แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เวลา ๑๔ ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลา ๔ ชั่วโมง เรือ่ งตวั หารร่วมมาก (ห.ร.ม.) ๑. สาระสำคัญ จำนวนนบั ท่ีหารจำนวนนับต้งั แต่สองจำนวนขน้ึ ไปได้ลงตัว เรยี กวา่ ตวั หารร่วม หรือตวั ประกอบร่วมของ จำนวนนับเหลา่ นน้ั ๒. ตวั ช้ีวัด ค 1.1 ป.๖/๔ : หา ห.ร.ม. ของจำนวนนบั ไม่เกนิ 3 จำนวน 3.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกหลักการหา ห.ร.ม. โดยวธิ ีต่างๆ ได้ (K) ๒. เขียนแสดงวธิ กี ารหาหา ห.ร.ม. ของจำนวนนบั ต้งั แตส่ องจำนวนข้ึนไป โดยวิธตี า่ งๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง (P) 4. สาระการเรยี นรู้ ๑. ตวั หารร่วมมาก (ห.ร.ม.) 5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น ๑. ความสามารถในการคิด ๒. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๓. ความสามารถในการใชช้ ีวิต 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. ใฝเ่ รียนรู้ ๒. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชวั่ โมงที่ 1 ขน้ั ตอนที่ 1 : เตรยี มความพรอ้ ม ๑. ครใู ห้นักเรยี นทอ่ งสตู รคณู โดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการทอ่ งสตู รคูณ หลงั จากนัน้ ให้นกั เรยี นคดิ เลขเร็วจานวน 3 ข้อ ขัน้ ตอนที่ ๒ : เรยี นรู้ ๒. ครูทบทวนความหมายของคาว่า ตวั ประกอบ ตวั ประกอบเฉพาะ และการแยกตัวประกอบ รวมทัง้ วิธีแยกตัวประกอบ แลว้ จากนัน้ ครเู ขยี นจานวนนบั เช่น 16 และ 24 ให้นกั เรยี นชว่ ยกันหาตวั ประกอบของแตล่ ะจานวน แลว้ เขียนบนกระดาน ดังนี้ ตัวประกอบของ 16 คอื 1, 2, 4, 8, 16 ตัวประกอบเฉพาะของ 16 คอื 2 ตวั ประกอบของ 24 คอื 1, 2, 3, 4, 6, 8, 12, 24 ตัวประกอบเฉพาะของ 24 คอื 2, 3
ใหน้ กั เรยี นสังเกตวา่ จานวนนับที่เปน็ จานวนคู่ทุกจานวนมี 2 เปน็ ตัวประกอบ ๓. ให้นกั เรียนพจิ ารณาวา่ มีจานวนใดบา้ งที่เปน็ ตัวประกอบของ 16 และเป็นตวั ประกอบของ 24 ด้วย (1, 2, 4, 8) ซึ่งจะได้ตัวประกอบของ 16 และ 24 ได้แก่ 1, 2, 4, 8 แยกตวั ประกอบของ 16 ได้แก่ 16 = 2 × 2 × 2 × 2 หรอื 22 แยกตวั ประกอบของ 24 ไดแ้ ก่ 24 = 2 × 2 × 2 × 3 หรือ 23 × 3 ๔. ครกู ำหนดจำนวนนับ เชน่ 12 และ 20 ให้นักเรียนชว่ ยกนั หาตวั ประกอบ ซ่ึงจะไดว้ ่า ตัวประกอบของ 12 ไดแ้ ก่ 1, 2, 3, 4, 6 และ 12 ตัวประกอบของ 20 ไดแ้ ก่ 1, 2, 4, 5, 10 และ 20 ใหน้ กั เรยี นพิจารณาวา่ มีจำนวนนบั ใดทีเ่ ปน็ ตวั ประกอบของ 12 และ 20 (1, 2, 4) ครูแนะนำวา่ เรยี ก 1, 2 และ 4 วา่ ตัวประกอบร่วมหรอื ตวั หารร่วมของ 12 และ 20 ครถู ามนกั เรียนตอ่ ไปวา่ ตวั ประกอบรว่ ม หรือตวั หารร่วม 1, 2 และ 4 น้นั จำนวนใดมากท่สี ุด (4) ขัน้ ตอนที่ ๓ : การฝกึ ๕. ครกู ำหนดจำนวนนับสามจำนวน เช่น 6, 12 และ 28 ให้นกั เรยี นช่วยกนั หาตัวประกอบซึ่งจะ ไดว้ ่า ตัวประกอบของ 6 ได้แก่ 1, 2, 3 และ 6 ตัวประกอบของ 12 ไดแ้ ก่ 1, 2, 3, 4 6 และ 12 ตวั ประกอบของ 30 ได้แก่ 1, 2, 3, 5, 6, 10, 15 และ 30 ครถู ามวา่ ตัวประกอบรว่ มหรือตวั หารร่วม ของ 6, 12 และ 30 คอื จำนวนใด (1, 2, 3, 6) ครูถามนกั เรียนตอ่ ไปว่า ตัวประกอบร่วม หรอื ตวั หารร่วม 1, 2, 3 และ 6 นนั้ จำนวนใดมากทสี่ ดุ (6) ๖. ครูแนะนำวา่ ตวั ประกอบรว่ มหรอื ตวั หารรว่ มทม่ี ากที่สดุ เรยี กวา่ ตัวหารร่วมมากใช้อักษรยอ่ ว่า ห.ร.ม. ดังนนั้ - ห.ร.ม. ของ 12 และ 20 คอื 4 แสดงวา่ 4 เป็นจำนวนนับท่ีมากท่ีสดุ ท่หี าร 12 และ 20 ไดล้ งตวั - ห.ร.ม. ของ 6, 12 และ 30 คือ 6 แสดงว่า 6 เป็นจำนวนนับท่ีมากที่สุดทหี่ าร 6, 12 และ 30 ได้ลงตวั ๘. ครยู กตัวอยา่ งจำนวนนบั เพม่ิ เตมิ ใหน้ กั เรยี นหาตวั หารร่วมและตวั หารรว่ มมาก เชน่ - 25, 30 (ตวั หารรว่ ม คือ 1, 5 และตวั หารรว่ มมาก คอื 5) - 16, 18, 24 (ตัวหารรว่ ม คอื 1, 2 และตัวหารร่วมมาก คือ 2) ช่ัวโมงท่ี ๒ ๘. ครูกำหนดจำนวนนับ เชน่ 14 และ 28 ให้นกั เรียนช่วยกันหาตวั ประกอบท้งั หมด ซ่งึ จะได้วา่ ตัวประกอบของ 14 ได้แก่ 1, 2, 7 และ 14 ตวั ประกอบของ 28 ไดแ้ ก่ 1, 2, 4, 7, 14 และ 28 ตัวหารรว่ มของ 14 และ 28 คือ 1, 2, 7 และ 14 ครถู ามนักเรยี นวา่ ตวั ประกอบร่วมหรือตวั หารร่วมของ 14 และ 28 ไดแ้ ก่ 1, 2, 7 และ 14 นั้น ตัวหาร ร่วมท่มี ากทีส่ ุดคือจำนวนใด (14) ๙. ครแู นะนำว่าตัวหารร่วมที่มากทสี่ ดุ เรียกตัว ตวั หารรว่ มมาก ใชอ้ กั ษรยอ่ วา่ ห.ร.ม. ดังนน้ั ห.ร.ม. ของ 14 และ 28 คือ 14 แสดงวา่ 14 เปน็ จำนวนนบั ท่ีมากที่สดุ ท่หี ารทั้ง 14 และ 28 ได้ลงตวั
๑๐. ครกู ำหนดจำนวนนบั สามจำนวน เช่น 8, 10 และ 14 ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั หา ห.ร.ม. จะได้ ดังน้ี ตัวประกอบของ 8 ได้แก่ 1, 2, 4 และ 8 ตัวประกอบของ 10 ได้แก่ 1, 2, 5 และ 10 ตวั ประกอบของ 14 ได้แก่ 1, 2, 7 และ 14 ตวั หารรว่ มมากของ 8, 10 และ 14 คือ 2 หรือ ห.ร.ม. ของ 8, 10 และ 14 คือ 2 ให้นกั เรียนชว่ ยกนั สรปุ ว่า ห.ร.ม. ของ 8, 10 และ 14 คือ 2 แสดงว่า 2 เปน็ จำนวนนับที่ มากท่ีสดุ ทหี่ ารท้ัง 8, 10 และ 14 ได้ลงตวั ครแู นะนำวา่ การหา ห.ร.ม. ดังกลา่ ว เป็นการหา ห.ร.ม. โดยการหาตวั ประกอบรว่ มหรอื ตัวหารรว่ ม ๑๑. ครยู กตัวอยา่ งเพ่มิ เตมิ เชน่ 9, 15, 21 และ 27 ให้นักเรยี นชว่ ยกันหา ห.ร.ม. จะไดด้ งั น้ี ตัวประกอบของ 9 ไดแ้ ก่ 1, 3 และ 9 ตวั ประกอบของ 15 ไดแ้ ก่ 1, 3, 5 และ 15 ตวั ประกอบของ 21 ไดแ้ ก่ 1, 3, 7 และ 21 ตวั ประกอบของ 27 ไดแ้ ก่ 1, 3, 9 และ 27 ตัวหารรว่ มมากของ 9, 15, 21 และ 27 คอื 1 และ 3 ดงั น้นั ตัวหารรว่ มมากของ 9, 15, 21 และ 27 คือ 3 หรอื ห.ร.ม. ของ 9, 15, 21 และ 27 คอื 3 ชว่ั โมงที่ ๓ ๑๒. ครใู หน้ ักเรียนสงั เกต การแยกตวั ประกอบจากแผนภูมริ ปู ตน้ ไม้ จากแผนภูมิ เราจะได้การแยกตวั ประกอบของ 24 และ 36 ดังนี้ การแยกตัวประกอบของ 24 = 3 × 2 × 2 × 2 การแยกตวั ประกอบของ 36 = 3 × 2 × 3 × 2 ตัวประกอบร่วมของ 24 และ 36 คือ 2, 2, 3 ห.ร.ม. ของ 24 และ 36 คอื 2 × 2 × 3 = 12 ครแู นะนำเพม่ิ เตมิ วา่ ห.ร.ม. ของ 24 และ 36 คือ 12 แสดงวา่ 12 เป็นจำนวนนับท่มี าก ที่สดุ ที่หารทง้ั 12 และ 20 ได้ลงตัว ๑๓. ครกู ำหนดจำนวนนบั สามจำนวน คือ 24, 72 และ 96 ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั เขยี นแสดงวิธี ทำบนกระดาน ซ่งึ จะทำไดด้ งั นี้ 24 = 2 × 2 × 2 × 3
72 = 2 × 2 × 2 × 3 × 3 96 = 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 3 ห.ร.ม. ของ 24, 72 และ 96 คือ 2 × 2 × 2 × 3 = 24 ครแู นะนำเพิ่มเติมวา่ ห.ร.ม. ของ 24, 72 และ 96 คือ 24 หมายถึง 24 เปน็ จำนวนนบั ท่ี มากทสี่ ุดที่หารทั้ง 24, 72 และ 96 ไดล้ งตวั ๑๔. ครยู กตวั อย่างเพม่ิ เตมิ 2 – 3 ตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนเข้าใจวิธกี ารหาร ห.ร.ม. โดยการ แยกตวั ประกอบมากข้นึ ช่ัวโมงท่ี ๔ ๑๕. ครูแนะนำการหา ห.ร.ม. โดยวิธีตัง้ หาร ดังนี้ จงหา ห.ร.ม. ของ 12 และ 20 สามารถหาคำตอบไดด้ งั น้ี • หาจำนวนเฉพาะทเี่ ปน็ ตัวหารร่วมของ 12 และ 20 เชน่ นำ 2 ไปหาร 12 และ 20 ไดผ้ ลเปน็ 6 และ 10 ตามลำดบั 2 ) 12 20 6 10 • หาจำนวนเฉพาะที่เป็นตัวหารร่วมของ 6 และ 10 ได้ 2 นำ 2 ไปหาร 6 และ 10 ไดผ้ ลหารเป็น 3 และ 5 ตามลำดับ 2 ) 12 20 2 ) 6 10 35 • หาจำนวนเฉพาะท่เี ป็นตวั หารรว่ มของ 3 และ 5 จะเหน็ ว่า ไมม่ จี ำนวนเฉพาะท่ี เปน็ ตวั หารร่วมของ 3 และ 5 • หาผลคูณของจำนวนเฉพาะทเ่ี ป็นตวั หารรว่ มทุกตัว จะไดว้ ่า 2 × 2 = 4 ดังน้ัน ตวั หารรว่ มมาก หรือ ห.ร.ม. ของ 12 และ 20 คอื 4 ๑๖. ครูแนะนำเพม่ิ เตมิ ว่า“การหารส้ินสดุ เมื่อไม่มีตวั หารใดหารทุกจำนวนได้ลงตัวนอก จาก 1” ๑๘.ครูยกตัวอยา่ งเพิ่มเติม 2 – 3 ตัวอยา่ ง เพ่ือให้นกั เรยี นเข้าใจวิธกี ารหาร ห.ร.ม. โดยการ ตง้ั หารมากขึ้น ขน้ั ตอนที่ ๔ : การสรุป ๑๘. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปส่งิ ทไ่ี ดเ้ รียนรรู้ ว่ มกัน ดงั นี้ ▪ จำนวนนบั ทหี่ ารจำนวนนับตง้ั แตส่ องจำนวนข้นึ ไปได้ลงตัว เรยี กว่า ตวั หารรว่ ม
หรอื ตัวประกอบรว่ มของจำนวนนบั เหล่านนั้ ▪ ห.ร.ม. ของจำนวนนบั ตัง้ แต่สองจำนวนข้นึ ไป หมายถงึ จำนวนนับท่ีมาก ทสี่ ดุ ทหี่ ารจำนวนนับเหล่าน้ันไดล้ งตัว ▪ ห.ร.ม. ของจำนวนนับตง้ั แต่สองจำนวนขึน้ ไป หาได้จากผลคณู ของจำนวน เฉพาะทเี่ ป็นตัวประกอบรว่ มหรอื ตวั หารรว่ มของจำนวนนบั เหล่านน้ั ในกรณที จ่ี ำนวนนบั เหลา่ นน้ั ไมม่ ี ตวั ประกอบรว่ มหรอื ตวั หารรว่ ม นอกจาก 1 จะไดว้ ่า ห.ร.ม. ของจำนวนนบั เหลา่ น้ันคอื 1 ▪ การหา ห.ร.ม. โดยการตง้ั หาร ทำได้โดยนำจำนวนเฉพาะทเี่ ปน็ ตวั หารร่วมมา หาร จนไม่มจี ำนวนเฉพาะใดนอกจาก 1 ท่เี ปน็ ตัวหารรว่ ม ดงั น้นั การหารสิ้นสดุ แล้วนำตัวหารรว่ ม ทุกจำนวนมาคณู กัน ผลคูณ คอื ห.ร.ม. ของจำนวนนับ ขนั้ ตอนที่ ๕ : การประยกุ ต์ใช้ทันที ๑๙. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. 8. การวัดและประเมนิ ผล การวดั ผล ๑. สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มัน่ ในการทำงาน ๒. สงั เกตการทำงาน ๓. แบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. การประเมนิ ผล ๑. ถอื เกณฑผ์ ่านจากการสงั เกตพฤตกิ รรมสำหรบั ผู้ท่ีไดร้ ะดับคุณภาพตง้ั แต่ ๒ ขนึ้ ไป ๒. ถอื เกณฑ์ผา่ นสำหรับผูท้ ี่ทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ได้ระดบั คณุ ภาพตง้ั แต่ ๒ ข้ึนไป ๓. ถือเกณฑ์ผ่านสำหรบั ผู้ที่ทำงานได้ระดบั คณุ ภาพตงั้ แต่ ๒ ขึ้นไป ๙. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ สสวท.
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๕ กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๑๔ ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลา ๔ ชวั่ โมง เรื่องตวั คณู ร่วมนอ้ ย (ค.ร.น.) ๑. สาระสำคัญ ตวั คูณร่วมของจำนวนนับต้ังแต่สองจำนวนขึ้นไปเปน็ จำนวนนับท่ีหารดว้ ยจำนวนเหล่านั้นลงตวั ๒. ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.๖/5 : หา ค.ร.น. ของจำนวนนบั ไมเ่ กิน 3 จำนวน 3.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. บอกหลกั การหา ค.ร.น. โดยวธิ ีต่างๆ ได้ (K) ๒. เขียนแสดงวธิ ีการหา ค.ร.น. ของจำนวนนบั ตง้ั แตส่ องจำนวนขึน้ ไป โดยวธิ ีต่างๆ ไดถ้ กู ต้อง (P) ๓. นำความรู้เกีย่ วกบั ตวั คณู รว่ มนอ้ ย (ค.ร.น.) ไปใชใ้ นชีวติ จรงิ ได้ (A) 4. สาระการเรียนรู้ ๑. ตัวคณู รว่ ม (ค.ร.น.) 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ๑. ความสามารถในการคิด ๒. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๓. ความสามารถในการใช้ชวี ิต 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. ใฝเ่ รียนรู้ ๒. มุง่ มัน่ ในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชัว่ โมงที่ 1 ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมความพร้อม ๑. ครใู ห้นักเรยี นท่องสูตรคูณโดยใช้ไมก้ ลองประดิษฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลังจากน้นั ให้นกั เรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ ข้นั ตอนที่ ๒ : เรยี นรู้ ๒. ครทู บทวนความหมายของตัวประกอบว่า “ตัวประกอบของจำนวนนบั ใดๆ คอื จำนวนนบั ที่ นำไปหาจำนวนนบั นั้นได้ลงตวั เช่น 3 เป็นตวั ประกอบของ 3, 6, 9, 12, 15 ... เพราะ 3 หาร 3, 6, 9, 12, 15 ... ไดล้ งตัว” ๓. ครกู ำหนดจำนวนนบั 2 จำนวน ให้นักเรียนบอกจำนวนนับท่ีมีจำนวนเหลา่ น้นั เปน็ ตัว ประกอบ เชน่ 3 และ 4 จำนวนนบั ทม่ี ี 3 เปน็ ตัวประกอบ คือ 3, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24, ...
จำนวนนับทมี่ ี 4 เป็นตวั ประกอบ คือ 4, 8, 12, 16, 20, 24, 28, 32, ... ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาวา่ มีจำนวนใดบ้างที่มีทง้ั 3 และ 4 เปน็ ตวั ประกอบ (ซง่ึ จะไดว้ ่า จำนวนทมี่ ที ้ัง 3 และ 4 เปน็ ตวั ประกอบ คอื 12, 24, ...) ครูแนะนำวา่ จำนวนทม่ี ที ัง้ 3 และ 4 เป็นตวั ประกอบ เรยี กวา่ ตัวคณู ร่วมของ 3 และ 4 ๔. ครกู ำหนดจำนวนนบั สามจำนวน เชน่ 2, 5 และ 10 ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั หาจำนวนนบั ที่ 2, 5 และ 10 หารลงตวั หรือเป็นตัวคูณของ 2, 5 และ 10 ซ่งึ จะไดว้ า่ ตวั คณู ของ 2 ได้แก่ 2, 4, 6, 8, 10, 12, 14, 16, 18, 20, ... ตวั คูณของ 5 ได้แก่ 5, 10, 15, 20, 25, 30, 35, 40, 45, ... ตัวคูณของ 10 ไดแ้ ก่ 10, 20, 30, 40, 50, 60, 70, 80, 90, ... ครูถามนักเรยี นวา่ ตัวคูณร่วมของ 2, 5 และ10 มกี ่จี ำนวน(หลายจำนวน)จำนวนใดน้อยทสี่ ดุ (10) ครูแนะนำวา่ ตัวคณู รว่ มท่นี อ้ ยทสี่ ุด เรียกวา่ ตัวคูณรว่ มน้อย ใช้อกั ษรยอ่ วา่ ค.ร.น. ดงั น้นั ตัวคูณรว่ มนอ้ ยของ 2, 5 และ 10 คอื 10 หรอื ค.ร.น. ของ 2, 5 และ 10 คือ 10 ครูแนะนำว่า ค.ร.น. ของ 2, 5 และ 10 คือ 10 หมายความว่า 10 เปน็ จำนวนนบั ที่น้อยทส่ี ดุ ท่ี หารดว้ ย 2, 5 และ 10 ลงตวั ชัว่ โมงท่ี ๒ ๕. ครูทบทวนความรู้เก่ยี วกับการแยกตวั ประกอบโดยครกู ำหนดจำนวนนบั เชน่ 12, 18 และ 20 แล้วใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันแยกตัวประกอบ ซ่งึ จะไดด้ ังน้ี 12 = 2 × 2 × 3 หรือ 12 = 22 × 3 18 = 2 × 3 × 3 หรือ 12 = 2 × 32 20 = 2 × 2 × 5 หรือ 20 = 22 × 5 ๖. ครูใหน้ กั เรยี นสังเกต การแยกตัวประกอบจากแผนภูมริ ูปกงิ่ ไม้ จากแผนภูมิ เราจะไดก้ ารแยกตัวประกอบของ 24 และ 36 ดงั น้ี การแยกตวั ประกอบของ 24 = 2 × 2 × 3 × 2 การแยกตัวประกอบของ 36 = 2 × 2 × 3 × 3 ผลคูณรว่ มของตวั ประกอบของ 24 และ 36 ไดแ้ ก่ 2 × 2 × 3 × 2 × 3 = 72 ดังน้ัน ค.ร.น. ของ 24 และ 36 คอื 72 ๘. ครูให้นกั เรยี นร่วมกนั หา ค.ร.น. ของ 25 และ 50
๘. ครกู ำหนดจำนวนนับสามจำนวน คือ 4, 9 และ 12 ใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั หา ค.ร.น. ดงั นี้ 4 = 2×2 9 = 3×3 12 = 2 × 2 × 3 ตวั คณู รว่ มนอ้ ยของ 4, 9 และ 12 คอื 2 × 2 × 3 × 3 = 36 ดังนัน้ ค.ร.น. ของ 4, 9 และ 12 คือ 36 ช่ัวโมงท่ี ๓ ๙. ให้นกั เรยี นบอกตวั อยา่ งของจานวนเฉพาะ และบอกเหตุผลวา่ เปน็ จานวนเฉพาะไดอ้ ยา่ งไร ครูยกตวั อย่างจานวนนบั ให้นักเรยี นช่วยกันหา ค.ร.น. โดยวธิ ีหาตัวคณู ร่วม และหา ค.ร.น. โดยวิธีแยกตวั ประกอบ ๑๐. ครูอธบิ ายวิธีหา ค.ร.น. แบบตั้งหาร ดงั น้ี จงหา ค.ร.น. ของ 8 12 24 2 ) 8 12 24 2 ) 4 6 12 2)2 3 6 1 33 ผลคณู รว่ มน้อยทสี่ ดุ ของ 8, 12 และ 24 = 2 × 2 × 2 × 3 × 3 × 1 = 72 ดังน้ัน ค.ร.น. ของ 8, 12 และ 24 คอื 72 ชั่วโมงท่ี ๔ ข้นั ตอนที่ ๓ : การฝกึ ๑๑. นกั เรยี นแสดงวธิ กี ารหาร ค.ร.น. โดยการหาตวั คูณร่วมน้อย เชน่ - 3, 4 (ค.ร.น. ของ 3 และ 4 คอื 12) - 6, 8, 12 (ค.ร.น. ของ 6, 8, 12 คือ 24) ๑๒. นักเรยี นแสดงวิธีการหาร ค.ร.น. โดยการแยกตัวประกอบมากขน้ึ เชน่ - จงหา ค.ร.น. ของ 15 และ 30 (ค.ร.น. ของ 15 และ 30 คอื 30) - จงหา ค.ร.น. ของ 28, 35 และ 42 (ค.ร.น. ของ 28, 35 และ 42 คอื 420) ๑๓. นกั เรยี นแสดงวธิ กี ารหาร ค.ร.น. ของ 12, 16 และ 32 โดยการหารสัน้ ข้ันตอนท่ี ๔ : การสรุป ๑๔. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปส่งิ ทีไ่ ดเ้ รยี นร้รู ว่ มกัน ดังนี้ - ตัวคณู ร่วมของจำนวนนับตงั้ แตส่ องจำนวนขึน้ ไป เปน็ จำนวนนบั ทหี่ ารดว้ ยจำนวน เหล่าน้นั ลงตัว - ตัวคูณร่วมที่นอ้ ยท่ีสุด เรยี กวา่ ตวั คูณรว่ มน้อย ใชอ้ กั ษรย่อวา่ ค.ร.น.
ขั้นตอนท่ี ๕ : การประยุกต์ใช้ทันที ๑๕. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ สสวท. 8. การวัดและประเมนิ ผล การวดั ผล ๑. สังเกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน ๒. สังเกตการทำงาน ๓. แบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. การประเมินผล ๑. ถอื เกณฑผ์ ่านจากการสังเกตพฤติกรรมสำหรับผู้ที่ได้ระดับคุณภาพตง้ั แต่ ๒ ขนึ้ ไป ๒. ถือเกณฑ์ผ่านสำหรบั ผ้ทู ่ที ำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ได้ระดบั คุณภาพต้งั แต่ ๒ ขน้ึ ไป ๓. ถือเกณฑผ์ า่ นสำหรับผทู้ ่ที ำงานไดร้ ะดบั คุณภาพต้งั แต่ ๒ ข้ึนไป ๙. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ ๑. แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท.
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๑๔ ชั่วโมง หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลา ๒ ชั่วโมง เร่ืองโจทย์ปัญหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ๑. สาระสำคญั การแก้โจทยป์ ญั หาบางโจทย์ท่เี กี่ยวกบั จำนวนนบั ตง้ั แต่สองจำนวนขน้ึ ไป สามารถนำ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ไปใชแ้ ก้โจทยป์ ัญหาได้ ๒. ตัวชว้ี ัด ค 1.1 ป.๖/๖ : แสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทย์ปญั หาโดยใชค้ วามรู้เกย่ี วกบั ห.ร.ม. และ ค.ร.น. 3.จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. บอกวิธีการแก้โจทย์ปัญหาเกีย่ วกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ได้ (K) ๒. เขยี นแสดงวิธกี ารแกโ้ จทย์ปัญหาเกยี่ วกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ไดถ้ กู ตอ้ ง (P) ๓. นำความรู้เก่ยี วกบั โจทยป์ ญั หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ไปใช้ในชวี ติ จริงได้ (A) 4. สาระการเรียนรู้ ๑. โจทยป์ ญั หา 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ๑. ความสามารถในการคดิ ๒. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๓. ความสามารถในการใช้ชีวิต 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ใฝเ่ รยี นรู้ ๒. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชัว่ โมงท่ี 1 ข้ันตอนท่ี 1 : เตรยี มความพรอ้ ม ๑. ครูใหน้ ักเรียนทอ่ งสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลงั จากน้ัน ให้นักเรยี นคิดเลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ ขัน้ ตอนท่ี ๒ : เรยี นรู้ ๒. ให้นกั เรียนทบทวนความรู้เรือ่ ง การหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. โดยครตู ดิ แถบตัวเลขบนกระดาน แล้วแบ่งนักเรยี นออกเป็น 2 กลุ่ม แตล่ ะกลมุ่ ส่งผู้แทนกลมุ่ ออกมาเขยี นแสดงวธิ ีการหาห.ร.ม. และ ค.ร.น. ดงั ตวั อย่าง 12, 18
การหา ห.ร.ม. การหา ค.ร.น. 2 ) 12 18 2 ) 12 18 3) 6 9 3) 6 9 23 23 ห.ร.ม. ของ 12, 18 คือ 2 × 3 = 6 ค.ร.น. ของ 12, 18 คือ 2 × 3 × 2 × 3 = 36 ๓. ให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ อธิบายว่า ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ท่ีหาได้ มีความสัมพันธ์กับจำนวนนบั อยา่ งไร • ห.ร.ม. เปน็ จำนวนนบั ทมี่ ากท่สี ุดที่นำไปหารจำนวนนบั ทง้ั หมดได้ลงตัว • ค.ร.น. เป็นจำนวนนับท่นี ้อยท่ีสดุ ทมี่ จี ำนวนนับทกี่ ำหนดใหท้ ้ังหมดเปน็ ตวั ประกอบ ๔. ครูติดแถบโจทย์ปญั หาบนกระดาน ให้นกั เรยี นอ่านโจทย์พร้อมกนั และใชค้ ำถามกระต้นุ ความคดิ ของนักเรยี น ดงั นี้ จงหาจำนวนนบั ท่นี ้อยทสี่ ุด เม่ือนำ 25 และ 50 ไปหารได้ลงตวั - โจทย์กำหนดอะไรมาให้ (จำนวน 25 และ 50) - โจทย์ต้องการทราบอะไร (จำนวนนบั ที่นอ้ ยทส่ี ุดท่ี 25 และ 50 ไปหารไดล้ งตวั ) - ห.ร.ม. ของ 25 และ 50 คอื อะไร (25) - เปน็ คำตอบที่โจทยต์ ้องการหรือไม่ (ไม่ เพราะไมใ่ ช่จำนวนท่ี 25 และ 50 ไปหารไดล้ งตวั ) - ค.ร.น. ของ 25 และ 50 คืออะไร (50) - เป็นคำตอบที่โจทยต์ อ้ งการหรือไม่ (เปน็ เพราะเป็นจำนวนที่ 25 และ 50 ไปหารไดล้ งตัว) ๕. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายวา่ โจทย์ปัญหาข้อน้ตี ้องใช้ ค.ร.น. ในการหาคำตอบ ครตู ิด แถบโจทย์ปัญหาเพม่ิ เตมิ อีก 2 ขอ้ เพอ่ื ให้นักเรยี นเกิดทกั ษะการจำแนกและหาคำตอบจากโจทย์ ปัญหาและให้นกั เรียนฝกึ วิเคราะห์โจทยว์ ่าจะตอ้ งใช้ ห.ร.ม. หรอื ค.ร.น. โดยแบ่งนกั เรียนเป็น 3 กลมุ่ ให้ ชว่ ยกันคดิ หาคำตอบและแสดงวธิ ที ำในกระดาษเปล่าและส่งผแู้ ทนกลุม่ ออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรียน ดัง ตัวอยา่ ง จงหาจำนวนนับท่ีมากท่ีสดุ ทีไ่ ปหาร 35 และ 49 ได้ลงตัว - โจทยก์ ำหนดอะไรมาให้ (จำนวน 35 และ 49) - โจทย์ตอ้ งการทราบอะไร (จำนวนนับที่มากท่ีสดุ ทีไ่ ปหาร 35 และ 49 ได้ลงตวั ) - เปน็ การหา ห.ร.ม. หรือ ค.ร.น. (ห.ร.ม.) - ทราบได้อยา่ งไร (สังเกตคำวา่ มากที่สดุ )
- ได้ ห.ร.ม. ของ 35 และ 49 คอื อะไร (7) - ดังนน้ั จำนวนนับนัน้ คอื จำนวนใด (7) ต้องมดี นิ สออย่างน้อยก่ีแท่งจึงจะนำมาแบ่งให้นักเรียนจำนวน 14 คน หรือ 42 คน คนละเท่าๆ กนั ได้หมดพอดี - โจทย์กำหนดอะไรมาให้ (จำนวน 14 และ 42) - โจทยต์ ้องการทราบอะไร (จำนวนดินสอทีน่ อ้ ยที่สุดที่จะนำมาแบ่งใหน้ กั เรยี นจำนวน 14 คน หรือ 42 คน คนละเท่า ๆ กัน ไดห้ มดพอดี) - เป็นการหา ห.ร.ม. หรอื ค.ร.น. (ค.ร.น.) - ทราบไดอ้ ย่างไร ( สังเกตคำว่า นอ้ ยทสี่ ุด ) - ได้ ค.ร.น. ของ 14 และ 42 คอื อะไร (42) - ดังนั้น ต้องมดี ินสออย่างน้อยก่แี ทง่ (42 แท่ง) ชว่ั โมงที่ ๒ ขัน้ ตอนท่ี ๓ : การฝกึ ๖. ครูยกตวั อย่างโจทยป์ ญั หา ใหน้ กั เรยี นช่วยกันวเิ คราะห์โจทยแ์ ละแสดงวธิ ที ำ ดังน้ี ลกู หนิ สแี ดง 12 ลกู ลูกหินสขี าว 21 ลกู ต้องการแบ่งลกู หนิ สีเดยี วกันออกเป็นกอง กองละเทา่ ๆ กัน ให้ได้จำนวนลกู หินในแต่ละกองมากทส่ี ดุ จะได้กองละกี่ลูก และ ไดท้ ัง้ หมดกี่กอง จากนน้ั ครูใชค้ ำถามเพ่อื กระตุ้นความคิดของนกั เรยี น ดงั นี้ - โจทย์กำหนดอะไรมาให้ (ลกู หนิ สแี ดง 12 ลูก ลูกหินสขี าว 21 ลกู ) - โจทยต์ อ้ งการทราบอะไร (ต้องการแบ่งลกู หนิ สเี ดยี วกนั ออกเปน็ กอง กองละเท่าๆ กนั ใหไ้ ด้ จำนวนลูกหนิ ในแต่ละกองมากทส่ี ุด จะได้กองละก่ีลกู และได้ท้งั หมดก่กี อง) - เปน็ การหา ห.ร.ม. หรือ ค.ร.น. (ห.ร.ม.) ทราบได้อยา่ งไร (เปน็ โจทย์ปัญหาทต่ี ้องการแบง่ สงิ่ ของตง้ั แต่ 2 สงิ่ ขนึ้ ไปออกเปน็ สว่ นย่อยเทา่ ๆ กัน โดยใหม้ ีจำนวนหรอื ขนาดมากทสี่ ุดและไมเ่ หลอื เศษ) - แสดงวิธีทำอย่างไร (ใชห้ ลักการเช่นเดียวกบั การแก้โจทยป์ ัญหาอืน่ ๆ) ๗. ครใู หผ้ แู้ ทนนกั เรยี น 2 คนออกมาช่วยกนั แสดงวิธีทำโดยมคี รูคอยเสนอแนะเพ่ิมเติม ดงั ตัวอย่าง วิธีทำ วิเคราะห์โจทย์ในการแบ่งลูกหิน 12 ลกู และ 21 ลกู จะต้องหาตัวประกอบรว่ มของ 12 และ 21 ดงั นั้น วิธีแก้โจทยป์ ัญหานจ้ี ะต้องหา ห.ร.ม. ของ 12 และ 21 ดังนี้ 3 ) 12 21 47 ห.ร.ม. ของ 12 และ 21 คือ 3 ดังนั้น ตอ้ งแบ่งลกู หินกองละ 3 ลูก และแบ่งได้ (12 + 21) ÷ 3 = 11 กอง ตอบ ได้กองละ ๓ ลูก ทั้งหมด ๑๑ กอง
๘. นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายวา่ โจทยป์ ัญหาทีก่ ล่าวถึงส่ิงท่ีมากทสี่ ดุ จะใช้ ห.ร.ม. สว่ นโจทย์ ปญั หาทกี่ ลา่ วถึงสิ่งท่นี ้อยทีส่ ุดจะใช้ ค.ร.น. ในการแกโ้ จทยป์ ัญหา ๙. ให้นักเรียนฝกึ ทกั ษะเพิม่ เตมิ โดยครตู ิดแถบโจทย์ปัญหาบนกระดาน แล้วแบ่งกลุม่ นักเรยี น กลมุ่ ละ 4-5 คน ใหน้ ักเรียนช่วยกันคดิ ว่าจะใช้วิธีใดแก้โจทยป์ ญั หาและแสดงวธิ ีทำลงในกระดาษเปลา่ ท่ี ครูแจกให้ เมอื่ ทำเสร็จแล้วสง่ ผ้แู ทนกลุ่มออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น เช่น - จะตอ้ งมีเงินอย่างน้อยเทา่ ใด เมือ่ แบง่ ใหล้ กู ไม่ว่าจะเป็นครง้ั ละ 100 บาท หรือ 150 บาท หรอื 300 บาท แลว้ เงนิ หมดพอดี (หา ค.ร.น. จะตอ้ งมีเงินอย่างนอ้ ย 300 บาท) - เชอื ก 2 เสน้ ยาว 1 เมตร 20 เซนติเมตร และ 1 เมตร 80 เซนติเมตร ถ้าตอ้ งการตัด ออกเป็นท่อนๆ ใหแ้ ตล่ ะท่อนยาวท่ีสุด และยาวเทา่ กันทุกท่อน โดยไม่เหลอื เศษ จะตอ้ งตดั ให้แตล่ ะท่อน ยาวเท่าไร (หา ห.ร.ม. จะตอ้ งตัดใหแ้ ต่ละท่อนยาว 60 เซนตเิ มตร) ข้ันตอนที่ ๔ : การสรุป ๑๐. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ส่ิงทีไ่ ดเ้ รียนรู้รว่ มกนั ดังน้ี การแกโ้ จทย์ปัญหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. จะตอ้ งพิจารณาว่าโจทย์ตอ้ งการทราบอะไร ถา้ เปน็ สิ่งทน่ี อ้ ยทสี่ ุดจะใช้ ค.ร.น. และถ้าเป็นสิ่งที่ มากทส่ี ุดจะใช้ ห.ร.ม. ขั้นตอนท่ี ๕ : การประยกุ ตใ์ ชท้ นั ที ๑๑. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 8. การวดั และประเมินผล การวัดผล ๑. สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน ๒. สังเกตการทำงาน ๓. แบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. การประเมนิ ผล ๑. ถือเกณฑผ์ า่ นจากการสังเกตพฤตกิ รรมสำหรับผูท้ ่ีได้ระดบั คุณภาพตั้งแต่ ๒ ขึ้นไป ๒. ถอื เกณฑ์ผา่ นสำหรับผู้ที่ทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ได้ระดับคณุ ภาพตัง้ แต่ ๒ ขึน้ ไป ๓. ถือเกณฑ์ผ่านสำหรับผู้ท่ีทำงานได้ระดับคุณภาพต้ังแต่ ๒ ขึน้ ไป ๙. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. ๒. แถบโจทยป์ ัญหา ๓. แบบทดสอบหลงั เรียน
ภาคผนวก -รปู ดำเนนิ การจดั การเรียนรู้ -แบบประเมนิ ฯ
พ.น./วก. 02 โรงเรยี นวดั พืชนิมติ (คำสวสั ดริ์ าษฎรบ์ ำรุง) แบบประเมนิ หน่วยการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรือ่ ง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลาทใ่ี ช้ ๑๔ ช่ัวโมง รหัสวิชา ค๑๖๑๐๑ รายวิชาคณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ครูผสู้ อน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดบั การประเมนิ มีความสอดคล้อง/เชอ่ื มโยง/เหมาะสม 5 หมายถึง มากสุดทสี่ ุด 4 หมายถงึ มาก 3 หมายถงึ ปานกลาง 2 หมายถึง นอ้ ย 1 หมายถึง น้อยทีส่ ุด ข้อ รายการประเมิน ระดับคะแนน ท่ี 54321 1 ช่ือหน่วยการเรียนรู้นา่ สนใจ กะทัดรัด ชดั เจน ครอบคลุมเนอื้ หาสาระ 2 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู/้ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์มคี วามเชื่อมโยงกันอยา่ งเหมาะสม 3 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอดกบั มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ัด/ผล การเรียนรู้ 4 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกับสาระการเรียนรู้ 5 ความเชอ่ื มโยงสัมพันธ์กันระหว่างช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั / ผลการเรียนรูส้ าระสำคัญ/ความคดิ รวบยอดสาระการเรียนรูแ้ ละกิจกรรมการเรียนรู้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนร้แู ละสาระการ เรียนรู้ 7 กิจกรรมการเรยี นรมู้ คี วามครอบคลุมในการพฒั นาผู้เรียนให้มคี วามรู้ทักษะ/กระบวนการ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 8 กิจกรรมการเรยี นรูม้ ีความเหมาะสมสามารถนำผู้เรียนไปส่กู ารสร้างชนิ้ งาน/ภาระงาน 9 มีการประเมนิ ผลตามสภาพจริงและสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวัด/กิจกรรม การเรยี นรู้ 10 ประเด็นและเกณฑก์ ารประเมินสามารถสะท้อนคณุ ภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ 11 สือ่ การเรียนรูใ้ นแต่ละกจิ กรรม มีความเหมาะสมกับเวลาและการนำไปประยุกต์ใชไ้ ดจ้ ริง 12 กำหนดเวลาได้เหมาะสมกับกิจกรรม และสามารถนำไปปฏบิ ตั จิ ริงได้ ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ..................................................................... ................................................................................................................................................. .................................................. ................................................................................................................................................................................................. ลงชือ่ .................................................................. (นางสาวจิระพันธ์ุ ปากวิเศษ) ผปู้ ระเมนิ
พ.น./วก. 02 โรงเรียนวดั พืชนิมติ (คำสวัสด์ิราษฎรบ์ ำรงุ ) แบบประเมนิ หน่วยการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรื่อง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลาทีใ่ ช้ ๑๔ ชั่วโมง รหสั วิชา ค๑๖๑๐๑ รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ครูผู้สอน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดับการประเมิน มคี วามสอดคล้อง/เช่ือมโยง/เหมาะสม 5 หมายถึง มากสดุ ที่สดุ 4 หมายถงึ มาก 3 หมายถงึ ปานกลาง 2 หมายถงึ นอ้ ย 1 หมายถงึ นอ้ ยท่ีสดุ ข้อ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ท่ี 54321 1 ชื่อหน่วยการเรยี นรนู้ า่ สนใจ กะทัดรัด ชัดเจน ครอบคลุมเน้อื หาสาระ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้/สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์มีความเชื่อมโยงกันอย่างเหมาะสม 3 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกับมาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชว้ี ัด/ผล การเรยี นรู้ 4 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอดกับสาระการเรยี นรู้ 5 ความเช่อื มโยงสมั พันธก์ ันระหวา่ งช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชี้วดั / ผลการเรียนร้สู าระสำคัญ/ความคิดรวบยอดสาระการเรยี นรูแ้ ละกิจกรรมการเรียนรู้ 6 กิจกรรมการเรยี นรสู้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด/ผลการเรยี นรู้และสาระการ เรียนรู้ 7 กจิ กรรมการเรียนรู้มคี วามครอบคลมุ ในการพฒั นาผู้เรียนให้มีความรทู้ ักษะ/กระบวนการ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 8 กิจกรรมการเรยี นรูม้ คี วามเหมาะสมสามารถนำผเู้ รยี นไปสกู่ ารสรา้ งชน้ิ งาน/ภาระงาน 9 มกี ารประเมินผลตามสภาพจรงิ และสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ัด/กจิ กรรม การเรยี นรู้ 10 ประเดน็ และเกณฑ์การประเมินสามารถสะท้อนคณุ ภาพผเู้ รียนตามมาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ 11 ส่อื การเรียนรูใ้ นแต่ละกิจกรรม มคี วามเหมาะสมกับเวลาและการนำไปประยุกตใ์ ช้ได้จริง 12 กำหนดเวลาไดเ้ หมาะสมกบั กิจกรรม และสามารถนำไปปฏบิ ตั จิ รงิ ได้ ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ..................................................................... ............................................................................................................................. ...................................................................... .......................................................................................................................................................................................... ....... ลงชอ่ื .................................................................. (นางสาวสวุ ดี กาญจนาภา) ผปู้ ระเมิน
พ.น./วก. 02 โรงเรียนวดั พชื นิมติ (คำสวสั ดร์ิ าษฎร์บำรุง) แบบประเมนิ หน่วยการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๑ เรื่อง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลาที่ใช้ ๑๔ ช่ัวโมง รหัสวิชา ค๑๖๑๐๑ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ครผู ูส้ อน นางสาวแพรวรุ่ง ศรปี ระภา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดบั การประเมิน มีความสอดคล้อง/เชือ่ มโยง/เหมาะสม 5 หมายถึง มากสดุ ทส่ี ุด 4 หมายถึง มาก 3 หมายถงึ ปานกลาง 2 หมายถงึ นอ้ ย 1 หมายถงึ น้อยทส่ี ุด ขอ้ รายการประเมนิ ระดับคะแนน ท่ี 54321 1 ช่อื หน่วยการเรียนรูน้ ่าสนใจ กะทัดรัด ชดั เจน ครอบคลุมเนอ้ื หาสาระ 2 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้/สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคม์ ีความเชื่อมโยงกันอยา่ งเหมาะสม 3 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั /ผล การเรยี นรู้ 4 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอดกับสาระการเรียนรู้ 5 ความเช่ือมโยงสัมพันธก์ นั ระหวา่ งช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั / ผลการเรียนรู้สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดสาระการเรยี นรูแ้ ละกิจกรรมการเรียนรู้ 6 กิจกรรมการเรียนร้สู อดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้และสาระการ เรียนรู้ 7 กจิ กรรมการเรยี นรู้มีความครอบคลมุ ในการพัฒนาผเู้ รียนให้มีความร้ทู ักษะ/กระบวนการ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 8 กจิ กรรมการเรยี นรมู้ คี วามเหมาะสมสามารถนำผเู้ รียนไปส่กู ารสร้างชน้ิ งาน/ภาระงาน 9 มกี ารประเมินผลตามสภาพจรงิ และสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ดั /กจิ กรรม การเรียนรู้ 10 ประเดน็ และเกณฑก์ ารประเมินสามารถสะท้อนคุณภาพผ้เู รียนตามมาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ 11 สือ่ การเรียนรูใ้ นแตล่ ะกจิ กรรม มีความเหมาะสมกับเวลาและการนำไปประยุกต์ใชไ้ ด้จริง 12 กำหนดเวลาได้เหมาะสมกับกิจกรรม และสามารถนำไปปฏบิ ตั ิจริงได้ ขอ้ เสนอแนะ ...................................................................................... ............................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................................................... .......................................................................................................................................................................................... ....... ลงช่ือ.................................................................. (นางสาวกันยาภัทร ภทั รโสตถิ) ผปู้ ระเมิน
พ.น./วก. 03 โรงเรียนวัดพชื นิมิต (คำสวสั ดร์ิ าษฎร์บำรุง) สรปุ ผลการประเมินหนว่ ยการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลาทีใ่ ช้ ๑๔ ช่ัวโมง รหสั วชิ า ค๑๖๑๐๑ รายวิชาคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ครผู ู้สอน นางสาวแพรวรุ่ง ศรปี ระภา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แบบประเมินหนว่ ยการเรียนรู้ ซง่ึ เป็นแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) จำนวน 12 ขอ้ มรี ะดบั การประเมนิ 5 ระดับ คือ 5 หมายถงึ มีความสอดคลอ้ ง/เชื่อมโยง/เหมาะสม มากที่สดุ 4 หมายถึง มคี วามสอดคลอ้ ง/เชอ่ื มโยง/เหมาะสม มาก 3 หมายถงึ มคี วามสอดคล้อง/เชอื่ มโยง/เหมาะสม ปานกลาง 2 หมายถงึ มคี วามสอดคลอ้ ง/เชอ่ื มโยง/เหมาะสม นอ้ ย 1 หมายถงึ มคี วามสอดคล้อง/เช่อื มโยง/เหมาะสม น้อยท่ีสดุ ซ่ึงถือเกณฑใ์ นการแปลความหมายของคา่ เฉลีย่ ดงั นี้ 4.50 – 5.00 หมายความวา่ มีความสอดคลอ้ ง/เช่ือมโยง/เหมาะสม มากท่ีสดุ 3.50 – 4.49 หมายความว่า มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/เหมาะสม มาก 2.50 – 3.49 หมายความว่า มีความสอดคล้อง/เชอ่ื มโยง/เหมาะสม ปานกลาง 1.50 – 2.49 หมายความว่า มคี วามสอดคล้อง/เช่อื มโยง/เหมาะสม นอ้ ย 1.00 – 1.49 หมายความวา่ มคี วามสอดคล้อง/เช่อื มโยง/เหมาะสม นอ้ ยทสี่ ุด คะแนนของผ้ปู ระเมิน คา่ การแปล ข้อท่ี รายการประเมิน คนท่ี คนที่ คนท่ี เฉล่ยี ความหมาย 123 1 ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้นา่ สนใจ กะทัดรดั ชดั เจน ครอบคลุมเน้อื หา สาระ 2 มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้/สมรรถนะสำคัญของ ผเู้ รียน และคุณลกั ษณะอันพึงประสงคม์ ีความเชอื่ มโยงกันอย่าง เหมาะสม 3 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกับมาตรฐาน การเรียนร้/ู ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ 4 ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกับสาระการ เรยี นรู้ 5 ความเชือ่ มโยงสมั พนั ธ์กันระหว่างชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน การเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรสู้ าระสำคญั /ความคิดรวบยอด สาระการเรียนรูแ้ ละกจิ กรรมการเรยี นรู้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัด/ผล การเรยี นรู้และสาระการเรยี นรู้
-2- คะแนนของผปู้ ระเมิน ค่า การแปล ข้อท่ี รายการประเมนิ คนท่ี คนที่ คนท่ี เฉลี่ย ความหมาย 123 7 กิจกรรมการเรียนรู้มีความครอบคลมุ ในการพัฒนาผู้เรยี นใหม้ ี ความรูท้ กั ษะ/กระบวนการ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน และ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 กจิ กรรมการเรยี นรูม้ ีความเหมาะสมสามารถนำผเู้ รยี นไปสกู่ าร สร้างช้ินงาน/ภาระงาน 9 มกี ารประเมนิ ผลตามสภาพจริงและสอดคล้องกับมาตรฐานการ เรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ัด/กิจกรรมการเรียนรู้ 10 ประเด็นและเกณฑก์ ารประเมินสามารถสะท้อนคุณภาพผเู้ รียนตาม มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ 11 สอ่ื การเรยี นรู้ในแตล่ ะกิจกรรม มคี วามเหมาะสมกับเวลาและการ นำไปประยุกตใ์ ช้ไดจ้ รงิ 12 กำหนดเวลาได้เหมาะสมกับกิจกรรม และสามารถนำไปปฏบิ ตั จิ ริง ได้ ภาพรวม สรุปผลการประเมนิ ผ่าน (ความสอดคล้อง/เชอื่ มโยง/เหมาะสมตง้ั แต่ระดับปานกลางขึ้นไป) ผ่าน (ความสอดคลอ้ ง/เชื่อมโยง/เหมาะสมต่ำกว่าระดับปานกลาง) ลงช่ือ.......................................... (นางสาวกนั ยาภัทร ภทั รโสตถิ) ประธานกรรมการ ลงชอื่ .......................................... ลงชื่อ.......................................... (นางสาวสุวดี กาญจนาภา) (นางสาวจริ ะพนั ธ์ุ ปากวิเศษ) กรรมการ กรรมการ
พ.น./วก. 04 โรงเรยี นวดั พชื นิมิต (คำสวัสดิ์ราษฎร์บำรุง) แบบประเมินแผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๑ เรือ่ ง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลาทใ่ี ช้ ๑๔ ชั่วโมง รหสั วชิ า ค๑๖๑๐๑ รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ครผู ู้สอน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดบั การประเมนิ 5 หมายถึง มคี วามเหมาะสมในระดบั ดีมาก 4 หมายถงึ มีความเหมาะสมในระดับ ดี 3 หมายถึง มีความเหมาะสมในระดับ ปานกลาง 2 หมายถึง มคี วามเหมาะสมในระดบั พอใช้ 1 หมายถึง มคี วามเหมาะสมในระดบั ปรบั ปรุง ขอ้ ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 54321 1 แผนการจดั การเรียนรสู้ อดคล้องสมั พันธก์ ับหน่วยการเรยี นรูท้ ่กี ำหนดไว้ 2 แผนการจัดการเรยี นรู้มีองค์ประกอบสำคัญครบถว้ นสมั พันธก์ ัน 3 การเขียนสาระสำคัญในแผนถูกต้อง 4 จุดประสงค์การเรียนรู้มคี วามชัดเจนครอบคลมุ เนื้อหาสาระ 5 กำหนดเน้อื หาสาระเหมาะสมกบั เวลา 6 กจิ กรรมการเรยี นรสู้ อดคล้องกบั จุดประสงคแ์ ละเนื้อหาสาระ 7 กิจกรรมการเรียนรสู้ อดคล้องกับจุดประสงคแ์ ละระดบั ชนั้ ของนักเรียน 8 กิจกรรมการเรยี นรู้มคี วามหลากหลายและสามารถปฏบิ ตั ไิ ดจ้ ริง 9 กิจกรรมการเรียนรูเ้ ปน็ กิจกรรมทสี่ ง่ เสรมิ กระบวนการคิดของนกั เรยี น 10 กิจกรรมการเรยี นรู้สอดคล้องแทรกคุณธรรมและคา่ นิยมท่ีดีงาม 11 กิจกรรมการเรยี นรู้เน้นให้ผ้เู รียนมีสว่ นรว่ มในชนั้ เรยี น 12 วสั ดอุ ปุ กรณ์ สือ่ นวตั กรรมและเทคโนโลยมี คี วามหลากหลาย 13 วสั ดุอปุ กรณ์ ส่ือ และแหล่งเรยี นรู้เหมาะสมกบั เน้ือหาสาระ 14 ส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนค้นควา้ หาความรู้ จากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ งๆ 15 มกี ารวดั และประเมินผลที่สอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้
-2- ข้อเสนอแนะ ด้านเนอ้ื หาสาระ....................................................................................................................................................... ........................................................................................ ....................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ....................................... ............................................................................................. .................................................................................................. ดา้ นกจิ กรรมการเรยี นการสอน......................................................................................................................... ....... .......................................................................................................................... ..................................................................... .......................................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. .................................................................. ดา้ นการวัดและประเมินผล...................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ...................................... .............................................................................................. ................................................................................................. ...................................................................................................................................................... ......................................... ด้านอนื่ ๆ (โปรดระบุ)............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................... ........... ......................................................................................................................... ...................................................................... ................................................................................................................................................................................. .............. (ลงช่อื )..................................................ผู้ประเมนิ (นางสาวจริ ะพนั ธุ์ ปากวเิ ศษ) ............./.................../............. สิง่ ที่ไดด้ ำเนินการแก้ไข .................................................................................................................................................................. ............................. ....................................................................................................... ........................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................ (ลงชอ่ื )..................................................ผสู้ อน (นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา) ............./.................../............
พ.น./วก. 04 โรงเรยี นวดั พืชนมิ ิต (คำสวสั ด์ิราษฎร์บำรุง) แบบประเมนิ แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรือ่ ง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลาที่ใช้ ๑๔ ช่ัวโมง รหัสวชิ า ค๑๖๑๐๑ รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ครูผสู้ อน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดบั การประเมิน 5 หมายถึง มีความเหมาะสมในระดับ ดีมาก 4 หมายถงึ มีความเหมาะสมในระดบั ดี 3 หมายถึง มีความเหมาะสมในระดับ ปานกลาง 2 หมายถึง มีความเหมาะสมในระดับ พอใช้ 1 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมในระดับ ปรบั ปรุง ข้อท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 54321 1 แผนการจดั การเรยี นรูส้ อดคล้องสมั พันธ์กบั หน่วยการเรียนร้ทู ่กี ำหนดไว้ 2 แผนการจัดการเรยี นรู้มีองค์ประกอบสำคญั ครบถ้วนสมั พนั ธ์กนั 3 การเขียนสาระสำคัญในแผนถูกตอ้ ง 4 จุดประสงค์การเรียนรมู้ ีความชดั เจนครอบคลมุ เนื้อหาสาระ 5 กำหนดเนอ้ื หาสาระเหมาะสมกบั เวลา 6 กจิ กรรมการเรยี นรู้สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคแ์ ละเน้ือหาสาระ 7 กจิ กรรมการเรียนรู้สอดคล้องกบั จุดประสงคแ์ ละระดับชั้นของนกั เรยี น 8 กิจกรรมการเรยี นรูม้ ีความหลากหลายและสามารถปฏิบัติได้จรงิ 9 กจิ กรรมการเรียนรู้เปน็ กิจกรรมท่ีส่งเสริมกระบวนการคิดของนักเรยี น 10 กิจกรรมการเรียนรสู้ อดคล้องแทรกคุณธรรมและคา่ นยิ มท่ีดีงาม 11 กิจกรรมการเรยี นรเู้ น้นให้ผูเ้ รียนมีส่วนร่วมในชน้ั เรียน 12 วสั ดอุ ุปกรณ์ สื่อ นวตั กรรมและเทคโนโลยมี ีความหลากหลาย 13 วสั ดุอปุ กรณ์ สือ่ และแหลง่ เรยี นรเู้ หมาะสมกับเนือ้ หาสาระ 14 ส่งเสริมให้ผู้เรยี นคน้ คว้าหาความรู้ จากแหลง่ เรยี นร้ตู า่ งๆ 15 มกี ารวดั และประเมินผลทส่ี อดคล้องกบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
-2- ข้อเสนอแนะ ด้านเนอื้ หาสาระ....................................................................................................................................................... ........................................................................................ ....................................................................................................... ............................................................. ........................................................................................... ....................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน......................................................................................................................... ....... .......................................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................... ........................................................................................... ..... ............................................................................................................................. .................................................................. ด้านการวดั และประเมินผล...................................................................................................................................... .............................................................. ........................................................................................... ...................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ...................................................................................................................................................... ......................................... ดา้ นอน่ื ๆ (โปรดระบุ)............................................................................................................................................. ......................................................................................... ........................................................................................... ........... ............................................................................................................................. .................................................................. ................................................................................................................................................................................. .............. (ลงช่ือ)..................................................ผูป้ ระเมนิ (นางสาวสวุ ดี กาญจนาภา)) ............./.................../............. สง่ิ ท่ไี ด้ดำเนินการแก้ไข ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. (ลงชอ่ื )..................................................ผู้สอน (นางสาวแพรวรงุ่ ศรปี ระภา) ............./.................../............
พ.น./วก. 04 โรงเรยี นวดั พชื นิมติ (คำสวัสดิ์ราษฎร์บำรุง) แบบประเมินแผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๑ เรอ่ื ง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลาทใ่ี ช้ ๑๔ ชั่วโมง รหสั วชิ า ค๑๖๑๐๑ รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ครผู ู้สอน นางสาวแพรวรุ่ง ศรปี ระภา กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดบั การประเมนิ 5 หมายถึง มคี วามเหมาะสมในระดับ ดีมาก 4 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมในระดบั ดี 3 หมายถึง มคี วามเหมาะสมในระดับ ปานกลาง 2 หมายถึง มีความเหมาะสมในระดบั พอใช้ 1 หมายถึง มีความเหมาะสมในระดับ ปรบั ปรุง ขอ้ ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 54321 1 แผนการจดั การเรียนรสู้ อดคล้องสัมพนั ธก์ ับหน่วยการเรยี นรูท้ ่กี ำหนดไว้ 2 แผนการจัดการเรยี นรู้มอี งค์ประกอบสำคัญครบถว้ นสมั พันธก์ ัน 3 การเขียนสาระสำคัญในแผนถูกต้อง 4 จุดประสงค์การเรยี นรู้มีความชัดเจนครอบคลมุ เนื้อหาสาระ 5 กำหนดเน้อื หาสาระเหมาะสมกบั เวลา 6 กจิ กรรมการเรียนรสู้ อดคล้องกับจดุ ประสงคแ์ ละเนื้อหาสาระ 7 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับจดุ ประสงคแ์ ละระดบั ชั้นของนักเรียน 8 กิจกรรมการเรยี นรมู้ คี วามหลากหลายและสามารถปฏิบัตไิ ดจ้ ริง 9 กิจกรรมการเรียนรเู้ ปน็ กจิ กรรมท่ีส่งเสรมิ กระบวนการคิดของนกั เรยี น 10 กิจกรรมการเรยี นรสู้ อดคล้องแทรกคุณธรรมและคา่ นิยมท่ีดีงาม 11 กิจกรรมการเรยี นรเู้ น้นให้ผเู้ รียนมีสว่ นรว่ มในชนั้ เรยี น 12 วสั ดอุ ปุ กรณ์ สือ่ นวัตกรรมและเทคโนโลยมี คี วามหลากหลาย 13 วสั ดุอปุ กรณ์ ส่ือ และแหลง่ เรยี นรู้เหมาะสมกบั เน้ือหาสาระ 14 ส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนคน้ คว้าหาความรู้ จากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ งๆ 15 มกี ารวดั และประเมินผลที่สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้
-2- ข้อเสนอแนะ ดา้ นเน้ือหาสาระ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................... ......................................................... ....................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ด้านกจิ กรรมการเรียนการสอน......................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ด้านการวดั และประเมินผล...................................................................................................................................... ................................................................................................ ......................................................... ...................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ...................................................................................................................................................... ......................................... ด้านอน่ื ๆ (โปรดระบุ)............................................................................................................................................. ........................................................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ................................................................................................................................................................................. .............. (ลงช่อื )..................................................ผู้ประเมิน (นางสาวกนั ยาภัทร ภัทรโสตถิ) ............./.................../............. สง่ิ ท่ไี ดด้ ำเนนิ การแกไ้ ข ......................................................................................................... ......................................................... ............................. ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................................................... ................................ (ลงชือ่ )..................................................ผสู้ อน (นางสาวแพรวรุง่ ศรปี ระภา) ............./.................../............
พ.น./วก. 05 โรงเรียนวัดพืชนิมติ (คำสวัสดิ์ราษฎร์บำรงุ ) สรุปผลการประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เรื่อง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เวลาท่ใี ช้ ๑๔ ช่ัวโมง รหัสวชิ า ค๑๖๑๐๑ รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ ครูผู้สอน นางสาวแพรวรุ่ง ศรปี ระภา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดบั การประเมิน 5 หมายถงึ มีความเหมาะสมในระดบั ดมี าก 4 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมในระดบั ดี 3 หมายถึง มคี วามเหมาะสมในระดบั ปานกลาง 2 หมายถึง มีความเหมาะสมในระดบั น้อย 1 หมายถึง มีความเหมาะสมในระดับ นอ้ ยมาก ซง่ึ ถือเกณฑ์ในการแปลความหมายของค่าเฉล่ยี ดังน้ี (ธานนิ ทร์ ศิลปะจาร.ุ 2555:112) 4.50 – 5.00 หมายความวา่ มีความเหมาะสมในระดับ ดมี าก 3.50 – 4.49 หมายถึง หมายความว่า มีความเหมาะสมในระดับ ดี 2.50 – 3.49 หมายถึง หมายความวา่ มคี วามเหมาะสมในระดับ ปานกลาง 1.50 – 2.49 หมายถงึ หมายความว่า มีความเหมาะสมในระดับ น้อย 1.00 – 1.49 หมายถงึ หมายความวา่ มีความเหมาะสมในระดบั น้อยมาก ข้อที่ รายการประเมิน คะแนนของผู้ประเมิน คา่ การแปล คนที่ 1 คนที่2 คนที่ 3 เฉล่ยี ความหมาย 1 แผนการจัดการเรยี นรู้สอดคล้องสมั พันธก์ บั หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ กำหนดไว้ 2 แผนการจดั การเรียนรู้มีองคป์ ระกอบสำคญั ครบถ้วนสมั พนั ธก์ ัน 3 การเขยี นสาระสำคญั ในแผนถูกตอ้ ง 4 จุดประสงค์การเรยี นรู้มคี วามชัดเจนครอบคลมุ เนื้อหาสาระ 5 กำหนดเนอื้ หาสาระเหมาะสมกับเวลา 6 กิจกรรมการเรยี นรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์และเนื้อหาสาระ 7 กิจกรรมการเรียนรสู้ อดคล้องกบั จุดประสงคแ์ ละระดบั ช้ันของ นักเรยี น 8 กิจกรรมการเรียนร้มู ีความหลากหลายและสามารถปฏิบตั ิได้จรงิ 9 กิจกรรมการเรยี นรเู้ ป็นกจิ กรรมทีส่ ง่ เสริมกระบวนการคิดของ นักเรยี น 10 กจิ กรรมการเรยี นรสู้ อดคลอ้ งแทรกคุณธรรมและค่านยิ มทีด่ ีงาม 11 กจิ กรรมการเรียนรเู้ น้นใหผ้ ูเ้ รียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน 12 วัสดอุ ปุ กรณ์ สอ่ื นวัตกรรมและเทคโนโลยมี คี วามหลากหลาย 13 วัสดุอุปกรณ์ ส่ือ และแหล่งเรียนรเู้ หมาะสมกบั เนื้อหาสาระ 14 สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนค้นควา้ หาความรู้ จากแหล่งเรยี นรู้ต่างๆ 15 มกี ารวดั และประเมินผลทสี่ อดคล้องกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
-2- ข้อเสนอแนะ ดา้ นเน้อื หาสาระ........................................................................................................................................ .............. .................................................................................................................... ........................................................................... ................................................................ .................................................................................................................... ........... ............................................................................................................................. .................................................................. ด้านกจิ กรรมการเรียนการสอน.............................................................................................................................. ........................................................................................................................................................... .................................... ....................................................................................................... ........................................................................................ ........................................................................................................................................................ ....................................... ด้านการวดั และประเมินผล..................................................................................................................................... .......................................................................... .................................................................................................................... . ............................................................................................................................. .................................................................. .............................................................. ............................................................................................................................. .... สรุปผลการประเมิน ผ่าน (มคี วามเหมาะสมต้ังแต่ระดับปานกลางขนึ้ ไป) ไม่ผ่าน (ความเหมาะสมตำ่ กวา่ ระดับปานกลาง) ลงช่อื .......................................... (นางสาวกนั ยาภัทร ภัทรโสตถิ) ประธานกรรมการ ลงชือ่ .......................................... ลงชื่อ.......................................... (นางสาวสุวดกี าญจนาภา) (นางสาวจิระพันธุ์ ปากวเิ ศษ) กรรมการ กรรมการ
Search