บันทกึ ขอ้ ความ ส่วนราชการ โรงเรยี นวดั พชื นิมิต (คำสวัสดร์ิ าษฎร์บำรุง) ท่ี……………………วันท่ี ………… เดือน …………………….. พ.ศ.๒๕๖๓ เรื่อง ขออนุญาตใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ เรยี น ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คำสวสั ด์ริ าษฎรบ์ ำรุง) ด้วยข้าพเจ้า นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา ตำแหน่ง ครู โรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวัสดิ์ราษฎร์ บำรงุ ) ไดร้ บั มอบหมายใหป้ ฏิบตั ิหนา้ ที่การสอน รายวชิ าคณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค๑๖๑๐๑ กลุม่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ บัดนี้ ข้าพเจ้าได้จัดเตรียมการสอน และจัดทำแผนการสอนโดยใช้กระบวนการการจัดการเรียนรู้ ตามหลกั การพัฒนาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ข้าพเจ้าจึงขออนุญาตดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งแนบเอกสาร หนว่ ยการเรยี นท่ี ๙ ชื่อหนว่ ย รูปหลายเหล่ยี ม เวลาเรียน ๑๙ ชัว่ โมง มาพร้อมกับเอกสารน้ี จงึ เรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ ลงชื่อ (นางสาวแพรวรุง่ ศรปี ระภา) ตำแหนง่ ครู ลงชื่อ (นางสาวแพรวรุง่ ศรปี ระภา) หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ความเหน็ ผอู้ ำนวยการโรงเรียน อนญุ าต ไม่อนญุ าต เพราะ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ ( นางสาวกันยาภัทร ภัทรโสตถิ ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คำสวัสด์ริ าษฎรบ์ ำรุง) ............./................../.............
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๙ เรือ่ ง รูปหลายเหล่ียม ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ รายวิชาคณิตศาสตร์ รหสั ค๑๖๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ครูผสู้ อน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา โรงเรยี นวัดพืชนมิ ติ (คำสวสั ดริ์ าษฎร์บำรุง) สำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาปทมุ ธานี เขต ๑ สำนกั านคณะกรรมการการศึกษาขน้ึ พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
คำอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน ค๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เวลา ๑๖๐ ชั่วโมง ศึกษาตัวประกอบ จำนวนเฉพาะ และตัวประกอบเฉพาะ การแยกตัวประกอบ ห.ร.ม. ค.ร.น. โจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. การเปรียบเทียบเศษส่วนและจำนวนคละ การเรียงลำดับเศษส่วนและ จำนวนคละ การบวก การลบเศษส่วนและจำนวนคละ การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วนและจำนวนคละ การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ การแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วน และจำนวนคละ ความสัมพันธ์ระหว่างเศษส่วนและทศนิยม การหารทศนิยมที่ตัวหารและผลหารเป็นทศนิยม ไม่เกิน 3 ตำแหน่ง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับทศนิยม อัตราส่วน อัตราส่วนที่เท่ากัน มาตราส่วน โจทย์ปั ญหา อัตราสว่ นและมาตราส่วน โจทย์ปญั หารอ้ ยละ ชนดิ และสมบัตขิ องรปู สามเหลยี่ ม การสรา้ งรปู สามเหลย่ี ม ส่วน ต่าง ๆ ของวงกลม การสร้างวงกลม ความยาวรอบรูปและพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม มุมภายในของรูปหลาย เหล่ยี ม ความยาวรอบรปู และพ้ืนท่ีของรูปหลายเหล่ียม โจทย์ปญั หาเก่ียวกบั ความยาวรอบรูปและพื้นท่ีของรูป หลายเหล่ยี ม ความยาวรอบรปู และพนื้ ทข่ี องวงกลม โจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั ความยาวรอบรูปและพน้ื ที่ของวงกลม ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย และพีระมิด รูปคลี่ของทรงกระบอก กรวย ปริซึม และพีระมิด ปริมาตรของรูป เรขาคณิตสามมิติที่ประกอบด้วยทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรของรูปเรขาคณิตสามมิติท่ี ประกอบดว้ ยทรงส่ีเหลี่ยมมุมฉาก การแก้ปัญหาเก่ยี วกับแบบรปู และการนำเสนอขอ้ มลู โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ที่ใกล้ตัวผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า ฝึกทักษะ โดยการ ปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะและกระบวนการในการคิดคำนวณ การแก้ปัญหา การให้ เหตุผล การเชื่อมโยง การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะ และกระบวนการท่ีไดไ้ ปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชวี ติ ประจำวันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบ รอบคอบ มีความรบั ผิดชอบ มวี จิ ารณญาณ มีความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์และมีความเชือ่ มนั่ ในตนเอง รหัสตวั ช้วี ดั ค ๑.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ป.๖/๕ ป.๖/๖ ป.๖/๗ ป.๖/๘ ป.๖/๙ ป.๖/๑๐ ป.๖/๑๑ ป.๖/๑๒ ค ๑.๒ ป.๖/๑ ค ๒.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ค ๒.๒ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ค ๓.๑ ป.๖/๑ รวมท้งั หมด ๒๑ ตวั ชี้วัด
ตารางวิเคราะห์หลักสตู ร/ออ รหสั ค๑๖๑๐๑ วิชาคณติ ศาสตร์ ช้ัน ประถ ครผู ู้สอน นางสาวแพร หน่วยท่ี มฐ ตัวชว้ี ัด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๙ รปู ค ป.๖/๒ :แสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทย์ ๑.บอกหลักการหามุมภายในของ ๑ หลายเหลยี่ ม ๒.๑ ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปและพ้นื ท่ี ของรูปหลายเหลย่ี ม รูปหลายเหล่ยี มได้ (K) เ ๒.หามุมภายในของรูปหลาย เหลีย่ มได้ (P) ๑.หลักการหาความยาวรอบรูป ๑ ของรปู หลายเหลี่ยมได้ (K) ห ๒.เขียนแสดงวิธีการหาความยาว รอบรูปของรูปหลายเหลี่ยมได้ (P) ๑.หลักการหาพื้นที่ของรูป ๑ สเี่ หลย่ี มคางหมูได้ (K) ส ๒.เขียนแสดงวิธีการหาพื้นที่ของ รูปสีเ่ หล่ยี มคางหมูได้ (P) ๑.บอกหลักการหาพื้นที่ของรูป ก สี่เหลี่ยมจัตุรัสโดยใช้เส้นทแยงมมุ ส โดยใชเ้ สน้ ทแยงมมุ ได้ (K) ท ๒.เขียนแสดงการหาพื้นที่ของรูป สี่เหลี่ยมจัตรุ ัสโดยใช้เสน้ ทแยงมมุ ได้ (P) ๑.บอกหลักการหาพื้นที่ของรูป ก สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนโดยใช้เส้น ส ทแยงมมุ โดยใช้เส้นทแยงมมุ ได้ (K) ใ
อกแบบหน่วยการเรยี นรู้ ถมศึกษาปีที่ ๖ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ รวรุ่ง ศรีประภา สาระการเรียนรู้ กระบวนการ ชนิ้ งาน ส่อื การสอน วัดผล/ เวลา เรียน /ภาระงาน ประเมนิ ๖ ๑.มมุ ภายในของรูปหลาย อธิบาย - ๑.บัตรภาพรูป ๑.ทดสอบ ๒ เหลีย่ ม หลายเหลี่ยม (กอ่ นเรยี น) ชนดิ ตา่ ง ๆ ๒.ตรวจ ๒ แบบฝึกหัด ๑.ความยาวรอบรปู ของรปู - ๑.บตั รภาพรูป ๑.ตรวจ หลายเหลยี่ ม สามเหลีย่ ม แบบฝกึ หัด ๒.บตั รภาพรูป หา้ เหลย่ี ม ๑.การหาพน้ื ทีข่ องรปู - ๑.รูปสี่เหลี่ยม ๑.ตรวจ สเ่ี หลย่ี มคางหมู คางหมู แบบฝึกหัด การหาพ้นื ทขี่ องรปู - ๑.รูปสี่เหลี่ยม ๑.ตรวจ ๑ สเ่ี หลยี่ มจตั รุ สั โดยใช้เสน้ ทแยงมุม จัตรุ ัส แบบฝึกหดั การหาพืน้ ทข่ี องรูป - ๑.รูปสี่เหลี่ยม ๑.ตรวจ ๑ สเี่ หล่ียมขนมเปียกปนู โดย ใช้เส้นทแยงมุม ขนมเปยี กปูน แบบฝึกหัด
หนว่ ยท่ี มฐ ตวั ชี้วดั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.หาพืน้ ทข่ี องรูปสเ่ี หลีย่ มขนม เปียกปูนโดยใช้เส้นทแยงมมุ ได้ (P) ๑.บอกหลักการหาพื้นที่ของรูป ๑ สี่เหลี่ยมรูปว่าวโดยใช้เส้นทแยง ส มมุ โดยใช้เสน้ ทแยงมมุ ได้ (K) ท ๒.เขียนแสดงการหาพื้นที่ของรูป สี่เหลี่ยมรูปว่าวโดยใช้เส้นทแยง มมุ ได้ (P) ๑.บอกหลักการหาพนื้ ท่ขี องรปู ๑ สี่เหลย่ี มโดยแบ่งเป็นรูป ส สามเหลย่ี มได้ (K) ส ๒.เขียนแสดงการหาพ้ืนท่ขี องรูป สี่เหลีย่ มโดยแบง่ เป็นรูป สามเหลี่ยมได้ (P) ๑.บอกขั้นตอนการวเิ คราะห์โจทย์ ๑ ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูป ค ของรปู หลายเหลยี่ มได้ (K) ห ๒.เขียนขั้นตอนการวิเคราะห์ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาว รอบรูปของรปู หลายเหล่ยี มได้ (P) ๑.บอกขั้นตอนการวเิ คราะห์โจทย์ ๑ ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ของรูปหลาย พ เหล่ยี มได้ (K) ๒.เขียนขั้นตอนการวิเคราะห์ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ของรูป หลายเหล่ยี มได้ (P)
สาระการเรียนรู้ กระบวนการ ชิน้ งาน สอื่ การสอน วัดผล/ เวลา อธบิ าย /ภาระงาน ประเมนิ เรียน ๑.การหาพื้นท่ขี องรูป - ๑.แถบโจทย์ ๑.ตรวจ ๑ สเ่ี หลี่ยมรูปวา่ วโดยใชเ้ สน้ ทแยงมมุ ปัญหาการหา แบบฝกึ หดั ๑.การหาพ้นื ท่ีของรปู พ ื ้ น ท ี ่ ข อ ง รู ป ส่เี หลีย่ มโดยแบง่ เป็นรปู สามเหล่ียม ส ี ่ เ ห ลี่ ย ม ข น ม เปียกปูน ๒.รูปว่าว - ๑.บตั รรูป ๑.ตรวจ ๒ สี่เหลีย่ ม แบบฝึกหัด ๑.โจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั - - ๑.ตรวจ ๒ ความยาวรอบรูปของรปู หลายเหลย่ี ม แบบฝกึ หัด ๑.โจทย์ปญั หาเกยี่ วกับ ๑. รปู - ๑.ทดสอบ ๒ พ้นื ทขี่ องรปู หลายเหลี่ยม Tessellation (หลงั เรียน) จากรปู หลาย ๒.ตรวจ เหล่ยี ม แบบฝึกหัด
โรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสด์ิราษฎรบ์ ำรุง) โครงการสอนปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ รายวชิ า คณติ ศาสตร์ รหัส ค๑๖๑๐๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เวลาเรยี น ๔ ช่ัวโมง/สัปดาห์ ครูผ้สู อน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา สปั ดาห์ คาบที่ หน่วยการเรียนร/ู้ เรอื่ ง มฐ/ตัวชว้ี ดั ๑-๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ค ๑.๑ ๔-๖ ๑-๒ ตวั ประกอบ ป.๖/๔ ๓-๕ จำนวนเฉพาะ ป.๖/๕ ๖-๙ ตวั หารรว่ มมาก ( ห.ร.ม.) ป.๖/๖ ๑๐-๑๒ ตัวคณู ร่วมน้อย ( ค.ร.น.) ๑๓-๑๔ โจทยป์ ญั หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ค ๑.๑ ป.๖/๑ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เศษส่วน ป.๖/๗ ๑-๒ การเปรยี บเทยี บ และเรยี งลำดบั เศษสว่ น ๓-๔ การบวกเศษส่วนและจำนวนคละ ๕-๖ การลบเศษส่วนและจำนวนคละ ๗-๘ การบวก ลบ เศษสว่ นและจำนวนคละระคน ๙-๑๐ การคูณ หาร เศษสว่ นและจำนวนคละระคน ๑๑-๑๒ การบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนและจำนวนคละระคน ๗-๑๐ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๓ โจทยป์ ัญหาเศษสว่ น ค ๑.๑ ป.๖/๗ ๑๑-๑๔ ๑-๒ โจทยป์ ัญหาการบวกเศษส่วนและจำนวนคละ ๓-๔ โจทย์ปัญหาการลบเศษสว่ นและจำนวนคละ ค ๑.๑ ป.๖/๙ ๕-๖ โจทยป์ ัญหาการคูณเศษสว่ นและจำนวนคละ ป.๖/๑๐ ๗-๘ โจทย์ปัญหาการหารเศษส่วนและจำนวนคละ ๙-๑๐ โจทย์ปัญหาการบวก ลบเศษสว่ นและจำนวนคละ ๑๑-๑๒ โจทย์ปญั หาการคูณ หารเศษสว่ นและจำนวนคละ ๑๓-๑๔ โจทย์ปญั หาการบวก ลบ คณู หารเศษสว่ นและจำนวน หนว่ ยการเครลียะนรทู้ ี่ ๔ ทศนิยม ๑-๒ การเขียนเศษส่วน และจำนวนคละให้อยใู่ นรปู ทศนิยม ๓-๔ การหารทศนยิ มด้วยจำนวนนบั ๕-๗ การหารทศนิยมดว้ ยทศนิยมหนึง่ ถงึ สามตำแหน่ง ๘ การแลกเปล่ยี นเงนิ ตรา ๙-๑๐ โจทย์ปญั หาการบวกทศนิยม
สปั ดาห์ คาบที่ หนว่ ยการเรยี นรู/้ เร่ือง มฐ/ตัวชีว้ ัด ๑๑-๑๒ โจทย์ปัญหาการลบทศนิยม ๑๓-๑๔ โจทย์ปญั หาการคูณทศนิยม ๑๕-๑๖ โจทยป์ ัญหาการหารทศนิยม ๑๗ โจทยป์ ญั หาการแลกเปลย่ี นเงินตรา ๑๕-๒๐ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๕ ร้อยละและอตั ราสว่ น ค ๑.๑ ๑-๒ โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกบั ร้อยละ ป.๖/๑๑ ๓-๗ โจทย์ปัญหาการซื้อขาย ป.๖/๑๒ ๘-๑๑ โจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั ดอกเบีย้ ๑๒-๑๓ อัตราสว่ นที่เทา่ กนั ๑๔-๑๕ มาตราส่วน ๑๖-๑๗ โจทยป์ ญั หาเกีย่ วกับอัตราส่วน ๑๘-๒๐ โจทย์ปัญหาเกยี่ วกบั มาตราส่วน ค ๑.๑ ๒๑ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๗ แบบรูป ป.๖/๑ ๑-๒ แบบรูปและความสมั พันธ์ ๓-๔ การแกป้ ัญหาเกย่ี วกบั แบบรูป ๒๒-๒๕ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๘ รูปสามเหล่ียม ค ๒.๒ ป.๖/๑ ๑-๒ มุม ป.๖/๒ ๓-๔ การจำแนกชนดิ ของรปู สามเหลีย่ มโดยพจิ ารณาจาก ๕-๖ ขกนาราจดำขแอนงกมชุมนิดของรปู สามเหลยี่ มโดยพจิ ารณาจาก ความยาวของดา้ น ๗ การจำแนกชนิดของรูปสามเหล่ยี มโดยพิจารณาจากมมุ และดา้ น ๘-๙ สว่ นประกอบของรปู สามเหล่ียม ๑๐-๑๑ มุมภายในของรูปสามเหล่ียม ๑๒-๑๔ การสร้างรปู สามเหลีย่ ม ๒๖-๒๘ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๙ ความยาวรอบรปู และพื้นทีข่ องรูป ค ๒.๑ สามเหล่ยี ม ป.๖/๑ ป.๖/๒ ๑-๒ ความยาวรอบรูปของรปู สามเหล่ียม ๓-๕ พื้นทีข่ องรูปสามเหลย่ี ม ๖-๗ โจทยป์ ญั หาเก่ียวกบั ความยาวรอบรปู ของรปู สามเหล่ยี ม ๘-๙ โจทย์ปัญหาเก่ียวกับพน้ื ท่ีของรูปสามเหล่ียม ๑๐-๑๑ โจทย์ปญั หาเกี่ยวกับพ้ืนทแี่ ละความยาวรอบรูปของรปู สามเหลยี่ ม
สัปดาห์ คาบท่ี หนว่ ยการเรียนรู/้ เรอื่ ง มฐ/ตัวชี้วดั ๒๙-๓๒ ค ๒.๑ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๐ รปู หลายเหลยี่ ม ๓๓-๓๕ ป.๖/๒ ๓๖-๓๙ ๑-๖ มมุ ภายในของรปู หลายเหลี่ยม ป.๖/๓ ๗-๘ ความยาวรอบรูปของรูปหลายเหลี่ยม ค ๒.๑ ป.๖/๑ ๙-๑๐ การหาพื้นทข่ี องรูปส่เี หลย่ี มคางหมู ป.๖/๒ ๑๑ การหาพน้ื ท่ีของรูปสเี่ หล่ียมจัตุรสั โดยใช้เส้นทแยงมมุ ค ๒.๒ ป.๖/๑ ๑๒ การหาพืน้ ทข่ี องรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปนู โดยใช้เส้น ป.๖/๒ ทแยงมุม ค ๒.๒ ๑๓ การหาพน้ื ที่ของรูปสเ่ี หลี่ยมรูปว่าวโดยใชเ้ สน้ ทแยงมมุ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ๑๔ การหาพื้นทข่ี องรปู ส่ีเหลยี่ มโดยแบ่งเปน็ รูปสามเหลยี่ ม ๑๕ การหาพน้ื ทข่ี องรปู สเ่ี หลี่ยมโดยแบง่ เป็นรูปสามเหล่ียม หรือรปู ส่ีเหลีย่ ม ๑๖-๑๗ โจทยป์ ัญหาเก่ยี วกบั ความยาวรอบรปู ของรปู หลาย เหล่ียม ๑๘-๑๙ โจทยป์ ัญหาเกี่ยวกับพ้ืนทขี่ องรูปหลายเหล่ยี ม หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๑ รปู วงกลม ๑-๒ สว่ นประกอบของวงกลม ๓-๖ การสรา้ งวงกลม ๗-๘ ความยาวของเสน้ รอบวง ๙-๑๐ พนื้ ทขี่ องวงกลม ๑๑-๑๒ โจทย์ปัญหาเกย่ี วกบั ความยาวของเสน้ รอบวง ๑๓-๑๔ โจทย์ปญั หาเก่ยี วกบั พื้นทีข่ องวงกลม ๑๕-๑๖ โจทย์ปญั หาเกีย่ วกับความยาวของเส้นรอบวงและพืน้ ท่ี ของวงกลม หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๒ รปู เรขาคณิตสามมติ ิ ๑ ลกั ษณะและส่วนตา่ งๆ ของปริซึม ๒ ลักษณะและส่วนตา่ งๆ ของพีระมิด ๓ ลักษณะและสว่ นตา่ งๆ ของทรงกระบอก ๔ ลกั ษณะและส่วนต่างๆ ของกรวย ๕ ลักษณะและสว่ นตา่ งๆ ของทรงกลม ๖-๘ รูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสามมิติ ๙-๑๐ ปริมาตรของทรงส่ีเหลย่ี มมุมฉาก ๑๑-๑๒ ความจุของทรงสี่เหลย่ี มมุมฉาก ๑๓-๑๕ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรหรือความจุของทรง สีเ่ หล่ียมมมุ ฉาก
สัปดาห์ คาบที่ หนว่ ยการเรียนร/ู้ เร่อื ง มฐ/ตัวชว้ี ดั ๔๐ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๓ การนำเสนอข้อมลู ค ๓.๑ ๑-๒ การอ่านแผนภมู ิรปู วงกลม ป.๖/๑ ๓-๔ โจทยป์ ญั หาเกยี่ วกับแผนภูมวิ งกลม สอบปลายภาค ๑-๒ ทบทวนบทเรียน ๓ ทบทวนบทเรียน ๔ สอบปลายภาค ๕ สอบปลายภาค เทคนิค /กระบวนการ/ วธิ ีการสอน การจดั การเรยี นรูต้ ามหลักการพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ขั้นตอนที่ ๑ : เตรียมความพร้อม เพื่อเป็นการกระตุน้ สมอง ตามหลักการทำงานของสมอง เมื่อมีการเคลื่อนไหว ร่างกายอย่างมีความสุข สมองจะหลั่งสารเคมีที่ชื่อว่า เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งสารนี้มีความสำคัญมาก ช่วยให้มีจิตใจที่ สงบและเกิดสมาธิ ซึ่งจะแตกต่างจาก เอนดอร์ฟิน (Endorphin) และ โดพามีน (Dopamine) ที่จะช่วยให้มีความสุขและ สนุกสนาน ซึ่งขั้นตอนนี้นับว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยทางโรงเรียนได้กำหนดไว้ว่า ทุกชั่วโมงที่ครูเข้าสอน ครูจะต้อง Warm Up ก่อนเสมอ โดยใชเ้ วลาไม่เกนิ ๕ นาที ขน้ั ตอนท่ี ๒ : เรยี นรู้ ในขน้ั ตอนน้จี ะคำนึงถึงหลักการทำงานของสมองท่ีว่า “เรยี นรจู้ ากงา่ ยไปหายาก เรยี นรู้จาก ของจริง และจากการสัมผัส” จากการศึกษาทางประสาทวิทยาศาสตร์พบว่า “มือ” เป็นอวัยวะที่มีประสาทสัมผัสที่ส่งผล ต่อการเรียนรู้ได้ดีที่สุด รองลงมาคือ “ปาก” นั่นก็หมายถึง ต้องให้เด็กพูด หรือสื่อสาร การส่ือสารจะช่วยให้เด็กสามารถ เชื่อมโยงเรื่องได้ ดังนั้น การออกแบบรูปแบบการสอน สื่อการสอน คุณครูต้องคำนึงถึงหลักการทำงานของสมองอย่างมาก การเรียนการสอนจึงจะประสบความสำเร็จ ในขั้นตอนที่ ๒ นี้ มีขั้นตอนย่อยที่สำคัญหนึ่งคือ “การสรุปในแต่ละชั่วโมง” ทางโรงเรียนไดส้ นับสนนุ ให้มกี ารฝึกอบรม Graphic Organizer ให้แกค่ ุณครทู ุกกลุ่มสาระ ตลอดจนหนังสอื ท่เี กี่ยวข้องจาก ต่างประเทศ เพอื่ ให้คุณครใู ชเ้ ป็นเคร่อื งมือในการสรุปทช่ี ว่ ยใหเ้ ด็กเกิดความสนกุ เกิดการเรยี นรู้ และจดจำไดง้ า่ ยขึ้น ขั้นตอนท่ี ๓ : ข้นั การฝกึ ขั้นน้จี ะสอดคลอ้ งกบั หลักการทำงานของสมองที่วา่ “สมองจะจดจำได้ดนี ำไปสู่ความจำ ระยะยาว (Long-term Memory) ตอ้ งผา่ นกระบวนการฝกึ ซ้ำๆ” คำว่า “ซำ้ ๆ” ในท่นี ไี้ มไ่ ด้หมายถึง การทำโจทย์เดิมซ้ำๆ แต่หมายถึงการใช้หลักการ เช่น หลักการบวก ก็นำไปใช้กับการบวกที่แตกต่างกันออกไปในโจทย์ คุณครูจึงจำเป็นต้อง ออกแบบใบงานทแ่ี ตกตา่ งออกไป เพอื่ ให้นกั เรยี นไดฝ้ ึกฝนเร่อื ยๆ ขั้นตอนที่ ๔ : ขั้นการสรุป ขั้นนี้เป็นการสรุปเมื่อจบบทเรียนหรือหน่วย ซึ่งแตกต่างจากขั้นตอนที่ ๒ ซึ่งเป็นการ สรุปในแต่ละชั่วโมง ในขั้นตอนนี้เป็นการเชื่อมโยงความรู้ทั้งหน่วย โดยใช้ Graphic Organizer ฝึกให้นักเรียนเชื่อมโยง ความรู้ภายในบทเรยี น สอดคลอ้ งกับหลักการทำงานของสมองทว่ี า่ “สมองเรียนรเู้ ปน็ องคร์ วม” ซึ่งขั้นตอนน้ีมีความสำคัญ ต่อเด็กมาก และเปน็ ขั้นตอนทค่ี ่อนข้างยาก ครเู องกจ็ ำเปน็ ตอ้ งฝึกฝนบ่อยๆ เชน่ กัน ขั้นตอนที่ ๕ : ขั้นการประยุกต์ใช้ทันทีทันใด การที่เด็กเรียนแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้นั้น ทำให้เกิดการ เรียนรู้ได้ถงึ ร้อยละ ๙๐ ดงั นัน้ เม่อื จบบทเรยี น คณุ ครตู อ้ งคดิ ต้องออกแบบ เชื่อมโยงความรู้ทั้งหน่วย นำข้อสอบมาให้เด็ก ทดลองทำ
การวัดและประเมินผล วธิ กี ารเกบ็ คะแนน คะแนนระหวา่ งภาค : ปลายภาค = ๗๐ : ๓๐ โดยแบ่งดงั น้ี เร่อื งทีเ่ ก็บคะแนน คะแนน ประเภทเคร่ืองมือ ๑.คะแนนเกบ็ ก่อนกลางปี ๒๕ ๑.๑ ผลงานนกั เรยี น ๑๕ สมุด แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ช้นิ งาน ๑.๒ ทดสอบหลงั เรียน ๑๐ แบบทดสอบหลงั เรียน ๒. สอบกลางปี ๒๐ แบบทดสอบ ๓.คะแนนหลังกลางปี ๒๕ ๓.๑ ผลงานนกั เรียน ๑๕ สมดุ แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ชิน้ งาน ๓.๒ ทดสอบหลังเรียน ๑๐ แบบทดสอบหลงั เรียน ๔.สอบปลายปี ๓๐ รวม ๑๐๐ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ -สือ่ ประจำหนว่ ยการจดั การเรยี นรู้ -หนังสือเรียนคณิตศาสตร์ และแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท
แผนผังมโนทศั นเ์ ปา้ หมายการเรยี นรู้/ หลักฐานการเรยี นรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทกั ษะ/กระบวนการ(Process: P) คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑.บอกหลักการหามุมภายในของรูป ๑.หามุมภายในของรปู หลายเหลี่ยม ๑. มวี ินัย หลายเหลี่ยมได้ (K) ได้ (P) ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๒.หลักการหาความยาวรอบรูปของ ๒.เขียนแสดงวิธีการหาความยาว ๓. ม่งุ ม่ันในการทำงาน รูปหลายเหลยี่ มได้ (K) รอบรปู ของรปู หลายเหล่ยี มได้ (P) ๓.หลักการหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยม ๓.เขียนแสดงวิธกี ารหาพน้ื ท่ีของรูป คางหมไู ด้ (K) ส่ีเหล่ียมคางหมไู ด้ (P) ๔ . บ อ ก ห ล ั ก ก า ร ห า พ ื ้ น ท ี ่ ข อ ง รู ป ๔.เขียนแสดงการหาพน้ื ที่ของรูป สี่เหล่ียมจตั รุ สั โดยใช้เส้นทแยงมมุ โดย ส่เี หล่ยี มจตั รุ สั โดยใช้เส้นทแยงมุมได้ ใชเ้ สน้ ทแยงมุมได้ (K) (P) ๕.หลักการหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยม ๕.หาพื้นทข่ี องรูปสี่เหล่ยี มขนมเปยี ก ขนมเปียกปูนโดยใช้เส้นทแยงมุมโดย ปูนโดยใชเ้ สน้ ทแยงมุมได้ (P) ใชเ้ ส้นทแยงมมุ ได้ (K) ๖.เขียนแสดงการหาพน้ื ทข่ี องรปู ๖ . บ อ ก ห ล ั ก ก า ร ห า พ ื ้ น ท ี ่ ข อ ง รู ป สี่เหลย่ี มรูปว่าวโดยใชเ้ ส้นทแยงมุม สีเ่ หลย่ี มรปู วา่ วโดยใชเ้ ส้น ได้ (P) ทแยงมุมโดยใช้เสน้ ทแยงมมุ ได้ (K) ๗.เขยี นแสดงการหาพืน้ ทีข่ องรปู ๗ . บ อ ก ห ล ั ก ก า ร ห า พ ื ้ น ท ี ่ ข อ ง รู ป สี่เหลยี่ มโดยแบง่ เปน็ รูปสามเหลยี่ ม สีเ่ หล่ียมโดยแบง่ เปน็ รูปสามเหล่ียมได้ ได้ (P) (K) ๘.เขียนขั้นตอนการวิเคราะห์โจทย์ ๘.บอกขั้นตอนการวิเคราะห์โจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปของ ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปของ รูปหลายเหลย่ี มได้ (P) รูปหลายเหลี่ยมได้ (K) ๙.เขยี นขัน้ ตอนการวเิ คราะห์โจทย์ ๙.บอกขั้นตอนการวิเคราะห์โจทย์ ปญั หาเกย่ี วกับพน้ื ที่ของรูปหลาย ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ของรูปหลาย เหลี่ยมได้ (P) เหลยี่ มได้ (K) ๙.สรา้ งรปู Tessellation จากรปู หลายเหลย่ี ม (P) เป้าหมายการเรยี น เรอื่ ง รูปหลายเหลยี่ ม หลักฐานการเรยี นรู้ -สรา้ งรูป Tessellation จากรปู หลายเหล่ียม
แผนผงั มโนทัศน์ขนั้ ตอนการทำกจิ กรรมประกอบการจดั การเรียนรดู้ ้วย การสอนตามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ศึกษามาตรฐานการรเรยี นรู้ / ตวั ชี้วดั และจุดประสงค์การเรยี นรู้ ทำแบบทดสอบก่อนเรียน ทำกิจกรรมโดยใชก้ ระบวนการจัดการเรยี นรู้ตามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-Based learning: BBL) ขัน้ ท่ี ๑ เตรยี มความพร้อม ข้นั ท่ี ๒ เรยี นรู้ ขนั้ ท่ี ๓ ขัน้ การฝกึ ข้นั ที่ ๔ ขั้นการสรุป ขน้ั ที่ ๕ ขนั้ การประยุกตใ์ ช้ทันทที ันใด ทดสอบหลงั เรียน (ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๖๐)
ผงั มโนทศั น์ หน่วยการเรยี หน่วยการเรียนร้ทู จานวน ๑ แผนที่ ๑ มุมภายในของรูปหลายเหลีย่ ม แผนที่ ๒ ความยาวรอบ แผนท่ี ๔ การหาพ้ืนทข่ี องรปู สีเ่ หลี่ยมจตั ุรสั แผนท่ี ๕ การหาพน้ื ทข่ี โดยใช้เส้นทแยงมุม เปียกปนู โดยใช้เสน้ ทแย แผนที่ ๗ การหาพ้นื ท่ีของรูปสี่เหลยี่ มโดย แผนที่ ๘ โจทยป์ ญั หา แบ่งเป็นรปู สามเหลี่ยมหรอื รปู สเ่ี หลยี่ ม รอบรปู ของรปู หลายเห การเรยี นร้แู บ ภาษาไทย ๑.ฟังแสดงความคดิ เหน็ ๒.พดู แสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามอ่านและสะกดคา ๓.การเขยี นสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ยนรทู้ ี่ ๙ รปู หลายเหลี่ยม ที่ ๙ รปู สามเหลีย่ ม ๑๙ ชวั่ โมง บรูปหลายเหลย่ี ม แผนที่ ๓ การหาพ้ืนท่ขี องรูปสเี่ หล่ยี มคางหมู ของรปู ส่เี หล่ียมขนม แผนท่ี ๖ การหาพนื้ ท่ีของรปู ส่เี หล่ยี มรูปว่าว ยงมุม โดยใช้เส้นทแยงมุม าเก่ยี วกบั ความยาว แผนที่ ๙ โจทยป์ ญั หาเกีย่ วกบั พ้ืนทขี่ องรปู หล่ียม หลายเหลยี่ ม บบบรู ณาการ ศิลปะ : ทศั นศิลป์ ๑. การออกแบบรปู Tessellation
แผนบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมภี มู ิค้มุ กันในตัวที่ดี 1. ออกแบบการจัดกิจกรรม ตรงตาม 1. ออกแบบการเรียนรสู้ ง่ เสรมิ กระบวนการคดิ 1. ศกึ ษาแนวทางการจัดการเรยี นรู้ล่วงหนา้ ตัวชวี้ ดั 2. ใช้เทคนิคการจดั การเรียนรทู้ ่หี ลากหลาย 2. จดั เตรยี มการวดั ผลประเมนิ ผล และแบบ 2. เลือกส่ือ แหล่งเรยี นรเู้ หมาะสม สงั เกตพฤตกิ รมนกั เรยี น 3. วดั ผลประเมินผลตรงตามเนอื้ หา เง่อื นไขความรู้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม 1. รจู้ ักเทคนิคการสอนท่สี ่งเสริมกระบวนการคดิ และนกั เรยี น 1. มีความขยัน เสยี สละ และมุง่ มนั่ ในการจัดหาส่ือมาพฒั นานักเรยี น สามารถเรียนรูไ้ ดอ้ ย่างมคี วามสุข ใหบ้ รรลตุ ามจดุ ประสงค์ 2. มคี วามอดทนเพ่อื พฒั นานกั เรยี นโดยใชเ้ ทคนคิ การสอนที่ หลากหลาย นักเรยี น ความพอประมาณ ความมเี หตุผล การมีภมู คิ ุม้ กันในตัวทดี่ ี 1. การใชเ้ วลาในการทำกิจกรรม/ภาระงาน 1. ฝกึ กระบวนการทำงานเป็นกลมุ่ 1. วางแผนการศกึ ษาค้นควา้ อิสระ ไดอ้ ย่างเหมาะสม ทันเวลา 2. ฝกึ กระบวนการแสดงขั้นตอนการหาผลลัพธ์ 2. นำความรเู้ รอ่ื งรปู หลายเหลี่ยม ไปใช้ใน 2. เลอื กสมาชิกกลมุ่ ไดเ้ หมาะสมกบั เนื้อหาที่ ชีวติ ประจำวันได้ เรียนและศักยภาพของตน เงือ่ นไขความรู้ เง่อื นไขคุณธรรม 1. มีความรู้เรือ่ งรปู หลายเหลยี่ มตลอดจนสามารถสรา้ งจดั ทำชิ้นงาน ได้ 1. มคี วามรบั ผดิ ชอบ และปฏิบัตติ ามข้อตกลงของกลุ่ม ตามวตั ถปุ ระสงค์ 2. มสี ติ มสี มาธชิ ว่ ยเหลอื กันในการทำงานร่วมกนั ส่งผลตอ่ การพฒั นา 4 มติ ิให้ย่ังยืนยอมรบั ต่อการเปล่ยี นแปลงในยคุ โลกาภิวฒั น์ วตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม ความรู้ (K) มคี วามรคู้ วามเข้าใจ เร่อื งรปู หลายเหลย่ี ม มคี วามรู้และเขา้ ใจ มคี วามรู้และเข้าใจ มคี วามรู้และเขา้ ใจการ กระบวนการทำงาน เกีย่ วกบั ส่งิ แวดล้อม ชว่ ยเหลือ แบง่ ปนั กลุ่ม และสิง่ ตา่ ง ๆรอบตวั ทักษะ (P) สรา้ งชน้ิ งาน เร่ืองรูปหลายเหลยี่ ม ทำงานไดส้ ำเรจ็ ตาม ใช้แหลง่ เรยี นรโู้ ดยไม่ ชว่ ยเหลอื แบง่ ปนั ซ่งึ เปา้ หมาย ดว้ ย ทำลายสงิ่ แวดลอ้ ม กัน และกัน กระบวนการกลุ่ม คา่ นยิ ม (A) เห็นประโยชน์ของเรยี นรู้ เกี่ยวกับ เรื่องรปู เหน็ คุณคา่ และ เห็นคุณคา่ ของการใช้ ปลกู ฝงั นสิ ยั การ หลายเหลี่ยม ภาคภูมใิ จในการ แหลง่ เรยี นรู้โดยไม่ ชว่ ยเหลอื แบง่ ปนั ทำงานร่วมกนั ได้ ทำลายสิ่งแวดล้อม สำเรจ็
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 เรอ่ื ง รปู หลายเหล่ยี ม วชิ าคณติ ศาสตร์ เวลา 19 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้ีวัด มาตรฐานการเรียนรู้ ค 2.2 : เข้าใจและวเิ คราะห์รปู เรขาคณิต สมบตั ขิ องรูปเรขาคณิต ความสมั พนั ธ์ ระหว่างรูปเรขาคณติ และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนำไปใช้ ตัวช้ีวดั ป.6/1 : ระบรุ ปู แรขาคณิตสองมติ ทิ ี่มแี กนสมมาตรและจำนวนแกนสมมาตร 2.สาระสำคญั รปู หลายเหลยี่ มเปน็ รปู ปิดอยู่บนระนาบ มดี า้ นทกุ ดา้ นเปน็ ส่วนของเส้นตรง มมุ ภายในของรปู หลาย เหลี่ยม ไดแ้ ก่ ผลรวมของมุมภายในของรูปสามเหล่ียม เทา่ กบั 180 องศา ผลรวมของมุมภายในของรปู ส่ีเหลยี่ ม เท่ากบั 360 องศา ผลรวมของมมุ ภายในของรปู หา้ เหลีย่ ม เท่ากับ 540 องศา ผลรวมของมมุ ภายในของรูปหก เหล่ียม เท่ากบั 720 องศา และผลรวมของมุมภายในของรปู แปดเหลย่ี ม เทา่ กบั 1,080 องศา ความยาวรอบรูป ของรปู หลายเหลย่ี มเปน็ ผลรวมของความยาวด้านแต่ละด้านของรปู หลายเหลี่ยม พ้นื ท่ีของรปู สเ่ี หลย่ี มคางหมู = 1 2 × ความสูง × ผลบวกของความยาวของด้านคทู่ ีข่ นานกนั ,พื้นท่ขี องรปู สี่เหล่ียมจตั ุรัส = 1 × ผลคณู ของความยาว 2 ของเส้นทแยงมมุ , พื้นทีข่ องรูปสเี่ หลี่ยมขนมเปียกปนู = 1 × ผลคณู ของความยาวของเสน้ ทแยงมุม ,พน้ื ท่ขี องรปู 2 สีเ่ หลีย่ มรูปว่าว = 1 × ผลคูณของความยาวของเสน้ ทแยงมมุ การหาพืน้ ท่ีรปู สี่เหลย่ี ม คอื ลากเส้นทแยงมมุ ให้ 2 แบง่ รูปส่ีเหล่ียมนั้นเป็นสามเหลีย่ ม แล้วหาพื้นที่สามเหล่ียมแตล่ ะรูปหาผลบวกของพืน้ ทสี่ ามเหลีย่ มเหลา่ นัน้ จะได้ พนื้ ท่รี ูปส่ีเหลี่ยมตามตอ้ งการ การหาพ้นื ทีร่ ูปหลายเหล่ยี ม อาจแบ่งรูปหลายเหลี่ยมเป็นรปู สามเหลยี่ ม รูปสี่เหลีย่ ม แล้วหาพน้ื ทขี่ องแตล่ ะรูป จากน้ันนำพ้ืนทีท่ งั้ หมดมารวมกนั การแกโ้ จทยป์ ัญหาอาจดำเนินการตามขั้นตอนจาก การทำความเข้าใจปญั หา วางแผนแกป้ ญั หา ดำเนนิ การตามแผน และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ 3. สาระการเรียนรู้ - มมุ ภายในของรปู หลายเหลี่ยม - ความยาวรอบรปู ของรูปหลายเหลย่ี ม - การหาพ้ืนท่ีของรปู สเ่ี หลีย่ มคางหมู - การหาพื้นท่ีของรปู สีเ่ หลีย่ มจตั ุรัสโดยใชเ้ สน้ ทแยงมมุ - การหาพนื้ ท่ีของรูปสเี่ หลย่ี มขนมเปียกปูนโดยใช้เสน้ ทแยงมุม - การหาพน้ื ที่ของรปู สีเ่ หลย่ี มรูปวา่ วโดยใชเ้ ส้นทแยงมุม - การหาพืน้ ท่ีของรปู สีเ่ หลยี่ มโดยแบ่งเปน็ รูปสามเหล่ยี ม - โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปของรูปหลายเหลี่ยม - โจทย์ปญั หาเก่ียวกับพนื้ ท่ขี องรูปหลายเหลย่ี ม
4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 6. ชิน้ งาน/ภาระงาน 1. สร้างรปู Tessellation จากรปู หลายเหล่ยี ม 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ น-หลังเรยี น แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 9 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 9 ระดับคุณภาพ 2 ตรวจแบบฝกึ หดั หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 9 แบบฝึกหดั หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 9 ผ่านเกณฑ์ ตรวจช้ินงานหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 9 ชน้ิ งานหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 9 ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม สังเกตความมวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ใน แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 การทำงาน ผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ี 1 มุมภายในของรูปหลายเหลีย่ ม ช่ัวโมงท่ี 1 1. ครใู หน้ ักเรยี นท่องสตู รคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลังจาก นัน้ ใหน้ กั เรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ และทดสอบกอ่ นเรยี น 2. ครแู จกกระดาษรูปสามเหล่ียมทม่ี ีลักษณะและขนาดต่าง ๆ กัน ให้นกั เรียนคนละ 1 รปู ครใู หน้ ักเรียน ชรู ูปท่ไี ด้รบั ครถู ามวา่ รปู นเ้ี ป็นรูปเรขาคณิตสองมิติ หรอื รปู เรขาคณิตสามมิติ 3. ครูแจกกระดาษรูปสี่เหลยี่ มที่มลี ักษณะและขนาดต่าง ๆ กัน ให้นกั เรยี นคนละ 1 รปู แลว้ จัดกิจกรรม ทำนองเดยี วกับข้อ 1 เพื่อนำไปสขู่ อ้ สรปุ ว่า แมว้ ่ารูปสเี่ หลี่ยมจะมลี กั ษณะและขนาดแตกต่างกัน แต่ทกุ รปู จะมดี ้าน 4 ดา้ น และมุม 4 มุม เสมอ 4. ครูจัดกจิ กรรมทำนองเดยี วกับข้นั นำเข้าสู่บทเรียน โดยการใชก้ ระดาษรูปหา้ มเหลยี่ ม และกระดาษรปู หกเหล่ียมตามลำดับ 5. ครูแนะนำว่ารปู สามเหล่ียม รปู ห้าเหลี่ยม รูปหกเหลย่ี ม ฯลฯ เหล่านนั้ เปน็ รปู หลายเหล่ียม ครูชบู ัตร ภาพรปู หลายเหลย่ี มชนิดต่างๆ หลายลกั ษณะใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ให้ตอบว่า เป็นรปู หลายเหลีย่ มชนดิ ใด เพราะเหตุ ใด จากนัน้ ให้รว่ มกนั อภปิ รายจนได้ขอ้ สรปุ ว่า การจำแนกชนิดของรูปหลายเหล่ยี ม ใหพ้ ิจารณาจากจำนวนด้าน และจำนวนมมุ ของรูปหลายเหล่ียมน้ัน 6. ครูให้นักเรียนสร้างมมุ ภายในของรูปสามเหลยี่ ม เม่ือเสร็จแลว้ ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถูกต้อง
จากนั้นครูและนกั เรียนร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนังสอื เรียน 7. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปส่งิ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้รว่ มกัน ดังน้ี ทบทวนมุมภายในของรูปสามเหลย่ี มเป็นรปู ปดิ อย่บู นกระดาน มีดา้ นทกุ ดา้ นเป็นสว่ นของเส้นตรง 8. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ช่วั โมงที่ 2 1. ครใู หน้ กั เรยี นท่องสูตรคณู โดยใชไ้ ม้กลองประดิษฐแ์ ละตาราง 9 ช่องประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลงั จาก น้ันใหน้ กั เรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ และทดสอบก่อนเรียน 2. ครูกล่าวทกั ทายนักเรยี นและทบทวนความรู้ เร่ือง รูปสามเหลีย่ ม โดยตดิ บตั รภาพรปู สามเหล่ยี มให้ นักเรียนดบู นกระดาน จากนัน้ ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรยี นว่า เป็นรูปเรขาคณิตสองมิตชิ นิดใด เพราะเหตใุ ด (เป็นรูปสามเหลย่ี ม เพราะมดี า้ น 3 ด้าน และมุม 3 มมุ ) 3. ครแู บง่ นักเรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 3 - 4 คน สง่ ตัวแทนออกมารบั บัตรรูปสามเหลี่ยมชนิดตา่ ง ๆ 3 - 4 รูป จากนน้ั ให้นกั เรยี นใชไ้ ม้โพรแทรกเตอร์วัดขนาดของมุมทั้ง 3 มุม พรอ้ มใชด้ นิ สอเขยี นขนาดของมมุ กำกบั ไว้ ภายในของรปู สามเหล่ียมท่ไี ด้รับ 4. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันสรปุ จากการทำกจิ กรรมพัฒนาความรไู้ ด้ว่า ผลรวมของมมุ ภายในของ รูปสามเหล่ยี ม เทา่ กับ 180 องศา 5. ครูติดบัตรรปู สามเหล่ียมให้นักเรยี นดบู นกระดาน จากน้ันครถู ามคำถามกระต้นุ ความคดิ ของนักเรียน 6. ครูให้นกั เรยี นทำสร้างมมุ ภายในของรูปหลายเหลย่ี ม เมอ่ื เสรจ็ แลว้ ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนั้นครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลย 7. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปสง่ิ ท่ีได้เรียนรู้รว่ มกนั ดังนี้ มุมภายในของรปู สามเหล่ียมมีผลรวมของ มมุ ภายใน เท่ากับ 180 องศา 8. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ช่วั โมงท่ี 3 1. ครูใหน้ ักเรยี นทอ่ งสูตรคูณโดยใชไ้ มก้ ลองประดิษฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคณู หลงั จากนั้นใหน้ กั เรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ และทดสอบกอ่ นเรียน 2. ครูกล่าวทักทายนักเรียนและทบทวนความรู้ เรื่อง รปู สี่เหลีย่ ม โดยตดิ บัตรภาพรูปสี่เหลยี่ มให้นกั เรยี น ดบู นกระดาน จากนนั้ ครถู ามคำถามกระตนุ้ ความคิดของนกั เรียนว่า เปน็ รูปเรขาคณิตสองมิตชิ นดิ ใด เพราะเหตใุ ด 3. ครแู บ่งนักเรียนเป็นกลมุ่ กลุม่ ละ 3 - 4 คน สง่ ตวั แทนออกมารบั บัตรรปู สี่เหล่ยี มชนิดต่าง ๆ 3 - 4 รูป จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นใช้ไม้โพรแทรกเตอรว์ ัดขนาดของมุมทง้ั 4 มมุ พร้อมใช้ดนิ สอเขยี นขนาดของมุมกำกับ ไว้ภายในของรูปส่ีเหล่ียมที่ได้รับ 4. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั สรุปจากการทำกจิ กรรมพัฒนาความรู้ไดว้ า่ ผลรวมของมมุ ภายใน ของรูปส่เี หล่ียม เท่ากับ 360 องศา 5. ครูตดิ บตั รรูปส่ีเหลี่ยมใหน้ ักเรยี นดูบนกระดาน จากน้ันครถู ามคำถามกระตุน้ ความคิดของนักเรยี น 6. ครูใหน้ กั เรียนหามมุ ภายในของรูปหลายเหลี่ยม เม่ือเสร็จแล้วให้นกั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากนัน้ ครูและนักเรยี นรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในหนงั สือเรียน 7. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปส่ิงท่ีได้เรียนรูร้ ่วมกัน ดังน้ี มุมภายในของรปู ส่เี หล่ยี มมีผลรวมของมุม ภายใน เทา่ กบั 360 องศา 8. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท.
ชว่ั โมงที่ 4 1. ครูให้นักเรียนทอ่ งสตู รคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสตู รคณู หลังจากน้ันใหน้ ักเรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ข้อ และทดสอบก่อนเรยี น 2. ครูกล่าวทักทายนกั เรยี นและทบทวนความรู้ เรอ่ื ง รปู ห้าเหลย่ี ม โดยติดบตั รภาพรปู หา้ เหลี่ยมให้ นักเรยี นดบู นกระดาน จากนั้นครถู ามคำถามกระตุ้นความคดิ ของนักเรยี นวา่ เป็นรูปเรขาคณิตสองมิตชิ นิดใด เพราะเหตใุ ด (เป็นรูปหา้ เหล่ียม เพราะมีดา้ น 5 ด้าน และมมุ 5 มุม) 3. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุม่ กลุ่มละ 3 - 4 คน ส่งตัวแทนออกมารับบตั รรปู ห้าเหลี่ยมชนิดต่าง ๆ 3 - 4 รูป จากนั้นให้นักเรียนใช้ไม้โพรแทรกเตอร์วัดขนาดของมุมทั้ง 5 มุม พร้อมใช้ดินสอเขียนขนาดของมุม กำกบั ไว้ภายในของรปู หา้ เหลย่ี มที่ไดร้ ับ 4. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั สรปุ จากการทำกจิ กรรมพัฒนาความรู้ไดว้ ่า ผลรวมของมุมภายใน ของรปู หา้ เหลยี่ ม เท่ากบั 540 องศา 5. ครูตดิ บตั รรปู ห้าเหลี่ยมใหน้ กั เรยี นดูบนกระดาน จากน้ันครถู ามคำถามกระตนุ้ ความคิดของ นักเรยี น 6. ครูให้นักเรียนทำมมุ ภายในของรปู หลายเหล่ียม เมื่อเสร็จแลว้ ให้นักเรยี นช่วยกันตรวจสอบ ความถกู ตอ้ ง จากนน้ั ครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยกิจกรรม 7. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรปุ ส่ิงที่ไดเ้ รยี นรู้ร่วมกัน ดงั น้ี มมุ ภายในของรปู ห้าเหลี่ยมมีผลรวมของมุม ภายใน เท่ากบั 540 องศา 8. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. ช่ัวโมงท่ี 5 1. ครใู ห้นักเรยี นท่องสตู รคณู โดยใช้ไมก้ ลองประดษิ ฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลงั จากนั้นให้นักเรยี นคิดเลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ และทดสอบก่อนเรยี น 2. ครูกล่าวทักทายนักเรียนและทบทวนความรู้ เรื่อง รูปหกเหลี่ยม โดยติดบัตรภาพรูปหกเหลี่ยมให้ นักเรียนดูบนกระดาน จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนกั เรียนว่า เป็นรูปเรขาคณิตสองมิติชนิดใด เพราะเหตใุ ด (เปน็ รูปหกเหล่ยี ม เพราะมีดา้ น 6 ด้าน และมุม 6 มุม) 3. ครแู บ่งนักเรยี นเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 3 - 4 คน ส่งตัวแทนออกมารบั บตั รรปู หกเหล่ียมชนิดต่าง ๆ 3 - 4 รูป จากนั้นให้นักเรียนใช้ไม้โพรแทรกเตอร์วัดขนาดของมุมทั้ง 6 มุม พร้อมใช้ดินสอเขียนขนาดของมุม กำกบั ไวภ้ ายในของรปู หกเหลยี่ มที่ไดร้ ับ 4. ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันสรปุ จากการทำกิจกรรมพฒั นาความรู้ไดว้ ่า ผลรวมของมุมภายใน ของรปู หกเหล่ยี ม เท่ากบั 720 องศา 5. ครูติดบัตรรูปหกเหลี่ยมให้นักเรียนดูบนกระดาน จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของ นักเรยี น 6. ครใู หน้ กั เรียนหามมุ ภายในของรูปหลายเหลยี่ ม เมื่อเสร็จแลว้ ให้นักเรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากนั้นครแู ละนักเรยี นร่วมกนั เฉลยกิจกรรมในหนงั สือเรียน 7. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปสิง่ ทีไ่ ด้เรยี นรู้ร่วมกัน ดงั นี้ มมุ ภายในของรูปหกเหล่ียมมผี ลรวมของมุม ภายใน เท่ากับ 720 องศา 8. ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท.
ชั่วโมงที่ 6 1. ครูใหน้ ักเรยี นท่องสูตรคณู โดยใชไ้ มก้ ลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคูณ หลังจากนัน้ ให้นกั เรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ และทดสอบก่อนเรยี น 2. ครูกล่าวทักทายนักเรียนและทบทวนความรู้ เรื่อง รูปแปดเหลี่ยม โดยติดบัตรภาพรูปแปดเหลี่ยมให้ นักเรียนดูบนกระดาน จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนวา่ เป็นรูปเรขาคณิตสองมิติชนดิ ใด เพราะเหตุใด (เปน็ รปู แปดเหลี่ยม เพราะมีดา้ น 8 ดา้ น และมมุ 8 มมุ ) 3. ครแู บ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 3 - 4 คน สง่ ตัวแทนออกมารับบัตรรปู แปดเหลยี่ มชนิดตา่ ง ๆ 3 - 4 รปู จากน้ันใหน้ ักเรยี นใช้ไมโ้ พรแทรกเตอร์วัดขนาดของมุมทั้ง 8 มมุ พรอ้ มใช้ดินสอเขียนขนาดของมุมกำกบั ไว้ ภายในของรปู แปดเหลีย่ มท่ีได้รบั 4. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันสรปุ จากการทำกิจกรรมพฒั นาความรูไ้ ดว้ ่า ผลรวมของมุมภายในของ รูปแปดเหลย่ี ม เทา่ กบั 1,080 องศา 5. ครูติดบัตรรูปแปดเหลี่ยมใหน้ ักเรยี นดบู นกระดาน จากนน้ั ครูถามคำถามกระตนุ้ ความคดิ ของนักเรยี น 6. ครูให้นักเรียนหามมุ ภายในของรปู หลายเหลยี่ ม เม่ือเสร็จแลว้ ให้นกั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากนั้นครูและนักเรยี นรว่ มกันเฉลยกจิ กรรมในหนงั สือเรยี น 7. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปสง่ิ ท่ีไดเ้ รยี นรู้ร่วมกนั ดังนี้ มุมภายในของรูปแปดเหลย่ี มมีผลรวมของ มุมภายใน เทา่ กับ 1,080 องศา 8. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมท่ี 2 ความยาวรอบรูปหลายเหลี่ยม ชว่ั โมงท่ี 1 1. ครูใหน้ กั เรยี นทอ่ งสตู รคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคณู หลังจาก น้นั ให้นักเรยี นคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ 2. ครกู ลา่ วทักทายนกั เรยี นและทบทวนความรู้ เร่อื ง ความยาวรอบรปู ของรปู สามเหลี่ยม โดยครูติดบตั ร ภาพรูปสามเหลี่ยมใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน แล้วให้นักเรยี นร่วมกันหาความยาวรอบรปู ของรูปสามเหลย่ี มแต่ละ ภาพ 3. ครยู กตวั อย่างใหน้ ักเรยี นดูโดยตดิ บัตรภาพรูปหา้ เหลีย่ มบนกระดาน แลว้ ใช้คำถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรียน 4. ครใู หน้ กั เรียนจบั ค่กู ับเพ่ือน แล้วให้แตล่ ะคนสรา้ งรูปสี่เหลี่ยมหรอื หา้ เหลี่ยม พร้อมกำหนดความยาว แตล่ ะด้าน จากนน้ั สลับกับเพอื่ นข้าง ๆ หาความยาวรอบรูป เมอื่ เสรจ็ แลว้ ส่งคนื พร้อมตรวจสอบความถูกตอ้ ง 5. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปเรือ่ ง ความยาวรอบรูปของรปู หลายเหลี่ยม (รูปสี่เหลย่ี มและรูปหา้ เหลย่ี ม) โดยครขู ออาสาสมัครนกั เรยี นออกมาหนา้ ช้นั เรยี น แลว้ ออกมาจบั สลากรปู สี่เหลย่ี มและรูปหา้ เหล่ยี มหน้าชัน้ เรยี น จากนัน้ ให้นักเรยี นหามุมภายในของรปู ส่ีเหลีย่ มและรูปหา้ เหล่ยี ม แล้วครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง 6. ครใู ห้นักเรยี นหาความยาวรอบรปู ของรูปหลายเหลย่ี ม เมอ่ื เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตรวจสอบ ความถกู ต้อง จากน้ันครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนงั สือเรยี น 7. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปสิง่ ทไี่ ด้เรียนร้รู ว่ มกนั ดงั น้ี ความยาวรอบรูปของรปู หลายเหล่ยี มเปน็ ผลรวม ของความยาวดา้ นแตล่ ะดา้ นของรูปหลายเหล่ียม 8. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท.
ช่วั โมงที่ 2 1. ครูให้นักเรียนทอ่ งสูตรคูณโดยใชไ้ มก้ ลองประดิษฐแ์ ละตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคูณ หลังจาก นน้ั ใหน้ กั เรยี นคิดเลขเร็วจำนวน 3 ข้อ 2. ครทู บทวนความรู้ เรอ่ื ง ความยาวรอบรปู ของรูปสี่เหลี่ยม โดยครตู ิดบัตรภาพรูปส่ีเหลีย่ มให้นกั เรยี นดู บนกระดาน แลว้ ให้นักเรยี นร่วมกนั หาความยาวรอบรูปของรูปสามเหล่ียมแตล่ ะภาพ 3. ครยู กตวั อย่างใหน้ ักเรียนดูโดยตดิ บัตรภาพรูปหกเหล่ยี มบนกระดาน แล้วใช้คำถามกระต้นุ ความคิด นักเรียน 4. ครูให้นกั เรียนจับค่กู บั เพ่ือน แลว้ ใหแ้ ต่ละคนสร้างรปู หกเหลย่ี มหรือแปดเหลยี่ ม พรอ้ มกำหนดความ ยาวแต่ละดา้ น จากนน้ั สลบั กับเพ่อื นขา้ ง ๆ หาความยาวรอบรปู เมอ่ื เสร็จแลว้ สง่ คนื พรอ้ มตรวจสอบความถูกตอ้ ง 5. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ เรอื่ ง ความยาวรอบรปู ของรปู หลายเหลีย่ ม (รูปหกเหล่ียมและรูปแปด เหลีย่ ม) โดยครขู ออาสาสมคั รนักเรียนออกมาหน้าช้นั เรยี น แล้วออกมาจบั สลากรปู หกเหล่ยี มและรปู แปดเหลย่ี ม หน้าช้นั เรียน จากน้ันให้นกั เรียนหามมุ ภายในของรูปหกเหล่ยี มและรูปแปดเหลยี่ ม แลว้ ครูตรวจสอบความถกู ต้อง 6. ครใู ห้นกั เรยี นหาความยาวรอบรปู ของรปู หลายเหลีย่ ม เมื่อเสรจ็ แลว้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันตรวจสอบ ความถกู ต้อง จากน้ันครแู ละนักเรียนรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรียน 7. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ สง่ิ ที่ได้เรยี นรรู้ ว่ มกัน ดงั น้ี ความยาวรอบรปู ของรปู หลายเหล่ียมเปน็ ผลรวม ของความยาวด้านแต่ละด้านของรูปหลายเหลย่ี ม 8. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. กิจกรรมท่ี 3 การหาพน้ื ทขี่ องรปู สเ่ี หลี่ยมคางหมู ช่ัวโมงที่ 1 1. ครใู ห้นักเรียนทอ่ งสตู รคูณโดยใช้ไม้กลองประดษิ ฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจาก น้นั ใหน้ ักเรยี นคิดเลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ 2. ให้นกั เรยี นทบทวนความรู้เรอื่ ง รูปส่เี หลย่ี มคางหมู โดยครใู ห้ผแู้ ทนนักเรียนออกมาวาดรูปสเี่ หลีย่ มคาง หมู ตามท่ีครูกำหนดบนกระดาน พร้อมทั้งเขยี นช่ือและเขียนเสน้ ทแยงมุม ดังตวั อยา่ ง 3. จากกจิ กรรมข้ันนำเข้าสู่บทเรียน ครูเขียนเสน้ แสดงความสูง แล้วถามคำถามนักเรียน ดังนี้ 4. ครใู หน้ กั เรยี นหาพ้นื ท่ีของรูปสเ่ี หลีย่ มคางหมู เมือ่ เสร็จแล้วใหน้ กั เรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนั้นครแู ละนกั เรียนรว่ มกันเฉลยกจิ กรรมในหนังสอื เรียน 5. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปสิ่งทไี่ ดเ้ รียนรูร้ ว่ มกนั ดงั นี้ การหาพื้นทข่ี องรูปส่ีเหลยี่ มคางหมู เมอ่ื กำหนด ความสงู และความยาวของด้านคู่ทขี่ นานกันอาจหาไดจ้ ากสูตร พ้นื ทขี่ องรปู สเี่ หลี่ยมคางหมู = 1 × ความสงู × ผลบวกของความยาวของดา้ นคู่ที่ขนานกัน 2 6. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. ชว่ั โมงท่ี 2 1. ครใู หน้ กั เรียนทอ่ งสูตรคณู โดยใชไ้ ม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสตู รคณู หลงั จาก นัน้ ใหน้ กั เรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ 2. ครูถามนักเรียนว่า ถา้ ครมู ที ดี่ นิ แปลงหน่ึงเปน็ รูปสี่เหล่ียมผนื ผา้ กว้าง 8 เมตร ยาว 10 เมตร ควรจะหา พนื้ ท่ีไดอ้ ยา่ งไร (ใช้สูตร) 3. ครตู ดิ รูปส่ีเหลยี่ มคางหมูบนกระดาน 2 รูป ใหน้ กั เรียนช่วยกนั หาคำตอบจากนัน้ ให้ผู้แทนนกั เรียน 2 คน ออกมาเขยี นแสดงวิธีทำบนกระดาน
4. ครูให้นักเรยี นหาพ้นื ที่ของรูปสเี่ หลยี่ มคางหมู เมื่อเสรจ็ แล้วให้นักเรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนน้ั ครแู ละนกั เรียนร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนังสอื เรียน 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งท่ไี ด้เรยี นร้รู ่วมกนั ดังน้ี การหาพ้ืนทข่ี องรปู สี่เหล่ียมคางหมู เมอ่ื กำหนด ความสูงและความยาวของด้านคทู่ ่ขี นานกันอาจหาไดจ้ ากสูตร พ้นื ท่ีของรปู ส่เี หล่ียมคางหมู = 1 × ความสงู × ผลบวกของความยาวของด้านคูท่ ข่ี นานกัน 2 6. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. กิจกรรมท่ี 4 การหาพื้นทข่ี องรปู สี่เหลี่ยมจัตุรสั โดยใช้เส้นทแยงมมุ ช่ัวโมงท่ี 1 1. ครใู ห้นกั เรียนท่องสตู รคูณโดยใช้ไมก้ ลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการทอ่ งสูตรคณู หลังจาก น้ันใหน้ กั เรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ 2. ครถู ามนกั เรยี นว่า ถ้าครมู ที ่ดี นิ แปลงหนง่ึ เปน็ รปู สี่เหลยี่ มผนื ผา้ กว้าง 8 เมตร ยาว 10 เมตร ครจู ะหา พน้ื ท่ีไดอ้ ยา่ งไร (ใชส้ ตู ร) จากนน้ั ครถู ามคำถามนกั เรียนดังนี้ - สูตรว่าอย่างไร (พืน้ ทข่ี องรปู สเี่ หล่ียมผืนผา้ = ความกวา้ ง × ความยาว) - ทีด่ นิ ผนื นม้ี พี ื้นที่เท่าไร (80 ตารางเมตร) - ถา้ ครูตอ้ งการกระจกวางบนโตะ๊ รปู สี่เหล่ยี มจัตุรัสทีม่ คี วามยาวของดา้ นยาวด้านละ 60 เซนตเิ มตร ครู ตอ้ งใชก้ ระจกพ้ืนทเ่ี ทา่ ไร (3,600 ตร.ซม.) - หาไดอ้ ย่างไร (จากสูตรพนื้ ทีข่ องรูปส่ีเหลี่ยมจตั รุ สั เท่ากับ ความยาวของด้าน × ความยาวของดา้ น) 3. ให้นักเรยี นทบทวนความรเู้ ร่ือง รูปส่ีเหลยี่ มจัตุรัส โดยครูใหผ้ ูแ้ ทนนกั เรยี นออกมาวาดรปู บนกระดาน พรอ้ มกบั เขียนเส้นทแยงมุมของรปู ส่ีเหลย่ี ม 4. จากกจิ กรรม ครูถามคำถามนักเรียน 5. ครตู ดิ รปู สเ่ี หลย่ี มจัตุรัสบนกระดานใหน้ ักเรยี นช่วยกันหาคำตอบ 6. ครูใหน้ ักเรยี นหาพ้นื ทข่ี องรูปส่ีเหลี่ยมจตั ุรสั โดยใช้เสน้ ทแยงมมุ เม่ือเสรจ็ แลว้ ให้ นักเรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากน้นั ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรียน 7. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ส่ิงทไี่ ดเ้ รียนรูร้ ่วมกนั ดังนี้ พื้นที่ของรูปสีเ่ หลยี่ มจัตรุ ัส = 1 × ผลคณู ของ 2 ความยาวของเส้นทแยงมมุ 8. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. กิจกรรมท่ี 5 การหาพ้นื ท่ีของรปู สี่เหลี่ยมขนมเปียกปนู โดยใช้เส้นทแยงมมุ ชว่ั โมงที่ 1 1. ครใู ห้นักเรียนทอ่ งสูตรคณู โดยใช้ไมก้ ลองประดษิ ฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการท่องสูตรคณู หลงั จาก นน้ั ใหน้ กั เรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ 2. ครตู ิดรปู ส่เี หลีย่ มบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรยี นครง้ั ละ 2 คน แขง่ ขันกันออกมาหาพืน้ ทขี่ องรปู สีเ่ หลี่ยม บนกระดาน ดังตวั อย่าง 3. ให้นกั เรียนทบทวนความรเู้ ร่ือง รูปส่เี หล่ยี มขนมเปยี กปนู โดยครูให้ผู้แทนนักเรยี นออกมาวาดรปู บน กระดาน พร้อมกบั เขยี นเส้นทแยงมมุ ของรูปสีเ่ หล่ยี ม 4. จากกจิ กรรม ครูถามคำถามนักเรียน 5. ครตู ิดรปู สี่เหลยี่ มขนมเปยี กปูนบนกระดานใหน้ กั เรยี นช่วยกันหาคำตอบ
6. ครใู หน้ ักเรยี นหาพน้ื ท่ีของรูปสีเ่ หล่ียมขนมเปยี กปูนโดยใช้เส้นทแยงมมุ เมอ่ื เสร็จแลว้ ให้นักเรียนช่วยกัน ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรยี น 7. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปสิ่งทีไ่ ด้เรียนรรู้ ว่ มกนั ดังนี้ พื้นท่ีของรูปสี่เหลย่ี มขนมเปยี กปูน = 1 × ผล 2 คณู ของความยาวของเส้นทแยงมมุ 8. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมที่ 6 การหาพืน้ ที่ของรปู สีเ่ หลี่ยมรูปวา่ วโดยใชเ้ ส้นทแยงมุม ชัว่ โมงที่ 1 1. ครูใหน้ กั เรยี นท่องสตู รคณู โดยใชไ้ ม้กลองประดิษฐแ์ ละตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสตู รคูณ หลงั จาก น้ันใหน้ ักเรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ครูติดแถบโจทยป์ ัญหาการหาพืน้ ท่ีของรปู ส่เี หลี่ยมขนมเปยี กปูน แล้วให้นักเรยี นชว่ ยกันหาคำตอบ 3. ให้นักเรียนทบทวนความรูเ้ รื่อง รูปส่ีเหลยี่ มรูปวา่ ว โดยครูให้ผแู้ ทนนกั เรยี นออกมาวาดรูปบนกระดาน พรอ้ มกบั เขียนเส้นทแยงมุมของรปู ส่ีเหล่ยี ม 4. จากกจิ กรรมครูถามคำถามนักเรยี น 5. ครตู ดิ รูปสเ่ี หลี่ยมรปู ว่าวบนกระดานให้นกั เรยี นช่วยกันหาคำตอบ 6. ครใู ห้นักเรยี นหาพ้นื ท่ีของรูปสี่เหล่ียมรูปว่าวโดยใชเ้ ส้นทแยงมุม เม่ือเสรจ็ แล้วใหน้ ักเรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากน้ันครูและนกั เรียนIร่วมกนั เฉลยกิจกรรมในหนงั สือเรยี น 7. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปสง่ิ ทไี่ ด้เรียนรรู้ ว่ มกนั ดังน้ี พื้นที่ของรูปสีเ่ หลี่ยมรปู วา่ ว = 1 × ผลคูณของ 2 ความยาวของเสน้ ทแยงมมุ 8. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. กิจกรรมที่ 7 การหาพื้นท่ีของรูปส่เี หลี่ยมโดยแบ่งเป็นรูปสามเหลยี่ มหรือส่เี หลี่ยม ชว่ั โมงท่ี 1 1. ครูใหน้ ักเรียนท่องสตู รคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคณู หลงั จาก นั้นใหน้ ักเรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ครถู ามนักเรียนวา่ จากทเ่ี ร่มิ เรียนมาจนวันน้ี นกั เรียนสามารถหาพื้นท่ีของรปู สีเ่ หล่ยี มชนิดใดได้บา้ ง (รปู ส่เี หลย่ี มจัตุรัส รปู สี่เหลยี่ มผืนผา้ รปู ส่เี หลย่ี มคางหมู รปู สี่เหลย่ี มรปู วา่ ว และรปู สเี่ หลีย่ มขนมเปยี กปนู ) นักเรียนคงจำสูตรการหาพ้ืนท่ีของรูปสี่เหลย่ี มแต่ละชนดิ ได้ 3. ครยู กตวั อยา่ งการหาพืน้ ที่ของรูปส่ีเหลย่ี มโดยแบ่งเป็นรูปสามเหลี่ยมโดยตดิ บัตรรปู ส่เี หล่ยี มบน กระดาน และใช้คำถามกระตุ้นความคดิ นักเรียน 4. ครแู บง่ นกั เรียนเปน็ กล่มุ กล่มุ ละ 3-4 คน แจกแถบโจทย์ปัญหาให้กลมุ่ ละ 1 แถบใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั วาด ภาพและหาพื้นท่ี จากนนั้ ตวั แทนกล่มุ ออกมานำเสนอหน้าชัน้ เรยี น นักเรียนกลุ่มอ่ืนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ครเู สนอแนะเพ่ิมเตมิ 5. ครใู หน้ ักเรยี นหาพืน้ ทีข่ องรูปส่ีเหลยี่ มโดยแบง่ เปน็ รูปสามเหล่ยี ม เมอ่ื เสรจ็ แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกัน ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากน้ันครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรียน 6. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปส่ิงทไ่ี ด้เรยี นรู้ร่วมกนั ดังน้ี การหาพ้นื ท่รี ูปสีเ่ หล่ียม คือ ลากเสน้ ทแยงมุม ให้แบง่ รูปส่เี หลยี่ มนน้ั เปน็ สามเหล่ียม แล้วหาพนื้ ที่สามเหล่ยี มแต่ละรปู หาผลบวกของพนื้ ที่สามเหลี่ยมเหล่าน้ันจะ ไดพ้ ้ืนทีร่ ูปส่ีเหลีย่ มตามต้องการ 7. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท.
ช่วั โมงที่ 2 1. ครใู หน้ กั เรียนทอ่ งสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคณู หลังจาก น้นั ใหน้ กั เรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ครูพูดคุยซกั ถามนกั เรยี นถงึ การทำงานกลุม่ ในชั่วโมงทแี่ ล้วว่ามีปัญหาหรอื อุปสรรคหรือไม่ ซึ่งอาจ พบวา่ นักเรียนสามารถหาความยาวรอบรูปได้ หรอื อาจหาพ้ืนที่ของรปู ทีก่ ำหนดดว้ ยวธิ ีทีต่ า่ งกนั แตไ่ ด้คำตอบ เทา่ กัน 3. ครยู กตัวอย่างการหาพืน้ ที่ของรปู หลายเหล่ยี มที่แบ่งเป็นรปู สามเหลีย่ มหรือรปู สี่เหลีย่ มโดยตดิ บัตรรปู หลายเหลย่ี มบนกระดาน และใชค้ ำถามกระตนุ้ ความคิดนักเรยี น 4. ครแู บง่ นกั เรยี นเปน็ กลุม่ กลุม่ ละ 3-4 คน แจกแถบโจทย์ปัญหาใหก้ ลุ่มละ 1 แถบให้นกั เรียนชว่ ยกนั วาด ภาพและหาพนื้ ท่ี จากนนั้ ตัวแทนกลมุ่ ออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน นกั เรียนกล่มุ อนื่ ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ครูเสนอแนะเพิม่ เตมิ 5. ครใู ห้นักเรยี นหาพน้ื ท่ขี องรูปหลายเหลยี่ มทแ่ี บง่ เปน็ รูปสามเหล่ยี มหรือรูปสเี่ หล่ียม เมื่อเสร็จแลว้ ให้ นักเรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากนัน้ ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรยี น 6. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปสง่ิ ที่ได้เรยี นร้รู ่วมกัน ดังนี้ การหาพื้นที่รปู หลายเหลยี่ ม อาจแบ่งรปู หลาย เหลี่ยมเป็นรูปสามเหลย่ี ม รปู ส่ีเหลยี่ มแลว้ หาพืน้ ทีข่ องแตล่ ะรูป จากน้ันนำพื้นทท่ี ้ังหมดมารวมกัน 7. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมที่ 8 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั ความยาวรอบรูปของรูปหลายเหล่ียม ชวั่ โมงที่ 1 1. ครใู ห้นักเรยี นทอ่ งสูตรคณู โดยใชไ้ มก้ ลองประดษิ ฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคณู หลงั จาก นน้ั ให้นักเรยี นคิดเลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ 2. ครูทบทวนการหาความยาวรอบรปู ของรูปหลายเหล่ียม โดยใหน้ กั เรียนหาความยาวรอบรปู ของรูป หลายเหลี่ยมจากบัตรภาพ 3. ครตู ดิ แถบโจทย์ปัญหาบนกระดาน 4. ครเู ขยี นโจทย์ปญั หาอกี 1 ขอ้ บนกระดาน แล้วใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกันคิดวิเคราะห์ วางแผน และดำเนินการแก้โจทย์ปญั หาน้ี เสรจ็ แล้วติดบนกระดาน พรอ้ มตัวแทนกลุ่มนำเสนอ นกั เรยี นทุกกลุ่มเดนิ ดู ผลงานของเพ่ือน และเปรยี บเทยี บกบั กลุ่มของตนเองว่าใชว้ ธิ ีแกป้ ญั หาเหมือนกนั หรือต่างกนั อยา่ งไร ไดค้ ำตอบ เท่ากันหรอื ไม่ 5. ครูใหน้ ักเรยี นแก้โจทย์ปัญหาเกีย่ วกับความยาวรอบรูปของรปู หลายเหลย่ี ม เม่อื เสร็จแลว้ ใหน้ ักเรยี น ช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้อง จากนน้ั ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในหนงั สือเรยี น 6. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปส่ิงท่ไี ด้เรียนรูร้ ว่ มกนั เกยี่ วกับการหาโจทย์ปัญหาเกย่ี วกับความยาวรอบรูป ของรูปหลายเหล่ยี ม ดังน้ี การแก้โจทยป์ ัญหา เริ่มจากการทำความเข้าใจปญั หา วางแผนแกป้ ญั หา ดำเนินการตาม แผน และตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคำตอบ และให้นักเรยี นท่ีมขี ้อสงสัยไดซ้ ักถามเกย่ี วกบั ส่งิ ท่ีเรียน 7. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท.
ช่วั โมงที่ 2 1. ครใู หน้ ักเรยี นทอ่ งสตู รคณู โดยใช้ไมก้ ลองประดษิ ฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการท่องสตู รคูณ หลังจาก นั้นให้นักเรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ให้นกั เรยี นทบทวนความรเู้ รอ่ื ง โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกับความยาวรอบรูปของรูปหลายเหลีย่ ม โดยครตู ิด แถบโจทยป์ ัญหาบนกระดาน แล้วใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั วเิ คราะหโ์ จทย์และสรุปคำตอบ 3. ครูเขยี นตัวอย่างโจทยป์ ญั หาเก่ียวกับความยาวรอบรูปของรูปหลายเหลย่ี มบนกระดาน 4. แบ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลุม่ ๆ ละ 3 – 4 คนช่วยกนั วเิ คราะห์ทำความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแกป้ ัญหา ดำเนินการตามแผน แลว้ เขยี นแสดงวธิ ีทำในกระดาษ เสร็จแลว้ ให้นำเสนอผลงานของกล่มุ ตนเอง จากนนั้ ให้ นกั เรยี นทกุ คน ชว่ ยกนั สรปุ แนวทางการแก้โจทย์ปญั หาน้ี โดยครูเขียนแสดงวธิ ที ำบนกระดาน 5. ครูติดแถบโจทยป์ ญั หาเกี่ยวกบั ความยาวรอบรปู ของรปู หลายเหลยี่ มอีก 2 ขอ้ แลว้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกัน วเิ คราะห์โจทย์ เพ่ือเขียนประโยคสญั ลักษณ์ และสรุปคำตอบลงในกระดาษเปลา่ จากนั้นผูแ้ ทนนักเรียนแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน นักเรียนกลมุ่ อ่ืน ๆ ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องโดยครเู สนอแนะเพิ่มเตมิ 6. ครูใหน้ ักเรียนแกโ้ จทยป์ ญั หาเกย่ี วกับความยาวรอบรูปของรปู หลายเหลยี่ ม เมอ่ื เสรจ็ แลว้ ให้นักเรยี น ช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนนั้ ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในหนงั สอื เรียน 7. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ส่งิ ทไ่ี ดเ้ รยี นร้รู ว่ มกนั เกยี่ วกบั การหาโจทย์ปัญหาเกย่ี วกบั ความยาวรอบรปู ของรูปหลายเหลยี่ ม ดังนี้ การแกโ้ จทยป์ ญั หา เริม่ จากการทำความเขา้ ใจปญั หา วางแผนแกป้ ัญหา ดำเนินการตาม แผน และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ และใหน้ ักเรียนที่มขี ้อสงสยั ไดซ้ กั ถามเกย่ี วกบั สง่ิ ทเ่ี รยี น 8. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. กิจกรรมที่ 9 โจทยป์ ัญหาเกี่ยวกบั พื้นที่ของรูปหลายเหล่ียม ชว่ั โมงท่ี 1 1. ครใู หน้ ักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้ไมก้ ลองประดิษฐแ์ ละตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลงั จาก น้นั ให้นกั เรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ 2. ครทู บทวนการหาพ้ืนท่ีของรูปหลายเหล่ียมโดยการซกั ถาม ซึง่ จะไดว้ า่ พน้ื ที่ของรปู สามเหลี่ยม = 1 × ความสงู × ความยาวของฐาน 2 แลว้ ใหน้ ักเรียนหาพื้นที่ของรูปสีเ่ หลี่ยมจากบัตรภาพ แลว้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันหาวิธีหาพื้นทโ่ี ดยใชส้ ูตร 3. ครตู ิดแถบโจทย์ปัญหาบนกระดาน 4. ครูเขียนโจทยป์ ัญหาอีก 1 ขอ้ บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนแต่ละกล่มุ ชว่ ยกันคดิ วเิ คราะห์ วางแผน และดำเนนิ การแกโ้ จทยป์ ญั หานี้ เสรจ็ แล้วตดิ บนกระดาน พรอ้ มตัวแทนกลุม่ นำเสนอ นกั เรียนทุกกลมุ่ เดนิ ดู ผลงานของเพอ่ื น และเปรยี บเทียบกบั กลุม่ ของตนเองวา่ ใช้วิธแี กป้ ัญหาเหมือนกนั หรือตา่ งกนั อย่างไร ได้คำตอบ เทา่ กนั หรอื ไม่ 5. ครูให้นักเรยี นแก้โจทย์ปญั หาเก่ยี วกบั พน้ื ทขี่ องรูปหลายเหลย่ี ม เม่ือเสรจ็ แลว้ ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากนัน้ ครแู ละนกั เรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนงั สือเรียน 6. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปสงิ่ ทไี่ ดเ้ รยี นร้รู ่วมกนั เกยี่ วกับการหาโจทยป์ ัญหาเกยี่ วกับพืน้ ท่ขี องรูปหลาย เหลยี่ ม ดังน้ี การแกโ้ จทย์ปัญหา เร่มิ จากการทำความเขา้ ใจปญั หา วางแผนแก้ปัญหา ดำเนินการตามแผน และ ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ และให้นักเรียนที่มขี ้อสงสัยได้ซักถามเกี่ยวกับสิ่งท่ีเรยี น 7. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท.
ชัว่ โมงท่ี 2 1. ครูให้นักเรียนท่องสตู รคณู โดยใช้ไม้กลองประดิษฐแ์ ละตาราง 9 ช่องประกอบการทอ่ งสตู รคูณ หลังจาก น้นั ให้นักเรียนคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ขอ้ 2. ให้นกั เรยี นทบทวนความรู้เร่อื ง โจทยป์ ญั หาเกี่ยวกบั พ้นื ที่ของรูปหลายเหลีย่ ม โดยครตู ิดแถบโจทย์ ปัญหาบนกระดาน แลว้ ให้นักเรยี นช่วยกันวเิ คราะห์โจทย์และสรปุ คำตอบ 3. ครูเขียนตัวอย่างโจทย์ปัญหาเกีย่ วกบั พน้ื ทขี่ องรูปหลายเหลยี่ มบนกระดาน 4. แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ 3 – 4 คนชว่ ยกนั วิเคราะห์ทำความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแก้ปญั หา ดำเนินการตามแผน แล้วเขยี นแสดงวิธที ำในกระดาษ เสร็จแลว้ ใหน้ ำเสนอผลงานของกลมุ่ ตนเอง จากนน้ั ให้ นักเรียนทุกคน ชว่ ยกนั สรปุ แนวทางการแกโ้ จทยป์ ญั หานี้ โดยครูเขยี นแสดงวิธที ำบนกระดาน 5. ครตู ิดรูปหลายเหลยี่ มบนกระดาน ให้นักเรียนชว่ ยกันสร้าง Tessellation จากรปู หลายเหลี่ยม และ ผลงานหน้าช้ันเรยี น นักเรยี นกล่มุ อ่นื ๆ ร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้องโดยครเู สนอแนะเพ่ิมเติม 6. ครูใหน้ กั เรยี นแกโ้ จทยป์ ัญหาเกี่ยวกบั พ้ืนท่ขี องรปู หลายเหลยี่ ม เม่ือเสรจ็ แลว้ ใหน้ ักเรียนชว่ ยกัน ตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนกั เรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนงั สือเรียน 7. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ สิ่งท่ไี ด้เรยี นรู้ร่วมกันเกี่ยวกับการหาโจทย์ปัญหาเกย่ี วกับพื้นที่ของรปู หลาย เหลี่ยม ดังน้ี การแกโ้ จทย์ปญั หา เร่มิ จากการทำความเขา้ ใจปญั หา วางแผนแกป้ ญั หา ดำเนนิ การตามแผน และ ตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคำตอบ และให้นักเรียนทมี่ ขี ้อสงสัยไดซ้ ักถามเกี่ยวกบั สง่ิ ทีเ่ รยี น 8. ครูให้นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น 9. สือ่ / แหล่งเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน 2. แบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. 3. กระดาษรูปสี่เหลี่ยมท่มี ลี ักษณะ และขนาดต่างๆ กัน 4. กระดาษรูปหา้ เหลย่ี มทีม่ ลี กั ษณะ และขนาดตา่ งๆ กัน 5. กระดาษรปู หกเหลย่ี มท่มี ลี กั ษณะ และขนาดต่างๆ กัน 6. บัตรภาพรูปหลายเหลย่ี มชนิดตา่ งๆ 7. ไมโ้ พรแทรกเตอร์ 8. บัตรภาพรูปสามเหลีย่ ม 9. บัตรภาพรปู ห้าเหลย่ี ม 10. รูปส่ีเหลย่ี มคางหมู 11. รูปสเ่ี หลยี่ มจตั ุรัส 12. บตั รรปู หลายเหล่ยี ม 13. แถบโจทย์ปญั หา
โรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คำสวสั ดร์ิ าษฎร์บำรุง) อำเภอคลองหลวง จังหวดั ปทมุ ธานี ขอ้ สอบบทที่ 9 รูปหลายเหลย่ี ม มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ัด ค2.1 ป.6/2, ป.6/3 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 คำช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นทำเครอื่ งหมาย x ทับอกั ษรหน้าคำตอบที่ถูกต้องทสี่ ดุ เพยี งคำตอบเดยี ว จำนวน 10 ขอ้ ขอ้ 1. รูปสบิ สองเหลย่ี มด้านเท่ามุมเทา่ มผี ลบวกของขนาด ขอ้ 4 . จากภาพ พน้ื ท่ีของรูป (ค 2.1 ป.6/2) ของมมุ ภายในเปน็ 1,800 องศา มุมภายในแตล่ ะมุมมีขนาดกี่ องศา (ค 2.1 ป.6/2) ก. 150 องศา ข. 160 องศา ค. 170 องศา ง. 180 องศา ก. 4.5 ตารางเซนตเิ มตร ข้อ 2 . จากภาพ จงหาความยาวรอบรูป (ค 2.1 ป.6/2) ข. 5.4 ตารางเซนตเิ มตร ค. 15.4 ตารางเซนตเิ มตร ง. 14.72 ตารางเซนติเมตร ขอ้ 5 . หลงั คาของศาลาแห่งหน่ึงเปน็ รปู แปดเหล่ียมด้าน เทา่ ยาวดา้ นละ 2.5 เมตร ถ้าเจา้ ของต้องการจ้างช่างทำราง นำ้ ฝนโดยรอบและชา่ งคิดคา่ แรงทำรางน้ำฝนราคาเมตรละ ก. 16.4 เมตร ข. 16.5 เมตร 450 บาท เจ้าของต้องจ่ายคา่ แรงทำรางนำ้ ฝนเท่าใด ค. 16.6 เมตร ง. 16.7 เมตร (ค 2.1 ป.6/2) ขอ้ 3 . จากภาพ พื้นท่ีของรูป (ค 2.1 ป.6/2) ก. 9,000 บาท ข. 10,000 บาท ค. 12,000 บาท ง. 13,000 บาท ขอ้ 6. หนขู าวนำลวดยาว 240 เซนตเิ มตร มาดัดเปน็ รูป แปดเหลีย่ มดา้ นเทา่ มุมเท่าที่ยาวด้านละ 5 เซนติเมตรไดม้ าก ทสี่ ุดก่ีชิ้น (ค 2.1 ป.6/2) ก. 5 ชนิ้ ข. 6 ช้นิ ค. 7 ชิ้น ง. 8 ชิ้น ข้อ 7. ชมพูต่ ้องการทำว่าวตัวหนง่ึ ตัววา่ วกว้าง 80 เซนติเมตร ยาว 100 เซนติเมตร เขาตอ้ งใชก้ ระดาษ ก. 14.72 ตารางเซนติเมตร ทำวา่ วตัวน้มี พี ืน้ ที่อยา่ งน้อยเทา่ ใด (ค 2.1 ป.6/2) ข. 114.72 ตารางเซนติเมตร ค. 144.72 ตารางเซนติเมตร ก. 3,000 ตารางเซนตเิ มตร ง. 1444.72 ตารางเซนตเิ มตร ข. 4,000 ตารางเซนติเมตร ค. 5,000 ตารางเซนติเมตร ง. 6,000 ตารางเซนติเมตร
ข้อ 8. กระดานอดั แผ่นหนึ่งเป็นรปู สี่เหลี่ยมขนมเปยี กปูน มี เสน้ ทแยงมมุ ยาว 20 เซนตเิ มตร และ 32 เซนตเิ มตร ด้านหน้าของกระดานอัดแผ่นนม้ี ีพน้ื ท่เี ท่าใด (ค 2.1 ป.6/2) ก. 300 ตารางเซนติเมตร ข. 310 ตารางเซนติเมตร ค. 320 ตารางเซนตเิ มตร ง. 330 ตารางเซนติเมตร ข้อ 9. นาแปลงหน่ึงเปน็ รปู สี่เหลย่ี มคางหมูแนวคนั นาที่ ขนานกันยาว 25 วา และ 40 วา และอย่หู า่ งกัน 15 วา นาแปลงน้ีมพี ื้นที่เท่าใด (ค 2.1 ป.6/2) ก. 484.5 ตารางวา ข. 485.5 ตารางวา ค. 486.5 ตารางวา ง. 487.5 ตารางวา ข้อ 10. สนามหญ้ารูปสเ่ี หล่ียมคางหมูแห่งหนึ่งมีความยาว รอบรูป 50 เมตร ดา้ นท่ีไมข่ นานกันยาว 8 เมตร และ 12 เมตร ดา้ นทข่ี นานกันอย่หู ่างกนั 8 เมตร สนามหญ้า นมี้ พี นื้ ทเี่ ทา่ ใด (ค 2.1 ป.6/2) ก. 120 ตารางเมตร ข. 130 ตารางเมตร ค. 140 ตารางเมตร ง. 150 ตารางเมตร ********** ขอให้ทุกคนโชคดี ************ ผ้ตู รวจขอ้ สอบ ลงชื่อ.................................................ครผู ้สู อน (นางสาวแพรวรงุ่ ศรปี ระภา)
ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ด้าน คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียน ในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงในชอ่ งวา่ ง ใหต้ รงกบั ระดับคะแนน และตามความเปน็ จริง โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังน้ี 4 = พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนมาก และบอ่ ยครัง้ สม่ำเสมอ 3 = พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบตั ชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ 2 = พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและบอ่ ยครั้ง 1 = พฤตกิ รรมที่ปฏิบัตบิ างครัง้ คณุ ลักษณะอัน ระดบั คะแนน พึงประสงค์ รายการประเมนิ 4 321 ด้าน 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 มีความรัก และภมู ิใจในความเป็นชาติ กษัตรยิ ์ 1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมของศาสนา 1.3 แสดงออกถงึ ความจงรักภกั ดีตอ่ สถาบัน พระมหากษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์ 2.1 ปฏิบัติตามระเบยี บการสอน และไมล่ อกการบ้าน สจุ ริต 2.2 ประพฤติ ปฏิบตั ิ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ต่อตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏิบัติ ตรงต่อความเป็นจริงต่อผู้อื่น 3. มีวนิ ัย 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของห้อง 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 แสวงหาข้อมลู จากแหล่งการเรยี นรตู้ า่ งๆ 4.2 มีการจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อยา่ งมีเหตุผล 5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ และส่ิงของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด พอเพียง 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณค่า 5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6. มุ่งม่ันในการ 6.1 มคี วามตัง้ ใจ และพยายามในการทำงานท่ีไดร้ บั ทำงาน มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค เพ่ือให้งาน สำเรจ็ 7. รกั ความเปน็ 7.1 มจี ิตสำนึกในการอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย ไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจติ 8.1 รจู้ ักการใหเ้ พ่ือส่วนรวม และเพื่อผอู้ ื่น สาธารณะ 8.2 แสดงออกถึงการมนี ้ำใจหรอื การให้ความชว่ ยเหลอื ผ้อู ่ืน 8.3 เข้าร่วมกิจกรรมบำเพญ็ ตนเพอ่ื สว่ นรวมเมื่อมโี อกาส ชือ่ ......................................................................................................................ชั้น.................เลขท่ี..................
แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ ผลการประเมิน รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คำสวสั ด์ริ าษฎร์บำรุง) ปีการศึกษา 2563 คำชแี้ จง : กรอกคะแนนลงในช่องคะแนน และสรปุ ผลการประเมินคุณภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เลขท่ี ชื่อ-สกลุ การป ิฏสัมพันธ์กัน การสนทนาเ ื่รอง ่ีทกำหนด การ ิตด ่ตอ ื่สอสาร พฤ ิตกรรมการทำงานก ุ่ลม รวม ระดับ ุคณภาพ แปลผล 4 4 4 4 16 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ได้คะแนน 14-16 คะแนน = 4 (ดีมาก) ลงชือ่ .........................................ผปู้ ระเมนิ ได้คะแนน 11-13 คะแนน =3 (ด)ี (นางสาวแพรวรุง่ ศรปี ระภา) ได้คะแนน 8-10 คะแนน =2 (พอใช)้ วนั ....เดือน...............ป.ี ...... ไดค้ ะแนน 0-7 คะแนน =1 (ปรบั ปรงุ ) * เกณฑผ์ า่ นการประเมินตอ้ งได้ 2 (พอใช)้ ขึน้ ไป
แบบประเมินการสงั เกตพฤติกรรมการทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนวดั พชื นมิ ิต (คำสวสั ด์ิราษฎรบ์ ำรุง) ปกี ารศึกษา 2563 คำชแี้ จง : กรอกคะแนนลงในช่องคะแนน และสรุปผลการประเมนิ คุณภาพ ผลการประเมิน เลขท่ี ชอื่ -สกลุ คะแนน ระดับ ุคณภาพ แปลผล 16 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ไดค้ ะแนน 14-16 คะแนน = 4 (ดมี าก) ลงช่ือ.........................................ผปู้ ระเมิน ได้คะแนน 11-13 คะแนน = 3 (ด)ี (นางสาวแพรวร่งุ ศรปี ระภา) ไดค้ ะแนน 8-10 คะแนน = 2 (พอใช)้ วัน....เดือน...............ปี....... ได้คะแนน 0-7 คะแนน = 1 (ปรับปรุง) * เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ ต้องได้ 2 (พอใช)้ ขนึ้ ไป
แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมการทำแบบทดสอบ รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คำสวสั ดร์ิ าษฎร์บำรงุ ) ปกี ารศึกษา 2562 คำช้ีแจง : กรอกคะแนนลงในช่องคะแนนทดสอบก่อนเรียน - หลังเรยี น และประเมินผล ผลการประเมนิ เลขที่ ชอ่ื -สกลุ คะแนนก่อนเรียน(10) คะแนนหลงั เรยี น(10) ้รอยละ ่ผาน/ไม่ ่ผาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * ( ผเู้ รียนต้องมีคะแนนสอบหลังเรยี นผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๖๐ ) ลงช่อื .........................................ผปู้ ระเมนิ (นางสาวแพรวรงุ่ ศรปี ระภา) วนั ....เดือน...............ปี.......
บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. 2. แนวทางแก้ไขนกั เรยี นทไี่ ม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................... .......................................................................................................................................... .................. 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ไมผ่ ่าน............ คน ผา่ น.............คน ดี..................คน ดเี ย่ียม................คน ระดบั ดีข้นึ ไป ร้อยละ..................... 4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน ไม่ผ่าน............ คน ผา่ น.............คน ดี..................คน ดเี ย่ียม................คน ระดับดีข้นึ ไป ร้อยละ..................... 5. นักเรียนเกดิ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ใดบ้าง ทำเครื่องหมาย / ในชอ่ งวา่ งที่ตรงกับทักษะท่ีเกดิ การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา การสร้างสรรค์ ความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ การสื่อสาร ด้านความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีมและภาวะผนู้ ำ ทกั ษะการเปล่ยี นแปลง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ ผลการจดั การเรียนการสอน/ปญั หา/ อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข • แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง มุมภายในของรูปหลายเหล่ียม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ................................................................................................................ ............................................................... ........................................................................................................................................ ........................................ • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เร่อื ง ความยาวของรูปหลายเหลีย่ ม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ................................................................................................................................................................................ • แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง การหาพื้นท่ีของรูปสี่เหลย่ี มคางหมู ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................... ................................................ .............................................................................................................. .................................................................. • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เร่ือง การหาพน้ื ท่ีของรปู สเี่ หลยี่ มจตั รุ ัสโดยใชเ้ ส้นทแยงมุม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................... .................................... .......................................................................................................................... ...................................................... • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรอื่ ง การหาพื้นที่ของรปู ส่ีเหลย่ี มขนมเปยี กปูนโดยใชเ้ ส้นทแยงมุม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. .................................................. ................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ...................................................
ผลการจัดการเรยี นการสอน/ปญั หา/ อุปสรรค และแนวทางแก้ไข • แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 เรอ่ื ง การหาพนื้ ที่ของรูปสี่เหล่ียมรูปวา่ วโดยใช้เส้นทแยงมมุ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ......................................................................................................... ...................................................................... ................................................................................................................................................ ................................ • แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7 เรื่อง การหาพ้ืนท่ีของรปู สีเ่ หลี่ยมโดยแบ่งเป็นรูปสามเหลย่ี มหรอื รปู สเ่ี หลยี่ ม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. .................................................................................................... ........................................................ ................... ............................................................................................................................. ................................................... • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เรอื่ ง โจทย์ปญั หาเกยี่ วกับความยาวรอบรูปของรูปหลายเหลี่ยม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ................................................................................................................... ............................................................ ............................................................................................................................................ .................................... • แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั พน้ื ท่ีของรูปหลายเหลี่ยม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ................................................................................................................................................................. ............... ลงชือ่ .................................................. (นางสาวแพรวรุ่ง ศรปี ระภา) ความคิดเห็นหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้/ผทู้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง ............................................................................................................................... ................................................ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื …………………………………………………… (นางสาวแพรวรุ่ง ศรปี ระภา ) หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ .................../......................./......................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รับรอง ............................................................. .................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................ .................................................................... ............................................................................................................................................................ ..................................... ลงช่อื …………………………………………………… (นางสาวกนั ยาภทั ร ภทั รโสตถิ) โรงเรยี นวัดพชื นิมิต (คำสวัสด์ริ าษฎรบ์ ำรุง) ................../......................./.........................
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 19 ชัว่ โมง หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 9 รปู หลายเหลี่ยม เวลา 6 ชั่วโมง เรื่อง มุมภายในของรูปหลายเหลยี่ ม 1. สาระสำคญั รูปหลายเหลี่ยมเป็นรูปปิดอยู่บนระนาบ มีด้านทุกด้านเป็นส่วนของเส้นตรง มุมภายในของรูปหลายเหลี่ยม ได้แก่ ผลรวมของมุมภายในของรูปสามเหลี่ยม เท่ากับ 180 องศา ผลรวมของมุมภายในของรูปสี่เหลี่ยม เท่ากับ 360 องศา ผลรวมของมุมภายในของรูปห้าเหลี่ยม เท่ากับ 540 องศา ผลรวมของมุมภายในของรูปหกเหลี่ยม เท่ากบั 720 องศา และผลรวมของมมุ ภายในของรปู แปดเหลย่ี ม เทา่ กับ 1,080 องศา 2. ตัวชี้วดั ค 2.2 ป.6/1 : จำแนกรปู สามเหลีย่ มโดยพิจารณาจากสมบัตขิ องรูป 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกหลกั การหามมุ ภายในของรูปหลายเหลย่ี มได้ (K) 2. หามมุ ภายในของรูปหลายเหลยี่ มได้ (P) 4. สาระการเรียนรู้ 1. มุมภายในของรูปหลายเหลยี่ ม 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมความพรอ้ ม 1. ครูใหน้ กั เรยี นทอ่ งสูตรคูณโดยใช้ไมก้ ลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคณู หลังจาก นัน้ ใหน้ ักเรียนคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ข้อ และทดสอบก่อนเรียน ข้ันตอนท่ี 2 : เรียนรู้ 2. ครูแจกกระดาษรปู สามเหล่ียมท่ีมีลักษณะและขนาดตา่ ง ๆ กัน ใหน้ กั เรยี นคนละ 1 รปู ครูให้นกั เรยี น ชรู ูปท่ไี ดร้ ับ ครถู ามวา่ รปู นี้เป็นรปู เรขาคณติ สองมิติ หรือรูปเรขาคณติ สามมติ ิ (รปู เรขาคณติ สองมิต)ิ และเป็นรูป เรขาคณติ สองมิตชิ นิดใด (รูปสามเหลยี่ ม) เพราะเหตุใด (มีด้าน 3 ด้าน และมุม 3 มมุ ) ครูให้นกั เรียนนับจำนวน ด้านพร้อมกับชท้ี ่ีด้านของรูปสามเหลี่ยมทีละด้านพร้อมกัน และนับจำนวนมมุ พร้อมกบั ชี้ท่ีมมุ ของรูปสามเหล่ียมที ละมุมพรอ้ มกนั จากน้นั ใหน้ ักเรยี นสังเกต ลักษณะของรปู สามเหลยี่ มของตนเองกับของเพ่ือน ๆ ซง่ึ จะพบว่า มี ลักษณะและขนาดแตกต่างกัน ครูและนักเรยี นช่วยกันสรุปวา่ แม้ว่ารปู สามเหลยี่ มจะมีลักษณะและขนาดแตกต่าง
กนั แต่ทุกรูปจะมีด้าน 3 ด้าน และมมุ 3 มุม เสมอ 3. ครูแจกกระดาษรปู ส่ีเหลยี่ มทม่ี ลี ักษณะและขนาดต่าง ๆ กัน ให้นักเรียนคนละ 1 รูป แลว้ จดั กิจกรรม ทำนองเดยี วกับข้อ 1 เพือ่ นำไปสขู่ ้อสรปุ วา่ แมว้ า่ รูปส่ีเหลยี่ มจะมีลักษณะและขนาดแตกต่างกัน แต่ทกุ รปู จะมีดา้ น 4 ดา้ น และมุม 4 มมุ เสมอ 4. ครูจัดกิจกรรมทำนองเดยี วกับขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรียน โดยการใช้กระดาษรูปห้ามเหล่ยี ม และกระดาษรปู หกเหล่ียมตามลำดับ เพอ่ื นไปสู่ขอ้ สรปุ วา่ - แมว้ า่ รูปห้าเหลยี่ มจะมลี กั ษณะและขนาดตา่ งๆ กัน แต่ทกุ รปู จะมดี า้ น 5 ด้าน และมุม 5 มุมเสมอ - แม้ว่ารปู หกเหล่ยี มจะมลี ักษณะและขนาดต่างๆ กัน แตท่ กุ รปู จะมดี า้ น 6 ดา้ น และมุม 6 มมุ เสมอ 5. ครแู นะนำว่ารปู สามเหลีย่ ม รูปห้าเหล่ียม รปู หกเหลย่ี ม ฯลฯ เหล่าน้นั เปน็ รปู หลายเหล่ียม ครชู ูบัตร ภาพรปู หลายเหลย่ี มชนดิ ต่างๆ หลายลกั ษณะให้นักเรยี นดู แลว้ ใหต้ อบว่า เปน็ รูปหลายเหลย่ี มชนิดใด เพราะเหตุ ใด จากน้ันให้รว่ มกันอภิปรายจนได้ขอ้ สรปุ ว่า การจำแนกชนดิ ของรูปหลายเหล่ยี ม ใหพ้ ิจารณาจากจำนวนด้าน และจำนวนมุมของรูปหลายเหลี่ยมนน้ั ขนั้ ตอนที่ 3 : การฝกึ 6. ครใู ห้นกั เรียนสร้างมุมภายในของรปู สามเหลีย่ ม เม่ือเสร็จแลว้ ให้นักเรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากน้นั ครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในหนงั สอื เรียน ขั้นตอนท่ี 4 : การสรุป 7. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปสิง่ ท่ีไดเ้ รียนรู้ร่วมกัน ดังน้ี ทบทวนมมุ ภายในของรูปสามเหล่ียมเป็นรูปปิด อย่บู นกระดาน มดี ้านทกุ ดา้ นเปน็ สว่ นของเสน้ ตรง ข้นั ตอนท่ี 5 : การประยกุ ต์ใชท้ ันที 8. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. ช่ัวโมงที่ 2 ขัน้ ตอนท่ี 1 : เตรยี มความพร้อม 1. ครูให้นกั เรียนทอ่ งสูตรคูณโดยใชไ้ ม้กลองประดษิ ฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการท่องสตู รคณู หลังจาก นนั้ ให้นกั เรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ และทดสอบกอ่ นเรียน ขนั้ ตอนท่ี 2 : เรียนรู้ 2. ครูกล่าวทกั ทายนักเรยี นและทบทวนความรู้ เรือ่ ง รูปสามเหลย่ี ม โดยตดิ บัตรภาพรปู สามเหลย่ี มให้ นกั เรยี นดูบนกระดาน จากน้ันครถู ามคำถามกระต้นุ ความคดิ ของนักเรยี นว่า เปน็ รูปเรขาคณิตสองมติ ชิ นิดใด เพราะเหตุใด (เปน็ รูปสามเหล่ยี ม เพราะมีดา้ น 3 ดา้ น และมมุ 3 มมุ ) 3. ครูแบ่งนักเรยี นเป็นกลมุ่ กล่มุ ละ 3 - 4 คน ส่งตัวแทนออกมารับบตั รรปู สามเหลี่ยมชนดิ ต่าง ๆ 3 - 4 รูป จากนั้นให้นกั เรยี นใช้ไม้โพรแทรกเตอรว์ ดั ขนาดของมุมท้งั 3 มุม พรอ้ มใช้ดนิ สอเขยี นขนาดของมมุ กำกับไว้ ภายในของรูปสามเหล่ยี มทีไ่ ด้รบั เชน่
4. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันสรุปจากการทำกิจกรรมพัฒนาความรู้ได้ว่า ผลรวมของมมุ ภายในของ รปู สามเหลีย่ ม เทา่ กับ 180 องศา 5. ครตู ดิ บตั รรูปสามเหลี่ยมให้นกั เรยี นดูบนกระดาน จากนน้ั ครูถามคำถามกระตนุ้ ความคิดของนักเรียน ดังน้ี 70o 70o - รปู สามเหล่ยี ม MTE มี ���������̂��������� ขนาดกอ่ี งศา (���������̂��������� เทา่ กับ 180 – 70 – 70 = 40 องศา) ข้ันตอนที่ 3 : การฝกึ 6. ครใู หน้ กั เรียนทำสร้างมมุ ภายในของรูปหลายเหลยี่ ม เม่อื เสรจ็ แล้วใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบ ความถกู ต้อง จากน้ันครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานที่ 2 ข้นั ตอนที่ 4 : การสรปุ 7. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปส่ิงทีไ่ ดเ้ รียนรู้รว่ มกนั ดังน้ี มุมภายในของรูปสามเหลย่ี มมีผลรวมของ มุมภายใน เทา่ กบั 180 องศา ขั้นตอนท่ี 5 : การประยุกต์ใชท้ นั ที 8. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ชั่วโมงท่ี 3 ข้นั ตอนที่ 1 : เตรียมความพรอ้ ม 1. ครใู หน้ ักเรียนทอ่ งสตู รคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสตู รคณู หลงั จากนั้นให้นกั เรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ และทดสอบกอ่ นเรยี น ข้ันตอนท่ี 2 : เรียนรู้ 2. ครูกล่าวทักทายนักเรียนและทบทวนความรู้ เรื่อง รูปสี่เหลี่ยม โดยติดบัตรภาพรูปส่ีเหลี่ยมให้ นักเรียนดูบนกระดาน จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนวา่ เป็นรูปเรขาคณิตสองมติ ิชนดิ ใด เพราะเหตใุ ด (เปน็ รูปสเ่ี หลี่ยม เพราะมดี า้ น 4 ด้าน และมุม 4 มุม)
3. ครแู บง่ นักเรียนเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 3 - 4 คน สง่ ตัวแทนออกมารบั บัตรรูปสี่เหลย่ี มชนิดต่าง ๆ 3 - 4 รปู จากนน้ั ให้นกั เรยี นใชไ้ ม้โพรแทรกเตอรว์ ัดขนาดของมุมทัง้ 4 มุม พร้อมใช้ดนิ สอเขียนขนาดของมุมกำกับ ไวภ้ ายในของรปู สี่เหลีย่ มที่ได้รับ 4. ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั สรปุ จากการทำกิจกรรมพฒั นาความรู้ได้ว่า ผลรวมของมุมภายใน ของรปู สเี่ หลยี่ ม เท่ากบั 360 องศา 5. ครตู ดิ บตั รรูปส่ีเหลยี่ มใหน้ กั เรยี นดูบนกระดาน จากนนั้ ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียน ดังน้ี 105o 105o 75o - รูปสามเหลีย่ ม ฌฎฏ มี ญฎ̂ฏ ขนาดก่อี งศา (ญฎ̂ฏ เท่ากบั 360 – 105 – 105 - 75 = 75 องศา) ขั้นตอนท่ี 3 : การฝกึ 6. ครใู ห้นกั เรียนหามมุ ภายในของรปู หลายเหลี่ยม เม่ือเสรจ็ แลว้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันตรวจสอบความถูก ต้อง จากนั้นครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมในหนงั สือเรยี น ขน้ั ตอนที่ 4 : การสรุป 7. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปส่งิ ท่ไี ด้เรียนรรู้ ว่ มกนั ดังน้ี มุมภายในของรูปสเ่ี หลี่ยมมีผลรวมของมุม ภายใน เทา่ กบั 360 องศา ขน้ั ตอนท่ี 5 : การประยุกต์ใชท้ นั ที 8. ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. ชั่วโมงท่ี 4 ข้ันตอนที่ 1 : เตรยี มความพรอ้ ม 1. ครูให้นักเรียนทอ่ งสตู รคณู โดยใช้ไม้กลองประดิษฐแ์ ละตาราง 9 ชอ่ งประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลังจากนั้นให้นักเรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ข้อ และทดสอบก่อนเรยี น ขนั้ ตอนท่ี 2 : เรยี นรู้ 2. ครกู ล่าวทกั ทายนักเรียนและทบทวนความรู้ เรื่อง รูปห้าเหลย่ี ม โดยติดบัตรภาพรูปหา้ เหล่ียมให้ นกั เรยี นดบู นกระดาน จากนั้นครถู ามคำถามกระต้นุ ความคิดของนักเรียนว่า เปน็ รปู เรขาคณิตสองมติ ิชนิดใด เพราะเหตุใด (เปน็ รปู ห้าเหลี่ยม เพราะมีด้าน 5 ดา้ น และมมุ 5 มมุ )
3. ครูแบ่งนกั เรียนเปน็ กลุม่ กลุ่มละ 3 - 4 คน ส่งตัวแทนออกมารับบตั รรูปห้าเหล่ียมชนิดต่าง ๆ 3 - 4 รูป จากนั้นให้นักเรียนใช้ไม้โพรแทรกเตอร์วัดขนาดของมุมทั้ง 5 มุม พร้อมใช้ดินสอเขียนขนาดของมุม กำกับไว้ภายในของรูปห้าเหล่ยี มทไ่ี ด้รบั 4. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั สรปุ จากการทำกจิ กรรมพฒั นาความรู้ได้ว่า ผลรวมของมุมภายใน ของรปู หา้ เหล่ียม เท่ากบั 540 องศา 5. ครูติดบัตรรูปหา้ เหล่ียมใหน้ ักเรียนดูบนกระดาน จากนนั้ ครถู ามคำถามกระตนุ้ ความคดิ ของ นกั เรียน ดังนี้ A 95o E 105o B 105o 100o D C - รปู ห้าเหลีย่ ม ABCDE มี AB̂C ขนาดก่ีองศา (AB̂C เทา่ กับ 540 – 105 – 105 – 100 – 95 = 135 องศา) ขนั้ ตอนที่ 3 : การฝกึ 6. ครูใหน้ ักเรยี นทำใบงานท่ี 4 มมุ ภายในของรปู หลายเหล่ียม เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรยี นช่วยกัน ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากน้ันครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานท่ี 4 ขน้ั ตอนท่ี 4 : การสรุป 7. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปสิง่ ท่ีไดเ้ รยี นรู้รว่ มกัน ดังน้ี มุมภายในของรูปห้าเหล่ียมมีผลรวมของมุม ภายใน เทา่ กบั 540 องศา ข้ันตอนที่ 5 : การประยุกต์ใช้ทนั ที 8. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. ชัว่ โมงท่ี 5 ขนั้ ตอนที่ 1 : เตรยี มความพร้อม 1. ครใู หน้ กั เรียนทอ่ งสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดษิ ฐแ์ ละตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสูตรคณู หลังจากนน้ั ใหน้ กั เรยี นคดิ เลขเร็วจำนวน 3 ข้อ และทดสอบกอ่ นเรียน ขน้ั ตอนท่ี 2 : เรยี นรู้ 2. ครูกล่าวทักทายนักเรียนและทบทวนความรู้ เรื่อง รูปหกเหลี่ยม โดยติดบัตรภาพรูปหกเหลี่ยมให้ นักเรียนดูบนกระดาน จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความคดิ ของนักเรียนว่า เป็นรูปเรขาคณิตสองมติ ิชนิดใด เพราะเหตุใด (เป็นรปู หกเหลย่ี ม เพราะมีดา้ น 6 ดา้ น และมมุ 6 มมุ )
3. ครูแบ่งนักเรยี นเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 3 - 4 คน สง่ ตัวแทนออกมารบั บตั รรปู หกเหล่ียมชนิดต่าง ๆ 3 - 4 รูป จากนั้นให้นักเรียนใช้ไม้โพรแทรกเตอร์วัดขนาดของมุมทั้ง 6 มุม พร้อมใช้ดินสอเขียนขนาดของมุม กำกบั ไวภ้ ายในของรปู หกเหลย่ี มทไ่ี ดร้ บั 4. ครใู หน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั สรปุ จากการทำกจิ กรรมพฒั นาความรู้ได้ว่า ผลรวมของมุมภายใน ของรูปหกเหลี่ยม เท่ากบั 720 องศา 5. ครูติดบัตรรูปหกเหลี่ยมให้นักเรียนดูบนกระดาน จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของ นกั เรียน ดังนี้ ข ก 120o ค 120o 140o 140o ฉ 80o ง จ - รปู หกเหลยี่ ม กขคงจฉ มี กข̂ค ขนาดกี่องศา (กข̂ค เทา่ กับ 720 – 120 – 140 – 80 – 140 – 120 = 120 องศา) ขั้นตอนท่ี 3 : การฝกึ 6. ครูให้นักเรียนหามุมภายในของรปู หลายเหลย่ี ม เม่ือเสร็จแลว้ ให้นกั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถูก ต้อง จากนน้ั ครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนงั สือเรียน ขน้ั ตอนที่ 4 : การสรุป 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปส่ิงทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ร่วมกัน ดังนี้ มมุ ภายในของรูปหกเหลี่ยมมีผลรวมของมุม ภายใน เทา่ กบั 720 องศา ขั้นตอนท่ี 5 : การประยุกต์ใช้ทนั ที 8. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ชว่ั โมงท่ี 6 ข้ันตอนที่ 1 : เตรียมความพรอ้ ม 1. ครูใหน้ ักเรียนทอ่ งสตู รคณู โดยใชไ้ ม้กลองประดษิ ฐแ์ ละตาราง 9 ช่องประกอบการทอ่ งสูตรคณู หลังจากน้นั ให้นกั เรยี นคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ และทดสอบก่อนเรยี น ข้ันตอนท่ี 2 : เรยี นรู้ 2. ครูกล่าวทักทายนักเรยี นและทบทวนความรู้ เรื่อง รูปแปดเหลี่ยม โดยติดบัตรภาพรูปแปดเหลี่ยม ให้นักเรียนดูบนกระดาน จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรยี นวา่ เป็นรูปเรขาคณิตสองมิตชิ นิด ใด เพราะเหตใุ ด (เป็นรปู แปดเหล่ยี ม เพราะมดี ้าน 8 ดา้ น และมมุ 8 มุม)
3. ครูแบ่งนกั เรียนเปน็ กลุ่ม กลุม่ ละ 3 - 4 คน ส่งตัวแทนออกมารบั บัตรรปู แปดเหลีย่ มชนดิ ตา่ ง ๆ 3 - 4 รูป จากนั้นใหน้ กั เรียนใชไ้ ม้โพรแทรกเตอร์วดั ขนาดของมุมทั้ง 8 มุม พรอ้ มใชด้ ินสอเขยี นขนาดของมุมกำกบั ไว้ ภายในของรปู แปดเหลยี่ มท่ีได้รบั 4. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันสรปุ จากการทำกิจกรรมพัฒนาความรูไ้ ด้ว่า ผลรวมของมมุ ภายในของ รูปแปดเหล่ยี ม เท่ากบั 1,080 องศา 5. ครตู ิดบัตรรูปแปดเหลีย่ มใหน้ ักเรียนดูบนกระดาน จากน้นั ครถู ามคำถามกระตุ้นความคดิ ของนักเรยี น ดงั นี้ A 95o E 105o B 105o 100o D C - รูปห้าเหลี่ยม ABCDE มี AB̂C ขนาดก่ีองศา (AB̂C เท่ากบั 540 – 105 – 105 – 100 – 95 = 135 องศา) ข้นั ตอนท่ี 3 : การฝึก 6. ครูให้นกั เรยี นหามมุ ภายในของรูปหลายเหล่ียม เม่ือเสร็จแล้วให้นกั เรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนั้นครแู ละนักเรยี นร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรียน ข้นั ตอนที่ 4 : การสรุป 7. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปส่ิงทไ่ี ดเ้ รยี นรรู้ ่วมกนั ดังนี้ มุมภายในของรูปแปดเหลย่ี มมีผลรวมของ มุมภายใน เท่ากับ 1,080 องศา ขน้ั ตอนท่ี 5 : การประยุกต์ใชท้ ันที 8. ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. 8. การวดั ผลและประเมนิ ผล การวัดผล 1. สังเกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน 2. แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 3. สงั เกตการทำงาน 4. แบบทดสอบกอ่ นเรียน การประเมนิ ผล 1. ถือเกณฑผ์ ่านจากการสงั เกตพฤติกรรมสำหรับผู้ที่ไดร้ ะดับคุณภาพต้งั แต่ 2 ขึน้ ไป 2. ถือเกณฑ์ผา่ นสำหรับผทู้ ่ีทำแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. ได้ระดับคณุ ภาพต้ังแต่ 2 ขนึ้ ไป 3. ถอื เกณฑผ์ ่านสำหรับผู้ท่ีทำงานไดร้ ะดบั คณุ ภาพตัง้ แต่ 2 ข้ึนไป 4. ถือเกณฑผ์ า่ นสำหรบั ผ้ทู ่ีทำงานทำแบบทดสอบก่อนเรียนได้รอ้ ยละ 60 ขนึ้ ไป
9. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 2. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 3. กระดาษรปู สีเ่ หลี่ยมที่มีลักษณะ และขนาดต่างๆ กนั 4. กระดาษรูปหา้ เหลยี่ มทม่ี ีลักษณะ และขนาดตา่ งๆ กัน 5. กระดาษรปู หกเหลี่ยมทีม่ ีลกั ษณะ และขนาดต่างๆ กัน 6. บัตรภาพรปู หลายเหลยี่ มชนดิ ต่างๆ 7. ไม้โพรแทรกเตอร์
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 2 กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ วชิ าคณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 19 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 9 รปู หลายเหลี่ยม เวลา 2 ชัว่ โมง เร่ืองความยาวรอบรปู หลายเหลีย่ ม 1. สาระสำคญั ความยาวรอบรปู ของรูปหลายเหลี่ยมเปน็ ผลรวมของความยาวด้านแต่ละด้านของรปู หลายเหลย่ี ม 2. ตวั ชวี้ ดั ค 2.1 ป.6/2:แสดงวิธหี าคำตอบของโจทยป์ ญั หาเก่ียวกับความยาวรอบรปู และพนื้ ทขี่ องรปู หลายเหล่ยี ม 3.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. หลกั การหาความยาวรอบรูปของรปู หลายเหลยี่ มได้ (K) 2. เขียนแสดงวธิ กี ารหาความยาวรอบรูปของรปู หลายเหลีย่ มได้ (P) 4. สาระการเรียนรู้ 1. ความยาวรอบรปู ของรูปหลายเหล่ียม 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ข้ันตอนท่ี 1 : เตรียมความพร้อม 1. ครใู ห้นักเรยี นทอ่ งสตู รคณู โดยใช้ไมก้ ลองประดษิ ฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการท่องสตู รคณู หลังจาก น้นั ให้นักเรียนคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ ขัน้ ตอนที่ 2 : เรียนรู้ 2. ครูกล่าวทักทายนักเรียนและทบทวนความรู้ เรื่อง ความยาวรอบรูปของรูปสามเหลีย่ ม โดยครูตดิ บตั ร ภาพรปู สามเหลยี่ มให้นกั เรียนดบู นกระดาน แล้วใหน้ กั เรียนร่วมกนั หาความยาวรอบรปู ของรูปสามเหลีย่ มแต่ละ ภาพ เชน่ 2.3 ม. 3.2 ม. 1.6 ม.
3. ครูยกตวั อยา่ งใหน้ ักเรยี นดูโดยตดิ บัตรภาพรูปหา้ เหล่ียมบนกระดาน แลว้ ใชค้ ำถามกระตุน้ ความคิด นักเรียน ดังน้ี ก จข งค - จากภาพ เปน็ รูปเรขาคณิตสองมิติชนดิ ใด มดี ้านกี่ดา้ น มุมกม่ี ุม และมคี วามยาวเท่าใด (รปู หา้ เหลี่ยม มดี ้าน 5 ดา้ น มมุ 5 มมุ และแตล่ ะด้านยาว 3.5 เซนติเมตร) - จากภาพ มชี ือ่ เรียกวา่ อยา่ งไร (รปู หา้ เหล่ียม กขคงจ) - จากภาพ รปู หา้ เหลย่ี ม กขคงจ มีความยาวรอบรปู กี่เซนติเมตร (รูปหา้ เหลย่ี ม กขคงจ มีความยาว รอบรปู 3.5 × 5 = 17.5 เซนติเมตร) 4. ครใู ห้นกั เรยี นจบั คูก่ ับเพือ่ น แลว้ ให้แตล่ ะคนสร้างรปู สเี่ หลย่ี มหรือหา้ เหลยี่ ม พร้อมกำหนดความยาว แต่ละดา้ น จากนน้ั สลบั กบั เพ่อื นข้าง ๆ หาความยาวรอบรปู เม่อื เสร็จแล้วส่งคืนพร้อมตรวจสอบความถูกต้อง 5. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ เรื่อง ความยาวรอบรปู ของรปู หลายเหลี่ยม (รปู สี่เหลยี่ มและรปู หา้ เหลย่ี ม) โดยครูขออาสาสมคั รนกั เรยี นออกมาหนา้ ชน้ั เรียน แล้วออกมาจบั สลากรูปสี่เหลีย่ มและรปู หา้ เหลย่ี มหน้าชั้นเรียน จากนนั้ ให้นกั เรียนหามมุ ภายในของรูปสีเ่ หลย่ี มและรูปหา้ เหล่ยี ม แลว้ ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง ข้นั ตอน ท่ี 3 : การฝกึ 6. ครใู หน้ ักเรยี นหาความยาวรอบรปู ของรูปหลายเหลย่ี ม เม่ือเสร็จแล้วให้นักเรยี นช่วยกนั ตรวจสอบ ความถกู ต้อง จากน้ันครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมในหนงั สอื เรียน ขัน้ ตอนท่ี 4 : การสรุป 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปสงิ่ ท่ีไดเ้ รยี นร้รู ่วมกนั ดังนี้ ความยาวรอบรปู ของรปู หลายเหล่ยี มเป็นผลรวม ของความยาวด้านแตล่ ะดา้ นของรูปหลายเหล่ียม ข้นั ตอนท่ี 5 : การประยกุ ต์ใช้ทนั ที 8. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ชว่ั โมงที่ 2 ขนั้ ตอนท่ี 1 : เตรียมความพร้อม 1. ครูใหน้ กั เรยี นท่องสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ช่องประกอบการทอ่ งสูตรคูณ หลงั จาก น้นั ใหน้ กั เรยี นคดิ เลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ ขน้ั ตอนที่ 2 : เรียนรู้ 2. ครทู บทวนความรู้ เรอื่ ง ความยาวรอบรูปของรูปส่เี หลย่ี ม โดยครตู ิดบตั รภาพรปู ส่ีเหลี่ยมใหน้ ักเรยี นดู บนกระดาน แล้วให้นักเรยี นร่วมกนั หาความยาวรอบรปู ของรปู สามเหลีย่ มแต่ละภาพ เชน่
ก 4.5 ม. ข 2.5 ม. งค 3. ครยู กตวั อย่างให้นักเรียนดูโดยติดบัตรภาพรปู หกเหลี่ยมบนกระดาน แล้วใช้คำถามกระตนุ้ ความคิด นักเรียน ดังนี้ A 5 ซม. B FC ED - จากภาพ เป็นรูปเรขาคณติ สองมติ ิชนิดใด มดี า้ นก่ีดา้ น มมุ กีม่ ุม และมคี วามยาวเท่าใด (จากภาพ เปน็ รูปหกเหล่ียม มีดา้ น 6 ดา้ น มมุ 6 มมุ และแต่ละด้านยาว 5 เซนตเิ มตร) - จากภาพ มชี อ่ื เรียกว่าอย่างไร (รูปหกเหล่ยี ม ABCDEF) - จากภาพ รูปหกเหลยี่ ม ABCDEF มคี วามยาวรอบรปู กี่เซนตเิ มตร (รปู ห้าเหลยี่ ม ABCDEF มคี วาม ยาวรอบรูป 5 × 6 = 30 เซนตเิ มตร) 4. ครูใหน้ ักเรียนจบั คู่กบั เพอ่ื น แลว้ ให้แต่ละคนสรา้ งรปู หกเหลย่ี มหรือแปดเหลี่ยม พร้อมกำหนดความ ยาวแตล่ ะดา้ น จากน้ันสลับกับเพ่ือนขา้ ง ๆ หาความยาวรอบรูป เมอ่ื เสรจ็ แลว้ ส่งคนื พรอ้ มตรวจสอบความถูกต้อง 5. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเร่อื ง ความยาวรอบรปู ของรูปหลายเหลีย่ ม (รปู หกเหลีย่ มและรูปแปด เหล่ยี ม) โดยครขู ออาสาสมคั รนักเรียนออกมาหน้าชน้ั เรยี น แลว้ ออกมาจับสลากรปู หกเหลย่ี มและรูปแปดเหลี่ยม หนา้ ชน้ั เรยี น จากนนั้ ใหน้ ักเรียนหามมุ ภายในของรปู หกเหลยี่ มและรปู แปดเหล่ยี ม แลว้ ครตู รวจสอบความถูกตอ้ ง ข้ันตอนท่ี 3 : การฝกึ 6. ครูให้นักเรยี นหาความยาวรอบรูปของรูปหลายเหล่ยี ม เมื่อเสรจ็ แลว้ ให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง จากนนั้ ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนังสอื เรียน ข้ันตอนที่ 4 : การสรุป 7. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ สิ่งทีไ่ ดเ้ รยี นร้รู ว่ มกนั ดังน้ี ความยาวรอบรปู ของรูปหลายเหล่ียมเปน็ ผลรวม ของความยาวดา้ นแตล่ ะด้านของรปู หลายเหล่ียม ข้ันตอนท่ี 5 : การประยุกต์ใช้ทันที 8. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 8. การวัดและประเมินผล การวดั ผล 1. สังเกตความมีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน 2. แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 3. สังเกตการทำงาน
การประเมนิ ผล 1. ถอื เกณฑ์ผา่ นจากการสังเกตพฤตกิ รรมสำหรบั ผู้ท่ีได้ระดับคุณภาพตั้งแต่ 2 ขน้ึ ไป 2. ถือเกณฑผ์ า่ นสำหรบั ผู้ที่ทำแบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ไดร้ ะดับคุณภาพต้งั แต่ 2 ขนึ้ ไป 3. ถอื เกณฑผ์ ่านสำหรับผทู้ ่ีทำงานได้ระดบั คุณภาพต้งั แต่ 2 ข้ึนไป 9. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ สสวท. 2. บัตรภาพรูปสามเหล่ียม 3. บัตรภาพรปู ห้าเหลีย่ ม
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 19 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 9 รปู หลายเหล่ยี ม เวลา 2 ชั่วโมง เร่อื งการหาพ้ืนท่ขี องรูปสเ่ี หลี่ยมคางหมู 1.สาระสำคัญ พน้ื ท่ขี องรูปสเี่ หลี่ยมคางหมู = 1 × ความสูง × ผลบวกของความยาวของด้านคทู่ ขี่ นานกนั 2 2. ตวั ช้วี ัด ค 2.1 ป.6/2 : แสดงวธิ หี าคำตอบของโจทยป์ ญั หาเก่ียวกบั ความยาวรอบรูปและพ้ืนทขี่ องรปู หลาย เหล่ียม 3.จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. หลกั การหาพนื้ ทขี่ องรปู ส่ีเหลี่ยมคางหมไู ด้ (K) 2. เขยี นแสดงวิธกี ารหาพนื้ ที่ของรปู สเ่ี หลีย่ มคางหมูได้ (P) 4. สาระการเรยี นรู้ 1. การหาพนื้ ที่ของรปู ส่เี หลี่ยมคางหมู 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ชัว่ โมงท่ี 1 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ตอนท่ี 1 : เตรียมความพรอ้ ม 1. ครใู หน้ ักเรียนท่องสูตรคูณโดยใช้ไม้กลองประดิษฐ์และตาราง 9 ชอ่ งประกอบการท่องสูตรคูณ หลังจาก นนั้ ใหน้ กั เรียนคิดเลขเรว็ จำนวน 3 ขอ้ ข้ันตอนท่ี 2 : เรียนรู้ 2. ใหน้ ักเรยี นทบทวนความร้เู รอ่ื ง รปู สีเ่ หลี่ยมคางหมู โดยครูใหผ้ ้แู ทนนกั เรยี นออกมาวาดรปู สี่เหล่ยี มคาง หมู ตามท่ีครูกำหนดบนกระดาน พรอ้ มทงั้ เขียนช่อื และเขียนเส้นทแยงมุม ดังตวั อยา่ ง AB DC
Search