Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ThamaChak Babmerainam_P1-76

Description: ThamaChak Babmerainam_P1-76

Search

Read the Text Version

บทสวด ธัมมจักกปั ปวตั ตนสูตร บทสวดท่ีพระสัมม�สัมพทุ ธเจ้�ทรงแสดงเม่ือได้ตรสั รอู้ นตุ ตรสัมม�สมั โพธญิ �ณแลว้ ดังนั้นใครก็ต�มทไ่ี ด้สวดธัมมจกั กปั ปวตั ตนสตู รเปน็ นจิ จะทำ�ใหผ้ ู้นน้ั ได้บุญม�ก เม่ือคดิ ปร�รถน�อะไรกจ็ ะส�ำ เรจ็ ทกุ อย่�งได้โดยง�่ ย www.kalyanamitra.org

บทสวด ธัมมจักกัปปวัตตนสตู ร www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

คำ� น�ำ เสียงสวดมนตท์ เี่ กดิ จากความเล่อื มใสในพระรตั นตรยั จะเปน็ พลงั มวลแหง่ ความบรสิ ทุ ธ์ิท่แี ผข่ ยายไปทกุ ทิศทุกทาง ไปชว่ ยขจดั สงิ่ ท่ีเปน็ มลทินในบรรยากาศ ขจดั ทกุ ข์ โศก โรค ภยั สง่ิ ท่ีไมด่ ี ความขดั แยง้ และการเบยี ดเบยี นใหม้ ลายหายสญู จนเกดิ กระแสแหง่ ความเมตตา ทที่ า� ใหส้ รรพสตั วเ์ กดิ ความรกั ความปรารถนาดตี อ่ กัน ในแตล่ ะวัน เราใชเ้ วลาสวดเพยี งไมก่ ่นี าที โดยไมต่ อ้ งเสยี เงนิ เสยี ทองอะไรเลย แตอ่ านิสงสจ์ ากการสวดมนตน์ ้นั เกดิ ข้นึ มากมาย โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง ใจของผสู้ วดเองกจ็ ะผอ่ งใส มจี ติ ผกู พันกับพระรตั นตรยั ซ่งึ ใจท่ีผอ่ งใสเปน็ ปกตเิ นืองนิตยน์ ้เี อง เวลาใกลห้ ลบั ตาลาโลก สคุ ตกิ ็จะเปน็ ท่ไี ป... ดว้ ยความปรารถนาดจี าก ใจ...หยุด ๒๔ น. www.kalyanamitra.org

สำรบญั • ทา� ไม..ตอ้ งสวดธมั มจักกปั ปวตั ตนสูตร ?................... ๑ • บทขดั ธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร ...................................... ๓ • ธัมมจกั กัปปวัตตนสูตร ................................................ ๔ • บทขดั ธัมมจกั กัปปวตั ตนสตู ร (แปล) ....................... ๑๖ • ธัมมจกั กปั ปวัตตนสตู ร (แปล) .................................. ๑๗ • พระธรรมเทศนาของ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) “ธัมมจกั กัปปวตั ตนสูตร”.......................................... ๒๕ • ทบทวนโอวาท เรอ่ื งสวดธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร ................................ ๕๓ - ความส�าคญั ของบทสวดธมั มจกั กัปปวตั ตนสตู ร .................. ๕๓ - ความส�าคัญของการมาสวด ท่หี นา้ พระมหาธรรมกายเจดยี ์ ......................................... ๕๗ - วิธีการสวดอยา่ งถกู หลกั วชิ ชา ......................................... ๖๐ - อานิสงสท์ ่เี กดิ ขนึ้ จากการสวดธมั มจักกัปปวัตตนสูตร ........ ๖๑ - วธิ ีปรบั ใจใหล้ ะเอยี ด ..................................................... ๖๗ - ทา� โลกใหเ้ ปน็ ดงั สวรรค์ ................................................. ๖๘ www.kalyanamitra.org

ทำ� ไม..ต้อง สวดธมั มจกั กปั ปวัตตนสตู ร ? บทสวด “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” เป็นบทสวดทีม่ ี ความส�าคญั มาก เพราะเปน็ บทท่ปี ระกาศพระสมั มาสมั โพธ-ิ ญาณ เป็นบททพี่ ระสัมมาสมั พุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ที่ บงั เกดิ ขึน้ บนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้า พระสัทธาธกิ พุทธเจ้า พระวริ ิยาธิกพทุ ธเจ้าจ�านวนนับ อสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน เมอื่ พระองค์ตรัสรู้แล้ว ก็ทรง แสดงธรรมบทนี้กนั ท้ังนั้น ดังนัน้ ใครก็ตามทีไ่ ด้สวดธัมมจักกปั ปวตั ตนสูตรใน ยคุ นี้ จึงถอื เป็นบุคคลส�าคญั ทไี่ ด้เคลอื่ นจักรแห่งธรรมใน ช่วงเวลาท่ีชาวพุทธกา� ลังสบั สน เกดิ ความไมส่ งบแหง่ จติ ใจ เพรำะเทำ่ กบั เรำไดเ้ ปน็ ตวั แทนของพระสมั มำสมั พทุ ธเจำ้ ถงึ แมพ้ ระองคจ์ ะดบั ขันธปรินพิ พำนไปแลว้ กย็ งั มสี ำวกเอำ ธรรมบทน้มี ำแสดงตอ่ ซง่ึ เปน็ การสบื ทอดอายพุ ระพุทธ- ศาสนาให้ยืนยาวตอ่ ไป 1 www.kalyanamitra.org

ธรรมบทนีเ้ ป็นธรรมะท่ีท�ำให้ควำมเป็นพระสัมมำ- สมั พุทธเจำ้ บริบูรณ์ เพราะเมื่อพระองคท์ รงแสดงแล้ว ได้ มผี ้บู รรลธุ รรมตาม คือ พระอญั ญาโกณฑญั ญะ จงึ เป็นเหตุ ใหเ้ กดิ องคแ์ หง่ พระรตั นตรยั ครบถว้ นบรบิ รู ณ์ คอื พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เปน็ คร้งั แรกของโลก ดังนัน้ ใครก็ตำมที่ได้สวดธัมมจักกัปปวัตตนสตู ร เป็นนิจ จะท�ำให้ผนู้ น้ั ไดบ้ ุญมำก เม่ือคดิ ปรำรถนำอะไร ก็จะส�ำเรจ็ ทุกอย่ำง !!! เพราะบทสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนี้ ทา� ให้มนษุ ย์ พ้นจากความทกุ ข์ทรมานของชีวิต และหลุดพ้นจากกเิ ลส อาสวะทัง้ หลาย จนสามารถก้าวข้ามไปสู่หนทางแห่งพระ- นพิ พาน และทสี่ า� คัญ ทุกครั้งทีเ่ ราสวดมนต์ บญุ ก็จะเกิดกบั ตวั เรา เพราะใจเราจะถูกกลน่ั ใหส้ ะอาดบรสิ ทุ ธ์ิ วบิ ากกรรม ทีต่ ิดมาข้ามภพข้ามชาติก็จะถูกกลัน่ แก้ไปด้วย จากหนัก ก็จะเป็นเบา จากเบาก็จะหาย จิตใจทขี่ ุ่นมวั กจ็ ะใสสว่าง ดงั น้ันเราตอ้ งสวดธมั มจักกัปปวัตตนสูตรกนั ทุกวนั ... 2 www.kalyanamitra.org

บทขดั ธมั มจักกปั ปวัตตนสูตร อะนตุ ตะรัง อะภิสัมโพธิง สมั พชุ ฌติ ว๎ า ตะถาคะโต ปะฐะมัง ยัง อะเทเสสิ ธมั มะจกั กงั อะนุตตะรงั สมั มะเทวะ ปะวัตเตนโต โลเก อปั ปะฏวิ ัตตยิ งั ยตั ถากขาตา อุโภ อนั ตา ปะฏปิ ตั ติ จะ มัชฌิมา จะตูสว๎ ารยิ ะสจั เจสุ วิสทุ ธัง ญาณะทัสสะนงั เทสิตงั ธมั มะราเชนะ สัมมาสมั โพธกิ ติ ตะนัง นาเมนะ วิสสตุ ัง สุตตงั ธัมมะจกั กปั ปะวัตตะนงั เวยยากะระณะปาเฐนะ สงั คตี นั ตมั ภะณามะ เส ฯ 3 www.kalyanamitra.org

ธมั มจักกปั ปวัตตนสูตร เอวัมเม สุตัง เอกงั สะมะยัง ภะคะวา พาราณะสยิ งั วหิ ะระติ อสิ ิปะตะเน มคิ ะทาเย ฯ ตัตร๎ ะ โข ภะคะวา ปญั จะวคั คิเย ภกิ ขู อามันเตสิ เทว๎ เม ภกิ ขะเว อนั ตา ปพั พะชเิ ตนะ นะ เสวติ พั พา ฯ โย จายัง กาเมสุ กามะสขุ ัลลิกานุโยโค หโี น คมั โม โปถุชชะนโิ ก อะนะริโย อะนัตถะสัญหโิ ต โย จายัง อตั ตะกิละมะถานุโยโค ทกุ โข อะนะริโย อะนัตถะสัญหโิ ต ฯ เอเต เต ภกิ ขะเว อุโภ อนั เต อะนุปะคัมมะ มชั ฌมิ า ปะฏปิ ะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสมั พทุ ธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อปุ ะสะมายะ อะภญิ ญายะ สมั โพธายะ นพิ พานายะ สังวัตตะติ ฯ 4 www.kalyanamitra.org

กะตะมา จะ สา ภิกขะเว มชั ฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพทุ ธา จกั ขุกะระณี ญาณะ- กะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นพิ พานายะ สงั วัตตะติ ฯ อะยะเมวะ อะริโย อฏั ฐังคโิ ก มคั โค ฯ เสยยะถที ัง ฯ สัมมาทฏิ ฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สมั มากมั มันโต สมั มาอาชีโว สัมมา- วายาโม สัมมาสะติ สัมมาสะมาธิ ฯ อะยงั โข สา ภกิ ขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภสิ มั พุทธา จกั ขุกะระณี ญาณะ- กะระณี อปุ ะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ ฯ 5 www.kalyanamitra.org

อทิ งั โข ปะนะ ภิกขะเว ทกุ ขัง อะริยะ- สจั จัง ฯ ชาตปิ ิ ทกุ ขา ชะราปิ ทกุ ขา มะระณมั ปิ ทกุ ขัง โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทกุ ขา อปั ปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ปิเยหิ วปิ ปะโยโค ทกุ โข ยมั ปจิ ฉงั นะ ละภะติ ตมั ปิ ทุกขงั สงั ขติ เตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ อทิ งั โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ฯ ยายงั ตัณหา โปโนพภะวิกา นนั ทิราคะสะหะคะตา ตัต๎ระ ตัต๎ราภินันทนิ ี ฯ เสยยะถที ัง ฯ กามะตณั หา ภะวะตัณหา วภิ ะวะ- ตัณหา ฯ อิทงั โข ปะนะ ภิกขะเว ทกุ ขะนิโรโธ อะริยะสัจจงั ฯ โย ตสั สาเยวะ ตณั หายะ อะเสสะ- วริ าคะนโิ รโธ จาโค ปะฏนิ สิ สคั โค มตุ ติ อะนาละโย ฯ 6 www.kalyanamitra.org

อทิ ัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนโิ รธะคามนิ ี ปะฏิปะทา อะริยะสจั จัง ฯ อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคโิ ก มคั โค ฯ เสยยะถีทัง ฯ สัมมาทิฏฐิ สมั มาสงั กปั โป สัมมาวาจา สมั มากมั มนั โต สมั มา- อาชโี ว สมั มาวายาโม สมั มาสะติ สมั มาสะมาธิ ฯ (หยดุ ) อิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสเุ ตสุ ธมั เมสุ จักขุง อทุ ะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญั ญา อทุ ะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ ตัง โข ปะนิทัง ทกุ ขัง อะริยะสัจจัง ปะริญเญยยันติ เม ภกิ ขะเว ปุพเพ อะนะนสุ สเุ ตสุ ธมั เมสุ จกั ขุง อทุ ะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อทุ ะปาทิ วชิ ชา อุทะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ ฯ 7 www.kalyanamitra.org

ตัง โข ปะนทิ ัง ทกุ ขัง อะริยะสัจจัง ปะริญญาตันติ เม ภิกขะเว ปพุ เพ อะนะนสุ สุเตสุ ธมั เมสุ จักขงุ อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อทุ ะปาทิ วชิ ชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ อทิ ัง ทกุ ขะสะมทุ ะโย อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธมั เมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อทุ ะปาทิ ปญั ญา อุทะปาทิ วชิ ชา อทุ ะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ ฯ ตงั โข ปะนิทงั ทกุ ขะสะมทุ ะโย อะรยิ ะสัจจงั ปะหาตพั พนั ติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนสุ สเุ ตสุ ธมั เมสุ จกั ขงุ อทุ ะปาทิ ญาณงั อทุ ะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วชิ ชา อทุ ะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ 8 www.kalyanamitra.org

ตงั โข ปะนทิ งั ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ปะหีนนั ติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธมั เมสุ จกั ขุง อุทะปาทิ ญาณงั อุทะปาทิ ปญั ญา อุทะปาทิ วชิ ชา อทุ ะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ ฯ อิทัง ทกุ ขะนิโรโธ อะรยิ ะสัจจนั ติ เม ภกิ ขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธมั เมสุ จักขุง อทุ ะปาทิ ญาณงั อุทะปาทิ ปัญญา อทุ ะปาทิ วิชชา อทุ ะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ ฯ ตัง โข ปะนทิ ัง ทกุ ขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง สัจฉิกาตพั พันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสเุ ตสุ ธมั เมสุ จักขงุ อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อทุ ะปาทิ วชิ ชา อุทะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ ฯ 9 www.kalyanamitra.org

ตัง โข ปะนทิ ัง ทุกขะนิโรโธ อะริยะสจั จัง สัจฉิกะตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขงุ อุทะปาทิ ญาณัง อทุ ะปาทิ ปัญญา อทุ ะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ อทิ ัง ทุกขะนโิ รธะคามินี ปะฏปิ ะทา อะรยิ ะ- สจั จนั ติ เม ภกิ ขะเว ปพุ เพ อะนะนสุ สเุ ตสุ ธัมเมสุ จกั ขงุ อุทะปาทิ ญาณัง อทุ ะปาทิ ปญั ญา อทุ ะปาทิ วชิ ชา อุทะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ ฯ ตงั โข ปะนิทัง ทกุ ขะนิโรธะคามินี ปะฏปิ ะทา อะริยะสจั จัง ภาเวตัพพนั ติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนสุ สุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อทุ ะปาทิ ญาณงั อทุ ะปาทิ ปญั ญา อทุ ะปาทิ วชิ ชา อุทะปาทิ อาโลโก อทุ ะปาทิ ฯ 10 www.kalyanamitra.org

ตงั โข ปะนิทงั ทกุ ขะนิโรธะคามนิ ี ปะฏปิ ะทา อะริยะสจั จัง ภาวิตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปญั ญา อทุ ะปาทิ วชิ ชา อทุ ะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ ยาวะกีวัญจะ เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสัจเจสุ เอวันติปะริวัฏฏัง ทว๎ าทะสาการัง ยะถาภตู ัง ญาณะทัสสะนัง นะ สุวิสทุ ธงั อะโหสิ เนวะ ตาวาหงั ภิกขะเว สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพร๎ หั ม๎ ะเก สสั สะมะณะพร๎ าหม๎ ะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนสุ สายะ อะนตุ ตะรงั สมั มา- สมั โพธิง อะภสิ มั พุทโธ ปัจจญั ญาสงิ ฯ 11 www.kalyanamitra.org

ยะโต จะ โข เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสจั เจสุ เอวันติปะริวัฏฏัง ทว๎ าทะสาการัง ยะถาภตู ัง ญาณะทัสสะนงั สุวสิ ุทธงั อะโหสิ อะถาหัง ภกิ ขะเว สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพ๎รัห๎มะเก สสั สะมะณะพ๎ราหม๎ ะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนสุ สายะ อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธงิ อะภสิ ัมพทุ โธ ปจั จัญญาสงิ ฯ ญาณญั จะ ปะนะ เม ทัสสะนัง อทุ ะปาทิ อะกปุ ปา เม วิมุตติ อะยะมันติมา ชาติ นัตถทิ านิ ปุนัพภะโวติ ฯ อทิ ะมะโวจะ ภะคะวา ฯ อัตตะ- มะนา ปัญจะวัคคิยา ภิกขู ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภนิ ันทงุ ฯ 12 www.kalyanamitra.org

อมิ สั ๎มิญจะ ปะนะ เวยยากะระณสั ม๎ งิ ภัญญะมาเน อายัส๎มะโต โกณฑัญญัสสะ วิระชัง วตี ะมะลัง ธมั มะจักขุง อทุ ะปาทิ ยังกญิ จิ สะมทุ ะยะธัมมัง สพั พนั ตัง นโิ รธะธมั มันติ ฯ ปะวัตตเิ ต จะ ภะคะวะตา ธมั มะจกั เก ภมุ มา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยงั อิสปิ ะตะเน มิคะทาเย อะนุตตะรัง ธมั มะจกั กงั ปะวัตตติ งั อปั ปะฏวิ ตั ตยิ งั สะมะเณนะ วา พ๎ราห๎มะเณนะ วา เทเวนะ วา มาเรนะ วา พร๎ ัห๎มนุ า วา เกนะจิ วา โลกสั ม๎ นิ ติ ฯ (หยุด) ภมุ มำนงั เทวานงั สทั ทัง สตุ ว๎ า จาตมุ มะหา- ราชกิ า เทวา สัททะมะนุสสาเวสงุ ...ฯ 13 www.kalyanamitra.org

จาตมุ มะหาราชกิ านงั เทวานัง สทั ทงั สตุ ว๎ า ตาวะตงิ สา เทวา สทั ทะมะนสุ สาเวสงุ ...ฯ ตาวะติงสานัง เทวานงั สัททงั สตุ ว๎ า ยามา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง...ฯ ยามานัง เทวานงั สทั ทงั สตุ ว๎ า ตุสติ า เทวา สทั ทะมะนุสสาเวสงุ ...ฯ ตสุ ติ านัง เทวานงั สทั ทัง สตุ ว๎ า นิมมานะระตี เทวา สัททะมะนสุ สาเวสงุ ...ฯ นิมมานะระตีนัง เทวานงั สัททัง สุต๎วา ปะระนมิ มติ ะวะสะวตั ตีเทวาสทั ทะมะนสุ สาเวสงุ ...ฯ ปะระนมิ มิตะวะสะวัตตีนงั เทวานัง สัททงั สตุ ๎วา พ๎รัห๎มะกายกิ า เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง 14 www.kalyanamitra.org

เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยัง อสิ ิปะตะเน มคิ ะทาเย อะนุตตะรัง ธมั มะจักกงั ปะวัตติตัง อัปปะฏวิ ตั ตยิ ัง สะมะเณนะ วา พร๎ าหม๎ ะเณนะ วา เทเวนะ วา มาเรนะ วา พร๎ หั ม๎ ุนา วา เกนะจิ วา โลกัส๎มินติ ฯ (หยุด) อติ หิ ะ เตนะ ขะเณนะ เตนะ มหุ ุตเตนะ ยาวะ พ๎รหั ม๎ ะโลกา สทั โท อพั ภคุ คจั ฉิ ฯ อะยัญจะ ทะสะ- สะหสั สี โลกะธาตุ สงั กมั ปิ สมั ปะกมั ปิ สมั ปะเวธิ ฯ อปั ปะมาโณ จะ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุระโหสิ อะติกกมั เมวะ เทวานัง เทวานุภาวัง ฯ อะถะโข ภะคะวา อทุ านงั อทุ าเนสิ อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญติ ฯ อิตหิ ิทงั อายสั ๎มะโต โกณฑญั ญสั สะ อัญญา- โกณฑัญโญเต๎ววะ นามงั อะโหสีติ ฯ 15 www.kalyanamitra.org

บทขัดธมั มจักกปั ปวัตตนสตู ร (แปล) พระตถาคตเจา้ ไดต้ รสั รพู้ ระอนตุ ตรสมั มาสมั โพธิญาณ แล้ว เมือ่ จะทรงประกาศธรรมท่ีใคร ๆ ยงั มิได้ใหเ้ ป็นไปใน โลกให้เป็นไปโดยชอบ ได้ทรงแสดงอนตุ ตรธรรมจักรใด กอ่ น สว่ นสดุ ๒ อยา่ ง ขอ้ ปฏบิ ตั อิ ันเปน็ สายกลาง และญาณ- ปญั ญาอนั รเู้ หน็ ในอรยิ สัจท้งั ๔ อยา่ งหมดจดท่ีพระองคท์ รง แสดงไวใ้ นธรรมจกั รใด เราท้ังหลายจงสวดธรรมจกั รน้นั ทพ่ี ระองคผ์ เู้ ปน็ ธรรม- ราชาได้ทรงแสดงแล้ว ปรากฏโดยชือ่ ว่า ธัมมจักกปั - ปวตั ตนสตู ร อนั เปน็ พระสตู รท่ปี ระกาศพระสมั มาสมั โพธ-ิ ญาณ อนั พระสงฆส์ าวกของพระองคไ์ ดร้ อ้ ยกรองไวโ้ ดยบาลี ไวยากรณ์เถดิ 16 www.kalyanamitra.org

ธมั มจกั กัปปวัตตนสูตร (แปล) ขา้ พเจ้าไดส้ ดบั มาแล้วอย่างนี้ :- สมยั หนงึ่ พระผู้มพี ระภาคเจ้าประทบั อยู่ ณ ป่าอิสิ- ปตนมฤคทายวนั ใกลพ้ ระนครพาราณสี ณ ท่นี น้ั แล พระผ-ู้ มพี ระภาคเจา้ ตรสั เรยี กภกิ ษุปญั จวคั คียม์ าแลว้ ตรสั วา่ ดกู ร ภกิ ษุท้งั หลาย สว่ นสุด ๒ อยา่ งนอ้ี นั บรรพชติ ไมค่ วรเสพ คอื ๑. การหมกมุ่นอยู่ด้วยกามสุขในกามทงั้ หลาย เป็น ของเลว เป็นของชาวบ้าน เปน็ ของปุถชุ น ไม่ประเสรฐิ ไม่ ประกอบดว้ ยประโยชน์ ๒. การท�าความเดือดร้อนแก่ตน เป็นทุกข์ ไม่ ประเสริฐ ไมป่ ระกอบดว้ ยประโยชน์ ข้อปฏิบตั ิอนั เป็นสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสดุ ๒ อยา่ งนี้ อนั ตถาคตไดต้ รสั รู้แลว้ เปน็ ปฏิปทาก่อใหเ้ กิดจักษุ ก่อให้เกดิ ญาณ เป็นไปเพื่อสงบระงับ เพอื่ ความรู้ยงิ่ เพือ่ การตรัสรู้ เพอื่ นิพพาน 17 www.kalyanamitra.org

ก็ข้อปฏิบัติอันเป็นสายกลางอนั ตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว เปน็ ปฏปิ ทากอ่ ใหเ้ กดิ จกั ษุ กอ่ ใหเ้ กิดญาณ เปน็ ไปเพ่ือสงบ ระงับ เพอื่ ความรู้ยงิ่ เพอื่ การตรัสรู้ เพือ่ นพิ พานนนั้ เป็น ไฉน? คอื อรยิ มรรคอนั ประกอบดว้ ยองค์ ๘ น้แี หละ ซ่งึ ไดแ้ ก่ ความเหน็ ชอบ ความด�ารชิ อบ วาจาชอบ การงานชอบ การ เล้ยี งชพี ชอบ ความเพยี รชอบ ความระลกึ ชอบ ความตง้ั ใจชอบ ขอ้ ปฏบิ ตั อิ นั เปน็ สายกลางน้แี ลอันตถาคตไดต้ รสั รแู้ ลว้ เปน็ ปฏปิ ทากอ่ ใหเ้ กิดจกั ษุ กอ่ ใหเ้ กิดญาณ เปน็ ไปเพ่ือสงบ ระงับ เพอ่ื ความรยู้ ่ิง เพ่ือการตรสั รู้ เพ่ือนพิ พาน ดูกรภกิ ษทุ ั้งหลาย ข้อนีเ้ ป็นทกุ ขอรยิ สจั คอื แม้ความ เกิดกเ็ ป็นทุกข์ แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์ แม้ความตายกเ็ ป็น ทุกข์ แมค้ วามเศรา้ โศก ความร�่าไรร�าพัน ความเสียใจ และ ความคับแคน้ ใจกเ็ ป็นทุกข์ ความประสบส่ิงอันไม่เป็นทร่ี ัก กเ็ ป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิง่ อนั เป็นทีร่ ักก็เป็นทุกข์ ปรารถนาส่งิ ใดไมไ่ ดส้ ่ิงน้ันก็เปน็ ทกุ ข์ โดยยอ่ อุปาทานขนั ธ์ ๕ เปน็ ทุกข์ 18 www.kalyanamitra.org

ดูกรภิกษทุ งั้ หลาย ข้อนเี้ ป็นทุกขสมทุ ยอริยสจั คือ ตัณหาอันท�าให้เกิดอีก ประกอบด้วยความเพลิดเพลิน และความกา� หนดั มีปกตทิ า� ใหเ้ พลดิ เพลนิ ในอารมณน์ ้นั ๆ ไดแ้ ก่ กามตณั หา ภวตัณหา วิภวตัณหา ดกู รภกิ ษุทง้ั หลาย ขอ้ นเ้ี ปน็ ทุกขนโิ รธอรยิ สจั คือ ความ ดบั ดว้ ยการส�ารอกโดยไม่เหลอื แห่งตณั หาน้นั แหละ ความ สละ ความวาง ความปล่อย ความไมอ่ าลยั ดูกรภิกษทุ ัง้ หลาย ข้อนี้เป็นทกุ ขนิโรธคามนิ ีปฏิปทา อริยสัจ คอื อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนีแ้ ล ไดแ้ ก่ ความเหน็ ชอบ ความดา� รชิ อบ วาจาชอบ การงานชอบ การเลีย้ งชีพชอบ ความเพยี รชอบ ความระลกึ ชอบ ความ ต้ังใจชอบ ดูกรภิกษทุ ง้ั หลาย จกั ษุ ญาณ ปญั ญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขน้ึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมทัง้ หลายท่ีไมเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ นที้ กุ ขอรยิ สจั ดกู รภิกษุท้งั หลาย จกั ษุ ญาณ ปญั ญา วิชชา แสงสว่าง เกิดข้นึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมทัง้ หลายท่ไี มเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ ทกุ ขอรยิ สจั น้ันควรกา� หนดรู้ 19 www.kalyanamitra.org

ดกู รภิกษุท้ังหลาย จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสวา่ ง เกิดข้นึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมท้งั หลายท่ไี มเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ ทกุ ขอรยิ สจั นั้นเราไดก้ า� หนดรู้แลว้ ดกู รภิกษทุ ั้งหลาย จักษุ ญาณ ปัญญา วชิ ชา แสงสวา่ ง เกิดขน้ึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมทง้ั หลายท่ีไมเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ นท้ี กุ ขสมุทยอริยสัจ ดูกรภิกษทุ ั้งหลาย จกั ษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสวา่ ง เกดิ ขน้ึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมทง้ั หลายท่ไี มเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ ทกุ ขสมุทยอรยิ สัจน้นั ควรละ ดูกรภกิ ษทุ ง้ั หลาย จกั ษุ ญาณ ปญั ญา วชิ ชา แสงสวา่ ง เกิดขน้ึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมท้งั หลายท่ีไมเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ ทุกขสมทุ ยอริยสจั นัน้ เราละไดแ้ ลว้ ดกู รภกิ ษุทง้ั หลาย จักษุ ญาณ ปญั ญา วชิ ชา แสงสว่าง เกดิ ข้นึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมทง้ั หลายท่ไี มเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ น้ที ุกขนิโรธอริยสัจ ดกู รภกิ ษุท้งั หลาย จกั ษุ ญาณ ปญั ญา วชิ ชา แสงสวา่ ง เกดิ ข้นึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมทง้ั หลายท่ีไมเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ ทุกขนโิ รธอรยิ สจั นัน้ ควรกระทา� ให้แจง้ 20 www.kalyanamitra.org

ดกู รภกิ ษุทั้งหลาย จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสวา่ ง เกิดขน้ึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมท้งั หลายท่ีไมเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ ทกุ ขนิโรธอรยิ สัจนัน้ เราไดก้ ระทา� ให้แจง้ แลว้ ดกู รภกิ ษทุ ้ังหลาย จักษุ ญาณ ปัญญา วชิ ชา แสงสวา่ ง เกิดข้นึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมท้งั หลายท่ีไมเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ นท้ี กุ ขนิโรธคามนิ ีปฏิปทาอรยิ สจั ดกู รภิกษุทง้ั หลาย จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสวา่ ง เกิดขน้ึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมทง้ั หลายท่ีไมเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ ทุกขนโิ รธคามินปี ฏปิ ทาอรยิ สัจนั้นควรเจริญ ดกู รภิกษทุ ัง้ หลาย จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกดิ ข้นึ แลว้ แกเ่ ราในธรรมท้งั หลายท่ไี มเ่ คยไดฟ้ งั มากอ่ นวา่ ทกุ ขนโิ รธคามินปี ฏปิ ทาอรยิ สจั น้นั เราไดเ้ จริญแลว้ ดกู รภิกษุทั้งหลาย กญ็ าณทัสสนะ (ความรู้เห็น) ตาม ความเปน็ จรงิ ของเราในอริยสจั ๔ ประการน้ี มีรอบ ๓ มี อาการ ๑๒ อย่างนย้ี ังไม่บรสิ ุทธ์ิเพยี งใด เราก็ยงั ไม่ยืนยัน วา่ เป็นผตู้ รสั ร้อู นุตตรสมั มาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทงั้ เทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทงั้ สมณ- พราหมณ์ เทวดา และมนุษยเ์ พียงนนั้ 21 www.kalyanamitra.org

ดกู รภกิ ษุท้งั หลาย ก็เม่ือใด ญาณทสั สนะตามความเปน็ จริงของเราในอรยิ สจั ๔ ประการนี้ มรี อบ ๓ มอี าการ ๑๒ อย่างนบี้ ริสุทธดิ์ ีแล้ว เมอื่ นนั้ เราจึงยนื ยนั ว่า เป็นผู้ตรัสรู้ อนุตตรสัมมาสัมโพธญิ าณในโลก พรอ้ มท้งั เทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมสู่ ตั ว์ พรอ้ มท้งั สมณพราหมณ์ เทวดา และ มนุษย์ กญ็ าณทัสสนะเกดิ ขึน้ แก่เราว่า ความหลดุ พ้นของเรา ไมก่ า� เรบิ ชาตนิ ี้เป็นชาติสุดทา้ ย บัดนภ้ี พใหมไ่ มม่ ีอกี พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสธัมมจักกัปปวัตตนสตู รนี้ ภกิ ษุปญั จวคั คยี ม์ ใี จยินดี ตา่ งช่นื ชมพระภาษติ ของพระผมู้ ี- พระภาคเจ้า กเ็ มอื่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไวยากรณภาษิตนอี้ ยู่ ดวงตาเหน็ ธรรมอันปราศจากธุลี ปราศจากมลทนิ ได้เกิด ขึน้ แก่ท่านโกณฑัญญะว่า สงิ่ ใดสิง่ หนงึ่ มคี วามเกิดขึ้นเป็น ธรรมดา สงิ่ น้นั ทง้ั ปวงลว้ นมีความดับไปเปน็ ธรรมดา 22 www.kalyanamitra.org

ครนั้ พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทรงประกาศธรรมจกั รใหเ้ ปน็ ไปแล้ว พวกภุมมเทวดาได้ประกาศว่า นนั่ ธรรมจักรอนั ยอดเยี่ยม อนั พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้เป็นไปแล้ว ณ ป่าอสิ ิปตนมฤคทายวัน ใกล้พระนครพาราณสี อันสมณ- พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรอื ใครๆ ในโลกใหห้ มนุ กลับ (ปฏิเสธ) ไมไ่ ด้ พวกเทพช้ันจาตุมหาราชได้ฟังเสยี งของพวกภุมม- เทวดาแล้ว...พวกเทพชัน้ ดาวดึงส์ได้ฟังเสยี งของพวก เทพชน้ั จาตมุ หาราชแลว้ ...พวกเทพชน้ั ยามาไดฟ้ ังเสียงของ พวกเทพช้นั ดาวดงึ สแ์ ลว้ ...พวกเทพชน้ั ดสุ ติ ไดฟ้ งั เสยี งของ พวกเทพช้นั ยามาแลว้ ...พวกเทพช้นั นมิ มานรดไี ดฟ้ งั เสยี งของ พวกเทพชนั้ ดสุ ติ แลว้ ...พวกเทพชัน้ ปรนิมมิตวสวตั ดีได้ฟัง เสียงของพวกเทพชั้นนิมมานรดีแล้ว...พวกเทพทนี่ บั เนอื่ ง ในหมู่พรหมได้ฟังเสียงของพวกเทพชัน้ ปรนมิ มิตวสวตั ดี แลว้ ไดป้ ระกาศวา่ นนั่ ธรรมจกั รอันยอดเย่ียม อนั พระผมู้ ี พระภาคเจา้ ทรงใหเ้ ปน็ ไปแลว้ ณ ปา่ อสิ ิปตนมฤคทายวัน ใกลพ้ ระนครพาราณสี อนั สมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรอื ใคร ๆ ในโลกใหห้ มนุ กลบั (ปฏเิ สธ) ไมไ่ ด้ 23 www.kalyanamitra.org

เพยี งครู่เดียวเท่านนั้ เสยี งป่าวประกาศได้กระจายขึน้ ไปถึงพรหมโลกด้วยประการฉะนี้ ทัง้ หมืน่ โลกธาตุนีก้ ็สัน่ สะเทือนเลือ่ นลัน่ ท้งั แสงสว่างอนั เจิดจ้าหาประมาณมิได้ก็ ปรากฏในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทง้ั หลาย คร้งั น้นั พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทรงเปลง่ อุทานวา่ ผเู้ จรญิ ทงั้ หลาย โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ ผู้เจริญทัง้ หลาย โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ เพราะเหตุนัน้ ค�าว่า อญั ญา- โกณฑญั ญะ น้ีจงึ ไดเ้ ปน็ ช่อื ของทา่ นโกณฑญั ญะ ดว้ ยประการ ฉะน้ีแล 24 www.kalyanamitra.org

พระธรรมเทศนำของ พระมงคลเทพมุนี (สด จนทฺ สโร) ผคู้ น้ พบวิชชาธรรมกาย ธัมมจักกัปปวัตตนสตู ร ๑ มกราคม พทุ ธศักราช ๒๔๙๘ นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมมฺ ำสมพฺ ุทฺธสสฺ ฯ (๓ หน) เอวมเฺ ม สุต� ฯ เอก� สมย� ภควำ พำรำณสิย� วหิ รติ อิสิปตเน มิคทำเย ฯ ตตรฺ โข ภควำ ปญฺจวคฺคเิ ย ภิกฺขู อำมนเฺ ตสิ ฯ เทฺวเม ภิกฺขเว อนตฺ ำ ปพฺพชิเตน น เสวติ พฺพำ โย จำย� กำเมสุ กำมสขุ ลฺลกิ ำนโุ ยโค หโี น คมโฺ ม โปถชุ ฺชนโิ ก อนรโิ ย อนตฺถสญฺหิโต โย จำย� อตฺตกิลมถำนุโยโค ทกุ โฺ ข อนรโิ ย อนตถฺ สญหฺ โิ ต ฯ เอเต เต ภกิ ขฺ เว อโุ ภ อนเฺ ต อนุปคมฺม มชฺฌมิ ำ ปฏปิ ทำ ตถำคเตน อภิสมฺพทุ ฺธำ จกฺขกุ รณี ญำณกรณี อุปสมำย อภิญฺญำย สมโฺ พธำย นิพฺพำนำย ส�วตตฺ ติ ฯ กตมำ จ สำ ภิกขฺ เว มชฺฌมิ ำ ปฏปิ ทำ ตถำคเตน อภสิ มฺพทุ ธฺ ำ จกฺขุกรณี ญำณกรณี อุปสมำย อภญิ ญฺ ำย 25 www.kalyanamitra.org

สมโฺ พธำย นพิ ฺพำนำย สว� ตตฺ ติ ฯ อยเมว อรโิ ย อฏฺ งฺคโิ ก มคฺโค ฯ เสยฺยถที � ฯ สมฺมำทฏิ ฺ ิ สมฺมำสงกฺ ปโฺ ป สมมฺ ำวำจำ สมฺมำกมฺมนฺโต สมฺมำอำชโี ว สมมฺ ำวำยำโม สมมฺ ำสติ สมมฺ ำสมำธิ ฯ อย� โข สำ ภิกฺขเว มชฌฺ มิ ำ ปฏปิ ทำ ตถำคเตน อภสิ มฺพุทธฺ ำ จกขฺ ุกรณี ญำณกรณี อปุ สมำย อภิญฺญำย สมฺโพธำย นิพพฺ ำนำย สว� ตฺตตตี ิ ฯ ส.� ม. (บาลี) ๑๙/๑๖๖๔/๕๒๘ ณ บดั น้ี อาตมภาพจกั ไดแ้ สดงธรรมกิ ถา ในวนั ปณั ณรสี ท่ี ๑๕ ค่า� ในเดอื นยนี่ ี้ เป็นวนั ขนึ้ ปใี หมข่ องทางสรุ ยิ คติ ผู้ เทศนก์ ต็ อ้ งดา� รหิ าเรอ่ื งท่จี ะตอ้ งแสดงใหส้ มกับวนั ขน้ึ ปใี หม่ เป็นวันแรกและเป็นวนั มงคลของพระพุทธศาสนิกชนทงั้ หลาย วนั น้แี หละถือวา่ เปน็ วันข้นึ ปใี หม่ เราจะทา� อยา่ งไรจงึ จะเปน็ คนดี เร่อื งน้ีเรอ่ื งท่ีเปน็ มงคลดไี มด่ นี ้ัน พระองคท์ รง รับสงั่ ยืนยนั ตัดสิน ตั้งแต่ปีใหม่นี้เราต้องตั้งใจเด็ดขาดลง ไป สมกับที่พระองคจ์ อมปราชญแ์ สดงมงคลว่า อเสวนำ จ พำลำน� ปณฺฑิตำนญจฺ เสวนำ ปูชำ จ ปชู นยี ำน� เอตมฺมงคฺ ลมตุ ตฺ ม� เราตอ้ งตัดสนิ ใจเด็ดขาดลง ไปว่า อเสวนำ จ พำลำน� ไม่เสพสมาคมคบหาคนพาลเดด็ 26 www.kalyanamitra.org

ขาดทเี ดียว ตั้งแตว่ ันน้เี ป็นตน้ ไปตง้ั แต่ได้อรณุ วันนี้ ไม่เสพ คบหาสมาคมกบั คนพาลเปน็ เดด็ ขาด จะเสพสมาคมคบหา แต่บณั ฑิตเท่านนั้ จะบูชาสิ่งทีค่ วรบชู า ปูชำ จ ปูชนียำน� เอต� วภิ ตฺตย� ๓ ขอ้ น้ีแหละเป็นมงคลอนั สงู สุด คือ จะไม่ คบคนพาล คบแตบ่ ณั ฑติ บชู าแตส่ ง่ิ ท่คี วรบชู า ตง้ั ใจใหเ้ ดด็ ขาดลงไปอยา่ งน้ี อยา่ ลอ่ กแลก่ ไมเ่ สพสมาคมกบั คนพาลนะ่ ในตัวของตัวเองมหี รือ ซีกทางโลกเป็นซีกของ โลภ โกรธ หลง นั่นเปน็ เหตุของคนพาล เป็นเหตใุ ห้เกดิ พาล ซกี ของ ไมโ่ ลภ ไมโ่ กรธ ไม่หลง เปน็ ซีกของบัณฑติ เปน็ เหตใุ ห้เกิด บณั ฑิต บชู าส่ิงที่ควรบูชา มน่ั ลงไปอยา่ งนนี้ ะ น่วี นั นีป้ ีใหม่ เราตอ้ งตง้ั ใจใหเ้ ดด็ ขาดลงไปอยา่ งน้ี เม่อื เดด็ ขาดลงไปดงั น้ี ละกต็ ัดสนิ ใจว่าเราดีแน่ นี่วันนีป้ ีใหม่เราต้องตั้งใจให้เด็ด ขาดลงไปอยา่ งนี้ เม่ือเด็ดขาดลงไปดังน้ี ไม่มีทุจริตไม่มชี ว่ั เข้าไปเจือปนเลย เป็นซีกบณั ฑิตแท้ๆ เหตุนี้แล เมือ่ เป็น บณั ฑิตแล้วสมควรจะฟงั ธรรมเทศนา ในวันใหมป่ ใี หมใ่ นทางสรุ ยิ คตนิ ้ี พระจอมไตรอบุ ตั ขิ น้ึ ในโลก ยงั ไมไ่ ดแ้ สดงธรรมเทศนากบั บคุ คลใดบุคคลอ่ืนเลย ได้แสดงปฐมเทศนาเป็นครัง้ แรกโปรดพระปัญจวัคคีย์ 27 www.kalyanamitra.org

วันนีจ้ ะแสดงปฐมเทศนาทีพ่ ระองค์โปรดปัญจวัคคีย์ทงั้ ๕ ท่ปี า่ อสิ ิปตนมฤคทายวนั แควน้ เมืองพาราณสี บัดนเ้ี ราจะฟงั ปฐมเทศนา ซง่ึ เปน็ ธรรมอันลมุ่ ลกึ สขุ มุ นกั ไมใ่ ชธ่ รรมพอดี พอร้าย และธรรมนเี้ ป็นต�ารับต�าราของพุทธศาสนิกชนสืบ ตอ่ ไปดว้ ย ไมใ่ ชเ่ ปน็ เพียงแตว่ า่ เปน็ ปฐมเทศนาเทา่ น้นั เปน็ ต�ารับต�าราของพทุ ธศาสนกิ ชนทีเดียว ทีผ่ ู้ปฏิบัติจะเอาตัว รอดไดใ้ นธรรมวนิ ยั ของพระบรมศาสดา เรม่ิ ตน้ แหง่ ปฐมเทศนาวา่ เอวมฺเม สตุ � น่ีเปน็ พระสูตร ทพี่ ระอานนท์เอามากล่าวปฏิญาณตนเพอื่ ให้พ้นจากความ เปน็ สัพพัญญวู า่ ตวั ไมไ่ ดร้ เู้ อง เพราะไดย้ ินไดฟ้ งั มาจากสา� นกั ของสมเดจ็ พระผ้มู พี ระภาคเจ้า เอว� อำกำเรน ดว้ ยอาการ อยา่ งนี้ เอก� สมย� ในสมัยครง้ั หน่งึ สมเดจ็ พระผ้มู พี ระภาค ผเู้ ปน็ ท่พี ่งึ ของสัตวโ์ ลกท้ังหลาย ทรงประทับสา� ราญอิรยิ าบถ ณ ส�านกั มคิ ทายวนั แคว้นเมืองพาราณสี ครง้ั นัน้ พระองค์ ทรงรบั ส่งั หาพระภิกษุปัญจวัคคียท์ ั้ง ๕ มา รบั สั่งว่า เทวฺ เม ภกิ ขฺ เว อนตฺ ำ ปพพฺ ชิเตน น เสวติ พพฺ ำ ดกู อ่ น ภกิ ษุท้ังหลาย ท่สี ุดท้ัง ๒ อยา่ งนน้ี น้ั อนั บรรพชติ ไมค่ วรเสพ โย จำย� กำเมสุ กำมสขุ ลฺลิกำนโุ ยโค การประกอบตนให้ 28 www.kalyanamitra.org

พัวพนั ดว้ ยกามในกามทั้งหลายน้ีใด หีโน เปน็ ของต่า� ทราม คมโฺ ม เปน็ เหตใุ หต้ ง้ั บ้านเรอื น โปถชุ ชฺ นโิ ก เปน็ คนมกี เิ ลส หนา อนรโิ ย ไม่ไปจากข้าศกึ คอื กิเลสได้ อนตฺถสญฺหิโต ไม่เป็นประโยชน์ นค่ี อื อยา่ งหน่งึ โย จำย� อตฺตกิลมถำนุโยโค ทุกฺโข อนรโิ ย อนตฺถสญฺหิโต การประกอบความล�าบากให้แก่ตนเปล่า กลับเปน็ ทกุ ขแ์ กผ่ ปู้ ระกอบดว้ ย ไมไ่ ปจากขา้ ศกึ คอื กิเลสได้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ นี้อย่างหนึง่ เป็น ๒ อย่างนี้ กามสุขัลลกิ านุโยค อตั ตกลิ มถานุโยค นีเ่ ป็นตัวกาม- สุขลั ลิกานโุ ยค อตั ตกลิ มถานโุ ยคทเี ดยี ว เอเต เต ภิกฺขเว อุโภ อนฺเต อนุปคมมฺ มชฺฌิมำ ปฏปิ ทำ ตถำคเตน อภิสมพฺ ุทฺธำ ข้อปฏิบัติอนั เป็นสาย กลาง ดกู อ่ นภิกษุทง้ั หลาย ข้อปฏิบตั เิ ปน็ กลาง ไม่แวะเข้า ใกลซ้ ่งึ ท่สี ดุ ท้งั ๒ อยา่ งนน้ี ่นั นน้ั อันพระตถาคตเจา้ ไดต้ รสั รู้ แล้วด้วยปัญญายิง่ และท�าความเหน็ ให้เป็นปรกติเรียกว่า จกขฺ กุ รณี ญำณกรณี สว� ตตฺ ติ ยอ่ มเปน็ ไปพรอ้ ม อปุ สมำย เพอื่ ความเข้าไปสงบระงับ อภิญฺญำย เพอื่ ความรู้ยงิ่ สมฺโพธำย เพอื่ ความรพู้ รอ้ ม 29 www.kalyanamitra.org

นิพพฺ ำนำย เพ่อื ความดบั สนทิ กตมำ จ สำ ภิกขฺ เว มชฌฺ มิ ำ ปฏิปทำ ตถำคเตน อภิสมฺพุทฺธำ ดกู ่อนภิกษทุ ั้ง หลาย ข้อปฏิบตั ิเป็นกลางนนั้ ทพี่ ระตถาคตเจ้าตรัสรู้แล้ว ดว้ ยปญั ญาอันยิง่ เปน็ ไฉน อยเมว อรโิ ย อฏฺงฺคโิ ก มคฺโค หนทางที่องค์ ๘ ประการไปจากขา้ ศกึ คอื กเิ ลสได้ เสยยฺ ถที � คอื สมมฺ ำทิฏฺิ ความเห็นชอบ สมมฺ ำสงกฺ ปฺโป ความ ด�าริชอบ สมมฺ ำวำจำ กล่าววาจาชอบ สมฺมำกมมฺ นฺโต ท�าการงานชอบ สมฺมำอำชีโว เล้ยี งชีพชอบ สมฺมำวำยำโม ทา� ความเพียรชอบ สมมฺ ำสติ ระลกึ ชอบ สมมฺ ำสมำธิ ต้งั ใจ ชอบ นป่ี ระกอบดว้ ยองค์ ๘ ประการ อย� โข สำ ภิกฺขเว มชฺฌิมำ ปฏิปทำ ตถำคเตน อภสิ มพฺ ทุ ฺธำ จกฺขกุ รณี ญำณกรณี อุปสมำย อภิญฺญำย สมฺโพธำย นพิ พฺ ำนำย สว� ตตฺ ติ อยา่ งน้ีแหละ ภกิ ษทุ ้ังหลาย อย่างนีแ้ หละข้อปฏิบตั ิอนั เป็นกลางท่พี ระตถาคตเจ้าตรัสรู้ ด้วยปัญญาอนั ยิง่ กระท�าความเห็นให้เป็นปรกติ กระทา� ความรใู้ หเ้ ปน็ ปรกติ ยอ่ มเปน็ ไปเพ่อื ความออกไปสงบระงบั เพื่อความรูย้ ง่ิ รู้พร้อมซึง่ พระนพิ พาน 30 www.kalyanamitra.org

น้ีหลักประธานปฐมเทศนา ทรงรบั ส่งั ใจความพระพุทธ- ศาสนาบอกปัญจวคั คีย์ทงั้ ๕ โดยตรงๆ ไม่มีวกไปทางใด ทางหน่งึ เลย บอกตรงๆ ทีเดยี ว แตว่ า่ ผฟู้ งั พอเปน็ วสิ ัยใจคอ เปน็ ฝา่ ย ขปิ ปฺ ำภญิ ญฺ ำ เทา่ น้กี เ็ ขา้ ใจแลว้ วา่ ธรรมของศาสดา นี้ลึกจริง ถา้ วา่ ไม่เปน็ ขปิ ฺปำภญิ ญฺ ำ เป็น ทนธฺ ำภิญญฺ ำ จะ ต้องชีแ้ จงแสดงขยายออกไปอีก จึงจะเข้าใจปฐมเทศนา พระองคท์ รงรบั ส่งั บอกพระปญั จวัคคยี ์ทงั้ ๕ วา่ ที่สุดทั้ง ๒ อย่างน่นั น้ันอันบรรพชติ ไม่ควรเสพ ท่สี ดุ ๒ อย่างนะ่ อะไร เอาใจไปจรดในรูป ในเสียง ในกลิน่ ในรส ในสัมผัส ที่ ชอบใจน้ันแหละ หรอื ยนิ ดรี ปู เสยี ง กล่นิ รส สมั ผสั ท่ชี อบใจ นน้ั แลตวั กามสุขัลลิกานุโยค ถ้าว่าเอาไปจรดรูปนนั้ เข้าแล้ว จะเปน็ อยา่ งไร ทุกฺโข เป็นทกุ ขแ์ ก่ผู้เอาใจไปจรดนั้น หโี น ถา้ เอาใจไปจรดเขา้ รูป เสยี ง กลน่ิ รส สมั ผัส ทีช่ อบใจนน้ั ใจต�่า ไมส่ ูง ใจตา่� ทีเดยี ว ใจมดื ทเี ดยี ว ไมส่ วา่ ง เพราะเอา ไปจรดกบั อ้ายทชี่ อบใจ ท่มี ัวซวั เช่นนน้ั ถา้ ไปจรดทม่ี ดื มนั กแ็ สวงหาทมี่ ดื ทีเดียว ไม่ไปทางสว่างละ นัน่ น่ะจับตัวได้ เอาใจเข้าจรดกับรูป เสียง กลิน่ รส สมั ผัสท่ชี อบใจ ชวนไป ทางมดื เสยี แล้ว ไม่ชวนไปทางสว่าง ปดิ ทางสวา่ งเสียแล้ว 31 www.kalyanamitra.org

เมอื่ เป็นอยา่ งน้ันทา่ นจงึ ได้ยืนยนั หโี น ต่�าทราม ไมไ่ ป ทางนักปราชญร์ าชบณั ฑติ ไปทางโลกไปทางปถุ ุชนคนพาล เสยี แลว้ หีโน ตา�่ ทรามลงไปอย่างน้,ี คมฺโม ถา้ ไปจรดมนั เข้าไม่สะดวก ทา� ให้ต้องปลูกบ้านปลูกเรือนให้เหมาะเจาะ มีฝารอบขอบชดิ ใหด้ จี งึ จะสมความปรารถนาน้นั ไปเสยี ทาง โนน้ อกี แลว้ น้นั ใจมันชกั ชวนเสียไปทางน้ันแลว้ น้ัน คมโฺ ม, โปถชุ ชฺ นิโก กห็ มกั หมมสัง่ สมกเิ ลสใหห้ นาขน้ึ ทุกที ไมบ่ าง สกั ทหี นง่ึ นั่นแหละ รปู เสียง กลิ่น รส สัมผสั เข้ามาๆๆ เป็นตึกร้านบ้านเรอื นกันยกใหญ่เชียวคราวน้ี แนน่ หนากนั ยกใหญ่เชยี ว, อนรโิ ย ออกไม่ได้ ไม่ไปจากข้าศึกคอื กิเลส ได้ ไมห่ ลุดจากรูป เสียง กลิน่ รส สมั ผสั ไม่หลดุ จากความ ยินดใี นรูป เสียง กลิ่น รส สมั ผัส ตดิ อยู่นนั่ เอง พระองคท์ รงรบั ส่งั วา่ น่ๆี พวกน้กี ามสขุ ลั ลิกานโุ ยค ไป จากข้าศกึ คอื กเิ ลสไม่ได้ ไปไม่ได้ทีเดียว อนตฺถสญฺหิโต แล้วเปน็ อย่างไรบา้ ง ไม่มปี ระโยชนเ์ ลย ถามคนแกด่ ูกไ็ ด้ ท่ี ครอบครองเรอื นมาแลว้ ท่ีตดิ อยใู่ นรปู เสียง กล่ิน รส สมั ผัส มาแล้ว ติดจนกระทงั่ ถงึ แก่เฒ่าชรา ไปถามเถอะ ร้อยคน พนั คนมายืนยนั บอกตรงทุกคน ท�าไมจึงบอกตรงล่ะ 32 www.kalyanamitra.org

แกวางก้าม๑ เสยี แล้วนะ บอกตรงซิ ถ้ายงั ไม่วางก้ามยงั กระมดิ กระเมีย้ นอยู่ ยงั จะนยิ มชมชืน่ อยู่ นั่นพระองค์ทรง รับสง่ั วา่ กามสขุ ลั ลิกานุโยคไม่มีประโยชน์อะไร อย่าเข้าไป ติด ถ้าเข้าไปตดิ แลว้ ไปไมไ่ ด้ น่ันว่า โย จำย� อตฺตกลิ มถำนุโยโค ทุกโฺ ข ประกอบ ความล�าบากให้แก่ตนเปล่า ไร้ประโยชน์ นี่ อตฺต- กลิ มถำนโุ ยโค เปน็ ทกุ ขแ์ กผ่ ปู้ ระกอบ ไปจากขา้ ศึกคือกเิ ลสน้นั ไมไ่ ด้ ไมม่ ปี ระโยชนอ์ กี เหมือนกนั อตั ตกิลมถานุโยคน่ันทา� อยา่ งไร ประกอบความล�าบากใหแ้ กต่ น พวกประกอบความ ลา� บากใหน้ ั่นทา� อย่างไร นอนหนาม ตากแดด ย่างไฟ ไม้ เคาะหน้าแข้ง หาบทราย นี่พวกประพฤติดับกิเลส นอน หนาม ตากแดด ยา่ งไฟ ไม้เคาะหนา้ แขง้ หาบทราย นอน หนาม หนามนั่นเจบ็ เสยี ความสงดั ยนิ ดกี ็หายไปได้ เขา้ ใจ วา่ หมดกเิ ลส เปน็ ทางหมดกเิ ลส ตากแดดละ่ เม่อื ตากแดด แดดรอ้ นเขา้ ก็ไมม่ ีความกา� หนัดยนิ ดเี ขา้ นะซิ เขา้ ใจวา่ กเิ ลส ดับแล้ว นัน่ ความเข้าใจของเขา เข้าใจอย่างนนั้ ย่างไฟล่ะ ๑ ค�าวา่ วำงกำ้ ม ในที่นี้ใช้ในเชิงว่า ปล่อยวาง คอื ทอดธุระไม่เอาใจใส่ หรอื ไม่ชงิ ดีชงิ เด่น อีกต่อไปแล้ว 33 www.kalyanamitra.org

ยา่ งไฟมาจากแดด แดดไมส่ ะดวกกเ็ อาไฟยา่ ง มากอ่ ไฟ กอ่ ไฟถ่าน อยู่ข้างบนเข้าให้ นอนบนกองไฟ นอนบนไฟย่าง นอนบนไฟ นอนข้างบนร้อนรุ่มเหมือนอย่างกับไฟย่างนั้น ได้ชือ่ วา่ ยา่ งไฟ ไม้เคาะหนา้ แขง้ ละ่ มีความก�าหนัดยินดีขึ้นมาไม่รู้จะทา� อย่างไร มันเดินก็ ไม่ถนัดขาแข็งไปหมด ไม้เคาะหน้าแข้งเปกเข้าไปให้ เงียบ หาย ความกา� หนดั ยนิ ดีดับไป เอ้อ น่ดี ีน่ี ได้อย่างทัน อกทนั ใจ ทหี ลงั ก�าหนดั ยนิ ดเี วลาไหนก็เอาไมเ้ คาะหนา้ แขง้ เปกๆ เข้าไปให้อย่างหนัก นีค้ วามกา� หนัดยินดีกห็ ายไป อยา่ งน้ีเปน็ หมเู่ ปน็ พวกตอ้ งทา� เหมอื นกัน เปน็ หนทางดที าง ถกู ของเขา พวกไม้เคาะหน้าแข้ง หาบทราย หาบทราย เหน่อื ยเตม็ ท่หี มดความก�าหนดั ยินดี ควายเปล่ยี วๆ ยังสยบ เลย ถงึ อยา่ งน้ัน หาบทราย ไอท้ รายกองใหญท่ ่ีพวกอตั ต- กิลมถานโุ ยคประพฤตปิ ฏิบตั ิอย่นู านเขา้ มาอาศยั กองใหญ่ มหมึ าทีเดียว หาบมาเอามากองเข้าไว้ หาบเข้ามากองไว้ ใหญม่ หมึ า นั่นเพือ่ จะทา� ลายกเิ ลส ดับกเิ ลส นเ่ี ขาเรียกว่า อัตตกลิ มถานุโยคทัง้ น้ัน ลักษณะอตั ตกิลมถานุโยคมี มากมายหลายประการ ทผี่ ดิ ทางมรรคผล ปฏิบัติตนให้ เหน่ือยเปลา่ ไมม่ ปี ระโยชน์ นน่ั แหละอตั ตกลิ มถานโุ ยคท้ังนน้ั 34 www.kalyanamitra.org

ยนิ ดใี น รปู เสียง กลนิ่ รส สัมผสั อตั ตถลิ มถำนโุ ยค เหมอื นกนั เอำดไี มไ่ ด้ เดอื ดรอ้ นร่ำ� ไป นน่ั อตั ตกลิ มถำนโุ ยค เหมือนกัน อัตตกลิ มถานโุ ยคเป็นอย่างไรล่ะ ร่างกาย ทรุดโทรมไปตามกัน ฆ่าตวั เอง ท�าลายกา� ลงั ตัวเอง ตัดแรง ตัวเอง นีง่ มงายอวดว่าฉลาด นกึ ดทู ี เออ้ เราไมร่ ้เู ท่าทัน ถา้ รู้เท่าทนั ไม่ถงึ ขนาดนีเ้ ลย เพราะไม่ได้ยนิ ได้ฟังธรรมของ พระพทุ ธเจ้าพระอรหนั ต์ ไม่ได้ฝึกฝนใจทางพระพทุ ธเจ้า เลย ความรู้ไม่เท่าทนั จึงได้เป็นอัตตกิลมถานุโยคอยู่เช่นนี้ น่ีเรียกวา่ อตั ตกิลมถานุโยค ๒ อย่างน้ี กามสุขลั ลกิ านโุ ยค อัตตกิลมถานุโยค เลิก เสีย ไม่เสพ อย่าเสพ อย่าเอาใจไปจรด อย่าเอาใจไปติด ปลอ่ ยทเี ดยี ว ปลอ่ ยเสียใหห้ มด เม่อื ปลอ่ ยแลว้ เดนิ มชั ฌมิ า ปฏิปทา ขอ้ ปฏบิ ัตอิ ันเปน็ กลาง ไมแ่ วะวงเขา้ ไปใกลซ้ ึง่ ทาง ทง้ั ๒ อย่างนัน้ อนั พระตถาคตเจา้ ตรสั รแู้ ล้วด้วยพระญาณ อนั ยิง่ นีข่ ้อปฏิบัติเป็นกลางซึ่งเราควรรู้ กลางน่ีลกึ ซึง้ นกั ไมม่ ใี ครรใู้ ครเขา้ ใจกันเลย ธรรมท่เี รยี กวา่ ขอ้ ปฏบิ ัตอิ ันเปน็ กลางนะ่ ปฏบิ ตั แิ ปลวา่ ถึงเฉพาะซง่ึ กลาง อะไรถงึ ตอ้ งเอาใจ เข้าถึงซึ่งกลางซิ เอาใจเข้าไปถงึ ซึ่งกลาง กลางอยู่ตรงไหน กลางมีแหง่ เดยี วเทา่ นน้ั แหละ 35 www.kalyanamitra.org

เม่ือเราเกดิ มาเปน็ มนษุ ยใ์ จเราก็หยดุ อยกู่ ลาง เมอื่ เวลา เราจะหลับใจเรากต็ ้องไปหยดุ กลาง ผิดกลางหลับไม่ได้ ผดิ กลางเกิดไมไ่ ด้ ผิดกลางตายไมไ่ ด้ ผดิ กลางต่นื ไมไ่ ด้ ตอ้ ง เขา้ กลางถูกกลางละกเ็ ปน็ เกดิ เปน็ หลบั เปน็ ตน่ื กันทีเดยี ว อยู่ตรงไหน ในมนุษย์นีม่ แี ห่งเดียวเท่านัน้ ศูนย์กลางกาย มนุษย์ สะดือทะลุหลังขึงด้ายกลุ่มเส้นหนึง่ ตึง ได้ระดับ กรอบปรอททีเดียว สะดือทะลหุ ลงั ขึงด้ายกลุ่มเส้นหนึง่ ตึง ขวาทะลุซ้ายขึงด้ายกลุ่มอีกเส้นตึงอยู่ในระดับแค่กนั ได้ ระดบั กันทเี ดยี ว ไดร้ ะดบั กนั เหมอื นแมน่ ้�าทีเดยี ว ระดบั นา้� หรือระดับปรอทแบบเดียวกนั เมือ่ ได้ระดับเช่นนนั้ แล้ว ดึงท้งั ๒ เส้น ข้างหน้าข้างหลังตึง ตรงกลางจรดกัน ตรง กลางจรดกนั น่นั แหละเขาเรยี กวา่ กลางก๊กั ท่เี สน้ ดา้ ยคาดกนั ไปน่นั กดลงไปน่ันกลางกกั๊ กลางก๊กั น่นั แหละถกู กลางดวง ธรรมท่ที �าใหเ้ ปน็ กายมนุษย์ ใสบรสิ ทุ ธ์ิ เทา่ ฟองไขแ่ ดงของไก่ กลางดวงธรรมท่ที า� ใหเ้ ปน็ กายมนุษยน์ ่ันแหละ แรกเรามาเกดิ เอาใจหยุดอยตู่ รงน้นั ตายไปกอ็ ยตู่ รงน้ัน หลบั กไ็ ปอยตู่ รงน้นั ต่นื กไ็ ปอยตู่ รงน้ัน น่นั แหละเปน็ ท่ดี บั ท่หี ลบั ท่ตี ่นื กลางแทๆ้ เทยี ว กลางดวงธรรมทที่ �าให้เป็นกายมนษุ ย์ ใสบริสทุ ธิ์ เทา่ ฟองไขแ่ ดงของไก่ กลางน่นั แหละ ตรงกลางนน่ั แหละ 36 www.kalyanamitra.org

ไปหยดุ อยู่ที่ศนู ย์กลำงนั่นแหละได้ชอื่ ว่ำมชั ฌิมำ มัชฌมิ ำน่ะ พอหยุดกห็ มดดี หมดชัว่ ไม่ดีไม่ชว่ั กนั หยดุ ทีเดียว พอหยุดจัดเป็นบญุ ก็ไมไ่ ด้ พอหยดุ จดั เป็นบำปก็ ไม่ได้ จัดเปน็ ดีกไ็ ม่ได้ ช่ัวก็ไมไ่ ด้ ต้องจดั เป็นกลำง ตรง นัน้ แหละกลำง ใจหยุดกเ็ ปน็ กลำงทีเดียว น้ีที่พระองคใ์ ห้ นยั ไวก้ บั องคุลิมาลวา่ สมณะหยดุ สมณะหยดุ พระองคท์ รง เหลียวพระพกั ตร์มา สมณะหยุดแล้ว ท่านก็หยุด นี้ต้อง เอาใจไปหยุดตรงน้ี หยดุ ตรงนั้นถูกมัชฌิมาปฏปิ ทาทเี ดยี ว พอหยดุ แล้วกต็ ัง้ ใจอันนัน้ ทหี่ ยดุ นัน้ อย่าให้กลับมาไม่หยดุ อีกนะ ใหห้ ยดุ ไปทา่ เดยี วน่นั แหละ พอหยุดแลว้ กถ็ ำมซวิ ำ่ หยุดลงไปแล้วยงั ตำมอัตตกิลมถำนุโยคมีไหม ยินดีใน รูป เสยี ง กลิน่ รส สัมผสั ตัวรูป เสียง กลน่ิ รส สมั ผัส ยนิ ดไี หม ไมม่ ี นน่ั กำมสุขัลลกิ ำนโุ ยคไมม่ ี ล�ำบำกยำกไร้ ประโยชนไ์ มม่ ี หยุดตำมปรกติ ของเขำไมม่ ี ทำงเขำไมม่ ี แลว้ เม่ือไมม่ ีทางดงั กลา่ วแลว้ น่ตี รงน้แี หละท่ีพระองคท์ รง รบั ส่งั วา่ ตถำคเตน อภสิ มพฺ ทุ ธฺ ำ พระตถาคตเจา้ รแู้ ลว้ ดว้ ย ปญั ญาย่งิ ตรงนแี้ ห่งเดียวเทา่ น้ัน ตงั้ ตน้ นแี้ หละจนกระท่ัง ถงึ พระอรหตั ผล ทนี ีจ้ ะแสดงวิธตี รัสรู้เป็นอนั ดับไป ถ้า 37 www.kalyanamitra.org

ไมแ่ สดงตรงไมร่ ู้ ฟงั ปฐมเทศนาไมอ่ อกทเี ดยี ว อะไรละ่ พอ หยุดกกึ เขา้ คอื อะไร หยดุ กึกเขา้ น่นั ละเขาเรยี กใจ เปน็ ปรกติ ละ่ หยดุ น่งิ อยา่ ขยับไป หยดุ นิง่ พอถกู ส่วนเข้าเท่านัน้ แหละ กลางของนิ่งนั้น แหละ จะไปเห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เท่าดวง จนั ทรด์ วงอาทติ ย์ บรสิ ทุ ธส์ิ นทิ ดงั กระจกคนั ฉอ่ งสอ่ งเงาหนา้ อยใู่ นกลางหยดุ กลางนง่ิ นน่ั แหละ กลางนน่ั แหละ พอเขา้ ถึง กลางดวงธัมมานปุ ัสสนาสติปัฏฐานกห็ ยุดนิง่ อยู่กลางดวง ธัมมานปุ ัสสนาสติปัฏฐานอีกแบบเดียวกัน พอถกู ส่วนเข้า จะเขา้ ถึงดวงศีล เท่าดวงจันทรด์ วงอาทิตย์เหมอื นกนั หยดุ อยู่กลางดวงศีลอกี เข้าถูกส่วน เข้ากลางดวงศีลนัน่ เองจะ เข้าถงึ ดวงสมาธิ หยดุ อยกู่ ลางดวงสมาธนิ ัน่ แหละ ดวงเท่า กัน พอถูกส่วนเข้าเท่านั้นจะเข้าถงึ ดวงปัญญา ดวงเท่ากัน หยดุ อยู่กลางดวงปัญญานัน่ แหละ พอถกู ส่วนเข้าเท่านัน้ แหละ เขา้ ถึงดวงวมิ ตุ ติ หยดุ อยกู่ ลางดวงวมิ ตุ ติ พอถูกสว่ น เขา้ ก็เขา้ ถึงดวงวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ หยดุ อยกู่ ลางดวงวมิ ตุ ต-ิ ญาณทัสสนะนัน่ แหละ พอถูกส่วนเข้า เห็นกายมนุษย์ ละเอยี ด เหน็ แจม่ 38 www.kalyanamitra.org

แปลกจรงิ กายน้เี ราเคยฝนั ออกไป เวลาฝนั มันออกไป เมือ่ ไมฝ่ นั มนั อยตู่ รงนีเ้ องหรอื ให้เหน็ แจ่มอยู่ในกลางดวง วิมตุ ตญิ าณทัสสนะ กลางตวั ของตวั นัน่ เห็นชัดเชยี ว อีกช้ัน หน่งึ ละนะ เขา้ มาถึงน้ีละ น่พี ระพุทธเจา้ เดนิ อยา่ งน้ี พกั อยา่ ง นที้ เี ดียว เอา เราเดนิ เขา้ มาช้ันหนึ่งแล้ว เข้ามาอกี ชั้นหนึ่ง แลว้ ตอ่ ไปนไ้ี มใ่ ชห่ นา้ ทข่ี องกายมนษุ ยห์ ยาบละ เปน็ หนา้ ท่ี ของกายมนษุ ยล์ ะเอยี ดท�าไป ใจกายมนษุ ยล์ ะเอยี ดกห็ ยดุ นงิ่ อยศู่ นู ยก์ ลางดวงธรรม ที่เปน็ กายมนุษยล์ ะเอยี ด แบบเดียวกนั ทเี ดยี ว พอถูกส่วน กเ็ ห็นดวงธัมมานุปสั สนาสตปิ ฏั ฐาน หยุดอยกู่ ลางดวงธัมมาน-ุ ปสั สนาสตปิ ฏั ฐาน ถกู สว่ นเขา้ เขา้ ถงึ ดวงศลี หยดุ อยกู่ ลาง ดวงศีล ถูกสว่ นเขา้ เขา้ ถึงดวงสมาธิ หยุดอยกู่ ลางดวงสมาธิ ถูกสว่ นเขา้ เขา้ ถงึ ดวงปญั ญา หยดุ อยกู่ ลางดวงปญั ญาแบบ เดียวกัน เขา้ ถึงดวงวมิ ุตติ หยุดอยู่กลางดวงวมิ ุตติ ถูกส่วน เขา้ เขา้ ถงึ ดวงวิมตุ ตญิ าณทสั สนะ หยุดอยกู่ ลางดวงวมิ ตุ ต-ิ ญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้ากเ็ ข้าถงึ กายทพิ ย์ ทีน่ ีห่ มดหน้าที่ ของกายมนุษยล์ ะเอยี ดไปแลว้ 39 www.kalyanamitra.org

ใจกายทพิ ย์หยุดนิง่ อยู่ศูนยก์ ลางกายทพิ ย์อกี ถูกส่วน เข้า เหน็ ดวงธัมมานปุ ัสสนาสติปัฏฐาน หยุดอยู่กลางดวง ธัมมานปุ ัสสนาสติปฏั ฐาน ถูกสว่ นเขา้ เหน็ ดวงศลี หยดุ อยู่ กลางดวงศลี ถูกส่วนเขา้ เห็นดวงสมาธิ หยุดอยกู่ ลางดวง สมาธิ ถกู สว่ นเข้า เห็นดวงปญั ญา หยุดอยู่กลางดวงปัญญา ถูกส่วนเข้า เห็นดวงวิมตุ ติ หยดุ อยู่ศูนย์กลางดวงวิมุตติ ถูกส่วนเข้า เหน็ ดวงวมิ ตุ ติญาณทัสสนะ หยุดอยู่กลางดวง วมิ ุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเขา้ กเ็ หน็ กายทพิ ยล์ ะเอียด ใจกายทิพย์ละเอยี ดหยุดน่ิงอยู่ศนู ย์กลางกายทพิ ย์ ละเอยี ดอกี ถกู ส่วนเขา้ เหน็ ดวงธมั มานุปสั สนาสตปิ ัฏฐาน แบบเดียวกนั หยดุ อยู่กลางดวงธมั มานุปัสสนาสติปัฏฐาน พอถกู ส่วนเขา้ เห็นดวงศีล ดวงเทา่ กนั หยุดอยู่ศูนยก์ ลาง ดวงศลี ถูกส่วนเข้า เห็นดวงสมาธิ หยุดอยู่ศนู ย์กลางดวง สมาธิ ถูกส่วนเข้า เหน็ ดวงปัญญา หยุดอยู่ศูนย์กลางดวง ปญั ญา ถกู สว่ นเข้า เห็นดวงวมิ ุตติ หยดุ อยศู่ นู ย์กลางดวง วมิ ตุ ติ ถูกส่วนเข้า เหน็ ดวงวมิ ตุ ติญาณทัสสนะ หยดุ อยู่ ศนู ย์กลางดวงวิมุตติญาณทสั สนะ ถกู ส่วนเข้า เห็นกาย รปู พรหม 40 www.kalyanamitra.org

ใจกายรปู พรหมหยดุ น่งิ อยศู่ ูนยก์ ลางดวงธรรมท่ที �าให้ เปน็ กายรปู พรหม ถกู สว่ นเขา้ เห็นดวงธัมมานปุ สั สนาสติ- ปัฏฐาน หยุดศูนย์กลางดวงธมั มานปุ ัสสนาสติปัฏฐาน ถูก สว่ นเขา้ เหน็ ดวงศลี หยดุ อยกู่ ลางดวงศีล ถูกส่วนเข้า เหน็ ดวงสมาธิ หยุดอยศู่ ูนยก์ ลางดวงสมาธิ ถูกสว่ นเขา้ เหน็ ดวง ปัญญา หยดุ อยศู่ นู ย์กลางดวงปัญญา ถกู สว่ นเข้า เห็นดวง วิมตุ ติ หยุดอยู่ศูนย์กลางดวงวิมตุ ติ ถูกส่วนเข้า เห็นดวง วมิ ตุ ติญาณทัสสนะ หยดุ อยู่ศูนย์กลางดวงวิมตุ ติญาณ- ทสั สนะ ถกู สว่ นเขา้ เห็นกายรูปพรหมละเอียด ใจกายรปู พรหมละเอยี ดหยดุ นง่ิ อยศู่ นู ยก์ ลางดวงธรรม ท่ีท�าให้เป็นกายรูปพรหมละเอียด น้ีเป็นกายที่ ๖ แล้ว พอ ถูกสว่ นเขา้ เห็นดวงธัมมานปุ สั สนาสตปิ ฏั ฐาน หยุดอยศู่ นู ย์ กลางดวงธมั มานุปสั สนาสตปิ ฏั ฐาน พอถกู สว่ นเขา้ เห็นดวง ศลี หยุดอยศู่ ูนยก์ ลางดวงศีล พอถกู สว่ นเขา้ เหน็ ดวงสมาธิ หยดุ อยู่ศูนย์กลางดวงสมาธิ ถูกส่วนเข้า เห็นดวงปัญญา หยดุ อยู่ศูนย์กลางดวงปัญญา ถกู ส่วนเข้า เห็นดวงวมิ ุตติ หยดุ อยู่ศนู ย์กลางดวงวิมตุ ติ ถกู ส่วนเข้า เหน็ ดวงวมิ ุตติ- ญาณทสั สนะ หยุดกลางดวงวมิ ตุ ติญาณทัสสนะ ถูกสว่ นเข้า เห็นกายอรูปพรหม 41 www.kalyanamitra.org

ใจกายอรูปพรหมหยดุ นงิ่ อยู่ศนู ย์กลางดวงธรรมที่ ท�าให้เป็นกายอรูปพรหม ถูกส่วนเข้า เห็นดวงธมั มานุ- ปัสสนาสติปัฏฐาน หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธัมมานุ- ปสั สนาสตปิ ฏั ฐาน ถกู สว่ นเขา้ เห็นดวงศีล หยดุ อยศู่ ูนยก์ ลาง ดวงศลี ถกู ส่วนเข้า เห็นดวงสมาธิ หยุดอยู่ศนู ย์กลางดวง สมาธิ ถกู ส่วนเข้า เห็นดวงปัญญา หยุดอยู่ศูนย์กลางดวง ปญั ญา ถกู ส่วนเขา้ เหน็ ดวงวิมตุ ติ หยดุ อยู่ศนู ยก์ ลางดวง วิมตุ ติ ถูกส่วนเข้า เหน็ ดวงวิมุตติญาณทสั สนะ หยดุ อยู่ ศูนย์กลางดวงวมิ ตุ ติญาณทสั สนะ ถกู ส่วนเข้า เหน็ กาย อรปู พรหมละเอยี ด หยุดนงิ่ อยู่ศนู ย์กลางดวงธรรมทที่ �าให้เป็นกายอรูป- พรหมละเอยี ด ถูกส่วนเข้า เห็นดวงธมั มานุปัสสนาสติ- ปฏั ฐาน หยดุ อยศู่ นู ยก์ ลางดวงธมั มานปุ สั สนาสตปิ ฏั ฐาน ถกู ส่วนเขา้ เหน็ ดวงศลี หยุดอยู่ศนู ยก์ ลางดวงศลี ถกู ส่วนเข้า เห็นดวงสมาธิ หยดุ อยศู่ นู ยก์ ลางดวงสมาธิ ถกู สว่ นเขา้ เห็น ดวงปญั ญา หยดุ อยู่ศูนย์กลางดวงปญั ญา ถกู ส่วนเขา้ เห็น ดวงวิมตุ ติ หยุดอยู่ศูนย์กลางดวงวิมตุ ติ ถูกส่วนเข้า เหน็ ดวงวมิ ุตตญิ าณทัสสนะ หยุดอยศู่ นู ยก์ ลางดวงวิมตุ ตญิ าณ- 42 www.kalyanamitra.org

ทัสสนะ ถกู ส่วนเข้า เห็นกายธรรม รูปเหมือนพระพทุ ธ- ปฏิมากรเกตุดอกบัวตูม ใสเปน็ กระจกคันฉ่องสอ่ งเงาหน้า หนา้ ตักโตเลก็ ตามส่วน ไม่ถงึ ๕ วา หยอ่ นกว่า ๕ วา นเ่ี รยี ก วา่ กายธรรม กายธรรมน่ีเรียกวา่ พทุ ธรัตนะ น่พี ระพุทธเจ้า ท่านตรัสรู้ไดอ้ ย่างน้ี นปี่ ฐมยามตรัสรู้เป็นพระพทุ ธเจ้าอย่างนีท้ เี ดียว เป็นตัวพระพุทธรัตนะอย่างนี้ นีพ่ ระพทุ ธเจ้าท่านตรัสรู้ขึ้น อย่างนี้ นีป่ ฐมยามได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างนีท้ เี ดียว เป็นตัวพระพทุ ธเจ้าทีเดียว รูปเหมอื นพระปฏิมากรเกตุ ดอกบวั ตมู ใสเปน็ กระจกคนั ฉอ่ งสอ่ งหนา้ ท่ีท�ารปู ไวน้ ่ีแหละ นี่แหละตัวพระพทุ ธเจ้าทีเดียว แต่วา่ กายเปน็ ที่ ๙ กายท่ี ๙ เปน็ กายนอกภพไมใ่ ชก่ ายในภพ ท�าไมรวู้ า่ เปน็ พระพุทธเจา้ กท็ า� รปู ไวท้ กุ วัดทุกวาจะไมร่ วู้ า่ เปน็ พระพทุ ธเจา้ อยา่ งไร ทา� ต�าราไว้อย่างนี้ ก่อนเราเกิดมาเป็นไหนๆ กท็ �าไว้อย่างนี้ ปรากฏอย่างนแี้ หละตัวพระพุทธเจ้า พระพทุ ธเจ้าทีเดียว ตวั พุทธรตั นะทเี ดยี ว ออ้ นเ่ี ขา้ ถงึ พุทธรตั นะเปน็ พระพทุ ธเจา้ แลว้ 43 www.kalyanamitra.org

ทที่ า่ นรบั รองวา่ ตถำคเตน อภสิ มพฺ ุทฺธำ ตถำคเตน แปลวา่ ตถาคต ธรรมกายน่ะ แต่ว่าธรรมกายนนั้ ท่านทรง รับสงั่ ว่า ธมฺมกำโย อห� อิติปิ เราพระตถาคตผู้เป็น ธรรมกาย ตถำคตสฺส เหต� วำเสฏฺ ำ อธวิ จน� ธมฺมกำโย อิติปิ ค�าว่า ธรรมกายน่ะตถาคตแท้ๆ ทรงรับสัง่ อย่างนี้ เขา้ ถึงธรรมกายแลว้ นตี่ ถาคตทเี ดยี ว รขู้ น้ึ แลว้ เป็นข้ึนแล้ว ปรากฏขึ้นแล้ว ต่อไปนี้เรามาเป็นธรรมกายดังนี้ รู้จักทาง แลว้ ใจธรรมกายกห็ ยดุ นง่ิ ท่ีศนู ยก์ ลางดวงธรรมทท่ี า� ใหเ้ ปน็ ธรรมกาย ดวงธรรมของธรรมกายวัดผ่าเส้นศูนย์กลางเท่า หน้าตักธรรมกาย กลมรอบตัว ใสเกินกวา่ ใส ใจธรรมกายกห็ ยุดนิ่งอยู่ทศี่ ูนย์กลางดวงธรรมทที่ �าให้ เปน็ ธรรมกาย หยดุ น่งิ พอถกู สว่ นถงึ ดวงธมั มานปุ สั สนาสต-ิ ปฏั ฐาน เทา่ ดวงธรรมนน้ั หยดุ อยกู่ ลางดวงธัมมานปุ สั สนา- สติปัฏฐาน ถูกส่วนเข้าก็เห็นดวงศีล หยดุ อยู่กลางดวงศีล พอถูกส่วนเข้าก็เห็นดวงสมาธิ หยดุ นิง่ อยู่กลางดวงสมาธิ เห็นดวงปญั ญา หยดุ น่งิ อยกู่ ลางดวงปญั ญา ก็เหน็ ดวงวมิ ุตติ หยุดนิง่ อยู่กลางดวงวิมตุ ติ ถูกส่วนเข้าก็เห็นดวงวิมุตติ- ญาณทัสสนะ หยดุ นิง่ อยู่กลางดวงวิมตุ ติญาณทัสสนะ 44 www.kalyanamitra.org

ถกู ส่วนเขา้ กเ็ หน็ ธรรมกายละเอียด หน้าตัก ๕ วา สงู ๕ วา เกตุดอกบวั ตูม ใสหนกั ขึน้ ไป ธรรมกายหยาบเป็นพุทธ- รัตนะ ดวงธรรมท่ที �าใหเ้ ปน็ ธรรมกาย วัดผา่ เส้นศูนยก์ ลาง เทา่ หนา้ ตกั ธรรมกาย เปน็ ธรรมรตั นะ ธรรมกายละเอยี ดอยู่ ในกลางดวงธรรมรตั นะน่นั แหละเปน็ สงั ฆรตั นะ ดงั น้ี อยใู่ น ตวั ทีอ่ ่นื ไม่มี ทุกคนมีอยใู่ นตัวของตัว ผูห้ ญิงกม็ ีผชู้ ายกม็ ี เช่นเดียวกนั ทุกคน นแี่ หละพุทธรัตนะ ธรรมรตั นะ สงั ฆ- รัตนะ เม่ือรจู้ ักดังน้ี เม่อื ทา่ นเป็นพระพุทธเจ้าข้นึ เช่นนแี้ ล้ว นีเ่ ปน็ โคตรภูแลว้ ทา่ นก็สา� เรจ็ ข้ึนไปอกี ๘ ชน้ั ทา่ นกเ็ ป็น พระอรหนั ต์ไปอยู่กับพระพทุ ธเจ้าทเี ดียว พอเปน็ สัพพัญญพู ทุ ธเจา้ ก็ทา่ นเอาเร่อื งน้ีมาแสดงกับ พระปัญจวคั คยี ์ทงั้ ๕ ให้พระปัญจวคั คีย์ทงั้ ๕ ฟัง ท่าน แสดงเรื่องของท่านว่า อันเราตถาคตเจ้าตรัสรู้แล้วด้วย ปญั ญาอนั ย่ิง ทา่ นทา� ความเหน็ เปน็ ปรกติ เห็นอะไร ตาอะไร ตาพระพทุ ธเจ้า ตาธรรมกาย มีตา ตาดีนกั เหน็ ด้วยตา ธรรมกายนนั่ แหละ จกฺขุกรณี ท�าให้เหน็ เป็นปรกติ เหน็ ความจรงิ หมด ญำณกรณี กระทา� ความรใู้ หเ้ ปน็ ปรกตญิ าณ ของทา่ น 45 www.kalyanamitra.org