี ัง่ ของกษัตรยิ ท์ ีส่ �ำ คัญจะถกู เกบ็ ไว้ ณ พิพิธภณั ฑแ์ ห่งนี้ นอกจากนี้ เมอื งสุโขทยั และอยธุ ยา ซึง่ เป็นเมืองโบราณ ท่เี รอื งอ�ำ นาจของพระราชวงศใ์ นอดตี ยังเปน็ สถานที่ทอ่ งเที่ยวท่มี อี ยู่ในรายการปฏิทินการทอ่ งเท่ียวอีกด้วย ในขณะทภ่ี าพลกั ษณข์ องพระราชวงศผ์ งาดโดดเดน่ ปรากฏตามสอ่ื ขา่ วตา่ งประเทศมากมาย การทรงงานของพระราชวงศ์ อย่างเงยี บๆ ที่อยเู่ บือ้ งหลังภาพข่าวเหลา่ น้มี อี ิทธพิ ลอย่างมากมาโดยตลอด เปน็ เวลามากกว่า 60ปีแลว้ ทีน่ ักท่อง เทีย่ วรับร้วู า่ ครอบครวั ชาวนาไทยเป็นกระดกู สันหลงั ของเศรษฐกิจแห่งชาติ การท�ำ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ครอบครัว ชาวนาไทย จ�ำ เป็นตอ้ งใชห้ ลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยท่พี ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชทรงงานกบั ครอบครวั ชาวนาเหลา่ น้ี เพ่ือปรบั ปรุงเทคนคิ การเพาะปลกู การคิดคน้ พันธ์ุพืชใหมๆ่ และการทำ�ฝนหลวงเพอ่ื ให้พ้นื ท่ี นาอดุ มสมบรู ณ์ มปี รมิ าณนำ้�ฝนเพียงพออยูเ่ สมอ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง (philosophy of self-sufficiency) ของพระองค ได้เผยแผอ่ อกไปอยา่ งกวา้ งขวางทัว่ ทั้งสังคมไทย เฉกเช่นเดยี วกันกบั ระลอกคล่นื บนบอ่ น�้ำ อนั ไหลเรียบ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั ฯ ทรงเร่ิมงานในปี 1951 โดยทรงรบั สง่ั ให้กรมประมงนำ�เข้าพนั ธ์ุ ปลานลิ (mossambica fish) จากปีนัง ผ่านองค์การอาหารและเกษตรแหง่ สหประชาชาติ (UN’s Food and Agriculture Organization) พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเพาะพันธุป์ ลาเหล่าน้ีในบอ่ ท่ีทรงรับสงั่ ใหข้ ุดเป็นพิเศษ ณ พระราชวังจิตรลดา (Chitralada Palace)

หลงั จากน้ัน พระองคท์ รงพระราชทานลูกปลานลิ เหล่านแ้ี กช่ าวบา้ น และทรงมพี ระบรมราโชวาทเก่ยี วกับเทคนิคที่ เหมาะสมสำ�หรบั การเลย้ี งปลานิลให้เจริญเติบโต แกช่ าวบ้านอีกด้วย ปลานลิ จะถกู ปล่อยลงไปในนาข้าวชว่ งเวลา เพาะปลูกและเจรญิ เตบิ โตเตม็ ที่ จากน้นั ปลานิลเหล่านี้จะถูกเก็บขนึ้ มาพร้อมกับการเกบ็ เกีย่ วข้าว ดงั น้ันชาวบ้านแทบ ไมต่ ้องเสียคา่ ใช้จา่ ยใดๆ ในการไดม้ าซงึ่ แหลง่ โปรตีนท่ีเป็นสารอาหารพน้ื ฐานของข้าวและปลา ตัง้ แต่น้ันมา พระองค์ ทรงกระจายพนั ธปุ์ ลาไดเ้ ป็นล้านๆตวั ในปี 1965 มกฎุ ราชกมุ ารแหง่ ประเทศญีป่ ุ่นทรงประทานปลานลิ พันธุ์ tilapia nilotica จำ�นวน 50 ตวั แดพ่ ระองค์ ซงึ่ เป็นสายพนั ธท์ุ ีไ่ ด้ทรงเพาะเลย้ี งและพระราชทานใหก้ ับชาวนา ต้ังแตบ่ ดั นัน้ เป็นตน้ มา ในช่วงปลายปี 1960 – 1969 พระองค์ทรงมีส่วนร่วมอย่างแข็งขนั ในการพัฒนาชนบทพืน้ ที่เนนิ เขา จังหวดั เชยี งใหม่ พระตำ�หนักภูพงิ คราชนิเวศน์ (Bhubing Palace) ของพระองค์ถูกล้อมรอบด้วยหม่บู ้านชาวเขา และพระองคท์ รง สำ�รวจพบว่า ชาวเขาเหลา่ นี้ด�ำ เนนิ ชีวิตอยา่ งยากลำ�บากเพราะยากจนและ ขาดความรดู้ ้านเกษตรกรรม นอกจากน้ี พระองค์ทรงถูกรบกวนโดยเทคนคิ การเพาะปลกู ดั้งเดมิ ของ พวกเขา ชาวเขาเหลา่ นเี้ คยเป็นคนเร่รอ่ นในอดตี พวกเขา ฝกึ ทำ�การเกษตรกรรมแบบการถางและเผาป่า (slash-and-burn agriculture) ซ่ึงท�ำ ใหเ้ นินเขาโลง่ เตียน จากนน้ั เม่อื ความอดุ มสมบรู ณข์ องดินหมดไป พวกเขากย็ ้ายออกจากท่ีดิน ซึ่งทำ�ให้ดนิ เกิดการกัดเซาะอยา่ งรุนแรง นอกจากน้ี พระองคย์ งั ทรงกังวลว่า พวกเขาปลกู พชื เป็นเพียงชนิดเดียวทพี่ วกเขาคนุ้ เคยมากที่สดุ น่ันกค็ ือ ฝิ่น (opium) แทนท่ี พระองค์จะทรงมุ่งหยุดยัง้ กิจกรรมดงั กล่าวของพวกเขา แต่พระองค์ทรงดำ�เนนิ แนวทางเชงิ บวก โดยทรงงานรว่ มกับ ผ้นู �ำ ชนเผา่ เพ่อื หาทางเลอื กทเ่ี หมาะสมทสี่ ดุ ในปี 1969 พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัวฯ ทรงริเริ่มโครงการเพ่อื ลดการพึง่ พาการปลูกฝน่ิ ของชาวเขา โดยทรงแนะน�ำ การปลกู พชื ผักและผลไม้ที่นำ�มาซ่ึงผลตอบแทนทด่ี กี ว่า การเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ของพระองค์จากหมู่บา้ นหนึง่ ไปยงั อีก หลายๆหมู่บ้าน อย่างไม่ทรงรู้จกั เหนด็ เหนอื่ ย ท�ำ ให้เกิดการแพรก่ ระจายความรู้ใหม่ และพระองค์ทรงไดร้ ับการตอบ สนองในเชงิ บวก นอกจากน้ี พระองค์ยงั ทรงรับสัง่ ให้มกี ารรวบรวมทีมแพทยห์ ลวงส่วนพระองค์ เพ่อื ใหบ้ ริการด้าน สาธารณสุขในพ้ืนท่หี า่ งไกลที่ไม่ได้รบั ความช่วยเหลอื ดา้ นการแพทย์อกี ด้วย ณ ขณะนน้ั โครงการของพระองค์ไดถ้ ูก น�ำ ไปขยายผลกับชาวนาในภูมิภาคอ่นื ๆของประเทศด้วย เมลด็ พนั ธ์ุพชื ทไ่ี ดม้ ีการปรับปรุงพันธ์ุ เทคนิคการเพาะปลกู แนวใหมท่ ี่ก�ำ ลงั ได้รบั ความสนใจ และกลยทุ ธ์ทางการตลาด ท�ำ ใหส้ ามารถยกระดบั รายได้ของชาวไร่ชาวนาขนึ้ ไปอกี ระดับหนึง่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทรงสรา้ งถนนเพอื่ การขนสง่ ผลผลติ จากเนินเขาไปสู่ตลาดพืน้ ที่ตำ�่ และยังทรง อุทศิ พระราชกำ�ลงั ในการพฒั นาแหล่งน�ำ้ ต่างๆ และทรงคืนความชุ่มช้นื อดุ มสมบูรณ์สูพ่ น้ื ทไี่ ร่นาต่างๆ โดยเฉพาะพนื้ ที่ แห้งแลง้ นอกจากน้ี การมุง่ เนน้ เกษตรกรรมแนวใหมย่ งั กระตนุ้ การพัฒนาโครงสร้างพ้นื ฐานในชนบท เพื่อใช้เป็นทนุ ในการผลิตอาหารใหม่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงใช้ทด่ี นิ บริเวณพระต�ำ หนักจิตรลดารโหฐาน ณ ใจกลางกรุงเทพมหานครฯ เปน็ สถานเี กษตรทดลอง เพ่ือเป็นการสนับสนนุ ความพยายามในการพฒั นาชนบทของพระองค์ ผู้คนที่สญั จรบนท้องถนน ผา่ นรมิ รัว้ พระตำ�หนกั ฯ มกั จะประหลาดใจที่ไดเ้ หน็ วัวกำ�ลังแทะเลม็ หญา้ ในทุง่ เลย้ี งสตั วบ์ รเิ วณพระราชวงั ในโรงงาน ทีอ่ ยู่ใกล้เคยี ง นมวัวไดถ้ กู นำ�ไปผลติ เปน็ นมอดั เม็ดเพ่ือให้สามารถขนส่งอย่างง่ายดายไปยงั หมูบ่ า้ นที่หา่ งไกล โดยที่ ชาวบ้านจะได้รับสารอาหารท้ังโปรตีนและแคลเซยี ม ผ้คู นอาจได้ยนิ เสยี งร้องของสกุ รและไก่ที่อาจเล็ดลอดออกมาจาก บรเิ วณพระราชวงั นอกเหนือจากการทดลองเลี้ยงปลานลิ พระองคย์ ังทรงทดลองเลย้ี งปลาคารพ์ (carp) ปลาตะเพียน

เงนิ (silver barb) ปลาดุก (catfish) และแมก้ ระท่งั กบ ซ่งึ ไดก้ ลายมาเป็นหลักของการผลติ ในฟาร์ม พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ฯ ทรงแปรรปู แกลบ ซึ่งแกลบจะถกู อดั เปน็ กอ้ นเพื่อใช้เป็นถ่าน โดยต้องการก�ำ จัดการตัดไมท้ ำ�ลายปา่ ของชาวบา้ นเพอื่ วตั ถปุ ระสงคใ์ นการปรุงอาหาร ในขณะเดียวกัน พระองค์ทรงพัฒนาเชื้อเพลงิ ชวี ภาพจากน�ำ้ มันปาลม์ ทผี่ ลติ ในทอ้ งถน่ิ ผลลพั ธค์ อื ไบโอดเี ซลทผ่ี ลติ ไดถ้ กู น�ำ มาใชเ้ ปน็ สารเตมิ แตง่ น�้ำ มนั เชอ้ื เพลงิ มาตรฐานในปจั จบุ นั โครงการ ทงั้ หมดน้ี ไดร้ บั การสนับสนนุ จากทุนทรัพยส์ ่วนพระองค์ ในเขตพื้นท่ไี รน่ าทีอ่ ยู่หา่ งไกลจากพระราชวัง พระองคท์ รง พยายามทีจ่ ะใช้ปัจจัยการผลิตในทอ้ งถ่ินในการแกไ้ ขปัญหาเก่าๆ เชน่ การสูญเสียความอดุ มสมบูรณข์ องดิน หญ้าแฝก (Vetiver Grass) เปน็ พืชพน้ื เมอื งท่ีมอี ายุยนื ยาว และเจรญิ เตบิ โตเป็นกระจุกหนาแน่น ระบบรากลกึ ของหญา้ แฝก เหมาะส�ำ หรับการลดการตกตะกอน และการรักษาเสถียรภาพของดนิ เพื่อเพิ่มผลผลติ และการอนรุ ักษแ์ หลง่ น�ำ้ อันมีคา่ นอกจากนี้ หญ้าแฝกยังสามารถปลูกเป็นผนงั เพอ่ื ดกั ตะกอนดินและช่วยรักษาหนา้ ดนิ ซึ่งจะช่วยลดการชะล้างพังทลาย ของดินไดอ้ กี ด้วย ดว้ ยผลการทรงงานของพระองค์ ชาวไร่ชาวนาสามารถปลกู หญ้าแฝกเพ่อื ยดื อายุการใช้งานของพื้นท่ี เพาะปลกู ของพวกเขาไดด้ ้วยตนเอง การชลประทานถือเป็นความสนใจอีกอย่างหนงึ่ ของพระองค์ ภาพสัญลกั ษณ์ของกษตั รยิ ์ที่ทรง พระราชด�ำ เนินพรอ้ ม แผนทใี่ นพระหัตถ์ เปน็ คณุ ลกั ษณะท่คี ุ้นเคย ปรากฏอยบู่ นส่ือส่ิงพมิ พ์ตา่ งประเทศ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงศกึ ษาในสาขาวชิ าวศิ วกรรมศาสตรม์ ากอ่ น จนกระท่งั พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนสาขาวิชาที่ทรงศึกษาเปน็ สาขาวชิ า รฐั ศาสตรแ์ ละกฎหมาย ณ มหาวิทยาลยั โลซาน เพ่ือเปน็ การเตรียมพร้อมส�ำ หรบั บทบาทใหม่น่นั กค็ อื การขนึ้ ครอง ราชยเ์ ป็นกษตั รยิ ใ์ นปี 1946 พระองคท์ รงนำ�ความรู้ ท่รี ำ่�เรยี นมาตลอดพระชนม์ชพี และความสนใจของพระองค์ มา ปรบั ใชใ้ นการออกแบบวิธกี ารใหมส่ ำ�หรับการทดนำ้�ในทงุ่ นาและการบ�ำ บดั น�ำ้ ในปี 1993 พระองคท์ รงกลายมาเป็น พระมหากษตั รยิ เ์ พยี งพระองค์เดยี วของโลก ทีไ่ ด้รับสิทธบิ ตั รในการประดิษฐค์ ดิ ค้นเครอ่ื งเตมิ อากาศบำ�บัดน้ำ�เสยี (Waste Water Aeration Machine) ทมี่ ีชือ่ เรยี กวา่ “กังหันชัยพัฒนา (Chai Pattana)” ในปี 1971 พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวฯ ทรงริเรม่ิ โครงการฝนหลวง เพอ่ื นำ�น้�ำ เข้าสู่พนื้ ท่ีแหง้ แล้ง และเกบ็ กักไว้ใน อา่ งเกบ็ นำ�้ พระองคท์ รงสนับสนนุ โครงการสรา้ งเขื่อนป่าสักชลสทิ ธ์ิ (Pasak Jolasid Dam Project) ซึง่ เปดิ ใช้อยา่ ง เป็นทางการ เมือ่ วันท่ี 15 มถิ ุนายน ปี 1998 เขือ่ นจะท�ำ หนา้ ท่ีในการส่งน้ำ�ชลประทานให้กบั เกษตรกรภาคกลาง และระบายน้ำ�ที่ท่วมเป็นประจำ�ทุกปีไกลออกไปทางทิศใต้ นอกจากนี้ พระองคย์ ังทรงออกแบบระบบ “ฝายชะลอน้ำ� (check-dams)” ขนาดเล็ก เพือ่ ควบคุมการไหลของนำ้�ในช่วงฤดมู รสมุ หลงั จากที่ฝนตก นำ้�บาดาลจะถูกเก็บไว้ใน อ่างเกบ็ นำ้�ของฝายชะลอน้ำ�เหลา่ นี้ และยังเกบ็ กักนำ�้ ไว้ใชใ้ นชว่ งฤดูรอ้ น นอกจากนี้ ฝายชะลอนำ้�ยังสามารถชะลอ ความเร็วของกระแสน�ำ้ และกักตะกอน เพือ่ ปอ้ งกันการไหลของกระแสน้ำ�ลงไปสูอ่ ่างเกบ็ น้�ำ ด้านล่าง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวฯ ทรงใชเ้ ทคนคิ มากมาย เพือ่ ท�ำ ใหม้ ั่นใจได้ว่าน้�ำ สะอาดท่ีนำ�ไปใช้ในกจิ วตั รประจำ�วันของ ประชาชนน้นั ปราศจากสารปนเป้ือน ทะเลสาบถูกสรา้ งขนึ้ มาโดยทีเ่ ศษตะกอนทง้ั หลายจะถกู ทำ�ใหต้ กตะกอน และ กำ�จัดออกไป พระองคท์ รงสนบั สนุนการสร้างพ้ืนท่ีชมุ่ นำ้�ที่ประกอบดว้ ยหญา้ แฝก (Vetiver) หญา้ เนเปยี ร์ (Napier Grass) หญ้าซอยเซยี อมั มูรา (Zoysia Ammura) และ หญ้าขน (Brachiaria Mutica) ซึ่งทำ�หน้าที่กรองนำ้�โดย ธรรมชาติ นอกจากน้ี สวนปา่ ชายเลนเทยี มจะด�ำ เนนิ การกรองท�ำ ความสะอาดนำ้�ท่ีไหลผา่ นโดยธรรมชาติเชน่ เดียวกนั การควบคมุ น�้ำ ท่วม เป็นอกี หนึ่งวัตถุประสงค์ในความพยายามด้านการชลประทานของพระองค์ เขอ่ื นและคลองต่างๆ ผันน้ำ�และระบายน�ำ้ สว่ นเกนิ รวมท้ังวชั พชื และส่งิ กีดขวางต่างๆ ถกู กำ�จดั ออกไป ล�ำ คลองที่คดเค้ียวมักจะถกู ขยายออก

ไปเพ่ือปรับปรงุ การไหลของนำ�้ อ่างเกบ็ น�ำ้ ถูกสรา้ งขึน้ เพอื่ เกบ็ นำ้�ส่วนเกนิ ในช่วงน้ำ�ท่วม และเกบ็ ไว้ใช้ในชว่ งหน้าแลง้ พระองคท์ รงประทานนามแก่เทคนิคทีพ่ ระองค ทรงโปรดปราน วา่ “วธิ กี ารแก้มลงิ (Monkey’s Cheeks Approach)” เป็นที่สังเกตได้วา่ ลิงจะเกบ็ กลว้ ย ไว้ในกระพุ้งแก้มส�ำ หรบั การบริโภคในเวลาตอ่ มา พระองค์ทรงสนบั สนนุ การสร้าง อา่ งกกั เก็บน้ำ�เพ่อื น�ำ น้�ำ ไปใชป้ ระโยชนใ์ นภายหลงั การปกป้องแหลง่ ตน้ นำ�้ เปน็ กุญแจส�ำ คัญในการอนรุ ักษป์ า่ ทั้งสอง พระองค์ทรงมีสว่ นร่วมในการปลูกปา่ ในพ้นื ทรี่ ะดับสงู เช่นเดียวกบั พ้ืนท่ีชุม่ น�ำ้ และป่าชายเลนตามชายฝง่ั โดยเฉพาะ อยา่ งยิ่งในภาคใต้ เพ่อื ใหก้ ารทรงงานของพระองค์ประสบผลส�ำ เรจ็ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวฯ และพระราชวงศ์ ทรงประทบั อยใู่ นพืน้ ทช่ี นบทเป็นเวลาถึง 8 เดือน ตลอดท้งั ปี จนกระทง่ั มคี วามจำ�เปน็ ที่จะต้องลดการ ทรงงานและ กิจกรรมต่างๆลงไป เนอ่ื งด้วยทรงพระประชวร ในปี 1988 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวฯ ทรงดำ�เนนิ แนวทางการพฒั นาชนบทของพระองค โดยการสถาปนามลู นิธิ ชัยพฒั นาข้ึน เพ่ือระดมทนุ และเร่งดำ�เนนิ โครงการพฒั นาต่างๆ ในความพยายามทจี่ ะปรับปรงุ น้ี งานด้านการพัฒนา ถกู แบง่ ประเภท และแบ่งตามภูมิภาค การทรงงานภายใตโ้ ครงการตา่ งๆเหล่าน้ี เกย่ี วขอ้ งกับการเกษตรกรรม สิง่ แวดลอ้ ม การสาธารณสขุ การสนับสนนุ ส่งเสริมการสรา้ งอาชีพ การจัดการแหลง่ นำ�้ การคมนาคมสือ่ สารและการ ประชาสงเคราะห์ (Public Welfare) “โครงการภายใต้พระบรมราชปู ถัมภ”์ เหล่านี้ เปน็ โครงการทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ฯ ทรงประทานค�ำ ปรึกษา รวมถึงโครงการสารานกุ รมไทยส�ำ หรับเยาวชน โครงการพจนานกุ รม (The Dictionary Project) และโครงการ พัฒนาหมบู่ ้าน สหกรณ์เนนิ ดินแดง (The Din Daeng Cooperative Village Development Project) หลกั แนวคิด ทีส่ ำ�คญั ของมลู นิธิ คือการสง่ เสรมิ และสนับสนนุ การพฒั นาอยา่ งย่งั ยนื (Sustainable Development) และการพง่ึ พา ตนเอง (Self-Reliance) ผา่ นการมสี ว่ นร่วมของท้องถนิ่ ประชานชนถูกรวมเขา้ ไว้ในการพิจารณา และความคิดเห็น ของพวกเขาจะนำ�เขา้ ไปรวมไว้ในแผนตา่ งๆ ในการปาฐกถา วันท่1ี 1 กรกฎาคม ปี 1996 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่ หัวฯ ทรงตรสั ถึง หลกั การเหตผุ ลสำ�หรบั การทำ�งานของมลู นิธิไว้ ดังนี้ “…การปฏิบัตอิ ย่างเร่งดว่ นฉบั พลนั มีความจำ�เป็น เพราะปญั หาที่เกิดข้ึนจะต้องได้รับการจดั การแก้ไขอยา่ งทนั ทว่ งที... การกระทำ�ดังกล่าวไม่สามารถดำ�เนนิ การโดยรัฐบาล เนอ่ื งจากกฎระเบียบทซี่ บั ซ้อนและกฎระเบียบท่อี าจเป็นการ ขัดขวางไมใ่ หเ้ กิดการแก้ปญั หาทีเ่ หมาะสมและทนั กาลตอ่ การแก้ไขปัญหา...การด�ำ เนนิ การของมลู นิธิในโครงการต่างๆ เป็นตวั อย่างหนึง่ และถ้ารฐั บาลเห็นวา่ โครงการเหลา่ น้ีมีประโยชน์คุ้มค่า รฐั บาลสามารถดำ�เนินการตอ่ ไป หรอื สามารถ ปรับใชว้ ธิ ีการของพวกเราในโครงการตา่ งๆของรฐั บาลได้” ในการส่งเสริมโครงการของพระองค์ พระองค์ทรงเนน้ การลดขนั้ ตอนและกระบวนการทำ�งานลงเพื่อการดำ�เนินการ ท่ีสำ�คัญ “จงทำ�ให้มันง่ายเขา้ ไว้” เปน็ วลีทพ่ี ระองคท์ รงตรสั อยูเ่ สมอ พระองค์ทรงมีความรู้สึกวา่ การมีความคิด สรา้ งสรรคเ์ ปน็ สงิ่ ที่ส�ำ คญั กว่าการตดิ อยู่กับกระบวนการทำ�งานทซี่ �้ำ ซาก การประเมินสถานการณ์และการกำ�หนด กระบวนการปฏบิ ัติสำ�คญั มากกว่าการยึดมนั่ ในตำ�รา พระองคย์ งั ทรงเน้นหลักค�ำ สอนของพระพทุ ธศาสนา นั่นคือ การร้จู ักประมาณตน (Moderation) พระองค์ทรงรสู้ กึ วา่ การยงิ่ ใหญก่ ว่า ไม่ไดเ้ ปน็ ส่งิ ท่ดี ีกวา่ (Bigger is not Better) ประชาชนควรจะไดร้ ับการสนับสนนุ เพื่อให้ม่ันใจไดว้ ่า พวกเขามที ุกอยา่ งเพียงพอทจี่ ะกินดีอยดู่ ี แต่ไมม่ ากจนเกนิ ไป พวกเขาควรจะด�ำ เนนิ รอยตามผู้ประกอบการทีส่ ร้างประโยชนแ์ กส่ ังคม มากกวา่ การใหค้ วามส�ำ คญั กับยอดขายกำ�ไร

(Bottom Lines) ของพวกเขา ชวี ิตที่สงบสขุ ควรจะเปน็ ผลตอบแทนจากการลงทุนของเวลา เงินและพลงั งาน ความเปน็ อนั หน่งึ อันเดียวกันของสังคมเพ่ือประโยชนข์ องทุกคนเป็นหลักการท่สี ำ�คญั ที่สุดงานของมลู นิธิส่วนมากจะด�ำ เนนิ การที่ ศนู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาในพระราชดำ�ริ (Royal Development Study Centres) ท้ังหมด 6 แห่งทัว่ ท้งั ประเทศ ศูนย์ เหลา่ น้ีชว่ ยให้เกษตรกรสามารถขยายและประยกุ ตใ์ ชค้ วามรใู้ นการประกอบเกษตรกรรมแบบย่ังยืน โครงการพฒั นาใน พระราชด�ำ ริตา่ งๆ ดำ�เนินการภายใต้สำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาโครงการหลวง (กปร.) ระหว่างปี 1981 และ 2014 ส�ำ นกั งาน กปร. ได้อนมุ ัติการด�ำ เนินโครงการมากกว่า 4,600 โครงการ โดยท่เี ปน็ โครงการพัฒนาแหลง่ น�้ำ จ�ำ นวน 3,031 โครงการ การพัฒนาเกษตรกรรม 165 โครงการ การพฒั นาส่งิ แวดล้อม 159 โครงการ การส่งเสรมิ การสร้าง อาชีพ 325 โครงการ การสาธารณสุข 55 โครงการ การคมนาคมและการสือ่ สาร 77 โครงการ การประชาสงเคราะห์ และการศกึ ษา 395 โครงการ และโครงการสำ�หรบั กจิ กรรมแบบบรู ณาการและอนื่ ๆ จำ�นวน 240 โครงการ ฟารม์ ตา่ งๆ ในโครงการพระราชดำ�ริท่ัวประเทศ ยังใช้เปน็ สถานที ดลองการปลูกและขยายพืชพันธใุ์ หม่ เพือ่ ใหไ้ ดม้ าซึ่ง รสชาติและผลทีด่ ีท่สี ดุ ก่อนท่จี ะน�ำ ไปแจกจา่ ยเกษตรกรเพอื่ ท�ำ การเพาะปลกู ตอ่ ไป นอกจากน้ี ผกั และผลไมอ้ ินทรยี ์ จากฟาร์มยังถูกจดั จำ�หน่ายให้กบั บรษิ ทั การบนิ ไทย จ�ำ กดั รวมทัง้ โรงแรมขนาดใหญ่ต่างๆ เช่น โรงแรมโอเรียนทอล (The Oriental Hotel) รบั ซอื้ ผักปรมิ าณ 90% ของผกั ท้งั หมดทภ่ี ัตตาคารใช้ปรุงอาหารจากฟารม์ ในโครงการ พระราชด�ำ ริ รายไดท้ ไี่ ดจ้ ากการขาย นำ�ไปใชเ้ ป็นทนุ สนับสนนุ โครงการดา้ นการศึกษา หน่งึ ในนวตั กรรมของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ ที่ล�ำ้ หน้ามากท่สี ดุ คอื การพัฒนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พระ บามสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ภมู ิพล ทรงบรรยายวิสัยทศั นข์ องพระองค์คร้งั แรกแกพ่ สกนกิ รชาวไทยในปี 1974 แตห่ ลัง จากการลม่ สลายทางการเงนิ ของเอเชยี ในปี 1997 ท�ำ ใหป้ รัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของพระองค์ไดร้ บั ความสนใจมาก ยิง่ ข้นึ ปรัชญานอ้ี ้างถึงหลักทางสายกลางของพระพุทธศาสนา โดยการจ�ำ กดั ความทะเยอทะยาน และตั้งอยบู่ นความ ตอ้ งการพื้นฐาน ดงั ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ฯ ทรงไดต้ รสั ไวว้ า่ “ การเปน็ เสอื ไมส่ �ำ คญั สำ�คญั อย่ทู ว่ี ่าเราจะ ตอ้ งมเี ศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกจิ พอเพียงหมายถงึ การมีอยา่ งพอเพียงเพ่ือสนบั สนุนชีวิตของเรา ...เราจะตอ้ งกา้ ว ถอยกลับไปอย่างระมัดระวงั ...หมบู่ า้ นหรืออำ�เภอ ตำ�บลแต่ละแหง่ จะต้องมหี ลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง” ในการที่จะท�ำ ให้ความพอเพียงด้านการเกษตรกรรมบรรลุผลสำ�เร็จ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวฯ ทรงอธบิ ายเกย่ี ว กบั “ทฤษฎใี หม”่ ของการเกษตรกรรมแบบผสมผสาน ดว้ ยทฤษฎีนี้ ชาวนาไทยสามารถ ฝา่ ฟนั ความเปล่ียนแปลง และความไม่แนน่ อนทม่ี ผี ลต่อการกำ�หนดลกั ษณะชีวติ การเกษตรได้ พวกเขาไดร้ บั การสนบั สนุนใหศ้ กึ ษากลไกการ ตลาดทม่ี ีผลต่อราคาพชื ผล นอกจากนี้ ยงั เนน้ การผลิตเพียงพอทีจ่ ะบรโิ ภค และทเ่ี หลอื จากการบรโิ ภคแลว้ จึงน�ำ ไป ขาย ในการเพาะปลูกพืช ชาวไรช่ าวนาตอ้ งพิจารณาเก่ยี วกับการเพราะปลูกและอตั ราผลตอบแทน นอกจากน้ี พวก เขาต้องคิดเกีย่ วกบั การพัฒนา และ การอนรุ กั ษแ์ หล่งนำ�้ การอนรุ กั ษด์ ิน การพฒั นาชมุ ชนพ่งึ ตนเอง และการเกษตร รอบปี (year-round farming) จุดม่งุ หมายคือ การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพของการใชพ้ น้ื ท่ีเกษตรกรรม ตามกรอบทฤษฎใี หม่ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงแนะนำ�ใหท้ ำ�การแบ่งที่ดินออกเปน็ สี่สว่ น ตามอตั ราสว่ น 30: 30: 30: 10 ดว้ ยอัตราส่วนนี้ 30% จดั ไว้สำ�หรับสรา้ งบอ่ เก็บน�้ำ ฝน เพือ่ รดน้ำ�พืชผล และเลีย้ งปลา อกี 30% จดั ไวส้ �ำ หรบั การปลกู ขา้ ว และ 30% จดั ไวส้ ำ�หรับการปลกู ผลไมแ้ ละ ไมย้ ืนตน้ รวมทง้ั ผักตา่ งๆ พืชไร่และสมนุ ไพรต่างๆ สำ�หรับการบรโิ ภคในชีวติ ประจ�ำ วัน และ 10% สุดทา้ ยจัดไวส้ �ำ หรบั การสร้างบา้ น โรงเรอื นและทเ่ี ก็บผลผลิต การเล้ยี ง

สตั ว์ และการสรา้ งถนนและทางเดนิ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังไดร้ ับการสนับสนนุ ใหร้ วมตัวกันจัดตั้งสหกรณ์ เพ่ือท่จี ะไดร้ ับเมล็ดพนั ธุ์และปยุ๋ ในอตั ราทเี่ ปน็ ของกลุ่ม มีตลาดการผลติ รว่ มกนั การได้รับเงินก้ยู ืม (ถ้าหากมีความจำ�เป็น) การสวัสดกิ ารสงั คมผสู้ งู อายุ ผเู้ จ็บปว่ ย และบคุ คลด้อยโอกาสในสงั คม และเพ่อื เปน็ ทนุ การศึกษาแกเ่ ยาวชน ผลกระทบของเศรษฐกจิ พอเพียงและทฤษฎีใหม่ ไดถ้ กู เผยแพรข่ ยายออกไป ทำ�ให้ผ้ทู ่ีมาเยี่ยมเยือนประเทศไทยสนใจท่จี ะเรียนรูม้ ากขน้ึ ด้วยเหตนุ ี้ สำ�นกั พระราชวงั จงึ ไดน้ ำ�ความร้เู หลา่ น้ีเผยแผ่ตอ่ ไปยังคณะผ้แู ทนนักวจิ ัย นักวทิ ยาศาสตร์ นักการทตู และผทู้ รงเกียรติอ่นื ๆ จาก สาธารณรฐั ประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต สาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลา เลโซโท อัฟกานสิ ถาน บงั คลาเทศ ภูฏาน ชลิ ี เยอรมนอี สิ ราเอลและอนิ โดนเี ซีย ขณะทบี่ างคนอาจเห็นว่า หลกั เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำ�ไปใชไ้ ด้เฉพาะในชนบทและ ภาคเกษตรกรรม แตใ่ นความ เป็นจริงแลว้ หลักเศรษฐกิจพอเพยี งเป็นปรชั ญาที่สามารถนำ�ไปประยกุ ต์ใช้ในลักษณะการท�ำ งานทุกดา้ นของชวี ิต ต้ังแตก่ ารจดั การงบประมาณท่ใี ช้ในครวั เรือน จนถงึ การจัดระเบียบกจิ การด้านการเงินขององค์กรขนาดใหญ่ หลักการ นี้ เนน้ หลกั ทางสายกลางในการใช้ชีวติ สนับสนุนให้พลเมอื งอยอู่ าศยั ไดอ้ ยา่ งกลมกลืนกับธรรมชาติ สามเสาหลกั ของ ปรัชญาน้ี ไดแ้ ก่ การรจู้ กั ประมาณตน ความสมเหตสุ มผล และภูมิคุม้ กนั ตนเอง ในขณะทหี่ ลกั การนส้ี ามารถนำ�มาใชไ้ ด้ ในทุกระดับของสงั คม แต่หลักการนี้ต้องเร่ิมมาจากปัจเจกบุคคล ขณะทีพ่ วกเขากำ�ลังถกู รุมเรา้ ดว้ ยความยากล�ำ บากท่ี ต้องเผชิญในชวี ิตประจำ�วนั ชาวไทยจ�ำ นวนมากข้ึนมีการตระหนักถงึ ประโยชนข์ องปรชั ญาชีวิตน้ี ดงั น้ัน ภมู ปิ ัญญาของ พระราโชวาทกษตั ริย์ ได้สนั่ สะเทือนผา่ นทุกระดับของสงั คม สร้างความแขง็ แกร่งเพือ่ ประเทศที่เปย่ี มด้วยพลัง สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ ทรงด�ำ รงฐานะเป็นหนุ้ สว่ นท่สี ำ�คัญในโครงการหลวงของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวฯ หลายโครงการ แตเ่ มื่อเรว็ ๆนี้ พระองคท์ รงค้นพบหนทางของพระองคเ์ อง ในขณะท่เี กษตรกรและครอบครัวเกษตรกร ไดร้ บั ประโยชน์จากความคิดริเร่มิ ดา้ นเกษตรกรรมของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ฯ สมเด็จพระบรมราชนิ ีนาถฯ ทรงตระหนักว่าผ้หู ญิงในครอบครัวเกษตรกร มคี วามทา้ ทายของตนเอง และทักษะในการตอบสนองต่อความทา้ ทาย เหล่านี้ แทบทกุ บา้ นในชนบทม การถกั ทอผา้ ไหมหรอื ผ้าฝา้ ยที่ชั้นลา่ งของบา้ น โดยปกตแิ ลว้ ผหู้ ญิงจะทอผา้ ท่ี สวยงามสำ�หรบั ใช้ในครอบครวั ช่วงเดือนระหวา่ งฤดกู าลปลกู ขา้ ว พระองค์ทรงตระหนกั ว่า ผลติ ภณั ฑ์เหล่าน้ีจะสร้าง รายได้ ในตลาดทหี่ ่างไกลถา้ ตลาดเหลา่ น้ันไดร้ ับการพัฒนา และถ้าผู้หญิงเหลา่ นไ้ี ด้รบั การสอนทักษะการจัดการ ธุรกิจท่ีจำ�เปน็ พวกเขาจะไดร้ ับประโยชน์จากโอกาสนี้ ในขณะเดียวกัน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงตระหนักว่าความสนใจต่องานศิลปะและหัตถกรรมแบบดั้งเดิม ได้เสื่อมถอยลง และช่างฝีมือผู้สูงอายุได้ลดบทบาทลงไป ทำ�ไมไม่ไห้ช่างฝีมือเหล่านี้สอนทักษะของพวกเขาแก่คน อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยอนุรักษ์ศิลปะและสร้างรายได้ให้กับพวกเขาเหล่านี้? ดังนั้น ในวันที่ 21 กรกฎาคม ปี 1976 สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ ทรงจัดตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (The Foundation for the Promotion of Supplementary Occupations and Related Techniques: SUPPORT) ข้ึน โดยมวี ัตถปุ ระสงค์เพือ่ ฝกึ อบรมการผลิตงานหัตถกรรมแกผ่ ้หู ญิงเหลา่ น้ี และนำ�มาซึง่ การเสรมิ รายได้ใหก้ บั ครอบครวั โครงการน้เี ผยแผข่ ยายไปถึงผหู้ ญิงชนเผา่ ชาวเขา คนพกิ าร คนยากจนและคนหนุ่มสาว ในการอนุรักษ์ศลิ ปะและ หัตถกรรมน้ี กอ่ ใหเ้ กดิ งานศิลปะเคร่ืองเงนิ ของชนเผ่าในภาคเหนอื ตะกรา้ สานยา่ นลเิ ภาในภาคใต้ เครือ่ งถมเงินและ

ทอง (ส่วนผสมสีด�ำ ของทองแดง เงินและตะกัว่ ซลั ไฟด์ สลกั หรอื ฝงั โลหะ) และผา้ ไหมทอมดั หมแี่ ละผ้าฝา้ ยในภาค ตะวันออกเฉยี งเหนอื ในการด�ำ เนินการสานต่อโครงการ สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ ทรงจดั ต้งั ศูนย์หัตถกรรมสองแหง่ แหง่ หนึ่งตัง้ อยู่ที่ พระตำ�หนักจติ รลดารโหฐาน (Chitralada Villa) และอกี แห่งหนึ่งซ่ึงเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1980 ตั้งอย่ทู ีอ่ �ำ เภอ บางไทร จังหวัดอยุธยา นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ฝึกอบรมวชิ าชพี ขนาดเลก็ กระจายอยทู่ ัว่ ประเทศ ซ่ึงศูนยเ์ หลา่ นีไ้ ด้ท�ำ การ ฝึกอบรมผูค้ นจ�ำ นวนนบั หมน่ื ใหส้ ามารถผลิตงานศลิ ปะและ งานหตั ถกรรมคณุ ภาพสงู ได้ นอกจากน้ี สมเด็จพระนาง เจา้ พระบรมราชนิ ีนาถ ฯ ทรงสนบั สนุนงานฝีมือเหล่านี้ โดยทรงนำ�ผลติ ภณั ฑไ์ ปด้วย ขณะเสดจ็ ประพาสเยอื นต่าง ประเทศ และผลิตภณั ฑ์เหลา่ น้ยี งั จัดจำ�หนา่ ยในรา้ นจติ รลดาทั่วประเทศอีกดว้ ย โครงการยังได้มีการสนบั สนนุ อีกอย่างหน่งึ คือการให้ความช่วยเหลือด้านการศกึ ษากบั ผหู้ ญิงชาวชนบท สมเด็จ พระนางเจา้ สิริกิติฯ์ ทรงตระหนกั วา่ ครอบครวั ทีย่ ากจนมกั จะประสบความยากลำ�บากในการช�ำ ระคา่ เลา่ เรียนส�ำ หรบั บุตรหลาน ดงั นน้ั ในปี 1963 พระองคท์ รงสถาปนา “มูลนธิ เิ พ่อื การสนบั สนนุ นักเรยี นผู้ยากไร้ (Foundation for Supporting Non-Affordable Students )” ดว้ ยเงินทนุ ส่วนพระองค์ และเงินบริจาคของประชาชน นอกจากน้ี ขณะ ทีท่ รงเสดจ็ ฯ เยือนชนบท พระองคท์ รงนำ�แพทยห์ ลวงเขา้ มารวมอยู่ในทมี งาน เพอ่ื ใหก้ ารรกั ษาทางการแพทย์กับอาสา สมคั รของพระองค์อกี ดว้ ย นอกจากน้ี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ฯิ ทรงดำ�รงตำ�แหน่งสมาชิกของกองทุนสตั วป์ า่ โลกสากล (ประเทศไทย) โดยท่ี พระองค์ทรงมีสว่ นร่วมในโครงการดา้ นส่ิงแวดล้อม ในบรรดาโครงการต่างๆ มีโครงการปา่ รักษ์น้ำ� ทีด่ �ำ เนินการเพอ่ื ปกป้องแหล่งตน้ น้�ำ ปลกู ผนื ป่าใหมแ่ ทนปา่ ท่ีถูกทำ�ลายและสนับสนุนการจัดการด้านเกษตรกรรม โครงการบ้านเล็ก ในป่าใหญข่ องพระองค์เอง ท่จี ดั ตั้งข้ึนเพ่ือวตั ถปุ ระสงคใ์ นการปกปอ้ งป่าท่ีอดุ มสมบรู ณจ์ ากการถูกท�ำ ลาย และเพ่ือ พัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของชาวบา้ นท่อี าศยั อย่ใู น ป่าแหง่ นัน้

“ขา้ พเจ้าไดพ้ บกับพระองค์ในยุโรปก่อนเกิดสงคราม และเมอื่ ข้าพเจา้ กลับมาพำ�นักอย่ทู ีก่ รงุ เทพมหานครฯ พระองคไ์ ด้เชิญ ขา้ พเจ้ารว่ มเสด็จฯ ไปยงั หมู่บา้ นชนบท หลายแหง่ ” หม่อมเจ้าภศี เดช รัชนี (Prince Bhisadej Rajani) ในชว่ งปี 1970 – 1979 การเดินป่าในภาคเหนือเปน็ กิจกรรมทน่ี ยิ มในหมนู่ กั ทอ่ งเทยี่ ว ซ่ึงถือเปน็ สว่ นหนง่ึ ทสี่ ง่ ผลให้ชนเผา่ ชาวเขาหลดุ พน้ จากความยากจนได้อยา่ งไรกด็ ีการทอ่ งเทย่ี วในพนื้ ทชี่ นเผา่ น้ี จะไมส่ ามารถ เป็นไปไดเ้ ลย หากปราศจากความพยายามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ฯ ที่ได้ ทรงพระราชทาน พระราชด�ำ รแิ ก่ชาวเขาเหล่าน้ี เพอื่ ใหก้ ลายมาเป็นเกษตรกรที่ประสบความส�ำ เร็จ การปลกู พันธ์พุ ืชที่ให้ ผลตอบแทนดีกว่าการปลูกฝนิ่ ทผี่ ิดกฎหมาย บคุ คลส�ำ คัญผูข้ ับเคลอ่ื นโครงการหลวง ในพระราชด�ำ ริคอื หม่อมเจา้ ภีศเดช รัชนี (Prince Bhisadej Rajani) ผ้สู ืบเช้อื สายมาจากพระอนุชาของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอย่หู วั ฯ หม่อมเจา้ ภศี เดช ทรงเปน็ พระสหายสนทิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวฯ โดยทพ่ี ระองคท์ รงมรี ายนามปรากฏอยู่ในการทรงงานของโครงการหลวงในพระราชด�ำ ริต่างๆ ณ ขณะนี้ หมอ่ มเจา้ ฯ ทรงมีพระชนมายุ 95 พรรษา และทรงดำ�รงตำ�แหน่งเปน็ ประธานของโครงการหลวงในพระ ราชดำ�ริทงั้ หมด พระองค์ทรงใช้เวลาเกือบท้ังวันในแต่ละอาทิตย์ เพ่อื ทรงงานท่สี ำ�นกั งานใหญ่ของโครงการ ในภาคเหนอื และพละกำ�ลงั ของพระองค์มไิ ด้ลดนอ้ ยลงไปตามวันเวลาเลย “ในปี 1941 เมอ่ื ครง้ั ทขี่ ้าพเจา้ อายุ 19 ปี และก�ำ ลงั ศึกษาอยู่ที่ เคมบรดิ จ์ ญ่ีปนุ่ ได้เข้ามารุกรานประเทศไทย และข้าพเจา้ ไดเ้ ดนิ ทางกลับมาในฐานะสมาชกิ ของกล่มุ “เสรีไทย” ขา้ พเจ้าถกู สง่ ตวั ไปยังจังหวัดสรุ าษฎร์ธานี ในภาคใตข้ องประเทศไทย เพื่อทำ�หนา้ ทสี่ ง่ มอบรายงานต่อสำ�นกั งานใหญข่ องกล่มุ พนั ธมติ รเก่ยี วกับความ เคล่อื นไหวของกองทัพญีป่ ่นุ เม่ือสงครามส้ินสดุ ลง ขา้ พเจ้าไดเ้ ขา้ ทำ�งานในบริษัท เชลล์ จำ�กดั (Shell Oil Company) โดยดำ�รงต�ำ แหน่งผจู้ ดั การดา้ นการโฆษณา” “ข้าพเจ้าได้พบพระองคใ์ นยุโรปก่อนเกิดสงคราม และเมื่อขา้ พเจ้ากลับมาพำ�นกั อย่ทู ีก่ รุงเทพมหานครฯ พระองค์ได้เชิญขา้ พเจา้ รว่ มเสดจ็ ฯ ไปยงั หม่บู ้านชนบทหลายแหง่ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั ฯ ทรง ต้องการทำ�ความเข้าใจในความเปน็ อยูข่ องพสกนิกร มอี ยู่วันหนง่ึ พวกเราได้ข้ึนไปท่ี เนนิ เขาที่อยู่นอกเมือง เชยี งใหม่ ซึ่งไมม่ ถี นนหนทาง เราต้องเดนิ ทางโดยเฮลคิ อปเตอร์ เราจึงไดเ้ รียนร้วู า่ ชาวเผา่ บนเนินเขา ปลูกฝิ่น และมฐี านะยากจนมาก พวกเขาใสเ่ สอ้ื ผา้ ขาดและอน่ื ๆ อีกมากมาย แทนทีพ่ ระองค์จะทรงหยุดยง้ั การคา้ ขายเหลา่ นี้ แต่พระองค์ทรงตอ้ งการใหพ้ วกเขาปลูกพันธุพ์ ืชอื่นๆ ทที่ �ำ ให้พวกเขาสามารถสรา้ งรายได้

ซ่ึงเปน็ แรงจูงใจทอี่ ยเู่ บื้องหลงั การสรา้ งโครงการหลวงตา่ งๆ โดยที่พระองคท์ รงสละทรพั ยส์ นิ ส่วนพระองค์ใน การดำ�เนินโครงการต่างๆ” “มอี ยู่วนั หนึ่ง ในปี 1969 พระองคเ์ สด็จฯ เยือนสถานวี ิจัยที่ด�ำ เนินการโดยมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ทตี่ งั้ อยู่ใกล้กับพระตำ�หนักภพู งิ คฯ์ เหนอื เมอื งเชียงใหม่ พวกเขาไดน้ ำ�เขา้ พนั ธุ์ผลไม้จากตา่ งประเทศ และ พยายามที่จะปลกู ผลไมเ้ หลา่ นีใ้ นพ้นื ท่สี ูงและอากาศหนาวเย็น พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวฯทรงมี พระราชด�ำ รวิ า่ ถ้าหากพระองค์ทรงแนะน�ำ การปลกู ผลไม้เมอื งหนาว ผกั ดอกไม้ แกช่ นเผา่ บนเนินเขา ได้ พวกเขาจะสามารถขายผลผลิตเหล่าน้ใี หก้ บั ตลาดทรี่ าบลุม่ ไดใ้ นราคาท่ีสูงมาก พระองค์ทรงประทาน ต�ำ แหน่งผู้จัดการของโครงการแกข่ า้ พเจา้ และผ้ปู ฏบิ ตั งิ านจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่และมหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ ยงั ไดอ้ าสาสมัครช่วยเหลืองานในโครงการอีกดว้ ย” “พวกเรารว่ มงานกับเจา้ หน้าทจ่ี ากสำ�นักงานบรกิ ารวิจยั อเมริกนั (American Research Service: ARS) ที่สนบั สนนุ ทนุ และเป็นผู้มคี วามเช่ยี วชาญในการสรา้ งฟาร์มเกษตรทดลองในอา่ งขาง (140 กิโลเมตร ทาง ตอนเหนือของเชียงใหม่) โครงการแรกของพวกเราคอื การปลูกต้นพีช (peach) และประสบความส�ำ เรจ็ อย่างมาก ดงั นัน้ เราจึงได้ดำ�เนินการปลกู ผกั และผลไม้อ่นื ๆ ด้วย” “ในปัจจุบัน ชนเผ่าจ�ำ นวนมากมรี ถขับ และมถี นนหนทางทีด่ ี รวมท้งั มไี ฟฟา้ นำ้�ประปาและโรงเรียน คน หนมุ่ สาวชาวเผ่าเรียนจบมหาวทิ ยาลยั และกลบั ไปท�ำ งานท่ีไรข่ องพวกเขา” “ในขณะน้ี มศี ูนย์พัฒนา 38 แหง่ แต่ละศนู ยก์ ำ�กับดูแลประมาณ 8 หมบู่ ้าน และมีทมี ผูเ้ ชย่ี วชาญในการ ขยายพนั ธุผ์ ลไม้ ดอกไม้ พชื ผกั และอนื่ ๆ มีหนว่ ยงานด้านสุขภาพพันธุพ์ ืชเพือ่ หยุดย้งั การใช้ ยาฆ่าแมลง และสารกำ�จัดศตั รพู ชื นอกจากน้ี พวกเรายังมีโครงการขยายชุมชน และโครงการส่งเสรมิ สุขภาพอีกมากมาย “และเมื่อนกั ทอ่ งเทีย่ ว/ ผู้มาเยี่ยมเยือน มาทโี่ ครงการ พวกเขาจะได้ชมวิวทวิ ทัศนท์ ีส่ วยงาม เช่นเดยี วกับ ผู้คนทพ่ี วกเขาไมเ่ คยพบเห็นมาก่อน และพวกเขาสามารถซอื้ ผลติ ภัณฑต์ า่ งๆในราคาถกู อีกดว้ ย” ความงดงามตามธรรมชาติและทศั นคตทิ ีผ่ ่อนคลายของทัง้ ชนเผ่าและชาวบา้ นไทยทสี่ ามารถดงึ ดดู ให้หมอ่ ม เจ้าภศี เดช ด�ำ เนินการอยา่ งตอ่ เน่อื ง เพอ่ื ดึงดดู นักท่องเท่ยี วเข้าไปยังพ้ืนท่ี ณ ทแ่ี ห่งนัน้ พวกเขาได้ใชเ้ วลา ในการเรียนรู้วฒั นธรรมของชนเผา่ ดง้ั เดมิ ในหมบู่ ้าน ส�ำ รวจธรรมชาตโิ ดยการเดนิ ป่าและ ลอ่ งแมน่ �ำ้ และ เรยี นร้คู วามส�ำ คญั ของช้างในวิถีชีวติ พืน้ เมืองของชาวภาคเหนอื ในกระบวนการ พวกเขายังไดเ้ รยี นรู้เกี่ยว กบั ผูค้ นทห่ี ลากหลาย เชน่ ชาวลาวและชาวพม่า ผซู้ ่งึ หลอมรวมการสรา้ งวฒั นธรรมลา้ นนา และศลิ ปะและ สง่ิ ประดิษฐ์ยอดเยี่ยมจ�ำ นวนมากท่ีประสบความส�ำ เรจ็ เป็นอยา่ งยิ่ง

สร้างชอื่ เสียงไทยให้กอ้ งไกลไปทัว่ โลก ถึงแมจ้ ะมจี ำ�นวนนกั ทอ่ งเท่ียวมากมายเข้ามายงั ประเทศไทยในช่วงหลายสบิ ปีทผ่ี า่ นมา แตต่ วั เลขนกั ทอ่ งเท่ียวที่แท้จริง ไดล้ ดลงในช่วงกอ่ นปี ค.ศ. 1950 ผลจากสงครามโลกครงั้ ที่ 1 ท�ำ ใหก้ ารทอ่ งเทยี่ ว การเดนิ ทางรวมถงึ เรือส�ำ ราญ จากยโุ รปและอเมริกาเหนือที่ลอ่ งมายังเอเซยี และวถิ ชี วี ติ ของผูค้ นทั่วไปได้หยุดชะงกั ลง ในปี ค.ศ. 1920 ไดเ้ ร่มิ เหน็ ความรงุ่ เรอื งของการท่องเที่ยวในยุโรปเน่ืองจากการเติบโตของรถยนตแ์ ละถนนทีท่ ำ�ให้ การเดนิ ทางข้ามประเทศในแถบนนั้ ง่ายขึ้น ในประเทศไทย การขาดแคลนถนนทำ�ใหก้ ารเดินทางมายังกรงุ เทพมี เพียงแคท่ างเรือและรถไฟเทา่ นน้ั ภาวะเศรษฐกจิ ตกต�ำ่ ทัว่ โลกในปี ค.ศ. 1930 ยังส่งผลต่อตวั เลขดา้ นการทอ่ งเที่ยว สงครามโลกคร้งั ที่ 2 ยังสง่ ผลกระทบตอ่ วถิ ีชีวติ ประจ�ำ วนั ของผูค้ น ในขณะทส่ี งครามทางทะเลได้ทำ�ให้การขนสง่ ระหว่าง ประเทศหยดุ ชะงักรวมไปถงึ ผลดา้ นความปลอดภัยทีก่ ระทบตอ่ เรือส�ำ ราญจากยุโรป แตก่ ารเปลี่ยนแปลงไดเ้ กดิ ขนึ้ หลังสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 การเพ่ิมขน้ึ ของรายได้และการจา้ งงานสง่ ผลใหม้ ีความต้องการ ทางดา้ นการท่องเทย่ี วและการพกั ผ่อน การทอ่ งเทยี่ วของชาวตะวันตกไดเ้ รมิ่ กลับมาอกี ครั้ง การเดนิ ทางไกลข้าม ประเทศเร่ิมมีมากขึน้ ซง่ึ เป็นผลจากค่าโดยสารทางเครอื่ งบินท่ถี กู ลง ทำ�ใหก้ ารเดินทางไปยังตา่ งประเทศสามารถท�ำ ได้ มากข้นึ และได้ขยายไปสจู่ ดุ หมายใหม่ๆ เพม่ิ ขน้ึ ทุกปแี ละไดจ้ ุดประกายใหน้ กั เดนิ ทางเขา้ ไปค้นพบประสบการณ์ใหมๆ่ ในยคุ แรก ญป่ี นุ่ และฟิลิปปนิ สค์ ือจดุ หมายปลายทางหลกั แต่ภายหลังไดเ้ ปลยี่ นมาเป็นประเทศไทย การท่องเที่ยวเรมิ่ เข้าสู่ศกั ยภาพแห่งการเติบโตอยา่ งแทจ้ รงิ ท�ำ ให้สองผู้น�ำ คนส�ำ คัญท่ีมีวสิ ัยทัศนก์ ว้างไกลไดส้ รา้ งกลไก เพอ่ื ขับเคลือ่ นการเตบิ โตนี้ จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในสมยั น้นั (ปี ค.ศ. 1957-1963) ไดเ้ ลง็ เหน็ ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจและการท่องเท่ียวของโลกที่เติบโตมากขึ้นจึงเห็นว่าประเทศไทยควรจะใช้โอกาสน้ีให้เป็น ประโยชน์ และได้ดงึ พลเอกเฉลมิ ชัย จารุวัสตร์ เขา้ มารว่ มเปน็ ผู้นำ�ในภารกิจน้ี โดยมหี น้าทเี่ สาะหาแหล่งทอ่ งเทยี่ วปอ้ น ตลาด ความรว่ มมอื น้ไี ด้สร้างรากฐานทส่ี �ำ คัญในการประชาสมั พันธก์ ารทอ่ งเทย่ี วและไดส้ รา้ งโครงสร้างพ้นื ฐานตา่ งๆ ขึ้นมา อาทิเช่น โรงแรม การฝึกอบรมบุคลากร และบริการด้านคมนาคม เพอื่ สรา้ งประสบการณท์ ี่ดีแก่นักทอ่ งเทีย่ ว ในวนั ที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1960 องค์การสง่ เสริมการทอ่ งเทย่ี วแหง่ ประเทศไทยไดถ้ ูกจัดต้งั ขึ้นเพอื่ ขับเคล่ือนการท่อง เท่ียวไทยไปสู่สากล และในปี ค.ศ. 1963 ได้เปลีย่ นช่ือเป็นการทอ่ งเท่ียวแหง่ ประเทศไทย (ททท.) ซง่ึ เน้นการโปรโมท ในเร่อื งแหลง่ ท่องเทยี่ วทางประวตั ิศาสตร์ วฒั นธรรมไทยและทัศนียภาพทีส่ วยงามรวมถงึ กจิ กรรมท่นี ่าสนใจต่างๆ ความสำ�เรจ็ จากการกอ่ ตั้งหน่วยงานการท่องเที่ยวของพลเอกเฉลิมชัย จารุวัสตร์ เป็นทีน่ า่ ประทบั ใจเป็นอย่างยงิ่ ซงึ่ ทา่ นได้เปลีย่ นสำ�นักงานแหง่ แรกของ ททท. ท่ีสนามเสือปา่ ให้กลายเปน็ สำ�นกั งานโฆษณาประเทศไทยแบบเสมอื นจริง ก�ำ แพงดา้ นหนึง่ คือภาพของแผนท่ีประเทศไทยทแี่ สดงสถานท่ีทอ่ งเทย่ี วท่ีสำ�คญั เพียงแคก่ ดปุ่มเปิดไฟ นกั ทอ่ งเทย่ี วจะ ได้เหน็ สถานท่ตี ่างๆอยา่ งเสมอื นจริง ถัดไปคือชนั้ วางโบรชัวร์ ซึ่งในระยะแรก บรษิ ทั เชลลเ์ ปน็ ผูจ้ ัดทำ�และแจกจ่ายให้ ฟรี ซ่งึ มรี ายละเอียดท้ังหมดเกีย่ วกับสถานทีท่ ่องเที่ยวทีน่ ่าสนใจ ช้ันวางอน่ื ๆเต็มไปด้วยโปสการด์ แจกฟรี

ในโตะ๊ ข้างๆได้จดั จำ�หน่ายภาพยนตร์ ตลบั เพลงไทย ผลิตภัณฑเ์ ครือ่ งเงิน ผา้ ไหม เครอ่ื งถมและของท่ีระลึกตา่ งๆ และ ยงั รา้ นกาแฟขนาดเลก็ ซงึ่ บรหิ ารโดยลิตเติ้ล โฮม เบเกอรี่ ซึ่งได้ท�ำ ให้ ททท. กลายเปน็ หน่วยงานที่ส�ำ คญั ของนกั ท่อง เท่ียวในการคน้ หาข้อมลู ต่างๆทไ่ี มส่ ามารถหาไดจ้ ากแหล่งอ่นื ๆ หลังจากทไี่ ด้ตง้ั ส�ำ นกั งานแหง่ แรกกรุงเทพเปน็ ท่ีเรยี บร้อย ททท.ได้จัดตง้ั สำ�นกั งานแห่งแรกในต่างประเทศท่ีเมอื ง นิวยอรก์ ในปี ค.ศ. 1965 และตามมาด้วยการขยายส�ำ นกั งานไปสู่จังหวดั อ่ืนๆในเมอื งไทยซงึ่ ส�ำ นกั งานแรก คือ ท่ี จังหวัดเชียงใหม่ ที่เปิดดำ�เนินการในปี ค.ศ. 1968 ในระยะแรก งบประมาณของ ททท. ต่อปมี ีเพยี ง 12 ลา้ นบาท เพ่อื ชว่ ยลดต้นทุน พลเอกเฉลิมชยั ไดเ้ ข้ามาเปน็ นกั ออกแบบส่ือประชาสัมพันธเ์ สยี เอง โดยผลงานชน้ิ แรกของท่าน คือ การออกแบบโลโก้ของ ททท. และโปสเตอร์ เผยแพรส่ ถานท่ที อ่ งเท่ียวสำ�คญั ท่านยังได้ออกแบบโปสเตอร์เชียงใหมท่ มี่ ีภาพของนางร�ำ ทั้งหกก�ำ ลังฟ้อนเลบ็ และได้ ผลติ เป็นโปสเตอรข์ นาดใหญ่แขวนอยู่ที่สถานีแกรนด์ สเตช่นั ในเมืองนวิ ยอรก์ นับไดว้ ่าเป็นครงั้ แรกทไี่ ด้ใช้สอ่ื โฆษณา เผยแพร่ความเปน็ ไทยไปสูค่ นอเมริกัน นอกจากนภ้ี าพยนตรโ์ ฆษณาสามชิน้ ทที่ ่านผลติ ขน้ึ ยงั ไดร้ ับรางวัลชนะเลศิ จาก สมาคมสง่ เสรมิ การทอ่ งเท่ียวแหง่ ภูมิภาคเอเชยี -แปซิฟคิ หรือ พาต้า (PATA) อีกดว้ ย ท่านยงั คงเสนอให้ ททท. เขา้ ร่วมงานเทศกาลในต่างประเทศ หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุด คือ ขบวนพาเหรดดอกไม้ ท่ีจดั ข้ึนทุกปใี นวันปใี หม่ ซึ่งท่านได้เปน็ ผู้ควบคุมการจัดแสดงนีแ้ ละทำ�ใหป้ ระเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศในประเภท รางวัลนานาชาติเปน็ ปแี รกของการแขง่ ขนั และทำ�ใหท้ ุกปี สายตาทกุ คลู่ ว้ นจบั จอ้ งมาท่ีขบวนพาเหรดของไทยซึง่ ภารกิจ น้ีไดต้ กอยูท่ ี่ส�ำ นกั งาน ททท.ในนิวยอร์ก ท่านไดม้ องว่ามันเปน็ การลงทนุ ท่คี ้มุ คา่ มากเพราะ “การทอ่ งเที่ยวช่วยสรา้ ง มติ รภาพให้เกิดขึน้ ซึ่งจะนำ�สนั ตภิ าพมาส่โู ลกใบน”้ี ทา่ นยังได้มงุ่ ม่ันทจี่ ะแสดงให้คนไทยเหน็ ความส�ำ คญั ในการเปดิ ต้อนรับนกั ทอ่ งเที่ยวจากต่างประเทศ “เป็นสิง่ ท่สี ำ�คญั มากที่จะท�ำ ใหค้ นไทยเขา้ ใจความสำ�คัญของอตุ สาหกรรมการท่องเท่ียว ซึง่ ไม่ไดม้ ีผลแต่เพียงสรา้ งรายได้ให้ประเทศ แตย่ งั รวมถงึ การสรา้ งภาพลกั ษณใ์ หค้ นไทยเปน็ ทีร่ ู้จกั ในระดับสากล” หลงั จากน้ัน ทา่ นได้จัดท�ำ หนงั สือแมคกาซีนเล่ม แรกทง้ั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ (ชอ่ื ว่า ‘Holiday Time in Thailand’) และยังได้ตำ�รงตำ�แหน่งบรรณาธกิ าร คนแรกอกี ดว้ ย ซ่งึ นติ ยสารนี้ได้จดั จ�ำ หน่าย ดว้ ยเหตผุ ลท่วี า่ “ถ้าแจกฟรี คนจะไม่เหน็ ความสำ�คญั ของมัน” ราคา จำ�หนา่ ยในขณะนัน้ อย่ทู ี่ 1.50 บาทซง่ึ เพยี งพอต่อตน้ ทนุ ในการจัดทำ� นอกจากน้ี ททท. ยงั เป็นเจ้าภาพการจัดนทิ รรศการและงานทอ่ งเที่ยวนานาชาติ และยงั ได้กระตนุ้ ให้ผู้ประกอบการ ไทยทงั้ ด้านโรงแรมและท่องเที่ยวไปรว่ มออกโรดโชว์ในตา่ งประเทศ พรอ้ มการแสดงตา่ งๆ เชน่ รำ�ไทย มวยไทย ไป จัดแสดงท่งี านนอกจากนย้ี ังได้จัดทำ�สอื่ ประชาสมั พันธ์ตา่ งๆและแจกจ่ายภายในงาน ในขณะเดยี วกัน ท่านได้สร้างภาพ ลักษณ์ของการทอ่ งเที่ยวไทยใหป้ รากฎในระดับสากลโดยการให้ ททท. เขา้ รว่ มเป็นสมาชิกในองคก์ รนานาชาตดิ ้าน การทอ่ งเทยี่ ว เช่น IUOTO (ต่อมาคอื WTO), PATA, EATA, ASTA และ ICCA. ภารกจิ ในระยะแรกของท่านคอื การประชาสัมพันธ์กรุงเทพเปน็ หลัก แตจ่ ากการท่ีโรงแรมได้เข้าไปกอ่ สรา้ งตามตา่ ง จงั หวดั จงึ เปน็ จุดเรม่ิ ต้นของการโปรโมทสถานท่ที ่องเทย่ี วในตา่ งจงั หวัด ในปี ค.ศ. 1967 ทา่ นได้เดนิ ทางไปที่จงั หวัด

เชยี งใหม่และไดจ้ ดั ประชมุ เปน็ เวลา 2 วันเพ่ือรบั ฟงั ความคิดเหน็ จากภาคส่วนผู้เกยี่ วขอ้ งในการท่องเท่ยี ว และไดจ้ ดั ประชุมในลักษณะเดยี วกันนีท้ ่ีภาคอสี าน จงั หวัดสงขลาและภเู กต็ ท่านยังได้เห็นความต้องการของนักท่องเที่ยวในการมีไกด์ซึ่งมีคุณสมบัติอ่ืนๆนอกเหนือจากความรู้ด้านภูมิประเทศ ไกด์เปรียบเสมอื นที่ปรึกษา เหมอื นเพอื่ น เหมือนครูทจี่ ะชว่ ยแนะน�ำ และช่วยแกป้ ญั หา นอกจากนีย้ งั ตอ้ งเปน็ ผ้ทู ี่ สามารถไวว้ างใจได้และไมฉ่ กฉวยผลประโยชนจ์ ากนกั ท่องเทยี่ ว ซึ่งล้วนแลว้ แต่ตอ้ งใช้การฝกึ อบรมอย่างเขม้ ข้น คอรส์ ฝกึ อบรมแรกของ ททท. จดั ขึน้ ที่คณะอกั ษรศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ซึง่ ผู้เข้าเรยี นไดใ้ ชเ้ วลาท้ังหมด 6 เดือนในวนั เสารแ์ ละอาทิตยใ์ นหอ้ งเรียน เน้ือหาทสี่ อนไดแ้ ก่ ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย วฒั นธรรมประเพณี สถาปตั ยกรรม มารยาทไทย มารยาทสากลรวมไปถงึ ชอ่ื เรยี กภาษาอังกฤษของอาหารไทย ตน้ ไม้ พืชและผลไม้ นอกจากนย้ี ังได้จัด ทริปทัศนศึกษาไปเยีย่ มชมแหลง่ ท่องเทีย่ วสำ�คญั อกี ด้วย สง่ ผลให้ประเทศไทยมบี คุ ลากรทม่ี ีคุณภาพที่ช่วยยกระดบั การ ทอ่ งเที่ยวไทยใหม้ ีภาพลักษณ์ทดี่ แี ละนา่ ประทบั ใจในสายตาตา่ งชาติ หลงั จาก 16 ปีของการดำ�รงตำ�แหนง่ ผู้ว่าการ ททท. พลเอกเฉลมิ ชัย ไดล้ าออกจากตำ�แหนง่ เพอ่ื ไปบรหิ ารกิจการของ ครอบครวั ซ่ึงคอื การสรา้ งโรงแรมสยาม อินเตอร์คอนติเนนทัล รากฐานทีท่ า่ นวางใหก้ บั ททท. นัน้ ชว่ ยสรา้ งความ สำ�เร็จใหก้ บั การท่องเทย่ี วและคนไทยเปน็ ระยะเวลาจวบจนปจั จุบนั ในปี ค.ศ. 1980 ในสมัยของ พณฯ ทา่ น พลเอก เปรม ตณิ สลู านนท์ นายกรัฐมนตรที ่ีไดร้ บั การแต่งต้งั และดำ�รง ตำ�แหน่งถึงเดอื นสงิ หาคม ปี ค.ศ. 1988 การทอ่ งเทย่ี วในขณะนน้ั ได้เตบิ โตอย่างมากซึ่งเปน็ ผลจากมตขิ องคณะรฐั บาล ทไ่ี ดล้ ดคา่ เงนิ บาทลงถึง 25% การทอ่ งเท่ยี วแหง่ ประเทศไทย (ททท.) ได้ออกเคมเปญ “เยอื นเมอื งไทย” ในปี ค.ศ. 1980 และอีกครั้งในปี ค.ศ. 1987 ซงึ่ ได้รับการสนบั สนุนเปน็ อย่างดจี ากพลเอก เปรมและส่งผลใหก้ ารท่องเท่ยี วไทย เติบโตถึง 24% ในด้านจำ�นวนนกั ท่องเที่ยวท่ีเข้ามา นกั ทอ่ งเท่ียวตา่ งชาตกิ ลุ่มใหญท่ ม่ี บี ทบาทในช่วงแรก คอื กลุ่มอเมรกิ นั ทีเ่ ข้าร่วมในสงครามอนิ โดจีนซ่งึ ในชว่ งกลาง ปี ค.ศ. 1960 ได้เดินทางเข้ามาในไทยและใช้เวลา 5 วันในชว่ งการพกั และการฟืน้ ฟู (Rest and Recuperation) ทอ่ งเที่ยวในประเทศ นอกจากนี้ยังมอี ีกประมาณ 40,000 นายทปี่ ระจ�ำ การในประเทศไทยทไ่ี ดใ้ ช้เวลาชว่ งวนั หยดุ ท่องเทย่ี วในกรุงเทพและตามชายหาดต่างๆ ซง่ึ จากขอ้ มูลทพี่ บว่าทหารเหล่าน้ีได้ชืน่ ชอบการพักผ่อนตามสถานทต่ี าก อากาศมากกวา่ ท่ีจะไปเยีย่ มชมแหล่งวัฒนธรรม ทำ�ให้ ททท. ไดเ้ บนเขม็ การขับเคล่อื นการท่องเทีย่ วโดยกระตนุ้ ให้ ภาคเอกชนสรา้ งสถานท่พี กั ผอ่ นและกิจกรรมสันทนาการต่างๆเพอ่ื ตอบสนองนักท่องเที่ยวกล่มุ นี้ แต่ในทางลบ การทอ่ งเทยี่ วเช่นนไ้ี ดส้ ร้างภาพลักษณ์ทางลบใหก้ บั เมอื งไทย ความ “งดงาม” ในแบบเมืองไทยได้ถกู โยง กบั เรือ่ ง “กาม” ซงึ่ เปน็ ผลจากการเพิม่ ขึน้ ของการทอ่ งเทย่ี วท่มี ีเรือ่ งเซก็ สเ์ ขา้ มาเกย่ี วขอ้ งซึง่ ไม่ไดอ้ ยูใ่ นแผนการ ทอ่ งเที่ยวของ ททท. และไมไ่ ดถ้ ูกยอมรบั จากคนไทยอีกด้วย บาร์ อาบอบนวด รา้ นอาหารไดก้ ลายมาเป็นสว่ นหน่ึง ของทรปิ การทอ่ งเท่ียวนอกเหนือไปจากการท่องเทยี่ วทางวัฒนธรรม เช่น วัดพระแกว้ ตลาดน้�ำ และแหล่งทอ่ งเท่ียว ที่มคี ณุ คา่ ทางวฒั นธรรม ในทางเดยี วกัน ทหารอเมรกิ นั เหล่านไ้ี ด้ชนื่ ชอบแหล่งทอ่ งเท่ียวตามพทั ยาและบาร์ตามถนน เพชรบรุ ีมากกว่าทจี่ ะไปตามแหล่งทอ่ งเท่ียวทางวฒั นธรรมในตา่ งจังหวดั เช่น ภาคเหนอื จังหวัดอยธุ ยา เชียงใหม่ หรอื สุโขทยั

ภาพลกั ษณ์ของเมืองไทยได้เปล่ียนแปลงอกี คร้ังในคราวที่ อาภสั รา หงสกลุ ในตอนนน้ั มีอายุ 18 ปี ไดร้ บั ต�ำ แหนง่ นางงามจกั รวาลในปี ค.ศ. 1965 รฐั บาลไทยไดก้ ลา่ วว่าชยั ชนะของเธอในครงั้ น้ไี ดเ้ ป็นสว่ นหนงึ่ ของภารกจิ 10 ประการ และไดส้ ร้างช่อื เสยี งรวมท้งั ความสนใจใหก้ ับประเทศไทย ทำ�ใหเ้ ธอได้กลายเป็นทตู โปรโมทการทอ่ งเท่ียวกติ ตมิ ศักด์ิ การท่องเที่ยวทางกามารมณ์ไมไ่ ด้เป็นภาพทีพ่ ลเอก เฉลิมชยั คดิ ไว้ในใจในขณะทีไ่ ด้พยายามสร้างภาพลักษณท์ ่ี อ่อนช้อย งดงามและมคี ุณค่าทางวฒั นธรรมใหป้ รากฎในสายตาต่างชาติ ภาพลักษณท์ างลบเช่นนเ้ี ป็นส่งิ ทผ่ี ดิ แผก ไปจากแผนการและจำ�เปน็ อย่างย่งิ ทจี่ ะตอ้ งฟนื้ ฟูภาพลักษณก์ ารทอ่ งเที่ยวและความเข้าใจที่ถกู ตอ้ ง สอดคลอ้ งกับ วัฒนธรรมอนั สวยงามของไทยใหก้ ลบั มาอีกครงั้ ทิศทางการท่องเที่ยวไทยได้เปลี่ยนแปลงอีกคร้ังหลังจากการส้ินสุดของสงครามและการถอนตัวของกองกำ�ลังทหารจีไอ (GIs) ในปี ค.ศ. 1970 รฐั บาลไดแ้ สวงหากิจกรรมการทอ่ งเที่ยวรปู แบบใหมโ่ ดยไดโ้ ปรโมทการทอ่ งเท่ียวเชิงสุขภาพ เพ่ือดงึ ดูดนกั ท่องเที่ยวกลมุ่ ใหมๆ่ เขา้ มามากขนึ้ ในทีส่ ดุ สุนทรยี ์ของการทอ่ งเทีย่ วไทยไดก้ ลบั คนื มาอกี คร้งั ในรปู แบบ ทถี ูกตอ้ ง และท�ำ ใหก้ าร “นวด” เปน็ การนวดเพอื่ สุขภาพอย่างแท้จรงิ ไมใ่ ชเ่ ป็นการนวดในเชงิ เซก็ ส์ ในทส่ี ุด เมอื งไทย ไดเ้ รมิ่ สร้างการท่องเท่ียวเชงิ สุขภาพมากขนึ้ และสปานวดแผนไทยซ่ึงประกอบไปดว้ ยการนวดในหลายรูปแบบใชเ้ วลา หนึ่งถงึ สองชั่วโมงโดยประมาณ ในช่วงปี ค.ศ. 1960 นักท่องเท่ียวกลุ่มใหญจ่ ะเปน็ พวกทหารอเมริกนั หรือบรรดานกั ธรุ กิจและมเี พียงสว่ นน้อยที่ เดินทางมาเป็นครอบครัวหรือเป็นหรือแม้แต่นักท่องเท่ียวผู้หญิงท่ีเดินทางท่องเท่ียวคนเดียวนั้นแทบหาได้น้อยมากใน สมยั นั้น ปี ค.ศ. 1970 ไดม้ ีนกั ท่องเท่ียวในสองกลุ่มน้ีมากขนึ้ ซึ่งทำ�ให้ภาคการท่องเทีย่ วได้ปรบั ตลาดเพอ่ื เอาใจบรรดา นักท่องเทยี่ วกลมุ่ ใหม่เหล่านี้ นอกจากนี้ในชว่ งปี ค.ศ. 1960 ได้เริม่ มีนกั ท่องเที่ยวในกลมุ่ วยั รนุ่ (หรอื คนไทยกลุ่มทแี่ อนต้ีจะเรยี กวา่ “ฮิปป้”ี ) ได้ เดนิ ทางเข้ามาและมกั จะพักตามแหลง่ โรงแรมราคาถูก ชอบท่องเท่ียวเองโดยไมพ่ ่ึงทวั ร์ไกดแ์ ละบรรดาเอเจนซี่นำ�เท่ยี ว ยกเว้นแตใ่ นเร่อื งการจองต๋วั เคร่ืองบนิ คนไทยในตอนนน้ั ยงั ไม่แน่ใจวา่ ควรจะรบั มอื กับนักท่องเท่ยี วแบค็ แพคทด่ี ูไม่ คอ่ ยสะอาดเรียบรอ้ ยนี้อยา่ งไรดี อยา่ งไรก็ดี รัฐบาลไทยไดจ้ ุดประกายความคิดทจี่ ะตอบสนองกบั นกั ทอ่ งเที่ยวเหล่าน้ี เพราะถงึ แม้ว่า เขาจะยังไม่มเี งินท่จี ะพกั ตามโรงแรมห้าดาวได้ แต่ถา้ เขามคี วามประทับใจทดี่ ตี ่อการทอ่ งเทย่ี วไทย ใน อนาคตทเี่ ขามีศักยภาพการจา่ ยทีเ่ พมิ่ ขน้ึ เขาจะต้องกลับมาพรอ้ มครอบครวั และพาไปท่องเท่ยี วตามทต่ี า่ งๆ เช่นในตวั เมอื ง ชายหาดหรอื ภูเขา อยา่ งแนน่ อน ในชว่ งปี ค.ศ. 1990 นักท่องเทีย่ วเหล่านไ้ี ดข้ ยับข้ึนมาเปน็ แฟลชแพก็ เกอ (Flashpackers) หรอื นักทอ่ งเท่ียวแบบแบค๊ แพคทมี่ กี ำ�ลงั จ่ายสูง และไดเ้ ข้ามาทอ่ งเทย่ี วเปน็ เวลานานซง่ึ จากเดิมนกั ทอ่ งเที่ยวแบบแบ๊คแพคจะใชเ้ วลาประมาณ 1 สปั ดาห์ (หรือตามเทา่ ทไ่ี ด้รับวีซา่ )แต่นักท่องเทย่ี วกลุ่มใหม่มกั ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์เหมือนกลมุ่ ทหารจไี อในยคุ 60 ซ่งึ นยิ มใช้เวลาของการพักผ่อนไปกับกจิ กรรมทอี่ ดั แนน่ และยอมจ่ายเพื่อไดร้ บั ประสบการณท์ ่สี นุกและคมุ้ ค่า การประชาสัมพนั ธส์ นิ ค้า หลงั จากทเี่ มอื งไทยเป็นท่ีรจู้ กั ในบรรดานักท่องเที่ยว จึงเป็นเรื่องทส่ี ำ�คัญทีจ่ ะต้องพัฒนาและแสวงหาแหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว

และตลาดท่ีตรงกลุ่มเปา้ หมาย โปสเตอร์ โบรชัวร์และโปรโมชัน่ ตา่ งๆ เป็นส่งิ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวไดด้ ี ทงั้ ททท.และ ผู้ประกอบการได้เข้าร่วมการประชุมและงานแสดงสินค้าด้านการท่องเท่ียวและได้นำ�การรำ�ไทยและการแสดงดนตรีไป จดั แสดงแกน่ ักทอ่ งเที่ยวตา่ งชาติ ความงดงามของเคร่อื งแต่งกายและบรรดานางร�ำ ต่างเป็นทส่ี นใจในหมนู่ ักท่องเที่ยว เปน็ ท่ีทราบกันดวี ่า ททท.และบริษทั การบนิ ไทยเป็นหนว่ ยงานหลักในการสรา้ งภาพลกั ษณท์ ี่งดงามและเปน็ ดังสวรรค์ แห่งการพักผ่อนให้กบั เมืองไทย แต่ในเรอ่ื งอาหารไทย ไม่ปรากฎอยา่ งแน่ชัดวา่ มตี ้นก�ำ เนิดมาอยา่ งไร หากการพิชิต หัวใจของคน คอื การไดล้ ิม้ รสกับอาหารอรอ่ ย คงไมต่ า่ งอะไรกับการที่โลกได้หลงรักประเทศไทยผา่ นอาหารไทย ใน ตา่ งประเทศไทย ได้มีการเกิดข้ึนของร้านอาหารไทยจ�ำ นวนมากและทำ�ใหโ้ ลกไดส้ ัมผสั กบั รสชาติท่ีเปน็ เอกลกั ษณ์ ใน เวลาเพียงไมน่ าน อาหารไทยไดก้ ้าวข้ึนมาเป็นอาหารในระดับสูงซงึ่ นับต้ังแต่ปี ค.ศ. 1980 ในสหรฐั อเมรกิ า อาหาร ไทยได้กลายเปน็ อาหารยอดนยิ มในลำ�ดบั รองจากอาหารจีนและอาหารแมกซิกัน ททท.และบริษัทการบนิ ไทย จงึ ได้น�ำ อาหารไทยเป็นส่วนหน่ึงในการโปรโมทผา่ นการแสดงสินค้าทางดา้ นอาหารในตา่ งประเทศ บรรดาเจ้าของร้านอาหารไทยได้ติดโปสเตอร์สถานท่ีท่องเท่ียวสำ�คัญในเมืองไทยตามผนังร้านและแขกในร้านต่าง ประทับใจกับการบริการที่เป็นมิตรของพนักงานไทยส่งผลให้หลายคนได้ตัดสินใจเดินทางไปส้ิมรสอาหารไทยต้นตำ�รับ ในประเทศไทยเลยทเี ดยี ว ในเวลาเดียวกัน อาหารไทยแบบพรอ้ มรับประทานและเครอ่ื งปรุงหรือซอสต่างๆ ไดป้ รากฎ ในซปุ เปอร์มารเ์ ก็ตต่างประเทศ นักชมิ ในต่างประเทศได้รจู้ ักพรกิ ไทยที่เผด็ รอ้ น และเรียนรู้วา่ ยังมเี ครื่องปรงุ ชนดิ อ่ืน นอกจากซอสถั่วลสิ ง (ซอสของประเทศอินโดนเี ซีย) ในชว่ งแรก บรษิ ทั การบนิ ไทย เป็นผูจ้ ัดท�ำ โปสเตอร์ แต่ภายหลงั ททท. ได้เห็นความสำ�คัญในการสรา้ งเน้อื หาทเ่ี ป็น เอกลักษณ์เฉพาะในแบบของตนเองและได้จดั ตง้ั กราฟฟิกสตดู ิโอภายในขึ้นมารบั ผิดชอบจัดทำ�สอ่ื นี้ รวมไปถึงการจดั ท�ำ สอื่ โฆษณาท่เี ผยแพร่นติ ยสารทอ่ งเทีย่ วในต่างประเทศ โบรชวั รท์ ่มี ีสีสนั สวยงามจำ�นวนมากไดถ้ กู จัดท�ำ และกระจายไป ยังสำ�นักงานของ ททท.ในตา่ งประเทศ สายการบนิ และบรษิ ัทน�ำ เทยี่ ว ในระยะแรก รปู แบบการโปรโมทส่วนใหญเ่ น้น ไปท่ีความสวยงามของเมืองไทยโดยรวม แตภ่ ายหลงั คอ่ ยๆเริ่มเจาะจงไปยงั สถานทอ่ งเที่ยวบางแห่ง ในบางชว่ งเวลา ไดโ้ ปรโมทด้านกีฬา การเดินป่าในอุทยานแหง่ ชาติ สปา และแนะน�ำ ด้านอาหารการกนิ เชน่ ผลไม้ สมนุ ไพรในไทย สายการบนิ ต่างชาติไดช้ ่วยโปรโมทการท่องเทีย่ วไทยในยุคแรกผ่านสอ่ื โฆษณาทีม่ สี สี ัน ในปี ค.ศ. 1960 สายการบิน แพน แอม (Pan Am) ได้เปดิ ตวั ภาพยนตร์โฆษณาความยาว 13 นาที ช่อื วา่ “เปิดโลกทัศนใ์ หม่ – ประเทศไทย” (New Horizons-Thailand) ที่ส่อื ถึงความงดงามของเมืองไทยและผู้คน ในทส่ี ดุ ททท. ไดเ้ ร่ิมผลิตสอ่ื ภาพยนตร์ โฆษณาของตนเองโดยมคี วามยาว 20 นาที โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศไทยในแตล่ ะดา้ นรวมถงึ วฒั นธรรม ประเทศ ไทยเปน็ หน่ึงในประเทศท่มี ีการผลติ สอ่ื โฆษณาท่องเทีย่ วในเชงิ รกุ สายการบนิ ยงั ไดจ้ ดั ทรปิ เยอื นเมอื งไทยใหแ้ กเ่ อเจนซท่ี อ่ งเทย่ี วและสอ่ื นอกจากนย้ี งั ไดอ้ อกโปรโมชน่ั ตว๋ั เครอ่ื งบนิ โรงแรม และแพคเกจทวั รร์ าคาถกู (ซง่ึ หนง่ึ ในสายการบนิ ทไ่ี ดร้ บั ความนยิ ม คอื การบนิ ไทย) ซง่ึ ชว่ ยกระตนุ้ การทอ่ งเทย่ี ว มากขน้ึ ในชว่ งแรก บริษทั นำ�เทย่ี วได้เกิดข้ึนมากมายเพอื่ อำ�นวยความสะดวกใหก้ บั นักทอ่ งเทยี่ วท้งั เดินทางเองและเดินทาง เป็นกล่มุ ในช่วงแรกเป็นการใหบ้ รกิ ารผา่ นสาขาท่ีกระจายอยตู่ ามเมืองต่างๆ และไดข้ ยายการบรกิ ารผ่านการเปดิ

สาขาภายในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำ�นักงานทใ่ี ห้บรกิ ารภายในโรงแรม ในขณะเดียวกัน ได้ขยายเครือขา่ ยไปยังเอ เจนซี่ในต่างประเทศอีกดว้ ย ประเทศไทยยงั ได้รบั การสนบั สนุนจากองคก์ รการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ สมาคมสง่ เสริมการท่องเท่ยี วแห่งภูมภิ าค เอเชยี -แปซิฟิคหรือ พาต้า (PATA) คอื หนว่ ยงานหลกั ในการสนบั สนุน ซงึ่ เป็นหน่วยงานทต่ี ั้งข้ึนใน ปี ค.ศ. 1951 โดยสายการบนิ แพน แอม (Pan Am) ซึ่งประกอบดว้ ยสมาชกิ ทเ่ี ปน็ องคก์ ารการทอ่ งเที่ยวของรัฐ สายการบิน บรษิ ทั ทอ่ งเที่ยว โรงแรม รา้ นอาหาร และธรุ กิจเกีย่ วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี วอนื่ ๆ ทวั่ โลก โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์หลักในการ สง่ เสริมการท่องเท่ยี วภายในภมู ิภาคและบรรดาสมาชิก และสง่ิ ที่ได้รบั ความสนใจจากสาธารณะคอื การจดั ประกวดสื่อ ประชาสัมพันธป์ ระจ�ำ ปี เชน่ โปสเตอร์ บทความในแมคกาซนี ภาพยนตรโ์ ปรโมท และส่อื ประชาสมั พันธด์ ้านการ ท่องเทีย่ วต่างๆ ทแี่ สดงถึงความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละที่ ซึ่งนับว่าประเทศไทยเป็นหน่ึงในประเทศท่ีไดร้ บั ผล ประโยชนจ์ ากพาต้าในภารกิจดา้ นน้ี ปัจจุบนั สำ�นกั งานใหญข่ องพาต้าตั้งอยู่ทีก่ รงุ เทพ และได้รับการยอมรับในฐานะ เป็นองคก์ ารสง่ เสรมิ การทอ่ งเท่ยี วสำ�คญั ในภูมภิ าพ ในปี ค.ศ. 1960 มเี พยี งหน่วยงานการทอ่ งเท่ยี วทีช่ ว่ ยใหค้ ำ�แนะน�ำ นกั ท่องเทีย่ ว แต่ในช่วงปี ค.ศ. 1970 – 1980 รา้ นหนงั สือได้จัดจ�ำ หนา่ ยคูม่ ือการท่องเทย่ี วอยา่ งหลากหลายไลต่ ง้ั แตน่ ิตยสาร Fodor ไปจนถึงคัมภีรท์ ่องเท่ียวของ นกั ท่องเทยี่ วแบคแพคอยา่ ง Lonely Planet สายการบินไดต้ ีพมิ พน์ ติ ยสารซ่ึงบรรยายเรอ่ื งราวเก่ียวกบั วัฒนธรรม ไทย แหล่งท่องเที่ยว และนสิ ัยใจคอของคนไทย ซึ่งแต่งโดย เดนนสิ เกรย์ (Denis Gray) จอหน์ ฮอสสกนิ (John Hoskin) ฮาโรลด์ สตเี ฟน่ (Harold Stephens) และ บิล วอเรน (Bill Warren) และในทส่ี ุดนติ ยสาร Travel and Leisure ในต่างประเทศ และอื่นๆ ได้เร่ิมเผยแพรเ่ น้อื หาเก่ยี วกับความสวยงามของชายหาดในไทย วฒั นธรรม และแหลง่ ท่องเทย่ี วน่าสนใจซ่งึ ชว่ ยดึงดูดนกั ท่องเทย่ี วเป็นอยา่ งมาก การท่องเทีย่ วแบบเปน็ หมคู่ ณะไดเ้ ริ่มมีมากข้ึนจากการประชาสัมพนั ธ์โดยส่ือ นติ ยสารการทอ่ งเท่ียว เชน่ ทที จี ี หรือ แทรเวล เทรด กาแซ็ท เอเชีย (Travel Trade Gazette Asia) เอเซยี แทรเวล เทรด (Asia Travel Trade) และ ไทยแลนด์ แทรเวล เทรด (Thailand Travel Trade) ได้น�ำ เสนอเนอื้ หาการท่องเทย่ี วและแนวโน้มการท่องเทยี่ ว ใหมๆ่ ในประเทศไทยอยูเ่ สมอ บรรณาธกิ ารและนกั เขยี นอยา่ ง ดอน รอสส์ (Don Ross) และ สตีฟ แวน บีค (Steve Van Beek) มีส่วนสำ�คญั ในการเผยแพร่ข้อมลู เกย่ี วกับสถานทแี่ ละเทรนดใ์ หม่ๆ รายการพเิ ศษทางโทรทัศนท์ ีน่ ำ�เสนอ เกี่ยวกบั วฒั นธรรมไทยไดก้ ลายเป็นตัวชว่ ยในการดึงดูดให้นกั ทอ่ งเทย่ี วเดนิ ทางออกจากบ้านมาแสวงหาการผจญภยั แน่นอนวา่ ส่วนหนง่ึ ที่ทำ�ใหก้ ารท่องเทย่ี วไทยเป็นท่รี ู้จักอยา่ งกวา้ งขวางมากข้ึน คือ การถ่ายท�ำ ภาพยนตร์ต่างๆใน ประเทศไทย อาทิ เชน่ “เดอะคงิ สแ์ อนดไ์ อ” (The King and I) ทง้ั สองเวอร์ชนั่ “เดอะบริดจ์ออนเดอะริเวอร์แคว” (The Bridge on the River Kwai) (ปี 1957 แต่ถ่ายทำ�ในประเทศศรลี งั กา) “อเมริกนั อนั ตราย” (The Ugly American) ภาพยนตร์ชดุ บอนด์เดอะซรี สี ต์ อน “เพชฌฆาตปนื ทอง” ซง่ึ ไดถ้ ่ายท�ำ ในเขาตะปใู นจังหวัดพังงา ซึง่ ทำ�ให้ เขาตะปเู ป็นท่รี ู้จกั โด่งดังไปท่วั โลกในฐานะ “เกาะเจมส์ บอนด์” (James Bond Island) “เดอะบีช” (The Beach) “แฮงค์โอเวอร์ภาค 2” (Hangover Part 2) “บนั ทกึ รกั เลม่ สองของบริดเจท็ โจนส”์ (Bridget Jones: The Edge of Reason) “ฤดแู หง่ รัก” (The Elephant King) “ขา้ มฟา้ หาสตู รรัก” (Bitter/Sweet) เหลา่ น้ีไดน้ �ำ พานักท่อง เทยี่ วใหเ้ ดนิ ทางเขา้ มาในประเทศไทย และลา่ สุด ภาพยนตร์ชื่อดังของจีน เรอื่ ง “แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด”์ (Lost

in Thailand) ท่ไี ด้ถ่ายทำ�ในเชยี งใหม่ ไดส้ ่งผลให้เกิดกระแสการไหลทะลกั เข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนจนถึงปจั จบุ นั ประเทศไทยไดก้ ลายเปน็ ท่นี ยิ มในบรรดาผกู้ �ำ กับและผู้สรา้ งหนงั ที่ต้องการหาความเป็นเอกลกั ษณ์ทอ้ งถน่ิ และเม่ือไม่ นานมานี้ ได้ประเทศไทยกลายเป็นสถานทีถ่ า่ ยทำ�ภาพยนตรส์ งครามอนิ โดจีน เช่น “กดู๊ มอร์นิ่งเวยี ตนาม” (Good Morning Vietnam) “เดนหกั เดน” (Casualties of War) “เดอะ เดียรฮ์ นั เตอร์” (The Deerhunter) “สวรรค์ กับโลก หัวใจเธอพลกิ ลขิ ติ ” (Heaven and Earth) “แอรอ์ เมริกา หน่วยจู่โจมเหนอื เวหา” (Air America) “แรม โบ้2” (Rambo II) “ทงุ่ สังหาร” (The Killing Fields) และ “ยทุ ธการชา้ งลอยฟ้า” (Operation Dumbo Drop) รวมถงึ ภาพยนตร์ชอื่ ดงั ในปัจจบุ ัน อย่างเชน่ ภาพยนตร์ชดุ บอนดต์ อน “พยคั ฆ์รา้ ยไมม่ ีวนั ตาย” (Tomorrow Never Dies) บางส่วนของภาพยนตร์สตาร์ วอรส์ เอพพิโซด 3: ตอนซิธชำ�ระแค้น (Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith) และ “รบั คำ�ทา้ จากพระเจา้ ” (Only God Forgives) นอกจากน้ี ยังมรี ายการโทรทัศน์ในตา่ งประเทศ จำ�นวนมากเข้ามาถา่ ยท�ำ ในประเทศไทย ในปี ค.ศ. 1980 ททท. ไดอ้ อกแคมเปญประจ�ำ ปเี พอ่ื โปรโมทการทอ่ งเท่ียวไทย โดยแคมเปญแรกในปี ค.ศ. 1984 ประกอบไปดว้ ย 3 ธมี หลัก ไดแ้ ก่ คน้ พบความลำ้�ค่าในแบบไทย (Discover the Treasures of a Kingdom) ดินแดงแหง่ เอกลกั ษณ์ (Exotic Thailand) และดินแดงแห่งรอยยิ้ม (Land of a Thousand Smiles) แคมเปญที่ ถือวา่ ประสบความส�ำ เร็จทีส่ ุด คอื แคมเปญ Visit Thailand Year เน่อื งในวโรกาสทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว รชั กาลที่ 9 เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ (60 ป)ี ในปี ค.ศ. 1987 ซ่งึ ทำ�ให้จำ�นวนนกั ท่องเทย่ี วเพ่ิมขน้ึ อยา่ ง มหาศาล และไดเ้ ป็นการจดุ ประกายใหต้ ่างประเทศจดั ทำ�แคมเปญกระตุ้นการท่องเทีย่ วในลักษณะเดียวกนั น้ี ถดั จากแคมเปญทีป่ ระสบความส�ำ เร็จเป็นอย่างสงู อย่าง “Visit Thailand Year” ในปี ค.ศ. 1987 ททท.ไดเ้ ดนิ หน้าสร้างแคมเปญการทอ่ งเที่ยวอย่างต่อเนอ่ื ง และในปี ค.ศ. 1998-1999 ไดอ้ อกแคมเปญอะเมซง่ิ ไทยแลนด์ โดยมี วัตถุประสงคช์ ว่ ยกระตุ้นการท่องเท่ยี วหลงั จากช่วงวกิ ฤติคา่ เงินบาทในปี ค.ศ. 1997 ซ่งึ กระทบตอ่ เศรษฐกจิ ไทยอยา่ ง มหาศาล แคมเปญอะเมซิง่ ไทยแลนด์นไ้ี ดป้ ระสบความส�ำ เร็จอย่างมาก และไดม้ แี คมเปญภายใตธ้ ีมนีอ้ อกมาอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง อาทิ เชน่ อะเมซิ่งไทยแลนด์ ตอน “Enchantment for the Next Thousand Years. ในปี 2001 “Unseen Thailand” ปี 2003 “Thailand Grand Invitation” ปี 2006 “อะเมซิ่งไทยแลนด”์ 2007 (อีกครั้ง) รวมถึง “7 สง่ิ มหศั จรรยข์ องไทย” ในปี 2008 “Amazing Thailand, Amazing Value” ในปี 2009-2010 “Amazing Thailand Always Amazes You” ปี 2011-2013 “Miracle Year of Amazing Thailand” ปี 2012; “Amazing Thailand, It Begins with the People” that included “Thailand Talk to the World” ปี 2014; “Discover Thainess” ปี 2015 และ “Amazing Thailand, Discover Amazing Stories” ปี 2016 และในวาระส�ำ คัญของการด�ำ เนินงาน ครบ 50 ปี ของ ททท. ได้จัดท�ำ แคมเปญอยา่ งย่งิ ใหญ่ภายใต้ธีม “Golden Jubilee” ซงึ่ ได้จัดทำ�สือ่ ประชาสัมพันธ์ หนงั สอื และวิดโิ อ เผยแพรย่ ังส�ำ นักงาน ททท. จ�ำ นวน 35 แหง่ ทัว่ ประเทศ และอกี 27 แห่งในตา่ งประเทศ ททท. ยงั ไดข้ ยายการประชาสัมพันธ์ไปยังบรษิ ัทในตา่ งประเทศผ่านการจัดแสดงสินค้าดา้ นการท่องเท่ยี วและการสร้าง สงิ่ อำ�นวยความสะดวกต่างๆเพอ่ื กระตุน้ การท่องเทย่ี วในรูปแบบที่บรษิ ทั เปน็ ผ้อู อกคา่ ใช้จ่าย ผปู้ ระกอบการดา้ นโรงแรม ในไทยยังได้กอ่ สรา้ งห้องประชมุ หลากหลายขนาดเพอื่ รองรับความตอ้ งการน้ี ไมซ์ หรอื ธรุ กิจการจดั ประชมุ ขององคก์ ร (Meetings) การท่องเทยี่ วเพอื่ เปน็ รางวลั (Incentives) การจัดประชมุ นานาชาติ (Conventions) และการจดั งาน แสดงสินค้า (Exhibitions) ได้ถูกจดั ต้งั ขน้ึ โดยความรว่ มมือระหวา่ งภาครฐั บาลและภาคเอกชนในช่วงตน้ ปี ค.ศ.

1980 โดยไดจ้ ดั ตั้งสมาคมสง่ เสรมิ การประชุมนานาชาต(ิ ไทย) (TICA) เพอื่ รองรับการขยายตวั ของธรุ กจิ ไมซ์ ในปี 1990 34 จงั หวัดท่วั ไทยไดร้ องรับนกั ทอ่ งเทย่ี วแบบไมซ์ และในปี 2012 ประเทศไทยไดเ้ ปน็ เจ้าภาพจดั งานมากกวา่ 7,300 อเี วนท์ ผลทไ่ี ดร้ บั ไมเ่ พียงแต่จำ�นวนนักทอ่ งเที่ยวในประเทศไทยที่เพมิ่ ข้ึนเท่าน้นั แต่ยงั รวมถึงระยะเวลาการทอ่ งเทีย่ วในไทยท่ี นานขน้ึ ดว้ ย ในปี 1970 นกั ทอ่ งเท่ยี วใช้เวลาภายในไทยประมาณไมเ่ กิน 5 วนั แต่ในปี 1990 ตวั เลขขยบั ขนึ้ มาอยู่ ที่ 7 วนั โดยเฉลี่ย นอกจากน้ียงั มกี ารเกดิ ขน้ึ ของการทรปิ สู่เหนือจรดใต้ซึง่ มกี รุงเทพเปน็ จดุ หมายแรกก่อนเดินทางไปสู่ เชยี งใหม่ เชยี งรายและภาคใต้ตามชายหาดตา่ งๆ ในสว่ นของทรปิ ภาคอสี าน (จากตะวนั ตกของกาญจนบรุ ีสแู่ ม่นำ้�แคว ไปยงั ภาคอสี าน) คอ่ ยๆมมี ากข้ึนซึ่งถอื เป็นทิศทางทด่ี ที ่เี พิ่มความสนใจใหก้ ับนักท่องเท่ยี ว การทอ่ งเท่ยี วไทยยงั เติบโตจากการเปดิ พรมแดนในประเทศเพื่อนบ้าน เชน่ ลาว (และผา่ นไปยงั เวยี ดนาม) กัมพูชา และพม่า รวมถึงเส้นทางทเี่ ปดิ มากอ่ นกอ่ นแลว้ อยา่ งมาเลเซีย ทำ�ใหน้ กั ทอ่ งเทีย่ วไม่จ�ำ เปน็ ต้องเดนิ ทางกลบั มากรุงเทพ เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศเพอ่ื นบ้านเหลา่ นี้ ในขณะเดยี วกัน ไดม้ ีการเกิดข้ึนของเท่ยี วบนิ ในประเทศส่เู มืองอน่ื ๆใน ทวปี เอเซยี ตะวันออกเฉยี งใต้ เส้นทางบินตรงสภู่ ูเก็ต ยงั เพมิ่ ความสะดวกสบายแกน่ ักท่องเทีย่ วยโุ รป หรอื นักท่องเที่ยว จากมาเลเซยี และสงิ คโปร์ เสน้ ทางบนิ จากเชยี งใหมไ่ ปคุณหมงิ หรอื หลวงพระบางยังชว่ ยอ�ำ นวยความสะดวกของการ เดินทางระหว่างประเทศมากขนึ้ อกี ด้วย ในปี 2002 ได้มกี ารก่อตงั้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาซงึ่ ดูแลรับผิดชอบเกย่ี วกับการโปรโมทการท่องเทย่ี วไทย ซึ่ง ททท. เป็นหน่วยงานหนง่ึ ภายใต้กระทรวงฯ ในศตวรรษท่ี 21 เป็นช่วงทมี่ กี ารเกิดข้นึ ของการทอ่ งเที่ยวในรูปแบบทหี่ ลากหลายและกจิ กรรมตา่ งๆ เพอื่ รองรับกลุ่ม นกั ท่องเทีย่ วเฉพาะ ซงึ่ จะมเี น้อื หาอยใู่ นบท เสน่หด์ งึ ดูดท่ีก�ำ ลงั แผ่ขยาย  

“ในปี 1980 และอกี ครงั้ ในช่วงปี 1987 พลเอกเปรม ได้ให้การสนับสนนุ ททท. ในแคมเปญกระต้นุ การท่องเทีย่ ว “Visit Thailand Year” ซ่ึงประสบผลส�ำ เร็จเป็นอยา่ งมาก และในปี 1987 ซ่ึงเป็นปเี ดยี วกับการเฉลมิ ฉลองพระชนม พรรษาครบ 5 รอบ (60 ป)ี ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ 9” พณฯทา่ น พลเอก เปรม ตณิ ณสลู านนท์ พลเอกเปรม ตณิ สูลานนท์ หนึ่งในบุคคลท่ีมอี ิทธิพลมากทีส่ ุดในสังคมไทย และด�ำ รงต�ำ แหนง่ นายกรัฐมนตรี ตงั้ แต่เดือนมนี าคม ปี 1980 ถงึ เดือนสงิ หาคม ปี 1988 และยังเป็นประธานองคมนตรอี กี ดว้ ย ในชว่ งเวลาท่ที า่ นดำ�รงต�ำ แหน่งนายกรฐั มนตรี พลเอกเปรมมีส่วนร่วมส�ำ คัญในการสร้างและด�ำ เนนิ นโยบาย ตา่ งๆเพอ่ื กระตุ้นการทอ่ งเที่ยวไทยอยา่ งมากมาย ซ่งึ ในช่วงปี 1980 ประเทศไทยไดเ้ ปน็ แหล่งท่องเทีย่ วทีม่ ี นักทอ่ งเทยี่ วต่างชาติเขา้ มามากที่สุดในเอเซยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ และอตุ สาหกรรมการท่องเท่ียวของประเทศ ยงั คงได้รบั อานิสงค์จากความสำ�เร็จน้นั มาจนถงึ ทุกวันน้ี ในชว่ งเวลาที่พลเอก เปรม ดำ�รงตำ�แหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านได้ด�ำ เนนิ นโยบายการลดค่าเงนิ บาทถึง 3 ครง้ั ระหวา่ งปี 1981 ถึง 1984 ส่งผลต่อการลดคา่ เงนิ บาทลงถงึ 25% ซง่ึ มสี ่วนชว่ ยดึงดูดนักทอ่ งเท่ียวต่างชาติ อยา่ งมากมาย ในฐานะทเ่ี ปน็ ผจู้ งรกั ภกั ดอี ยา่ งยง่ิ ตอ่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลฯและสถานบนั กษตั รยิ ์ พลเอก เปรม ได้เปน็ ประธานในการจัดงานเฉลิมฉลองสองรอ้ ยปขี องราชวงศจ์ ักรใี นปี 1982 ซึ่งได้มกี ารแสดงกระบวน พยหุ ยาตราชลมารคทางเจา้ พระยาท่งี ดงามและดึงดูดนกั ท่องเทย่ี วหลายพันคนทเี่ ดนิ ทางมาพักผอ่ น รวมถึง ไดป้ รากฎในสอื่ ต่างประเทศอยา่ งแพรห่ ลาย นบั ว่าในปี 1982 เป็นอกี หน่งึ ปที ่ีประเทศไทยได้รองรับการมา เยือนของนักท่องเทีย่ วต่างชาตอิ ยา่ งลน้ หลาม ในปี 1980 และอกี ครั้งในช่วงปี 1987 พลเอกเปรม ไดใ้ หก้ ารสนับสนนุ ททท. ในแคมเปญกระต้นุ การท่องเที่ยว “Visit Thailand Year” ซ่งึ ประสบผลสำ�เรจ็ เป็นอยา่ งมาก และในปี 1987 ซง่ึ เป็นปเี ดยี วกับการเฉลมิ ฉลองพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ (60 ปี) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั รัชกาลท่ี 9 ได้มกี ารจดั งาน เฉลมิ ฉลองอย่างย่งิ ใหญ่ ไมว่ า่ จะเป็น กระบวนพยุหยาตราชลมารค การแสดงพลุและดอกไมไ้ ฟ ให้บรรดา นกั ท่องเทย่ี วได้รบั ชม และตามมาด้วยการเปดิ อทุ ยานแห่งชาตสิ ่แี ห่งใหม่ในจงั หวัดเชยี งใหม่ สกลนคร กาญจนบุรแี ละพังงา

พลเอกเปรม ยังมสี ่วนส�ำ คัญในการเปิดทา่ อากาศยานนานาชาติสมยุ ซง่ึ ส่งผลใหม้ ีจำ�นวนนกั ทอ่ งเทย่ี วเดิน ทางมาทเี่ กาะ สมุยเพ่ิมมากขึ้น และยงั มสี ่วนผลกั ดันการเปิดสนามบินสุราษฎรธ์ านีและระนองอีกดว้ ย ในฐานะที่เปน็ นายกรัฐมนตรที ่ดี �ำ รงตำ�แหนง่ นานทส่ี ุดในประเทศไทย พลเอก เปรมได้มีความมุ่งมั่นทจ่ี ะ พัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของประชากรในพื้นทีช่ นบทของประเทศ ดว้ ยการทำ�งานทใ่ี กลช้ ดิ เบ้อื งพระยคุ ลบาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภมู ิพลฯ พลเอกเปรม ไดส้ นับสนนุ เกษตรกรให้มผี ลผลิตมากขึ้นและพัฒนา ทักษะด้านต่างๆเพ่ือรองรับการเติบโตจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเร่ิมขยายตัวไปยังชนชทมากข้ึน ทา่ นยังได้ริเรม่ิ โครงการส่งเสรมิ สวสั ดกิ ารต่างๆทเี่ ก่ยี วข้องกับการศึกษา การปราบปรามยาเสพติด ความ ยากจนและความสามคั คีในชาติ นักท่องเที่ยวยังสามารถที่จะรับชมผลงานต่างๆตลอดช่วงชีวิตของพลเอกเปรม ได้ที่สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ตณิ สลู านนท์ ในจังหวัด สงขลา ภายในพื้นท่แี ห่งนไ้ี ดม้ ศี ูนยก์ ารเรยี นรแู้ ละลานพกั แรม ซง่ึ ถือ เป็นแหล่งทอ่ งเท่ียวที่ได้รับความนิยมแหง่ หนึ่งในจังหวัดสงขลา

“ทา่ นเป็นท่ีกล่าวถงึ ในฐานะ บดิ าแห่งการท่องเที่ยวไทยสมัยใหม่” พลเอกเฉลิมชัย จารวุ ัสตร์ พลเอกเฉลิชัย จารุวัสตร์ เป็นผู้ที่มีส่วนสร้างความสำ�เร็จให้กับการท่องเที่ยวไทยมากที่สุดคนหนึ่งใน ประวตั ศิ าสตร์ ซ่ึงทำ�ใหต้ ัวเลขนักท่องเทยี่ วจากเดมิ 100,000 คนตอ่ ปี ขยับขึ้นไปถึง 29.8 ลา้ นคนในปี 2015 ทา่ นเป็นทก่ี ลา่ วถงึ ในฐานะ “บดิ าแห่งการทอ่ งเที่ยวไทยสมยั ใหม”่ ซ่งึ ไดว้ างรากฐานการท่องเทยี่ ว ไทยท่แี ตเ่ ดมิ เคยขาดการสนับสนนุ จากรฐั บาลใหก้ ลายเป็นอตุ สาหกรรมแนวหน้าของประเทศ ท่สี ำ�คัญไป กวา่ น้ี ท่านไดข้ ยายสถานทีท่ ่องเท่ียวที่เคยกระจุกอยแู่ คก่ รงุ เทพไปสเู่ มอื งใหญอ่ นื่ ๆผา่ นการสนับสนุนด้าน การลงทนุ ในปี 2011 ทา่ นได้รับการคัดเลือกใหอ้ ยใู่ นหอเกยี รตคิ ุณของพาต้า (PATA) ในวิสยั ทศั นแ์ ละ ความพยายามของท่านในการบุกเบกิ อุตสาหกรรมการท่องเทีย่ วในภูมิภาคเอเซียแปซิฟคิ 36 ปีนบั ต้งแตว่ นั ท่ี 15 มกราคม 1960 ที่ทา่ นนายกรัฐมนตรีจอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ตไ์ ด้แต่งต้ังให้ผมเปน็ ผู้วา่ การททท.และให้ผมรบั ผิดชอบในการจดั โครงสร้างองคก์ ร ผมไดต้ อบรบั ต่อค�ำ สงั่ ทันทีและส�ำ นักงานของ ททท. ได้ถกู เปดิ ที่อาคารทถี่ นนเสือปา่ ตรงขา้ มวัดเบญจมบพิตร โดยทา่ นนายกรัฐมนตรีไดเ้ ปน็ ประธานใน พธิ เี ปดิ ในวันที่ 18 มนี าคม 1960 และได้มีทตู ตา่ งประเทศ ผแู้ ทนต่างๆ และแขกวีไอพเี ข้าร่วมในพิธเี ปิด ในเวลานน้ั ผมเปน็ ผู้ช่วยเลขาธิการของส�ำ นกั นายกรัฐมนตรีซ่ึงขน้ึ ตรงต่อกองทัพ (จอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต)์ ผมเริ่มต้นศึกษาศักยภาพของเมืองไทยที่มีต่อการท่องเที่ยวต่างชาติจนถึงปัจจุบัน รวมถึงปัจจัยต่างๆที่ ระต้นุ นักทอ่ งเทยี่ วตา่ งชาตใิ ห้เดินทางเข้ามาในเมืองไทย ไมว่ า่ จะเปน็ สายการบนิ ตา่ งชาติทีม่ เี ส้นทางบิน มายังประเทศไทย จ�ำ นวนโรงแรมท่สี ามารถรองรบั นักท่องเทยี่ วได้และสถานที่ท่องเที่ยวทมี่ อี ยใู่ นปจั จุบนั ในปี 1960 จ�ำ นวนนกั ทอ่ งเทยี่ วตา่ งชาติทเี่ ดนิ ทางเข้ามาในไทยมีประมาณ 81,340 คนซง่ึ ใชเ้ วลาประมาณ 2 วนั 1 คนื ในประเทศไทย นกั ทอ่ งเที่ยวจ�ำ นวนหลายคนอยากท่ีจะเดนิ ทางเข้ามาในไทยแตพ่ วกเขาไม่สามารถ ท่ีจะหาทพ่ี ักทีเ่ หมาะสมได้ ภารกิจแรกของเราคอื การเพิม่ จ�ำ นวนห้องพักในโรงแรมชน้ั นำ�ใหม้ ากทสี่ ุดเท่าทจ่ี ะ ท�ำ ได้ จึงได้สง่ คำ�ขอสนบั สนนุ การลงทนุ ของโรงแรมไปยังคณะกรรมการส่งเสรมิ การลงทนุ (BOI) บรรดา นักลงทุนในธุรกิจโรงแรมได้รับทราบการสนับสนุนจากรัฐบาลส่งผลให้มีการขยายตัวของโรงแรมช้ันนำ�อย่าง รวดเร็ว

นอกจากนี้ เรายังไดส้ ร้างหลกั สตู รการฝึกอบรมบุคลากรด้านการทอ่ งเทย่ี ว โดยการร่วมมอื กับจฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัยและต่อมามหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากรไดก้ ารฝึกอบรมไกด์ท่องเที่ยวมืออาชีพ ผมได้นึกถึงสัญลักษณท์ ีจ่ ะเปน็ ตัวแทนของ ททท. และไดต้ ั้งคำ�ถามกบั ตัวเองว่าอะไรคอื สัญลักษณ์ของเมอื ง ไทยในสายตาของนกั ท่องเท่ียวตา่ งชาติ และไดพ้ บคำ�ตอบจากภาพยนตรเ์ รื่อง “80 วันรอบโลก” (Around the World in Eighty Days) ซึง่ แสดงนำ�โดยเดวดิ นิเวน (David Niven) ในฉากตอนที่พระเอกได้มา เดนิ ทางมาท่ีประเทศไทยเผยให้เห็นถงึ สองสถานทีห่ ลัก คือ พระปรางค์วดั อรุณและเรอื พระราชพธิ ใี นแมน่ �ำ้ เจา้ พระยา ซึ่งต่อมาไดถ้ กู ใช้เปน็ สญั ลักษณ์ซึง่ ปรากฎเป็นภาพเครือ่ งบนิ เหนือวัดอรุณ ส่ือถึงการเดนิ ทางมา จากต่างประเทศ สัญลักษณ์นมี้ วี งกลมล้อมรอบเป็นคำ�ว่า “องคก์ ารท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ในด้านล่าง และมตี วั ย่อว่า “อสท.”ในดา้ นบน เพอ่ื สรา้ งภาพลกั ษณ์เมอื งไทยในสายตาตา่ งชาติ ผมไดจ้ ัดท�ำ ภาพยนตรส์ ารคดกี ารท่องเทีย่ วไทย 3 เรื่องที่ เผยแพร่สถานทท่ี อ่ งเที่ยวตา่ งๆ ได้แก่ วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง วดั วาอารามตา่ งๆ ตลาดนำ�้ และ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วท่นี า่ สนใจ ททท.โดยความรว่ มมอื กบั กรมศลิ ปากรไดส้ ง่ คณะผแู้ สดงร�ำ ไทยไปแสดงทย่ี โุ รปและสหรฐั อเมรกิ าในนวิ ยอรก์ ไดจ้ ัดแสดงท่ีอาคารร็อคก้ีเฟลเลอรพ์ ลาซา่ (Rockefeller Plaza) ซง่ึ มผี ูช้ มเป็นจ�ำ นวนมาก นติ รสารรายเดือนหรอื ทร่ี จู้ ักในช่ือ “อนสุ าร อสท.” ไดจ้ ัดพมิ พ์เป็นภาษาไทย และยังได้มกี ารจดั ท�ำ นิตยสาร รายเดอื นฉบบั ภาษาองั กฤษทช่ี อ่ื วา่ “ฮอลเิ ดยไ์ ทม์ อนิ ไทยแลนด”์ (Holiday Time in Thailand) อกี ดว้ ย เพื่อใหค้ นไทยมีสว่ นร่วมกบั ททท. ในการตอ้ นรบั นกั ท่องเทีย่ วตา่ งชาติและพัฒนาการใหบ้ ริการดา้ นดรง แรมและร้านอาหาร ททท.ไดจ้ ดั สมั มนาในจังหวดั เชียงใหม่ หาดใหญ่ ขอนแกน่ และภเู ก็ต พทั ยาไดเ้ ปน็ สถานท่ีท่องเที่ยวที่มีช่ือเสียงในหมคู่ นต่างชาติมาอยแู่ ล้ว ในขณะทีเ่ ชยี งใหม่ มชี ่ือเสยี งในหมู่คนไทยเทา่ น้ัน เพือ่ โปรโมทเชียงใหม่ ททท.ไดเ้ ปน็ เจา้ ภาพจดั ประชมุ เชิงปฏบิ ตั ิการของพาตา้ (PATA) ครัง้ ที่ 9 เม่ือวัน ที่ 24 มกราคม 1969 ตามดว้ ยงานประชุมโลก (PATA World Congress) ในกรงุ เทพ ในช่วงต้นเดอื น กมุ ภาพนั ธ์ 1969 ชว่ งปี 1970 ผมได้เลง็ เหน็ ศกั ยภาพการทอ่ งเที่ยวของภาคใต้ ระหวา่ งทางจากหาดใหญ่ไปภเู กต็ ผมได้ด่ืมดำ� กับทัศนียภาพทางธรรมชาตทิ ส่ี วยงามของสงขลา พทั ลงุ ตรัง กระบ่ี พงั งา โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ความสวยงาม ตามชายหาดในภูเกต็ มีศักยภาพในการเตบิ โตของรสี อรต์ ชายทะเลอย่างย่ิง อกี หนงึ่ กิจกรรมประเพณดี ั้งเดิม ที่มีความส�ำ คัญอยา่ งยง่ิ คือ กระบวนพยุหยาตราชลมารค ททท.จึงไดป้ ระสานกบั ราชนาวสี โมสรในการจดั สรา้ งทีน่ ัง่ ส�ำ หรับผชู้ ม ซ่ึงรองรบั ไดป้ ระมาณ 1,000 คนและได้ถูกจบั จองจนเต็มทั้งหน่งึ พนั โดยมีบรรดา ชา่ งภาพมืออาชีพและส่ือมวลชนตา่ งชาตริ วมดว้ ย พวกเราไดร้ ับความส�ำ เร็จอย่างยิง่ ในการเผยแพร่ภาพที่ สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ไปทั่วโลก และยังเป็นการสรา้ งภาพลกั ษณ์ทโ่ี ดดเดน่ และเชญิ ชวนให้ตา่ งชาติได้ เข้ามาสมั ผสั

ถึงแม้พลเอกเฉลมิ ชัย จะเปน็ ท่รี ้จู กั ในฐานะผวู้ า่ การการท่องเทีย่ วแห่งประเทศไทย (ททท.) ท่านยงั มชี ่ือ เสียงในด้านธุรกิจส่วนตัวในฐานะเป็นกรรมการผู้จัดการของโรงแรมสุดหรูในกรุงเทพสองแห่งและเป็นผู้สร้าง ศนู ย์การค้าชัน้ นำ�คนแรกในประเทศไทย ก่อนท่จี ะได้รับการแตง่ ต้ังเป็นผู้ว่าการ ททท. ในปี 1960 ท่าน ได้ด�ำ รงตำ�แหน่งเปน็ กรรมการผจู้ ดั การโรงแรมเอราวณั ซึ่งเปิดใหบ้ ริการในเดอื นกนั ยายน ปี 1956 โรงแรม เอราวัณสร้างข้ึนโดยรัฐมนตรีกระทรวงการคลังและเป็นโรงแรมแห่งแรกที่เป็นโรงแรมรับรองผู้แทนจาก ตา่ งประเทศอยา่ งเปน็ ทางการรวมไปถึงบรรดาผ้มู ชี อ่ื เสยี งและมหาเศรษฐี ในปี 1963 การรว่ มทนุ ของสายการบนิ แพน อเมริกา ได้นำ�ไปส่กู ารสรา้ งโรงแรมสุดหรูแหง่ ใหมใ่ นกรุงเทพ ซ่งึ บรหิ ารงานโดยเครอื โรงแรมอนิ เตอคอนตเิ นนทัล (Intercontinental Hotels) พลเอกเฉลิมชัย ไดร้ ับ แต่งตง้ั เป็นผู้ว่าการ และไดต้ ้ังช่ือว่า โรงแรมสยามอนิ เตอรค์ อนตเิ นนทัล (Siam Intercontinental) ภายใต้ เน้อื ท่ี 26 เอเคอร์ขา้ งวงั สระปทุมซึ่งต้งั อยใู่ จกลางเมอื ง โรงแรมสยามฯ มีดไี ซน์ทีเ่ ป็นเอกลกั ษณ์ดว้ ยหลังคา รปู ทรงเจดยี ์ และมีจำ�นวนหอ้ งหกั 224 หอ้ งในชว่ งแรกและภายหลงั ไดข้ ยายเป็น 414 ห้องกลายเป็นโรงแรม ทใี่ หญ่ท่สี ุดในกรงุ เทพ การขยายตัวของโรงแรมหรูในกรุงเทพที่ดึงดูดบรรดานักท่องเที่ยวนำ�ไปสู่ความต้องการของการเปิด ศูนย์การค้าช้ันนำ�ท่ีซึ่งนักท่องเที่ยวและคนไทยท่ีมีฐานะร่ำ�รวยสามารถจับจ่ายซ้ือสินค้านำ�เข้าและสินค้า ไทยได้ สายการบนิ แพน อเมรกิ ันและนักลงทุนไทยไดต้ กลงสรา้ งศนู ย์การค้าสุดหรจู ำ�นวน 4 ชนั้ ตง้ั อยู่ ข้างโรงแรมสยามอินเตอรค์ อนตเิ นนทลั (Siam Intercontinental) หรอื ทร่ี จู้ กั กันดใี นช่ือ สยาม เซ็นเตอร์ (Siam Centre) ในเฟสแรกได้เปิดให้บรกิ ารในปี 1972 ซึ่งพลเอกเฉลมิ ชยั ไดด้ ำ�รงตำ�แหนง่ ผู้บรหิ ารหลกั ในปี 1976 พลเอกเฉลมิ ชยั ได้ลาออกจากตำ�แหนง่ ผู้วา่ การ ททท. เพอื่ มาท่มุ เทให้กับการบรหิ ารโรงแรม สยามอนิ เตอรค์ อนตเิ นนทัลและการขยายตัวของศนู ย์การคา้ สยามเซน็ เตอรท์ ่ีได้เปดิ เฟสสองเมอื่ ปี 1977 โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนทัล ได้ปดิ กิจการในปี 2002 การริเรม่ิ กจิ การศนู ย์การค้าของพลเอก เฉลมิ ชยั น�ำ ไปสูก่ ารจดั ตง้ั บรษิ ัทสยามพิวรรธน์ (Siam Piwat) ซง่ึ ได้ก่อต้งั ศนู ย์การค้าสยามพารากอน (Siam Paragon) ซึ่งขนึ้ ชอื่ ว่าเปน็ ศูนยก์ ารคา้ ทีห่ รทู ่สี ุดในประเทศไทย

“ท่านพอ่ และหมอ่ มเจา้ ภศี เดช รัชนไี ด้ดัดแปลงรูปแบบ มาจากคมู่ อื มชิ ลนิ และตัง้ ช่ือวา่ ชวนชมิ ซ่งึ มคี วามหมาย เช้ือเชิญให้ลองชิม” หม่อมหลวงศริ เิ ฉลิม สวสั ดิวัตน์ หม่อมราชวงศถ์ นัดศรี สวัสดวิ ัตน์ เป็นเวลากวา่ ครงึ่ ศตวรรษที่ช่ือของ “เชลล์ชวนชิม” กบั โลโกช้ ามเบญจรงคล์ ายผักกาดไดเ้ ป็นสญั ลกั ษณข์ อง รา้ นอาหารท่ีไดร้ บั การันตีความอร่อย ไมเ่ พยี งแตจ่ ะรจู้ ักกนั ดใี นหมู่คนไทย แต่สำ�หรบั ชาวตา่ งชาติเองยงั ยอมรบั ในการรวี วิ รา้ นอาหารอร่อยของหมอ่ มราชวงศ์ถนดั ศรี สวัสดวิ ตั น์ ท่ีสามารถเชอื่ ถือได้ ในปี 1961 บรษิ ัทเชลลแ์ ก๊ส ไดม้ ีไอเดียท่จี ะจดั ทำ�ค่มู ือแนะนำ�รา้ นอาหาร หม่อมราชวงศถ์ นัดศรีและหม่อมเจ้า ภีศเดช รชั นี ซ่งึ เปน็ พนักงานบริษัทเชลล์ทัง้ ค่ไู ด้ถูกมอบหมายใหด้ ูแลในเร่ืองนี้ โดยได้องิ จากรปู แบบของ มชิ ลนิ สตาร์ภายใต้ชื่อวา่ “ชวนชมิ ” ซึง่ มคี วามหมายในการดึงดดู ใหเ้ ข้ามาลองชิม และเปน็ ชอื่ ทแ่ี ทนความ หมายไดเ้ ปน็ อยา่ งดี สืบเนือ่ งจากการที่เชลลแ์ ก๊สเป็นผู้จัดพิมพ์ ภายหลังจึงไดเ้ ปลีย่ นมาเป็นชือ่ เชลล์ชวนชมิ และเร่ิมต้นเร่ิมจากการมอบรางวัลสัญลักษณ์แก่ร้านอาหารที่ได้รับคัดเลือกซ่ึงเป็นรูปชามกระเบ้ืองลายคราม แทนความหมายของความเกา่ แก่ สงู ค่า และลายผักกาด ซึ่งหมายถึงอาหารการกนิ รวมกนั เป็นสัญลกั ษณ์ แหง่ การ “กินดี ชีวิตดี” ถงึ แม้จะเปน็ ภารกิจท่ที ้ังสองทา่ นท�ำ รว่ มกนั แตช่ ือ่ ของ ม.ร.ว. ถนัดศรี ไดป้ รากฎในเชลลช์ วนชมิ แตเ่ พียง ทา่ นเดยี ว นกั เรยี นกฎหมายและผทู้ ท่ี �ำ งานในแวดวงโฆษณาไดก้ ลบั มาสแู่ วดวงอาหารอกี ครง้ั ตามรากฐานของ บรรพบรุ ษุ ของท่าน คือ หม่อมละมนุ สวสั ดวิ ัตน์ ณ อยธุ ยา ผูเ้ ปน็ หมอ่ มยา่ และชายาในพระองคเ์ จ้าสวสั ดิโสภณ ผูว้ า่ การห้องเคร่อื งในวงั สระปทมุ และหม่อมแม่ หมอ่ มเจริญ สวสั ดิวัตน์ ณ อยธุ ยา ซ่งึ ท้งั สองได้ขึ้นชอื่ ใน เร่อื งการท�ำ อาหาร วัตถุประสงค์ของเชลล์ชวนชิมคือการแนะนำ�ร้านอาหารอร่อยไม่ว่าจะเป็นร้านข้างถนนหรือร้านอาหารห้า ดาวก็ตาม ลกู ชน้ิ หา้ หมอ้ หรือเกาเหลาลกู ชน้ิ มนั สมองหมู รถเข็นหนา้ ห้องแถวย่านแพรง่ ภธู รถกู แนะนำ�เป็น รายแรก ภายใตค้ อนเซ็ปต์ท่มี ีการรีววิ อยา่ งตรงไปตรงมาและไดร้ บั การตอบรบั เปน็ อย่างดี ภายหลงั จากตี พมิ พไ์ ม่ก่ีบทความ หนงั สือพิมพ์ไทยรฐั ไดใ้ หพ้ ื้นทตี่ พี มิ พ์ลงในคอลมั นฉ์ บบั วันอาทติ ย์ เนอ้ื หาในคอลัมนค์ ือ การแนะนำ�อาหารอร่อย สะอาดและมบี ริการท่ดี ี จากคอลมั น์ท่ตี พี ิมพค์ รงึ่ ศตวรรษใหห้ ลังในปี 2012 ม.ร.ว. ถนดั ศรีได้เน้นย้ำ�ปรัชญาของเนอ้ื หาในคอลัมนโ์ ดยมใี จความว่า“เพื่อการแนะน�ำ อาหารอรอ่ ยบริการเปน็ เลศิ

และไมเ่ ปน็ อันตรายต่อสุขภาพลูกค้า อาจจะมีราคาแพงหรือถูกซง่ึ ไมส่ �ำ คญั เทา่ รสชาติซ่ึงตอ้ งอรอ่ ย ที่ส�ำ คัญ ทส่ี ุด ผู้ชิมจะไมข่ อรบั เงินเพอื่ รักษาความเปน็ กลาง เราจา่ ยคา่ อาหารทุกมือ้ เองด้วยเงนิ ของเรา” เพียงไม่นาน นกั ชิมทั่วสารทศิ ต่างเชอ่ื ถือในเชลลช์ วนชิมซ่ึงได้ใหร้ ีววิ ทีเ่ ปน็ กลางของบรรดารา้ นอาหารอรอ่ ย เป็นเวลา หลายสบิ ปี ท่ีคนไทยและนักทอ่ งเท่ียวตา่ งเสาะหารา้ นอาหารอร่อยภายใตโ้ ลโกช้ ามลายกระเบอื้ งในฐานะ สัญลักษณท์ ก่ี ารันตีความอร่อย บทความของทา่ น (ซึ่งภายหลงั ตพี ิมพใ์ นหนงั สอื พิมพม์ ติชน) ทำ�ให้ ม.ร.ว. ถนดั ศรี กลายเป็นผ้มู ีชอ่ื เสียงและได้เป็นพธิ ีกรในรายการท�ำ อาหาร “พ่อบ้านเข้าครัว” ภายหลงั ได้รว่ มจดั รายการกบั บุตรชายของทา่ น คุณชายหมึกแดง ภายใตช้ ื่อรายการ “พ่อลูกเขา้ ครัว” ซึง่ เปน็ อีกหนง่ึ รายการ ทำ�อาหาร ในปตี อ่ มา ทา่ นได้รับเชิญใหเ้ ปน็ ทปี่ รึกษาดา้ นอาหารไทย ซง่ึ ภายหลังไดม้ อบตำ�แหน่งนใ้ี ห้กบั บตุ รชาย ของทา่ น คณุ ชายหมึกแดง คณุ ชายเป็นท่รี ู้จักในฐานะนักชมิ และนกั เล่าเร่อื งทเี่ ปีย่ มไปด้วยอารมณ์ขนั ซึ่ง ท�ำ ใหม้ ชี ่อื เสยี งในวงการส่อื เป็นอย่างดี แมใ้ นรายการวิทยุ “ครอบจักรวาล” ซ่งึ ออกอากาศมานานกวา่ 40 ปี ซ่ึงมีเนือ้ หาเก่ียวกับสถานการณ์ปจั จุบนั ประวัตศิ าสตร์ไทย การท่องเที่ยว แตท่ ่านยังคงใหค้ วามสำ�คัญกับ ดา้ นอาหารเปน็ หลัก และได้ถ่ายทอดความชอบนไี้ ปยงั บุตรชายคนโตของทา่ น คณุ หมกึ แดง ซง่ึ เป็นเชฟท่ี มชี ่อื เสียง และบตุ รชายคนเล็ก คณุ ปนิ่ โตเถาเลก็ ซึ่งเปน็ นกั ชมิ ประเทศไทยไดก้ ลายเปน็ สวรรคข์ องนกั ชิม และอิทธิพลของม.ร.ว. ถนัดศรี ได้สรา้ งประโยชน์ให้กบั ประเทศในการสรา้ งแหล่งชมิ อาหารรสเลศิ ที่เป็น จดุ หมายปลายทางของนกั ชมิ ทวั่ โลก

“หา้ งสรรพสนิ คา้ ขนาดใหญท่ ่ีเปน็ ที่นยิ ม ในหม่นู กั ทอ่ งเทย่ี วต่างชาต”ิ สมั ฤทธิ์ จริ าธิวฒั น์ เป็นเวลามากกวา่ 7 ทศวรรษ ห้างสรรพสินคา้ เซน็ ทรลั ไดป้ ฏวิ ตั ิวงการชอ็ ปป้ิงในเมอื งไทยซง่ึ ไม่ได้ตอบโจทย์ เพียงแค่ความต้องการของลูกค้าภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นกลายหา้ งสรรพสนิ ค้าขนาดใหญ่ท่เี ปน็ ท่ี นยิ มในหมนู่ ักทอ่ งเที่ยวต่างชาติ ระยะเวลาการขยายตวั ของเครอื เซ็นทรลั เกิดขึ้นค่ขู นานกับการเตบิ โตของ อุตสาหกรรมการทอ่ งเทย่ี วไทย การเตบิ โตของห้างสรรพสินคา้ สาขาต่างๆเปน็ ผลมาจากการเข้าใจพฤติกรรม นกั ทอ่ งเท่ียวเปน็ อยา่ งดรี วมทั้งการสรา้ งประสบการณ์การชอ็ ปปง้ิ ท่ดี ีทส่ี ดุ นอกจากนย้ี ังมาจากความเขา้ ใจ ในความเปน็ ไทยและสามารถที่จะสร้างจุดขายในดา้ นการเลอื กสินคา้ และโปรโมชั่นต่างๆ คุณเตียง จิราธิวัฒน์ ชาวจนี ผู้อพยพมาจากเมืองไหห่ นานและบุตรชายคนโต คณุ สัมฤทธ์ิ จิราธวิ ฒั น์ (1925- 1992) คือ สองบคุ คลหลักทสี่ ร้างความสำ�เรจ็ ให้กบั หา้ งสรรพสนิ ค้าเซ็นทรลั จากรา้ นขายของชำ�ขนาดเลก็ ให้ กลายมาเป็นศูนย์การคา้ ยกั ษ์ใหญใ่ นเมอื งไทย ความคิดสร้างสรรคบ์ วกกบั สติปัญญาอันปราดเปร่อื งของเขา ท้ังสองได้วางรากฐานท่แี ข็งแกรง่ ใหก้ บั ห้างสรรพสนิ คา้ รายแรกของเมืองไทย คุณเตยี ง จิราธวิ ัฒน์ อพยพมาในประเทศไทยในปี 1925 และไดเ้ ปดิ ร้านขายของชำ�ขนาดเลก็ จำ�หนา่ ย กาแฟ ของกนิ และสนิ คา้ เบ็ดเตล็ด ภายในบา้ นยา่ นธนบุรี ด้วยความตระหนกั ในการจ�ำ หน่ายสนิ ค้าทีต่ ้องมี ความหลากหลาย จึงได้รวมเสื้อผา้ สำ�เรจ็ รปู เขา้ มาจำ�หน่ายในร้าน นอกจากนี้ บตุ รชาย คณุ สมั ฤทธ์ิ ยงั ได้ พายเรอื ขายสนิ คา้ ตามบา้ นรมิ แมน่ ำ�้ ยา่ นฝั่งธนอกี ด้วย คณุ เตยี งไดเ้ ปดิ รา้ นเซน็ ทรลั เทรดดง้ิ ข้ึนในปี 1947 โดยใชเ้ งนิ ก้จู �ำ นวน 2,000 บาทและเงนิ จากการขาย สรอ้ ยทองของภรรยา รา้ นต้ังอยู่ปากตรอกกปั ตันบุช จำ�หน่ายหนังสอื รวมทงั้ เส้อื ผา้ ส�ำ เร็จรูป รองเทา้ และ เครือ่ งส�ำ อาง สามปีตอ่ มา ได้ย้ายไปในทำ�เลทีใ่ หญ่ขน้ึ แถวปากตรอกธนาคารชาร์เตอร์ และไดจ้ ำ�หนา่ ย แมคกาซนี ตา่ งประเทศ หนงั สือพ็อกเก็ตบุค๊ หนงั สอื น�ำ เข้าจากต่างประเทศ ถงุ เทา้ และเครอ่ื งกีฬา ตอ่ มาในช่วงกลางปี 1950 ย่านวงั บรู พาซ่งึ อยูท่ างตะวนั ตกของเยาวราชไดก้ ลายเปน็ ศูนย์รวมด้านแฟช่ัน ท่นี ิยมในหมู่วยั รนุ่ ครอบครวั ของคุณเตียงจึงไดเ้ ปิดทำ�การหา้ งสรรพสินคา้ ขึน้ ใหมโ่ ดยใชช้ ่ือวา่ ห้างเซ็นทรัล เปิดกิจการในปี 1957 และไดร้ บั ความนยิ มเปน็ อยา่ งยิ่ง คุณเตียงไดต้ ัง้ ปณธิ านในใจวา่ วนั หน่ึงจะทำ�ให้

เซ็นทรลั กลายเป็นห้างสรรพสนิ ค้าทท่ี นั สมัยทสี่ ุดและย่ิงใหญท่ ่ีสดุ ในเมอื งไทย เตียงและบตุ รชาย คณุ สัมฤทธิ์ ได้ประสบความสำ�เร็จในการเปิดกจิ การห้างสรรพสินคา้ โดยไดจ้ ำ�หน่ายสนิ คา้ และบรกิ ารทีห่ ลากหลายท่ไี มส่ ามารถหาได้จากรา้ นคา้ ใกล้เคียง นอกจากนย้ี งั ได้นำ�แนวคดิ ใหม่ๆท่ไี มเ่ คย ปรากฏในเมอื งไทยมาใชซ้ ่ึงสง่ ผลทางด้านสงั คมและวัฒนธรรม และเป็นรายแรกท่ีมีการตดิ ป้ายราคาทสี่ นิ ค้า ซงึ่ ได้เปล่ียนโฉมการต่อรองราคาสนิ คา้ ซึ่งใช้กันมานานเป็นศตวรรษ และวิธนี ้ยี ังได้รับการตอบรบั ที่ดีจากผู้ หญงิ และชาวจนี ซึง่ ไม่ค่อยถูกกับการต่อรองราคา คณุ สัมฤทธิ์ยงั ได้นำ�เทคโนโลยีสมัยใหม่มาใชใ้ นการจัดวางสนิ ค้า การดไี ซน์ และการกอ่ สรา้ ง เขาไดต้ ดิ ตงั้ ลฟิ ท์ โดยสารและเคร่ืองปรับอากาศ วา่ จา้ งดไี ซเนอร์ในการปรับโฉมการตกแต่งภายในและการจดั วางสินคา้ เพ่ือ ทำ�ให้มคี วามทันสมยั เซ็นทรัลสาขาสีลมไดเ้ ปดิ ดำ�เนนิ การในปี 1960 ซง่ึ ถอื เปน็ การขยายฐานลกู ค้าไปยงั ย่านธุรกิจ คุณสัมฤทธ์ิ ข้นึ มาด�ำ รงตำ�แหนง่ ซีอีโอในปี 1965 และในปี 1973 ได้เปิดสาขาชิดลมซ่ึงถือเปน็ สาขาท่ีใหญ่ท่สี ุดในตอน นนั้ และภายในปี 1993 เซน็ ทรลั ไดเ้ ปิดสาขาท้ังหมดถงึ 10 สาขา เช่นเดยี วกบั ผู้เปน็ พอ่ คณุ สมั ฤทธิ์ได้ ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของตลาดอย่เู สมอ ภายหลงั จากเหตุการณ์การลุกฮอื 14 ตลุ าคม 1973 ซึ่งวัยรุ่น ไทยในช่วงน้ันได้ต่อตา้ นการซ้อื สนิ ค้าจากตา่ งประเทศ เพอ่ื ตอบสนองตอ่ กระแสนี้ หา้ งเซ็นทรลั ไดจ้ ัดงาน สัปดาห์สนิ คา้ ไทยเพื่อโปรโมทสินคา้ ในประเทศและไดร้ บั ผลส�ำ เร็จเปน็ อย่างยงิ่ นอกจากน้ี ห้างเซน็ ทรัล ยงั ถือเปน็ ผสู้ นบั สนนุ รายแรกในนโยบายลดภาษี 7% ซึ่งเปน็ โครงการของรัฐบาลใน การยกเว้นภาษใี ห้กบั นกั ท่องเทย่ี วต่างชาติซึ่งสนับสนุนให้เกิดการซือ้ สินคา้ ที่ถูกลงและกระต้นุ การซ้อื มากชนึ้ เพื่อเปน็ การกระตนุ้ ยอดขายสินค้าและหัตถกรรมไทย หา้ งสรรพสินคา้ ทข่ี ายสินค้าไทยโดยเฉพาะได้เปดิ ดำ�เนนิ การขน้ึ การเติบโตของเซ็นทรลั ไม่เฉพาะแต่มีการเติบโตแบบแนวนอนเท่าน้ัน แต่ยงั มีการเตบิ โตทางแนวดงิ่ อีกดว้ ย ซึง่ มีการขยายกลุ่มหา้ งสรรพสนิ คา้ ออกไปเพ่อื ตอบโจทยผ์ ู้บริโภคทมี่ สี ถานะเศรษฐกจิ ตา่ งกนั อาทิ เชน่ เซน็ (Zen) โรบินสัน (Robinson) และบก๊ิ ซี (Big C) สมั ฤทธ์ิและผูส้ บื ทอดตำ�แหน่งไดข้ ยายไปส่ซู ุปเปอร์มารเ์ ก็ต ร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ด รา้ นขายยารวมไปถึงรา้ นขายปลีกระดับหรู เช่น ร้านมาร์คแอนดส์ เปนเซอร์ (Marks & Spencer) และบอดช้ี อป (Body Shop) โรงแรม การผลิต (เสือ้ ผ้าส�ำ เรจ็ รปู ) รวมถึงรา้ นคา้ ปลีกตา่ ง ประเทศและธุรกจิ อสงั หารมิ ทรัพย์ โดยสรุป การมีไหวพริบทางการตลาดท่ีดีและการอ่านโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างถูกต้องทำ�ให้ใน ศตวรรษท่ี 21 เซน็ ทรลั ผงาดขน้ึ มาเปน็ กลมุ่ หา้ งสรรพสนิ คา้ ทใ่ี หญท่ ส่ี ดุ ในเอเซยี ตะวนั ออกเฉยี งใตด้ ว้ ยรายงาน “ตวั เลขยอดขายตอ่ ตารางฟตุ เทยี บเทา่ หา้ งเมซยี ์ การน�ำ เสนอบตั รเครดติ ทม่ี สี ว่ นลดใหก้ บั นกั ทอ่ งเทย่ี วตา่ งชาติ ยงั การนั ตถี งึ การครองความเปน็ เจา้ ตลาดในดา้ นหา้ งสรรพสนิ คา้ ทน่ี �ำ เสนอสง่ิ ดที ส่ี ดุ ในเมอื งไทยและทว่ั โลก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook