Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยการพัฒนาทักษะการคิดโดยใช้วิธีการสอนแบบกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ (5Es)

วิจัยการพัฒนาทักษะการคิดโดยใช้วิธีการสอนแบบกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ (5Es)

Published by moopraew54, 2020-05-13 06:53:54

Description: วิจัย62

Search

Read the Text Version

44

45 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 เร่ือง ไฟฟา้ วิชาวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง เร่อื ง การนาไฟฟา้ ของวตั ถชุ นดิ ต่าง ๆ 1. สาระสาคญั วัสดทุ ีใ่ ห้ประจไุ ฟฟ้าไหลผา่ นได้ เรยี กวา่ ตัวนา วัสดทุ ่ไี ม่ให้ประจไุ ฟฟา้ ไหลผา่ น เรียกวา่ ฉนวนตวั นามี ความตา้ นทานการไหลของประจุไฟฟา้ น้อย วสั ดทุ ่ีมีความต้านทานการไหลของประจไุ ฟฟ้าแต่ยอมใหป้ ระจุไฟฟา้ ไหลผา่ นได้ เรียกวา่ ตัวตา้ นทาน ไฟฟา้ ลัดวงจรเกิดจากการท่ลี วดสายไฟสมั ผสั กันก่อนที่ประจไุ ฟฟา้ จะไหลไปผ่าน- เครอื่ งใช้ไฟฟา้ ทาให้เกดิ ความรอ้ นสูงมาก อาจเปน็ สาเหตุของไฟไหม้ได้ ฉนวนชว่ ยป้องกนั การเกดิ ไฟฟ้าลดั วงจร 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับการดารงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและส่ิงแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสาร ส่งิ ที่เรียนรูแ้ ละนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้การแก้ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดข้ึนสว่ นใหญ่มีรปู แบบท่ีแน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูล และเคร่ืองมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้น ๆ เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และส่ิงแวดล้อม มีความเก่ียวข้อง สัมพันธ์กัน 3. ตัวชีว้ ัด ทดลองและอธิบายตัวนาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟา้ ว 5.1 ป.6/2 ตั้งคาถามเก่ียวกับประเด็น หรอื เรื่อง หรอื สถานการณ์ ท่ีจะศกึ ษา ตามที่ ว 8.1 ป.6/1 กาหนดให้และตามความสนใจ วางแผนการสังเกต เสนอการสารวจตรวจสอบหรือศึกษาคน้ คว้าและคาดการณ์ส่ิง ว 8.1 ป.6/2 ทีจ่ ะพบจากการสารวจตรวจสอบ เลอื กอุปกรณ์ และวธิ กี ารสารวจตรวจสอบทถ่ี กู ต้องเหมาะสมให้ได้ผลที่ครอบคลุม ว 8.1 ป.6/3 และเช่ือถอื ได้ บนั ทึกขอ้ มูลในเชงิ ปริมาณและคุณภาพ วเิ คราะห์ และตรวจสอบผลกับส่ิงท่ี ว 8.1 ป.6/4 คาดการณไ์ ว้ นาเสนอผลและขอ้ สรุป สรา้ งคาถามใหม่เพ่ือการสารวจตรวจสอบตอ่ ไป ว 8.1 ป.6/5 แสดงความคดิ เห็นอยา่ งอสิ ระ อธบิ าย ลงความเหน็ และสรปุ สิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้ ว 8.1 ป.6/6 บนั ทกึ และอธบิ ายผลการสารวจตรวจสอบตามความเป็นจรงิ เหตผุ ล และมี ว 8.1 ป.6/7 ประจักษ์พยานอ้างอิง นาเสนอ จดั แสดงผลงานโดยอธบิ ายด้วยวาจา และเขียนรายงานแสดง ว 8.1 ป.6/8 กระบวนการและผลของงานใหผ้ ู้อืน่ เขา้ ใจ

46 4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ทดสอบการนาไฟฟา้ ของวัตถุต่าง ๆได้ (P) 2. จาแนกวัตถตุ ามความสามารถในการนาไฟฟา้ ได้ (P) 3. ระบุสมบัติของวตั ถทุ น่ี าไฟฟ้าได้ (K) 4. เปน็ คนช่างสังเกต ชา่ งคดิ ชา่ งสงสัย และเป็นผ้ทู ีม่ ีความกระตือรือรน้ ในการเสาะ แสวงหาความรู้ (A) 5. คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ 6. สมรรถนะท่ีสาคัญ 1. ความสามารถในการส่ือสาร  การอธบิ าย การเขยี น การพดู หนา้ ช้นั เรยี น 2. ความสามารถในการคดิ  การสงั เกต การคิดวเิ คราะห์ การสร้างคาอธบิ าย การสอ่ื ความหมายการทากจิ กรรมทดลอง โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา  การแก้ปัญหาขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม 4. ความสามารถในใช้ทกั ษะชีวติ  กระบวนการกลุ่ม 7. สาระการเรียนรู้ ตวั นาและฉนวนไฟฟา้ 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ • วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ขัน้ ที่ 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) (20 นาที) 1. ครนู าเข้าสบู่ ทเรียนเกยี่ วกับตวั นาและฉนวนไฟฟ้า โดยใหน้ กั เรยี นสังเกตภาพวตั ถุต่างๆ ดังนี้

47 จากนั้นครูต้งั ประเด็นปญั หาเพือ่ ให้นักเรยี นเกิดความสงสัยและตอ้ งการหาคาตอบดว้ ยกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ โดยครูใชค้ าถามดงั นี้ - วัตถุชนิดใดบ้างนาไฟฟา้ และชนดิ ใดบา้ งไม่นาไฟฟ้า (ตวั อย่างคาตอบ ลวดเสยี บ กระดาษ เข็มหมุด และตะปู เปน็ วตั ถทุ ี่นาไฟฟ้า สว่ นกระดาษโน้ตและหลอดกาแฟ เปน็ วัตถุท่ีไม่นาไฟฟ้า) 2. ครูนาภาพคนถูกไฟฟา้ ดูดหรือเล่าเหตุการณ์เมื่อพบคนถูกไฟฟ้าดูดให้นักเรียนฟัง และให้นักเรยี นร่วมกนั อภิปรายว่านกั เรยี นจะชว่ ยเหลือคนเหลา่ นไี้ ด้ด้วยวิธีใด โดยครใู ชค้ าถามกระตุน้ ดังนี้ – ถา้ ใชผ้ ้าแห้งหรอื เข็มขดั หนังท่ไี ม่มหี ัวเป็นโลหะคลอ้ งแลว้ ดงึ ออก ผลจะเปน็ อย่างไร – ถ้าใช้ลวดแทนผ้า ผลจะเป็นอยา่ งไร 2. ครนู าภาพเครื่องใชไ้ ฟฟ้าและอุปกรณไ์ ฟฟ้า เชน่ หม้อหงุ ขา้ วไฟฟ้า เตารีดไฟฟ้า สวา่ นไฟฟ้า ไขควงคมี ตดั ลวดมาใหน้ ักเรยี นดู แลว้ ใชค้ าถามกระตนุ้ ดังน้ี – ถ้าเครื่องใชไ้ ฟฟ้าและอปุ กรณ์เหลา่ น้ไี ม่มยี างหรือพลาสติกห้มุ จะเกิดผลเช่นไร 3. นักเรียนรว่ มกันอภิปรายคาตอบตามความคดิ เห็นของแตล่ ะคน โดยที่ครูยังไม่เฉลยคาตอบ ขน้ั ท่ี 2 สารวจและคน้ หา (exploration) (40 นาท)ี 1. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้าจากใบความร้หู รอื ในหนังสือเรียน โดยครูช่วย อธบิ ายให้นักเรียนไดเ้ หน็ วา่ ความรู้เรื่องท่ีนักเรยี นศึกษานี้เป็นสิง่ ที่นักเรยี นได้เรยี นรู้มาบ้างแลว้ 2. แบ่งนักเรียนกลมุ่ ละ 5–6 คน ปฏิบตั กิ จิ กรรม สังเกตทดสอบการนาไฟฟา้ ตามขนั้ ตอน ทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้ทักษะ/กระบวนการสังเกตดงั นี้ – นาถ่านไฟฉายใสล่ งในกลอ่ ง ต่อสายไฟฟ้า กลอ่ งถา่ นไฟฉาย และหลอดไฟฟ้าเข้า ดว้ ยกนั – ทดสอบวงจรท่ที าขึ้นโดยนาปลายสายไฟฟา้ ทัง้ 2 เส้นสัมผัสกัน ถ้าหลอดไฟฟ้าสวา่ ง แสดงว่าวงจรไฟฟ้าสมบรู ณ์หรือเป็นวงจรปดิ จากนน้ั จึงแยกสายไฟฟ้าออกจากกัน – นาไมจ้ ิ้มฟันวางลงบนโตะ๊ เรียน ทานายวา่ ไมจ้ ิ้มฟันจะทาให้วงจรสมบูรณ์ และทาให้ หลอดไฟฟา้ สวา่ งหรือไม่ พรอ้ มท้งั เขียนผลการทานายลงในตารางบันทึกผล จากนั้นนาปลายสายไฟฟา้ ทั้ง 2 เสน้ สัมผสั กับปลายของไม้จิ้มฟนั ทั้ง 2 ด้าน สงั เกตผลที่เกิดขนึ้ และบันทึกผลลงในตารางบนั ทึกผล – ดาเนินการเช่นเดยี วกับข้อ 3 แตใ่ ช้เงินเหรยี ญ หลอดพลาสติก ลวดเสยี บกระดาษ ยาง รดั แผน่ กระดาษแข็ง อะลมู เิ นียมฟอยล์ เศษผ้า ชอ้ นโลหะ และทองแดงจากปลายสายไฟฟ้า 3. ให้นักเรียนร่วมกันอภปิ รายและแสดงความคิดเห็นก่อนทากจิ กรรม โดยครูถามคาถามก่อนทา กจิ กรรมดังน้ี 2.1 จะทราบไดอ้ ย่างไรว่า ตอ่ ไฟฟา้ ครบวงจรหรือวงจรปิด (เมื่อหลอดไฟสว่าง) 2.2 นักเรยี นคดิ วา่ วัตถุใดบ้างนาไฟฟ้าได้ (ยอมรบั คาตอบของนักเรยี น ตวั อยา่ งเชน่ โลหะต่าง ๆ) 2.3 นกั เรียนคดิ ว่า วัตถใุ ดบา้ งไม่นาไฟฟ้า (ยอมรบั คาตอบของนกั เรยี น ตวั อย่างเช่น ไม้ พลาสตกิ แกว้ ) จากน้นั ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามกอ่ นทากิจกรรมในใบงานท่ี 31 4. ให้นักเรียนทากิจกรรม เร่ือง การนาไฟฟ้าของวัตถุชนิดต่าง ๆ และบันทึกผลการทากิจกรรม โดยครคู อยดูแลแนะนาอยา่ งใกล้ชิด

48 ขน้ั ท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation) (40 นาท)ี 1. ให้ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่ม นาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าช้ันเรียน เพ่ือเปรียบเทียบและ ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 2. ให้นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายและแสดงความคดิ เหน็ หลังทากิจกรรม โดยครูถามคาถาม หลังทากจิ กรรมดงั นี้ 2.1 วัตถุใดนาไฟฟ้าได้ ทราบได้อย่างไร (ช้อนโลหะ เหรียญทองแดง ตะปู แผ่น อะลูมิเนยี มหอ่ อาหาร แทง่ คาร์บอน ทราบได้เนื่องจากเมอ่ื ต่อไฟฟ้าครบวงจร หลอดไฟสว่าง) 2.2 วัตถุใดไม่นาไฟฟ้า ทราบได้อย่างไร (ช้อนพลาสติก ชอล์ก แก้ว หลอดกาแฟ ดินสอ และยางลบ ทราบไดเ้ น่ืองจากเม่ือตอ่ ไฟฟา้ ครบวงจร หลอดไฟไม่สว่าง) 2.3 วัตถุที่นาไฟฟ้าได้มีสมบัติอย่างไร (ในประจุไฟฟ้าไหลผ่านได้ง่าย ส่วนใหญ่ทาด้วย โลหะ ได้แก่ ทองแดง เหล็ก อะลมู เิ นียม) 2.4 สรุปผลการทดลองน้ีได้อย่างไร (วัตถุต่างชนิดกันนาไฟฟ้าได้ต่างกัน วัตถุที่นาไฟฟ้า ได้ส่วนใหญเ่ ป็นโลหะ ส่วนวตั ถุท่นี าไฟฟา้ ไมไ่ ด้ ไดแ้ ก่ ไม้ แกว้ และพลาสติก) จากนั้นให้นักเรียนตอบคาถามหลังทากิจกรรม และฝึกนักเรียนถามคาถามที่สงสัยด้วย การถามเพ่ือนโดยไมจ่ าเป็นต้องถามครูอยา่ งเดียว 3. ให้นักเรียนร่วมกันสรุปผลการทากิจกรรมเกี่ยวกับ การนาไฟฟ้าของวัตถุชนิดต่าง ๆ ให้ตรง ตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เพ่ือนาไปส่กู ารจาแนกวัตถทุ ีน่ าไฟฟ้าได้ และไม่นาไฟฟ้า รวมทั้งความหมาย ของตัวนาและฉนวนไฟฟา้ 4. ครูใชค้ าถามเพิ่มเติม เพ่ือให้นกั เรียนร่วมกันอภิปราย เพื่อเสรมิ สรา้ งสมรรถนะสาคัญของ นักเรยี นในการคิดและการใช้ทกั ษะชีวิต ดงั น้ี 4.1 ไฟฟา้ ลัดวงจรคืออะไร (การทลี่ วดสายไฟในวงจรไฟฟา้ สมั ผสั กันในกรณีท่ีฉนวนหุ้ม สายไฟชารดุ ทาให้ไฟฟ้าครบวงจรก่อนท่ปี ระจุไฟฟ้าไหลผ่านเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ) 4.2 เหตใุ ดจึงควรตรวจสอบสายไฟในบ้านอย่างสม่าเสมอ (เพราะถา้ สายไฟร่ัว หรือ ชารดุ จะทาให้เกิดไฟฟ้าลดั วงจร ซึง่ เปน็ สาเหตุใหไ้ ฟไหม้ได)้ ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) (15 นาที) ใหน้ ักเรยี นออกแบบและเขยี นแผนภาพความคิดเก่ยี วกบั การจาแนกประเภทวตั ถุตาม ความสามารถในการนาไฟฟ้า จัดทาเปน็ ชนิ้ งาน ข้นั ที่ 5 ประเมนิ (evaluation) (5 นาที) 1. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ข้อที่เรยี นมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบา้ ง ที่ ยงั ไม่เข้าใจหรอื ยังมีข้อสงสยั ถา้ มคี รชู ว่ ยอธบิ ายเพม่ิ เติมให้นกั เรยี นเขา้ ใจ 2. นกั เรียนรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปญั หาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข อย่างไรบ้าง 3. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากการปฏิบัติกจิ กรรมและ การนาความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ 4. ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่

49 – ตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟา้ แตกตา่ งกนั ในเรื่องใด – ตัวนาไฟฟ้ามีความสมั พนั ธ์กับการต่อเคร่ืองใช้ไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้ ในลักษณะใด – สายไฟทใ่ี ช้ในงานชา่ งไฟฟา้ ปัจจบุ ันน้ีใชส้ ง่ิ ใดเปน็ ตวั นาไฟฟ้า เพราะอะไร 9. สอ่ื การเรียนรู้ 1. สื่อการเรยี นรู้ ▪ ถา่ นไฟฉายพร้อมกระบะใส่ถ่านไฟฉาย 1 ชุด ▪ หลอดไฟขนาดเล็กพร้อมท่ยี ึดหลอดไฟ 1 ชดุ ▪ สายไฟยาว 20 เซนติเมตร พร้อมปากจระเข้ 3 เสน้ ▪ วตั ถทุ ีต่ อ้ งการทดสอบการนาไฟฟ้า เช่น ช้อนโลหะ ช้อนพลาสติก ชอลก์ เหรียญทองแดง ▪ ตะปู แกว้ หลอดกาแฟ แผน่ อะลมู ิเนียมห่ออาหาร ดินสอ ยางลบ แทง่ คาร์บอน ชนิดละ 1 อัน ▪ ใบงาน เรื่อง การนาไฟฟ้าของวัตถชุ นดิ ตา่ ง ๆ 2. แหลง่ การเรยี นรู้ 2.1 หอ้ งเรยี น 2.2 อินเตอร์เนต็ 10. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมินการจัดกระทาและนาเสนอแผนภาพความคดิ ตัวชว้ี ัด ระดบั คะแนน การจดั 432 1 กระทาและ นาเสนอ จัดกระทาแผนภาพ จัดกระทาแผนภาพ จัดกระทาแผนภาพ จดั กระทาแผนภาพ แผนภาพ ความคิด ความคดิ อยา่ งเปน็ ความคิดอยา่ งเป็น ความคิดได้ มีการ ความคดิ อย่างไม่เป็น ระบบ และนาเสนอ ระบบ มกี ารจาแนก ยกตัวอยา่ งเพิ่มเติม ระบบและนาเสนอ ดว้ ยแบบทชี่ ัดเจน ขอ้ มลู ใหเ้ ห็น และนาเสนอด้วย ไมส่ ือ่ ความหมาย และ ถูกต้อง ครอบคลมุ ความสมั พนั ธแ์ ละ แบบต่าง ๆ แต่ยัง ไม่ชดั เจน และมีการเช่ือมโยง นาเสนอดว้ ยแบบที่ ไม่ครอบคลุม ให้เหน็ เปน็ ภาพรวม ครอบคลุม

50 ภาคผนวก ค เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู

51 เรอ่ื ง การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างถูกวธิ ี วงจรปิด และวงจรเปิด ชอ่ื ________________________________________ ชัน้ __________ เลขท่ี _______ คาสงั่ ให้นักเรยี นวาดภาพและระบายสีแผนภาพแสดงการต่อวงจรไฟฟา้ อย่างถูกวธิ ี วงจรปิด และวงจรเปดิ

52

53

54

55 ชิ้นงาน เรอ่ื ง การจาแนกประเภทของวตั ถตุ ามความสามารถในการนาไฟฟา้ ชื่อ..........................................................................................ชัน้ ..........................เลขที.่ ................ คาส่ัง ใหน้ กั เรียนออกแบบและเขียนแผนภาพความคิดเกี่ยวกบั การจาแนกประเภทของวัตถุ ตามความสามารถ ในการนาไฟฟ้า

56 ตวั อยา่ งแบบวัดความพงึ พอใจ แบบวดั ความพงึ พอใจต่อการจัดการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) แบบวดั ฉบับน้สี ร้างข้ึนเพื่อสอบถามความพงึ พอใจของนักเรียนต่อการจดั การเรยี นรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้ (5Es) ผตู้ อบแบบสอบถามฉบบั นี้ คือ นักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ท่เี รยี นดว้ ยวิธีการ จดั การเรียนรู้แบบสบื เสาะหา ความรู้ (5Es) คาชแ้ี จง 1. แบบวัดนผ้ี ู้วจิ ยั มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือวัดความพึงพอใจของนักเรยี นในการจดั การเรียนรแู้ บบ สืบเสาะหา ความรู้ (5Es) รายวชิ าวิทยาศาสตร์ เรือ่ งวงจรไฟฟ้า 2. ใหน้ กั เรียนตอบคาถามทุกข้อตามความเปน็ จรงิ ขอ้ มลู ที่ได้จากนักเรยี นจะเปน็ ประโยชน์ ตอ่ การวจิ ัย เพอ่ื นาไปพฒั นาคุณภาพการจัดการเรยี นรู้ต่อไป คาตอบของนักเรียนจะเปน็ ความลับและ ไม่ส่งผลกระทบตอ่ การ เรียนประการใด ขอขอบคุณที่ให้ความรว่ มมืออย่างดีย่งิ

57 ตวั อย่างแบบวดั ความพงึ พอใจ จานวน 20 ขอ้ ส่วนที่ 1 ข้อมลู ท่ัวไปของนกั เรยี น 1. ชอ่ื (นาย/นางสาว) ............................................นามสกลุ ........................... 2. ชั้นประถมศึกษาปีท.่ี ............เลขที่............ ส่วนท่ี 2 ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจดั การเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es) คาชแ้ี จง โปรดทาเคร่ืองหมาย ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกับความคิดเห็นของนักเรยี นมากท่ีสดุ ระดับความพงึ พอใจเกณฑก์ ารให้คะแนนดงั น้ี 5 หมายถึง พึงพอใจมากทีส่ ุด 4 หมายถึง พึงพอใจมาก 3 หมายถึง พึงพอใจปานกลาง 2 หมายถงึ พึงพอใจน้อย 1 หมายถึง พึงพอใจน้อยที รายการประเมนิ ระดบั ความพึงพอใจ ดา้ นบทบาทผ้สู อน 1. ผสู้ อนมีการเตรียมการสอนล่วงหน้า 2. ผู้สอนมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ใน เนอ้ื หาวชิ า 3. ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนมสี ว่ นร่วมในการคิดวิเคราะห์ แปลผลและสรุปผล 4. ผสู้ อนมีการตั้งคาถามใหผ้ เู้ รียนคดิ หาคาตอบไดด้ ้วยตนเอง 5. ผสู้ อนให้คาแนะนาและรบั ฟังความคดิ เห็นของผ้เู รยี น ดา้ นบทบาทผู้เรยี น 6. ผเู้ รยี นมีส่วนร่วมในการท าการทดลอง 7. ผู้เรียนมีสว่ นรว่ มในการอภิปรายและแลกเปลีย่ นความคดิ เห็นกับผอู้ นื่ 8. ผเู้ รียนสามารถนาความรไู้ ปเชือ่ มโยงกับชวี ิตประจาวนั ได้ 9. ผู้เรียนรบั ฟังความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่ม 10. ผ้เู รียนมกี ารชว่ ยเหลอื ซ่งึ กันและกนั ในการทางานกลุม่ ด้านการจดั การเรียนการสอน 11. ผู้สอนใชว้ ธิ ีการสอนท่หี ลากหลายเหมาะสมกับเนอ้ื หาท่เี รยี น 12. ผู้สอนมีความเป็นกนั เอง และใหโ้ อกาสผเู้ รยี นในการความคิดเห็นเทา่ เทียมกัน 13. ผู้เรยี นไดเ้ รยี นรู้เปน็ กลุม่ 14. ผู้สอนมีการใช้สื่อการสอนและรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่น่าสนใจ ส่งเสริมการเรยี นรใู้ ห้แกผ่ เู้ รยี น 15. กิจกรรมสร้างสิ่งประดิษฐ์และผังความคิดทาให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิด เรื่องวงจรไฟฟา้ มากข้ึน

58 รายการประเมนิ ระดบั ความพึงพอใจ ดา้ นการวดั และประเมินผล 16. ผสู้ อนใช้วธิ ีการวัดและประเมนิ ผลอยา่ งหลากหลาย 17. ผสู้ อนมกี ารประเมนิ ผลที่สอดคล้องกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 18. ผสู้ อนมีการแจ้งเกณฑก์ ารประเมนิ ผลชนิ้ งาน/ใบงานก่อนเสมอ 19. ผู้สอนเปิดเผยคะแนนที่ได้จากการวัดผล ทาให้นักเรียนทราบข้อผิดพลาดของ ตนเองหรือกลุ่ม และนาไปปรับปรงุ ในครัง้ ต่อไป 20. การวัดและการประเมนิ ผลมีความชัดเจน และยตุ ิธรรม

59 ภาคผนวก จ ภาพการทาจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน

60 ค้นหา สบื เสาะ

61 คิดสรา้ งสรรค์

62 สิ่งประดษิ ฐ์

63 การทางานเปน็ ทมี

64 ภาคผนวก ง ผลงานนกั เรยี น และการนาเสนอผลงาน

65

66

67

68

69

70 ภาคผนวก ฉ ประวัติผู้วจิ ัย

71 ชอ่ื สกลุ ประวัตผิ ู้วิจัย วัน เดือน ปีเกิด สถานทเ่ี กิด นางสาวสุวดี กาญจนาภา วฒุ ิการศึกษา 15 กรกฎาคม 2526 จังหวดั ปตั ตานี ตาแหน่งหนา้ ท่ี สาเรจ็ การศกึ ษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย การงานปจั จุบนั จากโรงเรียนวรนารเี ฉลิม จงั หวัดสงขลา ปกี ารศกึ ษา 2545 สาเร็จปริญญาตรศี กึ ษาศาสตรบณั ฑิต สาขาวทิ ยาศาสตร์-ชวี ภาพ จากมหาวิทยาลัยรามคาแหง จังหวัดกรุงเทพมหานคร ปีการศกึ ษา 2552 ตาแหน่ง ครู คศ.1 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นวดั พืชนิมติ (คาสวัสดริ์ าษฎร์บารุง) จงั หวดั ปทมุ ธานี

72 ชอ่ื สกุล ประวตั ผิ ู้วิจยั วนั เดือน ปเี กดิ สถานที่เกิด นางสาวจริ ะพนั ธ์ุ ปากวิเศษ วุฒกิ ารศึกษา 2 ตุลาคม 2529 จงั หวดั รอ้ ยเอด็ ตาแหนง่ หน้าที่ สาเร็จการศกึ ษาระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย การงานปจั จุบัน จากโรงเรียนปทุมวิไล จงั หวดั ปทุมธานี ปีการศึกษา 2548 สาเรจ็ ปริญญาตรวี ิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาสถิติ จากมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี จงั หวัดปทุมธานี ปกี ารศึกษา 2551 สาเรจ็ ปริญญาโท คึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาคณติ ศาสตร์ศึกษา จากมหาวทิ ยาลัยรามคาแหง จังหวดั กรงุ เทพมหานคร ปีการศกึ ษา 2561 ตาแหน่ง ครู คศ.1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนวดั พชื นิมิต (คาสวัสด์ริ าษฎรบ์ ารงุ ) จงั หวดั ปทมุ ธานี

73 ชอ่ื สกุล ประวัตผิ ู้วิจัย วนั เดือน ปีเกดิ สถานท่เี กดิ นางสาวอรวรรณ พดุ มอญ วฒุ กิ ารศกึ ษา 6 มีนาคม 2530 จงั หวัดสงิ ห์บุรี ตาแหนง่ หน้าท่ี สาเรจ็ การศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรยี นสิงห์บรุ ี การงานปัจจบุ นั จงั หวดั สงิ หบ์ ุรี ปีการศกึ ษา 2548 สาเรจ็ ปรญิ ญาตรีศลิ ปศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ า ภาษาอังกฤษธุรกจิ จากมหาวทิ ยาลยั ราชภัฎสวนดุสิต จังหวดั กรุงเทพมหานคร ปีการศกึ ษา 2551 ตาแหน่ง ครู คศ.1 กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คาสวัสด์ริ าษฎร์บารุง) จงั หวัดปทุมธานี

74 ชื่อ สกุล ประวตั ิผู้วจิ ัย วัน เดอื น ปีเกิด สถานท่ีเกิด นางสาวแพรวรงุ่ ศรปี ระภา วฒุ ิการศกึ ษา 23 เมษายน 2535 จังหวัดขอนแกน่ ตาแหนง่ หนา้ ที่ สาเร็จการศกึ ษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย การงานปจั จุบัน จากโรงเรยี นเมืองพลพิทยาคม จงั หวัดขอนแก่น ปกี ารศึกษา 2553 สาเร็จปรญิ ญาตรคี รศุ าสตรบัณฑติ สาขาคณติ ศาสตร์ จากมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา ปกี ารศึกษา 2558 สาเรจ็ ปริญญาโท คึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์ศกึ ษา จากมหาวทิ ยาลยั รามคาแหง จังหวัดกรุงเทพมหานคร ปีการศกึ ษา 2561 ตาแหนง่ ครู คศ.1 กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ โรงเรียนวัดพืชนมิ ติ (คาสวสั ดิ์ราษฎรบ์ ารงุ ) จังหวัดปทมุ ธานี

75 ชื่อ สกลุ ประวตั ผิ ู้วิจัย วัน เดือน ปเี กดิ สถานท่เี กิด นางสาววรรณนิษา พุ่มอไุ ร วุฒกิ ารศึกษา 2๙ ธนั วาม 2536 จงั หวดั นนทบุรี ตาแหนง่ หนา้ ที่ สาเรจ็ การศกึ ษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย การงานปัจจบุ นั จากโรงเรยี นคณะราษฎรบ์ ารุงปทุมธานี จงั หวดั ปทมุ ธานี ปกี ารศกึ ษา 255๔ สาเร็จปรญิ ญาตรีศกึ ษาศาสตรบ์ ัณฑติ สาขาพลศึกษาและสุขศกึ ษา จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน จังหวัดนครปฐม ปกี ารศึกษา 25๖๐ ตาแหนง่ ครู คศ.1 กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ ุขศกึ ษาและพลศึกษา โรงเรยี นวัดพชื นมิ ิต (คาสวัสด์ิราษฎร์บารุง) จังหวัดปทมุ ธานี

76 ชื่อ สกุล ประวตั ผิ ู้วจิ ัย วนั เดอื น ปเี กิด สถานที่เกิด นางสาวนะดา ขนั ธศกั ดิ์ วฒุ กิ ารศึกษา 16 กุมภาพันธ์ 2535 พระนครศรีอยธุ ยา ตาแหนง่ หนา้ ท่ี สาเร็จการศึกษาตอนปลายจากโรงเรยี นอสิ ลามศรีอยุธยา การงานปัจจบุ นั มูลนิธิ จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา ปีการศกึ ษา 2552 สาเรจ็ การศึกษาระดับปรญิ ญาตรี ครุศาสตรบ์ ณั ฑติ สาขา คอมพวิ เตอร์ศึกษา จากมหาวิทยาลยั ราชภัฏพระนครศรอี ยุธยา จังหวัด พระนครศรอี ยธุ ยา ปีการศึกษา 2557 ตาแหนง่ ครู คศ.1 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ การงานอาชีพ โรงเรยี นวดั พืชนมิ ิต (คาสวสั ดิร์ าษฎรบ์ ารงุ ) จงั หวดั ปทุมธานี

77