Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เห็นธรรม

Description: เห็นธรรม

Search

Read the Text Version

๔๒ เห็นธรรม หน้าที่ของกายทิพย์ละเอียด ก็เซ่นเดียวกับหน้าที่ของกายทิพย์หยาบ ที่กล่าวมาแล้ว คือ ๑. ทำหน้าที่คืกษาความเป็นไปของสวรรค์ชั้นที่สูงยิ่งขึ้นไป ๒. ทำ หน้าที่ควบคุมใจกายทิพย์หยาบให้เกิดเหวธรรมมากขึ้น ๓. ทำ หน้าที่ไปเกิด-มาเกิด ในสวรรค์ชั้นสูงๆ ขึ้นไป ๏ ต่อจากได้เห็นดวงวิมุตติญาณห้สนะแล้ว กายทิพย์หยาบก็เพ่งใจ หยุดสนิทติดนิ่งเข้าไปตรงศูนย์กลางดวงวิมุตติญาณทัสนะนั้น ครั้นหยุดได้ถูก ส่วนแล้ว ใจก็ถูกกลั่นกรองซํ้า จนกระทั่งละเอียดยิ่งกว่าดวงวิมุตติญาณทัสนะ เป็นผลให้ดวงวิมุตติญาณทัสนะขยายว่างออกไป เห็นทางสายกลางได้ชัดเจน ใจก็ผ่านเข้าไปในทางสายกลางนั้นโดยอัดโนมัติ สามารถเห็นกายใหม่อีก กายหนิ่ง รูปร่างลักษณะหน้าดา ทำ ทางเหมือนกายทิพย์หยาบทุกประการ แต่ละเอียดกว่า ใสกว่า และมืรัศมืกายสว่างกว่า เรียกว่า กายทิพย์ละเอียด และตาของกายทิพย์ละเอียดก็เห็นของกายตนเอง นั้งชัตสมาธิอยู่กลางดวง วิมุตติญาณทัสนะนั้น เมื่อเห็นกายทิพย์ละเอียดแล้ว ต่อไปนี้กายทิพย์ละเอียดก็เพ่งใจ หยุดสนิทติดนิ่งอยู่ตรงศูนย์กลางกายของตนเอง ครั้นหยุดได้ถูกส่วน ดวง เทวธรรมของกายทิพย์ละเอียดก็ผุดให้เห็น ส่วนกายนั้นก็ขยายว่างออกไป ดวงเทวธรรมนี้ประกอบขึ้นด้วย ธาตุ-ธรรม ที่ละเอียดประณีดยิ่งขึ้น จึงขยาย ใหญ่ขึ้น วัดเล้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ ๔ นี้ว ส่วนซ่องว่างกลางดวงธรรมก็ ขยายออกไปตามส่วนเซ่นกัน ทำ ให้สามารถเห็นทางสายกลางจากกายทิพย์ ละเอียด ดรงไปพระนิพพานได้ชัดเจน www.kalyanamitra.org

เหนธรรม ๔๓ ต่อจากเห็นดวงเทวธรรมแล้ว กายทิพย์ละเอียดก็เพ่งใจหยุดสนิท ติดนิ่งเขาไปตรงศูนย์กลางดวงเทวธรรมนั้น ครั้นใจหยุดไดถูกส่วนแล้ว ใจ ก็ถูกกลั่นกรองชํ้าจนกระทั่งละเอียดยิ่งกว่าดวงเทวธรรมจึงสามารถฝานเขาไป ในทางสายกลางไดโดยอัตโนมัติถึงดวงอีส หยุดเขาไปในกลางดวงอีล ถึงดวงสมาธิ หยุดเขาไปในกลางดวงสมาธิถึงดวงปีญญา หยุดเล้าไปในกลาง ดวงปีญญาถึงดวงวิมุตติ หยุดเล้าในกลางดวงวิมุตติถึงดวงวิมุตติญาณทัสนะ ใจของกายทิพย์ละเอียดก็ถูกดวงธรรมทั้ง ๕ ดวงนั้นกลั่นกรองชํ้าแล้วชํ้าอีก โดยทำนองเดียวอับที่กส่าวมาแล้วในกายทิพย์หยาบนั้น ใจของกายทิพย์ ละเอียดก็จะหยุดสนิทติดนิ่งอยู่ตรงกลางดวงวิมุตติญาณทัสนะนั้น. www.kalyanamitra.org

๔๔ เห็นธรรม กๆยรูปพรหม ภพ แปลว่า แดนที่๓ด-ที่ลยู่ฃลงสัตว์โลก มีอยู่ 0) ภพด้วยสัน คือ กามภพ ๑ รูปภพ ๑ อรูปภพ ๑ ภพทั้ง ๓ นี้ซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ กามภพ เป็นแดนที่เกิดของสัตว์โลกจำพวกแรกซึ่งมีกายหยาบที่สุด ได้แก่ เทวดา มนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์โลกพวกนี ต่างมีใจผูกพันหลงใหลติดอยู่ในรสของกามไม'ค่อยจะว่างเว้น รูปภพ เป็นแตนที่เกิดของสัตว์โลกจำพวกที่สอง ซึ่งมีกายละเอียดขึ้น เพราะสามารถกลั่นกรองใจไหละเอียดฃึน จึงไม่สนใจไยดีในความสุขอันเกิด จากการเสพกาม กลับมาหาดวามสุขอยู่ในอารมณ์ที่ประณีตกว่า คือ สุขใน การทำสมาธิชั้นสูงที่เรียกว่า รูปฌาน สัตว์โลกจำพวกนี้เรียกว่า รูปพรหม แปลว่า พรหมที่มีรูปฌานเป็นอารมณ์ www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๔๕ อรูปภพ เป็นแดนที่เกิดของสัตวํโลกจำพวกที่สาม ซึ่งสามารถ กลั่นกรองใจให้ละเอียดได้มากที่สุดในบรรดาสัตวํโลกด้วยกัน เรียกว่า อรูปพรหม อรูปพรหมนั้นก็มีรูปกายเซ่นเดียวกับสัตว่โลกทั้งหลายแด่เป็น กายที่ละเอียดมาก และอยู่ในอารมถ4ที่มีความสุขที่สุดเท่าที่สัตวํโลกจะพึงมีได้ คือ สุขอยู่ใน อรูปผาน สัตวโลกที่เกิดอยู่ในภพทั้งสามนี้ จะเป็นจำพวกใดก็ตาม ต่างยังต้อง เวียนว่ายตายเกิดในภพใดภพหนึ่ง หรือจากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่งโดย ไม่รู้จบ สิงจะมีสติปืญญาเฉียบแหลมอย่างใด มีความสามารถมากปานใด ก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากภพ ๓ นี้ได้ สัตว่โลกเหลำนี้ อุปมาเสมีอนไก่ ฝูงใหญ่ ๓ ฝูง ที่ถูกปลํอยไว่ในเขตเวรอบขอบชิด ฝูงละเขตๆ แด่ละเขตก็อยู่ ห่างกันมาก ท่าให่ใก่ในแด่ละเขตไม่สามารถมองเห็นกันได้ ไก่แด่ละฝูงนั้น จึงพากันหลงเข้าใจผิดว่ามีแด่ฝูงของตนเท่านั้นที่ถูกขังอยู่ในเขตนี้ สัตวเลก ทั้งหลายที่มีสภาพเป็นเซ่นนั้นเพราะยังไม่อาจกลั่น กาย-วาจา-ใจ ให้ละเอียด เพึยงพอ จนกระทั้งเข้าสิงธรรมกายได้นั้นเอง กายในกายชั้นที่ ๕ นับจากกายมนุษย์หยาบเข้าไป ประกอบด้วย ธาตุธรรม ที่ละเอียดยิ่งขึ้น เรียก กายรูปพรหม กายรูปพรหมของผูใดก็มี ลักษณะรูปร่างหนัาตาเหมีอนกายทิพย์ละเอียดของผู้นั้นทุกประการ แด่ ละเอียดกว่า ใสกว่า และมีรัศมีกายสว่างกว่า ที่เป็นเซ่นนี้เพราะ ใจของกาย รูปพรหม เว้นจากกาม และเป็นสุขอยู่ในอารมณ์ละเอียดของรูปณาน คือ มั่นอยู่ใน พรหมธรรม มั่นเอง เนื่องจากใจของกายรูปพรหม เสวยสุขอยู่ในอารมณ์ที่ละเอียดของ รูปฌาน ไม่สนใจใยดีในกามสุข ทั้งที่เป็นของมนุษย์และของทิพย์ เป็นผลให้ กายละเอียดมาก แม้อวัยวะเพศก็หายไป ไม่ว่าผู้ปฏิบัติธรรมได้สิงชั้นนี้จะเป็น หญิงหรีอชายก็ตาม กายรูปพรหมของเขาก็ไม่แสดงเพศ เพึยงมีลักษณะ ศลัายชายมากเท่านั้น www.kalyanamitra.org

๔๖ เห็นธรรม การเข้าถึงกายรูปพรหมนี้ เป็นการ ก้าวข้ามภพครั้งแรก คือ จาก กามภพไปยังรูปภพ นับเป็นความสำเร็จขั้นแรกของผู้ปฏิบัติ ความสนใจใน เรื่องเพศหมดไปเป็นครั้งแรก ไม่ปรารถนาความสุขทางกามอีกต่อไป เพราะ ไต่'รับความสุฃที่ประณีตยิ่งขึ้น อันเกิดจากอำนาจของรูปฌานแล้ว สำ หรับผู้มี บารมีแก่กล้า ขณะก้าวข้ามภพเข้าถึงกายรูปพรหมครั้งแรกนี้ อาจไล้ยินเสียง ระเบิดเลื่อนลั่นจากศูนย์กลางกายและอาจสะเทือนจนกระทั่งกายมนุ'พย์พยาบ สะเทือนล้วยก็ไล้ หนัาที่ของกายรูปพรหม ก็เซ่นเดียวกับกายทิพย์ละเอียดที่กล่าว มาแล้ว คือ ๑. ทำ หนัาที่สืกษาความเป็นไปของรูปพรหมในรูปภพขั้นต่างๆ ๖. ทำ หนัาที่ควบคุมใจของกายทิพย์ละเอียดให้มีเมดตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งรวมเรียกว่า พรหมธรรม ตามไปล้วย ๓. ทำ หนัาที่ ไปเกิด-มาเกิด ในกรณีที่ผู้นั้นสมัยมีชีวิต สามารถทำ รูปฌานให้บังเกิดขึ้นไล้ ครั้นตายแล้ว ทั่งกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์หยาบ และกายทิพย์ละเอียด ต่างรองรับบุญละเอียดนั้นไม่ไหว บุญนั้นจะกลั่นตัว ให้ละเอียดยิ่งขึ้น แล้วนำกายรูปพรหมไปเกิดในรูปภพข้นใดข้นหนึ่งดามแต่ กำลังของรูปฌาน ๏ ต่อจากไล้เห็นดวงวิมุตติญาณหัสนะแล้ว กายทิพย์ละเอียดก็เพ่ง ใจหยุดสนิทติดนึ่งเข้าไปตรงศูนย์กลางดวงวิมุตติญาณหัสนะนั'บ ครันหยุดไล้ ถูกส่วนแล้ว ใจก็ถูกกลั่นกรองขึ้ไ กระทั่งละเอียดยิ่งกว่าดวงวิมุตติญาณหัสนะ เป็นผลให้ดวงวิมุตติญาณหัสนะขยายว่างออกไปเห็นทางสายกกางไล้ข้^เ^ม ใจก็ผ่านเข้าไปในทางสายกลางนั้นโดยอัตโนมัติ สามารถเห็นกายใหม่อีก กายหนึ่ง รูปร่างลักษณะ หนัาตาทำทางเหมีอนกายทิพย์ละเอียดทุกประการ แต่กายละเอียดกว่า ใสกว่า และมีรัคมีกายสว่างกว่า และไม่มีเพค เรียกว่า กายรูปพรหม และตาของกายรูปพรหมก็เห็นกายของตนเอง นั้งข้ดสมาธิ อยู่กลางดวงวิมุตติญาณหัสนะนั้น www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๔๗ เมื่อเห็นกายรูปพรหมแล้ว กายรูปพรหมก็เพ่งใจหยุดสนิทติดนิ่งอยู่ ตรงศูนย์กลางกายของตนเอง คเนหยุดได้ถูกส่วน ดวงธรรมของกายรูปพรหม หรือดวงพรหมธรรม ก็ผุดให้เห็น ส่วนกายใป้นก็ขยายว่างออกไป ดวงพรหม ธรรมนี้ประกอบขึ้นด้วย ธาตุ-ธรรม ที่ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น จึงขยายใหญ่ขึ้น วัดเล้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ ๕ นี้ว ส่วนซ่องว่างกลางดวงธรรมก็ขยาย ออกไปตามส่วนเซ่นกันทำให้สามารถเห็นทางสายกลางจากกายรูปพรหมหยาบ ตรงไปพระนิพพานได้ชัดเจน ต่อจากได้เห็นดวงพรหมธรรมแล้ว กายรูปพรหมก็เฟงใจหยุดสนิท ติดนิ่งเข้าไปตรงศนย์กลางดวงพรหมรรรมนั้น ครั้งใจหยุดได้ถกส่วนแล้ว ใจก็ถูกกลั่นกรองนั้ไจนกระทั่งละเอียดยิ่งกว่าดวงพรหมธรรม จึงสามารถ ฝานเข้าไปในทางสายกลางไดโดยอัตโนมัติถึงดวงอีล หยุดเข้าไปในกลาง ดวงศีลถึงดวงสมาธิ หยุดเข้าไปในกลางดวงสมาธิถึงดวงปีญญา หยุดเข้าไป ในกลางดวงปีญญาถึงดวงวิมุตติ หยุดเข้าไปกลางดวงวิมุตติถึงดวงวิมุตติ ญาณทัสนะ ใจของกายรูปพรหมก็หยุดสนิทติดนิ่งอยู่ตรงกลางดวงวิมุตติ ณาณทัสนะนั้น. www.kalyanamitra.org

๔๘ เห็นธรรม กายรูปพรหมละเอียด กายในกายชั้นที่ ๖ นับจากกายมนุษย์หยาบเข้าไป ประกอบด้วย ธาตุธรรม ที่ละเอียดยิ่งขึ้น เรียกว่า กายรูปพรหมละเอียด กายรูปพรหม ละเอียดของ^ดก็มีลักษณะรูปร่างหนัาตาเหมือนกายรูปพรหมหยาบของผู้นัน ทุกประการ แต่ละเอียดกว่า ใสกว่า และมืรัศมืกายสว่างกว่า ที่เป็นเซ่นนี เพราะกายรูปพรหมละเอียดมั่นอยู่ใน พรหมธรรม ยิ่งกว่ามั่นเอง หนัาที่ของกายรูปพรหมละเอียด ก็เซ่นเดียวกับกายรูปพรหมที่ กล่าวมาแลัว คือ ๑. ทำ หน้าที่คืกษาความเป็นไปของรูปพรหมในรูปภพชั้นที่สูงยิ่งขึ้น ๒. ทำ หน้าที่ควบคุมใจของกายรูปพรหมให'เกิดพรหมธรรมมากขึ้น ๓. ทำ หน้าที่ไปเกิด-มาเกิดในรูปภพชั้นสูงขึ้นไป www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๔ส ® ต่อจากได้เห็นดวงวิมุตติญาณหัสนะแล้ว กายรูปพรหมก็เพ่งใจ หยุดสนิทติดนิ่งเขาไปตรงศูนย์กลางดวงวิมุตติญาณหัสนะนั้น ครั้นหยุดได้ ถูกส่วนแล้ว ใจก็ถูกกลั่นกรองนั้ไกระทั่งละเอียดยิ่งกว่าดวงวิมุตติญาณหัสนะ เป็นผลให้ดวงวิมุตติญาณหัสนะขยายว่างออกไป เห็นทางสายกลางได้ชัดเจน ใจก็ผ่านเชัาไปในทางสายกลางนั้นโดยอัตโนมัติ สามารถเห็นกายใหม่อีกกาย หนึ่ง รูปร่างลักษณะหน้าตาท่างทางเหมือนกายรูปพรหมทุกประการ แต่กาย ละเอียดกว่า ใสกว่า และรัศมีกายสว่างกว่า เรียกว่า กายรูปพรหมละเอียด และตาของกายรูปพรหมละเอียดก็เห็นกายของดนเอง นั่งชัดสมาธิอยู่กลาง ดวงวิมุตติญาณหัสนะนั้น เมื่อเห็นกายรูปพรหมละเอียดแล้ว กายรูปพรหมละเอียดเพ่งใจ หยุดสนิทติดนิ่งอยู่ตรงศูนย์กลางกายของตนเอง ครั้งหยุดได้ถูกส่วน ดวง พรหมธรรมของกายรูปพรหมละเอียดก็ผุดให้เห็น ส่วนกายนั้นก็ขยายว่าง ออกไป ดวงพรหมธรรมนี้ประกอบขึ้นด้วยธาตุธรรมที่ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น จึงขยายใหญ่ขึ้น วัดเล้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ ๖ นี้ว ส่วนซ่องว่างกลาง ดวงธรรมก็ขยายออกไปตามส่วนเซ่นกัน ท่าให้สามารถเห็นทางสายกลางจาก กายรูปพรหมละเอียด ตรงไปพระนิพพานได้ชัดเจน ต่อจากได้เห็นดวงพรหมธรรมแล้ว กายรูปพรหมละเอียดก็เพ'งใจ หยุดสนิทติดนิ่งเข้าไปตรงศนย์กลางดวงพรหมธรรมนั้น ครั้นใจหยุดได้ถูก ส่วนแล้ว ใจก็ถูกกลั่นกรองชํ้า กระทั่งละเอียดยิ่งกว่าดวงพรหมธรรม จึง สามารถฝานเข้าไปในทางสายกลางได้!ดยอัตโนมัติ ถึงดวงอีล หยุดเข้าไปใน กลางดวงอีลถึงดวงสมาธิ หยุดเข้าไปในกลางดวงสมาธิถึงดวงปีญญา หยุด เข้าไปในกลางดวงปีญญาถึงดวงวิมุตติ หยุดเข้าในกลางดวงวิมุตติถึงดวง วิมุตติญาณทัสนะ ใจของกายรูปพรหมละเอียดก็ถูกดวงธรรมทั้ง ๕ ดวงนั้น กลั่นกรองซํ้าแล้วชํ้าอีก โดยทำนองเดียวกับที่กส่าวมาแล้วในกายรูปพรหมนั้น ใจของกายรูปพรหมละเอียดก็หยุดสนิทติดนิ่งอย่ตรงกลางดวงวิมุตติญาณทัสนะ นั้น. www.kalyanamitra.org

๕๐ เห็นธรรม กๆยอรูปพรหม กายในกายชั้นที่ ๗ นับจากกายมนุษย์หยาบเข้าไป ประกอบด้วย ธาตุธรรมที่ละเอียดยิ่งขึ้น เรียก กายอรูปพรหม กายอรูปพรหมของผู้ใด ก็มีลักษณะรูปร่างหนัาตาเหมือนกายรูปพรหมละเอียดของด้ชั้นทุกป' ไ''\"5 แต่ละเอียดกว่า ใสกว่า และมืรัศมืกายสว่างกว่า ทั้งนี้เพราะ ใจของกาย อรูปพรหมเวนออกจากกามและรูปฌานขึ้งเป็นของหยาบ ๆ ได้แลัว และ เป็นสุขอยู่ในอารมณ์ละเอียดของอรูปฌาน เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบรรพชาใหม่ ๆ กำลังทรงด็กษา ด้นคว้าแสวงหาธรรมอยู่ในสำนักของอาฬารดาบสและอุทกดาบสนั้นพระองด้ ได้ทรงเห็นและทรงรู้จักกายอรูปพรหมนี้เป็นอย่างดี ตามวิธีการของดาบสใน สมัยนั้น แต่เป็นการเห็นกายนั้นอยู่ภายนอกตัว www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๕๑ การเใทถึงกายอรูปพรหมตามวิธีของพุทธศาสนานั้น ง่ายกว่าของ พวกดาบสยุคก่อนพุทธกาลมาก ไม่ต้องทรมานร่างกายตนเองให'เกิดความทุกข์ แต่อย่างใดเลย แม้เด็กๆ ก็สามารถทำไต้ เมื่อเข์าถึงกายนี๋ใต้ ก็นับว่า กาย- วาจา-ใจ ของผู้ปฏิบัติละเอียดมากแล้ว และใกล้ถึง ธรรมกาย อันเป็นกายที่ สามารถออกไปนอกภพ ๓ เขามาเด็มทีแล้ว เมื่อเขาถึงกายอรูปพรหมแล้ว ก็เป็นการกาวข้ามภพไต้อีกเป็นครั้งที่สอง หนัาที่ของกายอรูปพรหม ก็เซ่นเดียวกับกายรูปพรหมละเอียดที่ กล่าวมาแล้ว คือ ๑. ทำ หนัาที่คืกษาความเป็นไปต่างๆ ของอรูปพรหมในอรูปภพ ๒. ทำ หนัาที่ควบคุมใจของกายรูปพรหมละเอียดให้เกิดพรหมธรรม มากยิ่งขึ้น ๓. ทำ หนัาที่ ไปเกิด-มาเกิด ในกรณีที่ผู้นั้นเมื่อครั้งยังมีชีวิต สามารถทำอรูปฌานให้บังเกิตขึ้นไต้ ครั้นตายแล้ว ทั้งกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์หยาบ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหมหยาบ กายรูปพรหมละเอียด ต่างรองรับบุญละเอียดนั้นไม่ไหว บุญนั้นจะกลั่นตัวให้ละเอียดยิ่งขึ้น แล้วนำ กายอรูปพรหมไปในอรูปภพชั้นใดชั้นหนึ่งตามแต่กำลังของอรูปฌาน ๏ ต่อจากไต้เห็นดวงวิมุตติญาณหัสนะแล้ว กายรูปพรหมละเอียด ก็เพ่งใจหยุดสนิทติดนึ่งเข้าไปตรงศูนย์กลางดวงวิมุตติญาณทัสนะนั้น ครั้นหยุด ไต้ถูกส่วนแล้ว ใจก็ถูกกลั่นกรองซํ้ากระทั้งละเอียดยิ่งกว่าดวงวิมุตติญาณหัสนะ เป็นผลให้ดวงวิมุตติญาณหัสนะขยายว่างออกไป เห็นทางสายกลางไต้ชัดเจน ใจก็ผ่านเข้าไปในทางสายกลางนั้นโดยอัตโนมัติ สามารถเห็นกายใหม่อีกกาย หนึ่ง รูปร่างลักษณะหบัาตาทำทางเหมีอนกายรูปพรหมละเอียดทุกประการ แต่กายละเอียดกว่า ใสกว่า และมีรัศมีกายสว่างกว่าเรียกว่า กายอรูปพรหม และตาของกายอรูปพรหมก็เห็นกายของตนเองนั่งชัดสมาธิอยู่กลางดวง วิมุตติญาณหัสนะนั้น www.kalyanamitra.org

๕๒ เห็นรรรม เมื่อเห็นกายอรูปพรหมแล้ว กายอรูปพรหมก็เพ่งใจหยุดสนิทติดนิ่ง อยู่ตรงคูนย์กลางกายของดนเอง คเนหยุดไดถูกส่วน ดวงพรหมธรรมของ กายอรูปพรหมก็ผุดให้เห็น ส่วนกายนั้นก็ขยายว่างออกไป ดวงพรหมธรรมนี้ ประกอบขึ้นดวย ธาตุธรรม ที่ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น วัดเล้นผ่าสูนย์กลางได้ ประมาณ ๗ นี้ว ส่วนช่องว่างกลางดวงธรรมก็ขยายออกไปตามส่วนเช่นกัน ทำไห้ลามารถเห็นทางลายกลางจากกายอรูปพรหมตรงไปพระนิพพานได้ ซัดเจน ต่อจากได้เห็นดวงพรหมธรรมแล้ว กายอรูปพรหมก็เพ่งใจหยุดสนิท ติดนิ๋งเข้าไปตรงศูนย์กลางดวงพรหมธรรมนั้น ครั้นใจหยุดได้ถูกส่วนแล้ว ใจก็ถูกกลั่นกรองนั้) กระทั่งละเอียดยิ่งกว่าดวงพรหมธรรม จึงสามารถฝาน เข้าไปในทางสายกลางไดโดยอัตโนมัติถึงดวงอีส หยุดเข้าไปในกลางดวงอีล ถึงดวงสมาธิ หยุดเข้าไปในกลางดวงสมาธิถึงดวงปัญญา หยุดเข้าไปในกลาง ดวงปัญญาถึงดวงวิมุตติ หยุดเข้าไปในกลางดวงวิมุตติถึงดวงวิมุตติญาณทัสนะ ใจของกายอรูปพรหมก็ถูกดวงธรรมทั่ง ๕ ดวงนั้นกลั่นกรองชํ้าแล้วซํ้าอีก โดยทำนองเดียวกับที่กส่าวมาแล้วในกายรูปพรหมละเอียดนั้น ใจของกาย อรูปพรหมก็หยุดสนิทติดนิ่งอยู่ตรงกลางดวงวิมุตติญาณทัสนะนั้น. www.kalyanamitra.org

เห็นธรรฆ ๕๓ กายอรูปพรหมละเอียด กายในกายชั้นที่ ๘ นับจากกายมนุษย์หยาบเฃ้าไป ประกอบด้วย ธาตุธรรม ที่ละเอียดยิ่งขึ้น เรียก กายอรูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหม ละเอียดของผู้ใดก็มีลักษณะรูปร่างหน้าตาเหมือนกายอรูปพรหมหยาบของ ผู'้ นั้นทุกประการ แต่ละเอียดกว่า ใสกว่า และมีรัศมีกายสว่างกว่า เพราะมั่น อยู่ในพรหมธรรมที่ละเอียดกว่ามั่นเอง หน้าที่ของกายอรูปพรหมละเอียด ก็เซ่นเดียวกับกายอรูปพรหมหยาบ ที่กล่าวมาแล้ว คือ ๑. ทำหน้าที่คืกษาความเป็นไปของอรูปภพชั้นที่สูงยิ่งขึ้นไป ๒. ทำ หน้าที่ควบคุมใจของกายอรูปพรหมหยาบให้เกิดพรหมธรรม มากยิ่งขึ้น ๓. ทำ หน้าที่ ไปเกิด-มาเกิด ในอรูปภพชั้นสูง ๆ ยิ่งขึ้นไป www.kalyanamitra.org

๕๔ เห็นรรรม ๏ ต่อจากได้เห็นดวงวิมุตติญาณทัสนะแล้ว กายอรูปพรหมก็เพ่งใจ หยุดสนิทติดนิ่งเข้าไปตรงศูนย์กลางดวงวิมุตติญาณทัสนะนั้น ครั้นหยุดได้ถูก ส่วนแล้ว ใจก็ถูกกลั่นกรองซํ้าจนกระทั่งละเอียดยิ่งกว่าดวงวิมุตติญาณทัสนะ เป็นผลให็'ดวงวมุตติญาณทัสนะขยายว่างออกไป เห็นทางสายกลางได้ชัดเจน ไจก็ผ่านเข้าไปไนทางสายกลางนั้นไดยอัตโนมัติ สามารถเห็นกายไหมํอีก กายหนึ่ง ลักษณะหน้าตาท่าทางเหมือนกายอรูปพรหมทุกประการ แต่กาย ละเอียดกว่า ไสกว่า และมืรัศมืกายสว่างกว่า เรียกว่า กายอรูปพรหมละเอียด และตาของกายอรูปพรหมละเอียดก็เห็นกายของตนเองนั่งชัดสมาริลถู่ก®าง ดวงวิมุตติญาณทัสนะนั้น เมื่อเห็นกายอรูปพรหมละเอียดแล้ว กายอรูปพรหมละเอียดก็ เพ่งไจหยุดสนิทติดนิ่งอยู่ตรงศูนย์กลางกายของตนเอง ครั้นหยุดได้ถูกส่วน ดวงพรหมธรรมของกายอรูปพรหมละเอียดก็ผุดไห้เห็นส่วนกายนั้นก็ขอาสว่าง ออกไป ดวงพรหมธรรมนี้ประกอบขึ้นด้วย ธาตุ-ธรรม ที่ละเอียดประณีต ยิ่งขึ้น จึงขยายไหญํขึ้น วัดเล้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ ๘ นิว ส่วนช่องว่าง กลางดวงธรรมก็ขยายออกไปตามส่วนเช่นกัน ทำไห้สามารถเห็นทางสายกลาง จากกายอรูปพรหมละเอียดตรงไปพระนิพพานได้ชัดเจน ต่อจากได้เห็นดวงพรหมธรรมแล้ว กายอรูปพรหมละเอียดท็เ^ หยุดสนิทติดนิ่งเข้าไปตรงศูนย์กลางดวงพรหมธรรมนั้น ครั้นใจหยุดไดถูกล่วน แล้ว ใจก็ถูกกลั่นกรองนั้า กระทั่งละเอียดยิงกว่าดวงพรหมธรรม จึงสามารก ฝานเข้าไปในทางสายกลางไดํโดยอัตโนมัติกึงดวงศีล หยุดเข้าไปในกลางดว^ศีล กึงดวงสมาธิ หยุดเข้าไปในกลางดวงสมาธิกึงดวงปีญญา หยุดเข้าไปในกลาง ดวงปีญญากึงดวงวิมุตติ หยุดเข้าในกลางดวงวิมุตติกึงดวงวิมุตติญากสมะ ไจ ของกายอรูปพรหมละเอียดก็ถูกดวงธรรมอัง ๕ ดวงนันกล้นกรองข้าแลว ชํ้าอีกโดยทำนองเดียวกับทีกล่าวมาแล้วในกายอรูปพรหมอัม ใจของกาย อรูปพรหมละเอียดก็หยุดสนิทติดนิ่งอยู่ตรงกลางดวงวิมุตติญากiอัสมะนั้ม- www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๕๕ กายธรรม ถ้าใช้นํ้าหมึกหยดลงบนวัตถุต่างๆ เหล่านี้ คือ กระดาษฟาง หรือ กระดาษซับ ๑ กระดาษสมุด ๑ กระดาษแก้ว ๑ กระจก ๑ ก็จะพบว่า ๑. กระดาษฟางหรือกระดาษซับซึ่งมึเนี้อหยาบมาก ย่อมดูดซับ นำ หมึก เช้าไปไว่ในตัวทั้งหมดทันที และเปลี่ยนสีไปตามนํ้าหมึกนั้น ๒. กระดาษสมุดซึ่งเนี้อละเอียดกว่ากระดาษฟางหรือกระดาษซับ ย่อมมึความสามารถดูดซับนำหมึกไดลดลง คือ ดูดซับไว่ไตัประมาถ4 cfo เปอร์เซนต์ ส่วนที่เหลือนอกนั้นจะระเหยไปหมด ๓. กระดาษแก้วซึ่งมึเนี้อละเอียดมากยิ่งขึ้น หมึกสามารถจะซึมลง ไปได้เพียงเล็กน้อย เหลือนอกนั้นก็ระเหยแห้งไปหมด ๔. กระจกซึ่งเนี้อละเอียดที่สุด หมึกไม่สามารถซึมลงไปได้แน้แต่น้อย คงเกาะอยู่ผิวนอกแล้วระเหยแห้งไป เหลือแด'รอยคราบหมึกต่างๆ ดำ ๆ ไว้ บนผิวกระจกเท่านั้น กายมนุษย์และกายทิพย์ ประกอบขึ้นด้วย ธาตุ-ธรรม ส่วนหยาบ จึงถูกกิเลสหยาบๆ คือ กาม ย้อมไจได้เต็มที่ ท่านองเดียวกับกระดาษฟาง หรือกระดาษซับ ย่อมถูกหมึกย้อมได้เต็มที่ฉะนั้น www.kalyanamitra.org

๕๖ เห็นธรรม กายรูปพรหม ประกอบขึ้นด้วย ธาตุ-ธรรม ที่ละเอียดจึงถูกกิเลสชนิด ปานกลางย้อมใจให้หลงพอใจอยู่แต่เพียงรูปฌาน แต่ใม่หลงติดอยู่ ในกามแต่ประการใด ทำนองเดียวกับกระดาษสมุดที่ถูกหมึกย้อมใด้แต่ ไม่ทั้งหมด กายอรูปพรหม ประกอบขึ้นด้วย ธาตุ-ธรรม ที่ละเอียดมาก จึง ใม่ถูกกิเลสหยาบ ดีอ กาม และกิเลสปานกลาง คือ รูปฌาน ย้อมใจให้หลง ติดอยู่ แต่หากยังดกอยู่ในอำนาจของกิเลสละเอียด คือ ยังมึความพีงพอใจ ในอรูปฌานอยู่ ทำนองเดียวกับกระดาษแกัวที่หมึกซึมเย้าใปในเนือใด้ห้าง เพียงเล็กห้อย จากตัวอย่างดังกล่าวแล้ว ย่อมแสดงว่า ธาตุธรรมที่ประกอบขึ้นมา เป็นกายของล้ตว่โลกที่งหลาย ทัง้ที่เป็นกายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม และกายอรูปพรหม ซึ่งเราคิดว่าละเอียดแล้วนั้น ต่างยังเป็นเพียง ราตุ-ธรรม ที่หยาบอย่ทั้งขึ้น เมื่อเทียบกับกิเลสชนิดต่างๆ ที่เยัามายัอมใจ จงถูกกิเลส ซึมซาบเอีบอาบเยัาไปยัอมและปีบบังคับจนไม่อาจพาตนเองสรสไปนรส^'เ^ ทัง้ ๓ ไตั พระสัมมาล้มพุทธเจ้าตรัสเรียก ธาตุ-ธรรม ล่วนหยาบเหล่านี้ว่า สังขตธาตุ-สังขตธรรม แปลว่า ธาตุธรรม ซึ่งถูกยัอมปนเป็นตัวยกิเลสไตั www.kalyanamitra.org

เห็นธรรบ ๕๗ ธรรมกาย ยังมีกายที่ละเอียดประณีตเป็นพิเศษอีกกายหนึ่ง ประกอบขึ้นด้วย ธาตุธรรมที่ละเอียดอย่างยิ่งจนกระทั่งกิเลสทุกชนิดไม่สามารถซึมซาบ เอิบอาบเข้าไปยัอมติดได้ อย่างมากก็เพียงติดอยู่ภายนอก ทำ นองเดียวกับ หมีกไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในเนื้อกระจก แต่จับเป็นคราบอยู่ตามผิว ๆ กายที่ว่านื้ คือ กายธรรม อันประกอบขึ้นด้วย ธาตุ-ธรรมส่วนที่ละเอียดที่สุด เรียกว่า อสังขตธาตุ-อสังขตธรรม จึงไม่มีปัจจัยใด ๆ ปรุงแต่งได้ www.kalyanamitra.org

๕๘ เห็นธรรฆ กายธรรมมีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนกายใด ๆ ที่ผ่านมาแลัวทั้งสิน คือ มีลักษณะเป็นรูปพระพุทธปฏิมา หรือพระพุทธรูป มีเกตุเป็นรูปดอกบัวตูม เนื่องจากกายธรรมประกอบด้วย อลังขดธาตุ-อลังขดธรรม จึงละเอียด ประณีตอย่างยิ่ง ตลอดทั้งองคืใสเป็นแกวใส จนกระทั้งมีรัศมีสว่างกว่า ดวงอาทิตย่ในยามเที่ยงหลายๆ ดวงรวมกัน เนื่องจากกายธรรมเป็นกายที่ละเอียดมาก จึงสามารถออกไปจาก ภพ ๓ นี้ได้อย่างสะดวกสบาย เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะบรรลุถึงธรรมกายใน ราตรืวิสาขปุรณมี ณ ควงใม้มหาโพธิ เมื่อสองพันห้ารัอยกว่าปีก่อนโนน พระองค์ใด้ทรงอาศัยกายธรรมนี้ ย้อนกลับมาพิจารณากายในภพเหล่านั้น ทั้งหมด ในที่สุดก็สามารถ รู้-เห็น ความเป็นไปของ ธาตุธรรม ทั้งหลาย ตามความเป็นจริงได้ กายธรรมที่รู้เห็นเบื้องแรกเรืยกว่า ธรรมกายโคตรภู ขนาดอย่าง เล็กที่สุดเป็นรูปพระพุทธปฏิมา หน้าตักไม่ตากว่า ๘ นี้ว อย่างใหญ่ที่สุด หย่อนกว่า ๕ วาเล็กน้อย ดวงธรรมของธรรมกายก็ขยายใหญ่ตามส่วน วัดเส้นผ่าศนย์กลางได้เท่าหน้าตักพระธรรมกายเสมอไป เช่น ถ้าหน้าตัก กว้าง ๒ คอก ดวงธรรมก็วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๒ คอก หรือถ้าหน้าตักกว้าง ๒ วา ดวงธรรมก็วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๒ วาเช่นกัน ในขณะที่ดวงธรรมของธรรมกายขยายโตขึ้น จนเส้นผ่าศูนย์กลาง เท่ากับหน้าตักพระพุทธปฏิมา แน้ดวงคืล ตวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ และดวงวิมุตติญาณทัสนะก็ขยายโตขนาดนั้นตามไปด้วย ® ต่อจากได้เห็นดวงวิมุตติญาณทัสนะแล้ว กายอรูปพรหมละเอียด ก็เพ่งใจหยุดสนิทติดนิ่ง เย้าตรงศูนย์กลางดวงวิมุตติญาณฑัสนะนั้น ครั้นหยุด ได้ถูกส่วนแล้ว ใจก็ถูกกลั่นกรองซํ้ากระทั้งละเอียดยิ่งกว่าดวงวิมุตติญาณทัสนะ เป็นผลให้ดวงวิมุตติญาณทัสนะขยายว่างออกไป เห็นทางสายกลางได้ซัดเจน www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๕^ ใจก็ผ่านเข้าไปในทางสายกลางนั้นโดยอัตโนมัติ สามารถเห็นกายใหม่อีก กายหนึ่ง ลักษณะเป็นรูปพระพุทธปฏิมา เกตุดอกบัวตูม ใสเป็นแก้วตลอด ทั้งองค์ และใสละเอียดกว่ากายต่างๆ ที่ผ่านมา เรียกว่า ธรรมกายโคตรภู และตาของธรรมกายโคตรภูก็เห็นกายของตนเอง นั่งขัดสมาธิอยู่กลางดวง วิมุตติญาณทัสนะนั้น เมื่อเห็นธรรมกายโคตรภูแลัว ต่อไปนี้ธรรมกายโคตรภูก็เพ่งใจ หยุดสนิทติดนึ่งตรงสูนย์กลางกายของตนเอง ครั้นหยุดได้ถูกส่วน ดวงธรรม ของธรรมกายโครตภูก็ผุดให้เห็น ส่วนกายนั้นก็ขยายว่างออกไป ดวงธรรมนี้ ประกอบขึ้นด้วยธาตุธรรมที่ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น จึงขยายใหญ่ขึ้น วัด เสันผ่าศูนย์กลางได้เท่าก้นหน้าตักพระธรรมกาย ส่วนซ่องว่างกลางดวงธรรม ก็ขยายออกไปตามส่วนเซ่นก้น ท่าให้สามารถเห็นทางสายกลางจากธรรมกาย โคตรภูตรงไปพระนิพพานได้ขัดเจน ไจของธรรมกายโคตรภูนี้ละเอียดจนไมมปัจจัยได ๆ เข้าไปปรุงแต่งได้ ดังนั้น กิเลสต่างๆ จึงไม่สามารถซึมซานเข้าไปย้อมใจได้ อย่างมากก็เพียง เกาะติดอยู่ภายนอก เสมือนนั้าหมึกที่ไม่สามารถซึมซานเข้าไปถึงเนี้อในกระจก ได้แต่เพียงเกาะติดผิวหน้ากระจกให้ฝืามัวไปฉะนั้น ต่อจากเห็นดวงธรรมแล้ว ธรรมกายโคตรภูก็เพ่งใจหยุดสนิทติดนิ่ง เข้าไปตรงศูนย์กลางดวงธรรมนั้น ครั้นใจหยุดไดถูกส่วนแลว ใจก็ถูกกลั่นกรอง นั้ากระทั่งละเอียดยิ่งกว่าดวงธรรมจึงสามารถฝานเข้าไปในทางสายกลางได้โดย อัตโนมัติถึงดวงอีล หยุดเข้าไปในกลางดวงอีลถึงดวงสมาธิ หยุดเข้าไป ในกลางดวงสมาธิถึงดวงปีญญา หยุดเข้าไปในกลางดวงปีญญาถึงดวงวิมตติ หยุดเข้าไปในกลางดวงวิมุตติถึงดวงวิมุตติญาณทัสนะ ใจของธรรมกาย โคตรภูก็ถูกตวงธรรมทั้ง ๕ ดวง กลั่นกรองชํ้าแล้วซํ้าอีก โดยทำนองเดียวอับ ที่กส่าวมาในกายอรูปพรหมละเอียดนั้น ใจของธรรมกายโคดรภูก็จะหยุด สนิทติดนิ่งอยู่ตรงกลางดวงวิมุตติญาณทัสนะนั้น. www.kalyanamitra.org

๖๐ เห็นธรรม กายธรรมละเอียด ธรรมกายโคตรภู เป็นกายที่ใสบริสุทธี้อย่างยิ่ง ธรรมกายโคตรภูนี่เอง ที่เรียกว่า พุทธรัตนะ เมื่อเขาถึงพุทธรัตนะแล้ว จึงต้องทำความเข้าใจใหม่อีก ครั้งหนี่ง กล่าวคือ ในครั้งแรกเราสมมุติถึอเอาว่า คืลของผู้ปฏิบัติที่ยังไม่รู้เห็น อะใรเลยนั้นเป็นสามัญศีล หรือศีลโดยปริยายเบื้องตา หรือเบื้องสูงถือว่า ดวงศีลที่ผู้ปฏิบัติไต้รู้โต้เห็นทั้งหมด ตั้งแต่ดวงศีลของกายมนุษย์หยาบ กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์หยาบ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหมหยาบ กาย รูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหมหยาบ และกายอรูปพรหมละเอียด ต่างเป็นศีลยิ่งหรืออธิศีลทั้งสิน แต่เมื่อเข้าถึงธรรมกายซึ่งเป็นพุทธรัตนะแล้ว ดวงศีลดังกล่าวนั้นทั้งหมด จะกลายเป็นเพียงสามัญศีลเท่าบัน ส่วนดวงศีล ของธรรมกายจึงนับเป็นอธิศีลที่แท้จริงไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่อใปแต่อย่างไต ® ต่อจากไต้เห็นดวงวิมุตติญาณท้สนะแล้ว ธรรมกายโคตรภูก็หยุด สนิทติดนี่งเข้าไปตรงศูนย์กลางดวงวิมุตติญาณท้สนะ ครั้นหยุดไต้ถูกส่วนแล้ว ไจก็ถูกกลั่นกรองซํ้ากระทั้งละเอียดยิ่งกว่าดวงวิมุตติญาณท้สนะ เป็นผลไท้ดวง วิมุตติญาณท้สนะขยายว่างออกไป เห็นทางสายกลางไต้ชัดเจน ไจก็ผ่าน เข้าไปไนทางสายกลางนั้นโดยอัตโนมัติ สามารถเห็นกายใหม่อีกกายหนี่ง รูปร่างลักษณะเช่นเดียวกับธรรมกายโคตรภูทุกประการ แต่กายละเอียดกว่า www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๖๑ ใสกว่า และมีรัศมีกายสว่างกว่า เรียกว่า ธรรมกายโคตรภูละเอียด และ ตาของธรรมกายโคตรภูละเอียดก็เห็นกายของตนเองนั่งขัดสมาธิอยู่กลางดวง วิมุตติญาณทัสนะนั้น เมื่อเห็นธรรมกายโคตรภูละเอียดนั้น ต่อไปนี้ ธรรมกายโคตรภู ละเอียดก็เพ่งใจหยุดสนิทติดนิ่งอยู่ตรงศูนย์กลางกายของตนเอง ครั้นหยุดได้ ถูกส่วนแล้ว ดวงธรรมของธรรมกายโคตรภูละเอียดก็ผุตให็'เห็น ส่วนกายนั้นก็ ขยายว่างออกไป ดวงธรรมนี้ประกอบขึ้นด้วย ธาตุ-ธรรม ที่ละเอียดประณีต ยิ่งขึ้น จึงขยายใหญ่ขึ้น วัดเล้นผ่าศูนย์กลางได้เกือบ ๕ วา ส่วนช่องว่างกลาง ดวงธรรมก็ขยายออกไปตามส่วนเช่นกัน ทำ ไห็'สามารถเห็นทางสายกลาง จากธรรมกายโคตรภูละเอียดตรงไปพระนิพพานได้ขัดเจน ต่อจากได้เห็นดวงธรรมแล้ว ธรรมกายโคตรภูละเอียดก็เพ่งใจหยุด สนิทติดนิ่งอย่ตรงศูนย์กลางดวงธรรมางั้น ครั้นใจหยุดใด้ถูกส่วนแล'วใจก็ถูก กลั่นกรองซํ้า กระทั่งละเอียดยิ่งกว่าดวงธรรม จึงสามารถฝานเข้าไปในทาง สายกลางไดโดยอัตโนมัติถึงดวงอีล หยุดเข้าไปในกลางดวงอีลถึงดวงสมาธิ หยุดเข้าไปในกลางดวงสมาธิถึงดวงปัญญา หยุดเข้าไปในกลางดวงปัญญาถึง ดวงวิมุตติ หยุดเข้าไปในกลางดวงวิมุตติถึงดวงวิมุตติญาณทัสนะ ใจของ ธรรมกายโคตรภูละเอียดก็ถูกดวงธรรมทั่ง ๕ ดวงนั้น กลั่นกรองชํ้าแล้วซํ้าอีก โดยทำนองเดียวกับที่กส่าวมาแล้วในธรรมกายโคตรภูหยาบนั้นเอง ใจของธรรมกายโคตรภูละเอียดก็จะหยุดสนิทติดนิ่ง เสวยสุขอยู่ตรง ศูนย์กลางดวงวิมุตติญาณทัสนะเล้นฝาศูนย์กลางเกือบ ๕ วานั้น. จบสมถภาวนาเพียงเท่านี้ www.kalyanamitra.org

bIs) เห็นรรรOJ ธรรมคาย อรูปภพ กายอรูปพรหมหยาบ กายอรูปพรหมละเอียด — รูปภพ — ไม่แสดงเพศ กายรูปพรหมหยาบ กายรูปพรหมละเอียด คามภพ กายทิพย์หยาบ กายทิพย์ละเอียด กายมนุษย้หยาบ กายมนุษย์ละเอียด www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๖๓ ภาคผนวก 0. พระพทรเจ้าทรงรู้เรี่องเทวดา ด้วยทรงเห็นแสงสว่างภายใน ในสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ตำบลคยาสีสะ ไกล'แม่นํ้าคยา ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าไดตรัสแก่ภิกษุทังหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ในกาลก่อนแต่ตรัสรู้ เรายังมิไตํ'ตรัสรู้ ยังเป็นโพธิสัตว์ รโยู่ เรากำหนดเห็นแสงสว่างได้ แต่ไม่เห็นรูปทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลาย ความคิดได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถาหากเราจะพึงกำหนด เห็นแสงสว่างด้วยและเห็นรูปทั้งหลายด้วย ข้อนั้นจักเป็นญาณทัสนะ (ญาณ เป็นเครื่องเห็นในที่นี้หมายถึง ทิพยจักษุ) ที่บริสุทธยิ่งขึ้นของเราฉะนัน สมัย ต่อมา เราเป็น^ม่ประมาท มีความเพียร ส่งจิตไปอยู่ ก็กำหนดเห็นแสงสว่าง ด้วย เห็นรูปทั้งหลายด้วย แต่ไม่ได้เจรจาไต่ถามกับเทวดาเหลำนัน. ภิกษุทั้งหลาย ความคิดได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถาเราจะพึงกำหนดเห็น แสงสว่างด้วย เห็นรูปทั้งหลายด้วย และได้อยู่เจรจาไต่ถามกับเทวดาเหล่านัน ด้วย ข้อนั้นจักเป็นญาณทัสนะที่บริสุทธี้ยิ่งของเรา ฉะนั้น สมัยต่อมา เราเป็น ผู้โม่ประมาท มีความเพียร ส่งจิตไปอยู่ ก็กำหนดเห็นแสงสว่างด้วย เห็นรูป ทงหลายด้วย และได้อยู่เจรจาไต่ถามกับเทวดาเหล่านั้นด้วย แต่ไม่รู้ว่าเทวดา เหล่านี้มาจากเทพนิกายไหน www.kalyanamitra.org

๖๔ เห็นธรรม ภิกษุทั้งหลาย ความคิดได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้าเราจะพึงกำหนดเห็น แสงสว่างด้วย เห็นรูปทั้งหลายด้วย ได้เจรจาไต่ถามกับเทวดาเหล่านั้นด้วย และรูด้วยว่า เทวดาเหล่านี้มาจากเทพนิกายนั้นๆ ข้อนั้นจักเป็นญาณทัสนะที่ บริสุทธึ๋ยิ่งขึ้นของเรา ฉะนั้น สมัยต่อมาเราเป็นผู้!ม่ประมาท มีดวามเพึยร ล่งจิตไปอยู่ ก็รูได้ว่าเทวดาเหล่านี้มาจากเทพนิกายนั้นๆ แต่ไม่รูว่า เทวดา เหล่านั้นจุติจากที่นี้แล้ว ไปอุบัติที่นั้นด้วยวิบากของกรรมไหน. ภิกษุทั้งหลาย ความคิดได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้าเราจะพึงกำหนดเห็น แสงสว่างด้วย ตลอดถึงรู้ว่า เทวดาเหล่านั้นจุติจากที่นี้แล้ว ไปอุบัติไนที่นั้น ด้วยวิบากของกรรมนั้น ๆ รู้ว่า เทวดาเหล่านี้ มีอาหารอย่างนี้ เสวยทุกข์และสุขอย่างนี้ รู้ว่า เทวดาเหล่านี้ มีอายุยืนเท่านี้ ดำรงอยู่นานเท่านี้ รู้ว่า เราเคยอยู่ร่วมกับเทวดาเหล่านี้หรือไม่ ดังนี้แล้ว ข้อนั้นจักเป็น ญาณฑัสนะที่บริสุทธี้ยิ่งขึ้นของเราฉะนั้น สมัยต่อมาเราเป็นผู้Iม'ประสาท มี ความเพึยร ส่งจิตไปอยู่ ก็รู้Iด้ตลอดถึงเรื่องราวเหล่านี้. ภิกษุทั้งหลาย ตราบไดที่ญาณทัสนะอันรอบรู้โนเรื่องเทวดา ซึ่งมี ปรืวัฏแปดอย่างนี้ของเรายังไม่บริสุทธดีแล้ว ดราบนั้นเราก็ไม่ยืนยันดนว่า เป็นผู้ตรัสรู้อนุดรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลกนี้ ในเทวโลก ในมารโลก และ พรหมโลก ในหมู่สมณะพราหมณ์ เทวดา และมนุษย์ ญาณทัสสนะ (ในที่นี้หมายถึง อรหัตมรรค) ได้เกิดขึ้นแก่เราด้วยว่า ความหลุดพ้นแฟงจิตของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เปีนชาติลุดทาย ต่อไปนี้ภพใหม่ เปีนไม่มีอีก. จากพระสูตรที่๑๑ ในอังคุตตรนํกาย อัฏฐกนิบาต หนา ๓๑๑ อัอ ๑๖๑ www.kalyanamitra.org

เหนธรรม ๖๕ เอ. อุปกิเลสฃองสมๆริ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ป่า ซื่อว่า ปาจินวังสะทายวัน แขวงเมืองโกสัมพี ณ ที่ใ?น ภิก*ษุ ๓ รูป คือ พระอ•นุรุทธะ พระนันทิยะ และ พระกิมพิละได้'ทูลพระ•พุทธองค์ว่า ขาพระองค์'»fงสามพยายามกำหนดmน แสงสว่างแล้วเห็นรูป'ยั้งหลาย แต่แสงสว่างและรูปนั้นเห็นอยู่ไม่นานก็ หายไป ข้าพระองค์ยั้งสามไม่ทราบว่า เป็นเพราะเหตุไร พระสัมมาส้มพุทธเจ้าจึงได้ตรัสกับภิกใ^เหล่านั้น ด้งต่อไปนี้ อนุรุทธะยั้งหลาย (ตรัสแก่ภิก'ษุทั้งสามองค์ แต่ทรงเรียกอนุ'รุทธะ เป็นองค์แรก) แม้เราเองครั้งก่อนแต่ตรัสรู ยังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ กำ หนดเห็นแสงสว่างได้ และเห็นรูปทั้งหลาย แต่ไม่นานเท่าไร แสงสว่างและ การเห็นรูปนันก็หายไป เราก็เกิดความสงสัยว่า อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้แสงสว่างและการเห็นรูปนั้นหายไป เราก็คิดได้ว่า อุปกิเลสเหล่านี้เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้แสงสว่างและการเห็นรูปนั้นหายไป อุปกิเลสเหล่านี้ คือ ๑. วิจิกิจฉา ความลังเลหรีอความสงสัย ๒. อมนสิการ ความไมไล่ใจไว่ให้ดี ๓. ลีนมิทธะ ความห้อและความเคลิบเคลิ้มง่วงนอน www.kalyanamitra.org

๖๖ เห็นธรรม ๔. ฉิมภิตัดดะ ความสะดุ้งหวาดกลัว ๕. อุพพิละ ความตื่นเต้นตัวยความยินดี ๖. ทุฏธุลละ ความไม่สงบกาย ความคะนองหยาบ ๗. อจจารัทธวิริยะ ความเพียรจัดเกินไป ๘. อติสืนวิริยะ ความเพียรย่อหย่อนเกินไป ๙. อภิซัปปา ความอยาก ๑๐. นานัดตสัญญา ความนึกไปในสิงต่างๆ (เรื่องราวต่างๆ ที่เคย ผ่านมาหรือเคยจดจำไว้ มาผุดขึ้นในขณะทำสมาธิ) ๑๑. รูปานัง อตินิชฌายิตัดตะ ความเพ่งต่อรูปจนเกินไป. อนุรุทธะที่งหลาย เมื่ออุปกิเลสเหล่านี้ แมอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น แก่เราแลัว สมาธิของเราก็เคลื่อนไป เพราะอุปกิเลสเหล่านึเป็นต้นเหตุ เมื่อสมาธิเคลื่อนแลัว แสงสว่างและการเห็นรูปก็หายไป ฉะนั้น เราพยายาม สอดส่องดูว่า วิธีใดจะทำให้อุปกิเลสเหล่านึเกิดฃึนไม่ไต้ เราก็ทำใจไว่โดย วิธีนั้น. อนุๅทธะทั้งหลาย เรารู้ซัดว่า วิจิกิจฉา เป็นต้นเหล่านี้เป็นอุปกิเลส ของจิต จึงไต้ละเล่ย. www.kalyanamitra.org

เหึนธรรม ๖๗ n. เฬดุของการไฝเห็นนสงสว่างนละรูป พระสัมมาส้มพุทธเจาตรัสกับภิกษุเหลำนี้ต่อไปอีกว่า อนุรุทระทั้งหลาย เราทั้งที่ไม่ประมาท มีความเพียรประคองจิตไวํใน สมาธิอยู่ บางคเงก็เห็นแต่แสงสว่างไม่เห็นรูป บางคเงก็เห็นแต่รูปไม่เห็น แสงสว่าง เป็นดังนี้ทั้งคืนบาง ทั้งวันบ้าง ทงคืนและทั้งวันบ้าง เราจึงเกิด ความสงสัยว่า อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นป้จวัย ใบ้เป็นเช่นนี้. อนุรุฑธะทั้งหลาย เราคิดไดัว่า ขณะใด เราไมนกถึงรูป นึกถึงแต่ แสงสว่าง ขณะนั้นเราก็เห็นแต่แสงสว่างไม่เห็นรูป ขณะใด เราไม่นึกถึง แสงสว่าง นึกถึงรูป ขณะนั้น่เราก็เห็นแต่รูป ไม่เห็นแสงสว่าง เป็นดังนี้ ทั้งคืนบ้าง ทั้งวันบ้าง ทั้งคืนและทั้งวันบ้าง. อนุรุทธะทั้งหลาย เราเมื่อไม่ประมาท มีความเพียร ประคองจิตไว่ใน สมาธิอยู่ บางครั้งเห็นแสงสว่างนิดเดียว เห็นรูปนึดเดียว บางครั้งเห็นแสงสว่าง มาก เห็นรูปมาก เป็นดังนี้ดลอดทั้งคืนบ้าง ดลอดทั้งวันบ้าง ดลอดทั้งคืนและ ทั้งวันบ้าง เราจึงเกิดสงสัยว่าอะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจวัย ใบ้เป็นเช่นนี้. อนุรุทธะทั้งหลาย เราคิดไดัว่า ขณะไดสมาธิของเราน้อย ขณะนั้น วักษุก็มีบ้อย ด้วยวักษุอันบ้อยนั้นเราจึงเห็นแสงสว่างบ้อย เห็นรูปก็บ้อย ขณะไดสมาธิของเรามาก ขณะนั้นวักษุก็มีมาก ด้วยวักษุอันมาก เราจึงเห็น แสงสว่างมาก เห็นรูปก็มาก เป็นดังนี้ทั้งคืนบ้าง ทั้งวันบ้าง ตลอดทั้งคืนและ ทั้งวันบ้าง. จากอุปกํเลสสูตร สุญญตาคฅ์อุปริปีฌฌๆสffมัชฌิมนิกาย หนา ๓0๒ ข้อ ๔๕๒ www.kalyanamitra.org

๖๘ เห็นธรรม พระมงคลเทพมนี (สด จันหสโร) หลวงพ่อวัดปากนํ้าภาษีเจริญ www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๖๙ ๕. หลักการเจริญภาวนา* สมถวิป้สสนากรรมฐาน พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ล้วนทรงสอน ให้สัตวใลก - ละชั่ว ห้วยกาย วาจา ใจ - ทำความดี ห้วยกาย วาจา ใจ - ทำ ใจให้ผ่องใส การที่จะทำใจของตนให้ดีตามนี้ไห้มีหสักคือ สมถวิปัสสนา อันเป็น วิชชาสำคัญในพระพุทธศาสนา ตามพระบาลีว่า เทว เม ภิฦฃเว วิชฺซาภาคิยา ...ฯ \"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิชชามี ๒ อย่าง คือ สมถะ คือ ความสงบระงับ วิป็สสนา คือ ความเห็นแจ้ง สมถะ เป็นขึ้นแล้ว ต้องการให็จตเป็นขึ้น จิตเป็นขึ้น ต้องการให้ความกำหนัดยินดีหมดไป วิปีสสนา เป็นขึ้นแล้วต้องการทำให้ปัญญาเป็นขึ้น ปัญญาเป็นขึ้น ต้องการให้ความไม่รู้จริงอันใดที่อย่กับจิดใจหมดไป\" สมถะ เป็นวิชชาห้น แปลว่า สงบระงับใจ วิปัสสนา เป็นขั้นสูง แปลว่า เห็นแจ้ง * จากหนังสีอสาระสำคัญพระรรรนเทศนา พระมงคลเทพมนี(สด จนฺทสโร) หนัา ๑-๕ www.kalyanamitra.org

๗๐ เหนธรรม \"สมถะ-วิปีสสนา ๒ อย่างนี้เป็นธรรมอันสขมลุ่มลึกในทางพระพุ'เาร- สาสนา ผู้พูดได้ลึกษามาตั้งแต่บวช พอบวชออกจากโบสถ์แล้วได้วันหนึ่ง รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งก็เรียนทีเดียว ไม่ได้หยุดเลย บัดนี้ทั้งเรียนด้วย ทัง้ สอนด้วย ทัง้ ๒ อย่างนี้\" สมถะและวิป้สสนามีภูมิแค่ไหน? สมถะ ๔๐ ภูมิ คือ กสิณ ๑0 อสุภะ ๑๐ อนุสติ ๑๐ พรหมวิหาร ๔ อาหาเรปฏิกลสัญญา ๑ จตุธาตุววัตถาน ๑ อรูปฌาณ ๔ วิป้สสนามี ๖ ภูมิ คือ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ อริยสัจ ๔ ปฏิจจสมุปบาทธรรม (เป็นธรรมที่อาศัยซึ่งกันและกันเกิดขึ้น) เริ่มตนของการเรียนภูมิของสมถะ \"ต้องทำใจหยุดก่อน\" ตรงตาม ความหมายว่า \"สงบนิ่ง'' ใจ ประกอบด้วยความเห็น ความจำ ความคิด ความรู' รวมกันเป็น จุดเดียว อยู่ที่เบาะนํ้าเลี้ยงหัวใจ ความเห็น อยู่ที่ท่ามกลางกาย ความจำ อยู่ที่ท่ามกลางเนื้อหัวใจ ความคิด อยู่ที่ท่ามกลางดวงจิต ความรู้ อยู่ที่ท่ามกลางดวงวิญญาณ ใจเป็นของลึกขึ้ง เวลาเรานั่งอยู่ที่นี่ ใจสอดไปถึงบาน นรก สวรรค์ นิพพานก็ได้ ถ้าว่ารู้แคบก็สอดไปได้แคบ รู้กว้างสอดไปได้กวาง ถ้ารูละเอียด หรีอหยาบก็สอตไปได้ แถ้วแต่ความรู้ความเห็นของมัน เราด้องรวมใจใหัเห็น จำ คิด รู้ หยุดเป็นจุดเดียวที่กลางกายมนุษย์ ตรงตำแหน่งสะดีอทะลุหสัง ขวาทะลุซ้าย กลางกกข้างใน ที่ขึงด้าย ตัดกันเหนือ ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ตรงนั่นเป็นที่ตั้งดวงธรรม ที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ใสบริลุทธิ้เท่าฟองไข่แตงของไข่ไก่ www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๗๑ ที่สอนให้เอาพระของขวัญไปจรดที่กลางดวงนั้น ที่เขาบอกว่า ตั้งใจ จะทำบุญทำกุศล เราจะรักษาสืล เจริญภาวนา ต้องเอาใจหยุดตรงกลางนั้น เมื่อ เอาใจหยุดไต้ ใช้สัญญาจำให้มั่นหยุดนิ่งบังคับเซียว ถ้าไม่นิ่งใช้บริกรรมภาวนา บังคับไวั \"พอใจหยุดเท่านั้นถูกตัวสมถะแล้ว หยุดนั้นแหละเป็นตัวสมถะ หยุดนั้นเองเป็นตัวสำเร็จ ทั้งทางโลกและทางธรรมสำเร็จหมด โลกจะไตัรับ ความสฃใจ ต้องหยุดตามส่วนของโลก ธรรมจะใดรับความสุข ต้องหยุดตาม ส่วนของธรรม\" ท่านไต้แนะนำใวัตามวาระพระบาลีว่า \"นตฺถิ สนฺติปรํ สุฃํ สุขอื่นนอกจากหยุดจากนิ่งไม่มี\" หยุดนั้นเป็นคัวสำคัญ เมื่อใจหยุด เราก็ต้องหยุดในหยุด หยุดใน หยุดอยู่มั่นเอง ไม่มีถอยหสังกสับ และใจที่หยุดต้องถูกกลาง จึงจะถูกสืบ พอถูกสืบก็จะเช้าถึงศูนย์ ดังโบราณว่า \"เห็นสํบแล้วเห็นศูนย์ เป็นเค้ามูลสีบกันมา เที่ยงแค้แน่นักหนา ตัง้อนิจจาเป็นอาจิณ จุติแล้วปฏิสนธิ ย่อมเวียนวนอยู่ทั้งนั้น สังขาราไม่ปีนยิน ราคีนั้นเป็นตัวมา\" โลกกับธรรมอาศัยกัน ทางโลก สัตว่โลกมาเกิดในโลกไต้ ต้องอาคัยสืบแล้วตกศูนย์ ทางธรรม ไปนิพพานก็ต้องอาคัย สืบ-ศูนย์ เช้าสืบ คือใจหยุดแล้ว เห็น \"ศูนย์\" คือ เห็นดวงใสเท่าดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ผุดขึ้น เรียก \"ดวง ธัมมานุปืสสนาสติป้ฏฐาน\" (ดวงปฐมมรรค) เป็นหนทางเบื้องต้นทางเดียว ของมรรคผลนิพพาน จึงเรียกอีกชื่อว่า \"เอกายนมรรค\" แปลว่า \"หนทางเอก ไม่มีสอง\" พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ จะเช้าสู่นิพพาน ไปทางนี้ทางเดียวไม่ซํ้ากัน ไม่มีทางแยก แต่ว่าการไป บางท่านเร็ว บางท่านช้า ถึงไต่ชื่อว่าไม่ซํ้ากัน แล้วแต่ นิสัยวาสนาที่สั่งสมอบรมไว้ www.kalyanamitra.org

๗๒ เห็นอรรม หยุดอยู่กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุใะ หยุดถูกส่วนเป็น ดวงใส หรือดวงปฐมมรรค หยุดในหยุด กลางของหยุดเข้าไปเรื่อยๆ จะเป็น ดวงเป็นลำดับ อีก ๕ ดวง คือ ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณหัสนะ อาศัยการเข้ากลางดวงต่าง ๆ ๖ ดวง ศังกล่าวจะเข้าถึง ๑๘ กาย ดังต่อไปนี้ กายมนุษย์ กายมนุษย์ละเอียด (เป็นกายฝืน ที่เรามักเห็นเวลาหลับ) กายทิพย์ Ct กายทิพย์ละเอียด ๕ กายรูปพรหม ๖ กายรูปพรหมละเอียด ๗ กายอรูปพรหม ๘ กายอรูปพรหมละเอียด (ถึงแค่กายนี้ เป็นขั้นสมถะ) ๙ กายธรรม ๑๐ กายธรรมละเอียด ๑๑ กายธรรมพระโสดา ๑๒ กายธรรมพระโสดาละเอียด ๑๓ กายธรรมพระสกิทาคา ๑๔ กายธรรมพระสกิทาคาละเอียด ๑๔ กายธรรมพระอนาคา ๑๖ กายธรรมพระอนาคาละเอียด ๑๗ กายธรรมพระอรหัต ๑๔ กายธรรมพระอรหัตละเอียด www.kalyanamitra.org

เห๊นธรรม ๗๓ กายธรรม เป็นรูปเหมือนพระปฏิมากร เกตุดอกบัวตูม ใสเป็น กระจกส่องเงาหน้า หน้าตักโตเท่าใด ดวงธรรมที่ท่าให้เป็นธรรมกายก็เท่ากัน กลมรอบตัว อยู่กลางกายธรรม ธรรมกายเป็นตัวพุทธรัตนะ ดวงธฺรรมนั้น เป็นธรรมรัตนะ เมื่อถึงกายธรรมพระอรหัดละเอียดนี้แล้ว หลุดจากกิเลส เสร็จกิจใน พระพุทธศาสนา ทั้งสมถะและวิปัสสนา \"ตั้งแต่กายมนษย์ถีงกายอรูปพรหมละเอียด แต่นั้นเรียกว่าขั้นสมถะ ตัง้แต่กายธรรมโคตรภูทั้งหยาบทั้งละเอียด จนกระทั้งกายพระอรหัตทั้งหยาบ ทัง้ ละเอียด เป็นขั้นวิป็สสนาทั้งนั้น ที่เรามาเรียนสมถวิปีสสนาวันนี้ ต้อง เดินแนวนี้ ผิดแนวนี้ไฝไต้ และก็ต้องเป็นอย่างนี้ ผิดอย่างนี้ไปไม่ไต้ ผิดอย่างนี้ไปก็เลอะเหลว\" เมื่อเข้าถึงกายใดไตั ก็ยึดกายนั้นเป็นแบบต่อๆ ไป จนกระทั้งเข้าถึง กายธรรมอรหัดละเอียด \"จะไปทางนี้ต้องหยุด ทางธรรมเริ่มต้นต้องหยุดตั้งแต่ต้นจนกระทั้ง พระอรหัต ถาไม่หยุดก็ไปไม่ใต้ชัดทีเดียว แปลกไหมล่ะ ทางโลกเขาต้องไปกัน ปราดเปรียว ว่องไวคล่องแคล่ว ต้องเล่าเรียนกันมากมาย จนกระทั้งรู้ เท่าหันเหลี่ยมคู ผู้คนตลอดสาย จึงจะปกครองโลกไต้เจรีญๅงเรีองไต้แต่ว่า จะไปทางธรรมนี้แปลก หยุดเท่านั้นแหละไปไต้หยุดอย่างเดียวเท่านั้น\" หลวงพ่อวัดปากนํ้าเล่าเรื่องพระองคุลิมาล เพอแสดงให้เห็นว่า คำ ว่า \"หยุด\" เป็นคำในคัมภีร์พระพุทธศาสนา ในสมัยพุทธกาล ณ กรุงสาวัดถึ ครอบครัวพราหมณ์ปุโรหิตให้กำเนิด บุดรชาย ดรวจตูรู้ว่าจะกลายเป็นโจรรัาย จึงน่าใปทูลพระเจ้าปเสนทิโกศล พระ องค์เห็นยังเล็กจึงให้เลี้ยงไว้ แล้วให้การสืกษวอย่างดี ตั้งชื่อว่า \"อหิงสก กุมาร\" แปลว่า กุมารผูใม่เบียดเบียนใคร ครั้นโตขึ้นไดดีกษาเล่าเรียนกับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ เป็นที่รักของ อาจารย์มาก ต่อมาอาจารย์ถูกลูกดีษย์ที่เหลือยุยง จนถึงกับหลอกให้อหิงสก กุมารไปตัดนี้วคนมา ๑,๐๐๐ นิ้วแล้วจึงจะสอนวิชาเจ้าโลกให้ เพื่อลวงให้ อหิงสกกุมารถูกฆ่าดายไปเอง www.kalyanamitra.org

๗๔ เหนธรรฆ ในวันสุดท้ายที่จะตัดนิ้วครบ ๑,๐๐๐ นิ้ว พระพุทธองค์เสด็จไปโปรด องคุลิมาลเห็นพระพุทธองค์ก็ไลํฟัน แต่พระองค์ก็ถอยห่างออกไปทุกที องคุลิมาลร้องเรียกไท้หยุด พระองค์จึงตรัสว่า \"สมณะหยุดแล้ว แต่ท่านไฝหยุด\" พุทธองค์ทรงแสดงธรรมจนองคุลิมาลเกิดความเลื่อมไสศรัทธา และ ขอบวชอยู่ไนพระพุทธศาสนา เป็นพระอสีติมหาสาวกองค์สุดท้าย คือองค์ ที่ ๘๐ ของพระองค์ต่อไป ล้าไม่หยุด จะปฏิบัติศาสนาสัก ๔๐-๕๐ tl อายุ ๑๐๐-๑๓๐ tl หยุดเท้าสิบเข้าศูนย์กลางดวงธรรมที่ท่าไท้เป็นกายมนุ'ษยไม่ไตั ก็ไม่ถูก ศาสนาสักที วิธีเจริญภาวนา นั่งคู้บัลลังก์ขัดสมาธิ ขาขวาทับขาท้าย มือขวาทับมือท้าย นิ้วซี้มือขวา จรดท้วแม่มือท้างท้าย ตั้งตัวตรง วิธีทำสมถวิฟ้สสนา ต้องมื \"บริกรรมภาวนา\" กับ \"บริกรรมนิมิต\" คู่กัน ฐานที่ ๑ บริกรรมนิมิต ไท้กำหนดเครื่องหมายเป็นดวงไสเหมือน เพชรลูกที่เจึยระไนแล้ว ไม่มืขนแมวโตเท่าแก้วตา อย่าไท้ ไจแว่บไปที่อื่น ผู้หญิงกำหนดเท้าปากช่องจมูกท้าย ผู้ชาย กำ หนดเท้าปากช่องจมูกขวาบริกรรมภาวนา เพื่อประคองบ ริกรรมนิมิตนั้นว่า \"สัมมาอะระหัง\" ตรีกนึกถึงดวงไส ไจหยุดอยู่กลางดวงไส ฐานที่ ๒ เลื่อนไปที่เพลาตา หญิงอยู่ท้าย ชายท้างขวา ตรงหัวตาที่ มูลตาออก ตามช่องลมหายไจเท้าออกท้างไน www.kalyanamitra.org

เห็นธรรบ ๗๕ ฐานที่ ๓ เลื่อนจากเพลาตา เขาไปกลางเากสีรษะข้างในพอดี ต้อง กลับตาเข้าไปข้างหลัง ให้ตาค้างเหมือนคนซักจะตาย จนค้างแน่นให้ความเห็นกลับไปข้างหลังแลัวค่อยๆให้เห็น กลับเข้าข้างใน ฐานที่ ๔ เลื่อนไปที่ปากช่องเพดานที่อาหารสำลัก ฐานที่ ๕ เลื่อนไปปากช่องคอ ฐานที่ ๖ เลื่อนไปกลางตัว สุตลมหายใจเข้าออก สะดีอทะลุหลัง ขวาทะลุชาย กลางกั๊กพอดี ฐานที่ ๗ เหนือกลางตัวขึ้นมา ๒ นิ้วมือ จากฐานที่ ๖ มีคูนย์ ๕ ศูนย์ คือ ศูนย์กลาง คือ อากาศธาตุ ศูนย์ข้างหน้า คือ ธาตุนํ้า ศูนย์ข้างขวา คือ ธาตุดิน ศูนย์ข้างหลัง คือ ธาตุไฟ ศูนย์ข้างชาย คือ ธาตุลม เครื่องหมายใสสะอาด ตรงช่องอากาศขาดกลาง ตรงนั้นเรียกว่า ศูนย์ ศูนย์!,ปีนที่เกิด-ตาย เวลาสัตวํไปเกิดมาเกิต ก็มาอยู่ในที่สิบ อยู่ในกลางดวงนั้น พ่อแม่ประกอบธาตุธรรมถูกส่วนก็ตกศูนย์ พอตกศูนย์ ก็ลอยขึ้นมา เหนือกลางตัว ๒ นิ้วมือ เป็นดวงกลมใส เท่าพ่องไช่แดงของไข่ไก่ เรียกว่า \"ศูนย์\" จะไปนิพพานก็ค้องเข้า \"ศูนย์\" \"จะตายจะเกิดเดินตรงกันข้าม ถ้าจะเกิดก็เดินนอกออกไป ถ้าจะ ไม่เกิด ก็ต้องเดินในเข้าไป กลางเข้าไว้หยุดเข้าไว้ไม่คลาดเคลื่อน... ที่ใจเรา วุ่นวายอย่นี่มันทำอะไร มันต้องการจะเวียนว่ายดายเกิด ถ้าใจเรานิ่งอยู่ใน กลาง นั้นมันจะเลิกเวียนว่ายตายเกิด\" www.kalyanamitra.org

๗๖ เหนธรรม เราต้องทำใจหยุดอยู่ที่ \"ศูนย์\" จนเห็น \"ดวงธรรม\" กลางของ กลางต่อไป จนพบดวงสืล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติ ญาณฑัสสนะ \"นั่งภาวนา ทำ ใจให้หยุด ให้หยุดสักกระพริบตาเดียวเทำนั่น ที๋สราง โบสถ์วิหารศาลาการเปรียญสั1ม่ใด้หรอก...พิจารณาความแปรผันของ เบญจขันธ์ร่างกายว่าไม่เที่ยง ยักเยื้องแปรผันเป็นของปฏิกูล เทำนี้บุญมาก กว่า... ให้เราแสวงหาเขตบุญในพระพุทธศาสนา ให้นั่นเชียวนะ ให้ใจหยุด เป็นตัวสำคัญ หยุดนี้เป็นทางมร่รคผลนิพพาน พวกให้ทานรักษาดีลยัง ไกลกว่า หยุดนี๋ใกสันิพพานนัก\" \"พอหยุดนิ่งไม่ตัองบริกรรมเพ่งเฉย วางอารมณ์เฉย ให้หยุดอยู่ นั่นแหละ อย่าไปนึกถึงมืดสว่างนะ หยุดนั่นแหละเป็นตัวสำเร็จ ที่บอกแล้ว สมณะหยุดๆ พระองค็ให้นัยไว้ว่า สมณะหยุดแล้วทำนไม่หยุด นี่หยุดนี่แหละ เพียรตรงนี้ ให้ผันได้ตรงนี้ชะก่อน อื่นไม่ตัองไปพูดมากนักใหญ่โดมโหฬาร พูดหยุดตรงนี้ให้ผันตกลงกันก่อน ไล้ที่หยุดอยู่นิ่เขาทำกันได้นะ วัดปากนำ มืตัง้ ๘๐ กว่า ล้าไม'หยุดก็เขัาไปถึงธรรมกายไม'ได้\" \"เราเป็นมบุษยัคนหนิ่ง ทำ กับเขาไม่ได้เชียวหรีอ ทำ ไมจะไม่ได้ ทำ จริงเขัา ทำ ไม่จริงต่างหากล่ะมันไม่ได้ จริงละก็ได้ทุกคน จริงแค่ไหน จริงแค่ชีวิตชี เนี้อเลือดจะแห้งเหือดหมดไปไม่ว่า เหลือแต่กระดูกหนัง ช่างผัน ล้าไม่ไดไม่ลุกจากที่ นิ่จริงแค่นได้ทุกคน ฉันเอง ๒ คราว ไม่ได้ตายเลอะ นิ่ง พอถึงกำหนดก็ได้ ไม่ตายสักที พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเล้าก็รูปนั่น ประกอบความเพียร ด้วยจตุรังคะวิริยะ ด้วยองค์๔ เราเป็นลกศิษย์ก็จริงเหมือนกัน\" www.kalyanamitra.org

เหนธรรม ๗๗ www.kalyanamitra.org

๗๘ เหนธรรม ๕- สมาธิ สมาธิเบื้องตํ้า และ สมาธิเบองสูง โดยพระมงคลเทพมนี (สด จนุทสโร หลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ) เมื่อ ๖๘ ทุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๗ นโม กถณฺจ สมาธิ สมฺมทฤขาโต เริ่มต้นพระธรรมเทศนาในเรื่องสมาธิ ต้วยคำปุจฉาวิสัซชนา โดย พระพทธองค์เองว่า กถฌฺจ สมาธิ ฯ สมาธิที่พระผ้มีฬระภาคตรัสแล้วเปี'นไฉน? หลวงพ่อวัดปากนํ้า ไต้แสดงให้เข้าใจโดยปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ดังนี สมาธิโดยปริยายเบื้องตา ะ อิธ อริยสาวโก ฯ พระอริยสาวกในพระธรรมวินัย กระทำไหปราศจาก อารมณ์ทั้ง ๖ คือ รูปารมณ์สัททารมณ์คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ ธรรมารมณ์ ไม่ไคั- เกี่ยวแก!.จเลย เรียกว่า ปราศจากอารมณ์ ทำ ไห ได้สมาธิทั้งมน จิตเปีนธรรมชาติ หนึ่งไม่ปีสอง ต่อไป จากMฆํง์สิอ(กระสำคัญพระธรพเทศพา พระมงคลเทพนุปี(สด จนฺทสโร) ท,ทำ ๖๓-i}<s www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๗๙ สมาธิโดยปริยายฒื้องสูง ะ อิธ ภิกฺชุ วิวิจฺเจวฯ ภิกษผู้ศึกษาในธรรมวินัย สงัดแล้วจากกาม อกศลทั้งหลาย เขาถึงปฐมฌาน ความเพ่งที่ ๑ ประกอบด้วย องค์ ๕ ประการคือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา สงบวิตก วิจาร ได้แล้ว เขาถึง \"ทุติยฌาน\" ความเพ่งที่ ๒ ประกอบ ด้วย \"ปีติ\" และ \"สุข\" เกิดจากวิเวก สงบปีติ เขาถึง \"ตติยฌาน\" ความเพ่งที่ ๓ มีองค์ คือ \"สุข\" เกิดแต่ \"วิเวก\" หรือ สุขเอกัคคตา ละทุกข์ละสุข ดับความดีใจ เสียใจ เข์าถึง \"จตุตถฌาน\" ความเพ่ง ที่ ๔ มีสติบรืสุทธ เฉย เป็นองค์ประกอบ(อุเบกขาเอกัคคตา) เหล่านี้เป็นสมาธิในทางปริยัติ สมาธิในทางปฏิบติโดยijริยายเบื้องตา ะ พระอริยสาวกกระทำอารมณ์ทั้ง ๖ (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมา รมณ์) ไม่ให้ติดใจ คือ สละอารมณ์ หลุดจากจิต เหลือแต่จิตล้วนๆ เหมือนคนเวลานอนใกล้จะหลับ เมื่อยังไม่หลับ มีอารมณ์เข์าไปติดอยู่กับอารมณ์ทั้ง ๖ อดีต ปัจจุบัน อนาคต อารมณ์เหล่านี้วุ่นอยู่กับใจ ติดอยู่กับใจ เปลื้องจากกันไมใด้ ตลอดคืน ยันรุ่งก็ไม่หสับ เพราะอารมณ์เข้าไปติดกับใจ มันไปบังคับใจเสีย มันไม่หลุด เรืยกว่า สละอารมณ์!ม่ได้ \"เมื่อสละอารมรน1ด้ ในทางปฏิบัติใม่เกี่ยวด้วยอารมรนเลย ใจหลุด จากอารมรน์เหมือนอะไร เหมือนไย่แดงกับไย่ขาวอย่ด้วยกันจริงๆ แต่ว่า ไม่เกี่ยวกัน ไย่แตงมืเยื่อหมอย่นิดหนึ่งบางๆ ไม่เกี่ยวกับไย่ขาวด้วย ไย่ขาว หุ้มอยู่ข้างนอกไม่ติดกัน รสขาติของไย่แดงก็รสหนึ่ง รสชาติของไย่ขาว ก็รสหนึ่ง ไม่เข้ากัน อยู่คนละทาง เห็นปรากฏทีเดียว เห็นที่ไหน อยู่ที่ไหน จึงเป็นทางปฏิบัติ เห็นปรากฏชัดอยู่ในกลางดวงธรรม ที่ทำ ให้เป็นกายมนษย'' ใสบริสุทธเทำพ่องไย่แดงของไก่\" www.kalyanamitra.org

๘๐ เหนธรรม พอเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ตาของกทยมฺนุษย์ละเอียด ก็เห็นเว่า ดวงจิตของมนุษย์นั้นเวลานั้นไม่เกี่ยวด้วยอารมณ์ทั้ง ๖ นิ่งแน่นอนอยู่กับ ดวงจิตไม่คลาดเคลื่อน ดวงจิตนั้นก็ซ้อนอยู่กับดวงจำ ดวงเห็น ดวงวิญญาณ ก็ซ้อนในดวงจิต เป็นจุดเดียวกันํ เรียกว่า ถึงลื่งความเป็นหนึ่ง (เอกคฺคตา) ไม่มีเขยื้อน เหมือนนาที่ใส่ไว่ในแกัวตั้งไว้มั่น ไม่มีลมพัดมา เป็นสมาธิ เบื้องตาโดยปฏิบัติ สมาธิท่านวางหลักมาก ไม่ใช่แต่ว่าปราศจากอารมณ์ถึงความเป็น หนึ่งเท่านี้ มีถึง ๔๐ ยกเป็นปริยายเบืองสูง ๘ เหลืออีก ๓๒ เป็นสมาธิ ฝ่ายนอกพระศาสนา หริอสมาธิข้างนอก คือเห็นข้างนอกแล้วนอมเข้าไป ข้างในได้ \"ถ้าสมาธิตรงข้างในดวงฺธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์เช่นนี้ละก็ฤกเปีา หมายใจดำพุทธศาสนา'' สมาธินอกพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าทรงรับรองอนุโลม มี กสิณ ๑๐ อสุภะ ๑๐ อนุสติ ๑๐ อาหาเรปฎิกลสัญญา ๑ จตุธาตุวว้ตถาน ๑ รวมเป็น ๓๒ เป็นสมาธิโดยปริยายเบื้องตา \"แต่ว่าสมาธิโดยทางปริยัตินั้นไม่เห็น(ธรรม) แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ไถ้ ผู้ถึงเห็น(ธรรม)ทีเดียว\" สมาธิในทาง'ปฏิบติโดยijริยายเบื้องสูง ะ เมื่อเข้าถึงฌานที่ ๑ ก็เป็นตัวปฏเวธแล้ว เข้าถึงฌานที่ ๒ ก็เป็น ปฏิเวธอีก ปรากฏซัดด้วยดาของตัว เข้าถึงกายไหน ก็เป็นปฏิเวธกายบัน ใจหยุดนิ่งกลางดวงธรรมที่ท่าให้เป็นกายมนุษย์ เกิดเป็นฌานขึ้น กลางดวงจิตที่หยุดนั้นโดยนิ่งหบักเข้า ๆ พอถูกส่วนเข้า ก็เข้ากลางของหยุดบัน พอถูกส่วน เป็นดวงผุดขึ้นมา ดวงใหญ่รอบตัววัดเสันผ่าศูนย์กลาง ๒ วา (๘ ศอก) หนาคืบหนึ่ง กลมรอบตัว มีกายมนุษย์ละเอียดขึ้นมั่งอยู่กลาง ดวงนั้น ดวงจิตมนุษย์ละเอียด เห็นดวงจิตตัวเอง ก็นิ่งอยู่ในกลางดวงธรรมที่ ท่าให้เป็นกายมนุษย์ละเอียดนั้น พันจากกายมนุษย์หยาบแสัว www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๘๑ กายมนุษย์ละเอียด ก็นั่งอยู่กลางดวงฌาน วัดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒ วา (๘ ศอก) กลมรอบตัวเป็นวงเวียนหนาคืบหนึ่ง กายมนุษย์ละเอียด เข้าฌาน แส้วจะไปไหนก็คล่องแคล่ว เมื่อเข้าฌานเซ่นนั้นแส้วก็คล่องแคล่ว เกิดวิตกว่านึ่อะไร ไม่เคยเห็น ตรึกตรอง วิจาร เกิดวิตก คือ ตรวจตรา ดูสีสันวรรณะ รอบเนื้อรอบตัวซ้าย ขวา หน้าหสัง เกิดปีติชอบใจ เต็มล่วุนปีติ สุขกาย สบายใจ แส้วก็นึ่งเฉย เกิดแต่วิเวก ใจวิเวกนึ่งอยู่กลางดวง เต็มส่วนของฌาน ใจกายมนุษย์ละเอียดอยู่ในฌานนื้ ยังใกส้ของหยาบนัก เราจะทำให้ สูงขึ้นกว่านื้ ใจกายมนุษย์ละเอียด ก็ขยายจากปฐมฌานของกายมนุษย์ละเอียด หยุดนึ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียด หนักเข้าก็ถีง ดวงอีกดวง เรียกทุติยฌาน เป็นกายทิพย์ทีเดียว กายทิพย์ละเอียดเข้าฌาน อาศัยกายทิพย์หยาบเข้าฌานต่อไป แต่ทีนื้ไม่มีวิตก วิจาร เหลือแต่ปีติ เพราะ ดีกว่า ใสสะอาดกว่าเก่า ปีติเต็มส่วน นึ่งเฉยกลางนั้น ใจกายทิพย์ละเอียดขยายจากฌานที่สอง ไตัฌานฺดวงใหม่ คือ ตติยฌาน กายรูปพรหม กายรูปพรหมละเอียด เข้าฌานนั้น โดยอาศัย กายรูปพรหมหยาบนั่งนึ่งในดวงตติยฌาน ในนึ่ไม่มีปีติ มีแต่สุขกับเอกัคคตา นึ่งเฉยอยู่กับสุขนั้น กายรูปพรหมรู้ว่าละเอียดกว่านื้มีอีก ใจกายพรหมละเอียดก็ขยายจิตจากตติยฌาน นึ่งอยู่กลางตวงจิต ของตัว กลางของกลาง กลางของกลาง ถูกส่วนเข้า ผุดขึ้นมาอีกตวง เป็นตวง ที่ที่ เข้าถึงจตุฅถฌาน อาศัยกายอรูปพรหมหยาบและกายอรูปพรหมละเอียด เข้าจตุตยฌานไป หนักเข้าเป็นอุเบกขา มีแต่ใจเฉย สติบริบูรณ ใจกายอรูปพรหมละเอียด ก็หยุดนึ่งในศูนย์กลางตวงธรรมที่ทำให้ เป็นกายอรูปพรหมละเอียดอยู่ศูนย์กลางจตุตถฌาน จะเข้าอรูปฌานต่อใป เข้าอากาสานัญจายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน อากิญจัญญายตนฌาน เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ต่อใปนื้ใข้กายรูปพรหมละเอียดไม่ได้ ใซ้ กายอรูปพรหมกายเดียวเข้าฌาน นื้เป็นฌานในภพ ฌานทั้ง ๔ เป็นสมาธิ โดยปริยายเบื้องสูง. www.kalyanamitra.org

๘๒ เห็นรรร}! ๖. คติธรรม พระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร) เห็น ใดฤๅมาตรแมน ธรรมกาย จำ สนิทนิมิตหมาย มั่นแท้ คด ทำ เถิดหญิง-ชาย ชูช่วย ตนแฮ y ยิ่งเบญจขันธ์แท้ แต่ล้วนอจิรัง ร ด้วยความหมั่น มั่นใจ ไม่ประมาท, รักษาอาตม ช่มใจ ใวเปนสร, ผู้Qลาด อาจด้งหล้ก พำ นักดี, อันหวงนำ ไม่ม มารงควาน- www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๘๓ คติรรรม พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ประกอบเหตุ สังเกตผล สนใจเถิด ประเสริฐนัก ประกอบในเหตุ สังเกตในผล สนใจเข้าเถิด ประเสริฐดีนัก ประกอบที่ในเหตุ สังเกตดูในผล สนใจหนักเข้าเถิด ประเสริฐดีที่งนัก เห็นถิบแล้วเห็นศูนย์ เป็นเล้ามูลรบกันมา เที่ยงแท้แม่หนักหนา ตัง้ อนิจจาเป็นอาจิณ จุติแล้วปฏิสนธิ ย่อมเวียนวนอยู่ทั้งร้น สังขาราไม่รนรน ราคีร้นเป็นตัวมา พายเถอะนะเจ้าพาย ตลาดจะวายสายนัวจะเม่า จะไปไล้อย่างไรกันล่ะเจ้า โซ่ไม่แกักุญแจไม่ไข www.kalyanamitra.org

๘๔ เห็นธรรม ๗. การ'ฝึกสมาซิเบื้องต้น ต่อไปนึ๋ให้ทดลอง^กซ้อมควบคุมใจตนเองให้อยู่ในความสง'บด้'วยการ ทำ สมาธิในพุทธศาสนา ตามแนววิชชาธรรมกาย ® สำ รวมใจ ระลึกถึงบุญกุศลที่เคยทำมาตีแล้วตลอดชีวิต เ'พื่อยัง ความชุ่มชื่นให้แก่จิต สิงใดล้ากระทำ ล้าเห็น ล้าไดยิน ล้าระลึกถึง แล้วก่อความไม่สบายใจ ควรเว้นเลึย ® กราบบูชาพระรัตนตรัยหน้าที่บูชาพระ สมาทานศีลห้า (หรือ ศีลแปด ศีลสิบ ตามกำลังศรัทธา) ตั้งใจรักษาให้มั่น ๏ มั่งขัดสมาธิ เห้าขวาทับเห้าซ้ไย มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้ขวาจรดหัว แม่มือซ้าย ตั้งกายตรง ดำ รงสติมั่น วางธุรกิจอย่างอื่นชั่วคราว ® กำหนดเครื่องหมายให้ใสเหมือนเพชรลูกที่เจียระไนเป็นด่วงกลมๆ ใม่มืตำหนิ ลึขาวใสเย็นตา เย็นใจ ขนาดประมาณเทำดวงตาดำ นิ้ เรืยกว่า บริกรรมนิมิต ๏ หลับตาพอปีดสนิท แต่ไม่ถึงกับบีบกล้ามเนื้อตา บริกรรมภาวนา ในใจ เป็นพุทธานุสติว่า สัมมา อะระหัง พร้อมกับบริกรรมนิมิต นึกถึงเพชรลูกเป็นดวงใสมาตั้งไว้กลางกายตรงฐานที่ ๗(ดูภวพ) บริกรรมทั้งสองอย่างนิ้อย่าให้พรากจากกันและมิสติเสมอมิไดํชาด www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม ๘๕ เมื่อนิมิตเป็นดวงแก้ว ให้หยุดบริกรรมภาวนา เหลือแต่การกำหนดสติ เพ่งอยู่กลางดวงนิมิดประการเดียว ก้าดวงนิมิตเกิดขึ้นที่อื่น เซ่น ตรงหัวตาบ้าง ข้างหบ้าบ้าง หน้าห้องบ้าง ฯลฯ ให้น้อมเอานิมิตนั้นมาตั้งไวที่ศูนย์กลางกาย แต่อย่าไข้แรงบังคับ ทำ ใจให้หยุตในหยุดเข้าใปตรงกลางดวงนิมิตเรื่อยใป ไม่ถอยหลังกลับ ดวงนิมิตก็จะสว่างสดใสยิงขึน จะนึกให้ใหญ่หรือเล็กก็ใด้ ตามปรารถนา เมื่อใจหยุดถูกส่วน นิมิตที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ชัดเจน มีลกษณะเหมือน ดวงแก้วที่เจียระไนแล้ว ใสสะอาด ไม่มืรอยขีดรอยร้าว สว่างเย็นตา เย็นใจ วัดเสนผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ ๑ นิ้ว หรืออย่างโตก็ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณหนึ่งคืบ เมื่อใจหยุดในหยุดถูกส่วนเข้า ในที่สุดจะเกิดรัศมืสว่าง รอบดวง ทำ ให้สามารถเห็นจุดศูนย์กลางซึ่งมืขนาดเทำปลายเข็มได้ ดวงนิมิต นึ คือ ดวงธรรม เป็นหนทางเบื้องด้นไปสู่มรรคผลและนิพพาน ฉะนั้น ด้อง หมั่นประคองรักษาใวํให้ดี, ภาพแสดงที่ตั้งจิตทั้ง ๗ ฐาน หญิงข้างซ้าย ฐานที่ ๑ ปากซ่องจมูก ชายซ้างขวา หญิงข้างซ้าย ฐานที่ ๒ เพลาตา ชายข้างขวา J to นิ้วมิอ ฐานที่ ๓ จอมประสาท ฐานที่ ๔ ซ่องเพดาน ฐานที่ ๕ ปากซ่องลำคอ ฐานที่ ๖ ศูนย์กลางกายระดับสะดือ ฐานที่ ๗ ศูนย์กลางกายที่ตั้งจิตถาวร www.kalyanamitra.org

๘๖ เห็นซรรม ข้อควรระวัง ๑. อย่าใข้กำลัง คื0 ไม่1.ซย่าลงใดๆ ทังสิน เซน ไมบบกลามเนรดา เพื่อจะให้เห็นนิมิตเร็วๆ ไม่เกร็งแขน ไม่เกร็งกลัามเนื้อหน้าห้อง ไม่เกร็งตัว ฯลฯ เพราะการไข้ย่าลังส่วนไหนของร่างกายก็ตาม จะทำให็จตเคลื่อนไบ่จาก ดูนย์กลางกายทั้งสิน ๒. อย่าอยากเห็น คือ ทำ ใจให้เป็นกลาง ประคองสติมิให้เผลอ จากบริกรรมภาวนาและบริกรรมนิมิต ส่วนจะเห็นนิมิตเมื่อใตนั้นอย่ากังจ^ ถ้าถึงเวลาแล้วย่อมเห็นเอง ๓. อย่ากังวลถึงการย่าหนดลมหายใจเข้าออก เพราะการ^กเจริญ ภาวนาตามแนววิชชาธรรมกาย อาศัยการเพ่ง อาโลกกสิณ คือ กสิณความสว่าง เป็นบาทเบืองตัน เมื่อเกิดนิมิตเปนดวงสว่างแลว คอยเจรญวบืสสนาในกายหลง จึงไม่มีดวามจำเป็นต้องย่าหนดลมหายใจเน้าออกแต่บ่'3ะการใด ๔. เมื่อเลิกจากนั่งสมาธิแลัว ให้ตงใจไว้ทคูนยกลางกายหเตยว บริกรรมภาวนา พร้อมกับนึกถึงบริกรรมนิมิตเบ่นตวงแกวใล ควบคู่กนตลอตไบ่ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใตก็ตาม ๕. นิมิตต่างๆ ที่เกิตขึ้น จะตัองน้อมไปตั้งไว้ที่คูนย์กลางกายทั้งหมต ถ้านิมิตที่เกิดขึ้นแล้วหายไป ก็ไม่ตองตามหา ไหภาวนาประคองใจตอไบ่ ตามปกติ ในที่สุต เมื่อจิตสงบนิมิตย่อมปรากฎขึ้นใหม่อีก- www.kalyanamitra.org

เหึนธรรม ๘๗ ๘. คำ อธิษซานประจำวัน 0A บุญใด ที่ข้าพเจ้าได้ทำในบัดนี้ เพราะบุญนั้น และการอุทิศแผ่ส่วนบุญนั้น ขอให้ข้าพเจ้า ทำ ให้แจ้งโลกุตรธรรมเด้า ในทันที ข้าพเจ้าเป็นผู้อาภัพอยู่ ยังด้องท่องเที่ยวไปในวัฏสงสาร ขอให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนพระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแห้ ได้รับพยากรณ์แต่ พระพุทธเจ้าแสัว ไม่ถึงฐานะแห่งความอาภัพ ๑๘ ประการ ขอให้ข้าพเจ้าพึงเวันจากเวรทั้งห้า พึงยินดีในการรักษาสืล ไม่เกาะเกี่ยว ในกามคุณทั้งห้า พึงเวันจากเปีอกตมดังกล่าว คือ กามคุณ ขอให้ข้าพเจ้าไม่พึงประกอบด้วยทีฎฐชั่ว พึงประกอบด้วยทิฎฐิที่ ดีงาม ไม่พึงคบมิตรชั่ว พึงคบแต่บัณฑิตทุกเมื่อ ขอให้ข้าพเจ้าเป็นปอที่เกิตแห่งคุณ คือ ศรัทธา สติ หิริ โอตดัปปะ ความเพึยรและขันติ พึงเป็นผู้ที่ดัตรูครอบงำไม่ได้ไม่เป็นคนเขลา คนหลงงมงาย ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ฉลาดในอุบายแห่งความเกี่อมและความเจริญ เป็นผู้เฉียบแหลมในอรรถและธรรม ขอให้ญาณของข้าพเจ้าเป็นไปไม่ข้องขัด ในธรรมะที่ควรรู้ ประดุจลมพัดไปในอากาศ ฉะนั้น ความปรารถนาใดๆ ของข้าพเจ้าที่เป็นกุศล ขอให้สำเร็จโดยงำย ทุกเมื่อ คุณที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแลวปวงนี้จงมืแก่ข้าพเจ้าทุกภพทุกชาติ เมื่อใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้แสดงธรรมเครื่องพันทุกข์เกิดขึ้นแสัว ในโลก เมื่อนั้น ขอให้ข้าพเจ้าพันจากกรรมอันชั่วข้าทั้งหลาย เป็นผู้Iด้โอกาส แห่งการบรรลุธรรม ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้ความเป็นมนุษย์ ได้เพศบริลุทธ ได้บรรพชา อุปสมบทแสัว เป็นคนรักคืล ทรงไวัซึ่งพระศาสนาของพระบรมศาสดา ขอให้เป็นผู้มืการปฏิบัติธรรมได้โดยสะดวก ตรัสรู้!ด้พสัน กระทำ ให้แจ้ง ซึ่งอรหัตผลอันเลิศ อันประดับด้วยธรรมะ มีวิชชา เป็นด้น ด้าหากพระพุทธเจ้าไม่บังเกิดขึ้น แต่กุศลกรรมของข้าพเจ้าเต็มเปียมแสัว เมื่อเป็นเซ่นนี้ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้ญาณ เป็นเครื่องรู้เฉพาะตนอันสูงสุดเทอญ ฯ. www.kalyanamitra.org

เห็นธรรม เรียบเรียงขึ้นจากผลการปฏิบ้ติธรรมในพระพุทธศาสนา ตามแนววิชชาธรรมกายที่ หลวงพ่อวัดปากนํ้า(พระมงคลเทพพุนี) พยายามค้นคว้าด้วยการปฏิบ้ติจนพบและเป็นผู้วางไว้ โดยมิได้คัดลอกหรือเลียนแบบจากตำราเล่มใดเล่มหนงในอดีตที่งสิน แล้วเรียบเรียงสั่งสอนมาตามลำคับ ทุกคำพูดทุกคัวอักษรใน เห็นธรรม เล่มนี้จีงเป็นสิงที่กสั่นกรองออกมาจากใจ ของคณะผู้ปฏบ้ติธรรม เพี่อแสดงผลที่ได้รับจากการปฏิบ้ติ ขึ้งไม่ได้ผดไปจากที่กล่าวไว่ในพระไตรปีฏกเลย ทั้งนี้ย่อมยืนอันได้ว่า พระธรรมนั้นประเสรีฐจรีง ไม่จำกัดด้วยกาลเวลา ใครได้ รั-เห็น ตามความเป็นจริงเมอไร ย่อมถูกตองตรงกับที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ และเหล่าพระอรหันค์สาวกกล่าวไว้ทั้งสิน ต่างแต่ว่า สิงที่เรารู้-เห็นนั้น อังเป็นเพียงบางล่วนเท่านั้นเอง ร่วมอนุโมทนาบุญโดย คุณสักดึ๋-คุท!นฤมล-ด.ญ.โสมรวี สุทธิพงษ์คูณ www.kalyanamitra.org