61^ กองทัพเดินด้วยท้อง โอวาทหลังฉัน (เช้า) พระเดชพระคุณพระราชภาวนาจารย์ วิ.(เผด็จ ทตฺตช้โว) วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธสักราช ๒๕๓๓ ณ สภาธรรมกายสากล (หลังคาจาก) ไม่ว่ากองทัพทางโลก หรีอกองทัพทางธรรมล้วนเดินด้วยท้อง เหมือนกันหมด กองทัพทางโลกเวลารบกัน ทั้งที่ยังไม่ได้ยิงได้ฟันกัน เลย สิงแรกที่เขาพยายามทำกันก็คีอ เผาเสบียง ทำ ลายเสบียงของฝ่าย ตรงข้ามใหัได้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ ถ้าฝ่ายไหนถูกเผา ถูกทำลาย กองเสบียงก่อนทั้งที่ยังไม่ทันรบ ก็ชัดเลยว่าแพ้แล้ว เพทะคนเราต้อง กิน ไม่กินมันก็ไม'มีแรง เพราะฉะนั้น สิงที่กองทัพทางโลกจะต้อง พยายามทำใหัIด้คีอ
ประการที่หนึ่ง สะ๙มเสบียงฟ้ายดนเองให้พร้อม ประการที่สอง ทำ ลายเสบียงฟ้ายตรงข้ามให้!ด้มากที่สุฟิ กองทัพธรรมก็ต้องเดินไปได้ด้วยท้องเหมือนกัน ทหารของ กองท้พธรรมคือพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ต้องฉัน ต้องกินข้าว เสียก่อน ถึงจะมืแรงรักษาสีล มีแรงนั่งสมาธิ จะเรียนหนังสีอ เรียนธรรมะ ก็ต้องไซ้เรี่ยวแรง ทั้งกายทั้งใจ ต้องใช้ทั้งสติปัญญา เพราะฉะนั้น เมื่อต้องฉันต้องกินก็ต้องสะสมเสบียงให้ดี กองเสบียงของพระพุทธศาสนาอยู่ที่สาธุชน เพราะวัดไม'มียุ้ง ไม่มีฉาง ไร่นาก็ไม่ได้ทำ พืชผักผลไม้ก็ไม่ได้ปลูก เนื้อเป็ดเนื้อไก่ที่ฉันก็ ไม่ใช่ว่าจะไปเลี้ยงมาเมื่อไร ก็ได้มาจากญาติโยมทั้งนั้น ญาติโยมที่ถวายเสบียงให้พระ ก็เป็นญาติโยมที่ศรัทธาพระ ศรัทธาวัด ถ้าเขาไม่มีศรัทธา แม้เขามีเงินเป็นพันล้าน ข้าวสักเม็ดเขาก็ ไม'ถวายพระ แด'ถ้าเขาศรัทธาแล้ว แม้ยากจนเข็ญใจก็ยังคิดถึงพระ บางคนมีไฃ่เค็มอยู่ฟองเดียว ก็ยังผ่าถวายพระไปซีกหนึ่ง เอาไว้สำหรับ ตนเองซีกหนึ่ง เมื่อบวชใหม่ ๆ หลวงฟออยู่ที่วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ เวลาออก บิณฑบาต ได้รับบิณฑบาตจากชาวบ้านทั่ว ๆ ไปเป็นส่วนมาก มีบ้าง เหมือนกันที่ได้จากบ้านหลังใหญ่ แล้วเจ้าชองบ้านเขาลุกขึ้นมาใส่บาตร ด้วยต้วเองแต่เช้า แต่มีน้อยมาก เพราะฉะนั้น บ้านเล็กบ้านใหญ่ ไม่สำคัญ สำ คัญที่ศรัทธา เมื่อญาติโยมมีศรัทธาแล้ว เขาจะเป็นกองเสบียง กองทัพเรนด้วยท้อง io นด่...นักสร้างบารมี ๓
ของพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี การที่พระภิกชุรูปใด หรือเจ้าหน้าที่วัดคนใด เข้ามารับงานดูแล ภัตตาหารของพระภิกพุ ขอให้จำใว้ว่ามี ๒ หน้าที่สำคัญที่ต้องทำควบคู่ กันใปคีอ ๑. ดูแลพระภิกษุให้ท่านมีอาหารได้ขบฉันเพียงพอแลรทัน เวลา ๒. ดูแลรักษาศรัทธาญาติโยมใจ้ให้ดี หน้าที่สองอย่างนี้ต้องทำให้ดีทั้งคู่ เพราะถึงแม้ว่าเราจะสามารถ จัดข้าวปลาอาหาร มาถวายพระภิกษุสามเณร ใต้เพียงพอและทันเวลา แต่ว่าถ้าคำพูด ถ้ามารยาทของเราหรือของลูกน้องของเราก็ตาม ใปทำให้ ญาติโยมหมดศรัทธาเสียแล้ว ต้องถือว่าทำงานล้มเหลว เพราะเมื่อเขา หมดศรัทธาเราแล้ว ต่อใปเขาก็จะหมดศรัทธาพระภิกษุทังวัด เพราะเรา เป็นด่านหน้า ถ้าเขาหมดศรัทธาเรา หมดศรัทธาพระ เขาก็ไม่เอาข้าวปลา อาหารมาถวาย คราวนี้ถึงจัดอาหารเก่งอย่างใรก็หมดความหมาย ถึงแม้เราจะเอาใจใส่ดูแลรักษาศรัทธาญาติโยมไวไต้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเราจัดอาหารไม่ทันเวลาบ่อย ๆ ลูกพระลูกเณรของหลวงพ่อก็คง ต้องอดหัวโต ใต้ข้าวปลาอาหารมามากเท่าใด ก็ใม่เกิดประโยชน์ พอไป ถึงจุดหนึ่ง ประชาชนเขามาเห็นอย่างนั้นเขาก็หมดศรัทธา เราก็เดีอด ร้อนอีก นฅํ...นักสร้างบารมี (ก <tG> ก&งทิพ1ดิพ่วยท์อง
เพราะฉะนั้น หน้าที่ ๒ อย่างนี้ต้องทำให้ดี หน้าที่รักษาศรัทธา ญาติโยม และหน้าที่ดูแลพระภิกชุสามเณร ให้ไต้ขบฉันอย่างเพียงพอ และทันเวลา ในการที่จะรักษาศรัทธาของญาติโยมใหได้ดีนั้น ก็มีเรื่องที่จะต้อง ขอฝากไว้กับพระภิกษุสามเณรทุกรูป รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในครัวอยู่ ๕ เรื่อง คีอ เรื่องที่ ๑ ความสะอาด เสีอผ้าเครื่องนุ่งห่มของเจ้าหน้าที่ในครัวทุกคนต้องสะอาด โดย เฉพาะอย่างยิ่ง ผ้ากันเปีอนเตรียมไว้[ห้แล้วต้องใช้ และต้องให้สะอาด ผ้าโพกผมเขาโพกเพี่อกันไม่ให้ผมร่วงลงกับข้าวลงอาหาร ถ้าไค!พกผ้า แล้วยังปล่อยให้ผมโผล่ออกมาถือว่าใช้1ม่ได้ ไม่รู้จะโพกไปทำไม โพก แล้วต้องให้มันมิดผม เล็บมิอเล็บเท้าก็เช้นเดียวกันต้องตัดเสียให้ เรียบร้อย รักษาความสะอาดให้ดี ดูแลตัวของเราเองให้สะอาดเรียบร้อย แล้วยังไม่พอ ภาชนะใส่อาหารต่าง ๆ โต๊ะเก้าอี้ต้องดูให้สะอาดหมดจด ด้วย เพราะสิงเหล่านี้ก็เป็นการสร้างศรัทธาอย่างหนึ่ง กองทัพเดินพ้วพ้อง ^ นด่...นกสฑ้งบารมี ๓
เรื่องที่ ๒ ความเปีนระเบียบเรียบร้อย ถ้วยโถโอชาม ซ้อนจานกะละมังต่าง ๆ โต๊ะเก้าอี้วางให้เป็น ระเบียบ ข้าวของทุกชิ้น จะเป็นขวดนํ้าปลา โถนํ้าส้มอะไรก็ตามที เมื่อ มาถึงมือเราต้องจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แม้แต่การจัดของบนโต๊ะ ถ้าวางไม่ตั้งฉากแล้วมันจะรก พอวางตั้งฉากแล้วมันก็เรียบร้อยขึ้น เม้ที่สุดการจอดรถจักรยาน ต้องจอดให้ตั้งฉากกับถนน หรีอตั้ง ฉากกับด้านใดด้านหนึ่ง การจอดเฉียง ๆ ทำ ให้เปลืองที่ แต่ถ้าจอด จักรยานตั้งฉากแล้ว มืกี่ร้อยกี่พันคันมันก็จอดได้ หน้าโรงครัวก็ไม่รก ดเป็นระเบียบ เรื่องที่ ๓ การเก็บอาหาร อาหารบางอย่างเหลือแล้ว ถ้าฉันได้กินได้อีก ก็เอาไปอุ่นเอาไป เก็บให้ดี อย่าปล่อยทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ญาติโยมนำมาถวายแต่ละอย่าง แต่ละชิ้น แต่ละถ้วย แต่ละชาม แต่ละหม้อ มันมาจากเงินซึ่งเขาหามา ด้วยความยากลำบาก ก่อนจะถวายจบแล้วจบอีก อธิษฐานแล้ว อธิษฐานอีก เมื่อเรารับมาแล้ว เอามาฉันทิ้งฉันขว้างก็เท่ากับเอาเงิน ญาติโยมเขาไปทิ้ง จะพูดอีกทีหนึ่ง นอกจากทำลายพระศาสนาแล้ว ยัง ทำ ลายศร้ท่ธาของญาติโยมอีกด้วย นท่...นก0ร้างนารมี €ท ffci กอพ*!แดิพ่ท่ยท้t)ง
กับข้าวที่เหลือในจาน เรามีซ้อนกลางอยู่แล้ว ก่อนจะส่งกลับก็เอา ช้อนปาดกับข้าวทีเหลือตะล่อมไว้กลางจาน อย่าให้กระจัดกระจาย เหมือนไก่คุ้ยเป็ดไซ้ ส่วนพวกเราที่อยู่ในครัวก็ช่วยดูด้วย อาหารอะไรที่เหลือแล้วยัง อุ่นได้ ยังเก็บได้ ก็อุ่นก็เก็บให้ดี อย่าเอาของเขาไปทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ จะ เป็นบาปติดตัวเราไป สิงไหนควรทิ้ง ก็จัดการทิ้งมันไปเสีย เก็บเอาไว้ก็ ไม่ได้ประโยชน์ อย่ารอให้มันบูดให้มันเน่า ให้มดไต่ไรตอม เฒลงหวี่ แมลงวันไชชอนกันหึ่งไป ถ้าพวกเราทำได้อย่างนี้แล้ว ก็ถือว่าเราสอบ ผ่านชั้นด้น เรื่องที่ ๔ เสียง ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลทางด้านภัตตาหารพระ จะต้องระวังเรื่องเสียง ถ้วยชามหรือภาชนะต่าง ๆ กระทบกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่ พระภิกษุสามเณรกำลังสวดมนต์ กำ ลังให้พรอยู่ ถ้าญาติโยมที่มาช่วยล้าง ถ้วยล้างจานทำเสียงดังโช้งเช้ง ๆ ก็หมดท่าเลย บางทีพวกเราก็ทำเสีย เอง ช่วยระวังด้วยอย่าให้มีเสียงดัง กองท้พเดิน๓นท้อง แด่...นักสร้างบารมี cn
เรื่องที่ ๕ คำ พูด พวกเราทำงานอยูในส่วนงานที่รักษาศร้ฑธาญาติโยม ไม่มีสิทธิ้ไป โกรธใคร แม้ที่สุดเห็นเขาทำผิดก็ยังต้องยิ้ม แล้วก็พูดกับเขาดี ๆ พูด ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของวัดคนหนึ่ง เพราะเขามีศรัทธามาปารุงวัด มา บำรุงพระภิกษุสามเณร เราต้องพูดกับเขาให็ไพเราะที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้เขาทำผิด ก็ต้องแนะนำเขาด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เราไม่มีสิทธี้ ไปตำหนิติเตียนเขา ถ้าช่วยกันอย่างนี้แล้ว วัดของเราก็จะเจริญ ถ้าถามว่าจะไปดูต้นแบบ ระบบการจัดอาหารที่ไหนจึงจะดี ก็ฃอ แนะนำว่าให้ลองไปดูตามโรงแรมใหญ่ ๆ ร้านอาหารใหญ่ ๆ เพราะเขา ทำ งานใหญ่อยู่เป็นประจ่า ถ้าเราไปดูการจัดระบบดี ๆ ของเขา แล้วนำ มาปรับใช้กับของเรา ไม่ช้าการจัดระบบอาหารในวัดก็จะเป็นระเบียบ เรียบร้อย แต่ถ้าจะไปหาดูตัวอย่างจากวัดใหญ่ ๆ ก็ขอบอกว่าขณะนี้ ยังไม่มีวัดไหนหรอกที่จะเลี้ยงพระภิกษุ เลี้ยงสามเณร เลี้ยงคนมาก เท่ากับวัดพระธรรมกายของเรา เท่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ ถามว่าดีแล้วหรีอยัง หลวงพ่อพูดตรง ๆ ว่า แค่พอไปได้ ยังไม่ดี ถ้าจะให้ดีก็อย่างที่บอกไปแล้ว เริ่มปรับปรุงตั้งแต่ เคริ่องแต่งตัวไปก่อน ระบบของใช้ข้างในที่เราทำกันอยู่แค่ระบบผ้าขี้ริ้ว ในวัดนี่ บอกตรง ๆ ว่า ยังใช้!ม่ได้ หลวงพ่อพยายามที่จะแบ่งประ๓ท ผ้าขี้ริ้ว มาตามลำดับ ๆ ของการใช้งาน แต่ว่า^ช้!ม'ค่อยยอมรับรู้ ผ้าขี้ริ้วที่ทำมาสำหรับใช้งานแต่ละงาน ไม่เหมือนกัน ลำ หรับเช้ดจาน เช้ดถ้วยก็อย่างหนึ่ง ลำ หรับเช็ดโต๊ะเช้ดดู้ก็อย่างหนึ่ง แม้ที่สุดจะเช็ดโต๊ะ นต่...นกสร้างบารมี 0) ff(ร' กองท้พพิไพ่!วยท้อง
หมู่บูชาก็อีกอย่างหนึ่ง เนื้อผ้าไม่เหมือนกัน แล้วที่จะใช้เช็ดพระทุทธรูป ก็อีกอย่างหนึ่งแยกต่างหากไม่ใช้ปนกัน ผ้าขี้ริ้วสำหรับเช็ดเสือเช็ดพื้นก็ อีกอย่างหนึ่ง แต่ปรากฎว่า ทั้ง ๆ ที่ทำ ให้เฉพาะ ๆ ไปแล้ว บางคนก็ใช้ ปนกันหมด เพราะคนของเรายังมักง่าย เพราะฉะนั้น ผู้ที่ทำ งานอยู่ในครัว โอกาสที่จะเกิดการกระทบ กระทั่งกันง่ายเหลือเกิน แต่ว่าถ้าใครอยู่ได้นะลูก จะได้บุญมากมาย ผ่านงานครัวไปได้ โดยหน้าไม่หงิกไม่งอ จะเกิดกี่ชาติ ๆ ความอดทน ต่อการกระทบกระทั่งนึ่ฟ้นเลิศ ใครทำงานครัวแล้วหน้าไม'งองํ้า โดนด่าแล้วไม่โกรธ ต่อไปภาย หน้าความสามารถในการประสานใจคนจะเป็นเลิศ อย่างนี้จึงจะสมกับ คำ ที่ว่า ใจคอหนักแน่นมั่นคงเหมือนกับแผ่นดิน อย่างนี้ใช้!ด้ อดทน ต่อการกระทบกระทั่งได้ดีเหมือนกับผ้าขี้ริ้ว ผ้าเช็ดเท้า ทำ ได้อย่างนี้ กิเลสไม่สามารถสะเทือนเรา เพราะฉะนั้น ก็อย่าหนีไปไหน อยู่ตรงครัว นี้แล้วตั้งใจทำให้ดี ถือว่าเราได้แหล่งสืกแหล่งใหญ่ เป็นที่ปมบารมืของ เราให้แก่กล้ายิ่งขึ้น นับเป็นบุญใหญ่ของเราแล้ว กอฬพเดนฟ้วยทอง นส่...นกสรไงบารมี ๓
เ^พ เ^ บูชาข้าวพระ โอวาทหลังฉัน (เช้า) ตอนที่ ๑ พระเดชพระคุณพระราชภาวนาจารย์ วิ.(เผด็จ ทตฺตซโว) วันเสาร์ที่ ๑ ธันวาคม พุทธลักราช ๒๕๓๓ ณ สภาธรรมกายสากล (หลังคาจาก) วัดของเรามีพิธี\\jชาข้าวพระ ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน ติดต่อกันมา นานหลายปี ความจริงแล้ว การทุชาข้าวพระอย่างทีเราทำกันอยู่นี้ เริ่มต้นกันมาตั้งแต่ก่อนสร้างวัด เริ่องมีอยู่ว่า คุณยายทองสุกซึ่งเป็น แม่ชีอยู่วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ เป็นอาจารย์ที่สอนธรรมะในเบื้องต้นให้ คุณยายอุบาสิกาจันทร์ ชนนกยูง คุณยายอาจารย์ของเรา จนกระทั่ง คุณยายได้เข้าถึงธรรมกาย แล้วต่อมาคุณยายทองสุกได้พาคุณยายไป บวชเป็นแม่ชี สืกษาปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ พระมงคลเทพบุนี(สด จนฺทสโร)
วันหนึ่งเป็นวันสงกรานต์ พ.ศ. ๒๔๙๐ กว่า ๆ คิอ ก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ จะก่อนกี่ปี หลวงพ่อตอบไม่ได้ เพราะท่านเล่าโดยบันทึกเทปเอา ไว้ ไม่ได้บอกวันเดือนปี หลวงพ่อไม่ทันพบคุณยายทองสุก หลวงพ่อไป วัดปากนํ้า พ.ศ. ๒๕๐๙ คุณยายทองสุกเสียชีวิตได้ ๒ - ๓ ปีแล้ว ก็ เลยไม่พบกัน สมัยนั้นที่วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ คนยังไม่มากมายนัก ก็มี ธรรมเนียมเช่นเดียวกับวัดต่าง ๆ คือ พอถึงวันสงกรานต์ ก็มีการก่อ เจดีย์ทราย ที่เรียกกันว่า ก่อพระทราย แล้วก็เอาธงบ้าง เอาดอกไม้บ้าง มาประดับ บางท่านก็จัดเป็นผ้าปา นอกจากมีธงทิวมีดอกไม้แล้ว ก็มี ปัจจัยเป็นธนบัตร เอามาเสียบกับธง หรีอบางทึก็เอาเหรียญ มาประดับ รอบเจดีย์ทราย คุณยายทองสุกท่านเป็นนักนั่งสมาธิ ท่านก็นึกว่าเป็นไปได้หรีอไม่ ถ้าจะเอาเจดีย์ทรายซึ่งประดับด้วยดอกไม้ ด้วยธง ด้วยปัจจัยสี' เรียบร้อยแล้วนี้ น้อมชื้นไปถวายบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ณ เจดีย์จุฬามณี ชั้นดาวดึงส์ อันเป็นที่ซึ่งท้าวสักกเทวราช ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานไว้ ท่านก็ทดลองนั่งเข้าที่ รวมใจเอาเจดีย์ทรายหรีอพระทรายมาไว้ที่สูนย์กลางกาย ก็เห็นชัด แล้ว นึกน้อมไปบูชา ปรากฏว่า ท่านนำไปได้ ท่านก็ดีใจว่าวันนี้เราได้บุญใหญ่ แล้วท่านก็มาสนทนากับคุณยายอาจารย์ของเรา ท่านก็พูดกันประสา ผู้เฒ่าว่า \"ไอ้จันทร์เว้ย วันนี้ข้าเอาเจดีย์ทรายบูชาพระเจดีย์จุฬามณีได้ 1,1พฑพระ ia นส่...นกสรางบารมึ 0)
แล้วเว้ย ข้ามองเข้าไปในที่ มองเข้าไปในสูนย์กลางกาย ได้บุญใหโyเป็น พิเศษเลยว่ะ ไม่เชื่อเอ็งลองทำดูบ้างสิ\" คุณยายก็ลองดูบ้าง โดยนำดอกไม้รูปเทียน ที่จัดไว้ตรงโต๊ะหยู่ บุชาตรงหน้าท่าน น้อมไว้ที่ศูนย์กลางกาย ด้วยวิธีเดียวกันกับคุณยาย ทองสุก ก็ปรากฏว่า คุณยายอาจารย์ทำได้ จากจุดนี้จึงได้เกิดผลต่อ เป็นลูกโซ่ โดยคุณยายอาจารย์ท่านดำริว่า ตามธรรมดาพระภิกษุ สามเณรก็สวดบุชาข้าวพระกันทุก ๆ เช้าอยู่แล้ว เราเป็นแม่ชีไม่ได้สวด อะไรกับเขา ถ้าจะบุชาข้าวพระบ้างจะได้!หม ว่าแล้ว ท่านก็จัดข้าวปลาอาหารของท่าน ตั้งเป็นวงเหมือนที่เราตั้ง ไว้ที่หน้าโต๊ะหมู่บุชา ก่อนจะรับประทานอาหาร จากนั้นท่านนั่งเข้าที่ทำ ภาวนาแล้วนึกขึ้นว่า ในเมื่อของละเอียดนี้เอาขึ้นไปชั้นดาวดึงส์ยังได้ ทำ ไมจะเอาไปพระนิพพานไม่ได้ แล้วท่านก็ทำวิธีเดียวกัน แต่แทนที่จะ น้อมถวายบุชาพระเจดีย์จุฬามณี กลับนึกน้อมถวายบุชาพระสัมมา ลัมพุทธเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ด้วยธรรมกายในอายตนนิพพาน พอนึกน้อม ข้าวปลาอาหารมากลั่นไว้ที่ศูนย์กลางกาย ก็สามารถนำไปบุชาพระสัมมา สัมพุทธเจ้าในอายตนนิพพานได้ การบุชาข้าวพระด้วยวิธีนี้จึงได้เกิดขึ้น ของเดิมนั้นนอกจากบท ปะฎิสังขา โยนิโส ฯลฯ แล้ว ใช้กล่าวบุชาข้าวพระว่า อิมัง สูปะ พยัญชนะ สัมปันนัง สาลีนัง โภชะนานัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ มู่เชมิ ฯ คุณยายทำนก็นั่งเข้าทีไปดูว่ามิความต่างกันอย่างไร ท่านก็พบว่า ถ้าเราสวดไปตามความคล่องปาก แต่สมาธิไม่ถึง ก็เป็นเพียงการ \"ขอถึง\" นด่...นักสร้างบารมี ๓ ๕(X \\jรทร้าวพระ f. s
\"ถึง\" กับ \"ขอถึง\" ไม่เหมือนกันนะลูก ขอถึง แสดงว่า มันยังไม่ ถึง เข้าทำนองเดียวกับว่า เดินผ่านวัดแต่เรายังไม่ได้บวช ตั้งจิตอธิษฐาน ว่า ด้วยบุญที'ข้าพเจ้าทำนี้ วันหนึ่งขอไหได้บวช ให้เข้าไปใกล้ ๆ พระพุทธเจ้า เหมือนอย่างกับหลวงพี่หลวงพ่อทั้งหลาย แล้วเขาก็ไปทำ มาหากินของเขา นั่นขอถึง แต่ยังไม่ถึง คุณยายอาจารย์ ท่านนั่งลมาธิ เข้าที่เอาของละเอียดไปบุชานั่นแหละ เป็นการถึงจริง ๆ จากนั้นมาก็เกิดพิธีบุชาข้าวพระขึ้น อย่างที่ทำกันอยู่จนทุกวันนี้ คุณยายอาจารย์ได้เล่าประลบการณ์ให้ฟังอีกว่า มือยู่วันหนึ่ง ท่านจัด ข้าวปลาอาหาร เอาสำร้บที่ท่านใช้นั่นแหละ แต่มืชามใบหนึ่งบิ่น เวลานึก น้อมถวายบุชาข้าวพระ ท่านก็เห็นในลมาธิว่า ขอs งข้างนอกบิ่น J L sJ L ะ .ะ . « ของละเอียดมันก็บินด้วย ตังแต่นันมาท่านก็เลยยิงระวัง จะบุชา พระพุทธเจ้าทั้งที ถ้วยจานบิ่น ๆ ไม่เอา นอกจากใช้ภาชนะอย่างดีแล้ว ข้าวปลาอาหารก็ใช้แต่ของประณีต การจัดสำรับก็จัดกันอย่างดี ตั้งใจ บุชาพระพุทธเจ้ากันจริง ๆ ท่านทำกันมาอย่างนี้ ตั้งแต่ทีบ้านธรรมประสิทธิ้ วัดปากนั้า ภาษีเจริญ จนกระทั่งมาถึงวัดพระธรรมกายบิจจุบัน คุณยายท่าน ปรารถนาบุญใหญ่ เพี่อเป็นเลบียงรื้อสัตว์ขนล้ตวัไปนิพพาน แล้วก็ อยากจะให้ลูกดีษย์ลูกหาได้บุญใหญ่ตามไปด้วย จึงได้บุชาข้าวพระกัน เรื่อยมา แต่ที่ทำได้อย่างนี้ ก็เพราะอาตัยคุณยายเป็นหลัก เนื่องจาก ลมาธิของท่านต่อเนื่องดีกว่าใคร ๆ หลวงพ่อก็หวังจะให้คุณยายอายุยีน อยู่นาน ๆ เราเองจะได้พลอยได้บุญไปกับท่านมาก ๆ ด้วย mTyniiTmis TOO นค่...นกสร้า'!บารร! ๓
การประคองรักษา ศรัทธาญาติโยม โอวาทหลังฉัน (เช้า) ตอนที่ ๒ พระเดชพระคุณพระราชภาวนาจารย์ วิ.(เผด็จ ทตฺตชีโว) วันเสาร์ที่ ๑ ธันวาคม พุทธสักราช ๒๕๓๓ ณ สภาธรรมกายสากล (หลังคาจาก) พรุ่งนี้ก็จะถึงวันiyชาข้าวพระซึ่งเป็นวันบุญใหญ่ มีอานิสงส์มาก ขอให้พวกเราทุกรูปทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม รวมทั้งช่วยกัน ดูแลปัดกวาดเชีดถูเสนาสนะ ทั้งกุฏิที่เราอยู่และทั่วบริเวณวัดให้ดี
ต้นตะโกดัดทีใส่ไว้ในกระถาง มันเดินไปกินน้ำเองไม่ไดั เพราะฉะนั้น ใครเห็นว่ามันชักจะเหี่ยวแล้วใฟ้รีบไปตักนํ้ามารดเสียก่อน อย่าเพิ่งไปคิดว่าเป็นหน้าที่ของใคร อย่าทำเหมือนกับว่าไม'ใช่หน้าที่ ของฉัน จะตายก็ช่างมัน อย่างนั้!ม่ถูกต้อง ตะโกต้นหนึ่งซื้อมาประมาณ สองพันสามพันบาท แม!ม่ได้ซื้อเอง ญาติโยมเอามาถวาย ถ้ามันตายไป ก็เท่ากับเงินสองพันสามพันบาทหมดไปนั่นเอง สองพันสามพันบาท หมดไปยังไม่เท่าไร ที่จะเสียหายไปกว่านั้นก็คีอ นิสัยของเราเสียไปด้วย คือ ดูดาย ไม่รัชผิดชอบต่อส่วนรวม เมื่อความดูดายมากเข้า ความเสียหายก็เกิดขึ้น แล้วความเกี่ยงก็ เกิดตามมา ตอนฉันข้าวยังฉันด้วยกันได้ แค'จะรดน้าต้นไม้สักต้นยัง เกี่ยงกัน มันก็ไม'น่าจะอยู่วัดเดียวกันแล้ว ถ้ามองอีกนัยหนึ่ง แค่เรื่อง เล็ก ๆ น้อย ๆ นึ่ก็ดูดายเกี่ยงกันเสียแล้ว แล้วเราจะดูแลวัดของเราให้ ไปตลอดรอดฝีงได้อย่างไร ต้องพิจารณาให้ลึกซื้งอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าปล่อยให้เจ้าต้นตะโก หรีอต้นไม1ด ๆ มันตายไป อย่าว่าแต่ตายเลย แค'เหี่ยวเท่านั้น มันก็ฟ้องถึงความดูดาย ฟ้องถึง ความเกี่ยงกัน ไม่สามัคคืกัน พวกเรานุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์เหมือนกัน พระปาฏิโมกข์ก็ใช้เล่มเดียวกัน พระไตรปิฎกก็หยิบมาเรียนจากดู้ เดียวกัน ข้าวปลาอาหารก็มาจากหม้อ มาจากกระทะเดียวกัน แต่ว่าแค่ ดูแลต้นไม้ กลับกลายเป็นเกี่ยงกัน ก็ไม่ถูกแล้ว เมื่อเกิดความมักง่าย ความดูดาย ความเกี่ยงกัน ความไม่รับผิดชอบ ต่อของส่วนรวมแล้ว สีงที่จะตามมาก็คีอ ญาติโยมหมดศรัทธา การประคtWTทษใศร้ทธาญาคิโยม จาร นฅ่...นักสร้างบารมี 0)
เมื่อญาติโยมหมดศรัทธา ความเคารพก็หมด เมื่อความเคารพหมด ความตั้งใจที่จะทำนุบำรุงพระภิกชุ■สามเณรให้ดียิ่ง ๆ ชื้นไปก็หดหาย ต้นไม้ต้นเดียวในกระถาง พอไม่ช่วยกันดูแล ผลเสียหายเกิดชื้นตามมา มากมายอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่า แล้วต้นไม้รอบวัดหากไม่ ช่วยกันดูแล จะเกิดความเสียหายมากขนาดไหน พระสัมมาล้มพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้ว่า \"ของหายให้หา ของเสีย ให้ซ่อม ใช้ของให้รู้จักประมาณ ไม่ตั้งคนพาลเป็นหัวหน้า\"\" นี่เรียนกัน มาแล้ว สอบได้คะแนนกันมาแล้ว ถ้าทำนไม่ทำตามที่ทำนรู้ ตามที่ทำน เรียนมา ทำ ให้ความศรัทธาของญาติโยมหย่อนลงไป ความล่มสลาย ของวัดวาอารามจะต้องมาถึงในวันหนี่งช้างหน้าแน่นอน เพราะฉะนั้น บ่ายวันนี้ พวกเราช่วยกันดูแลเก็บกวาดให้เรียบร้อย แบ่งหยู่แปงคณะกันไปดูแล อะไรที่เสียหายช่วยเก็บช่วยซ่อมกันไป เราเองเป็นพระภิกพุสามเณรเป็นเจ้าของวัดเต็มตัว ช่วยกันดูให้ดี เมื่อ เราช่วยกันดูแลดีแล้ว นอกจากจะรักษาคร้ทธาญาติโยมได้ เราก็รักษา ความรับผิดชอบของเราได้ รักษาความเป็นพระของเราได้ รักษานิสัย ดี ๆ ของเราไวได้ ถึงเวลาพรุ่งนี้เช้า เราก็มีพื้นที่ที่สะอาด ๆ ให้มอง จะ เหลียวซ้ายแลขวาก็เย็นตาเย็นใจ บรรยากาศการพูชาข้าวพระของเราก็ สดชื่น มีแต่บุญล้วน ๆ นะลูกนะ กุลสูตร. องฺ.■จตุกุก. ๓๕/๒๕๘/๖๒๓ (มมร.) นฅ่...นักลร้างนารมี £ท ใอ0 กา■รประคองรักษาศร้ทซาญาติโยม
ยิ่งกว่านั้น ในวันอาทิตย์ญาติโยมอุตส่าห์เดินทางมาไกลมาฟัง ธรรม พระภิกชุสามเณรในวัด ก็ควรมาฟังธรรมด้วย ไม่ว่าใครจะฃื้น เทศน์ก็ตาม เพราะธรรมดาแล้ว ผู้ที่จะขื้นเทศน์ ท่านจะต้องเตรียมมา อย่างดี จึงเทศน์ให้เราฟังได้ เราเองมาฟัง มีแต่ได้กำไรไม่ต้องเตรียม อะไรล้กอย่าง นอกจากเตรียมใจอย่างเดียว ท่านที่รักเรียน สนใจใฝ่ หาความรู้ ก็อาจจะเตรียมสยุด เตรียมดินสอมาจดบันทึก นอกนั้นไม่ ต้องลงทุนอะไรเลย สิงที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังก็จะได้ยินได้ฟัง ที่ได้ยินแล้วก็จะเป็นการ ทบทวน ที่ยังไม่เข้าใจก็จะได้เข้าใจ นอกจากนี้ ยังจะได้สังเกตวิธีการ เทศน์ วิธีการแสดงธรรมของผู้เทศน์แต่ละองค์ ถึงวาระที่เรามีอายุ พรรษามากขึ้น จะต้องขึ้นเทศน์บ้าง ก็จะได้ท่าได้ โดยจริง ๆ แล้ว แต่ละองค์ในที่นี้ ควรจะต้องผสัดกันเทศน์ให์ใด้ด้วยกันทุกรูป เมื่อสมัยโบราณ คณะสงฆ์ท่านมีประเพณีบังคับว่า ภายในห้า พรรษา พระภิกชุทุกรูปต้องสวดพระปาฏิโมกข์ให์ได้ สวดไม่ได้ท่านให้ ใส่ออกจากวัด ท่านไม่เอาไว้ ท่านให้เหตุผลว่า วินัยสำหรับท่าให้พ้น ทุกข์ยังท่องไม่ได้ จะอยู่ทำไม ขณะนี้ทางวัดของเราก็ไม่ได้เคี่ยวเข็ญถึง ขนาดนั้น เพราะว่าเรากำสังอยู่ในภาวะก่อสร้าง มีงานอะไรต่อมิอะไรทำ กันมากมาย แต่ว่าในภายหน้าก็คงจะต้องทำ ในส่วนของการเทศน์สอน เป็นประเพณีแต่โบราณว่า ให้แปงการ เทศน์ในวันโกนวันพระ ออกเป็น ๓ รอบ รอบเช้าให้เทศน์ในโบสถ์ ปัจจัยติดกัณฑ์เทศน์ได้เท่าไร ยกให้เป็นสิทธิของผู้เทศน์ รอบบ่าย การประคองรักษาศรัทธาญาติโยม tior แค่...นักสร้างบารมี ๓
เจ้าอาวาสเป็นผู้เทศน์ ปัจจ้ยติดกัณฑ์เทศน์อาจจะมากหน่อย แต่ว่า ปัจจัยติดกัณฑ์เทศน์นั้นให้เอาไว้เลี้ยงทั้งวัด รอบเช้าพระลูกวัด รวมทั้งเจ้าอาวาสด้วย ต่างห3Jนเวียนกันไป เทศน์ ปัจจัยที่เขาถวายมา ก็เก็บไว้เป็นส่วนตัว สำ หรับชื้อหนังสือ ตำรับตำราไว้เล่าเรียน หรีอไปเยี่ยมญาติโยมก็ใช้เป็นค่ารถ ค่าเรีอ หรือจะซ่อมแซมกุฏิเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ใช้ปัจจัยจากกัณฑ์เทศน์ที่เทศน์ ตอนเช้านั่นแหละ สำ หร้บตอนบ่าย เป็นหน้าที่เจ้าอาวาสเทศน์ ปัจจัยติด กัณฑ์เทศน์ทั้งหมด เก็บเช้าเป็นกองกลาง ไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนรวมเลี้ยง กันทั้งวัด พอถึงกลางคืน มีการเทศน์อีกรอบหนึ่ง เพราะว่าญาติโยมที่มาวัด มีหลายประ๓ท บางพวกก็มาเช้าสายกลับ บางพวกก็มาสายบ่ายกลับ อีกพวกหนึ่ง มาแต่เช้าแล้วอยู่ช่วยงานต่าง ๆ ทั้งวัน ขณะที่หลวงพ่อ หลวงพี่เทศน์ พวกช่วยงานไม่ได้ฟังหรอก เพราะว่าทำงานครัวบ้าง เก็บ กวาดเช็ดถูบ้าง หรือทำหน้าที่ต้อนรับอะไรก็ตามที ก็เลยไม่ได้ฟังเทศน์ เพราะฉะนั้น ต้องจัดพระสำหรับมาเทศน์ไห้ฟังตอนกลางคืนอีกชุดหนึ่ง เพื่อเป็นการรักษาศรัทธาญาติโยมที่เหนื่อยยากทุ่มเทช่วยงานวัดมา ด้วยกัน เพราะฉะนั้น ตอนเย็นถือเป็นการแสดงความกต้ญณูกตเวทีต่อ ญาติโยมที่เป็นอุปัฏฐากของวัด เป็นนํ้าใจที่พระภิกษุสามเณรจะต้องให้ กับญาติโยม ปัจจัยติดกัณฑ์เทศนึ่!ม่มี แต่ต้องมาเทศน์ ทุ่ย่าตายาย โบราณาจารย์ท่านได้ฝ็กกันมาอย่างนี้ นตํ...นกสร้างบารมี CD ทา'!ประfi£พรัทษาศรัทธาญาติโยม
ร้ประมาณในความสะดวกสบาย ไ% โอวาทหลังฉัน (เช้า) พระเดชพระคุณพระราชภาวนาจารย์ วิ.(เผด็จ ทตฺตชีโว) วันจันทร์ที่ ๓ ธันวาคม พุทธสักราช ๒๕๓๓ ณ สภาธรรมกายสากล (หลังคาจาก) วัดของเรา ได้จัดระบบข้าวปลาอาหารลงตัวมานานแล้ว ถ้าท่าน นึกย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่ท่านก้าวเท้าเช้ามาในวัด ไม่มีวันใดเลยที่ท่าน จะต้องมาห่วงกังวลว่า เช้านี้เพลนี้เราจะมีฉันหรือเปล่า ข้าวปลาอาหาร จะมีพอหรือไม' ท่านไม'มีความจำเป็นต้องคิดในสิงเหล่านี้ เพราะว่า หลวงพ่อธัมมชโย คุณยาย รวมทั้งหลวงพ่อได้วางแผนเรื่องนี้!ว้ตั้งแต่ ชุดดินก้อนแรกสร้างวัดกันทีเดียว
เมื่อวางแผนมาอย่างนี้ ท่านจึงไม่ต้องประสบปัญหาเรื่องอาหาร ถึงเวลาฉันกับข้าวกับปลาไม่พอ ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ขณะนี้พระเณร และอุบาสกอุบาสิกาที่อยู่ประจำวัดเพิ่มจำนวนจากร้อยเป็นพันกว่าแล้ว หลวงพ่อและคุณยายก็ได้พยายามตั้งกองทุนภัตตาหารเอาไวโดยเฉพาะ คิดว่าแม้ตัวเองตายไปแล้ว ผู้ที่อยู่ข้างหลังก็จะไม่ลำบาก ถ้าพูดถึงความ สะดวกสบายก็ต้องบอกว่าวิเศษมากแล้วสำหรับนักบวช การที่พยายามให้ความสะดวกสบายถึงเพียงนี้ ก็เพิ่อว่าพวกเรา มื่อบวชแล้ว จะได!ม่ต้องมาเป็นกังวลในสิงเหล่านี้ จะได้มีกะจิตกะใจที่ จะสืกษาเล่าเรียนกันให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จะเรียนนักธรรม จะเรียนบาลี จะ เรียนพระไตรปิฎก จะเรียนอะไรก็ตาม ไม'ต้องมาห่วงว่าจะไม'มีฉัน พวกเราจะได้ทุ่มเทกับการเรียนอย่างเต็มที่ ถึงคราวนั่งสมาธิเจริญภาวนา ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีฉันหรีอไม่ ให้ ทำ สมาธิเจริญภาวนาอย่างเต็มที่ ถึงคราวทำงานจะไปช่วยงานแผนกไหน ก็ไม่ต้องห่วงอีกว่าจะไม่มีฉัน ได้เตรียมไว้ให้กับพวกท่านถึงเพียงนี้ โดย อาต้ยรูปแบบที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากนํ้า ท่านทำโรงทานไว้ที่ วัดปากนํ้าเป็นตัวอย่าง แล้วก็ปร้บปรุงมาใช้ที่วัดพระธรรมกายของเรา แต่หลวงพ่อก็มักจะได้ร้บรายงานปอยๆว่าทั้งๆที่มีโรงทาน มีโรงครัวให้อย่างนี้แล้ว ก็ยังมีพวกเราบางรูป ไม่รู้จักประมาณในความ สะดวกสบาย ยังดิ้นรนที่จะหาความสบายให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก คือวัน ไหนอยากจะลุกขึ้นมาฉันก็ลุกขึ้นมา วันไหนไม'อยากจะลุกอยากจะนั่ง สมาธิรวดเดียวไปถึงเพลก็ไม่มา ร้ชระมาณในความสะดวกสบาย X5C» น»...นกสรางบารม 0)
การที่ท่านทำอย่างนี้ ดูเผิน ๆ ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน แต่ ความจริงแล้วไม่ใช่ เมื่อท่านไม่มาฉันก็ไม'ว่ากัน โรงครัวเขาจะได้จัด อาหารลดปริมาณลง ถ้าโรงครัวจัดอาหารน้อย เพราะเขาสังเกตเห็นว่า ในวันก่อน ๆ อาหารเหลือมากแล้ว วันนี้ท่านเกิดจะมาฉัน ข้าวปลา อาหารที่จัดไวัก็เลยไม่พอ เมื่อไม่พอเข้าก็เดือดร้อน ความผิดก็ไปตกอยู่ กับฝ่ายคร้ว ว่าทำไมจัดอาหารไม่พอฉัน เพราะฉะนั้น การที่รูปใดรูปหนึ่งอยู่ในวัดแล้ว ถึงเวลาอาหารกลับ ไม่มาฉัน อย่านึกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว นึ่เป็นเรื่องส่วนรวม ถ้าใครคิดว่า เป็นเรื่องส่วนตัว คนนั้น พระภิกชุรูปนั้น สามเณรรูปนั้นก็บอกว่า คิดผิด มองผิด ต้องปรับปรุงตัวเองกันใหม่แล้ว เรื่องทำนองนี้!ม่แก1ฃไม่ได้ เพราะถ้าเรื่องตื้น ๆ เพียงเทำนี้ยังคิด ผิด ยังมองผิด ที่จะให้แตกฉานธรรมะลึกซึ้งต่อไปในภายภาคหน้านั้น ไม่มีหวัง บวชกันร้อยปีก็ยากที่จะเอาดืได้ บางรูปไม่อย่างนั้น ถึงเวลาไม่ มาฉันยังไม่พอ ยังรบกวนญาติโยมอีก ต้องให้โยมผู้เฒ่าเอาอาหารไปให้ บางครั้งไม'ปวยแต่ก็ให้เอาไปให้ บวชมาเป็นพระ บวชมาเพี่อฝึกหัด อบรมตัวเอง ไมใช่มาเป็นหนอนซึ้เกียจอยู่ในวัด ใครเป็นอย่างนี้ หริอ เริ่ม ๆ จะเป็น รีบแกIขตัวเองกันเสืยนะ นด่...นักafไงบารมี ๓ รู้ประมาณในฅวามสะดวกสบใย \"'v''
โร^ v.
i -'ไ^--?
ไข้ต้นฤดูหรือไข้หัวลม โอวาทหลังฉัน (เพล) พระเดชพระคุณพระราชภาวนาจไรย์ วิ.(เผด็จ ทตฺตชีโว) วันจันทร์ที่ ๓ ธันวาคม พุทธลักราช ๒๕๓๓ ณ สภาธรรมกายสากล (หลังคาจาก) ตอนนี้ฤดูหนาวย่างเข้ามาแล้ว ถ้าเราลังเกตจะพบว่า ลมเริ่ม เปลี่ยนทิศทาง ตามธรรมดาแล้วในเมืองไทยของเรา ฤดูร้อนกับฤดูฝน ลมจะพัดจากทางทิศตะวันตกเฉียงไตไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ พอย่างเข้าฤดูหนาว ลมก็เริ่มพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศ ตะวันตกเฉียงใต้
เนื่องจากขณะนี้เป็นต้นฤดู ในช่วงใกล้คํ่า บางทีลมอาจจะพัดมา จากทิศตะวันตกเฉียงใต้เหมือนเดิม แต่พอตกดึกลมจะเริ่มพัดจากทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือ แต่นับวันลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะมาก ขื้น ริ่งถ้าปีไหนลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีต้นแหล่งมาจาก ไซบีเรียในประเทศรัสเชีย พัดแรงมาก ก็จะหนาวมาก ปีสองปีที่ผ่านมา นับว่าโชคดึ ลมหนาวพัดมาช่วงสัน ๆ แต่ปีนี้!ม่แนใจว่าลมหนาวจะพัด หลายวันหรือไม่ หลวงพ่อจำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วช่วงต้นฤดูหนาวอย่างนี้ มีพระภิกษุ สามเณร เป็นไข้หวัดต้องไปนอนในโรงพยาบาลหลายรูป ในช่วงนั้น หลวงพ่องานยุ่ง ก็ลงมาฉันกับพวกเราบ้างไม่ได้ลงบ้าง เพราะต้องออก นอกวัดบ่อย ๆ คำ แนะนำหลาย ๆ อย่างที่หลวงพ่อเตรืยมจะให้ พอถึง กลางทาง งานอื่นมาดึงไปเสียต้องกลับไปอีก กว่าจะนืกฃึ้นมาได้พระ เณรก็ไปนอนอยูในโรงพยาบาลกันหลายรูป ปีนี้งานการต่าง ๆ พอลงรูปลงรอยไปมากแล้ว ก็ฃอพูดตั้งแต่ ตอนนี้เลย ถามว่าใครบ้างที่มีโอกาสเป็นไข้หวัด ความจริงปวยลักษณะ นี้[บราณเขาไม่เรืยกไข้หวัด แต่เนื่องจากเราคุ้นกับคำว่าไข้หวัด เราก็เลย มักจะเรียกไข้ประ๓ทนี้ว่า ไข้หวัดตามไปด้วย โบราณเรียกอาการไข้ที่ เกิดเมื่อต้นฤดูหนาวว่า ไข้หัวลม หรือ ไข้ต้นลม ทำ ไมจึงได้เป็นไข้ สาเหตุที่เป็นไข้ก็เพราะว่าอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน จากร้อนเป็น หนาว บางปีวันนี้ยังแดดร้อนจ้าอยู่เลย แต่วันรู่งฃื้น ลมหนาวกระโชกมา หนัก ร่างกายของเราปรับอุณหภูมิไม'ทัน แต่ละคนจึงมีอาการต่าง ๆ กัน ไข้ต้นฤดูท่ร็อไพท์ลม nfff นทํ...นักสร้างบารมี ๓
ประ๓ทแรก ที่มีโอกาสเป็นไข้หัวลม คือคนที'มีนิสัยดื่มนํ้าน้อย พวกนี้ร่างกายภายในจะแห้ง ค่อนข้างจะขาดนํ้าเรื้อรัง การปรับอุณหภูมิ ในร่างกายทำได้ยาก หลวงพ่อขอทบทวนความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ด้าน ฟิสิกส์ที่เราเคยเรียนมาสักเล็กน้อย ถ้าเราเอานํ้าใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไพ่ สักพักจะเห็นนํ้าถ้นหม้อเดือดใJด ๆ ขึ้นมา แต่ส่วนบนยังเย็นอยู่ แสดง ว่านํ้าเป็นตัวนำความร้อนที่เลว ไม'เหมือนโลหะ ถ้าเอาปลายโลหะ ข้างหนึ่งใส่ในเตาไฟ ครู่เดียวปลายอีกข้างหนึ่งก็ร้อนตาม แต่นำไม่เป็น อย่างนัน ถ้าใครดื่มนํ้ามากสักหนํอยในต้นฤดูหนาว ไม่ว่าอุณหภูมิภายนอก จะเย็นแค่ไหน ก็จะรู้สีกหนาวแต่ผิว ๆ เท่านั้น ไม่กระทบกระเทือน อวัยวะภายใน เพราะมีฉนวนคือนํ้า ห่อทุ้มแช่อิ่มเชลล์ต่าง ๆ ไวให้ชุ่ม พอควร แต่ถ้าใครดีมนั้าน้อย ทันทืทือากาศเปลี่ยนแปลง ระดับ อุณหภูมิลดลง มันไม่ลดเฉพาะที่ผิว แต่มันลดลึกเข้าไปในตัว บางทืก็ แทรกเข้าส่อวัยวะภายใน เพราะฉะนั้น มีโอกาสจะเป็นไข้ต้นฤดู หรีอ ไข้หัวลม ได้ง่ายกว่าปกติ ประเภทที่สอง คือพวกที่ท้องผูก ใศรที่ท้องผูกปอย ๆ สองวัน สามวันถ่ายครั้งหนึ่ง พวกนี้ก็มีสาเหตุเดียวกันกับพวกแรก คือนำใน ร่างกายน้อยจัด จนกระทั่งท้องผูก ปรับอุณหภูมิในร่างกายไม่ค่อยจะ ท้นโอกาสที่จะเป็นไข้หัวลม หรือไข้ต้นฤดูก็เลยมีมาก ประเภทที่สาม พวกที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายไม่เพียงพอ โดย เฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่บวชเมื่ออายุมาก เช่น อายุ ๕๐ - ๖๐ ปี แล้วมาบวช แค่...นกสร้า4บารมี ๓ «๕ ไข้ต้นฤดูพอไฃ้ฟ้วลม
ท่านเหล่านี้จะปรับตัวยาก ไม'เหมือนกับพวกเราที'บวชเมื่ออายุน้อย ยิ่งพระภิกชุไม่มีเสัอใส่เหมือนชาวโลก ไหล่ทางด้านขวาเปิดตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าลมหนาวพัดแรงสักหน่อย แม้ห่มผ้าแล้ว ลมหนาวก็ยังไม่วายแทรกเข้ามาได้ ทำให้เส้นหดยึด ผู้เฒ่าทั้งหลาย หลวงตาทั้งหลายตั้งแต่นี้!ป พอลมหนาวมา แม้หัวคํ่ารู้สืกไม่หนาวเท่าไร ก็อย่าไว้ใจ ห่มผ้าพันผ้าให้มิดชิดเอาไว้ก่อน ถ้าเผลอ ไม่ได้ดูแลตัวเอง ให้ดี ก็จะมืโอกาสเรนไข้หัวลมขึ้\\ณาได้ การเปิดหน้าต่างกว้างมากไปตอนหัวคร พอโดนลมโกรกตอน กลางดึก ก็มืสิทธึ๋เรนไขได้ หรือบางท่านกลัวลมโกรก ปิดหน้าต่างหมด อากาศเลยไม่ถ่ายเท อากาศภายในไม่พอหายใจ ตอนดึกก็มืโอกาส!รน หวัดได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ในฤดูหนาว หน้าต่างต้องใช้คำว่า แง้ม ๆ เอาไว้ก็แส้วกัน ปิดสนิทน้กก็ไม่ดึ ลมผ่านไม่ได้ เดี๋ยวหายใจ ไม่เต็มปอด เปิดกว้างเกินไปก็ไม่ดี ลมจะโกรก เอาแค่แง้ม ๆ นะ ไปปร้บ กันให้พอเหมาะ นอกจากปรับภายนอกอย่างนั้นแล้ว ถ้าใครรู้สีกครั่นเนื้อครั่นตัว โบราณเขามิวิธีลดอุณหภูมิภายในตัวลงได้ โดยธรรมชาติฤดูนี้เรนฤดูที่ ต้นแคกำลังแตกยอดอ่อน ๆ ยอดแคมิรสขมนิด ๆ เอามาแกงส้มบ้าง หรือเอายอดมาจิ้มนํ้าพริกบ้าง เรนยาระบายอ่อน ๆ นอกจากระบาย อ่อน ๆ แล้ว รสขมยังช่วยให้อุณหภูมิในตัวเราลดลงได้ อาหารไทย รสฃมมิอีกอย่างหนึ่งคือ สะเดา ธรรมชาติเอื้ออำนวยให้มิอาหารเรนยา สำ หรับปรับลดอุณหภูมิของร่างกายลง ตามอุณหภูมิภายนอกตรงตาม ฤดูกาลดีอย่างนี้ ไพพ)รุ)VWDไwhajj ^ นท่...นกaflงบาร}! ๓
สำ หรันคนที่อาการไข้ทำท่าว่าจะฟ้นมากขึ้นนั้น แค่กินของขม ๆ ยังไม่พอ ต้องกินยา ตัวยาก็มีไม่มาก ในวัดของเราก็มี ที่ใช้กันอยู่ก็คีอ ใบมะกา ฝืกดูน และข่า ใบมะกามีรสขมมาก ใช้หนึ่งถึงสองกิ่งก็พอ รูดเอาเฉพาะใบใส่หม้อ ส่วนฝักคูนทุบเอาเปลือกออก เอาเฉพาะเม็ดที่ อยู่ช้างใน พร้อมกับไส้ของมันทั้งหมด และใส่ข่าลงไปอีกหน่อย เอามา ต้มรวมกัน จะมีรสขม เป็นยาระบายและแก!ช้ วิธีกินก็ต้องกินให้เป็น ฉันให้เป็น ถ้าฉันตอนสาย ๆ จะระบายท้อง แต่ถ้าฉันตอนส้ก ๒ ทุ่ม ๓ ทุ่มไปแล้ว ประมาณส้กตี ๔ ไม่ต้องมีใคร ปลุกร่างกายมันปลุกเอง ยาขนานนี้เป็นทั้งยาลดใช้ เป็นทั้งยาถ่ายยา ระบาย เพราะฉะนั้น อุณหภูมิในร่างกายเราก็จะลดลงมา ปรับได้พอดี กับอุณหภูมิภายนอก ทำ ให้ไม่มีไช้ ก็ขอให้พวกเรารู้จักรักษาตัวกันใน ลักษณะอย่างนี้ นึ่คีอการใช้ยาช่วย ถ้าปีไหนหลวงพ่อมีเวลา หลวงพ่อก็ทำยาใบมะกาให้ ปีนั้นไม่มี ใครเป็นไช้ห้วลมเลย ไม่ต้องไปเสียค่ายาแม้แต่สตางค์เดียว ถ้าปีไหน เผลอไป เสียค่ายาแล้วยังไม่พอ ยังนอนชมกันอีกตั้งหลายวัน ปีนี้ถ้า ใครสนใจลองไปทำดูก็ได้ ตัวยามีอยู่ในวัดแล้วทั้งนั้น อีกอย่างหนึ่งคือ การฉันนํ้าให้มากลักหน่อย แต่ต้องฉันเป็น ถ้า ไปฉันนํ้ามากตอนกลางคืน ก็ไม่ต้องนอนกัน ลุกขึ้นมาเช้าห้องนํ้ากันทั้ง คืน ฉันนํ้าให้เป็นก็คือ หลังฉันเช้า หลังฉันเพล ฉันนํ้าตาม ๑ แก้ว หลัง จากนั้น ๕ - ๑0 นาที ฉันนํ้าอีก ๒ - ๓ แก้ว เพี่อช่วยในการย่อย อาหาร ทำ ให้เชลล์ชุ่ม และปรับตัวให้เช้ากับอุณหภูมิได้ หรือตอนตื่นมา นค่...นกทร้า4บารมี ๓ CTfClf ไข้ค้นฤดูพิอไข้ฟ้วลม
เช้ามีดควรฉันนํ้าอุ่น ๆ ให้เต็มที่ แต่ว่าถ้าใครจะออกบิณฑบาต เช้ามีด อย่าเพิ่งฉันนํ้ามาก เดี๋ยวบิณฑบาตยังไม่ทันเสร็จต้องแวะเช้าห้องนํ้าบ้าน โยม ตอนบ่ายฉัใ4มากได!ม่ฟ้นไร แต่ว่าก่อนจะจำวัดเข้านอนสองช้วโมง ไห้หยุดฉันนํ้า ถ้าเราเข้า นอนสีทุ่ม บ่ระมาณสักสองทุ่มนี่หยุดฉันนํ้า ถ้ากระหายนํ้าก็จิบเอา นิด ๆ หน่อย ๆ แล้วจะไม่ต้องลุกขึ้นเข้าห้องนํ้าตอนดึก หากเรารู้จัก รักษาตัวอย่างนี้ สุขภาพจะดึ แสะสามารถบ่ระพฤติบ่ฏิบ้ติธรรมได้เต็ม ที่ไม่ว่าจะหน้าร้อน หน้าหนาว หน้าฝน ก็ขอไห้ทุกรูปตั้งไจระมัดระวัง รักษาตัวไห้ดึ การปฎิบ้ติธรรมจะได้ก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง ไพtiqดูท่รีอไพวรม tua นฅ่...นักaร้า4นารนี ๓
II dJ;.- ^ มิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข โอวาทหลังฉัน (เช้า) พระเดชพระคุณพระราชภาวนาจารย์ วิ.(เผด็จ ทตฺตช้โว) วันเสาร์ที่ ๘ ธ้นวาคม พุทธลักราช ๒๕๓๓ ณ สภาธรรมกายสากล (หลังคาจาก) เมื่อวานนี้หลวงพ่อเดินทางไปจังหวัดกาญจนบุรี เพราะว่าเจ้าคณะ จังหวัดท่านได้เลื่อนสมณลักดี้จากพระเทพปัญญาสุธี เป็นพระธรรม คุณาภรณ์\" การเลื่อนสมณลักดิ้ของท่านในครั้งนี้ ท่าให้ท่านเป็น พระผู้ใหญ่ชั้นธรรมองค์แรก ในประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่อจึงต้องใปร่วมงาน เพี่อแสดงบุทิตาลักการะกับท่าน • พระธรรมคุณาภรณ์(ไพลย์ กตใJฌฺโฌ ป.ธ.๘)
เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านเคยพาลูกพระลูกเณรมาอยู่ธุดงค์ กับเราบ่อย ๆ หรีอถ้าตัวท่านเองมาไม่ได้ ก็จะให้รองเจ้าคณะจังหวัดมา ดูแลพระภิกบุสามเณร ที่มาจากจังหวัดกาญจนบุรีแทน และมาร่วมงาน ของวัดเราเป็นบ่ระจำ ถ้าจะว่าไปแล้วตั้งแต่เล็กมา หลวงพ่อเองก็เรียนหนังสือชั้น ประถมจากวัดที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ขณะนี้ น้องของธุ่เของหลวงพ่อเอง ก็เคยเป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้ด้วย ท่าให้มีความผูกพันกับท่านมาตลอด เมื่อหลวงพ่อไปร่วมงานมุทิตาสักการะพอเห็นหน้าท่านเข้า ก็ท่าให้ นึกถึงเรื่องหนึ่งซึ่งท่านเคยเล่าให้ฟัง เมื่อประมาณสักปีเศษ ๆ มาแล้ว หลวงพ่อก็อยากจะนำเรื่องนั้นมาเล่าให้พวกเราฟังไว้ประดับสติปัญญา ด้วย ท่านเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ครั้งที่ท่านออกตรวจวัดต่าง ๆ ใน จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีอยู่ประมาณสีร้อยวัด มีครั้งหนึ่งท่านเดินทาง เข้าไปตรวจวัดแห่งหนึ่งในปาลึก ไปเห็นแล้วท่านก็ตกใจ เพราะว่ามีบ้าน หล้งหนึ่งโดด ๆ อยู่กลางปา มีไม้กางเขนติดอยู่หน้าบ้านด้วย ซึ่งท่านไม่ เคยรู้เรื่องมาก่อนเลยว่ามีชาวคริสต์ไปอยู่ที่นั่น ท่านก็เลยเข้าไปคุยกับ เจ้าของบ้าน ซึ่งพอเขาเห็นท่าน ก็จำ ได้ว่าท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด เคย เห็นความเมตตาของท่านมาก่อน จึงเข้ามากราบและเล่าให้ท่านฟังว่า เขาเพิ่งเปลี่ยนมานับถือคริสต์ศาสนาได้ประมาณ ๒ - ๓ ปีที่ผ่านมา นี่เอง นอกจากเปลี่ยนมานับถือคริสต์ศาสนาแล้ว เขายังไม่ชอบ พระภิกบุอย่างมากด้วย ยิ่งถ้าพระภิกษุเข้ามาในเขตปกครองของเขา ผิ?!ท่วมทุกข์ร่วมลุข GO นด่...นักสร้างบาร}! 0)
เนื่องจากเขาเป็น^หญ่บ้านหรือกำนันหลวงพ่อจำไม่ได้ เขาก็จะไล่พระ ออกไป ท่านก็เลยถามว่ามันเรื่องอะไรกัน เขาจึงเล่าให้ฟังว่า บ้านเดิมของ เขาอยู่ในตัวจังหวัดกาญจนบุรี ต่อมาเขากับพ่อได้อพยพเข้ามาอยู่ใน เขตปานี้ ท่ามาหากินด้วยการตัดไม้บ้าง เผาถ่านบ้าง หาสมุนไพรบ้าง เข้ามาขายในตัวเมือง ความที่พ่อเป็นคนใจบุญ ไปท่าบุญตามวัดต่าง ๆ มาตลอด ตักบาตรตลอดชีวิตไม่เคยขาดเลย แต่พ่อเป็นคนรักสงบ เห็น ความรุ่นวายในบ้านในเมืองแล้วก็รำคาญใจ จึงพากันเข้ามาอยู่ในปา แต่ ทั้ง ๆ ที่มาอยู่ในปา ไม่ว่าวัดไหนจะมืการสร้างกุฏิ สร้างศาลา หรือ ประกอบการบุญอะไรก็ตาม ขอให้ทราบ เป็นด้องขนไม้จากปาไปชีวย เอาไม้กระดานบ้าง เอาเสาบ้าง ไปช่วยอยู่เป็นประจำไม่เคยขาด ความที่พ่อเขาเป็นคนใจบุญ น้อยคน น้อยวัดที่จะไม่รู้จัก จนได้ รับความน้บถีอจากชาวบ้านแถบนั้น และได้เป็นกำน้นที่นั่นด้วย พ่อเขา เคยไปทำบุญที่วัดเจ้าคณะจังหวัดเหมือนกัน เป็นที่รู้จักกันในตัวเมือง แต่ตัวเขาคนไม่ค่อยรู้จักมากนัก เมื่อประมาณ ๓ - ๔ ปีที่แล้ว พ่อเป็นไข้ปาตาย ช่วงนั้นเป็นฤดู ฝน ฝนกำลังตกหนัก รถจะเข้าไปในปาไม่ได้ ออกก็ไม่ได้ ไม่สามารถที่ จะขนศพพ่อออกมาปาเพ็ญกุศลตามประเพณีข้างนอกปาได้เลย จำ เป็น ที่จะต้องจัดงานศพพ่อในปา นส่...นท!เร้า4นาร}] €ท G® «๓ร่วมทุกข์ร่วมลูข
ย่านนั้นมีหมู่บ้านพอสมควร วัดในละแวกใกล้ ๆ มีเหมีอนกันแต่ เป็นวัดร้าง พระเข้ามาอยู่ในตัวเมืองกันหมด เพราะความอัตคัด ขาดแคลน เขาก็บอกว่า เมื่อรถเข้าออกไม่ได้ ก็เลยเดินเท้ามาสองวันกับ หนึ่งคืนจึงมาถึงตัวเมือง มาถึงแล้วก็ไปนิมนต์พระตามวัดต่าง ๆ ที่พ่อ เคยไปทำบุญ เคยไปสร้างกุฏิ สร้างศาลาเอาไว้ แล้วเขาก็พูดความหลัง ฝืงไจไห้ฟังว่า \"ท่านเชื่อไหมเป็นสิบ ๆ วัด จะหาใครมาชักบ้งสุกุล มาสวดมนต์ มาเยี่ยมศพพ่อผมลักรูปหนึ่งนึ่หาไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่กุฏิศาลาที่อยู่นั้น พ่อ ผมขนไมไปสร้างไห้ แต่สิงที่ผมได้รับก็คือ พระทุกรูปเป็นสิบ ๆ วัด ปฏิเสธหมด บอกว่ามันเดินไกล\" เขาก็บอกว่าไข่ มันเดินไกลจริง ๆ สองวันกับคืนหนึ่ง ศวามไม่รู้จัก บุญคุณกันไนหมู่ฆราวาสก็มากแล้ว เขานึกไม่ถึงว่าแม้ไนหมู่พระภิกชุก็ ยังไมม่ผู้ที่จะนึกถึงบุญคุณของพ่อผม ที่สร้างที่พักอาคัยไห้ สร้างกุฏิ สร้างศาลาไห้ ตักบาตรไห้เป็นประจำเลย ไนหมู่พระภิกทุเดี๋ยวนี้ก็ไม่รู้ จักบุญคุณคนอีกเหมือนกัน ผมคิดว่าผมไม่รู้จะนับถีอพระไปทำไม ผม คิดว่าไนเมื่อวาสนาของพ่อเป็นอย่างนี้ก็แล้วไป กลับไปเผาพ่อเอาก็แล้ว กันไม่มีพระมาสวด ไม่มีพระมาเยี่ยมก็ไม่ฟ็นไร เรื่องไม่จบเพียงเท่านั้น ระหว่างที่เขาเดินทางกลับ ได้เดินผ่านไป ทางคุนย์เผยแพร่คริสต์ศาสนาพอดี เห็นมีไม้กางเขนแขวนอยู่ เขาก็เกิด ความคิดขึ้นมา ลองดูคริสต์บ้างว่า จะเป็นอย่างไร เขาก็เข้าไปพบผ่รั่งที่ เป็นหมอสอนศาสนา เขาบอกว่าพ่อผมตายอยู่ไนปา มานิมนต์พระไม่มี มิตTฑ่}jvjniร่วมสุปี crs3 นด่...นกสร้างบารมี CD
พระไปเลย ในคริสต์ศาสนานี่มีวิธีทำบุญไปให้พ่ออย่างไรบ้าง หมอสอน ศาสนาคริสต์คนนั้นบอกว่า เขาจะส่งพ่อของผมไปหาพระเจ้าให้ เขา บอกแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเชื่อ แต่วันนี้เมื่อพระไม'มากับเรา ก็ลองกับ ศาสนาคริสต์ดูบ้าง ก็เลยบอกว่าจะไปประกอบพิธีให้!ด!หม เดินไปสอง วันกับหนึ่งคืน ฝรั่งหมอสอนศาสนาบอกทันทีเลยว่า อย่าว่าแต่สองวันกับหนึ่ง คืนเลย สองเดือนสองปีเขาก็จะไป แล้วฝรั่งคนนั้นก็เปลี่ยนชุดเดินปา ไปประกอบพิธีแบบคริสต์จนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็กลับุ และก็ไม่ได้ชวน ให้เขานับถือศาสนาคริสต์ด้วย เขาเลยบอกว่า ในยามที่เขากำลังเสียใจ ว่าพ่อตาย พระก็ไม่ได้มาช่วยดูแลให้กำลังใจกันบ้าง ชาวคริสต์มาจาก ไหนก็ไม่รู้ เกิดคนละประเทศยังมากับเขา นึกถืงบุญคุณที่ฝรั่งเป็นเพื่อน เดินทางมาสองวันกับหนึ่งคืน แล้วยังช่วยทำศพพ่อผมจนเสร็จ ผมเลย โยนพระพุทธรูปออกจากบ้านหมด แล้วก็เอาไม้กางเขนมาตั้งแทน นี่ เป็นเรื่องจริงที่เกิดฃึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรี บ้านเกิดหลวงพ่อเอง เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์อย่างดืว่า ที่พระสัมมาล้มพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ ชัดเจนว่า \"คนเราถ้าจะมีมิตรมีเพื่อน มิตรแท้เป็นลี่งที่เราต้องการ โดย เฉพาะอย่างยิ่งมิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข เมื่อถึงคราวมีทุกข์ มีโศกเข้ามา รบกวนบีบคั้น จำ เป็นต้องมีมิตรร่วมทุกข์ร่วมสุขไว้ปลอบประโลมใจ\"® สิงคาลกสูตร, ที.ปา. ๑๖/®๙๕/๘๖ (มมร.) แด่...นักสร้างบารมี CO CjO มิตรฑ่มทุกข์ฑ่มสุข
ขนาดฆราวาสเขาจะมีมิตร เขาก็ยังต้องการมิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่อย่างนั้นก็ไม่fจะคบกันไปทำไม ก็เลยมาถึงพวกเราพระภิกชุสามเณร ว่า ที่ปูย่าตาทวด พระรุ่นหลวงพ่อหลวงtJหลวงตา พอถึงเวลามี ญาติโยมตายลง ก็เอาศพมาไว้ที่วัดประกอบพิธีกันไป หลายรูปก็ต้องลง ไปเป็นสัปเหร่อ ไปมัดตราสังให้ ไปสวดมนต์ให้ ที่สวดมนต์นั้น ไม่ได้สวดให้ผีฟังหรอก จริง ๆ แล้วต้องการสวด ให้ผู้มีชีวิตอยู่ฟัง และถ้าจะให้ดีก็แปลให้เขาฟังด้วย ขยายความเป็น ภาษาไทยก็จะยิ่งดี แต่ปัจจุบัน ธรรมเนียมการเทศน์หน้าศพไม่ค่อยมี แล้ว เหลือแต่การสวดมนต์เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามที การชีวยกันประกอบงานศพให้กับ ญาติโยมนี้ เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นขวัญกำสังใจให้กับผู้ที่ยังมีชีวิต อยู่ อย่างเรื่องที่หลวงพ่อเล่าให้ฟัง เขานับถือพระทุทธศาสนามาตั้ง กี่ชั่วคนแล้วก็ไม่รู้ แตกน่าเห็นใจพระภิกชุในฤดูฝนช่วงเข้าพรรษาด้วย จะต้องเดินปาไปสองวันกับหนึ่งคืนมันก็หนักเอาเรื่อง แต่ในหัวอกของ คนที่พ่อตายไปคนหนึ่ง พอพระไม่ไปในงานศพ เขาก็คืดในมุมของเขา ก็เลยเกิดเรื่องเศร้าอย่างที่เล่าให้ฟัง สำ หร้บเราที่อยู่วัดพระธรรมกาย สวดก็ไม่ได้สวด เทศน์หน้าศพก็ ไม่ต้องเทศน์ เพราะเราไม่มีที่ตั้งศพ แต่ว่าถึงเวลา ต้องไปฟังสวดกัน ถามว่าไปทำไม ต้องตอบว่าเป็นความจำเป็น ญาติโยมมาทำบุญที่วัด เมื่อพ่อแม่เขายังสบายดี เขาก็ชวนญาติพี่น้องมาทำบุญที่วัดเป็นคันรถ ก็เพราะญาติโยมเหล่านี้ เราจึงได้มีฉันมีกินกันอยู่ทุกวันนี้ มิตฟวมๆทช์ร่วมสุจ as นด่...นกสร้างบารมี (ก
ญาติโยมเห็นว่าพระภิกสามเณรที่นี่ มีความประพฤติดีงาม ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม เป็นเนื้อนาบุญ ครั้นเวลาพ่อแม่เขาตาย แน่นอนทุกคนเวลาพ่อเฌ่ตาย ความทุกข์ ความโศกก็มี ใจจริง ๆ เขา อยากจะเอาศพมาตั้งใว้ที่วัดพระธรรมกายด้วยชํ้า แต่เราไม่มีฌรุ ไม่มี ศาลาลวดศพ เพราะฉะนั้น ก็เลยมีวิธีให้เสือก ๒ วิธีคือ วิธีที่ ๑ เมื่อมีใครตาย ให้พวกเราช่วยไปเยี่ยมหน่อย อย่างน้อยก็ เป็นขวัญเป็นกำลังใจให้กับคนอยู่ เขาเห็นหน้าเรา เขาก็จะอุ่นใจว่า ตอน พ่อเฌ่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้มาทำบุญกับพวกเรา ถึงคราวตายพวกเราก็ไม่ ทิ้งเขา อุตส่าห์มาเยี่ยม เขาจะคิดว่าพระที่มีคุณธรรมอย่างนื้น่าที่เราจะ ทำ บุญกับท่านต่อไป เพี่อว่าเราจะได้บุญมาก ๆ จะได้อุทิศส่วนกุศลผล บุญให้พ่อแม่ที่ตายได้เต็มที่ คิดอย่างนั้นความเศร้าโศกเสียใจก็จะหาย ไป เพราะคิดว่าได้ทำบุญใหญ่ส่งไปให้พ่อเฒ่ แล้วเขาก็มีกำลังใจที่จะ ประพฤติปฏิบัติธรรมต่อไป วิธีท'ี to ตั้งฌรุที่วัดของเรา แล้วพวกท่านก็เวียนกันขึ้นไป ลวดศพ เพราะฉะนั้น พวกเทศงจะต้องเสือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง คือถึง เวลาจะต้องไปฟังสวดศพ อย่าได้เกี่ยงกันนะ ไปเถิด ไม่อย่างนั้นถ้าเขา ทวงบุญคุณขึ้นมา จะมองหน้ากันไม่ติด เฒ่ผมพ่อผมมาทำบุญอยู่เป็น ประจำ พอตาย จะไปฟังลวดมนต์ลักคืนหนึ่งก็ไปไม่ได้เชียวนะ แล้ว ตอนนั้นหลวงพ่อคงจะถูกบังค้บว่า ต้องลร้างฌรุ ผมจะเอาศพมาตั้งให้ ลวด จะได้1ม่ต้องเดินทางไกล ๆ นค่...นักลร้างบารมี CD Gff มิตรร่วมทุกข์ร่วมสุ!!
ตอนเขามีชีวิตอยู่ เขาก็มาทำบุญที่วัด ตอนตายก็ต้องไปดูแลกัน งานหลาย ๆ อย่าง ถ้ากำลังทำค้างอยู่ ก็ต้องวางไว้ก่อน บางทีญาติโยม ก็เกรงใจด้วยชํ้า เพราะว่าเขาอยู่ไกล บางรายอยู่ถึงพิษทJโลก เขาไม่ได้ บอกไม่ได้นิมนต์ แต่หลวงพ่อเห็นเข้าในหน้าหนังสิอพิมพ์ ก็ยังต้องไป เลย เห็นตอนเช้าพอสายหน่อย ๑๐ โมงก็ขึ้นเครื่องบิน ได้ไปเผาศพกัน ตอนห้าโมงเย็น พอห้าโมงดรื่งก็ขึ้นเครื่องบินกลับ เขาไม่ได้นิมนต์ แต่ ว่าทุกครั้งที่มีงานใหญ่ที่วัดพระธรรมกาย เขาเป็นหัวหน้าทีมจัดคนมา วัด เพราะอย่างนั้น หลวงพ่ออยู่นิ่งไม่ได้ต้องไป เราอยู่ด้วยกันในลังคม จะเอาตัวรอดเพียงผู้เดียวนั้นไม่ได้ เดี๋ยว จะรอดแต่ตัว แล้วหัวมันไม่รอด ลูกเอ๊ย มันต้องรอดกันไปทั้งตัว แล้ว รอดกันทั้งทีม ต่อไปข้างหน้าพรรคพวกเพื่อนฝูงญาติพี่น้องก็ดี รวมทั้ง ญาติโยมที่มาวัดด้วย ถึงคราวเขาทุกข์เขาโศกก็ไปช่วยกันหน่อย อย่า ทอดทิ้งกัน มิทรริวมทุกขิริวมสุจ at) นส่...นักสร้างนารมี ๓
๑๗ วันปาฏิโมกข์ โอวาทหลังฉัน (เช้า) พระเดชพระคุณพระราชภาวนาจารย์ วิ.(เผด็จ ทตฺตช้โว) วันคุกร์ที่ ๑๔ ธ้นวาคม พุทธลักราช ๒๕๓๓ ณ สภาธรรมกายสากล (หลังคาจาก) เมื่อวันปาฎิโมกข์ที่ผ่านมา หลวงพ่อได้พูดถึงการกวดขันตัวเรา เอง ในเรื่องพระวินัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันลงปาฏิโมกข์ทังบุพกรณ์® บุพกิจ'° ทำ ให้ดี ไม่อย่างนั้นสวดปาฎิโมกข์จนเสร็จเหลียวมาดู ปรากฏ ว่า ในโบสถ์ไม่ได้ทำความสะอาด ให้สมกับที่พระสัมมาลัมพุทธเจ้าได้ ทรงบัญญัติเอาไว้\" หลวงพ่อเคยกำหนดไปแล้วว่า ให้ทางสงฆ์ช่วยกัน ° บุพกรน่เ - งานที่ควรท่าให้เสร็จก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับการประกอบพิธีกรรมสงฆ์ บุพกิจ - กิจที่สงฆ์ต้องท่าก่อนเมื่อเริ่มประกอบพิธีกรรมสงฆ์ บุพกรณ์และบุพกิจในโรงอุโบสถ, วิ.มหา. ๖/๑๗๙๙๕๒-๔๕๓ {มมร.)
คัดเลือกบุคคลที่จะไปดูแลโบสถ์ ดูแลดอกไม้ และทำความสะอาดใน โบสถ์ เราต้องช่วยปฏิบัติภารกิจนี้ให้ดี ทั้งในด้านของการทำความ สะอาด รวมทั้งจัดดอกไม้บุชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่าทำแบบสุกเอา เผากิน ผู้ที่ได้รับหน้าที่นี้ ก็ถีอว่าเป็นบุญของทำน อุปกรณ์ นํ้าใช้นาฉัน ก็ดูให้เรียบร้อยด้วย ยิ่งกว่านั้นในวันธรรมดาก็ขอให้ดูแลโบสถ์ด้วย คติของชาวพุทธถือว่า โบสถ์เป็นที่ประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น พระพุทธรูปที่อยูในโบสถ์ เราจึงเรียกกันว่า พระประธาน คือ เป็นประธานอยูในโบสถ์ ถือว่าเป็นประธานของทั้งวัด จึงได้เรียกว่า เป็นพระประธาน เรามักจะมองโบสถ์กันเพียงแค'เป็นสถานที่ประกอบสังฆกรรม แต่โดยลึกชื้งแล้ว ผู้ที่จะบวชต้องไปบวชในโบสถ์ บวชนอกโบสถ์ไม' ถือว่าเป็นพระ ถึงแม้จะมีพระอุปัชฌาย์ มีพระคู'สวด มีพระอันดับ พร้อมตามพระวิน้ย ก็ถือว่าไม'เป็นพระ ต้องไปทำพิธีบวชกันในโบสถ์ เพราะฉะนั้น โบสถ์จึงเป็นที่ให้กำเนิดพระภิกษุ ถ้าจะมองอีกลักษณะหนึ่ง โบสถ์ก็เหมือนกับการจำลอง พระนิพพานลงมาบนพี้นดิน เพราะว่าเป็นที่ให้กำเนิดพระภิกษุ เป็น แหล่งสำหรับกลั่นกาย วาจา ใจ ให้พระภิกษุใจใสใจสะอาดขึ้นมาด้วย สังฆกรรมต่าง ๆ เพราะฉะนั้น เมื่อได้ร้บภาระหน้าที่ในการดูแลโบสถ์ ก็ ขอให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบุรณ์ ทั้งปัดกวาดเช็ดถูให้เรียบร้อย เพราะว่าเป็นบุญใหญ่ของพวกเรา รนปาฎิโมกข์ aa นด่...นักสร้า4บาร}! ๓
ถ้าเราดูแลโบสถ์อย่างดี ไม'ว่าเราจะเข้าไปในโบสถ์เอง หรือว่า ประชาชนจะก้าวย่างเข้าไปในโบสถ์ก็ตาม ถ้าเขามีความรู้สีกว่า เหมีอน ได้เข้าไปกราบพระสัมมาสัมทุทธเจ้าขณะที่ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ แสดง ว่าเราทำหน้าที่ดูแลโบสถ์ได้ดีแล้ว การที่จะทำให้เขาเกิดความรู้สีก เซ่นนั้นได้ มีความจำเป็นว่า ตั้งแต่บริเวณหน้าโบสถ์ก่อนถึงตัวอาคาร ทั่วบริเวณนั้นต้องสะอาด สนามหญ้าตัดเรืยบร้อย เศษกระดาษสักชีน หนึ่งต้องไม'มี อะไรที่มองแล้วสะดุดดูสะดูดตาต้องไม่มี พอก้าวขึ้นไป บนกำแพงแก้ว หรือบริเวณที่ยกพื้น ทุกจุดบนนั้นต้องสะอาดเรียบร้อย แต่ถ้าก้าวเข้าไปในโบสถ์แล้วยังสะอาดไม่พอ เขาก็สักแต่ว่าไปกราบพระ ถ้าอย่างนั้นยังใช!ม่ไต้ พวกเราต้องซ่วยก้นขัดซ่วยกันถู ให้พื้นโบสถ์มันวับ ให้เกิดความ สะดุดตาสะดุดใจว่า ผู้ที่ดูแลโบสถ์นี้ดูแลด้วยความตั้งใจ มีความเคารพ ในสถานที่ ซึงเป็นที่ประทับของพระสัมมาล้มพุทธเจ้าด้วยใจจริง นึ่สัมผัสแรกเขาไต้รับตั้งแต่ยังไม่เข้าโบสถ์ ถ้าอย่างนี้แล้วถือว่าไช!ต้ พอก้าวเข้าไปในโบสถ์ พัดลมที่มี มันก็ควรจะอยู่ตามที่ของมัน ถ้าไม่ไต้ใช้ สายก็ต้องเก็บก็ต้องพันให้ดี ถ้าใช้ก็ต้องวางในลักษณะที่ เหมาะสม ถ้าสีของมันถสอกไปก็แก้!ขเสีย จะมาทาสีใหม่หรือจะเปลี่ยน อันใหม่ก็ตาม ปลั๊กพัดลมถ้าหลวมก็ควรเปลี่ยนใหม่ รีบแก้!ขปรับปรุง เสีย ของใช้อย่างอื่นก็เซ่นกัน เซ่น อาสนะที่นั่งถ้ามีหยากไย่จับ มีฝ่นจับ ก็เท่ากับเราไม'ไต้ให้ความเคารพ หรือไม่ได้!ห้เกียรติผู้ที่ขึ้นไปสวด พระปาฎิโมกข์ เมี่อผู้ที่เป็นตัวแทนของพระสัมมาล้มพุทธเจ้า ขึ้นไป กล่าวปาฏิโมกข์ให้เราฟัง แล้วเราไมให้เกียรติเขาเต็มที่เท่าที่ควรจะเป็น แด...นักสรางบารร ๓ GOC วันปา2^4กข์ >0^
ถ้าอย่างนั้นพระวินัยของพระองค์ จะซึมซับเข้าไปในใจของเราได้ สักเท่าไรกัน ผลสุดท้ายก็เท่ากับสักแต่ว่าฟัง เมื่อสักแต่ว่าฟังพระวินัย ก็คือสัก แต่ว่าบวช เมื่อสักแต่ว่าบวช แล้วคุณธรรมอะไรมันจะเกิดงอกเงยขึ้นมา ในใจ เมื่อคุณธรรมมันไม่เกิดขึ้นในใจ ก็ต้องถามว่า แล้วญาติโยมที่เขา เอาข้าวปลาอาหารมาให้เราฉัน เขาจะได้อะไร เขากราบผู้ที่ไม่มีคุณธรรม แล้วจะได้อะไร ถ้ากินของเขาเปล่า ๆ มันก็เป็นหนี้เขานะลูก ทำ ไมเขาศรัทธา เขาเอาปัจจัยสีมาถวาย เพราะเขาคิดว่า เรามี คุณธรรมอยู่เต็มอกเต็มใจเต็มตัว แต่เอาจริง ๆ เข้าปรากฏว่าคุณธรรม ไม่มี เขากราบเปล่า ๆ เขาไหว้เปล่า ๆ ไม่ได้อะไรขึ้นมา มันก็เป็นหนี้เขา นะ อย่าว่าคนอื่นกราบเลย พ่อเฌ่ที่เลี้ยงเรามาแทบตายก็มากราบด้วย แต่พระลูกชายไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย หลอกกระทั่งพ่อแม่ของตัว เอง ขอให้คิดกันให้มาก ๆ กวดขันตัวเองกันให้ดี ไม่อย่างนั้นการบวช ชาตินี้ของเราจะไม่คุ้ม ทุกรูปต้องกวดขันตัวเองในเรื่องของวินัยด้วย ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ในเรื่องของกิจวัตรต่าง ๆ ต้องกวดขันให้ดี ด้วย พรุ่งนี้วันโกนแล้วเตรียมไปดูให้เรียบร้อย วันโกน จริง ๆ แล้วก็ คือวันพัฒนาวัด ในพระวินัย ในพระไตรปิฎกไม่ได้พูดอะไรถึงวันโกน มากนัก แต่ว่าพูดแฝงเอาไวในบุพกรณ์ว่า ก่อนจะลงปาฏิโมกข์ จะต้อง ดูปัดกวาดเซึดถูให้เรียบร้อยให้สะอาด ไม่ว่าวัดเล็กวัดใหญ่ วันปาฎิโมกข์ (XO นด่...นกสร้างบารมี CD
ตั้งแต่รุ่นปูย่าตาทวดทำกันมา วันโกนคือวันพัฒนาวัด ตั้งแต่ เจ้าอาวาสไล่ลงมาจนกระทั่งถึงสามเณรเด็กวัด จะต้องมารfวยกันปัด กวาดเจ้ดถูวัด ทั้งศาลาทั้งโบสถ์ทั้งวิหารครบหมด เพื่อให้วัตถุภายนอก สะอาด เหมาะที่จะประกอบสังฆกรรมต่าง ๆ ญาติโยมจะได้มาปฏิบัติ ธรรมในที่ที่สะอาด หรือไนที่ที่เป็นปฏิรูปเทสจริง ๆ ทั้งญาติโยม ทั้งเรา พระภิกษุสามเณรก็ได้บุญกันมาก ๆ โดยเฉพาะสิงที่จะได้ขั้นต้นเลยก็ คือ สติสัมปจ้ญญะของทุกรูปจะสมบุรณ์ มีดวามสำรวม มีดวาม ระมัดระวังเป็นสัมมาสติขึ้นมา นฅ่...VนกสรV้างบารม4ี CD <^XG) รันปใฎิโมกข์ ■ปี',
ร.^^
พ '๚ :•ชุ II-
การแปรงฟ้นที่ถูกวิธี โอวาทหลังฉัน (เช้า) พระเดชพระคุณพระราชภาวนาจารย์ วิ. (เผด็จ ทตฺตซโว) วันจันทร์ที่ ๑๗ ธ้นวาคม ทุทธลักราช ๒๕๓๓ ณ สภาธรรมกายสากล (หลังคาจาก) ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมา มีญาติโยมนำลูกอม และ นมอัดเม็ดมาถวายหลวงพ่อ บอกว่าฝากให้ลามเณรด้วย หลวงพ่อก็ไม่ ขัดศร้ทธา ส่งไปให้เรียบร้อยตลอดเวลา แต่เมื่อวานนี้เอง ทันตแพทย์ มาปนกับหลวงพ่อว่า ฟันของพระภิกชุลามเณรของเรายํ่าแย่ลงไปทุกวัน ทำ ไม ? ก็เพราะฉันลูกอมนี่แหละ จะให้ทำอย่างไรดี ตอนนี้พวกเราอาจ จะยังไม่รู้ซึ้งว่า ฟันของเราสำลัญเพียงใด
เมื่อเรากินลูกอม รวมทั้งนมอัดเม็ดด้วย กินแล้วนํ้าตาลจะติดอยู่ ที่ฟ้นเป็นเวลานาน เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปาก ก็จะเปลี่ยนนํ้าตาลให้ เป็นกรด แล้วกรดก็จะกัดเคลือบฟันของเรา เมื่อเคลือบฟันถูกกัดไปเสีย แล้ว ก็เหมือนต้นไม้ที่ลอกเปลือกออก เดี๋ยวก็ถูกสัตว์ ถูกแมลง ถูก เชื้อรา บ่อนทำลาย แล้วต้นไม้ก็ตาย ฟันของเราก็เหมือนกัน ถ้าถูกกรด กัด ฟันก็จะผุกร่อนหมด ฟันจะเสียก่อนวัย เพราะฉะนั้น อย่าฉันลูกอม บ่อยนัก ฟันจะเสียหมด เราไม่ใช่จะมือายุอยู่กันแค่ ๕ - ๑๐ ปี เราไม่ใช่จะเป็นสามเณร ตลอดชีวิต อายุมากชื้นเรื่อย ๆ ไปตามลำดับ ฟันก็สืกก็กร่อนลงไป เรื่อย ๆ หลวงพ่อไต้ผ่านเข้าไปในห้องนํ้าของสามเณร ไต้เห็นแปรงสีฟัน เห็นยาสีฟันที'ใช้ ฟ้องว่าใช้แปรงสีฟันกันไม่ค่อยเป็น จึงขอให้ ทันตแพทย์ช่วยถวายความรู้สามเณรรวมทั้งพระภิกชุ ในเรื่องการแปรง ฟันที่ถูกวิธี อย่าทำรุนแรงนัก บางทีได้ยินเสียงพระเณรแปรงฟัน หลวงพ่อคิดว่าเสียงขัดส้วม ตามธรรมดาการแปรงฟันก็เหมือนกับการถูพื้น ถ้าถูขวางเสียนไม้ จะถูไม่เกลี้ยง ถ้าถูตามเลี้ยนไม้จะถูเกลี้ยง การแปรงฟันก็เหมือนกัน หลวงพ่อยังเห็นสามเณร เห็นพระภิกชุบางรูปถูขวางฟันอยู่ แล้วธรรมชาติที่สามเณรจะต้องรู้อีกด้วยคิอ เหงือกทุ้มฟันแต่สะชี่ ถ้าร่นไปเทำไรแล้วจะไม่คีนกลับ ยิ่งร่นไปมากขึ้น ฟันก็จะยิ่งยื่นออกมา มากเท่านั้น เมื่อฟันยื่นออกมามาก ฟันก็คสอนง่าย อะไรเป็นเหตุให้ เหงือกร่น การแปรงฟันที่ผิดวิธีนี้เองทำให้เหงือกร่น เหงือกบนก็ร่นขึ้น กา'!แป-!งฟ้นทํ่ถูการ aco นท่-นัทส-ร้างบารมี 0)
เหงือกล่างก็ร่นลง อีกหน่อยฟันก็หลุดหมด แต่ถ้าเหงือกยังทุ้มอยู่อย่าง นี้ตลอดไป ฟันของเราจะแข็งแรง ทำ ไมหลวงตาหรือคนรุ่นปูรุ่นพ่อของเราฟันดี สาเหตุสำคัญก็คือ เมื่อก่อนไม่มีพวกลูกอม เดี๋ยวนี้เห็นแก่ปาก เห็นแก่ท้อง จะกินลูกเดียว ไม่ได้นึกว่าฟันจะเป็นอย่างไร คิดแต่จะกินลูกเดียวอีกหน่อยก็เขี้ยวโยก ฟันหักหมด ใครที่ฟันเสียฟันไม่ดี ต่อไปในอนาคตกระเพาะลำไส้จะไม'ดีตาม ไปด้วย เพราะฟันมีหน้าที่บดอาหารหยาบให้ละเอียด ส่วนกระเพาะกับ ลำ ไส้มีหน้าที่ย่อยอาหารละเอียดปานกลาง ให้ละเอียดยิ่งขี้น แล้วจะได้ น่าสารอาหารไปเลี้ยงร่างกาย เมื่อฟันโยกหักไปแล้ว จะเคี้ยวก็ไม' ละเอียด ได้แต่กล้อมแกล้ม ๆ กลืน เมื่อกล้อมแกล้ม ๆ กลืน กระเพาะลำไส้ก็ต้องทำงานหนัก แทนที่จะบดอาหารให้ละเอียดมาระดับ หนึ่งก่อน แล้วกระเพาะลำไส้ย่อยต่อไม่กี่ที กลายเป็นว่ากระเพาะลำไส้ ต้องทำงานหนัก บีบแล้วบีบอีกก็ยังไม่ละเอียด อาหารที่กินเข้าไปก็จะ ย่อยไม่หมด เกิดแก๊ส ท้องอีด และมีโอกาสเป็นริดสีดวงทวารง่าย เพราะฉะนั้น ตอนไหนอยากจะกินลูกอม ให้นึกถึงภาพคนฟันหลอ หมดปาก คนกินยาแก้ปวดท้อง กลางคืนก็ท้องอืดท้องขึ้น ดีไม่ดีเป็น ริดสีดวงทวารอีกด้วย หลวงพ่อไม'ได้ห้าม แต่ก็ขอให้ทุกรูปรู้จัก ประมาณในการกินด้วย ระมัดระวังตัวเองกันให้ดี นส่...นักสร้างบารมี 0) ocnf การน!}รงฟ้นฑิ่ถุกวิรี
,๗๒_____ ความสามารถด้านการแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน โอวาทหลังฉัน {เช้า) พระเดชพระคุณพระราชภาวนาจารย์ วิ. (เผด็จ ทตฺตชีโว) วันจันทร์ที่ ๓๑ ธ้นวาคม พุทธสักราช ๒๕๓๓ ณ สภาธรรมกายสากล (หลังคาจาก) หสวงพ่ออยากจะฝากไว้กับพระอาจารย์ที่สอนบาลี ช่วยสอนวิธี เขียนทั้งโคลงทั้งกลอนให้สามเณรด้วย จะได้ไม่ต้องสอกใครเขามา เมื่อ มีความชำนาญแล้ว จะได้เป็นประโยชน!นการสรุปบทเทศน์ได้อย่างดี แม้แต่พระลัมมาลัมพุทธเจ้าของเรา เมื่อทรงเทศนาลังสอนจบครั้งใดก็ จะมีพุทธพจน์ ซึ่งที่จริงก็คีอสรุปโอวาทที่อยู่ในรูปโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนนั่นเอง
ข้อดีของโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน คือ ฟ้นการใช้คำสัน ๆ แต่ ว่ากินใจ สรุปความได้ชัดเจน ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก ถ้าสามเณรได้ ฝึกตั้งแต่ขณะนี้ ต่อไป่ใ\\เภายภาคหน้า เมื่อเป็นพระภิกชุก็จะเกิดความ เชี่ยวชาญชัานาญขึ้นมาเอง หลวงพ่อเองนั้นเริ่มฝึกโคลง ๔ สุภาพ ตั้งแต่เมื่ออยู่ชั้นมัธยมปีที่ ๓ ได้รับรางวัลมาก็หลายครั้ง ครั้นเมื่อเรียน ม.๗ ม.๘ หนังสือเรื่อง นิราศภูเขาทอง หลวงพ่อท่องได้เป็นเล่ม ๆ ก็เลยท่าให้มีความชำนาญ กลอนแปดพอสมควรทีเดียว แต่ว่าระยะหลังนิไม่ค่อยได้!ข้ เวลาจะใช้ก็ ต้องเคาะสนิม สักพักก็จะลื่นไหลมาเอง ถ้าพวกเราสามเณรได้ฝึกฝนตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปจะมีความ สามารถ มีความคล่องแคล่วรอบตัว ทั้งโคลง ทั้งกลอนแล้ว บาลียังมี ฉันท์อีก ก็จะเป็นความสามารถเฉพาะติดตัวของเราไป ก็ขอให้ พระอาจารย์ที่สอนบาลี ช่วยกันสอนด้วย อย่างน้อยโคลง ๙ สุภาพกับ กลอน ๘ ถึงเวลาจะสามารถใช้เป็นบทสรุปการเทศนี้!ด้อย่างดี แถมยัง ให้ความไพเราะ น่าฟัง น่าจดจำอีกด้วย ความสามาใถ๓พาารแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน 000 นค่...นกสร้างบารมี cn
1» .iพ^ น.\"' f.*J พปี/^
'•ir
Search