แผนการจัดการเรยี นรู้ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 5 กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่อื ง เหตผุ ลเชงิ ตรรกะกบั การแกป้ ัญหา เวลาเรยี น 6 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 1 เรื่องความหมายของการใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา เวลาเรียน 1 ช่วั โมง ผู้สอน นางสาว นชิ ชานาถ ก้อนทอง โรงเรียนวดั ท่าเกวียน (สัยอทุ ิศ) z 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คาํ นวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชีวติ จริงอยา่ งเป็นขน้ั ตอนและเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทํางาน และการแก้ปญั หาได้อย่าง มี ประสทิ ธิภาพ รูเ้ ท่าทนั และมีจริยธรรม ตวั ชว้ี ดั ป.5/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ญั หา การอธบิ ายการทาํ งาน การคาดการณผ์ ลลัพธ์ จาก ปัญหาอยา่ งง่าย 2. สาระสําคญั การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะเปน็ การนาํ กฎเกณฑ์หรือเงอ่ื นไขทค่ี รอบคลุมทุกกรณมี าใช้ เพื่อพิจารณา ในการแก้ปญั หา ทําใหส้ ามารถคาดการณ์ผลลพั ธ์ท่ีจะเกดิ ขึน้ ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ซึ่งการนาํ วธิ ีการแกป้ ัญหา ทีไ่ ด้มาแสดงเป็นลําดับขน้ั ตอนจะเรยี กว่า อลั กอรทิ มึ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายของการใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหาไดถ้ ูกตอ้ ง (K) 2. เขยี นวธิ ีการแกป้ ัญหาโดยใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะได้ถกู ตอ้ ง (P) 3. นักเรียนต้งั ใจทํางานดว้ ยความเพียรพยายาม และอดทนเพ่อื ใหง้ านสําเร็จตามเปา้ หมาย (A) 4. สาระการเรยี นรู้ - การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเป็นการนํากฎเกณฑ์ หรอื เงื่อนไขทคี่ รอบคลุมทุกกรณมี าใช้พจิ ารณา ในการแกป้ ัญหา การอธิบายการทาํ งาน หรือการคาดการณผ์ ลลพั ธ์ - ตวั อยา่ งปญั หา เช่น เกม Sudoku โปรแกรมทํานายตวั เลข โปรแกรมสร้างรปู เรขาคณติ ตามคา่ ข้อมลู เข้า การจัดลําดบั การทาํ งานบา้ นในช่วงวนั หยดุ จัดวางของในครัว
5. สมรรถนะสําคัญของผเู้ รยี น ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มงุ่ มน่ั ในการทํางาน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ นํา ข้ันที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครใู ห้นกั เรยี นดคู ลปิ วีโอเร่อื งรหสั จําลอง แลว้ ลองทาํ แบบทดสอบ 2. ครูถามกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียนวา่ “ในวนั หยดุ สุดสปั ดาหน์ ี้ นกั เรียนวางแผนจะทาํ สงิ่ ใด” (แนวตอบ : คําตอบของนกั เรียนข้ึนอยู่กับดลุ ยพนิ ิจของครผู ู้สอน) ขัน้ สอน ขน้ั ที่ 2 สํารวจคน้ หา (Exploration) 1. นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 3-4 คน เพอ่ื ศกึ ษาเกีย่ วกบั ความหมายของการใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะใน การแก้ปัญหา จากใบความรู้ 2. เปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนไดแ้ ลกเปล่ยี นความคดิ เห็นร่วมกันภายในกลุ่ม เก่ียวกับความหมายของการใช้ เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา โดยทําเปน็ ข้อสรปุ ของกลมุ่ ที่แสดงเปน็ ลําดบั ขนั้ ตอน ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 1. ครูอธบิ ายกบั นักเรียนว่า“การวางแผนเปน็ ส่วนหน่งึ ของการใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะเขา้ มาชว่ ย ในการพจิ ารณา โดยนาํ กฎเกณฑ์หรือเงอ่ื นไขต่าง ๆ ท่คี รอบคลุมเข้ามามีส่วนช่วยเหลอื ในการวางแผนหรือการ คาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกดิ ขนึ้ ” ข้นั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 1. ครถู ามคาํ ถามประจาํ หวั ขอ้ กับนักเรยี นว่า“เหตผุ ลเชิงตรรกะชว่ ยในการแก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งไร” (แนวตอบ : เข้ามาช่วยในการพจิ ารณาสาเหตุของปัญหา วธิ กี ารแก้ปัญหา การตรวจสอบ การแกป้ ัญหา เปน็ ต้น) 2. ครอู ธบิ ายกับนักเรียนวา่ “เหตผุ ลเชิงตรรกะชว่ ยในการแก้ปญั หา” และใหน้ กั เรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกัน ระดมความคดิ เหน็ ในหวั ขอ้ เหตผุ ลเชงิ ตรรกะชว่ ยในการแกป้ ญั หา
ขั้นสรุป ขัน้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมาแสดงความคิดเห็นหนา้ ชนั้ เรยี น โดยครูเปน็ ผู้ ตรวจสอบความถูกต้อง 2. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรปุ เรือ่ ง ความหมายของการใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา 3. นกั เรยี นทาํ แบบทดสอบกอ่ นเรียนเรือ่ ง ความหมายของการใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการ แก้ปญั หา 8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี นเร่อื ง ความหมายของการใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หา 2. ใบงานความรู้ เรื่อง ความหมายของการใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ - หอ้ งคอมพิวเตอร์ 9. การวัดและประเมินผล วิธกี าร รายการประเมนิ เครอื่ งมือ ดา้ นความรู้ การประเมินกอ่ นเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ประเมินตามสภาพจรงิ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 นักเรยี นผ่านเกณฑก์ าร ดา้ นทักษะ/ ประเมนิ ระหวา่ งการจดั เรื่อง เหตผุ ลเชิงตรรกะ ประเมินร้อยละ 60 หรอื กระบวนการ กิจกรรม การเรยี นรู้การ กบั การแก้ปัญหา ระดบั พอใชข้ ึ้นไป แกป้ ญั หาด้วยเหตุผล แบบประเมินพฤติกรรม เชงิ ตรรกะ การทํางาน ดา้ นคณุ ลักษณะ ประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ แบบประเมินคณุ ลักษณะ นักเรยี นผ่านเกณฑ์การ อนั พงึ ประสงค์ ประสงคข์ ้อ 6 มุง่ มั่นในการ อนั พงึ ประสงค์ข้อ 6 มุ่งม่ัน ประเมินระดับพอใช้ขน้ึ ทาํ งาน ในการทํางาน ไป เกณฑ์การวดั ผล/ประเมนิ ผล ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ระดบั พอใช้
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 คาํ ช้แี จง : ให้นักเรียนเลือกคําตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. จากภาพควรเติมหน้าลกู เตา๋ ในข้อใดลงในชอ่ งวา่ ง 5. ไบรท์ ตอ้ งการเล่นแท็บเลต็ หลงั เวลา 20.00 น. โดยมเี งื่อนไขคอื จะตอ้ งทํากิจวัตรประจําวนั ให้เสรจ็ กอ่ น ดงั น้ันไบรท์ จะตอ้ งทําอะไรตามลําดบั กอ่ น-หลัง โดยกจิ วตั รประจาํ วนั มีดงั นี้ 1. ออกกาํ ลงั กาย ก. \\ 2. อาบนํา้ 3. รับประทานอาหาร ข. 4. ทําการบา้ น ก. 3 > 2 > 1 > 4 ค. ข. 2 > 1 > 3 > 4 ค. 2 > 3 > 1 > 4 ง. ง. 1 > 2 > 3 > 4 6. ข้อใดกลา่ วถึงการแก้ปัญหาเชิงตรรกะ ก. เป็นการแกป้ ัญหาโดยการใชก้ ฎเกณฑ์ต่าง ๆ 2. ขน้ั ตอนการแก้ปัญหาท่ีถกู ต้องควรเร่มิ จากขอ้ ใด มาอา้ งองิ เพื่อนําไปสู่วธิ ีการแก้ไขปญั หา ก. ทาํ ตามแผนทว่ี างไว้ ข. เปน็ การแก้ปญั หาที่ไม่ตอ้ งอาศยั หลกั การทาง ข. ประเมนิ และสรุปผลการแก้ไขปัญหา วิทยาศาสตร์ ค. ทาํ ความเข้าใจปญั หา ค. เปน็ การแก้ปญั หาโดยใช้ความรสู้ กึ มาตดั สนิ ง. วางแผนแก้ปัญหา 3. การแกป้ ัญหาอย่างเปน็ ระบบควรเร่มิ ต้นจากข้อใด ปัญหา ก. แยกยอ่ ยปัญหา ง. เปน็ การแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ อยา่ งรวดเร็ว ข. แยกย่อยสาระสําคัญของปัญหา 7. การแสดงลาํ ดับขนั้ ตอนการแกป้ ัญหามีชือ่ เรียก ค. หารูปแบบของปญั หา อกี ชือ่ วา่ อะไร ง. เขยี นลาํ ดับขั้นตอนวิธี ก. อลั -กอร์ 4. ขนั้ ตอนการอธิบายปัญหาท่ีเกดิ ข้ึน นักเรียนคดิ ว่า ข. อังกอร์ ควรจะอธิบายตามขอ้ ใดจึงจะเหมาะสมท่ีสุด ค. อัลกอริทึม ก. แยกยอ่ ยปญั หา ง. อลั กอริลา่ ข. หารูปแบบของปัญหา 8. ปาล์มต้องการไปถงึ โรงเรยี นใหท้ ันเวลา 07.30 น. ค. แยกยอ่ ยสาระสําคญั ของปัญหา แต่ตอ้ งใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 45 นาที ง. เขยี นลําดบั ข้ันตอนวธิ ี ดังนนั้ ปาล์มจะต้องข้ึนรถเมลใ์ นเวลาใด เพือ่ ให้ไปถึงโรงเรียนให้ทันเวลา ก. 6.50 น. ข. 6.30 น. ค. 7.00 น. ง. 6.55 น.
9. จากภาพข้อใดคือเส้นทางการเดินทางจากบ้าน สวนสนุก หนนู ดิ สามารถเดินทางได้หลายวธิ ี และ ไปยงั โรงพยาบาลโดยห้ามผ่านทงุ่ นา ในแตล่ ะวธิ ีใชเ้ วลาทแี่ ตกต่างกนั ดังน้ี รถยนต์ ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 45 นาที รถจกั รยานยนต์ ใชร้ ะยะเวลาในการเดินทาง 30 นาที เรอื ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 20 นาที เดนิ เทา้ ใชร้ ะเวลาในการเดนิ ทาง 55 นาที ก. รถจกั รยานยนต์ , เดนิ เท้า ข. เดินเทา้ , เรอื ค. รถยนต์ , รถจกั รยานยนต์ ง. รถจกั รยานยนต์ , เรอื ก. ข. ค. ง. 10. จากสถานการณห์ นูนดิ สามารถเลอื กวธิ ีการเดินทาง จากบ้านไปยงั สวนสนุกด้วยวิธีใดได้บา้ ง เพื่อรับชม การแสดงสตั วโ์ ลกนา่ รักไดท้ นั เวลา สถานการณ์ : ขณะน้เี วลา 08.30 น. หนนู ิดต้องการ เดินทางไปยงั สวนสนกุ เพ่อื รบั ชมการแสดงสตั วโ์ ลก นา่ รักรอบ 09.00 น. โดยการเดินทางจากบ้านไปยัง เฉลย 1. ก 2. ค 3. ก 4. ง 5. ง 6. ก 7. ค 8. ข 9. ก 10. ง
ใบความรู้ เรื่อง ความหมายของการใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หา การใช้แนวคดิ เชิงคาํ นวณในการแกไ้ ขปัญหา การใช้แนวคิดเชิงคาํ นวณในการแกไ้ ขปัญหา (Computational Thinking)การใชแ้ นวคิดเชิงคาํ นวณใน การแก้ไขปญั หาเปน็ วิธกี ารแก้ไขปัญหาที่ฝึกใหเ้ กิดการ แยกแยะปญั หา หารปู แบบของปัญหา หาความสาํ คญั ของปญั หา และแสดงลําดบั ข้นั ตอนการแก้ไขปัญหา ก่อนท่จี ะลงมือทํา ซง่ึ จะเป็นการฝกึ คิด ฝกึ มอง ฝกึ แก้ไข ปัญหา อยา่ งเป็นระบบ จนกลายเปน็ ทักษะความรู้ เพอื่ นาํ ไปใชแ้ กไ้ ขปญั หาในชีวติ ประจาํ วนั ได้ อัลกอริทึม (Algorithm) คอื การแสดงลาํ ดบั การแก้ปญั หาทส่ี ามารถอธิบายออกมาเปน็ ข้ันตอนหรอื ลาํ ดับการทาํ งานท่ีชัดเจนและละเอยี ดเข้าใจงา่ ย การเรยี งลาํ ดับ (Order) เป็นการจัดเรยี งลาํ ดับขน้ั ตอนการทํางานการแก้ไขปญั หา โดยการจัดลาํ ดบั การทํางานท่ีดจี ะทําให้ผลลพั ธ์ที่ไดเ้ ป็นไปตามทตี่ อ้ งการ หากเรียงลาํ ดบั ผิดจะทาํ ใหผ้ ลลัพธ์ทไ่ี ดอ้ าจไม่เปน็ ไป ตามท่ีตอ้ งการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: