Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การขยายพันธุ์ไม้ประดับ

การขยายพันธุ์ไม้ประดับ

Published by piyathida1980dada, 2020-05-12 00:13:53

Description: การขยายพันธุ์ไม้ประดับ

Search

Read the Text Version

ไม้ดอกไมป้ ระดบั ในวังสวนบา้ นแก้ว ผศ.ชลอ ดวงดารา คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราไพพรรณี

คานา ในวังสวนบา้ นแก้ว ซงึ่ ในอดีตเป็นทีป่ ระทับของสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรม ราชินใี นรัชกาลที่ 7 มีการออกแบบตกแต่งสวนไว้อยา่ งสวยงาม มีพรรณไมด้ อกไม้ประดบั นานา ชนิด ท้ังไม้ยนื ต้น ไม้พมุ่ ไมเ้ ลอ้ื ยและไม้ดอกประเภทหัวหลายชนดิ ซง่ึ พรรณไม้เหลา่ นี้บางชนดิ มี คุณคา่ และหายากจงึ ควรได้ศึกษาถึงการปลูก และการขยายพันธเุ์ พ่ือจะได้หาแนวทางอนรุ กั ษ์และ ส่งเสริมให้มีการปลูกเลี้ยงใหแ้ พร่หลายยง่ิ ขึน้ เพอ่ื เปน็ การราลกึ ถงึ พระมหากรณุ าธคิ ุณของสมเด็จ พระนางเจา้ ราไพพรรณีทีพ่ ระองค์ทรงสนพระทยั ในการทาการเกษตรอย่างพอเพียง ทรงรเิ ร่ิมงาน ด้านการเกษตร ท้ังดา้ นการปลูกไม้ดอกไมป้ ระดับ การปลูกผักสวนครวั ไมผ้ ล พืชไรแ่ ละเล้ยี งสัตว์ เพื่อเป็นแบบอยา่ งแกพ่ สกนิกรชาวจังหวัดจันทบรุ แี ละจังหวัดใกล้เคยี ง บทความเรื่องไมด้ อกไมป้ ระดับในวังสวนบา้ นแกว้ ได้เคยตีพมิ พ์แล้วคร้ังหนึ่งในหนังสือที่ ระลกึ ครบรอบ 20 ปี การก่อต้งั สถาบนั ราชภฏั ราไพพรรณี ชื่อหนังสอื สองทศวรรษราไพพรรณี ซงึ่ จดั พมิ พ์ขนึ้ เม่ือปี พ.ศ. 2535 ในเอกสารเลม่ นีเ้ ป็นการจัดพิมพค์ ร้ังท่ี 2 ไดป้ รับปรงุ แก้ไขและเพ่มิ เติม เนือ้ หาให้มีความถกู ตอ้ งและสมบูรณย์ ่งิ ข้ึน เพอื่ แจกเป็นทีร่ ะลึกในโอกาสทผี่ ู้เขียนจะเกษียณอายุ ราชการในวันท่ี 30 กนั ยายน พ.ศ. 2554 ในรอบปขี องทุกปีไมด้ อกไม้ประดบั ในสวนบ้านแกว้ จะ ทยอยออกดอกแตกต่างกันไปในแตล่ ะฤดู ต้นปกี ารศึกษาประมาณเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน จะมี ดอกชัยพฤกษ์และดอกหางนกยูงฝร่งั ออกเป็นการตอ้ นรบั นกั ศึกษาใหมแ่ ละนกั ศึกษาเกา่ ทก่ี ลับมา เรยี นหลังจากปดิ ภาคเรียนฤดูร้อน ในช่วงปลายปกี ารศึกษาประมาณเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ดอกแคฝรง่ั และดอกราชฤกษจ์ ะบานสะพรัง่ เป็นสัญญานเตือนให้นกั ศึกษาได้รวู้ า่ ฤดสู อบกาลังใกล้ เข้ามาตอ้ งรบี เตรียมตัวดูหนังสือสอบ ถดั มาในช่วงเดอื นมนี าคมจะเปน็ ช่วงที่บณั ฑิตเขา้ รับ พระราชทานปริญญาบัตรเป็นประจาทุกปี จะมีดอกเหลืองอินเดยี ออกดอกเหลืองอรา่ มไปท้งั มหาวทิ ยาลัย การออกดอกของไมด้ อกในวังสวนบา้ นแก้วจะหมุนเวียนกนั ไปเช่นนี้ตลอดไปทกุ ปี เปน็ การบง่ บอกถึงฤดูกาลและภาระกจิ ที่อาจาราย์ นกั ศกึ ษาและบคุ ลากรของมหาวทิ ยาลยั จะตอ้ ง ปฏิบตั ิกนั ไปตามบทบาทและหน้าที่ของแต่ละคนตลอดระยะเวลาท่รี บั ราชการอยูใ่ น สถาบนั การศึกษาทีเ่ ป็นแผน่ ดนิ พระราชทานของพระองค์ทา่ นให้เราได้ใชเ้ ป็นอทุ ยานแหง่ การ เรียนรทู้ ่ีมีคุณคา่ ยิ่ง ผู้ช่วยศาสตราจารยช์ ลอ ดวงดารา 2 สงิ หาคม 2554

ไมด้ อกไม้ประดับในวงั สวนบ้านแก้ว สวนบา้ นแกว้ ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรม ราชนิ ีในรัชกาลทึ่ 7 ต้ังแต่วันท่ี 20 มิถนุ ายน พ.ศ. 2493 จนถงึ เดือนมถิ นุ ายน พ.ศ. 2511 เปน็ เวลาถงึ 18 ปี บริเวณพระตาหนักทั้งสองหลังท้งั ตาหนักเทาและตาหนกั แดงซ่ึงเป็นเขตพระราชฐาน ได้รับ การออกแบบและตกแตง่ ไว้อยา่ งสวยงามดว้ ยพรรณไมน้ านาชนิด ซงึ่ มที ้งั ไมย้ ืนต้น เช่นราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ ศรตี รงั เหลอื งอนิ เดีย เสลา อนิ ทนิล หางนกงยูงฝร่ัง และมะฮอกกานี ส่วนไม้พุม่ กม็ หี ลาย ชนิด เชน่ แคฝรัง่ ลนั่ ทม โศกสปัน ดอนญา่ และตน้ แกว้ และท่ีมมี ากที่สุดและหาดทู ่ีอืน่ ได้ยากเห็น จะเป็นพวกไมเ้ ถาเล้ือย เชน่ พวงหยก พวงโกเมน พวงคราม พวงแสด พวงทอง พวงชมพู พวงแกว้ แดง และมะลวิ ลั ย์ นอกจากนย้ี งั มไี ม้ดอกประเภทหัว (Bulbs) ที่ยงั คงเหลอื ให้เห็นอยู่บา้ งคือ พวก วา่ นส่ที ิศและบวั สวรรค์ ไม้ดอกเหล่านี้จะทยอยกันออกดอกตามฤดกู าล ทาให้บรเิ วณพระตาหนกั ทัง้ สองดมู ีชวี ิตชีวาสวยงามตลอดปี จึงขอกลา่ วถงึ ไมด้ อกไมป้ ระดับบางชนดิ ที่มคี วามสาคัญและยงั มปี ลกู อยใู่ นบริเวณสวน บ้านแกว้ เพื่อเป็นการราลกึ ถงึ พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ทา่ นทีไ่ ด้ทรงริเรม่ิ งานด้าน การเกษตรทงั้ ดา้ นไม้ดอกไม้ประดบั ไม้ผล พืชผัก พชื ไร่ และงานดา้ นการเลี้ยงสตั ว์ และเพอ่ื เป็น การแนะนาเผยแพร่ให้อนชุ นรนุ่ หลังและผสู้ นใจได้รู้จักพรรณไม้ที่สวยงามและมีคณุ ค่าอนั ควร อนุรักษ์และสงวนรักษาไว้ใหค้ งอยคู่ ่กู ับวังสวนบา้ นแก้วตลอดไป ประเภทไม้ยืนตน้ 1. เหลืองอินเดีย ช่ือสามญั Trumpet Tree ชอื่ พฤกษศาสตร์ Tabebuia chysantha Nichols. วงศ์ BIGNONIACEAE เหลอื งอินเดยี เปน็ ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ถึงขนาดกลาง ความสูงประมาณ 40 ฟุต ใบเป็นใบ รวมมีใบยอ่ ย 5 – 7 ใบ ดอกมีสเี หลืองสดเปน็ รปู ปากแตร โคนดอกเปน็ หลอดเลก็ ปลายกลบี ดอก ผายออก มีกลีบดอก 5 กลบี ขนาดดอกโตประมาณ 2 น้ิว เหลืองอินเดยี จะออกดอกในหนา้ แล้ง

2 ประมาณเดือน มกราคม – เดือน เมษายน เวลาออกดอกจะทงิ้ ใบหมดเหลือแตด่ อกสีเหลืองสดทัง้ ตน้ ดอกจะบานอยไู่ ด้ประมาณ 2 – 3 วันกจ็ ะรว่ งหล่นอยู่บริเวณโคนตน้ มองเห็นเหมือนปูดว้ ยพรมสี เหลอื งสวยงามย่ิง ถงึ แมว้ ่าเหลืองอินเดียจะบานดอกอยูไ่ ด้เพยี ง 3 วัน แต่ในปีหน่งึ ๆ สามารถออก ดอกได้ 2 - 3 ครง้ั จากการทดลองเคยบังคับใหเ้ หลอื งอินเดยี ออกดอกในเดือนมกราคม ปรากฏวา่ สามารถทาได้ การบังคับทาได้ไมย่ ากแต่ตอ้ งให้ตน้ เหลืองอนิ เดียผา่ นชว่ งแลง้ มาแล้วประมาณ 2 เดอื นข้นึ ไป โดยสังเกตดทู ปี่ ลายกงิ่ ถา้ พบว่ามกี ารฟอรม์ ดอกแล้วให้รดนา้ ให้เต็มท่ี เหลอื งอนิ เดยี จะ บานดอกให้เห็นภายใน 7 – 8 วัน แตถ่ า้ ไม่ให้น้าเลยดอกตูมจะยงั ไม่บานจนกว่าจะมีฝนตกลงมาครงั้ แรกดอกจะบานพร้อมกนั ทั้งต้น เหลืองอินเดยี ตน้ แรกทป่ี ลกู ในสวนบา้ นแก้ว เหลอื งอินเดียเป็นไม้ท่มี ถี ิ่นกาเนิดในเมก็ ซโิ ก เวเนซุเอล่าและหมเู่ กาะเวสดินดสี ใน เมืองไทยมีผนู้ าเข้ามาจากอินเดยี จึงเรยี กกันว่าเหลอื งอินเดยี ไม้ในสกลุ Tabebuia เชน่ เดียวกับเหลอื ง อินเดยี มีหลายชนิดเชน่ ชมพพู ันธท์ุ ิพย์ (Tabebuia rosea) มีดอกสชี มพู เดิมที่ก็เรียกว่าชมพอู ินเดยี เหมือนกันภายหลงั มีการตั้งชื่อใหมว่ ่า”ชมพูพนั ธ์ุทิพย์” เพื่อเปน็ เกยี รติแก่ ม.ร.ว. พนั ธุท์ พิ ย์ บริพัตร

3 ซ่ึงเปน็ ผู้นาเขา้ มาปลกู ในประเทศไทย อกี ตน้ หน่ึงท่ีเป็นญาตกิ ันคือเหลืองปรีดียาธร เป็นไมใ้ นสกลุ เดียวกนั กับเหลืองอินเดยี มดี อกสเี หลืองเช่นเดียวกันมีทรงพุ่มสวยงามเวลาออกดอกไม่ทง้ิ ใบและ ดอกบานอยู่ไดน้ านกว่าเหลอื งอนิ เดยี เมอ่ื ตอนสร้างถนนมอเตอรเ์ วยใ์ หม่ ๆ มปี ลกู อยู่มากบรเิ วณ สองขา้ งทาง แตพ่ อขยายถนนมอเตอร์เวยถ์ กู ขุดยา้ ยออกและตายจนเกอื บหมด เหลืองอนิ เดยี มปี ลูก อยหู่ ลายแหง่ บริเวณสวนบา้ นแกว้ ตน้ แรกอยู่ตรงหน้าพระตาหนักเทาหลังพระบรมราชนิ ยานุสาวรีย์ ของสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี ปัจจบนั นา่ จะมอี ายกุ ว่า 50 ปี แล้ว ส่วนตน้ อน่ื ๆ เปน็ ตน้ ทไ่ี ด้ ขยายพนั ธุม์ าปลูกใหม่ ทมี ีมากจะอยบู่ ริเวณริมร้ัวสวนสว่ นพระองค์และได้ขยายมาถึงบริเวณอาคาร เรยี นด้วย ลักษณะเด่นของเหลืองอนิ เดยี คือมสี ีท่เี หลืองสดใสและออกดอกพร้อมกนั ทง้ั ต้นใน ขณะทท่ี ง้ิ ใบหมดทาใหด้ เู หลืองอร่ามไปทง้ั ต้น สมัยหนงึ่ เคยคิดว่าจะให้เปน็ ต้นไม้ประจาสถาบนั ราชภฏั ราไพพรรณีด้วยซ้าไป แตพ่ อทาประชามติแล้วมผี เู้ ลอื กต้นชัยพฤกษ์มากกวา่ ชยั พฤกษ์จงึ ได้รบั การเสนอชื่อใหเ้ ป็นต้นไม้ประจามหาวิทยาลัยราชภัฎราไพพรรณีมาจนถึงปัจจบุ ัน การขยายพันธ์ุ ใชว้ ิธีตอนก่งิ หรือตัดชา การตอนแบบควน่ั กง่ิ ใช้เวลาประมาณ 1 เดอื นก็ ออกรากสามารถตัดไปปลกู ได้ 2. จาปา ชื่อสามัญ Champac, Orange Chempaka ช่อื พฤกษศาสตร์ Michelia champaca Linn. วงศ์ MAGNOLIACEAE จาปาเป็นไมย้ นื ต้นขนาดกลางสงู ประมาณ 20 ฟตุ เปลอื กลาต้นมีสีน้าตาลปนขาว ลาต้น และก่ิงมตี มุ่ เลก็ ๆ ท่ัวไป ใบใหญ่ยาวปลายแหลม ใบกว้างประมาณ 5 นว้ิ ยาวประมาณ 10 นว้ิ ออก ดอกตามโคนก้านใบ ดอกเป็นดอกเดีย่ วกลบี ดอกซอ้ น 2 ช้ัน มี 8 – 10 กลบี กลบี ดอกเปน็ รูปใบหอก ยาวประมาณ 2 นิว้ สเี หลอื งเข้มหรือสีจาปา ดอกมกี ลน่ิ หอมเยน็ จาปามีถิ่นกาเนิดในชวา อนิ เดยี และพมา่ ในเมอื งไทยมอี ยปู่ ระมาณ 3 – 4 ชนิด มชี อ่ื พ้ืนเมืองตา่ งกัน ทางใต้เรยี กวา่ จาปากอ ตรัง เรยี กจาปาเขา นครศรธี รรมราชเรียกจาปาทอง จาปาเปน็ ไม้กลางแจ้งชอบดินรว่ นซยุ ปลกู เป็นไม้ ประดบั ได้ดี ดอกนยิ มนามารอ้ ยมาลัยทาเป็นอบุ ะหอ้ ยชายพวงมาลยั ประโยชน์ในทางสมุนไพร ดอกใช้บารุงหัวใจ บารงุ ธาตุ ขบั ปสั สาวะ แก้ธาตุไม่ปกติ เปลือกแก้ไข้ ขบั ปัสสาวะ รากใช้เป็นยา ถา่ ยและขับระดูสตรี

4 จาปา (ตน้ ไมข้ องพอ่ ) ในสวนบ้านแกว้ มีจาปาปลกู อยบู่ นลานดา้ นหลงั พระตาหนักเทา ซงึ่ มีความสาคัญทาง ประวัติศาสตร์มากเพราะเป็นตน้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจบุ ันทรงปลูกไวเ้ มอื่ วนั ที่ 17 พฤศจิกายน 2499 ปจั จจุบนั มีอายุ 55 แล้วยังเจริญงอกงามและให้ดอกไดท้ ุกปี จาปาตน้ น้ี สถานโี ทรทัศน์ช่อง 3 เคยมาถ่ายทารายการต้นไมข้ องพ่อและยอมรบั ว่าเป็นต้นไมต้ ้นหน่งึ ทีมีอายุ มากทส่ี ดุ ต้นหนงึ่ ท่ีรายการเคยถ่ายทามา จาปาเปน็ ไมใ้ นวงศเ์ ดียวกบั ต้นแมกโนเลยี ซงึ่ ใน ต่างประเทศเป็นไม้ดอกทน่ี ิยมปลกู กนั มาก ดอกมหี ลายสแี ละมขี นาดดอกใหญก่ วา่ จาปา นอกจาก จาปาแล้วในสวนบา้ นแกว้ ยังมีจาปี (Mihcelia alba D.C.) ซงึ่ เป็นไม้ในสกุลเดียวกนั ดอกมสี ขี าว นวลและมีกล่นิ หอม ซ่ึงมอี ย่หู ลายต้นแตล่ ะต้นมีอายไุ มต่ ่ากว่า 50 ปี การขยายพันธุ์ ใช้วธิ ตี อนกงิ่ เพาะเมลด็ และสกดั รากใหเ้ กิดหน่อแลว้ แยกไปปลูก

5 3. ศรีตรัง ช่อื ไทย ศรตี ัง แคฝอย ช่อื สามญั Jacarunda, Fern Tree ช่อื พฤกษศาสตร์ Jacaranda obtusifolia Humb.& Bonpl. วงค์ BIGNONIACEAE ศรตี รังเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 30 ฟุต เป็นไม้พมุ่ โปรง่ ใบเป็นใบรวม ใบยอ่ ย แยกออกเป็นคู่ตามกา้ นใบ ใบยาวรปี ลายแหลมเลก็ เป็นฝอย จึงมผี ู้เรียกศรีตรงั วา่ แคฝอย ออกดอก เป็นช่อ ดอกเป็นรปู กรวย ปลายกลบี ดอกแยกออกเปน็ 5 กลบี ดอกมสี นี ้าเงนิ ปนม่วง ยาว 1 – 2 น้วิ ตน้ ศรีตรงั ออกดอกในฤดูหนาวประมาณเดอื น มกราคม – มนี าคม เวลาออกดอกจะทิ้งใบหมดเหน็ แต่ดอกพรู สะพรั่งท้ังต้น บานดอกอยไู่ ดป้ ระมาณ 5 – 7 วัน และค่อย ๆ ทยอยลว่ งหลน่ ลงบริเวณโคนตน้ ดู คลา้ ยปูดว้ ยพรมสีม่วง ถ้าปลกู ไวใ้ กล้กับเหลอื งอนิ เดยี และบานดอกพร้อมกนั ได้จะยิ่งสวยงามมาก

7 ศรตี รงั มีกาเนิดในบราซลิ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ได้นาพันธม์ุ าจากต่างประเทศและนามา ปลูกไว้ที่จังหวัดตรงั จงึ ไดช้ ื่อวา่ ”ศรตี รัง” ในสวนบา้ นแกว้ ตน้ เดิมปลกู อยู่ตรงสระบัวหน้าพระ ตาหนักเทา ตอ่ มาภายหลังปลวกกนิ และลม้ ลง จงึ ได้ปลกู ทดแทนใหม่แต่ก็ตายเสยี อีก ขณะนีย้ ังมี เหลืออยู่ท่ีหน้าอาคารคณะครุศาสตร์ 3 – 4 ต้น ในจันทบรุ มี ีต้นศรีตรงั ปลูกอยูจ่ านวนมากท่ีถนน พระยาตรัง ตั้งแต่ส่ีแยกพระยาตรงั ผา่ นไปทางหา้ งเทสโก้โลตสั เวลาออกดอกจะมองเห็นแต่ดอกสี ม่วงตลอดแนวถนน การขยายพันธุ์ เพาะเมลด็ หรอื ตอนก่งิ 4. หางนกยูงฝรั่ง ช่ือไทย หางนกยงฝรั่ง สม้ พอหลวง หงอนยงู ชอ่ื สามัญ Flame of The Forest, Royal Poinciana, Flamboyant ช่อื พฤกษศาสตร์ Delonix regia (Boger) Raf. วงศ์ CAESALPINIACEAE หางนกยูงฝรงั่ ของเดมิ ทยี่ งั มีเหลืออยู่เพยี ง 3 ตน้

8 หางนกยูงฝร่ังมชี อ่ื เรียกแตกต่างกนั ไปในแต่ละท้องถ่ิน ภาคกลางเรียกหางนกยงู ฝร่งั ภาคเหนือเรยี กสม้ พอหลวง ภาคใตเ้ รยี กหงอนยูง หางนกยูงฝรงั่ เปน็ ไม้ยนื ต้นขนาดใหญ่ สงู ประมาณ 60 ฟุต ลาตน้ มีผิวเรียบสีเขยี วออ่ น เมื่อแก่จะเปลีย่ นเปน็ สนี ้าตาล ใบเป็นใบรวมมใี บยอ่ ย เลก็ ๆ จานวนมาก ใบย่อยยาวประมาณ 1 น้ิว ออกดอกเปน็ ช่อตามปลายกง่ิ ดอกมี 5 กลีบ กลีบ ดอกล่างมีสีขาวประจดุ แดงคล้ายหางนกยูง ดอกกวา้ งประมาณ 2 น้ิว ครึ่ง ออกดอกประมาณเดอื น เมษายน – พฤษภาคม หางนกยูงฝรง่ั ทป่ี ลกู กนั ในบ้านเรามี 3 สายพนั ธ์ุ คอื พันธด์ุ อกสีแดง สีส้ม และสีเหลือง ท่ีปลกู ในสวนบา้ นแกว้ เปน็ ชนิดดอกสแี ดงท้ังหมด ถ่ินกาเนิดของหางนกยงู ฝร่งั อยู่แถวหมูเ่ กาะมาดากาสการ์ ต่อมาไดก้ ระจายพนั ธ์ไุ ปทง้ั ใน ยโุ รปและเอเชยี สามารถข้นึ ไดใ้ นดินทุกชนิด เจริญเตบิ โตเรว็ เป็นไม้กลางแจง้ ทนไดท้ งั้ แลง้ และ ใกลท้ ะเล แต่เปน็ ไมเ้ น้ือออ่ นกง่ิ หกั โคน่ ล้มง่าย ไม่เหมาะท่ีจะปลูกใกลบ้ ้านพกั อาศยั ในสวนบา้ น แก้วเดิมมีปลูกอย่หู ลายต้นตลอดแนวถนนจากบริเวณเรือนเขียวมาถงึ สามแยกหนา้ อาคารคณะ เทคโนโลยีการเกษตร เมอ่ื มีอายุมากตน้ แก่ลาตน้ ผุโค่นลม้ ง่ายเมอ่ื มีลมพายุมา มหาวทิ ยาลยั จึงได้ โคน่ ทงิ้ หมดและปลูกทดแทนใหม่ ขณะนี้โตพอสมควรเริ่มให้ดอกแลว้ หลายตน้ อกี หลายปีกวา่ จะ คืนสภาพเหมือนในอดีต หางนกยงู ฝรง่ั เป็นไม้ประจามหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ แต่เรยี กช่ือท่ี แตกตา่ งจากที่ชาวบา้ นเขาเรียกกนั คือเรียกวา่ ”ยูงทอง” การขยายพันธุ เพาะเมลด็ ตอนกงิ่ หรอื ปักชา 5. แคฝรงั่ ช่ือสามัญ Quick Stick , Mother of Cocoa ชือ่ พฤกษศาสตร์ Gliricidia sepium (Jacg.) Kunth ex Walp. วงศ์ FABACEAE

9 แคฝร่ังพันธดุ์ อกสีชมพู แคฝร่งั พันธด์ุ อกสีขาว

10 แคฝร่งั เป็นไม้ยนื ต้นขนาดกลาง ความสูง 5 – 15 เมตร ลาต้นเปน็ ไมเ้ นื้ออ่อนเปลืกมสี ี น้าตาล มถี ิน่ กาเนิดในอเมริกาใต้ แคฝร่งั เป็นไม้ทเี่ จริญเตบิ โตเรว็ ใบเป็นใบรวมหลังใบสเี ขียวเขม้ ท้องใบมีสีนวล ขนึ้ ไดใ้ นดินเกอื บทุกชนิด ถ้าปลูกในทแ่ี ห้งแลง้ เวลาออกดอกจะทงิ้ ใบเห็นแตด่ อก เต็มต้น ออกดอกเป็นชอ่ รอบกง่ิ ดอกคลา้ ยดอกแคแตม่ ขี นาดเลก็ กวา่ มีสองสคี ือขาวและชมพู ออก ดอกในฤดูหนาวประมาณเดอื นธนั วาคม – กุมภาพันธ์ ดอกอย่ไู ด้นาน 2- 3 สปั ดาห์แล้วจงึ ลว่ งหลน่ แคฝร่ังมปี ลูกมากบรเิ วณตาหนกั แดง และริมถนนหนา้ ตาหนกั เทาจงึ เรยี กตาหนกั แดงวา่ ”ตาหนกั ดอนแค “ การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกง่ิ และตัดชา 6. ราชพฤกษ์ ชือ่ ไทย ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ คนู ลมแล้ง ชอ่ื สามัญ Golden Shower, Amaltus Tree ชอื่ พฤกษศาสตร์ Cassia fistula Linn. วงศ์ CAESALPINIACEAE ราชพฤกษต์ น้ เดิมท่ีได้รบั การตัดแต่งทรงพ่มุ ใหม่

11 ดอกราชพฤกษ์ หรือดอกคนู ราชพฤกษม์ ีชือ่ เรียกกนั มากมายหลายชือ่ ภาคกลางเรยี กวา่ คูน ภาคอสิ านเรยี กลมแล้ง บาง ตาราเรียกชัยพฤกษ์ จงึ ทาใหเ้ กิดการสบั สนวา่ เป็นต้นไหนกันแน่ ราชพฤกษถ์ ือวา่ เปน็ ไม้มงคลจาก ช่อื ก็มีความหมายว่าต้นไม้ของพระราชา ท่ีสาคัญได้รบั การคัดเลือกให้เปน็ ต้นไมป้ ระจาชาติไทย ด้วยเหตุผลหลายประการ เนื่องจากมีดอกสีเหลอื งสดและสีเหลืองเป็นสปี ระจาวันจันทร์ ซึ่งเป็นวนั พระราชสมภพของพระบาทมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ฯ รัชกาลท่ี 9 แม้แตง่ านพชื สวนโลกที่ประเทศไทย เปน็ เจ้าภาพเมื่อปี พ.ศ. 2549 ทีจ่ ัดขึน้ ท่จี ังหวัดเชยี งใหม่ ก็ใช้ชือ่ งานวา่ “ราชพฤกษ์ 2549” ราชพฤกษเ์ ป็นไมย้ ืนต้นขนาดใหญม่ ีข้นึ อยูต่ ามปา่ เบญจพรรณท่ัวไป ลาต้นเป็นไมเ้ นื้อแขง็ เปลืกมผี ิวเรยี บสขี าวนวล ตน้ แก่มีเปลอื กสีสม้ ใชร้ บั ประทานกบั หมากได้ ใบเป็นใบรวมกว้าง ประมาณ 5 เซ็นตเิ มตร ยาวประมาณ 10 เซ็นตเิ มตร ดอกออกเป็นช่อหอ้ ยลงดินสีเหลืองออ่ นดอกดก มาก ถ้าปลูกในท่แี ห้งแล้งขณะออกดอกจะทงิ้ ใบหมดเหลือแตด่ อกเหลอื งท้งั ตน้ เมื่อดอกรว่ งจะติด ฝกั ฝักแก่มีสดี าใชท้ ายาได้ ราชพฤกษม์ ปี ลูกอยู่บริเวณด้านหลังพระตาหนักเทา ปจั จบุ ันตน้ ใหญ่โตมากเกรงวา่ จะหักโคนลงทาความเสียหายแกต่ ัวพระตาหนกั จึงไดล้ านกง่ิ ออกจนเหลือทรง

11 พมุ่ เลก็ ลงกว่าเดมิ มาก ราชพฤกษจ์ ะออกดอกในหนา้ แล้งประมาณเดือน มกราคม – เมษายน ดอก บานอยูไ่ ดห้ ลายวัน ดอกทเี่ หน็ ในภาพเป็นดอกชยั พฤกษ์ทอ่ี อกหลงฤดูถา่ ยเมื่อวันท่ี 14 สงิ หาคม พ.ศ. 2551 การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ด 7. ล่ันทม หรือลลี าวดี ช่ือไทย ลัน่ ทม ลีลาวดี จาปาลาว ชือ่ สามัญ Temple Tree, Frangipani ช่อื พฤกศาสตร์ Plumeria spp. วงศ์ APOCYNACEAE ลั่นทมท่ีหน้าตาหนกั เทามอี ายุมากกวา่ 50 ปี

12 ลั่นทมเป็นไมย้ นื ต้นขนาดเลก็ แตกกิ่งกา้ นสาขามาก สงู ประมาณ 25 ฟุต เปน็ ไม้อวบน้า ก่ิง เปราะมยี างสีขาวขน้ ใบเป็นใบเดยี่ วรปู หอก กว้างประมาณ 4 นิว้ ยาวประมาณ 12 นว้ิ ปลายใบ แหลม ลน่ั ทมมีหลายพนั ธุ์ ดอกมหี ลายสี เชน่ เหลอื ง ขาว ส้ม ชมพูและแดง ปัจจุบันมีการผสม พันธ์ุข้ึนใหม่และมีพันธใ์ุ หม่ ๆ ออกมาจานวนมาก สมเด็จพระนางเจา้ สิริกิติ์ พระพรมราชนิ ีนาถ ได้ พระราชทานชื่อใหใ้ หมว่ ่า “ลลี าวดี” เป็นพันธ์ุไมท้ ี่ไดร้ ับความนิยมสงู ในการจัดสวนและมรี าคา แพง ย่งิ ต้นใหญ่ ๆ อายุมาก ๆ ราคาตน้ หน่ึงเป็นหลกั หมื่นหลักแสนก็มี ล่นั ทมแต่ละพนั ธมุ์ ขี นาด ดอกและลักษณะของกลีบดอกแตกตา่ งกนั ออกไป บางชนิดดอกมขี นาดใหญ่ เช่นพันธดุ์ อกสีขาว บางชนิดมีดอกขนาดเล็ก เช่นพนั ธดุ์ อกสแี ดงและสชี มพู ลัน่ ทมมีถ่ินกาเนิดในอเมริกาเขตรอ้ น ในเมืองไทยแต่เดิมมาไม่นิยมปลูกไวใ้ นบ้านเพราะมีความเชอ่ื วา่ ชื่อลัน่ ทมไม่เป็นมงคล ปลูกแลว้ ทา ใหร้ ะทม โศกเศร้า จงึ มปี ลูกกันแตใ่ นวัดและในวงั เท่าน้ัน ดอกลนั่ ทมมีกลนิ่ หอมเย็นคนโบราณถือ กนั ว่าถา้ ปลูกไวใ้ กลห้ ้องนอนจะทาใหห้ มดอารมณ์ทางเพศ จึงไมค่ วรปลูกไวใ้ นบ้าน แตใ่ นปจั จุบัน ความเช่อื ดังกล่าวหมดไป ทาใหต้ ้นลลี าวดีขายดบิ ขายดแี ละมีราคาสูงมากในปัจจุบนั ลน่ั ทมเปน็ ไมก้ ลางแจ้งปลกู ง่าย ทนแล้งไดด้ เี ป็นพิเศษไมช่ อบดินเปียกแฉะ ในสวนบ้าน แก้วมีลนั่ ทมปลกู อย่หู ลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณรมิ ทางเขา้ พระตาหนกั เทามีอยหู่ ลายตน้ ยิง่ มีอายุ มากย่งิ งดงาม ตน้ เดิมทีป่ ลูกไว้ในสมัยท่สี มเด็จ ฯ พระทับอยปู่ จั จบุ นั มีอายุมากกว่า 50 ปี ออกดอก ในฤดแู ล้ง เวลาออกดอกจะทง้ิ ใบหมดเห็นแต่ดอกทั้งต้น ล่นั ทมเป็นดอกไม้ประจาชาตลิ าว แต่ลาว เรียกล่นั ทมวา่ ดอกจาปา มปี ลกู มากทแ่ี ขวงจาปาศกั ด์ขิ องลาว การขยายพันธ์ุ ตัดชา ตอนกิ่ง และเพาะเมล็ด 8. จาปี ชอ่ื สามญั White Chempaka ชอื่ พฤกษศาสตร์ Michelia alba DC. วงศ์ MAGNOLIACEAE จาปีเปน็ ไมย้ ืนต้นขนาดใหญ่ สงู 10 – 20 เมตร ทรงพุ่มเป็นรูปกรวยคว่า แตกกิง่ จานวน มากท่ยี อด เปลือกมีสีเทาอมขาว ใบเปน็ ใบเดย่ี ว เรยี งเวียนสลบั ใบรปู หอกแกมขอบขนานกวา้ ง 8 – 12 เซน็ ติเมตร ยาว 15 – 30 เซน็ ติเมตร ใบหนาแข็งเป็นมนั เหน็ เสน้ ใบชดั เจน ดอกเปน็ ดอกเด่ียว สขี าวนวล ออกดอกตามซอกใบ ดอกตั้งข้ึน ดอกตมู รูปกระสวยยาว 3 – 5 เซ็นติเมตร มีปลอกสเี ขยี ว

14 คลมุ อยแู่ ต่จะหลดุ ไปเมื่อดอกบาน กลีบเลี้ยงและกลีบดอกเหมอื นกนั รวม 8 – 12 กลีบ กลีบดอกรปู รแี กมรูปหอกค่อนขา้ งยาว กลีบนอกกว้าง 0.7 – 1 เซน็ ติเมตร ยาว 4- 6 เซ็นติเมตร กลีบในแคบและ สน้ั กว่า ดอกจะมกี ลิ่นหอมในช่วงเย็นและหอมแรงตอนกลางคืน พอรุ่งเช้ากลน่ิ จะจางลง ดอกบาน วนั เดียวและหลดุ รว่ ง ออกดอกได้ทกุ ซอกใบและออกดอกได้ตลอดปแี ตจ่ ะมดี อกมากในชว่ งฤดูฝน การใช้ประโยชน์จาปเี ป็นไม้ทมี่ ีทรงพมุ่ หนาทึบสวยงาม เปน็ ไมใ้ ห้ร่มเงาและมดี อกหอม นิยมปลกู เปน็ ไม้เพอื่ เก็บดอกขายเพ่อื นาไปร้อยเปน็ มาลัย ในสวนบา้ นแก้วมีจาปีอยูห่ ลายตน้ ล้วน ต้นจาปีท่ีตาหนักแดงอายุมากกว่า 50 ปี มขี นาดใหญ่โตท้ังส้ิน โดยเฉพาะตน้ ทีอ่ ยทู่ ่ตี าหนกั แดงมีขนาดใหญ่มากอายุไม่ตา่ กวา่ 50 ปี จาปี เปน็ ไม้ท่ีชอบแดดจึงควรปลูกไว้กลางแจง้ ที่มแี สงแดด ถ้ามีรม่ เงาบดบงั มักจะไม่ออกดอก การขยายพันธุ์ นยิ มขยายพนั ธโ์ุ ดยการตอนก่ิงและทาบกิ่ง การตอนกงิ่ ใช้เวลาประมาณ 2 เดอื น โดยเลอื กก่ิงตอนขนาดใหญย่ าวกวา่ 1 เมตร และควรเป็นกง่ิ กระโดงท่ีต้ังปลายก่งิ ข้ึนเมอ่ื ปลูก แลว้ จะไดท้ รงพมุ่ ทส่ี วยงามสมดุล

15 9. ชยั พฤกษ์ ชอื่ สามญั Javanese Cassia ชือ่ พฤกษศาสตร์ Cassia javanica L. Subsp. Javanica วงศ์ CAESALPINIACEAE ชัยพฤกษ์เปน็ ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสงู ประมาณ 5 – 15 เมตร ขนาดทรงพมุ่ กว้าง 5 – 6 เมตร ลาต้นมสี ีน้าตาล ใบเป็นใบประกอบมีสีเขยี วอ่อนมีผิวสัมผัสละเอียด ดอกออกเป็นชอ่ ตาม ต้นชัยพฤกษ์ต้นไมป้ ระจามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราไพพรรณี ปลายก่ิง ขนาดดอกประมาณ 2 – 5 เซ็นตเิ มตร ดอกมสี ชี มพูจะเปลย่ี นเป็นแดงเข้มและขาวเม่อื ใกล้ โรย ดอกบานอยไู่ ดป้ ระมาณ 2 – 3 สปั ดาห์ เมื่อดอกโรยแลว้ จะติดฝักสีเขียวมีลกั ษณะกลมกว้าง ประมาณ 1 – 1.5 เซ็นติเมตร ยาวประมาณ 30 เซน็ ติเมตร เมื่อฝักแกจ่ ะมสี ดี าเช่นเดียวกับฝกั คนู ชัยพฤกษเ์ ป็นไม้ประดับท่มี ที รงพุม่ แผก่ วา้ งสวยงาม ใบดกสีเขียวสดเวลาออกดอกจะไม่ท้งิ ใบ

16 ดอกชยั พฤกษเ์ วลาออกดอกจะไม่ท้งิ ใบ มองเห็นดอกเด่นสะดุดตา เนอื่ งด้วยสชี มพูของดอกตัดกับสีเขียวของใบ จึงได้รบั การเลือกสรรให้ เป็นต้นไมป้ ระจามหาวิทยาลยั ราชภฏั ราไพพรรณี เพราะวา่ มีดอกสีชมพูตัดกบั ใบท่ีมีสเี ขยี ว เชน่ เดยี วกบั สปี ระจามหาวทิ ยาลัย นอกจากน้ีชยั พฤกษย์ ังเป็นไม้มงคลที่นยิ มนามาใช้ในพีธีกรรม ต่าง ๆ เช่น ใชใ้ สล่ งในหลุมเวลายกเสาเอกบ้านเรอื นที่พกั อาศัย เป็นต้น ชยั พฤกษม์ ถี น่ิ กาเนดิ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตจ้ ะเห็นวา่ ชื่อชนิด (Species) ของชัยพฤกษ์ ใชค้ าวา่ Javanica ซงึ่ แสดงใหเ้ ห็นวา่ มีถ่ินกาเนิดในหมู่เกาะชวาของดนิ โดนีเชยี แตพ่ บวา่ มีข้ึนอยูท่ ่ัว ทกุ ภาคของประเทศไทย ในภาคตะวันออกทัง้ จันทบรุ ี ระยองและตราดก็พบวา่ มขี น้ึ อยู่ตามชายป่า ทัว่ ไป ในสวนบ้านแกว้ แต่เดิมมีอยู่หลายต้นภายหลังมีการก่อสรา้ งอาคารมากข้ึน จึงถูกรถแบคโฮ ขดุ ท้ิงเสียจนหมดส้ิน เหลอื อยตู่ น้ เดยี วตรงหน้าเรือนเขียวก็ถกู ปลวกกนิ จนล้มลงและตายไปในท่ีสดุ เมอ่ื ได้รบั การเสนอชื่อใหเ้ ปน็ ต้นไมป้ ระจามหาวิทยาลัย ผ้เู ขยี นจึงไดไ้ ปเทีย่ วหาเก็บเมล็ดมาปลกู ใหม่ ขณะนม้ี ีปลูกอยตู่ รงเกาะกลางถนนทางเขา้ มหาวิทยาลัยทางดา้ นถนนสขุ ุมวิท ซง่ึ จดั ปลูกเนอื่ ง ในวโรกาสครบรอบวันคล้ายวันพระราชสมภพ 50 พรรษา เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกฎุ ราชกุมาร เมือ่ เดือนกรกฎคม ปี พ.ศ. 2545 ขณะนอ้ี ายปุ ระมาณ 9 ปมี ีดอกให้เหน็ แล้วทกุ ตน้ นอกจากน้ียังมีปลูกอยู่ทดี่ ้านหลังตาหนักเทา 1 ต้น และที่อาคารเฉลมิ ระเกยี รติ 100 ปี สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณี (อาคารคณะเทคโนโลยีการเกษตร) กม็ ีปลูกอย่หู ลายต้น ให้ดอกแล้วทกุ ตน้ เชน่ เดยี วกัน

17 การขยายพันธ์ุ เพาะเมล็ด ตอนกงิ่ การเพาะเมลด็ ใหใ้ ช้ฝกั ทแ่ี กเ่ ต็มทมี่ ีสเี หลอื งปนน้าตาล แกะเอาเปลอื กหุ้มเมล็ดออกแล้วเพาะขณะท่ีฝกั ยงั สดอยจู่ ะงอกได้เร็วกว่าการใช้ฝักแหง้ ที่มสี ีดา ประเภทไม้พุม่ ไม้ประดับประเภทไม้พ่มุ ทมี่ ีปลกู อยมู่ ีหลายชนดิ แตจ่ ะขอกล่าวถงึ เฉพาะที่มคี วามสาคญั และมีปลกู มาตัง้ แตส่ มัยทีส่ มเด็จ ฯ ประทับอยู่ ณ สวนบ้านแก้วเท่านั้น เช่น 1. โศกสปัน ชอื่ ไทย อโศกสปนั โสกพวง ชื่อสามัญ Rose of Venezuala ชื่อพฤกษศาสตร์ Brownea grandiceps Jacq. วงศ์ CAESALPINIACEAE ดอกโศกสปัน

18 ตน้ โศกสปนั โศกสปนั เป็นไมพ้ ่มุ ขนาดใหญ่ สงู ประมาณ 10 – 15 เมตร ยอดแผพ่ มุ่ กวา้ ง 4 – 6 เมตร ลา ตน้ มีสีน้าตาลเขม้ ใบเป็นช่อเรียงสลบั กนั ใบอ่อนออกเป็นปลีแลว้ คอ่ ย ๆ คลอี่ อกเป็นพ่หู ้อยระย้า จากก่งิ จงึ มผี เู้ ข้าใจผดิ คิดว่าเปน็ โศกระยา้ ดอกออกเป็นชอ่ ใหญก่ ลมป้อมสีแดงสด ชอ่ หนึง่ มดี อก ย่อยหลายดอก ดอกย่อยแต่ละดอกมองเหน็ เป็นรคู ลา้ ยฟองน้าจงึ เรยี กกันวา่ โศกสปัน ขนาดชอ่ ดอก ตั้งแต่ 4 – 9 น้วิ ออกดอกได้ทง้ั ปี แต่จะมีดอกมากช่วงเดือนมกราคม – กมุ ภาพนั ธ์

17 ลกั ษณะใบอ่อนของโศกสปนั ทมี่ ปี ลีหุ้มใบอยู่ ลกั ษณะใบของโศกสปันทเี่ ร่ิมคล่ีออกเปน็ พวง

18 ช่อดอกโศกสบนั ที่ใกล้บาน ชอ่ ดอกโศกสบนั ท่เี ริ่มบาน

20 โศกสปนั มีถ่ินกาเนิดในอเมริกาใต้ ดว้ ยเหตทุ ม่ี ีดอกสวยงามเปน็ ทต่ี ดิ ตาตรึงใจคน ไมต้ ้นน้ี จึงได้กระจายพนั ธ์ุไปทว่ั โลก ในสวนบ้านแกว้ ในอดตี มีโศกสปนั มปี ลกู อยู่หลายต้น ตน้ เดมิ อยตู่ รง บรเิ วณรมิ สระน้าลน้ ข้างพระตาหนกั เทา เม่อื มีอายมุ ากข้ึนต้นใหญ่โตมากและได้ลม้ ลงในปีเดยี วกับ ทส่ี มเด็จพระนางเจา้ ราไพพรรณเี สด็จสวรรคต ต่อมาอาจารยบ์ ญุ มี นักเสยี งได้ไปขอตอนมาใหม่ จากวงั ศุโขทัย และไดน้ ามาปลกู ทดแทนต้นเดมิ ซงึ่ เปน็ ต้นทเี่ ห็นอยูใ่ นปจั จุบนั ขณะน้ใี ห้ดอกแลว้ การขยายพันธ์ุ ตอนกงิ่ หรือเพาะเมล็ด แตเ่ มลด็ หายากมากเพราะไมค่ อ่ ยตดิ เมลด็ ใหเ้ หน็ 2. ดอนญา่ ชื่อไทย ดอนญ่า ใบตา่ งดอก ช่ือสามัญ Dona ช่ือพฤกษศาสตร์ Mussaenda spp. วงศ์ RUBIACEAE ดอนญ่าพนั ธดุ์ อกสชี มพู(Mussaenda Alicia)

21 ดอนญ่าพนั ธด์ุ อกสีขาว (Mussaenda philippica) ดอนญ่าเป็นไมพ้ ุม่ ขนาดกลางทีม่ ีใบแปรรูปไปทาหน้าท่ีลอ่ แมลงแทนดอก จึงมีช่ือเรียกอกี อย่างหนึ่งว่าใบต่างดอก ที่มองเห็นเป็นสสี รรสวยงามนั้นท่ีจริงคือใบประดับนั่นเอง แต่ดอกที่แท้จริง น้ันมขี นาดเล็กไมส่ วยงาม ดอนญ่ามีถ่ินกาเนิดในเขตร้อน เชน่ อาฟริกา มาเลเชียและฟลิ ิปปินส์ ใน ป่าช้ืนเมืองไทยก็มพี นั ธ์ุไม้พวกดอนญ่าขนึ้ อยทู่ ั่วไปแต่ดอกมีขนาดเลก็ ไม่สวยงาม ดอนญ่าทีป่ ลกู ใน เมืองไทยมอี ยู่ 3 – 4 ชนิด เป็นพันธ์ุท่นี าเข้ามาจากต่างประเทศทงั้ ส้นิ ทปี่ ลูกในสวนบ้านแกว้ มีอยู่ 2 พันธ์ุ คือพันธ์ุดอกสีขาว Mussaenda philippica หรือท่ีเรียกกันวา่ ดอนญ่าออโรรา่ (Dona Aurora) เปน็ พันธุ์ท่ีมีกาเนิดในฟลิ ิปปนิ ส์ ดอกมสี ีขาวเป็นพวงใหญ่ ใบมสี เี ขยี วอ่อนนุ่มใบดก อีกพนั ธหุ์ นึง่ เป็นพนั ธ์ุดอกสชี มพู Mussaenda Alicia หรือดอนญ่าแมกไซไซ เปน็ ช่อื สามญั ท่ตี ั้งให้เปน็ เกียรติแก่ ภริยาของประธานาธิบดแี มกไซไซของฟิลิปปินส์ ช่อดอกมีสีชมพูดอกใหญ่ และมดี อกดกมากที่ มีปลูกในสวนบา้ นแก้วส่วนใหญจ่ ะเป็นพันธด์ อกสีชมพู ดอนญ่าสชี มพยู ังมีพนั ธ์ุควนี สริ กิ ิติ์อีกพันธ์ุ หนึง่ ทมี่ ลี กั ษณะคลา้ ยคลึงกับพันธ์แุ มกไซไซมาก อีกพันธุ์หน่ึงเป็นพนั ธ์ุดอกสีแดง ไม่ค่อย แพร่หลายนกั ดอกมสี แี ดงสดแต่กลีบดอกบางและมีกลีบดอกน้อยดอกไม่ค่อยดกเป็นพันธุ์ท่ีนาเข้า มาปลกู ภายหลงั

22 3.หนามแดง ชื่อไทย หนามแดง มะนาวไมร่ โู้ ห่ หนามขี้แฮด ชอื่ พฤกษศาตร์ Carissa carandus Linn. วงศ์ APOCYNACEAE ตน้ หนามแดงที่ปลูกอยรู่ มิ คูน้าท่ีใชแ้ ช่กก หนามแดงเปน็ ไมพ้ ุม่ ขนาดกลาง ตน้ สงู ประมาณ 3 เมตร มียางสขี าวขน้ แตกกิ่งเปน็ ง่ามมี หนามแหลมคม ใบเดีย่ วออกเป็นคตู่ รงขา้ มกนั ใบกลมรีรปู ไข่ กวา้ งประมาณ 4 – 7 เซน็ ติเมตร ดอก มสี ีขาวหรอื ชมพู มกี ลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกเป็นช่อ โคนกลบี ดอกติดกนั เป็นหลอด ปลายกลบี เป็น รปู หอกปลายแหลม มี 5 กลีบ ผลสดมีสีแดงรูปกลมรขี นาด 1.2 – 2.5 เซน็ ตเิ มตร เม่อื แกจ่ ดั จะเป็นสี ดารบั ประทานได้ ภายในผลมีเมล็ด 5 เมลด็ หรือมากกว่า คณะเทคโนโลยีการเกษตรได้นาผลหนาม แดงไปทาเปน็ น้าผลไมพ้ รอ้ มด่ืมและทาไวน์หนามแดง ได้ไวน์ที่มสี สี วยมากรสชาติอร่อยไม่แพ้

23 ไวนผ์ ลไมช้ นดิ อื่น ๆ แต่ผลผลิตมีน้อยมากเน่ืองจากยังไม่มกี ารปลกู เปน็ การคา้ ผลสดนกั ศึกษา ชอบนามาร้อยเป็นมาลัยใช้ในกิจกรรมรับน้องใหม่ สานักศลิ ปวฒั นธรรม ฯ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราไพพรรณเี คยนาผลสดมาแตง่ รถผลไมด้ งู ดงามและแปลกตาเปน็ ที่สนใจของผู้ชมจานวนมาก ผลของหนามแดงท่ียังอ่อนอยูจ่ ะมสี ชี มพถู ึงแดง หนามแดงมปี ลกู อยบู่ ริเวณริมถนนข้างคนู ้าท่ีเปน็ แปลงสาธติ พนั ธก์ุ กบรเิ วณหน้าเรือนเขยี ว แตเ่ ดมิ มีอยู่หลายตน้ แตป่ ัจจุบันมีไม้ใหญข่ ้นึ บดบงั ทาให้ตายไปหลายต้นเหลอื เพียงไม่กต่ี ้น ผู้เขยี น จึงไดข้ ยายพนั ธ์แุ ละปลกู ใหมไ่ ว้บรเิ วณหน้าอาคารคณะเทคโนโลยีการเกษตรตดิ กับสนามกอล์ฟ ราไพพรรณี

23 ผลสุกจะมีสมี ่วงดารบั ประทานได้ การขยายพันธ์ุ ตอนกิ่ง และเพาะเมล็ด การเพาะเมล็ดให้ใชผ้ ลสกุ สมี ่วงดาปบี เอาเมล็ด ออกมาลา้ งให้สะอาดแล้วนาลงเพาะในวัสดเุ พาะ เช่นดินผสมขยุ มะพร้าวหรือดนิ ผสมข้ีเถา้ แกลบ กลบเมล็ดหนาประมาณ 1 เซนติเมตร เมล็ดจะงอกภายในเวลา 10 – 15 วนั ประเภทไมเ้ ลอื้ ย ไมเ้ ลือ้ ยทม่ี ีปลกู อยู่ในสวนบา้ นแก้วมมี ากมายหลายชนิดส่วนใหญ่จะปลูกอยบู่ นลาน ดา้ นขา้ งและด้านหลังพระบรมราชนิ ยานสุ าวรีย์ของสมเด็จพระนางเจา้ ราไพพรรณี บางชนิดกป็ ลกู อยู่ทซ่ี มุ้ ไมเ้ ลอื้ ยด้านหลงั พระตาหนกั เทา เช่น

25 1. พวงหยก ชือ่ สามญั Philippine Jade Vine ชอื่ พฤกษศาสตร์ Strongylodon macrobotrys วงศ์ LEGUMINOSAE พวงหยกเปน็ ไม้เถาเลอ้ื ยอยู่ในตระกูลถว่ั เช่นเดยี วกบั หมามยุ่ มีถน่ิ กาเนดิ ในหมเู่ กาะ ฟลิ ิปปินส์ จงึ มีช่อื สามญั ว่า “Philippine Jade vine “ ม.ร.ว. พันธท์ุ พิ ย์ บรพิ ตั ร เป็นผู้นาเขา้ มาและตง้ั ชอ่ื วา่ ”พวงหยก” เนื่องจากดอกมีสเี ขยี วเหมือนหยก พวงหยกเป็นไมเ้ ถาเล้อื ยมีอายยุ นื หลายปีใช้ ปลูกคลุมเรือนตน้ ไมห้ รอื ปลูกบนร้านที่อยูต่ ดิ กับตัวบ้านได้ดเี พราะมรี ม่ ใบหนาทบึ ใบมสี เี ขียว ปลายใบแหลม ลาตน้ เปน็ เถาเลอ้ื ยชอบพันรอบ ฯ ส่ิงท่ีเกาะเลื้อยขนึ้ ไป แตกก่งิ แตกยอดได้ดี ออก ดอกเป็นช่อยาวห้อยลงดิน ช่อดอกยาว 30 – 40 เซ็นตเิ มตร ลกั ษณะดอกคลา้ ยดอกแค ช่อหน่ึงมีดอก มากมายนบั ร้อยดอก ดอกพวงหยกออกเป็นช่อห้อยย้อยลงดนิ

26 ฤดดู อกประมาณเดอื นพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ พวงหยกแตเ่ ดิมมีปลูกอยู่บริเวณเทอร์เรซด้านหลงั พระตาหนกั เทา ปัจจบุ ันไมม่ ีแล้วแตไ่ ด้นามาปลูกทดแทนไวต้ รงซมุ้ ต้นไม้ ซมุ้ เดียวกับพวงโกเมน การขยายพันธุ์ ตอนกิ่ง หรอื ปักชาก่งิ 2.พวงโกเมน ช่อื สามัญ New Guinea Creeper ชอ่ื พฤกษศาสตร์ Mucuna bennettii F. Muell วงศ์ LEGUMINOSAE ดอกพวงโกเมนออกเป็นช่อตั้งแต่โคนต้นจนถงึ ปลายกิง่

27 พวงโกเมนเป็นพชื ตระกูลถวั่ เช่นเดียวกบั พวงหยก ลาต้นเป็นไม้เถาเลือ้ ยท่ีแข็งแรงอายยุ ืนหลายปี สามารถเลื้อยทอดเถาไปไดไ้ กลถึง 50 เมตร ใบเป็นใบรวมชดุ หน่งึ มี 3 ใบ ใบดกหนาทบึ เหมาะที่ จะปลกู ใหเ้ ลือ้ ยปกคลุมซุ้มตน้ ไม้ ควรแยกปลูกเฉพาะพวงโกเมนอย่างเดยี วถา้ ปลูกรวมกับไม้เลอื้ ย ชนดิ อ่ืนจะถูกพวงโกเมนขึ้นปกคลมุ หมดจนมองไม่เหน็ ต้น พวงโกเมนออกดอกในฤดูฝนประมาณ เดอื นมถิ นุ ายน – กรกฎาคม เวลาออกดอกจะออกพรอ้ มกันท้งั ต้นดอกดกมาก ออกตามลาต้นเกอื บ ทุกขอ้ ตั้งแต่โคนตน้ จนถงึ ปลายกง่ิ ดอกมสี แี ดงแสดถึงแดงเพลงิ ช่อห้อยยอ้ ยยาวประมาณ 50 – 70 เซ็นติเมตร ดอกย่อยแต่ละดอกคล้ายดอกแค ขนาดกวา้ ง 3 – 5 เซน็ ตเิ มตร ยาว 8 – 10 เซ็นติเมตร พวงโกเมนชอบดินร่วนปนทราย ควรปลูกให้ถกู แดดเต็มท่ีจะออกดอกดกมาก ในสวนบ้านแกว้ แต่ เดิมมพี วงโกเมนปลกู อย่บู นซุ้มตน้ ไม้หลงั ตาหนกั เทา ใกลก้ ับตน้ เงาะทีส่ มเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ิต์ิ พระบรมราชินีนาถทรงปลูกไว้ ภายหลังซมุ้ ตน้ ไม้ผุพงั ลงจงึ สรา้ งขึ้นใหมแ่ ละปลกู ทดแทนของเดิม ขณะน้เี ริ่มให้ดอกแลว้ ทม่ี ีมากทส่ี ดุ อยทู่ ค่ี ณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและอัญมณีศาสตร์ ปลูกให้ เลื้อยข้นึ ซมุ้ ขนาดใหญเ่ วลาออกดอกเหน็ สสี ม้ แดงห้อยเตม็ ซุ้มสวยงามยิง่ ท่อี าคารวจิ ัยพืชหรืออาคาร โดมคณะเทคโนโลยกี ารเกษตรก็มีปลูกเชน่ เดยี วกนั การขยายพันธุ์ ตอนกิ่งที่มีขนาดใหญ่ 3. พวงชมพู ชือ่ สามัญ Coral Vine, Mexican Creeper, Chain of Love ช่ือพฤกษศาสตร์ Antigonon leptopus Hook.& Arn. วงศ์ POLYGONOCEAE

28 พวงชมพู พวงชมพูเป็นไมเ้ ถาเลอื้ ยมีถ่ินกาเนดิ ในเมก็ ซโิ ก ลาตน้ เปน็ เถาเลื้อยทอดยอดพันหลัก หรือตน้ ไม้อื่น ใบมสี ีเขยี วอ่อนรปู ร่างคล้ายใบโพธ์ิ ออกดอกเปน็ ช่อใหญ่ประกอบด้วยดอกเล็ก ๆ สี ชมพูคล้ายรปู หัวใจนับรอ้ ยดอก ปลายช่อดอกเปน็ สีขาว ดอกเรียงเปน็ แถวคลา้ ยโซ่สวยงามมาก จึงมี ผู้เรยี กพวงชมพูว่า “Loves Chain” ไมเ้ ล้อื ยประเภทเดยี วกบั พวงชมพูแตม่ ดี อกสขี าวกม็ ี เรยี กชอื่ วา่ ”พวงขาว” ลกั ษณะต้นและใบเหมือนกบั พวงชมพแู ตด่ อกมสี ีขาว พวงชมพมู ปี ลกู อยู่บนซมุ้ ต้นไม้ รูปดอกเหด็ ทางด้านหลังของพระบรมราชินยานสุ าวรีย์ของสมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี การขยายพันธ์ุ ใช้วิธีเพาะเมลด็ 4. พวงคราม ช่อื สามัญ Purple Wreath, Sandpaper Vine ชือ่ พฤกษศาสตร์ Petrea volubilis Linn. วงศ์ VERBENACEAE

29 พวงคราม พวงครามเป็นไม้เถาเลอ้ื ยขนาดใหญ่ ลาตน้ เป็นไม้เน้ือแข็งเล้ือยพันขนึ้ ซุม้ ต้นไม้หรือ ต้นไมใ้ หญ่ ลาต้นมีสเี ทาอมเขยี ว ใบมีสเี ขียวสากมือคล้ายกระดาษทรายฝรั่งจงึ เรียกวา่ “Sandpaper” ใบออกเป็นคู่อยู่ตามปลายก่งิ ดอกออกเป็นช่อท่ปี ลายกิ่งชอ่ หนึ่งมีดอกเป็นจานวนนับร้อยดอก กลบี ดอกเล็กแคบมี 5 กลีบ ขนาดดอกโตประมาณ 1 น้ิว ดอกมีสีฟา้ ครามหรือสีมว่ งอ่อน จงึ มีชือ่ เรียก อีกอย่างหนึ่งว่า “Purple Wreath” พวงครามชอบแดดจดั จึงควรปลกู ไวก้ ลางแจ้ง ชอบอากาศเยน็ จะออกดอกได้ดี ฤดดู อกประมาณเดือน ธันวาคม – มกราคม พวงครามมีปลูกอยบู่ นซุ้มตน้ ไมร้ ปู ดอกเห็ดทางด้านหนา้ พระบรมราชนิ ยานสุ าวรีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี

30 ดอกพวงคราม นอกจากพนั ธ์ไุ มท้ ี่ไดก้ ลา่ วถึงมาแล้วยังมีพนั ธไุ์ ม้อื่น ๆ อีกมากทีย่ ังไม่ได้กลา่ วถงึ และมีปลูกอยู่ ท่วั ไปในสวนบา้ นแกว้ อีกมากมายหลายชนดิ ถา้ จะเขียนเป็นตาราไม้ดอกไมป้ ระดบั คงจะได้ตารา เลม่ ใหญท่ เี ดียว พนั ธ์ุไม้ที่พบมากและยังไม่ไดก้ ล่าวถงึ มที ้ังไมเ้ ลื้อย เชน่ พวงแสด พวงทอง พวงแก้วแดง พทุ ธชาด มะลิเลอ้ื ย เลบ็ มือนาง ฯลฯ พวกไม้ยนื ต้นก็ยังมอี ีกมาก เชน่ ประดู่ เสลา อินทนิล ตะแบก มะฮอกกานี ยางอนิ เดียใบด่าง ฯลฯ ส่วนไมพ้ มุ่ กย็ งั มีอีกหลายชนดิ เชน่ พดุ ตะแคง พิกลุ หางกระรอกแดง คาเงาะคาแสด ต้นแกว้ พวกไมด้ อกประเภทหัวกม็ ีอย่หู ลายชนิด เช่น วา่ นสท่ี ิศ วา่ นแสงอาทิตย์ และบวั สวรรค์

31 ดอกไฮแดรนเยีย พันธไุ์ มอ้ กี ชนิดหน่งึ ทีพ่ บว่ามปี ลกู มานานและยงั คงขยายพันธต์ุ ่อกนั เรื่อยมาและกลายเปน็ ของฝากจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราไพพรรณี คือไฮแดรนเยยี (Hydrangea) เป็นไมด้ อกประเภทที่ ชอบร่มเงาหรือชอบแสงราไร ปลูกได้เจริญงอกงามดีในที่มีอากาศชืน้ และเยน็ ถ้าอากาศดจี ะใหด้ อก ได้ทง้ั ปี แตจ่ ะให้ดอกไดด้ ใี นฤดูหนาว ทีป่ ลกู ในสวนบ้านแกว้ เป็นชนิด Hydrangea macrophylla ใหด้ อกสีชมพูหรือสีน้าเงินฟ้า ไฮแดรนเยยี สามารถเปล่ยี นสีได้ตามสภาพของดนิ ถ้าดินเป็นกรด มักจะใหด้ อกสนี า้ เงนิ ถา้ ใส่ป๋ยุ ทมี่ ีฟอสเฟตสงู หรือปุย๋ คอก เช่นขี้ไก่ ขีค้ ้างคาว ดอกจะออกไปทางสี ชมพู การขยายพันธ์ุ ใช้วิธปี ักชาโดยตดั กงิ่ ท่ีใหด้ อกแล้วยาวประมาณ 5 – 6 น้ิว แลว้ ปักชาลง ในดนิ ร่วนผสมทรายหรือวสั ดปุ ักชาอื่น ๆ ประมาณ 20 – 30 วนั จะออกรากสามารถย้ายปลูกได้ ประมาณ 5 – 6 เดือนกม็ ีดอกใหเ้ หน็ พันธุ์ไมท้ ัง้ หลายเหล่านบ้ี างชนิดหายากและใกลส้ ญู พันธุจ์ งึ จาเปน็ ทีจ่ ะต้องอนุรักษไ์ วแ้ ละทาการขยายพันธไ์ุ ห้มีจานวนมากขนึ้ ผู้ใดสนใจและอยากไดพ้ นั ธ์ไุ ม้ ประดับเหลา่ นี้ติดต่อได้ท่ี คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลยั ราชภัฏราไพพรรณี ไมบ้ างชนดิ

32 มีขยายพันธ์ุไว้จานวนมากพอจะแบง่ ใหไ้ ปปลูกเลี้ยงไดบ้ า้ งตามสมควร จะได้ช่วยกนั ส่งเสริมให้มี การปลกู เลยี้ งกันอยา่ งแพร่หลายตอ่ ไป บรรณานกุ รม คณะบรรณาธกิ ารสานกั พิมพ์บ้านและสวน. 2540. สารานุกรมไมป้ ระดับในประเทศไทย. สานกั พิมพบ์ า้ นและสวน.กรงุ เทพมหานคร: ชลอ ดวงดารา. 2535. ไม้ประดอกไม้ประดบั ในสวนบ้านแกว้ ใน สองทศวรรษราไพพรรณี. วทิ ยาลัยราไพพรรณี. จนั ทบุรี :. ปยิ ะ เฉลมิ กล่ิน. 2540. ไม้ดอกหอมเล่ม 1 . สานักพิมพ์บ้านและสวน. กรงุ เทพมหานคร : ____________ . 2540. ไมด้ อกหอมเล่ม 2 . สานกั พมิ พ์บ้านและสวน. กรงุ เทพมหานคร ____________ . 2543. ไม้ดอกหอมเลม่ 3. สานกั พมิ พบ์ ้านและสวน. กรุงเทพมหานคร : เออื้ มพร วีสมหมาย. 2526. หลักการจัดสวนเบื้องต้น. คณะเกษตร, มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: เอื้อมพร วสี มหมายและคณะ. 2540. พรรณไมใ้ นงานภมู ิสถาปตั ยกรรม. สมาคมภมู สิ ถาปนกิ แห่งประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร:


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook