Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore GR35 หมอกและควัน

GR35 หมอกและควัน

Published by Lib SRC, 2022-01-27 01:35:43

Description: GR35

Search

Read the Text Version

Cover Green 60-.pdf 1 2/2/60 BE 10:49 AM ปท‚ ี่ 14 ฉบบั ท่ี 35 มกราคม 2560 ศกโwเททรูนwคระยศwโทวนพั.ริจdธวทยัeางแนgท0ลี2pระต-พั.g5ฝำย7oกบา7.อลtก-hบ4คร1รธล8มรอ2รดง-มหา9ชนาาโสทตองิ่ รแิำแสเลวภาะดรอสลค0ง่ิอลแ2ม-วอ5ดงก7หลร7ลอม-1วมส1งง3เจ8สงัรหมิ วคัดุณปภทาุมพธสางิ่นแี ว1ด21ล2อ0ม

หคแมลวอันะก ผลกระทบจากการแพรก ระจายของสารพิษในอากาศ พ้ืนที่ตน ทพา�้นงท(ตี่ Œน ทลามง) (ทตส่ี นŒ งลผมล)กทระส่ี ทง‹ ผบตลอกระทดบั ตPอ‹ Mระ1ด0ับ PMรปู 1แ0บบทางเลอื กในการแกไขปญ หาหมอกควัน ภยั จากหมอกควัน… จากการเผาตอซังขาวโพดเลย้ี งสตั วในท่ีโลง ชว งฤดูหมช‹วองกฤคดวหูนั มใอนกภคาวคันเหในนือภตาคอนเหบนนอื ตอนบน ทพ่ี ัฒนาขน้ึ จากการมสี ว นรว มของชุมชน ทางภาคเหนอื ของประเทศไทย ในพ้ืนที่ ดอยยาว-ดอยผาหมน จังหวัดเชียงราย

CONTENTS เร่ืองเดนประจำฉบบั เรอ่ื งเดนประจำฉบับ 1ผลกระทบจากการแพรกระจายของสารพษิ 4พน้ื ท่ีตนทาง (ตน ลม) ท่สี งผลกระทบตอระดับ PM10 ในอากาศจากการเผาตอซังขาวโพดเลีย้ งสตั วในที่โลง ชว งฤดูหมอกควัน ในภาคเหนือตอนบน ศิรพงศ สขุ ทวี รงุ ระวี คงสงค สธุ รี ะ บุญญาพิทกั ษ วรรณา เลาวกลุ อดุลยเ ดช ปด ภยั นริ นั เปยมใย เร่อื งเดน ประจำฉบบั เร่ืองเดนประจำฉบบั 7รูปแบบทางเลือกในการแกไขปญ หาหมอกควัน ภยั จากหมอกควัน… ทพ่ี ัฒนาขนึ้ จากการมสี ว นรวมของชุมชน ในพื้นที่ ดอยยาว-ดอยผาหมน จังหวดั เชียงราย 15ทางภาคเหนอื ของประเทศไทย กา วหนา พัฒนา จินดารตั น เรอื งโชติวทิ ย 22กรณศี กึ ษา การบำบดั น้ำเสยี ติดตามเฝาระวัง จากการรีดน้ำชะขยะ เทศบาลเมืองสระบุรี 19อนาคต…ดิน… สดุ า อิทธิสภุ รณร ตั น จากความเสื่อมโทรมของดนิ ในปจจบุ ัน พึง่ พาธรรมชาติ การพ่งึ พาธรรมชาติ รฐั เรืองโชตวิ ทิ ย 29อยา งพอเพียงและรูคณุ คา …ที่บางขนุ ไทร กาวหนา พฒั นา รักษปา สรางคน 84 ตำบล วิถพี อเพยี งและ วชิ าการ.คอม 25จุลนิ ทรีย http://www.pttplc.com ยอยสลายพลาสตกิ ชีวภาพ /TH/Default.aspx จตุรงค เหลาแหลม บ.ก.แถลง สวัสดีปใี หม่ 2560 คะ่ ท่านผูอ้ า่ นวารสาร Green Research ฉบบั ที่ 35 ท่ีปรกึ ษา มกราคม 2560 ประจ�ำเดือนมกราคม 2560 ทกุ ๆ ท่าน ในชว่ งปใี หม่นขี้ องทุกปีเราจะพบเจอกบั สากล ฐินะกลุ ปญั หาทยี่ งั แกไ้ มต่ กกบั ปญั หาหมอกควนั ทางภาคเหนอื ของประเทศไทย เรามาดู บรรณาธกิ ารบรหิ าร ศริ ินภา ศรที องทิม กันซิว่าเราจะท�ำอะไรได้บ้าง เรามาเร่ิมกันเลยกับคอลัมน์เรื่องเด่นประจ�ำฉบับ อนงค ชานะมูล เจนวทิ ย วงษศานนู เร่ืองแรก “ผลกระทบจากการแพร่กระจายของสารพิษในอากาศจากการ กองบรรณาธิการ รัฐ เรอื งโชติวิทย เผาตอซังข้าวโพดเล้ยี งสตั วใ์ นทโี่ ลง่ ” ตามมาตดิ ๆ กับ “พื้นทต่ี น้ ทาง (ตน้ ลม) นิตยา นกั ระนาด มิลน อาทติ ยา พามี ท่สี ง่ ผลกระทบตอ่ ระดับ PM10 ช่วงฤดูหมอกควนั ในภาคเหนอื ตอนบน” และจะ หทัยรตั น การเี วทย มที างแกไ้ ขอยา่ งไรกบั “รูปแบบทางเลือกในการแกไ้ ขปญั หาหมอกควันทพี่ ัฒนา ปญจา ใยถาวร ขน้ึ จากการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในพน้ื ทด่ี อยยาว-ดอยผาหมน่ จงั หวดั เชยี งราย” จนิ ดารัตน เรืองโชตวิ ิทย ตอ่ ดว้ ยคอลมั น์ติดตามเฝ้าระวัง เป็นเรอื่ ง อนาคต....ดนิ จากความเสอ่ื มโทรม ของดินในปจั จบุ นั ส่วนคอลัมนก์ า้ วหนา้ พัฒนา มาดวู ธิ ี “การบำ� บัดน้�ำเสยี จาก ศนู ยว ิจยั และฝกอบรมดานสง่ิ แวดลอ ม การรีดน้�ำชะขยะ เทศบาลเมืองสระบุรี” และมารู้จักกับตัวช่วยในการย่อย กรมสงเสริมคุณภาพสิง่ แวดลอ ม พลาสติกกนั กับ “จลุ ินทรยี ์ยอ่ ยสลายพลาสตกิ ชวี ภาพ” กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอม ปิดท้ายด้วยคอลัมน์พึ่งพาธรรมชาติ กับการดูแลและช่วยเหลือตัวเอง เทคโนธานี ตำบลคลองหา อำเภอคลองหลวง โดย “การพ่ึงพาธรรมชาตอิ ย่างพอเพียงและรคู้ ณุ ค่าทีบ่ างขุนไทร” ชุมชนทต่ี อ่ สู้ จังหวดั ปทมุ ธานี 12120 เพื่อให้มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จนได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว โทรศัพท 02-577-4182-9 โทรสาร 02-577-1138 ประจ�ำปี 2544 ประเภทชุมชนที่ด�ำเนินชีวิตแบบพึ่งพาตนเองโดยใช้ความรู้ www.degp.go.th ซึ่งท�ำให้เกิดความยั่งยืนในชุมชน.....สุดๆๆ เลยนะคะกับเนื้อหาที่น�ำมาเสนอ ในฉบบั น้ี แล้วพบกันใหม่ฉบบั หนา้ ค่ะ AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 34 2/2/60 BE 10:46 AM

ปีท่ี 14 ฉบบั ท่ี 35 มกราคม 2560 ผขอลงกสราะรทพบจิษาในกอกาากราแศพรก่ ระจาย จากการเผาตอซงั ขา้ วโพดเลย้ี งสตั ว์ในทโี่ ลง่ มลพษิ จากการเผาตอซงั ขา้ วโพดเล้ียงสตั ว์ ✎ วรรณา เลาวกลุ ขา้ วโพดเลย้ี งสตั วจ์ ดั เปน็ พชื เศรษฐกจิ อนั ดบั หนงึ่ ของภาคเหนอื เรอ่ื งเดน่ ประจำ� ฉบบั ตอนบน จากสถติ สิ ำ� นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร ปี 2557 พน้ื ทปี่ ลกู ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ในภาคเหนือ คิดเป็นร้อยละ 68 ของพื้นที่ปลูก ข้าวโพดเล้ียงสัตว์รวมทั้งประเทศ ในการเตรียมพื้นที่เพาะปลูก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนของทุกปี เกษตรกรยงั คงมกี ารเผาเศษซากตอซงั ขา้ วโพดเลย้ี งสตั ว์ โดยเฉพาะ พน้ื ทส่ี งู และลาดชนั ซงึ่ เปน็ สาเหตหุ นงึ่ ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ปญั หาหมอกควนั บางพื้นท่ีเป็นพื้นท่ีบุกรุกป่า ท�ำให้ลุกลามเกิดไฟป่าขยายวงกว้าง มีทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็กและสารพิษกลุ่มสารไดออกซิน (Dioxin) กลมุ่ สารอินทรียร์ ะเหยงา่ ย (VOCs) กลมุ่ สารประกอบโพลไี ซคลิก อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) กลุ่มสารไดออกซนิ สารไดออกซินท่ีตรวจพบ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลมุ่ สารไดออกซินมีจ�ำนวน 7 ชนิด กลุม่ ฟิวแรนมี 10 ชนิด กลุม่ พซี ีบี (Dioxin like PCB: กลมุ่ ทม่ี คี วามคลา้ ยคลงึ กบั กลมุ่ สารไดออกซนิ ) จ�ำนวน 12 ชนดิ สารไดออกซินทตี่ รวจวัดได้ ทัง้ 3 กล่มุ นี้ จัดว่า เป็นสารก่อมะเรง็ 1 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 1 2/2/60 BE 2:36 PM

ปที ่ี 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 PAHs PM10 VOCs ไดออกซิน เผาตอซงั ข้าวโพดเลยี้ งสตั ว์ 1 ตัน ปล่อย PM10 = 1.6 กิโลกรัม ไดออกซนิ = 0.0024 กรัม VOCs = 160 กรัม PAHs ในฝนุ่ PM10 = 1.9 กรัม และ PAHs ในรปู ของกา๊ ซ = 4.2 กรัม กลมุ่ สารอนิ ทรยี ร์ ะเหยง่าย ต.ชา่ งเคยี่ น อ.เทงิ จงั หวดั นา่ น ไดแ้ ก่ ต.นำ้� ปว้ั อ.เวยี งสา ต.ไหลน่ า่ น สารอินทรีย์ระเหยง่ายที่ตรวจพบมีจ�ำนวน 36 ชนิด ใน อ.เวียงสา ต.ส้าน อ.เวยี งสา ต.อ่ายนาไลย อ.เวียงสา ต.ป่าคาหลวง บรรดาสารอินทรีย์ระเหยง่ายท่ีตรวจวัดได้พบว่ามีสารก่อมะเร็ง อ.บ้านหลวง จงั หวดั ตาก ไดแ้ ก่ ต.ทงุ่ หลวงแม่จะเรา อ.แมร่ ะมาด 4 ชนิด ได้แก่ Benzene, Vinyl Chloride, Chloroform และ บริเวณคริสตจักรห้วยน�้ำขุ่น ต.มหาวัน อ.แม่สอด ต.ช่องแคบ Dichloromethane อ.พบพระ องค์การบริหารส่วนต�ำบลมหาวัน อ.แม่สอด ต.แม่กุ กล่มุ สารประกอบโพลไี ซคลกิ อะโรมาตกิ ไฮโดรคาร์บอน อ.แมส่ อด สารประกอบโพลีไซคลกิ อะโรมาติกไฮโดรคารบ์ อน ที่ตรวจ จากการแพร่กระจายของสารเบนซีน พบว่า อ.เทิง พบมีจำ� นวน 14 ชนดิ ในบรรดาสารประกอบโพลไี ซคลกิ อะโรมาตกิ จงั หวดั เชยี งราย และ อ.เวยี งสา จงั หวดั นา่ น มสี ารเบนซนี เกนิ เกณฑ์ ไฮโดรคารบ์ อนท่ีตรวจวัดได้ มจี �ำนวน 6 ชนดิ ทม่ี ีโอกาสกอ่ ใหเ้ กดิ มาตรฐานค่าเฝ้าระวังส�ำหรับสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ มะเรง็ ไดเ้ ม่อื สัมผัสเป็นระยะเวลานาน ได้แก่ Napthalene, Benzo โดยทั่วไปในเวลา 24 ชั่วโมง (ประกาศกรมควบคุมมลพิษ 2552 (a) Anthracene, Benzo(k)Fluoranthene, Benzo (a)Pyrene, กำ� หนดไวว้ า่ สารเบนซีนในบรรยากาศโดยทว่ั ไปในเวลา 24 ช่วั โมง Dibenzo (a,h) Anthracene และ Indeno (1,2,3-cd) Pyrene ต้องไมเ่ กิน 7.6 ไมโครกรมั ตอ่ ลกู บาศกเ์ มตร) พบว่าหลายพื้นท่ีในจังหวัดเชียงรายและน่านมีสาร ประเมนิ การแพรก่ ระจายของสารพษิ ในอากาศ ไดออกซินในบรรยากาศเกินเกณฑ์ค่ามาตรฐานของประเทศญ่ีปุ่น ตัวอย่างจากการประเมินการแพร่กระจายของสารพิษใน ซงึ่ กำ� หนดไวว้ า่ คา่ ความเขม้ ขน้ ของสารไดออกซนิ โดยรวม(ไดออกซนิ อากาศดว้ ยแบบจำ� ลองทางคณติ ศาสตร์ โดยใชข้ อ้ มลู ตำ� แหนง่ พนื้ ท่ี ฟวิ แรน และ พซี บี )ี ในบรรยากาศตอ้ งนอ้ ยกวา่ หรอื เทา่ กบั 0.6pgTEQ/m3 เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ ประเทศไทยยงั ไมม่ คี ่ามาตรฐาน สารไดออกซินในบรรยากาศ) ของกรมพฒั นาท่ดี ิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2557 และใช้ พบว่าทุกพื้นที่ศึกษามีค่าความเข้มข้นของสาร ฐานข้อมูลอุตุนิยมวิทยาพื้นผิวรายช่ัวโมง ปี 2557 ของกรม เบนโซ (เอ) ไพรนี ซ่งึ อยูใ่ นกล่มุ สารประกอบโพลีไซคลิกอะโรมาตกิ อุตนุ ิยมวทิ ยา และข้อมลู จากการตรวจวดั สารพิษทง้ั 3 กลมุ่ ของ ไฮโดรคาร์บอน เกินเกณฑ์ค่ามาตรฐานของประเทศแคนาดา ศนู ย์วจิ ยั และฝึกอบรมด้านสิ่งแวดลอ้ ม ซ่ึงก�ำหนดไว้ว่าค่าความเข้มข้นของสารเบนโซ (เอ) ไพรีน ใน พบว่าพ้ืนที่ท่ีมีความเข้มข้นของสารพิษทั้ง 3 กลุ่มสูง บรรยากาศตอ้ งนอ้ ยกวา่ 1 นาโนกรมั ตอ่ ลกู บาศกเ์ มตร(ประเทศไทย 5 อันดบั แรกในจังหวดั เชยี งราย ไดแ้ ก่ ต.เวยี งเทิง อ.เทิง ต.เมง็ ราย ยังไมม่ คี า่ มาตรฐาน สารเบนโซ (เอ) ไพรนี ในบรรยากาศ) อ.พญาเมง็ ราย ต.พญาเมง็ ราย อ.พญาเมง็ ราย ต.ปงนอ้ ย อ.ดอยหลวง เรื่องเด่นประจำ� ฉบบั 2 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 2 2/2/60 BE 2:36 PM

ปที ี่ 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 แผนทคี่ วามเส่ียงตอ่ สุขภาพจากการได้รับสมั ผัสสารอินทรีย์ระเหยงา่ ย (VOCs) สารไดออกซนิ (Dioxin) และสารประกอบโพลไี ซคลิกอะโรมาตกิ ไฮโดรคารบ์ อน (PAHs) ในพ้ืนท่ีจงั หวัดเชยี งราย ตาก และน่าน ประเมนิ ความเสยี่ งจากการไดร้ บั สมั ผสั สารพษิ ต้นทนุ การเจบ็ ป่วย ตัวอย่างการประเมินความเสี่ยงจากการได้รับสัมผัสสารพิษ ต้นทนุ จากการเจบ็ ปว่ ย ของกล่มุ ผปู้ ่วย 4 กลุม่ โรค คอื กลุ่ม พบวา่ ในชว่ งทม่ี กี ารเผาในที่โลง่ ตัง้ แต่เดือนมกราคม - เมษายน โรคตาอกั เสบ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลอื ดทุกชนิด กล่มุ โรคทาง พ.ศ. 2557 ค่าความเส่ยี ง (Hazard index) จากการรบั สมั ผัสฝ่นุ เดินหายใจทุกชนิด และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ ช่วงฤดูปัญหา ละอองและสารพษิ ดังกล่าว มหี ลายพ้นื ทีม่ ีค่าความเส่ียงมากกว่า 1 หมอกควันเดือนมกราคม - เมษายน ย้อนหลัง 3 ปี คือ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าฝุนละอองและสารพิษมีความเสี่ยงต่อการเกิดผล พ.ศ. 2556 - 2558 ในพน้ื ทจี่ งั หวัดนา่ น เชยี งราย และตาก พบว่า กระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างชัดเจน เน่ืองจากการได้รับ มคี า่ เทา่ กับ 382,940,081 บาท จงั หวัดท่มี ตี น้ ทนุ จากการเจ็บปว่ ย สารมลพษิ เขา้ สรู่ า่ งกายเปน็ ปรมิ าณมากกวา่ ปรมิ าณอา้ งองิ ทงั้ ฝนุ่ ละออง มากที่สุด คือ จังหวัดเชียงราย มีค่าเท่ากับ 210,770,966 บาท และสารพิษกลุ่มสารไดออกซิน สารอินทรีย์ระเหยง่าย และ ในขณะที่จังหวัดน่าน และตาก มีต้นทุนจากการเจ็บป่วย มีค่า สารประกอบโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคารบ์ อนทปี่ ลดปลอ่ ยออก เท่ากับ 85,389,994 บาท และ 86,779,120 บาท ตามล�ำดับ มาจากการเผาตอซงั ขา้ วโพดเลย้ี งสัตว์ มีผลกระทบต่อสุขภาพของ โดยมูลค่าความเสียหายต่อสุขภาพที่เกิดจากต้นทุนค่ารักษา ประชาชนในระยะเฉียบพลัน ท�ำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ กด พยาบาลสำ� หรบั ผปู้ ว่ ยนอก ในกลมุ่ โรคหวั ใจและหลอดเลอื ดทกุ ชนดิ ประสาทระบบส่วนกลาง ทำ� ให้ปวดศีรษะ เวยี นศีรษะ ระคายเคือง มมี ลู คา่ ความเสยี หายตอ่ สขุ ภาพตอ่ คนมากทสี่ ดุ โดยในปี พ.ศ.2557 ต่อผิวหนังและตา ในระยะยาวอาจทำ� ให้เกิดโรคมะเร็งได้ เน่ืองจาก มีมูลคา่ ความเสยี หายตอ่ สุขภาพเทา่ กับ 16,373 บาทต่อคน สารท้ัง 3 กลุ่ม ทพี่ บเป็นสารก่อมะเรง็ สรุป จากขอ้ มลู การศกึ ษาผลกระทบของการแพรก่ ระจายของสารพษิ ฝนุ่ ละออง บริเวณท่ีฝนุ่ ละออง ในอากาศจากการเผาตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ข้างต้นจะเห็นได้ สารไดออกซนิ ขนาด PM 2.5 ชัดว่าการเผาตอซังข้าวโพดเล้ียงสัตว์มีสารพิษหลายชนิดส่งผล สาร VOCs และสารพษิ กระทบตอ่ สขุ ภาพของประชาชนและมตี น้ ทนุ การเจบ็ ปว่ ยสงู ดงั นนั้ สาร PAHs เขา้ ถงึ ถงึ เวลาแลว้ ทที่ กุ ภาคสว่ นทเี่ กยี่ วขอ้ งควรหนั มาชว่ ยกนั ปอ้ งกนั หรอื บริเวณทฝ่ี นุ่ ละออง ลด ละ เลกิ การเผาตอซงั ขา้ วโพดเลยี้ งสตั ว์ และหนั มาสร้างมลู คา่ ขนาด PM 10 เพม่ิ ของเศษซากตอซงั ขา้ วโพดเลย้ี งสตั วส์ เู่ ชงิ พาณชิ ยเ์ พอื่ สรา้ งรายได้ และสารพิษ ให้แกเ่ กษตรกรอกี ช่องทางหน่งึ เข้าถึง 3 เรื่องเด่นประจำ� ฉบับ AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 3 2/2/60 BE 2:36 PM

ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 พืน้ ที่ตน้ ทาง (ตน้ ลม) ท่สี ่งผลกระทบต่อระดบั PM10 ช่วงฤดหู มอกควัน ในภาคเหนอื ตอนบน ✎ ศริ พงศ์ สขุ ทวี รุ่งระวี คงสงค์ สุธรี ะ บญุ ญาพทิ กั ษ์ อดลุ ยเ์ ดช ปดั ภยั และนริ ัน เปีย่ มใย ปัญหาหมอกควนั ทางภาคเหนือของประเทศไทยเปน็ ปัญหา การตรวจวัดจนถึงปี พ.ศ. 2557 ย้อนหลังท�ำให้เห็นภาพรวมของ ส�ำคัญอย่างหนึง่ และนำ� มาซึ่งการเพมิ่ ข้ึนของความเข้มขน้ ของฝุน่ สถานการณห์ มอกควนั ในภาคเหนอื ตอนบนนน้ั ยงั คงเกดิ เปน็ ประจำ� ขนาดเลก็ กว่า 10 ไมครอน (PM10) โดยท่ี PM10 นีไ้ ด้ถกู จัดว่าเป็น ทุกปี โดยมีช่วงระยะเวลาที่ความเข้มข้นของ PM10 เริ่มสูงจาก มลพิษทางอากาศท่ีถูกประกาศไว้ในมาตรฐานคุณภาพอากาศใน เดือนมกราคมและลดลงในเดือนเมษายน และมีสถานการณ์ บรรยากาศทว่ั ไปสำ� หรบั ประเทศไทย การศกึ ษาวจิ ยั ทางดา้ นปญั หา หมอกควันรุนแรงเกิดข้ึนบ่อยครั้งมากที่สุดในเดือนมีนาคมถึง หมอกควันภาคเหนือของไทยน้ันส่วนใหญ่เป็นการศึกษาทางการ ต้นเดือนเมษายน และจากข้อมูลท้ังหมดยังพบว่าไม่มีสถานการณ์ บริหารจัดการ แหล่งก�ำเนิด และคุณลักษณะของ PM10 ซึ่งการ หมอกควนั รนุ แรงในปี พ.ศ.2554 จากการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ศึกษาที่เก่ียวข้องกับสภาพภูมิอากาศยังมีน้อยมาก การศึกษานี้ พบปัจจัยท่ีเป็นไปได้ คือ การลดลงของจ�ำนวนจุดความร้อน จงึ ทำ� การศกึ ษาหาลกั ษณะความแปรปรวนของPM10 บรเิ วณภาคเหนอื การเปลี่ยนแปลงล�ำดับการตกของฝนและปริมาณน�้ำฝน การ ตอนบนของประเทศไทยและปจั จัยทางภูมิอากาศ เปลี่ยนแปลงการไหลเวียนของลม โดยเฉพาะเมื่อลมท่ีมาจากด้าน จากการศึกษาวิจัยและการวิเคราะห์ข้อมูลตรวจวัด PM10 ตะวันตกอ่อนก�ำลังลงในปี พ.ศ. 2554 ปจั จยั ทง้ั หมดนม้ี บี ทบาท จากสถานตี รวจวดั คณุ ภาพอากาศ กรมควบคมุ มลพษิ ตง้ั แตเ่ รมิ่ ท�ำ ในการลดระดบั ความเขม้ ขน้ ของ PM10 (Sooktawee et al., 20115) เรื่องเดน่ ประจำ� ฉบับ 4 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 4 2/2/60 BE 2:37 PM

ปีที่ 14 ฉบบั ที่ 35 มกราคม 2560 รปู ที่ 1 แสดงเสน้ ทางเดินของลมยอ้ นกลบั 24 ชัว่ โมง จงั หวัดแพร่ รปู ท่ี 2 แสดงความถ่ขี องเสน้ ทางเดินของลมย้อนกลับ 24 ช่วั โมง ในเดอื นมีนาคม ของทกุ ปี ตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2552-2557 และระดบั สี ท่ีผ่านในแตล่ ะตารางพนื้ ที่ (จงั หวัดแพร)่ (สธุ รี ะ และคณะ, 2559) แสดงถึงระดบั ความเข้มขน้ ของ PM10 (μg/m3) (สุธรี ะ และคณะ, 2559) จะเห็นได้ว่าลมเป็นปัจจัยหนึ่งท่ีส�ำคัญท่ีท�ำให้ความเข้มข้นของ รูปท่ี 3 แสดงค่า PSCF สำ� หรบั แตล่ ะตารางพ้นื ที่ (จงั หวดั แพร)่ PM10 มีการเปลี่ยนแปลง การวิเคราะห์เส้นทางการเคลื่อนที่ย้อน (สธุ รี ะ และคณะ, 2559) กลับของลมดว้ ยแบบจ�ำลอง Hysplit เพื่อให้เหน็ ภาพรวมถึงทศิ ทาง ของลมทเี่ มอ่ื พดั พามาจากทางทศิ ทางใดจะสง่ ผลกระทบทำ� ใหร้ ะดบั แพร่ อตุ รดิตถ์ เลย และประเทศเพื่อนบา้ น 6) จังหวัดลำ� พนู มีพ้นื ท่ี ความเข้มข้นของ PM10 เพิ่มขนึ้ ซงึ่ พบว่าเม่ือลมพดั พามาจากดา้ น ต้นทางของฝุ่น PM10 คือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และล�ำปาง ทิศตะวันตกแล้วน้ันท�ำให้ความเข้มข้นของ PM10 สูงขึ้น หรือ 7) จังหวัดแพร่ มีพื้นที่ต้นทางของฝุ่น PM10 คือ สุโขทัย สถานการณห์ มอกควนั ในภาคเหนอื รนุ แรงขน้ึ (แสดงดงั รปู ที่1) และ อตุ รดติ ถ์ และพษิ ณโุ ลก 8) จังหวัดพะเยา มีพนื้ ทีต่ น้ ทางของฝุ่น เมอ่ื ใชเ้ ทคนคิ การวเิ คราะหค์ วามถแ่ี ละเทคนคิ PSCF ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ PM10 คือ เชียงใหม่ เชยี งราย ลำ� ปาง แพร่ กาฬสนิ ธ์ุ และสกลนคร ถึงพื้นที่ต้นทางของลมที่มีความเป็นไปได้ในการท�ำให้ระดับความ (แสดงดังตารางท่ี 1) (Sooktawee et al., 2016) เข้มข้น PM10 ณ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในจังหวัดต่างๆ เพม่ิ ข้นึ อันเนื่องมาจากเป็นแหล่งตน้ ทางของ PM10 ที่ถกู เคลอ่ื น ยา้ ยโดยลมมายังจังหวัดต่าง ๆ ดังตัวอยา่ งของจงั หวัดแพร่ (แสดง ดังในรูปท่ี 2-3) (ศิรพงศ์ และคณะ, 2559; สุธรี ะ และคณะ, 2559; Sooktawee et al., 2016) รายละเอยี ดสำ� หรบั จงั หวดั อนื่ ๆ ในภาคเหนอื ตอนบนมดี งั นี้ 1) จงั หวดั ลำ� ปาง มพี ้ืนที่ต้นทางของฝนุ่ PM10 คือ แม่ฮอ่ งสอน เชยี งใหม่ ลำ� พนู แพร่ สโุ ขทยั อตุ รดติ ถ์ พษิ ณโุ ลก และกำ� แพงเพชร 2) จังหวดั เชียงใหม่ มพี ื้นทีต่ น้ ทางของฝุน่ PM10 คือ แมฮ่ ่องสอน เชยี งใหม่ ลำ� พนู ลำ� ปาง นครสวรรค์ และชยั ภมู ิ 3) จงั หวดั เชยี งราย มพี นื้ ทต่ี น้ ทางของฝนุ่ PM10 คอื เชยี งใหม่ ลำ� ปาง พะเยา หนองคาย อดุ รธานี และประเทศเพอ่ื นบา้ น 4) จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน เชยี งราย มพี นื้ ทต่ี น้ ทางของฝนุ่ PM10 คอื แมฮ่ อ่ งสอน เชยี งใหม่ และประเทศ เพอื่ นบา้ น 5) จงั หวดั นา่ น มพี นื้ ทตี่ น้ ทางของฝนุ่ PM10 คอื เชยี งใหม่ 5 เร่ืองเดน่ ประจำ� ฉบับ AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 5 2/2/60 BE 2:37 PM

ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 ตารางที่ 1 สรปุ ผลการวิเคราะหเ์ ส้นทางลมย้อนกลบั ความถ่ี และ PSCF (Sooktawee et al., 2016) จงั หวัด ทิศทางของเส้นทางเดนิ ของลมย้อนกลับ พนื้ ที่ท่มี คี วามถี่ พน้ื ทีท่ ่มี ศี ักยภาพสง่ ผลให้ความเข้มข้น PM10 24 ชว่ั โมงทม่ี ีความเข้มขน้ PM10 สูง ของลมพดั ผา่ นสูง เพ่ิมขึน้ จากการวเิ คราะห์ PSCF ลำ� ปาง ทิศตะวันตก - ทศิ ใต้ เชียงใหม่ ลำ� พูน แพร่ สุโขทัย แมฮ่ อ่ งสอน เชยี งใหมส่ ุโขทัย อตุ รดิตถ์ อุตรดติ ถ์ พษิ ณุโลก พิษณโุ ลก ก�ำแพงเพชร เชียงใหม่ ทศิ ตะวนั ตกเฉียงใต้ ก�ำแพงเพชร แมฮ่ อ่ งสอน นครสวรรค์ ชยั ภูมิ เชียงราย ทศิ ตะวันตกเฉียงเหนอื - ทิศใต้ แมฮ่ ่องสอน เชยี งใหม่ หนองคาย อดุ รธานี ประเทศเพอ่ื นบา้ น แมฮ่ ่องสอน ทศิ ตะวันตก ลำ� พนู ลำ� ปาง - น่าน ทศิ ใต้ ทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้ เชยี งใหม่ ลำ� ปาง พะเยา เชียงใหม่ ประเทศเพ่อื นบา้ น ล�ำพนู ทศิ ตะวนั ตก ประเทศเพอื่ นบ้าน - แพร่ ทศิ ตะวันตก ทิศใต้ แม่ฮ่องสอน เชยี งใหม่ - พะเยา ทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ - ทิศใต ้ ประเทศเพอ่ื นบา้ น เชยี งราย กาฬสนิ ธ์ุ สกลนคร แพร่ อุตรดติ ถ์ เลย แมฮ่ อ่ งสอน เชียงใหม่ ลำ� ปาง สุโขทัย อตุ รดติ ถ์ พษิ ณุโลก เชียงใหม่ ล�ำปาง แพร่ จากการศึกษานี้กล่าวได้ว่านโยบาย 60 วัน อันตรายห้าม ท�ำการเผาของภาครฐั นน้ั ไดก้ ำ� หนดช่วงเวลาได้เหมาะสมกับระดบั ความเข้มขน้ ของ PM10 ท่ีเพ่มิ ข้นึ แต่อยา่ งไรกต็ ามหากในจังหวดั ใดมีระดับความเข้มข้นของ PM10 สูงขึ้น ควรพิจารณาประสาน จงั หวดั ตน้ ทางทคี่ าดวา่ จะสง่ ผลใหร้ ะดบั ความเขม้ ขน้ ของฝนุ่ PM10 ณ จงั หวดั ปลายทางมีคา่ สงู ท�ำการบรหิ ารจัดการจำ� กดั กจิ กรรมที่ กอ่ ใหเ้ กดิ ฝนุ่ เขม้ ขน้ ขนึ้ และเมอื่ ฝนุ่ PM10 มคี วามเขม้ ขน้ สงู ในพน้ื ที่ ตน้ ทางประกอบกบั ลมตะวนั ตกมกี ำ� ลงั แรง ควรคาดการณว์ า่ จะเปน็ สว่ นเสรมิ ทำ� ให้สถานการณ์หมอกควนั ในพืน้ ทป่ี ลายทางรนุ แรงข้นึ เอกสารอา้ งองิ สธุ รี ะ บญุ ญาพทิ ักษ์, ร่งุ ระวี คงสงค์, อดลุ ย์เดช ปดั ภยั , นิรัน เปย่ี มใย, ศิรพงศ์ สขุ ทวี (2559), การประมาณพน้ื ท่สี ่งผลกระทบต่อระดับ PM10 ช่วงฤดหู มอกควัน : กรณีศึกษาจงั หวดั แพร่, การประชุมวิชาการ ทรพั ยากรธรรมชาติ สารสนเทศภมู ศิ าสตร์ และสิง่ แวดล้อม นเรศวร ครง้ั ที่ 1, หนา้ 9 - 15, พิษณุโลก. ศิรพงศ์ สุขทวี, รุ่งระวี คงสงค์, สุธีระ บญุ ญาพิทักษ์, อดลุ ย์เดช ปดั ภยั , นิรนั เป่ยี มใย (2559), การวเิ คราะห์เส้นทางการเคล่อื นที่ยอ้ นกลบั ของมวลอากาศในช่วงปัญหาหมอกควนั และพ้ืนท่ีเกย่ี วข้องทส่ี ง่ ผลต่อระดบั ความเข้มขน้ ของ PM10 ณ สถานีตรวจวดั คุณภาพอากาศ จังหวดั ลำ� ปาง, การประชุมวชิ าการระดับชาติ “ลำ� ปางวิจยั ครง้ั ที่ 2”, หนา้ 505 - 514, ลำ� ปาง. Sooktawee, S., U. Humphries, A. Patpai, R. Kongsong, S. Boonyapitak, and N. Piemyai (2015), Visualization and Interpretation of PM10 Monitoring Data Related to Causes of Haze Episodes in Northern Thailand, Applied Environmental Research, 37(2), 33 - 48. Sooktawee, S., R. Kongsong, S. Boonyapitak, A. Patpai, and N. Piemyai (2016), Identify the Plausible Potential Source Areas Related to Haze Episode in the Upper Northern Thailand, The 2nd Environment and Natural Resources International Conference (ENRIC 2016), pp. 18-25, Phra Nakhon Si Ayutthaya Province, Thailand. เร่ืองเดน่ ประจำ� ฉบบั 6 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 6 2/2/60 BE 2:37 PM

ปที ี่ 14 ฉบบั ที่ 35 มกราคม 2560 รปู แบบทางเลอื กในการแก้ไขปญั หาหมอกควนั ที่พฒั นาข้ึนจากการมีส่วนร่วมของชุมชน ในพ้ืนที่ ดอยยาว-ดอยผาหม่น จงั หวัดเชยี งราย ✎ จินดารัตน์ เรืองโชติวทิ ย์ กรมสง่ เสรมิ คณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ ม โดยศนู ยว์ จิ ยั และฝกึ อบรม เร่ืองเดน่ ประจำ� ฉบับ ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม ได้ร่วมกบั เครอื ขา่ ยนกั วจิ ัยดา้ นส่ิงแวดล้อมพฒั นา ศักยภาพของชุมชนในพื้นทด่ี อยยาว- ดอยผาหม่น เพอ่ื ให้สามารถ 2/2/60 BE 2:37 PM ศึกษา วิเคราะห์ และก�ำหนดรูปแบบทางเลือกในการแก้ไขปัญหา หมอกควนั ทย่ี ง่ั ยนื ของพนื้ ทต่ี นเองไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เนอื่ งจาก พ้นื ทีด่ อยยาว - ดอยผาหมน่ อยใู่ นพน้ื ที่ลมุ่ น้ำ� 1 A อาณาเขตอยู่ ในพื้นท่ีต�ำบลปอ อ�ำเภอเวียงแก่น และต�ำบลตับเต่า อ�ำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ที่มีสภาพป่าสูงจากระดับน�้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 1,000 เมตร และเป็นพ้ืนที่ป่าต้นน้�ำภายใต้ระบบ นิเวศวิทยาลุ่มน้�ำโขง ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็น เกษตรกรปลูกพืชเชิงเด่ียว โดยเฉพาะ ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ และ กะหลำ่� ปลี และวถิ กี ารผลติ ของเกษตรกรในพน้ื ทดี่ อยยาว- ดอยผาหมน่ ใชว้ ธิ ตี ดั ฟนั โคน่ และเผาบนทสี่ งู หรอื เรยี กอกี อยา่ งวา่ “การเตรียม พ้ืนท่ดี ้วยไฟ” มพี ื้นทป่ี ลูกข้าวโพดประมาณ 63,728 ไร่ มีเศษวัสดุ เหลอื ทิง้ ทางการเกษตร ประมาณ 50,944 ตัน/ปี ส่งผลให้เกดิ การ เผาตอซังและเปลือกข้าวโพดเล้ียงสัตว์ในพ้ืนที่ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ของปัญหาหมอกควันในพื้นที่เป็นประจ�ำทุกปี ประกอบกับ พ้ืนท่ีดอยยาว- ดอยผาหมน่ ยงั ไมม่ กี ารพฒั นารปู แบบซง่ึ เปน็ ทางเลอื ก ทเี่ หมาะสมต่อการประกอบอาชีพในภาคการเกษตรอย่างแท้จริง ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อมจึงร่วมกับชุมชนในพื้นที่ ค้นหารูปแบบทางเลือกในการจัดการปัญหาหมอกควันท่ีย่ังยืน ให้กบั พื้นทดี่ อยยาว - ดอยผาหมน่ 7 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 7

ปีที่ 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 กระบวนการเรยี นรู้ของชุมชนทเี่ กดิ จากขัน้ ตอน การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการอยา่ งมีส่วนรว่ ม ข้นั ที่ 3 ด�ำเนนิ การอย่างตอ่ เน่ือง ขัน้ ที่ 1 ค้นหาความ การก่อต้ังกลมุ่ และขยายกลุ่ม จรงิ /ค้นหาปัญหา/ ความสัมพันธ์/วเิ คราะห์ ตื่นรู้/สรา้ งส�ำนึกจากประสบการณ์ แนวทางการแก้ไขปญั หา ตามบรบิ ทความเปน็ จรงิ ประเมินผล ลงมอื ทำ� ขั้นท่ี 2 เร่ิมตน้ การปฏบิ ัติ ศึกษาเรยี นร/ู้ วิเคราะห์ การพัฒนารูปแบบทางเลือกในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน จากการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน พฒั นาจากการสรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ ของชุมชนให้สามารถแก้ไขปัญหาหมอกควันของพื้นท่ีตนเอง โดยกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนน้ันเกิดจากขั้นตอนการวิจัย เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารอยา่ งมสี ว่ นรว่ ม ซง่ึ จะเปน็ การเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ในทุกกระบวนการ เพื่อการแก้ไขปัญหาหมอกควันที่เป็นระบบ และยั่งยืนให้กับชุมชนตนเอง รวมถึงการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ของชมุ ชนไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพในอนาคตต่อไป ซ่ึงที่ประชุมในข้ันตอนค้นหาความจริง/ค้นหาปัญหา/ความ สมั พนั ธ/์ วเิ คราะหแ์ นวทางการแกไ้ ขปญั หาตามบรบิ ทความเปน็ จรงิ ชุมชนได้มีการแสดงความคิดเห็นในประเด็นความต้องการที่ชุมชน ตอ้ งการพฒั นาใหเ้ กดิ ขนึ้ ในชมุ ชนของตนเอง พรอ้ มทงั้ นำ� เสนอรปู แบบ ทางเลือกเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันท่ีย่ังยืนในพ้ืนที่ท่ีเกิดจากการ มีส่วนร่วมของชุมชน โดยเฉพาะอย่างย่ิงรูปแบบทางเลือกในการ จดั การปญั หาหมอกควนั ในภาคการเกษตร ทส่ี ามารถตอบโจทยข์ อง ตวั เกษตรกรได้ และสามารถใชเ้ ปน็ กลไกในการจดั การปญั หาหมอก ควนั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพอื่ ขบั เคลอื่ นใหเ้ กดิ การจดั การตนเอง ของชมุ ชนเพอื่ นำ� ไปสกู่ ารยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ของชมุ ชนทด่ี ขี น้ึ ใน อนาคต โดยในปีงบประมาณ 2559 ได้มกี ารจดั ท�ำโครงการน�ำรอ่ ง ตามรูปแบบทางเลือกท่ีชุมชนได้ร่วมกันคิดวิเคราะห์ เพ่ือแก้ไข ปญั หาหมอกควันในพืน้ ท่ี ไดแ้ ก่ 1) การผลติ ปยุ๋ อนิ ทรียจ์ ากเปลอื ก และซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2) การท�ำเกษตรอินทรีย์ในระบบ เกษตรกรรมยัง่ ยนื 3) การพฒั นาการจัดการทอ่ งเทีย่ วย่งั ยนื รูปแบบทางเลือกในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ในพน้ื ทด่ี อยยาว - ดอยผาหมน่ จงั หวดั เชยี งราย 1. การผลิตปยุ๋ อนิ ทรยี จ์ ากเปลือกและซงั ขา้ วโพดเลี้ยงสัตว์ พน้ื ทขี่ องดอยยาว - ดอยผาหมน่ จงั หวดั เชยี งราย เปน็ พนื้ ท่ี เกษตรกรรมเชงิ เดยี่ วทม่ี กี ารเตรยี มพนื้ ทเ่ี พาะปลกู ดว้ ยไฟ โดยเฉพาะ การปลูกข้าวโพดเล้ียงสัตว์ มีการเผาเปลือกและซังข้าวโพดเพ่ือ เตรยี มพนื้ ทใี่ นการเพาะปลกู รอบตอ่ ไป อยา่ งนอ้ ย จำ� นวน 2 ครง้ั /ปี และจากการที่ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านส่ิงแวดล้อม ได้สร้าง 8 เรือ่ งเดน่ ประจ�ำฉบบั AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 8 2/2/60 BE 2:37 PM

AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 9 ปที ่ี 14 ฉบบั ที่ 35 มกราคม 2560 กระบวนการเรยี นรใู้ หก้ บั ชมุ ชนในการพฒั นารปู แบบทางเลอื กในการ แก้ไขปัญหาหมอกควันในพ้ืนที่ดอยยาว - ดอยผาหม่น ผู้น�ำและ เกษตรกรในพ้ืนที่ต่างเห็นชอบร่วมกันว่า การน�ำเปลือกและซัง ข้าวโพดมาท�ำปุ๋ยอินทรีย์น่าจะเป็นทางออกหน่ึงที่ส�ำคัญ โครงการ วิจัยไดม้ กี ารพฒั นาสตู รปุ๋ยอินทรีย์ สตู รดอยยาว 1 แตว่ ิธกี ารท่ีทำ� คอ่ นขา้ งไมเ่ หมาะสมวิถชี ีวิตของเกษตรกรในพน้ื ท่ี ที่เกษตรกรตอ้ ง ประกอบอาชีพหลายอย่างจึงท�ำให้ไม่มีเวลา ในการดูแลปุ๋ยหมักท่ี ต้องมีการพลิกกลับกองปุ๋ย การแก้ปัญหานี้ทางโครงการวิจัยจึงใช้ แนวคิดและเทคนิคการท�ำปุ๋ยแบบกองยาวแบบไม่พลิกกลับกอง ของผชู้ ว่ ยศาสตราจารยธ์ รี ะพงษ์ สวา่ งปญั ญางกรู จากมหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ มาประยกุ ตใ์ ช้ ในการพัฒนาสตู รปุ๋ยอนิ ทรยี ์ สตู รดอยยาว 2 ดังนั้นการผลิตปุ๋ยอินทรีย์โดยใช้เศษวัสดุเหลือทิ้งจากการปลูก ข้าวโพดเล้ยี งสตั ว์ในพนื้ ที่ดอยยาว - ดอยผาหม่น มีการดำ� เนินการ ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ แบบใช้ออกซิเจน 2 แบบ คือ แบบกลับกองปุ๋ย และแบบไมก่ ลบั กองปยุ๋ แนวคิดและเทคนิคการท�ำปุ๋ยอินทรีย์แบบกองยาวแบบ ไม่พลิกกลับกองสูตรปุ๋ยอินทรีย์ดอยยาว 2 โดยการท�ำกองปุ๋ย เป็นสามเหลี่ยมให้มีความสูงประมาณ 1.5 เมตร จะสามารถสะสม ความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาการย่อยสลายของจุลินทรีย์เอาไว้ใน กองปุ๋ย ความร้อนน้ีจะท�ำให้เกิดสภาวะท่ีเหมาะสมกับการ ย่อยสลายของจุลินทรีย์ท่ีชอบความร้อนสูงอยู่แล้ว ในขณะท่ีเกิด ความร้อนสูงขึ้นในกองปุ๋ย ความร้อนนี้จะลอยตัวสูงข้ึน และจะ ท�ำให้อากาศภายนอกกองปุ๋ยที่เย็นกว่าไหลเวียนเข้าไปภายใน กองปุ๋ย ซ่ึงจะช่วยให้เกิดสภาวะการย่อยสลายของจุลินทรีย์แบบ ใช้อากาศ จึงท�ำให้ไม่ต้องมีการพลิกกลับกองปุ๋ย และช่วยให ้ กองปุ๋ยไม่มีกลน่ิ รบกวน (ผศ.ธีระพงษ์ สว่างปญั ญางกรู ) ผลการวิเคราะห์ธาตุอาหารหลัก N P K และ C/N ratio ของสูตรปุ๋ยอินทรีย์ สูตรดอยยาว 1 และ 2 เทียบกับมาตรฐาน ปุ๋ยอินทรีย์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (พ.ศ. 2548) พบว่า อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังน้นั สูตรปุ๋ยอินทรียท์ ่ีเหมาะสมกบั พ้นื ที่ ดอยยาว - ดอยผาหมน่ ไดแ้ ก่ สตู รดอยยาว 2 แบบไมก่ ลบั กองปุ๋ย เนอ่ื งจากขัน้ ตอนการท�ำ ปยุ๋ เหมาะสมกับวิถีชวี ติ ของชมุ ชนในพน้ื ท่ี 9 เร่อื งเดน่ ประจำ� ฉบับ 2/2/60 BE 2:37 PM

ปีที่ 14 ฉบับที่ 35 มกราคม 2560 2. การทำ� เกษตรอนิ ทรยี ์ในระบบเกษตรกรรมย่ังยืน พ้นื ท่ีดอยยาว - ดอยผาหมน่ ไดม้ กี ารประยุกต์ใชแ้ นวคดิ กระบวนการการรับรองมาตรฐาน และเกณฑ์มาตรฐานเกษตร อินทรีย์ของสมาคมมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ภาคเหนือ และ กระบวนการรับรองมาตรฐาน และเกณฑ์มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ แบบมีสว่ นร่วม Standards of Participatory Guarantee Systems (PGS) of Organic Agriculture ของกลุม่ เกษตรกรที่ Green Net SE มาเป็นแนวทางในการพัฒนาเกณฑ์การผลิตเกษตรอินทรีย์ ทเ่ี หมาะสมกบั พนื้ ท่ี ซง่ึ มปี ระเดน็ ทต่ี อ้ งพจิ ารณา จำ� นวน8 ประเดน็ ไดแ้ ก่ พ้นื ทดี่ อยยาว - ดอยผาหม่น มกี ารท�ำผงั การผลิตในแปลง ของเกษตรกร จ�ำนวน 2 แปลง โดยมรี ายละเอยี ดพื้นท่ีด�ำเนนิ การ ของท้ัง 2 แปลงดงั นี้ แปลงของนายหาญศักดิ์ หาญบุญศรี เกษตรกรบ้าน ร่มโพธิ์ทอง ต�ำบลตับเต่า อ�ำเภอเวียงแก่น ผังและแผนการผลิต เนน้ การปลกู พชื และเลย้ี งสตั ว์ มเี ปา้ หมายปลกู พชื ในแปลงไมต่ ำ�่ กวา่ 30 ชนดิ มีพืชชั้นบน เช่น อาโวคาโด แมคาเดเมีย พลบั พชื ช้ันลา่ ง การพัฒนาพ้ืนที่การผลิตเกษตรกรรมย่ังยืนในพื้นท่ีศึกษา เช่น กาแฟ และพืชผกั นอกจากนย้ี ังได้เล้ียงแพะดว้ ย ใช้วิธีการปลูกผักอินทรีย์ในระบบเกษตรกรรมยั่งยืนท่ีเลียนแบบ ธรรมชาติ ได้แก่ 1) การปลูกพืชหลากหลาย 2) การปลูกพืช หมุนเวียน 3) การปลูกพืชร่วมในแปลงเดียว 4) การปลูกพืชพันธุ์ พ้ืนบ้าน และ 5) การปลูกพืชเหมาะสมตามฤดูกาล นอกจากนั้นเพ่ือให้สามารถท�ำการเกษตรได้บรรลุตามผังไร่ นาท่ีวางไว้ เกษตรกรจะต้องมีแผนการผลิตโดยยึดหลักการของ เกษตรอินทรีย์ในระบบเกษตรกรรมยั่งยืน โดยเฉพาะการปลูกพืช ตามฤดกู าล การวางผงั ไรน่ าและการทำ� แผนการผลติ เปน็ สง่ิ จำ� เปน็ และสำ� คญั ที่เกษตรกรควรทำ� การท�ำผงั ไรน่ าอาจท�ำเพยี งครัง้ เดยี ว หรือมีการปรับปรุงบ้างแตต่ อ้ งไมบ่ ่อย แตแ่ ผนการผลิตตอ้ งทำ� ทกุ ปี และอาจปรบั ปรงุ ทุกเดือนหากจำ� เปน็ 10 เร่ืองเด่นประจ�ำฉบบั AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 10 2/2/60 BE 2:37 PM

ปที ี่ 14 ฉบบั ที่ 35 มกราคม 2560 1. ผังแปลงเกษตรของนายหาญศกั ดิ์ หาญบญุ ศรี บ้านร่มโพธิท์ อง ตำ� บลตบั เต่า อำ� เภอเทงิ สัญลกั ษณ ์ อาโวคาโด พลบั /สะเดา กาแฟ (ปลูกแซมไม้ผล) กล้วย/เจียวกูห่ ลาน แกว้ มังกร ไผเ่ ล้ียงกมิ ซุง มะละกอ แมคาเดเมยี สบั ปะรด ตะไคร/้ ข่า/จักขาน พรกิ ไทย/มะแขวน๋ มะกรดู /มะนาว/มะม่วง มะขามปอ้ ม มงั คดุ /ทเุ รียน/ลองกอง/มะไฟ/สาลี่/แอปเปิล้ เขยี ว พน้ื ทต่ี รงกลางปลูกผักตามฤดูกาล = คะน้า ผกั กาด ฟกั ทอง ฟักเขียว หอมแดง แตงกวา ผักบงุ้ ยอดมะระหวาน ตน้ หอม ผกั ชี เป็นต้น 2. ผังแปลงเกษตรของนายแดน ตาลำ� บา้ นร่มฟ้าผาหม่น ตำ� บลปอ อ�ำเภอเวยี งแก่น สญั ลักษณ์ อาโวคาโด/ท้อ พลับ/สะเดา/ชมพู ่ กาแฟ (ปลกู แซมไมผ้ ล) กลว้ ย/เจยี วกหู่ ลาน แกว้ มงั กร/ทัมทิบ ไผเ่ ล้ยี งกิมซุง/กระถิน มะละกอ/ขนนุ แมคาเดเมีย/บ๊วย สับปะรด ตะไคร้/ขา่ /จกั ขาน พรกิ ไทย/มะแขว๋น มะกรดู /มะนาว/มะมว่ ง มะขามป้อม มังคุด/ทุเรียน/ลองกอง/มะไฟ/สาล/่ี แอปเปิ้ลเขยี ว เคพกสุ เบอรร์ ่ี แปลงผักตามฤดูกาล พ้นื ที่ตรงกลางปลกู ผักตามฤดกู าล = คะน้า ผกั กาด ฟกั ทอง ฟกั เขยี ว หอมแดง แตงกวา ผกั บ้งุ ยอดมะระหวาน ต้นหอม ผกั ชี ถว่ั หวาน ถั่วพมุ่ ถว่ั ลันเตา มะเขือยาว เปน็ ตน้ 11 เร่อื งเดน่ ประจ�ำฉบบั AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 11 2/2/60 BE 2:37 PM

ปที ่ี 14 ฉบบั ท่ี 35 มกราคม 2560 ซึ่งการพัฒนาพื้นที่ในแปลงของเกษตรกรต้นแบบทั้งสอง โดยท่ีใช้การท่องเท่ียวเป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาคน สังคม แบ่งการพัฒนาเป็น 3 ช่วงดังน้ี ช่วงแรกเร่ิมปลูกพืชชั้นบนไม้ผล และส่ิงแวดล้อมอย่างเป็นองค์รวม ท้ังนี้ได้มีการพัฒนาเกณฑ์เพื่อ ไม้ยืนต้น ไมร้ ่มเงา พืชผักตามฤดูกาล ชว่ งสองปลกู ไม้ชั้นรอง เช่น การจัดการท่องที่ยวย่ังยืนให้กับพื้นท่ี ดอยยาว-ดอยผาหม่น กาแฟ พชื ผักตามฤดูกาล ชว่ งสามเสริมความหลากหลายในแปลง โดยเร่ิมจากได้มีการรวบรวมประเด็นเกณฑ์จากแหล่งต่างๆ และ ใหเ้ พิม่ ข้ึนท้งั พชื และเลี้ยงสัตว์ ได้มีการจัดประชุมร่วมกับชุมชนในพ้ืนท่ีดอยยาว-ดอยผาหม่น 3. การพฒั นาการจดั การท่องเที่ยวยัง่ ยนื เพื่อร่วมกันพัฒนาเกณฑ์ประเมินกลางตามหลักของการท่องเที่ยว แนวคดิ การพฒั นาการจดั การทอ่ งเทยี่ วยง่ั ยนื ในพนื้ ทดี่ อยยาว - โดยชุมชน เพ่ือให้เกิดการตรวจสอบและยอมรับเกณฑ์กลาง ดอยผาหม่น ได้ประยุกต์ใช้หลักการของการท่องเที่ยวโดยชุมชน จากชุมชน โดยการพฒั นาเกณฑเ์ พือ่ การจดั การทอ่ งเทย่ี วย่ังยนื ใน “Community-based Tourism : CBT” ซึ่งเป็นการทอ่ งเทย่ี วที่ค�ำนึง พนื้ ท่ดี อยยาว - ดอยผาหม่น จำ� นวน 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นท่ี 1 องค์กร ถงึ ความยงั่ ยนื ของสง่ิ แวดลอ้ ม สงั คม และวฒั นธรรม กำ� หนดทศิ ทาง ชมุ ชน ดา้ นที่ 2 ทรพั ยากรธรรมชาติและวฒั นธรรมองค์กรชมุ ชน โดยชุมชน จัดการโดยชุมชนเพ่ือชุมชน และชุมชนมีบทบาทเป็น ด้านท่ี 3 การจดั การ และด้านที่ 4 การเรียนรู้ เจ้าของมีสิทธิในการจัดการดูแลเพ่ือให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้มาเยือน เร่อื งเด่นประจ�ำฉบับ 12 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 12 2/2/60 BE 2:37 PM

ปีที่ 14 ฉบับที่ 35 มกราคม 2560 นอกจากนนั้ ไดม้ กี ารศกึ ษาและสำ� รวจเสน้ ทางทอ่ งเทยี่ วเชอื่ มโยง ลักษณะภูมิอากาศบนเขาเย็นสบาย ฤดูกาลของพื้นท่ีเป็น 3 ภู (ภูชี้ฟา้ ภูชีด้ าว ภชู ี้เดือน) ซ่ึงเป็นเสน้ ทางทอ่ งเที่ยวเชงิ นิเวศ แบบมรสมุ เมอื งรอ้ น โดยมี3 ฤดู คอื ฤดรู อ้ น(มนี าคม- พฤษภาคม) ทพี่ ฒั นาขนึ้ ภายใตโ้ ครงการ โดยมผี แู้ ทนจากภาครฐั ชมุ ชน และผู้มี ฤดฝู น(มถิ นุ ายน- ตลุ าคม) และฤดหู นาว(พฤศจกิ ายน- กมุ ภาพนั ธ)์ สว่ นไดส้ ว่ นเสยี และไดก้ ำ� หนดวนั สำ� รวจเสน้ ทางและพฒั นาเสน้ ทาง พนั ธไ์ุ มท้ พี่ บในเสน้ ทางทอ่ งเทยี่ วจากจดุ ทก่ี ำ� หนด- เสาเขตแดน ทอ่ งเท่ยี ว 3 ภู ขึน้ จำ� นวน 2 ครง้ั ก่อนทจ่ี ะมกี ารทดสอบเส้นทาง ไทย - สปป.ลาว - ภูชฟ้ี า้ ไดแ้ ก่ เสย้ี วดอกขาว ก่อเดอื ย กอกา้ งดา้ ง ทอ่ งเที่ยวเสมือนจริงในเส้นทาง ภูชี้ฟ้า - ถ�้ำมรกต และเส้นทาง ก่อน�้ำ ก่อแดง ก่อสีเสียด จ�ำปาป่า และยังพบพันธุ์ไม้พ้ืนล่าง ภูชดี้ าว - ภูชีเ้ ดอื น อาทิ เออื้ งดนิ หญ้าหางหนู มอส เฟริ ์นประเภทตา่ ง ๆ ส่วนสัตวป์ ่า ผลทีไ่ ดจ้ ากการพฒั นาเสน้ ทางทอ่ งเที่ยวทางธรรมชาติ 3 ภู หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่พบสัตว์ใหญ่ แต่จะหาพบได้ง่าย พบวา่ ในเสน้ ทางทพ่ี ฒั นาพบพนั ธไุ์ ม้ และตน้ ไมข้ นาดใหญต่ ลอด คอื กระรอกบนิ กระรอก กระแต และค้างคาว เส้นทาง ซึ่งเหมาะส�ำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเท่ียวเชิง ส่วนการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวจากภูชี้ฟ้า - ถ�้ำมรกต นเิ วศ หรอื ทางธรรมชาติ ทง้ั นสี้ ภาพพน้ื ทเี่ ปน็ ลกั ษณะยอดเขาสงู ใน (ช่ือยังไม่เป็นทางการ) ได้ร่วมกันพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียวจาก เทือกเขาดอยผาหม่น เป็นเขตพื้นท่ีชายแดนโดยติดกับประเทศ ภชู ฟ้ี า้ - ถำ�้ มรกต โดยมกี ารพฒั นาเสน้ ทางและหาเสน้ ทางทเี่ หมาะสม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) สงู จากระดบั ส�ำหรับนักท่องเท่ียว ซ่ึงถ้�ำมรกตเป็นถ้�ำโบราณซ่ึงชุมชนในสมัย น�้ำทะเลประมาณ 1,200 - 1,628 เมตร โดยมีจุดชมวิวท่ีสูงที่สุด กอ่ นอยูใ่ นสงครามโลกครงั้ ที่ 2 ไดใ้ ชถ้ ำ�้ เป็นทหี่ ลบภัย ภายในถำ�้ ยัง คือ ภูชฟี้ า้ โดยสงู จากระดบั น�ำ้ ทะเล 1,628 เมตร ขาดการพัฒนาอีกมาก ซึ่งจะต้องมีการท�ำความสะอาดโดยน�ำมลู คา้ งคาวซงึ่ มปี รมิ าณมากในถำ้� ออกมา ทงั้ นชี้ มุ ชนสามารถนำ� ไปเปน็ สว่ นผสมของปยุ๋ อนิ ทรยี ไ์ ดเ้ ปน็ อยา่ งดแี ละจดั เสน้ ทางทอ่ งเทยี่ วในถำ�้ ตอ่ ไป การประชมุ กำ� หนดเส้นทางเพื่อสำ� รวจเส้นทางทอ่ งเท่ยี ว การสำ� รวจเส้นทางและพฒั นาเส้นทางท่องเทยี่ ว 3 ภู เรอื่ งเด่นประจ�ำฉบับ 13 2/2/60 BE 2:37 PM AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 13

ปที ่ี 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 การส�ำรวจเส้นทางและพฒั นาเสน้ ทางท่องเทีย่ วจากภูชฟ้ี ้า - ถ�้ำมรกต เส้นทางทอ่ งเที่ยวเชงิ นิเวศ ภูชี้ฟา้ (เส้นทางใหม่) การทดสอบเสน้ ทางทอ่ งเทย่ี วเสมอื นจรงิ เสน้ ทางภชู ฟี้ า้ - ถำ้� มรกต ภูชีเ้ ดือน เปน็ จดุ ชมวิว 360 องศา ซ่งึ สามารถชมทศั นยี ภาพ ในเสน้ ทางใหม่ โดยใชก้ ารท่องเทีย่ วเชงิ นิเวศ โดยในระยะทางของ ได้รอบตัว โดยที่ตั้งเดิมเป็นจุดบังเกอร์ สังเกตการณ์ชายแดน การเดนิ ทางจะพบกบั ไลเคน มอส และเฟริ น์ ต้นไมใ้ หญ่ซง่ึ ยงั คง ซ่ึงจากฐานสามารถมองเห็นจุดสังเกตการณ์ของ สปป.ลาว สภาพธรรมชาติท่คี อ่ นขา้ งสมบูรณ์ แต่ดว้ ยวถิ ีของชุมชนทน่ี ิยมตดั ได้อย่างชัดเจนสภาพภูมิศาสตร์เป็นภูเขาสูงชัน ลักษณะเหมือน ไมใ้ หญม่ าใชป้ ระโยชน์ ทำ� ใหพ้ บการทำ� ลายปา่ โดยการตัดรอบโคน ภูเขาหญ้าลาดสูงขึ้นไปประมาณ 45 องศา ระยะทางจากภูชี้ดาว ให้ต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตาย หรือสุมไฟโคนต้นไม้ ซ่ึงควรจะส่งเสริม ไปภชู ีเ้ ดือน มรี ะยะทางประมาณ 400 เมตร ไม่มจี ดุ บรกิ ารแวะพกั และปลูกจิตส�ำนึกในการอนุรักษ์ป่าต้นน้�ำของชุมชนอย่างจริงจัง เน่ืองจากมีลมกรรโชกตลอดเวลา ทั้งนี้ชุมชนควรจะมีการพัฒนา และอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตามในเส้นทาง ยังคงพบทิวทัศน์และ แหล่งท่องเที่ยวให้มีจุดแวะพักหรือจุดชมทัศนียภาพ ป้ายสื่อ ทัศนียภาพที่สวยงามน่าชม ส�ำหรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ความหมายขนาดเลก็ เพื่อมใิ ห้เสียทัศนียภาพ อย่างไรกต็ ามชุมชน โดยเฉพาะนักท่องเท่ยี วชาวต่างชาติ และชาวไทยท่ีนิยมการเดินป่า ในพ้ืนท่ีดอยยาว-ดอยผาหม่น ได้ต้ังคณะกรรมการเพ่ือขับเคลื่อน หรือการท่องเทย่ี วเชงิ นเิ วศ การจัดการการทอ่ งเที่ยวยัง่ ยืนในพ้ืนทตี่ อ่ ไป เร่ืองเดน่ ประจ�ำฉบับ เส้นทางทอ่ งเทยี่ วเชิงนิเวศ ถ้�ำมรกต (ยังไมม่ ชี ื่อถ้ำ� อยา่ งเปน็ ทางการ) AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 14 14 2/2/60 BE 2:37 PM

ปีที่ 14 ฉบบั ท่ี 35 มกราคม 2560 ภัยจากหมอกควัน... ทางภาคเหนือของประเทศไทย หมอกควัน มสี าเหตุเกิดจากการเผาไหม้ ท่ีสำ� คญั คอื การเกดิ ไฟปา่ จำ� นวนหลายครงั้ ทง้ั ภายในประเทศและจากประเทศ เพ่ือนบ้าน การเผาเศษวัสดุเหลือทิ้งทางเกษตรเพื่อเตรียมพื้นท่ี ส�ำหรับการเพาะปลูกในช่วงฤดูฝน เช่น การเผาตอซังข้าวโพด และการเผาเศษฟาง การเผาพน้ื ทเี่ พอื่ ประโยชนต์ อ่ การเกบ็ เหด็ เผาะ และผักหวาน การเผาขยะชุมชน และการก่อไฟให้ความอบอุ่น การเผาไหม้เหล่าน้ีท�ำให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กและ กา๊ ซอนั ตรายต่างๆ เชน่ ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ คารบ์ อนมอนอกไซด์ และไนโตรเจนไดออกไซด์ ในบรรยากาศและแพร่กระจายไปยัง ชุมชนเป็นบริเวณกว้างในภาคเหนือ หมอกควันทางภาคเหนือ จดั เปน็ ปญั หามลพษิ ทางอากาศทส่ี ำ� คญั มากปญั หาหนง่ึ ของประเทศ ประกอบกบั สภาพภมู ปิ ระเทศทเี่ ปน็ แอง่ กระทะ และสภาพภมู อิ ากาศ ในช่วงฤดูหนาวที่มีความกดอากาศสูง สภาพอากาศนิ่งและแห้ง เป็นเวลานานท�ำให้มีการสะสมของสารมลพิษเหล่านี้ในบรรยากาศ สงู เกินมาตรฐาน 15 เรอ่ื งเดน่ ประจำ� ฉบบั AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 15 2/2/60 BE 2:37 PM

ปีท่ี 14 ฉบบั ท่ี 35 มกราคม 2560 พื้นทีเ่ ส่ยี งการเกดิ ไฟป่าและหมอกควนั พนื้ ทท่ี ม่ี คี วามเสยี่ งตอ่ การเกดิ ไฟปา่ ในประเทศไทย กระจาย ครอบคลมุ บริเวณกว้างในภาคเหนอื และภาคตะวนั ตก ไฟปา่ ทีเ่ กดิ ขน้ึ ในประเทศไทยสว่ นมากเกดิ ขนึ้ จากการเผา อาจมสี าเหตมุ าจาก การเผาหลังการเก็บเก่ียวผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านโดย ขาดความระมดั ระวงั จงึ อาจท�ำให้ไฟลกุ ลามเขา้ สแู่ นวปา่ ผลกระทบ 1. ผลกระทบตอ่ ประชาชน ปัญหามลพิษจากหมอกควันและฝุ่นละอองในอากาศท่ีเกิด ขึน้ ในเดือนกมุ ภาพนั ธ์ - มนี าคมในช่วง 4 - 5 ปี ท่ีผา่ นมา ได้ส่งผล กระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ สร้างความสูญเสียต่อ เศรษฐกิจการท่องเท่ียว และท�ำให้มีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเพ่ิม มากขึ้น ได้แก่ โรคหอบหืดและโรคมะเร็งปอด จากการวิจัยของ นายแพทยพ์ งศ์เทพ วิวรรธนะเดช คณะแพทยศาสตร์ มช. พบว่า จังหวัดเชียงใหม่มีอัตราผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดประมาณ 40 คนต่อ ประชากร 100,000 คน ขณะทีใ่ นภาคอ่ืนๆ มีอตั ราผู้ปว่ ยโรคมะเรง็ ปอดเฉลย่ี ประมาณ 20 คนตอ่ ประชากร 100,000 คน ดงั นั้นคน เชียงใหมจ่ ะมโี อกาสป่วยเปน็ โรคมะเรง็ ปอดสงู ถึง 2 เทา่ ของคนใน ภาคอนื่ หากปญั หามลพษิ ทางอากาศของเมอื งเชยี งใหมย่ งั ไมไ่ ดร้ บั การแกไ้ ขอย่างมปี ระสทิ ธผิ ลแลว้ นา่ เปน็ ห่วงว่าในอกี 10 ปีข้างหนา้ จงั หวดั เชยี งใหมจ่ ะมผี ปู้ ว่ ยโรคมะเรง็ ปอดเพมิ่ ขนึ้ อกี เปน็ จำ� นวนมาก ปญั หาหมอกควนั ทางภาคเหนอื ของประเทศมแี นวโนม้ ความ รุนแรงของปัญหาหมอกควันเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สถานีตรวจวัด คุณภาพอากาศทีโ่ รงเรียนยุพราชวทิ ยาลัย และศูนยร์ าชการจงั หวัด เชยี งใหมส่ งู เกนิ มาตรฐาน120 ไมโครกรมั ตอ่ ลกู บาศกเ์ มตร ปรมิ าณ ฝนุ่ และหมอกควนั อยใู่ นระดบั ทมี่ ผี ลกระทบตอ่ สขุ ภาพกรมควบคมุ มลพษิ เรื่องเดน่ ประจำ� ฉบบั 16 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 16 2/2/60 BE 2:37 PM

ปีที่ 14 ฉบบั ที่ 35 มกราคม 2560 จึงออกประกาศให้หลีกเลี่ยงการอยู่นอกอาคารเป็นเวลานาน ระดับของผลกระทบ ของไฟป่ากระทบต่อมนุษย์และ และงดออกกำ� ลงั กายในทโี่ ลง่ โดยเฉพาะเดก็ ผ้สู ูงอายุ ผู้ป่วยทาง ส่ิงแวดล้อมอย่างกว้างขวาง (กรมอตุ นุ ยิ มวิทยา ม.ป.ป.) คอื เดินหายใจ และหืดหอบ ในบางช่วงบางเวลามีค่าฝุ่นละอองใน - ทำ� ใหเ้ กดิ ทศั นวสิ ยั ไมด่ ตี อ่ การดำ� รงชวี ติ เปน็ อปุ สรรคตอ่ อากาศมากกว่า 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรซึ่งถือว่าสูงมาก การคมนาคมทำ� ใหเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตไุ ดง้ า่ ย ทำ� ใหเ้ กดิ โรคทางเดนิ หายใจ จดั อยใู่ นขั้นอนั ตรายต่อสขุ ภาพ ส่งผลเสียต่อสุขภาพและจติ ใจ 2. ผลกระทบด้านการทอ่ งเท่ยี ว - ตน้ ไมน้ อกจากไดร้ บั อนั ตรายหรอื ถกู ทำ� ลายโดยตรงแลว้ จากการรายงานสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือตอนบน ยงั มผี ลกระทบทางออ้ ม คอื ทำ� ใหเ้ กดิ โรคและแมลงบางชนดิ มคี วาม ท่ีส่งผลกระทบตอ่ การทอ่ งเท่ียว พบวา่ มผี ลตอ่ เศรษฐกิจภาคเหนอื รุนแรงยง่ิ ขน้ึ เปน็ อยา่ งมาก ดงั นี้ 2.1 จ�ำนวนนักท่องเท่ียว จากปัญหาหมอกควันท�ำให้ ทศั นวสิ ยั ในการมองเหน็ ตำ่� กวา่ 2,000 เมตร เคร่ืองบนิ ไม่สามารถ รอ่ นลงจอดสนามบนิ ไดโ้ ดยเฉพาะทจี่ งั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ทำ� ใหม้ กี าร ยกเลกิ เทยี่ วบินไป - กลบั จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอนในเดอื นมนี าคม 2550 จำ� นวน 42 เทย่ี วบนิ จากปกติ 226 เทย่ี วบนิ เหลอื เพยี ง 184 เทยี่ วบนิ 2.2 ด้านธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเท่ียวได้รับผลกระทบ จากปัญหามลพิษหมอกควันและการประกาศให้จังหวัดเชียงใหม่ และแมฮ่ อ่ งสอนเปน็ พนื้ ทเ่ี ขตภยั พบิ ตั ิ สง่ ผลใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี วบางสว่ น เลี่ยงไปท่องเทยี่ วแหลง่ อืน่ เชน่ จังหวดั ชายทะเล เปน็ ตน้ จากการ สอบถามธรุ กจิ โรงแรมใน4 จงั หวดั ภาคเหนอื ตอนบน ไดแ้ ก่ จงั หวดั เชียงใหม่ ล�ำปาง เชยี งราย และแมฮ่ อ่ งสอน พบว่าธุรกจิ โรงแรม ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันโดยเฉพาะในกลุ่ม โรงแรมท่ปี ระกอบดว้ ยชาวต่างประเทศ ส่วนโรงแรมทีม่ ลี กู คา้ หลกั เป็นชาวไทยได้รับผลกระทบบ้างโดยมีอัตราการยกเลิกห้องพัก ประมาณรอ้ ยละ10 อยา่ งไรกด็ ี กลมุ่ นกั ทอ่ งเทยี่ วทวี่ างแผนเดนิ ทาง ทอ่ งเทยี่ วลว่ งหนา้ ไวแ้ ลว้ ยงั คงเขา้ มาทอ่ งเทย่ี วตามปกตปิ ระกอบกบั มีการจัดประชุมสัมมนา 17 เรือ่ งเดน่ ประจ�ำฉบบั AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 17 2/2/60 BE 2:37 PM

ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 - พชื บางชนดิ จะหายไป มชี นดิ อนื่ มาทดแทน เชน่ บรเิ วณ - แหล่งน�้ำถูกท�ำลาย คุณภาพของน้�ำเปลี่ยนแปลง ท่ีเกดิ ไฟไหม้ซ�้ำหลายๆ ครัง้ หญา้ คายง่ิ ขึน้ หนาแนน่ เนอ่ื งจากเถา้ ถ่าน - โครงสร้างของปา่ เปล่ียนแปลงไป เช่น ไฟปา่ จะเปน็ ตัว - ภูมิอากาศท้องถิ่นเปล่ียนแปลง เช่น อุณหภูมิสูงสุด- จัดชน้ั อายุของลกู ไม้ให้กระจดั กระจายกนั อย่างมีระเบียบ ต�ำ่ สุด การหมุนเวยี นของอากาศ เปน็ ตน้ รวมท้ังองคป์ ระกอบของ - สัตว์ป่าลดลง มีการอพยพของสัตว์ป่า รวมท้ังท�ำลาย อากาศเปลี่ยนไป เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน แหล่งอาหารทีอ่ ยู่อาศยั ทีห่ ลบภยั และแหลง่ นำ�้ เขมา่ และควนั ไฟเพ่มิ ขึ้น ส่งผลเสียต่อรา่ งกายมนษุ ย์ - คุณสมบัตขิ องดนิ เปลยี่ นแปลงทางด้านฟสิ กิ ส์ เคมแี ละ ชีววิทยา เช่น ดินมอี ณุ หภูมิสูงข้นึ ความชน้ื ลดลง อนิ ทรยี ์วัตถุและ ถึงเวลาแล้วหรือยังท่ีพวกเราจะต้องช่วยกัน จลุ นิ ทรยี ใ์ นดินเปล่ยี นแปลง ความสามารถในการดูดซึมน้ำ� ของดิน สอดสอ่ งดแู ลพนื้ ทขี่ องตวั เอง เพอื่ ใหค้ ณุ ภาพชวี ติ ลดลง ของเราดีกวา่ ท่เี ป็นอยู.่ ..เรา...ต้องชว่ ยกัน วิธีปอ้ งกนั และดูแลสุขภาพ ใหป้ ลอดภัยจากหมอกควัน ท่มี า: http://www.phuket108.com/ckeditor/upload/files/1444116987_12 112147_1663512600592976_5780046779828485290_n.jpg เอกสารอา้ งอิง สาเหตุและผลกระทบจากหมอกควันในพื้นทภี่ าคเหนอื , 2560. [ออนไลน]์ เข้าถงึ ได้จาก : http://region3.prd.go.th/Environment/index. php/2010-09-21-08-22-15/53-2016- 01-22-06-35-45.html เรื่องเดน่ ประจ�ำฉบบั 18 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 18 2/2/60 BE 2:37 PM

ปีที่ 14 ฉบบั ที่ 35 มกราคม 2560 จากความเส่อื มโทรมของดินในปจั จบุ นั ✎ รฐั เรืองโชตวิ ิทย์ ดินที่เส่ือมโทรม เป็นตัวบ่งชี้ความรุนแรงของการท�ำลาย การเสื่อมโทรมของดินเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น สภาวะ ความสมบรู ณข์ องดนิ เพอื่ การดำ� รงอยขู่ องมนษุ ยช์ าติ ดนิ เสอ่ื มโทรม อากาศเปล่ยี นแปลงอยา่ งรนุ แรง โดยเฉพาะอย่างยงิ่ สภาวะอากาศ คือ ดินที่อยู่ในสภาพท่ีไม่เอื้อต่อการผลิตทางการเกษตร ท�ำให้ แล้ง การชะล้างดินโดยน้�ำหรือลม รวมถึงจากการประกอบ ศักยภาพในการท�ำงานของดินลดลงหรือไม่อาจจะไม่สามารถใช้ กิจกรรมต่างๆ ที่ท�ำให้ดินเสื่อมคุณภาพ เน่ืองจากดินมีประโยชน์ ประโยชนจ์ ากดนิ ไดอ้ ยา่ งเตม็ ประสทิ ธภิ าพ เนอื่ งจากคณุ สมบตั ขิ อง ตอ่ การดดู ซบั คารบ์ อน หากคารบ์ อนลดนอ้ ยลง โลกจะรอ้ นและแลง้ ดินไมเ่ หมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช เชน่ คุณสมบตั ทิ างเคมี การเสอ่ื มโทรมของดนิ ทำ� ใหส้ มดลุ ของนำ้� ในธรรมชาตแิ ละระบบนเิ วศ ของดนิ มสี ภาพเปน็ กรดจดั เคม็ จดั ความอดุ มสมบรู ณ์ หรอื ปรมิ าณ ธาตอุ าหารในดนิ ลดลงและอยใู่ นสภาวะไมส่ มดลุ สว่ นดา้ นกายภาพ ดนิ มกี ารสูญเสยี โครงสรา้ งท�ำให้เกดิ การอดั ตัวแนน่ และขาดความ โปร่งพรนุ ของดนิ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี9 ทรงใหค้ วามสำ� คญั ต่อการฟื้นฟูดินที่เส่ือมโทรม และการป้องกันการพังทลายของดิน เพราะท่านทรงเห็นความส�ำคัญของการใช้ประโยชน์ท่ีดิน เพื่อ ประชาชนที่ท�ำการเกษตร โดยถือว่าดินน้ันถือเป็นปัจจัยส�ำคัญใน การผลติ อาหารทีม่ ีคณุ ภาพเลย้ี งดปู ระชากรโลก แตป่ ัจจบุ นั ปัญหา ส่ิงแวดลอ้ มท�ำใหค้ ุณภาพของดินเส่ือมลงเรือ่ ยๆ บทความนจ้ี ะชใี้ ห้ เหน็ ถงึ เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ เมอ่ื เกดิ ปญั หาดนิ เสอ่ื มโทรม 19 ตดิ ตามเฝา้ ระวงั AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 19 2/2/60 BE 2:37 PM

ปีท่ี 14 ฉบบั ที่ 35 มกราคม 2560 โดยรวมถูกท�ำลาย ส่งผลกระทบต่อการเกษตร การปศุสัตว์ ตวั อยา่ งโครงการ : และมีผลตอ่ เนอ่ื งทำ� ใหเ้ กดิ การขาดแคลนอาหารและการใชช้ วี ติ ของ { โครงการศูนย์ศึกษาการพฒั นาเขาหนิ ซอ้ น จงั หวดั ฉะเชิงเทรา มนษุ ยท์ ง้ั ในดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คม การเสอื่ มโทรมของดนิ เพมิ่ ขน้ึ { โครงการศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาหว้ ยทราย จงั หวัดเพชรบรุ ี อยา่ งรวดเร็วตัง้ แต่ศตวรรษท่ี 20 เนื่องจากประชากรโลกมจี �ำนวน { โครงการศนู ย์ศึกษาการพัฒนาหว้ ยฮ่องไคร้ จงั หวดั เชยี งใหม่ เพม่ิ ขน้ึ อยา่ งมากทำ� ใหม้ กี ารขยายเขตเมอื ง เกดิ การบกุ รกุ ทำ� ลายป่า { โครงการพฒั นาพนื้ ทลี่ ุ่มน�ำ้ แมอ่ าว จงั หวดั ลำ� พูน ท�ำให้ดินขาดสิ่งปกคลุมและเป็นสาเหตุหลักท่ีกระตุ้นให้เกิดการ { โครงการศกึ ษาฟ้ืนฟูทด่ี นิ เส่ือมโทรมเขาชะงมุ้ จังหวดั ราชบุรี ชะลา้ งพงั ทลายของดินซ่ึงจะส่งผลให้ดินเส่ือมโทรมอย่างเห็นได้ { โครงการทดลองแก้ปญั หาดนิ เปร้ยี ว จังหวัดนครนายก ชัด การใชส้ ารเคมที ง้ั ปยุ๋ และยาในการเพาะปลกู และการใชด้ นิ อย่าง { โครงการหญา้ แฝก ไม่ถูกวธิ ี เช่น การปลกู พชื เชงิ เดี่ยวซำ้� ๆ เป็นเวลานาน และการใช้ { โครงการแกลง้ ดนิ ดินเพาะปลูกด้วยความถ่ีของระยะเวลาท่ีมากเกินไปท�ำให้เกิดการ เสื่อมคุณภาพ ส่งผลให้ความสามารถในการผลิตของระบบนิเวศ นอ้ ยลงเพราะดนิ ไมส่ ามารถฟน้ื ฟกู ลบั มาอดุ มดว้ ยธาตอุ าหารไดท้ นั ปจั จบุ นั หนงึ่ ในสามของหนา้ ดนิ ในโลกอยใู่ นภาวะเสอ่ื มโทรม และผเู้ ชยี่ วชาญจากองคก์ ารสหประชาชาติ ระบเุ พมิ่ เตมิ วา่ หากไมม่ ี การดำ� เนนิ การใดเพอื่ ลดระดบั การเสอ่ื มคณุ ภาพของดนิ หนา้ ดนิ จะ หมดไปในระยะเวลา 60 ปี และในปี ค.ศ. 2050 ดนิ ท่ใี ช้ประโยชน์ ไดจ้ ะลดเหลอื เพยี งจำ� นวน1 ใน4 ของดนิ ทมี่ ใี นปี ค.ศ.1960 อยา่ งไร ก็ตาม ประเทศไทยมีโครงการพระราชดำ� ริในการปรับปรงุ คุณภาพ ของดนิ โดยการบำ� รงุ และรักษาดนิ ใหม้ ีความอุดมสมบูรณ์ สามารถ ท�ำได้ท้ังในภาพรวม ส�ำหรับเกษตรกร การปลูกพืชคลุมดิน เพื่อ รักษาหน้าดินไม่ให้เกิดการพังทลายและช่วยกักเก็บน้�ำท�ำให้ดินมี ความชมุ่ ชืน้ หลายโครงการ ตดิ ตามเฝา้ ระวัง 20 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 20 2/2/60 BE 2:38 PM

ปที ี่ 14 ฉบบั ท่ี 35 มกราคม 2560 เชน่ การปลกู หญา้ แฝกปอ้ งกนั การพงั ทลายของดนิ และฟน้ื ฟู ความสมบูรณข์ องพ้นื ทเี่ สอื่ มโทรม การท�ำเกษตรผสมผสาน ปลูก พืชหมุนเวียน ลดการใช้สารเคมี เน้นการเพาะปลูกแบบเกษตร อินทรีย์เป็นวิธีการท่ีควรน�ำมาปรับใช้ ในขณะเดียวกันมีโครงการ ส�ำคัญที่มีพระราชด�ำริในการจัดการดินอย่างมีประสิทธิภาพที่ ต้นทาง เช่น โครงการฟื้นฟูป่าเส่ือมโทรม มีการรณรงค์สร้าง จิตส�ำนึกในการลดการตัดไม้ท�ำลายป่า การปลูกป่าเพื่อถวายเป็น พระราชกศุ ล และสงวนรักษาทด่ี นิ ทมี่ ีความอุดมสมบูรณ์ไวเ้ พอื่ การ เพาะปลกู จากการปลกู พชื ทช่ี ว่ ยฟน้ื ฟอู าศยั ธรรมชาตริ กั ษาธรรมชาติ การแกลง้ ดินท่ีมีความเป็นกรดสูง การทดลองปลูกพชื ทนดนิ เปร้ียว เป็นต้น นับว่ารัชกาลที่ 9 ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกลในการ อนุรักษ์ดิน การลดความเส่ือมโทรมดินโดยอาศัยหลักธรรมชาติ เปน็ การอนรุ กั ษแ์ หลง่ เพาะปลกู ทางการเกษตรเพอื่ พสกนกิ รชาวไทย ไดใ้ ชป้ ระโยชนท์ ย่ี งั่ ยนื เปน็ การพฒั นาทถ่ี าวรอยา่ งแทจ้ รงิ การปลูกปอเทืองให้เป็น แหล่งท่องเท่ียวและยัง สามารถไถกลบเพ่ือเป็น ปุ๋ยพืชสด ส�ำหรบั ปรับปรงุ คุณภาพดนิ เพ่มิ แรธ่ าตใุ ห้ กับดินเนื่องจากปอเทือง เป็นพชื ตระกูลถว่ั เอกสารอา้ งอิง Top Soil Could Be Gone In 60 Years If Degradation Continues, UN Official Warns/ Reuters www.เรารกั พระเจา้ อยหู่ ัว.com/content/ index.php?page=category&type=view&cat=16 21 ติดตามเฝา้ ระวงั AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 21 2/2/60 BE 2:38 PM

ปที ่ี 14 ฉบบั ท่ี 35 มกราคม 2560 ✎ สุดา อทิ ธิสุภรณร์ ตั น์ กรณีศกึ ษา การบำ� บัดน้ำ� เสีย จากการรีดนำ้� ชะขยะ เทศบาลเมืองสระบรุ ี ปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยท่ีมีเพ่ิมข้ึนทุกปี ดูเหมือนว่า เน่ืองจากขยะที่ถูกบีบอัดแล้วมีปริมาตรลดลง อีกทั้งเป็นการลด จะก่อให้เกิดปัญหาท่ีทวีความรุนแรงมากขึ้นเร่ือยๆ ถือเป็นปัญหา ความเส่ียงเนื่องจากการเกิดก๊าซมีเทนจากกระบวนการย่อยสลาย ระดบั ชาตทิ รี่ ฐั บาลพยายามผลกั ดนั ใหม้ กี ารจดั การและแกไ้ ขปญั หา แบบไร้อากาศในหลุมฝังกลบขยะ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด อยา่ งเรง่ ดว่ น ขอ้ มลู จากกรมควบคมุ มลพษิ พบวา่ ปี2558 มปี รมิ าณ เพลิงไหม้ได้ ขยะเกิดข้นึ 29.09 ลา้ นตัน มีการน�ำไปก�ำจัด 13.6 ล้านตนั โดยมี การบ�ำบัดน้�ำเสียสามารถเลือกใช้ได้หลายวิธี โดยเทศบาล การก�ำจัดอย่างถูกสุขลักษณะเพียง 8.4 ล้านตันเท่านั้น ด้วยเหตุ เมอื งสระบุรมี ีการบำ� บัดน้ำ� เสีย ท่มี คี ่าความสกปรกของบีโอดอี ย่ใู น วกิ ฤตขิ ยะของไทยทเี่ กดิ ขนึ้ ทำ� ใหร้ ฐั บาลประกาศใหก้ ารจดั การขยะ ชว่ ง 7,900 - 44,000 มิลลิกรัมตอ่ ลติ รนน้ั จะถกู สง่ ผา่ นไปตามทอ่ เป็นวาระแหง่ ชาติในปี 2557 (อ้างองิ NOW26, 2559) สู่บ่อดักไขมัน ตามด้วยบ่อหมักแบบไร้อากาศเพ่ือลดปริมาณ สำ� หรบั กรณกี ารจดั การขยะโดยการฝงั กลบขยะแบบถกู หลกั ความสกปรกในรปู ของสารอนิ ทรยี อ์ อก กอ่ นสบู เขา้ สบู่ อ่ เตมิ อากาศ สุขาภบิ าลนั้น ในบางพืน้ ทมี่ ขี ยะสดในปริมาณมาก อยา่ งเทศบาล ซ่ึงคณุ ภาพนำ้� หลงั บำ� บดั นนั้ ยงั มคี ณุ ภาพทไ่ี มน่ า่ พอใจ กลา่ วคอื ใน เมอื งสระบุรี ขยะสดจะถกู จดั เกบ็ รวบรวมมาเพอ่ื ทำ� การบบี อดั และ บางครงั้ คา่ บโี อดจี ะสงู กวา่ 20 มลิ ลกิ รมั ตอ่ ลติ ร และมสี าหรา่ ยสเี ขยี ว รีดน้�ำที่ปนมากับขยะที่สถานีขนถ่ายขยะก่อนท่ีจะท�ำการขนส่งไป เกดิ ขน้ึ ซงึ่ ไมส่ ามารถทง้ิ ออกนอกสถานหี รอื นำ� ไปใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ ง ท่ีหลุมฝังกลบขยะ เพอ่ื เป็นการจัดการขยะทต่ี น้ ทางท�ำใหป้ ระหยัด อน่ื ได้นอกจากนำ� ไปใช้รดน�้ำต้นไมใ้ นพ้นื ทเ่ี ปน็ บางคร้งั พลงั งานในการขนสง่ หลมุ ฝงั กลบขยะสามารถรองรบั ขยะไดเ้ พม่ิ ขน้ึ ตารางท่ี 1 คุณภาพน�ำ้ หลังการบ�ำบัดระหว่างระบบถงั ปฏิกรณช์ ีวภาพแบบมีเมมเบรนและระบบตะกอนเรง่ คุณภาพน�ำ้ ทีว่ เิ คราะห์ ระบบตะกอนเรง่ ระบบถงั ปฏิกรณช์ วี ภาพแบบมเี มมเบรน บโี อดี (มก./ล) 5 - 50 <3 1 - 10 0.1 แอมโมเนยี - ไนโตรเจน (มก./ล) 10 - 18 <5 ไนโตรเจนทั้งหมด (มก./ล) 1 - 3 < 0.1 ฟอสฟอรัสทงั้ หมด (มก./ล) 10 - 50 <1 ตะกอนแขวนลอย (มก./ล) >3 < 0.5 ความข่นุ (NTU) > 1,000,000 < 50 โคลิฟอร์ม (cfu/100 mL) > 200,000 < 10 อีโคไล (cfu/100 mL) > 20 ตรวจไมพ่ บ ไขพ่ ยาธิ (/1,000 mL) กา้ วหน้าพฒั นา 22 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 22 2/2/60 BE 2:38 PM

ปีที่ 14 ฉบับที่ 35 มกราคม 2560 Out flow (treated waster, free of micro-organisms) Activated sludge Inflow (pre-treated wastewater) Air รปู ท่ี 1 ถงั ปฏิกรณ์ชวี ภาพแบบมเี มมเบรน รูปที่ 2 การเปรียบเทยี บรูปแบบการบ�ำบัดนำ�้ เสยี โดยระบบตะกอนเรง่ และระบบถงั ปฏิกรณช์ วี ภาพแบบมีเมมเบรน ศนู ยว์ จิ ยั และฝกึ อบรมดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม กรมสง่ เสรมิ คณุ ภาพ (รูปท่ี 1) ท�ำให้น�้ำเสียท่ีผ่านการบ�ำบัดแล้วมีคุณภาพดีกว่าระบบ สิ่งแวดล้อม จึงได้มีการศึกษาวิจัยเพ่ือบ�ำบัดน้�ำชะขยะโดยใช้ถัง บ�ำบัดนำ�้ เสียแบบแอกทิเวเตด็ สลัดจเ์ พียงอยา่ งเดียว ดงั ตารางที่ 1 ปฏิกรณ์ชีวภาพแบบมีเมมเบรนร่วมกับระบบการย่อยสลายแบบ (Moeslang and Brockmann, 2011) และระบบจะมีขนาดเลก็ ซง่ึ ไรอ้ ากาศทท่ี างเทศบาลมอี ยแู่ ลว้ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ พฒั นารปู แบบ ใชพ้ นื้ ทใ่ี นการบำ� บดั นอ้ ยกวา่ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ระบบบำ� บดั นำ้� เสยี การบ�ำบัดน�้ำเสียด้วยระบบการย่อยสลายแบบไร้อากาศร่วมกับ บำ� บดั นำ้� เสยี แบบตะกอนเรง่ ทตี่ อ้ งใชถ้ งั ตกตะกอนรว่ มดว้ ย (รูปท่ี 2) ถงั ปฏกิ รณช์ วี ภาพแบบมเี มมเบรน จากนำ�้ เสยี ทผ่ี า่ นการรดี นำ�้ ชะขยะ (Cote et al. 1997; Drews, 2005; Kraume and Drews, 2010; ออกมาและศกึ ษาคณุ ลกั ษณะของนำ�้ ทท่ี ำ� การบำ� บดั แลว้ เพอื่ นำ� กลบั Melin et al. 2006). มาใชใ้ หม่ ผลการศกึ ษาเบอ้ื งตน้ พบวา่ ถงั ปฏกิ รณช์ วี ภาพแบบมเี มมเบรน ถงั ปฏกิ รณช์ วี ภาพแบบมเี มมเบรน(Membranebioreactor: ที่ท�ำการติดตั้งในพื้นท่ีสามารถรองรับน�้ำเสียได้ไม่น้อยกว่า MBR) เปน็ ระบบบำ� บดั นำ�้ เสยี ขนั้ สงู ทเี่ ปน็ การรวมระบบบำ� บดั นำ�้ เสยี 3 ลูกบาศก์เมตร/วัน (รูปท่ี 3) โดยการรับน้ำ� เสยี ท่ผี า่ นการบ�ำบดั แบบตะกอนเร่ง (Conventional Activated Sludge: AS) ร่วมกับ แบบไรอ้ ากาศกอ่ นทจี่ ะเขา้ ระบบถงั ปฏกิ รณช์ วี ภาพแบบมเี มมเบรนนี้ เยื่อกรอง (membrane) ซ่ึงมีรูพรุนขนาดเล็กในระดับไมครอน (รูปท่ี 4) ในเบอื้ งตน้ นำ้� ทงิ้ ทผ่ี า่ นการบำ� บดั แลว้ มคี า่ ซโี อดนี อ้ ยกวา่ รปู ท่ี 3 รปู แบบถงั ปฏิกรณช์ วี ภาพแบบมเี มมเบรน กา้ วหนา้ พัฒนา 23 2/2/60 BE 2:38 PM AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 23

ปีท่ี 14 ฉบบั ที่ 35 มกราคม 2560 รูปที่ 4 แผนภาพล�ำดับการบำ� บดั นำ�้ ชะขยะสดในแต่ละจดุ ทท่ี �ำการศกึ ษา ณ สถานีขนถา่ ยขยะ เทศบาลเมอื งสระบรุ ี รปู ที่ 5 ตะกอนจุลินทรยี ์ในระบบ (ซา้ ย) และน้ำ� ทีผ่ ่านการบำ� บดั 120 มก./ล และบีโอดีน้อยกว่า 20 มก./ล น�้ำที่ผ่านการบ�ำบัดมี ดว้ ยระบบถังปฏิกรณช์ ีวภาพแบบมีเมมเบรน (ขวา) ลักษณะใส แตม่ สี อี อกเหลอื งอาจเนอ่ื งมาจากนำ้� เสยี มอี งคป์ ระกอบ ของสารอินทรีย์ซงึ่ จุลินทรยี ท์ �ำการย่อยสลายไดย้ ากอย่มู าก (รปู ที่ 5) โดยเฉล่ียร้อยละประสิทธิภาพในการบ�ำบัดซีโอดี บีโอดี ทีเคเอ็น และตะกอนแขวนลอย มคี ่าเทา่ กับ 80 96 80 และ 99 ตามลำ� ดับ สว่ นปรมิ าณดชั นชี ว้ี ดั ทางดา้ นจลุ นิ ทรยี ์ ไดแ้ ก่ อโี คไล และโคลฟิ อรม์ แบคทีเรียก็สามารถท�ำการบ�ำบัดได้เกือบ 100 % ทั้งน้ี แผนการ ดำ� เนนิ งานในปงี บประมาณ2560 นนั้ จะทำ� การศกึ ษาในรายละเอยี ด ของระยะเวลากักเก็บสลัดจ์ หรือตะกอนจุลินทรีย์ที่เหมาะสม ในระบบ เพอ่ื งา่ ยตอ่ การใหผ้ ใู้ ชด้ แู ลและควบคมุ ระบบเองได้ นอกจากนี้ จะท�ำการศึกษาคุณลักษณะของน�้ำท่ีท�ำการบ�ำบัดแล้วเพื่อน�ำกลับ มาใช้ใหม่ในพื้นท่ีของเทศบาลด้วย โดยผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตัวอยา่ งกรณีศกึ ษาการบ�ำบัดน�้ำชะขยะน้ี จะเปน็ อีกแนวทางหน่ึงที่ เป็นประโยชนแ์ ละสามารถประยกุ ต์ใช้ในพื้นทีอ่ ่นื ๆ ตอ่ ไปได้ ขอขอบคณุ เทศบาลเมอื งสระบรุ ี จังหวัดสระบุรี ท่ใี ห้ความอนุเคราะห์ และอ�ำนวยความสะดวกสำ� หรับการศึกษาวจิ ัยในพืน้ ที่ทดสอบ เอกสารอา้ งองิ Cote, P., Buisson, H., Pound, C. and Arakaki, G. (1997) Immersed membrane activated sludge for the reuse of municipal wastewater. Desalination, 113, 189 - 196. Drews, A. and Kraume, M. 2005. Process Improvement by Application of Membrane Bioreactors. Trans IChemE A3 Chem. Eng. Res. Des. 83: 276 - 284. Kraume, M., and Drews, A. (2010) Membrane Bioreactors in Waste Water Treatment - Status and Trends. Chemical Engineering Technology, 33(8), 1251 - 1259. Melin, T., Jefferson, B., Bixio, Thoeye, C., Wilde, W. D., Koning, J. D.,Graff, J., and Wintgens, T. (2006) Membrane bioreactor technology for wastewater treatment and reuse. Desalination, 187, 271 - 282. Moeslang, H., and Brockmann, M. 2011. Membrane BioreactorsKey Technology for Water Reuse. Available online at http:// www.ewisa.co.za/literature/files/85_39%20Moesling.pdf NOW 26. (2559) ขยะล้นเมอื ง ปญั หาใหญ่มลพิษ ปี 2559. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.now26.tv/view/66104 ก้าวหน้าพัฒนา 24 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 24 2/2/60 BE 2:38 PM

ปีที่ 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 ยอ่ ยสลายพลาสตกิ ชีวภาพ ✎ จตรุ งค์ เหลาแหลม พลาสติกเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ใช้งานได้หลากหลายและสะดวก ท�ำให้ได้รับความนิยมอย่าง กว้างขวางทั่วโลก ประมาณวา่ ทุกๆ นาที ทวั่ โลกใช้ถงุ พลาสติกกวา่ หนง่ึ ล้านใบ และยงั มีผลิตภัณฑ์ พลาสตกิ อนื่ ๆ ทม่ี นษุ ยใ์ ชแ้ ละทง้ิ อกี มากมาย เนอ่ื งจากพลาสตกิ ยอ่ ยสลายชา้ มาก ขยะจากพลาสตกิ จงึ สรา้ งปญั หาทางสง่ิ แวดลอ้ มชดั เจนขน้ึ ทกุ วนั ไมเ่ พยี งแตเ่ ปน็ ปญั หาบนบก แมใ้ นทะเลพลาสตกิ กเ็ ปน็ ปญั หา ในปัจจุบันการคดั แยกขยะเพอ่ื นำ� พลาสติกกลบั มาใช้ซ้�ำท�ำไดเ้ พียงรอ้ ยละ 5 ของพลาสติก ท่ผี ลิต (ชาญวทิ ย์ โฆษิตานนท,์ 2015) พลาสติกชีวภาพเป็นพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได ้ ก้าวหน้าพฒั นา (biodegradable plastics) ชนดิ หนงึ่ ท่ีมกี ลไกยอ่ ยสลาย ดว้ ยเอนไซมจ์ ากจลุ นิ ทรยี ท์ มี่ อี ยใู่ นธรรมชาติ เมอื่ ถกู ยอ่ ย สลายหมดจะได้น�้ำ ก๊าซมีเทน และก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ ซึ่งจะ นำ� ไปใชใ้ นการเจรญิ เตบิ โตของพชื ซงึ่ ไมส่ ง่ ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม ดังนั้นพลาสติกชีวภาพจึงมีประโยชน์และมีคุณสมบัติในการน�ำมา ใช้ได้เทียบกับพลาสติกสังเคราะห์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Tokiwa; et al. 2009:3722-3742) จุลินทรีย์ส่วนใหญ่มีบทบาทเป็นผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ ชนดิ ตา่ งๆ เชน่ ซากพชื ซากสตั ว์ ทอี่ ยใู่ นธรรมชาติ ในขณะเดยี วกนั ยงั มีสารประกอบอีกหลายชนิดทีม่ นุษยส์ ังเคราะหข์ ึน้ ซ่ึงมักจะเป็น สารทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ มลพษิ หรอื สารทย่ี อ่ ยสลายไดย้ ากโดยจลุ นิ ทรยี ท์ วั่ ๆ ไป ในธรรมชาติ ท�ำให้สารประกอบเหล่าน้ีตกค้างอยู่ในส่ิงแวดล้อม 25 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 25 2/2/60 BE 2:38 PM

ปที ่ี 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 เป็นจ�ำนวนมาก และหนึ่งในสารประกอบที่มนุษย์สร้างข้ึนซึ่งเป็น ปัญหากับส่ิงแวดล้อมในเกือบทุกประเทศทั่วโลกก็คือ พลาสติก (ธรี พฒั น์ เวชชประสทิ ธ,์ิ 2013) พลาสตกิ มหี ลากหลายชนดิ สามารถ นำ� ไปผลติ เป็นวัสดุต่างๆ ได้หลากหลาย แตพ่ ลาสติกชนดิ ทมี่ กี าร ใช้งานกันมาก คือ พลาสติกที่ใช้ในงานด้านการบรรจุภัณฑ์ เช่น ถงุ พลาสตกิ ขวดบรรจุเครอ่ื งดื่ม กล่องบรรจุอาหาร พลาสติกชนิดน้ี เปน็ พลาสตกิ ทผ่ี ลติ ขน้ึ จากพอลเิ มอรส์ งั เคราะหท์ เ่ี รยี กวา่ พอลเิ อธลิ นี (polyethylene; PE) เมื่อสังคมมนุษย์มีการพัฒนาด้านต่างๆ เจริญก้าวหน้าไปมาก พอลิเอธิลีนจึงถูกน�ำมาใช้เพ่ือผลิตเป็น พลาสติกมากขึ้นเร่ือยๆ จนเกิดเป็นปัญหาตามมาคือ ไม่สามารถ ก�ำจัดพลาสติกท่ีเหล่าน้ีได้ ปริมาณขยะพลาสติกล้นเมือง การแก้ ปญั หามกั จะทำ� โดยการฝงั กลบในดนิ ทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หากบั ระบบนเิ วศ ขนึ้ เพราะเมอ่ื พลาสตกิ เหลา่ นป้ี นเปอ้ื นอยใู่ นดนิ จะตอ้ งใชเ้ วลาตงั้ แต่ 20 ปี ไปจนถงึ เปน็ 1,000 ปี กวา่ จะเรมิ่ มกี ารยอ่ ยสลายข้นึ เองตาม ธรรมชาติ แนวทางในการทจ่ี ะแกป้ ญั หาขยะพลาสตกิ ทปี่ นเปอ้ื นอยู่ ในสงิ่ แวดลอ้ มอาจทำ� ไดใ้ น2 แนวทาง คอื แนวทางแรก หาจลุ นิ ทรยี ์ จากแหล่งต่างๆ ในธรรมชาติท่ีมีความสามารถในการย่อยสลาย พลาสติกที่ผลิตจากพอลิเอธิลีน แนวทางที่ 2 พัฒนาพอลเิ มอร์ สังเคราะห์ท่ีสามารถเกิดการย่อยสลายโดยวิธีการทางชีวภาพหรือ พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่สามารถเกิดการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ ท่วั ๆ ไปท่ีมอี ยใู่ นแหล่งดินและแหล่งน�้ำได้ จุลนิ ทรีย์ยอ่ ยสลายพลาสติกไดอ้ ยา่ งไร สงิ่ แวดลอ้ มอกี ดว้ ย การยอ่ ยสลายพลาสตกิ โดยจลุ นิ ทรยี ถ์ อื เปน็ การ จุลนิ ทรียท์ ้งั แบคทเี รยี รา และแอคตโิ นมัยซสิ สามารถยอ่ ย ย่อยสลายที่สมบูรณ์เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ท่ีเป็นพิษตกค้างใน สลายพลาสตกิ ทีผ่ ลิตจากพอลิเอธลิ นี ไดโ้ ดยอาศยั เอนไซมท์ �ำหนา้ ท่ี สงิ่ แวดลอ้ ม ซงึ่ แตกตา่ งจากพลาสตกิ ทเี่ กดิ การยอ่ ยสลายไดเ้ องจาก เร่งปฏิกิริยา การสลายสายของพอลิเมอร์ให้กลายเป็นโอลีโกเมอร์ แสง หรือความรอ้ น ซง่ึ ยงั เหลือผลิตภณั ฑ์ชนดิ อ่ืนๆ ที่ไมส่ ามารถ (oligomer) หรอื โมโนเมอร์ (monomer) ซ่งึ จะถูกน�ำไปใชใ้ นการ ยอ่ ยสลายตอ่ ไปได้ตกค้างอยใู่ นสง่ิ แวดล้อม สลายสารอาหารภายในเซลลข์ องจลุ นิ ทรยี ์ ซง่ึ ถ้าเป็นการสลายสาร อาหารแบบใช้ออกซเิ จน จะได้ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์และนำ้� เป็น ผลติ ภณั ฑส์ ดุ ทา้ ย ในขณะทก่ี ารสลายสารอาหารแบบไมใ่ ชอ้ อกซเิ จน จะได้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้�ำ และยังได้ก๊าซมีเทนกลับเข้าสู่ ก้าวหนา้ พฒั นา พลาสตกิ ชีวภาพกบั จุลนิ ทรยี ์ พอลเิ มอรส์ ังเคราะทเ่ี รียกวา่ (biodegradable polyester) ถูกน�ำมาใช้ในการผลิตพลาสติกท่ีมีคุณสมบัติที่แตกต่างจาก พลาสตกิ ทว่ั ๆ ไป ทผ่ี ลติ จากพอลเิ อธลิ นี พลาสตกิ ทผ่ี ลติ จากพอลเิ มอร์ เหล่าน้ี เรียกว่า พลาสติกชีวภาพชนิดท่ีสลายตัวได้ทางชีวภาพ (biodegradable plastic) เมื่อพลาสติกชนิดน้ีปนเปื้อนอยู่ใน สง่ิ แวดลอ้ มจะถกู ยอ่ ยสลายโดยจลุ นิ ทรยี ป์ ระจำ� ถน่ิ ชนดิ ตา่ งๆ ทอี่ ยู่ ในสภาพแวดลอ้ มนนั้ ๆ ได้ โดยอาศยั แหลง่ อาหารและแหลง่ พลงั งาน ที่ได้จากการย่อยสลายพลาสติกชนิดน้ี แต่สิ่งท่ีอาจต้องค�ำนึงคือ 26 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 26 2/2/60 BE 2:38 PM

ปที ี่ 14 ฉบบั ที่ 35 มกราคม 2560 สารต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนจากการย่อยสลายพลาสติกหรือระหว่างท่ีเกิด จากงานวจิ ัยของนกั วทิ ยาศาสตร์พบว่า มีแบคทเี รียท่อี าศัย การย่อยโดยจุลินทรีย์ในธรรมชาติจะต้องไม่เป็นสารที่ก่อให้เกิด อยู่ในดนิ ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่สามารถผลิต PHAs ได้ แต่มี มลพิษกบั สง่ิ แวดล้อมและปลอดภยั ต่อสง่ิ มชี ีวิตท่ีอยใู่ นบรเิ วณนั้นๆ เพียงแบคทีเรียบางชนิดเท่านั้นท่ีถูกน�ำมาใช้ในงานวิจัยเพ่ือศึกษา บรรจภุ ณั ฑท์ ผ่ี ลติ จาก biodegradable plastic และพัฒนาวิธกี ารในการเพม่ิ ปริมาณการสรา้ ง PHAs ในเซลลข์ อง biodegradableplastic ทย่ี อ่ ยสลายไดส้ มบรู ณโ์ ดยจลุ นิ ทรยี ์ แบคทีเรีย ตัวอยา่ งเชน่ Ralstonia eutrophus เปน็ แบคทเี รียทมี่ ีการ ผลติ ได้จากพอลเิ มอรท์ เ่ี ปน็ aliphatic polyesters ซงึ่ มีหลากหลาย ศึกษากันมาก เนอื่ งจากสามารถผลิต PHAs จากแหล่งคาร์บอนที่มี กลุ่ม เช่น polylactides หรอื polylactic acid (PLA) polybulyene อยู่ทวั่ ๆ ไปได้ เช่น กลโู คส กรดแลคตกิ กรดแอซิตกิ หรอื น�้ำมัน succinate (PBS) และ polyhydroxyalkanoates (PHAs) เป็นตน้ จากพืชชนิดต่างๆ หรือ Methylobacterium sp. สามารถใช ้ aliphatic polyesters เหลา่ นีส้ ามารถผลิตไดจ้ ากหลายวิธีดว้ ยกัน แหล่งคาร์บอนอย่างมีเทน ซึ่งมีราคาต�่ำมาใช้ในการสังเคราะห ์ เชน่ การผลติ PLA โดยใช้แปง้ จากพชื มาผ่านกระบวนการเปลยี่ น PHAs ได้ เป็นตน้ เซลลโู ลสในพชื ใหเ้ ปน็ พอลแิ ซก็ คารไ์ รด์ จากนน้ั จะมกี ารเปลย่ี นแปลง ในชว่ ง 10 กว่าปีทผี่ า่ นมา PHAs ถกู น�ำมาศกึ ษาวิจยั และ ต่อไปเป็นกรดแลคติกและสุดท้ายจึงได้เป็น PLA การผลิต PBS พัฒนาอยา่ งรวดเรว็ นักวทิ ยาศาสตรห์ วงั ว่านอกเหนือจากการผลติ ซงึ่ ไดจ้ ากการสงั เคราะหท์ างปโิ ตรเคมโี ดยใชส้ ารประกอบทเ่ี ปน็ กรด biodegradable plastic ทใ่ี ช้ในอุตสาหกรรมดา้ นบรรจุภณั ฑแ์ ลว้ 2 ชนิด มาท�ำปฏกิ ิริยากบั สารประกอบทเี่ ปน็ แอลกอฮอล์ 2 ชนดิ ยังจะสามารถนำ� PHAs ไปใชป้ ระโยชนก์ ับงานด้านต่างๆ เช่น ด้าน นอกจากนนี้ กั วทิ ยาศาสตรย์ งั คน้ พบวา่ มแี บคทเี รยี บางชนดิ สามารถ อุตสาหกรรมอาหาร การแพทย์และเภสัชกรรม รวมทั้งเช้ือเพลิง ผลติ PHAs ได้ จงึ มแี นวคดิ ทจี่ ะใชเ้ ทคโนโลยที างชวี ภาพในการผลติ ชีวภาพอกี ดว้ ย PHAs จากแบคทีเรยี เพ่ือน�ำมาใช้ทดแทนพลาสตกิ ชนิดต่างๆ ที่ไม่ ประเทศไทยมีงานวิจัยท่ีศึกษาเช้ือจุลินทรีย์ท่ีย่อยสลาย สามารถยอ่ ยสลายได้ พลาสติกชีวภาพในปี 2009 สุขุม และคณะ แยกเช้ือจุลินทรีย์ที่ PHAs ถกู สรา้ งเปน็ แหลง่ พลงั งานสะสมในเซลลข์ องแบคทเี รยี สามารถย่อยสลายพลาสติกชีวภาพ (poly ZL-lactide) บางชนดิ การสรา้ งPHAs จะเกดิ ขน้ึ เมอื่ แหลง่ อาหาร เชน่ ไนโตรเจน ท้ังหมด 13 สายพันธุ์ จากดินในป่าของประเทศไทย โดยเชื้อ หรอื ฟอสฟอรสั ขาดแคลน ในขณะทม่ี แี หลง่ คารบ์ อนอน่ื ๆ อยมู่ ากเกนิ ที่แยกได้น้ันจัดอยู่ใน FamilyThermomonosporaceae, ความจ�ำเป็น เมื่อใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจดูท่ีเซลล์ของแบคทีเรีย Micromonosporaceae, Bacilaceae, streptosporangiaceae, จะเหน็ PHAs เปน็ แกรนลู ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 0.2-0.5 และ Thermoactinomycetaceae โดยเชอื้ Actinomadura sp. ไมโครเมตร กระจายอยทู่ ่วั ไปในไซโทพลาซึม สายพันธ์ุ T16 - 1 น้ันมีความสามารถในการย่อยสลายสูงสุดเมือ่ น�ำ ไปเล้ยี งในอาหารเหลวทแี่ ผน่ ฟลิ ม์ PLLA เป็นแหลง่ คารบ์ อน และ พบว่าเอนไซม์ท่ีเก่ียวข้องกับการย่อยสลายนั้นเป็นเอนไซม์ 27 กา้ วหน้าพฒั นา AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 27 2/2/60 BE 2:38 PM

ปที ี่ 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 serine protease ขนาดมวลโมเลกุลประมาณ 30 กิโลดาลตัน ไอโซเลท S11, S12, S41, S42, S61, S81 และ S82 มคี วามคลา้ ยกบั มีอุณหภูมิและค่า pH ท่ีเหมาะสมในการท�ำงานของเอนไซม์อยู่ที่ เชื้อ Brevibacilus thermoruber 99 เปอร์เซน็ ต์ เชื้อไอโซเลท S43 70 องศาเซลเซยี ส และเอนไซมม์ คี วามเสถยี รทอี่ ณุ หภมู ิ70 องศาเซลเซยี ส มีความคล้ายกับเช้ือ Ureibacillus suwonensis 99 เปอร์เซ็นต ์ เปน็ เวลา 1 ชั่วโมง เชื้อแบคทีเรยี ทแ่ี ยกได้นนั้ เป็นเชื้อชอบรอ้ นและ การศกึ ษาการย่อยสลาย PCL ของเช้อื นน้ั พบวา่ ไอโซเลท S21 และ มีความสามารถในการผลิตเอนไซม์ชอบร้อนได้ในปริมาณมาก S23 นนั้ สามารถย่อยสลาย PCL ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ กว่าสายพนั ธ์ุอื่นๆ จงึ เหมาะทจี่ ะนำ� ไปใชใ้ นการผลติ เอนไซมร์ ะดบั อตุ สาหกรรม นอกจากนี้ ที่แยกได้จากงานวิจัยดังกล่าวเห็นได้ว่าจุลินทรีย์ท่ีมีความสามารถ คณะผวู้ จิ ยั ไดท้ ำ� การตอ่ ยอดงานวจิ ยั โดยใชว้ ธิ กี ารพน้ื ผวิ ตอบสนอง ในการย่อยสลายพลาสติกชีวภาพได้หลายชนิด ซ่ึงมีแบคทีเรีย (Sukkhum; et al. 2009: 302 - 306) ในปีเดียวกัน (Somyoonsap; & และราและกล่มุ แอคติโนมัยสที (actinomycetes) Siripoke, 2009) แยกเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ท์ เ่ี จรญิ ในอณุ หภมู สิ งู ยอ่ ยสลาย การพัฒนาและการส่งเสริมการใช้พลาสติกชีวภาพส่งผลดี พลาสตกิ ชวี ภาพPCL จากตวั อยา่ งดนิ บรเิ วณกองขยะในประเทศไทย ต่อการจัดการอย่างถูกต้องและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งจะส่งผล วิธีการท่ีใช้ในการคัดเลือกเช้ือจุลินทรีย์ที่สามารถย่อยสลาย PCL ให้มีการวิจัยและพัฒนารูปแบบท่ีเหมาะสมซ่ึงจะน�ำพางานวิจัย ไดน้ น้ั ใชว้ ธิ กี ารเกดิ บรเิ วณใสบนอาหารแขง็ เมอ่ื บม่ เชอื้ ไวท้ อี่ ณุ หภมู ิ เขา้ สรู่ ะบบอตุ สาหกรรมเพอ่ื การจดั การขยะทเ่ี ปน็ มติ รกบั สงิ่ แวดลอ้ ม 55 องศาเซลเซยี ส เปน็ เวลา 1 - 10 วัน สามารถแยกเช้ือจุลนิ ทรยี ์ และลดปริมาณขยะจากพลาสติกสังเคราะห์มาใช้พลาสติกชีวภาพ ทเ่ี จรญิ ในอณุ หภมู สิ งู ไดท้ ง้ั หมด11 ไอโซเลท การจดั จำ� แนกสายพนั ธ์ุ แทนในอนาคต โดยการหาล�ำดับนิวคลีโอไทด์บริเวณ 16S rDNA พบว่าเชื้อ เอกสารอา้ งอิง ชาญวิทย์ โฆษิตานนท์. 2015. พลาสติกกับส่ิงแวดล้อม. [สืบค้นระบบออนไลน์] สืบค้นเมื่อ 1 ธันวาคม 2559. http://biology.ipst. ac.th/?p=3036 ธรี พฒั น์ เวชชประสทิ ธ.ิ์ 2013. จลุ นิ ทรยี ก์ บั พลาสตกิ . สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี http://biology.ipst.ac.th/?p=51 Somyoonsap,P., & Siripoke S. .2009. Screening of poly (ε-caprolactone) - degrading thermophilic microorganisms in soil samples from compost. Proceeing in the 35 Congress on Science and Technology of Thailand (STT35). 15 - 17 October 2009. The Tide Resort. Chonburi. p.1 - 6 Sukkhum; et al. 2009. A novel poly (L - lactide) degrading actinomycetes isolated from Thai forest soil, phylogenic relationship and the enzyme characterization. The Journal of General and Applied Microbiology.55 : 459 - 467 Sukkhum; et al. 2009. Development of fermen tation process for PLA - degrading enzyme production by a new thermophilic Actinmadura sp. T16 - 1. Biotechnology and Bioprocess Engineering. 14 : 302 - 306. กา้ วหนา้ พัฒนา 28 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 28 2/2/60 BE 2:38 PM

ปีที่ 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 การพ่งึ พาธรรมชาติอย่างพอเพยี งและรคู้ ณุ ค่า... ทบี่ างขนุ ไทร เมื่อทรัพยากรธรรมชาติท่ีคอยเก้ือกูลค้�ำจุนมนุษย์ให้พ่ึงพิง พึ่งพาธรรมชาติ อาศัย ไม่มีความสามารถในการปกป้องตนเองจากการถูก รุกรานท�ำลายและหาประโยชนจ์ นเกิดพอดีได้ มนุษยท์ ่ีร่วม 2/2/60 BE 2:38 PM ใชป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาตจิ งึ ต้องรบั หนา้ ทใี่ นการปกปอ้ ง ดแู ลและรักษาฟนื้ ฟูทรพั ยากรธรรมชาติ ชาวบา้ นตำ� บลบางขนุ ไทร อำ� เภอบา้ นแหลม จงั หวดั เพชรบรุ ี เป็นตัวอย่างของชุมชนท่ีเรียนรู้และมีบทเรียนในการปกป้องดูแล รกั ษาทรพั ยากรธรรมชาตทิ อ้ งถนิ่ ของตนเองตงั้ แตป่ ี2536 จนกระทง่ั ได้รับ “รางวัลลูกโลกสีเขียว” ประจำ� ปี 2544 ประเภทชมุ ชน และ ได้เข้ารว่ มโครงการรักษ์ปา่ สรา้ งคน 84 ตำ� บล วิถพี อเพยี ง ในปี 2551 เพอ่ื นำ� ชาวบา้ นทงั้ ตำ� บล (ทสี่ มคั รใจ) รว่ มเรยี นรกู้ ารปรบั วธิ คี ดิ มาสู่หลักปรัชญาพอเพียงที่เป็นรูปธรรม คือการด�ำเนินชีวิตแบบ พ่ึงพาตนเองโดยใช้ความรูซ้ ง่ึ จะท�ำให้เกดิ ความย่งั ยืน รูใ้ ชค้ ุณคา่ ...ทรัพยากรธรรมชาติ ในวันน�้ำลงเป็นการเร่ิมต้นวันท�ำงานของคนเก็บหอย โดยคนเก็บหอยจะน�ำแป้งสีเหลืองนวลมาละลายน�้ำเพ่ือทาหน้า ปอ้ งกนั ผวิ หนา้ ไหมจ้ ากแสงแดด พรอ้ มหยบิ จบั เครอื่ งมอื ในการเกบ็ หอย ประกอบดว้ ยถงั นำ�้ ถงุ อวน กระดานลน่ื เลน เฉกเชน่ ทบี่ รรพบรุ ษุ 29 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 29

ปที ี่ 14 ฉบับที่ 35 มกราคม 2560 ได้ใช้กันมา หลงั จากที่ท้ิงชะเนาะ ห่วง หรอื เครื่องมือจับหอยที่มีอยู่ ดาษดื่น และหันกลับมาใช้มือเปล่าภายหลังการได้รับบทเรียน แห่งความเจ็บปวดชอกซ้�ำจากเหตุการณ์ท่ีเรือต่างถิ่นเข้ามา คราดหอย และทำ� ลายทรพั ยากรป่าชายเลนอยา่ งรุนแรง ในการคราดหอยของเรือต่างถ่ินในแต่ละครั้งนั้น ไม่ได้ หมายความถึงการท�ำให้ดินเลนเน่าเสีย แต่เป็นการตัดวงจรชีวิต ของหอยแครงและท�ำลายวถิ ีชวี ติ ของคนบางขุนไทรอีกดว้ ย ผลพวงจากการกระท�ำ จงึ กอ่ เกดิ กลมุ่ คนกลา้ 36 คน ลกุ ขน้ึ มาตอ่ สจู้ ดั การกบั ทรพั ยากรท้องถน่ิ ของตนเอง เพื่อความอยู่รอดของชุมชน ธนู วงษ์ใหญ่ หนึ่งใน เม่ือปัญหาการคราดหอยเข้าขั้นวิกฤติเม่ือปี 2535 - 2536 ผกู้ อ่ ตงั้ กลมุ่ อนรุ กั ษท์ รพั ยากรทางทะเลไดบ้ อกเลา่ ถงึ เรอื่ งราวในอดตี หลายคนหลายครอบครัวต้องอพยพไปท�ำงานต่างถิ่น เมื่อไม่มี ซ่ึงไม่ต่างจากเรื่องราวค�ำบอกเล่าของผู้ใหญ่จรรยง พิทักษ์ และ ทรัพยากรธรรมชาติให้พึ่งพิง ก็ไม่มีอาชีพหาเล้ียงครอบครัว จาก กำ� นันเสน่ห์ บูรณรมณ์ ผู้ร่วมกอ่ ตงั้ กลมุ่ อนรุ ักษ์ทรพั ยากรทางทะเล ความสญู เสยี คร้ังนนั้ นำ� ไปสูก่ ารจัดการของชาวบา้ นท่ใี ช้กติกาของ ประชาคมเข้ามาจัดการดูแลทรัพยากรป่าชายเลนที่มีอาณาบริเวณ ชุมชนเรยี นรู.้ ..รว่ มปกป้องทรัพยากรของตนเอง ถึง 27 ตารางกิโลเมตร และเป็นแหล่งท่ีอยู่อาศัยของหอยแครง ที่ใหญท่ ่สี ุดในประเทศไทย ด้วยหลักการฟน้ื ฟทู รพั ยากรปา่ ชายเลน “จากแต่ก่อนในเวลากลางคืน ผู้ใหญ่จรรยง พิทักษ์ โดยการเก็บหอยดว้ ยมอื เปลา่ เพื่อรบกวนธรรมชาตใิ หน้ ้อยทสี่ ดุ และ ผ้ใู หญบ่ า้ นหมทู่ ี่ 10 และชาวบา้ นอาสาสมคั รฝ่ายลาดตระเวนของ ธรรมชาติจะหล่อเลี้ยงคนที่นี่ต่อไปชั่วลูกหลาน กลุ่มอนุรักษ์ กลมุ่ อนรุ กั ษท์ รพั ยากรทางทะเล ตอ้ งออกปฏบิ ตั กิ ารจบั กมุ ผกู้ ระทำ� ผดิ ทรัพยากรทางทะเลจึงได้ถือกำ� เนิดข้นึ มา โดยใช้การท�ำงานเป็นทีมและแบ่งหน้าท่ีกันหลายส่วน ทั้งสายสืบ กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลถือก�ำเนิดจากวิกฤติ ฝ่ายจับกุม ตามความถนัดและความสามารถของแต่ละคน การตกั ตวงทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งเกนิ พอดจี ากเรอื คราดหอยของ คนภายนอกชมุ ชนลม่ สลายไมม่ ที รพั ยากรธรรมชาตมิ ารองรบั อาชพี พง่ึ พาธรรมชาติ 30 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 30 2/2/60 BE 2:38 PM

ปที ี่ 14 ฉบับท่ี 35 มกราคม 2560 ช่วยกันท�ำพึ่งพาอาศัยกันท้ังชุมชน โดยชุมชนมีการท�ำข้อตกลงใน การแบง่ เขตในการทำ� กนิ เกดิ ขอ้ กำ� หนดใหเ้ ปน็ เขตอนรุ กั ษ”์ นายสนั ติ อภิสิทธ์ิแก้วเจริญ ประธานโครงการรักษ์ป่า สร้างคน 84 ต�ำบล วถิ พี อเพียง ตำ� บลบางขนุ ไทร ได้บอกเลา่ ถงึ เหตกุ ารณ์ในอดีต ซ่ึงในปัจจบุ นั นอกจากการพง่ึ พาตนเองด้วยการลุกข้นึ สู้กับ อิทธิพลภายนอกร่วมกันของชุมชนแล้ว การใช้คุณธรรมก�ำกับ การอนรุ กั ษเ์ พอ่ื ลดความแตกแยก การใหอ้ ภยั และการใหโ้ อกาสเพอื่ ใหส้ มาชกิ ในชมุ ชนปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมและกลายมาเปน็ แนวรว่ ม ที่แข็งแกร่งแล้ว การเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย การสร้าง จติ สำ� นกึ ในการปกปอ้ งฐานทรพั ยากรของคนบางขนุ ไทร ยงั สะทอ้ น อยู่ในการท�ำเกษตรอินทรีย์ของคนต้นน�้ำ ท่ีช่วยกันดูแลซึ่งกัน และกัน เพราะน�้ำที่เสียได้ไหลลงสู่พื้นท่ีชายทะเล สร้างผลกระทบ สู่สัตว์น้�ำในทะเลชาวบ้านจึงช่วยกันสร้างระบบนิเวศที่ดีให้เกิดกับ ชมุ ชนดว้ ยความคิดท่วี า่ “ทุกส่วนมีความสัมพันธ์กันหมด” สร้างจิตส�ำนกึ ...ส�ำคัญกวา่ การแก้ปัญหา ชุมชนบางขุนไทรนอกจากให้ความส�ำคัญกับการอนุรักษ์ ทรพั ยากรทเ่ี นน้ การมสี ว่ นรว่ มจากคนทกุ ฝา่ ยในชมุ ชนแลว้ ยงั เลง็ เหน็ ความส�ำคัญของกาลเวลา เพราะเมื่อผู้น�ำคนท�ำงานมีอายุมากขึ้น การวางแผนสืบทอดและปลูกฝังจิตส�ำนึกให้เกิดขึ้นกับคนรุ่นต่อไป จงึ เปน็ เรอ่ื งสำ� คญั สถานกี ารพฒั นาทรพั ยากรปา่ ชายเลนที่ 6 ตำ� บล บางขนุ ไทร จงึ รว่ มมอื กบั โรงเรยี นทง้ั 3 โรงเรยี นในตำ� บลบางขนุ ไทร ร่วมสร้างกระบวนการเรียนรู้ป่าชายเลนให้เป็นหลักสูตรท้องถ่ิน เพ่ือถ่ายทอดเร่ืองราวการอนุรักษ์และการฟื้นฟูป่าชายเลนของ ชุมชนบางขุนไทรในหลักสูตรการศึกษาให้เยาวชนบางขุนไทร ได้เรียนรู้และเกิดจิตส�ำนึกรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ ของตนเองตอ่ ไป 31 พึ่งพาธรรมชาติ AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 31 2/2/60 BE 2:38 PM

ปีท่ี 14 ฉบับที่ 35 มกราคม 2560 บางขุนไทรในวนั นี้ การต่อสู้ยาวนาน ในวันนี้ชุมชนบางขุนไทรมีทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลน ทีอ่ ุดมสมบูรณ์ มีสตั ว์นำ�้ นานาชนดิ ท้งั หอยแครง หอยเสยี บ ปลาดุกทะเล ปู กุ้ง ที่ ชาวบ้านสามารถน�ำทรัพยากรเหล่าน้ีมาประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวอย่างยั่งยืน จากการรู้รักษ์ รู้ใช้ รู้เพิ่มพูน ลูกหลานชาวบางขุนไทรจึงมีอาชีพรองรับเป็นการ แก้ปัญหาการจากบ้านเกิดเพ่ือหางานท�ำท่ีอื่น ชาวบ้านมีความสัมพันธ์ที่คอยเก้ือกูล ดูแลซึ่งกันและกัน รักการเสียสละเพ่ือส่วนรวม และการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธ ี สิ่งเหล่าน้บี างขนุ ไทรมีใหเ้ ราไดเ้ รยี นรแู้ ละชน่ื ชม ...ชาวบางขุนไทรได้ร่วมกันก�ำหนดอนาคตของชุมชนด้วยการเพาะบ่มและ ถา่ ยทอดจติ สำ� นกึ ในการอนรุ กั ษแ์ ละปกปอ้ งฐานทรพั ยากรไวใ้ หด้ ว้ ยการเรยี นรผู้ า่ นวถิ ี ชวี ติ ในครอบครวั และการเรยี นรทู้ จี่ ะอยอู่ ยา่ งเกอื้ กลู และพงึ่ พาธรรมชาตอิ ยา่ งพอเพยี ง และรู้คุณคา่ ... ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความรว่ มมือของวารสารจดหมายขา่ ว รกั ษป์ ่า สร้างคน 84 ต�ำบล วิถพี อเพียงและวิชาการ.คอม http://www.pttplc.com/TH/Default.aspx พึง่ พาธรรมชาติ 32 AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 32 2/2/60 BE 2:38 PM

ปที ี่ 14 ฉบับที่ 35 มกราคม 2560 มนษุ ยก์ ับสงิ่ แวดล้อม มนุษย์มีความสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อมอย่างแนบแน่นในอดีต ปัญหาเรื่องความสมดุลของธรรมชาติตามระบบนิเวศยังไม่เกิดขึ้น มากนัก ท้ังน้ีเน่ืองจากผู้คนในยุคต้นๆ น้ัน มีชีวิตอยู่ใต้อิทธิพล ของธรรมชาติ ความเปลี่ยนแปลงทางด้านธรรมชาติและสภาวะ แวดล้อมเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงอยู่ในวิสัยที่ธรรมชาติ สามารถปรับสมดุลของตวั เองได้ กาลเวลาผ่านมาจนกระท่ังถึงระยะเมื่อไม่กี่สิบปีมาน้ี โดย เฉพาะอย่างย่ิงในทศวรรษที่ผ่านมา (ระยะสิบปี) ซ่ึงเรียกกันว่า “ทศวรรษแหง่ การพฒั นา” นนั้ ปรากฎวา่ ไดเ้ กดิ มปี ญั หารนุ แรงดา้ น สงิ่ แวดลอ้ มขนึ้ ในบางสว่ นของโลกและปญั หาดงั กลา่ วน้ี กม็ ลี กั ษณะ คลา้ ยคลงึ กันในทุกประเทศทั้งทพี่ ัฒนาแลว้ และก�ำลงั พัฒนา เชน่ • ปัญหาทางดา้ นภาวะมลพิษทเ่ี กี่ยวกบั น�ำ้ • ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติท่ีเส่ือมสลายและหมดส้ินไป อยา่ งรวดเรว็ เชน่ น้�ำมัน แรธ่ าตุ ปา่ ไม้ พชื สตั ว์ ทัง้ ท่เี ป็นอาหาร ผลที่เกิดจากปัญหาสงิ่ แวดลอ้ ม และที่ควรจะอนุรักษไ์ ว้เพ่อื การศึกษา ผลสืบเน่อื งอันเกิดจากปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม คอื • ปญั หาทเ่ี กย่ี วกบั การตงั้ ถนิ่ ฐานและชมุ ชนของมนษุ ย์ เชน่ 1. ทรพั ยากรธรรมชาตริ อ่ ยหรอ เนอื่ งจากมกี ารใชท้ รพั ยากร การวางผังเมืองและชุมชนไม่ถูกต้อง ท�ำให้เกิดการแออัดยัดเยียด กันอย่างไม่ประหยัด อาทิ ป่าไม้ถูกท�ำลาย ดินขาดความอุดม ใชท้ รพั ยากรผดิ ประเภทและลกั ษณะ ตลอดจนปญั หาแหลง่ เสอ่ื มโทรม สมบูรณ์ ขาดแคลนน�ำ้ และปัญหาจากของเหลือท้งิ อนั ได้แก่ ขยะมลู ฝอย 2. ภาวะมลพิษ (Polution) เชน่ มลพิษในน�ำ้ ในอากาศ และเสียง มลพิษในอาหาร สารเคมี อันเป็นผลมาจากการเร่งรัด สาเหตขุ องปัญหาสง่ิ แวดลอ้ ม ทางด้านอตุ สาหกรรมน่ันเอง สาเหตหุ ลกั ของปญั หาสง่ิ แวดล้อมมอี ยู่ 2 ประการดว้ ยกนั คอื ความเส่ือมโทรมของส่ิงแวดล้อมได้ปรากฎให้เห็นอย่าง 1. การเพิม่ ของประชากร (Population growth) ปริมาณ ชัดเจนในวันน้ี ซ่ึงเป็นความจ�ำเป็นที่ทุกคนจะต้องช่วยกันรักษา การเพม่ิ ของประชากรกย็ งั อยใู่ นอตั ราทวคี ณู (ExponentialGrowth) คุณภาพสิ่งแวดล้อมให้อยู่ได้ต่อไป เพราะความเส่ือมโทรมของ เม่ือผู้คนมากข้ึนความต้องการบริโภคทรัพยากรก็เพิ่มมากขึ้น สิ่งแวดล้อมมีผลโดยตรงต่อชาติบ้านเมือง ประเทศจะไม่สามารถ ทุกทางไม่วา่ จะเป็นเรื่องอาหาร ที่อย่อู าศยั และพลงั งาน ทำ� การพฒั นาสิ่งใดได้อกี หากวา่ ไมม่ ที รพั ยากรเหลืออยู่อกี ดังนนั้ 2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางด้าน รฐั จงึ จะตอ้ งดำ� เนนิ การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตใิ หถ้ กู ตอ้ ง เทคโนโลยี (Economic Growth & Technological Progress) และรอบคอบไปพรอ้ มๆ กับการพฒั นาประเทศ โดยจะตอ้ งค�ำนงึ ความเจรญิ ทางเศรษฐกจิ นน้ั ทำ� ใหม้ าตรฐานในการดำ� รงชวี ติ สงู ตาม ว่าทรัพยากรของชาติท่ีมีอยู่จ�ำกัดนั้นเปรียบเสมือนเป็นต้นทุน ไปด้วย มีการบริโภคทรัพยากรจนเกินกว่าความจ�ำเป็นข้ันพื้นฐาน ของชาติ เพราะฉะนนั้ ในการกำ� หนดแผนพฒั นาเศรษฐกจิ จงึ ควรคำ� นงึ ของชวี ติ มคี วามจำ� เปน็ ตอ้ งใชพ้ ลงั งานมากขน้ึ ตามไปดว้ ย ในขณะ ในแงท่ ว่ี า่ เปน็ การนำ� เอาทรพั ยากรธรรมชาตมิ าใชจ้ า่ ย ซง่ึ จะตอ้ งจดั เดียวกันความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีก็ช่วยเสริมให้วิธีการน�ำ ให้เหมาะสมกับต้นทุนเพื่อความอยู่รอดของชาติ และเพื่อให้เกิด ทรพั ยากรมาใช้ไดง้ า่ ยขนึ้ และมากข้ึน ปัญหากับสภาพแวดล้อมใหน้ ้อยทส่ี ดุ 33 พ่งึ พาธรรมชาติ AW Green ���� 1 �� 60-NEW.indd 33 2/2/60 BE 10:46 AM


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook