1
ผนู ํา 1. ความหมายของผูน ํา ผนู ํา (Leader) คอื บคุ คลท่สี ามารถชกั จูงหรอื ช้นี ําบคุ คลอนื่ ใหป ฎบิ ตั งิ าน สาํ เร็จตาม วัตถุประสงคท ว่ี างไวไ ดอยา งมีประสทิ ธิผลและประสทิ ธิภาพ มีความสามารถท่ีจะทําใหอ งคก ารดาํ เนินไป อยา งกาวหนา และบรรลุเปาหมาย โดยการใชอ ทิ ธิพลเหนือทศั นคตแิ ละการกระทาํ ของผอู ื่น สมพงษ เกษมสิน (2519) ใหความหมาย ผนู าํ หมายถงึ การทผี่ นู าํ ใชอ ิทธพิ ลและอํานาจหนา ที่ ในความสมั พนั ธซึ่งมอี ยูตอ ผูใตบังคับบญั ชาในสถานการณต างๆเพือ่ ปฏบิ ตั ิและอํานวยการ ฟารดิ า อบิ ราฮิม (2537) ใหความหมาย ผนู าํ หมายถึง เปน การใชอาํ นาจกบั ผูอ ่ืนใหเ กิดการ ปฏบิ ัตเิ พื่อความริเร่ิมของกลมุ เกิดผลงานตามเปาหมาย คุณวุฒิ คนฉลาด (2540 หนา 11) ไดแ สดงความสําคัญของคาํ วา ผบู ริหาร และผูน ําของ องคก ารวา การท่ีองคการหรือหนว ยงานจะอยูรอดหรือนน้ั ขน้ึ อยกู บั บุคคล 2 ประเภท คอื ผทู ่ที าํ หนา ที่เปน หัวหนา ซึ่งเรียกวา ผูบริหาร ทาํ หนาทบ่ี รหิ ารองคก าร อกี ประเภทหนง่ึ คอื ผูน ํา ความแตกตางของ ผูบริหารกับผูนํา คอื ผบู ริหารเปน ผูม ีตําแหนงและมีอํานาจตามกฎหมาย สว นผนู ํา คือ ผทู มี่ พี ลังอํานาจ สามารถโนมนา วจิตใจคนอน่ื ใหทาํ ตามโดยอาศยั คุณความดี
ผนู าํ ความหมายของผนู ํา “ผนู าํ ” (Leader) คือบคุ คลท่ีมอี ทิ ธิพลเหนือบคุ คลอนื่ ในกลมุ เปน อิทธพิ ลในทางบวก คือ บุคคลในกลมุ ยอมรบั และยอมปฏบิ ตั ติ ามความคิดเห็นหรอื คาํ สงั่ ดว ยความเต็มใจ ผนู าํ และผูบรหิ ารไม จาํ เปนตอ งเปน บคุ คลคนเดยี วกนั ผบู ริหารมอี าํ นาจหนาทีโ่ ดยตําแหนง แตอ าจไมใ ชผูนําที่แทจ ริงของกลุม เพราะขาดความเปนผนู ํา บคุ คลอน่ื ในกลมุ อาจเปน ท่ียอมรบั นบั ถอื ของสมาชิกในกลุมและมอี ทิ ธิพลตอ พฤติกรรมของบคุ คลในกลมุ มากกวา เพราะมีความเปน ผูนําอยใู นตัว ดังนนั้ ในกลมุ คนกลุมหน่ึงอาจมีผนู าํ หลายคนนอกเหนือจากผนู ําโดยตําแหนง ( พงษพนั ธ, 2542 : 89) “ผูนาํ ” คอื บคุ คลที่มีความสามารถและศิลปะในการทจี่ ะชกั จูงใจหรอื มีอทิ ธพิ ลตอ บคุ คลอืน่ หรอื กลุม ใหม ีกิจกรรมหรอื ประกอบกิจกรรมหรอื ใหความรวมมือในการประกอบกิจกรรมในสถานการณตางๆ ไดบ รรลเุ ปาหมายที่กําหนดไว ดงั นัน้ ผนู ําจงึ ตองมีความเกยี่ วของท้งั เรอ่ื งของ “งาน” และความสัมพนั ธกบั “บคุ คล” ดว ย (เอมอร, 2538: 5) สรปุ ไดวา ผูนํา (Leader) คอื บคุ คลท่ีสามารถชักจูงหรือชี้นําบคุ คลอนื่ ใหป ฏบิ ตั งิ าน สาํ เร็จ ตามวัตถุประสงคท ว่ี างไวไ ดอยางมปี ระสิทธิผลและประสทิ ธิภาพ 1
2. วตั ถุประสงค์ของการมีผู้นํา จากความหมายของคําวา “ผูนํา” ตามคณุ ลักษณะของผูนาํ หรอื ภาวะผนู าํ ตามทก่ี ลา วขางตน สามารถกาํ หนดวตั ถปุ ระสงคข องการมีผูน าํ ไดดังน้ี 1. เพ่อื เปน ศนู ยกลางหรือจดุ รวมของกลุมหรอื กจิ กรรมภายในกลมุ และเปน ตวั กลางประสานงานระหวา งกลุมหรือองคก รอนื่ ทั้งนี้ผูนาํ ตองเปนผูท มี่ ีบุคลกิ ภาพ 1.1 ทีเ่ หมาะสมกวาบุคคลอื่น ๆ ภายในกลุม สามารถดึงดูดความสนใจของ กลุมและนาํ ความสนใจนน้ั มาใชใ หเ ปน ประโยชนตอกลมุ ตลอดจนเปน ศนู ยก ลางบรกิ ารและ 1.2 ใหความชวยเหลือแกส มาชกิ เพอ่ื ใหสมาชิกสามารถปฏบิ ตั ิงานอยา งมี ประสิทธภิ าพท่สี ุด นอกจากน้ยี ังสามารถเช่ือมโยง แลกเปลย่ี นความ รว มมอื ความชว ยเหลอื กบั กลุมอน่ื ไดอีกดวย 1
3. แหลง ทีม่ าของการเปนผูนํา มคี วามเช่ือวา บคุ คลทกุ คนสามารถเปน ผูนาํ ไดหากเขาอยากจะเปน รวมทง้ั สถานการณเ วลาและสถานทสี่ ามารถสรา งใหค นเปน ผนู ําได โดย ปกตแิ ลว แหลง ทม่ี าของการมผี ูน ํามีไดหลายทางดว ยกัน เชน พจิ ารณาจาก โครงสรา งความสัมพนั ธข องบคุ คลภายในกลุม ระเบยี บ ความประพฤติ วัฒนธรรมของกลุมและสมาชิกแตล ะคนภายในกลมุ หรอื อาจพิจารณาวา ใครเปน แกนนาํ ในกลุม หรือมีอิทธิพลตอ การกระทําใด ๆ ของกลุม หรอื เปน ผทู ค่ี นในกลุม สว นใหญช ื่นชมและยอมรับนับถือหรอื เปนสัญลักษณของ กลุม กจ็ ะเปน ผนู ําของกลุมน้ันในแตล ะสถานการณ 1
ธรรมชาติของมนุษยแ มจะมคี วามตองการพื้นฐาน คือ ปจจยั ส่ีในการ ดํารงชีวิตอันไดแก อาหาร เส้อื ผา เครอ่ื งนงุ หม และทีอ่ ยอู าศยั แลวยงั ตอ งการความ ปลอดภยั ความม่นั คง ความรัก ความเปนเจาของ ความยกยอง ความชน่ื ชม และ ความสําเร็จในชีวิตดวย แตดวยความแตกตา งระหวา งบุคคลและความตองการ ความ สนใจท่แี ตกตางกันทาํ ใหมนษุ ยไ มสามารถอยูไดด วยตนเองโดยลาํ พัง ตอ งมีการรวมกลมุ และตองมีการพ่ึงพาอาศยั ตดิ ตอ สือ่ สารกัน และเพื่อการตอบสนองความตอ งการของแต ละบคุ คลและกลมุ ใหส อดคลอ งกนั จงึ ตองมี “ผูนํา” ข้นึ เพือ่ เปน ผูท่นี ําแนวความคิด ความตองการ ความสนใจของแตละบคุ คลมา ปรบั ใหเปนแนวทางหรือทิศทางเดยี วกัน ตามเปาหมายของสมาชิกในกลุม หรือองคกรที่ วางไว 1
4. พืน้ ฐานของการเปนผนู ํา 1. ฉลาดเรื่องคน จดั เปนหนง่ึ ในปจจัยสาํ คญั ๆ ทช่ี วี้ ดั ให เห็นตั้งแตตนวา ทานจะกา วไปบนเสน ทางผนู ําไดไกลแคไหน คนจะ กาวขน้ึ มาเปนผนู าํ นั้น ตองมที ักษะเรื่องผคู น ประกอบดวย 3 สว น ที่เปน ทักษะหลัก ไดแ ก 1.1 รจู ักตนเอง รูจักตัวของคณุ เอง และรวู า ตวั คุณน้ัน สงผลตอ ผอู น่ื อยางไร ตองเขา ใจบคุ ลิกภาพ และรูปแบบของคนท่ี ทํางานดวย 1.2 มอี ทิ ธิพลเหนอื ผอู ืน่ คอื การแพรขยายความคดิ และ กระบวนการนาํ เสนอ พูดแลว คนตองหันมาฟง 1.3 การบรหิ ารนาย / ผใู หญ ดวยการโนมนาวใจเจานาย หาวธิ จี ูงใจใหคนอ่นื ๆ เห็นดว ยกับ1ความคดิ และวธิ ีของคณุ
2. การมองโลกในแงด ี คอื การมองเหน็ โอกาสไมใ ชปญ หา การเรยี นรทู ี่ จะมองหาความโชคดเี สมอ การออกจากสภาพการคดิ คาํ นึง คิด วิเคราะหไ ปสกู ารลงมือกระทํา รวมถงึ การทาํ ใหชีวิตดขี น้ึ ในสวนของผู ท่ีจะกาวขนึ้ เปน ผนู าํ ควรมี 5 ประการ คือ 2.1 ความสามารถในการปรบั ตวั 2.2 ความมัน่ ใจ 2.3 ความคดิ รเิ รม่ิ 2.4 ความเช่อื ถือได 2.5 ความทะเยอทะยาน 1
3. การเปน มืออาชพี ความเปนมืออาชีพเปน ศูนยก ลางความสําเรจ็ ของการเปนผนู าํ ซึง่ มี ความหมายแตกตา งกนั สําหรับผูน าํ ในแตล ะระดับ ผนู ําระดบั สูง วัดความเปน มืออาชพี วา เก่ียวขอ งกบั คา นิยมท่ีเขาแสดงออก ผนู ําบางคนสอบไมผานเรือ่ งน้ี เพราะมัวเมาในอภสิ ทิ ธอ์ิ ทิ ธพิ ล บทบาท ตาํ แหนง แหง ทที่ มี่ ที รพั ยสินบริวารในระดับกลาง การเปนมอื อาชพี คือ การใชท ักษะสําคัญดวยความเช่ียวชาญ ตอ งมที กั ษะ อา น เขียน พดู และฟง สามารถสือ่ สารกับผคู นระดับตาง ๆ ไดดีดวยองคป ระกอบ 4 ขอ สาํ หรบั ความเปนมอื อาชีพของผูนาํ ไดแ ก 1. เรียนรูก ารเปนผูน าํ 2. เรยี นรูกตกิ าของเกม ทําความเขา ใจในการเปน มืออาชพี ในองคก ร รูจงั หวะกา ว จงั หวะกฎ และเกบ็ 3. รูค วามเปน สากลของมืออาชีพ และ 4. เรยี นรจู รรยามารยาทในโลกของการแขง ขนั และมติ ิธุรกจิ (นอกภาคงานทีต่ นรับผดิ ชอบ) 1
5. ประเภทของผนู ํา แบง เปน 3 ประเภท คือ 1. ผูนาํ แบบอตั ตาธปิ ไตย (Autocratic Leader) ลักษณะเผดจ็ การชอบ สง่ั การใชอํานาจกดข่ี / ยึดถือตวั เองเปน ศูนยก ลาง /การบงั คบั บญั ชาสั่งการจาก ขางบนลงลาง/ผชู ว ย คอื ผูใตบังคับบญั ชา 2. ผูนาํ แบบเสร(ี Laissez-faire leader) ไมยึดกฏเกณฑต ายตัว ปรบั เปลย่ี นไดตามผูรวมงานเสนอ /ปลอ ยผูบังคบั บัญชาปฏิบตั ิหนาท่ีไปเรอื่ ยๆ / ไมม คี วามคดิ สรางสรรคง านใหม / ไมม ีการประเมินผลงาน 3. ผูนาํ แบบประชาธิปไตย(Democratic leader) ยดึ ถือความคดิ กลุม เหนอื ความคิดตนเอง /แบง งาน/มอบหมายงานเปน ระบบ/ใหคาํ แนะนาํ ในการ งาน/สรา งสัมพันธภาพทด่ี ีกับผรู วมงาน โดยใชก ฎเกณฑสรางสรรคงาน 1
6. รูปแบบ ผนู ํา มี 4 แบบ คอื 1. ผนู าํ แบบเสรนี ิยม (Laissez-faire leader) ผูนาํ จะปลอยใหผรู ว มงาน ตดั สนิ ใจดําเนินการไดเอง ไมต อ งรอการตดั สินใจจากผบู งั คบั บญั ชา 2. ผนู าํ แบบเกื้อกูล หรือ แบบใชพ ระคณุ (Charismatic Leadership) มี พฤตกิ รรมออนโยน เหน็ ใจผูใตบงั คับบัญชา ใชหลกั ธรรม หลกั มนุษยสัมพนั ธ 3. ผนู ําแบบใชพ ระเดชหรอื เผดจ็ การ (Autocratic Leader)เชอื่ มนั่ ตนเอง ชอบส่ังการ ตดั สินใจตามอารมณ ผูกขาดการตดั สินใจท่ตี ัวคนเดยี ว 4. ผูนาํ แบบประชาธิปไตย (Democratic leader) ถือเอาความคดิ ของกลุม เปน หลกั ใหท กุ คนมีสวนรวมในการแกปญ หา ปจจบุ ันถอื วาเปนแบบผนู ําทด่ี ี ทส่ี ุด 1
7. คณุ สมบตั ขิ องผนู าํ ผูนําทไี่ ดรบั การยอมรบั จากกลมุ จะสามารถทาํ หนาที่ผูนาํ ได ดีเพียงใดนน้ั ขน้ึ อยูกบั คณุ สมบัตขิ องผูน ําวา เหมาะสมกับกรณี เพยี งใด แตโดยท่วั ไปแลว เมอ่ื กลา วถึงผนู าํ คนทั่วไปจะคิดถึงวา ตองมคี ณุ สมบัติท่ีเหมาะสม กับการเปนผนู ําท่ดี ี ซึ่งมีผรู ไู ดกลา ว ไวหลายทาน ศิรพิ งษ ศรีชัยรมยร ตั น ไดก ลาวถึงคณุ สมบตั ขิ อง ผูนาํ วา ควรมี คณุ ลกั ษณะใน 9 ดา นคอื 1
7. คุณสมบตั ขิ องผูน ํา 1.ความรู (Knowledge) การเปนผนู าํ น้ัน ความรูเ ปน สง่ิ จําเปน ที่สุด ความรใู นท่ีนี้ มไิ ดห มายถึงเฉพาะความรูเกี่ยวกบั งานในหนา ทีเ่ ทานั้น หากแต รวมถึงการใฝหาความรเู พิม่ เตมิ ในดานอืน่ ๆ ดวย การจะเปน ผูนําทด่ี ี หัวหนา งานจงึ ตอ งเปน ผูรอบรู ยง่ิ รอบรมู ากเพียงใด ฐานะแหงความเปนผนู ําก็จะย่งิ มัน่ คงมากข้นึ เพียงนน้ั 1
7. คุณสมบตั ขิ องผนู าํ 2.ความริเริ่ม (Initiative) ความริเรม่ิ คือ ความสามารถท่ีจะปฏบิ ตั สิ งิ่ หนึ่งสิ่งใดใน ขอบเขตอาํ นาจหนา ทไ่ี ดดวยตนเอง โดยไมต องคอยคําสง่ั หรือ ความสามารถแสดงความคดิ เห็นที่จะแกไ ขสิ่งหน่ึงสิ่งใดใหด ีขึน้ หรอื เจริญข้นึ ไดด วยตนเองความริเริม่ จะเจริญงอกงามได หวั หนา งานจะตอ งมคี วามกระตอื รอื รน คือมใี จจดจอ งานดี มีความเอาใจใสต อ หนา ที่ มีพลงั ใจทตี่ อ งการความสําเรจ็ อยู เบื้องหนา 1
7. คณุ สมบตั ิของผูนาํ 3.มคี วามกลาหาญและความเดด็ ขาด (Courage and firmness) ผูนําท่ีดีจะตองไมก ลัวตอ อันตราย ความยากลําบาก หรือ ความเจบ็ ปวดใดๆ ทง้ั ทางกาย วาจา และใจผูน าํ ทีม่ คี วามกลาหาญ จะชวยใหสามารถผจญตองานตา งๆ ใหส าํ เร็จลุลว งไปไดนอกจาก ความกลา หาญแลว ความเดด็ ขาดก็เปน ลกั ษณะอันหน่งึ ที่จะตองทํา ใหเกิดมีข้นึ ในตวั ของผนู าํ เองตอ งอยูในลักษณะของการ “กลา ไดก ลา เสีย” ดว ย 1
7. คุณสมบตั ขิ องผูนาํ 4. การมมี นุษยสัมพันธ (Human relations) ผนู ําท่ีดีจะตองรูจกั ประสานความคิด ประสาน ประโยชนส ามารถทาํ งานรวมกบั คนทกุ เพศ ทุกวัย ทุกระดับ การศกึ ษาได ผนู ําทม่ี ีมนษุ ยสัมพนั ธด ีจะชวยใหปญ หาใหญเปน ปญหาเล็กได 1
7. คณุ สมบตั ขิ องผูนํา 5.มีความยตุ ธิ รรมและซ่อื สตั ยสจุ รติ ( Fairness and Honesty) ผนู าํ ทีด่ จี ะตอ งอาศัยหลักของความถกู ตอ ง หลักแหง เหตุผลและความซอ่ื สัตยส จุ รติ ตอตนเองและผูอืน่ เปน เครอ่ื งมือในการวินจิ ฉัยส่งั การ หรอื ปฏบิ ัตงิ านดวยจติ ที่ ปราศจากอคติ ปราศจากความลําเอียง ไมเ ลนพรรคเลน พวก 1
7. คุณสมบตั ขิ องผนู ํา 6. มคี วามอดทน (Patience) ความอดทน จะเปน พลงั อันหน่ึงที่จะผลักดันงานใหไ ปสู จุดหมายปลายทางได อยางแทจรงิ 1
7. คุณสมบตั ิของผนู ํา 7. มีความตนื่ ตัวแตไ มตน่ื ตูม ( Alertness ) ความตนื่ ตวั หมายถงึ ความระมดั ระวัง ความสุขุมรอบคอบ ความไมประมาท ไมย ืดยาดขาดความกระฉบั กระเฉง มีความ ฉบั ไวในการปฏิบตั งิ านทันตอ เหตุการณความตนื่ ตวั เปนลกั ษณะ ทแี่ สดงออกทางกาย แตการไมต น่ื ตมู เปนพลังทางจิตทจ่ี ะหยดุ คดิ ไตรตรองตอเหตกุ ารณตางๆ ทเ่ี กิดขึน้ รจู ักใชด ุลยพนิ ิจที่จะ พิจารณา สิง่ ตางๆ หรอื เหตตุ า งๆไดอยา งถูกตอ งพดู งา ยๆ ผนู ํา ที่ดจี ะตองรูจักควบคุมตัวเองน่ันเอง (Self control) 1
7. คุณสมบตั ขิ องผนู ํา 8. มีความภกั ดี (Loyalty) การเปนผนู ําหรือหวั หนา ทด่ี นี ั้น จาํ เปนตองมคี วาม จงรกั ภกั ดตี อหมคู ณะ ตอ สวนรวมและตอองคก าร ความภักดนี ้ี จะชวยใหหวั หนา ไดรบั ความไวว างใจ และปกปอ งภัยอันตราย ในทุกทศิ ไดเปนอยางดี 1
7. คุณสมบตั ขิ องผูนํา 9. มีความสงบเสง่ยี มไมถอื ตวั (Modesty) ผนู ําทดี่ ีจะตอ งๆไมห ย่งิ ยโส ไมจ องหอง ไมวางอาํ นาจ และไม ภูมใิ จในสิง่ ทไี่ รเหตผุ ลความสงบเสงีย่ มนี้ ถา มีอยใู นหวั หนางาน คนใดแลว ก็จะทําใหล กู นอ งมีความนับถือ และใหค วามรวมมอื เสมอ 1
คณุ สมบตั ิของผูนําตามอักษรแตละตัวในคาํ วา LEADERSHIP มคี วามหมายบง ชีถ้ งึ ลักษณะตางๆ ของผูนาํ ทด่ี ี ดังน้ี 1. L คอื Listen เปนผูฟง ทด่ี ี.. 2. E คือ Explain สามารถอธิบายสิ่งตางๆ ใหเ ขา ใจได.. 3. A คอื Assist ชว ยเหลอื เม่อื ควรชวย… 4. D คือ Discuss รจู ักแลกเปล่ียนความคดิ เห็น.. 5. E คอื Evaluation ประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน.. 1
คณุ สมบัติของผูนําตามอักษรแตละตัวในคาํ วา LEADERSHIP มคี วามหมายบงช้ีถงึ ลักษณะตางๆ ของผูน าํ ท่ดี ี ดงั นี้ 6. R คอื Response แจง ขอ มลู ตอบกลบั … 7. S คือ Salute ทักทายปราศรยั ... 8. H คือ Health มีสุขภาพดีทง้ั กายและใจ.. 9. I คอื Inspire รูจักกระตนุ และใหก าํ ลังใจลูกนอง.. 10. P คอื Patient มีความอดทนเปนเลิศน่ันเอง.. 1
บทบาทของผูนาํ ดังนี้ บทบาทผนู ําทด่ี ตี ามแนวคิดทฤษฎตี อ ง ประกอบดว ย บทบาท พื้นฐานสําคญั 4 ประการ คอื (1) การกาํ หนดทิศทาง เปนการกาํ หนดทิศทางขององคกรให เปนไปตามวิสยั ทศั นท ี่ไดว างไว (2) การจดั การระบบการทาํ งาน (3) การมอบอาํ นาจ เปนการมอบหมายอาํ นาจ ความรบั ผดิ ชอบ ใหแกบคุ คลท่ี เหมาะสม เพือ่ ใหการทาํ งานเปนไปอยางมี ประสิทธิภาพ (4) แบบอยา งการเปน ผูนํา 1
บทบาทของผูนาํ ดังนี้ นพพงษ บุญรจติ รดลุ ย กลาวถงึ บทบาทของผนู าํ ไว 3 ประการ 1. ผูรักษาหรือประสาน ใหส มาชกิ กลมุ อยรู วมกัน หมายถงึ จะตองอยใู กลช ิดกบั กลมุ มีความสมั พันธคน ในกลุม และเปนทย่ี อมรบั ของคนในกลมุ ทาํ ใหม คี วาม สามัคคกี ลมเกลยี วกนั 1
บทบาทของผูน ํา ดงั นี้ 2. ผปู ฏิบัติภารกิจของกลมุ ใหบ รรลวุ ัตถุประสงค หมายถงึ เขาจะตองรบั ผิดชอบในกระบวนการวิธีการ ทํางานดวยความมั่นคงและเขาใจได และเขาจะตอง ทํางานใหบ รรลเุ ปาหมาย 1
บทบาทของผูนาํ ดังน้ี 3. ผอู ํานวยใหเกิดการตดิ ตอสมั พันธในกลมุ (Group interaction facilitation) หมายถงึ เขา จะตอ งปฏิบตั ิงานในทางทอ่ี าํ นวยความสะดวกใหเ กดิ การตดิ ตอสมั พนั ธแ ละปฏบิ ัตกิ นั ดวยดีของสมาชกิ ใน กลุม การตดิ ตอ ส่ือสารทด่ี เี ปน ส่ิงสาํ คญั และเปนการ ชวยใหห นา ที่นบ้ี รรลเุ ปา หมาย 1
แบบฝึ กหัด จงตอบคาํ ถามตอ่ ไปนีใ้ หส้ มบรู ณแ์ ละถกู ตอ้ ง 1. จงอธิบายความหมายของผูนาํ 2. ทําไมตองมีผูนํา 3. ผูนาํ เกิดมาจากอะไร 4. พน้ื ฐานของการเปน ผนู าํ มีอะไรบาง 5. ผนู าํ แบง ออกเปนกป่ี ระเภทมอี ะไรบาง 6. รปู แบบของผนู ําแบง ออกเปนกร่ี ูปแบบมอี ะไรบา ง 7. ผูที่จะเปน ผนู ําควรมคี ณุ สมบัติอะไรบา ง 8. LEADERSHIP มคี วามหมายบงชี้ถงึ ลักษณะตางๆ ของผนู าํ ท่ดี ี มีอะไรบา ง 1
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: