Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผู้นำ

ผู้นำ

Published by อัจฉราภรณ์ ภู่ขวัญ, 2021-09-09 05:39:20

Description: ผู้นำ

Search

Read the Text Version

1

ผนู ํา 1. ความหมายของผูน ํา ผนู ํา (Leader) คอื บคุ คลท่สี ามารถชกั จูงหรอื ช้นี ําบคุ คลอนื่ ใหป ฎบิ ตั งิ าน สาํ เร็จตาม วัตถุประสงคท ว่ี างไวไ ดอยา งมีประสทิ ธิผลและประสทิ ธิภาพ มีความสามารถท่ีจะทําใหอ งคก ารดาํ เนินไป อยา งกาวหนา และบรรลุเปาหมาย โดยการใชอ ทิ ธิพลเหนือทศั นคตแิ ละการกระทาํ ของผอู ื่น สมพงษ เกษมสิน (2519) ใหความหมาย ผนู าํ หมายถงึ การทผี่ นู าํ ใชอ ิทธพิ ลและอํานาจหนา ที่ ในความสมั พนั ธซึ่งมอี ยูตอ ผูใตบังคับบญั ชาในสถานการณต างๆเพือ่ ปฏบิ ตั ิและอํานวยการ ฟารดิ า อบิ ราฮิม (2537) ใหความหมาย ผนู าํ หมายถึง เปน การใชอาํ นาจกบั ผูอ ่ืนใหเ กิดการ ปฏบิ ัตเิ พื่อความริเร่ิมของกลมุ เกิดผลงานตามเปาหมาย คุณวุฒิ คนฉลาด (2540 หนา 11) ไดแ สดงความสําคัญของคาํ วา ผบู ริหาร และผูน ําของ องคก ารวา การท่ีองคการหรือหนว ยงานจะอยูรอดหรือนน้ั ขน้ึ อยกู บั บุคคล 2 ประเภท คอื ผทู ่ที าํ หนา ที่เปน หัวหนา ซึ่งเรียกวา ผูบริหาร ทาํ หนาทบ่ี รหิ ารองคก าร อกี ประเภทหนง่ึ คอื ผูน ํา ความแตกตางของ ผูบริหารกับผูนํา คอื ผบู ริหารเปน ผูม ีตําแหนงและมีอํานาจตามกฎหมาย สว นผนู ํา คือ ผทู มี่ พี ลังอํานาจ สามารถโนมนา วจิตใจคนอน่ื ใหทาํ ตามโดยอาศยั คุณความดี

ผนู าํ ความหมายของผนู ํา “ผนู าํ ” (Leader) คือบคุ คลท่ีมอี ทิ ธิพลเหนือบคุ คลอนื่ ในกลมุ เปน อิทธพิ ลในทางบวก คือ บุคคลในกลมุ ยอมรบั และยอมปฏบิ ตั ติ ามความคิดเห็นหรอื คาํ สงั่ ดว ยความเต็มใจ ผนู าํ และผูบรหิ ารไม จาํ เปนตอ งเปน บคุ คลคนเดยี วกนั ผบู ริหารมอี าํ นาจหนาทีโ่ ดยตําแหนง แตอ าจไมใ ชผูนําที่แทจ ริงของกลุม เพราะขาดความเปนผนู ํา บคุ คลอน่ื ในกลมุ อาจเปน ท่ียอมรบั นบั ถอื ของสมาชิกในกลุมและมอี ทิ ธิพลตอ พฤติกรรมของบคุ คลในกลมุ มากกวา เพราะมีความเปน ผูนําอยใู นตัว ดังนนั้ ในกลมุ คนกลุมหน่ึงอาจมีผนู าํ หลายคนนอกเหนือจากผนู ําโดยตําแหนง ( พงษพนั ธ, 2542 : 89) “ผูนาํ ” คอื บคุ คลที่มีความสามารถและศิลปะในการทจี่ ะชกั จูงใจหรอื มีอทิ ธพิ ลตอ บคุ คลอืน่ หรอื กลุม ใหม ีกิจกรรมหรอื ประกอบกิจกรรมหรอื ใหความรวมมือในการประกอบกิจกรรมในสถานการณตางๆ ไดบ รรลเุ ปาหมายที่กําหนดไว ดงั นัน้ ผนู ําจงึ ตองมีความเกยี่ วของท้งั เรอ่ื งของ “งาน” และความสัมพนั ธกบั “บคุ คล” ดว ย (เอมอร, 2538: 5) สรปุ ไดวา ผูนํา (Leader) คอื บคุ คลท่ีสามารถชักจูงหรือชี้นําบคุ คลอนื่ ใหป ฏบิ ตั งิ าน สาํ เร็จ ตามวัตถุประสงคท ว่ี างไวไ ดอยางมปี ระสิทธิผลและประสทิ ธิภาพ 1

2. วตั ถุประสงค์ของการมีผู้นํา จากความหมายของคําวา “ผูนํา” ตามคณุ ลักษณะของผูนาํ หรอื ภาวะผนู าํ ตามทก่ี ลา วขางตน สามารถกาํ หนดวตั ถปุ ระสงคข องการมีผูน าํ ไดดังน้ี 1. เพ่อื เปน ศนู ยกลางหรือจดุ รวมของกลุมหรอื กจิ กรรมภายในกลมุ และเปน ตวั กลางประสานงานระหวา งกลุมหรือองคก รอนื่ ทั้งนี้ผูนาํ ตองเปนผูท มี่ ีบุคลกิ ภาพ 1.1 ทีเ่ หมาะสมกวาบุคคลอื่น ๆ ภายในกลุม สามารถดึงดูดความสนใจของ กลุมและนาํ ความสนใจนน้ั มาใชใ หเ ปน ประโยชนตอกลมุ ตลอดจนเปน ศนู ยก ลางบรกิ ารและ 1.2 ใหความชวยเหลือแกส มาชกิ เพอ่ื ใหสมาชิกสามารถปฏบิ ตั ิงานอยา งมี ประสิทธภิ าพท่สี ุด นอกจากน้ยี ังสามารถเช่ือมโยง แลกเปลย่ี นความ รว มมอื ความชว ยเหลอื กบั กลุมอน่ื ไดอีกดวย 1

3. แหลง ทีม่ าของการเปนผูนํา มคี วามเช่ือวา บคุ คลทกุ คนสามารถเปน ผูนาํ ไดหากเขาอยากจะเปน รวมทง้ั สถานการณเ วลาและสถานทสี่ ามารถสรา งใหค นเปน ผนู ําได โดย ปกตแิ ลว แหลง ทม่ี าของการมผี ูน ํามีไดหลายทางดว ยกัน เชน พจิ ารณาจาก โครงสรา งความสัมพนั ธข องบคุ คลภายในกลุม ระเบยี บ ความประพฤติ วัฒนธรรมของกลุมและสมาชิกแตล ะคนภายในกลมุ หรอื อาจพิจารณาวา ใครเปน แกนนาํ ในกลุม หรือมีอิทธิพลตอ การกระทําใด ๆ ของกลุม หรอื เปน ผทู ค่ี นในกลุม สว นใหญช ื่นชมและยอมรับนับถือหรอื เปนสัญลักษณของ กลุม กจ็ ะเปน ผนู ําของกลุมน้ันในแตล ะสถานการณ 1

ธรรมชาติของมนุษยแ มจะมคี วามตองการพื้นฐาน คือ ปจจยั ส่ีในการ ดํารงชีวิตอันไดแก อาหาร เส้อื ผา เครอ่ื งนงุ หม และทีอ่ ยอู าศยั แลวยงั ตอ งการความ ปลอดภยั ความม่นั คง ความรัก ความเปนเจาของ ความยกยอง ความชน่ื ชม และ ความสําเร็จในชีวิตดวย แตดวยความแตกตา งระหวา งบุคคลและความตองการ ความ สนใจท่แี ตกตางกันทาํ ใหมนษุ ยไ มสามารถอยูไดด วยตนเองโดยลาํ พัง ตอ งมีการรวมกลมุ และตองมีการพ่ึงพาอาศยั ตดิ ตอ สือ่ สารกัน และเพื่อการตอบสนองความตอ งการของแต ละบคุ คลและกลมุ ใหส อดคลอ งกนั จงึ ตองมี “ผูนํา” ข้นึ เพือ่ เปน ผูท่นี ําแนวความคิด ความตองการ ความสนใจของแตละบคุ คลมา ปรบั ใหเปนแนวทางหรือทิศทางเดยี วกัน ตามเปาหมายของสมาชิกในกลุม หรือองคกรที่ วางไว 1

4. พืน้ ฐานของการเปนผนู ํา 1. ฉลาดเรื่องคน จดั เปนหนง่ึ ในปจจัยสาํ คญั ๆ ทช่ี วี้ ดั ให เห็นตั้งแตตนวา ทานจะกา วไปบนเสน ทางผนู ําไดไกลแคไหน คนจะ กาวขน้ึ มาเปนผนู าํ นั้น ตองมที ักษะเรื่องผคู น ประกอบดวย 3 สว น ที่เปน ทักษะหลัก ไดแ ก 1.1 รจู ักตนเอง รูจักตัวของคณุ เอง และรวู า ตวั คุณน้ัน สงผลตอ ผอู น่ื อยางไร ตองเขา ใจบคุ ลิกภาพ และรูปแบบของคนท่ี ทํางานดวย 1.2 มอี ทิ ธิพลเหนอื ผอู ืน่ คอื การแพรขยายความคดิ และ กระบวนการนาํ เสนอ พูดแลว คนตองหันมาฟง 1.3 การบรหิ ารนาย / ผใู หญ ดวยการโนมนาวใจเจานาย หาวธิ จี ูงใจใหคนอ่นื ๆ เห็นดว ยกับ1ความคดิ และวธิ ีของคณุ

2. การมองโลกในแงด ี คอื การมองเหน็ โอกาสไมใ ชปญ หา การเรยี นรทู ี่ จะมองหาความโชคดเี สมอ การออกจากสภาพการคดิ คาํ นึง คิด วิเคราะหไ ปสกู ารลงมือกระทํา รวมถงึ การทาํ ใหชีวิตดขี น้ึ ในสวนของผู ท่ีจะกาวขนึ้ เปน ผนู าํ ควรมี 5 ประการ คือ 2.1 ความสามารถในการปรบั ตวั 2.2 ความมัน่ ใจ 2.3 ความคดิ รเิ รม่ิ 2.4 ความเช่อื ถือได 2.5 ความทะเยอทะยาน 1

3. การเปน มืออาชพี ความเปนมืออาชีพเปน ศูนยก ลางความสําเรจ็ ของการเปนผนู าํ ซึง่ มี ความหมายแตกตา งกนั สําหรับผูน าํ ในแตล ะระดับ ผนู ําระดบั สูง วัดความเปน มืออาชพี วา เก่ียวขอ งกบั คา นิยมท่ีเขาแสดงออก ผนู ําบางคนสอบไมผานเรือ่ งน้ี เพราะมัวเมาในอภสิ ทิ ธอ์ิ ทิ ธพิ ล บทบาท ตาํ แหนง แหง ทที่ มี่ ที รพั ยสินบริวารในระดับกลาง การเปนมอื อาชพี คือ การใชท ักษะสําคัญดวยความเช่ียวชาญ ตอ งมที กั ษะ อา น เขียน พดู และฟง สามารถสือ่ สารกับผคู นระดับตาง ๆ ไดดีดวยองคป ระกอบ 4 ขอ สาํ หรบั ความเปนมอื อาชีพของผูนาํ ไดแ ก 1. เรียนรูก ารเปนผูน าํ 2. เรยี นรูกตกิ าของเกม ทําความเขา ใจในการเปน มืออาชพี ในองคก ร รูจงั หวะกา ว จงั หวะกฎ และเกบ็ 3. รูค วามเปน สากลของมืออาชีพ และ 4. เรยี นรจู รรยามารยาทในโลกของการแขง ขนั และมติ ิธุรกจิ (นอกภาคงานทีต่ นรับผดิ ชอบ) 1

5. ประเภทของผนู ํา แบง เปน 3 ประเภท คือ 1. ผูนาํ แบบอตั ตาธปิ ไตย (Autocratic Leader) ลักษณะเผดจ็ การชอบ สง่ั การใชอํานาจกดข่ี / ยึดถือตวั เองเปน ศูนยก ลาง /การบงั คบั บญั ชาสั่งการจาก ขางบนลงลาง/ผชู ว ย คอื ผูใตบังคับบญั ชา 2. ผูนาํ แบบเสร(ี Laissez-faire leader) ไมยึดกฏเกณฑต ายตัว ปรบั เปลย่ี นไดตามผูรวมงานเสนอ /ปลอ ยผูบังคบั บัญชาปฏิบตั ิหนาท่ีไปเรอื่ ยๆ / ไมม คี วามคดิ สรางสรรคง านใหม / ไมม ีการประเมินผลงาน 3. ผูนาํ แบบประชาธิปไตย(Democratic leader) ยดึ ถือความคดิ กลุม เหนอื ความคิดตนเอง /แบง งาน/มอบหมายงานเปน ระบบ/ใหคาํ แนะนาํ ในการ งาน/สรา งสัมพันธภาพทด่ี ีกับผรู วมงาน โดยใชก ฎเกณฑสรางสรรคงาน 1

6. รูปแบบ ผนู ํา มี 4 แบบ คอื 1. ผนู าํ แบบเสรนี ิยม (Laissez-faire leader) ผูนาํ จะปลอยใหผรู ว มงาน ตดั สนิ ใจดําเนินการไดเอง ไมต อ งรอการตดั สินใจจากผบู งั คบั บญั ชา 2. ผนู าํ แบบเกื้อกูล หรือ แบบใชพ ระคณุ (Charismatic Leadership) มี พฤตกิ รรมออนโยน เหน็ ใจผูใตบงั คับบัญชา ใชหลกั ธรรม หลกั มนุษยสัมพนั ธ 3. ผนู ําแบบใชพ ระเดชหรอื เผดจ็ การ (Autocratic Leader)เชอื่ มนั่ ตนเอง ชอบส่ังการ ตดั สินใจตามอารมณ ผูกขาดการตดั สินใจท่ตี ัวคนเดยี ว 4. ผูนาํ แบบประชาธิปไตย (Democratic leader) ถือเอาความคดิ ของกลุม เปน หลกั ใหท กุ คนมีสวนรวมในการแกปญ หา ปจจบุ ันถอื วาเปนแบบผนู ําทด่ี ี ทส่ี ุด 1

7. คณุ สมบตั ขิ องผนู าํ ผูนําทไี่ ดรบั การยอมรบั จากกลมุ จะสามารถทาํ หนาที่ผูนาํ ได ดีเพียงใดนน้ั ขน้ึ อยูกบั คณุ สมบัตขิ องผูน ําวา เหมาะสมกับกรณี เพยี งใด แตโดยท่วั ไปแลว เมอ่ื กลา วถึงผนู าํ คนทั่วไปจะคิดถึงวา ตองมคี ณุ สมบัติท่ีเหมาะสม กับการเปนผนู ําท่ดี ี ซึ่งมีผรู ไู ดกลา ว ไวหลายทาน ศิรพิ งษ ศรีชัยรมยร ตั น ไดก ลาวถึงคณุ สมบตั ขิ อง ผูนาํ วา ควรมี คณุ ลกั ษณะใน 9 ดา นคอื 1

7. คุณสมบตั ขิ องผูน ํา 1.ความรู (Knowledge) การเปนผนู าํ น้ัน ความรูเ ปน สง่ิ จําเปน ที่สุด ความรใู นท่ีนี้ มไิ ดห มายถึงเฉพาะความรูเกี่ยวกบั งานในหนา ทีเ่ ทานั้น หากแต รวมถึงการใฝหาความรเู พิม่ เตมิ ในดานอืน่ ๆ ดวย การจะเปน ผูนําทด่ี ี หัวหนา งานจงึ ตอ งเปน ผูรอบรู ยง่ิ รอบรมู ากเพียงใด ฐานะแหงความเปนผนู ําก็จะย่งิ มัน่ คงมากข้นึ เพียงนน้ั 1

7. คุณสมบตั ขิ องผนู าํ 2.ความริเริ่ม (Initiative) ความริเรม่ิ คือ ความสามารถท่ีจะปฏบิ ตั สิ งิ่ หนึ่งสิ่งใดใน ขอบเขตอาํ นาจหนา ทไ่ี ดดวยตนเอง โดยไมต องคอยคําสง่ั หรือ ความสามารถแสดงความคดิ เห็นที่จะแกไ ขสิ่งหน่ึงสิ่งใดใหด ีขึน้ หรอื เจริญข้นึ ไดด วยตนเองความริเริม่ จะเจริญงอกงามได หวั หนา งานจะตอ งมคี วามกระตอื รอื รน คือมใี จจดจอ งานดี มีความเอาใจใสต อ หนา ที่ มีพลงั ใจทตี่ อ งการความสําเรจ็ อยู เบื้องหนา 1

7. คณุ สมบตั ิของผูนาํ 3.มคี วามกลาหาญและความเดด็ ขาด (Courage and firmness) ผูนําท่ีดีจะตองไมก ลัวตอ อันตราย ความยากลําบาก หรือ ความเจบ็ ปวดใดๆ ทง้ั ทางกาย วาจา และใจผูน าํ ทีม่ คี วามกลาหาญ จะชวยใหสามารถผจญตองานตา งๆ ใหส าํ เร็จลุลว งไปไดนอกจาก ความกลา หาญแลว ความเดด็ ขาดก็เปน ลกั ษณะอันหน่งึ ที่จะตองทํา ใหเกิดมีข้นึ ในตวั ของผนู าํ เองตอ งอยูในลักษณะของการ “กลา ไดก ลา เสีย” ดว ย 1

7. คุณสมบตั ขิ องผูนาํ 4. การมมี นุษยสัมพันธ (Human relations) ผนู ําท่ีดีจะตองรูจกั ประสานความคิด ประสาน ประโยชนส ามารถทาํ งานรวมกบั คนทกุ เพศ ทุกวัย ทุกระดับ การศกึ ษาได ผนู ําทม่ี ีมนษุ ยสัมพนั ธด ีจะชวยใหปญ หาใหญเปน ปญหาเล็กได 1

7. คณุ สมบตั ขิ องผูนํา 5.มีความยตุ ธิ รรมและซ่อื สตั ยสจุ รติ ( Fairness and Honesty) ผนู าํ ทีด่ จี ะตอ งอาศัยหลักของความถกู ตอ ง หลักแหง เหตุผลและความซอ่ื สัตยส จุ รติ ตอตนเองและผูอืน่ เปน เครอ่ื งมือในการวินจิ ฉัยส่งั การ หรอื ปฏบิ ัตงิ านดวยจติ ที่ ปราศจากอคติ ปราศจากความลําเอียง ไมเ ลนพรรคเลน พวก 1

7. คุณสมบตั ขิ องผนู ํา 6. มคี วามอดทน (Patience) ความอดทน จะเปน พลงั อันหน่ึงที่จะผลักดันงานใหไ ปสู จุดหมายปลายทางได อยางแทจรงิ 1

7. คุณสมบตั ิของผนู ํา 7. มีความตนื่ ตัวแตไ มตน่ื ตูม ( Alertness ) ความตนื่ ตวั หมายถงึ ความระมดั ระวัง ความสุขุมรอบคอบ ความไมประมาท ไมย ืดยาดขาดความกระฉบั กระเฉง มีความ ฉบั ไวในการปฏิบตั งิ านทันตอ เหตุการณความตนื่ ตวั เปนลกั ษณะ ทแี่ สดงออกทางกาย แตการไมต น่ื ตมู เปนพลังทางจิตทจ่ี ะหยดุ คดิ ไตรตรองตอเหตกุ ารณตางๆ ทเ่ี กิดขึน้ รจู ักใชด ุลยพนิ ิจที่จะ พิจารณา สิง่ ตางๆ หรอื เหตตุ า งๆไดอยา งถูกตอ งพดู งา ยๆ ผนู ํา ที่ดจี ะตองรูจักควบคุมตัวเองน่ันเอง (Self control) 1

7. คุณสมบตั ขิ องผนู ํา 8. มีความภกั ดี (Loyalty) การเปนผนู ําหรือหวั หนา ทด่ี นี ั้น จาํ เปนตองมคี วาม จงรกั ภกั ดตี อหมคู ณะ ตอ สวนรวมและตอองคก าร ความภักดนี ้ี จะชวยใหหวั หนา ไดรบั ความไวว างใจ และปกปอ งภัยอันตราย ในทุกทศิ ไดเปนอยางดี 1

7. คุณสมบตั ขิ องผูนํา 9. มีความสงบเสง่ยี มไมถอื ตวั (Modesty) ผนู ําทดี่ ีจะตอ งๆไมห ย่งิ ยโส ไมจ องหอง ไมวางอาํ นาจ และไม ภูมใิ จในสิง่ ทไี่ รเหตผุ ลความสงบเสงีย่ มนี้ ถา มีอยใู นหวั หนางาน คนใดแลว ก็จะทําใหล กู นอ งมีความนับถือ และใหค วามรวมมอื เสมอ 1

คณุ สมบตั ิของผูนําตามอักษรแตละตัวในคาํ วา LEADERSHIP มคี วามหมายบง ชีถ้ งึ ลักษณะตางๆ ของผูนาํ ทด่ี ี ดังน้ี 1. L คอื Listen เปนผูฟง ทด่ี ี.. 2. E คือ Explain สามารถอธิบายสิ่งตางๆ ใหเ ขา ใจได.. 3. A คอื Assist ชว ยเหลอื เม่อื ควรชวย… 4. D คือ Discuss รจู ักแลกเปล่ียนความคดิ เห็น.. 5. E คอื Evaluation ประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน.. 1

คณุ สมบัติของผูนําตามอักษรแตละตัวในคาํ วา LEADERSHIP มคี วามหมายบงช้ีถงึ ลักษณะตางๆ ของผูน าํ ท่ดี ี ดงั นี้ 6. R คอื Response แจง ขอ มลู ตอบกลบั … 7. S คือ Salute ทักทายปราศรยั ... 8. H คือ Health มีสุขภาพดีทง้ั กายและใจ.. 9. I คอื Inspire รูจักกระตนุ และใหก าํ ลังใจลูกนอง.. 10. P คอื Patient มีความอดทนเปนเลิศน่ันเอง.. 1

บทบาทของผูนาํ ดังนี้ บทบาทผนู ําทด่ี ตี ามแนวคิดทฤษฎตี อ ง ประกอบดว ย บทบาท พื้นฐานสําคญั 4 ประการ คอื (1) การกาํ หนดทิศทาง เปนการกาํ หนดทิศทางขององคกรให เปนไปตามวิสยั ทศั นท ี่ไดว างไว (2) การจดั การระบบการทาํ งาน (3) การมอบอาํ นาจ เปนการมอบหมายอาํ นาจ ความรบั ผดิ ชอบ ใหแกบคุ คลท่ี เหมาะสม เพือ่ ใหการทาํ งานเปนไปอยางมี ประสิทธิภาพ (4) แบบอยา งการเปน ผูนํา 1

บทบาทของผูนาํ ดังนี้ นพพงษ บุญรจติ รดลุ ย กลาวถงึ บทบาทของผนู าํ ไว 3 ประการ 1. ผูรักษาหรือประสาน ใหส มาชกิ กลมุ อยรู วมกัน หมายถงึ จะตองอยใู กลช ิดกบั กลมุ มีความสมั พันธคน ในกลุม และเปนทย่ี อมรบั ของคนในกลมุ ทาํ ใหม คี วาม สามัคคกี ลมเกลยี วกนั 1

บทบาทของผูน ํา ดงั นี้ 2. ผปู ฏิบัติภารกิจของกลมุ ใหบ รรลวุ ัตถุประสงค หมายถงึ เขาจะตองรบั ผิดชอบในกระบวนการวิธีการ ทํางานดวยความมั่นคงและเขาใจได และเขาจะตอง ทํางานใหบ รรลเุ ปาหมาย 1

บทบาทของผูนาํ ดังน้ี 3. ผอู ํานวยใหเกิดการตดิ ตอสมั พันธในกลมุ (Group interaction facilitation) หมายถงึ เขา จะตอ งปฏิบตั ิงานในทางทอ่ี าํ นวยความสะดวกใหเ กดิ การตดิ ตอสมั พนั ธแ ละปฏบิ ัตกิ นั ดวยดีของสมาชกิ ใน กลุม การตดิ ตอ ส่ือสารทด่ี เี ปน ส่ิงสาํ คญั และเปนการ ชวยใหห นา ที่นบ้ี รรลเุ ปา หมาย 1

แบบฝึ กหัด จงตอบคาํ ถามตอ่ ไปนีใ้ หส้ มบรู ณแ์ ละถกู ตอ้ ง 1. จงอธิบายความหมายของผูนาํ 2. ทําไมตองมีผูนํา 3. ผูนาํ เกิดมาจากอะไร 4. พน้ื ฐานของการเปน ผนู าํ มีอะไรบาง 5. ผนู าํ แบง ออกเปนกป่ี ระเภทมอี ะไรบาง 6. รปู แบบของผนู ําแบง ออกเปนกร่ี ูปแบบมอี ะไรบา ง 7. ผูที่จะเปน ผนู ําควรมคี ณุ สมบัติอะไรบา ง 8. LEADERSHIP มคี วามหมายบงชี้ถงึ ลักษณะตางๆ ของผนู าํ ท่ดี ี มีอะไรบา ง 1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook