สังเวชนียสถำนแห่งท่ี ๓ คอื สถำนทแี่ สดงปฐมเทศนำ สถานที่พระตถาคตเจา้ ให้ พระอนุตรธมั มจกั เป็นไป หรือแสดงปฐมเทศนาตาบล หน่ึง คือ ป่ าอิสิปตมฤคทายวนั แขวงเมืองพาราณสี (ปัจจุบนั เรียก สารนาถ)
3. ประวตั ขิ องวนั อำสำฬหบูชำประเทศไทย การจดั พิธีอาสาฬหบชู าในประเทศไทย เริ่มมีข้ึนเม่ือวนั ที่ 14 กรกฏาคม พ.ศ. 2501 ในรัชกาลพระบาทสมเดจ็พระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตามมติของคณะสงั ฆมนตรีไทย ประเทศอื่นๆ ที่นบั ถือพระพทุ ธศาสนา ไม่ปรากฏวา่ มีพธิ ีบูชาในวนัอาสาฬหบชู าแต่อยา่ งใดพธิ ีอาสาฬหบชู าในประเทศไทย ได้จดั ข้ึนเป็นท้งั พระราชพธิ ี พธิ ีของทางราชการ พธิ ีของวดัและพิธีของประชาชน ไดก้ ระทาเช่นเดียวกบั วนั วสิ าขบชู าต่างกนั เฉพาะคาบูชา ก่อนเวยี นเทียน และการแสดง พระธรรมเทศนา จะสอดคลอ้ งกบั วนั อาสาฬหบูชา
4. จุดมุ่งหมำยของกำรประกอบพธิ ีกรรมบูชำในวนั อำสำฬหบูชำ การประกอบพธิ ีกรรมบูชาในวนั อาสาฬหบูชา ของพทุ ธศาสนิกชน เพื่อนอ้ มระลึกถึงเหตุการณ์สาคญั ที่เกิดข้ึนในวนั เพญ็ เดือนอาสาฬหะ หรือเดือน 8 ในสมยั คร้ังพทุ ธกาล ไดแ้ ก่4.1 เป็นวนั ท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงธรรมเป็นคร้ังแรก4.2 เป็นวนั ท่ีเกิดพระสงฆอ์ งคแ์ รกของโลก4.3 เป็นวนั ที่มีพระรัตนตรัยครบบริบรู ณ์ คือ พระพทุ ธ พระ ธรรม และพระสงฆ์
5. ข้อปฏบิ ตั ติ นของพทุ ธศำสนิกชนในวนั อำสำฬหบูชำ มีดงั ต่อไปน้ี5.1 ทาบุญตกั บาตร ถวายจตุปัจจยั ไทยธรรม เพ่ือบารุง พระพทุ ธศาสนาใหม้ ีความเจริญ รุ่งเรือง มง่ั คง สืบ ต่อไป5.2 รักษำศีล 5 ศีล 8 หรืออโุ บสถศีล เพอ่ื รักษำกำย วำจำ ให้บริสุทธ์ิ5.3 ฟังพระธรรมเทศนา เพื่อพฒั นาสติปัญญาใหม้ ีความรอบ รู้ และสูงยงิ่ ๆ ข้ึนไป
5.4 ทำสมำธิภำวนำ เพอื่ ชำระจติ ใจให้สะอำดบริสุทธ์ิ5.5 งดเว้นอบำยมุข อนั เป็ นทำงแห่งควำมเส่ือมท้งั ปวง5.6 กรวดนำ้ แผ่เมตตำ อทุ ศิ กศุ ลให้แก่ญำตมิ ิตรทลี่ ่วงลบัและสรรพสัตว์ท้งั หลำย ***********
เร่ือง วนั เข้ำพรรษำ
วนั เข้ำพรรษำ1. ควำมหมำยของวนั เข้ำพรรษำ พรรษา แปลวา่ ฝน หรือ ปี กำรเข้ำพรรษำ หมายถึง การอยปู่ ระจาในฤดูฝน ไม่ เดินทางไปท่ีไหน เพราะการเดินทางไม่สะดวก เนื่องจาก ฝนตก น้าท่วม นกั บวชในลทั ธิศาสนาอ่ืนๆ ในอินเดีย สมยั โบราณรวมท้งั พอ่ คา้ เกวยี นโคต่างจะหยดุ พกั ในฤดู ฝน
2. ประวตั ิของวนั เข้ำพรรษำ ในสมยั พทุ ธกาล มีภิกษเุ ดินทางจาริกไปยงั ท่ีต่าง ๆ แมจ้ ะเป็นฤดูฝน บางคร้ัง กเ็ ดินทางไปเหยยี บขา้ วกลา้ ในไร่นาของชาวบา้ นใหไ้ ดร้ ับความเสียหาย สตั วเ์ ลก็ สตั วน์ อ้ ย กถ็ กู เหยยี บลม้ ตาย เป็นเหตุใหช้ าวบา้ นกล่าวตาหนิติเตียน เมื่อพระพทุ ธเจา้ ทรงทราบจึงทรงบญั ญตั ิใหพ้ ระภิกษพุ กั อยจู่ าพรรษาตลอด 3 เดือนฤดฝู นจึงมีชื่อวา่ “จำพรรษำ” พระภิกษุจะไปคา้ งแรมท่ีอ่ืนไม่ได้ยกเว้นมกี จิ จำเป็ นเร่งด่วน มีชื่อเรียกเป็ นภำษำบำลวี ่ำ“สัตตำหกรณยี ะ” กอ็ นุญำตให้ไปได้ แต่ต้องกลบั ภำยใน 7 วนัดงั นี้ คอื
1. ไปรักษำพยำบำลเพอ่ื นสหธรรมกิ อำพำธ หรือบดิ ำมำรดำป่ วย2. เพอ่ื นสหธรรมกิ กระสันอยำกสึก ไปเพอื่ ระงบั ควำมกระสันอยำกสึก3. ไปเพอ่ื กจิ ธุระคณะสงฆ์ เช่น ไปหำอุปกรณ์มำซ่อมแซมวดัทชี่ ำรุดภำยในพรรษำน้ัน ๆ4. ทำยกนิมนต์ไปฉลองศรัทธำ ในกำรบำเพญ็ กศุ ลของเขำ
วนั เข้ำพรรษำมี 2 วนั คอื1. วนั เข้ำพรรษำแรก หรือเข้ำปุริมพรรษำ ตรงกบั วนั แรม 1 คำ่เดอื น 8 ออกพรรษำตรงกบั วนั ขนึ้ 15 คำ่ เดอื น 11ถ้ำปี ใดมอี ธิกมำสคอื เดอื น 8 สองหน กจ็ ะเลอื่ นไป เดอื น 8 หลงัภกิ ษุผู้เข้ำพรรษำมโี อกำสรับกฐิน
2. วนั เข้ำพรรษำหลงั หรือเข้ำปัจฉิมพรรษำ ตรงกบั วนั แรม1 คำ่ เดอื น 9 ออกพรรษำตรงกบั วนั ขนึ้ 15 คำ่ เดือน 12ซ่ึงช้ำกว่ำกำรเข้ำพรรษำแรก 1 เดอื น เป็ นกำรเข้ำพรรษำของพระภกิ ษุผู้มเี หตุจำเป็ น เข้ำพรรษำแรกไม่ทนั ด้วยเหตุใดเหตุหน่ึง เช่น กำลงั เดนิ ทำง หรืออุปสมบทหลงั วนัเข้ำพรรษำแรก ภกิ ษุผู้เข้ำพรรษำหลงั ไม่มโี อกำสรับกฐิน
3. ข้อควรปฏิบัตใิ นวนั เข้ำพรรษำ มดี งั ต่อไปนี้3.1 สำหรับพระภกิ ษุ 3.1.1 พระภกิ ษุหยดุ จำพรรษำอยู่ ณ วดั ใดวดั หน่ึง ตลอด 3 เดอื นฤดูฝน ไม่ออกจำริกไปสั่งสอนประชำชน เนื่องจำกเป็ นฤดูเพำะปลูก อำจไปเหยยี บข้ำวกล้ำในไร่นำ ของชำวบ้ำนท่กี ำลงั เจริญงอกงำม ให้ได้รับควำมเสียหำย ได้ มฉิ ะน้ันต้องอำบัตทิ ุกกฎ 3.1.2 เป็ นช่วงเวลำแห่งกำรพกั ผ่อนของพระภกิ ษุสงฆ์ หลงั จำกเทย่ี วจำริกออกไปส่ังสอนประชำชน เป็ นเวลำนำน ถึง 8 เดอื น ในแต่ละรอบปี
3.1.3 เป็ นเวลำแห่งกำรศึกษำเล่ำเรียนพระธรรมคำสั่งสอนของพระพทุ ธเจ้ำแล้วนำไปประพฤติปฏบิ ตั ิ เพอ่ื กำรดบั ทุกข์ของตนเอง และเพอื่ เตรียมออกไปเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพทุ ธเจ้ำแก่ประชำชนหลงั ออกพรรษำแล้ว
ภำพเกย่ี วกบั วนั เข้ำพรรษำ
3.2 สำหรับพทุ ธศำสนิกชน 3.2.1 ทำบุญตกั บำตรทห่ี น้ำบ้ำน หรือทว่ี ดั 3.2.2 รักษำศีล 5 ศีล 8 หรืออุโบสถศีล ด้วยกำรสมำทำน กบั พระภกิ ษุ หรือต้งั ใจรักษำด้วยตนเอง 3.2.3 เจริญภำวนำ พจิ ำรณำสภำวธรรมท้งั หลำยตำมควำมเป็ นจริง เพอื่ ดบั เหตุแห่งทุกข์ 3.2.4 ถวำยจตุปัจจยั ไทยธรรม บำรุงพระพทุ ธศำสนำ ให้มคี วำมเจริญรุ่งเรือง มั่นคงสืบต่อไป
3.2.5 ถวายผา้ อาบน้าฝน เพอ่ื ใหพ้ ระสงฆ์มีผา้ สาหรับใชอ้ าบน้า 3.2.6 ถวายเทียนพรรษา เพื่อบูชาพระรัตนตรัย 3.2.7 ฟังพระธรรมเทศนา เพื่อพฒั นาสติปัญญา ละกิเลส ตณั หา อุปาทาน อนั เป็นเหตุแห่งทุกข์ ไดบ้ รรเทาเบาบางลงจนกระทง่ั หมดไปสิ้นไป 3.2.8 งดเวน้ อบายมุข เพอ่ื ความสงบสุขของตนเองครอบครัว และสงั คม
ภำพเกย่ี วกบั วนั เข้ำพรรษำ
เร่ือง วนั ออกพรรษำ
วนั ออกพรรษำ1. ควำมหมำยของวนั ออกพรรษำ กำรออกพรรษำ หมำยถงึ กำรสิ้นสุดกำรกำหนดกำรอยู่ จำพรรษำของพระภกิ ษุ ตำม ทพี่ ระพทุ ธเจ้ำทรงกำหนดไว้ ตรงกบั วนั ขนึ้ 15 คำ่ เดอื น 11 ส่วนกำรออกพรรษำหลงั มีน้อย ถ้ำมีกม็ กี ำรทำอย่ำงเงยี บ ๆ กำรออกพรรษำมีคู่กบั กำรเข้ำพรรษำ มำต้งั แต่สมัยพทุ ธกำล
2. ควำมสำคญั ของวนั ออกพรรษำ วนั ออกพรรษำเป็ นวนั ทพี่ ระภกิ ษุสงฆ์ อยู่จำพรรษำตลอด 3 เดอื นทำพธิ ีปวำรณำ ปกติวนั ขนึ้ และแรม 15 คำ่ ของทุกเดอื น“พระสงฆ์จะต้องทำพธิ ีอโุ บสถสังฆกรรม หรือสวดปำตโิ มกข์ ทบทวนพระวนิ ัย 227 ข้อ” แต่วนั ขนึ้ 15 คำ่ เดอื น 11 ซึ่งตรงกบั วนั ออกพรรษำพระพทุ ธเจ้ำทรงอนุญำตให้พระภกิ ษุสงฆ์ทำปวำรณำแทนคอื กำรยนิ ยอมให้พระภกิ ษุรูปอนื่ ว่ำกล่ำวตกั เตอื นถงึข้อผดิ พลำดต่ำง ๆ ทไี่ ม่ถูกต้องตำมวนิ ัยสงฆ์ทุก ๆ กรณี
ไม่ว่ำจะด้วยกำรเห็นเอง ได้ฟังมำ หรือมคี วำมเคลอื บแคลงสงสัยกต็ ำม เร่ิมต้งั แต่เจ้ำอำวำสจนถงึ พระภกิ ษุผู้มีพรรษำน้อยทส่ี ุด (ส่วนสำมเณรไม่มีพธิ ีกำรปวำรณำ) ท้งั นี้ เพอื่ ควำมบริสุทธ์ิของหมู่คณะสงฆ์ และให้มีควำมคดิ เห็นทถ่ี ูกต้องตำมพระธรรมวนิ ัย ในรูปแบบเดยี วกนั ก่อนทจ่ี ะแยกย้ำยกนั ออกไปส่ังสอนประชำชน
3. เหตุกำรณ์สำคญั ในวนั ออกพรรษำ พระพทุ ธเจ้ำเสดจ็ ไปจำพรรษำช้ันดำวดงึ ส์เทวโลก เพอ่ืไปแสดงพระอภธิ รรม 7 คมั ภรี ์ โปรดพระพทุ ธมำรดำ และเหล่ำเทวดำ นำงฟ้ ำ ตลอด 3 เดอื น ทรงแสดงธรรมจบในวนั ออกพรรษำ พระพทุ ธมำรดำบรรลุโสดำปัตตผิ ล ตรงกบัวนั ขนึ้ 15 คำ่ เดอื น 11 ในโลกมนุษย์ พระพทุ ธเจ้ำเสดจ็ มำจำกช้ันดำวดงึ ส์ เทวโลก เช้ำแรม 1 คำ่ เดอื น 11 ทำงบนั ไดที่เทวดำเนรมิตให้
ประชำชนได้ทรำบล่วงหน้ำ จำกพระสำรีบุตร จงึ พำกนั เตรียมตกับำตร อย่ำงใหญ่โตมโหฬำรเรียกว่ำ “ตักบำตรเทโวโรหณะ” แปลว่ำกำรตักบำตรในวนั พระพทุ ธเจ้ำเสดจ็ ลงมำจำกเทวโลก ซ่ึงเป็ นประเพณปี ฏิบตั สิ ืบต่อกนั มำจนถงึ ปัจจุบนั เพอื่ น้อมระลกึถงึ เหตุกำรณ์สำคญั ทเี่ กดิ ขนึ้ ในวนั น้ัน
ภำพเกย่ี วกบั วนั ออกพรรษำ พธิ ีตักบำตรเทโวโรหณะ
4. จุดมุ่งหมำยของวนั ออกพรรษำ มีดงั น้ี 4.1 เพอื่ ให้พระภกิ ษุได้จำริกออกไป เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพทุ ธเจ้ำแก่ประชำชน 4.2 เพอ่ื ให้พระภกิ ษุจำพรรษำตลอด 3 เดอื นฤดูฝน มี โอกำสรับกฐิน และรับอำนสิ งส์กฐินโดยท่ัวกนั 4.3 เพอื่ ให้พระภกิ ษุจำพรรษำตลอด 3 เดอื น ฤดูฝน ทำ ปวำรณำเพอื่ ควำมสำมัคคี และควำมบริสุทธ์ิของหมู่คณะ สงฆ์
5. ข้อปฏบิ ัติของพุทธศาสนิกชนในวันออกพรรษามีดงั ต่อไปนี้5.1 เตรียมอาหารไปทาบุญตักบาตรท่วี ดั เพอ่ื บารุงพระภกิ ษุสงฆ์5.2 รักษาศีล 5 ศีล 8 เพอื่ รักษากาย วาจา ให้บริสุทธ์ิ5.3 ฟังพระธรรมเทศนาตามโอกาส เพอื่ พฒั นาสติปัญญารู้เท่าทันกเิ ลสตัณหา ไม่ให้เข้ามาครอบงาจิตใจ ก่อกรรมทาช่ัว สร้างความทุกข์ ความเดอื นร้อน แก่ตนเอง และผ้อู ่ืน5.4 ทาสมาธิภาวนา เพอ่ื ชาระจติ ใจให้สะอาดบริสุทธิ์5.5 กรวดน้า แผ่เมตตา อทุ ิศกศุ ลให้แก่ญาติมิตรทล่ี ่วงลบัและสรรพสัตว์ทัง้ หลาย
เร่ือง วนั ธรรมสวนะ
1. ควำมหมำยของวนั ธรรมสวนะธรรมสวนะ แปลว่ำ กำรฟังธรรมสวนะ หมำยถึง วนั กำหนดกำรประชุมฟัง ธรรม ซึ่งนิยมเรียกกนั ทวั่ ไปว่ำ “วนั พระ” พระพทุ ธเจ้ำทรงกำหนดไว้ 4 วนั คอื วนั ขนึ้ 8 คำ่ 15 คำ่ และแรม 8 คำ่ 15 คำ่ และ 14 คำ่ ถ้ำเดอื น น้ันเป็ นเดอื นขำด สมยั พทุ ธกำลนิยมเรียกวนั ธรรมสวนะว่ำ“วนั อุโบสถ” เพรำะเป็ นวนั ทพ่ี ทุ ธศำสนิกชนนิยม รักษำอโุ บสถศีล และรับฟังพระธรรมเทศนำ
2. ประวตั คิ วำมเป็ นมำของวนั ธรรมสวนะ วนั ธรรมสวนะน้นั มีมาต้งั แต่สมยั พทุ ธกาล เมื่อพระเจา้ พิมพิสาร กษตั ริยแ์ ห่งแควน้ มคธทรงทราบวา่ นกั บวชศาสนาอื่นในอินเดียในสมยั น้นั มีการกาหนดประชุมสนทนาเก่ียวกบั คาสอนในศาสนาตน แต่ในพระพทุ ธศำสนำยงั ไม่มี พระเจ้ำพมิ พสิ ำรจงึกรำบทูลพระพทุ ธเจ้ำ และทรงขอประทำนอนุญำตจำกพระพทุ ธเจ้ำ ใหพ้ ระภิกษสุ งฆส์ นทนาธรรม และแสดงธรรมแก่ประชาชน วนั แสดงธรรม หรือ วนั ธรรมสวนะจึงเกิดข้ึนตามคาทูลขอของพระเจา้ -พิมพสิ าร ต้งั แต่บดั น้นั
เมอ่ื พระพทุ ธศำสนำเผยแผ่เข้ำมำสู่ประเทศไทยพทุ ธศำสนิกชน ได้ยดึ เอำ วนั ขนึ้ 8 คำ่ 15 คำ่ และแรม 8 คำ่ 15 คำ่ เป็ นวนัประชุมฟังธรรม ภำยใน 1 เดอื น จะมี 4 วนั มำต้งั แต่สมัยสุโขทยั สืบมำจนถงึ ปัจจุบนั
4. จุดมุ่งหมำยของวนั ธรรมสวนะ มีดงั น้ี4.1 เป็ นวนั ทพ่ี ระสงฆ์สวดปำตโิ มกข์ ทุก 15 วนั คอื วนั ขนึ้ 15 คำ่ และแรม 15 คำ่4.2 เป็ นวนั ทพ่ี ระสงฆ์ แสดงธรรมโปรดประชำชน4.3 เป็ นวนั ประชุมฟังธรรม และสนทนำธรรมของ พทุ ธศำสนิกชน4.4 เป็ นวนั แห่งกำรพบปะกนั ของเหล่ำพทุ ธบริษทั 4 คอื ภกิ ษุ ภกิ ษุณี อุบำสก และอบุ ำสิกำ
5. ข้อปฏิบตั ขิ องพทุ ธศำสนิกชนในวนั ธรรมสวนะมีดงั ต่อไปน้ี5.1 ทำบุญตกั บำตร ถวำยจตุปัจจยั ไทยธรรม เพอ่ื บำรุงพระ พระพทุ ธศำสนำให้มคี วำมเจริญมงั่ คง สืบต่อไป5.2 รักษำศีล 5 ศีล 8 หรืออโุ บสถศีล เพอ่ื รักษำกำย วำจำ ให้บริสุทธ์ิ5.3 ฟังพระธรรมเทศนำ เพอ่ื พฒั นำสตปิ ัญญำให้สูงยงิ่ ๆ ขนึ้ ไป
5.4 ทำสมำธิภำวนำ เพอ่ื ชำระจติ ใจให้สะอำดบริสุทธ์ิ5.5 งดเว้นอบำยมุข อนั เป็ นทำงแห่งควำมเสื่อมท้งั ปวง5.6 กรวดนำ้ แผ่เมตตำ อทุ ศิ กศุ ลให้แก่ญำตมิ ติ รทลี่ ่วงลบัและสรรพสัตว์ท้งั หลำย
ภำพเกย่ี วกบั วนั ธรรมสวนะ
Search