๒หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี งานทศั นศิลป์และอทิ ธิพลจากวัฒนธรรม จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. วิเคราะหแ์ ละเปรยี บเทียบงานทัศนศลิ ปใ์ นรูปแบบตะวันออกและรปู แบบตะวนั ตกได้ ๒. อภปิ รายเกย่ี วกบั อิทธพิ ลของวัฒนธรรมระหวา่ งประเทศทมี่ ีผลต่องานทัศนศลิ ป์ในสงั คมได้
ผลงานทศั นศลิ ปข์ องไทยสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สามารถแบ่งออกเปน็ ๒ ยุค ยุคหิน หรือ Stone Age (๗๐๐,๐๐๐ - ๓,๕๐๐ ปีล่วงมาแล้ว) • ผคู้ นมกี ารใช้ชวี ิตแบบรอ่ นเร่ พักอาศยั อยู่ตามถํา้ ตามเพิงผา และหาเลย้ี งชพี ด้วยการล่าสัตวเ์ ปน็ หลัก • การประดษิ ฐเ์ คร่ืองมอื เคร่อื งใช้ หรืออาวุธเพือ่ การใชส้ อย เป็นเรอ่ื งสาํ คญั โดยเฉพาะการทําเครอ่ื งมือทต่ี อ้ งอาศยั การกะเทาะแต่งก้อนหนิ ให้มีความแหลมคม เพือ่ ใชส้ ําหรบั การตดั สับ ที่เรียกวา่ “ขวานหิน” • แรกเรม่ิ จะทําอย่างหยาบๆ ก่อนภายหลงั จึงมีการขัดแตง่ ให้เรียบ แล้วนาํ ไมม้ าทาํ เปน็ ด้ามเพอื่ สะดวกแกก่ ารนาํ มาใช้งาน • มีการทาํ เครอ่ื งปัน้ ดินเผาท่เี ป็นงานประติมากรรมอย่างงา่ ยๆ ผลติ เป็นภาชนะสําหรบั ใชส้ อยในชีวติ ประจําวนั หม้อสามขาขุดพบทแี่ หลง่ โบราณคดีบ้านเก่า จงั หวดั กาญจนบรุ ี มอี ายุอยใู่ นยคุ หนิ ใหม่ ยุคโลหะ หรอื Metal Age (๓,๕๐๐ - ๒,๕๐๐ ปลี ว่ งมาแล้ว) • เป็นยคุ ท่สี าํ คญั ตอ่ พัฒนาการสรา้ งสรรค์ของมนษุ ย์ คน้ พบวธิ กี ารหลอมโลหะ คน้ พบวธิ กี ารหลอมแรเ่ หล็ก จงึ มีการนําเหลก็ มาทําเครื่องมอื เคร่ืองใช้ อาวุธ เครอ่ื งประดับ • การทําเคร่อื งป้นั ดนิ เผามหี ลายรูปแบบ มีการทําลวดลายต่างๆ ทงั้ สี่เหลี่ยม ลายเชือกทาบ ลายขูดขีด ลายวงกลม และอนื่ ๆ แตก่ ็ยังเน้นการสรา้ งสรรค์ เพ่อื ประโยชน์ใชส้ อยในการดํารงชวี ิตมากกวา่ จะเนน้ เพื่อความสวยงาม • มกี ารทาํ เครอ่ื งประดับจากหนิ สี ลูกปัด กระดูกสตั ว์ โลหะ เป็นกาํ ไล สรอ้ ย ต่างหเู พอ่ื ใช้ประดบั ร่างกาย • สําหรับงานจิตรกรรม บางครง้ั เรียกว่า “ศลิ ปะถา้ํ ” มีการสาํ รวจพบภาพเขียนสบี รเิ วณเพิงผา ผนงั ถํ้า มหี ลายลักษณะเช่น รูปคน รูปฝา่ มือ รปู สัตว์ สที ี่ใช้สว่ นใหญ่จะเป็น สีแดง สีสม้ สีนาํ้ ตาล และสดี ํา ภาพเขยี นสมยั กอ่ นประวัติศาสตรท์ ่ีสาํ คญั พบท่ีผาแตม้ ผาหมอนน้อย อําเภอโขงเจยี ม จังหวัดอบุ ลราชธานี ถา้ํ ผีหวั โต อาํ เภออ่าวลึก จงั หวัดกระบี่ กลองมโหระทกึ ทาํ มาจากสาํ รดิ เปน็ เคร่อื งมือทใี่ ช้ในการประกอบพิธกี รรมตา่ งๆ เกดิ ข้ึนในยคุ โลหะ
ผลงานทัศนศิลปข์ องไทยสมัยประวตั ศิ าสตรก์ อ่ นสโุ ขทัย สมยั ทวารวดี (พุทธศตวรรษท่ี ๑๑ - ๑๖) ตัวอย่างพระพทุ ธรปู ศลิ ปะทวารวดี • สันนิษฐานว่าศูนยก์ ลางของราชธานตี ้ังอยทู่ ่ีจังหวัดนครปฐม เปน็ อาณาจักรแรกทีไ่ ดร้ บั อิทธิพลศลิ ปกรรม ไดร้ ับอทิ ธิพลมาจากศลิ ปะพนื้ เมือง ของอนิ เดีย • ผลงานทัศนศลิ ปท์ างด้านประติมากรรมในช่วงแรกไดร้ บั อิทธิพลมาจากศลิ ปะคุปตะของอนิ เดีย มที ัง้ รปู ธรรมจักร กบั กวางหมอบทาํ จากศลิ า นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรปู แกะสลักจากศลิ าและหล่อจากสาํ ริด • สถาปัตยกรรมมศี าสนสถานทส่ี ร้างเป็นเจดยี ก์ ่ออฐิ ถือปนู มีการใช้ศิลาแลงบา้ ง องค์สถูปเปน็ รูประฆงั ควาํ่ หรือ โอควํา่ ทย่ี งั มหี ลักฐานเหลอื อยู่ เชน่ เจดยี ์จลุ ประโทน จงั หวัดนครปฐม เป็นตน้ สมยั ศรีวชิ ยั (พุทธศตวรรษท่ี ๑๓ - ๑๘) พระโพธสิ ัตว์อวโลกเิ ตศวรสาํ รดิ ไดช้ อ่ื วา่ • สันนิษฐานว่ามีศนู ย์กลางอยู่บนเกาะสุมาตรา และแหลมมลายู และดินแดนบางสว่ นทางภาคใตข้ องประเทศไทย เป็นประติมากรรมทีง่ ดงามที่สดุ ในศิลปะ • ไดร้ บั อทิ ธิพลการนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาทัง้ นิกายเถรวาทและนกิ ายมหายานจากอนิ เดยี สมัยศรีวิชยั พบเม่ือ พ.ศ. ๒๔๔๘ • รูปแบบงานทัศนศิลปใ์ นระยะแรกมีลักษณะแบบอินเดีย เช่น เทวรปู พราหมณส์ ลกั จากศลิ า มพี ระวรกายลํา่ สนั ท่าทางแสดงถึงอาํ นาจ นุ่งผ้าโจงกระเบนยาว หรอื พระโพธิสตั ว์อวโลกิเตศวรสําริด เป็นต้น • สถาปัตยกรรมที่โดดเดน่ คอื พระบรมธาตุไชยา ที่วดั พระบรมธาตไุ ชยาราชวรวิหาร อําเภอไชยา จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี
สมยั ละโว้ หรือสมัยลพบรุ ี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๘) ปราสาทหินสมยั ละโว้ซงึ่ ไดร้ บั อิทธพิ ล • ศนู ย์กลางอย่บู รเิ วณจงั หวัดลพบรุ ี ศลิ ปะขอมแบบบายน • ละโวไ้ ด้รบั อิทธพิ ลด้านตา่ งๆ จากอาณาจกั รขอมโดยเฉพาะรปู แบบศลิ ปกรรม มีการสร้างสรรคผ์ ลงาน สถาปตั ยกรรมและงานประตมิ ากรรมตามคตคิ วามเชอ่ื ของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู • ตัวอย่างผลงานทัศนศิลป์สมัยละโว้ทีส่ าํ คัญ เช่น พระปรางค์สามยอด ปรางคแ์ ขก จังหวัดลพบรุ ี เปน็ ต้น • นอกจากนี้มีการสร้างเทวรปู เป็นรปู พระโพธสิ ตั ว์อวโลกิเตศวร พระนารายณ์ และพระพุทธรปู ทรงเครอื่ ง ปางนาคปรกทม่ี ีพระพกั ตรด์ เู คร่งขรึม ดดุ นั มีใบหนา้ เหลี่ยมพระโอษฐแ์ บะกว้าง พระขนงต่อกนั เป็นรปู ปกี กา สมยั ลา้ นนา หรอื สมยั เชียงแสน (พทุ ธศตวรรษที่ ๑๘ - ๒๓) เจดยี ก์ ู่กดุ วดั จามเทวี จงั หวัดลําพูน • ศูนยก์ ลางอยู่ที่เมืองนพบรุ ศี รนี ครพิงค์ จงั หวัดเชียงใหม่ ได้รับอทิ ธิพลทางศลิ ปกรรมทั้งจากทวารวดี ละโว้ พมา่ ถือเป็นแบบอย่างสําคญั ของศลิ ปะหริภุญชยั และสโุ ขทัย • ผลงานทัศนศลิ ปส์ ่วนใหญ่สรา้ งขึ้นตามคติความเชื่อของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท รูปแบบของศิลปะล้านนา ส่วนใหญ่เป็นประติมากรรมเปน็ ศลิ ปะสกลุ ช่างเชยี งแสน • พระพุทธรูปศิลปะสมยั ลา้ นนาสว่ นใหญจ่ ะสรา้ งเปน็ พระพุทธรปู ขัดสมาธิเพชรฐานท่ีรององค์พระ มที ้ังทีท่ ําเป็น กลบี บวั ประดบั และฐานเปน็ เขยี งไมม่ ีบวั รองรบั • งานสถาปตั ยกรรมทสี่ าํ คญั จะเป็นการสร้างพระเจดยี ์ เชน่ เจดีย์วัดปา่ สัก จงั หวัดเชยี งราย เจดีย์วดั จามเทวี จังหวดั ลําพูน เป็นต้น
ผลงานทัศนศิลปข์ องไทยสมัยสโุ ขทัยจนถงึ ปจั จุบัน สมยั สุโขทัย (พ.ศ. ๑๗๙๒ - ๒๐๐๖) • ได้รับอิทธิพลรูปแบบศิลปกรรมของขอมตามคตคิ วามเช่อื ของศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู มกี ารสร้างเทวรปู ศาสนสถานตามรูปแบบของขอม • เมอื่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากพระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาท จึงสร้างพระพุทธรูปและศาสนสถานตามคตคิ วามเชอื่ ของพระพทุ ธศาสนาท่ีเป็น งานจติ รกรรม วดั โบสถ์ วหิ าร เจดีย์ ฯลฯ • ผลงานประตมิ ากรรมด้านการสร้างพระพุทธรปู ถอื เป็นลักษณะเดน่ อย่างหนึ่งของสโุ ขทยั โดยนยิ มสรา้ งพระพุทธรูป ๔ อริ ิยาบถ คือ น่งั นอน ยืน และเดิน ปรากฏหลักฐานทง้ั ท่ีเปน็ พระพทุ ธรูปแบบปูนปนั้ และพระพุทธรปู ทห่ี ล่อสาํ รดิ แสดงถงึ ความเจรญิ ทางเชงิ ช่างของชาวสุโขทยั ทส่ี ามารถปัน้ หลอ่ • พระพุทธรปู ที่เปน็ เอกลกั ษณ์โดดเด่นของศิลปะสโุ ขทัย คอื พระพทุ ธรปู ปางลลี า • ผลงานประตมิ ากรรมอกี อยา่ งหนึ่งของสโุ ขทยั ไดแ้ ก่ การทําเครอ่ื งสงั คโลก ท่ีจัดทาํ ขนึ้ มที ัง้ เพอื่ เปน็ เครอื่ งใช้ สอยในชวี ติ ประจาํ วนั และสง่ เป็นสินคา้ ออกไปจําหนา่ ยยังดินแดนใกล้เคยี ง • มกี ารพัฒนาลักษณะของเจดยี จ์ นได้แบบทเี่ ป็นของสุโขทัยแท้ คือ เจดยี ท์ รงดอกบวั ตมู หรือทรงพมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์ พระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ จงั หวัดสุโขทยั ตัง้ อยู่ด้านหน้าพระเจดีย์ทรงพ่มุ ขา้ วบณิ ฑ์ ซึ่งเปน็ สถาปตั ยกรรมอันเปน็ เอกลกั ษณข์ องศิลปะสมัยสุโขทยั แตเ่ ดิมพระวิหารหลวง แหง่ นเ้ี ป็นสถานท่ีประดษิ ฐานพระศรีศากยมุนี
สมยั อยุธยา (พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒๓๑๐) • นาํ เอารูปแบบศิลปกรรมทง้ั จากอนิ เดีย ลงั กา จนี ขอม สุโขทยั ลา้ นนา และจากอาณาจักรอ่นื ๆ ท่ีอยู่ใกล้เคยี งเข้ามาประยกุ ตใ์ ช้ และเปน็ สมัย แรกที่ไทยได้เรม่ิ รบั เอาอทิ ธิพลจากศิลปกรรมพระพทุ ธนิมติ วิชติ มารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ พระประธานวดั หนา้ พระเมรุราชิการาม จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา พระเจดีย์ท่ีวัดพระศรีสรรเพชญ์ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา มลี ักษณะเจดยี ์ทรงระฆงั แบบลงั กา ตัวอย่าง สถาปัตยกรรมไทยท่ีก่อสร้างข้นึ ในสมัยอยุธยาตะวนั ตกเขา้ มาใช้ • ผลงานจิตรกรรมยงั คงนยิ มใช้สีแบบเอกรงค์ เป็นจติ รกรรมฝาผนงั ในโบสถ์ วหิ าร ท่ีถ่ายทอดเรื่องราวเก่ยี วกับพุทธประวัติ ชาดก วรรณคดี หรือวาดเป็นรูปลายไทย • ผลงานสถาปัตยกรรม นอกจากการสร้างพระบรมมหาราชวงั ท่ีมีความงดงามอยา่ งยิง่ แลว้ กจ็ ะมีการสรา้ งศาสนสถานในรูปแบบเจดยี ์ โบสถ์ วหิ าร ฯลฯ • อโุ บสถและพระวิหารทส่ี รา้ งในสมยั อยุธยาจะมีลกั ษณะพิเศษ คอื ที่ตรงสว่ นกลางของหน้าบันจะประดับลวดลายทาํ เปน็ รปู หนา้ ต่างเรือนไทย แวดล้อมด้วยลวดลายใบไม้ หรือดอกไม้ สว่ นสถปู เจดยี ์ ชว่ งแรกได้รับอทิ ธพิ ลจากศิลปะละโว้แลว้ คอ่ ยๆ พัฒนามาเปน็ แบบอย่างของ อยธุ ยาในภายหลัง • ผลงานทัศนศลิ ป์ทสี่ ําคัญอกี ประเภทหนึง่ ของอยธุ ยา คอื งานประณตี ศลิ ป์ ซ่ึงมีทงั้ งานเครื่องทอง งานลงรกั ปิดทอง งานประดับมุก งานไมจ้ าํ หลกั และการทาํ เครอื่ งเบญจรงค์ พระเจดีย์ทวี่ ัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา มีลกั ษณะเจดีย์ทรงระฆงั แบบลงั กา ตวั อยา่ งสถาปตั ยกรรมไทยท่ีกอ่ สรา้ งข้นึ ในสมัยอยุธยา
สมัยรตั นโกสนิ ทร์ (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ปัจจุบนั ) • เร่ิมต้นสมัยตงั้ แตพ่ ระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) • ผลงานศลิ ปกรรมในชว่ งแรกเป็นการฟื้นฟูบรู ณะศิลปกรรมสมยั อยุธยาทีไ่ ดร้ ับความเสียหายเมื่อครง้ั เกดิ สงคราม ยดึ ถอื ตามแบบอยธุ ยา เป็นส่วนใหญ่ • จติ รกรรมฝาผนงั ทเ่ี ขียนขน้ึ ตัง้ แต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) จนถงึ สมยั พระบาทสมเด็จพระน่งั เกลา้ - เจ้าอยูห่ วั (รัชกาลที่ ๓) จัดเปน็ จิตรกรรมไทยทีม่ คี ุณค่าทางความงามเป็นอย่างมาก • ภาพจติ รกรรมที่สาํ คัญ เช่น จิตรกรรมฝาผนัง ในพระท่ีนงั่ พทุ ไธสวรรย์ พพิ ธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร ในวดั สุวรรณดาราราม (วดั ทอง) • เมื่อสงั คมไทยได้รับอทิ ธพิ ลจากตะวันตกมากขึ้น ลกั ษณะการเขียนภาพแบบตะวนั ตกกม็ ีอทิ ธิพลต่อรูปแบบจติ รกรรมไทยดว้ ยเชน่ กนั ท่เี หน็ ได้ เดน่ ชัด คอื จิตรกรรมของขรวั อินโข่ง • ในสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว (รัชกาลท่ี ๓) เปน็ ช่วงท่ีประเทศไทยติดตอ่ คา้ ขายกับประเทศจีน จงึ ได้นาํ เอาแบบอย่าง สถาปัตยกรรมจนี มาใช้สร้างและประดับตกแต่งอาคารสถานที่อยา่ งกวา้ งขวาง กล่าวคือ หลังคาโบสถ์ วหิ าร จะทาํ เป็นหลังคาอย่างจีน • หลงั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกลา้ เจ้าอยู่หวั (รัชกาลท่ี ๓) การก่อสร้างผลงานสถาปตั ยกรรมของไทยแสดงถึงการได้รบั อิทธิพลของศิลปกรรม ตะวันตกอยา่ งชัดเจน แตก่ ็ยงั ผสมผสานกบั ศิลปกรรมไทย • กระจกสีตามแบบศลิ ปะกอทิก (Gothic Art) ของยุโรป เปน็ ต้น ในปจั จุบนั รูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ตามอย่างตะวนั ตก ไดร้ บั ความนิยมอยา่ งกวา้ งขวางการก่อสร้างผลงานสถาปัตยกรรมจึงมีการนาํ เทคโนโลยีทางด้านวศิ วกรรมเขา้ มาช่วยทําให้ สามารถสร้างสรรคผ์ ลงานขนาดใหญ่ทีม่ ีความแขง็ แรงทนทาน วดั นเิ วศธรรมประวัติราชวรวิหาร จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา ศลิ ปะแบบกอทกิ (Gothic Art) สรา้ งเลยี นแบบโบสถใ์ นศาสนาครสิ ต์
อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมระหว่างประเทศที่มตี ่อผลงานทศั นศลิ ปข์ องไทย อทิ ธพิ ลจากวฒั นธรรมตะวันออก อินเดยี ประเทศอนิ เดีย ผลงานทศั นศลิ ป์ของไทยได้รบั อิทธิพลอย่างมากจากอินเดยี ประเทศไทย โดย เฉพาะเม่อื ผู้คนในดนิ แดนแถบน้ีไดย้ อมรบั เอาพระพุทธศาสนา และศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู เข้ามาใช้เปน็ แนวทางในการดาํ เนินชีวติ การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศลิ ป์เพอ่ื ใชเ้ คารพบชู าและประกอบ พธิ ีกรรม ศิลปะอนิ เดยี ที่มีอิทธพิ ลตอ่ ผลงานทัศนศิลป์ของไทย จะประกอบ ไปด้วยศลิ ปะแบบคนั ธาระ ศิลปะแบบมถุรา ศิลปะแบบอมราวดี ศิลปะแบบคุปตะ และศิลปะแบบปาละ-เสนะ
ลงั กา จงั หวดั สุโขทยั หรือศรลี งั กาในปัจจบุ นั ผลงานทัศนศิลปท์ ีเ่ ห็นไดเ้ ดน่ ชดั จะเป็น งานสถาปัตยกรรมในดา้ นการสร้างเจดีย์ ลงั กาไดร้ ับอทิ ธพิ ลมาจากอินเดียและพฒั นาจนมีเอกลักษณ์ เปน็ ของตนเอง ลักษณะเด่นของเจดีย์แบบศิลปะอนุราธปุระของลังกา คือ ลักษณะ ขององค์เจดีย์จะเปน็ ทรงกลม หรือแบบทรงระฆัง บนองค์เจดยี ์ เป็นทต่ี ง้ั ของบลั ลังก์ซ่งึ จะตอ่ ข้นึ ไปเปน็ ปล้องไฉนอันเปน็ ส่วนยอด ของเจดยี ์ รปู แบบเจดยี ์ของศลิ ปะลงั กา ไดม้ อี ิทธิพลอยา่ งมากต่อการสรา้ ง เจดยี ข์ องไทยในสมัยสุโขทยั สมยั อยุธยา และสบื ทอดมาจนถึง สมยั รัตนโกสินทร์ เจดีย์วดั ชา้ งลอ้ ม จงั หวดั สโุ ขทัย ไดร้ ับอทิ ธพิ ลศลิ ปะลงั กาสบื ตอ่ มาจากเมืองนครศรธี รรมราช
จีน ประเทศจีน อทิ ธิพลของศลิ ปะจีนผ่านเข้ามาทางดา้ นการตดิ ต่อค้าขายเป็นหลัก กรุงเทพมหานคร เขา้ มาคร้งั แรกในสมยั สุโขทัย ได้นาํ ช่างจากเมืองจนี มาสอนการทํา ตุก๊ ตาหนิ เครอ่ื งสังคโลกที่มคี ณุ ภาพให้แกช่ า่ งสุโขทยั จนกลายเปน็ สินค้า หัตถกรรมท่ีมีความโดดเด่นของสโุ ขทยั มาถงึ สมัยอยธุ ยาไดม้ ีการส่งั ทาํ เครื่องเบญจรงค์ตามต้นแบบทีไ่ ทย ส่ังมาจากเมอื งจนี กอ่ นทสี่ มยั หลงั ได้นาํ ความรดู้ งั กลา่ วมาผลติ เอง จนกลายเปน็ ผลงานทัศนศลิ ป์ทข่ี ้นึ ชื่ออย่างหนึ่งของไทยในปัจจบุ นั อิทธพิ ลของศลิ ปะจนี มีความเจรญิ ร่งุ เรืองมากในสมยั พระบาท- สมเด็จพระน่งั เกลา้ เจ้าอยู่หวั (รชั กาลท่ี ๓) มกี ารสรา้ งสรรค์งาน สถาปัตยกรรมตามแบบศิลปะจีน รวมไปถึงการใช้เครื่องกระเบ้ือง นาํ มาประดบั ตกแต่งบรเิ วณสําคัญของสงิ่ กอ่ สร้าง การนําตกุ๊ ตาหิน (ตุ๊กตาอบั เฉา) มาประดบั ตกแตง่ สถานท่แี ละการวาดภาพจิตรกรรม ฝาผนงั ตามแบบจนี
ขอม ปราสาทเมืองสงิ ห์ จังหวัดกาญจนบรุ ี จังหวดั กาญจนบรุ ี มีอทิ ธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศิลปข์ องไทยมาต้ังแต่ สมยั ทวารวดี ซ่ึงไดน้ าํ เอาแบบอย่างมาสร้างรูปเคารพในศาสนา พราหมณ-์ ฮนิ ดู ผลงานประตมิ ากรรมของขอมทีเ่ ผยแพรเ่ ข้ามาโดยมากจะเปน็ ศลิ ปะขอมสมัยบาปวนสมยั นครวดั และสมยั บายน ลกั ษณะเดน่ ของพระพทุ ธรปู ท่ีได้รับอทิ ธพิ ลจากขอม พระพกั ตร์ จะเป็นสีเ่ หล่ียม แสดงสพี ระพักตร์ถมงึ ทึง พระเนตรเบกิ กวา้ ง พระโอษฐย์ มิ้ ตัวอยา่ งงานสถาปตั ยกรรมทไี่ ทยไดร้ บั อิทธิพลมาจากขอม ไดแ้ ก่ พระปรางคต์ ามคตคิ วามเชื่อของขอม เช่น ปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบรุ ี เป็นตน้
มอญ เจดยี ์แบบมอญ วดั ท้ายเกาะใหญ่ จงั หวดั ปทุมธานเี ป็นเจดียท์ ี่มีขนาดใหญท่ ่สี ดุ ในจงั หวดั น้ี อทิ ธพิ ลของศิลปะมอญทม่ี ีตอ่ ผลงานทศั นศลิ ป์ของไทยมีทั้งผ่านทาง การรบั วฒั นธรรมพม่าและผ่านทางชุมชนชาวมอญท่ีเขา้ มาต้ังถิน่ ฐาน ในดนิ แดนไทย ส่วนใหญ่เป็นผลงานทัศนศิลปท์ เี่ ก่ียวเนอื่ งกบั พระพุทธศาสนา ผลงาน ทเี่ ห็นไดเ้ ดน่ ชดั จะเป็นการสรา้ งเจดียแ์ บบมอญในพนื้ ท่ีแถบจงั หวัด กาญจนบุรแี ละจงั หวดั ตาก จงั หวัดปทุมธานี
พม่า เจดียว์ ัดจองคาํ จังหวัดแมฮ่ ่องสอน เป็นเจดียร์ ูปทรงจฬุ ามณี ได้รบั อทิ ธิพลมาจากวฒั นธรรมของพมา่ วัฒนธรรมของพม่าจะมอี ิทธพิ ลตอ่ การสร้างสรรค์ผลงานทศั นศลิ ป์ ในพ้ืนท่ีทอ่ี ยู่ใกล้ชดิ จะมกี ารสรา้ งพระพทุ ธรปู วัด เจดยี ์ และศาสน- วัตถุต่างๆ ทางพระพุทธศาสนาตามแบบพม่าไว้ พื้นท่บี างส่วนของภาคเหนอื และภาคตะวันตกจะเห็นไดช้ ัดว่าไดร้ บั เอาวฒั นธรรมของพมา่ เขา้ ไปผสมผสาน เช่น วดั จอมสวรรค์ จงั หวัดแพร่ วัดศรชี ุม จงั หวดั ลําปาง เปน็ ตน้ จังหวดั แม่ฮ่องสอน
อาหรับ มัสยดิ กลางประจาํ จงั หวัดภเู ก็ต หน่งึ ในสถาปัตยกรรม ทไ่ี ดร้ ับอิทธพิ ลจากวฒั นธรรมอาหรบั เขา้ มาสู่ดนิ แดนประเทศไทย เขา้ สู่ดนิ แดนไทยต้ังแต่สมัยอยธุ ยาเป็นตน้ มา ภายหลงั เม่อื ชาวไทย บางส่วนนับถอื ศาสนาอสิ ลาม วัฒนธรรมอาหรบั จึงแพร่ขยายเขา้ สู่ สงั คมไทยผ่านทางการนับถือศาสนาดว้ ย ที่เหน็ ได้เด่นชดั คอื การสรา้ งสรรคผ์ ลงานสถาปัตยกรรมที่เป็น มัสยิดตามแบบวฒั นธรรมอาหรบั ในชมุ ชนที่มีผนู้ ับถอื ศาสนา อิสลามเปน็ จาํ นวนมาก จังหวัดภูเกต็
อทิ ธิพลจากวฒั นธรรมตะวันตก • วัฒนธรรมตะวนั ตก คือ ภาพรวมของรปู แบบความเจริญของสงั คมเมืองสาํ หรับดนิ แดนท่ีอย่ใู นบรเิ วณด้านตะวนั ตกของทวปี เอเชยี เปน็ ต้นไป • วฒั นธรรมตะวันตก ไดเ้ ข้ามามบี ทบาทตอ่ ผลงานทศั นศิลปข์ องไทยเรม่ิ ตงั้ แต่สมยั อยธุ ยา โดยมีการนาํ เอารปู แบบสถาปัตยกรรม ตะวนั ตกมาสร้างอาคารในพระนารายณ์ราชนิเวศ จังหวัดลพบรุ ี ตง้ั แตก่ ารวางผงั การออกแบบอาคาร • ภายหลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ โลกมกี ารเปลีย่ นแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ ผลงานทัศนศิลป์ของไทยในแต่ละประเภทมีลักษณะท่เี ปน็ สากลมากยิง่ ขนึ้ • วฒั นธรรมจากตะวันตกทําให้รปู แบบและลกั ษณะผลงานทัศนศลิ ปข์ องไทยแตกแขนงแยกย่อยลงไป ผลงานหลายอย่างได้รบั การยอมรบั สสู่ ังคมไทย ไมว่ ่าจะเปน็ งานภาพพมิ พ์ สือ่ ผสม หรืองานกราฟิกในรปู แบบตา่ งๆ การประดบั กระจกสที ่ีพระอโุ บสถ สถาปตั ยกรรมเรอเนสซองส์ (Renaissance) การเขยี นภาพปนู เปียก (Fresco) วดั นิเวศธรรมประวตั ิราชวรวหิ าร ทพ่ี ระตําหนกั ชาลีมงคลอาสน์ จังหวัดนครปฐม บนเพดานพระท่ีน่ังอนนั ตสมาคม กรุงเทพมหานคร จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: