Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อัตชีวประวัติ พลอย

อัตชีวประวัติ พลอย

Published by phlxyphlxy83, 2021-09-30 01:55:50

Description: อัตชีวประวัติ พลอย

Search

Read the Text Version

อัตชีวประวัติของฉัน น . ส . เ บ ญ จ ว ร ร ณ ท า ดี 6305700152

ฉันเกิดมา เท่าที่จำความได้ ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ และฉันก็อยากรู้ อยากเห็น ว่าพ่อผู้ให้กำเนิด หน้าตายังไง ? พ่อฉันเป็นใครกัน ? พ่อของฉันหน้าตายังไง ? และสิ่งที่ไม่เข้าใจที่สุด คือ ทำไมทุกคนไมาบอกฉัน

เมื่อตอนเด็ก ฉันไม่ดื้อเลย ฉันเป็นลูกคนเดียว พลอย แม่บอกว่า… ฉันเป็นเด็กที่นิ่งมาก ฉันไม่สิ้นเปลืองค่าแพมเพิส แม่เอาฉันวางไว้ตรงไหน เลย เพราะฉันไม่ยอมใส่ ������ ฉันก็อยู่นิ่งๆตรงนั้น แต่ฉันสิ้นเปลืองนมผม เพราะฉันกินนมผงเก่งมาก ฉันอยากกลับไปเป็นวัยเด็กอีกครั้ง

ตัวฉัน …บางทีฉันก็ไม่เข้าใจในตัวเองมาก ฉันชื่อเล่นว่า “พลอย” ฉันเกิดที่โรงพยาบาลแม่ หรอก แต่จริงๆ แล้วชื่อก่อน และเด็ก จังหวัดเชียงใหม่ …บางทีฉันน้อยใจในตัวเองด้วยซ้ำ หน้านั้น ชื่อ “ขวัญ” …บางทีฉันอาจต้องการใครสักคนที่อยู่ แต่แม่บอกว่าไม่สบาย และย้ายมาอยู่ที่ลำปาง ข้างฉัน บ่อย เลยเปลี่ยนเป็นชื่อ ตั้งแต่เด็ก จนถึงปัจจุบัน …บางทีฉันคิดว่าฉันยังไม่เก่ง บางทีฉันคิดว่าฉันสู้ใครไม่ได้ พลอย และที่จริงแล้ว ชื่อจริง ฉัน ชื่อ ลักษณ์คณา แต่พระเปลี่ยนเป็น เบญจวรรณ การที่ฉันเป็นลูกคนเดียว ฉันมีนิสัย ชอบคิดมาก ฉันเป็นคนใจเย็นมากๆ ทำให้ความกดดันตกที่ฉัน ย้ำคิด ย้ำทำ เพราะฉันขี้ลืม แต่บางทีฉันก็ไม่ชอบรอ คนเดียว ������ อะไรนานๆ ฉันอยากมีพี่ชาย ฉันมีน้ำใจกับทุกคนเสมอ ฉันเป็นคนที่ประหยัด เพราะ…ฉันอยากโดน ชอบช่วย ขี้สงสารคน เป็น มากๆ ออมเงินเก่ง แต่… ปกป้อง จากพี่ชาย อยาก คนที่นึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ มีพี่ชายที่คอยดูแลฉัน ฉันเป็นคนใจดี เอาใจคนเก่ง ทำไมยังอ้วนนะ������ แต่…บางทีฉันก็มีนิสัยที่ชอบ แต่ข้อเสียของฉันก็มีเยอะ ยอมคนอื่น บางทีฉันชอบคิดมาก จนเครียด วิตกกังวล

การศึกษา ช่วงวัยเรียนมัธยม เป็นช่วงที่สนุกที่สุด มีเรื่องมากมาย ที่น่าจดจำ อนุบาล-ประถมศึกษา ฉันเข้าโรงเรียนเทศบาล 3 (บุญทวงศ์อนุกูล) ตั้งแต่อนุบาล จนจบป.6 ที่นี่ได้ให้ประสบการณ์ฉันมากมาย การที่ฉันได้เป็นสภานักเรียนตอนป.6 เป็นอะไรที่ฉันชอบมาก ฉันได้ไปแข่งวิ่ง ระดับจังหวัด เป็นอะไรที่ภูมิใจม๊ากกก มัธยมศึกษา ฉันเรียนที่ โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ฉจันนจสบอบมเข.6้าไ���ด้���แล(บะ้าฉันนใตก้อล้งกเ็ดติ้นองไปทโำร)งเรียน-กลับบ้านเองตั้งแต่ม.1 ที่นี่ให้ประสบการณ์ฉันเยอะมาก ทำให้ฉันรู้จักตัวเองมากขึ้น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ฉันสอบติดที่ มธ. ลป. ที่ฉันเลือกที่นี่เพราะฉันทิ้งบ้านไม่ได้ และที่สำคัญคือ ฉันติดคณะที่ฉันชอบ คือ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์

ชีวิตของพลอย ฉันเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง ฉันเกิดมาฉันไม่เคยรับรู้เรื่องพ่อเลย…… ฉันอยากรู้เรื่องพ่อจัง แต่ ฉันไม่เคยน้อยใจ แม่เลยที่ไม่บอก แม่คงมีเหตุผล แม่เลี้ยงฉันมาด้วยตัวแม่เอง ฉันอาศัยอยู่กับแม่ ตาและยาย ฉันไม่เคยเสียใจเลยที่ไม่รู้จักพ่อ ท่านเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็ก ฉันต้องอยู่ดูแลท่าน เพราะ แม่เก่งที่สุดแล้ว ฉันจึงทิ้งบ้านไปไหนไม่ได้ ที่ดูแลฉันจนโตมาขนาดนี้ เมื่อแม่ไปทำงาน ฉันจะต้อง ทุกคนสอนให้ฉันเป็นคนขยัน อดทน ดูแลตาและยาย ทุกอย่าง ฉันจึงทำงานทุกอย่างได้ ฉันต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ดูแลทุกอย่างในบ้านได้ ฉันทำงานบ้านได้ ทำกับข้าวเก่ง ถ้าหากฉันไม่ทำก็ไม่มีใคร ทำ ฉันจึงเป็นหญิงแกร่ง อายุ19

ประวัติชีวิตของฉัน เมื่อก่อนแม่ฉันทำงานนิคมอุตสาหกรรม ที่จังหวัดลำพูน และตั้งท้อง ฉัน แม่บอกว่า แม่ทำงานทั้งๆที่ก็ตั้งครรภ์ฉัน จนมีวันหนึ่ง ถังแก๊สในโรงงานเกิดรั่ว และไฟเริ่มไหม้ แม่รู้ตัวไวมาก แม่จึงหนีเป็นคนแรกอย่างไว แม่เล่าว่า แม่ปีนรั้วเหล็กข้ามมาอีกฝั่ง โดยทั้งๆ ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ตอนนั้นแม่ตั้งท้อง 7 เดือนกว่าๆ แล้ว “ Amazing ” แม่เกิดฉันที่โรงพยาบาลแม่และเด็ก เชียงใหม่ จนฉันเริ่มโตและพร้อมที่จะเข้าโรงเรียน แต่ตากับยาย เอาฉันมาเลี้ยงที่ลำปางตั้งแต่เด็กๆ ฉันจึงต้องไปโรงเรียน และได้อยู่ลำปางอย่างเต็ม ซึ่ ง ต อ น นั้ น ฉั น ก็ ไ ม่ รู้ ว่ า เ กิ ด เ รื่ อ ง อ ะ ไ ร ขึ้ น บ้ า ง ตัว บ า ง ที … มั น อ า จ มี เ ห ตุ ผ ล ที่ ต า กั บ ย า ย เ อ า ฉั น ม า ที่ ลำ ป า ง ตอนไปโรงเรียนเทศบาล 3 ตาขับรถไปส่ง และรับ ห รื อ อ า จ จ ะ เ กี่ ย ว กั บ กั บ พ่ อ น ะ ������ กลับหลังเลิกเรียนทุกวัน ฉั น ไ ม่ เ ค ย รู้ เ รื่ อ ง อ ะ ไ ร เ ล ย ฉันมาอยู่ที่ลำปาง เติบโตที่ลำปาง เพราะฉันอยู่บ้านที่ลำปาง กับตาและยาย อยู่กัน สามคน ตอนนั้นแม่ยังทำงานอยู่ที่ลำพูนอยู่เลย แต่ที่รู้คือ พ่อที่ฉันลืมตามาเจอ คือ พ่อน้า และฉันก็รัก พ่ อ ค น นี้ เ ห มื อ น พ่ อ แ ท้ ๆ ค น ห นึ่ ง เ ล ย แต่…..แม่ฉันไม่ได้ทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมแล้วน้า แต่…ตอนนั้นแม่กับพ่อมีบ้านจัดสรรที่ลำพูน ฉันจึงไป แม่ทำงานที่บริษัท สยามแมคโคร จำกัด มหาชน กลับลำปาง บ่อยๆตั้งแต่เด็ก หรือที่เราคุ้นเคยว่า ห้างแมคโคร นั่นเอง พ่อน้า������������ พ่อเป็นคนเชียงใหม่ แต่พอวันหยุดงาน แม่ก็จะกลับมาหา บางทีช่วงปิดเทอม หรือเสาร์อาทิตย์ ฉันกับแม่ก็จะ ฉันที่ลำปางทุกอาทิตย์ ไปบ้านพ่อกัน และไปเที่ยวกัน และฉันดีใจทุกครั้งที่แม่กลับมา ตอนเด็กๆ ฉันได้ไปเที่ยวเชียงใหม่บ่อยมากๆ จนฉัน เพราะแม่จะซื้อขนม ของเล่น จำทางเชียงใหม่ได้แล้ว มาให้เยอะแยะเลย และฉันก็จำลำพูนได้ทุกที่เช่นกัน ������ หรือวันศุกร์แม่ก็จะมารับฉันไปนอนที่ ลำพูนแล้ววันอาทิตย์ก็จะมาส่งฉัน

แต่… พอฉันโตมา ตอนนั้นฉันอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 พ่อน้าคนนี้เกิดมีปัญหากับแม่ จนต้องเลิกรากันไป แยกกันอยู่แต่ พ่อน้าก็พยายามติดต่อหาฉันกับแม่ตลอด แต่ ฉันกับแม่ก็เลิก ติดต่อ จนมาอีกที แม่มีแฟนใหม่ เป็นพ่อคนใหม่ พ่อคนนี้เป็นคน น่าน ซึ่ง…ฉันก็มารู้ทีหลัง คนไม่รู้อะไร ก็แอบงงๆนะ ว่าเป็นมายังไง แต่ก็เถอะ แม่อาจไม่อยากพูด ฉันก็ปล่อยผ่านไป แต่พ่อคนปัจจุบัน คนน่านนี้ ก็ดีนะ

ชีวิตที่ผ่านมา ตอนเมื่อฉันเป็นเด็ก ฉันมีความสุขมากที่สุดเลย ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็น เด็กที่โชคดีมาก ฉันได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยมากๆ ไปเที่ยวทะเล บ่อย มากเลย มีแต่คนอุ้มฉันไป ฉันได้ไปเที่ยวทะเลเพราะลุงกับป้าฉันทำงาน ที่ชลบุรี ฉันเลยไปชลบุรีทุกๆปีใหม่หรือกลางเดือนเลยแหละ ฉันได้ไป เที่ยวชายหาดมากมาย ว่ายน้ำ เก็บหอยลายเอามาผัดกินด้วยแหละ ฉั น จำ ไ ด้ ว่ า ท ะ เ ล ที่ สั ต หี บ ������ และฉันก็เก็บเปลืองหอยมาเยอะแยะเลย เก็บมาที่ลำปางด้วยแหละ ด้ ว ย ค ว า ม ที่ เ ป็ น เ ด็ ก อ ะ เ น อ ะ ������ และครอบครัวก็เหมารถตู้ไปเที่ยวหลายที่มากๆ และลุงก็พาไปเที่ยว ฟาร์มจระเข้ด้วย ������และอีกหลายๆที่เลย ตอนนั้นมันมีความสุขมากๆ และเนื่องจากแม่ทำงานที่ลำพูนพ่อน้าคนนั้นเป็นคนเชียงใหม่ ฉันเลยได้ ไ ป เ ที่ ย ว เ ชี ย ง ใ ห ม่ บ่ อ ย ม า ก ๆ เ กื อ บ ทุ ก อ า ทิ ต ย์ แ ล ะ ปิ ด เ ท อ ม แต่ที่ฉันชอบไปเที่ยวที่สุดในวัยเด็กคือ ทะเล และโตมาฉันก็ยังชอบทะเล ������ เ ท่ า ที่ จำ ค ว า ม ไ ด้

ตอนเด็กเบเบาะ - แม่บอกว่าฉันกินนมผง เก่งมาก กินหมดเป็นกระป๋องเลย แม่ซื้อให้ ไม่ทันแล้ว������ แต่ฉันเป็นเด็กที่แปลก คือ ฉันไม่ยอมใส่แพมเพิส เวลาใส่ฉันจะร้องไห้ และแม่บอกว่าเวลาฉันอยากฉี่หรืออึอึ้ ฉันจะพูด “อึอึ้” และแม่ก็จะพา ฉันไปเข้าห้องน้ำ และมีครั้งหนึ่งที่ฉันจำได้ ตอนกลางคืน ฉันนอนอยู่ แล้วฉันปวดฉี่ ฉันลุกขึ้นมาฉี่เอง นั่งในกระโถนฉี่ของเด็ก แม่บอกว่าบางทีฉันชอบหลับคากระโถนฉี่ก็มี ������������ - แม่บอกว่า ตอนเด็ก ฉันเป็นเด็กที่ไม่เหมือนคนอื่นเลย คือ เด็กคน อื่นเวลาอยู่คนเดียวหรือแม่เอาวางไว้ จะไม่นิ่งจะเดินซนบ้าง คานซน บ้าง แต่สำหรับฉัน แม่วางฉันตรงไหนฉันก็นั่งตรงนั้นนิ่งๆ ยืนนิ่งๆ เอง ไม่ซน - แม่บอกว่า ตอนเด็ก แม่ต้องคอยระวังฉัน เวลาเล่นกับพื้นดิน บ้านของฉันเป็นพื้นปูนซีเมนต์ แล้วมันจะมีร่องแตกของปูน ฉันชอบ เอานิ้วไม่แย่งๆ แล้วเอาเข้าปากกิน แม่เลยต้องคอยระวังเรื่องนี้มาก และกลัวฉันโตมาจะเป็นไส้ติ่ง แต่ก็สุขภาพแข็งแรงดี������ - แม่บอกว่า ตอนเด็กฉันตาเหล่ เลยทำใจไว้ว่าโตไป ฉันตาเหล่แน่ๆ แต่พอโตมาจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เหล่นะคะ������

ตอนเข้าโรงเรียนอนุบาล - ฉันมีตาที่คอยไปรับไปส่งฉันไปโรงเรียนทุกวัน - คุณครูประจำชั้นบอกว่า เวลานอนกลางวัน ฉันไม่เคยนอนเลย ฉันจะไม่หลับเลย และจะไม่กวนคนอื่นหรือชวนคนอื่นเล่นด้วย คุณครู บอกว่าฉันชอบนั่งบนที่นอนของตัวเองแล้วก็เล่นของเล่น หรือบางทีก็ เดินไปเล่นกับคุณครู ฉันชอบให้คุณครูเปียกผมให้มาก มันแน่นหัวมากเลย ฉันมักจะไม่สระผม������ บางทีการที่ฉันไม่นอนตอนกลางวัน อาจจะเป็นที่ตัวฉันเอง ไม่เกี่ยว กับสิ่งเร้าใดๆทั้งสิ้น เพราะโตมาจนถึงปัจจุบันนี้ ฉันก็ไม่เคยนอนกลาง วันเลยสักครั้ง ฉันไม่รู้จะนอนทำไม ทำไมต้องนอน ในเมื่อมัน พระอาทิตย์ขึ้น เวลานอนคือเวลากลางคืนสิ������ - แม่ให้ฉายาฉันว่า “เด็กดอย” เพราะฉันไม่ชอบสระผม เวลาแม่สระผมให้ฉันมักจะโวยวาย (ทำไปได้ไง)

ตอนประถมศึกษา - ฉันไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษมาก เพราะคุณครูชอบให้ท่องศัพท์ พอท่องผิดก็เริ่ม ใหม่ จนฉันได้กลับบ้านห้าโมง ฉันเลยเกลียดการเรียนภาษาไปเลย - ตอนประถมฉันมีวีรกรรมที่โหดร้ายมากสำหรับฉัน คือ ฉันเคยขี่หลังเพื่อน แล้วตกจน หน้าผากกระแทกกับขอบกระถางต้นไม้ จนฉันหัวโนเลย ฮืออ ������ แต่ด้วยความที่กลัว ครูด่าและแม่ด่าฉันเลยไม่ได้บอกใครเลย และฉันปิดบังหัวโนของฉันโดยหน้าม้าของฉัน เอง ������������ - ตอนชั้นประถมฉันมีความรัก ป็อปปี้เลิฟสุดๆ คือ มีเพื่อนคนใหม่เข้ามาเรียน แล้ว ฉันก็ไม่ชอบขี้หน้าหรอก แต่พอไปๆมาๆ ไงล่ะ เขาแกล้งเรา แหย่เราบ่อยๆ กลายเป็น ชอบเฉยเลย������ แล้วเราสองคนก็ชอบกัน ตอนนั้นอยู่ป.6 จะจบกันแล้ว แล้วจบป.6 ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเรียน เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเนอะ - ตอนนั้นฉันเป็นเด็กฟันผุ ต้องไปรักษาฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน บ่อยมาก ทุกวัน ศุกร์จะมีรถตู้จากอนามัยหรือเทศบาลมารับฉันและเพื่อนๆที่โดนคัดกรอง ไปทำฟัน ดี มาก ฉันทำฟันจนฉันเฉยๆกับหมอฟันไปแล้ว ไม่มีความกลัวแล้ว������ - ตอนฉันอยู่ม.6 ฉันได้เป็นคณะกรรมการของโรงเรียน นำสวดมนต์ เคารพธงชาติ หน้าเสาธง เปิดเพลงตามเวลาเช้า กลางวัน เย็น ประกาศต่างๆ จนฉันเป็นคนดังประจำ โรงเรียนแล้ว - ฉันเป็นวงดุริยางค์ของโรงเรียน ตั้งแต่ป.3 เพราะฉันชอบการเล่นดนตรีมาก ได้ไป เดินขบวนเยอะแยะมากมายได้แต่งตัวชุดดุริยางค์ จนมีวันหนึ่งคุณครูประจำวงได้ไป บรรจุที่โรงเรียนอื่น จึงได้งดไป และมีครูดนตรีคนใหม่เข้ามา และจัดตั้งวงดนตรีพื้นเมือง ฉันก็เข้าร่วมเล่นด้วยและออกงานต่างๆ และทุกตอนเย็นก็จะฝึกซ้อมหลังเลิกเรียน แต่… ฉันไม่ได้เป็นแค่นักดนตรีหรอกนะ ฉันเป็นเด็กที่วาดรูปเก่ง และเป็นนักวาดของโรงเรียน เลยแหละ ต้องไปแข่งในงานต่างๆ เกียรติบัตร เยอะมาก และก็ต้องซ้อมวาดรูปด้วยนะ ฉันควบคู่กับการเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ จนจบ ป.6

ตอนมัธยมต้น - ฉันก็มีความอินเลิฟ หลงรักรุ่นพี่ ������ ตอนม.2 แอบชอบรุ่นพี่และรุ่นพี่คนนั้นก็ รู้ตัวนะ และพี่เขาก็ชอบกลับ (ได้ไง������) ตอนนั้นช่วงตอนเย็นฉันทำเวรเสร็จแล้ว เลยนั่งทำงานอยู่บนห้องกับเพื่อนสนิท แล้วพี่คนนี้ก็มาหา ละนั่งเฝ้าฉันทำงาน แบบนั่งต่อหน้าเลย (เขินมาก) และพอกลับบ้านพี่เขาก็มาส่งจนถึงหน้าโรงเรียน เลย แล้วที่คาดไม่ถึง พี่แกลูบหัวฉัน (ใจละลาย) และวันนั้นก็เป็นได้แค่นั้น เพราะ พี่เขาก็จบม.6 ไป - ตอนม.3 เข้าค่ายลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด บำเพ็ญประโยชน์ เข้าค่ายที่ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค5 ที่อยู่ห้างฉัตร และจะมีพี่สตาฟคอยดูแลฉันที่ เป็นเด็กเข้าค่าย และด้วยความบังเอิญ ฉันก็ได้แอบส่องรุ่นพี่มือกลอง เป็นรุ่นพี่ โรงเรียนซึ่งฉันหม่เคยเห็นหน้าตอนอยู่โรงเรียนเลย เป็นรุ่นพี่ม.4 ส่องไปส่องมา เพื่อนตัวดีในท้าย หาเฟสให้ และพอจบค่ายก็ได้คุยกัน ใช่ ฉันทักพี่เขาไป ด้วยคติประจำใจที่ว่า ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือก อย่าให้ผู้ชายมา เลือกเราค่ะ������ ปล.ตอนอยู่ค่าย สามวันสองคืน ก็นั่งส่อง ยืนส่อง ตลอด������������ - พอฉันจบ ม.ต้น ฉันก็ได้ไปสอบเตรียมสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่ และฉันสอบติดด้วยนะ แต่ ตอนนั้นยังเด็ก แม่คงไม่อยากให้ไป ฉันเลยต้องสละสิทธิ์ (แอบเสียดายแหะ������)

ตอนมัธยมปลาย - พอขึ้นม.ปลาย ก็ยังคุยกับรุ่นพี่คนนั้นอยู่บ่อยๆ จนวันหนึ่ง พี่เขาขอฉันคบ (นี่ไง คุยเล่นๆไปเดี๋ยวเขาก็ชอบเราเอง ให้เขาได้หวั่นไหวกับเราให้เขาได้เริ่มต้นจาก 0 แล้วเขาจะรักเราเอง) -ฉันเข้าชมรมของโรงเรียน ชมรมจิตอาสา เพราะว่าฉันชอบงานด้านนี้ ตอน ฉันอยู่ที่ชมรมนี้ได้ให้อะไรมากมาย ทั้งความรู้ การทำงาน การปฏิบัติงาน นอกสถานที่ ฉันรักเพื่อนๆและคุณครูในชมรมมาก และที่สำคัญนะพี่คนนั้นก็ อยู่ในชมรมนี้เหมือนกัน พี่เขาเป็มือตีกลองประจำชมรม เหมือนพรมลิขิตสุดๆ และเราก็ได้ทำงานร่วมกันตลอด ๆ ทุกงาน และคุณครูประจำชมรมก็รู้เรื่อง ราวของเด็กสองคนนี้ ก็ชอบแซว และก็ไม่เคยขัดหรือมองร้าย ในการทำงาน ร่วมกันเลย ฉันมีความสุขมากกับการเป็นกิจกรรมของโรงเรียน ฉันได้ไป นอกสถานที่เยอะแยะมากมาย เช่น บ้านพักคนชรา จัดงานวันเด็กให้เด็กๆ โรงเรียนห่างไกลทุกปี งานของโรงเรียน และงานอื่นๆ ฉันรักทีมสันทนาการของฉันมาก และฉันรักคุครูทุกท่านมาก������ ไปไหนไปกันสุดๆ

ตอนมหาวิทยาลัย - ฉันสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ก็เพราะว่าฉันรักที่จะทำงานร่วมกับ คน ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานร่วมกับคนอื่นๆ และการที่ฉัน มาเรียนที่นี่ก็เพราะจะได้ใกล้บ้านด้วย - ได้เพื่อนเยอะแยะเลย เจอทั้งคนนิสัยน่ารัก และคนนิสัยไม่ดี - ฉันเครียดเรื่องเรียนมาก โดยเฉพาะวิชา tu 050 และ tu105 - เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ในตอนนี้ เลยไม่ได้ไปเรียนที่ มหาวิทยาลัย ฉันคิดถึงเพื่อนๆมาก อยากเจอแล้ว และการเรียน ออนไลน์ สำหรับฉันมันไม่ดีเลย ฉันเครียด กดดัน วิตกกังวลมากๆ บางทีฉันอยากจะดรอปไว้ก่อน หรือแม้บางทีมันก็มีความคิดบ้าบอ

ครอบครัวอบรมฉันตลอดว่า...... ฉันเป็นลูกคนเดียว เลยใช้ชีวิตคนเดียวไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ฉันก็ไม่ค่อยชอบไปไหนคนเดียวหรือไปเที่ยวคนเดียวหรอก ฉันชอบอยู่บ้านมากกว่า เนื่องจากฉันเป็นลูกคนเดียว ฉันจะถูก อบรมเรื่องการใช้ชีวิตเป็นส่วนมาก ตา ยาย และแม่ ไม่เคยให้ฉัน นอนตื่นสาย และจะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆว่า ตื่นมา ต้องมา ทำงานบ้าน กวาดบ้านถูบ้าน ทำกับข้าว ฉันเลยเป็นคนที่ตื่นเช้า ตลอด ไม่เคยตื่นสาย สายสุดก็ 8:30 และด้วยความที่ว่าตากับยายเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ตา กับยายก็ได้แก่ตัวลงแล้ว ฉันจึงต้องดูแลตายาย หากับข้าวให้กิน ช่วยงานบ้าน ฉันอยู่กับแม่สองคน บางทีแม่ไปทำงานฉันก็จะทิ้ง ตายายไม่ได้ ต้องคอยดูแลท่านตลอด และเรื่องที่แม่ฉันสอนมาโดยตลอดคือ เรื่องเรียน แม่ฉันคอย บอกฉันเสมอว่าไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง ไม่จำเป็นต้องเรียนได้ที่ หนึ่ง ถึงจะได้ที่ท้ายๆ แต่ขอให้เรียนให้ผ่านก็พอแล้ว แม่ไม่เคย คิดมากเรื่องเกรดฉันเลย ถึงแม้จะไม่ได้ 3 เหมือนคนอื่นๆ แม่ก็ คอยพูดเรื่องนี้กับฉันเสมอว่า อย่าเครียด เรียนให้ผ่านก็พอ ❤️ ปล.บางทีฉันก็แอบน้อยใจตัวเองว่าทำไมไม่ได้ออกไปเที่ยว ออก ไปข้างนอก เหมือนคนอื่นบ้าง แต่ก็เถอะ ฟ้าชะตาลิขิตมาแบบนี้ ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เป็นและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ������✌������

การศึกษา เมื่อโตมาจบจากโรงเรียนประถมศึกษา ฉันศึกษาต่อโรงเรียนมัธยม ตอนมัธยมปลายฉันก็ไม่ได้เรียนเก่งมากนัก โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้เรียนแย่ ฉันอยู่ในระดับปานกลาง ฉันสอบติดโรงเรียนที่โด่งดังในลำปางที่ใครๆก็อยากเข้าและฉันก็สอบติดที่ ฉันมักจะได้เกรดเฉลี่ยที่เท่าๆกัน 2.98 บ้าง นั่นหรืออาจเป็นเพราะว่าฉันอยู่ในเขต������ 2.89 บ้าง 2.86 บ้าง ฉันไม่เคยตกต่ำกว่า และเนื่องจากบ้านใกล้โรงเรียน ฉันจึงต้องเดินไปกลับจากโรงเรียนตลอด 2.50 เลย และแม่ฉันก็ไม่เคยกดดันเรื่อง เกรดฉันเลย และระหว่างเรียนมาตลอดฉัน ปล.เดินตั้งแต่เด็กเอ๊าะๆ ม.1 จนเป็นสาว ม.6 จ้า������ ไม่เคยติด 0 ,ร, มผ.เลย และฉันเป็นเด็กที่ ทั้งเรียนและทำกิจกรรมของโรงเรียนด้วย มันก็ไม่ได้ทำใวัหน้ทเี่ก: 1ร6ดตฉุัลนาคแมย่ลงเลย แต่…มีครั้งหนึ่ง ที่ฉันจะจดจำไปตลอดชีวิต คือ อยู่ๆ ฉันก็ติด มผ. วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา โดยที่ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย และฉันเป็นคนเข้าเรียนทุกคาบ เข้าหาครูเก่งด้วยแหละ เพราะฉัน เป็นเด็กดี ขยัน และเรียบร้อย คุณครูจะจำหน้าฉันได้ทุกคน แต่มีครั้งนี้แหละ คุณครูประจำวิชา ได้โทรมาบอกวันที่ฉันจะไปรับสมุดพก ซึ่งพอฉันรู้เรื่องฉันร้องไห้หนักมาก และโกรธครูมาก เพราะว่าฉันทั้งตั้งใจเรียนไม่เคยขาด ลา มาสายและติดมผ. มันร้ายแรงสำหรับฉันมาก สำหรับ ฉันที่ไม่เคยติด และด้วยเหตุผลที่ติด มผ. คือ ใบกระดาษคำตอบของฉันได้หายไป ซึ่งวันนั้นฉันก็ เข้าสอบ และวันเข้าสอบเป็นวันวาเลนไทน์ (ฉันเป็นคนชอบสีชมพู เลยจะใช้เป้ADIDASสีชมพู) ซึ่งวันสอบฉันก็นั่งสอบ และครูคนนี้ก็ยังแซวฉันว่า “วันวาเลนไทน์เบญจวรรณสีชมพูหมดเลย น้า” ที่ครูแซวเพราะว่าสนิทกัน บวกกับเด็กกิจกรรมที่ครูจะรู้จักก็ไม่แปลก และครูก็จำได้ว่าวัน สอบวันนั้นฉันได้มานั่งสอบและจำที่แซวได้ชัดเจน แต่ไม่รู้ว่ากระดาษคำตอบหายไปไหน ซึ่งครูรู้ ว่าฉันร้องไห้หนักมาก และครูเองก็เสียใจมาก ครูทั้งช่วยแก้ มผ. ให้ฉัน พาฉันไปแก้ ครูจัดการ ทุกอย่างให้หมดเลย ไม่ต้องทำงานแก้ครูแค่เซ็นเอกสารแล้วออกใบเกรดให้ใหม่ ครูทั้งเสียใจและ รู้สึกผิดและครูเองก็ขอโทษฉัน ฉันก็ยังรักครูคนนี้เหมือนเดิม������ พอฉันเข้ามหาวิทยาลัย ฉันได้เรียนในคณะที่ฉันชอบและอยากเรียน ทำให้ฉันได้เกรด 3.5 และบอก แม่ แม่ก็ดีใจแต่แม่ก็เฉยๆไป ไม่เคยกดดันอะไรฉันเลย แต่สิ่งที่ฉันเครียดและมักจะร้องไห้บ่อยๆ คือ การเรียนภาษาอังกฤษ เพราะฉันไม่ชอบเรียน และไม่อยากเรียนเลย ฉันมักจะโทษตัวเองเสมอว่าฉัน ไม่ใช่คนฉลาด ฉันมันโง่������ และฉันก็เรียน วิชาTU050 ไม่ผ่าน เหมือนเพื่อนๆเขา ใช่…ฉันไม่เหมือน คนอื่น ไม่มีใครเหมือนกัน มันกลายเป็นปมในใจฉันไปแล้ว แต่ฉันก็ยังมีกำลังใจและแรงสู้ที่จะเรียน ใหม่ จนฉันเรียนผ่านมาได้ และฉันก็หวังว่า วิชาTU105 ฉันก็จะต้องผ่านเช่นกัน และฉันก็ยังคงวิตก กังวลเรื่องภาษาอังกฤษที่สุด (ฉันพร้อมจะเรียนทุกอย่าง ทุกวิชาด้วยใจ แต่วิชาอะไรที่เป็นภาษาอังกฤษใจฉันมักจะเศร้าเสมอ)

ความเชื่อของฉัน ฉันถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กในเรื่องของความเชื่อทางบ้าน ที่บ้านฉันจะเลี้ยงผีบ้านผีเรือน หรือภาษาเมือง เรียกว่า เจ้าปู่เจ้าย่า ท่านจะคอยปกปักรักษาบ้านเรือน และปกปักรักษาลูกหลาน ทุกคนในบ้าน ในทุกๆเดือน 8 ของคนเหนือ จะมีการเลี้ยงผีบ้านผีเรือน ซึ่งบ้านฉันทำการเลี้ยงโดยการเลี้ยงของไหว้ ขนมของหวาน ไก่สองตัว และเหล้าขาว หมากพลู ต่างๆ บางบ้านที่เขามีคนทรงเขาก็จะจัดเลี้ยงใหญ่ เช่น ข้างบ้านฉันเขามีคนทรง เขาก็จะมีการเขาทรง และก็จะจัดงานใหญ่มาก มีการฟ้อนผี และก็จะมีเพื่อน บ้านหลังอื่นๆ ที่เลี้ยงผีบ้านผีเรือนเหมือนกัน มารวมกันฟ้อนผี ฟ้อนดาบ และมีการจ้างวงดนตรีมาบรรเลงด้วย เมื่อก่อนฉันมักจะไปดู แต่เดี๋ยวนี้คนข้างบ้านเขาได้เสียชีวิตลงแล้ว เลยกลับมาเลี้ยงแบบปกติ

ปัญหาที่ฉันต้องเผชิญ เนื่องฉันอยู่บ้านกับแม่ และมีตายาย ที่จะต้องเลี้ยงดู ปัญหาที่เจอก็คือ เรื่องเงินใช้จ่ายภายในบ้าน แม่เป็นคนเดียวที่ทำงานหาเงินมาใช้จ่ายในบ้าน มาซื้อกับข้าวเลี้ยงตายา และฉัน ฉันสงสารแม่เสมอ และฉันก็พยายามหาเงินในแต่วัน คือ การ รับจ้างรีดผ้า บางทีได้เงินจากการซักผ้ารีดผ้า ไม่ได้เป็นจำนวนมากแต่ก็ พอเอาไปซื้อกับข้าวได้ บางทีเวลาแม่อยู่บ้ายังไม่ไปทำงานก็จะเป็นหน้าที่ ที่แม่ต้องไปซื้อและเป็นเงินแม่เอง ไม่มีใครหยิบยื่นมาให้ บางทีลูกของตา กับยายบางคนก็ส่งเงินมาให้ฉันบ้าง ไว้ผวื้อกับข้าวให้ตายายกิน ลูกบางคนก็ไม่สนใจไม่มาเที่ยวหาไม่ส่งเงินมาให้เลย บางทีฉันแอบคิดว่ามันหนักที่ฉันและแม่ ที่ต้องคอยดูแล โดย เฉพาะตาที่เคยล้มจนผ่าตัดมาแล้ว ก็เดินไม่ค่อยได้ต้องคอยดูแล ตลอด หรือบางทีตาก็มีฉี่ราดบ้าง รดที่นอนบ้าง รวมถึงการ อุจจาระ ยิ่งแก่ตัวไปก็เหมือนร่างกายเริ่มอั้นไม่ได้แล้ว เริ่มไม่รู้ตัว แล้ว ก็คงเป็นหน้าที่ฉันและแม่ที่ต้องคอยเก็บ ทำความสะอาด ใน การเผชิญปัญหาในเรื่องเงินนั้น ก็ประหยัดมื้อในการซื้อกินบ้าง หรือซื้อกับข้าวมาทำกินบ้างได้หลายๆมื้อ จะงดใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็ ไม่ได้ เพราะที่ใช้เงินไปก็ไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือยอะไรเลย เป็นสิ่งที่ต้องซื้อ ใช้ซื้อกินตามชีวิตประจำวันอยู่แล้ว และฉันก็แก้ปัญหาการเงินคือ ขายเสื้อผ้ามือสองบ้าง โดยเฉพาะเรื่องเงินในการใช้จ่ายภายในบ้าน แม่เป็นคนเดียวที่ หนักหน่วง

ปัญหาที่ฉันต้องเผชิญ แต่ทุกๆอย่างที่เล่ามา มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาหรอก มันคือชีวิต ที่ต้องดูแล ตอบแทนพระคุณ ถ้าเราไม่ดูแลแล้วใครจะดูแลล่ะ หรือบางครั้ง บ่อยๆ ปัญหาคนแก่ที่ขี้หลงขี้ลืม เป็นระแวงบ้าง เป็นประสาทบ้าง ตาชอบด่าในหลายเรื่อง ชอบแช่งคนนั้นคนนี้ไปทั่ว คนแก่พูดไปเรื่อย ก็จะเป็น ปัญหาให้คนที่อยู่ด้วยจิตตกหรือเป็นประสาทตามด้วย ในการเผชิญกับ เหตุการณ์นี้ฉันกับแม่และยายก็ต้องพยายามใจเย็น และฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่ เก็บเอามาคิดมาก แต่การใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานอะไร กลับมีความสุขและฝึกความ อดทนในตัวเองมากขึ้นฉันจึงกลายเป็นคนที่มีความอดทนสูงมากตั้งแต่เด็ก และปัญหาที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ฉันเครียดมากๆเลย คือ เรื่องเรียน ฉันรู้ตัวเองเสมอว่าฉันเรียนไม่เก่ง ฉันไม่เก่งภาษามาโดยตลอด และฉันก็พยายามที่จะเปิดใจให้กับการเรียนภาษาหลายๆครั้ง แต่ สมองอันน้อยนิดของฉันนี้กลับไม่จำอะไรเลย และปิดกั้นเสมอ ������ ในเวลาที่ฉันเรียนภาษาอังกฤษฉันจะต้องเผชิญกับความเครียด กังวล มากๆ

คุณค่าในตัวฉัน เมื่อฉันมีเรื่องที่ต้องเครียด ฉันชอบน้อยใจตัวเองในชีวิตของตัวเองบ่อยๆ และจะเครียดกับเรื่องเรียน มากๆ แต่ฉันจะมีการขจัดความเครียดของฉันคือการออกไปเที่ยวข้างนอกกับเพื่อน การฟังเพลง เมื่อฉัน คิดมากหรือเครียดฉันมักจะมีอารมณ์นิ่งๆ เหมือนคิดอะไรอยู่คนเดียว ไม่ยอมทำอะไรเลย นั่งคิดมาก นั่ง เหม่อลอย จนคนรอบข้างดูออก เมื่อฉันมีเรื่องไม่สบายฉันจะไม่คุยกับใครเลย และไม่รับฟังใครพูดอะไร ใจเหม่อลอย และฉันก็จะไม่อยากกินข้าว ไม่อยากกินอะไรเลย เป็นนิสัยเสียมากสำหรับตัวฉัน ฉันมักจะ พูดคุยกับคนที่ไว้ใจที่สุด และคนนั้นก็รู้ใจฉันที่สุด ฉันมักจะปรึกษาเขา เขาก็อยู่ข้างฉันเสมอ������ และที่สำคัญฉันมักจะไม่ชอบนิสัยขี้เกียจของฉันเลย ถ้าฉันได้ขี้เกียจฉันจะไม่ทำอะไรเลย ไม่ทำงาน ทำแต่ สิ่งไร้สาระ เพราะฉะนั้นฉันมักจะเตือนใจตัวเองเสมอ ว่าต้องทำงานนะ ฉันต้องเตือนตัวเองและสปีดตัว เองเสมอ เมื่อฉันท้อฉันะให้กำลังใจตัวเองเสมอ เมื่อฉันล้มฉันก็จะลุกขึ้นสู้ เมื่อฉันเหนื่อยฉันก็จะพักแต่ ต้องลุกขึ้นมาสู้ต่อ ฉันคอยเตือนสติตัวเองเสมอ เพราะฉันไม่มีใครมาคอยช่วยฉันตลอด เพราะฉันเป็นลูกคนเดียว …ฉันจะปลอบใจตัวเองเสมอ “ ที่ผ่านมาเรียนจบมาได้แล้วผ่านอะไรตั้งมากมาย สู้อีกนิด ก็จะจบแล้วนะ อีก 2 ปี อดทนหน่อย ที่ผ่านมายังผ่านมาได้เลย สู้ดิ!” “ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำให้เรา ถ้าเราไม่ช่วยตัวเองใครจะช่วยเรา” และเวลาที่ฉันน้อยใจกับเรื่องต่างๆ ฉันมักจะบอกกับตัวเองเสมอว่า “ทุกคนเกิดมาไม่เหมือนกัน แตก ต่างกัน จะเก่งเหมือนกันได้ไง” และฉันก็มักจะนึกถึงสิ่งที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเรียนภาษาอังกฤษ ที่ ผ่านมายังผ่านมาได้เลย แค่นี้เองทำไมจะทำไม่ได้ คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ ถึงจะไม่ได้ดีเยี่ยมแต่ก็จะทำให้เต็มที่ที่สุด ✌������

! !จากปัจจุบันตอนนี้อยู่ในยุควิกฤต โรคระบาดโควิด 19 ทำให้ส่งผลกระทบต่อตัวฉัน แม่ อย่างมาก ทำให้ฉันต้องไขว้คว้าหาเงินด้วยช่องทาง ต่างๆ ซึ่งตอนนี้ฉันได้ขายเสื้อผ้ามือสอง สภาพดีในราคาถูก น่ารักๆ เพื่อที่จะช่วยนำ เงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทุกๆวันนี้ และ แม่ก็มีการงดโบนัส เพราะเนื่อจากสถานการณ์โควิด 19 ในตอนนี้ ทำให้ส่งผลต่อรายได้ของแม่อย่างมาก

ตัวตนฉัน ฉันมีจุดแข็งคือ ฉันเป็นคนไม่ยอมแพ้ ถึงแม้จะมีเรื่องให้ร้องไห้ เสียใจ แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้ ที่จะหยุดสู้ต่อเลย ฉันต้องสู้เท่านั้น ฉันจะหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้ เพื่ออนาคตของฉัน และตัวตนของฉัน มีจุดแข็งคือ การเป็นคนตรงๆ เป็นคนซื่อๆ คิดจะทำอะไรก็ลงมือทำเลย ไม่รีรอ ไม่ชักชา และจุดแข็งของฉันอีกอย่างคือ การเป็นคนรอบคอบ ฉันรอบคอบมาก ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนต้องเตรียมอะไร ยังไงบ้าง และเรื่องานฉันรอบคอบมาก เป็นคนละเอียดอ่อน เนียบทุกจุด และที่สำคัญนะ ฉันคิดว่า จุดแข็งที่ฉันมีมาโดยตลอดคือ การวาดรูปเล่นดนตรีนี่แหละ ทำให้ฉันมีทุกวันนี้ได้ งานศิลปะคือจุดแข็งของฉันที่มีติดตัวมาโดยตลอด การจินตนาการของฉัน ❤️ ฉันคิดว่าฉันจะต้องเรียนให้จบ และมีงานทำ มีเงิน ติดต่อ เดือน ที่จะต้องดูแลแม่ และมีเงินที่จะซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับตัว Facebook : Ploy benjawan เองและเพื่อครอบครัวจะต้องอยู่สุขสบาย มีความ 080-5121062 สุข แรงบันดาลใจที่ฉันได้สู้มาตลอดจนถึงทุกวันนี้ คือแม่และคนรอบข้าง เพื่อที่เขาจะได้เห็นฉัน [email protected] ประสบความสำเร็จในชีวิต ฉันจะไม่ยอมแพ้ จะมี ล้มบ้าง ร้องไห้บ้าง ก็ต้องลุกขึ้นมาสู้ให้ได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook