ป--.รโยขน'ขรงการอบรมธรไ)มหายาท 51 เอาไว้ เขาจะสามารถทำความดีซํ้าได้อย่างง่าย ๆ โดยไม่ร้สิกต้องแน เซ่น เคยสวดมนต์ก่อนนอน นั่งสมาธิก่อนบอนจนเคยชิน ถึงเวลาสวด กไม่รู้สืกต้อง!!เนทำ เพราะมันเป็นธรรมชาติไปแล้ว บุญกศลก็เกิดขึ้น ตลอดเวลา แกนลัยรักความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบรัอย แก นิสัยพูดสุภาพมีนํ้าใจไมตรีกับทุกคนบุญกุศลความสุขความเจรีญก็เกิด ขึ้นกับตัวผู้ประพฤติตลอดเวลาในทางกลับกันใครไปสร้างนิสัยไม่ดีเอา ไว้ไม่ว่านิสัยชอบดื่ม ชอบสูบบุหรี่ พูดจากระโซกโฮกฮากหรีอนิสัยชอบ แก้บีญหาด้วยความรุนแรง เป็นด้น ทำ อย่างนี้ซํ้า ๆ บาปก็เกิดบ่อย ๆ อกุศลก็เกิดปอย ๆ และก็พาไปสู่อบาย นิสัยจึงสำคัญ แกนิสัยดืบุญก็เกิดต่อเนื่องเลยทีเดียว ในทาง กลับกัน นิสัยไม่ดีที่อยู่ติดตัว จะเป็นกลจักรในการสร้างบาปตลอด ต่อเนื่องเหมือนกัน เราจึงต้องหาทางแก้นิสัยไม่ดีให้ลดน้อยถอยไปจากตัวเราให!ด้ ถามว่าจะแกอย่างไร วิธีการที่ดีคือ แกที่กิจวัตรประจำวันสิ่งที่ตัวเรา ทำ ซํ้า ๆ ในแต่ละวัน ตั้งแต่เช้าจนถึงเข้านอน ให้กิจวัตรชองเราลงตัว และระหว่างนั้นก็ได้แกการบริหารบีจจัย 4ทั้งที่อยู่อาศัยให้สะอาดเป็น ระเบียบเรียบร้อย ทั้งเรี่องเครี่องนุ่งห่ม ข้าวปลาอาหาร การดูแลรักษา สุขภาพ บีจจัยทั้ง 4 อย่างเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด ใครปฏิบัติต่อบีจจัย 4 ไต้อย่างถูกต้องและมีกิจวัตรที่ลงตัว จะเป็นแหล่งบ่มเพาะนิสัยไต้ อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว www.kalyanamitra.org
52 ss ทันโลก ทันธรรม 1 $ การอบรมธรรมทายาทจะเป็นประโยชน์อย่างมากในแง่มุมน๕ึ เพราะผู้เข้ารับการอบรมจะได้ไซ้เวลาตลอดหนึ่งเดือน เดือนครึ่งหรือ สองเดือนแล้วแต่หลักสูตร ทั้งขายทั้งหญิงมาปฏิรูปนิสัยของเราใหม่ เพราะในช่วงอบรม ตัวเราปลอดจากภารกิจอื่น สามารถจัดกิจวัตร กิจกรรมได้อย่างลงตัว ทั้งแต่เข้าตื่นตี 4 ครึ่ง ล้างหน้าล้างตา เข้าหองนํ้า เสร็จเรียบร้อย สวดมนต์ทำวัตรเข้านั่งสมาธแล้วก็ช่วยกันรับบุญแบ่ง หน้าที่กัน 7 โมงรับประทานอาหารเข้า ช่วงสายปฏิบ้ตธรรมนั่งสมาธิ 11 โมงก็ทานข้าวเพล เสร็จแล้วแบ่งบุญกัน ใครรับเรื่องล้างจาน ใคร เช็ดถูปูเสื่อ แบ่งหน้าที่กัน บ่ายฟ้งเทคน์ฟ้งธรรม ทำ กิจกรรมกลุ่ม ตก เย็นช่วยกันรับบุญอีกครั้งแล้วอาบนํ้าข้กผ้า รอบคาก็สวดมนต์นั่งสมาธิ ฟ้งธรรม 4 ทุ่มก็เข้านอน กิจวัตรแต่ละวันลงตัว แกความเป็นผู้มีวินัย เรื่องเวลาได้อย่างดืเยี่ยม www.kalyanamitra.org
ประโยชน์ชองการอ•บรมธรรiiทายาท คนเรานี้แปลกถ้าให้อยู่คนเดียวแล้วแกวินัยตนเองมันยากเหมือน กัน เคยตั้งใจไว้ว่า 9โมงจะนั่งสมาธิ ถึงเวลาจริง ๆ ก็บอกว่า เมื่อย ง่วง นอนเสีย!าอนดีกว่า อ่านหนังสือพิมพ์ก่อน เวลาก็จะเลื่อนไปเรื่อย ๆ แต่ พอทำเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะใหญ่เบ็เนร้อยคน พลังจองหมู่จะช่วยเสริม พลังเดี่ยว ถึงเวลา ตี 4 ครื่งเพื่อน ๆ เขาตื่นกันหมดเราจะหลับอยู่คน เดียวได้อย่างไรก็ต้องตื่นด้วยเมื่อเขาสวดมนต์กันหมดเราก็ต้องสวดมนต์ พร้อมเขา แบ่งบุญกันทำหน้าที่อะไร ล้างถ้วยล้างจาน รับหน้าที่อะไรมา เราก็ต้องทำ พลังของหมู่คณะจะเสริมพลังเดี่ยวเราได้อย่างตีได้ฝิกวินัย เรื่องเวลา แกกิจวัตรประจำวัน แกนิสัยที่ดีในการบริหารปิจจัย 4 เช่น ซักเสื้อผ้า ซักอย่างไรถึงจะสะอาด ตากอย่างไรให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ที่นอนหมอนมุ้งดูแลอย่างไร มารยาทในการรับประทานอาหาร จะตัก ข้าวตักอย่างไร เคี้ยวอย่างไร กลืนอย่างไร ทุกอย่างได้รับการแก www.kalyanamitra.org
54 A พระนหาลมซาย ราบๅฬฺฒ M.D..Ph.D. นอกจากนี้ซ่วงอบรมเป็นช่วงที่เราปลอดจากภารnจอย่างอื่น มารบกวนจิตใจ ทั้งวันอยู่กับการปฏิบ้ตธรรม จิงเป็นช่วงที่เรามีจิตใจ ผ่องใสบุญหล่อเลี้ยงใจเต็มที่ เมื่อใจผ่องใส ศัพท์ทางพระจะใช้คำว่า ใจจะนุ่มนวลควรแก่การงานใจที่นุ่มนวล ดัดรนง่าย เหมือนดินเหนียว ที่อ่อนนุ่มอยู่ เราก็ปึนเป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น เป็นถ้วยโถโอขามได้ แต่ถ้าดินนั้นแข็งกระด้าง'รนไม่ลง 11นดัดมันก็จะแตก'ดัก ใจคน เหมือนกันถ้ายังกระด้างอยู่จะใใ^นนิสัยย่อมทำได้ยาก เพราะนิสัยมัน ดิดดัวมาไมใช่แต่เฉพาะชาตินี้ แต่ติดมาข้ามภพข้ามชาติเลยทีเดิยว แต่ พอมาปฏิบัติธรรมใจจะนุ่มนวลควรแก่การงาน สามารถปีนรูปทรงใหม่ ใดักับนิสัยตัวเองได้ง่าย เมื่ออบรมเสร็จกลายเป็นคนที่ปฏิรูปตัวเองได้สมบูรณ์ขึ้น และ พร้อมที่จะกลับไปเรียนหนังสือปฏิบัติการงานต่อไปในอนาคตได้อย่าง ติ เป็นผู้ที่มีหลักธรรมประจำใจ คำ ว่าหลักธรรมประจำใจคือหลักธรรม ที่อยู่ในใจ เพราะปฏิบัติจนคุ้นเป็นนิสัย และนิสัยที่ดีนี้ก็จะติดข้ามภพ ข้ามชาติ เป็นกลจักรสร้างบุญให้เราทั้งภพนี้ภพหน้า ตลอดไปจนถึงที่สุด แห่งธรรม เพราะฉะนั้นพวกเราเยาวชนทั้งหลายถ้าปลีกเวลาได้ภาคฤดูร้อน นี้มาอบรมธรรมทายาทกัน ใครมีลูกมีหลาน เพื่อนพ้องน้องพี่ ซวนกัน มาเถิด ช่วงเวลาหนึ่งถึงสองเติอนนี้จะเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่ามหาศาล แล้วเราจะได้เป็นผู้หนึ่งที่ประสบความสุขความสำเร็จในชีวิตทั้งภพนี้ และภพหน้าตลอดไป www.kalyanamitra.org
สอ สือเป็นสิงที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการขี้นำสังคม ดังที่มีบาง ท่านถึงกับกล่าวว่า ถ้าสื่อดีสังคมก็ดี แต่ถ้าหากไปถามคนทำสื่อ เขาก็จะ บอกว่า ถ้าสังคมดีสื่อก็จะดี หากสังคมยังไม่ดีแล้วจะให้สื่อดีไดัอย่างไร เพราะสื่อก็เป็นธุรกิจประเภทหนึ่งซึ่งจะต้องเลี้ยงตวให้!ดั สังคมขอบ อะไรสื่อก็ต้องตอบสนอง เมื่อสังคมชอบเรื่องที่เร้าใจ เรื่องที่ตื่นเต้น เรื่อง ที่มีกิเลสนำหน้าไม่ว่าจะเป็นตระกูล ราคะโทสะโมหะ เมื่อสังคมขอบ อย่างนี้ สื่อก็ต้องตอบสนอง เพื่อสื่อจะไต้ขายไต้ โฆษณาจะไต้เข้า ถ้า สื่อขายไม่ออกโฆษณาไม่เข้า แล้วจะเอาเงินทุนที่ไหนมาผลิตสื่อต่อไป ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผล www.kalyanamitra.org
56 9 •หัใjlfin ทันรฯรม 1 แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ มีสื่อที่ใซ้การตลาดนำหน้า เนื้อหาเต็มไปด้วย เรื่องที่เร้าอารมณ์ เกิดขึ้นท่วมบ้านท่วมเมือง แล้วผู้ใหญ่ก็มานั่งห่วงกัน ว่า เยาวชนไทย สังคมไทยเราจะไปทางไหนกันดี บางคนถึงกับถอดใจ ว่า คงแกิไขไม่ได้แล้ว แต่เราคงไม่ยอมอย่างนั่นจะต้องหาทางช่วยกันกอบกู้สังคมไทย รวมถึงสังคมโลกให้ดีขึ้นมาไห!ด้โดยใช้หลักธรรมชองพระสัมมาล้มพุทธ เจ้าเป็นประทีปส่องทาง อาตมภาพขอเสนอวิธีการ2ประการในการแกั!ฃป็ญหาเหล่านื้ ประการแรกคือ ขอให้มีสื่อทางเลือกที่คื แม้สื่อส่วนใหญ่จะอ้าง ว่า กระแสสังคมเรียกร้องต้องการเรื่องราวที่ตื่นเต้นเร้าใจ เร้าอารมณ์ แต่ ใบความเป็นจริง ในหมู่ประซาซนก็มีความต้องการที่หลากหลาย คนที่ ชอบแบบเร้าอารมณ์อาจเป็นคนกลุ่มใหญ่ แต่คนอีกส่วนหนึ่งที่ชอบสิ่ง ที่ดีงามนำมาซี่งความสงบสุขของสังคมก็มีอยู่ ถ้าปล่อยให้มีแต่สื่อที่ดึง ไปในทางที่ตํ่า คนเหล่านื้เสพเช้าไปทุกวับ ๆ ก็มีสิทธี้ที่ใจจะตกตํ่าลง เหมือนกัน ถ้าเรามีสื่อทางเลือก เป็นสื่อที่ดี สื่อสร้างสรรค์ สื่อสีขาว ยกใจ ผู้ที่รับขมให้สูงขึ้นสะอาดขึ้น สว่างขึ้น สงบขึ้น ก็จะเป็นมาตรการขั้น ต้นเพี่อปกป้องรักษาคนดีที่มีอยู่เดิมเอาไว้ก่อน ให้เขามีช่องทางเลือก ที่จะรับสื่อที่ดีงามได้หากถามว่าสื่อสร้างสรรค์นี้จะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร www.kalyanamitra.org
สิอ ea 57 ก็คงต้องอาศัยผู้ที่เห็นคุณค่าของธรรมะ ผู้ที่ปรารถนาจะเห็นสังคมสงบ รมเย็น มาช่วยกันคนละไม้คนละมือ เท่าที่ศักยภาพแต่ละคนมื ช่วยกัน สร้างสื่อสีขาวขึ้นมา ขณะนี้ สื่อ DMC ก็เป็นสื่อทางเลือกอันหนึ่งที่ช่วยได้อย่างด เพียงแต่ขอให้เรามาช่วยกันพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วขยาย เครือช่ายให้กร้างขวางยิ่งขึ้น เพราะ DMC นี้นเพิ่งจะเริ่มด้นเท่านั้น เปรียบเหมือนเด็กก็เพิ่งพัดเดิน จุดไหนควรพัฒนาอย่างไร ก็ขอให้ช่วย กันระดมความคิดสติปีญญา แล้วช่วยกันสนับสนุนคนละไม้คนละมือ 01\\/1€ก็จะเป็นสื่อทางเลือกที่นำความสว่างไสวมาสู่โลกได้ มืผลการวิจัยที่น่าสนใจ คิอ จากการสำรวจคนในวัยต่าง ๆ ตั้งแต่เด็กประถม เด็กมัธยมต้น มัธยมปลาย มหาวิทยาลัย หนุ่มสาว ในวัยทำงาน คนที่มืครอบครัว คนในอายุ 40 ปี และคนในช่วงอายุ 50 ปี ปรากฏว่าสิ่งที่น่าแปลกใจคือ ผลการวิจัยบอกว่ากลุ่มคนในวัยเด็ก โดยเฉพาะขั้นประถมและมัธยมด้น มีความเชื่อเริ่องบาปบุญคุณโทษ รักบุญกลัวบาปสูงที่สุด สูงกว่าวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ นี้แสดงว่าแห้จริงแล้ว เยาวชนของเรามืจิตใจที่ดี ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นเมื่อเขาโตเป็นวัยรุ่น หรือ เปลี่ยนไ1Jในทางที่แย่ลง เราจะต้องมาทบทวนตนเอง พินิจพิจารณา กันอย่างจริงจัง ว่าปีณหานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร www.kalyanamitra.org
in MM!(111 m เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วเราจะพบว่า ป้ญหาใหณ่อยู่ที่ส์อที่เด็กเสพ นี่เอง ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกัน เราจะเพิกเฉยดูดายต่อโปไม่ไต้อีกแล้ว ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ สร้างสือทื่ดีเพื่อเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญใน การสร้างสังคมที่ดีขี้นให้ลูกหลานเราให้ไต้ให้เรามั่นใจได้ว่า ลูกของเรา เยาวชนไทย เยาวชนโลก จะต้องเติบใหญ่ชื้นมาในสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า เติมเด็กแต่ละคนมืคุณธรรมในคัวเท่าใดเมื่อเติบใหญ่ชื้นไต้เรียนร้มาก ชื้น เขาจะต้องเป็นผู้มืคุณธรรมหนักแน่นยิ่งชื้น ถ้าทำไต้อย่างนี้ จึงจะ ถือไต้ว่าพวกเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่ไต้ทำหน้าที่ของคัวเองแล้วนี้ประการแรก ต้องสร้างสื่อทางเลือกที่ดี ประการที่สอง เราจะต้องช่วยกันสร้างเครือข่ายคนดี เพราะว่า มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม มืเพื่อนมืฝูง แล้วเพื่อนฝูงคนที่เราคบหา จะมื ส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการชักนำเราไปในพิศทางต่าง ๆ ดังคำโบราณ www.kalyanamitra.org
โรงเรยนอนุบ'นาfไน!บ^นวทยา ลเไานทีโผยน.ฝธรรมะผ่านดาว1ทยม ซ่อง DMC ที่ว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล เราคงเคยได้ยินได้ฟ้งกันมาแล้วทั้งนั้น ตรงประเด็นนี้อยากจะขอฝากคุณพ่อคุณแม่ ผู้ไหญ่ที่มีลูกหลาน เอาไว้อย่างหนึ่งคือ มีผลการวิจัยออกมาอีกเซ่นกันว่า การจะทำให้ เยาวชนเป็นคนดี การอบรมปลูกผิงเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่มีผลไม่ยิ่ง หย่อนกว่าการอบรมคือ สังคมของเด็ก เราจึงด้องสร้างสังคมที่ดีให้แก่ เด็กด้วย มีตัวอย่างจริงคือ มีคุณพ่อคุณแม่บางคนปฏิบัติธรรมที่วัดทุกวัน อาทิตย์อย่างสมํ่าเสมอ และได้พาลูกมาด้วยตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ พอเดิน ได้ก็พามาวัดแล้ว ขณะเดียวกันคอยสอนลูกให้สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน ถือว่าอบรมปลูกผิงอย่างดีทีเดียว แต่พอเด็กโตขึ้นเข้ามหาวิทยาลัยกลับ ไม่ค่อยฟ้งคุณพ่อคุณแม่จะซวนมาวัดก็เริ่มงอแง มาบ้างไม่มาบ้าง ถาม www.kalyanamitra.org
60 ^ ทนโก์ท หันธรรม 1 ว่ารักบุญไหม ก็ยังรักอยู่นะ แต่ว่าความแนบแน่น ก็ไม่ได้ถึงขนาดที่ฟอ แม่ม่งหวัง เขาก็จะไปกับเพื่อนของเขา เพื่อนซวนไปเที่ยวไปซ็อปปีงก็ไป ไปดูหนังก็ไป จนบางทีพ่อแม่เริ่มเป็นห่วงว่า ลูกจะเสียหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่มาวัดตั้งแต่ยังเล็ก แต่พอโตเป็นวัยร่น พ่อแม่ยังต้องเป็นห่วงว่าจะออก นอกลู่นอกทาง เพราะเพื่อนด้งไป แต่มีเด็กอีกส่วนหนี่งที่มาวัดเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้พึ่งการอบรม ของพ่อแม่อย่างเดียว เพราะคุณพ่อคุณแม่ฉลาด ให้ลูกไปซ่วยงาน อาสาสมัครแผนกต่าง ๆ ด้วย ช่วยรับบุญ อยู่ฝ่ายสถานที่บ้าง ด้อนรับ บ้าง ปฏิสันถารโภชนาการ จราจร ฯลฯ ลูกชอบงานประเภทไหนก็ให้1ป ช่วยงานประเภทนั้น พอไปช่วย เขาก็จะมีเพื่อนที่เป็นอาสาสมัครช่วย งานอยู่หน่วยเดียวกัน มีสังคมซาววัดของตบเอง เป็นเครือช่ายคนดี แม้โตขึ้น เพื่อนที่มาช่วยงานวัดด้วยกัน ก็จะขวนกันในทางดีโดยพ่อ แม่ไม่ต้องกังวลใจ พ่อแม่ไม่ต้องเคี่ยวเข็ญเขามาวัด เขามาของเขาเอง เพราะเขารู้สึกว่ามีเพื่อนรออยู่ไปถึงเขามีเพื่อนที่คุ้นเคยคุยกันถูกคอ รัก บุญด้วยกัน คุยเรื่องธรรมะด้วยกัน แล้วก็ด้งกันไปดี นี่ด้อเครือข่ายคนด้ ซึ่งมีอิทธิพลไม่น้อยกว่าการอบรมปลูกฝืงของพ่อแม่เลย แต่คนจำนวน ไม่น้อยสึมตรงนี้ แล้วมานั่งน้กเสียใจที่ลูกไม่ได้ด้ดังที่ตั้งใจไว้ บางคนมาพบวัดมาเข้าชมรมพุทธตอนเข้ามาอยู่มหาวิทยาลัย แล้ว ใหม่ ๆ ก็ไมใต้มีศรัทธาอะไรมาก แต่เผอิญขมรมพุทธมีกิจกรรม มาก กำ ลังคนที่มีอยู่ไม่พอ สมาชิกขมรมจํงต้องไปซวนเพื่อน ๆ คนรู้จัก มาช่วยงาน เริ่มแรกคนที่ถูกซวนเขาอาจไม่ไต้มีศรัทธาอะไรมาก แต่พอ www.kalyanamitra.org
มาช่วยงาน ช่วยไปช่วยมาก็สนิทกันกับซาวซมรมพุทธ ก็เลยมาวัดด้วย กันไปๆมาๆก็เลยอยู่ติดวัดไปเลยเป็นตัวอย่างซัดเจนว่าคนเราอยู่ ในสังคมใดก็มีแนวโน้มจะเป็นไปอย่างนั้น เราจีงจำเป็นต้องสร้างสังคมเครือข่ายคนดีให้เกิดขึ้นมาก ๆ คน ดีจะได้มีเพื่อนมีพวก เสมือนเป็นฐานทัพ เป็นเกราะกำบัง ไม่ให้ถูก กระแสของกิเลสดีงจนกระทั่งตกไปสู่ที่ตํ่า ช่วงแรก ๆ อาจจะสร้าง ยากหน่อย แต่ก็ไม่เกินกำสัง ถ้าร้ความสำคัญตรงนี้ เริ่มจากที่ตัวเรา เอง รู้จักใครให้หาทางซวนเขามาเซัาวัดปฏิบัติธรรมทำความดีด้วย กัน เราจะได้มีเพื่อนพ้องที่เป็นคนดีมากขึ้นเริ่อย ๆ ถ้าเราเป็นผู้บังคับ บัญชาก็ด้องหากุศใสบายพาลูกน้องมาเข้าวัด สรุปก็คือใครอยู่ใกล้ตัว เราทั้ง 6 ทิศ คือทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องซ้าย เบื้องขวา เบื้องหน้า เบื้องหลัง ต้องหาทางซวนมาเข้าวัด ไม่ได้ทั้งหมดก็เอาทีละส่วน แล้ว ค่อย ๆ ทำ ไป จนกระทั่งรอบตัวเราเป็นคนดี ทั้ง 6 ทิศเลย เมื่อได้ อย่างนี้ตัวเราก็จะทำความดีได้ด้วยความปลอดโปร่ง สบายใจ ปลอดภัย เหมือนคนเดินลุยนํ้า ทวนกระแสกิเลสไป อาจมีจังหวะที่พลาดท่า เสืยทีไปตกหลุมตกร่องเข้าได้เหมือนกัน ถ้าคนไหนเดินไปเดี่ยว ๆ เวลา เสียหลัก ก็อาจเซถลาถูกนํ้าคือกระแสกิเลสพัดพาไปเลย แต่ถ้ามืคนเดิน ไปด้วยกันเป็นทีมคอยประคับประคองกัน ก็พอรอดตัว เวลาเราเดินเสีย หลักเพื่อนก็ช่วยพยุงไว้ ยิ่งถ้ามีคนคอยช่วยพยุงทั้ง 6 ทิศ ไมโซ่แค่ซ้าย หรือขวา แต่ว่าทั้งซ้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง เรืยกว่าโอบกันรอบทิศ อย่างนี้ละก็ไม่พลาดแน่นอน เส้นทางการทำความดีของเราจะมั่นคง www.kalyanamitra.org
62 .ระ•มทาลu'ราย 5านๅฑฺโร! M.D.. Ph.D. ทา5ททษารรรนฟานทไวเทบน ^โ!ใะ«วฌ)าพป้านนุญ ทรร14ะเ««1ระะ-ชฯ11น -ไ 11 นิ > i \\} U.l'u(.u rju พา 1;.;|,-.;ห,'แน่-1๙นโว เทเทรฯ?ItJjนพ ร่ฯแโนเรfiillpiiillJ ปลอดภัย เจริญรุ่งเรือง ดังนั้นเราต้อง สร้างเครือข่ายคนดี ให้เกิดขี๋นมา ให้ไต้ ถามว่าเพื่อใคร ตอบซัดเลยว่า เพื่อตัวของเราเอง เพื่อครอบครัว ของเรา ลูกหลานของเรา แล้วก็เพื่อสังคมทั้งมวล ทั้งในประเทศและ สังคมโลก ก็จะดีขึ้นมาทั้งหมด www.kalyanamitra.org
@ลอ 63 เมื่อมีคนดืเกิดขึ้นมามาก ๆ คนดีเหล่านี้ก็ต้องการบริโภคสิอที่ ดี สือซึ่งต้องตอบสนองต่อตลาดก็จะผลิตมื่อดี ๆ มาตอบสนอง วงจร บวกก็จะเกิดขึ้น ทลายวงจรลบซึ่งคนซอบอ้างว่าสังคมต้องการเรื่อง กิเลส สื่อจึงต้องผลิตเรื่องกิเลสมาตอบสนอง ก็ดีงกันลงตํ่าไปเรื่อย ๆ เรา จะสวนกระแส หรืออาจเรียกว่าสร้างกระแสใหม่ขึ้นมาเป็นกระแสบวก ให้มีคนดีเกิดขึ้นมามากขึ้น ๆ เครือข่ายคนดีขยายกว้างขึ้น ๆ แล้วสื่อก็ เริ่มตอบสนองกับคนดีเหล่านี้มากขึ้น ๆ เป็นวงจรบวกเสริมสานซึ่งกัน และกัน การชวนคนมาทำความดีก็จะง่ายขึ้น ๆ สุดท้ายคนดีก็จะเต็ม แผ่นดิน พวกเราทุกคนก็จะสร้างบารมี ทำ ความดีไต้อย่างสะดวกสบาย ลูกหลานเราก็จะเติบใหญ่ขึ้นมาในสังคมที่ดีงาม มีสื่อที่ดี เพื่อนฝูงดี ทุกอย่างก็ดีไปหมด เป็นสังคมในอุดมคติ ซึ่งจะเกิดขึ้นมาไต้จากความ ร่วมแรงร่วมใจของพวกเราทุกคน จะต้องมาช่วยกัน ทำ ได้ถ้าไต้ทำ แล้ว ก็ทำ จริง เพราะตอนนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อธ'มมซโย ท่านได้นำหน้า เป็นแบบอย่างให้เรา โดยท่านลงสอนธรรมะทุกคืนออกสื่อไปทั่วโลก ขอให้เราทุกคนร่วมมีอกับท่าน สนับสนุนให้ DMC สื่อทางเลือกอันนี้ เติบใหญ่ขึ้น มีคุณภาพขึ้น กว้างขวางยิ่งขึ้น แล้วก็ช่วยกันสร้างเครือข่าย คนดี ขยายฝัที่รักบญรักความดีให้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามมโนปณิธาน ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ขอให้ช่วยกันเถิด ทำ ความตั้งใจนี๋ให้สำเร็จ www.kalyanamitra.org
:-£i www.kalyanamitra.org
วันครอบครัว ในซ่วงเทศกาลสงกรานต์เราจะเห็นผู้คนเดินทางกลับไปบ้านเกิด กันมากถนนไนกรุงเทพฯโล่งว่าง แต่ถนนไปสู่ต่างจังหวัดรถราแน่นขนัด ไปหมด ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจากการพัฒนาเปลี่ยนแปลงของ ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในสมัยก่อน คนเราเกิดที่ไหนก็มักจะโต อยู่ที่นั่น เมื่อมีครอบครัวก็อยูในถิ่นเดิม เพราะฉะนั้นครอบครัวจึงเป็น ครอบครัวใหญ่ เพราะในสังคมการเกษตรนั้น ป็จจัยการผลิตที่สำคัญ ที่สุดก็คือที่ดิน ซึ่งเป็นลี่งที่อยู่กับที่เคลื่อนย้ายไมใต้ พ่อแม่อยู่ที่ไหน ถึง คราวยกที่ดินให้ลูก ลูกก็ทำกินบนที่ดินนั้นต่อ มีครอบครัวก็อยู่ที่นั้น อย่างมากก็อาจจะเดินทางขามหมู่บ้านข้ามตำบล ไปไต้สาวไต้หนุ่มมา เป็นคู่ครองบ้าง แต่ก็โม่ไกลกันเท่าใด ครอบครัวจึงเป็นครอบครัวใหญ่ มีคนรุ่นบ้ ย่า ตา ยาย มีพ่อแม่ มีลูก หลาน เหลน อยู่ด้วยกันแล้วก็ แน่งงานกันทำ คนที่ยังหนุ่มยังสาว ยังแข็งแรงก็เข้าท้องไร่ห้องนา ทำ ไร่ www.kalyanamitra.org
66 9 พระ!เหาลมขาย ขานจุซฺโฌ M.D.,Ph.D- ทำนาไป ปู ย่า ตา ยายอายุมากแล้วทำนาทำไร่ไมใหว ก็อยู่ดูแลบ้าน สานกระบุงบุ้งกี๋ ทอผ้าไปบ้าง หรือว่าช่วยดูแลเด็ก ๆ ไปบ้าง ทั้ง ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า แต่เมื่อเศรษฐกิจเปลี่ยนไปกลายเป็นสังคมอุตสาหกรรม ที่ทำ งาน เปลี่ยนจากท้องไร่ท้องนา กลายเป็นโรงงานบ้าง บริษัทท้างร้านต่าง ๆ บ้าง ซึ่งมักอยู่ตามตัวเมือง ทั้งยังสามารถเปลี่ยนที่ทำงานได้อผูโรงงานนี้ ไปสักพัก มีซ่องทางดีกว่าก็อาจย้ายไปทำงานโรงงานใหม่ หรือย้ายบริษัท ใหม่ การที่ต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อย ๆ อย่างนี้จะพากันไปทั้งครอบครัวใหญ่ ปู ย่า ตา ยาย ลูก หลาน เหลน ไปอยู่ด้วยกันหมดก็ไม่สะดวก จีงต้อง ไปตัวคนเดียว เมื่ออยู่ ๆ ไปเจอหนุ่มเจอสาวถูกอกถูกใจเข้าก็แต่งงานมี ครอบครัว มีลูกมีเต้าที่นั่น ครอบครัวจึงเป็นครอบครัวเดี่ยว ฉะนั้น สภาพที่เป็นครอบครัวเดี่ยว หรือครอบครัวใหญ่จึงเกิด จากการเปลี่ยนแปลงอาซพการงานของผู้คนจากภาวะเศรษฐกิจที่ เปลี่ยนไป ผู้ที่ย้ายถิ่นมาอยู่ในเมีอง ปกตไม่ค่อยจะมีเวลาไปเยี่ยมบ้าน ก็ได้อาสัยซ่วงสงกรานต้ที่มีวันหยุดหลายวันกลับไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ ลูก ๆ ก็ได้มีโอกาสกราบคุณปูคุณย่าคุณตาคุณยายไปทำบุญกันด้วย จึง ถือกันว่าสงกรานต์เป็นวันครอบครัว มีคำ ถามว่าในเทศกาลวันครอบครัว หลักที่ถูกต้องควรจะต้องทำ อย่างไร ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าเราไปเยี่ยมญาติผู้[หญ่เพื่ออะไร ไปแสดง ความคิดถึง ความห่วงใย แล้วก็ลูว่าท่านเป็นอยู่อย่างไร มีอะไรที่เราจะ www.kalyanamitra.org
วินคร 67 เกื้อกูลสนับสนุนท่านได้บ้าง เป็นการแสดงความกตัญณู กตเวที ขณะ เดียวกันคนเราต้องการมีราก แม้ว่าเมื่อโตขึ้นจะมาเรียนหรือทำงานที่ เมืองใหญ่ แต่ถงคราวก็จะคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตน ได้กลบมา บ้านเกิดที่ตัวเองได้โตขึ้นมาแล้วมันก็ซื่นใจ รู้สึกว่าซีวิตมันมีราก เทศกาลครอบครัวนี้จะสมบูรกรได้ เมื่อทุกคนมีจุดร่วมเดียวกัน เพราะเท่าที่เห็น หลาย ๆ คนคิดถึงคุณพ่อคุณแม่จึงกลับไปเยี่ยมท่าน หลานเองก็อยากจะพบคุณป่คุณย่า คุณตาคุณยาย ลุงบ้าน้าอา แต่พอ ไปพบกันจริง ๆ กลับคุยกันไม่กี่คำ เป็นอย่างไรสบายดีหรือ เรียนหนังสือ เป็นอย่างไรบ้าง คุณปูคุณย่าสบายดีไหมครับ ถามกันไปถามกันมาไม่กี่ นาทีหมดคำถามแล้ว ไม่รู้จะคุยอะไรต่อ หลาน ๆ เองเรื่องของซนบทก็ ไม่รู้ คุณปูคุณย่าเรื่องในเมืองก็ตามเขาไม่ค่อยจะทัน กลายเป็นว่าไม่มื ทัวเรื่องที่จะมาสนทนากัน ได้แต่มองกันแล้วก็เคอะ ๆ เขิน ๆ อย่าว่าอื่นไกลเลย บางทีพ่อแม่กับลูกอยู่ในเมืองหลวงด้วยกันนี่ แหละ พ่อแม่ทำงานทั้งวัน พอกลับมาถึงบ้านเจอลูกเข้า บางครั้งอยาก จะคุยกับลูกนะ แต่ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร เพราะเด็ก ๆ ก็สนใจไปอย่าง หนึ่ง ผู้โหญ่ก็สนใจไปอีกอย่างหนึ่ง จุดความสนใจมันไม่เหมือนกัน เลย ไม่มืหัวข้อร่วมที่จะมาเป็นประเด็นในการสนทนากัน เรื่องนี้อยากจะ ฝากพวกเราว่า ลองอย่างนี้ดีไหม เอาเรื่องธรรมะนี่แหละ เป็นจุดร่วม ของทุกคนในครอบครัวไม่ว่าจะกี่ร่น ตั้งแต่คุณทวดเลย คุณปูคุณย่า คุณฟอคุณแม่ ลูกหลานเหลนใหลนทุกรุ่น เพราะเรื่องธรรมะเป็นเรื่อง สากลที่เข้าได้กับทุกวัย www.kalyanamitra.org
68 ท้นโลก ทันธรรม 1 ติดจานดาวธรรมเข้าแสัวละก็ คุณป่คุณย่าอยู่ต่างจังหวัด ก็ดู จานดาวธรรม คุณพ่อคุณแม่ หรือว่าลูกหลานอยู่กรุงเทพฯ ก็ลูจานดาว ธรรม พ่อแม่ทลับมาบ้านก็สามารถคุยกันได้ด้วยเรื่องธรรมะ ซี่งเป็นเรื่อง ที่สากล ทันสมัยเสมอ รายการวันนี้พุทธประวัติไปคงไหนแล้ว หรือว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี วิสาขามหาอุบาสิกา เป็นอย่างไรกันบ้าง เรื่องราว ธรรมะที่น่าสนใจก็นำมาเล่าสู่กันฟังได้ แล้วเรื่องธรรมะนี่แปลก ยิ่งคุย ใจยิ่งสว่าง ยิ่งคุยยิ่งสบายใจ ยิ่งคุยยิ่งมีความสุข ทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูก คุยกันเพสินมีความสุข ลูก ๆ ก็เป็นเด็กดี พ่อแมกสบายใจ ถึงคราว ไปเยี่ยมคุณ■ยู่คุณย่า ที่ต่างจังหวัดเอาเรื่องธรรมะมาคุยกัน หัวเรื่องตรง กันหมดเลย www.kalyanamitra.org
๏ 69วันครอบครัว ถ้าทำได้อย่างนี้ การเยี่ยมเยียนจะไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงซ'วง เทศกาลสงกรานต่เทำนั้น แต่แม้เวลาอื่น คิดถึงกันเมื่อไรแค'ยกหู โทรศัพท์กริ๊งเดียว เป็นอย่างไรบ้างค่ะๆณป่ คุณย่า เรื่องนั้นได้ดูหรือ เปล่า เมื่อวานหลวงพ่อเพิ่งสอนนะคะ หนูได้ดู ดีจังเลย เชียร์กันไปเล่า กันมา ต่างคนต่างก็เสริมกันในเรื่องธรรมะ ทุกคนก็จะมีจุดร่วมเดียวกัน ความเหงาจะหมดไป ปู ย่า ตายาย อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่เหงา รู้สึกว่าขณะ ที่ตัวเองดูเรื่องราวธรรมะต่าง ๆ ผ่านจานดาวธรรม ลูกหลานที่อยูใน กรุงเทพๆ เขาก็ลูเหมือนกัน คิดถึงก็โทรศัพท์ถึงกันทางนี๋โทรไป ทาง กรุงเทพฯ โทรมา ก็มีเรื่องคุยกันได้ตลอด ซึ่งคุยแล้วเป็นเรื่องที่สบายใจ ด้วย ทั้งครอบครัว แม้อยู่ไกลก็จะเหมือนอยู่ใกล้ จากครอบครัวที่เขา เรียกว่าครอบครัวเดี่ยว มีแค'พ่อแม่ลูก ก็จะกลายเป็นครอบครัวใหญ่ ขึ้นมาได้!ดยผ่านเครือข่ายการสื่อสาร เดี่ยวนี้เขามีศัพท์ใหม่ว่า ไขเบอร์สฟซ (cyberspace) หมายถึง โลกเสมือนที่อยูในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คนอยู่ไกลคนละที่ก็มานั่ง คุยกันได้ ในห้อง chat room อีเมล์คุยกันก็ได้ ติดต่อสื่อสารกันใน เครือข่ายคอมพีวเตอร่ได้ จึงเหมือนกับโลกจำลองอีกโลกหนึ่ง ถ้าหากว่า เขามีไซเบอร์สเปซอย่างนั้นได้ทำไมเราจะมาสร้างครอบครัวใหญ่อยู่ใน โลกไซเบอร์สเปซไม่ได้ ไม่จำกัดเฉพาะอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว แม้แต่ ในเครือข่ายการสื่อสารด้านอื่น เซ่น ดาวเทียม ก็ทำ ได้เซ่นกัน เพราะ นั่งดูรายการธรรมะผ่านจานดาวเทียมนึ่ เราจะนั่งที่กรุงเทพฯ คุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณยายนั่งดูอยู่ที่ต่างจังหวัดหรือว่านั่งอยู่ในบ้านหลัง www.kalyanamitra.org
70 ^ าลมใทย ธานวุ')ๅโฒ MD..Ph.D. เดียวกันแต่คนละห้อง ก็ได้ขมเรื่องราวเท่ากัน ธรรมะที่ถ่ายทอดผ่าน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ไปทุกที่ที่วโลกด้วยความเร็วแสง ดังนั้น สายใยธรรมะที่แน่นเหนียว อบอุ่น ก็จะร้อยทุก ๆ ดวงใจ ของทุกคนในครอบครัวเข้าด้วยกัน ให้เป็นครอบครัวใหญ่ขึ้นมาอีก ครั้งหนึ่ง เป็นครอบครัวที่อบอุ่นสว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรมของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจะได้ข่วยกันนำแสงแห่งธรรมนี้เผื่อแผ่ไป รอบ ๆ ตัวเรา เพื่อนฝูง ญาติ มิตร คนรู้จักให้ขยายกว้างออกไป เราก็จะ เป็นไมไข่เพียงครอบครัวใหญ่อย่างเดียว แต่เป็นชุมชนใหญ่ เป็นชุมซนที่ มีกิจกรรมร่วมกัน เอื้ออาทรกัน พร้อมที่จะข่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและ กันอยู่ในเมืองใหญ่ไมโซใหญ่แต่ตึกรามบ้านข่องแตใหญ่ด้วยนั้าใจด้วย แล้วผู้คนในโลกจะอยู่ที่ประเทศไหน ๆ ก็ตาม สามารถหลอมรวมเป็น ชุมขนใหญ่เป็นชุมซนโลก ด้วยธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ร www.kalyanamitra.org
เลี้ยงลูกอย่างไร ให้มีความรับผิดชอบ ศูนย์การสืกษๆเขาแก้วเสด็จ จังหวัดปราจีนบุรี ได้อัญเชิญ หน่อด้นศรีมหาโพธี้จากพุทธคยามาปลูก มีญาติโยมไปร่วมบุญก้น มากมายร่วมสามพันคน ตั้งใจจะปลูกให้เป็นด้นโพธี้ใหญ่ ปกติด้นโพธ ลำ ด้นจะสั้นแล้วก็แตกกิ่งก้านสาขาออกไป แต่อาตมภาพด้องการให้เป็น พญาโพธิ๋ อยากเลี้ยงให้ด้นตรงสูงขึ้นไปและจึงค่อยแตกกิ่งก้านสาขา จะ ได้แผ่กว้างคลุมทั้งยอดเนิน จึงบอกกับพระที่รับผิดชอบดูแลด้นไม้ว่าให้ ช่วยเลี้ยงด้นโพธิ้ให้สูงตรงแน่วขึ้นไปสัก 6 เมตร แล้วค่อยปล่อยให้แตก กิ่งแตกก้านท่านก็อุตส่าห์หาวิธีทำให้โดยเอาเหล็กมาถักเป็นท่อกลมสูง www.kalyanamitra.org
72 หันโลก หันธรรม 1 ขึ้นไป แล้วให้ต้นโพธื้อยู่ตรงกลางประคองลำต้นให้สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ปรากฏว่าต้นโพธโตเร็วทันใจเหมือนกัน เพียงแค่ปีเดียวสูงไปถึง6 เมตร แล้ว แต่ว่าลำต้นกลับไม่ค่อยโต เส้นผ่าคูนย์กลางลำต้นลักนิ้วเศษ ๆ เท่านิ้นเอง อาตมภาพไปยืนสังเกตดู ก็คิดว่าอย่างนิ้ถ้าจะไม่ได้ภาร เพราะ ถ้าเอาตัวโครงเหล็กที่ประคองอยู่ออกเมื่อไรต้นมีหวังล้มลงมานอนราบ กับพื้น เพราะลำต้นเล็กนิดเดียวพยุงตัวเองไม่ไหว พอให้ชะลอการเร่ง ความสูงไว้ที่ 6 เมตร แล้วปล่อยให้แตกกิ่งถ้านออกไป ดูซิว่าต้นมันจะ อวบขึ้นไหม ปรากฏว่ามันก็อวบขึ้นเหมือนกันแตใม่มาก จึงมาสังเกต ดูว่าเป็นเพราะอะไร พบว่า เป็นเพราะโครงเหล็กที่ประคองลำต้นนั้น แข็งแรงเกินไป แม้ลมจะพัดมาแรงเท่าใดก็ตาม โครงเหล็กก็นิ่งเฉย www.kalyanamitra.org
เลั๋ย■ใลูกอย่าง'พใหijความรับผตฃฝื■ข@ 73 อยูอย่างนั้น ลำ ต้นโพธก็พิงโครงเหล็กอย่างสบาย ไม่เคยต้องรับแรง ลมแรงฝนต้วยตนเอง ต้นจึงไมคอยจะอวบไม่ค่อยจะโต จึงต้องเปลี่ยนวิธีใหม่ บอกพระท่านว่าให้เอาโครงเหล็กออก แล้ว ไซไม้รวกคือไม้ไผ่ลำยาว ๆ ที่แข็งแรงมาปักแทน แล้วก็มัดต้นโพธึ๋ไว้ กับไม้รวก ไม้รวกแตกต่างกับโครงเหล็กคือ เมื่อถึงคราวลมมาไม้รวกก็ โอนเอนไปมาเหมือนกันมันทำหน้าที่ลดแรงปะทะจากแรงลมแรงฝนให้ กับต้นโพธิ้ แต่ว่าไมใช่ลดลงเหลือศูนย์ แต่ลดลงในระดับที่ต้นโพธิ่พอพยุง ตัวยืนต้นอยู่ไต้ไมให้หักกลางไป พอลมมาต้นโพธี๋ก็โอนเอนไปด้วย พายุ มาก็โอนเอนมากหน่อย แต่ก็มีไม้รวกคอยประคองไมให้หักไมให้ล้มไป พอเปลี่ยนวิธีอย่างนี้ต้นโพธึ๋เริ่มโตอวบขึ้นมาทันตาเห็นทีเดียว ผ่านไปสัก 3 - 4 เดือนลำต้นโตเกือบเท่าโคนขาแล้ว เพราะพอเจอแรง ลมแรงฝนอย่างนั้นเข้ามันรูแล้วว่าจะต้องรีบปรับตัวเองล้กับอุปสรรคที่ โถมเข้ามาหา การปลูกต้นโพธิ้นี้เทียบได้กับการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ ล้าเลี้ยง แบบไขในหินระวังถนอมทุกรีเก้าว ริ้นไมให้!ต่ไรไม่ให้ตอม เด็กจะไม่รู้ จักโตไม่รู้จักดูแลตัวเอง เพราะไม่เคยต้องรับผิดชอบตนเอง ไม่เคยต้อง ปะทะมรสุมในชีวิตด้วยตนเอง แต่ล้าเราทำหน้าที่เป็นแบบไม้รวก คือ ลดแรงปะทะไห้แต่ค่อย ๆ ให้เด็กเรียนรู้ เรามีเปัาหมายว่าเราจะดูแล เขาเพื่อให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้ ไมใชให้เขาอาศัยเราไปตลอดชีวิต พอเขาโตแล้วเขาต้องยืนด้วยตัวเองได้ ต้นไม้พอโตถึงจุดหนึ่งก็สามารถ www.kalyanamitra.org
74 ^ นทาลมขาย ธานๅ^โฒ M.D..Ph.D. เอาไม้รวกออกได้ เพราะมันยืนด้วยตัวเองได้แล้ว ไม้รวกทำหน้าที่คอย ประคองเมื่อด้นมันยังเล็กอยู่เท่านั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตซีโวเคยเล่าไหฟ้งว่า เมื่อตอนท่าน ไปด้กษาต่อที่ออสเตรเลียวันหนึ่งไปเยี่ยมบ้านเพื่อนซาวออสเตรเลียซึ่ง มีครอบครัวแล้ว มีลูกสาวอายุประมาณสัก 5ขวบ กำ ลังรบเร้าจะขอเล่นมีด แม่ก็บอกว่า \"อย่าลูก เดี๋ยวมันบาด\" ลูก \"ไม่บาด ไม่บาด\" แม่ \"เดี๋ยวมันบาดนะ\" ลูก \"ไม่บาด\" แม่เลยบอกต่อว่า \"แล้วถ้าบาด ยูห้ามร้องไห้นะ\" เด็กก็ตอบว่า \"ไม่บาด ถ้าบาดไอจะไม่ร้อง\" แม่ถามยํ้าว่า \"ยูสัญญานะ\" ลูกตอบว่า \"ไอสัญญาไม่ร้อง\" แม่ก็เลยบอกต่อ \"แล้วถ้าบาด ยูด้องทำแผลเองนะ\" ลูก \"ได้ไม่บาด ถ้าบาดแล้วจะทำแผลเอง\" แม่ \"นึ่ทิงเจอร์นะ ยูรู้ไขใหมมันแสบ\" ลูก \"1\" แม่ \"นึ่ผ้าก๊อซ นึ่พลาสเตอร์ นึ่กรรไกรนะ ถ้าบาดยูด้องทำแผล เองนะ\" ลูก \"ได้ไม่บาด ถ้าบาดแล้วจะทำแผลเอง\" แม่จึงบอก \"ถ้าอย่างนั้นอนญาตไห้!ปเล่นได้ แตให้ไปหยิบมีด www.kalyanamitra.org
1ลี๋ยงคูทอย่า^พให้มิความรันผดขอม ® 75 เล่มโน้นนะ\" คือเน้นเล่มที่มันทื่อที่สุด เพราะถ้าขืนใฟ้!ปหยิบเอาเล่ม ที่คมปลาบไปเล่น ลูกกลับมาหาแม่อีกทีลูกอาจจะบอกว่า \"แม่ นิ้วมัน ด้วนไปแล้ว\" ถึงตอนนั้นจะทำอย่างไร ดังนั้นถึงแม้จะอนุญาตให้เล่นแต่ ให้เอาด้ามทื่มันที่อที่สุด เมื่อลูกไปแล้ว พระเดขพระคุณหลวงฟอก็ถามเพื่อนว่า \"คิดว่า จะบาดไหม\" เพื่อนตอบ \"บาด ยังไงก็บาด\" ฟ้งครั้งแรกหลวงพ่อท่าน ก็ตกใจว่า รูทั้งรู้ว่ามันจะบาด ทำ ไมยอมให้ลูกไปเล่น เพื่อนบอกว่าลูก อายุ5ขวบแล้ว กำ ลังจะเข้าโรงเรียน ถึงคราวต้องห่างดัวเราไปแล้ว เด็ก จึงควรเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเอง และรู้จักรับผิดซอบตัวเอง นั่นคือเหตุผล ที่เขาอนุญาตให้ไปเล่น ทั้ง ๆ ที่เขารู้ว่ามีดจะต้องบาด ปรากฏว่าไม่ถึง 10นาที ลูกสาวตัวน้อยกลับมาพร้อมทั้งยื่นนิ้วมา ก่อนเลย \"มัมมื่\" ปากซักเบะแล้วเพราะถูกมีดบาด ถึงแม้!ม่มีบาดแผล อะไรมาก เพราะมีดทื่อ แต่ก็คือโดนเข้าไปแล้ว แม่บอกเลย \"ยูลัญญาแล้วนะ ว่ายูจะไม่ร้อง\" ลูกสาวตอบ \"ก็ไอยังไม่ได้ร้องน่ะ\" ปากซักเบะแล้วแต่ยังไม่ร้อง ต้องแนกลั้นไว้เพราะสัญญากับแม่แล้ว แม่ก็เลยบอกต่อ \"เอ้า...นี่ ทิงเจอร์อยู่นี่ ยูทำ แผลเองนะ\" เด็กเอานิ้วซ่อนครับไปข้างหลังเลยเพราะรู้ว่ามันแสบ เคยเน้น แผลแล้วแม่ทำแผลให้ จึงรู้ว่าทิงเจอร์มันแสบรีบซ่อนนิ้วครับเลยนะ www.kalyanamitra.org
76 ss ทับโลก ทันรรรม 1 แม่เลยบอก \"ยูต้องทำแผลนะ ยูสัญญาแล้ว ล้ายูไม่ทำ ไอจะจับ นิ้วยูจุ่มลงไปในขวดทิงเจอร์ทั้งขวด\" เด็กก็เลยต้องมานั่งทำแผลทำเสร็จครั้งแรกปรากฏว่าไต้ออกมา เป็นผ้าก๊อซฃยุกเปีนก้อน ๆ อยู่บนนิ้ว แม่บอก \"อย่างนิ้ยังไม่ไต้ ยูเดินสองก้าวมันก็หลุดแล้ว\" ว่าแล้ว ก็ดึงออกให้ทำใหม่ เด็กก็ทำใหม่ ครั้งที่สองก็ดึขึ้นมาแต่ก็ยังใช้งานไม่ไต้ แม่ก็ดึงออกอีกให้ทำใหม่อีกรอบ จนถึงรอบสาม คราวนิ้ก็พอลูไต้ ที่จริงแผลเล็ก ๆ แค่นั้น ถึงแม้ไม่ทำแผลก็หายเองอยู่แล้ว แต่แม่ ก็ให้ทำ เป็นการแกลูกให้รู้จักการทำแผล และแม่ก็พอจะอุ่นใจไต้ว่า ลูก ของตนไต้เรียนรู้แล้วว่า การเล่นมีดนั้นอันตราย และจะต้องระมัดระวัง อย่างไร www.kalyanamitra.org
เลยฬูกรย่างไรให้รฅวามร้■บผิดซอ■บ 77 นี่คือวิซีการเลี้ยงลูกอีกแบบหนึ่ง ไม่ใช่เลี้ยงแบบไขในหิน แต่ว่า ต้องแกเขาให้รู้จักยืนด้วยตัวเอง ซึ่งการเลี้ยงอย่างนี้เป็นเรื่องที่ยากกว่า เพราะเราจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดทุกแก้าว ว่าอะไรควรปล่อย อะไร ควรห้าม สิ่งที่เป็นอันตรายเกินไปก็ต้องห้าม จะปล่อยเท่าที่ปล่อยได้\" เท่านั้น ปล่อยแคไหนอย่างไร จีงมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก แต่ล้า เลี้ยงลูกอย่างนี้1ด้ลูกจะโตขึ้นมาเป็นคนมีความรับผิดชอบตัวเอง ทั้งเก่ง ทั้งดี www.kalyanamitra.org
A,-'. ,hiC^J www.kalyanamitra.org
วันคุ้มครองโลก องค์การสหประซาชาติ ใต้กำหนดให้ วันที่ 22 เมษายน เป็นวันคุ้มครองโลก โลกใน ที่นี้มีความหมายอยู่ 2 นัย นัยแรกหมายถง โลกทางกายภาพที่มีภูเขา มีแม่นํ้า มีพื้นดิน แผ่นฟ้า มหาสมทร ส่วนอีกนัยหนี่ง โลกหมายถึง ชาวโลกนั่นเอง คือสรรพชีวิตทั้งปวงที่อาคัย อยู่บนโลกนี้ การคุ้มครองโลกจึงหมายถึง การคุ้มครองทั้งสิงแวดล้อมและคุ้มครอง ซาวโลกด้วย ว'าจะทำอย่างไรให้ซาวโลก ทั้งหลายดำรงชีพอยู่บนโลกไต้อย่างสงบสุข ปลอดภัยทั้งภพนี้และภพหนัา พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงให้หลักธรรม เอาไว้ว่า หิริโอตตัปปะนี้แหละ คือธรรมคุ้มครอง โลก ท่านเรียกว่าธรรมเป็นโลกบาล แปลว่าธรรม เป็นเครื่องคุ้มครองโลก ได้แก่ หิริความละอาย บาป และโอตตัปปะความเกรงกลัวบาป www.kalyanamitra.org
80 ^ ท้ใ;bก ทับ!าร•ร่ม 1 หิริกับโอตตัปปะต่างกันดังนี้ หิริความละอายต่อบาป ถ้าจะ เปรียบก็เหมือนกับว่า เราเห็นเหล็กเปีอนอุจจาระอยู่ท่อนหนี้ง เรามี ความรู้สึกรังเกียจไม่อยากจะจับต้องเหล็กท่อนนั้นความรู้สีกรังเกียจนี้ เปรียบไต้กับหิริความละอายบาป ไม่อยากทำบาป ถ้าจะให้ทำมันรู้สึก แนใจ ส่วนโอตตัปปะความเกรงกลัวต่อบาป ก็คือเกรงกลัวต่ออำนาจ ผลบาปที่ทำ เปรียบเหมือนว่า มีเหล็กอยู่ท่อนหนี้งเอาไปเผาไพ่ให้ร้อน แดง เราย่อมไม่กล้าจับเหล็กท่อนนั้น กลัวมันจะไหม้มือ อาการอย่างนี้ เปรียบไต้กับ โอตตัปปะความเกรงกลัวบาป ใครก็ตามที่มืหิริโอตตัปปะ คนคนนั้นจะเป็นคนที่สามารถ คุ้มครองตัวเองให้ปลอดภัยในโลกนี้ และมีความสุขในโลกหน้าได้ หิริ โอดตัปปะท่านเรียกอึกชื่อหนึ่งว่า เทวธรรม คือธรรมที่ทำให้เป็นเทวดา ใครก็ตามมีหิริโอตตัปปะแล้ว แม้อยู่บนโลกก็เป็นเสมือนเทวดาเดินดิน ละโลกไปแล้วก็ไปเป็นเทวดาจริง ๆ เพราะอายบาปกลัวบาปจึงละเวน จากความชั่วบาปอกศล หากซาวโลกมีหิริโอตตัปปะกันทั่วหน้า สิงแวดล้อมต่าง ๆ บน โลกจะดีแน่ เพราะปิญหาต่าง ๆ ที่เกีดขึ้น ล้วนเกีดจากการที่คนเราขาด ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ยกตัวอย่างเซ่น การตัดไม้ทำลายปา ทั้งที่รู้ว่าไม่ดี รู้ว่าผิด แต่อยากได้เงินจึงยอมทำสิ่งที่ผิด สิ่งแวดล้อมก็เสีย หาย การปล่อยนํ้าเสึยลงแม่นั้าก็รู้ทั้งรู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ไม่ยอมลงทุนขุด ปอบำบัดนํ้าเสีย เพราะไม่อยากเปลืองเงินจึงปล่อยนั้าเสียลงแม่นั้าไป คนอื่นจะเป็นอย่างไร สิ่งแวดล้อมจะเสียหายอย่างไรก็ซ่าง ป้โบหาเกีด www.kalyanamitra.org
'ณคุนครอ JLSfl ฃี้นเพราะคนขาดหิริโอตตัปปะส่งผลให้สิ่งแวดล้อมเสียหาย และผู้คนก็ อยู่กันอย่างไม่ปลอดภัย เราลองถามตัวเองดูได้ว่า ในชีวิตประจำวันของเรา เรากลัวอะไร มากที่สุด พิจารณาดี ๆ เราจะพบว่า ที่น่ากลัวอันตับหนึ่ง คือ คนไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นโจรผู้ร้าย เป็นขโมย เป็นอันธพาล หรือบางคเงอาจอยู่ใน คราบของผู้มีอำนาจในแวดวงต่าง ๆ เรากลัวเขาจะมากลั่นแกล้ง เรา กลัวเขาจะมาทำร้ายเรา ภัยที่มาจากคนภัยคนพาล คือสิ่งที่น่ากลัวอันดับ หนึ่ง โลกที่ร้อนรบในป็จจุบัน เกิดจากคนขาดหิริโอตตัปปะนึ่นเอง เพราะฉะนั้นจะคุ้มครองโลกได้ เราจะต้องสร้างหิริโอตตัปปะให้เกิด ขึ้นโนใจของเราก่อน แล้วก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ให้ความละอาย เกรงกลัวต่อบาปนี้เกิดในสังคมไทยและสังคมโลกให้มากที่สุด ยิ่งมาก เท่าไรโลกของเราก็จะได้รับการคุ้มครองมากไปตามส่วน เครื่องเหนี่ยวเงใจคนไมให้ทำบาปโดยหลักมีอยู่ 3 ประการ ประการที่ 1 คือ คำสอนของศาสนา คนไม่กล้าทำบาป ไม่อยาก ทำ บาป ทั้งอายด้วยทั้งกลัวด้วยที่จะทำบาป เพราะรู้ว่ามันไม่ดี กลัวผล แห่งบาปจะเกิดขึ้นกับตนทั้งภพนี้และภพหน้า เรียกว่ามีเบรกในใจ มี แรงเหนี่ยวรั้งในใจอันเกิดจากคำสอนของศาสนา ประการที่ 2 คือ กติกาของสังคม เซ่นประเพณี กฎระเบียบ กฎหมาย ถ้าใครไปแนกฎกติกาของสังคมก็จะได้รับการลงโทษ ไม่ว่า www.kalyanamitra.org
82 i(ระ;มหาสมขาย 5ามวฺฬฺM.D., Ph อ. จะเป็นกติกาสังคมแบบอ่อนเซ่นประเพณีวัฒนธรรมผู้ที่ทำสิ่งที่ผิดจารีต ประเพณี ผิดวัฒนธรรมของสังคม ย่อมเป็นที่รังเกียจของคนรอบข้าง เป็นแรงกดดันให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่เซ่นนั้นเขาจะอยู่ไม่เป็นสุข ถือว่าเป็นการลงโทษแบบอ่อน ถ้าเป็นกติกาสังคมแบบแข็งก็คีอออก เป็นระเบียบกฎหมาย ใครทำผิดก็ถูกลงโทษตามกฎหมาย คนก็กสัว บางคนไม่กลัวบาป แต่กลัวถูกตำรวจจับ กลัวจะถูกลงโทษถูกปรับ จึง ไม่กล้าทำผิด อันนี้เป็นแรงเหนี่ยวรั้งจากกติกาสังคม ประการที่ 3คือ ครอบครัว ความเคารพรักคุณพ่อคุณแม่ทำให้ เกิดความยับยั้งชั่งใจ ไม่ทำความชั่ว เกรงว่าจะทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ ใจ ความรักความกดัญญต่อพ่อแม่จึงทำให้คนเราประพฤติดัวดี ยิ่ง ครอบครัวใดมีสายสัมพันธ๊!นครอบครัวแน่นเหนียวลูกมีความรักกดัญญ ต่อพ่อแม่มากเพียงใด สิ่งนั้นก็จะเป็นเครื่องคุ้มครองตัวลูก ไมให้ถลำ ไปในทางที่เสื่อม เพื่อนฝูงจะมาซักขวนอย่างไร ก็มีความรักพ่อแม่ช่วย เหนี่ยวรั้งใจอยู่ เครื่องเหนี่ยวรั้งใจทั้ง 3ประการนี้ยิ่งแข็งแรงมากขึ้นเพียงใด เบรก ในใจที่จะไม่ทำบาปทำกรรมของคน ๆ นั้นก็จะแข็งแรงมากขึ้นเพียงนั้น แต่ถ้าเครื่องเหนี่ยวรั้งใจทั้ง 3ประการนี้อ่อนแรงลงมากเท่าใด ผลร้ายก็ จะตามมามากไปตามส่วน ดูตัวอย่างในสังคมระดับประเทศ ประเทศใดที่ คนไม่มีความเขื่อเรื่องศาลนา ระบบครอบครัวอ่อนแอ มิหนำซํ้าถ้ากติกา สังคมไม่เข้มแข็งอีก คนไม่กลัวกฎเกณฑ์สังคม ไม่เคารพกติกาสังคม บีญหาจะเกิดขึ้นมากมาย แต่ถ้า 3สิ่งนี้แข็งแรงละก็ อยู่กนเป็นสุขทีเดียว www.kalyanamitra.org
วันคุมฅรองโลก^ 83 ดังนั้นพวกเราทุกคนจะเริ่มคุ้มครองโลก ขอให้เริ่มที่ตัวเองก่อน สำ รวจตัวเราให้ดี ปรับปรุงพัฒนา ไม่มีใครหรอกจะสมบูรณ์พร้อม 100% มีดีบ้างไม่ดีบ้างผสมกัน เพราะเรายังไมใซ่พระอรหันต์แต่สิง สำ คัญอยู่ที่ว่าเราต้องมีหิริโอตตัปปะ และจะต้อง!)กสิ่งที่เกื้อหนุนต่อ คุณธรรมความละอายและความเกรงกลัวต่อบาปนี๋ให้สมบูรณ์ยิ่ง ๆ ขี้น ไป หมั่นสำรวจข้อบกพร่องของตัวเองและรีบปรับปรุงแกั1ข ขีวิตก็จะมี แต่ความเจริญ แต่คนไหนแม้เริ่มต้นจะมีต้นทุนที่ดี แต่ถ้าไม่!เกฝนตนเอง ไม่มีหิริโอตตัปปะ สุดท้ายก็จะแย่ นอกจากนี้ ถ้าเรามีคนในปกครองดแล จะเป็นลูกก็ตาม ผู้อยู่ใต้ บ้งคับบ้ญขาก็ตาม ให้ช่วยอบรมปลูกฝืงให้เจามีหิริโอตตัปปะให้ดีเถิด ถ้ามีลูกก็สอนลูกทั้งเรื่องของบญเรื่องของบาปโลกนี้โลกหน้านรกสวรรค์ อย่าคิดว่าเขายังเด็กคงไม่รู้เรื่อง ยิ่งยังเป็นเด็กยิ่งสอนง่ายปลูกฝืงได้ลึก ถ้าลูกทำอะไรไม่ถูก พ่อแม่ต้องอธิบายเหตุผลให้ลูกทราบว่า มันไม่ดี เพราะอะไรและจะส่งผลอย่างไรนี่ไมใช่การขู่แต่ต้องอธิบายเหตุผลโยง ให้ลูกเห็นซัดเจนยกตัวอย่างเรื่องราวทั้งจากพระไตรปีฎกและในป้จจุบัน ของคนที่ทำดีแล้วไต้ไปสวรรค์ กับคนที่ทำบาปแล้วตกนรก ให้เวลา ค่อย ๆ เล่า ค่อย ๆ ปลูกฝืง หิริโอตตัปปะจะซึมซาบฝืงอยู่ในใจเด็กจน ตลอดชีวิต มีโยมคนไทยคนหนี่งสามีเป็นขาวญี่ป่น มีลูกสาวอายุประมาณ 5-6ขวบ พ่อซึ่งเป็นขาวญี่ป่นเป็นคนสูบบุหรี่จัดมากแทบจะมวนต่อมวน แต่เซื่อไหมว่าพ่อบ้านเลิกบุหรี่ได้เพราะลูก สาเหตุเพราะแม่มักจะพาลูก www.kalyanamitra.org
84 in ทันโลก ทันธรรม 1 มาวัด มาลูดาวธรรมได้ฟ้งได้เห็นภาพของนรกว่าน่ากลัวแคใหนใครสู'บ บุหรี่จะตกนรก เจอบุหรี่เป็นท่อนเหล็กแดงมาทุบมานาบ เด็กจำมาแล้ว ก็รูว่าบุหรี่ไม่ดี ถ้าเห็นคุณพ่อสูบบุหรี่เมื่อใดก็จะรีบไปเอาบุหรี่มาจาก คุณพ่อ ทั้งบอกคุณพ่ออย่าสูบบุหรี่เพราะเป็นบาป เดี๋ยวตกนรกละแย่ เลย เจอลูกขอครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายคุณพ่อเขินเลยเลิกบุหรี่ได้อย่าง ไม่น่าเชื่อ เพราะฉะนั้น เราต้องกล้าที่จะบอกความจริงแก่ทุกคนถึงเรื่อง ผลแห่งบุญแห่งบาป นี่ไมใช่เรื่องเซย แต่คือความจริงของโลกและ ชีวิตที่ทุกคนจะต้องตระหนักรู้อยู่ที่ว่าเราจะรู้ตอนเป็นหรือจะไปเห็น ตอนตาย รู้ตอนยังเป็น ๆ เพื่อเราจะได้แก็ไขท้นหรีอว่าจะรอใท้ละโลก ไปตายไป แล้วไปเจอเข้าจรีง ๆ กับตัวเองชื่งแก็ไฃไม่ทันแล้ว ทำ อะไรไว้ ก็ต้องไปรับผลกรรมตอนนั้น มันเลี่ยงเกินไป อันตรายเกินไป ตังนั้นมา คืกษาความรู้ที่แท้จริงของชีวิตตั้งแต่ตอนนี้เถิด เรียนทั้งตัวเองด้วยและ สอนคนรอบข้างด้วย ผู้ที่เริ่มต้นที่ตนเองและปลูกฝังหิริโอตตัปปะให้คนรอบข้าง จยายวงกว้างไปถึงลังคม ทั้งสังคมไทยและสังคมโลกอย่างนี้ จะไต้ ชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองโลกแล้ว โลกทั้งใบจะสงบร่มเย็นไต้โดยจุดเริ่ม ต้นที่พวกเราทุกคน www.kalyanamitra.org
คลื่นความคิดกับกา?รักษาโรค คำว่า \"โรค\" สามารถนิยามได้หลายแบบ แต่อาตมภาพขอเสนอ นิยามด้งนี้\"โรคเป็นภาวะสมมุติที่เกิดขึ้นจากการปรุงแต่งที่ไม่สมดุล\" หมายความว่า ในคนปกติที่แข็งแรงดี ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเขาจะ สมดุลอาจจะมืเปลี่ยนแปลงขึ้นๆลงๆบ้างก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ สมดุล ถ้าเป็นศัพท์อังกฤษเขาใฃ้คำว่า อยู่ใน normal range คืออยู่ใน เกณฑ์ปกติ มากไปนิด น้อยไปหน่อย ก็ยังไม่ได้ปวยไข้อะไร คนเราทุกคน ไม่มีใครที่ทุกองค์ประกอบทั่วร่างกาย จะคงที่อยู่นิ่ง ๆ ตลอด อุณหภูมิ ของร่างกายก็มีขึ้นๆลงๆบ้างปริมาณนํ้าในร่างกายปริมาณความ เข้มข้นของเลือด ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ว่าถ้าอยู่ใน ขอบเขตปกติ ก็ถือว่าเรายังมีสุขภาพดี www.kalyanamitra.org
86 ^ พ'3ะมหาสมซาย ธานวุฟ้ฒ M.D.,Ph.D. แต่เมื่อใดการเปลี่ยนแปลงมันมากจนเกินขอบเขตปกติ เมื่อนั้น เราก็จะป่วย เพราะว่าส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมันปรุงแต่งไม่สมดุลเสีย แล้ว แต่การป่วยถือเป็นภาวะสมมุติชั่วคราว ถ้าเราปรับสมดุล บางคน เรียกว่าปรับธาตุ ให้เข้าสู่ภาวะสมดุลไหมใต้เมื่อไร เราก็จะหายป่วย ดัง นั้นที่หมอรักษาคนป่วยโดยให้ยามาทานหรือไข้วิธีการต่าง ๆ สารพัด นั้น แท้จริงแล้วเป๋าประสงค์มีเพียงว่า เพื่อหาทางให้กลไกการทำงาน ของร่างกายเรากลับเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้งหนึ่ง จะไต้หายป่วย แต่ทว่า คนเราไม่ได้มีกายอย่างเดียวแต่มีใจด้วย ซึ่งทั้งสอง ส่วนนี้ส่งผลเนื่องถืงกัน ถ้าหากจิตใจผ่องใสสดขื่น ร่างกายก็จะพลอย แข็งแรงไปด้วย แต่ถ้าเมื่อใดจิตใจหดหู่เศร้าหมอง มีเรื่องกลุ้มใจ มาก ๆ ร่างกายก็จะพลอยป่วยตาม สมัยที่อาตมภาพเรียนแพทย์อยู่ อาจารย์เล่าให้ฟ้งว่า เคยมีการ ทดลอง เอาคนป่วยสองคน ป่วยด้วยโรคเดียวกัน อาการหนักเบาใกล้ เคียงกัน ทั้งอายุ สุขภาพทุกอย่าง ถือว่าพี''นเติมอยู่ในระดับใกล้เคียง กันมาก จากนั้นให้ผู้ป่วยแยกอยู่กันคนละห้อง ที่ห้องของผู้ป่วยคนหนึ่ง ปลายเตียงเขียนคำว่า \"วันนี้เราแข็งแรงขึ้นอีกนิดแล้ว\" เมื่อผู้ป่วยมอง ไปที่ปลายเตียง ก็จะเห็นคำพูดนี้เสมอ แต่อีกห้องหนึ่ง ที่ปลายเตียงเขียนว่า \"วันนี้เราทรุดลงอีกหน่อย แล้ว\" เมื่อผู้ป่วยลืมตาขึ้นมาทีไร ก็เห็นแต่ตัวอักษรที่เขียนไว้ปลายเตียง นี้ตลอด ปรากฏว่าผ่านไปแค่สองสัปดาห์ อาการคนไข้สองคนนี้ต่างกัน www.kalyanamitra.org
(■ไสืนค■ป้ามคตทบทา-;รักษ-ใโรค 87 มาก คนไข้ที่ปลายเตียงเขียนว่าเราแข็งแรงขึ้น ปรากฏว่าเกือบจะหาย ป่วยแล้ว แต่ห้องที่เขียนว่าเราทรุดลง ปรากฏว่าอาการทรุดหนักลงไป กว่าเก'า เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องแปลก แต่เป็นสิ่งบ่งขึ้ซัดเจนว่า ใจมื ผลต่อกายแน่นอน จิตใจที่ได้สมดุลจะทำให้ร่างกายพลอยเข้าสู่สมดุล ได้ง่าย แต่ถ้าใจเสียสมดุลเมื่อไร ร่างกายก็จะเสียสมดุลตาม แล้วอาการ เจ็บป่วยก็จะตามมา ถ้าร่างกายเสียสมดุลอยู่แล้วก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก จะ แก้ให้หายจากโรคได้ยาก ยังมือีกการทดลองหนึ่งหนักยิ่งกว่านี้ฃณะนนอยู่ในซ่วงสงคราม ได้มีการนำนักโทษประหารมาถามว่า ถึงอย่างไรคุณก็ด้องถูกประหาร แน่นอน คุณจะเลือกเอาแบบไหน ระหว่างการถูกยิงเป๋าตายไปเฉย ๆ หรือว่าจะยอมให้เอาร่างกายตัวเองมาทดลองทางวิทยาคาสตร์ โดย หมอจะเจาะเส้นเลือดแล้วปล่อยให้เลือดไหลจากตัว เพื่อลูว่าคนเรา เสียเลือดมากเท่าใดถึงจะตาย ถ้าทำอย่างนี้ซื่อของคุณจะได้จารึกอยู่ใน ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ ว่าการทดลองเกิดขึ้นจากใคร อย่างไร ๆ ก็ตายเหมือนกันจะถูกยิงเป๋าตายแบบเงียบๆไม่มืซื่อเสียงหรือจะตาย แบบนี้มืซื่อเสียง คุณจะเอาแบบไหน ก็มีนักโทษคนหนึ่งอาสาว่า ตกลงผมเอาตายแบบมืซื่อเสียง หมอ ก็จัดการเก็บตัวเขาไวิในห้องมืดเสร็จแล้วก็เอาเข็มต่อสายยางแทงเข็ม เข้าไปในเส้นเลือด ปล่อยให้เลือดมันไหลออกมา เสียงตังติ๋ง ๆๆ ติ๋ง ภาชนะรองรับอยู่ที่พื้นพอทำเสร็จเรียบร้อยให้นักโทษเห็นเลือดตนเอง กำ ลังไหลออกมา จากนั้นก็ป็ดไฟในห้องโดยบอกว่าเพื่อให้นักโทษรู้สึก www.kalyanamitra.org
88 in ทันโลก ทันธรรม 1 สงบ ๆ พร้อมกันนั้นก็มีเครื่องวัดตรวจซีพจรคูว่าตอนนี้เป็นอย่างไร ยัง มีชีวิตอยู่ไหม ตายหรือยัง ปรากฏว่านักโทษคนนั้นตายลงในเวลาไม่ถึง หนึ่งซั่วโมง นั้งที่ความจริงแล้วเป็นเพียงการทดลองหลอก ๆ เท่านั้น ช่วง แรกที่ยังเป็ดไฟอยู่ให้นักโทษมองเห็นมีเลือดไหลออกมาจากตัวเขาทยด ติ๋ง ๆ แต่พอป็ดไฟ หมอก็ปีดสายยางไมให้มีการสูญเสียเลือดอีก ส่วนเสียง ติ๋ง ๆ ที่นักโทษไตัยินเป็นเสียงนํ้าหยดที่ทำไว้หลอกนักโทษไมใช่เสียง เลือด ตัวนักโทษมีเพียงเข็มแทงคาอยู่ที่แขนเล่มเดียวเท่านั้นแต่นักโทษ ไม่รู้ นึกว่าเสียงติ๋ง ๆ คือเลือดตัวเองที่ไหลออกมา เขาก็มีความรู้สีกว่า ตัวเองกำลังเสียเลือด และร่างกายกำลังแย่ลงทุกที เพียงไม่ถึงชั่วโมง เขาก็ตายไปจริง ๆ จงเป็นสิ่งที่เห็นไตัอย่างขัดเจนว่า ความคิดของคน เราสามารถส่งผลต่อร่างกายได้อย่างรุนแรง คนบางคนเป็นโรคกลัว เช่น กลัวความสูง บางคนกลัวลิฟตใม่กล้า ขึ้นลิฟต์ บางคนกลัวบันไดเลื่อน ทั้งที่คนอื่นเห็นว่าไม่น่ากลัวเลย ความ กลัวเหล่านี้มักจะมีสาเหตุจากการที่เคยมีประสบการณ๊1นอดีตที่!ม่ดีกับ เรื่องนั้น เซ่น ขึ้นลิฟต์แล้วลิฟต์มันติดค้างอยู่ทำให้ตกใจมาก คราวหลัง เลยกลัวการขึ้นลิฟต์ แค่เข้าไปอยู่ในลิฟต์ก็สั่นกลัว เพราะมีความรู้สีก กังวลว่ามันจะเกิดเหตุร้าย ความกังวลตรงนี้สามารถส่งผลถึงร่างกาย หัวใจจะเต้นรัว และ บางครั้งอาจทรงตัวแทบไม่ได้ ศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า phobia คือ www.kalyanamitra.org
คลื่นความค๊ตกันกา•ริรักษาโร?ใ 89 ความกลัวแบบไร้เหตุผล ยับยั้งไม่ได้ ซึ่งแท้จริงแล้วอาการเหล่านี้ เกิด จากความคิดของใจบั่นเอง □ะบั่นความคิดจีงมีอิทธิพลต่อสุขภาพของ เราอย่างมหาศาลทีเดียว ดังที่พระสัมมาลัมพุทธเจ้าตรัสว่า ดูก่อนตัณหาผู้เป็นเจ้าเรือน เรารู้แล้วว่าเจ้าเกิดจากอะไร แล้วพระองค์ก็สรุปว่า เกิดจากความคิด นี่เอง ขนาดตัณหาซึ่งถือว่าเป็นด้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง พระองค์ยังทรง บอกว่า เกิดมาจากความคิด คนเราจะชอบหรือไม่ขอบจะร้สีกอย่างไร กับใคร ก็เริ่มจากความคิดปรุงแต่ง คิดเรื่องบั่นปอย ๆ จินตนาการไป ความผูกฟันก็จะเกิดมากขึ้น ๆ เสน่หา คือ ยางเหนียวก็เกิด ก็เริ่มจาก ความคิดทั้งบั่น เพราะฉะบั่น ความคิดในใจเราจีงสำคัญมาก สํงผลต่อทุกเรื่อง ตั้งแต่สุขภาพ ไปจนถึงเป็นพลังนำตัวเราไปทำสิงที่ดีหรือไม่ดีได้ ขึ้น อยู่กับว่าความคิดนั้นเป็นความคิดในทางที่ดีหรือในทางร้าย เมื่อรู้ อย่างนี้เราจิงด้องรู้จักใช้ความคิดไปในทางที่ถูกด้อง ดังที่ปีจจุบันใช้คำว่า คิดในเซิงบวก คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดในแง่ดี อย่ามองโลกในแง่ร้าย เห็น อะไรเกิดขึ้นอย่าเพิ่งดีโพยตีพาย แตให้คิดในทางที่ดีไว้ก่อน ต่อให้ปิญหา ใหญ่ท่วมฟ้า ค่อย ๆ แกั!ปทีละเปลาะ ๆ เดยวก็แก้ได้ ยอดเขาเอเวอร์ เรสสูงเท่าสูง ยํ่าไปทีละก้าว ๆ สุดท้ายก็ขึ้นถึงยอดเขาได้ ดวงจันทร์อยู่ ไกลแสนไกล ใครจะไปเชื่อว่าเราจะไปเตีนบนดวงจันหรืได้ เมื่อมืความ มุ่งมั่นตั้งใจจริงเชื่อว่าทำได้ แล้วค่อย ๆ ทำ ไป สุดท้ายก็สำเร็จได้จริง ๆ www.kalyanamitra.org
90 ^ ir.timiสมรทย รานรุฑฺโftj M.D,.Ph.D. ดังนั้นไม่ว่าเราจะพบอุปสรรคใหญ่เท่าใด สถานการณ์ที่ยํ่าแย่แค่ ไหน ขอให้รักษาใจเราไว้ให้!ด้เถิด ทำ ใจเราให้นิ่งสงบไว้ก่อน แสัวคิดไป ในทางที่สว้างสรรค์ คิดไปในทางดี มีความเชื่อมั่นว่าเราสามารถแก้ไข ได้ แล้วค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ แก้ทีละเปลาะ ๆ สุดห้ายปีญหาทั้งหลายก็ จะคลี่คลายไปได้จริง ๆ ใครที่สุขภาพไม่ดี เจ็บออด ๆ แอด ๆ ให้เริ่มสำรวจที่ใจของเรา เองก่อนเลย ให้เชื่อมั่นว่าเราอยู่ได้ เราสู้ได้ ที่ป่วยหนักก็จะเบา ที่เบา ก็จะหาย เราจะดีขึ้นแน่นอน ล้าหากเราสามารถควบคุมความคิดของ เราไป!นทางสว้างสรรค์ได้ ซึ่งความคิดสว้างสรรค์จะเถิดได้ ด้องแกให้ ใจสงบเป็นสมาธิตั้งมั่น เมื่อใจสงบความคิดดี ๆ จะเถิดขึ้นมา แต่ถ้าใจยังฟ้งซ่านเลี่อนลอย จะให้คิดในทางดี บางทีมันคิดไม่ค่อยจะ ออก ใจกำลังยุ่ง ๆ ลับสนจะให้นั่งหลับตาก็ยังหลับไม่ลง ยังนิ่งไม่ลง ก็ ให้เปีดจานดาวธรรมดูรายการ DMC ฟ้งพระเดขพระคุณหลวงพ่อท่าน สอน ให้ใจค่อย ๆ น้อมนำไปตามกระแสพระธรรมเทศนา ใจเราก็จะ โปร่งสบายมากขึ้น ถึงคราวหลับตาใจก็จะนิ่งได้ แล้วความคิดดี ๆ ก็จะ เถิดขึ้นมา เราก็จะดีขึ้น ๆ ในทุก ๆ ด้านทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ www.kalyanamitra.org
ความแรื่องทรัพย์ ที่เศรษเมองข้าม มีความรู1นเรื่องที่เกี่ยวกับทรัพย์อยู่หลายประเด็นที่คนส่วนใหญ่ มักมองข้าม ประเด็นแรก คือ เฟ้าหมายของการหาทรัพย์ บางคนพอ อยากรวยก็พุ่งเปาไปว่า ทำ อย่างไรก็ได้ขอให้รวยก็แล้วกัน ไม่ว่าจะ ด้วยวิธีการใด ทุ่มเทไปเต็มที่ พอถึงคราวรวยเป็นเศรษฐีขึ้นมาจริง ๆ ปรากฏว่าครอบครัวแตกแยก เพราะตนเองไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไม่มี เวลาอบรมเลี้ยงดูลูก ภรรยาก็ไปทาง ลูกก็ไปอีกทาง โตขึ้นกลายเป็นคน ติดยาเสพติดบ้าง เกเรไม่ยอมเรียนหนังสือบ้างแล้วก็เสียผู้เสียคนกันไป www.kalyanamitra.org
92 ^ ทนไ?ก ท้นธรรน 1 ถ้าเป็นอย่างนี้ ถามว่ารวยแล้วคุ้มไหม รวยแล้วมีความสุขจริง ๆ หรือ เปล่า เราอยากไดไหมความรวยอย่างนี้ มีทรัพย์ แต่ผู้คนรอบข้างแย่ หมด ก็คงไม่มีใครอยากจะเป็นอย่างนั้น หรือว่าวิธหาทรัพย์จะถูกผิด สืลธรรมอย่างไรไม่สนใจ ขอให้!ด้ทรัพย์มาเถอะทำไล้ทุกอย่างปรากฏว่า บาปกรรมก็ทำ มิจฉาอาซีวะก็ทำ พอละโลกนี้ไปแล้วเลยไปตกนรกเสีย ยรแย่ มีทรัพย์เป็นเศรษฐีอยู่บนโลกมนษย่ไม่กี่ปี แต่ไปตกนรกมีความ ทุกข์สาหัสสากรรจ์เป็นล้าน ๆ ปี ก็คงไม่มีใครอยากจะเป็นเศรษฐีแบบ นี้เหมีอนกัน เพราะฉะนั้น เราล้องวางเป้าหมายของการหาทรัพย์ให้ซัดเจน ว่าเราหวังจะให้ทรัพย์นั้นมาตอบสนองเรา เพื่อให้เรามีความสุขใน ซีวิต ดังนั้นเป้าหมายไม่ใฃ่อยู่ที่เพียงตัวเงินเท่านั้น ไม่ไล้จบแค่นั้น แต่ล้องมองต่อไปว่าทรัพย์นั้นจะต้องเป็นทางมาแห่งความสุขทั้งภพ นี้และภพหน้าด้วย พอวางเป้าขัดอย่างนี้ เราจะไล้เสือกอาซีพไล้ถูก ว่า ต้องเป็นสัมมาอาซีวะ อะไรที่ผิดสีลผิดธรรมเราไม่ทำ และต้องสามารถ แปงสรรปันส่วนเวลาไล้อย่างดี ทั้งเรื่องการงาน เรื่องครอบครัว เรื่อง ส่วนตัว การดูแลรักษาสุขภาพ การประพฤติปฏิบัติธรรม จัดสรรเวลา ให้พอเหมาะพอสม อย่างนี้ถีงจะใข้ไล้ ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับการ ตัดถนนบางคนพอคิดว่าจะตัดถนนก็ลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว สุดท้าย ไปเจอเหวลึกไปต่อไมใล้ สรุปคือ ที่ทำ มาทั้งหมดก็เหนื่อยฟรี เพราะ ฉะนั้น ก่อนจะเริ่มลงมือตัดถนนต้องกำหนดทิศให้ขัดเสียก่อนว่าเราจะ www.kalyanamitra.org
โ■ทามเพี่อ■ใVไร้พย์ทเศรใฬ๊มอฬก่ม 93 ต้องตัดถนนไ'ปทางไหน ฒื่อจะไปถีงเ'ปีๆหมายปลายทางที่ต้องการ เมื่อ 'ทิศทางซัดเจนเราจึงลงมือ'ทุ่มเทตัดถนนไป สุด•ท้ายก็จะไปถึงเ'ปีาหมาย ประเด็นที่สอง คือ ความรวยหรือความจน'นนมืสองแบบ ขอ กล่าวถึงความจนก่อน เพื่อจะทำให้เ'ทินภาพของความรวยซัดขึ้น ท่าน บอกว่าคนจนในโลก มือยู'สองประเภทใหญ่ คือหนี่ง จนเพราะไม่มื คือทรัพย์สินเงินทองมันมี'น้อยไม่พอใช้สอย คนจนประเภทนี้เขาเรียก ว่า คนยากจน แต่ประเภทที่สองเป็นซนิดที่เรียกว่า จนเพราะไฝพอ มี รถหนึ่งคันก็อยากจะได้สองคัน มีสองคันก็อยากจะได้สื่คัน พอมีสี่คันก็ อยากจะได้แปดคัน แล้วอยากจะได้ที่ยี่ห้อดี ๆ สวย ๆ อยากจะมีบ้าน หลาย ๆ หลัง เงินในธนาคารมีเยอะแล้วก็อยาภจะให้เยอะขึ้นไปอีก คนจนประเภทนี้เขาเรียกว่า คนอยากจน มีเงินหมื่นล้านก็มองว่า ยังมี คนรวยแสนล้านรวยกว่าเราอีก รู้สึกตัวเองยังจนอยู่เมื่อเ'ทียบคับเขา พอ รวยแสนล้านขึ้นมาก็อยากจะมีล้านล้าน มีผู้กล่าวว่าทรัพยากรที่มีอยู่ในโลกนี้ ถ้านำมาจัดสรรปีนส่วน อย'างดีก็มืเ'ผียงพอที่จะหล่อเลี้ยงคนทั้งโลกถึงหกพันกว่าล้านคนให้ บริโภคใช้สอยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข แต่ในทางกลับกัน แม้เราจะ เอาทรัพย์สินเงินทองทั้งโลกให้กับคนเ'ผียงคนเดียวเพื่อตอบสนองความ อยากของเขา เราจะพบว่าไม่พอ สมบัติทั้งโลภยกให้หมด แล้วยังใม่พอ เลย อาจจะอยากได้ดวงจันทร์แถมอีกลักดวงหนึ่ง หรือถ้าจะได้ทั้งสุริย จักรวาลก็น่าจะดีเหมือนกันหรืออาจอยากครองทั้งเอกภพเลยก็เป็นได้ www.kalyanamitra.org
94 ^ าลม■ราย «านๅฑฺโฒ M.a,Ph.D. ดังที่เคยมีตัวอย่างจริง๓ดฃี้นมาแล้วในอดีตมีพระเจ้าจักรพรรดิ พระองค์หนี่งทรงพระนามว่า พระเจ้ามันธาตุราช มีบุญเดิมสั่งสมไว้มาก รัตนะ 7 ปังเกิดขึ้นไดัเป็นพระเจ้าจักรพรรดิครองสมนัดิทั้ง 4 ทวีป อยู่ มาวันหนึ่ง เกิดนกอยากจะไปเที่ยวซมสวรรค์ขึ้นที่ 1 คือ จาตุมหาราซิ กา ก็ขึ้นจักรแก้วพาไปเลยด้วยอำนาจบุญที่สร้างสมไว้อย่างดีแล้ว พอไป ถึง ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ซึ่งเป็นราซาของสวรรค์ขึ้นที่ 1 ได้มารับเสด็จ และยกสวรรค์ขึ้นจาตุมหาราซิกาไห้ปกครอง พระเจ้ามันธาตุราชผู้เป็น มนุษย์จึงได้ปกครองเทวดา ณ สวรรค์ขึ้นที่ 1 นั้นอย่างยาวนาน ต่อมาพระองค์นึกอยากจะไปเที่ยวซมสวรรค์ขึ้นที่ 2คือดาวดีงส์ จักรแก้วก็พาไปเลย ด้วยอำนาจบุญของพระเจ้ามันธาตุราฃ พระอินทร์ ผู้เป็นเจ้าสวรรค์ขึ้นดาวดีงส์ยอมแบ่งสวรรค์ขึ้นดาวดีงสให้ปกครอง ครึ่งหนึ่ง พระเจ้ามันธาตุราชอยู่ครองสวรรค์ขึ้นดาวดีงส์ยาวนานจน พระอินทร์องค์เดิมหมดอายุขัยจุติ แล้วมีพระอินทร์องค์ไหม่อุปัติขึ้นมา ต่อถึง 36 องค์ เพราะในยุคนั้นมนุษย์มีอายุยืนกว่าเทวดา อยู่มาวันหนึ่งพระเจ้ามันธาตุราชเกิดความโลภขึ้นมาว่า เอ ทำ ไม เราจะต้องครองสวรรค์ขึ้นดาวดึงส์แค'ครึ่งเดียว หากได้ครอบครอง ทั้งหมดย่อมจะดีกว่า อยากจะได้หมดเลย จึงวางแผนจะยืดอำนาจจาก พระอินทร์ แต่พออกุศลเข้าครอบงำไจ ทำ ไห้[จหมองบุญไม่หล่อเลี้ยง กายจึงหนักตกจากสวรรค์ลงมา มาได้คืดก็ตอนใกล้ตาย จะเห็นได้ว่า สมปัติทั้งโลกยกให้คนคนเดียวยังไม่พอเลย แสมสวรรค์ให้อีกก็ยังไม่ พอ ถ้ายังมีความอยากเท่าไร ๆ ก็ไม่พอ www.kalyanamitra.org
ามนู้รองท!พผํทเฅรษฐมล3ข้'าม 95 ถ้ามีคนยากจนคนหนึ่ง เกิดไปได้ลาภลอย มีคนยกทรัพย์สินใหลัก ล้านบาท เขาคงจะดีใจมากสุขใจปลื้มใจกันใหญ่ แต่ในทางกลับกัน ถ้ามี มหาเศรษฐีโลกรวยเป็นแสนล้าน เกิดวันใดธุรกิจผิดพลาดทรัพย์สินร่อย หรอลงเหลือเงินอยู่แต่ล้านบาท มหาเศรษฐีใหญ่นั้นคงจะกลุ้มใจแทบคิด อยากฆ่าตัวตายเลยทีเดียว ทำ ไมมีเงินล้านเท่ากันแต่คนสองคนคิดไม่เหมือนกัน คนหนึ่งดีใจ แทบแย่มีความสุขใจขื่นใจ อีกคนกลุ้มแทบจะฆ่าตัวตาย มันอยู่ที่ว่า มี ความรู้สึกยินดีพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่หรือไม่ ถ้าหากไม่รู้จักพอใจใน สิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ก็จะกลุ้มทั้งชาติ มีทรัพย์เท่าไรก็ไม่พอ ยิ่งรวยก็ยิ่งกลุ้ม ยิ่งรวยก็ยิ่งอยาก ตังนั้นเราต้องแยกแยะตรงนี๋ให้ดี ทรัพย์สินเงินทองจะ www.kalyanamitra.org
96 19 หับโคก หับธรรม 1 ต้องมาตอบสนอง เพื่อให้เรามีความสุขในภพนี้และใช้เป็นอุปกรณ์แสวง บุญเป็นเสบียงติดตัวไปในภพเบื้องห'นาจนกระทั่งถึงเฟ้าหมายอย่างยิ่ง คือ พระนิพพานในที่สุด อย่างนี้ถึงจะใช้!ต้ มีคนกล่าวไว้ว่าเงินเป็นปาวที่ดีแต่เป็นนายที่เลว คือใครปล่อยให้ ตัวเองเป็นทาสของเงิน เมื่อนั้นจะมีความ'อุกฃ์มาก ถ้าให้เงินมาเป็นเจ้า เช้าครอบงำหัวใจ เราก็จะแย่ แต่เมื่อใดเราเป็นนายของเงิน คือ มีทรัพย์ แล้วสามารถใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยซ'น!นภพนี้เป็นประโยซ'น!นภพหน้า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เราก็จะมีความสุขในชีวิต เราต้องใช้สอยเงิน ไต้ถูกต้องตามบทบาทหน้าที่ของมัน อย่าให้เงินเป็นนายเรา แต่เราต้อง เป็นนายเงิน หาทรัพย์ไต้ต้องไซ้ทรัพย์เป็น รู้ค่าของทรัพย์ แล้วก็ใซ้1ต้ อย่างถูกต้องและเหมาะสม เราคงเคยได้ยินเรื่อง มีเศรษฐีบางคนรวยมากแต่เวลาไปซื้อ มะม่วงก็จะซื้อมะม่วงที่มันเริ่มเน่าแล้ว ราคาจะไต้ถูก ๆ เสร็จแล้วก็มา ตัดส่วนเน่าออก รับประทานส่วนที่เหลือ มันจะซํ้า ๆ เละ ๆ บ้างก็เ]นกิน ได้จะซื้อมะม่วงดี ๆมารับประทานก็กลัวว่าเงินทองจะร่อยหรอไป ทั้งที่ ความจริงแล้วทรัพย์ที่เขามีนั้นต่อให้นำไปใช้ซื้อของดี ๆทานตลอดชาติก็ ไม่ได้พร่องไปสักเท่าไหร่ แต่เขาก็พอใจจะบริโภคของเสีย ๆ เพราะความ ตระหนี่ บางคนมีเสื้อผ้าดี ๆ มากมายเต็มต้แต่กลับไมใช้เพราะกลัวมันจะ เก่าใส่แต่เสื้อผ้าขาดๆ'ปุๆปะๆอย่างนี้ก็เกินไปปล่อยให้ทรัพย์สิน มาเป็นนายเราเสียแล้วเสียท่าเลย www.kalyanamitra.org
ความรู่'เรื่องทพัย์ที่ฬรษเมอฬาฆ 97 ดังนั้นพวกเราซาวพทธทุกคนจะต้องไม่เป็นคนที่จนเพราะไม่พอ เราต้องรู้จักพอหากใครยังมีทรัพย์น้อยก็ขวนขวายหาทรัพย์ แต่เมื่อไต้ ทรัพย์มาแล้วก็ลามารถบริโภคไซ้สอยไต้อย่างถูกต้องเหมาะสม ยังความ สุขให้เกิดขึ้นทั้งในภพนี้ ภพหน้า ตลอดไป www.kalyanamitra.org
ประว้ตผู้เขียน ฉายา จานวุทุโฒ ภิกขุ หรือ พระมหาสมขาย จานวุทฺโฒ 'นามเดิม นายแพทย์สมขาย วัฃรศรีโรจน์ แพทยศาสตร'บัณฑิต ประว่^ การสืกษา รุ่นที่ 35 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกิดวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 จ.นราธิวาส กิจกรรม พ.ศ. 2514 ครอบครัวย้ายไปอยู่สกลนคร พ.ศ. 2520 เข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพมหานคร ป. 1 - ป.4 ที่โรงเรียนบางนราวิทยา จ.นราธิวาส ป.5 - ป. 7โรงเรียนเซิงขุมราษฎร์บุกล จ.สกลนคร ม.ศ. 1-ม.ศ. 3โรงเรียนสกลราชวิทยาบุถูลจ.สกลนคร ม.ศ.4- ม.ศ.5โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ แพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท และปริญญาเอกทางด้านพุทธศาสตร์ศึกษา (Buddhist Studies)มหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ป่น เป็นประธานนักเรียน โรงเรียนสกลราขวิทยาบุกล เป็น'พัวหน้าขั้น ม.ศ. 4,ม.ศ 5โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พ.ศ. 2524 ประธานฝ่ายวิฃาการ ขมรมพุทธศาสตร์และประเพณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2525 - 2527 ประธานขมรมพุทธศาสตร์และประเพณี จฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย www.kalyanamitra.org
รางวัลพิเศษ -พ.ศ.2522ชนะเลิศการสอบแข่งขันทางพิสิกส์และคณิตศาสตร์ ระหว่าง นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วประเทศ จำ นวน 3,600 คน จัดสอบ โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ -พ.ศ. 2522ชนะเลิศการแข่งขันทาง^ลิกส์ ซึ่งจัดโดยสถาบันลลิกส์เซ็นเตอร์ -พ.ศ.2523 ชนะเลิศการสอบแข่งขันทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจัดโดยคณะ วิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเป็นตัวแทนชองคณะ แพทยศาสตร์เข้าร่วมแข่งขัน -พ.ศ.2526 ได้วับการตัดเลือกเป็นนิลิตผู้มความประพฤติดี ชองพุทธ สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เนื่องในวันวิสาฃบูชา 26 พฤษภาคม 2526 -พ.ศ.2553 ได้วับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณ เป็นพระเถระผ้มีพุทธ คุณูปการต่อพระพุทธศาสนา ระตับกาญจนเกียรติคุณ โดยคณะ กรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทบราษฎร อุปสมบท 2 มิถุนายน 2528(วันวิสาขบูชา)ณ อุโบสถ วัดหระธรรมกาย พระอุปิชฌาย์ คือ พระธรรมป็ญญาบดี (ช่วง วรปุณฺโญ) วัดปากนํ้าภาษีเจรีญ (ปิจจุบันเป็นที่สมเด็จพระมหาวัชมังคลาจารย์) พระกรรมวาจาจารย์ คือ พระอธิการไชยบูลย์ ธมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย (ปีจจุบันเป็นที่ พระราชภาวนาวิสุทธี้) พระอนุสาวนาจารย์ คือ พระเผด็จ ทตตชโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย (ปิจจุบันเป็นที่ พระภาวนาวิรียคุณ) www.kalyanamitra.org
หน้าที่ - ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ดูแลงานด้านการศึกษาและการเผยแผ่ธรรมะ - อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมกายแคลิฟอร'เนีย \"ประธานสงฆ์ วัดพระธรรมกาย ประเทศญี่ปุน การทำงาน -ประธานคณะทำงานฝ่ายไทย ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยปีกกิ่ง ประเทศจีนในโครงการแปลพระไตรปีฎกบาลีเป็นภาษาจีน \"ประธานคณะกรรมการโครงการพระไตรจฎกคอมพิวเตอร์ ฉบับสมาคมบาลีปกรณ์ (Pali Text Society)ประเทศอังกฤษ -ประธานคณะทำงานโครงการอุปสมบทหมู่ 100,000 รูป ทุกหม่บ้านทั่วไทย - ประธานคณะทำงานโครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน 500,000 คน -ประธานอำนวยการสร้างวัดไทยในโตเกียว โอชากัา นางาโน่ โทซิหงิ คานากาว่า อิบาราชิ ไซตามะ และยามานาชิ ประเทศญี่ป่น \"ประธานอำนวยการสร้างศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จ จังหวัดปราจีนบุรี \"มืผลงานหนังสือธรรมะ แถบบันทึกเลียง และ VCD รวมกว่า 200 รายการ รวมยอดการเผยแพร่กว่า 3,000,000 เล่ม/ชิ้น www.kalyanamitra.org
Search