ประมวลการสอนรายวิชา (Course Syllabus) รายวิชา เคมี 5 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวทัศนยี ์ สพุ รรณ โรงเรยี นจารยว์ ทิ ยาคาร อำเภอศีขรภมู ิ จงั หวดั สุรินทร์ สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาเขต 33 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คำนำ ประมวลการสอนท่จี ัดทำขนึ้ น้ี เพื่อใหค้ รูผู้สอนได้เตรียมการในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเคมี 5 รหัสวิชา ว33222 โดยมีการศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ตามสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ จัดทำคำอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา กำหนดเวลาเรียน น้ำหนัก คะแนน กำหนดทกั ษะกระบวนการในการเรยี นการสอนตลอดจนการวัดและประเมินผลการเรยี นการสอนของ ครู หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับครูผู้สอนในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้และผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี นของนกั เรยี นตอ่ ไป นางสาวทศั นยี ์ สุพรรณ
สารบัญ หนา้ คำนำ 1 1. คำอธบิ ายรายวชิ า 3 2. การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ 5 3. โครงสร้างรายวชิ า 4. หนว่ ยการเรยี นรู้ 10 12 หน่วยท่ี 1 เคมอี ินทรีย์ 14 หน่วยที่ 2 เชือ้ เพลงิ ซากดึกดำบรรพ์และผลติ ภัณฑ์ 16 หน่วยที่ 3 สารชีวโมเลกุล 19 5. โครงสรา้ งการจดั การเรยี นการสอนและแผนการวดั ผลประเมนิ ผล 19 6. ส่ือการเรยี นรู้ 19 7. ภาระงาน/ชิ้นงานสำคัญตลอดภาคเรียน 8. ข้อตกลงในการเรยี น
1 1. คำอธบิ ายรายวิชา รายวิชา เคมี 5 รหสั วชิ า ว33222 ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 เวลาเรียน 60 ช่ัวโมง/ภาคเรยี น 1.5 หน่วยกติ ภาคเรียนท่ี 2/2562 ศึกษาความหมายของสารประกอบอนิ ทรีย์และเคมีอนิ ทรีย์การเขยี นสตู รโครงสร้างแบบลิวอสิ แบบย่อแบบผสมแบบใชเ้ สน้ และมุม ศึกษาทดลองการเกิดไอโซเมอร์ของสารประกอบอนิ ทรีย์ศกึ ษาและ ทดลองเกีย่ วกับหมู่อะตอมที่แสดงสมบตั ิเฉพาะหรือหมู่ฟงั ก์ชัน่ ในโมเลกุลของสารศกึ ษาหม่ฟู งั ก์ชน่ั การจำแนก ประเภทของสารประกอบอินทรีย์ ศึกษาโครงสร้างการเขยี นสูตรการเรียกชื่อแนวโนม้ ของจดุ หลอมเหลวและจดุ เดอื ดการละลายในน้ำปฏกิ ริ ยิ าบางชนดิ การนำไปใชป้ ระโยชนแ์ ละอันตรายของสารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภท แอลเคน แอลคนี แอลไคน์ แอลกอฮอล์ ฟนี อล อีเทอร์ แอลดีไฮด์ คโี ตน กรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์ เอมนี และเอไมด์ ศกึ ษาและทดลองสมบัตบิ างประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนการเตรียมเอสเทอร์จาก ปฏกิ ริ ยิ าทเี่ รยี กวา่ เอสเทอริฟิเคชนั และปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรลิซิสของเอสเทอร์ ศึกษาการเกิดและองคป์ ระกอบทางเคมขี องเชอ้ื เพลิงซากดึกดำบรรพ์การสำรวจหาแหลง่ ปโิ ตรเลยี ม กระบวนการกล่นั น้ำมันดบิ และแยกแกส๊ ธรรมชาติ เลขออกเทน เลขซเี ทน อุตสาหกรรมปิโตรเคมแี ละการใช้ ประโยชน์ของปโิ ตรเคมีภัณฑ์ ศกึ ษาประเภทของพอลเิ มอร์และปฏกิ ิริยาพอลิเมอไรเซชนั ความสัมพันธร์ ะหว่าง โครงสร้างกับสมบัติของพอลิเมอรศ์ ึกษาสมบัติของผลติ ภัณฑ์จากพอลเิ มอร์ประเภทต่างๆศกึ ษาทดลองสมบัติ บางประการของพลาสติกชนดิ ตา่ งๆและการเตรียมเส้นใยกึ่งสังเคราะห์ความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีทีน่ ำมาใช้ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สงั เคราะหแ์ ละการนำพอลเิ มอร์ไปใช้ประโยชน์อยา่ งเหมาะสมและปลอดภัย มลพษิ ที่อาจเกิดขน้ึ และแนวทางในการป้องกนั ศึกษาธาตทุ ีเ่ ปน็ องคป์ ระกอบหลักโครงสร้างชนิดหน้าทีแ่ หลง่ ท่ี พบและประโยชน์ของโปรตนี คาร์โบไฮเดรต ลิพิดและกรดนิวคลอี ิก ศึกษาและทดลองเก่ียวกับการทดสอบ โปรตนี ในอาหาร ศกึ ษาสมบัติและการทำงานของเอนไซม์และการเรียกช่ือทดลองเพ่ือศึกษาสมบัติของเอนไซม์ และปัจจยั บางประการท่ีมผี ลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ ศึกษาและทดลองการแปลงสภาพโปรตนี สมบัตบิ าง ประการและปฏกิ ิรยิ าเฉพาะของคาร์โบไฮเดรตการละลายของน้ำมนั และไขมันในตัวทำละลายบางชนิด ปฏิกิริยาไฮโดรลซิ สิ ของนำ้ มนั หรือไขมนั ซึง่ เปน็ เอสเทอร์ดว้ ยสารละลายเบส ศึกษาความก้าวหน้าของ เทคโนโลยที เ่ี ก่ยี วขอ้ งกับสารชวี โมเลกุล เพือ่ ใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกับสมบตั แิ ละปฏิกริ ยิ าของสารประกอบอินทรยี ์เชอื้ เพลิงซากดึกดำ บรรพ์และผลิตภณั ฑ์สารชวี โมเลกลุ โดยใช้การเรียนรดู้ ้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์การสบื เสาะหาความรู้การสำรวจตรวจสอบ สามารถนำความรู้และหลักการไปใช้ประโยชนเ์ ชือ่ มโยงอธบิ ายปรากฏการณห์ รือแก้ปญั หาในชวี ิตประจำวันมี ความสามารถในการจัดกระทำและวเิ คราะห์ข้อมูลรวมท้งั สามารถสื่อสารสิ่งทเี่ รยี นรู้มคี วามสามารถในการ ตดั สนิ ใจแก้ปัญหามจี ติ วทิ ยาศาสตร์จริยธรรมคณุ ธรรมและค่านยิ มทเ่ี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. บอกความแตกตางระหวางสารประกอบอินทรยี กบั สารประกอบอนินทรีย์ได 2. เขยี นสูตรโครงสรางของสารประกอบอินทรยี ในรปู สตู รแบบลิวอสิ แบบยอแบบผสมแบบใชเสนและ มุม 3. เขียนไอโซเมอรโครงสรางของสารประกอบอินทรียประเภทตางๆ ได
4. ระบุประเภทของสารประกอบอินทรียโดยใชหมูฟงกชนั เป็นเกณฑ์ พรอมทง้ั ยกตัวอยางได 5. บอกประเภทของสารประกอบไฮโดรคารบอนโดยใชพนั ธะในโมเลกุลและสมบตั บิ างประการ เปนเกณฑ พรอมทงั้ ยกตวั อยางได 6. เรียกชื่อสารประกอบอินทรียประเภทตางๆ ได 7. สรปุ ความสัมพนั ธระหวางการละลายในนำ้ จดุ หลอมเหลวและจุดเดอื ดกบั จํานวนอะตอมของคาร บอนในโมเลกลุ ของสารประกอบอินทรยี ได 8. อธบิ ายการเกดิ ปฏิกริ ิยาบางชนดิ ของสารประกอบอินทรียประเภทตางๆ พรอมท้งั เขยี นสมการเคมี แสดงปฏกิ ริ ิยาที่เกดิ ข้นึ ได 9. บอกประโยชนหรือโทษของสารประกอบอนิ ทรียบางชนิดได 10. อธิบายการเกิดและองคประกอบทางเคมที ส่ี ําคัญของเช้ือเพลิงซากดึกดําบรรพชนิดตางๆ ได 11. อธิบายการใชประโยชนจากถานหินและหนิ น้ำมนั ได 12. อธบิ ายกระบวนการกลน่ั นำ้ มนั ดิบและการแยกแกสธรรมชาติพรอมทงั้ ยกตวั อยางผลิตภณั ฑที่ได และการนาํ ไปใชประโยชนได 13. อธิบายการเกิดพอลเิ มอรและความสมั พนั ธระหวางโครงสรางกบั สมบัติของพอลิเมอรได 14. อธบิ ายสมบตั ิของผลิตภณั ฑพอลิเมอรแตละชนิดรวมท้งั การนาํ ไปใชประโยชนได 15. อธบิ ายความกาวหนาทางเทคโนโลยที นี่ ํามาใชในการพัฒนาผลิตภัณฑพอลเิ มอรสังเคราะห และยกตวั อยางการใชประโยชนจากผลิตภณั ฑพอลเิ มอรสังเคราะหได 16. อธิบายโครงสรางของโปรตีน คารโบไฮเดรต ลพิ ิดและกรดนวิ คลีอิกได 17. บอกสมบตั ิและการทดสอบไขมนั โปรตนี และคารโบไฮเดรตได 18. บอกประโยชนของโปรตีน คารโบไฮเดรต ลิพิดและกรดนิวคลอี กิ ได้
2. การออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ รายวชิ า เคมี 5 ชน้ั มธั เวลาเรียน 60 ชั่วโมง/ภาคเรยี น (3 ช่วั โมง/สปั ดาห์) จำนวน หน่วย ช่ือหนว่ ย ผลกา ท่ี การเรยี นรู้ 1 เคมอี นิ ทรยี ์ 1. บอกความแตกตางระหวางสารประกอบอินทรยี กับสารปร 2. เขียนสูตรโครงสรางของสารประกอบอินทรียในรูปสูตรแบบ 3. เขยี นไอโซเมอรโครงสรางของสารประกอบอินทรยี ประเภท 4. ระบปุ ระเภทของสารประกอบอินทรียโดยใชหมูฟงกชนั เป็น 5. บอกประเภทของสารประกอบไฮโดรคารบอนโดยใชพันธะ อยางได 6. เรียกชอ่ื สารประกอบอนิ ทรียประเภทตางๆ ได 7. สรปุ ความสัมพันธระหวางการละลายในนำ้ จดุ หลอมเหลว สารประกอบอินทรียได 8. อธบิ ายการเกิดปฏิกิริยาบางชนดิ ของสารประกอบอนิ ทรียป ได 9. บอกประโยชนหรือโทษของสารประกอบอนิ ทรียบางชนิดไ 2 เช้ือเพลงิ 1. อธิบายการเกิดและองคประกอบทางเคมีทส่ี ําคญั ของเชื้อเพ ซากดึกดำ 2. อธิบายการใชประโยชนจากถานหินและหนิ นำ้ มันได บรรพแ์ ละ 3. อธิบายกระบวนการกลน่ั น้ำมันดบิ และการแยกแกสธรรมช ผลิตภณั ฑ์ 4. อธิบายการเกดิ พอลเิ มอรและความสมั พนั ธระหวางโครงสร 5. อธบิ ายสมบัตขิ องผลิตภัณฑพอลเิ มอรแตละชนดิ รวมท้ังกา
3 ธยมศึกษาปที ี่ 6 เวลา นำ้ หนัก น 1.5 หน่วยกติ (ช่วั โมง) คะแนน ารเรยี นรู้ 22 35 ระกอบอนนิ ทรีย์ได บลวิ อสิ แบบยอแบบผสมแบบใชเสนและมมุ ทตางๆ ได นเกณฑ์ พรอมทงั้ ยกตวั อยางได ะในโมเลกุลและสมบตั ิบางประการเปนเกณฑพรอมท้ังยกตัว วและจดุ เดือดกับจาํ นวนอะตอมของคารบอนในโมเลกุลของ ประเภทตางๆ พรอมท้ังเขียนสมการเคมีแสดงปฏกิ ิริยาท่ีเกิดขึ้น ได 20 35 พลิงซากดึกดาํ บรรพชนิดตางๆ ได ชาตพิ รอมทง้ั ยกตัวอยางผลติ ภณั ฑ์ และการนาํ ไปใชประโยชนได รางกบั สมบัติของพอลิเมอรได ารนําไปใชประโยชนได
หนว่ ย ช่ือหนว่ ย ผลกา ที่ การเรยี นรู้ 6. อธิบายความกาวหนาทางเทคโนโลยที ีน่ าํ มาใชในการพัฒน ชนจากผลติ ภัณฑพอลิเมอรสงั เคราะหได 3 สารชีว 1. อธบิ ายโครงสรางของโปรตนี คารโบไฮเดรต ลิพดิ และกรด โมเลกลุ 2. บอกสมบตั แิ ละการทดสอบไขมัน โปรตีนและคารโบไฮเดร 3. บอกประโยชนของโปรตนี คารโบไฮเดรต ลพิ ิดและกรดนวิ รวม
4 ารเรยี นรู้ เวลา น้ำหนัก นาผลติ ภณั ฑพอลเิ มอรสงั เคราะหและยกตัวอยางการใชประโย (ช่ัวโมง) คะแนน ดนวิ คลีอกิ ได 18 30 รตได 60 100 วคลีอกิ ได
3. โครงสรา้ งรายวชิ า รายวิชา เคมี 5 เวลาเรยี น 60 ชวั่ โมง/ภาคเรียน (3 ชั่วโมง/สัปดาห)์ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด 1. เคมีอนิ ทรีย์ สตู รของสารประกอบคารบ์ อนอาจเขียน 1. อธิบายการเกิดพ 1.1 พนั ธะของ คาร์บอน เปน็ สูตรโมเลกุล สตู รโครงสรา้ งลิวอิส อนิ ทรีย์ได้ 1.2 หมูฟ่ งั ก์ชนั หรือ สูตรโครงสรา้ งแบบยอ่ การจัดเรียง 2. อธิบายเหตผุ ลท 1.3 สารประกอบ อะตอมของสารอนิ ทรยี ์อาจเป็นแบบโซ่ 3. เขียนสตู รโครงส ไฮโดรคารบ์ อน ตรง แบบโซก่ ิง่ ซึ่งถ้ารวมกนั เรยี กว่าแบบ มมุ ของสารประกอ โซเ่ ปดิ และแบบวง 4. เขียนไอโซเมอร 5. ทำการทดลองแ สารประกอบอินทร หมู่ฟงั กช์ ันหรือหมู่อะตอมทแ่ี สดงสมบัติ 1. อธิบายความหม เฉพาะ คอื อะตอมหรือหมูอ่ ะตอมท่ีมีอยู่ 2. จำแนกประเภท ในโมเลกุลของสารแลว้ ทำใหส้ ารนนั้ มี ทั้งยกตัวอยา่ งได้ สมบัตเิ ฉพาะตัวทีแ่ ตกต่างจากสารอืน่ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน คือ 1. บอกความหมาย สารอินทรยี ท์ ่ปี ระกอบดว้ ยอะตอมของ 2. เขียนสูตรทวั่ ไป ธาตคุ ารบ์ อนและไฮโดรเจนเท่านนั้ แอลคีน แอลไคน์ ไ 3. อธบิ ายความแต 4. อธิบายสมบตั ิแล อะตอมของคารบ์ อ 5. ระบุชนิดของไอ
5 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 เวลา น้ำหนัก จำนวน 1.5 หน่วยกิต (ชวั่ โมง) คะแนน จุดประสงค์การเรยี นรู้ 46 พนั ธะของธาตุคารบ์ อนและธาตชุ นดิ อ่ืนในสารประกอบ ทที่ ำใหม้ สี ารประกอบอนิ ทรียเ์ ปน็ จำนวนมากได้ 2 4 สร้างแบบต่างๆ ไดแ้ ก่ ลิวอิส แบบยอ่ แบบผสม แบบเสน้ และ อบอินทรีย์ชนิดตา่ งๆได้ รโ์ ครงสรา้ งของสารประกอบอินทรยี ์ได้ และอธบิ ายเก่ียวกับกาจดั เรยี งอะตอมของคารบ์ อนใน รียไ์ ด้ มายของหมู่ฟังก์ชนั ได้ ทของสารประกอบอินทรีย์ โดยใช้หมู่ฟังก์ชันเป็นเกณฑ์ พร้อม ยและจำแนกประเภทของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนได้ 7 10 ป สตู รโมเลกุล และสตู รโครงสรา้ ง พรอ้ มท้ังเรียกชอ่ื แอลเคน ไซโคลแอลเคน ไซโคลแอลคนี และไซโคลแอลไคน์ได้ ตกต่างระหว่างไอโซเมอร์โครงสร้างกบั ไอโซเมอรเ์ รขาคณิต ละการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนท่มี ีจำนวน อนเทา่ กนั แตช่ นดิ ของพันธะในโมเลกุลตา่ งกัน อโซเมอร์เรขาคณติ ของสารประกอบแอลคีนได้
ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด 6. อธบิ ายแนวโน้ม แอลคนี และแอลไ 7. บอกประโยชน์ห 8. ทำการทดลองเพ สารประกอบไฮโดร 1.4 สารประกอบ แอลกอฮอล์ ฟนี อล อเี ทอร์ แอลดไี ฮด์ คี 1. เขยี นสูตรท่วั ไป อินทรีย์ท่ีมธี าตุ ออกซิเจนเปน็ โตน กรดคาร์บอกซิลกิ และเอสเทอร์ คโี ตน กรดคารบ์ อก องค์ประกอบ เป็นสารประกอบอินทรยี ์ ทีม่ ีธาตุ 2. สรุปสมบตั ิท่ัวไป 1.5 สารประกอบ อินทรีย์ท่ีมีธาตุ คารบ์ อน ไฮโดรเจน และออกซเิ จนเป็น บอกซลิ ิก และเอส ไนโตรเจนเปน็ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ 3. สรปุ ความสมั พัน อีเทอร์ แอลดีไฮด์ และแนวโนม้ ของจ 4. เปรียบเทียบจุด 5. เรยี กช่ือสารประ 6. บอกประโยชนห์ องค์ประกอบได้ เอมนี เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่เกดิ 1. เขียนสูตรทวั่ ไป จากหม่แู อลคิลหรือหมู่แอรลิ เข้าแทนท่ี 2. สรปุ สมบตั ิท่วั ไป ไฮโดรเจนในโมเลกลุ ของแอมโมเนยี ซึง่ มี 3. สรุปความสมั พนั หมู่ฟงั กช์ นั คือหมู่อะมโิ น เอไมดเ์ ปน็ การละลายในนำ้ แล สารประกอบอินทรยี ์ทีป่ ระกอบดว้ ย 4. เปรียบเทียบจดุ ธาตุ C, H,O และ N เกิดจากหมูอ่ ะมิโน มวลโมเลกลุ ใกลเ้ ค
6 จุดประสงค์การเรยี นรู้ เวลา นำ้ หนัก (ชวั่ โมง) คะแนน มความสัมพันธร์ ะหวา่ งจุดหลอมเหลวและจดุ เดือดของแอลเคน ไคน์ กับจำนวนอะตอมของคาร์บอนได้ 6 10 หรืออนั ตรายของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนชนดิ ตา่ งๆได้ พ่ือเปรยี บเทียบสมบัตแิ ละปฏกิ ิริยาบางประการของ รคาร์บอนประเภทตา่ งๆได้ ปและสูตรโครงสร้างของแอลกอฮอล์ ฟีนอล อเี ทอร์ แอลดไี ฮด์ กซลิ ิก และเอสเทอร์ได้ ปของแอลกอฮอล์ ฟีนอล อีเทอร์ แอลดีไฮด์ คโี ตน กรดคาร์ สเทอร์ได้ นธร์ ะหว่างจำนวนอะตอมของคารบ์ อนในแอลกอฮอล์ ฟีนอล คโี ตน กรดคาร์บอกซลิ ิก และเอสเทอร์กับการละลายในน้ำ จดุ เดือดได้ ดเดอื ดของสารประกอบอนิ ทรยี ์ชนิดต่างๆได้ ะกอบอนิ ทรียช์ นดิ ตา่ งๆท่ีมธี าตุออกซิเจนเป็นองคป์ ระกอบได้ หรอื อนั ตรายของสารประกอบอินทรีย์ทมี่ ีธาตอุ อกซิเจนเปน็ ปและสตู รโครงสรา้ งของเอมีนและเอไมด์ได้ 3 5 ปของเอมนี และเอไมด์ได้ นธ์ระหวา่ งจำนวนอะตอมของคาร์บอนในเอมีนและเอไมด์กบั ละแนวโน้มของจุดเดือดของเอมีนได้ ดเดือดของเอมีนและเอไมด์กับสารประกอบอนิ ทรยี ช์ นดิ อ่ืนๆที่มี คียงกันได้
ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด เขา้ ไปแทนทห่ี มู่คาร์บอกซลิ ในกรดคาร์ 5. บอกประโยชนแ์ บอกซลิ ิก 2. เชื้อเพลงิ ซากดกึ ถา่ นหนิ คือ หินตะกอนชนดิ หนึ่ง 1. นักเรียนสามารถ ดำบรรพแ์ ละ ผลติ ภณั ฑ์ สามารถตดิ ไฟได้ ถา่ นหนิ ท่ีมจี ำนวน 2. นักเรยี นสามารถ 2.1 ถ่านหิน 2.2 หนิ นำ้ มัน คารบ์ อนสูง และมธี าตุอน่ื ต่ำ เม่ือนำมา 2.3 ปโิ ตรเลยี ม เผาจะใหค้ วามร้อนมาก ถือเป็นถา่ นหนิ 2.4 พอลเิ มอร์ คุณภาพดี หนิ นำ้ มนั คอื หนิ ตะกอนชนดิ หน่ึงท่ี 1. นกั เรยี นสามารถ ประกอบด้วยอนิ ทรยี วตั ถุในรูปของสารท่ี 2. นกั เรยี นสามารถ เรียกวา่ เคอโรเจน การเกิดปิโตรเลียม การสำรวจและการ 1. อธบิ ายการเกดิ ผลติ ปโิ ตรเลียม การกล่นั นำ้ มันดบิ การ 2. อธิบายกระบวน แยกแกส๊ ธรรมชาติ ปิโตรเคมีภัณฑ์ ประโยชนจ์ ากผลติ รวมกลางภาคเรยี น พอลิเมอร์ เป็นสารประกอบท่ีโมเลกุลมี 1. อธบิ ายความหม ขนาดใหญ่ เกิดจากมอนอเมอร์จำนวน 2. อภปิ รายการนำ มากมาเช่ือมต่อกนั ดว้ ยพันธะโคเวเลนต์ ใช้พอลเิ มอร์ต่อส่ิงม มีทัง้ ทเี่ กิดในธรรมชาติและสังเคราะหข์ ้นึ 3. ระบุการเลือกใช พอลเิ มอร์มหี ลายชนิด และสามารถ 4. สืบคน้ ข้อมูลเก่ยี นำไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้แตกตา่ งกัน ตาม สมบัตขิ องพอลเิ มอร์ชนดิ นน้ั ๆ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 7 และอันตรายของสารประกอบเอมีนและเอไมด์บางชนดิ ได้ เวลา นำ้ หนัก (ชว่ั โมง) คะแนน ถอธิบายคุณสมบตั ขิ องถา่ นหินแต่ละชนิดได้ ถอธบิ ายโครงสร้างของถา่ นหนิ แตล่ ะชนดิ ได้ 24 ถอธบิ ายคุณสมบตั ิของหินน้ำมันท่ดี ีได้ 2 4 ถอธบิ ายโครงสร้างของหนิ น้ำมนั ได้ 6 8 และวิธกี ารสำรวจแหลง่ ปิโตรเลยี มได้ นการกล่ันน้ำมันดิบ การแยกแกส๊ ธรรมชาติ และการใช้ 30 45 ตภณั ฑ์ปโิ ตรเลยี มได้ 8 15 มาย ประเภท และสมบตั ิของพอลิเมอร์ได้ ำพอลิเมอร์ไปใช้ประโยชน์ รวมทงั้ ผลทเี่ กดิ จากการผลติ และ มีชีวิตและส่ิงแวดลอ้ มได้ ชป้ ระโยชน์ของผลติ ภณั ฑ์พอลิเมอร์ดว้ ยสมบัติทแี่ ตกต่างกันได้ ยวกับความหมาย ประเภท และสมบัติของพอลิเมอร์ได้
ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด 2.5 ภาวะมลพษิ ที่ ภาวะมลพิษทางอากาศ ภาวะมลพิษทาง 1. ระบผุ ลกระทบท เกิดจากการผลติ น้ำ ภาวะมลพิษทางดนิ มลพษิ ทางดินได้ และการใช้ ผลิตภณั ฑ์จาก คาร์โบไฮเดรตจัดเปน็ แหล่งพลงั งานของ 1. ระบธุ าตุองคป์ ร เชือ้ เพลิงซากดึกดำ สง่ิ มชี ีวติ พบได้ทว่ั ไปในชีวติ ประจำวนั 2. บอกผลิตภณั ฑ์ท บรรพ์ เช่นน้ำตาลแปง้ เซลลโู ลสและไกลโคเจน ไรดไ์ ด้ 3. สารชวี โมเลกลุ โดยมีน้ำตาลเปน็ หน่วยยอ่ ยสำคญั ซึง่ 3. อธบิ ายสมบตั ิขอ 3.1 คารโ์ บไฮเดรต ประกอบด้วยธาตุ C, H และ O 4. บอกประโยชน์ข กรดนวิ คลอี กิ เป็นสารโมเลกลุ ใหญ่คล้าย 1. อธบิ ายโครงสรา้ 3.2 กรดนิวคลีอกิ โปรตีนประกอบดว้ ยธาตุ C,H,O,N ทพี่ บ 2. เปรยี บเทียบคว ในเซลลข์ องส่ิงมชี ีวิตมี 2 ชนิดคอื DNA 3. บอกประโยชนแ์ 3.3 โปรตนี และ RNA โปรตีนเป็นสารทช่ี ว่ ยในการเจรญิ เติบโต 1. ระบุธาตอุ งคป์ ร เสรมิ สรา้ งและซ่อมแซมเน้ือเยื่อหน่วย 2. อธิบายความหม ย่อยของโปรตีนคือกรดอะมโิ น มีธาตุ 3. อธบิ ายการเกดิ พ องคป์ ระกอบสำคัญคือ C, H, O, N ของโปรตีนได้ 4. อธบิ ายวิธที ดสอ 5. บอกสมบตั ิและ 6. บอกความหมาย
8 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เวลา นำ้ หนัก ท่ีเกดิ จากภาวะมลพิษทางอากาศ ภาวะมลพษิ ทางน้ำ ภาวะ (ชว่ั โมง) คะแนน 24 ระกอบและประเภทของคารโ์ บไฮเดรตพร้อมทง้ั ยกตวั อยา่ งได้ 2 4 ท่ีเกดิ จากปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรไลซิสไดแซก็ คาไรดแ์ ละพอลิแซ็กคา องคาร์โบไฮเดรตประเภทต่างๆได้ 13 ของคารโ์ บไฮเดรตได้ างและองค์ประกอบของนวิ คลโี อไทด์ DNA และ RNA ได้ วามแตกตา่ งระหว่างโครงสร้างของ DNA และ RNA ได้ และสมบัติของกรดนิวคลีอิกได้ ระกอบหลักและหนว่ ยย่อยของโปรตีนได้ 7 10 มายและความสำคัญของกรดอะมิโนจำเป็นได้ พนั ธะเพปไทดแ์ ละระบุตำแหนง่ ของพนั ธะเพปไทด์ในโมเลกุล อบโปรตีนในอาหารได้ ะประโยชนข์ องเอนไซมต์ ่อสิง่ มีชีวติ ได้ ยและปัจจยั ท่ีมผี ลต่อการแปลงสภาพของโปรตนี ได้
ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด 3.4 ลิพดิ ไขมันและน้ำมันเป็นสารประกอบไตรกลี 1. อธบิ ายการเกดิ ไ เซอไรด์เกิดจากการรวมตวั ของกรดไขมนั 2. บอกสมบัติของก กบั กลเี ซอรอล กรดไขมนั มีทั้งชนิดอมิ่ ตวั 3. ระบสุ ถานะของ และไม่อิ่มตัวซ่ึงสามารถตรวจสอบได้โดย กรดไขมนั อิ่มตัวแล ใช้สารละลายไอโอดนี 4. บอกสมบตั ิของไ 5. อธบิ ายความหม 6. อธบิ ายกลไกกา 7. อธบิ ายการเหมน็ 8. อธิบายการเกิดแ รวมหลังกลางภาคเรยี น ระหว่างเรยี น (รวมกลางภาค+รวมห ปลายภาคเรียน รวม
9 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เวลา นำ้ หนัก (ช่วั โมง) คะแนน ไขมันหรอื น้ำมันพร้อมทัง้ เขยี นสมการได้ กรดไขมันอ่ิมตัวและกรดไขมนั ไมอ่ ่ิมตัวได้ 8 13 งไขมันหรอื นำ้ มันท่ีอุณหภูมหิ อ้ ง โดยพจิ ารณาจากสดั สว่ นของ ละกรดไขมันไม่อิ่มตวั ได้ 30 55 ไขมนั หรือน้ำมันได้ 70 มายและเขียนสมการแสดงปฏิกิริยาสะปอนนฟิ ิเคชันได้ 30 ารชำระล้างส่ิงสกปรกของสบูแ่ ละผงซักฟอกได้ 100 นหืนของไขมันหรือน้ำมันและวธิ ปี ้องกนั ได้ และความสำคัญของฟอสโฟลิพิด ไข และสเตอรอยด์ได้ น หลงั กลางภาค)
10 4. การออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เคมีอนิ ทรีย์ เวลาเรยี น 22 ชว่ั โมง 4.1 เปา้ หมายการเรยี นรู้ 4.1.1 ความคดิ รวบยอด สารประกอบที่มปี ระเภทต่างๆ ไดแ้ ก่ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ได้แก่ แอลเคน แอลคีน และแอล ไคนส์ ารอนิ ทรียท์ มี่ ีธาตุออกซิเจนเปน็ องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ แอลกอฮอล์ ฟนี อล อเี ทอร์ แอลดีไฮต์ คีโตน กรด คาร์บอกซลิ ิกและเอสเทอร์ สารประกอบอนิ ทรยี ท์ มี่ ธี าตุไนโตรเจนเปน็ องค์ประกอบ ไดแ้ ก่ เอมนี สารประกอบ อนิ ทรียท์ ่ีมีธาตไุ นโตรเจนและออกซเิ จนเปน็ องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ เอไมด์ 4.1.2 ผลการเรียนรู้ 1. บอกความแตกตางระหวางสารประกอบอนิ ทรียกับสารประกอบอนนิ ทรยี ์ได 2. เขียนสตู รโครงสรางของสารประกอบอินทรียในรปู สตู รแบบลิวอสิ แบบยอแบบผสมแบบใชเสนและ มมุ 3. เขียนไอโซเมอรโครงสรางของสารประกอบอนิ ทรียประเภทตางๆ ได 4. ระบปุ ระเภทของสารประกอบอินทรียโดยใชหมูฟงกชนั เป็นเกณฑ์ พรอมทงั้ ยกตัวอยางได 5. บอกประเภทของสารประกอบไฮโดรคารบอนโดยใชพันธะในโมเลกุลและสมบัติบางประการเปน เกณฑพรอมทงั้ ยกตัวอยางได 6. เรียกช่ือสารประกอบอินทรยี ประเภทตางๆ ได 7. สรุปความสัมพนั ธระหวางการละลายในน้ำ จดุ หลอมเหลวและจดุ เดอื ดกับจํานวนอะตอมของคาร บอนในโมเลกุลของสารประกอบอินทรียได 8. อธิบายการเกดิ ปฏิกิริยาบางชนดิ ของสารประกอบอนิ ทรียประเภทตางๆ พรอมทั้งเขยี นสมการเคมี แสดงปฏกิ ริ ยิ าท่เี กดิ ขึ้นได 9. บอกประโยชนหรือโทษของสารประกอบอนิ ทรยี บางชนิดได 4.1.3 สาระการเรียนรู้ 1. พันธะของคารบ์ อน 2. หมฟู่ งั ก์ชัน 3. สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน 4. สารประกอบอินทรยี ์ทม่ี ีธาตอุ อกซิเจนเปน็ องค์ประกอบ 5. สารประกอบอนิ ทรยี ์ท่ีมีธาตไุ นโตรเจนเป็นองค์ประกอบ 6. สารประกอบอนิ ทรยี ์ท่ีมธี าตอุ อกซิเจนและไนโตรเจนเป็นองคป์ ระกอบ 4.1.4 สมรรถนะที่สำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสังเกต 3) ทกั ษะการสื่อสาร 4) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน
11 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 4.1.5 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน 4.2 หลักฐานการเรยี นรู้ 4.2.1 ชนิ้ งาน/ภาระงาน - กิจกรรม การจดั เรยี งอะตอมของคาร์บอนในสารประกอบอินทรยี ์ - กจิ กรรม การทดลองสมบัติบางประการของเอทานอลและกรดแอซิติก - กิจกรรม การทดลองสมบัติบางประการของสารรปะกอบไฮโดรคารบ์ อน - กิจกรรม การทดลองปฏิกริ ิยาระหว่างกรดคาร์บอกซิลิกกับแอลกอฮอล์ - การเขยี นรายงานการทดลองและการนำเสนอ - แบบฝกึ หดั - ทำแบบทดสอบประจำหนว่ ย 4.2.2 การวดั และประเมินผล - ประเมนิ ความรู้เกย่ี วกับเนื้อหา จากรายงานการทดลอง การอภปิ ราย การทำแบบฝกึ หัด และการ ทดสอบ - ประเมนิ ทักษะการทดลอง จากรายงานการทดลอง และการสังเกตพฤติกรรมในการทำการทดลอง - ประเมินคณุ ลักษณะ โดยใช้แบบสงั เกตผู้เรยี นรายบคุ คล 4.3 การจดั กระบวนการเรยี นรู้ 1. ครบู รรยาย อธิบาย เนอ้ื หาและชีแ้ จงข้อควรปฏิบตั ิในการแบ่งกลุ่มทำกจิ กรรมใหน้ กั เรียนทราบ 2. นกั เรียนแบ่งกลุ่มทำกิจกรรมการทดลอง เขียนรายงานการทดลอง และนำเสนอผลการทดลอง 3. นักเรียนรว่ มกันสรปุ หัวขอ้ ที่ศกึ ษา ทำกจิ กรรมท้ายบทเรียน เพือ่ สรปุ องค์ความรู้ที่ได้เรียนรู้จาก บทเรยี น โดยการเขยี นบรรยาย วาดภาพ หรอื เขียนผงั มโนทัศนส์ ง่ิ ที่ได้เรียนรจู้ ากบทเรียนเรือ่ งเคมีอินทรยี ์ 4. ให้นกั เรียนนำเสนอผลงาน โดยอาจให้นำเสนอและอภปิ รายภายในกลุม่ หรอื อภปิ รายร่วมกนั ในชน้ั เรียน หรือแสดงผลงานบนผนังของห้องเรยี นเพือ่ ใหน้ ักเรียนพิจารณาและรว่ มแสดงความคิดเห็น จากน้ันครู และนกั เรียนอภปิ รายสรุปองคค์ วามรู้ท่ีได้จากบทเรียนร่วมกนั 5. ทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใชแ้ อพลิเคชัน Kahoot หรือ Quizizz 6. นักเรียนทำแบบทดสอบประจำหน่วย
12 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เชอื้ เพลิงซากดึกดำบรรพแ์ ละผลิตภณั ฑ์ เวลาเรยี น 20 ชัว่ โมง 4.1 เปา้ หมายการเรยี นรู้ 4.1.1 ความคิดรวบยอด เชือ้ เพลิงซากดกึ ดำบรรพ์ทกุ ชนิดถือได้วา่ เปน็ ทรัพยากรธรรมชาตอิ นั มีคา่ อย่างยิ่งของประเทศไทย เป็นปจั จยั สำคัญท่จี ะนำประเทศไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาทางดา้ นอตุ สาหกรรม โดยเฉพาะอตุ สาหกรรม ปิโตรเลียม เชน่ การกลั่นน้ำมันดิบ การแยกแกส๊ ธรรมชาติ ซึง่ จะนำมาใชเ้ ป็นวัตถดุ ิบในการผลติ เคมภี ณั ฑ์ หรือ พอลิเมอรต์ ่างๆ 4.1.2 ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายการเกิดและองคประกอบทางเคมีทส่ี าํ คญั ของเชื้อเพลิงซากดกึ ดาํ บรรพชนดิ ตางๆ ได 2. อธบิ ายการใชประโยชนจากถานหินและหนิ นำ้ มันได 3. อธบิ ายกระบวนการกลนั่ น้ำมนั ดิบและการแยกแกสธรรมชาติพรอมทงั้ ยกตัวอยางผลติ ภณั ฑ์ และ การนําไปใชประโยชนได 4. อธิบายการเกิดพอลเิ มอรและความสมั พันธระหวางโครงสรางกับสมบัติของพอลเิ มอรได 5. อธบิ ายสมบัตขิ องผลิตภณั ฑพอลิเมอรแตละชนดิ รวมทั้งการนาํ ไปใชประโยชนได 6. อธบิ ายความกาวหนาทางเทคโนโลยที ี่นาํ มาใชในการพฒั นาผลติ ภณั ฑพอลเิ มอรสงั เคราะหและยก ตวั อยางการใชประโยชนจากผลิตภัณฑพอลิเมอรสงั เคราะหได 4.1.3 สาระการเรียนรู้ 1. ถา่ นหนิ 2. หินนำ้ มนั 3. ปโิ ตรเลียม 4. พอลเิ มอร์ 5. ภาวะมลพษิ ท่ีเกดิ จากการผลติ และการใช้ผลิตภณั ฑจ์ ากเชอื้ เพลิงซากดกึ ดำบรรพ์ 4.1.4 สมรรถนะท่ีสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 2) ทกั ษะการสังเกต 3) ทกั ษะการสื่อสาร 4) ทักษะการทำงานรว่ มกัน 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 4.1.5 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
13 4.2 หลักฐานการเรยี นรู้ 4.2.1 ชน้ิ งาน/ภาระงาน - กิจกรรม การตรวจสอบสมบัติทางกายภาพบางประการของพลาสติกชนิดตา่ งๆ - การเขียนรายงานการทดลองและการนำเสนอ - แบบฝึกหัด - ทำแบบทดสอบประจำหน่วย 4.2.2 การวดั และประเมินผล - ประเมินความรู้เกยี่ วกบั เนื้อหา จากรายงานการทดลอง การอภิปราย การทำแบบฝกึ หัด และการ ทดสอบ - ประเมนิ ทักษะการทดลอง จากรายงานการทดลอง และการสังเกตพฤตกิ รรมในการทำการทดลอง - ประเมนิ คณุ ลักษณะ โดยใช้แบบสงั เกตผ้เู รียนรายบุคคล 4.3 การจดั กระบวนการเรยี นรู้ 1. ครูบรรยาย อธิบาย เนอื้ หาและช้แี จงข้อควรปฏบิ ตั ใิ นการแบ่งกลุ่มทำกิจกรรมใหน้ ักเรียนทราบ 2. นักเรยี นแบง่ กลุ่มทำกิจกรรมการทดลอง เขียนรายงานการทดลอง และนำเสนอผลการทดลอง 3. นกั เรียนร่วมกนั สรุปหวั ข้อทีศ่ ึกษา ทำกิจกรรมท้ายบทเรียน เพื่อสรปุ องค์ความรู้ท่ไี ด้เรียนรูจ้ าก บทเรียน โดยการเขยี นบรรยาย วาดภาพ หรือเขยี นผงั มโนทัศน์สง่ิ ท่ีไดเ้ รยี นรู้จากบทเรียนเรอื่ งเชอ้ื เพลิงซากดกึ ดำบรรพ์และผลติ ภณั ฑ์ 4. ให้นกั เรียนนำเสนอผลงาน โดยอาจใหน้ ำเสนอและอภิปรายภายในกลุ่ม หรืออภปิ รายรว่ มกันในช้ัน เรียน หรอื แสดงผลงานบนผนังของห้องเรยี นเพอ่ื ให้นกั เรยี นพิจารณาและร่วมแสดงความคิดเหน็ จากนัน้ ครู และนกั เรยี นอภิปรายสรปุ องค์ความรทู้ ่ีได้จากบทเรียนร่วมกนั 5. ทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยใช้แอพลเิ คชนั Kahoot หรอื Quizizz 6. นกั เรียนทำแบบทดสอบประจำหน่วย
14 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 สารชวี โมเลกลุ เวลาเรียน 18 ชวั่ โมง 4.1 เปา้ หมายการเรียนรู้ 4.1.1 ความคิดรวบยอด คารโ์ บไฮเดรตจดั เป็นแหล่งพลงั งานของสิ่งมีชีวิตพบได้ทว่ั ไปในชวี ติ ประจำวนั เชน่ น้ำตาลแปง้ เซลลูโลสและไกลโคเจนโดยมีน้ำตาลเป็นหนว่ ยยอ่ ยสำคัญซ่ึงประกอบดว้ ยธาตุ C, H และ O การตรวจสอบ ชนดิ ของนำ้ ตาลทำได้โดยใช้สารละลายเบเนดกิ ต์ ไขมนั และนำ้ มันเป็นสารประกอบไตรกลีเซอไรด์เกิดจากการรวมตวั ของกรดไขมนั กับกลีเซอรอล กรดไขมนั มีทั้งชนดิ อ่มิ ตวั และไมอ่ ิ่มตวั ซึ่งสามารถตรวจสอบไดโ้ ดยใช้สารละลายไอโอดนี ไขมนั และน้ำมนั นำมาใชป้ ระโยชนไ์ ดท้ ้ังการบริโภคและใชใ้ นอุตสาหกรรมการบริโภคไขมันท่ีขาดความระมดั ระวังจะเป็น อันตรายต่อสขุ ภาพได้ โปรตีนเป็นสารท่ีชว่ ยในการเจรญิ เติบโตเสริมสรา้ งและซ่อมแซมเนื้อเย่อื หน่วยยอ่ ยของโปรตนี คอื กรดอะมิโนซงึ่ มีท้ังกรดอะมโิ นจำเป็นและไมจ่ ำเป็นมธี าตุองค์ประกอบสำคัญคือ C, H, O, N การทดสอบ โปรตีนในอาหารใช้สารละลาย CuSO4 กบั NaOH กรดนวิ คลีอกิ เป็นสารโมเลกลุ ใหญ่คลา้ ยโปรตนี ประกอบดว้ ยธาตุ C,H,O,N ที่พบในเซลล์ของสิ่งมีชวี ติ มี 2 ชนิดคือ DNA และ RNA ซ่ึงเกี่ยวข้องกับกระบวนการถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม 4.1.2 ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายโครงสรางของโปรตีน คารโบไฮเดรต ลิพิดและกรดนวิ คลีอกิ ได 2. บอกสมบัติและการทดสอบไขมนั โปรตนี และคารโบไฮเดรตได 3. บอกประโยชนของโปรตนี คารโบไฮเดรต ลพิ ดิ และกรดนิวคลอี กิ ได 4.1.3 สาระการเรยี นรู้ 1. คาร์โบไฮเดรต 2. กรดนวิ คลอี กิ 3. โปรตนี 4. ลพิ ิด 4.1.4 สมรรถนะที่สำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2) ทักษะการสงั เกต 3) ทักษะการส่ือสาร 4) ทักษะการทำงานร่วมกัน 5) ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 4.1.5 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
15 4.2 หลักฐานการเรียนรู้ 4.2.1 ชนิ้ งาน/ภาระงาน - กิจกรรม การศึกษาสมบัติของเอนไซม์และปัจจัยบางประการทม่ี ผี ลต่อการทำงานของเอนไซม์ - กิจกรรม การทดลองการแปลงสภาพของโปรตีน - กิจกรรม การทดสอบการละลายของไขมนั และนำ้ มันในตวั ทำละลายบางชนิด - กจิ กรรม การทดสอบปฏิกริ ิยาไฮโดรไลซสิ นำ้ มนั หรือไขมันดว้ ยโซเดยี มไฮดรอกไซด์ - การเขยี นรายงานการทดลองและการนำเสนอ - แบบฝกึ หัด - ทำแบบทดสอบประจำหนว่ ย 4.2.2 การวัดและประเมินผล - ประเมินความรเู้ กีย่ วกบั เน้ือหา จากรายงานการทดลอง การอภิปราย การทำแบบฝึกหัด และการ ทดสอบ - ประเมนิ ทกั ษะการทดลอง จากรายงานการทดลอง และการสงั เกตพฤตกิ รรมในการทำการทดลอง - ประเมนิ คุณลักษณะ โดยใช้แบบสังเกตผู้เรยี นรายบุคคล 4.3 การจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. ครบู รรยาย อธบิ าย เน้อื หาและช้ีแจงข้อควรปฏบิ ัติในการแบ่งกลมุ่ ทำกจิ กรรมให้นกั เรียนทราบ 2. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ ทำกิจกรรมการทดลอง เขียนรายงานการทดลอง และนำเสนอผลการทดลอง 3. นกั เรียนรว่ มกันสรปุ หวั ข้อท่ีศึกษา ทำกิจกรรมท้ายบทเรียน เพอ่ื สรปุ องค์ความรู้ท่ีไดเ้ รียนร้จู าก บทเรียน โดยการเขียนบรรยาย วาดภาพ หรือเขียนผังมโนทัศน์สิง่ ท่ีไดเ้ รยี นรจู้ ากบทเรยี นเร่ืองสารชวี โมเลกลุ 4. ใหน้ ักเรียนนำเสนอผลงาน โดยอาจให้นำเสนอและอภปิ รายภายในกลมุ่ หรอื อภปิ รายรว่ มกันในชนั้ เรียน หรอื แสดงผลงานบนผนังของห้องเรียนเพ่อื ใหน้ กั เรยี นพิจารณาและรว่ มแสดงความคดิ เห็น จากนั้นครู และนกั เรียนอภิปรายสรุปองค์ความรทู้ ี่ได้จากบทเรียนรว่ มกนั 5. ทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยใช้แอพลิเคชนั Kahoot หรอื Quizizz 6. นกั เรียนทำแบบทดสอบประจำหนว่ ย
16 5. โครงสรา้ งการจดั การเรยี นการสอนและแผนการวดั ผลประเมินผล รายวิชาเคมี 5 รหสั วิชา ว33222 ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 เวลาเรยี น 60 ชัว่ โมง/ภาคเรยี น (3 ชั่วโมง/สัปดาห์) จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ลำ หนว่ ยการเรยี นร/ู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เวลา นำ้ หนักคะแนน ดับ (ชวั่ โมง) ที่ ระหวา่ ง กลาง ปลาย เรยี น ภาค ภาค 1 1.1 พนั ธะของคาร์บอน 4 33- 1.อธิบายการเกิดพันธะของธาตคุ ารบ์ อนและธาตชุ นิดอืน่ ในสารประกอบอินทรยี ์ได้ 2. อธิบายเหตผุ ลทีท่ ำใหม้ ีสารประกอบอนิ ทรียเ์ ป็นจำนวนมากได้ 3. เขยี นสูตรโครงสร้างแบบต่างๆ ไดแ้ ก่ ลิวอสิ แบบย่อ แบบผสม แบบเสน้ และมมุ ของสารประกอบอนิ ทรีย์ชนดิ ต่างๆได้ 4. เขียนไอโซเมอร์โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ได้ 5. ทำการทดลองและอธิบายเก่ียวกบั กาจัดเรยี งอะตอมของคาร์บอนใน สารประกอบอินทรยี ์ได้ 2 1.2 หมฟู่ งั กช์ ัน 2 22- 1. อธิบายความหมายของหม่ฟู งั ก์ชันได้ 2. จำแนกประเภทของสารประกอบอินทรีย์ โดยใช้หม่ฟู งั ก์ชนั เป็นเกณฑ์ พร้อมทั้ง ยกตัวอย่างได้ 3 1.3 สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน 7 55- 1. บอกความหมายและจำแนกประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้ 2. เขียนสตู รท่วั ไป สูตรโมเลกุล และสตู รโครงสรา้ ง พรอ้ มท้ังเรยี กชอ่ื แอลเคน แอลคนี แอลไคน์ ไซโคลแอลเคน ไซโคลแอลคีน และไซโคลแอลไคนไ์ ด้ 3. อธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งไอโซเมอรโ์ ครงสรา้ งกบั ไอโซเมอรเ์ รขาคณิต 4. อธิบายสมบตั แิ ละการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนทม่ี ีจำนวน อะตอมของคารบ์ อนเท่ากนั แต่ชนิดของพนั ธะในโมเลกุลต่างกัน 5. ระบชุ นดิ ของไอโซเมอร์เรขาคณิตของสารประกอบแอลคีนได้ 6. อธิบายแนวโนม้ ความสมั พันธ์ระหวา่ งจุดหลอมเหลวและจุดเดือดของแอลเคน แอลคีน และแอลไคน์ กับจำนวนอะตอมของคารบ์ อนได้ 7. บอกประโยชน์หรอื อนั ตรายของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนชนิดตา่ งๆได้ 8. ทำการทดลองเพ่ือเปรียบเทยี บสมบัติและปฏิกิริยาบางประการของ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทต่างๆได้ 4 1.4 สารประกอบอินทรีย์ที่มธี าตอุ อกซเิ จนเปน็ องคป์ ระกอบ 6 55- 1. เขยี นสตู รทว่ั ไปและสตู รโครงสรา้ งของแอลกอฮอล์ ฟนี อล อเี ทอร์ แอลดีไฮด์ คี โตน กรดคารบ์ อกซลิ กิ และเอสเทอร์ได้ 2. สรุปสมบัติท่วั ไปของแอลกอฮอล์ ฟีนอล อเี ทอร์ แอลดีไฮด์ คโี ตน กรดคาร์บอก ซิลิก และเอสเทอร์ได้
17 ลำ หนว่ ยการเรียนรู/้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เวลา นำ้ หนักคะแนน ดบั (ชั่วโมง) ที่ ระหว่าง กลาง ปลาย เรียน ภาค ภาค 3. สรุปความสมั พนั ธร์ ะหว่างจำนวนอะตอมของคารบ์ อนในแอลกอฮอล์ ฟนี อล อเี ทอร์ แอลดีไฮด์ คโี ตน กรดคารบ์ อกซลิ กิ และเอสเทอรก์ ับการละลายในน้ำและ แนวโน้มของจุดเดือดได้ 4. เปรยี บเทียบจุดเดอื ดของสารประกอบอินทรยี ์ชนิดต่างๆได้ 5. เรยี กชอ่ื สารประกอบอินทรยี ช์ นดิ ต่างๆทม่ี ีธาตุออกซิเจนเปน็ องคป์ ระกอบได้ 6. บอกประโยชนห์ รอื อันตรายของสารประกอบอินทรยี ท์ ี่มีธาตอุ อกซิเจนเปน็ องคป์ ระกอบได้ 5 1.5 สารประกอบอนิ ทรีย์ทมี่ ธี าตุไนโตรเจนเปน็ องค์ประกอบ 3 23- 1. เขยี นสูตรท่ัวไปและสตู รโครงสรา้ งของเอมนี และเอไมด์ได้ 2. สรปุ สมบตั ทิ วั่ ไปของเอมนี และเอไมด์ได้ 3. สรุปความสมั พันธร์ ะหว่างจำนวนอะตอมของคารบ์ อนในเอมีนและเอไมด์กบั การละลายในนำ้ และแนวโนม้ ของจุดเดือดของเอมีนได้ 4. เปรียบเทยี บจดุ เดือดของเอมนี และเอไมด์กบั สารประกอบอนิ ทรยี ์ชนิดอ่ืนๆท่มี ี มวลโมเลกุลใกลเ้ คียงกันได้ 5. บอกประโยชน์และอนั ตรายของสารประกอบเอมนี และเอไมด์บางชนิดได้ 2.1 ถ่านหนิ 2 22- 1. นกั เรียนสามารถอธิบายคุณสมบัตขิ องถ่านหนิ แตล่ ะชนิดได้ 2. นักเรียนสามารถอธิบายโครงสร้างของถา่ นหนิ แต่ละชนดิ ได้ 2.2 หนิ น้ำมัน 2 2 -2 1. นักเรียนสามารถอธิบายคุณสมบัติของหินน้ำมันทด่ี ไี ด้ 2. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายโครงสร้างของหินน้ำมนั ได้ 2.3 ปโิ ตรเลียม 6 4 -4 1. อธิบายการเกิด และวธิ กี ารสำรวจแหล่งปโิ ตรเลียมได้ 2. อธบิ ายกระบวนการกลั่นน้ำมันดบิ การแยกแกส๊ ธรรมชาติ และการใช้ประโยชน์ จากผลติ ภัณฑป์ ิโตรเลยี มได้ สรปุ ทบทวนภาพรวม (สอบกลางภาคเรยี น) 30 25 20 - 9 2.4 พอลเิ มอร์ 8 7 -8 1. อธิบายความหมาย ประเภท และสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์ได้ 2. อภปิ รายการนำพอลเิ มอร์ไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งผลทเ่ี กดิ จากการผลติ และใช้ พอลเิ มอร์ต่อส่ิงมชี วี ิตและสิ่งแวดลอ้ มได้ 3. ระบกุ ารเลือกใช้ประโยชนข์ องผลิตภณั ฑพ์ อลเิ มอรด์ ว้ ยสมบัตทิ แ่ี ตกตา่ งกันได้ 4. สบื ค้นข้อมูลเก่ยี วกับความหมาย ประเภท และสมบัติของพอลเิ มอร์ได้
18 ลำ หนว่ ยการเรียนร/ู้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ เวลา น้ำหนักคะแนน ดบั (ช่ัวโมง) ท่ี ระหวา่ ง กลาง ปลาย เรียน ภาค ภาค 10 2.5 ภาวะมลพิษท่ีเกิดจากการผลติ และการใชผ้ ลติ ภัณฑจ์ ากเชอ้ื เพลิงซากดึกดำ 2 2 - 2 บรรพ์ 1. ระบผุ ลกระทบที่เกิดจากภาวะมลพิษทางอากาศ ภาวะมลพษิ ทางน้ำ ภาวะ มลพษิ ทางดนิ ได้ 11 3.1 คารโ์ บไฮเดรต 2 2 -2 1. ระบธุ าตุองคป์ ระกอบและประเภทของคารโ์ บไฮเดรตพร้อมทั้งยกตวั อยา่ งได้ 2. บอกผลิตภัณฑ์ที่เกดิ จากปฏกิ ิรยิ าไฮโดรไลซิสไดแซ็กคาไรดแ์ ละพอลแิ ซ็กคาไรด์ ได้ 3. อธบิ ายสมบตั ขิ องคารโ์ บไฮเดรตประเภทต่างๆได้ 4. บอกประโยชน์ของคารโ์ บไฮเดรตได้ 12 3.2 กรดนิวคลีอิก 1 2 -1 1. อธบิ ายโครงสร้างและองค์ประกอบของนิวคลีโอไทด์ DNA และ RNA ได้ 2. เปรยี บเทยี บความแตกต่างระหวา่ งโครงสรา้ งของ DNA และ RNA ได้ 3. บอกประโยชน์และสมบัติของกรดนิวคลีอิกได้ 13 3.3 โปรตนี 7 5 -5 1. ระบธุ าตุองค์ประกอบหลักและหนว่ ยย่อยของโปรตีนได้ 2. อธิบายความหมายและความสำคญั ของกรดอะมโิ นจำเป็นได้ 3. อธิบายการเกดิ พนั ธะเพปไทดแ์ ละระบุตำแหนง่ ของพนั ธะเพปไทด์ในโมเลกลุ ของโปรตนี ได้ 4. อธบิ ายวิธที ดสอบโปรตนี ในอาหารได้ 5. บอกสมบัตแิ ละประโยชน์ของเอนไซมต์ อ่ สิง่ มีชวี ติ ได้ 6. บอกความหมายและปัจจัยท่มี ผี ลต่อการแปลงสภาพของโปรตีนได้ 14 3.4 ลิพดิ 8 7 -6 1. อธิบายการเกิดไขมันหรือน้ำมนั พร้อมท้ังเขยี นสมการได้ 2. บอกสมบัติของกรดไขมันอิ่มตวั และกรดไขมนั ไม่อิ่มตวั ได้ 3. ระบุสถานะของไขมนั หรอื น้ำมันทีอ่ ุณหภูมิหอ้ ง โดยพจิ ารณาจากสดั ส่วนของ กรดไขมนั อิ่มตัวและกรดไขมันไมอ่ ิ่มตัวได้ 4. บอกสมบัติของไขมันหรอื น้ำมนั ได้ 5. อธบิ ายความหมายและเขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาสะปอนนฟิ ิเคชันได้ 6. อธิบายกลไกการชำระลา้ งสิ่งสกปรกของสบแู่ ละผงซกั ฟอกได้ 7. อธิบายการเหม็นหืนของไขมนั หรือน้ำมันและวิธปี อ้ งกนั ได้ 8. อธิบายการเกดิ และความสำคัญของฟอสโฟลิพดิ ไข และสเตอรอยด์ได้ สรุปทบทวนภาพรวม (สอบปลายภาค) 30 25 - 30 รวมท้งั สิน้ ตลอดภาคเรยี น 60 50 20 30
19 6. สื่อการเรียนร/ู้ หนงั สืออ่านประกอบ/ เอกสารประกอบการเรยี น 1. หนังสอื เรียนวิชาเคมี ม.6 เลม่ 5 2. สอ่ื จากอินเทอร์เนต็ 3. อุปกรณ์และสารเคมีในห้องปฏิบตั กิ ารวทิ ยาศาสตร์ 7. ภาระงาน/ ชิ้นงาน/ ผลงานสำคญั ตลอดภาคเรียน 1. จดั ปา้ ยนเิ ทศใหค้ วามรู้เก่ยี วกบั เชื้อเพลงิ ซากดึกดำบรรพ์และผลติ ภณั ฑ์ นำเสนอหนา้ ชั้นเรียน (กลมุ่ ละ 3 คน) 2. จดั ทำโครงงานวิทยาศาสตรใ์ นหัวขอ้ ทสี่ นใจจากเนื้อหาในบทเรยี น กลมุ่ ละ 1 เร่ือง นำเสนอก่อน สอบปลายภาคเรียน 8. ขอ้ ตกลงในการเรยี น 1. นักเรียนตอ้ งเขา้ เรยี นใหต้ รงเวลา ถา้ เขา้ หอ้ งช้า 10 นาที (โดยไม่มเี หตจุ ำเป็น) ถือวา่ ขาดเรียนใน ชวั่ โมงนนั้ 2. นักเรยี นต้องนำสมุด หนงั สอื มาเรียนทุกครงั้ 3. นักเรียนต้องสง่ สมดุ แบบฝึกหัดตามกำหนดเวลา 4. นักเรยี นทม่ี เี วลาเรยี นไม่ครบรอ้ ยละ 80 จะไมม่ สี ทิ ธส์ อบในรายวชิ าน้ี 5. นักเรียนที่สง่ ภาระงาน ช้นิ งานไม่ครบตามกำหนด จะได้รบั ผลการเรียนเป็น “ร”
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: