Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore DhammaIntrend4

Description: DhammaIntrend4

Search

Read the Text Version

50 68 ท้นโลกทนธรรม d กระสอบหญ้า แล้วแบกกระสอบป่านที่มีค่ามากกว่าไปแทนไหม พระองค์ตรัสตอบว่า ควรสิ พระกมารกัสลป่ะจีงทูลถามต่อว่า แล้วถ้าเขาไม่ยอมทิ้ง กระสอบหญ้า ด้วยเหตุว่าอุตส่าห์แบกมาตั้งนานแล้ว จะทิ้งก็ เสียดาย จึงแบกกระลอบหญ้าต่อไป และแม้ว่าจะได้เจอของดึ ๆ อีกมากมาย เซ่น กระสอบม้าไหม กระสอบเพชรนิลจินดา เขาก็ไม่ ยอมทิ้งของเดิม คน ๆ นั้นโง่หรือฉลาด พระองค์ตรัสตอบว่า โง่มาก พระกุมารกัสสปะจึงทูลถามว่า แล้วพระองค์ควรจะเป็นคน โง่หรือคนฉลาด พระองค์จะยืดถือทิฐิที่ผิด เพียงเพราะเสียดาย ด้วยอุตส่าห์ถือมาตั้งนานแล้ว จึงจำด้องถือต่อไป หรือว่าพระองค์ จะถือทิฐิที่ถูกด้อง เพื่อรู้เห็นในลิ่งที่ถูกตองยิ่ง ๆ ขึ้นไป่ แต่นั้นมา พระเด้าปายาสิก็หูตาสว่าง ยอมปรับความเห็น ผิด แล้วหันมานับถือพระพุทธคาสนาจนตลอดซืวิต พระเด้าป่ายาสิเคยพยายามใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์หาความจริงของชีวิต แม้ต้องลงทุนด้วยชีวิตคนด้วยวิธี การอันน่ากล้ว แต่ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนวิธีการอย่างไร ก็ไม่อาจเข้า ถึงความจรืง วิทยาศาสตร์ในป่จจนันนี้ ก็ย้งคงพยายาม แสวงหาความจริงของโลกและชีวิต โดยศึกษาว่า กลไกของโลก กลไกของชีวิตเป็นอย่างไร แล้วทำความเข้าใจไปตามแนวทางของ พื้นฐานความรู้ที่มีอยู่คือ ชีววิทยา พีสิกส์ และเคมี เพื่อนำความรู้ เหล่านี้มาไข้พัฒนาความเป็นอยู่ของคนเราใหัสะดวกสบายขึ้น เซ่น www.kalyanamitra.org

ความเขื่อ;รื่องตายแล้วไม่สญ 51 นำ ความรู้ด้านซืววิทยามาใช้ประโยซน๊Iนทางการแพทย์ นำ ความ รู้ด้านทิเสิกส์และเคมีมาไซ!นการสร้างเครื่องจักร สร้างเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลาย จะเห็นว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่จะจำกัดอยู่ในเรื่องเหล่านี้ แต่มีอืกสิ่งหนึ่ง คือเรื่องของใจ ที่นักวิทยาศาสตร์ยังมีความ รู้ความเช้าใจในเรื่องนี้นัอยมาก แมี'นักจิตวิทยา นักจิตเวชก็ยังเช้าใจ เพียงแค่ผิวเผิน เพราะนักจิตวิทยาเองก็ยังไม่เคยเห็นว่าใจของ ตนเองมีรูปร่างลักษณะอย่างไร ทำ ได้เพียงแค่ลังเกตอาการ แลดงออกของใจแล้วนำมาสรุปเป็นทฤษฎีต่าง ๆ ทางจิตวิทยา เท่านั้น เมื่อขาดความรู้โนเรื่องของใจ ก็ขาดเครื่องมีอที่จะศึกษา เรื่องชีวิตหลังความตาย และการไปเกิด มาเกิด เมื่อไม่รู้จะศึกษา อย่างไร จึงทำได้เพียงเก็บช้อมูลของผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการ ระลึกชาติ แต่ไม่สามารถศึกษาถึงกลไกของการเวียนว่ายตายเกิด ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ได้สร้างความสั่นสะเทือนไหกับวงการ วิทยาศาสตร์ เพราะช้อมูลเกี่ยวกับการระลึกชาติที่เก็บได้นั้นมีเป็น จำ นวนมากและมีความน่าเซี่อถืออีกด้วย ปัจจุบันจึงมีผูที่อยู่ใน วงการวิชาการ เริ่มหันมาเชื่อเรื่องการเกิดใหม่ เรื่องชีวิตหลังความ ตายมากขึ้นเรื่อย ๆ มีคำ ถามว่า เหตุใดคนบางคนจึงระลึกชาติได้ ขณะที่คน ล่วนใหญ่ไม่สามารถระลึกชาติได้ คำ ตอบก็คือ กฎทุกกฎย่อมมีช้อ ยกเวน แม้ว่าเมื่อคนเรามาเกิดในครรภ์มารดา แล้วจะลืมเรื่องราว www.kalyanamitra.org

52 พรtมพารมขาย จานวฺฬฒ M.D.. Ph.D. •า=ร*8 ต่าง ๆ ไปหมด แตกจะมีบางคนทีมาเกิดในจังหวะที่ลงตัวพอดี จีง มีความทรงจำเหลืออยู่ ซึ่งกลไกของการไปเกิดมาเกิดเหล่านี้ เรากิ คงเห็นแล้วว่าเป็นเรื่องที่ยากจะศึกษา แม้จะใช้สุดยอดเทคโนโลยี หรือความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ทั้งหมด ถาอยากจะเช้าใจเรื่องราวของการเวียนว่ายตายเกิดจรืง ๆ จะตัองศึกษาตามหลักพระพุทธศาสนา คือการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ ให็ไปรู้!ปเห็นจริง ๆ เท่านั่น เมื่อใจเป็นสมาธิหยุดนิ่งเมื่อไรใจจะ ปรากฏให้เห็นเอง จะรู้ว่าใจเรามีรูปทรงเซ่นใร ประกอบขึ้นจากอะไร วิเคราะห์แยกธาตุ แยกส่วนได้หมด ทั้งเห็น จำ คิด รู้ ทั้งดิน ป้า ไฟ ลม ว่าเป็นอย่างไร จะสามารถระลืกชาติได้ไมใซ่เพียงแค่ชาติเดียว แต่นับร้อยนับพันชาติ หรืออสงไขยชาติกิสามารถท่าได้ หากว่าใจ หยุดนิ่งอย่างแห้จริง www.kalyanamitra.org

คT'ii, I' 53 ซาวพุทธทุกคนจืงนับว่าโซคดี มีบุญ ที่ไดี'รู้จักหลักคำสอน ของพระพุทธศาสนา เพราะทั้งเรื่องราวของการเวียนว่ายตายเกิด และหลักธรรมปฏิบัติต่าง ๆ พระพุทธองคํ!ม่ได้ทรงบัญญัติขึ้น แต่ พระองค็ได้บำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรมจนเข้าไปถึงความจริงของโลก และชีวิต แล้วทรงนำมาสั่งสอน ดังนั้นเราควรตั้งใจศึกษาไหดี อย่า มัวเสียเวลาหลงทางลองผิดลองถูกอึกเลย ความเชื่อผิด ๆ ที่คิดว่าตายแล้วสูญนั้น เป็นอันตรายอย่าง ยิ่ง อาจนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่ผิดพลาด และส่งผลร้ายไปอึกนับ ซาติไม่ล้วน ตรงข้าม หากเราเชื่อมั่นในสิ่งที่พระพุทธองคํทรงสั่ง สอน เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ เราจะมีพลังใจที่สูงส่งในการทำความ ดี เราจะเป็นผู้รู้เหตุรู้ผล ไมโอดครวญ ยามเมึ่อชีวิตด้องเผชิญกับ อุปสรรคหริอวิบากกรรม ที่สำ คัญเราจะสามารถยับยั้งชั่งใจไม่ ทำ ความชั่ว ไม่ว่าจะมีใครรู้เห็นหริอไม่ก็ตาม เพราะเรารู้แล้วว่า ชีวิตไมได้สิ้นสุดแค่ซาตินี้ www.kalyanamitra.org

4 MQ ความฉลาดทางศีลธรรม นักวิชาการได้มีความพยายามที่จะวัดระด้บความสามารถ ของคนเราในด้านต่าง ๆ เซ่น ระดับความสามารถทางเซาว์ปัญญา ( Intelligence Quotient หรึอ 10) ระดับความสามารถทางอารมณ์' ( Emotionai Quotient หรือ EQ ) ระดับความสามารถทางการฟันฝ่าปัญหาอุปสรรค (Adversity Quotient หรือ AQ ) ระดับความสามารถทางสืลธรรม ( Morai Quotient หรือ MQ ) www.kalyanamitra.org

MQ ควานธลาดทางศีลธรรม 55 การวิเคราะห์เรื่องราวเหล่านี้ นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ โดย เฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่อง MQ(Moral Quotient)ระดับความ สามารถทางศีลธรรม หรือจะเรืยกว่าความฉลาดทางศีลธรรมก็ไดั ความฉลาดทางสืลธรรม หมายถึง ความสามารถใน การหยุดตนเองจากการทำความ'สั'ว มึพลงมุ่งมนในการทำ ความดีโดยใม่ย่อท้อต่ออุปสรรค นักวิชาการส่วนหนึ่งมีความเห็นว่า การปลูกฝืง MQ หรือ ความฉลาดทางศีลธรรมนั้นไม่สามารถทำได็ในคนที่เป็นผู้Iหญ่หรือ มีอายุมากแล้ว พวกเขามีความเห็นว่า การปลูกฝืง MQ ต้องทำ ตั้งแต่ในวัยเด็ก เพราะถาโตเป็นผู้Iหญ่แล้วจะรืเกไต้ยาก รวมทั้งแกไข สิ่งต่างๆ ไต้ยาก แต่ล้าเริ่มแกกันตั้งแต่ยังเด็ก กีจะสามารถยกระดับ พื้นฐานศีลธรรมของแต่ละคนขึ้นมาไต้ เมื่อมีพื้นฐานจิตใจศี มีจิตสำนึกที่ดี หากไต้รับการหล่อหลอม กระต้นเดือนเพิ่ม ก็จะ สามารถพัฒนาให์ดืยิ่งขึ้นไปได็โดยไม่ยาก ในทัศนะของอาตมภาพนั้นเห็นว่า เราสามารถยกระดับ ความฉลาดทางศีลธรรมให์สูงขึ้นไต้ แม่ในคนที่เติบโตเป็นผู้Iหญ่ แล้ว การที่คนเรามืระด้บความฉลาดทางสืลธรรมแตกต่าง กันก็เพราะแต่คนมืระดับของกรอบความคิดไม่เท่ากัน กรอบ ความคิดของคนเรามี 3 ระดับ คือ 1.มุ่งประโยซน์ปัจจุบัน คือต้องการลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ในซาดืนี้ www.kalyanamitra.org

56 ทระมหาลม'ซาย 5านๅทโฒ M.O.,Ph.D. 2. มุ่งถึงประโยชน์ชาติหน้า คึอ ติ'องการบุญกศลที่จะติด ตามไปในภพชาติเบื้องหน้า 3.มุ่งถึงประโยชน์อย่างยิ่ง คือ ติองการหมดกิเลส เข้านิพพาน นั่นคือทุกคนล้วนติองการประลบความลำแจในชีวิตโดยที่ แต่ละคนก็มีกรอบความคิดเป็น ตัวกำหนดว่าเป้าหมายความ สำ เร็จ •.ของเขาอยู่ตรงไหน เซ่นล้าเขามีกรอบความคิดในระดับที่มุ่ง ประโยชน์ป้จจุบัน มองเห็นแค่ตัวเอง มีเป้าแห่งความสำเร็จอยู่ที่ การแสวงหาความรารวย เขาก็อาจจะทำอย่างใรก็ไติเพี่อที่จะไดเงิน มามาก ๆ โดยไม่คำ นึงถึงบาปบุญคุณโทษ,ไม'สนใจว่าคนอื่นจะ ไติรับผลกระทบอย่างไร ความฉลาดทางศีลธรรมของเขาจึงจัดว่า อยู่ในระดับตํ่า แต่ล้ากรอบความคิดของเขากว้างขึ้น เริ่มมองสังคมโดย รอบ ในทำนองที่อยากเห็นสังคมโดยรวมดืขึ้น เขาก็จะเริ่มใส่ใจกับ สังคม คำ นึงถึงกฎระเบียบ กฎหมายต่าง ๆ แม้บางเรื่องไม่มี กฎหมายบังคับเอาไว้ แต่ เป็นลิ่งที่ ดีต่อส่วนรวม เขาก็ยินดีทำ ล้ากรอบความคิดกว้างไกลถึงขนาดที่มุ่งประโยชน์ชาติหน้า ก็จะสามารคมองเห็นภาพรวมของชีวิต คำ นึงถึงบุญบาป กฎแห่ง กรรม เพราะเชึ่อว่าตายแล้วไม่สูญ และการจะไดีใปเกิดเป็นอะไร นั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุญบาปที่ตนทำไว้ ทั้งพิจารณาไดว่า การกระทำ ต่าง ๆ มีผลอย่างไรทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น จึงมีกำลงใจยับยั้ง ตนเองจากการทำความชั่ว และมุ่งมั่นทำความดีใหเพี่มขึ้น นั่นคือ www.kalyanamitra.org

MQ ควานฉลาดทางสิลธรรม •^'5' 57 ระดับศีลธรรมก็จะยิ่งเพิ่มพูนสูงขึ้นไปตามระดับของกรอบความคิด คำ ว่ากรอบความคิดนี้ ถ้าไซ้ดัพท์ธรรมะ ก็คือคำว่า ส์'มมาทิฐิ นั่นเอง ยิ่งมีส์'มมาทิฐิ ก็ยิ่งมีความรู้ความเข้าใจใน ความเปินจริงของชีวิต มาตรฐานของความประพฤติก็จะมีการ ปรับตัวตามดังกล่าว มีตัวอย่างมากมายที่ชี้ให้เห็นว่า แม้เป็นผู้ใหtyก็ สามารถเปลี่ยนระดับความฉลาดทางศีลธรรมได้ดังเรื่องของ พระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งถือเป็นพระมหากษัตริย์แห่ง อินเดียที่มีคุณูปการต่อการเผยแผ่พระพูทธศาสนาอย่างยิ่ง ก่อนขึ้นครองราชย์ พระองค์ต้องฆ่าพี่น้องน้องร่วมสายโลหิต ไปถึง 99 พระองค์ สืบเนื่องจาการแย่งชิงราชบัลลังก์กัน เพราะ ทรงดำริว่าถ้าไม่ทำเซ่นนั่น พระองค์ก็จะเป็นฝ่ายถูกฆ่าเสืยเอง www.kalyanamitra.org

58 wmS ทันโลกทับธรรม 4 เมื่อกรอบความคิดในใจซองพระองค์ในขณะนั้น คือม่งประโยชน์' ปัจจุบิ!นที่ต้องชิงบัลลังก์ ชิงอำนาจมาให้ได้ ผลคือแม้ต้องฆ่าพี่ ฆ่าน้องก็ยอม เพราะกรอบความคิดเป็นอย่างนั้น ครั้นได้ฃึ้นครองบัลลังก์แล้ว กรอบความคิดที่มุ่งประโยชน์ ปัจจุบัน ก็ทำ ให้พระองค์ต้องการขยายอำนาจ ขยายอาณาจักรออก ใปโดยเร็วที่สุด จึงทรงยกทัพไปชิงเมืองอี่น ๆ ต้องรบราฆ่าฟันผูคน มากมายเพี่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งมหาราช ทั้งที่การแย่งชิงบัานเมือง ของผู้อี่นนั้นเป็นการกระทำที่มิได้แตกต่างจากมหาโจรเลย อยู่มาวันหนึ่ง พระเล้าอโศกได้พบสามเณรในพระพุทธ ศาสนารูปหนึ่ง ซื่อลามเณรนิโครธซึ่งกำลังเดินบิณฑบาต ด้วยบุคลิก อันสงบเสงี่ยม สง่างาม พระองค์เห็นแล้วเกิดความรู้สึกสงบใจ เกิด ศรัทธาในเบื้องต้น ยิ่งใด้ฟังธรรมจากสามเณร ยิ่งมืศรัทธาเพี่มพูน ขึ้น จึงวางศัสตราวุธ หยุดการเป็นมหาราช ที่ต้องยกทัพไปรบไป ยึดเมืองเขา แต่จะขอเป็นธรรมราชา คือ เป็นกษัตริย์ที่ปกครอง โดยธรรม จะแผ่พระบรมราชานุภาพ ด้วยการนำธรรมะของพระ ล้มมาล้มพุทธเล้าไปเผยแผให้กวัางไกล ทรงเปลี่ยนนโยบายทั้งหมด หยุดการรุกรานแล้วหันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นการใหญ่ เมื่อกรอบความคิดเปลี่ยน ความฉลาดทางคืลธรรมก็เปลี่ยน ระดับทันทีเพราะรู้แล้วว่า ชีวิตคนเราไม่ใด้มีแค'ชาตินี้ บุญบาป มีจริง จะเห็นได้ว่า แม้เติบใหญ่หรือยิ่งใหญ่ขนาดเป็นพระราชาแล้ว ก็ยังสามารถเปลี่ยนใต้ ตัวอย่างที่สอง คือ เรื่องขององคุลิมาล ผู้ซึ่งมืนามเดิมว่า www.kalyanamitra.org

MQ ความQfทดทางสืลธรรม - 59 อหิงสกะ ในวัยหนุ่มอหิงลกะได้!ปศกษๆอยู่กับอาจารย์ และด้วย เหตุที่อหิงสกะเป็นศิษย์ที่มีความสามารถมาก จึงเป็นที่รักใคร่ โปรดปรานของอาจารย์ทำ ใหลูกศิษย์คนอื่น ๆเกิดความอิจฉาจึง ใปยุอาจารย์ว่า ต่อไปภายหน้าอหิงลกะจะคิดล้างครู ให้อาจารย์ หาทางกำจัดอหิงลกะเลียก่อน ฝ่ายอาจารย์ หากจะลงมีอฆ่าอหิงลกะ เองก็เกรงจะเลียซื่อ จึงวางแผนเรียกอหิงลกะมาแล้วลวงว่าตนจะ ถ่ายทอดวิชาพิเศษอันเป็นลุดยอดวิชาให้ แต่มีข้อแม'ว่าอหิงสกะ ด้องใปฆ่าคนให้ครบ 1,000 คนเลียก่อน จึงจะเรียนวิชานี้ได้ โดย ในใจนั้นคิดว่า หากอหิงสกะทำตามที่ตนบอก ในไม่ข้าอหิงลกะก็ ย่อมจะถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน อหิงลกะเป็นคนที่มีเป็าหมายชัดเจนว่าด้องการวิชาความ รูใล่ตัว ประกอบกับมีความเคารพเชื่อพิงอาจารย์มาก จึงรับคำ อาจารย์ แล้วออกเดินทางฆ่าคนไปเรื่อย ๆ เพราะมุ่งประโยชน์ คือการได้เรียนวิชา อหิงสกะขาดความรู้!นเรื่องบุญเรื่องบาป เมื่อ ฆ่าคนมาก ๆ เข้าก็มีผลต่อจิตประสาท จากที่เคยเป็นคนเฉลียว ฉลาด ก็เกิดความสับสน จำ ไม่ได้ว่าฆ่าคนไปกี่คน จึงได้ตัดนี้วกัอย จากศพ มารัอยเป็นพวงมาลัยคล้องคอไว้จึงเป็นที่มาของชื่อ องคุลีมาส ซื่งคำว่า องคุลี ก็คือ นี้วนั่นเอง องคุลีมาลได้สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวเมืองเป็นอัน มาก พระราชาได้ส่งทหารจำนวนมากไปปราบองคุลีมาล แต่ก็ไม่ สำ เร็จ ในที่ลุด พระราชาจึงตัดสินพระทัยที่จะยกทัพใหญ่ใปปราบ ฝ่ายแม่ขององคุลีมาลเมื่อรู้ข่าว ด้วยความรักลูกจึงรีบเดินทางเพี่อ www.kalyanamitra.org

60 (j|^ หระมทาสมขาย ขานรุ*!โฒ M.D.,Ph.D. จะไปบอกลูกใหรีบหนีไปเสีย ครั้งนั้นพระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ดวยข่ายพระญาณ ทรงรู้ว่าองคุลีมาลฆ่าคนไปแสัวถึง 999 คนใจ ขององคุลีมาลนั้นมืดมัวเต็มที หากองคุลีมาลได'พบแม่ เขาย่อมจะ ฆ่าแม่ เพี่อให้'ครบ 1,000คนตามเป้าหมายที'นทีซึ่งถึ'าเป็นเซ่นนั้น ก็จะกลายเป็น อนันตรียกรรม คือกรรมหนักที่จะปีดสวรรค์ ปีด นิพพาน หมดโอกาลเขาถึงธรรม พระพุทธองค์จึงเสด็จไปโปรดองคุลีผาลก่อนที'แม่ของ เขาจะไปถึง เมื่อองคุลีมาลเห็นพระสัมมาส้มพุทธเจ้าก็ดีใจ คิดว่าตนจะได้ฆ่าคนให้ครบ 1,000 คนเลียที เขาถือดาบวิ่งใส่ ตาม หมายจะฆ่าพระพุทธองค์ แต่ปรากฏว่าองคุลีมาลวิ่งตาม อยู่ 3โยชน์ คือ 48 กิโลเมตร ก็ไม่สามารถตามที'นพระพุทธองค์ ที่ทรงเดินไปอย่างปกติธรรมดา เมื่อไม์รู้จะทำอย่างไรองคุลีมาส www.kalyanamitra.org

MQ ความaลาดหางสืลรรรม 61 จึงตะโกนว่า \"สมณะหยุดก่อน\" พระพุทธองค์ทรงตอบว่า \"ดูก่อนองคุลมาล ตถาคตหยุด แล้ว เธอสิยังไม่หยุด\" องคุลีมาลจึงแย้งว่า \"ท่านจะหยุดแล้วได้ อย่างไร ในเมื่อเราวิ่งตามท่านเท่าไรกีตามไม่ท้น\" พระพุทธองค์ จึงตรสว่า \"ตถาคตหยุดแล้วจากการสร้างบาปกรรมท้งหลาย ด้วยการปลงท้ตว์จากชีวิต องคุลีมาล ! เธอล่ะเมือไรจะหยุด\" ด้วยคำพุดนี้ เหมือนสายฟ้าฟาด สว่างขึ้นกลางใจขององคุลีมาล องคุลีมาลนั้น แม้จะมืบาปอวิชชาท่วมใจ แต่เมือได้เห็น ทั้งพุทธานุภาพ และได้ฟังอมตวาจาของพระพุทธองค์ทีช่วยเปิด กรอบความคิด สร้างสัมมาทิเให้เกิดขึ้นในใจ ฆาตกรใจบาปจึง ยอมทิ้งดาบ คุกเข่าลงกราบพระพุทธองค์และทูลขอบวชเมือบวช แล้ว พระองคุลีมาลได้ตังใจบำเพ็ญสมณธรรมอย่างดียิง แต่ถึง อย่างนั้นท่านก็ยังถูกวิบากกรรมตามท้น เวลาออกไปบิณฑบาต นอกจากจะไม่ได้ข้าวปลาอาหารแล้ว ท่านยังถูกชาวบ้านขว้างปา ด้วยก้อนอิฐ ก้อนหิน จนบาตรแตก ศีรษะแตก เลือดไหลอาบ ได้รับทุกขเวทนาอย่างมาก แต่ท่านก็อดทนไม่ย่อท้อในการประพฤติ ปฏิบัติธรรม ว้นหนี้งพระองคุลีมาลเห็นหญิงมืครรภ์แก่ ปวดท้องคลอด อย่างน่าสงสาร หญิงนั้นเห็นพระองคุลีมาลก็ตกใจกลัว แต่ก็หนีไปไหน ไม่ได้ พระองคุลีมาลจึงเข้าไปช่วยแล้วอธิษฐานว่า\"ตั้งแต่ข้าพเจ้า ออกบวชมีชีวิตใหม่ในพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธ เจ้า ไม่มีเลยแม้แต่ความคิดที่จะปลงสัตว์จากชีวิต ด้วยอำนาจสัจจะ www.kalyanamitra.org

62 ทันโลกทันธรรม 4 วาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแด่หญิงผู้นี้และทารกในครรภ์เถิด\" พอสิ้นเลียงเท่านั้นเอง ทารกก็คลอดออกมาดี'วยดี จากนันมาพระองคุลีมาลจึงบิณฑบาตพอไดขาวมาบ้าง ชืวิตในลมณเพศของท่านก็สงบสุขขึ้นจนสุดท้ายท่านก็ไดี'บรรลุทระ อรหันต์ ชีวิตของท่านไดี'เปลี่ยนจากผู้ร้ายฆ่าคนมาเป็นพระอรหันต์ นับว่าท่านไดี'พัฒนาระดับความฉลาดทางศีลธรรมขึ้นอย่างยิ่งยวด เพราะไดัยกระดับกรอบความคิดจากการมุ่งประ!ยซน์ในชาตินี้ เป็นการมุ่งประโยชน์อย่างยิ่ง คือมุ่งนิพพาน ดังนั้นระดับความฉลาดทางศีลธรรมเป็นลี่งที่สามารถ พัฒนา ยกระดับขึ้นใดั นมีในวัยผู้!หญ่ โดยการเปลี่ยนกรอบความ คิดเท่านั้นเอง ถ้าเราขยายกรอบความคิดใหัเปีดกวัางจนมองเห็น ความจริงของโลกและชีวิต ความคิดและการกระทำทั้งหมดก็จะ เปลี่ยนตาม ระดับความฉลาดทางศีลธรรมจะสูงขึ้นมาทันที แล้ว www.kalyanamitra.org

MQ ความQลาดทาง?เลธรรม I 63 เราจะมีชีวิตที่อยากทำแต่ความดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ยังมีเรื่องราวของผู้คนอีกมากมายที่เราสามารทพบเห็นได ไนชีวิตประจำวัน ที่แสดงให้เห็นว่าระดับความฉลาดทางศีลธรรม ของคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไดั แม้จะเป็นผู้Iหญ่ มีอายุมากแล้วก็ตาม และเรื่องราวเหล่านั้น จะเป็นกำล้งใจให้เรา เซื่อมั่นว่าชีวิตเราสามารถมุ่งไปสู่การทำความดีที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไปไดั เพียงยกระดับกรอบความคิดเท่านั้นเอง www.kalyanamitra.org

ยิ่งใ'เ^งได้ การให้ เป็นคุณธรรมที่สำคัญ มีรากฐานมาจากการสละ และ ความเมตตา กรุณา กา?ให้นำมาซึ่งประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ คังคำ กล่าวที่ว่า \"ยิ่งให้ยงได้\" เพราะเมื่อคิดจะให้ ใจจะเบิกบานขยายกว้าง ออกไป คิดให้กบทุกคนในครอบครัว ใจก็จะขยายคลุมทั้งครอบครัว คิดจะให้กับชุมซนใจก็จะขยายคลุมทั้งชุมซน และถ้าคิดจะให้กับคน ทั้งโลกใจก็จะขยายคลุมไปทั้งโลก คนที่มีจิตใจกว้างขวาง เมื่อคิดจะ ทาอะไรก็คิดเผื่อแผ่ถึงทุก ๆ คนเสมอ ความคิดจึงกว้างไกลและสร้าง สรรค์ ก่อให้เกิดสิงคิ ๆ ขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ตรงข้ามกับคนที่เห็น แก่คัว คิดถึงแต่คัวเองเป็นหอัก ใจก็คับแคบ ความคิดก็คับแคบเคร่ง เครียด เพราะคิดแต่จะเอาเน์รียบผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เมื่อใจถูกกิเลส www.kalyanamitra.org

ยิ่งให้ยงได้ , 65 คือความโลภเข้าปีบบังค้บ ความคิดก็จะออกมาในเซิงทำลายล้าง น่า ไปส่การก่อกรรมทำชั่วต่าง ๆ นานา จึงกลายเป็นว่า ยิ่งอยากได้ ก็ยิ่ง สูญเลีย ดังนั้น เราจึงควรชั่งสมคุณธรรม คือการให้ เพราะไม่เพียงแต่ ทำ ให้เรามีความสุข แต่ใจที่เป็นบุญเป็นกุศลน จะดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามา ในชีวิตเราอีกด้วย เพราะใจคนเรามีอานุภาพในการดึงดูด ล้งเกตได้ จากดังคมรอบดัวเราจะเห็นว่า คนดีจะดึงดูดคนดีเข้ามาส่วนคนที่ไม่ดี ก็จะดึงดูดคนที'ไม่ดีเข้ามาเช่นดัน ดังคำกล่าวที่ว่า \"สัตว์โลกจะรวม กลุ่มกันตามอายตนะ\" เหมือนเรามีขวดโหลใบหนึ่ง ดับผึ้งใส่ไปตัว หนึ่ง ดับแมลงวันใส่ไปตัวหนึ่ง เมื่อปิดฝาขวดโหลไว้มันก็อยู่ด้วยดัน แต่เมื่อเปิดฝาขวดโหลออกมา ผึ้งก็บินไปหาเกสรดอกไม้ ไปดูด น้ำหวาน ส่วนแมลงวันก็บินไปหากองขยะ มันพอใจของมันอย่างนั้น ต่างแยกดันไปตามอายตนะ เช่นเดียวดัน ผ้ที่มีใจร้กในการให้ ก็ย่อมดึงดูดผู้ที่มีจิตใจเซ่น เดียวดันเข้ามา เมื่อผูให้มารวมกลุ่มดัน พดังแห่งความคิดสร้างสรรค์ และการบำเพ็ญประโยชน์ก็จะเกิดขึ้นมา ขณะเดียวดันคนที่คิดแต่จะ เอา คิดแต่จะรับ คิดแต่จะได้ ก็จะดึงดูดคนเห็นแก่ตัวประ๓ทเดียวดัน เข้ามา และเมื่อมาอยู่ด้วยดัน ก็จะสร้างปีญหาตามมาอย่างมากมาย ทั้งในหมู่พวกของตน จนถึงดังคมส่วนรวม ดังนั้นหากองค์กรใดต้องการความเจริญก้าวหน้า จะต้อง ปลูกฝังแนวคิดของการเป็นผู้ให้ลงไปในวัฒนธรรมองค์กรความเจริญ ก้าวหน้าที่แท้จริงจึงจะเกิดขึ้นได้ www.kalyanamitra.org

66 fl^9 ทันโลกฟันธรรม 4 พระส์'มมาส์'มพุทธเจ้าทรงแบ่งการให้เป็น 3 ประเภท คือ 1. ว้ตชุทาน คือ การให้วัตถุสิงของต่าง ๆ 2.วิทยาทาน คือ การให้ความ!ถ้าเป็นการให้ธรรมะเรียกว่าธรรมทาน 3.อภัยทาน คือ การให้อภัยไม่ผูกใจเจ็บ ไม่ถือโทษโกรธเคือง การให้ทั้ง 3 ประการนี้ ไม่ว่าเราจะกระทำเมื่อใด หรือภับใคร คำว่า \"ยิ่งให้ยงได้\" ก็เป็นจริงเสมอ วัตถุทาน เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถมอบให้แก่กันได้ไม่ว่าคนผู้ นั้นจะมีบทบาทเซ่นใดในสิงคม ยกตัวอย่างเซ่น ในวงการธุรกิจ ถ้า บริษัทใดมีแนวคิดที่จะผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ เพื่อตอบลนองความ ต้องการของผู้บริโภค โดยตั้งราคาขายอย่างสมเหตุสมผล พยายาม ให้คุณภาพสินค้าคุ้มค่ากับราคาขาย เพื่อให้ผู้บริโภคได้สิงที่คืที่สุด ถ้ามีแนวความคิดเซ่นนี้ สินค้าก็ย่อมขายดีแน่นอน ในระยะยาวบริษัท ก็จะเจริญรุ่งเรืองเพราะถ้าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในสินค้าบริษัทก็ยิ่ง มีกำ ไร และถ้าบริษัทมีการแบ่งปันผลกำไรให้ทั้วถืงทุกฝ่าย ก็จะทำให้ ทุกคนในองค้กรรวมพลังกันสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาสินค้า ให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ระบบการบริหารจัดการภายใน องค์กรก็จะมีประสิทธิภาพ เพราะมีความร่วมแรงร่วมใจกัน ตรงกัน ข้ามกับบริษัทที่คิดแต่จะเอากำไรโดยเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคหรือ ลูกจ้างพนักงาน ในระยะยาวบริษัทก็ย่อมไปไม่รอด ในระตับประเทศก็เซ่นกัน การให้ได้ก่อให้เกิดประโยชนัร่วม กันอย่างมาก เซ่นประเทศญึ่มีนให้ความซ่วยเหลอประเทศไทย ในด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยมอบเครื'องจักรกลให้กับสถาบัน www.kalyanamitra.org

ยงโฟ้ยงไฟ้ ^\\ 67 % การสืกษาและหน่วยงานราชการของไทยเมื่อนักสืกษาหรือข้าราซก'าร ได้เคยเรืยนเคยใช้เครื่องจักรกลดังกล่าวณ็กิดความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี ของญี่ปุนต่อมาเมื่อบุคลากรเหล่านั้นฝ็โอกาสในหน้าที่การงานที่ จะต้องส์'งซื้อเครื่องจักรต่าง ๆ ก็มีแนวโน้มว่าจะซื้อยี่ห้อทืต้วเอง คุ้นเคย หรือมีความชำนาญในการใช้อยู่แล้ว นี่ก็เป็นดัวอย่างที่เห็น ไต้ซัดว่า \"ยิงให้ก็ยี่งไต้\" ในเซิงความร่วมมือระหว่างประเทศ ดัง ประเทศญี่ป่นซึ่งเป็นผู้ให้ได้รับทั้งภาพล้กษณ์ของความมีล้มพันธไมตรี และได้รับทั้งผลประโยชน์ทางการตลาดอีกด้วย ในเรื่องของการให้ความรู้ หรือ วิทยาทาน ก็เป็นที่งที่ \"ยิ่งให้ยี่งได้\"เซ่นเดียวกันและนี่คือคำตอบที่ว่าเหตุใดชาติตะกันตก จึงเป็นผู้นำด้านวิทยาการต่าง ๆในรอบ 500 ปีที่ผ่านมา กระบวนการ ถ่ายทอดความเของชาติตะกันออกกับชาติตะกันตกแตกต่างกันอย่างไร www.kalyanamitra.org

68 พระมหาล^จาย ธานๅฬฒ M.D., Ph.D. เหตุใดซาวตะวนออกซึ่งมีความรู้ในศาลตfต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งจึงไม่ สามารถต่อยอดเป็นมหาอำนาจของโลกได้ ที'เป็นเซ่นนี้ก็เพราะกระบวนการต่ายทอดความรู้ของชาติ ตะวันออกมีลักษณะจำกัดวงเฉพาะเครือญาติของตนเอง ติษย''ของ ตนเอง สำ นักของตนเอง ไม่เผยแพร่ทั่วไป ต้องมาอยู่เป็นติษย'ใน สำ นักเท่านั้นจึงจะสอน และบางครั้งก็ยังเก็บวิชาขั้นสูงเอาไว้ ป้องกัน ติษย์ทรยศคิดล้างครูจึงเกิดภาวะที่วิชาสูญหายไปตามชีวิตของอๆจารย์ ความรู้จึงไม่แตกยอด สํวนชาติตะวันตก ในยุคส์นฟูศิลปวิทยาการ ได้ใช้กระบวน การถ่ายทอดความรู้แบบเปิดกว้าง โดยก่อตั้งมหาวิทยาลัยแล้วเปิด การเรียนการสอนโดยคณาจารย์จากหลากหลายสาขาวิชา ใครเก่ง วิชาไหนก็สอนวิชานั้น ใครสนใจเรียนด้านไหนก็มาสนัครเรียนได้ เปิด กว้างสำหรับทุกคน โดยที่นักศิกษาแต่ละคนมีโอกาสได้เรียนรู้จาก อาจารย์หลากหลายท่านวิชาการจึงมีการต่อยอดไปเรื่อยๆใครศิกษา พบอะไรใหม่ ๆ จะไม่เก็บงำความรู้เอาไว้ แต่จะรีบเขียนเป็นบทความ ลงในวารสารวิชาการเพื่อเผยแพร่ให้เร็วที่สุด เพราะผ้ที่นำเสนอก่อน ย่อมได้ซื่อว่าเป็นคนแรกที่ค้นพบซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับการได้รับ ลิขลิทธและซื่อเสียงเกียรติยศที่จะตามมา การเผยแพร่และถ่ายทอดความรู้เซ่นนี้ ทำ ให้แต่ละคนไม่ต้อง คิดค้นทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่สามารถนำวิทยาการต่าง ๆ ที่ผู้อื่นคิดค้น ไว้มาต่อยอดได้เลยถอเป็นการรวมพลังความรู้ความสามารถของผู้คน จำ นวนมหาศาล วิทยาการตะวันตกจึงก้าวหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว www.kalyanamitra.org

ย':โฟ้ยงโด่' {โ^':' 69 ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาได้ซื่อว่าเป็นผู้นำทางด้าน วิทยาการ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ของโลก มีข้อด้งเกตว่ามหาวิทยาล้ย ชั้นน่าของอเมริกาจะให้ความสำคัญกับนักสืกษาอย่างมากโดยเฉพาะ นักสืกษาที่มีความสามารถโดดเด่น ทางมหาวิทยาล้ยจะให้ทั้งทุนการ สืกษา ทั้งอำนวยความสะดวกเรื่องที่พักและความเป็นอยู่ จนสามารถ เรียนจบโดยไม่ต้องใช้ทุนด้วนตัว แถมยังมีเงินเหลือเก็บอีกด้วยเรียกได้ ว่ามีการด้งเสริมการให้ความเหรีอวิทยาทานอย่างยิ่ง เพราะเว่ายิ่งให้ ก็จะยิ่งได้ คือยิ่งดึงดูดคนเก่งเข้ามายู่มหาวิทยาลัยได้อย่างมากมาย ขณะเดียวกันทางมหาวิทยาลัยก็จะให้ความสำคัญในการจัดหา อาจารย์เก่ง ๆ เข้ามาสอน เมื่ออาจารย์เก่งกับนักคืกษาเก่งมาเจอกัน ก็จะเกิดเป็นแรงกระตุ้นขับเคลื่อนทางวิชาการ เกิดความตื่นตัวในการ ค้นคว้าวิจัย เกิดผลงานนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งจะน่าซื่อเลืยงเกียรติยศ มายู่มหาวิทยาลัยต่อไป นอกจากนี้ ผู้ที่เคยได้รับทุนการคืกษาจากทางมหาวิทยาลัย เมื่อเรียนจบแล้วประสบความสำเร็จในอาชีพการงานก็มักจะกลับมา ให้การสนับสนุนมหาวิทยาลัยในด้านต่าง ๆ เซ่นบริจาคเงินให้กับ มหาวิทยาลัยเป็นการตอบแทน หรึอประซาซนที่เห็นถึงคุณูปการของ มหาวิทยาลัย ก็มาร่วมบริจาคเงินสนับสนุนกันเป็นจำนวนมาก มหาวิทยาลัยบางแห่งเซ่น มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีเงินกองทุนของ มหาวิทยาลัยอยู่ถึงสองหมื่นกว่าล้านเหรียญคิดเป็นเงินใทยประมาณ เจ็ดแสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่มหาวิทยาลัยสามารถน่าไปบริหารจัด การหรีอลงทุนต่าง ๆ ได้ในแต่ละปีมหาวิทยาลัยจึงมีรายได้จากเงิน www.kalyanamitra.org

70 IB หันโลกทนรรรม 4 กองทุนมหาวิทยาลัยประมาณแสนกว่าล้านบาทมาสนับสนุนการ สิกษาและบุคลากรต่าง ๆ การมีอาจารย์ดี นักสิกษาดี มหาวิทยาลัย ก็จะมีเกียรติภูมิยิ่ง ๆ ขึ้นไป ซึ่งในสหรัฐอเมริกามีมหาวิทยาลัยซื่อด้ง อื่นๆที่อย่ในลักษณะนี้อีกมาก เพราะฉะนั้นสิงเหล่านี้เป็นตัวพิสูจน์ ว่ายิ่งให้ยิ่งใต้จริง ให้ความรู้ก็ใต้ความรู้เพิ่ม ให้ทรัพย์ก็ใต้ทรัพย์เพิ่ม สำ หรับ อภ้'ยทาน เป็นเรื่องสำคัญมากในการดำเนินชีวิต เพราะตามธรรมดาคนเราอยู่ด้วยกันย่อมต้องมีการกระทบกระทั่งก้น ทั้งระหว่างบุคคลต่อบุคคล องค์กรต่อองค์กร ไปจนถึงประเทศต่อ ประเทศ เมื่อเกิดกรณีพิพาทกันขึ้นมา ถ้าต่างฝ่ายต่างถึอด้วเองเป็น ที่ตั้ง ปัญหาก็ใม่มีวันจบ ทั้งยังอาจลุกลามไปสู่สงคราม ทำ ให้ผู้คน ต้องบาดเจ็บล้มตาย ต้องเสิยค่าใช้จ่ายเพราะสงครามอีกมหาศาล เศรษฐกิจก็ทรุดตัวตกตั้า การทำลงครามจึงใม่มีผู้ชนะที่แท้ คงมีแต่ www.kalyanamitra.org

ผีโหยงโต้ 71 ผู้สูญเสียเท่านั้น นี่คือส์จธรรม ในทางตรงข้าม ถ้าแต่ละฝ่ายคิดจะให้ อภ้ยก้น พยายามทำความเข้าใจซึ่งก้นและก้น ไม่ใช่เรียกร้องความ เข้าใจจากฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ผลสุดท้ายก็จะแก้ปัญหาได้ด้วยส์นติวิธี ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างบุคคลก็ต้องใช้หลักการนี้เช่นก้น^ ครั้งหนี่งมีผู้ชายคนหนี่งมาขอคำปรึกษาเรื่องปัญหาครอบครัว ทั้งที่ดูภายนอกแล้วครอบครัวของเขาน่าจะมีความสุข ตัวเขาเองเป็น คนเก่ง ประลบความสำเร็จทั้งด้านการคืกษาและการทำงาน สามารถ ก้าว^ตำแหน่งผู้บรีหารระตับสูง ทั้งที่อายุย้งไม่มาก แต่เขากลุ้มใจที่ บริหารครอบครัวไม่ได้ตังใจนก ภรรยาของเขาซึ่งเป็นผู้หญงเก่ง และ เคยรักใคร่ก้นมาก แต่หลังจากแต่งงานก้นมาจนมีลูก 3 คน เขาก้บ ภรรยากลับไม่ค่อยเข้าใจก้นจนแทบจะไม่คุยก้นเลย เขาอึดอัดใจมาก จนบางครั้งต้องขนข้าวของไปอยู่ที่อื่น แต่พอคิดถึงลูกก็กลับมาอยู่บ้าน อึดอัดเมื่อไรก็ออกไปอีก เป็นอยู่อย่างนี้ เขาบอกว่าพลังในการทำงาน แทบจะหมดไปเลยเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นจากในบ้าน^ เมื่อได้ปังรายละเอียดต่าง ๆ ที่เขาเล่ามาก็พอจะเห็นภาพว่า เขาต้องการให้ภรรยาทำตัวให้น่ารักทำหน้าที่แม่บ้านที่ดีของสามีและลูก แต่คำพูดที่เรียกร้องก้บภรรยานั้น มีทั้งการต่อว่าและตำหนิ ขณะที่ เปรียบเทียบว่าตัวเขาเองทุ่มเทเพื่อครอบครัวเพียงไร ด้วยคำพูดเช่นที่ เขาเล่ามา เหมือนเขาต้องการให้ภรรยาเป็นเหมือนตุ๊กตา ทำ ตัวน่ารัก ให้เซาสบายใจ ความคิดและคำพูดที่ตอกยํ้าเรื่อย ๆ เช่นนี้ เท่าก้บเขา กำ ลังลดคุณค่าของคู่ชีวิตให้เป็นแค่ตุ๊กตา ในขณะที่เขาภูมิใจในความ สามารถของตนเองแต่กลับทำให้ภรรยารู้สึกว่าตัวเธอไม่มีค่าอะไรเลย www.kalyanamitra.org

72 rrisyหาลมขาย รามจุฬฌ M.D.,Ph.D- เมื่อเธอเกิดความน้อยใจ คับแค้นใจ จึงประซดสามี ด้วยการปล่อย ปละละเลยครอบครัว แต่ที่กลากลืนอยู่ก้นมา ก็คงไม่ใช่เพียงเพราะ รักลูก แท้จริง เธอก็คงจะรักสามี ด้วยแต่ ด้วย เหตุที่ต่างฝ่าย ต่างไม่ ยอมหันหน้าเข้าหาก้น ปญหาจึงลุกลามไปเรื่อย ๆ อาตมภาพได้ เตือนสติให้เขาทำใจนิ่ง ๆ แล้วพยายามหันมาดูตัวเอง ทำ ความ เข้าใจก้บความคิด คำ พูด และการกระทำของตัวเองก่อน แทนที่จะ เริยกร้องให้เขาเข้าใจเรา เมื่อเราเข้าใจตัวเองแล้ว สุดท้ายเราก็จะ เข้าใจว่า ทำ ไมเขาถึงเป็นอย่างนั้น ทงที่แต่เดิมเขาเป็นคนเอาใจไล่ และรักเรามาก ปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่เขา แต่อาจอยู่ที่ตัวเราเอง ก็ได้ การที่เราคิดว่าเราเป็นผู้ให้นั้น เราได้ให้ความรู้ลืกดี ๆ ให้ กำ ลังใจเขาบ้างไหม เพราะการให้เงินทองหรือความเป็นอยู่ที่ สะดวกสบาย ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่ครอบครัวต้องการ ความรักและ ความอบอุ่นของครอบครัวจะเกิดขึ้นได้ เมื่อทุกคนต่างให้ความรัก ความเข้าใจและให้อภยต่อก้น ยงให้ยงได้ เป็นลัจธรรมที่พิลูจใ!ได้ ขอเพียงให้ทุกคนนำไป ใช้ไม'ว่าจะด้วยวัตถุทาน ธรรมทาน หรืออภัยทาน เพื่อคลายความ ร้อน ความร้าวฉานและความเห็นแก่ตัวให้สูญสลายไปจากโลกนี้ www.kalyanamitra.org

ความคิดและอารมณ์...อิทธิพลต่อ?วิต ความคิดและอารมณ์มีอิทธิพลต่อชีวิตคนเราอย่างมาก นับ ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวิ'น ไปจนถึงเรื่องของความ สำ เร็จหรือความล้มเหลวในชีวิตเลยทีเดียว ดังเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน ครั้งพทธกาล นางปฏาจาราเป็นลูกสาวเศรษฐีแห่งเมืองลาวิ'ตถี เมี่อ เจริญวิ'ยขึ้นมาก็ลักลอบได้เสืยกับคนร้บใซในบ้าน ต่อมาเศรษฐีผู้ เป็นบิดาได้เตรืยมจัดงานแต่งงานให้กับนางและบุตรเศรษฐีที่หมั้น หมายกันไว้ เมื่อปฏาจารารู้ ก็รืบบอกชายศนรกให้พาหนีออกจาก บ้าน ทั้งสองได้ไปอาดัยอย่ ณ ชานเมืองแห่งหนึ่ง ต่อมาปฏาจารา ได้ตั้งครรภ์ นางตั้งใจว่าจะกลับไปคลอดลูกที่บ้านของบิดามารดา www.kalyanamitra.org

74 หันโลกทนรรรม 4 พ^ ''เ# แต่ปรากฏว่า นางได้คลอดลูกในระหว่างเดินทาง จึงยังมได้กลับไป เยี่ยมบ้าน เมื่อตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2นางก็ตั้งใจจะกลับไปคลอดลูกที่บ้าน ของบิดามารดาให้ได้ แต่แล้วนางก็คลอดลูกระหว่างทางอีกเป็น ครั้งที่ 2ท่ามกลางพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหน้ก สามของนางจึงรีบ ไปหากิ่งไม้และใบไม้เพื่อจะนำมาทำที่กำบังฝน เคราะห^ายเขาได้ถูก ฐเห่ากัดตายในปา ปฎาจารารออยู่นานไม่เห็นสามีกลับมา ครั้นฝนซานางจึง อุ้มลูกน้อยที่พื่งคลอดไว้แนบอก แล้วจูงลูกคนโตออกเดินตามหา ในที่ลดก็พบร่างของสามีนอนตายอยู่ แม้จะโศกเศร้าเพียงใดนางก็แน ทนพาลูกน้อยทั้งสองเดินทางต่อไป ด้วยหวังจะไปพึ่งบิดามารดา เมื่อมาถึงริมฝังแม่นํ้าที่เชี่ยวกราก เพราะฝนเพิ่งตกหนักเมื่อ www.kalyanamitra.org

'าวาม^ดน;บ;อารมณ์อทริV)fเต่อขวต '. • 75 คืนที่ผ่านมา นางจำต้องให้ลูกคนโตรออยู่ที่ริมฝัง แล้วตนเองก็อุ้ม ลูกคนเล็กเดินฝ่ากระแสนํ้าข้ามไปก่อนพอข้ามฟากไปได้ก็หาใบไม้ มายู่พื้น แล้วน่าทารกน้อยวางบนที่นอนนั้น แล้วนางก็เดินฝ่ากระแส นั้ารีบกลับมารับลูกคนโต มาถึงกลางลำนั้าก็เหลียวกลับไปดูทารก น้อยด้วยความเป็นห่วง จึงได้เห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งบินโฉบเอาลูกคน เล็กของนางไป ปฏาจาราตกใจมากรีบตบมือส่งเลียงร้องไล่เหยี่ยว ฝ่ายลูกคนโตเห็นท่าทางของแม่ก็เข้าใจว่าแม่เรียก จึงเดินลงนั้ามา และถูกกระแสนั้าพ้ดพาจมหายไป ปฏาจาราจึงต้องสูญเลียลูกทงสองไปต่อหน้าต่อตา ลูกคน หนึ่งถูกเหยี่ยวโฉบไปเป็นอาหาร ลูกอีกคนก็จมนั้าตาย นางโศกเศร้า หัวใจแทบสลาย พยายามพาร่างกายและจิตใจที่บอบช้ากลับไปหา บิดามารดา แต่แล้วเมื่อเดินทางมาถึงถิ่นที่เคยอยู่อาลัย กลับไม่พบ บ้านที่ตนเคยอยู่ นางเที่ยวถามผู้คนจนได้เว่า บ้านหลังนั้นได้ถูกพายุ ถล่มหับคนในบ้านตายหมดแล้ว อีกทั้งศพของบิดามารดาของนางก็ ถูกเผาบนเซิงตะกอนไปเรียบร้อยแล้ว ในห้วงความคิดของปฏาจารามืแต่ภาพความตายซองบุคคล อันเป็นที่รัก คนแล้วคนเล่า จนในที่สุดนางคิดว่า ชีวิตของนางไม่ เหลืออะไรอีกแล้ว เท่านั้นเอง ปฏาจาราก็ไม่อาจประคองอารมณ์ได้ อีกต่อไป นางร้องไห้ครรครวญเพ้ออย่างคนเลียสติ ปล่อยผ้าผ่อน หลุดลุ่ยไม่ไยดี เที่ยวเดินไปอย่างไร้จุดหมาย จนสุดท้ายพลัดเข้าไป ในเซตว้นมหาวิหารซึ่งพระลัมมาลัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่ท่าม กลางพุทธบริษ้ท ปฏาจาราก็ได้เดินเข้าไปอย่างเลื่อนลอย www.kalyanamitra.org

76 ทระมหาลน-ทาย 5านๅทโฒ M.D.. Ph.D พระพุทธองค์ผู้ทรงเปียมด้วยพระเมตตา ปรารถนาที่จะโปรด นางปฎาจารา จึงทรงเอ่ยท้กนางด้วยพระสุรเสียงที่ไพเราะดุจเสียง ท้าวมหาพรหมว่า \"ดูก่อนน้องหญิง เธอจงกลับได้สติเถิด\" พระสุรเลียงที่ไพเราะและเปียมบุญฤทธี้นั้น เสมือนนํ้าทิพย์ ชโลมใจที่กำลังแห้งผากไร้ที่พึ่ง ปฏาจาราผู้จมอยู่ในความทุกข์และ อารมณ์'เศร้าหมอง ก็พลันกลับคืนสติ เมือมีคนโยนผ้าห่มมาให้ นาง ก็รีบร้บผ้ามานุ่งห่ม แล้วตั้งใจฟังธรรม เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดง ธรรมจบลง นางก็บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ต่อมานางได้บวช เป็นภิกษุณี และได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันตเถรี อีกทั้งยังได้ร้บ การยกย'องจากพระบรมศาสดาไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะทางด้าน ผู้ทรงพระวินัย จากคนที'สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง จนดูเหมือนหมดหนทางที่ จ ะเยียวยาแก้ไข แต'เมื่อปรับความคิดและอารมณ์เสียใหม่ ก็สามารถพลิกชีวิตให้มาอยู่ในเล้นทางของความสำเร็จได้เช่นกัน ชีวิตคนเราจะสขหรีอทุกข์จะสมหว้งหรือผิดหวัง จะล้มเหลวหรือ สำ เร็จ จึงเป็นสิ่งที'เราเลือกได้ อีกด้วอย่างหนึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตของ เพชฌฆาตเคราแดง ในครั้งพุทธกาล ชายคนหนึ่งมีลักษณะแปลกประหลาดน่ากลัว คือ มีนัยน์ตาเหลือกเหลือง มีเคราสีแดง เขาจึงเป็นที่หวาดกลัวของคน ทั่วไป อยู่มาวันหนึ่งซายผู้นี้ได้พลัดเข้าไปในหมู่โจรกลุ่มใหญ่ซึ่งมี จำนวนถึง 499 คน เขาจึงขอฝากตัวเป็นบริวารพวกโจรเหล่านั้น ต่อมาโจรกลุ่มนี้ถูกจับได้และถูกตัดสินประหารชีวิตทั้งหมด www.kalyanamitra.org

ความคดแfiะ0ๆรมณ์อิทธิพลต่อชีวิต 77 แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครยอมเป็นเพชฌฆาต เพราะชาวเมืองไม่อยากจะ ทำ บาป ครั้นเสนอหัวหน้าโจรว่าให้ฆ่าลูกน้องทงหมดแล้วจะปล่อยต้ว ไป หัวหน้าโจรก็ไม่ยอมทำอีกทั้งโจรที่เป็นลูกน้องก็ไม่มีใครยอมร้ป ข้อเสนอนี้เซ่นกัน จนกระทั้งมาถึงนายเคราแดง ปรากฏว่านายเครา แดงตอบตกลง เมื่อได้ทำหน้าที่ประหารโจรครบทัง 499 คนแล้ว นายเคราแดงก็ได้รับการอภัยโทษ จากนั้นมา นายเคราแดงก็ได้ทำหน้าที่เป็นเพชฌฆาต ประจำเมือง ได้ประหารชีวิตนักโทษไปถึง 2,000 คน เป็นเวลาถึง 55 ปี เรี่ยวแรงของนายเคราแดงก็ถดถอยลง ทำ ให้ตัดคอนักโทษ ไม่ขาด จึงต้องถูกให้ออกจากตำแหน่ง ตามธรรมเนียมยุคนั้นมีข้อกำหนดว่า คนที่เป็นเพชฌฆาตห้าม ใข้ซวิตอย่างสุขสบาย อีกทั้งห้ามนุ่งผ้าใหม่ และห้ามกินข้าวยาคูที่เจือ www.kalyanamitra.org

78 MS Viulรกทนธรรม 4 นํ้านม ต้องนุ่งแต่ผ้าเก่า ๆ กินอาหารหยาบ ๆ ดังนั้นเมื่อนายเคราแดง พ้นจากตำแหน่ง ก็คิดว่าจะนำเงินที่เก็บไว้มาใช้ให้ความสุขสบายแก่ ตนเองดักครั้ง เขาจึงเตรียมผ้าใหม่ พวงมาลัยมะลิ เครื่องหอมทาดัว และให้คนเตรียมข้าวยาคูเจึอด้วยนํ้า'นมอย่างดีไว้รอท่า เมื่อลงไปอาบนั้า ในแม่นำชำระล้างร่างกายแต่งดัวอย่างดีแล้วก็เตรียมจะกินข้าวยาคู ครังนัน พระสารีบุตรผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระดัมมา ดัมพุทธเจ้า ได้เห็นด้วยญาณว่า เพชฌฆาตเคราแดง คือบุคคลที่ ท่านควรจะไปโปรด เมื่อพระสารีบุตรออกจากนิโรธสมาปติท่านจึงไป ปรากฏยืนตรงหน้าของเพชฌฆาตเคราแดง ฝ่ายเพชฌฆาตเคราแดง เมือเห็นอาการกิริยาของพระสารีบุตร ก็เใด้ท้นทีว่า พระเถระมา บิณฑบาต เขาคิดในใจว่า เราทำบาปมาตั้งมากมาย เมื่อมีพระมาโปรด ให้ทำบุญบ้างก็ดีเหมือนกัน เขาจึงถวายข้าวยาคูนั้นแด่พระสารีบุตร ส่วนตนเองคอยยืนพัดอยู่ข้างหลังขณะที่พระสารีบุตรอัน เพชฌฆาตเคราแดงแม้จะถวายข้าวยาคูไปแล้วแต่ใจก็ยังมี ความอยากทีจะใด้ลิมรสข้าวยาคูนันพระสารีบุตรรู้วาระจตจึงแปงไว้ ส่วนหนึ่งแล้วบอกว่า นี้ส่วนของท่าน ท่านจงรับไปกินเถิด เพชฌฆาต เคราแดงก็ดีใจ ส่งพัดให้คนอื่นถือ แล้วรับข้าวยาคูส่วนที'พระเถระ แบ่งให้มานั่งกิน พระเถระยังบอกคนที'ถือพัด พัดให้เพชฌฆาต เคราแดงด้วย เขาจึงกินข้าวยาคูไป มืคนคอยพัดให้ด้วยสบาย ๆ อารมณ์ก็เบิกบานเหลือเกิน พอกินเสร็จก็มายืนพัดให้พระเถระ เมื่อพระเถระอนุโมทนาแล้ว ก็แสดงพระธรรมเทศนาโปรด แต่เพชฌฆาตเคราแดงกลับพังธรรมไม่รู้เรื่อง เพราะจิตพะวงเห็นแต่ www.kalyanamitra.org

ควานคิดแ?!รอารมผ์รหธพลค่อขวด 79 ภาพตนเองกำลังฝาคน เฝ็าคิดว่า...บาปเราเยอะ...บาปเราเยอะ อารมณ์ก็กลายเป็นหด เศร้าหมอง จึงฟังธรรมไม่แรื่องเลย พระเถระรู้ด้วยวาระจิต จึงถามเพชฌฆาตเคราแดงว่า ดู ท่านไม่มีความสงบเลย เป็นเพราะเหตุใดหรือ เพชฌฆาตเคราแดง ก็ตอบว่า เป็นเพราะข้าพเจ้านึกถึงภาพที่ตนเองเคยฆ่าคนพระเถระก็ จึงถามต่อด้วยกศโลบายว่า การที่ท่านฆ่าเขานั้น เป็นเพราะท่าน อยากจะฆ่า หรือเพราะท่านต้องทำตามหน้าที่ เพชฌฆาตเคราแดง ฟังแล้วก็คิดได้ จึงตอบพระเถระว่า ข้าพเจ้ามีได้อยากฆ่าเขาเลย แต่ต้องทำตามหน้าที่ที่พระราชามอบหมาย พระเถระจึงกล่าวว่าก็ใน เมื่อท่านไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเขาจะมัวคิดเรื่องอกุศลอะไรมากมายเล่า เมื่อเพชฌฆาตเคราแดงไม่คิดกังวล ก็Pกผ่อนคลายมีอารมณ์ สบาย เมื่อพระเถระแสดงธรรม เพชฌฆาตเคราแดงก็สามารถตรองตาม ใจก็เรื่มนิ่งเป็นสมาธิ สุดท้ายได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน พระเถระ เห็นอย่างนั้นแล้วก็ลุกขึ้น เพชฌฆาตเคราแดงก็ลุกไปล่ง เมื่อพระเถระ จากไปแล้วทันใดนั้นเองได้มีแม่โคตัวหนึ่งวิ่งมาขวิดเพชฌฆาตเครา แดงจนถึงแก่ความตาย แล้วเขาก็ได้ไปเกิดในสวรรคซนดุสิต การที่เพชฌฆาตเคราแดงผู้เคยทำบาปกรรมมามากสามารถ เข้าถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้ ย่อมมาจากเหตุบัจจ้ยหลาย ประการประกอบกัน ทั้งบุญเก่า บุญใหม่ โดยเฉพาะบุญทางด้าน การมีกัลยาณมิตร แต่กุญแจสำตัญที่ทำให้บุญเหล่านั้นได้ย่อง ก็คือ ความคิดและอารมณ์ที่ดี ๆ นั้นเอง เพชฌฆาตเคราแดง!ลักสร้างอารมณ์สบาย ด้วยวิธีการง่าย ๆ www.kalyanamitra.org

80 พ*!ะมหาลมขาย ราบๅข]โพ M.D-. Ph.D เซ่น อาบนํ้าชำระร่างกายให้สะอาดสะอ้าน อีกทั้งเป็นคนคิดบวกได้ แม้ในเหตุการณ์ที่ผิดหวัง เซ่นเมื่อครั้งที่เขากำลังจะได้กินข้าวยาคูที่ เฝ็าอดใจรอมาตลอดชีวิต เมื่อพระลารีบุตรมาปรากฏยืนตรงหน้า ยังสามารถคิดบวกได้ว่า ดีเหมือนกันที่จะได้ทำบุญ ทั้งที่ใจกิยังไม่ คลายจากความอยากกินข้าวยาคูนั้น นอกจากนี้ในการปฏิบัติธรรม เมื่อถูกภาพความทรงจำเก่า ๆ ตามมาหลอกหลอน กิสามารถรอด พ้นได้ เมื่อได้รับการแนะวิธีคิดที่เหมาะสม เมื่อคิดบวก คิดดี กิมี อารมณ์สบาย และสิ่งเหล่านี้กิคือ ถูญแจไป^ประตูสวรรค์ เมื่อทุกคนเข้าใจความจริงฃ้อนึ้แล้ว จงควรส่งเสริม กันและกัน ให้'มีความคิดในทางสร้างสรรค์ และมีอารมณ์ ที่เบิกบานอยู'เป็นนิจ โดยการข้กชวนกันสวดมนค์ นั่งสมาธิ เพี่อสร้างพื้นฐานที่คิของความคิดและอารมณ์ อึกทั้งต้องช่วย กันสร้างบรรยากาศที่คิ ต้วยรอยยิ้มและปียวาจาที่จะช่วยยกใจ ผู้ฟังให้'เกิดความสบายใจ เกิดความเที่อมน มีกิาลังใจในการทำ ความดื ต้งที่ยอดกัลยาณมีตรในกาลก่อน ไต้กระทำเป็นแบบ อย่างอันงดงาม แมซวิดในวันนี้ เราไม่อาจรู!ต้ว่า เราจะต้องพบเจอกัน สิงใด จะดีร้ายแค่ไหน ขอให้แราดูแลความคิดรักษาอารมณ์ที่ดีไวั เพืยงเท่านี้เราก็จะมีกุญแจสู่ความสุขและความสำเร็จอยูในมีอแล้ว www.kalyanamitra.org

เคล็ดลบสู่ความสุข ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ทุกคนอยากมีความสุข ทุกคนอยากมีความสำเร็จ มิใๆ!เพียงแค่ในหน้าที่การงาน แต่ในทุกด้านของชีวิต มิใช่เพียงแค่ความสุขชั่วครู่หรือความสำเร็จชั่วคราว แต่เป็นความสุขและความสำเร็จที่มั่นคงยั่งยืน แล้วเหตุใดโลก ทุกวันนี้ จึงมีน้อยคนน้กที่สมปรารถนา การที่ชีวิตคนเราย้งไม่อาจประสบความสุขและความสำเร็จ อย่างยั่งยืน น่าจะมาจากสาเหตุ 3ประการต่อไปนี้ ประการที่หนี้ง คนเราทุกคนต่างก็ยังไม่สม\\!รณ์แบบ เราเอง ก็ยังไม่สมบูรณ์ยังมีข้อบกพร่อง คนอื่นก็ยังมีข้อบกพร่อง เราลองถาม www.kalyanamitra.org

82 ทับโลกทันธรรม 4 ตัวเองหรือถามคนรอบข้างดูสิว่า ใครคิดว่าตัวเองสมบูรณ์'แบบ ไม่มี ข้อบกพร่องเลยบ้าง ซึ่งเราจะพบว่า ไม่มีเลย แล้วถ้าหากมีใครสักคน บอกว่าตนเองนี่แหละสมบูรณ์แบบ ทุกคนคงจะอึ้ง แล้วมองว่าคนผู้ นั้นเป็นคนที่หลงตัวเองอย่างหนักก็เป็นได้ ประการที่สอง คนเราทุกคนต่างมีทิเมานะ คือ ความถือตัว ถือตนว่าเราทำดีแล้ว ถูกต้องแล้ว หรืออยู่ในสถานะที่ดีแล้วใครทำอะไร ที่มากระทบตักดี้ศรืของเราเข้าหน่อย เป็นต้องมีเรื่องข้ดใจกัน ประการที่สาม คนเรามักลืมความดีของผู้อื่น เวลาที่มี เรื่องไม่ชอบใจ ทั้งสามประการนี้เป็นอุปสรรคขวางกั้นไม่ให้คนเราประลบ ความสุขความสำเร็จอย่างยั่งยืนทั้งยังเป็นสาเหตุให้เก็ดกระบวนการ ยั่นทอนตักยภาพของแต่ละบุคคลอีกด้วย โดยมีขั้นตอนการเกิดขึ้นตังนี้ เมื่อคนเราทำงานร่วมกัน หรือใข้ชีวิตร่วมกัน แม้จะเข้ากัน ได้ดีมีความสุข แต่ไม่วันใดก็กันหนี่ง ก็คงต้องมีเรื่องกระทบกระทั่ง กันบ้าง เนื่องจากคนแต่ละคนล้วนไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เมื่อไรข้อ บกพร่องมากระทบกันเข้าก็มักจะเกิดเรื่อง ประกอบกับแต่ละคน ก็ล้วนมีทิเมานะถือดีถือว่าตัวเราเป็นฝ่ายถูก เขาเป็นฝ่ายผิด เรื่องราว จึงบานปลาย ยิ่งมาบวกกับการเป็นคนขี้ลืม คือลืมศวามดีของอีกฝ่าย เพราะมัวแต่นึกถืงข้อบกพร่องของเขา ทั้งที่ส่วนดีของเขาก็มีอยู่ไม่น้อย เคยช่วยเหลือกันมาก็มาก แต่กลับนึกไม่ออก เมื่อเกิดการกระทบ กระทั่งกันจึงไม่มีใครยอมใคร เราก็จะเลืกว่าถูกดูหมื่นตักดิ้ศรื ยิ่งคิด ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจ ยิ่งคิดยิ่งแค้น ทำ ไมเขาถึงทำกับเรา www.kalyanamitra.org

เคล็ดลับสู่ความลุฃ ความสำเร็จอย่างยั่งรบ . 83 อย่างนี้ จะมีแต่คำว่า \"ทำไม .. ทำ ไม\"อยู่ในใจ สิ่งที่ตามมาก็คือ เกิดความคิดที่ว่า เราสัอุตส่าห์ทุ่มเททำงาน มาขนาดนี้ ทำ ไมถึงไม่เหีนความสำคัญของเราไม่ให้เกียรติเรา เมื่อคิด อย่างนี้ เวลาทำงานก็จะเริ่มเกิดอาการเฉื่อยซา ทำ อะไรก็ไม่เต็ม ประสิทธิภาพ เพราะไม่อยากทำ ด้วยหมดกำล้งใจ พร้อม ๆ คับเกิด ความคิดหนึ่งขึ้นมาในใจอีกว่า \"ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก\" จึงลด'ฝืมือ การทำงาน ลดความทุ่มเทในงาน และบางคนก็ถึงคับลาออกจาก งาน เพื่อจะให้ผู้อื่นเห็นว่า อะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากไม่มี \"ฉัน\" ทำ อย่าง นี้ก็เพื่อให้คนอื่นเห็นความสำคัญของตนเอง คนที่มีความคิดว่า \"ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก\" นน สุดท้าย คนที่จะต้องรู้สึกเดือดร้อนมากที่สุดก็คือคัว \"ฉัน\" ที่ยึดมั่นถือม้น ถือ ตนถือคัวนั่นเอง ดังนั่นผู้ปรารถนาให้ชีวิตมีความสุขความสำเร็จอย่างยั่งยืน ต้องไม่มีความคิดที่ว่า \"ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก\" เกิดขึ้นมาในใจโดย เด็ดขาด การแก้ปัญหาโดยเอากิเลสมาข่มคันไม่เคยเกิดผลดี การ เอาชนะคะคานคันด้วยทิเมานะ ล้วนไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้ง สิน รวมถึงการหนีปัญหาก็ไม่ใช่ทางออกของชีวิต เพราะคงต้องหนี ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่สาเหตุของปัญหายังไม่ได้รบการแก้!ข วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือ เมื่อรู้ว่าเราเองมีอาการขึ้ลืม ก๊ให์รู้จ้กทบทวนความดีของผู้อน ทบทวนให้มากให้ตรงตามความ เป็นจรง เขามีข้อดีตรงไหนบางอย่างเป็นความดีที่เขาทำคับเราโดยตรง www.kalyanamitra.org

84 หระมหาลมJ1ย ธานวุฑโฒ MD.,Ph.D. บางอย่างเป็นสิ'งที่เขาทำให้เกิดผลดีต่อหมู่คณะ ต่อองค์กร เราก็จะ เห็นความดีที่เขามีอยู่ อย่างไรก็ตามถ้าคิดถึงความดีของผู้อื่นไม่ออก หรือไม่อยากจะ คิด เพราะความโกรธ ความหงุดหงิด ความน้อยไจซอแนะนำว่าไห้ไซ้ วิธีเขียน เพราะการเขียนจะช่วยจัดระเบียบความคิดไห้เป็นขั้นเป็นตอน เมือเราได้ค่อยๆ พิจารณาทบทวนไป ความทรงจำถึงความดีนั้Jจะค่อยๆ คืนมา เมื่อเห็นถึงความดีของผู้อื่นไจเราก็จะสบายสร้างสรรค'สิ่งต่างๆ ให้ดีฃึ้นได้ การบริหารจัดการไนหมู่คณะก็จะราบรื่นประสานกันได้ดี ขณะเดียวกันก็ต้องย้อนกลับมามองดู ข้อบกพร่องของ ต้วเราเอง ว่าตัวเรามีซ้อบกพร่องอะไรบ้าง เพราะเราก็คงปฏิเสธ ไม่ได้ว่า ไนการกระทบกระทั่งกันนั้น เราเองก็มีส่วนอยู่ด้วยเซ่นกัน เมือได้ลองพิจารณาดูข้อบกพร่องของตัวเองปอย ๆ ดูความดีของคน www.kalyanamitra.org

เคสีคลัใ วามร'.ใ! ความลำเรืจอย่างยงยืน ■(^, 85 อื่นเขาบ่อย ๆ เช่นนี้แล้ว เราก็จะบ่รับสมดุลได้โรคขี้ลืมจะเริ่มหาย ทิเมานะก็จะเบาบาง เพราะพบว่าเราเองก็ใซ่ว่าจะสมIjรณ์แบบ ข้อ บกพร่องก็มีอยู่ไม่น้อยทีเดียวเมื่อตระหนักอย่างนี้ก็พอจะยอมรับกัน และกันได้ ความชุ่นมัวก็จะคลาย ใจจะเริ่มใลขี้น เริ่มเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจรง รู้ว่าในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนน ถ้าตัวเรามีสติอีกล้กนิด ทำ อะไรให้รอบคอบรัดกุมอีกสักหน่อย ก็คงจะไม่เกิดเรื่อง ใจที่เปิด แล้วจะทำให้เราแก้ปัญหาได้ง่าย โดยแก้ที่ตัวเราเองก่อน ถ้าเป็นอย่างนี้ แล้วชีวิตเราก็จะก้าวหน้า เพราะได้ฟิกฝนพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา นักทำงานคนไหนที่คิดได้อย่างนี้ เมื่อมีเริ่องมากระทบก็จะไม่ หงุดหงิด ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะถูกผูใหญ่ว่ากล่าว ตำ หนิเพราะความ เข้าใจผิด ก็จะไม่น้อยอกน้อยใจ เพราะรู้แล้วว่าความรูสิกเหล่านนมีแต่ จะบั่นทอนตัวเอง ตังนั้นเมื่อมีเหตุมากระทบ ขอแนะนำให้'ทำใจ นี้ง ๆ แล้วก็ทำความดีต่อไปอย่างไม่ลดละ ดวยความสุฃผรอบ คอบ ด้วยสดีและด้วยปัญญา สักวันความจริงก็จะบ่รากฏเป็นที บ่ระจกษ์ และเมื่อนั้น คุณค่าในตัวเราที่ได้ตงใจทำงานด้วยความ หนักแน่น ก็จะทำให้เราได้รับความเชื่อถึอไว้วางใจยิ่ง ๆ ฃนไบ่ ตังนั้น เมื่อตัดสินใจทำอะไรจึงต้องมองให้ใกล อย่าไบ่ติดใจ แค่บ่ระเด็นเฉพาะหน้า อย่าปล่อยให้ความคิดลบมาบั่นทอนตักยภาพ และอย่าหนีปัญหา จนตัดโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าในชีวิต ตรงข้าม ถ้าเราหนักแน่นมั่นคง เตินหน้าพัฒนาตักยภาพ ทำ งานออกมาให้ดี ยิ่งขน ความดีที่ทำจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ในด้านอื่น ๆ ของชีวิตก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการดีกษา www.kalyanamitra.org

86 Mffl รานโลททันธรรม 4 การสร้างครอบครัว หรือการสร้างบารมีหากเราได้นำหลักการเหล่านี้ ไปประคองชีวิต เราก็จะสามารถสั่งสมคุณค่าในตนเอง จนสามารถ พบกับความสุขและความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ จากการลังเกดเรื่องราวในประว้ติศาสตร์ของมนุษยชาติ ใด้พบ ว่าชนเผ่าเร่ร่อนเป็นกลุ่มซนที่ยากจะสร้างอารยธรรมที่รุ่งเรืองได้เซ่นชน เผ่าเร่ร่อนในทะเลทราย เมื่อเร่ร่อนใปพบว่าพื้นที่ตรงใหนมีแอ่งนํ้า ทุ่งหญ้า ก็จะต้อนฝูงลัตวํไปกินหญ้ากินนํ้าตรงนั้นพอหญ้าหมด นั้าหมด ก็ย้ายไป ที่ใหม่ แสวงหาไปเรื่อย ๆ การดำรงชีวิตเซ่นนี้ ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นชีวิตที่ สบายไม่ต้องเสิยเวลาปลูกหญ้า อาลัยของธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว แต่ด้วย วิถีชีวิตที่ต้องเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ เซ่นนี้จีงทำให้ใม่มีความคิดที่จะตั้งหลัก แหล่งสร้างบ้านเรือนที่มั่นคงแข็งแรงถาวร กรณีของคนทำใร่เลื่อนลอย ก็เซ่นกันใช้วิธีเผาปาเพื่อทำการเพาะปลูก เมื่อปลูกพืชใปจนดินหมด สภาพก็จะย้ายที่ไปเผาปาที่อื่นต่ออีกจึงไม่ได้พัฒนาความ^นการบำรุง รักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทั้งไม่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต ไม่ สามารถลงหลักปักฐานหรือคิดสร้างสรรค์อะไรที่ยั่งยืนได้เลย ข้อลังเกตอีกประการหนึ่งก็คือ กลุ่มชนที่อาลัยอยู่ในเขตที่อากาศ หนาวเย็น โดยส่วนใหญ่จะมีศวามเจริญทาง อารยธรรมมากกว่าเขตร้อน เพราะถูกบีบคนจากสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศขณะที่กลุ่มชนในเขต ร้อนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายกว่าอากาศไม่หนาวเกินไปไม่ร้อนเกิน ไป นอนใต้ต้นไม้ก็ยังอยู่ได้ในนามีปลาในนามีข้าว หาเช้ากินคาก็อยู่ ได้ไม่อดตาย เมื่อธรรมชาติไม่ค่อยบีบคั้นจึงดำเนินชีวิตไปแบบสบายๆ ส่วนในเขตเมืองหนาว ถ้าคิดทำงานแค่หาเช้ากินคํ่าจะใม่สามารถ www.kalyanamitra.org

เคล็ดลบ?ความสุ*บ ความสำ;รจอย่าฟ้ยํ่'งยบ 87 รอดได้ เพราะจะอดตายในฤดูหนาว ด้งน้นในช่วงฤดูร้อนซึ่งพอจะแสวงหา อาหารได้ จึงต้องเตรียมเสบียงไว้สำหร้บฤดูหนาว นอกจากนีการจะรับ ภัยหนาวได้นั้นจะต้องสร้างบ้านเรีอนอย่างมั่นคงก่อด้วยอิฐหินอย่างแน่น หนา รยกว่าธรรมชาติบังคับ ทำ ให้คนร้จ้กต่อเกับอุปสรรครู้จักการวางแผน ระยะยาว อย่างน้อยก็ต้องปีซนปี เพราะความอดทนยืนหยัดต้เช่นนี จึง สามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองได้ตรงกันข้าม ถ้าพบอุปสรรคแล้วหนีไป เรื่อยๆอพยพเร่ร่อนไปเรื่อยๆไปหาที่สบายกว่าดีกว่าย่อมไม่อาจสร้าง ความเจริญก้าวหน้าได้ ลูวตของเราก็เซ่นก้นไม่ว่าจะทำงานที่ใด ย่อมมือุปสรรคที่งนั้น ถ้ามี'อุปสรรคแล้วนอยใจลาออก ย้ายที่หนIปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็จะเอา ดืไม่ได้ แต่ถ้ายืนหย้ดสู้ ตั้งใจแก้1ฃปรับปรุงตนเอง ไม่หนึบัญหาสุด ท้ายเราจะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสุขและความสำเร็จอย่างยงยีน www.kalyanamitra.org

เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว เราคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า \" เด็ดดอกไม้สะเทึอนถึง ดวงดาว\"ซึ่งหมายความถึง สิงที่เกิดขึ้นจากจุดเล็ก ๆ แต่กลับล่งผล สะเทือนในวงกว้าง จนก่อให้เกิดเหตุการณสำคัญหรือเรื่องราวใหญ่ โดอย่างที่คาดใม่ถึง ซึ่งคำกล่าวน ม้กจะถูกใช้ในเซิงลบ เพื่อแสดงถึง ผลกระทบที่ชีวิตและสรรพสิ'งมีต่อคัน แต่เรื่องราวที่นำมาฝากครั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์เซิงบวกที่มีพลานุภาพน่าอัศจรรย ดังเรื่องราวขององค์สมเด็จพระลัมมาลัมพุทธเจ้า ผู้เป็น พระบรมศาสดาเอกของโลก จุดเรื่มต้นแห่งการบังเกิดขึ้นของ พระองค์มาจากการที่ชายหนุ่มธรรมดาสาม้ญผู้หนึ่งได้เปลี่ยนนุม มองที่มีต่อโลกและชีวิต www.kalyanamitra.org

ฬ็ดดอกไม้ละLทือนถี-:?!วงดาว โ''''' 89 ครั้งนั้น พระองค์เสวยพระชาติเป็นมานพหนุ่ม ท่านพามารดา เดินทางไปค้าขายทางทะเลโดยเรือลำ๓า แต่แล้ววันหนึ่งได้เกิดพายุ หนักจนเรืออับปาง มานพหนุ่มจึงแบกมารดาไว้บนหลังว่ายนาอยู่ กลางมหาสมทรตลอด 7 วัน 7 คืนท่ามกลางคลื่นลมที่โหมกระหนั้า ความหนาวเหน็บทรมาน ความยากเข็ญทำให้ท่านได้ ตระหนักว่า ชีวิตในลังสารวัฎ คือการแหวกว่ายในมหาสบุทรแห่ง ความทุกข์ท่านจึงตั้งความปรารถนาที่จะเป็นผู้ค้นพบทางพ้นทุกข์ และหาก'ค้นrพบแล^ ้วก็จะนำพาสรรพลั0ตวน่ั้ใ,ห้พ%้นทLกข์ด้Aวยนัด้้วยuแรง บันดาลใจนัน ท่านสามารถรวบรวมกำลังว่ายนำเข้าหาฝัง รักษาซวต ของท่านและมารดาไว้ได้ และนับจากนั้นท่านได้สร้างบารมีต่อเนึ่อง มาทุกภพทุกชาติ เป็นเวลายาวนานหลายอสงไขยกัปจึงได้ตรัสรู้เป็น พระลัมมาลัมทุทธเจ้า ตั้งแต่พุทธกาลนับเนื่องมาจนถึงบัจจุบัน คำ สอนของ พระลัมมาลัมพุทธเจ้าได้สร้างคุณูปการต่อซาวโลกมากมาย การบังเกิดขึ้นของพระลัมมาลัมพุทธเจ้าจึงนับเป็นเหคุการณ์ที่ ยิ่งใหญ่สะเทือนโลกทีเดียว ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไป เหคุการณ์นี้ มีจุดเริ่มด้นจากการที'มานพหนุ่มเห็นถึงความทุกข์ จึงคิดที่ จะหลุดพ้นจากความทุกข์นั่นเอง จากหนื่งความคิด ของหนื่ง ชีวิตได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตของสรรพลัตวทงหลาย อย่างมหาศาล เหตุการณ์พลิกชีวิตของพระเจ้าอโศกมหาราชก็เช่นกัน แต่เดิมนั้นพระองค'ได้ซื่อว่าเป็นพระราชาผู้กระหายสงครามเพราะ www.kalyanamitra.org

90 ■SB ทับโลกหันธร'}ม 4 พระองค์ต้องรบทัพจับสืกทั้งภายในและภายนอกประเทศกว่า จะได้ขึ้นครองราชย์ แม้ครองราชย์แล้วพระองค์ก็ย้งขยายอำนาจ ยกทัพไปตีแว่นแคว้นต่าง ๆ จนราบคาบ ได้รับชัยชนะท่ามกลาง ซากศพ เลือดเนื้อและชีวิตสุดจะน้บจะประมาณ วันหนึ่งขณะที่พระองค์มองผ่านหน้าต่างพระราชวังออกไป เห็นลามเณรรูปหนึ่งคอ สามเณรนิโครธซึ่งมีอายุเพียง 7ปี กำ ลังเดิน บิณฑบาตด้วยอาการสงบน่าเลื่อมใสยิ่งนัก พระองค\"จึงบังเกิดความ สนไจไนพระพุทธศาสนา กระทั้งได้ทรงจึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้ง จึง ทรงตั้งปณิธานว่า พระองค์จะวางดาบเลิกการล้รบเข่นฆ่าห้นมาทำนุ บำ รุงพระพุทธศาสนา และเผยแผ่ไห้กว้างไกลไปทั้วโลก ซึ่งพระองค์ ก็ได้ทรงนุ่งมั่นทุ่มเท ทำ ไนลิงที่ตั้งปณิธานไว้ทุกประการ พระพุทธศาสนาจึงได้เจริญแผ่ไพศาลทั้วทั้งประเทศอินเดีย จากนั้นพระองคได้ส่งสมณทูตไปเผยแผ่ธรรมะยังดินแดนต่าง ๆ โดย แบ่งเป็นเก้าสาย ซึ่งหนึ่งไนนั้นก็คึอ การส่งพระโสณะและพระอุตตระ มาเผยแผ่พระพุทธศาสนายังดินแดนสุวรรณภูมิทำให้พระพุทธศาสนา ได้บักหลักลงไนประเทศไทยและประเทศใกล้เคียงอย่างมั่นคงยาว นานกว่า 2,000 ปีจนถึงบัจจุบัน จะเห็นได้ว่า ความสงบสำรวมขณะเดินบิณฑบาตของ สามเณรนิโครธ ได้ล่งผลกระทบต่อเนื่องไปอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นคลื่นแห่งความสุฃที'สามารถดลไจพระเจ้าอโศกมหาราช ไห้ชุ่มเย็น และจวบจนถึงบัจจุบัน คลื่นแห่งความสุขนั้น ก็ยังไม่ เคยขาดสาย www.kalyanamitra.org

เด็ดดอกใม้ระiviอนถิงควงคาว 91 เราทุกคนก็ล้วนสามารถเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวได้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านบวก หรอด้านลบก็ตาม แต่ในเมื่อเราเกิดมา เพื่อสร้างความดี เราต้องไม่ประมาทในทุกทื' ทุกเวลา อีกทั้งต้อง ตระหนักด้วยว่า เรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ ในทุกจ้งหวะของชีวิต ดังเรื่องหนึ่งที่ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2543 ว้นหนึ่ง อาตมภาพเดินผ่านชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ ได้พบน้องคนหนึ่งซึ่ง เรยนจบจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เขามาเป็นเจ้าหน้าที่นัณฑิตแก้ว ช่วยงานว้ดได้ปีหนึ่งแล้วถึงเวลาจะด้องกลับออกไปเริ่มต้นชีวิตการ ทำ งานทางโลก เพราะขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ไว้เพียงปีเดียว แต่ใจ ของเขานั้นรักงานการสร้างบารมีอย่างมาก ครั้งนั้นอาตมภาพได้ลอง ถามเขาดูว่า ถ้าเขาไปช่วยงานวัดสาขาในต่างประเทศ และเรยนต่อไป ด้วย คุณพ่อคุณแม่จะว่าอย่างไร เขาก็กลับไปปรกษาทางบ้าน คุณพ่อ www.kalyanamitra.org

92 พระมพาสมขาย รา■นวุทฺโฒ M.O.,Ph.D. คุณแม่เห็นว่าลูกมีความประพฤติดี ตั้งใจจริงที่จะทำงานพระศาสนา และสืกษาต่อ แต่ด้วยความเป็นห่วงลูก ท่านจึงขอมาพบกับอาตมภาพ ก่อน เมื่อได้สนทนาซักถามจนเข้าใจรูปแบบการเรียนและความเป็น อยู่ซัดเจนแล้ว ท่านก็อนุญาตให้ลูกทำตามความใฝ่ฝัน น้องคนนั้นจึง ได้เดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศไต้หว้น จากนั้นก็ไปเรียนภาษาที่ ประเทศอังกฤษ6 เดือนจากนั้นก็ใปเรียนต่อที่สาธารณรัฐประชาซนจึน ดอนนก็ใกล้จะจบการดีกษาระด้บปริญญาเอก สาขาพุทธศาสตร์ ดีกษาแล้ว ทั้งยังได้รับทุนการดีกษาจากมหาวิทยาล้ยปักกิ่งตลอด การเรียนปรญญาเอกอีกด้วย เมื่อไปดีกษาที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ก็ได้ ร{วยประสานงานทำให้เก็ดโครงการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ปักกิ่งกับสถาบันธรรมซัย วัดพระธรรมกาย ในการแปลพระไตรปิฎก บาลีเป็นภาษาจีน ทำ ให้คนจีนกว่า 1,300 ล้านคนมีโอกาสเข้าถึง คำ สอนของพระลัมมาลัมพุทธเจ้า จากจุดเล็ก ๆ จุดเดียว คือเหตบังเอิญที'อาตมภาพเดิน ผ่านไปทางชมรมพุทธฯ แล้วได้เอ่ยปากชวนแค่คำสองคำ แล้วน้อง ท่านนั้นเกิดความสนใจ มาถึงวันนี้เขากัาลังจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทาง พระพุทธศาสนา เพราะดีกษาทางต้านนี้ทั้งปริญญาโทและปริญญา เอก และต่อไปภายหน้าก็คงจะทำประโยช'นให้เกิดขึ้นกับพระพุทธ ศาสนาได้อีกมากและเป็นที่น่าดีใจว่ากรณีเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียง รายสองรายแต่ได้มีผู้สนใจไปเรียนต่อต่างประเทศพร้อมกับช่วย งานวัดสาขาในต่างประเทศไปด้วย นับเป็นร้อย ๆ ท่านแล้วทั้ง พระภิกษุ อุบาสก และอุบาสิกา www.kalyanamitra.org

1.คคตอกน!สะเทือน{เงดวงดาว {'j'-. 93 การทำหน้าที่ซักซวนคนให้เข้ามาสู'เสันทางธรรมจึงมีความ สำ คัญมาก เช่นถ้าเราได้ซวนใครมาบวชเป็นพระภิกชุ; แล้วท่านเกิด ศรัทธาบวซอยู่ต่อเพื่อเป็นเนอนาบุญให้กับซาวโลก ก็ย่อมนำมาซึ่ง ความปลาบปลื้มปีติใจอย่างยิ่ง และถ้าหากพระภิกชุรูปที่เราซวน ท่านมาบวซนั้น มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะนำพระพุทธศาสนาไปปัก หลักยังประเทศใดประเทศหนึ่งในโลกนี้เหมือนพระโสณะและ พระอุตตระ กีจะทำให้เพื่อนร่วมโลกของเราได้รับประโยซน์สุข จากธรรมะของพระลัมมาลัมพุทธเจ้า เช่นที่เราเคยได้รับมา ด้งนั้น การที่พวกเราเอ่ยปากซวนคนมาบวชโดยไม่หวั่นไหวกับการถูก ปฏิเสธ จึงมิใช่เรื่องเล็กน้อยหากแต่เป็นภารกิจสำคัญ ที่จะส'งผล ลันสะเทือนเปลี่ยนแปลงโลกให้เพื่องฟูด้วยสืลธรรม พวกเราทุกคนจึงสามารถเด็ดดอกไม้ที่ส่งผลสะเทือน ถึงดวงดาวได้ขอแต่เพียงให้การกระทำและคำพูดของเราออก มาจากใจที่ผ่องแม้ว ใจที่ปรารถนาด็ เพราะสิงนี้อาจจะเปลี่ยน ซัวิตผู้คนได้ที่งซัวต เปลี่ยนที่งซาตินี้ และชาติต่อ ๆ ไปอึกนับ ไม่ห้วน www.kalyanamitra.org

ผู้ชนะในยุคข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลข่าวสาร เป็นได้ทงชุมทรัพย์และกับดก ผู้ชนะใน ยคข้อมูลข่าวสาร จึงต้องดำเนิน^ตอย่างผู้รัมิใช่ผู้ถูกครอบงำ ยุคนเป็นยุคที่ข้อมูลข่าวสารเป็นส่วนประกอบสำคัญในทุกกิจ การงาน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้อง นอกจากนในการถ่ายทอดข้อมูลและการเก็บร้กษาข้อมูลก็ต้องทำด้วย ความระมัดระวัง เพื่อป้องกนมิให้ข้อมูลผดเพี้ยน หรือถูกก้ดกร่อน ข้อมูลถูกกัดกร่อนได้ด้วยเหตุปัจจัยหลายประการ เข่นการกัด กร่อนตามกาลเวลา เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลก็ย่อมต้องผ่าน กระบวนการต่าง ๆ ไปด้วยเซ่นกัน ผ่านจากคนหนึ่งไป^อีกคนหนึ่งผ่าน สือต่าง ๆ ด้วยวัตถุประสงค์ต่าง ๆ จนอาจทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยนไปจาก www.kalyanamitra.org

ผู้^รนะในยุคข้อมลฃ่าวรทร 95 ความจริง และผิดเพี้ยนไปจากความเดิมอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ การได้รับข้อมูลที่ผ่านการกัดกร่อนจนผิดเพี้ยนไปก็ย่อมส่งผลให้การ ตัดสินใจพลอยผิดพลาดไปด้วย ผู้ชนะในยุคขอมูลข่าวสารจึงต้องมึฐานข้อมูลที่ถูกต้อง เพี่อการตัดสินใจที่แม่นยำและฉับไว แล้วทำอย่างไรจึงจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ประการแรก มีข้อมูลพื้นฐานอยู่ในใจ การแข่งข้นในยุค ข้อมูลข่าวสารทำให้สื่อต่างๆ นำ เสนอข่าวสารอย่างเร่งด่วนจึงมี โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในการให้ข้อมูล ยกตัวอย่างเรื่องของข้อมูลทางเศรษฐกิจ ในซ'วงที่สหรัฐ อเมริกาเกิดวิกฤติ \"ซับไพรม์\" (Sub-Prime)ซึ่งส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจทั่วโลก การติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน้าหน้งลีอพิมพ์ และสื่อต่าง ๆ ก็มีส่วนช่วยให้เราทันต่อเหตุการณ์ได้ แต่เราก็ต้องมี ความระมัดระวังในการเก็บข้อมูล เพราะบางครั้งคอลัมน์เศรษฐกิจ ต่าง ๆ ในนิตยสารและหนังสือพิมพ์ที่เราอ่าน ลงข้อมูลตัวเลขผิด เพี้ยน บางครั้งก็ตกเลข 0ไปตัวหนึ่ง บางทีก็เกินมาตัวหนึ่ง จำ นวน เลข 0 ที่คลาดเคลื่อนไปเพียงหนึ่งตัวนี้ ทำ ให้ความหมายผิดไปถึง 10 เท่าจาก 1,000ล้านกลายเป็น 10,000ล้านเป็นต้น บางทีก็มี ความผิดพลาดในขั้นตอนการแปลภาษา เช่น จากข้อมูลเติมมีการ ใข้หน่วยเป็น billion คือ พันล้าน แต่พอแปลแล้วกลับใช้หน่วยแค่ หลักล้าน เพราะคนแปลดูผิด เห็นเป็นคำว่า million นั่นเอง แต่ได้ทำ ให้ความหมายเพี้ยนไปถึง 1,000 เท่าเป็นต้น www.kalyanamitra.org

96 พร หาลม'tlาย 5านฬุโRi M.0,,Ph.D. 0. า Q: Q 1 1 is ;?S•05 i0 0»'s 0»■ 0พ ว: ol ว - วิ -' -o 0 -r T ^ '.I - ;fl 71 M ในกรณีฟนนี้ ถ้าเราไม่มีข้อมูลพื้นฐานในใจ ก็อาจจะเชื่อ ตามที่เขาเขียนมา ยิ่งถ้านำข้อมูลนั้นไปใช้ ก็ยิ่งเกิดความคลาด เคลื่อนต่อ ๆ ไปอีกแต่ถ้าเรามีข้อมูลพื้นฐานจากการที่ได้สืกษามา ก่อน เราก็จะพอทราบว่า ขณะนี้เศรษฐกิจในอเมริกาเป็นอย่างไร อเมริกามีประชากรประมาณ 310 ล้านคน ซาวอเมริก้นมีรายได้ เฉลี่ยประมาณ 48,000 เหรียญดอลลาริสหรัฐต่อคนต่อปี ค่า GDP ประมาณ 15 trillion หรีอ 15 ล้านล้านดอสลาริสหรัฐต่อปี ถ้าเรามี ข้อมูลพื้นฐานอย่างนี้ เมื่อได้รับข้อมูลตัวเลขที่ผิดเพี้ยนไปดังต้วอย่าง ข้างด้น เราก็จะสามารถบอกได้ว่าข้อมูลนั้น ๆ ไม่ถูกต้อง ดังนั้น หากเราจะตรวจสอบข้อมูลด้านไหน ก็ต้องล้งสมข้อมูล ในเรื่องนั้น ๆ ไว้ในระดับหนึ่ง เพื่อที่ว่าถึงคราวจะรับข้อมูลใหม่เราจะ สามารถแยกแยะได้ว่าข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือหรีอไม่ เรียกได้ว่ามีข้อมูล www.kalyanamitra.org

ผู้ซนะไนยุคขัอยูลข่าวสาร 97 เข้ามาเมื่อไรก็ตรวจสอบในใจได้ตลอดเวลาแกทำให้คุ้นเคยจนเป็น ระนบอัตโนม้! จะทำให้เราเป็นคนมีข้อมูลที่ถูกต้องเที่ยงตรง ประการที่สอง พิจารณาข้อมูลอย่างมืเหตุผล เมื่อเราได้ ร้บข้อมูลต่าง ๆ เราต้องไตร่ตรองตามดูเหตุและผลของข้อมูลนั้น และต้องถอยออกมาดูด้วยว่า หลักการและเหตุผลที่ว่านั้น สอดคล้อง ก้บภาพรวมไหม เปรียบเทียบกับเมื่อเรามองดูต้นไม้ ถ้าเราเพ่งมอง แต่ที่ดอกผล เราก็จะไม่เห็นภาพต้นไม้ทั้งต้น การพิจารณาข้อมูล ต่าง ๆ ก็เซ่นกัน ต้องเจาะลึกทั้งรายละเอียด และต้องถอยออกมา มองความเป็นไปในภาพรวม ถ้าทำได้อย่างนี้ เราจะไม่ถูกซักจูงหรือ โน้มน้าวด้วยข้อมูลที่ซี้นำไปในทางที'ผิดการเห็นภาพรวมนี้มีความ สำ ค้ญเพราะถ้าไม่รู้ลัก'ผิกพิจารณาเซ่นนี้ อาจตกเป็นเหยื่อ ขบวน การโฆษณาชวนเชื่อ เมื่อได้รับข้อมูลที่ดูมีเหตุผลก็สนใจ ติดตาม คล้อยตามลึกไปเรื่อย ๆ จึงมองไม่เห็นภาพรวม เพราะฉะนั้นรู้อะไรต้องรูให้จรืงทั้งรายละเอียดและภาพรวมต้อง ตรวจสอบข้อมูลเสมอ อย่าเพิ่งเชื่อทันที เกฝนจนทำไดโดยอัตโนมัติ แล้วเราจะเป็นผู้มีปัญญาแตกฉาน เป็นคนมีความรู้ที่ไม่ใช่แค่รู้ตาม ตัวหนังสือ แต่อังสามารถกลั่นกรองซึมซับความรู้นั้นมาเป็นของเรา อย่างแท้จริงและสามารถหยิบยกมาใซได้อย'างมีประสิทธิภาพ ประการที่สาม อยู่ใกล้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือไดจริง แหล่งข้อมูลในแง'ของบุคคล ก็คือผู้ทรงคุณธรรมความรู้ เซ่น พระภิกษุสงฆ์ ครูบาอาจารย์ที่สามารถให้ความรู้ให้ความกระจ่างใน เรื่องต่าง ๆ กับเราได้ ถ้าในแง\"สิอ ก็คือลื่อที่มีความเป็นกลางเชื่อถือ www.kalyanamitra.org

98 wSs ทินIfรกทนธรรม 4 ได้ เซ่น คอลัมน์หรือข้อเขียนที่ให้ข้อมูลอย่างเป็นกลาง วิเคราะห์ ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา อ่านแล้วได้ความรู้ ศึกษาแล้วได้ปัญญา ไม่ใซ่สื่อมวลชนประเภทที่ไซ้ความฉลาดซกจูงเราไปในทางที่ผิด อย่างไรก็ตามเราก็ต้องใช้สติปัญญาของเราตรวจสอบข้อมูลอยู่ เสมอด้วย ถ้ามีความสมเหตุสมผลและสอดคล้องกับภาพรวม เราก็ ให้นํ้าหน์กความเชื่อถือสื่อนั้นมากขึ้น แต่ถ้าตรวจสอบแล้วดูไม่เข้าที เป็นข้อมูลซี้น์าที่มีผลประโยชน์แอบแฝง หรือข้อมูลไม่เป็นกลาง มี ความลำเอียง เมื่อแยกแยะได้ซัดเจนอย่างนี้ เราก็จะสามารถให้ ป้าหน์กความน่าเชื่อถือของสื่อแต่ละฉบ้บ แต่ละคอลัมน์ได้ตรง ความเป็นจริง ขณะเดียวกันในแง่ของหนังสือ เราคงไม่อ่านเฉพาะหนังสือ ที่ให้แค่ความปันเทีง แต่ควรอ่านหนังสือที่ให้ความรู้ หนังสือที่เขียน โดยปัณฑิตนักปราชญ์เราก็จะได้พัฒนาความรู้ เพิ่มพูนสติปัญญา ได้รับแง่คิดมุมมองใหม่ ๆ ขึ้นมาอย่างมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้จะซ่วย ให้ระบบอตโนม้ติในการตรวจสอบข้อมูลของเรามีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ้น ประทารที่ส์ เข้าถึงภาคปฏิปัติ เรื่องบางเรื่องมีความเป็น ไปใดีในทางทฤษฏี แต่ไม่สามารถใข้ใต้จริงในทางปฏีปัติ จะด้วย เหตุปัจจัยใด ๆ ก็ตาม ในการตัดสินเรื่องต่าง ๆ ที่ยากจะชี้ซัดว่าถูก ต้องเหมาะสมหรือไม่ บางครั้งจึงต้องทดลองปฏิปัติดู เซ่นเรื่องที่มี ความเห็นเป็นสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุน จนยากจะหาข้อสรุปได้ ถ้าเรื่องเหล่านี้สามารถพิสูจ■น์ในทางปฏิบ้ติได้ www.kalyanamitra.org

ผู้พะในยุคฃัอผูลข่าวสาร 99 ก็ควรทดลองปฏิบ้ติ เพราะนั่นคือทางออกที่จะได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด ในช่วงสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา ประเทศจีนพัฒนาขึ้นอย่าง รวดเร็ว เพราะไซ้หลักการทดลองปฏิบ้ตินี้ ซึ่งแต่เติมนน การดำเนิน นโยบายจะต้องยึดลัมภืรของคาร์ล มารกซ, เลนิน และเหมาเจ๋อตุง อย่างเคร่งครัด ใครมีความคิดเกี่ยวลับการตลาดแม้เพียงนิดเดียว ก็จะถูกโจมตีวิพากษ์วิจารณ์ กล่าวหาว่าเป็นทุนนิยม จนกระทั่ง เติ้งเสิยวผิงขึ้นมามีอำนาจ จึงได้ทดลองนำระบบเศรษฐกิจการตลาด มาไซ้โดยทดลองไป ปรับไป เหมึอนคลำหินข้ามห้วย คือเดินข้าม ห้วยทั้งที่มองไม่เห็นว่าใต้พื้นนํ้านั้นเป็นอย่างไรแต่ค่อย ๆ คลำหินไป เดินไปเรื่อย ๆ ท้าไปได้ก็ไปต่อ แต่ท้าเป็นหลุมเป็นปอก็เลี่ยงไปทาง อื่น แรก ๆ ก็มีคนคัดค้านมากมาย เพราะชัดแย้งลับหลักการของ คอมมิวนิสต์ เติ้งเสี่ยวผิงจึงบอกว่า แมวสิอะไรไม่ลำคัญท้าลับหนูได้ www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook