Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore GR43 โครงการวิจัย ปีงบประมาณ 2561

GR43 โครงการวิจัย ปีงบประมาณ 2561

Published by Lib SRC, 2022-01-31 01:42:35

Description: GR43

Search

Read the Text Version

โครงการวิจัย 2561ปีงบประมาณ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกตน้ “นนทร”ี เมอ่ื วันศุกร์ท่ี 20 มีนาคม พ.ศ.​2535

2561โครงการวิจัย ปีงบประมาณ

ความเป็นมา ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานในสังกัด กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อตั้งโดยความรว่ มมอื ระหวา่ งรัฐบาลไทย และรฐั บาลญป่ี นุ่ โดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื สง่ เสรมิ สนบั สนนุ และด�ำ เนนิ การวจิ ยั พฒั นาเทคโนโลยที เ่ี หมาะสมในการปอ้ งกนั และควบคมุ มลพษิ รวมทั้งการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ตลอดจนมีภารกิจด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อการจัดการ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม แกเ่ จา้ หนา้ ทภี่ าครฐั เอกชน และ องคก์ รเอกชนทง้ั ในสว่ นกลางและสว่ นภมู ภิ าค และนบั ตงั้ แตศ่ นู ยว์ จิ ยั และฝึกอบรมด้านส่ิงแวดล้อม เปิดดำ�เนินการเม่ือวันท่ี 20 มีนาคม พ.ศ.​ 2535 ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านส่ิงแวดล้อมมีบทบาทสำ�คัญ ในการสนับสนุนรัฐบาลไทยในการขับเคล่ือนประเทศสู่การพัฒนา ท่ีย่ังยืนและเพอ่ื คุณภาพชีวิตท่ดี ขี ้นึ ของประชาชน วิสัยทัศน์ มุ่งสู่การเป็นศูนย์ท่ีมีความเป็นเลิศในด้านการวิจัย พัฒนา และ ถ่ายทอดเทคโนโลยีเพ่ือการพัฒนาอย่างยั่งยืนและคุณภาพชีวิตที่ดี ของประชาชน พันธกิจ 1. สง่ เสรมิ และพฒั นางานวจิ ัยด้านสิ่งแวดล้อม 2. สง่ เสรมิ สนับสนนุ หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารมาตรฐาน

โครงสร้างศูนยว์ ิจยั และฝึกอบรมดา้ นส่งิ แวดล้อม 7. กลุม่ ไดออกซินและ 6. กลุ่มประสาน สารตกคา้ งยาวนาน วชิ าการและข้อมลู 5. กลมุ่ สารอันตราย 1. กลมุ่ การเปลี่ยนแปลง 8. ฝ่ายบริหาร ภูมิอากาศ ท่ัวไป 2. กลุม่ มาตรฐาน 4. กลมุ่ นำ�้ และขยะ และรับรองระบบ 3. กลมุ่ อากาศ เสียง และความสน่ั สะเทอื น ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อมมีห้องปฏิบัติการท่ีได้รับ มาตรฐาน ISO/IEC 17025 ซึ่งเป็นการยกระดับห้องปฏิบัติการให้ ได้มาตรฐานสากล ตอบสนองความต้องการวิทยาการความก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยประชาชนสามารถอ้างอิงข้อมูล จากหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารทไี่ ดร้ บั การรบั รองความสามารถ เพอื่ ลดขอ้ โตแ้ ยง้ กรณีพิพาทด้านปัญหาส่ิงแวดล้อม ซึ่งศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้าน สิง่ แวดลอ้ มได้รับมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ได้แก่ 1. หอ้ งปฏิบัตกิ ารวเิ คราะห์ตัวอยา่ งเสียงท่ัวไปในบรรยากาศ 2. หอ้ งปฏิบตั ิการวิเคราะห์ตวั อยา่ งน้�ำ และน้ำ�เสีย 3. หอ้ งปฏิบัติการวเิ คราะห์ตวั อย่างสารประกอบอินทรยี ์ ระเหยงา่ ย (VOCs) ในบรรยากาศ 4. หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารวเิ คราะหต์ วั อยา่ งสารคารบ์ อนลิ ในบรรยากาศ

โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 งานวจิ ยั ด้านการเปลีย่ นแปลงภมู อิ ากาศ 1 การศึกษาแนวทางการยกระดบั การเสรมิ สร้างศกั ยภาพการดำ� เนินงาน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภมู ิอากาศของประเทศไทยในบรบิ ทความตกลงปารีส 2 การพฒั นาระบบเตือนภัยความร้อนและหมอกควันล่วงหน้า ส�ำหรับพื้นทภ่ี าคเหนือตอนบนของประเทศไทย งานวจิ ยั ดา้ นอากาศ เสียง และความส่ันสะเทอื น 3 การศึกษาการแพรก่ ระจายและการปนเป้ือนของสารปรอท ในสง่ิ แวดล้อมจากแหลง่ ทง้ิ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ 4 การศกึ ษาการปอ้ งกันการแพร่กระจายฝุ่นระดบั PM10 ดว้ ยการปลกู ตน้ ไม้ ต�ำบลหนา้ พระลาน อำ� เภอเฉลิมพระเกยี รติ จังหวัดสระบุรี งานวจิ ยั ดา้ นน้�ำและขยะ 5 การศึกษาประสิทธิภาพของระบบ Biological Activated Carbon ร่วมกับ Membrane Micro Filtration ในการบำ� บดั น�ำ้ ทิ้งจากระบบบ�ำบดั น�ำ้ เสียชุมชนเพ่ือการน�ำน้ำ� กลบั มาใช้ใหม่ 6 พฒั นาถังปฏิกรณช์ ีวภาพแบบมเี มมเบรนเพอ่ื การน�ำน้ำ� กลับมาใช้ใหม่ ส�ำหรับกิจกรรม ของภาคชุมชนและเกษตรกรรม

งานวิจัยดา้ นสารอนั ตราย 7 แนวทางการจดั การขยะและของเสียอันตรายในอุทยานแห่งชาติ โดยกระบวนการวิจยั เชิงปฏิบัตกิ ารแบบมสี ่วนรว่ ม (PAR) 8 การใช้ไส้เดอื นดินในการบำ� บดั สารอนั ตรายตกค้างในวสั ดคุ งเหลือ จากการก�ำจดั ขยะชมุ ชน งานวจิ ยั ด้านไดออกซินและสารตกคา้ งยาวนาน 9 ตรวจสอบการปนเปื้อนสารไดออกซินในสิง่ แวดล้อม งานวิจยั ดา้ นประสานวชิ าการและข้อมลู 10 การศึกษาพฤติกรรมผบู้ ริโภคในการบรโิ ภคสินค้าที่เปน็ มิตรกับสิ่งแวดล้อม ในพ้ืนทก่ี รงุ เทพมหานคร 11 ดำ� เนนิ การจัดการความเสีย่ งเชิงนเิ วศชายฝงั่ ทะเลบริเวณพน้ื ทเ่ี ขตควบคุมมลพิษ จงั หวัดระยอง จากการปนเป้ือนสารอนั ตรายกลุ่มสารอนิ ทรยี ์ระเหยและกงึ่ ระเหย และสารโลหะหนักเพอ่ื การบริโภคอยา่ งยงั่ ยนื งานวิจยั ด้านมาตรฐานและรบั รองระบบ 12 พฒั นาชดุ ทดสอบคณุ ภาพน้�ำอย่างงา่ ย

งงาานนววิจิจัยัยดด้า้านนกกาารรเเปปลล่ีย่ียนนแแปปลลงงภภูมูมิอิอาากกาาศศ 8 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 โครงการวิจัยการศึกษาแนวทางการยกระดับการเสรมิ สรา้ ง 1ศักยภาพการด�ำเนนิ งานด้านการเปลย่ี นแปลง สภาพภูมิอากาศของประเทศไทยในบริบทความตกลง ปารสี พนื้ ท่ีศกึ ษาวิจัย ประเทศไทย (องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น สำ� นักงาน สงิ่ แวดลอ้ มภาคท่ี 1-16 และสำ� นักงานทรพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ้ มจังหวัด และภาคส่วนอืน่ ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง)

9 ผลการดำ�เนนิ งาน/ตามตัวชี้วดั โครงการ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ในการดำ�เนินงานตาม ความตกลงปารีส และเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศไทย กำ�หนด โดยมีขอบเขตการดำ�เนินงาน ประกอบด้วย การประเมิน เ ส้ น บ ร ร ทั ด ฐ า น ก า ร ดำ � เ นิ น ง า น ด้ า น ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง สภาพภมู อิ ากาศของเทศบาล การเสรมิ สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจ ต่อสาระสำ�คัญของความตกลงปารีสและนัยต่อประเทศไทย การดำ�เนินโครงการหรือกิจกรรมด้านการเปลี่ยนแปลง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ ต า ม ค ว า ม ต ก ล ง ป า รี ส ใ น พื้ น ที่ นำ � ร่ อ ง ของสำ�นักงานสิ่งแวดล้อมภาค (สสภ.) และการสังเคราะห์ และจัดทำ�องค์ความรู้จากงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศในประเทศไทยให้เป็นข้อมูลข่าวสารสำ�หรับ กิจกรรมมาตรา 6 ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

10 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 ผลการดำ�เนินงานภายใต้โครงการนี้ สามารถสรุปสาระสำ�คัญ ได้ดังนี้ 1. การวิเคราะห์ดัชนีการดำ�เนินงานด้านการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศของเทศบาล (Municipality Climate Change Action Indicator; MCCAI) ซึ่งคำ�นวณจาก ตัวแปรด้านนโยบาย ประสบการณ์ การลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัว และกิจกรรมมาตรา 6 ของอนุสัญญาฯ ที่สำ�รวจ ข้อมูลจากเทศบาลทั่วประเทศไทย จำ�นวน 1,587 แห่ง (ร้อยละ 65 ของจำ�นวนเทศบาลทั้งหมด) ดว้ ยแบบสอบถาม พบว่า ร้อยละ 43 และ 37 ของเทศบาลที่สำ�รวจ มีค่า MCCAI อยู่ในช่วง 0.7-0.9 และ 0.4-0.6 ซึ่งแสดงให้ เห็นถึงเส้นบรรทัดฐานการดำ�เนินงานด้านการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศของเทศบาลในประเทศไทยในภาพรวม อยู่ในระดับสูงและปานกลาง ตามลำ�ดับ โดยควรยกระดับ ศักยภาพและสนับสนุนเพิ่มเติมให้เทศบาลในกลุ่มนี้ เป็นพี่เลี้ยงให้กับเทศบาลอื่น ๆ โดยเฉพาะกลุ่มเทศบาล ที่มีค่า MCCAI ต่ำ�กว่า 0.3 ซึ่งมีประมาณร้อยละ 14 2. การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสาระสำ�คัญของ ความตกลงปารีสและนัยต่อประเทศไทยให้กับ อปท. และ ภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านกระบวนการจัดประชุม สัมมนาตามรายภูมิภาค จำ�นวน 4 ครั้ง ซึ่งมีผู้เข้าร่วม รวม 504 คน พบว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนาซึ่งส่วนใหญ่สังกัด หน่วยงานเทศบาล และไม่มีภูมิหลังความรู้ความเข้าใจ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความตกลงปารีส เท่าที่ควร มีระดับความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นในหัวข้อต่าง ๆ

11 ที่ได้รับการถ่ายทอด โดยผู้เข้าร่วมสัมมนามีความมั่นใจ ในการนำ�ความรู้ดังกล่าว ไปใช้ในการเผยแพร่สร้าง ความตระหนักและการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้ง ริเริ่มดำ�เนินกิจกรรมและโครงการในท้องถิ่น และ เสริมสร้างศักยภาพให้เจ้าหน้าที่ในองค์กรและภาคส่วน สำ�คัญที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งนี้ มีข้อเสนอแนะที่สำ�คัญ จากการสัมมนา ซึ่งเน้นถึงความต่อเนื่องของการสร้าง ศักยภาพให้สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่น รวมทั้ง การแลกเปลย่ี นเรยี นรตู้ วั อยา่ งและประสบการณข์ อง อปท. 3. การดำ�เนินงานโครงการ กิจกรรมและหรืองานวิจัยตาม ความตกลงปารีสในพื้นท่ีนำ�ร่องของ สสภ. ท้ัง 16 แห่ง แหง่ ละ 2 พืน้ ที่นำ�รอ่ ง ในประเดน็ ทีเ่ ก่ยี วข้องกบั การปรบั ตัว การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก และกิจกรรมมาตรา 6 ของอนุสญั ญาฯ พบว่า สสภ. ทั้ง 16 แหง่ มกี ิจกรรมนำ�รอ่ ง สว่ นใหญท่ ี่เกี่ยวข้องกับกจิ กรรมมาตรา 6 ของอนสุ ญั ญาฯ คิดเป็นร้อยละ 59 รองลงมาเป็นกิจกรรมที่เก่ียวข้องกับ การลดกา๊ ซเรอื นกระจก ซง่ึ คดิ เปน็ รอ้ ยละ38การด�ำ เนนิ งาน ในพ้ืนท่ีนำ�ร่องของ สสภ. ส่วนใหญ่เป็นการเตรียม

12 ความพร้อมซึ่งต่อยอดขยายผลกิจกรรมเดิมที่ได้ดำ�เนินการ มาก่อน พร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพในประเด็นเฉพาะเจาะจง ในอนาคต ผา่ นกจิ กรรมการจดั ฝกึ อบรมและการจดั ท�ำ ฐานขอ้ มลู อย่างไรก็ตาม สสภ. ส่วนใหญ่ ยังขาดข้อมูลการดำ�เนินงาน ของ อปท. และเครือข่ายในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ทั้งน้ี ผลการ ดำ�เนินงานในพื้นท่ีนำ�ร่องของ สสภ. ดังกล่าว จะเป็นตัวอย่าง เพ่ือใช้ถอดบทเรียนถึงแนวทางการเสริมสร้างศักยภาพและ ขับเคลื่อนการดำ�เนินงานในพ้ืนที่ในอนาคต ตลอดจนข้อจำ�กัด ปัญหาและอุปสรรค ซ่ึง สสภ. และหน่วยงานส่วนท้องถ่ิน อื่น ๆ ควรได้รับการเสริมสร้างศักยภาพการดำ�เนินงาน ด้านการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศตามความตกลงปารีส ดว้ ยวธิ กี ารและรปู แบบตา่ งๆเพม่ิ เตมิ และอยา่ งตอ่ เนอ่ื งเพอ่ื บรู ณาการ ประเด็นน้ี เข้ากับภารกิจท่ีต้องดำ�เนินการตามปกติของ อปท. อยู่แล้ว ควบคู่กับการสร้างเครือข่ายในพื้นท่ี เพ่ือเตรียม ค ว า ม พ ร้ อ ม เ ป็ น ห น่ ว ย ง า น ด้ า น วิ ช า ก า ร ท่ี มี บ ท บ า ท ในการถ่ายทอดนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไปปฏบิ ตั ใิ นระดบั พน้ื ท่ี และเปน็ หนว่ ยงานพเ่ี ลย้ี งใหส้ ว่ นราชการอน่ื ในระดบั ภูมภิ าคไดด้ ำ�เนินงานตอ่ ไป

13 4. การสบื คน้ งานวจิ ยั ระหวา่ ง พ.ศ. 2550-2561 (ค.ศ. 2007- 2018) เพ่ือใช้จัดทำ�ข้อมูลข่าวสารสำ�หรับกิจกรรมมาตรา 6 ของอนุสัญญาฯ พบว่า งานวิจัยด้านการเปล่ียนแปลง สภาพภูมิอากาศในประเทศไทยท่ีได้ตีพิมพ์ในระดับนานาชาติ ระดบั ชาตแิ ละวทิ ยานพิ นธ์ รวม 1,389 บทความ โดยท�ำ การ คดั เลอื กผลงานวจิ ยั และแบง่ ตามสาระส�ำ คญั ออกเปน็ 6 ดา้ น (วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพของการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ การปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจก ผลกระทบ การบรรเทาก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวและนโยบายและ มาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) พร้อมท้ัง พัฒนา template เพื่อสังเคราะห์และย่อยเน้ือหาให้ง่ายต่อ ความเข้าใจและการเผยแพร่ จำ�นวน 51 เรื่อง ทั้งนี้ ข้อมูล ขา่ วสารทไ่ี ดจ้ ากการสงั เคราะหแ์ ละยอ่ ยเนอ้ื หาจากผลงานวจิ ยั ได้เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์เครือข่ายการเปล่ียนแปลง สภาพภูมิอากาศแห่งประเทศไทย (http://www. tccnclimate.com) สื่อสังคมออนไลน์ของเครือข่าย ของศนู ยว์ จิ ยั และฝกึ อบรมดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม (ERTC network) และคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์มหาวิทยาลัย มหดิ ล ประชาชนไดป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไร ประชาชนมีศักยภาพ องค์ความรู้ และข้อมูลข่าวสาร ด้านการ เปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มดา้ นตา่ ง ๆ ในการด�ำ เนนิ งานตามความตกลงปารสี นายอศั มน ลม่ิ สกลุ กลมุ่ การเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศ ศนู ยว์ จิ ยั และฝกึ อบรมดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม โทรศพั ท์ 02-577-4182-6 ตอ่ 1129 โทรสาร 02-577-1138 E-mail: [email protected]

14 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 2 โครงการวิจัยการพฒั นาระบบเตอื นภัยความร้อนและหมอกควนั ล่วงหน้าส�ำหรบั พนื้ ที่ภาคเหนือตอนบน ของประเทศไทย พนื้ ที่ศึกษาวจิ ัย ภาคเหนอื ตอนบน (จังหวัดเชียงราย จงั หวดั เชยี งใหม่ จังหวัดลำ� ปาง จังหวดั ลำ� พนู จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน จังหวัดนา่ น จงั หวัดแพร่ จังหวดั พะเยา และจังหวัดตาก)

15 ผลการดำ�เนนิ งาน/ตามตัวช้ีวัดโครงการ 1. คัดเลือกแหล่งข้อมูลพยากรณ์อากาศล่วงหน้า ทำ�การ เปรียบเทียบคุณลักษณะ วิธีการใช้งาน รูปแบบการให้ บริการข้อมูลท่ีมีความเหมาะสมสำ�หรับประยุกต์ใช้งาน ในระบบเตือนภัย กำ�หนดเกณฑ์คัดเลือกจากการให้บริการ ข้อมูลอุณหภูมแิ ละความชืน้ สัมพัทธ์ 1, 3 และ 5 วัน ลว่ งหนา้ และการให้บริการ API (Application Programing Interface) ซ่ึงคณะวิจัยเลือกใช้ www.apixu.com เนื่องจากสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก เขียนคำ�สั่ง กำ�หนดการทำ�งานไดช้ ัดเจนและมคี วามเสถียร 2. พัฒนา Script สำ�หรับกำ�หนดคำ�ส่ังให้แบบจำ�ลอง Weather Research and Forecasting Model with Chemistry (WRF-Chem) ทำ�งานแบบอัตโนมัติ โดยแบบ จำ�ลองดังกล่าวสามารถพยากรณ์คุณภาพอากาศ PM10 ล่วงหนา้ 1, 3 และ 5 วนั ครอบคลมุ พืน้ ท่ีภาคเหนอื ตอนบน 9 จังหวัด 3. รวบรวมข้อมูลตัวแปรด้านสาธารณสุขซึ่งเป็นข้อมูลระดับ อ�ำ เภอและระดบั ตำ�บล ประกอบด้วย ตัวชี้วดั ทางดา้ นสถานะ สุขภาพ (Health Status Indicators) ตัวชี้วัดปัจจัยที่มี อิทธิพลต่อสุขภาพอนามัย (Health Determinant Indicators) และตัวชี้วัดระบบสุขภาพ (Health System Indicators) เพอื่ ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ประกอบการจดั ท�ำ เกณฑร์ ะดบั การเตือนภัย

16 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 4. คัดเลือกพ้ืนท่ีและติดต้ังเคร่ืองมือตรวจวัดทางอุตุนิยมวิทยา และคุณภาพอากาศ โดยทำ�การตรวจวัดและเก็บข้อมูล อย่างต่อเนื่องในช่วงที่อุณหภูมิความร้อนและมลพิษจาก หมอกควันมีความรุนแรง (เดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน) ประกอบดว้ ย Temperature, Humidity, Solar radiation, Wind speed, Wind direction, Heat index, PM10, Ozone, CO, NO2 และ SO2 ในพนื้ ทอ่ี �ำ เภอเถนิ จงั หวดั ล�ำ ปาง 5. ประชุมเพ่ือพัฒนาเกณฑ์การเตือนภัยและผลกระทบต่อ สุขภาพจากความร้อนและหมอกควันด้วยวิธีการรับฟัง ข้อคิดเห็นจากผู้เช่ียวชาญจากหน่วยงานต่างๆ ที่เก่ียวข้อง เช่น กรมควบคุมมลพิษ กรมอนามัย กรมควบคุมโรค กรมอุตุนิยมวิทยา และคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในเบื้องต้นสามารถกำ�หนดเกณฑ์ระดับการเตือนภัยและ ผลกระทบต่อสุขภาพ ดังน้ี สฟี ้า หมายถึง เฝ้าระวงั (HI 26.7 -32.2 ◌C / PM10 0 - 50 µg/m3) สเี หลือง หมายถึง เตอื นภัย (HI 32.2 - 40.6 ◌C / PM10 50 - 120 µg/m3) สีส้ม หมายถงึ อนั ตราย (HI 40.6 - 54.5 ◌C / PM10 121 - 350 µg/m3) สแี ดง หมายถึง อนั ตรายมาก (HI >54.5 ◌C / PM10 >350 µg/m3)

17 6. พัฒนาระบบเตือนภัยความร้อนและหมอกควันล่วงหน้า ซึ่งเป็นระบบท่ีทำ�งานแบบอัตโนมัติ ด้วยการเขียนชุดคำ�สั่ง และจัดการฐานข้อมูลด้วย MySQL นำ�เข้าข้อมูลดัชนี ความร้อน และขอ้ มูลพยากรณป์ ริมาณฝุ่น PM10 โดยระบบ จะนำ�เข้าข้อมูลพยากรณ์ดัชนีความร้อนและหมอกควัน ลว่ งหน้า 1, 3 และ 5 วนั แบบต่อเนอื่ งในชว่ งเวลา 13.00 น. ของทุกวัน แสดงผลการเตือนภัยด้วยสัญลักษณ์วงกลม แบ่งออกเป็น 4 สี ตามระดับการเตือนภัยและผลกระทบ ต่อสุขภาพใน Google Map โดยผู้ใช้งานระบบเตือนภัย ค ว า ม ร้ อ น แ ล ะ ห ม อ ก ค วั น ส า ม า ร ถ เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ ท่ี http://www.tccnprogram.webgraphicdesignerthailand.com

18 ระดบั การเตือนภัย และผลกระทบตอ่ สุขภาพ จากความรอ้ นและหมอกควัน ดชั นีความรอ้ น °C เกณฑ์ความรุนแรง 26.7-32.2 ปลอดภยั เฝา้ ระวัง ดชั นีความรอ้ น °C 0-50 ออ่ นเพลยี ระดบั PM10 (µg/m3) วงิ เวยี น 32.2-40.6 คลน่ื ไส้ อาเจยี น ปวดศรี ษะ ปวดเมอ่ื ยตามตวั เฝา้ ระวงั เตือนภยั ระดบั ตน้ ตะครวิ ความรอ้ น 50-120 ดัชนคี วามร้อน °C เพลยี แดด ระดบั PM10 (µg/m3) 40.6-54.5 หลกี เลย่ี งสถานท่ี ทม่ี ฝี นุ่ ละออง เตอื นภัยระดบั สูง มีผลกระทบ ดัชนคี วามร้อน °C 121-350 ตะครวิ ความรอ้ น ลมแดด ผปู้ ว่ ย >54.5 ระดับ PM10 (µg/m3) ระบบทางเดนิ หายใจ เดก็ ผสู้ งู อายไุ มค่ วรท�ำ กจิ กรรมภายนอก อนั ตราย เตือนภัยระดบั สงู สดุ ลมแดด >351 ระดบั PM10 (µg/m3) อวยั วะภายในลม้ เหลว อาจเสยี ชวี ติ งดท�ำ กจิ กรรมภายนอก

19 Heat Index PM10 Heat Index + PM10 นแรง ระบบเตอื นภัยความร้อนและหมอกควันล่วงหน้า 3 รูปแบบ การนำ�ไปใช้ประโยชน์ นำ � เ ส น อ ผ ล ก า ร ศึ ก ษ า ใ น ร ะ ย ะ แ ร ก ที่ ง า น ป ร ะ ชุ ม วิ ช า ก า ร ความท้าทายทางสุขภาพเพ่ือการจัดทำ�เป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืนระดับชาติและนานาชาติ ประจำ�ปี 2561 “การดูแล สุขภาพถ้วนหน้า” จัดโดย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ระหวา่ งวนั ท่ี 23 – 24 กรกฎาคม 2561 ณ โรงแรมโฆษะ จงั หวดั ขอนแกน่

20 การขยายผลในระดับประเทศ งานวิจัยน้ีเป็นโครงการต่อเน่ือง 2 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 – 2562) ซึ่งในแผนการดำ�เนินงานที่กำ�หนดไว้ ทางคณะวิจัย ฯ จะทำ�การคัดเลือกพ้ืนท่ีภาคเหนือตอนบน สำ�หรับทดลองใช้ระบบเตือนภัยความร้อนและหมอกควัน ลว่ งหน้าในปี พ.ศ. 2562 ประชาชนได้ประโยชนอ์ ยา่ งไร Heat Index ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องสามารถเข้าถึง เคร่ืองมือเตือนภัยความร้อนและหมอกควันได้อย่างสะดวก และได้รับทราบข้อมูลข่าวสารการเตือนภัยท่ีมีความเหมาะสม ตามบริบทของพนื้ ท่ี นายวฒุ ิชยั แพงแก้ว กลุ่มการเปลยี่ นแปลงภูมิอากาศ ศูนย์วิจยั และฝกึ อบรมดา้ นส่ิงแวดล้อม โทรศพั ท์ 02-577-4182-6 ต่อ 1129 โทรสาร 02-577-1138 E-mail: [email protected]

งานวิจัยด้านอากาศ เสียง และความสั่นสะเทือน 21 3 โครงการวิจยัการศกึ ษาการแพรก่ ระจายและการปนเป้อื น ของสารปรอทในส่ิงแวดลอ้ ม จากแหลง่ ทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนกิ ส์ พนื้ ท่ีศกึ ษาวจิ ยั ชมุ ชนทม่ี ีการประกอบอาชีพจำ� แนกขยะอิเลก็ ทรอนิกส์ ในต�ำบลแดงใหญ่ อำ� เภอบ้านใหมไ่ ชยพจน์ และต�ำบลบา้ นเปา้ อำ� เภอพุทไธสง จังหวดั บุรีรมั ย์

22 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 ผลการดำ�เนนิ งาน/ตามตัวชว้ี ัดโครงการ 1. ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้นำ�ท้องถ่ิน เร่ืองสารพิษจาก ขยะอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และแนวทางการจดั การขยะอนั ตรายเหลา่ นี้ อยา่ งถกู หลกั วชิ าการ ทงั้ นี้ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำ บลแดงใหญ่ ไดร้ า่ งขอ้ บญั ญตั ติ �ำ บลในการจดั การปญั หาขยะอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ในพนื้ ท่ี 2. นำ�เสนอทางเลือกเพื่อลดการเผาขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยแนะนำ�ผู้นำ�ท้องถ่ินให้จัดหาเคร่ืองตัดแยกพลาสติก และทองแดงของสายไฟขนาดเลก็ ทงั้ นี้ นายอ�ำ เภอแดงใหญ่ ได้ส่ังการให้ผู้นำ�ท้องถ่ินจัดหาเครื่องแยกสายไฟดังกล่าว ดว้ ยงบประมาณไทยนิยมย่ังยืน 3. ประเมนิ คา่ สมั ประสทิ ธก์ิ ารระเหยออกของปรอท (emanation factor) และคา่ สมั ประสทิ ธก์ิ ารระบายสารปรอท (emission factor) จากการเผาขยะอิเล็กทรอนิกส์ จะทำ�ให้สามารถ ประเมินการระบายสารปรอทจากการเผาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ในพน้ื ท่ี ซ่งึ มีผลโดยตรงต่อการได้รบั สมั ผัสของชุมชน 4. ให้แนวทางการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ท่ีเหมาะสม และถูกหลกั วิชาการ

23 การนำ�ไปใช้ประโยชน์ นำ�ไปใช้ประโยชน์ในพ้ืนท่ีศึกษาตลอดระยะเวลาดำ�เนินโครงการ (ตุลาคม 2560 – กันยายน 2561) โดยใหค้ วามรู้ความเข้าใจแก่ อบต.แดงใหญ่ และ อบต. บ้านเป้า ถึงอันตรายของสารปรอท ท่ีปนเป้ือนอยู่กับขยะอิเล็กทรอนิกส์ การคัดแยกและบริหาร จดั การขยะประเภทนต้ี อ้ งอาศยั ความรทู้ างวิชาการ ใหเ้ ป็นไปตาม กฎหมายตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งไดแ้ ก่ พ.ร.บ. สง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพ สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความ เป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2560 และประกาศ กรมควบคุมมลพิษ แนวทางการบริหารจัดการขยะอันตราย โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2561 ตลอดจนเสนอแนะ ให้ท้องถ่ินจัดหาเครื่องแยกสายไฟเพ่ือลดการเผา นอกจากนี้ ท้องถ่ินได้ทำ�การร่างข้อบัญญัติตำ�บล เพื่อใช้เป็นกติกากลาง ให้แก่ชุมชนที่มีการจำ�แนกขยะอิเล็กทรอนิกส์ และท้องถ่ินได้ จัดประชุมประชาคมเพื่อไม่ให้มีการนำ�จอโทรทัศน์มาจำ�แนก อีกต่อไป เพื่อลดขยะเศษกระจกแตกและปริมาณปรอทที่อาจ ระเหยออกมาปนเป้ือนในอากาศได้

24 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 การขยายผลในระดบั ประเทศ ในปีงบประมาณ 2562 จะได้มีการขยายผลการจัดการ ขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะชุมชนในระดับจังหวัดบุรีรัมย์ เพ่ือลด ผลกระทบการปนเป้ือนของสารพิษสู่ส่ิงแวดล้อม โดยสามารถ นำ�สัมประสิทธิ์การระเหยออกและการระบายของสารปรอท จากขยะอิเล็กทรอนิกส์ท่ีได้จากการศึกษามาใช้ประเมินปริมาณ การแพร่กระจายของสารปรอทในอากาศ เสนอแนะรูปแบบ การจัดการสารมลพิษจากขยะในส่ิงแวดล้อมเมือง และเพ่ือ สนับสนนุ การเป็นเมืองสิง่ แวดล้อมยั่งยืนของจังหวัดบุรีรัมย์ ประชาชนไดป้ ระโยชนอ์ ย่างไร ดา้ นวิชาการ 1. สัมประสิทธ์ิการระเหยออก (emanation factor) และ สัมประสิทธ์ิการระบาย (emission factor) ของสารปรอท จากแหลง่ คดั แยกและท้ิงขยะอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 2. ประเมนิ การแพรก่ ระจายของสารปรอทในสงิ่ แวดลอ้ มอนั เนอ่ื ง มาจากแหลง่ คดั แยกและทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์

25 ดา้ นนโยบาย 1. ข้อมูลวิชาการสนับสนุนนโยบายยุทธศาสตร์การจัดการซาก ผลิตภัณฑ์เคร่ืองใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ พ.ศ. 2557-2564 ตามท่ีคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเม่ือ วนั ที่ 17 มนี าคม 2558 เพอื่ ใชเ้ ปน็ กรอบนโยบายบรหิ ารจดั การ ซากผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ สอ์ ยา่ งครบวงจร 2. สนับสนุนท้องถ่ินในการกำ�หนดมาตรการที่เหมาะสมเพ่ือ ควบคุมแหล่งกำ�เนิดดังกล่าวให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของ บ้านเมอื ง ลงวนั ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560 3. เพิ่มศักยภาพการประเมินการแพร่กระจายของสารปรอท จากแหล่งกำ�เนิดให้กับประเทศไทย ตลอดจนสนับสนุน การเตรียมความพร้อมของประเทศในการเข้าร่วมเป็น ภาคีในอนสุ ญั ญามินามาตะว่าดว้ ยปรอท “The Minamata Convention on Mercury” ดา้ นสังคมและชุมชน 1. เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ท่ีสามารถนำ�ไปเผยแพร่สร้าง ความตระหนกั ใหแ้ กท่ อ้ งถนิ่ ในการบรหิ ารจดั การแหลง่ คดั แยก และทง้ิ ขยะอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ใหม้ คี วามเหมาะสม ไมเ่ ปน็ อนั ตราย ตอ่ ชุมชนและสงิ่ แวดลอ้ ม 2. เผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธผ์ ลการศกึ ษา สรา้ งความตระหนกั รถู้ งึ อันตรายของสารปรอทให้แก่ประชาชนทั่วไป เพ่ือให้เกิดการ มสี ว่ นร่วมในการทง้ิ ขยะอเิ ล็กทรอนกิ ส์อยา่ งเหมาะสม นางสาวหทัยรตั น์ การีเวทย์ กล่มุ อากาศ เสียง และ ความสน่ั สะเทอื น ศนู ยว์ จิ ัยและฝกึ อบรมด้านสิง่ แวดล้อม โทรศพั ท์ 02-577-4182-9 ตอ่ 1305 โทรสาร 02-577-1138 E-mail: [email protected]

26 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 4 โครงการวิจยัการศึกษาการปอ้ งกนั การแพร่กระจายฝุ่น ระดบั PM10 ด้วยการปลูกต้นไม้ ตำ� บลหน้าพระลาน อำ� เภอเฉลิมพระเกยี รติ จังหวดั สระบรุ ี พ้นื ที่ศกึ ษาวิจัย ต�ำบลหน้าพระลาน อำ� เภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี

27 ผลการดำ�เนนิ งาน/ตามตัวชีว้ ัดโครงการ: พื้นท่ีตำ�บลหน้าพระลาน อำ�เภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ซงึ่ เปน็ เขตควบคมุ มลพษิ ไดป้ ระสบปญั หาระดบั ความเขม้ ขน้ ของ ฝนุ่ ขนาดเล็กกวา่ 10 ไมครอน (PM10) เฉลีย่ 24 ช่วั โมง สงู เกิน 120 µg/m3 ซ่ึงเป็นค่ามาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศ โดยทั่วไปของประเทศไทยมาอย่างต่อเน่ืองยาวนาน ซึ่งแหล่ง ก�ำ เนิดของ PM10 ตา่ ง ๆ ทง้ั แหลง่ ก�ำ เนิดจากภาคอตุ สาหกรรม (Area Source และ Point Source) และแหลง่ กำ�เนดิ ประเภท ถนนน้ันได้ต้ังอยู่ในหลากหลายตำ�แหน่ง หลากหลายทิศทาง โดยรอบสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ซ่ึงยังไม่มีการศึกษาว่า พ้ืนที่บริเวณใดหรือตำ�แหน่งท่ีต้ังใดของแหล่งกำ�เนิด PM10 ส่งผลกระทบหลักท�ำ ใหค้ วามเขม้ ข้น PM10 มีคา่ สงู ขึน้ นอกจากนี้มีรายงานวิจัยบ่งชี้ว่าต้นไม้สามารถกรองดักจับ ฝุ่นละอองได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะต้นที่มีขนอ่อนตามใบและ กิ่งจะช่วยดักจับฝุ่นละอองได้เพ่ิมขึ้น ดังนั้น นอกเหนือจาก มาตรการควบคุมกำ�จัดฝุ่นทางวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี นั้น ยังสามารถใช้การเพ่ิมพื้นท่ีสีเขียวโดยการปลูกต้นไม้ในพ้ืนท่ี ทเ่ี หมาะสม เพอ่ื ท�ำ การปอ้ งกนั การแพรก่ ระจายและลดระดบั ของ PM10 ในพน้ื ท่ีหนา้ พระลานได้ ผลการศกึ ษาจากการวเิ คราะหข์ อ้ มลู การตรวจวดั คณุ ภาพอากาศ และอุตุนิยมวิทยารายช่ัวโมง ณ สถานีตำ�รวจหน้าพระลาน ของกรมควบคุมมลพิษ ระหว่างปี พ.ศ. 2555-2560 โดยใช้ เทคนิคทางสถติ ิ เช่น Bivariate Polar Plot และ Conditional

28 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 Probability Function พบว่าแหล่งท่ีมาของ PM10 ที่ส่ง ผ ล ก ร ะ ท บ แ ล ะ เ ป็ น ปั จ จั ย ที่ ส่ ง ผ ล ต่ อ ร ะ ดั บ ค ว า ม เ ข้ ม ข้ น Background มาจากพ้ืนทีท่ ่อี ยไู่ กลจากสถานีตรวจวดั คุณภาพ อากาศทางด้านบริเวณทิศเหนือถึงทิศตะวันออก ในขณะที่ บริเวณใกล้สถานีตรวจวัดฯ บริเวณทิศเหนือถึงทิศตะวันออก ซ่ึงเป็นพื้นท่ีถนน รวมถึงสภาพอุตุนิยมวิทยา Mixing Height เป็นปัจจัยส่งผลในการเกิด Peak ของระดบั PM10 ในช่วงเวลา 6.00-10.00 น. และ 18.00-23.00 น. ในทกุ ๆ วนั

29 นอกจากน้ีจากการเก็บตัวอย่างใบไม้ในบริเวณพื้นท่ีตำ�บล หน้าพระลานมาทำ�การวิเคราะห์ปริมาณ PM10 ที่ถูกดักจับ ไว้บนใบไม้ พบว่า ใบของต้นไผ่และต้นตะขบ มีความสามารถ ในการจบั PM10 ไวไ้ ดม้ ากกวา่ ตน้ ไมช้ นดิ อน่ื ๆ ในพน้ื ทท่ี ท่ี �ำ การศกึ ษา ดังน้ัน บริเวณพ้ืนที่แหล่งที่มาของ PM10 ท่ีอยู่ห่างไกลสถานี ตรวจวัดควรที่จะทำ�การปลูกต้นไม้ท่ีสามารถดักจับ PM10 ได้ดี อย่างหนาแน่น เช่น การปลูกป่านิเวศเป็นกำ�แพงต้นไม้ เพอ่ื ปอ้ งกนั การเพม่ิ ขน้ึ ของคา่ Background และการแพรก่ ระจาย จากการพัดพาของลมไปยังพื้นท่ีอื่น ๆ ในขณะที่บริเวณถนน ท่ีอยู่ใกล้แหล่งท่ีมาของ PM10 ท่ีส่งผลกระทบควรที่จะทำ� การปลูกต้นไม้ดักจับ PM10 ในลักษณะกำ�แพงหรืออุโมงค์ ต้นไม้เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของ PM10 จากถนนข้ึนไป ในบรรยากาศ และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อระดับ Mixing Height ลดลง นอกจากน้ีฝุ่นที่ถูกกักในอุโมงค์ต้นไม้ยัง สามารทำ�การกำ�จัดได้โดยการกวาดล้าง หรือ ใช้รถดูดฝุ่นต่อไป ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพมากขน้ึ

30 การนำ�ไปใชป้ ระโยชน์ นำ�เสนอความก้าวหน้าโครงการวิจัยในการประชุม คณะกรรมการกำ�กับดูแลและติดตามผลการดำ�เนินงาน พ้ืนที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสระบุรี คร้ังท่ี 2 วันท่ี 9 พฤษภาคม 2561 การประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือถอดบทเรียนการป้องกัน และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพ้ืนที่เขตควบคุมมลพิษ ตำ�บลหน้าพระลาน ณ เทศบาลตำ�บลหน้าพระลาน 27 สิงหาคม 2561 นายศิรพงศ์ สุขทวี กลุ่มอากาศ เสียงและความสั่นสะเทือน ศูนยว์ จิ ยั และฝกึ อบรมดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม โทรศัพท์ 02-577-4182-9 ตอ่ 1306 โทรสาร 02-577-1138 E-mail: [email protected]

งานวิจัยด้านน้�ำและขยะ 5 31 โครงการวจิ ัย ศกึ ษาประสิทธิภาพของระบบ Biological Activated Carbon รว่ มกับ Membrane Micro Filtration ในการบำ� บัดน้ำ� ทิ้งจาก ระบบบำ� บัดนำ�้ เสียชุมชน เพ่ือการน�ำน้�ำ กลบั มาใช้ใหม่ พื้นทศ่ี ึกษาวิจัย อาคารกรมส่งเสริมคุณภาพส่งิ แวดล้อม เลขท่ี 49 พระราม 6 ซอย 30 ถนนพระรามหก เขตพญาไท กรงุ เทพฯ

32 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 ผลการดำ�เนินงาน/ตามตวั ชีว้ ัดโครงการ โครงการศึกษาประสิทธิภาพของระบบ Biological Activated Carbon รว่ มกับ Membrane Micro Filtration ในการบ�ำ บัด นำ้�ทิ้งจากระบบบำ�บัดนำ้�เสียชุมชนเพื่อการนำ�น้ำ�กลับมาใช้ใหม่ ไ ด้ ทำ � ก า ร ศึ ก ษ า ก า ร นำ � น้ำ � ที่ ผ่ า น ก า ร บำ � บั ด แ ล้ ว ข อ ง อาคารกรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อม เพ่ือการนำ�กลับมา ใช้ใหม่ สำ�หรับการรดน้ำ�ต้นไม้ ล้างรถ และการนำ�กลับไปใช้ ในห้องน้ำ�ชั้น 3 ห้องประชุมอารีย์สำ�หรับโถปัสสาวะผู้ชาย โดยคณะผู้วิจัยได้ดำ�เนินการก่อสร้างระบบ Biological Activated Carbon ร่วมกับ Membrane Micro Filtration ขนาด 500 ลิตร/ชั่วโมง ติดตั้งบริเวณด้านหลัง อาคารกรมสง่ เสรมิ คุณภาพสง่ิ แวดลอ้ ม รายละเอยี ดตามรปู ชุดถังปฏิกรยิ าของระบบฯ สวนนวัตกรรม

33 การเก็บตวั อยา่ งน้ำ�เพื่อการวิเคราะหค์ ุณภาพน�้ำ น้ำ�ทิง้ จากอาคารรวบรวมมาในถงั ปฏิกิรยิ า นำ้�ทผ่ี า่ นการบำ�บดั ด้วย เพอ่ื เตรียมการบ�ำ บัดซำ�้ ACTIVATED CARBON

34 ผลการวเิ คราะห์คณุ ภาพน�ำ้ จากการเก็บตวั อย่างน�ำ้ เพื่อท�ำ การวเิ คราะหต์ งั้ แต่ เดอื นพฤษภาคม – สิงหาคม จ�ำ นวน 4 คร้งั มผี ลดงั น้ี 1. น้ำ�เสยี กอ่ นเขา้ ระบบ ค่า BOD เฉลีย่ = 17.70 ml/l , SS = 1.1 ml/l, TKN = 46 ml/l , TC = 133 CFU/ml, EC = 4.27 CFU/ml 2. น�ำ้ เสียหลังผา่ น Activated Carbon ค่า BOD เฉล่ยี = 7.07 ml/l, SS = 1.0 ml/l, TKN = 43 ml/l, TC = 33 CFU/ml , EC = 0.60 CFU/ml 3. นำ�้ เสียหลงั ผา่ น Ultra Filtration คา่ BOD เฉลย่ี = 5.6 ml/l, SS = 0 ml/l, TKN = 39 ml/l, TC = 11.13 CFU/ml, EC = 0 CFU/ml

35 การนำ�ไปใช้ประโยชน์ เหมาะสำ�หรับอาคารสำ�นักงาน สถานประกอบการ โรงงาน ทุกประเภท ท่ีมีความต้องการจะนำ�น้ำ�ท่ีผ่านการบำ�บัดแล้ว กลบั มาใช้ประโยชน์ การขยายผลในระดับประเทศ ควรจะเริ่มที่พ้ืนที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ� เพ่ือทำ�น้ำ�ประปา พื้นที่เกาะแหล่งท่องเท่ียวต่าง ๆ เพื่อลดการปล่อยมลพิษ ในสิ่งแวดล้อม เกดิ การใช้ทรัพยากรอยา่ งคุม้ ค่า ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไร เทคโนโลยีการบำ�บัดนำ้�เสีย เพ่ือการนำ�กลับมาใช้ใหม่ที่มี ประสิทธิภาพสูง ดูแลง่าย ราคาไม่สูง คุ้มค่ากับการท่ีลงทุน ตน้ ทุนน�ำ้ reuse ต�ำ่ กวา่ น้�ำ ประปา นายชัชชยั โทปญั ญา กลมุ่ นำ�้ และขยะ ศนู ยว์ จิ ยั และฝกึ อบรมด้านสงิ่ แวดล้อม โทรศพั ท์ 02-577-4182-9 ตอ่ 1313 โทรสาร 02-577-1138 E-mail: [email protected]

36 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 6 งานวจิ ยัพฒั นาถังปฏกิ รณ์ชีวภาพแบบมเี มมเบรน เพื่อการน�ำน�ำ้ กลับมาใช้ใหม่ ส�ำหรบั กิจกรรม ของภาคชมุ ชนและเกษตรกรรม พ้นื ที่ศึกษาวจิ ยั หอพักบุคลากร มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ องครักษ์ จังหวัดนครนายก

37 ผลการดำ�เนนิ งาน/ตามตวั ช้ีวดั โครงการ ทำ�การทดสอบประสิทธิภาพการบำ�บัดน้ำ�เสียจากการซักล้าง ด้วยถังปฏิกรณ์ชีวภาพแบบมีเมมเบรน ในอัตราน�ำ้ เสียเข้าระบบ โดยเฉลยี่ ที่ 2 ลกู บาศกเ์ มตร/วนั โดยท�ำ การเกบ็ ตวั อยา่ งวเิ คราะห์ คุณภาพนำ้�อย่างต่อเน่ือง พบว่าสามารถบำ�บัดบีโอดี ซีโอดี ตะกอนแขวนลอย แอมโมเนยี และดชั นชี วี้ ดั ทางเชอื้ โรคไดม้ ากกวา่ ร้อยละ 95 คุณภาพน้ำ�ที่ผ่านการบำ�บัดมีค่าความเข้มข้น ของสารอินทรีย์ในรูปของบีโอดี และซีโอดีเท่ากับ <2 และ 15 มิลลิกรัม/ลิตร ตามลำ�ดับ ส่วนตะกอนแขวนลอยและ แอมโมเนีย น้อยมากจนตรวจไม่พบ ในขณะท่ีดัชนีชี้วัด ทางด้านเชอื้ โรค มคี ่าน้อยกวา่ 1 CFU/100 mL.

38 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 การนำ�ไปใช้ประโยชน์ ในปี 2562 ได้มีแผนดำ�เนินการเพ่ือศึกษาการนำ�นำ้�ท่ีผ่าน การบำ�บัดมาใชใ้ นการปลกู พชื และนำ�มาใชใ้ นชักโครก การขยายผลในระดับประเทศ เป็นศูนย์เรียนรู้ ด้านเทคโนโลยีการบำ�บัดนำ้�เสียเพ่ือการนำ� กลับมาใช้ใหม่ด้วยถังปฏิกรณ์ชีวภาพแบบมีเมมเบรน และมีแผน การขยายผลการใชถ้ งั ปฏกิ รณช์ วี ภาพแบบมเี มมเบรนในการบ�ำ บดั น�ำ้ เสยี ของมหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไร เทคโนโลยกี ารบ�ำ บดั น�ำ้ เสยี ดว้ ยถงั ปฏกิ รณช์ วี ภาพแบบมเี มมเบรน สามารถน�ำ น�ำ้ ทผ่ี า่ นการบ�ำ บดั แลว้ เพอ่ื น�ำ กลบั มาใชใ้ หมไ่ ด้ ถอื เปน็ การอนุรักษ์ทรัพยากรนำ�้ รักษาส่งิ แวดล้อม และเป็นการใช้นำ�้ อยา่ งรคู้ ณุ คา่ ซง่ึ เปน็ ทางเลอื กหนง่ึ ใหก้ บั ประชาชนและผปู้ ระกอบการ น�ำ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการบ�ำ บดั น�ำ้ เสยี ในหนว่ ยงานได้ นางสาวสุดา อทิ ธสิ ภุ รณ์รัตน์ กลุ่มน้�ำ และขยะ ศนู ย์วจิ ยั และฝึกอบรมด้านสง่ิ แวดล้อม โทรศพั ท์ 02-577-4182-9 ตอ่ 1313 โทรสาร 02-577-1138 E-mail: [email protected]

งานวิจัยด้านสารอันตราย 39 7 โครงการวจิ ัยแนวทางการจดั การขยะและของเสยี อนั ตราย ในอุทยานแหง่ ชาติ โดยกระบวนการวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการแบบมีสว่ นรว่ ม (PAR) พนื้ ทศ่ี กึ ษาวจิ ัย ภาคตะวนั ออก ประกอบดว้ ย จังหวัดระยอง อุทยานแห่งชาตเิ ขาชะเมา-เขาวง อทุ ยานแหง่ ชาติ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสมด็ จงั หวัดจนั ทบุรี อุทยานแห่งชาติเขาคชิ ฌกฎู อทุ ยานแห่งชาตเิ ขาสิบหา้ ชั้น อุทยานแห่งชาติน้ำ�ตกพลิว้ จังหวดั ตราด อุทยานแหง่ ชาติ นำ�้ ตกคลองแก้ว อทุ ยานแหง่ ชาตหิ มูเ่ กาะชา้ ง ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จงั หวัดนครพนม อุทยานแห่งชาตภิ ูลงั กา จงั หวดั สกลนคร อทุ ยานแหง่ ชาติ ภูผายล อทุ ยานแหง่ ชาติภูผาเหลก็ อทุ ยานแห่งชาติภพู าน จังหวดั เลย อทุ ยานแหง่ ชาติภกู ระดงึ อุทยานแหง่ ชาติภูเรอื อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย จงั หวัดอดุ รธานี อุทยานแห่งชาตินายูง-น้ำ�โสม อทุ ยานแห่งชาตภิ ูผายา

40 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 ผลการดำ�เนินงาน/ตามตวั ช้วี ัดโครงการ เน้นการทำ�งานร่วมกันระหว่างคณะวิจัยและหน่วยงานร่วม ในพ้ืนที่ประกอบด้วยการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ การสัมภาษณเ์ ชงิ ลึก การจดั ประชมุ กลุ่มย่อย (Focus Groups) เพื่อประเมินศักยภาพและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ แลกเปล่ียนข้อคิดเห็นระหว่างผู้เข้าร่วมการประชุมและการระดม ความคิดเพ่ือการจัดทำ�แนวทางหรือโครงการจัดการขยะและ ของเสียอนั ตรายในอุทยานแหง่ ชาติ 1. ประสานงานหน่วยงานในสังกัดและหน่วยงานในพ้ืนที่ เพ่ือชี้แจงโครงการ ทำ�ความเข้าใจและเชิญเจ้าหน้าที่อุทยาน แห่งชาติ เจ้าหน้าที่สำ�นักบริหารพ้ืนที่อนุรักษ์ เจ้าหน้าท่ี สิ่งแวดล้อมภาค เจ้าหน้าที่สำ�นักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวดั เข้าร่วมในการวจิ ยั 2. จัดการอบรมให้ความรู้กับนักวิจัยจากกรมส่งเสริมคุณภาพ สิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอ่ืนๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติในกระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วม ประกอบด้วย แบบสอบถามและการสัมภาษณ์ การจัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เทคนิคและการจัดประชุมระดมความคิด เพื่อจดั ท�ำ แผนงาน 3. สำ�รวจพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเข้าพบผู้เกี่ยวข้อง เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม การสัมภาษณ์เชิงลึกกับ ผ้เู กี่ยวขอ้ ง ผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสยี ผบู้ รหิ าร และผปู้ ฏบิ ตั งิ าน

4. จัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group Discussion) ในพ้ืนท่ี อทุ ยานแหง่ ชาติ ทงั้ 16 แหง่ และเชญิ กลมุ่ ผทู้ ม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง กับการบริหารจัดการขยะและของเสียอันตราย เพื่อระดม ความคิด คัดแยกประเด็นปัญหา หาแนวทางปรับปรุงแก้ไข เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขยะและของเสีย อันตราย 5. จัดประชุมกลุ่มใหญ่ (รายภาค) เพ่ือระดมความคิด จัดทำ�แนวทางการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ในอทุ ยานตามบรบิ ทของพน้ื ท่ีครง้ั ท่ี1 ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื สำ�นักบริหารพ้ืนที่อนุรักษ์ที่ 10 อุดรธานี คร้ังที่ 2 ภาคตะวันออก ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัด จนั ทบุรี

42 การนำ�ไปใชป้ ระโยชน์ จัดประชุมสัมมนาเพ่ือเผยแพร่และรายงานผลการศึกษา ในโครงการ รวมท้ังแลกเปล่ียนข้อคิดเห็น รับฟังข้อคิด ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ในวันท่ี 23 สิงหาคม 2561 ณ โรงแรมรามาการเ์ ดน้ ท์ กรงุ เทพฯ มผี เู้ ขา้ ร่วม จากหน่วยงานวิจัยร่วม และหน่วยงานอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง จ�ำ นวน 80 คน

43 การขยายผลในระดับประเทศ หน่วยงานวิจัยร่วมจำ�นวนหนึ่ง คือ อุทยานแห่งชาติภูเรือ อุทยานแห่งชาตินายูง-นำ้�โสม อุทยานแห่งชาติภูผายา ได้นำ� แ ผ น ป ฏิ บั ติ ง า น ห รื อ แ น ว ท า ง ท่ี ไ ด้ ร่ ว ม กั น ร ะ ด ม ค ว า ม คิ ด จากกระบวนการวิจัยไปจัดทำ�แผนการเตรียมความพร้อม ในการประเมินการรบั รองเป็นอทุ ยานสเี ขียว ประชาชนไดป้ ระโยชน์อย่างไร อุทยานแห่งชาติเป็นพ้ืนท่ีท่ีประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีความอ่อนไหวต่อ การเปล่ียนแปลง ดังนั้นหากมีการจัดการที่ดีโดยเฉพาะปัญหา ขยะและของเสียอันตรายที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อ พน้ื ทแี่ ล้ว ประโยชน์ที่จะเกิดตอ่ ส่วนรวมยอ่ มมอี ยา่ งมากมาย นายเจนวิทย์ วงษ์ศานนู กลุม่ สารอนั ตราย ศนู ยว์ ิจัยและฝึกอบรมดา้ นสง่ิ แวดล้อม โทรศพั ท์ 02-577-4182-9 ตอ่ 1222 โทรสาร 02-5771138 E-mail: [email protected]

8 โครงการวจิ ยั44 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 การใช้ไส้เดอื นดินในการบ�ำบดั สารอนั ตราย ตกคา้ งในวัสดคุ งเหลือจากการกำ� จดั ขยะชุมชน พ้ืนทศี่ ึกษาวิจยั 1. ศนู ยก์ ำ� จัดขยะมลู ฝอยรวมแบบครบวงจร องค์การบรหิ าร สว่ นจงั หวัดระยอง 2. ศูนยจ์ ัดการมูลฝอยรวมแบบครบวงจร เทศบาลตำ� บลสตึก อ�ำเภอสตึก จงั หวดั บรุ รี มั ย์ 3. ศนู ยก์ ำ� จดั ขยะมลู ฝอยเทศบาลเมืองศรสี ะเกษ 4. ศูนยก์ ำ� จัดขยะมูลฝอยเทศบาลต�ำบลก�ำแพง อำ� เภอละงู จังหวัดสตูล 5. ศนู ยก์ ำ� จัดขยะมูลฝอยเทศบาลเมืองสระบรุ ี 6. ศนู ย์ก�ำจดั ขยะมลู ฝอยแบบครบวงจรเทศบาลต�ำบลสงู เนิน จังหวดั นครราชสมี า 7. ศนู ย์กำ� จัดขยะมลู ฝอยแบบครบวงจรเทศบาลต�ำบลแมส่ าย อำ� เภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 8. ศนู ยก์ �ำจัดขยะมูลฝอยตามหลกั สุขาภิบาลเทศบาล ต�ำบลเวียงฝาง จงั หวดั เชียงใหม่ 9. ศนู ยก์ �ำจัดขยะมลู ฝอยแบบครบวงจร องคก์ ารบริหารส่วน จังหวัดล�ำปาง 10. ศูนยก์ ำ� จัดมลู ฝอยแบบถูกหลักสุขาภิบาลเทศบาลเมืองสโุ ขทยั 11. ศนู ยก์ ำ� จดั ขยะมลู ฝอยแบบครบวงจร องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลแกง่ เสย้ี น จังหวัดกาญจนบุรี 12. หอ้ งปฏิบตั กิ ารศูนยว์ จิ ัยและฝึกอบรมดา้ นสิง่ แวดลอ้ ม

45 ตลู ผลการดำ�เนินงาน/ตามตวั ช้ีวดั โครงการ 1. การวิเคราะห์สถานการณ์การปนเปื้อนของสารอันตราย 2 กลุ่มหลัก (สารกำ�จัดศัตรูพืชและโลหะหนัก) ที่ตกค้าง ในวัสดุปรับปรุงดินและปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากกระบวนการ กำ�จัดขยะชุมชน พบว่า ทุกตัวอย่างท่ีทำ�การเก็บมาจาก ศูนย์กำ�จัดขยะชุมชนมีการปนเปื้อนของสารอันตรายท้ัง 2 กลุ่ม โดยชนิดและปริมาณของสารท่ีตกค้างขึ้นกับ แหล่งที่มาของขยะ และมีต้นกำ�เนิดการปนเป้ือนมาจาก ทั้งการเกษตรและสาธารณสุข (การใช้สารอันตราย สย้ี น ในครัวเรือนและชุมชน) จึงควรมีการส่งเสริมให้ประชาชน คัดแยกขยะที่ต้นทาง เพ่ือลดสารอันตรายท่ีตกค้างในวัสดุ ดงั กลา่ ว

46 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 2. การทดสอบประสิทธิภาพของไส้เดือนดินในการย่อยสลาย สารอันตรายในวัสดุปรับปรุงดินในห้องปฏิบัติการ พบว่า การใช้ไส้เดือนดินสามารถลดสารกำ�จัดวัชพืช (พาราควอต) ได้มากกว่าการไม่ใช้ ร้อยละ 10-20 ชี้ให้เห็นว่า มีแนวทาง การนำ�ไส้เดือนดินไปใช้ในการบำ�บัดสารอันตรายดังกล่าว ได้ตอ่ ไป การนำ�ไปใชป้ ระโยชน์ การถ่ายทอดผลการศึกษาสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท่ีเข้าร่วมโครงการวิจัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เครือข่ายของศูนย์กำ�จัดขยะฯ รวมทั้งหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ สำ�นักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมจังหวัด สำ�นักงานสิ่งแวดล้อมภาค สำ�นักงานเกษตรจังหวัด สำ�นักงาน สาธารณสุขจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด ในจังหวัดระยอง ชลบุรี สุโขทัย เชียงราย เชียงใหม่ ลำ�ปาง สตูล ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี กาญจนบุรี สระบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ระหวา่ งวนั ที่ 17 กรกฎาคม – 28 สิงหาคม 2561

47 ประชาชนไดป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไร ทราบสถานการณก์ ารปนเป้อื นของสารอนั ตรายท่ตี กคา้ งในวสั ดุ ปรับปรุงดิน และตระหนักถึงผลกระทบท่ีอาจต่อสุขภาพและ ส่ิงแวดล้อม หากมีการนำ�วัสดุปรับปรุงดินที่มีสารอันตรายเกิด ตกค้างไปใช้และมีความตระหนักในการคัดแยกขยะอันตราย ตงั้ แต่ตน้ ทางมากขน้ึ นางสาววรรณวิมล ภทั รสิริวงศ์ กลุ่มสารอนั ตราย ศนู ยว์ จิ ัยและฝึกอบรมด้านสิง่ แวดลอ้ ม โทรศัพท์ 02-577-4182-5 ตอ่ 1203 โทรสาร 02-577-1138 E-mail: [email protected]

งานวิจัยด้านไดออกซินและสารตกค้างยาวนาน 48 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 โครงการวิจยัตรวจสอบการปนเป้อื นสารไดออกซนิ 9 ในสง่ิ แวดลอ้ ม พน้ื ทศ่ี ึกษาวจิ ยั บริเวณรอบอาคารห้องปฏิบตั ิการไดออกซิน ไดแ้ ก่ หน้าอาคารหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารไดออกซนิ วัดแสวงสามคั คีธรรม องคก์ ารพพิ ธิ ภัณฑ์วิทยาศาสตร์แหง่ ชาติ ในอาคารหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ไดออกซนิ (โซนสำ� นักงาน) และ ภายในหอ้ งปฏิบัติการไดออกซิน

49 ผลการดำ�เนนิ งาน/ตามตวั ชวี้ ัดโครงการ: ตัวอยา ง ววัดันแสทวง่ีส1ามคั คีธวรันร0มท.0ี่ 2ไ3หดออ3งอปหกฏนซวิบน�า ัตอันกิาทค0าารี่.ร1310ว.เท�0ฉยอ3าลงศ04่ยีคา.สก0ตาร9รพแ 9หพิ งิธ0ชภา.ณัต10ิฑ1. 008.01ไหด4ออ08งอ.ปก0ใฏซน6ิบ�นอัต8ากิคาา0รร.1003..00ป70รห1�ม2อา0ง2ณป.ฏ0ไดภิบ6อาตั ยอ0ิก9ใกนา.ซร0�น0เท050ีย.บ90.ค00ว8า0ม02เ2ป.0น8พ0ษิ03(.p04g0-T0E0Q0./03m04)3380.0012 0.00050 ตารางที่ 1 แสดงปริมาณไดออกซนิ ในตัวอยา่ งบรรยากาศ บรเิ วณรอบอาคารห้องปฏิบัติการไดออกซิน ครัง้ ท่ี 1

50 โครงการวิจัยปีงบประมาณ 2561 จากตารางท่ี 1 การตรวจวัดสารไดออกซนิ ในตัวอยา่ งบรรยากาศ บริเวณรอบอาคารห้องปฏิบัติการไดออกซิน ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็น ตัวแทนช่วงฤดูแล้ง ได้ทำ�การตรวจวัดแบบ 1 วัน (24 ชั่วโมง) จำ�นวน 3 วันต่อเน่ือง คือวันท่ี 6-8 กุมภาพันธ์ 2561 พบว่า ปริมาณไดออกซินเฉลี่ยในบริเวณวัดแสวงสามัคคีธรรม อาคารหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารไดออกซนิ องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตร์ แห่งชาติ เท่ากับ 0.081, 0.071 และ 0.082 pg-TEQ/m3 ตามลำ�ดับ ส่วนในอาคารห้องปฏิบัติการไดออกซินพบว่า มีค่าเท่ากับ 0.0038 pg-TEQ/m3 และภายในห้องปฏิบัติการ มีคา่ เท่ากับ 0.00050 pg-TEQ/m3 โดยภายในห้องปฏบิ ตั กิ าร ไดออกซิน ตรวจพบไดออกซินในปริมาณท่ีตำ่�มากเน่ืองจาก มีระบบกรองอากาศเพื่อกำ�จัดสารปนเปื้อนในอากาศไม่ให้มี ผลกระทบต่อการทดสอบ ดังนั้นจึงเป็นจุดที่ตรวจพบไดออกซิน ในปริมาณตำ่�สุด ในขณะที่ภายในอาคารห้องปฏิบัติการ ไดออกซินก็ตรวจพบไดออกซินในปริมาณต่ำ�กว่านอกอาคาร จึงไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ สว่ นปรมิ าณไดออกซนิ ในพน้ื ทบี่ รเิ วณรอบอาคารหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ไดออกซินทั้ง 3 จุดมีค่าไม่ต่างกัน แสดงว่ากิจกรรมต่าง ๆ ของ ห้องปฏิบัติการไดออกซินไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพ้ืนท่ีบริเวณ โดยรอบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook