บนั ทกึ ขอ้ ความ ส่วนราชการ โรงเรยี นวัดพืชนมิ ติ (คำสวสั ด์ิราษฎรบ์ ำรุง) ที่……………………วันที่ ………… เดือน …………………….. พ.ศ.2563 เรื่อง ขออนญุ าตใช้แผนการจดั การเรียนรู้ เรยี น ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คำสวสั ดิ์ราษฎร์บำรุง) ด้วยข้าพเจ้า นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา ตำแหน่ง ครู โรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวัสดิ์ราษฎร์ บำรุง) ได้รบั มอบหมายใหป้ ฏิบัตหิ น้าที่การสอน รายวิชาคณิตศาสตร์ รหสั วิชา ค๑๖๑๐๑ กล่มุ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา 2563 บัดนี้ ข้าพเจ้าได้จัดเตรียมการสอน และจัดทำแผนการสอนโดยใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้ ตามหลกั การพัฒนาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ข้าพเจ้าจึงขออนุญาตดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งแนบเอกสาร หนว่ ยการเรยี นท่ี ๒ ช่อื หน่วย เศษส่วน เวลาเรียน ๑๒ ช่ัวโมง มาพร้อมกบั เอกสารนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ลงชอื่ (นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา) ตำแหน่ง ครู ลงชือ่ (นางสาวแพรวรงุ่ ศรปี ระภา) หัวหน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ความเห็นผู้อำนวยการโรงเรยี น อนุญาต ไม่อนุญาต เพราะ ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ .................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ( นางสาวกันยาภัทร ภทั รโสตถิ ) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวัดพชื นิมติ (คำสวสั ดริ์ าษฎรบ์ ำรงุ ) ............./................../.............
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๒ เร่ือง เศษสว่ น ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ รายวชิ าคณิตศาสตร์ รหัส ค๑๖๑๐๑ กลุม่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ครูผสู้ อน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา โรงเรยี นวัดพืชนมิ ิต (คำสวสั ด์ิราษฎร์บำรงุ ) สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาปทมุ ธานี เขต 1 สำนกั านคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
คำอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน ค๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เวลา 160 ช่วั โมง ศึกษาตัวประกอบ จำนวนเฉพาะ และตัวประกอบเฉพาะ การแยกตัวประกอบ ห.ร.ม. ค.ร.น. โจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. การเปรียบเทียบเศษส่วนและจำนวนคละ การเรียงลำดับเศษส่วนและ จำนวนคละ การบวก การลบเศษส่วนและจำนวนคละ การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วนและจำนวนคละ การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ การแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วน และจำนวนคละ ความสัมพันธ์ระหว่างเศษส่วนและทศนิยม การหารทศนิยมที่ตัวหารและผลหารเป็นทศนิยม ไม่เกิน 3 ตำแหน่ง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับทศนิยม อัตราส่วน อัตราส่วนที่เท่ากัน มาตราส่วน โจทย์ปั ญหา อัตราสว่ นและมาตราส่วน โจทย์ปัญหาร้อยละ ชนิดและสมบตั ขิ องรูปสามเหล่ยี ม การสร้างรปู สามเหลย่ี ม ส่วน ต่าง ๆ ของวงกลม การสร้างวงกลม ความยาวรอบรูปและพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม มุมภายในของรูปหลาย เหล่ยี ม ความยาวรอบรปู และพื้นท่ีของรูปหลายเหล่ียม โจทย์ปญั หาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปและพื้นที่ของรูป หลายเหลี่ยม ความยาวรอบรปู และพน้ื ทข่ี องวงกลม โจทย์ปญั หาเก่ยี วกบั ความยาวรอบรูปและพ้ืนที่ของวงกลม ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย และพีระมิด รูปคลี่ของทรงกระบอก กรวย ปริซึม และพีระมิด ปริมาตรของรูป เรขาคณิตสามมิติที่ประกอบด้วยทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรของรูปเรขาคณิตสามมิติที่ ประกอบด้วยทรงส่ีเหลี่ยมมุมฉาก การแก้ปัญหาเกี่ยวกบั แบบรปู และการนำเสนอขอ้ มูล โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ที่ใกล้ตัวผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า ฝึกทักษะ โดยการ ปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะและกระบวนการในการคิดคำนวณ การแก้ปัญหา การให้ เหตุผล การเชื่อมโยง การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะ และกระบวนการท่ีได้ไปใชใ้ นการเรยี นรสู้ ่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวติ ประจำวันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบ รอบคอบ มีความรบั ผิดชอบ มวี จิ ารณญาณ มีความคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรคแ์ ละมคี วามเชอ่ื ม่นั ในตนเอง รหัสตวั ช้วี ัด ค ๑.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ป.๖/๕ ป.๖/๖ ป.๖/๗ ป.๖/๘ ป.๖/๙ ป.๖/๑๐ ป.๖/๑๑ ป.๖/๑๒ ค ๑.๒ ป.๖/๑ ค ๒.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ค ๒.๒ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ค ๓.๑ ป.๖/๑ รวมท้งั หมด ๒๑ ตัวชี้วัด
ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร/ออ รหสั ค1๖101 วชิ าคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถ ครผู ู้สอน นางสาวแพร หนว่ ยท่ี มฐ ตวั ชว้ี ดั จุดประสงค์การเรียนรู้ หน่วยท่ี ๒ ค 1.1 ป.6/1 :เปรยี บเทยี บ เรียงลำดับเศษส่วน ๑.บอกหลักการเปรียบเทียบและ เศษสว่ น และจำนวนคละ จากสถานการณต์ า่ งๆ เรียงลำดับเศษส่วน จำนวนคละ โดยใชค้ วามรเู้ รื่อง ค.ร.น. ได้ (K) ๒.เขยี นเปรยี บเทยี บและเรยี ง ลำดบั เศษสว่ น จำนวนคละโดยใช้ ความรเู้ รือ่ ง ค.ร.น. ได้ถูกต้อง (P) ป.6/7 :หาผลลพั ธข์ องการบวก ลบ คณู ๑.บอกวิธีการบวกเศษส่วนและ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ จำนวนคละได้ (K) ๒.เขียนแสดงการบวกเศษส่วน และจำนวนคละพร้อมทั้งตระหนัก ถึงความสมเหตุสมผลของคำตอบ ได้ (P) ๑.บอกวิธีการบวกเศษส่วนและ จำนวนคละได้ (K) ๒.เขียนแสดงการบวกเศษส่วน และจำนวนคละพร้อมท้ังตระหนกั ถงึ ความสม เหตสุ มผลของคำตอบได้ (P)
อกแบบหน่วยการเรยี นรู้ ถมศกึ ษาปีที่ ๖ ปกี ารศึกษา 256๓ รวรุ่ง ศรปี ระภา สาระการเรียนรู้ กระบวนการ ช้ินงาน สอื่ การสอน วัดผล/ เวลา เรียน ๑.การเปรียบเทียบและ /ภาระงาน ประเมนิ การเรยี งลำดับเศษสว่ น ๒ อธบิ าย ๑.รูปแสดง - 1.ทดสอบ เศษสว่ น (ก่อนเรียน) ๒.ตรวจ แบบฝกึ หัด ๓.ตรวจ ชิ้นงาน ๑.การบวกเศษสว่ น - - ๑.ตรวจ ๒ ๒.การบวกจำนวนคละอาจ เขยี นจำนวนคละในรปู แบบฝึกหดั เศษเกนิ ก่อน แล้วจงึ หา ผลบวก ๑.การลบเศษส่วน - - ๑.ตรวจ ๒ ๒.การลบจำนวนคละอาจ แบบฝกึ หดั เขยี นจำนวนคละในรูป เศษเกินก่อน แลว้ จงึ หา ผลบวก
หนว่ ยท่ี มฐ ตวั ช้ีวัด จุดประสงค์การเรียนรู้ ป.6/7 :หาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คูณ ๑.บอกวิธีการบวก ลบเศษส่วน หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ และจำนวนคละระคนได้ (K) ๒.เขยี นแสดงการบวก ลบเศษสว่ น และจำนวนคละระคนพร้อมทั้ง ตระหนักถึงความสมเหตุสมผล ของคำตอบได้ (P) ๑.บอกวิธีการคูณ หารเศษส่วน และจำนวนคละระคนได้ (K) ๒.เขยี นแสดงการคณู หารเศษสว่ น และจำนวนคละระคน พร้อมทั้ง ตระหนักถึงความสมเหตุสมผล ของคำตอบได้ (P) ๑.บอกวิธีการบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนและจำนวนคละระคน ได้ (K) ๒.เขียนแสดงการบวก ลบ คูณ หารเศษส่วนและจำนวน คละ ระคน พร้อมทั้งตระหนักถึงความ สมเหตุสมผลของคำตอบได้ (P) ๓.นำความรู้เกี่ยวกับการบวก ลบ คูณ หารเศษส่วนและจำนวนคละ ระคนไปใช้ในชีวติ จรงิ ได้ (A)
สาระการเรียนรู้ กระบวนการ ชนิ้ งาน ส่อื การสอน วดั ผล/ เวลา อธิบาย ๑.การบวก ลบเศษส่วน /ภาระงาน ประเมนิ เรยี น และจำนวนคละระคน - - ๑.ตรวจ ๒ แบบฝึกหัด ๑.การคณู หารเศษส่วน - - ๑.ตรวจ ๒ และจำนวนคละระคน แบบฝึกหัด ๑.การบวก ลบ คูณ หาร - - ๑.ตรวจ ๒ เศษสว่ นและจำนวนคละ แบบฝกึ หัด ระคน
โรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสด์ิราษฎรบ์ ำรุง) โครงการสอนปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ รายวชิ า คณติ ศาสตร์ รหัส ค๑๖๑๐๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เวลาเรยี น ๔ ช่ัวโมง/สัปดาห์ ครผู ้สู อน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา สัปดาห์ คาบที่ หน่วยการเรียนร/ู้ เรอื่ ง มฐ/ตัวชว้ี ดั ๑-๓ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ค 1.1 ๑-๒ ตัวประกอบ ๔-๖ ๓-๕ จำนวนเฉพาะ ป.6/4 ๖-๙ ตัวหารรว่ มมาก ( ห.ร.ม.) ป.6/5 ๑๐-๑๒ ตัวคณู รว่ มน้อย ( ค.ร.น.) ป.6/6 ๑๓-๑๔ โจทยป์ ญั หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ค 1.1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เศษส่วน ป.6/1 ป.6/7 ๑-๒ การเปรยี บเทยี บ และเรยี งลำดบั เศษสว่ น ๓-๔ การบวกเศษสว่ นและจำนวนคละ ๕-๖ การลบเศษสว่ นและจำนวนคละ ๗-๘ การบวก ลบ เศษสว่ นและจำนวนคละระคน ๙-๑๐ การคูณ หาร เศษสว่ นและจำนวนคละระคน ๑๑-๑๒ การบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนและจำนวนคละระคน ๗-๑๐ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ โจทยป์ ัญหาเศษสว่ น ค 1.1 ป.6/๘ ๑๑-๑๔ ๑-๒ โจทยป์ ัญหาการบวกเศษส่วนและจำนวนคละ ๓-๔ โจทย์ปญั หาการลบเศษสว่ นและจำนวนคละ ค 1.1 ป.6/9 ๕-๖ โจทยป์ ญั หาการคูณเศษสว่ นและจำนวนคละ ป.6/10 ๗-๘ โจทยป์ ัญหาการหารเศษส่วนและจำนวนคละ ๙-๑๐ โจทยป์ ัญหาการบวก ลบเศษสว่ นและจำนวนคละ ๑๑-๑๒ โจทยป์ ญั หาการคูณ หารเศษสว่ นและจำนวนคละ ๑๓-๑๔ โจทยป์ ญั หาการบวก ลบ คณู หารเศษสว่ นและจำนวน หน่วยการเครลียะนร้ทู ี่ ๔ ทศนิยม ๑-๒ การเขยี นเศษส่วน และจำนวนคละให้อยใู่ นรปู ทศนิยม ๓-๔ การหารทศนิยมด้วยจำนวนนบั ๕-๗ การหารทศนยิ มดว้ ยทศนิยมหนึง่ ถงึ สามตำแหน่ง ๘ การแลกเปลีย่ นเงนิ ตรา ๙-๑๐ โจทยป์ ญั หาการบวกทศนิยม
สปั ดาห์ คาบที่ หนว่ ยการเรยี นรู้/เร่ือง มฐ/ตัวชี้วัด ๑๑-๑๒ โจทยป์ ญั หาการลบทศนยิ ม ๑๓-๑๔ โจทย์ปัญหาการคูณทศนิยม ๑๕-๑๖ โจทย์ปญั หาการหารทศนยิ ม ๑๗ โจทย์ปัญหาการแลกเปลีย่ นเงินตรา ๑๕-๑๘ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๕ รอ้ ยละ ค 1.1 ๑-๕ โจทย์ปญั หาเกย่ี วกับร้อยละ ป.6/11 ๖-๙ โจทย์ปัญหาการซ้ือขาย ป.6/12 ๑๐-๑๒ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับดอกเบ้ยี ๑๘-๒๐ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๖ อัตราส่วน ค 1.1 ป.6/๒ ๑ อตั ราส่วน ป.6/๓ ๒ อตั ราสว่ นทเ่ี ท่ากัน ไมเ่ ๓กนิ ๑๐ม๐า,ต๐ร๐า๐ส่วน ๔-๕ โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกับอตั ราสว่ น ๖-๗ โจทย์ปญั หาเกยี่ วกับมาตราสว่ น ค ๑.๑ ๒๑ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๗ แบบรูป ป.6/๑ ๑-๒ แบบรปู และความสมั พันธ์ ๓-๔ การแกป้ ัญหาเกีย่ วกบั แบบรปู ๒๒-๒๕ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๘ รปู สามเหลี่ยม ค ๒.๒ ป.6/๑ ๑-๒ มุม ป.6/๒ ๓-๔ การจำแนกชนดิ ของรปู สามเหล่ยี มโดยพจิ ารณาจาก ๕-๖ ขกนาราจดำขแอนงกมชุมนดิ ของรปู สามเหลย่ี มโดยพจิ ารณาจาก ความยาวของด้าน ๗ การจำแนกชนดิ ของรูปสามเหลย่ี มโดยพิจารณาจากมมุ และดา้ น ๘-๙ สว่ นประกอบของรูปสามเหลี่ยม ๑๐-๑๑ มมุ ภายในของรูปสามเหลีย่ ม ๑๒-๑๔ การสร้างรูปสามเหล่ียม ๒๖-๒๘ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๙ ความยาวรอบรูป และพ้นื ท่ขี องรูป ค ๒.๑ สามเหลยี่ ม ป.6/๑ ป.6/๒ ๑-๒ ความยาวรอบรปู ของรปู สามเหลีย่ ม ๓-๕ พ้นื ทีข่ องรปู สามเหลีย่ ม ๖-๗ โจทย์ปญั หาเกย่ี วกบั ความยาวรอบรปู ของรปู สามเหลี่ยม
สัปดาห์ คาบท่ี หนว่ ยการเรียนรู้/เรื่อง มฐ/ตัวชว้ี ดั ๒๙-๓๒ ค 2.1 ๘-๙ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั พน้ื ที่ของรปู สามเหลย่ี ม ๓๓-๓๕ ๑๐-๑๑ โจทย์ปญั หาเกี่ยวกับพ้นื ทแ่ี ละความยาวรอบรูปของรูป ป.6/2 ๓๖-๓๙ ป.6/3 สามเหล่ียม หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๐ รปู หลายเหลย่ี ม ค ๒.๑ ป.๖/๑ ๑-๖ มมุ ภายในของรูปหลายเหล่ยี ม ป.๖/๒ ๗-๘ ความยาวรอบรปู ของรูปหลายเหลยี่ ม ค ๒.๒ ป.๖/๑ ๙-๑๐ การหาพื้นทข่ี องรปู สี่เหล่ยี มคางหมู ป.๖/๒ ๑๑ การหาพื้นทข่ี องรูปสี่เหลย่ี มจัตรุ สั โดยใช้เสน้ ทแยงมมุ ค 2.2 ป.6/3 ๑๒ การหาพืน้ ทีข่ องรปู ส่ีเหลยี่ มขนมเปยี กปูนโดยใชเ้ สน้ ป.6/4 ทแยงมมุ ๑๓ การหาพนื้ ทข่ี องรปู สี่เหลย่ี มรูปวา่ วโดยใชเ้ ส้นทแยงมมุ ๑๔ การหาพ้นื ที่ของรปู ส่ีเหลี่ยมโดยแบง่ เป็นรูปสามเหลี่ยม ๑๕ การหาพื้นที่ของรูปสเ่ี หลย่ี มโดยแบง่ เปน็ รูปสามเหลี่ยม หรือรปู สี่เหลี่ยม ๑๖-๑๗ โจทย์ปัญหาเก่ยี วกับความยาวรอบรปู ของรูปหลาย เหลี่ยม ๑๘-๑๙ โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกับพ้ืนทข่ี องรปู หลายเหลย่ี ม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑๑ รูปวงกลม ๑-๒ สว่ นประกอบของวงกลม ๓-๖ การสร้างวงกลม ๗-๘ ความยาวของเสน้ รอบวง ๙-๑๐ พืน้ ที่ของวงกลม ๑๑-๑๒ โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกบั ความยาวของเส้นรอบวง ๑๓-๑๔ โจทยป์ ญั หาเก่ยี วกบั พน้ื ทีข่ องวงกลม ๑๕-๑๖ โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกับความยาวของเสน้ รอบวงและพ้นื ที่ ของวงกลม หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑๒ รปู เรขาคณิตสามมติ ิ ๑ ลกั ษณะและสว่ นตา่ งๆ ของปริซมึ ๒ ลักษณะและสว่ นต่างๆ ของพีระมิด ๓ ลักษณะและส่วนต่างๆ ของทรงกระบอก ๔ ลักษณะและส่วนต่างๆ ของกรวย ๕ ลักษณะและสว่ นต่างๆ ของทรงกลม ๖-๘ รปู คลี่ของรปู เรขาคณติ สามมิติ ๙-๑๐ ปรมิ าตรของทรงสี่เหลีย่ มมุมฉาก
สปั ดาห์ คาบท่ี หน่วยการเรยี นรู/้ เรอื่ ง มฐ/ตัวชวี้ ดั ๔๐ ๑๑-๑๒ ความจุของทรงสี่เหล่ยี มมุมฉาก ๑๓-๑๕ โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกบั ปริมาตรหรอื ความจขุ องทรง ค 3.1 ป.6/1 สเี่ หลี่ยมมมุ ฉาก หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๓ การนำเสนอข้อมูล ๑-๒ การอ่านแผนภูมิรูปวงกลม ๓-๔ โจทย์ปัญหาเกยี่ วกบั แผนภูมิวงกลม สอบปลายภาค ๑-๒ ทบทวนบทเรียน ๓ ทบทวนบทเรยี น ๔ สอบปลายภาค ๕ สอบปลายภาค เทคนคิ /กระบวนการ/ วิธกี ารสอน การจัดการเรยี นร้ตู ามหลักการพัฒนาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมความพร้อม เพื่อเป็นการกระตุ้นสมอง ตามหลักการทำงานของสมอง เมื่อมีการเคลื่อนไหว ร่างกายอย่างมีความสุข สมองจะหลั่งสารเคมีที่ชือ่ ว่า เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งสารนี้มีความสำคัญมาก ช่วยให้มีจิตใจท่ี สงบและเกิดสมาธิ ซึ่งจะแตกต่างจาก เอนดอร์ฟิน (Endorphin) และ โดพามีน (Dopamine) ที่จะช่วยให้มีความสุขและ สนุกสนาน ซึ่งขั้นตอนนี้นับว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยทางโรงเรียนได้กำหนดไว้ว่า ทุกชั่วโมงที่ครูเข้าสอน ครูจะต้อง Warm Up กอ่ นเสมอ โดยใช้เวลาไมเ่ กิน 5 นาที ข้นั ตอนท่ี 2 : เรียนรู้ ในข้ันตอนน้ีจะคำนงึ ถึงหลักการทำงานของสมองที่ว่า “เรียนรจู้ ากง่ายไปหายาก เรียนรู้จาก ของจริง และจากการสัมผัส” จากการศึกษาทางประสาทวิทยาศาสตร์พบว่า “มือ” เป็นอวัยวะที่มีประสาทสัมผัสที่ส่งผล ต่อการเรียนรู้ได้ดีที่สุด รองลงมาคือ “ปาก” นั่นก็หมายถึง ต้องให้เด็กพูด หรือสื่อสาร การสื่อสารจะช่วยให้เด็กสามารถ เชื่อมโยงเรื่องได้ ดังนั้น การออกแบบรูปแบบการสอน สื่อการสอน คุณครูต้องคำนึงถึงหลักการทำงานของสมองอยา่ งมาก การเรียนการสอนจึงจะประสบความสำเร็จ ในขั้นตอนที่ 2 นี้ มีขั้นตอนย่อยที่สำคัญหนึ่งคือ “การสรุปในแต่ละชั่วโมง” ทางโรงเรียนได้สนับสนุนให้มกี ารฝึกอบรม Graphic Organizer ใหแ้ กค่ ุณครทู ุกกลุ่มสาระ ตลอดจนหนังสอื ทเี่ ก่ียวข้องจาก ตา่ งประเทศ เพอ่ื ใหค้ ณุ ครูใช้เป็นเครอ่ื งมือในการสรปุ ทีช่ ่วยใหเ้ ด็กเกิดความสนุก เกิดการเรยี นรู้ และจดจำได้ง่ายขึ้น ขัน้ ตอนท่ี 3 : ข้ันการฝึก ขน้ั นีจ้ ะสอดคลอ้ งกับหลักการทำงานของสมองท่วี า่ “สมองจะจดจำไดด้ ีนำไปสู่ความจำ ระยะยาว (Long-term Memory) ต้องผ่านกระบวนการฝกึ ซำ้ ๆ” คำวา่ “ซ้ำๆ” ในท่ีนี้ไมไ่ ด้หมายถึง การทำโจทย์เดิมซ้ำๆ แต่หมายถึงการใช้หลักการ เช่น หลักการบวก ก็นำไปใช้กับการบวกที่แตกต่างกันออกไปในโจทย์ คุณครูจึงจำเป็นต้อง ออกแบบใบงานท่แี ตกตา่ งออกไป เพอ่ื ให้นักเรยี นไดฝ้ ึกฝนเรอื่ ยๆ ขั้นตอนที่ 4 : ขั้นการสรุป ขั้นนี้เป็นการสรุปเมื่อจบบทเรียนหรือหน่วย ซึ่งแตกต่างจากขั้นตอนที่ 2 ซึ่งเป็นการ สรุปในแต่ละชั่วโมง ในขั้นตอนนี้เป็นการเชื่อมโยงความรู้ทั้งหน่วย โดยใช้ Graphic Organizer ฝึกให้นักเรียนเชื่อมโยง ความรภู้ ายในบทเรยี น สอดคลอ้ งกับหลักการทำงานของสมองทีว่ ่า “สมองเรยี นรเู้ ป็นองค์รวม” ซ่งึ ขัน้ ตอนนี้มีความสำคัญ ตอ่ เด็กมาก และเปน็ ข้ันตอนที่ค่อนขา้ งยาก ครเู องกจ็ ำเป็นต้องฝกึ ฝนบ่อยๆ เชน่ กัน ขั้นตอนที่ 5 : ขั้นการประยุกต์ใช้ทันทีทันใด การที่เด็กเรียนแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้นั้น ทำให้เกิดการ เรียนร้ไู ดถ้ ึงรอ้ ยละ 90 ดังนน้ั เม่ือจบบทเรียน คณุ ครูตอ้ งคดิ ต้องออกแบบ เชอ่ื มโยงความรู้ทัง้ หน่วย นำข้อสอบมาให้เด็ก ทดลองทำ
การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารเก็บคะแนน คะแนนระหวา่ งภาค : ปลายภาค = ๗๐ : ๓๐ โดยแบ่งดงั น้ี เร่อื งทีเ่ ก็บคะแนน คะแนน ประเภทเคร่ืองมือ ๑.คะแนนเกบ็ ก่อนกลางปี ๒๕ ๑.๑ ผลงานนกั เรียน ๑๕ สมุด แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ช้นิ งาน ๑.๒ ทดสอบหลงั เรียน ๑๐ แบบทดสอบหลงั เรียน ๒. สอบกลางปี ๒๐ แบบทดสอบ ๓.คะแนนหลังกลางปี ๒๕ ๓.๑ ผลงานนักเรยี น ๑๕ สมดุ แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ชิน้ งาน ๓.๒ ทดสอบหลังเรียน ๑๐ แบบทดสอบหลงั เรียน ๔.สอบปลายปี ๓๐ รวม ๑๐๐ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ -สือ่ ประจำหนว่ ยการจดั การเรียนรู้ -หนังสือเรียนคณิตศาสตร์ และแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท
แผนผงั มโนทัศนเ์ ป้าหมายการเรยี นรู้/ หลกั ฐานการเรยี นรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทักษะ/กระบวนการ(Process: P) คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๑.บอกหลักการเปรียบเทียบและ ๑.เขียนเปรียบเทียบและเรียงลำดับ ๑. มวี ินัย เรียงลำดบั เศษส่วนได้ (K) เศษส่วนได้ (P) ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๒. บอกวิธีการบวกเศษส่วนและ ๒.สร้างชิ้นงานแสดงรูปเศษส่วน ๓. มุ่งมัน่ ในการทำงาน จำนวนคละได้ (K) ๓.เขียนแสดงการบวกเศษส่วนและ ๓.บอกวิธีการบวกเศษส่วนและ จำนวนคละพร้อมทั้งตระหนักถึง จำนวนคละได้ (K) ความสมเหตุสมผลของคำตอบได้ (P) ๔.บอกวิธีการบวก ลบเศษส่วนและ ๔.เขียนแสดงการบวกเศษส่วนและ จำนวนคละระคนได้ (K) จำนวนคละพร้อมทั้งตระหนักถึง ๕.บอกวิธีการคูณ หารเศษส่วนและ ความสม จำนวนคละระคนได้ (K) เหตุสมผลของคำตอบได้ (P) ๖.บอกวิธีการบวก ลบ คูณ หาร ๕.เขียนแสดงการบวก ลบเศษส่วน เศษสว่ นและจำนวนคละระคน ได้ (K) แ ล ะ จ ำ น ว น ค ล ะ ร ะ ค น พ ร ้ อ ม ท้ั ง ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของ คำตอบได้ (P) ๖.เขียนแสดงการคูณ หารเศษส่วน และจำนวนคละระคน พร้อมท้ัง ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของ คำตอบได้ (P) ๗.เขียนแสดงการบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนและจำนวนคละระคน พร้อมทั้งตระหนักถึงความ สมเหตุสมผลของคำตอบได้ (P) เปา้ หมายการเรยี น เรอื่ ง เศษสว่ น หลกั ฐานการเรียนรู้ -รูปแสดงเศษส่วน
แผนผังมโนทัศนข์ ้ันตอนการทำกิจกรรมประกอบการจดั การเรียนรู้ด้วย การสอนตามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ศึกษามาตรฐานการรเรียนรู้ / ตวั ชี้วดั และจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น ทำกิจกรรมโดยใช้กระบวนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลักการพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ขั้นท่ี 1 เตรียมความพร้อม ข้ันที่ 2 เรยี นรู้ ข้นั ที่ 3 ขัน้ การฝึก ขน้ั ที่ 4 ข้นั การสรปุ ขั้นท่ี 5 ขน้ั การประยุกตใ์ ช้ทันทีทันใด ทดสอบหลังเรียน (ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 60)
ผังมโนทัศน์ หน่วยการเร หน่วยการเรียน จำนวน ๑ แผนท่ี ๑ การเปรียบเทยี บเศษสว่ น แผนท่ี ๒ การ และจำน แผนที่ ๔ การบวก ลบเศษส่วน และจำนวนคละระคน แผนที่ ๕ การคูณ และจำนวน การเรียนรู้แบ ภาษาไทย 1.ฟังแสดงความคดิ เหน็ 2.พดู แสดงความคดิ เหน็ และตอบคำถามอา่ นและสะกดคำ ๓.การเขียนสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์
รียนรู้ท่ี ๒ เศษสว่ น นรู้ท่ี ๒ เศษส่วน ๑๒ ช่ัวโมง รบวกเศษสว่ น แผนที่ ๓ การลบเศษส่วน นวนคละ ณ หารเศษส่วน และจำนวนคละ นคละระคน แผนท่ี ๖ การบวก ลบ คูณ หาร บบบูรณาการ เศษสว่ น และจำนวนคละระคน ศิลปะ : ทัศนศลิ ป์ ๑. การออกแบบตกแตง่ งานรปู แสดงเศษส่วน
แผนบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ครู ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมีภูมคิ มุ้ กนั ในตวั ที่ดี 1. ออกแบบการจัดกจิ กรรม ตรงตาม 1. ออกแบบการเรียนรสู้ ง่ เสริมกระบวนการคดิ 1. ศกึ ษาแนวทางการจัดการเรยี นรลู้ ่วงหนา้ ตัวช้ีวัด 2. ใช้เทคนิคการจัดการเรยี นรู้ทีห่ ลากหลาย 2. จัดเตรยี มการวดั ผลประเมินผล และแบบ 2. เลือกสื่อ แหล่งเรียนรเู้ หมาะสม สังเกตพฤติกรมนกั เรยี น 3. วดั ผลประเมนิ ผลตรงตามเน้อื หา เงอ่ื นไขความรู้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม 1. รู้จักเทคนคิ การสอนทส่ี ่งเสรมิ กระบวนการคดิ และนกั เรียน 1. มีความขยนั เสยี สละ และมุง่ มนั่ ในการจัดหาส่ือมาพัฒนา สามารถเรียนรไู้ ด้อยา่ งมคี วามสขุ นักเรียนให้บรรลตุ ามจดุ ประสงค์ 2. มีความอดทนเพอ่ื พฒั นานักเรยี นโดยใช้เทคนคิ การสอนที่ หลากหลาย นกั เรียน ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมีภูมคิ ้มุ กันในตัวที่ดี 1. การใชเ้ วลาในการทำกิจกรรม/ภาระงาน 1. ฝึกกระบวนการทำงานเปน็ กลมุ่ 1. วางแผนการศึกษาคน้ ควา้ อสิ ระ ได้อย่างเหมาะสม ทันเวลา 2. ฝึกกระบวนการแสดงข้นั ตอนการหาผลลพั ธ์ 2. นำความรเู้ รื่องเศษส่วน ไปใชใ้ น 2. เลอื กสมาชกิ กลมุ่ ไดเ้ หมาะสมกบั เนอื้ หาท่ี ชีวติ ประจำวนั ได้ เรยี นและศักยภาพของตน เงอื่ นไขความรู้ เง่อื นไขคณุ ธรรม 1. มคี วามรู้เรอื่ งเศษส่วนตลอดจนสามารถสรา้ งจัดทำช้ินงาน ได้ตาม 1. มีความรับผดิ ชอบ และปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงของกลมุ่ วัตถปุ ระสงค์ 2. มสี ติ มีสมาธชิ ่วยเหลือกันในการทำงานร่วมกนั ส่งผลตอ่ การพัฒนา 4 มิติให้ยัง่ ยืนยอมรับต่อการเปลยี่ นแปลงในยคุ โลกาภิวฒั น์ วัตถุ สังคม ส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรม ความรู้ (K) มคี วามรูค้ วามเข้าใจ เรื่องเศษส่วน มคี วามรู้และเข้าใจ มคี วามรแู้ ละเข้าใจ มคี วามรแู้ ละเข้าใจการ กระบวนการทำงาน เก่ียวกบั สงิ่ แวดล้อม ช่วยเหลือ แบง่ ปัน กลมุ่ และสิ่งตา่ งๆรอบตัว ทกั ษะ (P) สรา้ งช้นิ งาน เรื่องเศษส่วน ทำงานไดส้ ำเร็จตาม ใชแ้ หล่งเรียนรโู้ ดยไม่ ชว่ ยเหลือ แบง่ ปันซง่ึ เป้าหมาย ดว้ ย ทำลายสิง่ แวดลอ้ ม กัน และกัน กระบวนการกลุ่ม ค่านยิ ม (A) เหน็ ประโยชนข์ องเรียนรู้ เกยี่ วกบั เรือ่ ง เห็นคณุ คา่ และ เห็นคุณคา่ ของการใช้ ปลูกฝังนสิ ยั การ เศษส่วน ภาคภมู ใิ จในการ แหลง่ เรียนรโู้ ดยไม่ ช่วยเหลอื แบง่ ปัน ทำงานร่วมกันได้ ทำลายสง่ิ แวดล้อม สำเรจ็
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๒ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เร่ือง เศษสว่ น วิชาคณิตศาสตร์ เวลา ๑๒ ชว่ั โมง 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้ีวัด มาตรฐานการเรียนรู้ ค 1.1 : เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการ ของจำนวน ผลที่เกดิ ขน้ึ จากการดำเนนิ การ สมบัติของการดำเนนิ การ และการนำไปใช้ ตวั ชี้วัด ป.6/1 :เปรยี บเทียบ เรียงลำดบั เศษส่วนและจำนวนคละ จากสถานการณต์ ่างๆ ป.6/7 :หาผลลพั ธข์ องการบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ 2.สาระสำคัญ การเปรียบเทียบเศษสว่ นท่ีมีตวั สว่ นไม่เทา่ กัน ใช้วิธีแปลงเศษสว่ นใหเ้ ป็นเศษสว่ นท่ีมตี ัวสว่ นเทา่ กันก่อน แลว้ จึงนำมาเปรียบเทียบ หรืออาจใชว้ ิธคี ูณไขว้ระหวา่ งตวั เศษและตัวส่วน แล้วนำผลคูณทไี่ ด้มาเปรียบเทยี บกนั การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนไม่เทา่ กนั จะตอ้ งทาตวั สว่ นให้เท่ากันกอ่ นโดยอาจทาตัวส่วนของแต่ละจานวนใหเ้ ท่า กบั ค.ร.น. ของตวั สว่ นท้ังหมดแล้วจงึ หาผลบวก การบวกจานวนคละอาจเขียนจานวนคละในรูปเศษเกินก่อนแลว้ จงึ หาผลบวก การลบเศษส่วนที่มตี วั ส่วนไมเ่ ท่ากันจะต้องทำตวั สว่ นใหเ้ ท่ากันก่อนโดยอาจทำตวั ส่วนของแต่ละ จำนวนใหเ้ ท่ากบั ค.ร.น. ของตวั ส่วนทง้ั หมดแลว้ จงึ หาผลลบ การบวก ลบเศษส่วนระคนจะต้องหาคาตอบใน วงเลบ็ กอ่ นเสมอ ถ้าเปน็ การบวก ลบเศษส่วนจะตอ้ งทาส่วนทุกจานวนใหม้ ีค่าเทา่ กัน แล้วจงึ นาตวั เศษมาบวกลบ กัน การคณู หารเศษส่วนระคนจะต้องหาคาตอบในวงเล็บก่อนเสมอ การคูณเศษส่วนใช้วธิ ที าตัวเศษคูณกับตวั เศษ และตัวส่วนคณู กบั ตัวสว่ น ถ้าตัวเศษและตัวส่วนมีตวั หารร่วม ใหท้ าตัวหารร่วมมาหารทงั้ ตัวเศษและตวั ส่วนก่อน แลว้ จงึ หาผลคูณ สว่ นการหารอาจคิดไดจ้ ากการนาส่วนกลบั ของเศษส่วนท่เี ป็นตวั หารคูณกบั ตวั ตั้ง การบวก ลบ คณู หารเศษส่วนระคน โดยหาผลลพั ธ์ของเศษสว่ นในวงเลบ็ ก่อน การบวกหรือการลบเศษส่วนตอ้ งทาตวั ส่วนให้ เทา่ กนั ก่อน โดยการหา ค.ร.น. ของตัวสว่ น แล้วทาตัวส่วนของแตล่ ะจานวนใหเ้ ท่ากบั ค.ร.น. แล้วจึงบวกหรอื ลบ กัน การคูณเศษส่วนใช้วิธนี าตัวเศษคูณกับตัวเศษ และตวั ส่วนคณู กบั ตัวส่วน การหารเศษสว่ น อาจคดิ ไดจ้ ากการคณู ดว้ ยส่วนกลบั ของเศษสว่ นท่เี ปน็ ตวั หาร 3. สาระการเรียนรู้ - การเปรยี บเทยี บและ - การเรียงลำดับเศษสว่ น - การบวกเศษสว่ น - การบวกจำนวนคละอาจเขียนจำนวนคละในรปู เศษเกินก่อน แล้วจงึ หาผลบวก - การลบเศษส่วน - การลบจำนวนคละอาจเขยี นจำนวนคละในรปู เศษเกนิ กอ่ น แล้วจงึ หาผลบวก - การบวก ลบเศษส่วนและจำนวนคละระคน - การคณู หารเศษสว่ นและจำนวนคละระคน - การบวก ลบ คณู หารเศษส่วนและจำนวนคละระคน
4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๕. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. มีวินยั ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 6. ชนิ้ งาน/ภาระงาน ๑. รูปแสดงเศษสว่ น 7. การวดั และประเมนิ ผล เครอื่ งมือ เกณฑ์ วธิ กี าร แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๖๐ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ ตรวจแบบทดสอบกอ่ น-หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ แบบฝึกหดั หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๒ ระดบั คุณภาพ 2 ตรวจแบบฝึกหดั หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๒ ผ่านเกณฑ์ ตรวจชนิ้ งานหน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๒ ชน้ิ งานหน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ สงั เกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่นใน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงาน ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ี 1 การเปรียบเทียบ และเรียงลำดับเศษสว่ น ช่วั โมงท่ี 1 ๑. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง ๙ ช่องประกอบการท่องสูตร คณู หลงั จากนั้นใหน้ กั เรียนคิดเลขเร็วจำนวน ๓ ข้อ และทดสอบก่อนเรยี น ๒. ครนู ำรปู สีเ่ หลี่ยมมุมฉากท่แี บ่งจำนวนชอ่ งเทา่ ๆ กนั แตร่ ะบายสีจำนวนชอ่ งไมเ่ ท่ากันติดบน กระดาน แล้วให้ต้ังคำถามเกีย่ วกบั ภาพท่นี ักเรยี นเหน็ ให้นกั เรียนอธบิ ายว่า ถา้ เศษส่วนทง้ั สองจำนวนมีตัว ส่วนเทา่ กัน เศษส่วนท่ีมตี วั เศษมากกว่าจะมคี า่ มากกวา่ ใช่หรือไม่ ดังนี้ รูปที่ 1 → 2 5 รปู ที่ 1 → 4 จากภาพสว่ นที่ระบายสีรปู ที่ 1 มคี ่าน้อยกว่าส่วนท่ีระบายสรี ูปท่ี 2 5
ดงั นัน้ 2 < 4 55 ๓.นักเรยี นคิดว่าจำนวนใดที่มีค่ามากกว่าเมอ่ื เปรยี บเทียบเศษส่วนสว่ น รูปท่ี 1 → 2 6 รปู ที่ 1 → 2 3 ๔.ครูให้นักเรียนคน้ หาผลลพั ธจ์ ากการคน้ คว้าดว้ ยตนเองกอ่ น ซง่ึ สงั เกตไดจ้ ากรปู ภาพท่ีครูใหไ้ ป เปรยี บเทยี บรปู ภาพช่องท่ีใหญก่ วา่ จะมีคา่ มากกว่า จากภาพสว่ นท่ีระบายสีรปู ที่ 1 มีคา่ น้อยกวา่ สว่ นที่ระบายสรี ูปที่ 2 ดังน้นั 2 < 2 63 ๕.ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปอธิบายได้วา่ ถ้าเศษสว่ นทงั้ สองจำนวนมีตวั สว่ นไม่เท่ากนั ให้ใช้วธิ ี ทำตวั สว่ นของเศษสว่ นท้ังสองจำนวนให้เท่ากันกอ่ น แลว้ จงึ นำมาเปรยี บเทียบกนั สามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้ วธิ ีท่ี 1) ทำตัวสว่ นให้เทา่ กนั โดยการหา ค.ร.น. ตวั อยา่ ง พิจารณาการเปรยี บเทียบ 2 และ 2 ตวั สว่ นของเศษสว่ นทงั้ สองจำนวนน้ี คือ จำนวน 6 63 และ 3 จะได้ 3 ) 6 3 21 ดงั น้นั ค.ร.น. ของ 6 และ 3 คือ 3 × 2 × 1 = 6 จะไดว้ า่ 2 = 2×1 = 2 = 6 6 6×1 4 6 และ 2 = 2×2 3 3×2 จะได้ 2 < 2 63 วิธที ่ี 2) ทำตวั ส่วนใหเ้ ท่ากนั โดยการคูณไขว้ ตวั อยา่ ง พจิ ารณาการเปรยี บเทยี บ 2 และ 2 63 พจิ ารณาการคูณไขว้ 2 2 63 จะได้ 2 × 3 และ 2 × 6
เนื่องจาก 2 × 3 < 2 × 6 คือ 6 < 12 ดังน้ัน 2 < 2 63 ๕. ครใู หน้ ักเรียนช่วยกันเปรยี บเทียบเศษสว่ นจนนกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจ 2 กับ 3 35 3 กับ 4 57 3 กบั 2 85 4 กับ 3 11 8 4 กบั 24 7 42 ๖. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปสิ่งทไี่ ดเ้ รียนรูร้ ่วมกนั ดังน้ี การเปรยี บเทียบเศษสว่ นทีม่ ีตวั สว่ นไม่ เทา่ กันจะตอ้ งทาส่วนของเศษสว่ นเหล่านั้นให้เท่ากนั ก่อนโดยการหา ค.ร.น. ของตวั สว่ นท้งั สองแลว้ นา เศษมาเปรยี บเทยี บกนั หรอื การเปรยี บเทยี บเศษสว่ นท่มี ีตวั ส่วนไม่เท่ากัน ทาได้อีกวิธหี นึ่งคือการคูณไขว้ ๗. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. หนา้ ช่วั โมงที่ ๒ ๑. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้แก้วและตาราง ๙ ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจาก น้ันให้นักเรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ และทดสอบก่อนเรียน ๒.ครกู ำหนดเศษส่วนที่มีตวั ส่วนเท่ากนั 14 , 11 , 12 , 18 ให้นักเรียนช่วยกันเรียงลำดบั จาก 16 16 16 16 มากไปหานอ้ ย และจากน้อยไปหามาก ดังนี้ จาก 14 , 11 , 12 , 18 ตัวส่วนมจี านวนเทา่ กัน คือ 16 16 16 16 16 เมอื่ เรียงลำดบั จากนอ้ ยไปหามากจะไดด้ ังน้ี 11 , 12 , 14 , 18 16 16 16 16 เม่อื เรียงลำดับจากมากไปหาน้อยจะได้ดังนี้ 18 , 14 , 12 , 11 16 16 16 16 ๓.ครกู ำหนดเศษส่วนที่มีตวั เศษและตวั สว่ นไมเ่ ทา่ กนั ดงั นี้ 4 , 6 , 5 6 12 8 ครอู ธบิ ายการเรียงลำดับเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนไมเ่ ท่ากนั ใหใ้ ชว้ ธิ ีแปลงเศษส่วนทุกจำนวนให้เปน็ เศษสว่ นที่มี ตวั ส่วนเทา่ กัน แล้วจึงนำมาเรียงลำดบั ดงั นี้ → 4 6 → 6 12 → 5 8
วิธีทำ ทาเศษส่วนทกุ จานวนให้เป็นเศษส่วนที่มีตัวสว่ นเทา่ กันกอ่ นโดยการหา ค.ร.น. ของตวั สว่ น ค.ร.น. ของ 6 8 และ 12 คอื 24 วิธีคดิ หา ค.ร.น. 2 6 12 8 3 3 64 2 1 24 1 12 ค.ร.น. ของ 6 12 และ 8 คอื 2 × 3 × 2 × 2 = 24 จากน้นั ให้ทาเศษส่วนทกุ จานวนใหม้ ตี วั สว่ นเท่ากบั 24 ซง่ึ จะได้ดงั นี้ 4= 4×4 = 16 24 6 6×4 6= 6×2 = 12 24 12 12×2 5= 5×3 = 15 24 8 8×3 เมอื่ เรียงลาดบั จากจากมากไปหาน้อย จะได้ 16 , 15 , 12 24 24 24 ดงั น้นั เรยี งลาดบั เศษส่วนจากมากไปหาน้อย ไดด้ ังนี้ 4 , 5 , 6 6 8 12 ๔.ครกู าหนดเศษส่วนใหน้ ักเรียนเรียงลาดับเศษสว่ นตอ่ ไปน้จี ากน้อยไปหามาก กาหนดโจทยใ์ ห้ 2 , 3 , 1 542 วธิ ีทำ ค.ร.น. ของ 5, 4 และ 2 คอื 20 จะได้ 2 = 2×4 = 8 20 5 5×4 3 = 3×5 = 15 20 4 4×5 1 = 1×10 = 10 20 2 2×10 เม่ือเรียงลาดับจากน้อยไปหามากจะได้ 8 , 10 , 15 20 20 20 ดงั น้ัน เรยี งลาดับเศษสว่ นจากน้อยไปหามากจะได้ดงั นี้ 2 , 1 , 3 524 ๕. ครูให้นกั เรยี นชว่ ยกันเรียงลาดับเศษส่วนจนนกั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ จงเรยี งลาดบั เศษสว่ นตอ่ ไปนจี้ ากนอ้ ยไปหามาก
1. 5 3 2 643 2. 5 2 5 639 3. 1 5 9 3 12 24 จงเรยี งลาดับเศษส่วนตอ่ ไปนี้จากมากไปหาน้อย 1. 5 11 8 6 12 9 2. 4 3 7 3 5 4 10 2 3. 5 3 2 3 7 5 39 ๗.ครูให้นกั เรียนสรา้ งรูปแสดงเศษส่วน และร่วมกันสรปุ สง่ิ ทีไ่ ดเ้ รียนรรู้ ว่ มกัน ดังนี้ การ เรียงลาดับเศษสว่ นทม่ี ตี วั สว่ นไมเ่ ทา่ กัน ใช้วิธที าให้เป็นเศษส่วนท่มี ตี วั ส่วนเทา่ กันก่อน จากนั้นนามา เปรยี บเทียบแลว้ เรียงลาดับจากนอ้ ยไปมากหรอื จากมากไปนอ้ ย ๘. ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมที่ ๒ กำรบวกเศษส่วน และจำนวนคละ ช่วั โมงที่ 1 ๑. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง ๙ ช่องประกอบการท่องสูตร คูณ หลังจากนน้ั ให้นักเรียนคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ข้อ ๒. ครูทบทวนการบวกเศษสว่ นทีม่ ีตัวส่วนเทา่ กัน โดยเขยี นประโยคสัญลกั ษณบ์ นกระดาน ดังน้ี 2+1= 44 2 1 9 + 9 = ครูถามคำถามต่อไปน้ี - ในแต่ละขอ้ นกั เรยี นสงั เกตพบอะไร (ตัวสว่ นเทา่ กัน) - จะหาผลบวกได้อยา่ งไร (นำตวั เศษมาบวกกนั ตัวสว่ นคงเดมิ ) ๓. ครเู ขียนโจทย์ 6 + 1 = บนกระดานและอธิบายว่าการบวกเศษส่วนทม่ี ตี ัวส่วนไม่เท่ากนั 95 ต้องทำตวั สว่ นให้เทา่ กันก่อน โดยทำให้ตวั ส่วนของแต่ละจำนวนเท่ากับ ค.ร.น. ของตวั สว่ นทง้ั หมดแล้วจึง บวกกนั โดยมีครูคอยใหค้ ำแนะนำ ช้ีแนะแนวทางในการหาคำตอบ โดยต้งั คำถามดังน้ี - ตวั สว่ นของทงั้ สองจำนวนมีคา่ เทา่ กนั หรือไม่ (ไมเ่ ทา่ กัน) - นกั เรยี นจะหาผลบวกได้อย่างไร (ตอ้ งทำตวั ส่วนให้เท่ากันกอ่ น) - นกั เรยี นต้องหา ค.ร.น. ของตวั เศษหรอื ตวั สว่ น (ตัวสว่ น)
๔. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั แสดงวธิ ีหาผลบวกของ 6 + 1 = ดังน้ี 95 - นา 5 มาคณู ทั้งตัวเศษและตวั สว่ นของ 6 9 - นา 9 มาคณู ทง้ั ตัวเศษและตวั ส่วนของ 1 5 ได้ดงั น้ี ค.ร.น. ของ 9 และ 5 คือ 45 6 + 1 = 6×5 + 1×9 95 9×5 5×9 = 30 + 9 45 45 = 30+9 45 = 39 45 ๕. นักเรียนสามรถอธิบายความรู้เรื่องการบวกเศษส่วนไดอ้ ีกวิธี ก็จะได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกับวธิ ที ี่ 1 ดงั นี้ วธิ ที ำ 6 + 1 = (6×5)+(1×9) 95 45 = 30+9 45 = 39 5 ๖.ให้นักเรียนฝึกปฏบิ ัติการหาคาตอบของการบวกเศษส่วนต่อไปน้ี (ตอบเป็นเศษส่วนอยา่ งต่า) 1. 3 + 4 = 58 2. 6 + 2 = 15 3 3. 4 + 2 = 15 10 4. 7 + 1 = 83 5. 3 + 5 = 5 12 ๗.ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปสง่ิ ทไี่ ด้เรียนรูร้ ่วมกัน ดงั นี้ การบวกเศษส่วนทีม่ ตี ัวส่วนไมเ่ ทา่ กนั จะต้องทำตวั สว่ นใหเ้ ทา่ กันกอ่ น โดยอาจทำตวั สว่ นของแตล่ ะจำนวนใหเ้ ทา่ กับ ค.ร.น. ของตวั สว่ นทง้ั หมด แลว้ จงึ หาผลบวก ๗. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท.
ชั่วโมงท่ี ๒ ๑. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง ๙ ช่องประกอบการท่องสูตร คณู หลังจากน้นั ให้นักเรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ ๒.ครูทบทวนการบวกเศษส่วน โดยเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์บนกระดานแลว้ ใหน้ ักเรียนบอกวิธี คิดและวิธีเขียนแสดงการบวก ดังน้ี วธิ ีทำ 3+2 = 3 + 2×2 84 8 4×2 = 3+4 88 = 3+4 8 =7 8 ตอบ ๗ ๘ ๓.ครเู ขยี นโจทย์ 3 1 + 3 = บนกระดาน ครถู ามคำถามนกั เรียนต่อไปนี้ 28 - หาคำตอบได้อยา่ งไร (เขยี นจำนวนคละ ในรูปเศษเกิน 3 1) 2 1 (7) - 3 2 คอื เศษส่วนใด 2 - มวี ิธีคิดอย่างไร (2 × 3 ได้ 6 แลว้ บวกกบั 1 ได้ 7 เปน็ ตวั เศษ ตวั สว่ นคงเดิม) - หาผลบวกไดอ้ ยา่ งไร (ทำตวั ส่วนให้เทา่ กันแล้วนำตวั เศษมาบวกกัน ตวั ส่วนคงเดิม) ๔.ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั แสดงวิธีหาผลบวกของ 3 1 + 3 = ดังนี้ 28 31+3 = 7+3 วิธที ำ 28 28 = 7×4 + 3 2×4 8 = 28 + 3 88 = 28+3 8 = 31 8 = 37 8 ตอบ ๓ ๗ ๘
๖.ใหน้ กั เรียนฝึกปฏบิ ัติการหาคาตอบของการบวกเศษส่วนจานวนคละต่อไปน้ี 1. 1 5 + 9 = 6 10 2. 1 7 + 4 2 = 8 3 3. 3 6 + 1 1 = 7 21 4. 4 2 + 3 8 = 3 9 5. 6 2 + 1 5 = 11 7 ๗.ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปส่งิ ทไี่ ดเ้ รยี นรู้รว่ มกัน ดังนี้ การบวกจำนวนคละอาจเขยี น จำนวนคละในรปู เศษเกินกอ่ น แลว้ จงึ หาผลบวก ๘. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมท่ี ๓ กำรลบเศษส่วน และจำนวนคละ ช่ัวโมงที่ 1 ๑. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง ๙ ช่องประกอบการท่องสูตร คณู หลังจากนั้นให้นกั เรยี นคดิ เลขเร็วจานวน 3 ข้อ ๒. ครทู บทวนการลบเศษส่วนทีม่ ีตัวสว่ นเท่ากนั โดยเขียนประโยคสัญลกั ษณบ์ นกระดาน ดังนี้ - 7-2= 99 - 7-3= 88 ครถู ามคำถามตอ่ ไปนี้ - ในแต่ละข้อนกั เรียนสังเกตพบอะไร (ตวั ส่วนเท่ากัน) - จะหาผลลบได้อย่างไร (นำตัวเศษมาลบกันตัวสว่ นคงเดมิ ) ๓.ครเู ขียนโจทย์ 6 - 3 = บนกระดานและอธบิ ายว่าการลบเศษสว่ นที่มตี ัวสว่ นไม่เทา่ กนั 97 ตอ้ งทำตัวส่วนให้เทา่ กนั ก่อน โดยทำใหต้ ัวส่วนของแตล่ ะจำนวนเท่ากบั ค.ร.น. ของตัวสว่ นทงั้ หมดแล้วจงึ ลบกัน โดยมคี รคู อยให้คำแนะนำ ช้ีแนะแนวทางในการหาคำตอบ โดยตงั้ คำถามดงั น้ี - ตัวสว่ นของทง้ั สองจำนวนมีค่าเท่ากันหรือไม่ (ไมเ่ ทา่ กนั ) - นกั เรียนจะหาผลลบได้อย่างไร (ต้องทำตวั ส่วนใหเ้ ท่ากันกอ่ น) - นกั เรยี นตอ้ งหา ค.ร.น. ของตวั เศษหรอื ตัวส่วน (ตวั สว่ น) ๔.ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั แสดงวธิ หี าผลบวกของ 6 - 3 = ดังน้ี 97 - นา 7 มาคูณทง้ั ตวั เศษและตัวส่วนของ 6 9 - นา 9 มาคูณท้ังตัวเศษและตวั สว่ นของ 3 7 ไดด้ งั น้ี ค.ร.น. ของ 9 และ 5 คอื 45 6 - 3 = 6×7 - 3×9 97 9×7 7×9
= 42 - 27 63 63 = 42−27 63 = 15 63 =5 21 ๕.นกั เรยี นสามรถอธบิ ายความรเู้ รอื่ งการลบเศษสว่ นไดอ้ ีกวธิ ี กจ็ ะไดผ้ ลลพั ธ์เช่นเดยี วกบั วธิ ีที่ 1 ดงั น้ี วธิ ที ำ 6-3 = (6×7)−(3×9) 97 63 = 42−27 63 = 15 63 =5 21 ๖. ครใู หน้ กั เรยี นช่วยกนั แสดงวิธกี ารหาคาตอบของการลบเศษส่วนจนนกั เรยี นมีความรู้ ความ เข้าใจ 1. 8 - 5 = 96 2. 9 - 7 = 10 15 3. 8 - 7 = 15 20 ๗.ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ส่ิงทไ่ี ดเ้ รียนรู้ร่วมกนั ดังนี้ การลบเศษสว่ นท่มี ตี วั สว่ นไมเ่ ทา่ กนั จะตอ้ งทำตวั สว่ นให้เทา่ กนั กอ่ น โดยอาจทำตวั สว่ นของแต่ละจำนวนใหเ้ ทา่ กับ ค.ร.น. ของตัวส่วนท้ังหมด แล้วจงึ หาผลลบ ๘. ครูให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. ชั่วโมงที่ ๒ ๑. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง ๙ ช่องประกอบการท่องสูตร คณู หลังจากนน้ั ให้นักเรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ ๒.ครูทบทวนการลบเศษส่วน โดยเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์บนกระดานแลว้ ให้นกั เรียนบอกวธิ คี ิด และวิธเี ขียนแสดงการบวก ดงั น้ี วิธีทำ 2-5 = 2×3 - 5 39 3×3 9 = 6-5 99
= 6−5 9 =1 9 ตอบ ๑ ๙ ๓.ครูเขยี นโจทย์ 4 1 - 2 1 = บนกระดาน ครูถามคาถามนักเรียนต่อไปนี้ 23 - หาคาตอบได้อยา่ งไร (เขยี นจานวนคละ ในรปู เศษเกิน) - 4 1 คือเศษสว่ นใด (9) 22 - มวี ิธีคดิ อย่างไร (2 × 4 ได้ 8 แล้วบวกกับ 1 ได้ 9 เปน็ ตัวเศษ ตวั สว่ นคงเดิม) - 2 1 คือเศษสว่ นใด (7) 33 - มวี ิธีคิดอยา่ งไร (2 × 3 ได้ 6 แลว้ บวกกับ 1 ได้ 7 เปน็ ตัวเศษ ตัวส่วนคงเดิม) - หาผลลบไดอ้ ย่างไร (ทาตวั สว่ นใหเ้ ท่ากนั แล้วนาตวั เศษมาลบกัน ตวั สว่ นคงเดิม) - ค.ร.น. ของ 2 และ 3 คอื เท่าใด (6) ๔. ครูและนกั เรียนร่วมกันแสดงวิธหี าผลลบของ 4 1 - 2 1 = ดังน้ี 23 วธิ ีทำ 4 1 - 2 1 = 9 - 7 23 23 = 9×3 - 7×2 2×3 3×2 = 27 - 14 66 = 27−14 6 = 13 6 = 21 6 ตอบ ๒ ๑ ๖ ๕.ครูให้นกั เรียนช่วยกันแสดงวิธกี ารหาคาตอบของการลบเศษสว่ น จานวนคละจนนกั เรียนมี ความรู้ ความเข้าใจ 1. 8 4 - 2 1 = 5 4 2. 6 5 - 4 2 = 7 3 3. 2 6 - 1 5 = 11 7 4. 2 7 - 1 3 = 8 7
๖.ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ สิ่งทไี่ ด้เรยี นรรู้ ่วมกนั ดังน้ี การลบจำนวนคละอาจเขยี นจำนวน คละในรูปเศษเกนิ ก่อน แลว้ จงึ หาผลลบ ๗. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมที่ ๔ การบวก ลบ เศษส่วนและจำนวนคละระคน ช่ัวโมงท่ี 1 ๑. ครูให้นักเรียนท่องสตู รคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐแ์ ละตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคูณ หลงั จากนั้นใหน้ ักเรยี นคดิ เลขเรว็ จานวน 3 ขอ้ ๒.ครูทบทวนการบวกและลบเศษสว่ น โดยเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์บนกระดานแลว้ ใหน้ กั เรยี น บอกวธิ ีคดิ และวธิ เี ขียนแสดงการบวกและลบ ดงั นี้ ตัวอย่ำงท่ี 1 3 + 1 = 72 วธิ ีทำ หา ค.ร.น. ของ 7 และ 2 ได้ 14 3+1 = 3×2 + 1×7 72 7×2 2×7 = 6+7 14 14 = 6+7 14 = 13 14 ตอบ ๑๓ ๑๔ ตวั อยำ่ งที่ 2 7 - 5 = 68 วิธที ำ หา ค.ร.น. ของ 6 และ 8 ได้ 24 7-5 = 7×4 - 5×3 68 6×4 8×3 = 28 - 15 24 24 = 28−15 24 = 13 24 ตอบ ๑๓ ๒๔ ๓. ครยู กตัวอยา่ งโจทยก์ ารบวกลบระคนบนกระดานให้ แล้วใหน้ กั เรยี นตอบคาถามพร้อมทง้ั ชว่ ยกนั แสดงวิธที า ดงั น้ี
(5 + 3) − 11 = 7 8 28 ครถู ามคาถามนักเรียนต่อไปนี้ - หา ค.ร.น. ของ 7, 8 และ 28 ไดเ้ ทา่ ไร (56) - 5 ทาส่วนใหเ้ ปน็ 56 ไดอ้ ยา่ งไร (นาตัวสว่ น คอื 7 ไปหาร 56 ไดผ้ ลลัพธ์ 8 แล้วนา 8 ไป 7 คูณทงั้ ตัวเศษและตวั ส่วนได้ 5×8) 7×8 - 3 ทาส่วนให้เป็น 56 ได้อยา่ งไร (นาตัวสว่ น คือ 8 ไปหาร 56 ไดผ้ ลลพั ธ์ 7 แลว้ นา 7 ไป 8 คณู ทง้ั ตัวเศษและตวั ส่วนได้ 3×7) 8×7 - 11 ทาสว่ นให้เปน็ 56 ได้อยา่ งไร (นาตวั สว่ น คอื 28 ไปหาร 56 ได้ผลลพั ธ์ 2 แลว้ นา 2 28 ไปคณู ทง้ั ตวั เศษและตัวส่วนได้ 11×2) 28×2 ๔. ครูและนักเรียนรว่ มกนั แสดงวิธหี าคาตอบของ (5 + 3) − 11 = ดงั นี้ 7 8 28 วธิ ีทำ หา ค.ร.น. ของ 7 8 และ 28 ได้ 56 (5 + 3) − 11 = (5×8)+(3×7)−(11×2) 56 7 8 28 = (40+21)−22 56 = 61 - 22 56 56 = 61−22 56 = 39 56 ตอบ ๓๙ ๕๖ ๕. ครใู ห้นกั เรียนชว่ ยกนั แสดงวิธีการหาคาตอบของการบวก ลบเศษสว่ น จานวนคละจน นกั เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ 1. (11 + 10) − 3 = 12 20 5 2.(1 4 − 83) +5 = 7 56 3.(45 − 34) +3 7 = 20
๖.ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ สง่ิ ท่ไี ดเ้ รยี นรู้ร่วมกัน ดงั น้ี การบวก ลบเศษส่วนระคน ทาได้ดงั นี้ - ควรหาผลลพั ธ์ในวงเลบ็ ก่อน - การบวกหรือการลบเศษส่วนตอ้ งทาตวั สว่ นให้เท่ากนั ก่อน โดยการหา ค.ร.น. ของตัว ส่วนแลว้ ทาตัวส่วนของแตล่ ะจานวนใหเ้ ท่ากับ ค.ร.น. แล้วจงึ นาตัวเศษมาบวกหรือลบกัน - คาตอบทไ่ี ด้ต้องเป็นเศษส่วนอยา่ งตา่ หรือถ้าเปน็ เศษเกินต้องทาให้เปน็ จานวนคละ ๗.ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ชวั่ โมงท่ี ๒ ๑. ครูให้นกั เรยี นท่องสตู รคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลงั จากน้ันใหน้ ักเรยี นคิดเลขเรว็ จานวน 3 ขอ้ ๒.ครูทบทวนการบวก ลบเศษส่วนระคน โดยเขยี นประโยคสัญลักษณบ์ นกระดานแลว้ ให้นกั เรียน บอกวธิ คี ดิ และวธิ เี ขียนแสดงการบวกและลบ ดงั นี้ ตัวอย่ำง (5 + 2) − 1 = 6 7 12 วิธีทำ หา ค.ร.น. ของ 6 7 และ 12 ได้ 84 (5 + 2) − 1 = (5×14)+(2×12)−(1×7) 84 6 7 12 = (70+24)−7 84 = 94 - 7 84 84 = 87 84 = 13 84 ตอบ ๑ ๓ ๘๔ ๓.ครูยกตัวอยา่ งโจทย์การบวกลบจานวนคละระคนบนกระดานให้ แลว้ ให้นักเรยี นตอบคาถาม พร้อมท้ังชว่ ยกันแสดงวิธีทา ดังนี้ (4 1 + 3 12) − 1 5 = 3 6 ครถู ามคาถามนักเรยี นตอ่ ไปนี้ - จะเริม่ หาคาตอบของโจทยน์ ี้อยา่ งไร (เขียนจานวนคละในรปู เศษเกนิ ก่อน) - หลงั จากน้ีทาอยา่ งไรตอ่ (หาผลบวกในวงเลบ็ กอ่ น) - 4 1 คอื เศษส่วนใด (13) 33
- มวี ิธีคดิ อยา่ งไร (3 × 4 ได้ 12 แล้วบวกกับ 1 ได้ 13 เป็นตวั เศษ ตัวสว่ นคงเดิม) - 3 1 คอื เศษสว่ นใด (7) 22 - มีวธิ ีคิดอย่างไร (2 × 3 ได้ 6 แลว้ บวกกับ 1 ได้ 7 เป็นตวั เศษ ตัวส่วนคงเดิม) - 1 5 คอื เศษสว่ นใด (11) 66 - มวี ธิ ีคิดอยา่ งไร (6 × 1 ได้ 6 แล้วบวกกบั 5 ได้ 11 เป็นตัวเศษ ตวั ส่วนคงเดิม) - หา ค.ร.น. ของ 3, 2 และ 6 ได้เท่าไร (6) ๔.ครูและนักเรียนร่วมกนั แสดงวธิ ีหาคาตอบของ (4 1 + 3 1) − 1 5 = ดังนี้ 32 6 1 21) 5 (13×2)+(7×3)−11 วธิ ที ำ (4 3 + 3 − 1 6 = 6 = (26+21)−11 6 = 47 - 11 66 = 47−11 6 = 36 6 =6 ตอบ ๖ ๕.ครใู หน้ กั เรียนชว่ ยกนั แสดงวิธกี ารหาคาตอบของการบวก ลบเศษสว่ น จานวนคละจน นักเรียนมคี วามรู้ ความเข้าใจ 1.(4 2 − 1 1) + 1 14 = 53 15 2.(1 + 2 1) − 3 1 = 88 3.(5 1 + 5 1) − 12 1 = 44 2 4.4 2 − 3 5 + 1 3 = 384 ๖.ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ส่ิงทีไ่ ดเ้ รียนร้รู ่วมกนั ดังน้ี การบวก ลบจานวนคละระคน ทาได้ ดงั นี้ - ควรหาผลลัพธ์ในวงเล็บก่อน - ควรทาจานวนคละให้เป็นเศษเกินก่อน แล้วจึงบวกลบกนั - การบวกหรือการลบเศษส่วนตอ้ งทาตัวส่วนให้เท่ากันกอ่ น โดยการหา ค.ร.น. ของตัว
สว่ นแลว้ ทาตวั สว่ นของแตล่ ะจานวนให้เทา่ กบั ค.ร.น. แลว้ จึงนาตวั เศษมาบวกหรอื ลบกัน - คาตอบที่ไดต้ ้องเป็นเศษส่วนอยา่ งต่า หรือถ้าเปน็ เศษเกนิ ตอ้ งทาใหเ้ ปน็ จานวนคละ ๑๙. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. กิจกรรมที่ ๕ กำรคณู หำรเศษส่วน และจำนวนคละระคน ชั่วโมงท่ี 1 ๑. ครใู หน้ ักเรยี นท่องสูตรคณู โดยใชไ้ ม้กลองประดิษฐแ์ ละตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสตู รคูณ หลงั จากนั้นใหน้ ักเรยี นคดิ เลขเรว็ จานวน 3 ขอ้ ๒.ครทู บทวนการคณู และหารเศษส่วน โดยเขยี นประโยคสัญลักษณ์บนกระดานแล้วใหน้ ักเรียน บอกวิธีคดิ และวิธีเขียนแสดงการคูณและหาร ดังนี้ ตัวอยำ่ งที่ 1 21 × 15 = 40 349 วิธีทำ 21 × 15 = 21 × 15 40 49 40 49 7 = 3 × 15 3 8 40 7 = 3×3 87 = 3×3 8×7 =9 56 ตอบ ๙ ๕๖ ตัวอยำ่ งที่ 2 3 ÷ 2 = 43 วิธีทำ 3 ÷ 2 = 3 × 3 43 42 = 3×3 4×2 =9 8 = 11 8 ตอบ ๑ ๑ ๘ ๓.ครยู กตัวอย่างโจทย์การคณู หารระคนบนกระดานให้ แล้วใหน้ ักเรยี นตอบคาถามพรอ้ มท้งั ช่วยกันแสดงวธิ ีทา ดงั น้ี
(4 × 5) ÷ 2 = 92 9 ครูถามคาถามนกั เรียนตอ่ ไปน้ี - จะเรมิ่ ต้นหาคาตอบของโจทยน์ อ้ี ย่างไร (หาผลคูณในวงเลบ็ กอ่ น) - นักเรียนมแี นวทางในการหาคาตอบอยา่ งไร (เปลย่ี นเคร่อื งหมาย ÷ เป็น × แล้วเปลย่ี น สว่ นกลบั ของ 2 เปน็ 9) 9 2 - นกั เรียนจะหาคาตอบการคูณเศษสว่ นอยา่ งไร (นาตัวหารรว่ มไปหารตวั เศษและตวั สว่ น) ๔.ครอู ธบิ ายข้นั ตอนการหาคาตอบโดยนาส่วนกลบั ท่ีเปน็ ตวั หารมาคูณกบั เศษส่วนจานวนนัน้ แล้วนาตวั หารรว่ มของตัวเศษและตัวส่วนไปหารทง้ั ตัวเศษและตวั สว่ น ดังน้ี วธิ ที ำ (4 × 5) ÷ 2 = (4 × 5) × 9 92 9 92 2 2 = (4 × 5211) × 9 2 9 5 = 10 × 9 19 21 =5 1 =5 ตอบ ๕ ๕.ครูใหน้ กั เรียนช่วยกันแสดงวิธกี ารหาคาตอบของการคูณ หารเศษส่วน จนนกั เรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจ 1. (23 ÷ 43) × 1 = 8 2 .35 ÷ (170 × 23) = 3. 2 × (58 ÷ 56) = 3 4. (38 × 142) ÷ 18= ๖.ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปส่ิงท่ไี ดเ้ รยี นรู้รว่ มกัน ดังน้ี การคณู หารเศษส่วนระคน ทาไดด้ ังนี้ - ควรหาผลลพั ธ์ในวงเลบ็ ก่อน - การคณู เศษสว่ น ใชว้ ธิ ีนาตัวเศษคูณกบั ตัวเศษ และตัวส่วนคูณกับตัวสว่ น ถา้ ตัวเศษและ ตัวสว่ นมตี วั หารร่วมให้นาตัวหารรว่ มมาหารทั้งตัวเศษและตัวส่วนก่อนแลว้ จึงหาผลคณู
- การหารจานวนใดๆ ด้วยเศษส่วน อาจคิดได้จากการคูณตวั ตง้ั ด้วยส่วนกลบั ของเศษสว่ น ทีเ่ ป็นตวั หารคูณ ๑๕. ครูใหน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. ชั่วโมงที่ ๒ ๑. ครใู หน้ ักเรียนท่องสูตรคณู โดยใชไ้ ม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการท่องสตู รคูณ หลังจากนน้ั ใหน้ กั เรยี นคิดเลขเร็วจานวน 3 ข้อ ๒.ครทู บทวนการคูณ หารเศษสว่ นระคน โดยเขียนประโยคสัญลักษณบ์ นกระดานแล้วให้นักเรียน บอกวธิ ีคดิ และวธิ ีเขยี นแสดงการคณู หารเศษสว่ น ดังนี้ ตัวอยำ่ ง (73 ÷ 164) × 4 = 10 วิธที ำ (37 ÷ 164) × 4 = (3 × 14) × 4 10 7 62 10 1 = 1(37 × 1642) × 4 10 12 2 4 = 1 2 × 105 =2 5 ตอบ ๒ ๕ ๓.ครยู กตวั อยา่ งโจทย์การคูณหารจานวนคละระคนบนกระดานให้ แลว้ ให้นกั เรียนตอบคาถาม พรอ้ มทั้งช่วยกนั แสดงวิธีทา ดังนี้ (1 1 × 3 43) ÷ 4 1 = 2 2 ครูถามคาถามนกั เรยี นตอ่ ไปนี้ - จะเรม่ิ หาคาตอบของโจทยน์ ้ีอย่างไร (เขียนจานวนคละในรปู เศษเกินกอ่ น) - หลงั จากน้ีทาอย่างไรต่อ (หาผลคูณในวงเล็บกอ่ น) - 1 1 คือเศษส่วนใด (3) 22 - มีวธิ คี ิดอย่างไร (2 × 1 ได้ 2 แลว้ บวกกับ 1 ได้ 3 เป็นตวั เศษ ตัวส่วนคงเดมิ ) - 3 3 คือเศษสว่ นใด (15) 44 - มวี ิธคี ิดอยา่ งไร (4 × 3 ได้ 12 แลว้ บวกกบั 3 ได้ 15 เป็นตัวเศษ ตัวส่วนคงเดมิ ) - 4 1 คือเศษสว่ นใด (9) 22 - มวี ธิ ีคิดอยา่ งไร (2 × 4 ได้ 8 แล้วบวกกับ 1 ได้ 9 เปน็ ตัวเศษ ตวั สว่ นคงเดมิ )
- นักเรยี นมแี นวทางในการหาคาตอบอย่างไร (เปลย่ี นเคร่อื งหมาย ÷ เปน็ × แลว้ เปลยี่ น ส่วนกลับของ 9 เป็น 2) 29 - นักเรยี นจะหาคาตอบการคณู เศษสว่ นอยา่ งไร (นาตวั หารรว่ มไปหารตัวเศษและตัวส่วน) ๔.ครูและนักเรียนรว่ มกนั แสดงวิธีหาคาตอบของ (1 1 × 3 3) ÷ 4 1 = ดังน้ี 24 2 วธิ ที ำ (1 1 × 3 3) ÷ 4 1 = (3 × 15) ÷ 9 24 2 24 2 = (23 × 145) × 2 9 = 545 × 1 2 48 91 =5 4 = 11 4 ตอบ ๑ ๑ ๔ ๕.ครูใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั แสดงวธิ กี ารหาคาตอบของการคูณ หารเศษสว่ น จานวนคละ จน นักเรยี นมีความรู้ ความเข้าใจ 1. 6 ÷ (1 3 × 1 1 ) = 7 14 2. 1 1 ÷ (35 × 1 13) = 2 3. 3 1 × 2 1 ÷ 5 1 = 424 4. 2 1 ÷ 1 4 × 1 1 = 5 5 10 ๖.ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ สงิ่ ทไ่ี ด้เรียนรูร้ ว่ มกัน ดังน้ี การคณู หารจานวนคละระคน ทาได้ ดงั นี้ - ควรหาผลลพั ธ์ในวงเล็บก่อน - ควรทาจานวนคละให้เปน็ เศษเกนิ ก่อน แลว้ จงึ บวกลบกัน - การคูณเศษส่วน ใชว้ ิธนี าตวั เศษคณู กบั ตัวเศษ และตวั ส่วนคณู กับตวั ส่วน ถ้าตัวเศษและ ตัวสว่ นมีตัวหารร่วมให้นาตัวหารร่วมมาหารท้งั ตัวเศษและตัวส่วนกอ่ นแลว้ จงึ หาผลคูณ - การหารจานวนใดๆ ดว้ ยเศษสว่ น อาจคิดไดจ้ ากการคูณตวั ตงั้ ด้วยส่วนกลบั ของเศษส่วน ท่ีเปน็ ตวั หารคณู ๗. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท.
กจิ กรรมท่ี ๖ กำรบวก ลบ คณู หำรเศษสว่ นและจำนวนคละระคน ช่วั โมงที่ 1 ๑. ครูใหน้ กั เรียนทอ่ งสตู รคณู โดยใช้แก้วและตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคูณ หลังจากน้ัน ให้นักเรียนคดิ เลขเร็วจานวน 3 ขอ้ ๒.ครูและนักเรยี นรว่ มกันทบทวนการบวก ลบ คูณ หารเศษสว่ น นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ ราย ประเดน็ ตา่ งๆ ดงั นี้ - การบวกและการลบเศษสว่ น ถ้าตวั ส่วนของเศษส่วนท้ัง 2 จานวนไม่เท่ากัน ต้องทาตัวส่วน ให้เทา่ กนั กอ่ น โดยอาจทาให้ตวั ส่วนของทง้ั สองจานวนเท่ากบั ค.ร.น. ของตัวสว่ นทงั้ สอง แล้วจงึ บวกหรือ ลบกนั - การคูณเศษส่วนใหน้ าตวั เศษคณู กบั ตวั เศษ ตัวสว่ นคูณกับตวั ส่วนไดเ้ ลย - การหารจานวนใดๆ ดว้ ยเศษสว่ น อาจคิดได้จากการนาจานวนนั้นคูณกับส่วนกลับของ เศษส่วนท่ีเป็นตัวหาร ๓.ครยู กตัวอย่างโจทยก์ ารคูณหารระคนบนกระดานให้ แลว้ ให้นักเรยี นตอบคาถามพรอ้ มทงั้ ชว่ ยกนั แสดงวิธีทา ดงั น้ี (4 - 3 ) ÷ 7 = 5 10 10 ครูถามคาถามนักเรียนตอ่ ไปนี้ - โจทย์ขอ้ นี้จะตอ้ งหาคาตอบตรงส่วนใดเป็นลาดับแรก (ส่วนท่ีอยูใ่ นวงเลบ็ ) - การบวก ลบเศษส่วนมีหลักการอย่างไรบ้าง (ทาตวั ส่วนให้มีคา่ เทา่ กนั ) - การทาตวั ส่วนให้มีค่าเท่ากนั ทาอยา่ งไร (นา 5 และ 10 ไปหา ค.ร.น. จะได้ ค.ร.น. เท่ากบั 10) - หลังจากการลบเศษส่วนเสร็จแล้ว นกั เรยี นจะหาคาตอบไดอ้ ยา่ งไร (นา 7 ไปหารกับ 10 ผลลพั ธ์ท่ีไดจ้ ากการลบเศษสว่ น) - นกั เรียนจะแสดงการหารเศษส่วนไดอ้ ยา่ งไร (เปลยี่ น ÷ เป็น × แล้วเปลี่ยนสว่ นกลับ ของ 7 เปน็ 10) 10 7 ๔.ครูอธบิ ายหลกั การทาโจทยเ์ ศษส่วนระคน จะต้องหาคาตอบในวงเลบ็ ก่อนเสมอ ถา้ เป็นการ บวก ลบเศษส่วนจะต้องทาตวั ส่วนใหม้ คี า่ เท่ากัน และถ้าเปน็ การหารเศษส่วนทาไดโ้ ดยการนาส่วนกลบั ท่ี เปน็ ตัวหารมาคณู กบั จานวนนบั ตวั นั้น แล้วนาตัวหารรว่ มของตัวเศษและตวั ส่วนมาหารท้งั ตวั เศษและตัว ส่วน ตามตัวอย่างดังนี้ วธิ ที ำ (45 - 130) ÷ 7 = (54××22 - 130) ÷ 7 10 10 = (180 - 130) ÷ 7 10
= 5 ÷ 7 10 10 1 = 5 × 10 110 7 =5 7 ตอบ ๕ ๗ ๕.ครูให้นักเรยี นชว่ ยกนั แสดงวธิ ีการหาคาตอบของการบวก ลบ คูณ หารเศษสว่ น จนนกั เรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจ 1.(4 + 5 ) ÷ 20 = 9 18 2.(5 ÷ 25) × 7 = 10 3.(2 + 1) × 3 = 5 11 4.12 × (4 − 5 ) = 7 21 5.(4 × 12) + (7 − 8 )= 38 5 15 ๖.ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ สง่ิ ทไ่ี ด้เรยี นรรู้ ่วมกัน ดังนี้ การบวก ลบ คณู หารเศษส่วนระคน ทาได้ดังน้ี - ควรหาผลลัพธใ์ นวงเล็บก่อน - การบวกหรอื การลบเศษสว่ นตอ้ งทาตัวส่วนให้เท่ากันกอ่ น โดยการหา ค.ร.น. ของตวั สว่ นแล้วทาตัวส่วนของแตล่ ะจานวนใหเ้ ท่ากับ ค.ร.น. แลว้ จงึ นาตวั เศษมาบวกหรือลบกนั - การคูณเศษสว่ น ใชว้ ิธีนาตัวเศษคูณกบั ตวั เศษ และตัวสว่ นคณู กบั ตวั สว่ น ถา้ ตวั เศษและ ตวั สว่ นมตี ัวหารรว่ มใหน้ าตวั หารร่วมมาหารทัง้ ตวั เศษและตวั สว่ นกอ่ นแล้วจงึ หาผลคณู - การหารจานวนใดๆ ด้วยเศษส่วน อาจคิดได้จากการคณู ตัวตัง้ ด้วยสว่ นกลับของเศษสว่ น ทเ่ี ป็นตัวหารคูณ ๗. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน ช่วั โมงท่ี ๒ ๑. ครูให้นักเรียนท่องสตู รคณู โดยใช้แกว้ และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจากนั้น ใหน้ กั เรียนคดิ เลขเร็วจานวน 3 ขอ้ ๒.ครูทบทวนการบวก การลบ การคูณ และการหารโดยตดิ บัตรโจทยเ์ ศษส่วนบนกระดานแล้วให้ นักเรียนบอกวธิ หี าคาตอบ เชน่
- 4+ 3 = - 12 − 8 = 1 11 15 15 - 5+1= - 2−5= 84 39 - 3+ 7 −5= - 1−3= 8 12 6 64 - 12÷7= - 12 × 35 = 55 25 16 ๓.ครูยกตวั อย่างโจทย์การบวก ลบ คณู หารจานวนคละระคนบนกระดานให้ แลว้ ให้ นกั เรียนตอบคาถามพร้อมทง้ั ชว่ ยกนั แสดงวธิ ีทา ดังนี้ (5 2 ÷ 2 85) + 3 2 = 8 10 ครูถามคาถามนกั เรยี นตอ่ ไปน้ี - จะเริ่มหาคาตอบของโจทยน์ ้อี ย่างไร (เขียนจานวนคละในรูปเศษเกินกอ่ น) - หลงั จากนท้ี าอยา่ งไรต่อ (หาผลหารในวงเลบ็ ก่อน) - 5 2 คอื เศษส่วนใด (42) 88 - มีวธิ คี ดิ อย่างไร (8 × 5 ได้ 40 แลว้ บวกกบั 2 ได้ 42 เป็นตัวเศษ ตัวสว่ นคงเดมิ ) - 2 5 คอื เศษส่วนใด (21) 88 - มีวธิ คี ิดอย่างไร (8 × 2 ได้ 16 แล้วบวกกบั 5 ได้ 21 เปน็ ตัวเศษ ตวั สว่ นคงเดมิ ) - 3 2 คือเศษส่วนใด (32) 10 10 - มีวิธคี ิดอยา่ งไร (10 × 3 ได้ 30 แล้วบวกกบั 2 ได้ 32 เป็นตัวเศษ ตวั ส่วนคงเดมิ ) - นักเรียนมแี นวทางในการหาคาตอบอยา่ งไร (เปลี่ยนเคร่อื งหมาย ÷ เปน็ × แล้วเปลยี่ น สว่ นกลับของ 21 เป็น 8 ) 8 21 - นกั เรียนจะหาคาตอบการคณู เศษส่วนอยา่ งไร (นาตัวหารร่วมไปหารตัวเศษและตัวสว่ น) ๔.ครูและนกั เรยี นร่วมกนั แสดงวิธีหาคาตอบของ (5 2 ÷ 2 5) + 3 2 = ดงั นี้ 88 10 วิธีทำ (5 2 ÷ 2 5) + 3 2 = (42 ÷ 21) + 32 88 10 88 10 21 = (42 × 8 ) + 32 18 211 10 = 2 + 32 1 10 = 2×10 + 32 1×10 10
= 52 10 = 26 5 = 51 5 ตอบ ๕ ๑ ๕ ๕.ครูให้นกั เรียนชว่ ยกนั แสดงวิธีการหาคาตอบของการบวก ลบ คูณ หารเศษสว่ นจานวนคละ จนนักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ 1. 5 ÷ (2 1 − 1 1) = 84 2. (2 1 + 1 53) ÷ 85= 4 9 3. (2 1 × 7) − 1 1 = 2 2 10 4. 6 ÷ (2 1 − 1 1) = 7 84 ๖.ครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ ส่ิงท่ีไดเ้ รยี นรูร้ ว่ มกนั ดังนี้ การบวก ลบ คูณ หารจานวนคละระคน ทาไดด้ งั นี้ - ควรหาผลลัพธ์ในวงเลบ็ กอ่ น - ควรทาจานวนคละให้เป็นเศษเกนิ กอ่ น แล้วจึงบวก ลบ คูณ และหารกัน - การบวกหรอื การลบเศษสว่ นต้องทาตัวสว่ นใหเ้ ทา่ กันก่อน โดยการหา ค.ร.น. ของตวั สว่ นแลว้ ทาตัวสว่ นของแตล่ ะจานวนให้เทา่ กบั ค.ร.น. แลว้ จงึ นาตวั เศษมาบวกหรือลบกัน - การคูณเศษสว่ น ใชว้ ธิ นี าตวั เศษคณู กบั ตวั เศษ และตวั ส่วนคณู กบั ตัวสว่ น ถ้าตวั เศษและ ตวั ส่วนมีตัวหารร่วมใหน้ าตวั หารรว่ มมาหารทง้ั ตัวเศษและตัวส่วนก่อนแลว้ จงึ หาผลคณู - การหารจานวนใดๆ ดว้ ยเศษสว่ น อาจคิดได้จากการคณู ตวั ต้งั ดว้ ยสว่ นกลบั ของเศษสว่ น ที่เปน็ ตวั หารคณู ๗. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน 9. ส่อื / แหล่งเรียนรู้ ๑. แบบทดสอบกอ่ นเรียน - แบบทดสอบหลงั เรียน ๒. แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท.
โรงเรียนวดั พืชนมิ ิต (คำสวัสดิร์ าษฎร์บำรงุ ) อำเภอคลองหลวง จังหวดั ปทมุ ธานี ข้อสอบบทที่ 2 เศษส่วน มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด ค1.1 ป.6/1,ป.6/7 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นทำเครื่องหมาย x ทับอกั ษรหน้าคำตอบท่ีถกู ตอ้ งที่สุดเพยี งคำตอบเดียว จำนวน 20 ข้อ ขอ้ 1. ขอ้ ใดเปรยี บเทียบเศษส่วน 2 กับ 3 ได้ ข้อ 5. ขอ้ ใดเรยี งลาดับเศษส่วน 5 3 2 35 643 ถกู ต้อง จากน้อยไปหามาก ได้ถกู ตอ้ ง ก. 2 > 3 ข. 2 < 3 ก. 5 3 2 ข. 2 3 5 35 35 643 346 ค. 2 = 3 ง. 3 > 2 ค. 3 2 5 ง. 5 2 3 35 53 4 36 6 34 ขอ้ 2 . ขอ้ ใดเปรียบเทยี บเศษส่วน 3 กับ 4 ได้ ขอ้ 6. ข้อใดเรยี งลาดับเศษส่วน 5 2 5 57 631 ถูกตอ้ ง จากน้อยไปหามาก ไดถ้ กู ตอ้ ง ก. 4 > 3 ข. 3 < 4 ก. 5 2 5 ข. 5 5 2 75 57 631 693 ค. 3 = 4 ง. 3 > 4 ค.2 5 5 ง. 2 5 5 57 57 3 69 3 96 ข้อ 3 . ข้อใดเปรียบเทียบเศษส่วน 3 กบั 2 ได้ ขอ้ 7. ข้อใดเรยี งลาดับเศษสว่ น 5 3 2 3 85 6 1 39 ถูกตอ้ ง มากไปหาน้อย ได้ถูกต้อง ก. 3 = 2 ข. 3 < 2 ก. 5 3 2 3 85 85 6 1 39 ค. 2 < 3 ง. 3 > 2 58 85 ขอ้ 4 . ขอ้ ใดเปรียบเทียบเศษส่วน 4 กับ 3 ได้ ข. 3 5 3 2 11 8 97 5 3 ค. 5 3 3 2 ถูกตอ้ ง 7 5 93 ง. 3 5 2 3 ก. 4 > 3 ข. 3 < 4 5 7 39 11 8 8 11 ขอ้ 8. ผลลพั ธ์ของ 1 + 3 คอื ขอ้ ใด 9 18 ค. 4 < 3 ง. 4 = 3 11 8 11 8 ก. 5 ข. 3 18 8 ค. 2 ง. 4 ข้อ 5 . ข้อใดเปรียบเทยี บเศษส่วน 4 กับ 24 ได้ 59 7 42 ข้อ 9. ผลลัพธ์ของ 5 1 + 5 คือขอ้ ใด 10 4 ถูกต้อง ก. 24 < 4 ข. 4 > 24 ก. 6 7 ข. 6 42 7 7 42 20 40 ค. 65 ง. 3 ค. 4 = 24 ง. 4 < 24 10 4 7 42 7 42
ขอ้ 10. ผลลัพธข์ อง 2 − 5 คอื ขอ้ ใด ขอ้ 16. ผลลัพธ์ของ 27 × 5 คือขอ้ ใด 39 25 9 ก. 1 ข. 2 ก. 3 ข. 5 93 59 ค. 7 ง. 3 ค. 2 ง. 1 52 25 3 ขอ้ 11. ผลลพั ธ์ของ 1 2 − 13 คอื ขอ้ ใด ข้อ 17. ผลลพั ธ์ของ 2 7 × 50 คือขอ้ ใด 4 24 5 34 ก. 1 ข. 11 ก. 3 ข. 5 8 24 ค. 7 ง. 7 ค. 2 ง. 13 34 5 24 4 ข้อ 12. ผลลพั ธข์ อง (2 + 5) − 7 คอื ขอ้ ใด ขอ้ 18. ผลลพั ธ์ของ 20 ÷ 5 คือขอ้ ใด 39 9 18 9 ก. 3 ข. 2 ก. 2 ข. 3 85 ค. 5 ง. 20 ค. 1 2 89 ง. 4 39 ขอ้ 19. ผลลัพธ์ของ 7 ÷ 1 1 คือขอ้ ใด 12 6 ขอ้ 13. ผลลัพธ์ของ (2 2 + 5) − 1 7 คอื ข้อใด ก. 1 ข. 7 39 9 12 6 ก. 2 2 ข. 4 2 35 ค. 1 3 ง. 2 1 14 18 ค. 4 ง. 1 4 99 ขอ้ 20. ผลลพั ธ์ของ (7 ÷ 2) × 5 คอื ขอ้ ใด ข้อ 14. ผลลพั ธ์ของ (2 2 + 1 7) + 1 4 48 3 35 3 ก. 35 ข. 12 คอื ข้อใด 48 35 ค. 5 ง. 7 ก. 7 2 ข. 3 2 84 3 5 *********** ขอใหท้ กุ คนโชคดี ************ ค. 3 2 ง. 1 7 3 5 ข้อ 15. ผลลัพธ์ของ (4 1 − 1 1 ) − 1 1 คือ 6 12 3 ข้อใด ก. 1 ข. 1 12 6 ค. 1 3 ง. 3 4 4 ผ้ตู รวจข้อสอบ ลงชอื่ .................................................ครผู ู้สอน (นางสาวแพรวร่งุ ศรปี ระภา)
ประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 8 ดา้ น คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน ในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในชอ่ งว่าง ใหต้ รงกบั ระดับคะแนน และตามความเปน็ จริง โดยมเี กณฑก์ ารให้คะแนน ดังน้ี 4 = พฤตกิ รรมท่ีปฏิบัตชิ ัดเจนมาก และบอ่ ยครัง้ สม่ำเสมอ 3 = พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิชดั เจนและสมำ่ เสมอ 2 = พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติชดั เจนและบอ่ ยคร้ัง 1 = พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติบางคร้งั คณุ ลกั ษณะอนั ระดับคะแนน พึงประสงค์ รายการประเมิน 4 321 ด้าน 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 มคี วามรัก และภมู ิใจในความเปน็ ชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมของศาสนา 1.3 แสดงออกถึงความจงรักภกั ดตี อ่ สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ 2. ซ่อื สัตย์ 2.1 ปฏบิ ตั ติ ามระเบียบการสอน และไมล่ อกการบา้ น สุจรติ 2.2 ประพฤติ ปฏิบตั ิ ตรงต่อความเป็นจรงิ ต่อตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ต่อผู้อน่ื 3. มวี นิ ยั 3.1 เข้าเรียนตรงเวลา 3.2 แต่งกายเรยี บรอ้ ยเหมาะสมกบั กาลเทศะ 3.3 ปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบของห้อง 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 แสวงหาข้อมลู จากแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรปุ ความรไู้ ด้อยา่ งมีเหตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของของโรงเรยี นอย่างประหยัด พอเพียง 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยดั และรู้คณุ คา่ 5.3 ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงนิ 6. มุ่งมัน่ ในการ 6.1 มีความตงั้ ใจ และพยายามในการทำงานที่ไดร้ บั ทำงาน มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค เพือ่ ให้งาน สำเรจ็ 7. รักความเปน็ 7.1 มีจิตสำนึกในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย ไทย 7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจติ 8.1 รู้จักการให้เพ่อื ส่วนรวม และเพื่อผอู้ นื่ สาธารณะ 8.2 แสดงออกถึงการมนี ้ำใจหรือการให้ความชว่ ยเหลอื ผอู้ ืน่ 8.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมบำเพ็ญตนเพ่ือส่วนรวมเม่ือมโี อกาส ชอื่ ......................................................................................................................ช้ัน.................เลขที.่ .................
แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ ผลการประเมนิ รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คำสวสั ด์ริ าษฎร์บำรุง) ปีการศึกษา 2563 คำชแี้ จง : กรอกคะแนนลงในช่องคะแนน และสรปุ ผลการประเมินคุณภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เลขท่ี ชื่อ-สกลุ การป ิฏสัมพันธ์กัน การสนทนาเ ื่รอง ่ีทกำหนด การ ิตด ่ตอ ื่สอสาร พฤ ิตกรรมการทำงานก ุ่ลม รวม ระดับ ุคณภาพ แปลผล 4 4 4 4 16 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ได้คะแนน 14-16 คะแนน = 4 (ดีมาก) ลงชือ่ .........................................ผปู้ ระเมนิ ได้คะแนน 11-13 คะแนน =3 (ด)ี (นางสาวแพรวรุง่ ศรปี ระภา) ได้คะแนน 8-10 คะแนน =2 (พอใช)้ วนั ....เดือน...............ป.ี ...... ไดค้ ะแนน 0-7 คะแนน =1 (ปรบั ปรงุ ) * เกณฑผ์ า่ นการประเมินตอ้ งได้ 2 (พอใช)้ ขึน้ ไป
แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมการทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสด์ิราษฎรบ์ ำรุง) ปกี ารศึกษา 2563 คำชแี้ จง : กรอกคะแนนลงในชอ่ งคะแนน และสรุปผลการประเมนิ คุณภาพ ผลการประเมิน เลขท่ี ชอื่ -สกลุ คะแนน ระดับ ุคณภาพ แปลผล 16 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ไดค้ ะแนน 14-16 คะแนน = 4 (ดมี าก) ลงช่ือ.........................................ผปู้ ระเมิน ได้คะแนน 11-13 คะแนน =3 (ด)ี (นางสาวแพรวร่งุ ศรปี ระภา) ไดค้ ะแนน 8-10 คะแนน =2 (พอใช)้ วัน....เดือน...............ปี....... ได้คะแนน 0-7 คะแนน =1 (ปรับปรุง) * เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ ต้องได้ 2 (พอใช้) ขนึ้ ไป
แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมการทำแบบทดสอบ รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คำสวสั ดร์ิ าษฎร์บำรงุ ) ปกี ารศึกษา 2562 คำช้ีแจง : กรอกคะแนนลงในช่องคะแนนทดสอบก่อนเรียน - หลังเรยี น และประเมินผล ผลการประเมนิ เลขที่ ชอ่ื -สกลุ คะแนนก่อนเรียน(10) คะแนนหลงั เรยี น(10) ้รอยละ ่ผาน/ไม่ ่ผาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * ( ผเู้ รียนต้องมีคะแนนสอบหลังเรยี นผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๖๐ ) ลงช่อื .........................................ผปู้ ระเมนิ (นางสาวแพรวรงุ่ ศรปี ระภา) วนั ....เดือน...............ปี.......
บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้..................คน คิดเป็นร้อยละ.................. 2. แนวทางแก้ไขนกั เรยี นท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ......................................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................. ............................... 3. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ไมผ่ า่ น............ คน ผา่ น.............คน ด.ี .................คน ดเี ยยี่ ม................คน ระดบั ดขี ้ึนไป ร้อยละ..................... 4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ไมผ่ า่ น............ คน ผ่าน.............คน ดี..................คน ดเี ยย่ี ม................คน ระดบั ดีขน้ึ ไป ร้อยละ..................... ๕. นักเรียนเกดิ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทำเครื่องหมาย / ในชอ่ งวา่ งท่ตี รงกับทักษะที่เกิด การคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ไขปัญหา การสร้างสรรค์ ความเขา้ ใจความต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ การส่ือสาร ด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผู้นำ ทกั ษะการเปลีย่ นแปลง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร ทกั ษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ ผลการจัดการเรียนการสอน/ปญั หา/ อุปสรรค และแนวทางแก้ไข • แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................... • แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 เร่อื ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ................................................................................................................................................................................ • แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เร่ือง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ..................................................................................................................................... .......................................... ........................................................................................ ........................................................................................ • แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 เรือ่ ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................................. .................................. ................................................................................................ ................................................................................ • แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๕ เรอ่ื ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ................................................................................................................................................................................
ผลการจัดการเรียนการสอน/ปัญหา/ อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข • แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................................................... ................. ลงชอ่ื .................................................. (นางสาวแพรวรุ่ง ศรปี ระภา) ความคิดเหน็ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้/ผูท้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รบั รอง ............................................................................................................................. .................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ…………………………………………………… (นางสาวแพรวร่งุ ศรปี ระภา ) หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ .................../......................./......................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง ............................................................................................................................. .................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................... ลงชอ่ื …………………………………………………… (นางสาวกันยาภัทร ภทั รโสตถ)ิ โรงเรียนวัดพชื นิมติ (คำสวสั ดริ์ าษฎรบ์ ำรงุ ) ................../......................./.........................
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๑๒ ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๒ เศษส่วน เวลา ๒ ช่ัวโมง เรอื่ ง การเปรยี บเทียบ และเรยี งลำดบั เศษส่วน ๑. สาระสำคญั การเปรยี บเทยี บเศษสว่ นท่มี ตี วั สว่ นไมเ่ ท่ากนั ใช้วิธีแปลงเศษส่วนให้เปน็ เศษสว่ นที่มตี ัวสว่ นเท่ากนั ก่อน แลว้ จึงนำมาเปรยี บเทียบ หรอื อาจใชว้ ิธีคูณไขวร้ ะหว่างตวั เศษและตัวส่วน แลว้ นำผลคณู ทไี่ ดม้ าเปรียบเทียบกัน ๒. ตัวชว้ี ัด ค 1.1 ป.6/1 :เปรยี บเทยี บ เรียงลำดบั เศษสว่ นและจำนวนคละ จากสถานการณต์ ่างๆ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑.บอกหลักการเปรียบเทียบและเรียงลำดบั เศษสว่ นได้ (K) ๒.เขียนเปรยี บเทียบและเรยี งลำดบั เศษสว่ นได้(P) ๓.สรา้ งชิน้ งานแสดงรปู เศษส่วน (P) 4. สาระการเรยี นรู้ 1. การเปรยี บเทยี บและการเรยี งลำดบั เศษส่วน ๕. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๖. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ใฝ่เรยี นรู้ ๒. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นตอนท่ี 1 : เตรยี มความพร้อม ๑. ครูให้นักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง ๙ ช่องประกอบการท่องสูตร คณู หลงั จากนั้นให้นักเรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน ๓ ขอ้ และทดสอบก่อนเรยี น ข้ันตอนท่ี ๒ : เรียนรู้ ๒. ครูนำรปู ส่ีเหล่ียมมุมฉากทแ่ี บ่งจำนวนช่องเทา่ ๆ กนั แต่ระบายสีจำนวนชอ่ งไม่เทา่ กันตดิ บน กระดาน แลว้ ให้ต้งั คำถามเก่ยี วกับภาพทน่ี ักเรยี นเหน็ ให้นักเรียนอธบิ ายว่า ถา้ เศษสว่ นทัง้ สองจำนวนมีตัว ส่วนเท่ากัน เศษสว่ นทม่ี ตี ัวเศษมากกวา่ จะมีคา่ มากกว่าใชห่ รอื ไม่ ดงั นี้ รปู ท่ี 1 → 2 5 รปู ท่ี 1 → 4 5
Search