หน่วยท่ี 6 หลกั การปฏิบัตติ นในงานอาชพี สาระสาคัญ หลักการปฏิบัติตนในงานอาชีพ เริ่มจากการเตรียมตัวขณะกาลังศึกษา มีการเตรียมตัวขณะกาลัง ศึกษาการเตรียมตัวภายหลังจบการศึกษา และการเตรียมตัวสมัครงาน การพัฒนาทักษะที่จาเป็นเพ่ือที่จะ สามารถประกอบอาชีพนั้นๆ ได้สาเรจจ การสร้างทัศนคติท่ีดีต่อการประกอบอาชีพ คุณธรรมจริยธรรมในการ ประกอบอาชีพ และจรรยาบรรณในอาชีพ มีความสาคัญและจาเป็นหากผู้ประกอบอาชีพเรียนรู้และปฏิบัติจะ ทาให้มีความม่ันคงในงานอาชพี และเกดิ ประสทิ ธิภาพแก่งาน จดุ ประสงค์ 1. บอกวิธีการเตรียมตัวเองเขา้ สู่งานอาชีพได้ 2. อธบิ ายการปฏบิ ัติตนในงานอาชีพท่ีเหมาะสมได้ 3. บรรยายพฤตกิ รรมในการทางานได้ 4. อธบิ ายมนุษย์สัมพันธ์ในการทางานได้ 5. อธิบายทัศนคติและจิตสานกึ ทีด่ ใี นการทางานได้ 6. อธบิ ายทักษะที่จาเปน็ ต่อการประกอบอาชีพได้ 7. อธบิ ายคุณธรรม จรยิ ธรรมในการทางานทผ่ี ู้ประกอบอาชีพควรปฏิบตั ิได้ 8. บอกวธิ ีการพฒั นาตนเองในงานอาชีพได้ 9. บอกจรรยาบรรณวชิ าชพี ได้ เนอื้ หา 1. การเตรียมตัวเองเข้าสู่งานอาชพี การเตรียมตัวเองเข้าสงู่ านอาชพี มีความสาคัญอยา่ งมากตอ่ การประกอบอาชีพ ซึ่งหากมีการเตรียมการ ท่ีดีย่อมส่งผลให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสาเรจจ ดังนั้น การเตรียม ตวั เองเข้าสงู่ านอาชพี มีวธิ ีการดงั น้ี 1.1 การเตรยี มตัวขณะกาลังศึกษา การเตรียมตวั ขณะกาลังศึกษา เป็นการเตรยี มตัวในด้านวชิ าการ ดา้ นประสบการณ์ และการ ฝกึ ฝนความสามารถพเิ ศษ ซึ่งมีวธิ ปี ฏบิ ตั ิไดแ้ ก่ 1.1.1 การเตรยี มตวั ความรู้วิชาการ เป็นการศึกษาความรู้สู่อาชีพเก่ียวกับหลักการหรือทฤษฎี ในงานอาชีพท่ีนา่ สนใจ เพื่อใหเ้ ข้าใจอยา่ งถ่องแท้
1.1.2 การเตรียมตัวประสบการณ์ชีวิต การที่จะได้รับประสบการณ์จะต้องทากิจกรรมนอก หลักสูตรการเรียนอย่างเปน็ ระบบ เช่น ศึกษาดูงานจากแหล่งเรียนรู้ท่ีได้รับรางวัล ร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือชมรม ตา่ งๆตามที่ตนเองสนใจ 1.1.3 การฝึกฝนความสามารถพิเศษ เป็นการฝึกฝนตนเองให้มีความสามารถท่ีเอ้ือต่อการ ประกอบอาชีพต่างๆ เช่น สามารถขับรถยนต์ สามารถใช้คอมพิวเตอร์ สามารถพูดภาษาอังกฤษและภาษา ประเทศเพื่อนบา้ น เปน็ ตน้ 1.2 การเตรียมตวั ภายหลังจบการศกึ ษา หลังจากสาเรจจ การศกึ ษา เราจาเปน็ ตอ้ งศึกษาเพิม่ เตมิ เพื่อเตรยี มความพร้อมสูก่ ารประกอบ อาชพี มวี ิธีการปฏบิ ัตดิ ังน้ี 1.2.1 การศึกษาเพิ่มเติม โดยเฉพาะความรู้ท่ีจาเป็นในการประกอบอาชีพในยุคปัจจุบัน เช่น เขา้ รบั การอบรมคอมพิวเตอรโ์ ปรแกรมต่างๆ อบรมภาษาตา่ งประเทศที่จาเป็น เปน็ ต้น 1.2.2 การเตรียมตัวความรู้เรื่องงานท่ีจะทา เป็นการเตรียมการเกี่ยวกับตาแหน่งงาน หน้าท่ี ความรบั ผดิ ชอบของงาน ความรคู้ วามสามารถทจ่ี ะใช้ในการทางาน รวมถงึ ผลตอบแทนทจ่ี ะได้รับ 1.2.3 การเตรียมความรู้ด้านตลาดแรงงาน เราต้องหาช่องทาง หาตาแหน่งงานที่สนใจ จาก แหลง่ ต่างๆ เชน่ จากหนงั สอื พมิ พ์ ส่ือส่ิงพมิ พ์ต่างๆ ฯลฯ 1.3 การเตรยี มตวั สมัครงาน การเตรยี มตัวสมัครงาน เป็นการเตรยี มความพร้อมทางด้านบุคลิกภาพ การเตรยี มเอกสารและ อปุ กรณ์ต่างๆ ซงึ่ มีวิธกี ารเตรียมดงั น้ี 1.3.1 การเตรยี มความพร้อมด้านบคุ ลิกภาพ ได้แก่ การฝึกปรับปรุงกิริยา มารยาท การพูด การ เดิน รวมถึงการแตง่ กาย 1.3.2 การเตรียมเอกสารและอุปกรณ์ต่างๆ เชน่ ใบรับรอง วุฒิการศึกษา บัตรประชาชน สาเนา ทะเบยี นบา้ น รปู ถา่ ย เป็นตน้ 2. การปฏิบัตติ นในงานอาชพี ทีเ่ หมาะสม การปฏบิ ตั ติ นในงานอาชีพ คือ หลักการและแนวทางในการปฏิบัติตนที่ดีในงานอาชีพทั้งต่อตนเองต่อ เพอ่ื นร่วมงานเพอ่ื ให้การปฏบิ ตั ิงานดาเนินไปอยา่ งเรียบรอ้ ยและประสบความสาเรจจ 2.1 ความสาคญั ของการปฏิบตั ิตนในงานอาชพี ที่เหมาะสม 2.1.1 การมวี นิ ยั ในการประกอบอาชพี 2.1.2 ความซื่อสัตยส์ ุจรติ 2.1.3 ความรับผดิ ชอบในงานอาชีพ 2.1.4 การมจี ริยธรรมต่อส่ิงแวดล้อม 2.1.5 ขยันหมั่นเพยี ร 2.1.6 ให้ข้อมูลข่าวสารอย่างถกู ต้อง
2.1.7 ดาเนินธรุ กิจถูกกฎหมาย 2.1.8 มีจรรยาบรรณต่ออาชพี 2.2 หน้าท่ีและความรบั ผิดชอบในการทางาน การปฏิบัตติ นในงานอาชีพใหป้ ระสบความสาเรจจ และเกิดความสุขในการทางานนั้น ผู้ปฏิบัติงาน ควรจะรู้และเข้าใจในหน้าท่ีและความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อเพ่ือนร่วมงาน ต่อผู้บังคับบัญชา และต่อ ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชา ดังนี้ 2.2.1 หน้าที่และความรับผดิ ชอบต่อตนเอง 2.2.1.1 ปฏิบตั ติ นเป็นแบบอยา่ งที่ดีใหแ้ กผ่ ู้อน่ื 2.2.1.2 ยดึ หลกั คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมในการปฏบิ ัติงาน 2.2.1.3 ใหเ้ กยี รตผิ ู้รู้ทัง้ ผทู้ ่ีอาวุโสกว่า ผู้ที่เท่าเทียมกนั 2.2.1.4 รกั ษาจรรยาบรรณวชิ าชีพ 2.2.2 หน้าทแ่ี ละและความรับผดิ ชอบตอ่ ผูบ้ ังคับบญั ชา 2.2.2.1 มีความซ่ือสตั ย์ต่อผ้บู ังคบั บญั ชา 2.2.2.2 รายงานผลการปฏบิ ัตงิ านตอ่ ผ้บู งั คบั บัญชาตามความเหมาะสม 2.2.2.3 รจู้ ักใช้ศลิ ปะการพูด 2.2.2.4 ไมแ่ สดงความขัดแย้ง 2.2.2.5 เรยี นรู้งานดว้ ยตนเอง 2.2.3 หน้าที่และความรับผดิ ชอบต่อผใู้ ตบ้ ังคบั บญั ชา 2.2.3.1 ใหค้ วามเป็นธรรมและเท่าเทยี บกัน 2.2.3.2 เข้าใจและเหนจ ใจต่อความจาเป็นในธุระสว่ นตวั ของผ้ใู ตบ้ ังคับบญั ชา 2.2.3.3 สง่ั งานให้ชดั เจนและตรงกับความสามารถของผู้ใต้บังคบั บญั ชาแต่ละคน 2.2.3.4 ไมใ่ ชอ่ ารมณ์กับผู้ใต้บังคับบญั ชา 2.3 สทิ ธขิ องผปู้ ระกอบอาชีพ สทิ ธิของผ้ปู ระกอบอาชีพ คอื สทิ ธทิ ่ีผู้ประกอบอาชพี และทกุ คนพึงมีอัน ประกอบดว้ ยสทิ ธิต่างๆ ดังน้ี 2.3.1 สิทธิในการทางาน 2.3.1.1 สทิ ธิบคุ คลที่ไดร้ บั การว่าจ้างการทางาน 2.3.1.2 สทิ ธิของบคุ คลทจ่ี ะไม่ถกู ลดิ รอนจากการว่าจ้างโดยผลการ 2.3.1.3 สิทธิในการไม่ถูกบังคับใชแ้ รงงาน 2.3.2 สทิ ธิดา้ นแรงงาน 2.3.2.1 สทิ ธิจะก่อต้ังสหภาพแรงงานและเข้ารว่ มสหภาพแรงงานที่ตนเองเลอื ก 2.3.2.2 สิทธขิ องสหภาพแรงงานที่จะจดั ตงั้ สหพันธ์และสมาพันธ์แหง่ ชาติ 2.3.2.3 สิทธทิ ่จี ะนัดหยดุ งาน
2.3.3 สทิ ธิในการประกนั สังคม 2.3.3.1 การประกนั สุขภาพ 2.3.3.2 การประกนั ผู้สงู อายุ 2.3.3.3 การประกนั การว่างาน 2.3.3.4 สิทธิประโยชน์ในการลาปว่ ย 2.3.4 สทิ ธใิ นการไดร้ บั การคุ้มครองครอบครัว 2.3.4.1 สทิ ธิในการรับผดิ ชอบตอ่ การดูแลบุตรหลานท่ไี มส่ ามารถพึงพาตนเองได้ 2.3.4.2 สทิ ธิในการสมรส 2.3.4.3 สทิ ธใิ นการรบั ความคุ้มครองแก่เดจกและเยาวชน 3. พฤติกรรมในการทางาน พฤติกรรมในการทางาน คือ มีอทิ ธิพลต่อประสทิ ธภิ าพในการทางานของบุคคลและองคก์ ร ปจั จยั ทม่ี ี อิทธิพลต่อพฤตกิ รรมในการทางานของบุคคล ไดแ้ ก่ 3.1 แรงจูงใจในการทางาน คือ แรงกระตุ้นและผลักดันให้บุคคลแสดงพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยแรงจูงใจมีพ้ืนฐานมาจากความต้องการ (Needs) พลังงานกดดัน (Drives) ท่ีจะพยายามกระทาเพื่อให้ บรรลุผลสาเรจจ โดยแรงจูงใจในการทางานสามารถแบ่งไดด้ ังน้ี 3.1.1 แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ คือ แรงจูงใจที่เป็นแรงขับให้บุคคลพยายามปฏิบัติงานให้ประสบ ความสาเรจจ บุคคลท่ีมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิจะมีลักษณะการปฏิบัติงานท่ีมุ่งหวังความสาเรจจ ต้ังเป้าหมายการ ทางานและวางแผนท่ีชัดเจน 3.1.2 แรงจูงใจใฝ่สมั พนั ธ์ คือ ผู้ท่ีมที างานเพ่ือให้ได้รับการยอมรบั มักจะเปน็ ผู้ที่โอบอ้อมอารี 3.2 ขวัญและกาลังใจในการทางาน หมายถึง สภาพทางจิตใจของผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการตอบสนอง ความต้องการในระดับที่น่าพึงพอใจ ขวัญและกาลังใจในการทางานของบุคคลจะแสดงออกทางพฤติกรรม บคุ คลจะมีความกระตอื รือร้นสงู 4. มนุษยส์ ัมพนั ธใ์ นการทางาน การสรา้ งมนุษย์สัมพนั ธท์ ีด่ ีกับผู้อ่นื จงึ มคี วามสาคัญท่สี ามารถช่วยใหก้ ารปฏบิ ตั ิงานเป็นไปตามความ ราบรนื่ โดยบุคคลสามารถสร้างมนษุ ย์สัมพนั ธใ์ นการทางานได้ ดงั นี้ 4.1 การสร้างเสน่หใ์ ห้ตนเอง 4.1.1 ยิม้ แยม้ แจ่มใสอยู่เสมอ 4.1.2 ใชว้ าจาทไ่ี พเราะและเหมาะสม 4.1.3 ยกย่องชมเชยผู้อื่นอย่างจริงจัง 4.1.4 เปน็ ผฟู้ ังที่ดี 4.1.5 ช่วยเหลือผ้อู ื่นเมือ่ มโี อกาส
4.2 สรา้ งความสัมพนั ธท์ ่ดี ตี ่อกนั 4.2.1 เพอื่ นรว่ มงาน เช่น การสรา้ งความเชอ่ื มัน่ ใหก้ บั เพื่อนร่วมงาน 4.2.2 ผูใ้ ตบ้ ังคับบัญชา เชน่ การรู้จักควบคุมตนเอง 4.2.3 ผู้บงั คับบญั ชา เชน่ ไม่ประจบสอพลอ 4.3 การหลีกเลยี่ งความขดั แย้งในการทางาน 4.3.1 ช้แี จงเหตผุ ลใหช้ ัดเจน 4.3.2 การประนปี ระนอม 4.3.3 ไม่ใช้อารมณ์ 5. ทศั นคติและจติ สานกึ ท่ีดใี นการทางาน 5.1 ทัศนคติทด่ี ีในการทางาน ทัศนคติในการทางาน หมายถงึ แนวความคิดและสง่ิ ท่ีแสดงความเป็นตวั ตนของบุคคลท่ไี ดร้ ับ อทิ ธพิ ลจากการเรียนรู้ค่านิยม ประสบการณ์ ทัศนคติที่บคุ คลมตี ่อการทางาน ได้แก่ 5.1.1 การยอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง 5.1.2 การมองงานหนักและยากเป็นสิ่งทีท่ ้าทายความสามารถ 5.1.3 หลีกเล่ียงการซุบซิบ นนิ ทา 5.1.4 การมองในมุมมองของบริหาร ตวั อย่าง ทศั นคติทด่ี ีในการทางาน 1. ความเชื่อในการทางาน 2. ความกระตือรือร้นในการทางาน 3. ความกลา้ หาร 4. การมองโลกในแง่ดี 5. การใหเ้ กียรตใิ นงานที่ทา 5.2 จติ สานึกท่ดี ใี นการทางาน จติ สานกึ คอื เป็นสภาพท่รี ดู้ ีว่าคอื ใคร อยู่ที่ไหน ต้องการอะไร หรอื กาลังรูส้ ึกอย่างไรต่อสิ่งใด ตวั อยา่ งจิตสานกึ ที่ดีในการทางาน 1. มีความตรงต่อเวลาในการเขา้ ทางาน เชา้ พกั กลางวนั และเวลากลบั บา้ น 2. มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีทีไ่ ด้รบั มอบหมาย 3. มีความกระตือรือร้นต้ังใจทางาน 4. มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย 5. มคี วามอ่อนน้อมถ่อมตน 6. มคี วามซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต
5.3 การสรา้ งทัศนคติและจิตสานกึ การสรา้ งทัศนคติและจิตสานกึ ทีด่ ตี ่อการประกอบอาชีพ เป็นสิ่งท่ีสาคญั อย่างยิ่งที่จะทาให้มนุษย์ ดารงชีวิตอย่างมีความสุขเน่ืองจากชีวิตของมนุษย์ส่วนมากจะใช้เวลากบการประกอบอาชีพ ดังนั้นหากได้ ทางานที่ตนเองรกั ชอบและถูกกบบุคลิกลักษณะของตนกจจะทาให้เกิดการพัฒนางานอยางต่อเนื่อง ซึ่งวิธีสร้าง ทศั นคตทิ ่ดี ีต่อการประกอบอาชพี มีแนวทางทาได้ เชน่ 5.3.1 จดั ประสบการณ์ท่ีดีเกี่ยวกบั งาน โดยเข้าฝึกอบรม เพมิ่ พัฒนาทักษะความรู้ ความสามารถอยา่ งต่อเน่ือง ตลอดเวลา 5.3.2 จัดสภาพแวดล้อมทด่ี ีในการทางาน สภาพแวดลอ้ มทด่ี ี จาทาใหบ้ รรยากาศของการ ทางานมีความเป็นกนั เอง อบอุ่น มีความกระตือรือรน้ และสร้างสรรค์ 5.3.3 การเป็นแบบอยา่ งท่ดี ี การประพฤตติ นเป็นแบบอย่างทีด่ ีเป็นการแสดงออกท่ี สอดคล้องกับวฒั นธรรมประเพณีอนั ดงี าม 5.3.4 การให้คาแนะนาหรอื ปรกึ ษาเกย่ี วกบั งาน การให้คาแนะนาหรือปรึกษาเกี่ยวกับงาน เป็นการสรา้ งบรรยากาศให้เกิดความคุ้นเคยเปน็ กนั เอง และจะเกิดความรู้สึกทเ่ี ปน็ มิตรต่อกัน เข้าใจกัน รู้สึก อบอ่นุ และเกิดความร้สู ึกม่นั ใจในการทางานมากขนึ้ 5.3.5 การใช้การส่งเสริมการทางานเปน็ ทีม การทางานเป็นทมี มีความสาคัญมากในการ ทางานท่ีจะเกิดประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล ดงั น้ันเราต้องพยายามอาศัยความรว่ มมือของสมาชิกเป็นอยา่ งดี 6. ทักษะท่ีจาเป็นต่อการประกอบอาชีพ การประกอบอาชพี ทุกชนดิ ต้องมีความรู้ ความสามรถเฉพาะในอาชพี นนั้ ๆ และมที ักษะท่ีจาเป็น เพอ่ื ท่จี ะสามรถประกอบอาชีพน้ันๆ ได้สาเรจจ ทักษะท่จี าเป็นทค่ี วรพฒั นาตัวเองในการประกอบอาชีพมีดงั นี้ 6.1 ทกั ษะกระบวนการทางาน ทกั ษะกระบวนการทางาน เป็นการเรยี นร้กู ระบวนการทางานและลงมือปฏิบัติงานด้วยตนเอง โดยมงุ่ เน้นการฝึกวธิ ีการทางานอยา่ งสมา่ เสมอ เพือ่ ให้เกดิ ความเช่ยี วชาญในงานทท่ี า ท้ังการทางานเปน็ รายบคุ คลและการทางานเปน็ ทมี 6.2 ทักษะกระบวนการแกป้ ัญหา ในการทางานต้องประสบกับปัญหา เราต้องหาทางจดการแกป้ ัญหา เข้าใจปัญหา และคิด แก้ปัญหานน้ั ไดอ้ ย่างเดจดขาดทนั ท่วงที โดยมีวธิ กี ารแก้ปัญหาดงั น้ี 6.2.1 การสังเกต 6.2.2 การวเิ คราะห์และแยกแยะปัญหา 6.2.3 สรา้ งทางเลือกในการแก้ปญั หา 6.2.4 ประเมนิ ทางเลือกหรือวิธใี นการแกป้ ัญหา
6.2.3 ทักษะการทางานรว่ มกัน เราต้องพัฒนาตัวเองให้สามารถทางานร่วมกับผอู้ ื่นได้ โดยตอ้ งเปน็ บุคคลที่มบี คุ ลิกนสิ ัยยดื หยนุ่ ประนปี ระนอม สามารถเข้ากับผ้อู น่ื ได้ แลกเปล่ยี นขอ้ มลู กับผ้อู ่นื เสมอ มีความจรงิ ใจ ไม่เอาเปรยี บผอู้ ื่น 6.2.4 ทกั ษะการแสวงหาความรู้ ในการทางานทุกอย่าง เราจะต้องศึกษาหาความรเู้ พิ่มเตมิ ตลอดเวลา เพราะว่าปัจจุบัน วิทยาการตา่ งๆ ได้พฒั นาและเจรญิ ก้าวหน้าอย่างรวดเรจว โดยแสวงหาความรู้จากตารา หนงั สือพมิ พ์ วารสาร โทรทศั น์ ฯลฯ 6.2.5 ทักษะการจดั การ ทักษะการจัดการ เปน็ ทักษะท่มี ีความจาเปน็ โดยเฉพาะบุคคลทเี่ ปน็ ผูบ้ ริหาร ต้องมีความ สามารถในการวางแผน จัดระบบงาน จดั ระบบบุคคล มอบหมายงานหรอื สง่ั การ และการประเมนิ ผลงานได้ 7. คุณธรรม จรยิ ธรรมในการทางานทผ่ี ู้ประกอบอาชีพควรปฏิบตั ิ 7.1 ความหมาย คณุ ธรรม หมายถงึ สภาพคุณงานมความดีและความถูกต้องในการแสดงออกทั้งกาย วาจา และ ใจของแต่ละบุคคลซึง่ ยดึ ม่ันไว้เป็นหลักในการประพฤติปฏิบตั ิจนเกิดเป็นนสิ ัย จริยธรรม หมายถึง กฎเกณฑ์ท่ีเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งท่ีดีงาม เหมาะสม และเปน็ ทน่ี ยิ มชมชอบ หรอื ยอมรับจากสงั คม เพ่ือความสนั ตสิ ขุ แห่งตนเองและความสงบเรยี บร้อยของสังคม 7.2 ความสาคญั ของคุณธรรมจรยิ ธรรม 7.2.1 ชว่ ยให้ชวี ติ ดาเนนิ ไปด้วยความราบรนื่ และสงบ 7.2.2 ชว่ ยให้มีสติสมั ปชญั ญะอยู่ตลอดเวลา 7.2.3 ชว่ ยสร้างความมีระเบียบวินยั ให้แก่บุคคลในชาติ 7.2.4 ชว่ ยควบคมุ ไม่ใหค้ นช่ัวมีจานวนมากขน้ึ 7.2.5 ช่วยใหม้ นษุ ยน์ าความรแู้ ละประสบการณ์มาสรา้ งสรรค์แตส่ ่ิงท่มี ีคุณค่า 7.2.6 ช่วยควบคมุ ความเจริญทางด้านวตั ถุและจิตใจของคนใหเ้ จรญิ ไปพร้อม ๆ กัน 7.3 คุณธรรม จรยิ ธรรมในการทางาน 7.3.1 คณุ ธรรมในการทางาน คุณธรรมในการทางาน หมายถึง ลักษณะนิสัยที่ดีที่ควรประพฤติปฏิบัติในการ ประกอบอาชพี คุณธรรมสาคญั ทช่ี ว่ ยให้การทางานประสบความสาเรจจมีดังนี้ 7.3.1.1 ความมีสติสัมปชัญญะ หมายถึง การควบคุมตนเองให้พร้อม มีสภาพ ตนื่ ตวั ฉบั ไวในการรบั รูท้ างประสาทสมั ผัส การใชป้ ัญญาและเหตุผลในการตดั สนิ ใจที่จะประพฤติปฏิบัติในเร่ือง ตา่ งๆ ได้อยา่ งรอบคอบ เหมาะสม และถกู ตอ้ ง 7.3.1.2 ความซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง การประพฤติปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมาท้ัง กาย วาจา และใจ ไมค่ ดิ คดทรยศ ไม่คดโกง และไม่หลอกลวงใคร
7.3.1.3 ความขยันหมั่นเพียร หมายถึง ความพยายามในการทางานหรือหน้าที่ ของตนเองอย่างแขจงขนั ดว้ ยความมงุ่ มัน่ เอาใจใส่อย่างจริงจงั พยายามทาเรื่อยไปจนกว่างานจะสาเรจจ 7.3.1.4 ความมีระเบียบวินัย หมายถึง แบบแผนที่วางไว้เพ่ือเป็นแนวทางปฏิบัติ และดาเนินการให้ถูกลาดับ ถูกท่ี มีความเรียบร้อย ถูกต้องเหมาะสมกับจรรยาบรรณ ข้อบังคับข้อตกลง กฎหมาย และศลี ธรรม 7.3.1.5 ความรบั ผดิ ชอบ หมายถงึ ความเอาใจใส่ม่งุ ม่ันตัง้ ใจต่องาน หน้าที่ ดว้ ย ความผกู พัน ความพากเพียร เพ่อื ใหง้ านสาเรจจตามจดุ มุ่งหมายที่กาหนดไว้ 7.3.1.6 ความมีนา้ ใจ คือ ปรารถนาดมี ีไมตรีจิตต้องการชว่ ยเหลือให้ทุกคนประสบ ความสขุ และช่วยเหลือผอู้ ื่นให้พ้นทกุ ข์ 7.3.1.7 ความประหยัด หมายถึง การรู้จักใช้ รู้จักออม รู้จักประหยัดเวลาตาม ความจาเปน็ เพื่อใหไ้ ดป้ ระโยชนอ์ ยา่ งคุ้มคา่ ทสี่ ดุ 7.3.1.8 ความสามัคคี หมายถึง การท่ีทุกคนมีความพร้อมท้ังกาย จิตใจ และ ความเปน็ น้าหนึง่ ใจเดยี วกนั มจี ดุ มงุ่ หมายท่ีจะปฏบิ ัตงิ านใหป้ ระสบความสาเรจจโดยไมม่ ีการเกี่ยงงอน 7.3.2 จรยิ ธรรมในการทางาน จริยธรรมในการทางาน หมายถึง กฎเกณฑ์ท่ีเป็นแนวทางปฏิบัติตนในการประกอบ อาชพี ท่ีถือวา่ เป็นสงิ่ ท่ดี งี าน เหมาะสม และยอมรบั การทางานหรือการประกอบอาชีพต่าง ๆ จะเน้นในเรื่อง ของจริยธรรมท่ีมคี วามแตกต่างกัน จริยธรรมในการทางานท่ัวไป ท่ีนามาซึ่งความสุขความเจริญในการทางานและการ ดารงชวี ติ เรียกว่า มงคล 38 ประการ มงคลชวี ิตท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการทางานมดี ังนี้ 7.3.2.1 ชานาญในวิชาชีพของตน (มงคลชีวิตข้อที่ 8) เป็นการนาความรู้ที่เล่า เรยี น ฝกึ ฝน อบรม มาปฏิบตั ิให้เกดิ ความชานาญจนสามารถยดึ เป็นอาชพี ได้ 7.3.2.2 ระเบยี บวนิ ยั (มงคลชวี ิตขอ้ ท่ี 9) การฝึกกาย วาจาใหอ้ ยูใ่ นระเบียบวินัย ทสี่ งั คมหรือสถาบนั วางไวเ้ ปน็ แบบแผน 7.3.2.3 กล่าววาจาดี (มงคลชีวิตข้อที่ 10) คือ วจีสุจริต 4 ประการ ได้แก่ ความจริง คาประสานสามัคคี คาสุภาพ คามีประโยชน์ 7.3.2.4 ทางานไม่คั่งค้างสับสน (มงคลชีวิตข้อท่ี 14) ลักษณะการทางานของคน โดยทวั่ ไปมี 2 แบบ คอื 1) การทางานคั่งคา้ งสับสน คอื ทางานหยาบ ยุ่งเหยงิ ทางานไม่สาเรจจ 2) การทางานไมค่ งั่ คา้ ง คือ การทางานดมี รี ะเบยี บ ทางานเตจมฝีมือ และ ทางานให้เสรจจ
8. การพฒั นาตนเองในงานอาชีพ การพฒั นาตนเองในงานอาชีพ หมายถงึ การพัฒนาความรู้ ความสามารถของตนเองให้ดีขึ้นทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม เพื่อให้คนเป็นสมาชิกท่ีมีประสิทธิภาพของสังคม และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่ืน ตลอด จนเพื่อการดารงชีวติ ของตนเองอย่างมีความสุข ถือเป็นหลักการปฏิบตั ิตนในงานอาชีพ 8.1 ความสาคัญของการพัฒนาตนเองในงานอาชพี 8.1.1 ความสาคญั ต่อตนเอง 8.1.1.1 เตรียมตนเองให้พร้อมทุกดา้ น 8.1.1.2 ปรบั ปรงุ ส่ิงที่บกพร่อง และพัฒนาพฤตกิ รรมให้เหมาะสม ขจัดคณุ ลักษณะที่ ไมต่ ้องการออก พร้อมเสรมิ สรา้ งคณุ ลกั ษณะทสี่ ังคมต้องการ 8.1.1.3 วางแนวทางให้พัฒนาไปสเู่ ป้าหมายดว้ ยความมนั่ ใจ 8.1.2 ความสาคัญตอ่ บคุ คลอ่ืน 8.1.2.1 การปรับปรุงและพฒั นาตนเองจงึ เป็นการเตรยี มตวั เพ่อื สร้างส่งิ แวดล้อมท่ีดี ต่อผทู้ ่ีตดิ ต่อด้วย 8.1.2.2 เปน็ ตวั อยา่ งอา้ งอิงให้เกิดการพัฒนาแก่บุคคลอ่นื 8.1.3 ความสาคัญต่อสังคม 8.1.3.1 แข่งขันในเชิงคณุ ภาพและประสทิ ธิภาพกับสงั คมอืน่ ได้สงู ขน้ึ 8.1.3.2 ขจัดปญั หาตา่ ง ๆ ท่เี กดิ ขึ้น จะเกิดความก้าวหน้าท้ังต่อตนเองและสงั คม 8.2 คุณสมบัตขิ องบุคคลในการพฒั นาตนเอง 8.2.1 มคี วามกระตือรือรน้ 8.2.2 มมี นุษยสัมพนั ธท์ ่ีดีต่อกนั 8.2.3 ต้องพฒั นาทางรา่ งกาย 8.2.4 เหนจ สว่ นดขี องบคุ คลอ่ืนมากกว่าข้อบกพร่อง 8.2.5 ตอ้ งพฒั นาทางสังคม 8.2.6 ต้องพัฒนาทางเชาวนป์ ัญญา 8.3 วิธีการพฒั นาตนเอง 8.3.1 การฝึกตนเอง หมายถึง การฝึกตนเองให้เป็นผู้ที่มีอนามัยดี รู้จักแบ่งเวลาในการ ทางานและพักผ่อน ฝึกให้เป็นคนรู้จักอดทน เหจนประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ฝึกให้เป็นคน อารมณข์ ันบ้าง รจู้ ักชืน่ ชมผอู้ ืน่ มากกว่าทจ่ี ะช่ืนชมตนเอง 8.3.2 ฝึกสารวจตนเอง
9. จรรยาบรรณวิชาชพี จรรยาบรรณวิชาชพี หมายถงึ กฎเกณฑห์ รือแนวทางในการประพฤตปิ ฏบิ ัตทิ ผ่ี ปู้ ระกอบอาชพี แตล่ ะ อาชีพกาหนดข้นึ เพ่ือรักษาและส่งเสริมเกียรติ ชอื่ เสยี ง ฐานะของสมาชิกและวงการวชิ าชพี นั้น ๆ ของสมาชิก ทีป่ ระกอบอาชพี น้ัน ๆ จรรยาบรรณ มีความสาคัญและจาเป็นต่อทุกอาชพี ทุกสถาบัน และหน่วยงาน เพราะเป็นทย่ี ึด เหนีย่ วควบคมุ การประพฤติ ปฏิบตั ดิ ว้ ยความดงี าม ความสาคัญของจรรยาบรรณ เพื่อให้มนุษย์สามารถอาศัยอยรู่ ว่ มกนั ได้อยา่ งสงบสขุ จงึ ตอ้ งมี กฎ กตกิ า มารยาท ของการอยู่รว่ มกนั ในสังคมทีเ่ จรญิ แลว้ ไม่มองแต่ความเจริญทางวัตถุ ตัวอย่างจรรยาบรรณวิชาชพี เชน่ จรรยาบรรณของนักศึกษา ข้อ 1 จรรยาบรรณต่อตนเอง (1) ประพฤตปิ ฏิบัตติ นอยู่ในศลี ธรรม จริยธรรม และวฒั นธรรมอนั ดงี าม ยดึ มั่นและ ปฏิบตั ิ ตนตามปณธิ าน นโยบาย และจรยิ วัตรของมหาวทิ ยาลยั (2) มที ัศนติที่ดี มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีของตนเอง (3) พัฒนาตนเองให้มีความรู้ ทกั ษะและความสามารถ ในสาขาวิชาชพี ของตนเอง (4) มีบุคลิกภาพและการวางตนทเี่ หมาะสมกับการเป็นนักศึกษา ข้อ 2 จรรยาบรรณต่อผอู้ นื่ (1) ปฏบิ ตั ติ นเปน็ กัลยาณมิตร และยอมรับฟงั ความคดิ เหนจ ของผู้อื่น (2) ปฏิบัตติ อ่ ผอู้ น่ื ด้วยความสภุ าพ มีน้าใจ และมมี นุษยสัมพนั ธ์อันดี (3) เคารพและไมล่ ะเมิดผลงานของผู้อน่ื ขอ้ 3 จรรยาบรรณต่อมหาวทิ ยาลยั (1) ปฏบิ ตั ิตามกฎ ระเบียบ และข้อบงั คับของวิทยาลัยอยา่ งเครง่ ครัด (2) ร่วมมือร่วมใจพฒั นาและสรา้ งชื่อเสียงแกว่ ทิ ยาลัยและไมป่ ระพฤตปิ ฏิบตั ิตนอัน อาจเปน็ เหตุให้เส่ือมเสยี ช่ือเสียงและภาพลักษณ์ของวิทยาลัย (3) ดูแล รักษา และใช้ทรพั ยส์ ินของวิทยาลัยอย่างประหยดั และคมุ้ ค่า รวมท้งั ไม่นา ทรพั ยส์ นิ ของวทิ ยาลยั ไปใช้เพ่ือประโยชน์สว่ นตนหรือผอู้ ่นื ขอ้ ๔ จรรยาบรรณต่อชุมชน สังคม และส่ิงแวดล้อม (1) ประพฤตติ นเป็นผ้มู ีจิตสาธารณะ รกั ษาขนบธรรมเนียมประเพณแี ละพิทักษ์ สิง่ แวดลอ้ ม (2) มีสว่ นร่วมในกิจกรรมทแี่ สดงถึงความรับผิดชอบของวิทยาลัยต่อสังคม
สรปุ การเตรยี มตัวขณะกาลังศึกษา มกี ารเตรียมตวั ขณะกาลงั ศึกษาการเตรียมตวั ภายหลังจบการศึกษา และการเตรียมตวั สมคั รงาน การพัฒนาทักษะท่ีจาเป็นเพื่อทีจ่ ะสามรถประกอบอาชีพน้ันๆ ได้สาเรจจ ทกั ษะทจ่ี าเปน็ ที่ควรพฒั นา ตวั เองในการประกอบอาชีพ ได้แก่ ทักษะกระบวนการทางาน ทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทางาน รว่ มกัน ทกั ษะการแสวงกาความรู้ และทักษะการจดั การ วิธสี ร้างทัศนคติทีด่ ีต่อ การประกอบอาชีพ ทาได้โดยจัดประสบการณ์ท่ีดเี ก่ียวกับงาน จดั สภาพแวดลอ้ มท่ีดีในการทางาน การเป็นแบบอยา่ งท่ีดี การใหค้ าแนะนาหรือปรึกษาเกี่ยวกับงาน การใช้ การส่งเสริมการทางานเปน็ ทีม จรยิ ธรรมในการประกอบอาชีพ หมายถึง กฎเกณฑ์ ข้อปฏบิ ัติในการประกอบอาชพี เช่น ความ ซื่อสตั ย์สุจรติ ความเปน็ ธรรม ความเช่ือถือได้ ความไวว้ างใจ ความมวี ินยั เป็นตน้ จรรยาบรรณ เป็นขอ้ ความท่ีกาหนดเปน็ แนวทางปฏบิ ัตขิ องอาชีพโดยเขียนไว้เป็นลายลกั ษณอ์ ักษร ที่ ควรปฏิบตั ิตาม
เอกสารอา้ งองิ พาวงไสว พลู วิรัตน์. การปฏบิ ตั ติ นในงานอาชีพ. https://sites.google.com/site/puangsawai2222
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: