Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิทานชาดกอันดับที่7

Description: นิทานชาดกอันดับที่7

Search

Read the Text Version

^o นิทานชาดกเล่มเจ็ด ครันรุ่งเช้าพอสร่างเมาแล้ว จึงให้สมุนโบยตักกบัณฑิตอีก ตักกบัณฑิตก็กล่าวคำ <r คำ เดิมอีก แม้ว่าบาดแผลจากรอยแล้จะบาดผิว- หนังจนเลือดแดงฉานไปทังหลัง เขาก็ไม'ร้องโอดโอยฃอชีวิต ร้องแต่ \"ชีโกรธ อกตัญณู ชอบส่อเสียด ประทุษร้ายมิตร\" เพียง ar คำ นีเท่านัน จึงทำไห้นายโจรร้ลืกแปลกไจมาก \"หยุด! ลากมันมานี่ซิ\" นายโจรลังไห้หยุดโบย แล้วสอบถามความเป็นมาของคำทง <r คำ นัน ตักกบัณฑิตจึงเล่าเรืองราวทังหมดไห้นายโจรพีง นายโจร จึงไดคด \"...นางคนปีช่างเลวจ?ง ๆตักกบัณฑิตทั้งช่วยชีวิต ทัง้ เลียงดูนางนางยังคิดฆ่าได้ ต่อไปนางคงหาทางฆ่าเราได้เหมือนกัน คนอย่างนี่อยู่ต่อไป ก็หนักแผ่นดิน...\" นายโจรจึงเช้าไปปลุกนางไหตื่น แล้วกล่าวว่า \"ฉันจะฆ่าไอ้หนุ่มคนนนทีหน้าบัาน เราไปด้วยกันเดี๋ยวนี่ เถอะ\" เมือมาที่หน้าบ้านแล้ว นายโจรบอกไห้นางจับมือตักกบัณฑิต ไว้ \"เธอจับมือมันไวิใหดิๆ นะ อย่าใหมันล้มลงไปนะ ฉัน จะส่งมันไปลงนรกเดี๋ยวนี่แล้ว!\"

นิทานชาดกเล่มเจิด นายโจรทำทีเหมือนจะฟันตักกบัณฑิต แล้วเงือดาบฟัน นางขาดสองท่อนในนาทีนั้น นายโจรให้สมุนเช็ดตัว ทำ แผลให้ตักกบัณฑิตแล้วจึงขอขมา ตักกบัณฑิตให้อภัยใม่ถือโทษชำยังสอนหลักธรรมให้นายโจรรูผิดชอบ ชั่วดีอีก นายโจรนำข้าวปลาอาหารอย่างดีมาเลียงรับขวัญ แล้วเชิญ ให้นอนฟักผ่อน ตักกบัณฑิตอยู่ฟักรักษาตัวได้ ๒-๓ วัน ก็เตรยมตัว ออกเดินทาง \"ท่านจะกลับไปที่หมู่บานใช่ไหม ข้าจะไปส่ง\"นายโจรถาม \"เปล'าหรอก เราไม'ปรารถนาจะครองเรือนอีกต่ปีไปแส่ว เราจะไปหาทีสงบบวชเป็นฤๅษี บำ เพ็ญเพียรภาวนาต่อไป\" ตักก- บัณฑิตตอบ \"ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปกับท่านด้วย\" นายโจรตอบพร้อมกับเดินทางเข้าป้าไปบวชเป็นฤๅษีด้วยกัน จนกระทั่งได้สำเร็จอภิญญา สมาบ้ติ <^ เมือสินชีวิตละโลกแล้ว ไดิใปเภิดในพรหมโลกทั่งคู'

นิทานชาดกเล่มเจ็ด 119ะขุมซๆดท เมือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสตักกชาดกจบแล้ๆ ทรงกล่าว คาถาเป็นใจความว่า \"หญิงทั้งหลายมักเป็นคนขี้โกรธ อกตัญณู ชอบส่อเสียด และคอยแต่จะทำลาย ดูก่อนภิกษุ ประพฤติพรหมจรรย์เถิด เธอจักไม่คลาด จากความสุขเป็นแน่\" หสังจากนัน พระพุทธองค์ทรงแสดงอริยสัจสีโดยอเ.นก!^ยๆย เมอจบอริยสัจ พระภิกษุนีสามารถเข้าถึงธรรมกๆยโสดๆ เป็นพระ- โสดาบัน พระพุทธองค์ทรงประชุมชาดกว่า นๆยโจรในครังนัน ได้มาเป็นพระอานนท์ ตักกบัฌ,'สิตในครั้งนน ได้มาเป็นพระองค์เอง ตัอดิดจๆกซๆดก ๑) การเลียงดูปาวไพร่ ควรให้ความเมตตาตามสมควร ความหยาบคายร้ายกาจข่มขี่ปาวไพร่ตามอํๆเภอใจ อาจเกิดผลร้ๆย แก่ตนในภายหสัง

นิทานชาดกเล่มเจิด ^®'' ๒) การดูคนว่าเป็mนดีหรือชัวนัน ดูได้ยาก เพราะปกติ ของคนชั่วมักมีเล่ห์เหลี่ยมซุกซ่อน ปกปีดการทำซ้วไว้อย่างมิดชิด ถ้าไม'พิจารณาโห์ถีถ้วนรอบคอบ รับคนชิว์เข้ามาเลยงดูแลว ภายหลังจะ ขับไล่ไสล่งออกไปโดยไม่ให์ผิดใจกัน ทำ ได้ยากยิ่ง ๓) คนมักมากในกาม โดยทั่วไปมักมีเล่ห์เหลี่ยมมาก ถ้า จำ เป็นด้องไกล่ชิด ต้องหมันลำรวมอินทรืย์ จะประมาทไม่ได้เป็น อันขาด (t) ^มุ่งประพฤติธรรม เมีอจะซ่วยเหลือเพศตรงข้ามไม่ว่าจะ เรืองอะไรก็ตาม ต้องระวังอย่าไกล่ชิดนัก (Sr) เมื่อตั้งใจ'ฝืกสมาธิเพือบรรลุธรรม อย่าท้อถอยเบือหน่าย แม้เวลาจะผ่านไปเนินนานเพียงไรก็อย่าสินหวัง อย่าคิดว่าตนบุญน้อย หรือวาสนาไม'ถึง ไม'อาจบรรลุมรรคผล นิพพาน เพราะแม้แต่คนทีเคย เป็นโจร เมีอกลับตัวตังใจประพฤติธรรมอย่างแน่าแน่ ก็ยังสามารถ ทำ สมาธิจนบรรลุฌานได้ ๖) ขึ้นซื่อว่าคนมีความรู้ความสามารถ เป็นบัณฑิต ไปทีใด ย่อมมีผู้อุปถัมภ์คํ้าชเสมอ ย่อมไม'ตกไปสู่ทีขัว ตรงกันข้ามกับ คนหยาบคาย ร้ายกาจ ถึงอยู่ทีสูงก็ย่อมตกลงสู่ทีขัวจนได

นิทานชาดกเล่มเจ็ด อรบๆยฟ้<ฬท์ ตักกซาดก (อ่านว่า ตัก-กะ-ชา-ดก) ตักก นํ้ๆมันเนย, เปรียง เบเยง นมส้ม •พระคาดาบระจำชาดก โกธนๆ อกตณุณู จ ปิลุณๆ จ วิเภทิกๆ พรฺหฺมจริยํ จร ภิกขุ โล สุฃํ น วิหาหิสิ หญิงทั้งหลายเป็นคนขี้โกรธ อกตัญณู มักส่อเสียด และคอยแต่ทำลาย ดูก่อนภิกษุ ประพqติพรหมจรรย์เถิด เธอนั้นจักไม่คลาดความสุขเป็นแน่

ทุราชานชาดก ชาดถว่าด้วยความเได้ยากของหญิง สดๆนที่ดรสซาดก เซตวันมหาวิหาร นครลาวัตถี สๆเฬตุที่ดร'สซๆดก อุบาสกผู้หนึ่ง ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระสัมมาส์'มพุทธเจ้า แล้ว บังเกิดความเลื่อมใสในพระร้ตนตรัยยิ่งนัก ทุก ๆ วันเขาจะนำ เครื่องไทยธรรมอันประณีตไปถวายพระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์ ณ เซตวันมหาวิหาร และตังใจฟังธรรมด้วยความซาบซึงดมดำไน รสพระธรรมเสมอ แม้อุบาสกจะเป็นผู้!ฝ่ธรรมะถีงเพียงนั้น แต่ภรรยาของเขา กสับตรงกันข้าม นางไม่สนใจเลย มิหนำชำยังประพฤตินอกลู่นอกทาง ด้วยการคบชู้ลู่ขายอีกด้วย การที่นางต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ไหใครรู้เห็นการกระทำ ของนาง ทำ ให้นางพะวักพะวน และมักจะอารมณ์เสืย หน้าตาบูดบึง

^ นิทานชาดกเล่นเจิด บ่นว่า พูดจากระทบกระเทียบอุบาสกเสมอ แต่บางคราวที่นางสบ อารมณ์ นางก็จะพูดจาอ่อนหวาน ปรนนิบติเอาใจอุบาสกอย่างดีเยี่ยม อุบาสกรู้สึกประหลาดใจและไม่เข้าใจจิตใจชุเดูงบๆ^เ เขากลับคิดว่าการที่ภรรยาบึ้งตึงโกรธเขานั้น คงเป็นเพราะเขาทำอะใรให้ เธอไม่พอใจ แต่คราวใดทเธอดีต่อเขาอย่างมากเล่า เขาก็ใม่ได้ทำอะไร ให้นางเป็นพิเศษเลย อุบาสกรูสึกสงลัยยิงนัก เขาเด้าครุ่นคิดหาคำตอบ จนหน้าดำครํ่าเครียด คร^^เอ่ยถามนาง นางกลับตวาดไล่ให้เสียอีก อุบาสกเด้าครุ่นคิดจนไม่เป็นอันทำอะไร เขาวุ่นวายใจจนถึงขนาด ขาดการไปเซตวันมหาวิหารเสียหลายวัน วันหนงเมออุบาสกรูสกสบายใจขึนบ้างแล้ว เขาจึงออกจาก บานไปกราบพระลัมมาลัมพุทธเจา พระพุทธองค์จึงทรงขักถามถึง สาเหตุที่เขาหายไปหลายวัน เมื่ออุบาสกเล่าความเป็น่ไปในบ้านให้ ทรงทราบแล้ว พระพุทธองค์จึงทรงระลึกชาติแต่หนหลังด้วยบุพเพ นวาสานุสติญาณ แล้วตรัสว่า \"ดูกอนอุบาสก ขึนขือว่าหญิงแล้ว อ่านนางได้ยากจริง ๆ ในชาติก่อน'นน บัณฑิต■ทั้งหลายเคยบอกเรื่องนี้ffuรอมาแล้วแต่เธอ จำ ไม่ได้เอง เพราะด้องเวียนว่ายตายเกิดหสายภพหอายๆ^ เรส จึงลืมเรืองในทำนองนี้เสียสนิท\"

นิทานชาดกเล่มเจิด อุบาลกได้ฟังดังนั้น จึงกราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ ทรงเล่าเรืองราวในอดีตชาติให้ฟัง พระพุทธองค์จึงตรัสเล่า ทุinชาน ชาดก ดังมีเนือความดังนี เนอทาช'ไดก ครังหนึงในอดีต ส}รัยพระเด้าพรหมทัตครองราชสมบต ณ กรุงพาราณสี ในครั้งนั้นมีเด็กหนุ่มชาวบ้านคนหนึ่ง เข้ามาเรียน ศิลปวิทยากับอาจารย์ทิศาปาโมกข้โดยมีดีษย์ร่าทล่าบ้ทบ่^ะท\"1^^ ๕:๐๐ คน เนืองจากศิษย์ผู้นีเป็นผู้ทีมีความวิริยะอุตสาหะ ใฝ่ใจใน การเรียนรู้ และช่างปรนนิปติเอาใจอาจารย์อย่างดีเยียมและสมำเสม'อมี ได้ขาด อาจารย์จึงเอ็นดูเขามาก แต่อยู่ ๆ ลูกศิษย์คนโปรดของอาจารย์ก็หายหน้าไปจากสำนัก คราวละหลาย ๆ'รัน เมีอลืบถามก็ได้ความ'ไา ไปรักใคร่หลงใหล สาวสวยชาวเมืองคนหนึ่งเข้า จนได้นางเป็นภรรยา แล้วเลยอยู่กินกันเลืย ในเมืองพาราณลืนั้นเอง เมื่อมีภรรยาแล้ว ความตั้งใจในการศึกษาเล่าเรียนก็หย่อ'นฺไป ขาดเรียนอยู่ปอย ๆ ไม่มาปรนนิปติรับใข้อาจารย์อย่างลมำเสมอเช่นเคย ท่านอาจารย์จึงได้แต่จับตาดูอยู่เงียบ ๆ

นิทานชาดกเล่มเจ็ด นับเป็นความโชคร้ายอย่างยิ่งของเขา ที'บังเอิญได้ภรรยาเป็น หญิงเด้าชู้แม้จะมีสามีหนุ่มแน่น มีวิชาความรู้ นางก็ยังไม่วายคบชู้ ส่ชาย ความบักมากในกามคุณ ทำ ให้นางพะวักพะวน สองฝักสอง ฝ่ายอยู่อย่างนันเรือยไป และนับวันก็ยิงมีเหลี่ยมคูแพรวพราวยิ่งขึ้น วันใดทีนางสามารถหลบเลียงสามีออกไปหาชายชู้1ด้ นางจะ กลับมาบ้านด้วยอารมถ!แจ่มใส สดซืน เอาอกเอาใจ ปรนนิบ้ติรับใช้ สามีสารพัด เฝัาเคล้าเคลียหยอกเอินเหมีอนลูกแมวขี้เล่น ในวันเซ่นนี้ นางจะอ่อนน้อมราวกับทาสทีเขาไถ'มาจากขืดูคๆ ดูซ่างน่าตืนตันใจ แต่หากวันใดนางปรารถนาจะประกอบกรรมอันลามท แต่ติดขัด ดวยเหตุใดก็ตาม อารมณ์นางจะขุ่นบัว เกรืยวกราด หาเรืองตีรวน ทะเสาะเบาะแว้งกับสามีเอาดื้อ ๆ ครั้นเขายอมอ่อนช้อให้ นางก็ กลับได้[จ คราวต่อ ๆ มาก็ยิงเพิมความหยาบคายร้ายกายขึ้นตาม ลำ ตับ จนถงขันด่าว่าเสียดลีให้!ด้อาย ทำ ตัวเป็นนายสามี กดขียำยี สามีเอาตามอำเภอใจ เวลาเซ่นนี ลูกแมวเซือง ๆ ก็กลายเป็นแม่เสือที่ดุร้ายใปอย่าง น่าประหลาด ชายหนุ่มผู้เป็นสามีเป็นคนรักสงบ ใฝ่ใจในทางธรรมไม่อยากให้ เรื่องในบ้านร้าวฉานบานปลายไปใหญ่โต อีกทั้งเขาใม'เคยระแคะ- ระคายถึงความประพฤติอันเสืยหายของภรรยาเลย จึงอตล่าห้อดทน และพยายามปรับบรุงตัวเองให้ถูกใจภรรยา



นิทานชาดกเล่มเจ็ด แตเนองจากอารมณของนๆงแปรปรๆน ไม่อยู่ก้บร่องก้ปรอย โดยสาเหตุจากความเจ้าชู้ มักมากในกามคุณไม่เป็นเวลํ่าเQลาของนาง เอง เขาจึงไม่อาจเอาใจนางได้ถูก ทำ ดีกลับเป็นร้ายอยู่รํ่าไป เฐ่อ ถูกรังควานปอย ๆ เขาก็หงุดหงิด ใจคอเศร้าหมอง ไม่มีกะจิตกะใจ จะรำเรียน คิดทอดอาลัยว่า \"ใจคอเราห่อเหี่ยวถึงเพียงหี่ ถึงไปเรียนก็คงไมทรื่อง\" ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ย่างกรายไปสำนักอาจารย์เป็นเาลาหลายาน ได้แต่นอนก่ายหน้าผาก กลัดกลุ้มอัดอนตันใจอยู่ที่บ้าน ในทสุด ว้นหนงเมอเหตุการณ์ในบ้านไม่ตึงเครียดนัท เขากหวนคดถงทานอาจารย นกเสียดายวิชาความรู้ทีรำเรียนมา แลว มาดวนทอดทงเลยครง คุ กลาง คุ และคิดถึงศิษย์ร่วมสำนั(ๅนัง &-๐0 ขึนมาอย่างจับใจ จึงรีบออกจากบ้าน ไปสู'สำนักท่านอาจารย์ แต่เช้า อาจารย์เห็นลูกศิษย์กลับมาเรียนตามเดิมวิดีใจ จึงร้องทัทขึ้น ว่า \"เออ...หายหน้าไปตัง วัน เป็นอะไรไปล่ะ พ่อเอ๊ย...\" ลูกศิษย์หนุ่มทอดถอนใจใหญ่ แล้วกราบเรียนท่านอาจารย์ ตามตรงด้วยนำเสียงเศร้าลร้อยว่า

นิทานชาดกเล่มเจ็ด \"ท่านอาจารย์ขอรับ กระผมเหลวไหล ทอดทิงการเรียนไปม ภรรยาเสียกลางคัน บัดนี้ภรรยาของกระผมไม่รู้เป็นอย่างไร บางวัน นางก็ดีเหลือเกิน เป้าพะเน้าพะนอเอาใจ ปรนนิบัติกระผมอยางด ราวกับนางทาสี แต่บางวัน นางกลับทำตัวราวกับเจ้านาย ดุร้าย เกรียวกราด จนกระผมเข้าหน้าไม'ติด เหมือนเสีอแม่ลูกอ่อนก็ไม่ปาน กระผมเอาใจนางไม่ถูก อ่านใจนางไม่ออก รูลกหงุดหงิด เศร้าหมองจนคิดว่าถึงมาเรียนก็ไม่รู้น้อง จึงไมได้มารับใข้ท่านอาอารย์ ขอรับ\" ท่านอาจารย์ฟังคำสารภาพของลูกศิษย์แล้'^ จึงกล่าว ปลอบโยน โดยอธิบายสภาพธรรมดาของหญิงเจ้าชู้ว่า \"นี่แหละหนา...ธรรมดาของหญิงเจ้าข้เป็นอย่างนีเอง วันใด นางประพฤตินอกลู่นอกทางได้ นางก็อารมณ์ดี ยอมตามใจสาม ทุกอย่าง เหมือนนางทาสี แต่วันใดนางประพฤตินอกลู่นอกทาง ไมได้นางก็มักจะดีรวน เกรียวกราด ถือดี ดุร้าย ไม่คิดว่าเราเป็น สามื.. ขนซื่อว่าผู้หญิงแล้ว ดูนางออกยาก ตังนี้นไม่ว่านางจฺะทำดี กับเรานักหนาก็อย่ายินดีเลยว่านางปรารถนาเรา แม้เมื่อนางดุต่า ว่าเรา ก็อย่าเสียใจเลยว่านางไม่ปรารถนาเรา เพราะสภาพของหญิง รู้ได้ยาก เหมือนการไปในนำของปลา ฉะบันจงวางตัวเป็นกลาง ทำ เฉยๆไว้ อย่ายินดียินร้าย\"

นิทานชาดกเล่มเจ็ด ศษยฟังโอวาทของอาจารยแลๆ ก็คิดได้ ตังใจจะไม่ยินดียินร้าย กับการกระทำของภรรยาอีกต่อไป ดังนัน ในวันต่อมา แม้นางจะเกมี้ยวกราดเข้าใส่หนักหนา อย่างไร เขาก็ทำไม'รูไม่ชี้ เฉยเมยเสีย และแม้เนวันที่นางอารมณ์ดี เข้ามายัวยวน เคล้าเคลีย เอาใจ เขาก็คงทำเฉย ๆ เสียเซ่นกัน หญิงผู้เป็นภรรยารู้สึกไม่ชอบมาพากล ในท่าทีที่เปลี่ยนไป ของสามี นึกหวาดระแวงว่าสามีคงล่วงรู้ความลับของนางเสียแล้ๆ กระมัง ยิงรู้ว่า สามกลับไปสำนักอาจารย์ดังใจศึกษาเล่าเรียนอย่าง ขะมกเขมนเหมอนเดม กยงไมสบายไจ คดไปว่าท่านอาจารย์คงล่างร้ ความประพฤติอันเหลวแหลกของนางด้าย นางจึงนึกหวั่นาตกอยู่ ครามครัน แตโดยทนางมความเฉลยาฉลาดอยู่บ้าง ร้อักพิจารณา มองเห็นคุณค่าของสามีที่เหนือกว่าชายชู้ทุกประทาร จึงตัดไจเลิก ประพฤตนอกไจสาม หันมาเอาไจไล่กิจการบ้านเรือนเยียง/ๅรรยาพีดี ทั้งหลาย นับแต่นนมา ครอบครัวนี้จึงมีความปกติสุข ชายผู้เป็นสามีก็ สามารถศกษาศิลปศาสตร์ได้สำเร็จ ตามทีตังไจไว้ทุกประการ

นิทานชาดกเล่มเจ็ด ๖๓ บระซุมซๆดก เมื่อพระบรมศาสดา ทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้จบแล้ว จึงตรัสอริยสัจสีโดยอเนกปริยาย อุบาสก^งบัดนีคลายความขุ่นข้'อง หมองใจแล้วโดยสิ้นเชิงก็สามารถทํวโจโน้พ่'องแล้ว สำ รวมใจใน้มี สมาธิแน่วแน่ บรรลุถึงธรรมกายพระโสดา สำ เร็จเป็นพระโสดาบัน อยู่ ณ ที่นี้นเอง จากนันทรงประชุมชาดก'ว่า รามภรรยาในครังบัน ใด้มาเป็นอุบาสกและภรรยาใน ครงนี้ ท่านอาจารย์ ใด้มาเป็นพระสัมมาสัมพุพ®เจาเ'อง ข้อคิดจากชาดก ๑. สามีภรรยาควรเอาใจใส่ดูแลความประพฤติช'องกัน กัน ให้อยู่ในกรอบของศีลธรรม เพราะคนเราต่างก็ยังไม่หมดกิเลสด้วยกัน หากไม่มีศีลธรรมคอยเหนียวรัง ก็อาจจะพสังพลาดไปได้ แต่ในขณะ เดียวกันก็อย่าระแวงระวังจนเกินขอบเขต เพราะจะกลายเป็นการ จ้องสับผิด ทำ ให้คู่ครองรูสีกว่า ใมไดรับความไววางใจ ใมใหเกยรดกัน ทำ ให้เกิดหมางใจกันได้

นทานชาดกเล่มเจ็ด ๒. ผู้ทอยู่ในวัยกำลังศึกษาเล่าเรียน อย่าด่วนมีคู่ครองก่อน ศกษาเล่าเรยนไหสำเร็จ เพราะชีวิตการครองเรีอนjTกจะมีปัญหาที เราคาดไม่ถึงอยู่เสมอ ทำ ไห้เสียการเรียนได้ง่าย ๆ อธินายสํ''พท์ ทุราซานชาดก {อ่านว่า ทุ-รา-ขา-นะ-ชา-ดก) 1|?§รราน รได้ยาก คาถา'UiJจำชาดท มา สุ นนฺที อิจฉติ มํ มา สุ โสจิ น อิจฉาฐ ถีนํ ภาโว ทุราชาโน มจฉสฺเสโวทเก คตํ อย่ายินดีเลยว่านางปรารถนาเรา อย่าเสียไจเลยว่านางไม่ปรารถนาเรา\" สภาพของพวกหญิงรูได้ยากเหมีอนถารไปในนํ้าขฉงปจา

มุทุลักฃณซาดก ชาดกว่าด้วยโทษของความไม่สำรวมอินทรีย็ ๙ดานฑีต!แชาดก เซตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี แๆเ.พดุฟึ'ลเ'แชาดก ในสมัยพุทธกาล ชายหนุ่มผู้หนึ่งมีความเสือมใสในพระรัตน- ตรัยเป็นอย่างมาก จึงได้บวชถวายชีวิตในพระพุทธศาสนา เมีอบวชแล้ว ก็ตั้งใจศึกษาธรรมะ บำ เพ็ญภาวนาอยู่เสมอมิได้ขาด กิจใด ๆ อันเป็น ของสงฆ์ ท่านปฎิบํติอย่างดีมิได้ขาดตกบกพร่องเลย วันหนึ่ง ภิกษุรูปนี้ออกไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถีเซ่นเคย ในวันนี้ มีกุลสตรีนางหนึ่งรูปโฉมของนางงดงามยิ่งนัก ทงยังแต่งกาย ด้วยแพรพรรณอันสวยงามประณีต นางออกมายืนรอถวายบิณฑบาต พระภิกษุสงฆ์ ด้วยท่าทีอันสงบสำรวม

นิทานชาดกเล่มเจ็ด พระภิกษุหนุ่มเดินบิณฑบาตมาตามทาง ไม่ทันได้ระมัดระวัง ใจ เผลอมองนางด้วยความตืนตะลึงในความงาม แม้เมือรับบิณฑบาต จากนางแล้ว ก็ยังเดินใจลอยกลับไปยังเซตวันมหาวิหาร ความงาม ของหญิงมันติดตาตรึงใจภิกษุหนุ่มอยู่ไม่สร่างซา จนท่านเฝัาแต่พรํ่า - รำ พัน กระวนกระวายใจ ไม่เป็นอันปฎิบ้ติลมณภิจ แม้แต่ข้าวปลา อาหารก็ไม่อยากอัน เฝัาครุ่นคิดถึงนางอยู่รำไป ท่านมีอาการผ่ายผอม ตรอมใจ หมดอาลัยตายอยากในชีวิต จนเพือนภิกษุทังหลายพากัน ลอบถามด้วยคิดว่าท่านป่วยไข้ แต่ครันท่านบอกสาเหตุแห่งความทุกข์ โทมมัสของท่านแล้ว เพือนภิกษุจึงช่วยกันปลอบโยนแล้วพาท่านมาเข้า เผ่าพระบรมศาสดา พระลัมมาลัมพุทธเจ้าทรงซักถาม เมือทราบความแล้ว จึง ตรัสว่า \"ดูก่อนภิกษุ การทีเธอกระวนกระวายรุ่มร้อนใจด้วยอำนาจ ความงามของหญิงปี ไม'ไข'เป็นเรืองแปลกหรอกนะ เพราะเธอเป็น พระภิกษุธรรมดายังไม'มีคณวิเศษอะไร ในอดีตกาลก่อนโน้น เราได้ อภิญญา ๕- สมาปีติ(^ ข่มกิเลสได้ด้วยกำลังฌาน ทำ จิตใจผ่องใส สามารณหาะเหินเดีนอากาศได้ แต่ยังเผลอพึงพอใจในหญิงงามถึงกับ เสื่อมจากฌาน กิเลสกำเริบ ได้รับทุกข์มากมาย\" พระพุทธองค์ตรัสต่อไปว่า \"ลมที'ปีกำลัง ถอนภูเขาสิเนรุได้ ทึ่ไหนเลยจะไม'พัดภูเขาลูกเท่าช้างให้ปลิวไป ลมที่โค่นด้นหว้าใหญได้ ที'ไหนเลยจะไม'พัดกอไม้ที'ขึ้นอยูริมตลิงให้ลอยไป ลมที' พัดมหาสมุทรให้แห้งได้ ที'ไหนเลยจะไม'พัดนํ้าในบ'อน้อยให้แห้ง

นิทานชาดกเล่มเจ็ด เล่า แม้พระใพธิสัตว์ผู้มีความรู้สูงล่งยังเพลียงพล่าแล่กิเลสได้ ดังนัน การที่เธอเพลี่ยงพล่าครั้งปีจึงเป็นเรืองธรรมดา\" ตรัสแล้ว ทรงระลึก ชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณนำ มุ'ฬุสักข(นซๆดภ มาตรัสเล่า เนี้อหาชาดก ในอดีตกาล ณ กรุงพาราณสี ชายหนุ่มผู้หนึงเป็นฒูสติปัญญา เฉลียวฉลาดมาก สามารถศึกษาศิลปศาสตร์ต่าง ๆ ในสมัย'นั้นจนสำเร็จ 'กุกวิชา แต่ท่านเ'พ็นว่า วิชาการต่าง ๆ เหล่านั้นมิใด้ช่วยให้คนหลุด'ด้น จากกองทุก'ขใด้ จึงได้เข้าป่ามาบวชเป็นฤๅษี บำ เพ็ญเ'ศึยรภาวนาจนได้ อภิญญาสมาปติ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ วันหนึ่ง พระฤๅษีได้เหาะจากป่าหิมพานต์เข้ามายังกรุง่ พาราณลี ขณะที่ท่านกำลังเดินบิณฑบาตผ่านมาทางป่ระดูพระราชวัง พระเจ้าพรหมทัตทอดพระเนตรเห็นท่าน พระองค์ทรงเลึอมไสไน อิริยาบถอันสง่างาม สงบ ลำ รวมของพระฤๅษี จึงมีรับสั่งไห้นิมนต์ ท่านมา แล้วถวายภัตตาหารอันป่ระณีต หลังจากมันทรงอาราธนาไห้ ท่านพำมักอยู่ไนพระราชอุทยาน เพือไห้ท่านได้เป็นผู้ถวายโอวาท แด่ราชนิกุลทงหลาย พระฤๅษีได้'พักอยู่ไนพระราชอุทยานเป็นเวลาได้ ©๖ ปี ท่วม เป็นที่เคารพมับถือของพระเจ้าพรหมทัต พระราชวงค์ และอำมาตย์ ข้าราชบริพารนั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ด้วยท่านมีความรอบรู้นั้งทางโลก และทางธรรมยากที่จะหาผู้Iดทัดเทียมได้

นิทานชาดกเล่มเจิด วันหนีง พระเจ้าพรหมทัตทรงมีความจำเป็นต้องยกทัพ ไปปราบหัวเมืองชายแดนซึ่งมีผู้ก่อความไม่สงบขึ้14 พระองค์มีรับสั่งให้ พระนางมุทุลักขณๆ พระมเหสีให้คอยเอาใจใส่ดูแลพระฤๅษี ให้ท่าน ไดรับความสะดวกสบาย อย่าให้มีลิงหนีงสิงใดขาดตกบกพร่อง หลังจากนันพระองค์จึงเสด็จไปกราบลาพระฤๅษีเพี่ดูเดิมทางใม่ๆ] วันหนึ่ง พระนางมุทุลักขณาทรงจัดเตรียมอาหารลำหรับ พระฤๅษีเสร็จแล้ว แต่พระฤๅษียังไม่มาลักที พระนางจึงเสด็จไปสรงนํ้า ตกแต่งพระองคงดงามแลว จึงกลับมาประทับเอนพระกายอยู่บน พระยีภู'น้อยในท้องพระโรง วันนัน พระฤๅษีเพลิดเพลินอยู่ในฌานจนเกินเาลา ครั้น ออกจากฌาน.แล้ว จึงรีบเหาะเข้ามาทางหน้าต่างท้องพระโรง พระนางมุทุลักขณากำลังลำราญพระอิริยาบฏอยู่ ครั้นทรง ไดยนเสยงผาเปลอกไมเสยดลทันจังสวบสาบ ก็ทรงทราบว่าพระฤๅษี มาแล้ว จงรบผุดลุกขนโดยเร็ว พระภูษาเนีอลืนทีห่มพระวรกายไวั ก็หลุดลงจากเบื้องพระอุระต่อหน้าพระฤๅษีนั่นเอง พระฤๅษีผู้มีศีลบริลุทธึ๋ ตงนั่นอยู่ในพรหมจรรย์จนล่วงเข้า วัยกลางคนไม่เคยใส่ใจในอิสตรีมาก่อน แต่ครั้นได้มาเห็นความงามของ พระเทวีต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ ก็ถึงทับตกตะลึง กามราคะซึ่งดูเหมือนจะไม่ เคยมีนั่น บัดนี้กลับคุโพลงขึ้นมาอย่างกะทันหันจนท่านไม่อาจควบคุม สติไต้ ท่านถึงทับเผลอจ้องมองพระนางแทบไม่กะพริบตา



Clio นิทานชาดกเล่มเจิด ครันเมือพระนางมุทุลักขณาทรงจัดฉลองพระองค์เรียบร้อยแล้ว จึงๆวายภัตตาหาร แต่เมื่อพระฤๅษีรับอาหารแล้วก็กลับมิได้บริโภค ทันที ทั้งยังลืมอนุโมทนา ได้แต่เดินเหม่อลอย งงงวยออกจากปราสาท ไป มิได้เหาะกลับเหมือนเช่นเคย ด้วยเพราะเลื่อมจากฌาน เมือถึงอาศรมแล้ว พระฤๅษียังสำรวมใจไม่ได้ ฉันอาหารไม่ลง ■ก่านมือาการกระลับกระส่าย ผุดลุกผุดนัง ระทมตรมตรอมอยู่ด้วยฤทธึ๋ เสน่หา ยิ่งวันคืนล่วงไปเท่าไรอาการของท่านก็ยิงทรุดหนักลงไปเท่าทั้น ท่านถึงภับไมใปรับภัตตาหาร ไม่เจริญสมาธิภาวนา ปล่อยเนื้อปล่อยตัว มอมแมม ผมเผ้าหนวดเครารุงรัง ร่างกายจึงซูบซีดอิดโรยปราศจาก สง่าราศี ในระหว่างนี พระนางมุทุลักขณามิไดิติดตามมาดูแลพระฤๅษี ทังยังมิได้ลังให้ใครมาดูแลท่านด้วย โดยทรงเข้าใจเอาเองว่า พระฤๅษี คงต้องการปลืกตนอยู่ตามลำพัง ครั้นเวลาผ่านไปได้ ๗ วัน พระเจ้าพรหมทัตทรงปราบปราม ผู้ก่อความไม่สงบยังหัวเมืองชายแดนสำแจราบคาบแล้วจึงเสด็จกลับมา เมื่อทรงเวียนประทักษิณรอบพระนครเป็นการประกาศชัยชนะใหั ประชาซนทั้งหลายทราบแล้ว พระองค์จึงรีบเสด็จไปยังอาศรมเพื่อกราบ พระฤๅษีทันที เมือเสด็จไปถึง พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระฤๅษีนอนซมอยู่ ดวงตาฉายแววแห่งความสิ้นหวัง หน้าตาซูบซีดร่วงโรย ผมเผ้ารุงรัง บริเวณอาศรมก็สกปรกรกเรีอด้วยฝ่นผงและใบไม้แห้ง ทีมุมห้องข้างหนึง

นิทานชาดกเล่มเจ็ด มีบาตรตั้งอยู่ อาหารในบาตรแห้งเกรอะกรัง ล่งกลิ่นเหม็นโชยมาเป็น ระยะ ๆ พระองค์ทรงแปลกพระทัยและปริวิตกห่วงใยในอาการของ พระฤๅษียิ่งนัก จึงทรงจับมีอของพระฤๅษีใว้ แล้วทรงลอบถามกงสาเหตุ ของความเจ็บป่วยครงนี แม้พระฤๅษีจะมีความละอายอย่างนาา แต่เนองจากท่านใม คุ้นกับการกล่าวเท็จ จึงตอบพระเจ้าพรหมนัตใปว่า \"ควรมิควรแล้วแต่จะทรงโปรด มหาบพิตร ความเจ็บปาบ ของอาตมานั้น เกิดขนเพราะความหลงรักทเระนางบุ''งุล้ท \" เป็นคำลารภาพที่พระเจ้าพรหมท็'ตหรงตา'^'^ห่^'^'^^'^ ไ พระองค์ถึงกับทรงนิ่งอึงไปชัวขณะ พระฤๅษกราบทูลต่อใป่อาว่า \"อาตมารู้แก'ใจว่าเปีนการบังลาจ ไม'สมดวรลปางปีง มหา' บพิตรทรงทราบเช่นปีแล้า จะลงโทบ'ลาตมาเ^นไร อาตมากบลม พระเจ้าพรหมนัตทรงรูลึกรันพตพระนัยยงนา''''ป่ร^จ้า^''า' ในนัดนี้ว่า พระฤๅษีผู้ทรงคุณวิเศษ ผู้พรํ่าลอนอมตธรรมให้แก่พระองค์ และราชวงค์ ผู้มั่นคงอยู่ในศีลพรต เป็นทีเคารพนับถึอของคนนังหอาย แต่นัดนี้เล่า ต้องมามีลภาพทีน่าอนาถนัา มองดูราวกับคนลินคิต ''ฝัา พรํ่าหาความรักจากลตรี ตั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าลตรีเป็นข้าศึกต่อพรหน'^รรค์ อนิจจา...สิ่งที่พรํ่าลอนกับสิงทีต้องการช่างตรงข้านานา'^'''''*'^'^'^ เซียวหรือ... พระองค์ทอดพระเนตรฤๅษีอาจารย์ พลางก็นังเกิดความคิตว่า

๗๒ นิทานชาดกเล่มเจ็ด \"!■^าจะปลอยให้อาจาร!!ของเราต้องมาปีส/ๅาy\\แๆ! เราจะต้องลงเคราะห์ท่าน ต้องช่วยท่านให้[ต้\" แล้วตรัสกับพระฤๅ§ๆเา ทานอาคารย์ การใด!/รนนิบตรันใช่อาจา/ย์เปีนยเฎเฦปี/าfQมา ของกระผม ยารททานอาจารย์ปรารถนาพระนางมุ■กุสัฦๆเ/มามม มิใช่เรื่องเหลือวิสัยกระผมขอถวายนางแด่ท่านอาสา/ปี\" \"อะไรนะมหาบพิตรอาตมาไต้ยินถูก■ปี/อเปล่าน}\" พระq'ๅษี ผุดลุกขืนถามด้วยความ!ม่แบ่ใจ \"ไมผดหรอก ท่านอาจารปีกระผมขอถวายพระนางมุกุสัถข/มา แดทานอาจารปี\" พระเจ้าพรหมท้ตตรัสยํ้ๆ จากนั้น พระเจ้าพรหมทัตจึงเสด็จกลับพระราชวัง ใดยมี พระฤๅษอาจารย์เดินตามมาด้วย พระองค์ทรงให้พระqqyนั้งรดูแล้ๆ จึงเลด็จเข้าไปพบพระนางมุทุลัทฃณา พระนางรีบลุกมารับเสด็จ ด้วยความยินดี เมือทํงสองพระองค์ต่างกล่าวถ้ดูยคํๆลันแสดงดี^ดๆๅ}Jรัด ความห่วงใยต่อกันแล้ว พระเจ้าพรหมทัตจึงตรัสทามขึ้นว่า \"นองหญิง ในระหว่างทีพิไปขายแดนปี พระอาจา/ปีเป็น อย่างไรบ้าง บ้องหญิงเอาใจใล่ท่านดีอยู'หรือเปล่าจ๊ะ\" พระนางมุทุลักขณาจึงตรัสเล่าถึงเหตุทารท!วันทีพระดูาจา5-ย์ มารับบิณฑบาตครังสุดท้ายนั้นแล้วท็ใม่ได้นาดูทเ.ลบ

นิทานชาดกเล่มเจิต \"นันแหละ น้องหญิง พือพู่พี?!/พฆทวนมาจงท?วบ'3าพ')พ่ น้วยหนักเจียนจะสินชีวิตหีเ■ดีปี'^\" \"ตายจริง! หม่อนอัน'1ม่ห?านเลปี คตาาหานตงเหาะ1ม่^' ต่อไหน หรืออาจจะปลีกตนหาความสงบวิเวทตามไ'^น้^^^^^'^'^ปี'^'^^ ดูท่านไม่มีอาการว่าจะเจ็บน้วปีเสปีปีเ'เ^ตง^\" ฬf tจ้ใVN?ฬ3JVIPIร\"3d? f ^^^^ ^ ^^บ่ ^ พระนางมุทุลักฃณาได้ฟังแล้วทรงรูลึกตกพระทัยและ'■สียพร\" \"ใธ่เอย.,,ท่านอา^า ท่านสูอุตสาฬนำเท่mยา^นน^'^^'^ แต่ฦลนตองนาไ^ลาดไ^^'^เ' ปี^'^'^^^^'^ 7 น้องคงมีบาปหนานักที่เป็นผู้ท่าลาปีตบะของน้าบ-' ดี'^'^น้'^ ล่ะเพคะ\" '^ท่ปีารีนะ แตนอฺงคอง^านน^^'^ปี เfา^เอะ^ายอาคาTย ให้หาปีหน้ามีดตานัว แล้วน้องก็จะไดีไม่ตองทังาอาาอ-ปีบ^น้ ^^ท่ กลับจะเป็นการสร้างกุคลอทตวปี\" พระเด้าพร'พนฟัตมุบ่รี\"®วลวทวร^ ท^งตรสเลาแผนการ®?Jาง ละเอียดทุก'ข้นทุกต®''-^แลวลงพวท'^^''^'^\"^ อาจารย์ เมื่อพระฤๅษีและพระนางมุทุลักขf' ไ''^^'^®'^^''''^^^'''^ พระราชวัง พระนางจึงตรัสว่า

๗(5: นิทานชาดกเล่มเจ็ด \"ทานอาจารย์ ต่อแต่น ฉันอยู่ในวังไม่ได'แอ้ๆ เราจะต้อง ปีบ้านอย่นะคะ\" นนสนะ ฉันไมเคยมนานนานานๅวัPIง11ๆ อยู่แต่ม่ๆแต่คาอๆ เอ...แอ้วจะหาบ้านไต้ที'ไหนกันล่ะนี่\" \"ฉันก็ไมรู'เหปีอนกัน แต่พระราชาคงพระราชทานบ้านให้เรา ไต้นะคะ อ้าเราไปขอท่าน\" ทั้งสองจึงพากันเข้าไปขอพระราชทๆนเรือนแ ๆ ๆ หลังหนึ่ง ลำ หรับอยู่กันลองคน \"ที่บ้ายวังติดกับชายปา ปีเรือนเล็ก ๆอยู่หลังหนี่งเป็นเรือนอ้าง ไม่ปีใครอาลัยมานานแอ้ว เอาเรือนนั้นไปก็แอ้วกันนะ\" ทังสองจงพากันไปทีเรือนนน ครั้นเข้าไปใทลั1 พระนๆง มุทุลักขณาก็ทรงหยุดเดิน แล้วทำอาการขยะแขยง \"อื้อ...นี่เรือนอะไรกันนี่ สกปรก!เหม็นเหลือเกิน! นี่ม็นอ้วU สาธารณะละมัง...เนี่ย\" \"นั่นน่ะซี เหม็นจริง ๆ แอ้วจะท่าอย่างไรดีล่ะ\" \"ท่านอาจารย์เข้าไปขอจอบ ขอตะกอ้า ขอกังนั้า ไบ้กวาด แอ้วก็แปรงขัดพืนจากในวังมาเร็ว ๆเข้าเกิดค่ะ\" พระฤๅษีรืบกุลีกุจอเข้าไปขอเครื่องไทัเครืองทีอในวังตๅ,งที่ พระนางสั่ง เมื่อได้มาแล้วนางก็บัญชาการให้พระกุๅษีใลัจอบฃุดฐน

นิทานชาดกเล่มเจ็ด ๗๕ หลงเรือน แล้วโกยอุจจาระ1ปฝัง 1หกวาดถูเรอน และใตถุนใหสะอาด พระฤๅษีไม่เคยทำงานหนักเซ่นนี้มาท่อน จึงเก้ๆ กง ๆ แต่ก็ทำทุกอย่าง ตามที่พระนางสั่ง จนกระทั่งเรือนสะอาดส-ล้านดี แต่ท่านก็เหนอย เหงื่อไหลโซมกาย แทบจะยืนไม่อยู่ทีเดียา \"เรือนสะอาดแล้ว พระนาง เราเข้าไปนั่งพักทันท่อนเถอะ\" \"อี๋อ...ไม่ไหวหรอกค่ะ ถึงจะสะอาดแล้ว แต่ก็ยังมีกลิ่นอยู่ดี เร็ว ๆเถอะ รืบไปผสมขี้วัวมาโบกใล้นั่ว ฟานเคยเห็นไหมคะ อย่ๆงลิ่ ชาวบ้านเขาผสมแล้วอาบบานนันแหอะ \"อ๋อ...จ๊ะ ๆอาตมาจะรีบทำเดียวนี้แหอะ\" ด้วยกำลังใจอันเปียมไปด้วยความหาง พระฤๅษีก็ทำตาม คำ ลังของพระนางจนสำเร็จด้วยคี \"เราต้องมีโต๊ะนะคะ\" \"โต๊ะเหรอ...เอามาทำไม\" \"โร่...ทำนก็ 1อามาไววางขาวของนะ'ปีคะรบเ^วไปไห'^งเถปี'\" พระราชาทำนมีเมตตา คงจะพระราชทานใต้เรวไวไข้ล้กต้'งหมี•^'เ^^ปีทั' พระฤๅษีก็?บเข้าไปขอท'5'ะราซทานมา เมอไคํโตะมาแอว พระนางก็ไหไปขอเก้าอี้ ขอ'จู้ ขอตั่ง ขอเตียง ขอทีละอย่าง ๆพระฤๅษี นันเหนือยลายตัวแทบขาต แตดวยพลงแหงความปรารยมา'คา'^ห'คาม มีความอดทนเป็นเยี่ยม ลืมเหนื่อย ลืมอาย แม้หน้าตา เนื้อตัวจะ เปรอะเปีอน สกปรก มอมแมม เดินตุปัดตุเป๋ แบกเตยงเก่า ๆ โต๊ะเกา ๆ

นิทานชาดกเล่มเจ็ด อะไรต่อมิอะไรที'ไปขอพระราชทานมา กึ่งเดินกึ่งธุ่งไปทีามกลาง สายตาชาวบ้านท-ง ๆ ที่ยังห่มผ้าเปสือกไมทนเพศขล^ก gดูยู' ดูช่างน่าสมเพช และน่ากระอักกระอ่วนใจฐ่งนัก เวลาจวนจะเย็น ทุกสิงทุกอย่างทีพระนางนุทุลัก.แกJ ง^ ก็ได้มาแล้ว พระนางจีงไล่ฤๅษีไปอาบนํ้าซำระ^างกายในัล^ดูก^, พระฤๅษีก็ทำตามอย่างว่าง'ายราว่กบแกบ้อยที'ปาตกน^าลัง^ดู จากนน พระฤๅษกเขามาในเรอน นงลงเทียงข้างพJะนาง ทุทุลักขณา แล้วกล่าวชมเชยนาง พระนางหันขวับไปข้องนนัาแลัก ยนมอไปกดศรษะของพระq •ในกน^งพรอมนับกล่ากลักบนำเลีดูง เฉียบขาดว่า \"พระคุณเจ้า มองดูตัวเองให้ถนัด^r ท่านเป็นนักUวๆเ หรือเปล่า\" พระฤๅษีตกใจ กลับไลัสติทันที มองเครื่องแต่งกายในเ!^ศ นักพรตของตนแลัวก็ใจหายกาบ \"...เออหนอ เราเป็นไปได้ถึงเท่ยงปีเชียวหรือนี่ ลู้อุตล่าห้ มาเพญเพปีรมาวนานานานป ยลนเนอปี^^ป็ท่ปียให้ยานง•ๆ(รเ^กํๅเfjj ยอมกระทำทกอย่างราวกับคนเสียสติ ไม่เยรงคำครหาปีนนๆ ไท่เกร^ อาชญา ไม่ยลัวแห้จะตยนรยอเๆสี นั เมื่อไดิดิดแล้ว พระฤๅษีจึงกล่าวขออภัยใทษติอพระนาง ทุทุลักขณาแล้วรีบพาพระนางเข้าเฝัาเทัดูกกก£J^^ปดูy^^J,^ลั^^J^^^q^ โดยไม'รอข้าพลางกราบบังศนพูลว่า

นิทานชาดกเล่มเจ็ต ® \"มหาบพิตร ครํ้งก่อนเมื่อกามราคะกำเ■ริบ อาตมาภาพ มีความปรารถนาจะได้พระนางแต่อย่างเคีบา ครั้นพระองค์พระรา'ร- ทานให้แด้วกลับปรารถนาเรือนพัค เครองอุปโภคบริไภคมาามาบ ไม่สิ้นสด หากแม้อาตมามีความด้องทาร'อะไรต่ออะไรมากมาบ อย่างนั้น อาตมาก็คงไมพนนรกแม่ ขอมหาบพิตรโปรดจงอภับโมบ แก'อาตมา และรบพระนางมุทุลักขณาผู้ปราคจากมอมิบต่บ'โม่^^'^ อาตมาภาพขอกลับไปปาเพ็ถJภาวนาบังม่าบบม^า'บ^' กล่าวจบแล้ว พระฤๅษีก็กำหนดสติ วางใจให้เป็นสมาริ ฌาน อภิญญาทีเลือมไปแล้วก็ทสับเnดขนใหม ทานแสดงปาฎหา^^ ลอยขึ้นไปกลางอากาศ แสดงธรรมถวายแก่พระเล้าพรหมทัตเป็นอเนก- ปริยาย แล้วเหาะไปยังปาหิมพานต์ บำ เพ็ญเพยร เจริญสมาริภาานา อยู่ ณ ที่นั้นจนตลอดอายุขัยของท่านโดยไม'กลับมายังถิ่มม\"4 ครั้นเมื่อสิ้นอายุขัยแล้ว ไดไปกำเนิดยังพรหมโสก <ประขุมซาดก เมื่อพระลัมมาลัมพุทธเล้าทรงแสดงพระ®รรบ' ■ล้'^ ทรงแสดงอริยสัจลี่ โดยอเนกปริยาย พระภิกษุนั้นล่งไจไปตามกระแส พระธรรมเทศนา สามารถเข้าถึงธรรมกายอรหัต เป็นพระอรหัน'ต์ ไนปัดนั้น พระสัมมาล้มพุทธเล้าทรงประ\"ขุม''!'าดก'าา

นิทานขาดกเล่มเจิด 'ฬธะรๆซๆ ได้มาเป็น พระอานนท์ พระนๆงมุทุสักนทเๆ ได้มาเป็น พระอุบลวรรณาเทรี 'พระCเๅษี ได้มาเป็น พระองค์เอง ฃ้อคดจากชาดก ๑. โ)ารบาเพณตนเป็นทลยาถ4มตJ คอมิตรทีดี คอยป็ระค์บ- ป็ระคองกนและทนไนทาคาๆนต ไหพนจากความป็ระนๆท และร้จ้ท ไหอภยนบวาเป็นลิงป็ระเลรี^ ควรป็ฎิบ้ติอย่างยิง เพราะมีแต่ความสุข สวัสดีแก่ทุก ๆ ฝ่าย ๒. เมื่ออยู่ร่วมกับมิตร แม้สนิทสนมป็านได ก็ต้องรัทษๆ ระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา และรักษามารยาทไม้สื ไม่ถือวิสาสะจน เกินไป็ ๓. เรื่องของกามราคะ เป็นเรื่องที่ป็ระมาทไม่ได้ แม้นต่ผู้ด้งไจ รักษาศีลก็ตาม จึงควรระวังตัว มีสติอยู่เสมอ <r. ผู้ที่ตกอยู่ไนอำนาจของกามราคะ มักจะลืมตัวสืมตน กล้าทำไนสิ่งที่ไม่สมควร แม้ฉลาดเท่าฉลาด ก็อาจกลายเป็นคนโงไป็ไตั

นิทานชาดทเล่มเจ็ด อธบๆฃฟั'ฬท์ มุทุลักขณชาดก (อ่านว่า มุ-ทุ-ลัก-ขะ-หนะ-ชา-ดก) มๆทุ ละเอียดอ่อน, ละมุนละม่อม สักซผ ลักษณะ 99งนๆ อาบนำ นระยึ๋ภู่ ทีนอน <ประฑกษณ. การเวียนขวา •พระคาดา\"ประจิ'ไชาดก เอกา อิจฺฉา ปุเร อาสิ อลทฺธา มุทุลกฃณํ ยโต ลทฺธา อาฬารกฺขี อิจฉา อิจฺฉํ วิชายถ ครั้งก่อนยังไม่ได้พระนางมุทุลักขณา ก ความปรารถนามีอย่างเดียว ครั้นได้พระนางผู้มีเนตรแวววกกเข้กดี ความปรารถนาช่วยให้เกิดตกกมบ่รกรก'เ^กย่ก^ ๆ

นิทานชาดกเล่มเจ็ด อุจฉังคชาดก ชาดกว่าด้วยหญิงผู้มีใจรักพี่รักน้อง สิดๆนชเดรสซๆดก เซตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี สาเหดุที่ตรสรๆดก ครังหนงในลมํโยพุทธกาล ณ แคว้นโกศล มีโจรกลุ่มหนึง ได้ปล้นสะดมชาวบ้านแล้วหนีไปพวกชาๆบ้ๆนจึงรQมตัๆทันสืบหๆ โจร จนกระทั่งมาถีงหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งชายฉกรรจ์ ๓ คน กำ ลังไถนาอยู่กลางทุ่ง ชาวบ้านเห็นชายทั่งสามก็คิดว่าเป็นโจรแทลัง ปลอมเป็นชาวนา จึงถีออาวุธตรงรี่เข้าไปหมายจะจับทุม ชายทั่งสาม พยายามอธิบายว่าตนไม'ใช่โจร แต่ชาวบ้านไม'เชื่อ ชํ้ากลับด่าว่าทุบ ตีพวกเขาเสียสะบักสะบอม จากนั้นจึงคุมตัวมาถวายพระเจ้าโทคล เมีอชายทั่งสามถูกจับคุมขังแลัว ได้มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินร้องไห้อยู่รอบ ๆ บริเวณพระราชวัง พลางรำพันว่า

นิทานชาดกเล่มเจ็ด '^® \"โปรดพระราชทานเครื่องนุ่งห่มแก่'เ^ม่ปี^'^' เ^ 77—\" การร้องไห้รำพันของหญิงคนนี ทรงทราบถึงพระเจ้าโกศล พระองค์จึงมีรับลังให้นำผ้าลาฎnผืนหนงไปมอบไหแก่น'^ เมอนางเห็น ผ้านํนแล้ว กลับยิงร้องห่มร้องไห้หนัทขน แล้วกล่าวว่า \"หม่อมฉันไม่ต้องการผ้าอย่างนี้ หม่อมฉันขอพระราชทาน เครื่องนุ่งห่ม คือสามี\" ราชบุรุษจึงนำถ้อยคำของนางไปกราบหูล'!'^^^'•ลาโ'ไ^® พระองค จึงให้นำหญิงนันเข้าเผ้าแล้วทรงลอบกาบ หญิงนันตอบว่า \"พระองค์ผู้เปีนเทพเจ้า สามีซื่อว่าเครื่องนุ่งห่มของหญิง เมื่อไม่มีสามีแม้หญิงจะนุ่งห่มผ้าราคาต้ง ๑,0๐๐ กระษาปณ์ก็ย่อม ซื่อว่าหญิงเปลือยอยู่'นันเอง แม่นำไม่มีนำ ชือว่าเปลอย แว่นแควนไม่ม ราชา ซื่อว่าเปลือย หญิงปราศจากสามี ถึงจะมี'พีม้องต้ง ๑๐คน กชอว่า เปลือย\" พระเจ้าโกศลได้ลดับคำของนางแล้ว บังเกิดความรูลึกเลือมใล จึงตรัลถามถึงลามีของนาง แล้วทรงให้เบิกตัวนักโทษ'ทังลามออกบา ตรัลว่าจะคืนชายคนหนึ่งให้แก่นาง นางต้องการผู้!ดหญิงนึ่นตอบว่า ต้องการพี่ โดยให้เหตุผลว่า นางยังมีชีวิตย่อมหาลามีใหม่ไต้ เมีอมี ลามีก็ย่อมมีบุตรใหม่ไต้แต่บิดามารดาของนางไดสินชีวิตไปแล้ว นางคงไม่ อาจจะหาพี่ชายไดอีก นางจึงขอพระราชทานชีวิตพีชาย พระเจ้าโกศลเห็นความฉลาดของหญิงนีแล้ว ทรงพอพระทัย และโปรดให้ไว่ชีวิตชายทํ้งลาม

นิทานขาดกเล่มเจิด เรื่องทีหญิงผู้นี้สามารถช่วยชีวิตชายทั้งลามคนได้ เป็นที เลื่องลือกันทั่วไปในหมู่ชาวเมืองลาวัตที แม้แต่ในหมู่ภิกษุทีเชตวัน- มหาวิหารก็เช่นกัน จนกระทังความนีทรงทราบถึงพระส์มมาลัมษุทฐเด้า พระพุทธองค์จึงทรงระลึกชาติแต่หนหลังด้ายบุพเพนิๆๅลๅนุjญๆ^น แล้วตรัสแก'พระภิกษุทั้งหลายว่า \"ดูก่อนภิกษุ หญิงนีใช่จะปลดเปลื้องคนทั้งสามใiMนจาก ทุกขํในบัดปีเท่านันดอก ถึงในปางก่อนก็ได้ปลดเปลื้องทุกข็ให้ด้วย เหมือนกัน\" แล้วทรงนำ อุจฉังคซๆดก มาตรัสเล่า ดังนี้ เนี้อหๆซๆดก ในอดีตกาล เมือครั้งพระเด้าพรหมทัตครองราชสมบ้ติกรุง พาราณสี มีชาย ๓ คน ไถนาอยู่ทีหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ขณะนน มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งทีออาวธครบมือ วิงเข้ามาจับชายทั้งสามโดยกล่าวหา ว่าทั้งสามเป็นโจรปล้นทรัพย์หนีมา แล้วยังแกล้งทำเป็นชาวนา เพื่อตบตาคนอื่น ๆ อีก แม้ว่าชายทั้งสามจะชี้แจงอย่างไร พวกชาวบ้านก็ ไม่ฟัง ชำ ยังเตะต่อยทุบตีจนสาแก่ใจ จากนน จึงลากตัวไปถวาย พระเด้าพรหมทัต เมือชายทั้งสามถูกคุมขังตัวเป็นนักโทษอยู่ทั้น หญิงคนหนึ่งได้ เดินร้องไห้อยู่รอบ ๆ พระราชวัง พลางรำพันขอพระราชทานผ้าห่ม จากพระเด้าพรหมทัต แต่เมือพระองค์ให้ราชบุรษนำผ้าห่มมามอบ

นิทานชาดกเล่มเจ็ด ให้ หญิงนั้นกลับบอกว่าต้องการสามี โดยนางกล่าวกับพระเจ้า พรหมท้ตว่า \"แมนาไม่มีนา ชื่อว่าเปลือย แว่นแคว้นไม่ปีราชา ชือว่าเปลือย หญิงปราศจากสาปีถึงจะปีปีน้องตํ้ง ©๐ กิชือว่าเปลือย ด้วยเหตุปี หม่อมฉันจึงขอพระราชทานสาปีเ'คอะ\" \"สาปีของเด้าอยู่ที่ไหนล่ะ\" พระเจ้าพรหมทัตตรัสถาม \"สามีของหม่อมฉันถูกจับตัวเป็นนัทโทษคว้อ^7 ทันนุต^ช^ย แสะพี่ชายของหม่อมฉันที่หม่บ้วนช^น' น'■ปี'^ 'ปี'^ ทันบวปี'■คอจั' พระเจ้าพรหมทัดจึงมีรับลังให้เบิกตัว'^า^'กั^^าม'®®ถม'^ ตรัสกับนางว่า \"ไอโจรสามคนปีปีอวามมิดร้าย'■'■รงนัย เทยวปสน^ะดบ'■ชว แล้ว ยังแกล้งปลอมตัวเป็นชาวบ้านอนอ''อ^ลืน 7ปี^ แม้ถูกจันไตัก ยังปากแข็ง ไม่รับสารภาค แต่เมื่อเด้ามาขอชีวิตมันทับข้า ข้าก็จะไว่ชีวิต ให้สักคน เจ้าจะเลือกเอาคนไหนก็ได้เคราะสำหรับข้าแล้วมันทั้งสามปี โทษมิดถึงตายเท่ากันหมด!\" นางมองซายทงสามแล้วร้องไห้ พลางกล่าวกับพระเจ้าพรหมทัต ว่า \"ชายทังสามคนปีเป็นทีรักยิงชีวิตของหมอมจัน ช่างเป็นการ สำ บากใจเหลือเกินที่จะเลือกให้คนหปีงรอด แล้วอีกสองอนด้องตาย

นิทานชาดกเล่มเจ็ด แต่เมื่อหม่อมฉันไม่ปีทางเลือกอย่างอื่นอีท,,,หม่อมฉันก็ขอเลือก,,,ปี'ชาย เพคI \"อะไรนะ เจ้าเลือกปีชายรึf\" พระเจ้าพรหมทัตตรัสถๆมด้Qย ความไม่แน่พระทัยว'ๆทรงฟังถูกต้องหรือไ,ม' เพราะพระทัยของพระองค์ ทรงคาดว่านางคงต้องเสือกสามีหรืออย่างน้อยท็เลือกลูก พระองค์จึง ตรัสถามถึงเหตุผลที่นางต้ดสินใจเสือกพี่ชาย \"ขอเดชะ พระองค์ผู้เป็นลมมติเทพ บุตรนั้นย่อมเกิดใ■นคfรค์ เหปีอนอยูในพกในห่อของหม่อมฉัน หม่อมฉันย่อมให้กำเนิดแก่บุตร เองได ลานลามเลา เมอหมอมฉันยงมชีกิตเอย่ หากห้องกาfลาปี เมอเดนไม่ตามทาง ปีอมหาไดไมtเากนัก แต่โอกาลปีหม่อมฉันลง^ปีปี น้องร่วมห้องฟอแม่เดีปีๆกันหม่อมฉันมองไม่เห็นๅทางเ^ย เพราะพ่อ แมของหมอมฉันไดเลปีชวดไม่แลาทังดู่ หม่อมฉันจึงขอเลือกปีห้ เลี้ปีงดู ป้อนจ้าวห้อนนั้า คอปีม่กป้องภปีนตราปีนั้งหลาย ลอนให็^รู้ ชัว เปีอปีโอกาล หม่อมฉันจึงขอตอบแทนคุรนของพี่ชายในครํ้งนี้\" พูดแล้ว นางก็หันไปมองสามี แล้วทรุดกายก้มลงกราบ \"พจ๋า โม่รดปีกโทษให้ห้วย ปีน้องไม่อาจช่วยชีวิตพี่ไห้ตลอด เวลาปีเราร่วมชีวิตกันมา ความดีของพี่ น้องจะขอจดจ๋าไจ้ตลอดชีวิด และจะจงรักภักดีต่อพี่จนกว่าชีวิตจะหาไม่ พี่จ๊ะ น้องทำผิดกับปี'ในดรั้ง นี้ก็เพราะน้องห้องตอบแทนพระคุณของพี่ชายชึ่งปีบุญคุรน ยU เสปีอนพ่อแม่ ขอให้พี่จงเจ้าใจ และขออโหสิกรรมให้นองด้ายเกิด แมปีสิ่งใดพี่น้องไห้ทำให้พี่ห้องขุ่นจ้องหมองใจ นัง้ต่อหน้าและลับหลัง

'ส ร^:^ร่^:!:^Jะ^^ ^1\\!^t^l«]i\\M:(5A

นิทานชาดกเล่มเจ็ด ทังทีตั้งใจและไม่ได้ตํ้งใจ ก็ขอให้ที'อย่าได้ถือโทษแก'น้องเลย...\" ลามีของนางได้ยกมือของนางที่พนมอยู่เข้ามาทดูดไว้แ-^^ดูท แล้วกล่าวอโหสิกรรมให้นาง ทํ้งยังบอกว่านางทำถูกแล้ว แล้วอวยVNรให้ นางมีความสุขความเจริญ จากนัน นางตรงเขาไปคุกเขากอดลูก พลางยกมือขึนลูบVเล้ง ลูบไหล่ด้วยนำตานองหน้า \"ลูกจา ยกโทษให้แม่ด้วยนะจ๊ะ โปรดให้โอกาลแมใด้ตอนเทน บุญคุณของลุงเจ้าด้วยเถิด ลูกเป็นเสมือนแก้วตาดวงใจของแม่ ฦๆfตัต สนใจเลอกของแมเหมอนสงลูกให้ไปตาย แม่ปวดร้าวเหมือนเขือตเถือu ใจของตัวเอง...อโหสิให้แม่ด้วย\" นางไม่อาจกล่าวคำได คุ ออกมา ไดอีก ได้แต่กอดลูกร้องไห้อยู่อย่างนน \"แม่จ๊า แม่ตัดสินใจถูกแล้ว คุณลุงดีก้บแม่ทันทีอ และทันอท มาตลอด แม่ตอนแทนพระคุณของลุงครํ้งน ลูกขออนุโมทนาด้วน\" ภาพที่นางเข้าไปลํ่าลาสามีและลูก ทั้งถ้อยคำอำลานั้น ได้ก่อไห้ เกิดความสะเทือนไจแก'พระเจ้าพรหมทัดและอำมาตย์ข้าราๆ]บริพๆ5■โ,^ยู ทั่วหน้า นี่นํะหรือ โจรไจหินที่ปล้นทรัพย์ซาวบ้านช่างรู้จักกตัญญูกตเ,วที รบาปบุญเจุณโทษ คนเช่นนี้จะเป็นโจรไปได้อย่างไร ข่ ๆ ••' จิ พระเจ้าพรหมทัตจึงทรงซักถามความเป็นมาของซายูทั้งสาบ ด้วยพระองค์เอง ด้วยพระปรีซาสามารถและปฏิภาณ พระองค์ทรง แน่พระทัยว่า ซายทั้งสามเป็นผู้บริสุทธึ๋ จึงโปรดไห้ปล่อยตัวไปไนวันนั้น เอง

นิทานขาดกเล่มเจิด 1|9ะซมซๆดก เมื่อพระสัมมาส์'มพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาจบ แล้ว ทรงประชุมชาดกว่า คนหํ้งสีในอดีต ได้มาเป็น คนทั้งสี่ในครั้งนี้ 'พระเจ้า'พร'พมทัต ได้มาเป็น พระองค์เอง ข้อคิดจากซ'าดก ๑. ผู้ที่มีหน้าที่ปราบปราม นำ คนผิดมาลงโทษ ควรพิจารณา อย่างรอบคอบ อย่าจับคนด้วยเพียงการคาดคะเน เพราะการลงโทษ คนบริสทธึ๋เป็นบาปยิ่งนัก การปล่อยคนผิดไป ๑๐0 คน ยังดีกว่าการลง โทษคนบริลุทธึ๋เพียงคนเดียว ๒. คนเราควรหาโอกาส \"ตอบแทนคุณ\" ชองผู้ที่มีพระคุณต่อ เราอยู่เสมอ ๓. ผู้ที่รู้บุญคุณและตอบแทนบุญคุณ ย่อมไม่ถึงความตกตํ่า อย่างแน่นอน <r. ผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ไนหสักธรรม แม้ความตายมาถึงตัว ก็มีสติตั้ง มั่น ไม่หวั่นไหว สามารถเผชิญความตายโดยอาจหาญ ย่อมเป็นผู้ที่ \"ประลบสุขได้แม่ไนยามทุกข์\" ๕. พี่น้องกันนั้น \"ฆ่ากันไม่ตาย ขายกันไม่ขาด\" แม้จะมีเรือง ผิดไจกันอย่างไร แต่เมีอมีเรืองเดือดร้อน ย่อมพงพากันได้

นิทานขาดกเล่มเจ็ด อรบๆยสั'ฬท์ อุจฉังคชาดก (อ่านว่า อุด-ฉัง-คะ-ชา-ดท) อุจฉังค ตัก เอว พก รังผ้า อโฬสิกรรม การไม่เอาบาปต่อกัน อนุโมฬนๆ ความยินดีในความดีของ^น บฏิภๆ(น ไหวพริบ เชาวน์ 'พระคาดาบระจำชาดก นคคา นที อโนทกา นคฺคํ J£J ดู ดู อิตฺถี วิธวา นคฺคา ยสฺลาดูเ'ทส ภๅp,<[5 แมนาไมมนา ชอวาเปลอย แวนแควนไม่มีราขา ซือาาเปลืลย หญิงปราศจากสามี แม้จะมีพี่น้องตั้ง ๑0 คน ก็ชื่อว่าเปลือย

\"นิทานซาดกคือคำสอนแบบเล่านิทานคติร'5รม คํร'^ร ชาตกหรือชาดกแปลว่า ผู้เกิด คือเล่าถึงการทีพระพุทรเจ้า ทรงเวียนว่ายตายเกิด ถึอเอากำเนิดในชาติต่างๆ ได้พบปะ ผจญกับเหตุการณ์ดีบ้างชั่าบ้าง แต่ก็ได้พยายามทำดาามดี ติดต่อกันมากบ้างน้อยบ้างตลอดมา จนเป็นพระพุทรเจ้า ในชาติสุดท้าย กล่าวอีกอย่างหนี่ง จะถึอว่านิทานชาดก เป็นวีวัฒนาการ แห่งการบำเพ็ญคุณงามความดีชอง พระพุทรเจ้า ตังแต่ยัง เป็นพระโพธิส์'ตวอฒูได้ ลาระสำคัญจึงอยู่ที่คุณงามความดี และอยู่ที่คติธรรมในนิทาน\" จาก พระไตรป็ฎกฉบับสำหร้บประชาซน

วิธีแกสมาธิเบื้องด้น สมาธิ คือความสงบ ร(บาย และ เกร็ง แต่อย่าให้หลังโค้งงอ หลับตาพอ ความฐ้สีกเป็นสุขอย่างยิ่งที่บบุษย์ สบายคล้ายกับกำลังพักผ่อนไม่บีบกล้าม สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง เป็นยิ่ง เนีอตาหรือว่าขมวดคิ้ว แล้วตั้งใจมั่น ที่พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้เป็น.ฐฐ วางอารมณํ[สบาย สร้างความรู้ล้กให้ ควรปฏิบัติเพื่อการดำรงชีวิตทุกานอย่าง พร้อมทังกายและใจ ว่ากำลังจะเข้าไป เป็นสุข ไม่ประมาท เต็มไปด้วยสติสัม ฟูภาวะแห่งความสงบสบายอย่างยิ่ง ปชัญญะ และปัญญา อันเป็นเรื่องไม่ ๔. นีกกำหนตนิมิต เป็น \"ตวงแก้ว เหลีอวิสัย ทุกคนสามารกปฏิบัติได้ง่ายทุ กลมใส\" ขนาดเท่าแก้วดาดำ ใสสนิท ดังวิธีปฏิบัติที่ พระเดชพระคุณพระ ปราคจากราคี หรือรอยดำหนิใดทุ ขาว มงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร) หลวงพ่อ ใสเย็นตาเย็นใจ ดังประกายของดวงดาว วัดปากนํ้าภาษีเจริญได้เมดดาสังสอน ดวงแก้วกลมใสนี้เริยกว่า บริกรรมนิมิต ไว้ดังนี้ นิกสบายทุ นึกเหมือนดวงแก้วนั้นมา 0. กราบบูชาพระรัตนตรัย เป็น นิงสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด การเตรียมดัวเตริยมใจโห้นุ่มนวลไว้เป็น นึกไปภาวนาไปอย่างนุ่มนวลเป็นพุทฐา เบืองต้น แล้วสมาทานคืลห้าหริอคืล นุสติว่า \"สัมมาอะระหัง\" หรือค่อยทุ . แปดเพื่อยำความมั่นคงในคุณฐรรมของ น้อมนึกดวงแก้ว กลมใสให้ค่อยทุ เคลื่อน ตนเอง เข้าฟูศูนย์กลางกายดามแนวฐาน โดย เท. คุกเช่าหรือนั่งพับเพียบสบายทุ เริมต้นดังแด'ฐานที่หนึ่งเป็นด้นไห่ นิอม ระสึกถึงความดี ที่ได้กระทำแล้วใน ด้วยการนึกอย่างสบายทุ ใจเย็นทุ ไห่ วันนี ในอดีต และที่ตั้งใจจะทำต่อไป พร้อมทุ กับดำภาวนา ในอนาคตจนราวกับว่าร่างกายทั้งหมด อนึ่ง เมื่อนิมิตดวงใส และกลมสนิท ประกอบขึ้นด้วยธาตุแห่งคุณงามความ ปรากฏแล้ว ณกลางกายให้วางอารมfu ดีล้วนทุ สบายทุ กับนิมิตนั้น จนเหมือนกับว่า ๓. นั่งขัคสมาธิ เท้าขวาทับเห้า ดวงนิมิตเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์หาก ซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นี้วขี้ขวาจรด ดวงนิมิตนั้นอันตรธานหายไป ก็ไม่ต้อง ทัวแม'มือซ้าย นั่งให้อยู่ในจังหวะพอดี นึกเสืยดาย ให้วางอารมณ์สบายแล้ว ไม่ตินร่างกายมากจนเกํ๋นไป ไม่ถึงกับ นึกนิมืดนั้นขึ้นมาใหม่แทนดวงเก่า หรือ

เมื่อนิมิตนั้นไปปรากฏที่อื่น ที่มิใช่ศูนย์ หายใจ หริอนึกเมื่อใดเป็นเห็นได้ทุกที กลางกาย ให้ค่อยๆ น้อมนิมิตเข้ามา อย่างนี้แล้ว ผลแห่งลมาริจะทำ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีการบังคับ ให้ชีวิตดำรงอยู่บนเล้นทางแห่งความสุข และเมื่อนิมิตมาหยุดสนิท ณ ศูนย์กลาง ความส่าเริจ และความไม่ประมาทได้ กาย ให้วางสติลงไปยังจุดศูนย์กลาง ตลอดไป ทั้งยังจะทำให้ลมาธิละเอียด ของดวงนิมิต ด้วยความรู้สิกคล้ายมี อ่อนก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ได้อีกด้วย ดวงดาวดวงเล็กๆ อีกดวงหนึ่งข้อนอยู่ ดรงกลางดวงนิมิตดวงเดิม แล้วสนใจ ข้อควรระวัง เอาใจใส่แต่ดวงเล็กๆ ตรงกสางนั้นไป 0. อย่าใช้กำลัง คือ ไม่ใข้กำลัง เรื่อยๆ ใจจะปรับจนหยุดได้ถูกส่วน ใดๆ ทั้งสิน เช่นไม่ปีบกล้ามเนี้อดา เพี่อ แล้วจากนั้นทุกอย่างจะค่อยๆ ปรากฏ จะให้เห็นนิมิตเร็วๆ ไม่เกร็งแขน ไม่ ให้เห็นได้ด้วยตนเอง เป็นภาวะของ เกร็งกล้ามเนี้อหน้าห้องไม่เกร็งตัว ฯลฯ ดวงกสม ที่ทั้งใสทั้งสว่างผุดข้อนขึ้นมา เพราะการใข้กำลังตรงส่วนไหนของ จากกึ่งกลางดวงนิมิต ตรงที่เราเอาใจ ร่างกายก็ดาม จะทำให้จิตเคลื่อนจาก ใส่อย่างสมื่าเสมอ ศูนย์กลางกายไปส่จุดนั้น ดวงนี้เรียกว่า \"ดวงธรรม\" หรีอ ๒.อย่าอยากเห็น คือทำใจให้เป็น \"ดวงปฐมมรรค\"อันเป็นประตูเบื้องด้น กลางประคองสติมิให้เผลอจากบริกรรม ที่จะเป็ดไปส่หนทางแห่งมรรคผลนิพ- ภาวนาและบริกรรมนิมิต ส่วนจะเห็น พาน การระลกนึกถึงนิมิต หรีอดวงปฐม นิมิตเมื่อใดนั้น อย่ากังวล ถ้าถึงเวลา มรรคลามารถทำได้ในทุกแห่งทุกที่ ทุก แล้วย่อมเห็นเอง การบังเกิดของดวง อิริยาบถ เพราะดวงธรรมนี้คีอที่พึ๋งอัน นิมิตนั้น อุปมาเสมีอนการขึ้นและตก เป็นที่{เดแล้วของมนุษย์ ของดวงอาทิตย์ เราไม่อาจจะเร่งเวลาได้ ข้อแนะนำ คือ ต้องทำให้สมาเสมอ ๓. อย่ากังวลถึงการกำหนดลม เป็นประจำ ทำ เรื่อยๆ ทำ อย่างสบายๆ หายใจเช้าออก เพราะการแกสมาธิ ไม่เร่ง ไม่บังคับ ทำ ได้แค่ไหนให้พอใจ เจริญภาวนาวิชชาธรรมกาย อาคัย แค่นั้นอันจะเป็นเครื่องลกัดกั้นมิให้เกิด การเพ่ง \"อาโลกกสิณ\" คือกสิณความ ความอยากจนเกินไปจนถึงกับทำให้ใจ สว่าง เป็นบาทเบื้องด้น เมื่อเกิดนิมิต ด้องสูญเสืยความเป็นกลาง และเมื่อ เป็นดวงสว่างแล้วค่อยเจริญวิป็ลลนา การปฏิบัติบังเกิดผลแล้ว ให้หมั่นตรึก ในภายหลัง จึงไม่มีความจำเป็นต้อง ระลึกนึกถึงอยู่เลมอ จนกระทั่งดวงปฐม กำ หนดลมหายใจเข้าออกแต่ประการใด มรรคกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลม ๔. เมื่อเลิกจากนั่งสมาธิแล้ว ให้

ภาพแสดงที่ตั้งจิตทั้ง ๗ฐาน ฐานที่ ๑ ปากช่องจมูก {หญิงข้างซ้าย ฐานที่ ๒ เพลาตา ชายข้างขวา {หญิงข้างซ้าย ชายซ้างขวา ฐานที่ ๓ จอมประสาท ฐานที่ ๔ ช่องเพดาน ฐานที่ ๕ ช่องปากลำคอ ฐานที่ ๖ ศูนย์กลางกายระดับสะดือ ฐานที่ ๗ ศูนย์กลางกายที่ตั้งจิตถาวร ตั้งใจไว้ที่ศูนย์กลางกายที่เดียวไม่ว่าจะ จะไต้เป็นการพักผ่อนหลังจากการ อยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม เซ่นยืนก็ดี เดิน ปฏิบัติหน้าที่ภารกิจประจำวัน โดยไม่ — _ !_ จ'— ปรารถนาจะทำให้ถึงที่สุตแห่งกองทุกข์ ยังคิดอยู่ว่าการอยู่กับบุตรภรรยาการ บริกรรมภาวนา พร้อมกับนึกถึงบริกรรม มีหน้ามีตาทางโสก การทํองเที่ยวอยู่ใน นิมิตเป็นดวงแก้วใสควบคู่กันตลอดไป วัฏฏสงสาร เป็นสุขกว่าการเข้านิพพาน ๕. นิมิตต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะต้อง เสมีอนทหารเกณฑ์ที่ไม่คิดจะเอาดีใน น้อมไปตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายตั้งพมต ถ้า ราขการอีกต่อไปแล้ว นิมิตที่เกิดขึ้นแล้วหายไป ก็ไม่ต้องตาม การแกสมาธิเบื้องต้นเท่าที่กล่าว หาให้ภาวนาประคองใจต่อไปตามปกติ มาตั้งหมดบื้ก็พอเป็นปัจจัยให้เกิดความ ในที่สุตเมื่อจิตสงบ นิมิตย่อมปรากฏ สุขไต้พอสมควร เมื่อซักข้อมปฏิบัติอยู่ I^aoa เสมอๆ ไม่ทอดทิ้ง จนไต้ดวงปฐมมรรค ล้าหรับผู้ที่นับถึอพระพุทรศาสนา แล้ว ก็ให้หมั่นประคองรักษาดวงปฐม เพียงเพื่ออาภรถไประดับกาย หรือเพื่อ มรรคนันไว้ตลอดชีวิต และอย่ากระทำ เป็นพีธีการซนิตหนึ่ง หริอผู้ที่ต้องการ ความชั่วอีก เป็นอันมั่นใจไต้ว่าถึงอย่างไร ^เกสมาธิเพียงเพื่อให้เกิดความสบายใจ ชาตินี้ ก็พอมีที่พื่งที่เกาะที่ดีพอสมควร

คือเป็นหลักประกันได้ว่าจะไม่ต้องตก ©.๔ ด้านสืลธรรมจรรยา นรกแล้วทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป - ย่อมเป็นผู้มีลัมมาทิฏฐิ เชื่อกฎแห่ง กรรม สามารถคุ้มครองตนให้พ้นจาก ประโยชน์ของการแกสมาธิ ความชั่วทั้งหลายไต้ เป็นผู้มีความ e. ผลต่อตนเอง ประพฤติดี เนื่องจากจิตใจดี หำ ให้ความ ประพฤติทางกายและวาจาดีดามไปด้วย 0.0 ด้าน^ชภาพจิต - ย่อมเป็นผู้มีความมักน้อย ลันโดษ - ส่งเสริมให้คุณภาพของใจดีขึ้น คือ หำ ให้จิตใจผ่องใส สะอาด บริสุทธึ๊ สงบ รักสงบและมีขันติเป็นเลิศ เยือกเย็น ปลอดโปร่ง โล่ง เบา สบาย - ย่อมเป็นผู้มีความเอื้อเทั้อเผื่อแผ่ มีความจำ และสติปัญญาดีขึ้น เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประ- - ส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ หำ ให้ โยชน์ส่วนตัว ย่อมเป็นผู้มีลัมมาคารวะ ติดอะไรไต้รวดเร็วถูกต้อง และเลือก และมีความอ่อนน้อมท่อมตน คิดแต่ในสิงที่ดีเท่านน 0.๒ ด้านพัฒนาบุคลิกภาพ ๒. ผลต่อครอบครัว - จะเป็นผ้มีบุคลิกภาพดี กระฉับ ๒.© หำ ให้ครอบครัวมีความสงบสุข กระเฉง กระปริกระเปร่า มีความองอาจ เพราะสมาซิกในครอบครัวเห็นประ- สง่าผ่าเผย มีผิวพรรณผ่องใส โยชน์ของการประพฤติธรรม ทุกคนตั้ง - มีความมั่นคงทางอารมเน์ หนัก แน่น เยือกเย็นและเชื่อมั่นในดนเอง มั่นอยู่ในคืล ปกครองกันด้วยธรรม เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็กทุก - มีมนุษยลัมพันร์ดี วางตัวไต้ คนมีความรักใคร่สามัคคีเป็นนี้าหนื่งใจ เหมาะสมกับกาลเทศะเป็นผู้มีเสน่ห์ เดียวกัน เพราะไม่มักโกรธ มีความเมดดากรุณา ๒.๒ หำ ให้ครอบครัวมีความเจริญ ต่อบุคคลทั่วไป ก้าวหน้า เพราะสมาซิกต่างก็หำหน้าที่ o.n ด้านชีวิตประจำวัน ของตนโดยไม่บกพร่อง เป็นผู้มีใจคอ - ช่วยให้คลายเครียด เป็นเครื่อง หนักแน่น เมื่อมีปัญหาครอบครัวหรือมี เสริมประสิทธิภาพในการหำงาน และ อุปสรรคอันใด ย่อมร่วมใจกันแก้ไข การคืกษาเส่าเรียน ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ - ช่วยเสริมให้มีสุขภาพร่างกาย แข็งแรง เพราะร่างกายกับจิตใจย่อม ฅ. ผลต่อสังคมและประเทศชาติ มีอิทธิพลต่อกันถ้าจิตใจเข้มแข็งย่อม ๓.© หำ ให้สังคมสงบสุข ปราศจาก เป็นภูมิต้านทานโรคไปในตัว ปัญหาอาชญากรรม แล^ปัญหาลังคม

อื่นๆ เพราะปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นใน มีผู้ไม่ประสงค์ดีต่อสังคมจะมายุแหย่ให้ สังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการฆ่า การ เกิดความแตกแยกก็จะไม่เป็นผลสำเร็จ ข่มขืน โจรผู้ร้าย การทุจริตคอรัปชั่น เพราะสมาชิกในสังคมเป็นผู้มีจิตใจ ล้วนเกิดขึ้นมาจากคนที่ขาดคุณธรรม หนักแน่น มีเหตุผลและเป็นผู้รักสงบ เป็นผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอหวั่นไหวต่ออำนาจ สังยั่วยวนหรือกิเลสได้ง่าย ผู้ที่แกสมาธิ ๔. ผลต่อศาสนา ย่อมมีจิตใจเข้มแข็ง มีคุณธรรมในใจสูง ๔.® ทำ ให้เข้าใจพระพุทธศาสนาได้ ล้าแต่ละคนในสังคมต่างแกฝนอบรมใจ อย่างถูกด้อง และร้ขึ้งถึงคุณค่าของ ของตนให้หนักแน่น มั่นคงปัญหาเหล่า พระพุทธศาสนารวมทังรู้เห็นด้วยตัวเอง นี้ก็จะไม่เกิดขึ้นล่งผลให้สังคมสงบสุขได้ ว่าการแกสมาธิไม่ใข่เรื่องเหลวไหส หาก ฅ.๒ ทำ ให้เกิดดวามมีระเบียบวินัย แต่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พ้นทุกข์เข้าล่ และเกิดความประหยัด ผู้ที่แกใจให้ นิพพานได้ ดีงามด้วยการทำสมาธิอยู่เสมอ ย่อม ๔.๒ ทำ ให้เกิดศรัทธาตั้งมั่นในพระ เป็นผู้รักความมีระเบียบวินัย รักความ รัตนตรัย พร้อมที่จะเป็นทนายแก้ต่าง สะอาด มีความเคารพกฎหมายของบ้าน ให้กับพระศาสนาอันจะเป็นกำลังล่าดัญ เมีอง ดังนั้นบ้านเมีองเราก็จะสะอาด ในการเผยแผ่การปฏิบัติธรรม ที่ถูก น่าอยู่ไม่มีคนมักง่ายทั้งขยะลงบนพื้น ต้องให้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง ถนน จะข้ามถนน ก็เฉพาะตรงทางข้าม ๔.๓ เป็นการสืบอายุพระพุทธ- เป็นด้น เป็นเหตุให้ประเทศชาติไม่ต้อง ศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป เพราะ สันเปลืองงบประมาณ เวลา และ ตราบใดที่พุทธศาสนิกชนยังสนใจปฏิบัติ กำ ลังเจ้าหน้าที่ ที่จะไปใช้ล่าหรับแก้ ธรรมเจริญภาวนาอยู่พระพุทธศาสนา ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความไม่มีระเบียบ ก็จะเจริญรุ่งเรืองอยู่ตราบนั้น วินัยของประชาชน ๔.๔ จะเป็นกำลังส่งเสริมทะนุบำรุง ๓.เท ทำ ให้สังคมเจริญก้าวหน้า เมื่อ ศาสนา โดยเมื่อเข้าใจชาบซึ้งถึงประ- สมาชิกในสังคมมีสุขภาพจิตดี รักความ โยชน์ของการปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง เจริญก้าวหน้า มีประสัทธิภาพในการ แล้วย่อมจะซักชวนผู้อื่นให้ทำทาน ทำ งานสูง ย่อมล่งผลให้สังคมเจริญก้าว รักษาสืล เจริญภาวนาตามไปด้วย และ หน้าตามไปด้วย และเมื่อมีกิจกรรมของ เมื่อใดที่ทุกคนในสังคมตั้งใจปฏิบัติธรรม ล่วนรวม สมาชิกในสังคมก็ย่อมพร้อม ทำ ทานรักษาสืล และเจริญภาวนา เมื่อ ที่จะสละความสุฃล่วนตน ให้ความ นั้นย่อมเป็นที่หวังได้ว่าสันติสุขที่แห้จริง ร่วมมีอกับล่วนรวมอย่างเต็มที่ และถ้า ก็จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

บรรณานุกรม 9 พระไตรปีฎกภาษาไทย ฉบบหลวง (กรุงเทพฯ, กรมการศาสนา, ๒๕๒๕) เป็นพระไตรปีฎกฉบับแปลจากภาษาบาลีที่สมบูรณ์ฉบับ แรกในประเทศไทย มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสืกษาค้นคว้าทาง พุทรศาสนาในส่วนที่เป็นซาดก จะมีเฉพาะพุทธพจน์หรือคำสุภาษิต สันสุ เป็นเนื้อหาธรรมะล้วนสุ ผู้อ่านจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐาน ทางศาสนา แสะภาษาบาลี ใช้เป็นหสักในการค้นคว้าของนักคํกษา วิชาการศาสนา 9 พระคัมภีร์ชาดกแปล ฉบับ ส.อ.ส. (พระนคร, โรงพิมพ์ยิ้มศรื, ๒๔๙๓)เป็นฉบับแปลจากภาษาบาลี ซี่งแต่งโดยพระพุทธโขษาจารย์ พระเถระ ชาวอินเดีย เมื่อประมาณ พ.ศ. ๙00โดยนำพุทธพจน์ใน พระไตรปีฎกมาขยายความเป็นอรรถกถาให้อ่านเช้าใจง่ายขึ้น 9 พระสูตรและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัย(กรุงเทพฯ เฉลิมชาญการพิมพ์, ๒๕๒๖) เป็นฉบับแปลจากภาษาบาลีของพระ พุทธโฆษาจารย์เซ่นเดียวกับคัมภีร์ชาดกฉบับ ส.อ.ส. แต่เป็นอีก สำ นวนหนึ๋ง 9 พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ โดยป้ย แสงฉาย (กรุงเทพฯ, สำ นักพิมพ์ ส.ธรรมภักดี, ๒๕๐๔) แปลจากพระไตรปีฎก และอรรถกถาต่างสุ เรืยบเรืยงเป็นคำเทศน์แบบสรุปเอาความโดยย่อใช้ภาษาอ่านเช้าใจ ง่าย แต่รายสะเอียดถูกตัดทอนไปมาก 9 ชีวประวัติพุทธสาวก (ประวัติอัจฉริยะเถระ)โดยจำเนียรทรงฤกษ์ (กรุงเทพฯ, มูลนีธิอภีธรรมมหาธาตุวิทยาลัย, ๒๕๒๕) เป็นหนังลีอ รวบรวมประวัติโดยสะเอียดของพระอรหันตสาวกที่เป็นกำลังสำคัญ ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสมัยปฐมโพริกาล

การเดินทางไปวัด ihiu 11\\ ISI ท!บา ข!ทเงทผ เยG^ เยผุ!?เท]งทวงผด (สาย ๒๙, ๓๔, ๓๙, บอ.00, ปอ.0ต) จากรังสิตมีรถเมล์สาย 000๘ ไปถงคลองสาม รถส่วนตัว ใช้เวลาประมาณ ๔๕ นาที จากอนุสาวรีย์ซัยสมรภูมิ วันอาทิตย์ธรรมดา วันอาทิตย์ต้นเดือน และวนสำคัญทางศาสนา มีรถออกจาก - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รถจอดหน้าปัม ปดท. ใกล้ ททบ.๕ ถนนพหลโยริน รถออก เวลา ๖.00-๘.00 น. - สนามหลวง รทจอดหน้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้านตรงข้ามสนามหลวง วันอาทีตยธรรมดา รถออก ๗.ต0 น. วันอาทิตย์แรกของเดือน รถออกเวลา ๗.00-๘.00 น. - มหาวิทยาลัยรามคำแหง รถจอดหน้าตึกอธิการบดืรถออกเวลา ๗.cno น. มหาวิทยาลัย ด้านถนนพหลโยธิน รถออกเวลา ๗.ต0 น. วดพระธรรมกาย หากท่านต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่ส แผนกจราจร สำ นักบริการกลาง วัดพระธรรมกาย โทร. ๕๒๔-0๒£๗-๖๓ ต่อ ๒8๒๔,๒0๒๕

JA/'i - พ นิทานซาดก เป็นสมบัติลํ้าค่าของขาวพุทธ นิทาน'ชาดก มิใช่เรึ๋องที่แต่งขึ้นเพื่อสอนคุณธรรม แต่นิทานขาดก คือเรึ๋องในอดีตชาติของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงแสดงแก่พระภิกษุในโอกาสต่าง เพื่อเป็นแบบแผนในการทำความดี ผู้อ่านหรือฟ้งนิทานขาดก จึงควรอ่านหรือ ฟ้งด้วยความพิจารณา และในที่สุด นำ หลักธรรมที่ได้ ไปใข้เป็นคุณประโยขน์แก่ตนเองและผู้อื่น ISBN 974-89321-7-6