นวตั กรรมการบริหารสถานศกึ ษายุคดจิ ทิ ลั จัดทาโดย นางสาวก่งิ กาญจน์ แหลมมาก รหัสนิสิต 61500631 พระณฐั ชัย จาปา รหัสนิสติ 61500675 นางสาวพิมพธ์ นพร นนั ภวิ งค์ รหัสนสิ ติ 61500710 นายเศรษฐพงศ์ นนั ภิวงค์ รหสั นสิ ิต 61500743 เสนอ ดร.วลิ าวลั ย์ สมยาโรน รายวชิ า 176723 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศกึ ษา ภาคการศกึ ษาท่ี 1 ปีการศึกษา 2562 วิทยาลยั การศกึ ษา มหาวิทยาลัยพะเยา
คานา E-book เลม่ นีเ้ ปน็ ส่วนหนงึ่ ของรายวิชา 176723 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ทางการศึกษา โดยมีเนื้อหา เรื่อง นวัตกรรมการบริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล เนื้อหาภายในเล่ม ประกอบดว้ ย นวตั กรรมการบริหารสถานศึกษา, ความหมายของนวัตกรรม, ประเภทของนวัตกรรม, เครอื่ งมือ หลักการ แนวคิด ทฤษฎที ่ีเปน็ นวัตกรรม, องคก์ รแห่งนวัตกรรม, การบริหารสถานศึกษายุค ดิจิทัล, ดิจิทัลเทคโนโลยีกับการบริหารสถานศึกษา, เทคโนโลยีท่ีผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องรู้จัก นามาใช้, คุณลักษณะผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล, ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขในการ บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล, คาถามเพ่ือการนาไปสู่ Action Learning, Model : Schaool Childen Counseling, แนวคิด/หลักการ/เหตุผล, ความสาคัญและความจาเป็นของระบบการดูแล ชว่ ยเหลือนักเรยี น, Model/Flow Chart และ ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับ ทั้งนคี้ ณะผจู้ ดั ทาหวงั เปน็ อย่างยิง่ วา่ E-book เลม่ นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ีได้มาศึกษา เปน็ อย่างดี หากมขี ้อผดิ พลาดประการใดผู้จดั ทาขออภัยมา ณ ที่นีด้ ้วย คณะผจู้ ัดทา
สารบัญ หนา้ ก เรอ่ื ง ข คานา 1 สารบัญ 1 ตอนที่ 1 นวตั กรรมการบรหิ ารสถานศึกษา 2 4 ความหมายของนวัตกรรม 5 ประเภทของนวตั กรรม 7 เครอ่ื งมอื หลักการ แนวคิด ทฤษฎที เ่ี ปน็ นวัตกรรม 7 องค์กรแหง่ นวัตกรรม 8 ตอนท่ี 2 การบรหิ ารสถานศึกษายุคดจิ ทิ ัล 9 คุณลักษณะยุคดจิ ทิ ัล 12 ดจิ ิทลั เทคโนโลยกี บั การบริหารสถานศกึ ษา 13 เทคโนโลยที ี่ผ้บู รหิ ารสถานศึกษาจะต้องรู้จกั นามาใช้ 14 คุณลกั ษณะผู้บริหารสถานศึกษายุคดจิ ทิ ัล 15 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไขในการบริหารสถานศึกษายุคดิจทิ ลั 16 คาถามเพ่อื การนาไปสู่ Action Learning 16 ตอนท่ี 3 Model : Schaool Childen Counseling 22 ตอนท่ี 4 แนวคดิ /หลักการ/เหตผุ ล 24 ความสาคญั และความจาเปน็ ของระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรียน 25 ตอนที่ 5 Model/Flow Chart ตอนท่ี 6 ผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ แหล่งอ้างองิ
1 นวตั กรรมการบรหิ ารสถานศกึ ษา การบริหารสถานศึกษาในยุคโลกาภิวัตน์และยุคของการปฏิรูปการศึกษาและการกระจาย อานาจทางการศึกษาจากส่วนกลางไปสู่ระดับสถานศึกษาส่งผลให้ผู้บริหารสถานศึกษาต้องใช้ ความสามารถและอานาจในการตัดสินใจ และต้องมีภาวะผู้น่ามีความเป็นมืออาชีพในการบริหาร จัดการ ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษาจึงจาเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจและมีเครื่องมือในการบริหาร จัดการ นวตั กรรมเป็นเคร่ืองมือประเภทหนึง่ ทีม่ ปี ระสิทธิภาพในการบริหารสถานศึกษาไปสู่เป้าหมาย การบริหารสถานศึกษาแนวใหม่จึงจาเป็นต้องนา นวัตกรรม มาเป็นส่วนหน่ึงของการบริหารจัดการ เบอ้ื งต้นจะต้องเขา้ ใจเกย่ี วกับความหมายของนวัตกรรมเพือ่ จะได้เห็นความสาคัญและความสัมพันธ์กับ การบริหารสถานศึกษาต่อไป ความหมายของนวัตกรรม การท่ีจะรู้จักนวัตกรรมก็จะต้องเข้าใจถึงความหมายของนวัตกรรมเป็นเบ้ืองต้นก่อนซ่ึงมีผู้ให้ ความหมายไวห้ ลายประการ ดังน้ี โธมัสฮิวซ์: นวัตกรรม เป็นการนาวธิ กี ารใหม่ๆมาปฏิบตั หิ ลงั จากไดผ้ ่านการทดลองหรือได้รับการพัฒนา มาเป็นขน้ั ๆแล้วโดยมีข้ันตอนตามลาดบั คือ การคดิ ค้น การพฒั นา และนาไปปฏิบัติจริง ซ่ึงมีความแตกต่างจาก การปฏบิ ตั เิ ดมิ ท่เี คยปฏิบัติมา (กริ ดี ยศย่ิงยง: 2552) กรดยศยิ่งยง: นวัตกรรมเปน็ กระบวนการสรา้ งสรรค์ คิดค้น พัฒนา สามารถนาไปปฏิบัติจริงและมีการ เผยแพร่ออกสชู่ ุมชน ในลกั ษณะเป็นของใหม่ทไี่ มเ่ คยมีมาก่อน หรอื ของเกา่ ท่มี อี ยู่แตเ่ ดมิ แตไ่ ดร้ บั การปรบั ปรงุ เสริม แตงพัฒนาข้ึนใหมใ่ ห้มมี ูลคา่ ทางเศรษฐกิจสามารถนาไปใช้ในเชิงพานิชย์ได้ (ก็รติ ยศย่ิงยง: 2552) วรภัทร์ภู่เจรญิ : นวตั กรรม คือ เครือ่ งมืออยา่ งหนึง่ ในความเปน็ นกั ประกอบการมอื อาชพี : นวัตกรรม คอื การกระทาตา่ งๆท่ีน่าเอาทรัพยากรต่างๆมาทาให้เกิดขดี ความสามารถใหม่ๆในทางทด่ี ขี น้ึ :“ นวด \"มาจากคาวา่ ใหม่ (new หรอื nuvo) เม่อื พ่วงค่าว่า “ กรรม” ท่ีแปลว่าการกระทาลงไป จะกลายเป็น การกระทาใหม่ๆ หรือผลงานใหม่ๆ ซึ่งถ้าแปล นวัตกรรม = การกระทาใหม่ๆดูออกจะแคบเกินไป เพราะ นวัตกรรมมคี วามหมายทก่ี วา้ งและย่งิ ใหญก่ ว่าแคท่ า่ อะไรใหมๆ่
2 จากท่ีกล่าวมาข้างต้น ผู้เขียนคิดว่า นวัตกรรม คือเคร่ืองมือ รูปแบบ วิธีการท่ี สร้างสรรค์ข้ึนมาใหม่ หรือ ปรับปรุง ต่อยอดของเดิมเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา พัฒนาองค์กรให้ บรรลุตามเปา้ หมาย ประเภทของนวตั กรรม การบริหารสถานศึกษากบั นวตั กรรมจงึ จาเป็นจะต้องอยู่คู่กันไป เพื่อนาไปสู่ความสาเร็จ ในการบริหารจัดการและนวัตกรรมในการบริหารมือยู่หลายประเภท ซึ่งมีนักวิชาการ และนัก นวตั กรรมไดแ้ บง่ ประเภทของนวัตกรรมไว้ ดังนี้ สานักนวัตกรรมแห่งชาติ (อ้างในกีรติยศยิ่งยง: 2552) แบ่งประเภทของนวัตกรรม ออกเป็น 2 ประเภท คอื 1. นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (Product Innovation) ที่ประกอบไปด้วยนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ท่ี จบั ตอ้ งไดก้ ับผลิตภัณฑท์ จ่ี บั ต้องไมไ่ ด้ 2. นวัตกรรมกระบวนการ (Process Innovation) ท่ีประกอบไปด้วยนวัตกรรมกระบวนการ ทางเทคโนโลยีและนวตั กรรมกระบวนการทางองคก์ ร เซลเวย์เบคเกอร์ (อา้ งในกรี ติยศยิ่งยง: 2552) แบ่งนวตั กรรมออกเปน็ 3 ประเภทคือ 1. นวัตกรรมทางสินค้า (Product Innovation) ในเร่ืองเกี่ยวกับการสร้างสินค้าใหม่การ ปรบั ปรุงสินคา้ ทม่ี ีอย่หู รือรวมสนิ ค้าท่ีมีอย่เู ข้าไปในสน้ิ คาใหม่ 2. นวัตกรรมทางกระบวนการ (Process Innovation) ในเรอื่ งของการเปลย่ี นวิธีการผลิตสินค้า รวมถึงรูปแบบการบริหารหรือเก่ียวข้องกับส่วนประกอบท่ีเก่ียวกับการบริหารจัดการที่มีผลต่อ กระบวนการผลติ สินค้าใหมห่ รือประสิทธภิ าพในกระบวนการผลิต 3. นวัตกรรมทางการตลาด (Marketing Innovation) ในเร่ืองท่ีเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ช่อง ทางการจัดจาหนา่ ยหรือการประเมินและการทานายความต้องการของผ้บู รโิ ภค
3 วรภัทร์ ภู่เจริญ (การบริหารนวัตกรรมอย่างยั่งยืนและพอเพียง: 2550) ได้แบ่งประเภทของ นวตั กรรมออกเป็น ดงั นี้ 1. นวตั กรรมดา้ นผลิตภัณฑ์ 2. นวตั กรรมดา้ นกระบวนการ 3. นวัตกรรมด้านการบริการ 4. นวัตกรรมดา้ นการตลาด 5. นวัตกรรมด้านการเงนิ 6. นวตั กรรมด้านภาษาศลิ ปะและวฒั นธรรม 7. นวัตกรรมด้านการบรหิ ารจัดการและการปกครอง 8. นวัตกรรมด้านความศรัทธาความคดิ และความเช่ือ Ralph Kate (การบริหารจดั การนวัตกรรม: 2550) ไดแ้ บง่ ประเภทของนวัตกรรมไวด้ งั นี้ 1. นวตั กรรมสวนเพ่ิมและนวัตกรรมท่ีสรา้ งความเปล่ียนแปลงจากเพม่ิ โดยสิน้ เชิง 2. นวัตกรรมในกระบวนการ 3. นวัตกรรมในบรกิ าร ประเภทของนวัตกรรมท่ีกล่าวมาในทัศนของผู้เขียนคิดว่าประเภทของนวัตกรรมน่าจะแบ่ง ออกเปน็ 5 ประเภท ดงั นี้ 1. นวัตกรรมด้านการบรหิ ารจดั การเป็นการสร้างนวตั กรรมเพ่ือแกไ้ ขปญั หาหรือเพ่ือการพัฒนาองค์กรใน การบริหารจดั การที่นาไปสคู่ วามสาเร็จตามเปา้ หมาย 2. นวตั กรรมด้านการศึกษาตามศาสตรส์ าขาต่างๆเปน็ นวตั กรรมที่ส่งเสริมการจดั การศึกษาในศาสตรส์ าขา ตา่ งๆเพือ่ ให้ผูเ้ รียนผู้ศกึ ษาในระดบั ตา่ งๆมคี วามร้คู วามเข้าใจเกดิ การเรียนรู้ท่ถี ูกตอ้ งและเร็วขนึ้ 3. นวัตกรรมด้านกระบวนการเป็นการสร้างนวัตกรรมเพ่อื ให้มีกระบวนการในการดาเนินการเรื่องต่างๆ ให้งา่ ยและรวดเรว็ ข้ึนและประสบความสาเร็จในการดาเนนิ การ 4. นวตั กรรมด้านผลติ ภณั ฑเ์ ปน็ นวตั กรรมทีส่ ง่ เสริมการผลิตที่สร้างสรรค์แปลกใหม่เหมาะกับบุคคลและยุค สมยั สะดวกในการใชง้ าน 5. นวัตกรรมด้านการตลาดและการบริการเป็นนวัตกรรมในการนาเสนอการขายการจาหน่ายสินค้า ผลิตภณั ฑ์ตา่ งๆและการให้บรกิ ารท่เี ปน็ ทีพ่ งึ พอใจของผรู้ ับบริการ
4 จากประเภทนวัตกรรมท่ีสรุปเป็นเบื้องต้น ก็มีหลักการ แนวคิด ทฤษฎีท่ีเป็นหลักคิด หลกั การบริหารทผี่ บู้ รหิ ารสถานศึกษา นามาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา ซ่ึงเป็นนวัตกรรมที่ สาคัญอีกประเภทหน่งึ ในการบริหารสถานศึกษาไปสู่ วิสัยทัศน์ และเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ซึ่ง เครื่องมือ หลกั การแนวคดิ ทฤษฎี ทเ่ี ป็นนวัตกรรมในการบริหารดงั กล่าว อธเิ ช่น 1. การบริหารโดยใช่โรงเรียนเป็นฐาน (School Based Management) การ บรหิ ารโดยใชโ้ รงเรียนเป็นฐานเปน็ รูปแบบและแนวคิดการบริหารที่ตอ้ งการกระจายอานาจการบริหาร และการจัดการศึกษาจากส่วนกลางหรือจากเขตพ้ืนท่ีการศึกษาไปยังสถานศึกษาโดยตรงทาให้ สถานศึกษามีอานาจและความรับผิดชอบในการบริหารตนเองในลักษณะเชิงเบ็ดเสร็จ มีความคล่องตัว และอิสระมากข้ึนในการตดั สนิ ใจสั่งการเกย่ี วกบั การบริหารสถานศึกษาในทุกด้านท่ีเกี่ยวกับภารกิจทั้ง ใน ดา้ นวิชาการและหลักสตู รการ เงนิ และการงบประมาณ การบริหารงานบุคคลและการบริหารทั่วไป (อุทยั บุญประเสริฐ: 2546 อ้างถงึ ในเทคนคิ การบรหิ าร สาหรบั นักบริหารการศึกษามืออาชีพวีระยุทธ ชาตะกาญจน์: 2552) 2. การบรหิ ารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Result Based Management) ทิพาวดเี มฆสวรรค์ (อ้างถงึ ในเทคนคิ การบริหารสาหรับนกั บริหารการศกึ ษามืออาชพี , วีระยทุ ธ ชาตะกาญจน์ 2552) ได้ ให้ความหมายของ การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ ว่าเป็นการบริหารโดยมุ่งเน้นท่ีผลลัพธ์หรือความ สัมฤทธ์ิผลเป็นหลัก ใช้ระบบการประเมินผลงานที่อาศัยตัวช้ีวัดเป็นตัวสะท้อนผลงานให้ออกมาเป็น รูปธรรม เพือ่ การพฒั นาปรับปรุงกระบวนการการปฏิบตั ิงานให้ดียิ่งขนึ้ และแสดงผลงานต่อสาธารณะ 3. การประกันคณุ ภาพการศึกษา คุณภาพการศึกษา หมายถึงคุณลักษณะของการจัด การศึกษาทีเ่ ปน็ ไปตามมาตรฐานของหลักสตู ร ซึง่ กอ่ ใหเ้ กิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพโดยพิจารณา จากตวั ชีว้ ัดผลการปฏบิ ตั ิงานว่ามีความสอดคลอ้ งกับท่ไี ดก้ าหนดไว้ในอย่างดี ทั้งนี้ต้องก่อให้เกิดความ พึงพอใจแกผ่ มู้ ารบั บริการ อันได้แกน่ ักเรียน และผปู้ กครอง อีกทั้งยังเป็นการตอบสนองความต้องการ ของสังคมทีต่ อ้ งการผู้สาเร็จการศกึ ษาท่มี ีความรู้ความสามารถ (วีระยุทธ ชาตะกาญจน์: 2552) 4. การจัดการความรู้ เป็นท้ังวิทยาศาสตร์และศิลปะศาสตร์ที่ผสมผสานกันโดยยากที่ จะให้ค่าจากัดความที่ชัดเจน แต่อาจสรุปให้เกิดความเข้าใจง่ายๆ คือการจัดการความรู้จะเป็น กระบวนการท่ีมีความสลับซับซ้อนในการท่ีจะนาความรู้ที่มีอยู่มาสร้างขยายผลแบ่งปันจัดเก็บ และใช้ ประโยชน์ (ภารดรจนิ ดาวงศ์: 2549)
5 จากที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียง เครื่องมือ หลักการ แนวคิด ทฤษฎีท่ีเป็น นวัตกรรม ในการบริหารส่วนหนึ่งเท่าน้ัน ยังคงมีอีกเป็นจานวนมาก ทั้งน้ีการนาไปใช้เป็น นวตั กรรมในการบริหารจดั การสถานศึกษา ต้องข้นึ อยกู่ ับความเหมาะสมกับปัญหา องคก์ รแห่งนวัตกรรม บรบิ ทตา่ งๆของสถานศกึ ษานน้ั ๆ ซ่งึ นวตั กรรม แนวคิด หลักการต่างๆที่นามาใช้ ในการบริหารจัดการสิ่งที่จาเป็นอย่างยิ่งคือจะต้องเหมาะสมกับสภาพปัญหา บริบทและความ พร้อมของสถานศึกษาน้ันๆ สถานศึกษาที่จะนานวัตกรรมมาใช้เพื่อการบริหาร ให้ได้ผลดีมี ความจาเป็นท่ีสถานศึกษานั้นจะต้องมีลักษณะขององค์กรเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมด้วย ซ่ึง นกั วิชาการได้ให้แนวคดิ เก่ยี วกบั องคก์ รแหง่ นวตั กรรมไว้ ดงั นี้ กานต์ตระกูลฮุน: 2551 (อ้างถึงในองค์กรแห่งนวัตกรรมแนวคิดและ กระบวนการ, กีรติยศยิ่งยง 2552) ได้อธิบายไว้ว่า องค์กรแห่งนวัตกรรม เป็นยุทธศาสตร์ท่ี สาคญั ในการผลกั ดนั ธรุ กจิ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ท้ังในด้านการคิดพัฒนาสินค้า บริการรูปแบบ ธรุ กิจกระบวนการทางาน และการสร้างบุคลากรในทุกระดบั กีรติยศยิ่งยง: 2552 ได้ให้แนวคดิ เกี่ยวกับ องค์กรแห่งนวัตกรรม ไว้ดังนี้องค์กร แห่งนวัตกรรมเป็นแนวคิดการบริหารจัดการองค์กรแนวใหม่ ในการปรับเปล่ียนคุณลักษณะ องค์กร หรือปรับเปล่ียนพฤตติกรรมองค์กรซ่ึงเป็นส่ิงท่ีไม่เคยปรับเปลี่ยนมาก่อน เพ่ือตอบสนอง ต่อสง่ิ เรา้ ของบรบิ ทโลกาภวิ ัตน์ทม่ี คี วามรแู้ ละนวัตกรรมเป็นปัจจัยหลักในการเพิ่มคุณค่า พัฒนา ผลิตสินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพเพ่ือตอบสนองความต้องการ และความพึงพอใจของลูกค้า ความอยรู่ อดและความสามารถเชงิ การแข่งขันขององคก์ รในตลาดการค้าโลกเสรี
6 องค์กรแห่งนวัตกรรม เป็นองค์กรท่ีมีความพร้อมของบุคคล และบริบทของ องคก์ รทค่ี วามพร้อมในการเปล่ยี นแปลงไปสกู่ ารพัฒนาการเป็นองคก์ รทมี่ ีความเป็นเลิศ โดยการ ใชน้ วัตกรรมต่างๆเปน็ เครื่องมอื ในการพฒั นา องค์กรจะใช้นวัตกรรมเพ่ือการบริหารสถานศึกษาได้ประสบความสาเร็จตาม เป้าหมาย การดาเนินการให้องค์กรพร้อมที่จะเป็น องค์กรแห่งนวัตกรรมเป็นปัจจัยที่สาคัญใน การนานวัตกรรมมาใชเ้ พ่อื การบรหิ ารเพ่ือนาองค์กรหรือสถานศึกษาไปสู่ความสาเร็จ สรุป นวตั กรรมเพื่อการบรหิ ารสถานศกึ ษา เป็นเคร่ืองมือหนึ่งในการบริหารจัดการซึ่ง การนาไปใช้จะประสบความสาเร็จ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยและบริบทต่างๆอีกหลายประการ ผู้บริหารสถานศึกษาบุคลากรทีมงานต้องมีองค์ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมในการบริหารที่ นามาใช้ สามารถปฏิบัติได้ ถ่ายทอดเป็นและองค์กรหรือสถานศึกษา ต้องมีความพร้อมในการ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อนาไปสู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม ในการรองรับนวัตกรรม เพ่อื การบริหารสถานศึกษาตอ่ ไป
7 การบรหิ ารสถานศึกษายคุ ดจิ ทิ ัล (School Management in Digital Era) การเปล่ยี นแปลงทางเทคโนโลยีปจั จบุ นั และที่กาลังจะเกิดขึ้นในอนาคตมอี ัตราการ เปลี่ยนแปลงท่รี วดเร็วมากเม่ือเปรยี บเทยี บกับการเปล่ยี นแปลงในอดีตทผ่ี ่านมาซ่งึ มีผลกระทบต่อการ บริหารจัดการสถานศกึ ษาเป็นอย่างมาก ดังนั้นในฐานะผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาจึงมีความจาเปน็ ที่ตอ้ ง เปลีย่ นทัศนคตแิ ละแนวคดิ การบรหิ ารของตนเองให้ทันตอ่ สถานการณก์ ารเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ขนึ้ ทงั้ น้เี พื่อใหส้ ถานศึกษามีความทันสมัยสามารถบริหารจดั การสถานศกึ ษาได้อย่างมคี ุณภาพในทุกๆ ดา้ น ยุคดจิ ิทลั (Digital Era) คือ ยุคของอิเลคโทรนิคส์ทเี่ กีย่ วข้องกับเทคโนโลยีท่มี ีความ รวดเรว็ ในการส่อื สารการสง่ ผ่านข้อมลู ความรู้ตา่ งๆที่มอี ยู่ในสงั คมไมว่ า่ จะเปน็ ข่าวสาร ภาพหรอื วิดโี อท่ที กุ คนสามารถเขา้ ถงึ ไดอ้ ย่างรวดเรว็ ทุกท่แี ละทกุ เวลา คุณลกั ษณะยคุ ดิจทิ ลั (Characteristicsof Digital Era) พัฒนาการจากยคุ อตุ สาหกรรมมาสู่ยคุ ดิจทิ ลั ในปจั จุบนั จะเหน็ ได้วา่ มีความแตกตา่ งกัน อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั เจนโดยเฉพาะในปจั จุบนั นี้นับได้ว่าเปน็ ยุคของข้อมูลข่าวสาร และอินเตอรเ์ นต ซึ่ง ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีน่ีเองทที่ าให้ครู อาจารย์และนักเรียนของสถานศกึ ษาสามารถเข้าถึง แหลง่ ข้อมลู ความรูไ้ ด้โดยไมม่ ขี ้อจากัดในเรื่องเวลาหรือแม้แต่สถานที่ คณุ ลักษณะยคุ ดิจทิ ัลทส่ี าคัญ ตามความคดิ ของผเู้ ขียนมี 3 ประการคอื 1. ความรวดเรว็ ในการส่อื สารไม่วา่ จะเปน็ การจดั เก็บ หรอื การเข้าถึงแหลง่ ข้อมลู ขา่ วสาร ความรู้ ต่างๆ ของผ้ใู ช้ 2. การใช้เทคโนโลยีการส่อื สารทไ่ี มม่ ขี อบเขตหรือข้อจากัดในเรื่องเวลาหรือสถานท่ี ทาใหส้ ามารถ เข้าถึง รับรู้ และ เรียนร้ไู ด้ทุกที่ และทุกเวลา 3. การใช้เทคโนโลยีมาบูรณาการเชอ่ื มโยงเครอื ข่ายต่างๆให้ทกุ คนสามารถจดั เกบ็ เขา้ ถงึ ใช้ พฒั นาความรู้ เผยแพรแ่ ละแบ่งปนั ความร้ไู ดอ้ ย่างทวั่ ถงึ
8 คุณลักษณะสาคัญของยุคดิจิทัลข้างต้นน้ีจึงมีผลต่อการบริหารจัดการสถานศึกษาของ ผู้บริหารเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างย่ิงในเร่ืองของระบบสารสนเทศ (Information System) เพื่อการบริหารและการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ของ สถานศึกษาซึ่งมีความจาเป็นและมีความสาคัญต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหาร สถานศึกษา ทัศนคติต่อเทคโนโลยีและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันของ ผู้บริหารสถานศึกษาท่ีถูกต้องย่อมมีผลทาให้การลงทุนและการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ของ สถานศึกษาเปน็ ไปอย่างเหมาะสมเกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารงานของ สถานศกึ ษา ดจิ ทิ ัลเทคโนโลยกี ับการบริหารสถานศึกษา ดิจิทัลเทคโนโลยีมีผลกระทบต่อการบริหารงานของสถานศกึ ษาในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น การบริหารงานวิชาการ การจัดการเรียนการสอน การบริหารทรัพยากรบุคคล การบริหาร อาคารสถานท่ีและสภาพแวดล้อม การบริหารกิจการนักเรียน และการสร้างความสัมพันธ์กับ ชมุ ชน ซ่งึ งานของสถานศกึ ษาในทกุ ด้านจะตอ้ งมีระบบจดั การฐานข้อมูลของสถานศึกษาเพ่ือการ ตัดสินใจในการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษา จึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีต้องใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ICT (Information and Communication Technology) มาใช้การเพือ่ สร้างระบบฐานขอ้ มลู เพือ่ การบริหารและการจัดการความรู้ในงาน ด้านต่างๆตามทีก่ ลา่ วมาแลว้ ของสถานศึกษา
9 เทคโนโลยีในปัจจุบันที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องรู้จักนามาใช้ให้เกิด ประโยชนต์ ่อการบริหารจดั การสถานศึกษาไดแ้ ก่ 1. Cloud Computing เป็นเสมือนมีบริการ Server บน Internet ซ่ึง สถานศึกษาไม่จาเป็นต้องวาง ระบบ Server ของตนเองในสถานศึกษา ซ่ึงเป็นการประหยัด งบประมาณของสถานศึกษาในการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูล (Storage) การใช้ Softwareและการลงทุนด้าน Hardware รวมท้ังการลงทุนด้านบุคลากร ผู้ดูแลระบบ เนื่องจากผู้ให้บริการ Cloud จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง เอกชนท่ีให้บริการ Cloud เช่น Amazon Web Services (AWS),Microsoft Azure, IBM/SoftLayer and Google Compute Engine. ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ Cloud ข้ึนกับ Applications หรือ Software ที่จะใช้ขนาดความจุท่ีต้องการในการเก็บข้อมูล (Storage) และการเชื่อมต่อ (Connectivity) 2. Mobility Devices ได้แก่อุปกรณ์พกพาที่สามารถใช้งานได้ทุกสถานท่ี ทั้งหลาย โทรศัพท์มือถือ Smart Phones, Tablet PC และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆมี ความสามารถเข้าถึงอย่างอิสระเพ่ือการใช้งานแบบเคลื่อนท่ีได้ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มี Applications ท่ชี ่วยใหผ้ ู้ใชไ้ ม่วา่ จะเป็นครู อาจารย์บุคลากรสถานศึกษา หรือแม้แต่นักเรียนก็ สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลความรู้ต่างๆทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา จากสถิติผู้ใช้ โทรศัพทเ์ คลอื่ นทใ่ี นปี คศ. 1990 มีเพยี ง 0.2 %ของประชากร แต่ในปี คศ. 2015 เพิ่มข้ึนถึง 50% ของประชากรในขณะท่ีอดีตใช้ได้พียงการโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว (Singlepurpose) แตป่ จั จุบนั น้ีเป็นแบบ Multipurpose
10 3. Social Network ในยุคที่ส่ือสังคมออนไลน์มีอิทธิพลต่อทัศนคติ พฤติกรรมและความเชื่อของคนในสังคมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook, Twitter, WeChat หรือ Instagram ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาต้องสามารถที่จะเลือกใช้สื่อ สังคมออนไลน์เหล่านั้นอย่างถูกต้องเหมาะสมกับลักษณะงานการบริหารของสถานศึกษา เช่น ไช้กลุ่ม LINE เพื่อการส่ือสารที่รวดเร็วท่ัวถึงเฉพาะกลุ่มในการสื่อสารข้อมูล ความรู้ความ เข้าใจในการทางานที่ไม่เป็นทางการ แต่ไม่ควรใช้ในการส่ังงานหรือการบริหารท่ีเป็น ทางการ เป็นต้น ปัจจุบันน้ีสื่อสังคมออนไลน์สามารถใช้เป็นเคร่ืองมือท่ีช่วยสนับสนุนการ บริหารงานหรือทาลายบรรยากาศการบริหารงานของสถานศึกษาได้เช่นกนั 4. Internet of Things (IoT) ปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ภายในปึ คศ. 2020 น้กี ารใช้อปุ กรณ์ต่าง ๆ ในชวี ิตประจาวันจะใช้การเช่ือมต่อผ่านInternetเป็นหลักไม่ว่า จะเป็นอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้สานักงานในบ้าน Smart Phones, Tablet PC หรือ แม้กระท่ังนาฬิกาของใช้ส่วนบุคคล IoT น้ีจะสามารถนามาใช้ในการสร้างนวัตกรรมการ จัดการเรียนการสอนการจัดโครงสร้างและระบบการบริหารให้เป็นSmart Office ได้ หรือ แม้แต่การนาแนวคดิ Work at Home มาใชใ้ นอนาคต
11 จากที่กล่าวมาแล้วจะเห็นได้การบริหารสถาน ศึกษาใน ยุคดิจิทัลน้ี ถ้ารู้จักน า ดิจิทัลเทคโนโลยมี าใช้ให้เกดิ ประโยชน์ในด้านต่างๆเช่น การจัดการเรียนการสอน ครูต้องไม่ ใช้ Power Point หรือโปรแกรมนาเสนองานอื่นๆแทนกระดานดาเท่าน้ัน แต่ครูต้องสามารถ เชอ่ื มโยงข้อมลู ความรู้จากโลกภายนอกสู่ห้องเรียนโดยผ่าน Internet ก็จะทาให้นักเรียนสนุก กับการเรียนรู้มากข้ึน ครูสามารถเล่นบทบาทเป็นผู้อานวยการเรียนรู้ได้ดี นักเรียนสามารถ เรียนรู้แบบสืบสอบ ( Inquiry Learning) หรือเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning) ในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียนได้อย่างสนุกสนาน นอกจากน้ีครูอาจารย์ยัง สามารถสร้างบรรยากาศช้ันเรียนให้เป็นแบบชั้นเรียนดิจิทัล(Digital Classroom) ได้อีกด้วย ผู้เขียนเหน็ ว่าเทคโนโลยีไมส่ ามารถมาสอนแทนครูได้แต่ครูท่ีไม่ใช้เทคโนโลยีจะต้องถูกแทนท่ี โดยครูทีม่ คี วามสามารถใชเ้ ทคโนโลยี ในการบริหารด้านอื่นไม่ว่าจะเป็นการบริหางานบุคคล การบริหารกิจการ นักเรียน การบริหารงบประมาณการเงิน งานธุรการ งานอาคารสถานท่ีและสภาพแวดล้อม ตลอดจนงานความสัมพันธ์กับชุมชน เหล่าน้ีสถานศึกษาจะต้องสร้างระบบฐานข้อมูลเพ่ือการ บริหารต้องนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่าย มาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา อย่างเหมาะสมกบั ยคุ สมยั อย่างคุ้มคา่
12 คุณลกั ษณะผู้บริหารสถานศึกษายุคดจิ ทิ ลั ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาในยคุ ดจิ ทิ ัลจาเป็นทีจ่ ะตอ้ งเรยี นรู้เกยี่ วกับเทคโนโลยีการสอ่ื สารและเทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์ (ICT) และผลกระทบทเี่ กิดข้นึ ต่อการบริหารจดั การสถานศกึ ษาเพอ่ื การใช้ ICT ใหเ้ หมาะสม เกิดประโยชน์สงู สดุ อยา่ งค้มุ ค่าแท้จรงิ ดงั นนั้ คณุ ลกั ษณะของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษายุคดจิ ิทัลจึงควรเปน็ ดงั ต่อไปน้ี 1. กาหนดวิสัยทศั น์ด้าน ICT ของสถานศกึ ษาใหช้ ัดเจนวา่ ตอ้ งการไปในทศิ ทางใด และจะนามาใช้ กบั การบรหิ ารสถานศึกษาในเรอื่ งใดบา้ ง 2. การบรหิ ารจัดการโครงสรา้ งพนื้ ฐานใหส้ ามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ไดแ้ ก่ Hardware,Software, Network และเครอื ข่ายไร้สายตา่ งๆของสถานศึกษาให้ครู อาจารย์ บุคลากรและ นกั เรยี นทุกคนสามารถใชแ้ ละเขา้ ถึงไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว สะดวกต่อการใชง้ าน พรอ้ มท้ังจัดสรรทรพั ยากรต่างๆ เพือ่ สนบั สนุนอยา่ งเพียงพอ 3. การสรา้ งวัฒนธรรมการทางานและบรรยากาศสถานศึกษาให้มกี ารใช้ ICT อยา่ งแพรห่ ลายไม่ วา่ จะเปน็ การจัดการเรียนการสอนของครู การบรหิ ารงานสถานศกึ ษาในดา้ นต่างๆ ตลอดจนการให้ นกั เรียนสามารถใชแ้ ละเขา้ ถึงแหล่งขอ้ มลู ความรู้ต่างๆผ่าน Internet ไดต้ ลอดเวลา 4. การฝกึ อบรมพัฒนาบุคลากรทกุ คนของสถานศึกษาให้มีความรคู้ วามสามารถดา้ น ICT อย่าง ต่อเน่อื งสม่าเสมอ 5. ผู้บริหารสถานศกึ ษาต้องทาตนใหเ้ ปน็ ตัวอยา่ งท่ีดสี ามารถใช้ ICT ในการปฏบิ ัติงานอยา่ งได้ เหมาะสม 6. ส่งเสริมสนบั สนุนสร้างแรงจูงใจครูอาจารย์บุคลากรทุคนของสถานศกึ ษาใหน้ าความรู้ ความสามารถด้านICT และเทคโนโลยตี า่ งๆที่สถานศกึ ษาจดั ให้มาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆในการจัดการ เรียนการสอนหรือการปฏบิ ัตงิ าน 7. จัดใหม้ ีระบบการกากับตดิ ตามและการให้คาปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ ICT ของสถานศึกษาทัง้ ครู อาจารย์ บุคลากรทกุ คนและนกั เรียนว่าสามารถใช้ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เปน็ ไปตามนโยบายอยา่ งถกู ต้อง เหมาะสมหรือไม่ คุณลกั ษณะของผู้บรหิ ารสถานศึกษายคุ ดจิ ทิ ลั ขา้ งต้นนีม้ ีผลต่อการใชภ้ าวะผนู้ า ICT (ICT Leadership) ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาเปน็ อยา่ งมากเพราะภาวะผู้นา ICT หมายถึง ความสามารถของ ผบู้ ริหารในการเรยี นรู้เขา้ ใจ ยอมรบั การเปลย่ี นแปลงด้าน ICT สามารถนามาประยกุ ตใ์ ช้ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมและเกดิ ประโยชน์สูงสุดตอ่ สถานศกึ ษา
13 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ขในการบรหิ ารสถานศกึ ษายคุ ดจิ ิทัล การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลนั้นอาจจะเกิดปัญหาด้านโครงสร้างพ้ืนฐานไม่ว่าจะ เป็น Hardware,Software, หรือ Network ต่างๆ รวมทั้งความรู้ความสามารถของ ผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นครู อาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และปัญหาการใช้ เทคโนโลยี ICT ท่ีไม่เหมาะสม ต่างๆเหล่านี้จึงจาเป็นที่ผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีการ ดาเนินการดงั น้ี 1. กาหนดมาตรฐานขน้ั ต่าของโครงสร้างพ้ืนฐานเกี่ยวกับ ICT ของสถานศึกษาไม่ว่าจะ เป็น Hardware,Software, หรือ Network ต่างๆในแต่ละช่วงเวลาเช่น 2 ปี 3 ปี เป็นต้น และตอ้ งจดั ทาคูม่ ือการใช้ระบบ ICT ของสถานศึกษาสาหรับครู อาจารย์ บุคลากรและนักเรียน ทกุ คน 2. แต่งต้ังคณะกรรมการหรือบุคคลท่ีจะให้ดูแลรับผิดชอบระบบ ICT ของสถานศึกษาที่ ชัดเจนไม่ควรให้งาน ICT เป็นงานฝากให้ครู อาจารย์หรือบุคลากรบางคนช่วยดูแล เพราะจะ ขาดความตอ่ เนือ่ งและทศิ ทางท่ีชัดเจน 3. กาหนดตัวชี้วัดการใช้งานของระบบ ICT ในการปฏิบัติงานต่างๆของสถานศึกษา เชน่ สัดส่วนจานวนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ต่อครู ต่อ นักเรียน การใช้ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 75 ของจานวนคาบท้ังหมดต่อสัปดาห์ นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อบละ 60 เข้ามาใช้บริการสืบค้นข้อมูลความรู้หรือเข้ามาศึกษาหาความรู้ หรือฝึกทักษะภาษาอังกฤษใน ระบบทสี่ ถานศึกษาจดั ไวใ้ ห้ เปน็ ตน้ 4. จัดใหม้ รี ะบบการกากับติดตาม ประเมินผลการใช้งาน ICT ของสถานศึกษาในทุกๆ ด้ า น ทุ ก สิ้ น ปี ก า ร ศึ ก ษ า เ พื่ อ น า ม า เ ป็ น ข้ อ มู ล ใ น ก า ร ป รั บ ป รุ ง พั ฒ น า อ ย่ า ง ต่ อ เ นื่ อ ง 5. แสวงหาแหล่งเงินทุนจากชุมชนเพ่ือขอการสนับสนุนเกี่ยวกับโครงสร้างพ้ืนฐานด้าน ICT ของสถานศึกษาเท่าท่จี ะทาได้โดยใชม้ าตรการทางภาษีท่ผี ูบ้ รจิ าคเงินสนับสนุนสามารถนา ใชเ้ ปน็ คา่ ลดหย่อนได้ถึงสองเท่า
14 คาถามเพือ่ การนาไปสู่ Action Learning 1. ยุคดิจิทัลปัจจุบันนี้มีผลกระทบต่อการบริหารงานสถานศึกษาของท่านอย่างไรบ้าง 2. โครงสร้างพื้นฐานดา้ น ICT ของสถานศกึ ษาของทา่ นในเร่ืองใดที่ท่านต้องการพัฒนา ปรับปรงุ ให้มปี ระสทิ ธิภาพมากขนึ้ ด้วยเหตุผลอะไร 3. ปัจจุบันน้ีสถานศึกษาของท่านได้นา ICT มาใช้กับงานอะไรบ้างตั้งแต่เมื่อใด ผลการ ใช้เปน็ ที่นา่ พอใจหรือไม่เพราะเหตุใด และท่านจะดาเนินการอย่างไรเพ่ือให้ได้ผลดีเป็นที่ น่าพอใจ 4. ในฐานะผู้บริหารสถานศึกษาท่านคิดว่าจะนา ICT มาใช้กับงานของสถานศึกษาใน ด้านใดบ้างที่ท่านคิดวา่ สถานศกึ ษายงั ไมเ่ คยใช้มาก่อน 5. ท่านคดิ ว่าครู อาจารย์ ของทา่ นมสี มรรถนะ ความรู้ ความสามารถในการใช้ ICT ได้ อย่างเหมาะสมกับความคาดหวังของท่านมากน้อยเพียงใด และท่านมีแผนพัฒนาความรู้ ความสามารถของครูอาจารย์ของท่านอยา่ งไรบา้ ง KPIsz 1. สถานศกึ ษาทกุ แหง่ ตอ้ งบรหิ ารจัดการโครงสร้างพ้ืนฐานใหค้ รูทกุ คนของสถานศึกษา สามารถเขา้ ถึงระบบ ICT ของสถานศกึ ษาใชI้ nternet ไดร้ วดเร็วอยา่ งท่งั ถงึ 2. ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 90 ต้องสามารถกาหนดวสิ ัยทศั นด์ ้าน ICT ของสถานศกึ ษาได้อย่างชัดเจน 3. ผู้บริหารสถานศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 สามารถกาหนดระบบติดตามการผล ประเมินผลใช้งาน ICT เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนของครูในสถานศึกษาท่ีชัดเจน 4. ผู้บรหิ ารสถานศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ต้องจัดลาดับความสามารถด้านทักษะการ ใช้ ICT ของครู บุคลากรของสถานศึกษาออกเป็นสามกลุ่มคือ ทักษะน้อยมีปัญหาในการ ใชง้ าน ทักษะปานกลางใช้งานได้ยังไม่เต็มประสิทธิภาพของระบบ และ ทักษะดีสามารถ ใช้งานไดเ้ ต็มประสทิ ธภิ าพของระบบ
15 ช่ือ Model : Schaool Childen Counseling
16 แนวคิด/หลกั การ/เหตผุ ล ความสาคญั และความจาเปน็ ของระบบการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน การพัฒนานักเรียนใหเ้ ป็นบุคคลทีม่ ีคุณภาพทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สตปิ ญั ญา ความสามารถ มคี ุณธรรม จริยธรรม และวิถชี ีวิตท่ีเปน็ สขุ ตามท่ีสงั คมมุ่งหวัง โดยผา่ น กระบวนการทางการศึกษานั้น นอกจากจะดาเนนิ การด้วยการสง่ เสรมิ สนับสนุนนักเรยี นแลว้ การปอ้ งกันและการชว่ ยเหลือปัญหาต่างๆทเี่ กดิ ขน้ึ กบั นกั เรียนก็เปน็ ส่ิงสาคญั ประการหนง่ึ ของการ พฒั นาเนอ่ื งจากสภาพสังคมทีเ่ ปลย่ี นแปลงไปอย่างมากทัง้ ด้านการสื่อสาร เทคโนโลยตี า่ งๆซึ่ง นอกจากจะสง่ ผลกระทบต่อผูค้ นในเชงิ บวกแลว้ ในเชิงลบกป็ รากฏเช่นกนั เป็นตน้ วา่ ปญั หา เศรษฐกิจ ปัญหาการระบาดของสารเสพติด ปัญหาการแขง่ ขนั ในรปู แบบตา่ งๆ ปญั หา ครอบครวั ซงึ่ ก่อเกิดความทกุ ข์ ความวิตกกังวล ความเครียด การปรบั ตวั ทไี่ ม่เหมาะสม หรือ อน่ื ๆ ท่เี ป็นผลเสยี ตอ่ สุขภาพจิตและสภาพกายของทุกคนทเ่ี ก่ยี วข้อง ดังนั้น ภาพความสาเร็จที่ เกดิ จากการพฒั นานักเรียนให้เป็นไปตามความมงุ่ หวงั นัน้ จงึ ต้องอาศยั ความร่วมมือจาก ผเู้ กี่ยวขอ้ งทกุ ฝ่ายทกุ คน โดยเฉพาะบุคลากรครทู กุ คนในโรงเรยี น ซงึ่ มคี รูท่ีปรึกษาเปน็ หลกั สาคญั ในการดาเนนิ การต่างๆเพื่อการดูแลชว่ ยเหลือนักเรียนอยา่ งใกล้ชดิ ดว้ ยความรักและเมตตาท่ี มีต่อศษิ ย์ และภาคภูมใิ จในบทบาททมี่ สี ว่ นสาคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชวี ิตของเยาวชนให้ เติบโตงอกงาม เปน็ บคุ ลที่คณุ คา่ ของสังคมต่อไป บทบาทของครทู ่ีกลา่ วมานั้นคงมิใชเ่ รอื่ งใหม่ เพราะมกี ารปฏิบตั ิกันอยา่ งสม่าเสมอ และได้ดาเนนิ การมานานแล้วนบั ต้งั แต่อดีตจนได้รบั ยกยอ่ งให้เป็นปูชนียบุคคล แตเ่ พื่อใหท้ ันตอ่ การเปล่ยี นแปลงของยคุ สมัย โดยเฉพาะการทางานอยา่ งมีระบบทีม่ กี ระบวนการทางาน มี หลกั ฐานการปฏบิ ตั งิ าน มเี ทคนิควธิ ีการ หรือการใชเ้ ครอ่ื งมือตา่ งๆเพื่อการดูแลช่วยเหลือ นักเรียนแลว้ ความสาเรจ็ ของงานย่อมเกดิ ข้นึ อย่ารวดเรว็ มีประสทิ ธภิ าพ ผลดยี อ่ มเกิดขนึ้ กบั ทุกคนทง้ั ทางตรงและทางอ้อม ไม่วา่ จะเปน็ ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน หรอื สงั คม
17 นอกจากนี้พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พุทธศักราช 2542 ได้ กาหนดความมุง่ หมายและหลักการจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็น มนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มี จริยธรรมและวฒั นธรรมในการดารงชีวติ สามารถรว่ นอย่กู ับผู้อื่นไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข (มาตรา 6 ) และแนวการจดั การศกึ ษายังไดใ้ หค้ วามสาคัญแก่ผู้เรียนโดยยึดหลักว่า ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญท่ีสุด ต้องสง่ เสริมใหผ้ ูเ้ รยี นพัฒนาตามธรรมชาติและเตม็ ตามศักยภาพ (มาตรา 22) ใน การจัดการศกึ ษาตอ้ งเน้นความสาคัญทงั้ ความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และ บูรณาการตามความเหมาะสม ของแต่ละระดับการศึกษาซึ่งเรื่องหน่ึงที่กาหนดให้ ดาเนินการ คือเร่อื ง ความรู้และทกั ษะในการประกอบอาชีพและการดารงชีวิตอย่าง มีความสุข (มาตรา 23 ข้อ (5)) ท้ังน้ีการจัดกระบวนการเรียนให้คานึงถึงความ แตกต่างระหว่างบุคคล ให้ผู้เรียนรู้จักประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไข ปัญหา ให้รู้จักคิดเป็น ทาเป็น รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมท่ีดีงาม และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชาอีกท้ังมีการประสานความร่วมมือกับบิดา มารดา ผู้ปกครองและบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพ่ือร่วมมือกันพัฒนาผู้เรียน ตาม ศักยภาพ
18 ในการปฏิรูปวิชาชีพครู ซึ่งเป็นการพัฒนาครูให้เป็นบุคคลท่ีมีความรู้ ความสามารถคุณลักษณะที่มีคุณภาพ และมาตรฐานวิชาชีพ ตามการประกันคุณภาพ การศึกษา กรมสามัญศึกษา กรมสามัญศึกษาด้านปัจจัย คือ ครู ที่ระบุในมาตราที่ 2 ครมู คี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม คุณลักษณะที่พึงประสงค์ โดยมีตัวชี้วัดที่สาคัญและเกี่ยวข้องกับ บทบาทหนา้ ท่ีของครใู นการพฒั นานกั เรยี น คือ การมีความรัก เอ้ืออาทรเอาใจใส่ ดูแล นักเรียนอยา่ งสม่าเสมอ การมมี นษุ ยสัมพันธ์และสขุ ภาพจิตทดี่ ี พร้อมท่ีจะแนะนาและร่วมกัน แก้ปัญหาของนักเรียน แสดงให้เห็นว่า ครู ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นครูมืออาชีพ คือ นอกจากจะทาหนา้ ทีค่ รผู ู้มีความรู้ ความสามารถในการจัดการเรียนการสอนให้แก่นักเรียน แล้วยังต้องทาหน้าท่ีอ่ืนๆ ท่ีเป็นการสนับสนุนหรือพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพ ทั้งดี เก่ง มีสุข ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานด้านผลผลิต คือนักเรียนในการประกันคุณภาพการศึกษา กรมสามัญศกึ ษา มาตรฐานท่ี 4 ท่ีมุ่งให้นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึง ประสงค์ มาตรฐานท่ี 5 มสี นุ ทรียภาพและลักษณะด้านศิลปะ ดนตรี กีฬา มาตรฐานท่ี 6 รจู้ ักตนเอง พ่งึ ตนองได้ และมีบุคลิกภาพท่ีดี มาตรฐานท่ี 7 มีสุขนิสัย สุขภาพกายและ สุขภาพจติ ที่ดี ปลอดจากสง่ิ เสพติดใหโ้ ทษ ซึ่งการดูแลช่วยเหลือนักเรียนจะเป็นปัจจัยสาคัญ ประการหนึ่ง ท่ีช่วยเหลือให้นักเรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานดังกล่าวได้ โดยผ่าน กระบวนการทางานท่ีเป็นระบบ ซ่ึงมีความสอดคล้องกับมาตรฐานด้านกระบวนการของการ ประกันคุณภาพด้านการศกึ ษา กรมสามญั ศกึ ษา มาตรฐานท่ี 1 ท่ีให้โรงเรียนมีการบริหาร และการจัดการอย่างเป็นระบบ มาตรฐานที่ 4 มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดย เน้นผู้เยนเป็นศูนย์กลาง มาตรฐานที่ 7 ส่งเสริมความสัมพันธ์ และความร่วมมือระหว่าง โรงเรียนผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรภาครัฐและเอกชนในการจัดและพัฒนาการศึกษา ดงั นน้ั ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนจึงเป็นระบบท่ีสามารถดาเนินการเพื่อรับการประกัน คณุ ภาพได้ ซ่ึงครอบคลมุ ท้งั ดา้ นปัจจัย ดา้ นผลผลิตและด้านกระบวนการ
19 กรมสามัญศึกษาตระหนักถึงความสาคัญดังกล่าวจึงจัดทาระบบการ ช่วยเหลือนักเรียนเพ่ือให้มีกระบวนการทางานเป็นระบบ มีความชัดเจน มีการประสาน ความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน รวมทั้งวิธีการ กจิ กรรมและเครือ่ งมือต่างๆ ที่มีคณุ ภาพในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอันจะส่งผลให้ระบบ การดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียนประสบความสาเร็จโดยมีแนวคดิ หลกั ในการดาเนนิ งาน ดงั น้ี 1. มนุษยท์ ุกคนมีศักยภาพทจ่ี ะเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ตลอดชีวิต เพียงแต่ ใช้เวลาและวิธีการท่ีต่างกัน เนื่องจากแต่ละคนมีความเป็นปัจเจกบุคคล ดังน้ัน การยึด นักเรียนเป็นสาคัญในการพัฒนา เพ่ือดูแลช่วยเหลือ ท้ังด้านการป้องกัน แก้ไขปัญหา หรอื การส่งเสริมจึงเป็นสงิ่ จาเปน็ 2. ความสาเร็จของงาน ต้องอาศัยการมีส่วนร่วม ทั้งการร่วมใจ ร่วมคิด ร่วมทาของทุกคนท่ีมีส่วนเก่ียวข้อง ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรโรงเรียนในทุกระดับ ผปู้ กครอง หรอื ชุมชน วัตถปุ ระสงค์ของระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น 1. เพ่อื ให้การดาเนนิ งานดแู ลชว่ ยเหลือนักเรยี นของโรงเรียน เป็นไปอย่าง ระบบและมปี ระสิทธิภาพ 2. เพื่อให้โรงเรียน ผู้ปกครอง หน่วยงานที่เก่ียวข้อง หรือชุมชน มี การทางานร่วมกันโดยผ่านกระบวนการทางานท่ีมีระบบ พร้อมด้วย เอกสาร หลักฐาน การปฏิบัตงิ าน สามารถตรวจสอบหรือรบั การประเมนิ ได้
20 ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รบั 1. นักเรียนได้รับการดูแลชว่ ยเหลอื อยา่ งทวั่ ถงึ และตรงตามสภาพปัญหา 2. สัมพันธภาพระหวา่ งครูกับนกั เรยี นเป็นไปด้วยดี และอบอนุ่ 3. นักเรียนรูจ้ กั ตนเองและควบคมุ ตนเองได้ 4. นักเรยี นมกี ารพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ 5. นักเรยี นเรียนรู้อยา่ งมคี วามสุข ปัจจัยสาคัญที่มผี ลต่อประสทิ ธภิ าพของการดาเนนิ งานตามระบบการช่วยเหลอื นกั เรยี น 1. ผูบ้ รหิ ารโรงเรยี น รวมทัง้ ผู้ชว่ ยบรหิ ารโรงเรยี นทกุ ฝา่ ย ตระหนกั ถึงความสาคัญของ ระบบการดแู ลช่วยเหลือนักเรยี น และให้การสนบั สนนุ การดาเนนิ งาน หรือรว่ มกิจกรรมตามความเหมาะสม อยา่ งสม่าเสมอ 2. ครทู กุ คนและผู้เกีย่ วข้องจาเปน็ ตอ้ งมีความตระหนัก ในความสาคญั ของระบบการดแู ล ช่วยเหลือนักเรียน มีทัศนคตทิ ด่ี ตี ่อนักเรยี น และมีความสุขทจ่ี ะพัฒนานกั เรยี นในทกุ ด้าน 3. คณะกรรมกาหรอื คณะทางานทุกคณะ ต้องมกี ารประสานงานอยา่ งใกลช้ ิดและมีการ ประชมุ ในแตล่ ะคณะ อย่างสม่าเสมอตามทกี่ าหนด 4. ครูทป่ี รึกษาเปน็ บุคลากรหลกั สาคัญในการดาเนนิ งาน โดยไดร้ บั ความร่วมมือจากครูทกุ คนในโรงเรียน รวมทง้ั การสนบั สนุนในเร่อื งต่างๆ จากโรงเรียน 5. การอบรมใหค้ วามรู้และทักษะ รวมท้ังการเผยแพร่ขอ้ มลู ความรแู้ กค่ รูที่ปรกึ ษาหรอื ผูเ้ กยี่ วข้องในเรอื่ งที่เออื้ ประโยชนต์ ่อกรดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียนเปน็ ส่งิ จาเปน็ โดยเฉพาะเรอ่ื งทกั ษะการปรึกษา เบื้องต้นและแนวทางการแกไ้ ขปญั หาต่างๆของนักเรียน ซง่ึ โรงเรียนควรดาเนินการอยา่ งตอ่ เนื่องและ สมา่ เสมอ
21 ความหมายของระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน ระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรียน เป็นกระบวนการดาเนนิ งานดูแล ชว่ ยเหลอื นกั เรยี นอยา่ งขนั้ ตอน พร้อมด้วยวิธกี ารและเครอื่ งมือการทางานท่ชี ดั เจนโดยมีครู ทีป่ รึกษาเป็นบคุ ลากรหลกั ในการดาเนนิ การดงั กล่าว และมีการประสานความรว่ มมอื อย่าง ใกลช้ ิดกบั ครูท่ีเกีย่ วข้องหรอื บุคลากรภายนอก รวมทง้ั การสนับสนนุ ส่งเสริมจากโรงเรียน กระบวนการดาเนินงานตามระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน กระบวนการดาเนนิ งานตามระบบการดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น โดยครูท่ี ปรกึ ษาเปน็ บคุ ลากรหลักในการปฏบิ ตั ิงานมีองค์ประกอบสาคัญ 5 ประการ คอื 1. การรู้จกั นักเรยี นเป็นรายบคุ คล 2. การคัดกรองนักเรยี น 3. การสง่ เสริมนักเรียน 4. การปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหา 5. การสง่ ตอ่
22 Model/Flow Chart กระบวนการดาเนินงานตามระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียนของครทู ปี่ รึกษา
23 ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับ จากการใช้ระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี นนนั้ ประเดน็ สาคัญทสี่ ุด คอื นกั เรียนไดร้ ับการดูแล ชว่ ยเหลืออย่างทัว่ ถงึ และตรงตามสภาพปัญหา รวมไปถงึ สมั พันธภาพระหว่าง ครูกบั นกั เรยี น เป็นไปด้วยดี และอบอุ่น นอกจากนี้ยงั สง่ ผลทาให้ 1. การดาเนินงานดแู ลช่วยเหลอื นักเรียนของโรงเรียน เปน็ ไปอยา่ งมรี ะบบ และมปี ระสทิ ธิภาพ 2. โรงเรยี น ผปู้ กครอง หน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง ชมุ ชน มีการทางานร่วมกัน โดยผา่ นกระบวนการทางานที่มี ระบบ พร้อมดว้ ยเอกสาร หลักฐานการปฏิบัตงิ าน สามารถตรวจสอบ หรอื รบั การประเมินได้ ประโยชนท์ ี่ คาดวา่ จะได้รับ 3. นกั เรียนร้จู ักตนเอง และควบคุมตนเองได้ 4. นักเรียนมกี ารพัฒนา ความฉลาดทางอารมณ์ 5. นักเรยี น เรยี นรอู้ ย่างมคี วามสขุ ปจั จยั สาคญั ท่มี ผี ลต่อประสทิ ธภิ าพ ของการดาเนนิ งานตามระบบการดแู ลและช่วยเหลือนกั เรียน 1. ผบู้ รหิ าร ผู้ช่วยทุกฝา่ ยตระหนกั ถึงความสาคัญ และให้การสนบั สนุนการดาเนินงาน หรือรว่ มกจิ กรรม ตามความเหมาะสมอย่างสมา่ เสมอ 2. ครูทุกคน และผเู้ ก่ยี วข้องตอ้ งมคี วามตระหนัก มีทศั นคติท่ีดีตอ่ นักเรียน และมคี วามสุขทจ่ี ะพัฒนานักเรียน ในทุกด้าน 3. คณะกรรมการหรือคณะทางานทุกคน ต้องมีการประสานงาน/มกี ารประชุมสม่าเสมอตามกาหนด 4. ครูทีป่ รกึ ษาเปน็ บุคคลหลกั สาคญั ในการดาเนินงาน โดยต้องได้รับความร่วมมอื จากครูทกุ คนในโรงเรยี น รวมทั้งการสนับสนุนในเรื่องต่างๆ จากโรงเรียน 5. อบรมให้ความรูแ้ ละทักษะ รวมทง้ั การเผยแพรข่ อ้ มลู ความร้แู กค่ รูท่ปี รกึ ษา ผเู้ กีย่ วข้อง ในเรื่องทีเ่ อ้อื ประโยชนต์ ่อการดแู ลช่วยเหลอื นักเรียนเป็นสาคญั โดยเฉพาะเรอ่ื งทักษะ ให้คาปรึกษา และแนวทางแกไ้ ข ปญั หาต่างๆ ของนกั เรยี น ซ่ึงโรงเรยี น ควรดาเนนิ การอยา่ งตอ่ เนอื่ ง และสมา่ เสมอ
24 แหล่งอ้างองิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, วารสารวชิ าการสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พฐ้ื านปีท่ี 12 ฉบบั ท่ี3กรกฎาคม-กนั ยายน 2552, โรงพิมพ์สกสค. ลาดพรา้ ว กรี ติยศยงิ่ ยง, องคก์ รแห่งนวัตกรรมแนวคิดและกระบวนการ, สานักพิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, 2552 ณฐั ยา สน้ ตระการผล, การบรหิ ารจัดการนวัตกรรม, ธรรกมลการพิมพ์, กรุงเทพมหานคร, 2550 ภารดร จินดาวงศ์, การจัดการความรู้, ซดี ับบลิวซพี รนิ้ ต้งิ , กรุงเทพมหานคร, 2549 วีระยุทธชาตะกาญจน์, เทคนคิ การบรหิ ารสาหรบั นักบริหารการศึกษามืออาชพี , สานกั พิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2552 วรภทั ร ภเู่ จรญิ ,การบรหิ ารนวตั กรรมอย่างย่งั ยนื และพอเพียง ,หจก.สามลดา, กรงุ เทพมหานคร,2550 สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน,มาตรฐานการบริหารและการจัด การศึกษาโดยใช้สถานศกึ ษาเปน็ ฐาน,โรงพมิ พ์สานักงานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ ,กรงุ เทพมหานคร โครงการสานพลังประชารัฐ (ทรูปลกู ปญั ญา) http://www.trueplookpanya.com/ www.yangkon.ac.th/care2559/file/Syshelp.doc
นางสาวก่งิ กาญจน์ จัดทาโดย รหัสนิสติ 61500631 พระณัฐชยั แหลมมาก รหสั นิสติ 61500675 นางสาวพมิ พธ์ นพร จาปา รหัสนสิ ิต 61500710 นายเศรษฐพงศ์ นันภวิ งค์ รหสั นิสติ 61500743 นนั ภวิ งค์
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: