Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ข้าวหอมมะลิโลก-เล่ม ใหม่

ข้าวหอมมะลิโลก-เล่ม ใหม่

Published by 945sce00477, 2020-04-30 03:58:40

Description: ข้าวหอมมะลิโลก-เล่ม ใหม่

Search

Read the Text Version

นทิ รรศการ ศูนย์เรียนร้ขู ้าวหอมมะลโิ ลก ศนู ย์วทิ ยาศาสตรแ์ ละวัฒนธรรมเพอ่ื การศึกษารอ้ ยเอด็ สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

2 บทนา ข้าวถือเป็นอาหารหลักของคนไทย การทานาจึงถือเป็นวิถีชีวิตวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวหอมมะลิ นอกจากจะเป็นอาหารหลักของผู้คนแล้ว ยังเป็นผลิตผลจากธรรมชาติ ท่ีน่าพิศวงมีคุณภาพทางโภชนาการ และมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในแถบถ่ินทุ่งกุลา สร้างชื่อเสียงของ จังหวัดร้อยเอ็ดและประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักของนานาประเทศท่ัวโลก ซึ่งจังหวัดได้จดสิทธิบัตรสิ่งบ่งชี้ทาง ภูมิศาสตร์(GI) ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา เพ่ือสร้างชื่อและเอกลักษณ์เฉพาะ สาหรับไปใช้ในการประชาสัมพันธ์และ ส่งเสริมการตลาดข้าวหอมมะลิของจงั หวดั ร้อยเอ็ดแล้ว ด้วยความสาคัญและคุณสมบัติที่พิเศษดังกล่าว จังหวัด ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด จัดทาศูนย์เรียนรู้ข้าวหอมมะลิโลกข้ึน เพื่อถ่ายทอดความรู้เชิงทฤษฎีผ่านรูปแบบนิทรรศการท่ีทันสมัย เรียนรู้ง่าย สามารถนาไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจาวันได้ เป็นแหล่งเรียนรู้ของเกษตรกร ผู้สนใจและนักท่องเท่ียวให้มีความรู้ ทัศนคติที่ดีเก่ียวกับข้าว หอมมะลิ รวมถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรมของชาวนาทุ่งกุลา เป็นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยว ของจงั หวัดและประเทศไทยอกี ทางหน่ึง

3 1. ภมู ิศาสตรเ์ ขตทงุ่ กุลา โซน 1 ภูมศิ าสตร์เขตทงุ่ กุลา Graphic 1.1 ประวตั ิศาสตร์และความเป็นมาของท่งุ กลุ า ตานานแห่งทุ่งกว้างที่มีชื่อว่า “ทุ่งกุลาร้องไห้” นี้มีเร่ืองเล่าว่า พ่อค้าชาวเผ่ากุลาคนหน่ึงซึ่งมีอาชีพ ค้าขายสินค้าเครื่องประดับ และของใช้จิปาถะ เดินทางมาขายตามหมู่บ้านในภาคอีสาน หนทางไปน้ันมีแต่ทุ่ง หญ้าที่แหง้ แล้ง พอ่ ค้าชาวกุลาน้ันคิดว่าตนเองเปน็ นักต่อสู้ท่ีมีความเข้มแข็งอดทนเต็มเปี่ยมและเดนิ ไดเ้ ร็วคงจะ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน จึงเตรียมอาหารและน้าไปเท่าที่เคย เมื่อพ่อค้าเดินทางไปจริงๆแล้วกลับพบว่าแสน กนั ดารเกินบรรยาย จนกระท่ังทนทุกข์ทรมานไม่ไหว จนต้องน่ังรอ้ งไห้ ต้งั แตน่ น้ั มาชาวบ้านกพ็ ากนั เรยี กท้องทุ่ง แห่งนว้ี า่ “ทุ่งกลุ ารอ้ งไห้”

4 VDO 1.1 สภาพภูมิศาสตรเ์ ขตทุ่งกุลา ทงุ่ กลุ ารอ้ งไห้ แหล่งปลกู ข้าวหอมมะลทิ ดี่ ีที่สุดในโลก มอี าณาเขตกว้างขวางทีส่ ุดในภาคอีสานใหญ่กว่า กรุงเทพถึง 2 เท่าตัว ด้วยเน้ือท่ีประมาณ สองล้านไร่ ครอบคลุมพื้นท่ี 13 อาเภอ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด ร้อยเอ็ด มีพ้ืนที่มากที่สุดอยู่ใน อาเภอปทุมรัตน์ อาเภอเกษตรวิสัย อาเภอสุวรรณภูมิ อาเภอโพนทราย และ อาเภอหนองฮี พ้ืนท่ีประมาณ 986,807 ไร่ คิดเป็น 46.8% จังหวัดสุรินทร์ อาเภอชุมพลบุรีและอาเภอท่าตูม พ้ืนที่ประมาณ 575,933 ไร่ คิดเป็น 27.3% จังหวัดศรีสะเกษ อาเภอศิลาลาด อาเภอราษีไศล และอาเภอยาง ชุมน้อย พ้ืนที่ประมาณ 287,000ไร่ คิดเป็น 13.6% จังหวัดมหาสารคาม อาเภอพยัคฆภูมิพิสัย พ้ืนที่ประมาณ 193,890 ไร่ คิดเป็น 9.2% และจังหวัดยโสธร อาเภอค้อวัง และอาเภอมหาชนะชัย พ้ืนท่ีประมาณ 64,000 ไร่ คดิ เปน็ 3.1% ในอดีตบริเวณทุ่งกุลาร้องไห้เป็นใต้ทะเลโบราณมาก่อน พบว่ามีเกลือละลายปนอยู่ในชั้นใต้ดิน ค่อนข้างสูง ดินช้ันบน เป็นดินร่วนปนทรายสภาพเป็นกรดปานกลาง ดินช้ันล่างบางช่วงเป็นดินเหนียวปนทราย เป็นดินจืดไม่มีแร่ธาตุและอาหาร ทุ่งกุลาร้องไห้ภูมิประเทศอยู่บริเวณเขตศูนย์สูตร (Tropical Savannah Climate) ที่มีฝนตกเป็นช่วงๆ สภาพพ้ืนท่ีระบายน้าไม่ค่อยดีนัก หากฝนตกจะเกิดน้าท่วมฉับพลัน ลักษณะดิน ท่ีไม่อุ้มน้า พอฝนทิ้งช่วงก็จะแห้งแลง้ ทันที บางแห่งแตกระแหง บางแห่งมองเห็นเม็ดเกลือเลก็ ๆ ขึ้นจับหน้าดิน ผนวกกับภูมิอากาศที่มีแดดจัดราว 70% ของช่วงเวลาปลูกข้าว ทาให้ผืนดินแห่งน่ีต้องเผชิญกับสภาพดินทราย รสเค็ม น้าท่วมหนัก สภาพแห้งแล้ง อากาศหนาวเย็น และหมอกลงจัด ซึ่งสภาพเหล่านี้ท่ีบ่มเพาะให้ข้าวหอม มะลิทุ่งกลุ ารอ้ งไห้มเี อกลกั ษณ์ด้านรสชาตแิ ละกลิ่นอนั แตกตา่ งจากข้าวหอมมะลิท่ปี ลูกในพน้ื ท่ีอน่ื ๆ

5 2. รากเหงา้ แห่งวถิ ีวัฒนธรรม โซน 2 รากเหงา้ แห่งวถิ วี ัฒนธรรม ข้าว รากเหง้าแห่งวถิ ีวัฒนธรรม พิธีกรรมความเช่ือเป็นส่ิงท่ีมีคุณค่า มีความสาคัญต่อคนไทย นัยหน่ึงก็เพราะพิธีกรรม ของข้าวเก่ียวข้องโดยตรงกับการดารงชีวิตของคนไทยท่ีบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก และมีนาข้าวเป็น แหลง่ ข้าวปลาอาหารเปน็ บ่อเกดิ ของกาลังกายอีกนยั หน่ึงพิธีกรรมกช็ ว่ ยให้มีขวัญกาลงั ใจและเกิดความ มน่ั คงในจิตวิญญาณ ความเชื่อที่วา่ ข้าวมแี มโ่ พสพ ดินมีแมธ่ รณี นา้ มีแม่คงคายังทาให้คนไทยเกิดความ ออ่ นนอ้ มถ่อมตนต่อธรรมชาติที่เก้ือหนนุ ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ บรรพบุรษุ ไทยอาศยั ความเชื่อน้ีเป็น กุศโลบายในการรักษาธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมเมื่อเชื่อวา่ สิ่งต่างๆ มเี ทพเทวาอารักษ์ก็ทาใหเ้ กิดความ เคารพยาเกรง ไม่รุกล้ากระทาการที่ก่อให้เกิดความเสยี หายแก่ธรรมชาติกลายเป็นกฎกติกาท่ีคนในทกุ ชุมชนถอื ปฏิบัติรว่ มกนั อย่างพร้อมเพรียง ชว่ ยให้สงั คมมคี วามสงบสุขข้นึ อกี ทางหนึ่ง

6 ประเพณีไทยอีสานเอาบุญสิบสองเดือน ภาคอีสาน เป็นภาคหนึ่งของประเทศไทยท่ีมีความมั่งค่ังในด้านประเพณีวัฒนธรรม มีวิถี ชีวิตที่ผูกติดกับพิธีกรรม เป็นภาคท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ของภาษา ประเพณีวัฒนธรรม ซ่ึงจะมีงานบุญ เยอะมากใน 1 ปี มีประเพณีพิธีกรรมทุกเดือน เพราะคนอีสานยึด ฮีต 12 ครอง 14 เป็นธรรมเนียม ปฏิบตั ิ ฮีตสบิ สอง คองสบิ สี่ ฮีตสิบสอง หมายถึง จารีตประเพณีประจาสิบสองเดือน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีท่ีชาวบ้าน จะได้มาร่วมชุมนุมและทาบุญในทุกๆเดือนของรอบปี และถือเป็นจรรยาของสังคม ผู้ที่ฝ่าฝืนก็จะเป็น ผู้ท่ีผิดฮีตหรือผิดจารีตน่ันเอง(หลายคร้ัง ฮีตสิบสองมักจะกล่าวควบคู่ \" คองสิบสี่ \" (คองสิบส่ี) ท่ีเป็น ดงั แบบแผนหรอื แนวทางดาเนินชวี ติ (คอง=ครรลอง) แต่จะม่งุ เน้นไปทางศีลธรรมมากกว่าด้านอาชีพ เดือนเจียง (เดือนอ้าย) มีการประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็นเดือนที่พระสงฆ์เข้ากรรม (ปริวาส กรรม) เพื่อให้พระสงฆ์ผู้กระทาผิด ได้สารภาพต่อหน้าคณะสงฆ์ เป็นการฝึกจิตสานึกถึงความบกพร่อง ของตน และมุ่งประพฤติตนใหถ้ ูกตอ้ งตามพระธรรมวนิ ัยต่อไป ชาวบา้ นกจ็ ะมีการทาบญุ เลี้ยงผีต่างๆ เดือนย่ี ในฤดูหลังการเก็บเก่ียว ชาวบ้านจะทาบุญคูณข้าวหรือบุญคูณลาน โดยนิมนต์พระ สวดมนต์เย็น เพ่ือเป็นมงคลแก่ข้าวเปลือก รุ่งเช้าเมื่อพระฉันเช้าแล้วจะมีการทาพิธีสู่ขวัญข้าว นอกจากนชี้ าวบา้ นจะเตรียมเกบ็ สะสมฟืนไวห้ ุงต้มทบ่ี า้ น เดอื นสาม ในม้ือเพ็ง หรือวนั เพ็ญเดือนสาม จะมีการทาบุญข้าวจีแ่ ละบุญมาฆบชู า การทาบุญ ข้าวจ่ีจะเร่ิมตอนเช้าโดยใช้ข้าวเหนียวปั้นใส่น้าอ้อยนาไปจ่ีบนไฟอ่อนแล้วชุบด้วยไข่ เมื่อสุกแล้วนาไป ถวายพระ เดือนส่ี ทาบุญพระเหวดฟังเทศน์มหาชาติ ในงานบุญน้ีมักจะมีผู้นาของมาถวายพระ ซ่งึ เรยี กว่า\"กณั ฑห์ ลอน\" หรอื ถ้าจะถวายเจาะจงเฉพาะพระนกั เทศนท์ ี่ตนนิมนต์มาก็จะเรยี กวา่ \"กณั ฑ์ จอบ\" เพราะตอ้ งแอบซุม่ ดใู ห้แนเ่ สียกอ่ นวา่ ใช่พระรูปทจ่ี ะถวายเฉพาะเจาะจงหรือไม่ เดือนห้า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หรือบุญสรงน้า หรือบุญเดือนห้า ซ่ึงมีขึ้นในวันขึ้น 15 ค่า เดือนห้า และถือเป็นเดือนสาคัญ เพราะเป็นเดือนเริ่มต้นปีใหม่ไทย การสรงน้าจะมีทั้งการรดน้า พระพุทธรูป พระสงฆ์ และผู้หลกั ผู้ใหญ่ ด้วยน้าอบนา้ หอมเพอื่ ขอขมาและขอพร ตลอดจนมีการทาบุญ ถวายทาน เดือนหก ประเพณีบุญบั้งไฟและบุญวันวิสาขบูชา การทาบุญบ้ังไฟเป็นการขอฝน พร้อมกับ งานบวชนาค ซ่ึงการทาบุญเดือนหกถือเป็นงานสาคัญก่อนการทานา หมู่บ้านใกล้เคียงจะนาเอาบ้ังไฟ มาจุดประชันขันแข่งกัน หมู่บ้านที่รับเป็นเจ้าภาพจะจัดอาหาร เหล้ายามาเล้ียง เมื่อถึงเวลาก็จะต้ัง ขบวนแห่บงั้ ไฟและราเซ้ิงออกไป ณ ลานท่ีจุดบง้ั ไฟ ด้วยความสนกุ สนานคาเซิ้งและการแสดงประกอบ จะออกไปในเร่ืองเพศ แต่จะไม่คิดเป็นเร่ืองหยาบคายแต่อย่างใด ซึ่งประเพณีบุญบ้ังไฟจะจัดข้ึนอย่าง ย่ิงใหญ่ทุกปีท่ีจังหวัดยโสธร ส่วนการทาบุญวิสาขบูชาน้ัน จะมีการทาบุญเลี้ยงพระ ฟังเทศน์ ช่วงเย็น มีการเวยี นเทียนเช่นเดียวกบั ภาคอ่ืนๆ

7 เดือนเจ็ด ทาบุญซาฮะ (ล้าง) หรือบุญบูชาบรรพบุรุษ มีการเซ่นสรวงหลักเมือง หลักบ้าน ปู่ตา ผตี าแฮก ผเี มอื งเปน็ การทาบญุ เพือ่ ระลึกถึงผู้มีพระคุณ เดือนแปด ทาบุญเข้าพรรษาซ่ึงเป็นประเพณีทางพุทธศาสนาโดยตรง ลักษณะการจัดงานจึง คล้ายกับทางภาคอื่นๆของประเทศไทย เช่น มีการทาบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร มีการฟังธรรมเทศนาตอนบ่าย ชาวบ้านหล่อเทียนใหญ่ถวายเป็นพุทธบูชาและเก็บไว้ตลอด พรรษา การนาไปถวายวัดจะมีขบวนแห่ฟ้อนราเพ่ือให้เกิดความคึกคักสนุกสนาน ประเพณีแห่เทียน พรรษาท่ีย่ิงใหญ่ที่สดุ ตอ้ งเปน็ ทจ่ี งั หวัดอบุ ลราชธานี เดือนเก้า ประเพณีทาบุญข้าวประดับดิน เป็นการทาบุญเพื่ออุทิศแก่ญาติผู้ล่วงลับ เพื่อบูชา ผีบรรพบุรุษและผีไร้ญาติ โดยชาวบ้านจะทาการจัดอาหาร ประกอบด้วยข้าว ของหวาน หมากพลู บุหรี่ ห่อด้วยใบตองกล้วย ร้อยเป็นพวง เตรียมไว้ถวายพระช่วงเลี้ยงเพล บางพื้นท่ีอาจจะนาห่อข้าว นอ้ ย เหลา้ บุหรี่ แลว้ นาไปวางหรอื แขวนไว้ตามตน้ ไม้ และกลา่ ว เชญิ วิญญาณของบรรพบุรษุ และญาติ มิตรท่ีล่วงลับไปมารับส่วนกุศลในครั้งน้ี ต่อมาใช้วิธีการกรวดน้าหลังการถวายภัตตาหารพระสงฆ์แทน การทาบญุ ขา้ วประดับดิน นิยมทากันในวันแรม 14 ค่า เดอื นเกา้ หรือท่เี รยี กวา่ บญุ เดอื นเก้า เดือนสิบ ประเพณที าบุญขา้ วสากหรือข้าวสลาก (สลากภตั ร) ตรงกบั วันเพ็ญ เดอื นสิบ ผูถ้ วาย จะเขียนชื่อของตนลงในภาชนะที่ใส่ของทาน และเขียนชื่อลงในบาตร ภิกษุสามเณรรูปใดจับได้ สลาก ของใคร ผู้น้นั จะเข้าไปถวายของ เมื่อพระฉันเสรจ็ แล้วจะมกี ารฟงั เทศน์ เพ่อื เปน็ การอทุ ศิ ให้แก่ผ้ตู าย เดือนสิบเอ็ด ประเพณีทาบุญออกพรรษา ในวันข้ึน 15 ค่าสิบเอ็ด พระสงฆ์จะแสดงอาบัติ ทาการปวารณา คือ การเปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ต่อมาเจ้าอาวาสหรือพระผู้ใหญ่จะให้ โอวาทเตือนพระสงฆ์ ให้ปฏิบัติตนอย่างผู้ทรงศีล พอตกกลางคืนจะมีการจุดประทีป โคมไฟ นาไป แขวนไว้ตามต้นไม้ในวัดหรือตามริมรั้ววัด จึงเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า บุญจุดประทีปในจังหวัดนครพนม จะมีประเพณีการไหลเหลือไฟ ซ่ึงตกแต่งด้วยตะเกียงน้ามันก๊าดเป็นรูปต่างๆ สวยงามกลางลาน้าโขง และมีหลายจังหวัดที่จัดงานแห่ปราสาทผึ้งข้ึน แต่ท่ีนับว่าเป็นต้นตารับและมีความยิ่งใหญ่กว่าท่ีใด กค็ อื จังหวัดสกลนคร เดือนสิบสอง เป็นเดือนส่งท้ายปีเก่า ซึ่งจะมีการทาบุญกองกฐินโดยเริ่มต้ังแต่วันแรม หนึ่งค่า เดือนสิบเอ็ดถึงกลางเดือนสิบสอง แต่ชาวอีสานในสมัยก่อนนิยมเร่ิมทาบุญทอดกฐินกันตั้งแต่ข้างขึ้น เดือนสิบสอง จึงมักจะเรียกบุญกฐินว่า บุญเดือนสิบสอง สาหรับประชาชนท่ีอาศัยอยู่ตามริมฝั่งแม่น้า ใหญ่ เช่น แม่น้าโขง แม่น้าชี และแม่น้ามูล จะมีการจัดส่วงเฮือ (แข่งเรือ) เพื่อระลึกถึงอุสุพญานาค บางแห่งจะมีการทาบุญดอกฝ้ายเพ่ือใช้ทอเป็นผา้ ห่มกันหนาวถวายพระเณร มีการจดุ พลตุ ะไลและบาง แห่งจะมีการทาบุญโกนจกุ ลูกสาว ซ่งึ นยิ มทากันมากในสมยั กอ่ น ประเพณีทั้งสิบสองเดือน ชาวอีสานโบราณถือว่าเป็นหน้าท่ีของทุกคนท่ีจะต้องร่วมมือกัน อยา่ งจริงจัง ต้ังแตเ่ ดือนอ้ายจนถึงเดือนสิบสอง ใครท่ไี มไ่ ปช่วยงานบุญก็จะถูกสงั คมตั้งข้อรงั เกียจ และ ไม่คบค้าสมาคมด้วย การร่วมประชุมทาบุญเป็นประจาทาให้ชาวอีสานมีความสนิทสนมรักใคร่และ สามัคคีกัน ทั้งภายในหมู่บ้านของตนและในหมู่บ้านใกล้เคียง ปัจจุบันด้วยสภาพสังคมท่ีเปล่ียนไป ส่งผลให้ประเพณี 12 เดือนหลายอย่างของชาวอีสานเปล่ียนแปลงไปตามยุคสมัย ในขณะที่บาง

8 ประเพณีก็เร่ิมสูญหาย ซ่ึงหากประเพณีเหล่านี้ไม่มีการสืบทอดหรอื ไม่มีการอนุรักษ์ไว้ บางทีในอนาคต เดก็ รนุ่ ใหม่อาจไมร่ จู้ ักประเพณีอนั ดีงามอยา่ ง \"ฮตี สบิ สอง\" กเ็ ป็นได้ 3. มารจู้ ัก...ข้าวหอมมะลิ โซน 3 มารูจ้ กั ...ขา้ วหอมมะลิ VDO 3.1 จากหน่งึ ...เมล็ดพนั ธ์ุ

9 ข้าวหอมมะลิ ข้าวพันธ์ุไทย ที่เกิดจากรวบรวมพันธ์ุข้าวพื้นเมืองในประเทศไทย นาไปทดลอง ปลูกเพ่ือคัดเลือกพันธุ์ และปลูกเปรียบเทียบพันธ์ุ ที่สถานีทดลองข้าวโคกสาโรง จากจานวน 199 รวง ได้ข้าวรวงท่ี 105 ที่มีลักษณะท่ีโดดเด่น เมล็ดสวยงาม เรียวยาว มีความมันเล่ือม เมื่อหุงสุกจะมีความ นุ่ม เหนียว และหอมกรุ่นชวนรับประทานจากนั้นกรมการข้าวนาไปขยายผลในพ้ืนท่ีปลูกข้าว ท่ัวประเทศ และพบว่าแหล่งท่ีปลูกต้นข้าวหอมมะลิท่ีดีที่สุดอยู่“ทุ่งกุลาร้องไห้” เนื่องจากสภาพ ภมู ปิ ระเทศและดินฟา้ อากาศอยู่ในเงอ่ื นไขท่เี หมาะสม ปัจจัยที่ทาให้ข้าวขาวดอกมะลิ 105 มีกลิ่นหอม เกิดมาจากสาร 2AP (2-acetyl-1- pyrroline) ที่มีกลิ่นเหมือนใบเตย ต่อภายหลังนักวิทยาศาสตร์ไทย ก็สามารถถอดรหัสค้นพบยีน ความหอมของข้าวหอมมะลิ อยู่ท่ีโคมโมโซมคู่ที่ 8 นอกจากนี้ข้าวหอมมะลิยังถูกนาไปวิจัยพัฒนา และปรับปรุงพันธ์ุ โดยการใช้รังสีชักนาให้เกิดการกลายพันธุ์โดยใช้รังสีแกมมาปริมาณ 15 กิโลแรด อาบเมล็ดพันธ์ุข้าว แล้วนามาปลูกคัดเลือก จนได้สายพันธ์ุใหม่ ข้าว กข ๑๕ ท่ีต้องการน้าน้อยและให้ ผลผลิตไดเ้ ร็วข้นึ ด้วยกล่ินที่หอมกรุ่น หุงแล้วอ่อนนุ่ม เมล็ดสีขาวเรียวยาว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จึงทาให้ ข้าวหอมมะลิถูกรับรองข้ึนทะเบยี นสิง่ บ่งช้ที างภมู ิศาสตร์ หรือที่เรียกว่า Gi จากสหภาพยโุ รป หรือ EU เป็นจุดเด่นท่ีแตกต่าง และไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้ข้าวหอมมะลิไทยจึงเป็นท่ีต้องการในตลาด ตา่ งประเทศมากมาย ประวตั ิพนั ธ์ุ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ได้มาโดยนาย สุนทร สีหะเนิน เจ้าพนักงานข้าว รวบรวมจากอาเภอบางคล้า จังหวัด ฉะเชิงเทรา เมื่อ พ.ศ.2493- 2494 จานวน 199 รวง แล้วนาไปคัดเลือกแบบคัดพันธ์ุบริสุทธ์ิ (pure line selection) และปลูกเปรียบเทียบพันธ์ุท่ีสถานีทดลองข้าวโคกสาโรง แล้วปลูกเปรียบเทียบพันธ์ุ ในท้องถ่ิน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จนไดส้ ายพนั ธุ์ ขาวดอกมะลิ 4-2-105 ซ่ึงเลข 4 หมายถงึ สถานทีเ่ ก็บรวงข้าว คอื อาเภอบางคล้าเลข 2 หมายถงึ พันธท์ุ ดสอบท่ี 2 คือ ขาวดอก มะลิ และเลข 105 หมายถึงแถวหรือรวงที่ 105 จากจานวน 199 รวง คณะกรรมการการพิจารณา รับรองพนั ธ์ุ ให้ใช้ขยายพันธุ์เป็นพันธร์ุ ับรอง เม่อื วันท่ี 25 พฤษภาคม 2502 ลักษณะประจาพันธุ์ - เป็นข้าวเจ้า สงู ประมาณ 140 เซนตเิ มตร - ไวต่อชว่ งแสง - ลาต้นสีเขียวจาง ใบสีเขียวยาวค่อนข้างแคบ ฟางอ่อน ใบธงทามุมกับคอรวง เมล็ดข้าวรปู รา่ งเรียวยาว - ขา้ วเปลอื กสีฟาง - อายุเก็บเกยี่ ว ประมาณ 25 พฤศจกิ ายน - เมล็ดขา้ วเปลือก = 10.6 x 2.5 x 1.9 มม. - เมลด็ ขา้ วกลอ้ ง = 7.5 x 2.1 x 1.8 มม. - ปรมิ าณอมิโลส 12-17 % - คณุ ภาพข้าวสุก น่มุ มีกลนิ่ หอม อินโฟกราฟฟคิ #1 มารูจ้ ักขา้ วกนั

10 ขา้ ว......อาหารหลกั ของคนไทย ในหน่งึ ปี คนไทยกนิ ขา้ วประมาณ คนละ 96 กิโลกรมั ... ขา้ วเมลด็ เล็กๆเหลา่ นี้ ที่เป็นพลงั งานใหเ้ ราทากจิ กรรมตา่ งๆในชีวิตประวนั ... ขา้ วเปน็ พชื ใบเลย้ี งเด่ยี ว ลาตน้ เปน็ ปล้องกลวง ออกดอกเปน็ ช่อ ดอกขา้ วจะเจรญิ เติบโตเป็น เมล็ด... ข้าวท่คี นไทยปลกู เป็นข้าวอนิ ดกิ าทปี่ ลูกไดด้ ีในสภาพอากาศร้อนชน้ื โครงสรา้ งของต้นข้าว - ต้นขา้ วแตล่ ะต้น แตกหน่อไดป้ ระมาณ 5-30 หน่อ เรียกวา่ กอข้าว... - รากของต้นข้าวมีลักษณะเป็นรากฝอย ทาหน้าท่ีดูดน้าและแร่ธาตุ เพ่ือใช้ในการ เจรญิ เตบิ โตและกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง... - แสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานผลติ อาหารของตน้ ขา้ ว... - ใบขา้ ว ที่ยาวเรียว ทาหนา้ ทีเ่ ปน็ โรงงานผลิตอาหารส่งไปหล่อเลยี้ ง สว่ นตา่ งๆของ ลาตน้ ซึ่งเปน็ พลงั งานทีอ่ ยใู่ นรูปของนา้ ตาลและแปง้ ... - ใบธง คือ ใบข้าวใบสุดท้ายของต้น จะตดิ กบั โคนของรวงขา้ ว... - เม่ือตน้ ขา้ วเตบิ โตเตม็ ท่ี จะสรา้ งรวงออ่ นออกดอก และสร้างเมลด็ จากนั้นรวงขา้ ว สีเขียวจะค่อยๆโน้มลง พร้อมกับเปล่ียนเป็นสีเหลืองทอง พร้อมให้เก็บเก่ียวได้ แต่ละรวงจะมีเมล็ดขา้ วประมาณ 100-200เมล็ด... - แป้งท่สี ะสมอยใู่ นเมล็ด เป็นสารอาหารที่สะสมไวใ้ ชใ้ นการงอกต้นออ่ น... การพฒั นาการของเมล็ดขา้ ว - หลงั ผสมเกสร 5 วัน เร่มิ มนี ้าแปง้ สะสมอยู่ภายในรังไข.่ .. - หลงั ผสมเกสร 10 วนั มขี นาดใหญข่ น้ึ รูปร่างเริม่ คล้ายเมล็ดข้าว... - หลังผสมเกสร 15 วนั รูปร่างเหมือนเมลด็ ขา้ ว ภายในอย่างเปน็ น้าแป้ง... - หลังผสมเกสร 20 วัน แปง้ เริม่ แขง็ ... - หลังผสมเกสร 28-30 วัน เมล็ดเป็นแป้งแข็ง เปลือกเป็นสีเหลืองทอง เรียกว่า ระยะพลับพลึงเป็นระยะที่เหมาะแก่การเกี่ยวข้าว ข้าวจะมีคุณภาพดี นวดหรือสี แล้วไม่แตกหกั ง่าย ถ้าปลอ่ ยแก่กวา่ นี้ เมล็ดข้าวจะเริม่ หลดุ รว่ งจากรวง เรามารู้จักข้าวหอมมะลิกนั หลายคนคงเข้าใจผิด คิดว่าข้าวหอมมะลิมีกลิ่นหอมเหมือนดอกมะลิ แต่จริงๆแล้ว ข้าวหอมมะลิมีกล่ินหอมเหมือนใบเตยต่างหาก... ซึ่งชื่อของข้าวหอมมะลินัน้ มีท่ีมาจาก เมล็ดท่ีมีสีขาว เหมือนกลีบดอกมะลิ เมื่อหุงสุกจะนุ่มเหนียวและมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ลักษณะเช่นนี้จึงเป็น ลกั ษณะเด่นของข้าวหอมมะลิ หรอื นยิ ามงา่ ยๆ คือ“หอม” “ยาว\" “ขาว” “น่มุ ”ขา้ วหอมมะลิไทยมีอยู่

11 2 พนั ธค์ุ อื ขาวดอกมะลิ 105 และ กข 15 เปน็ ขา้ วทไ่ี วตอ่ แสง ท่ีต้องใช้แสงกระตุน้ การออกดอก แตล่ ะ ปีปลูกได้เพยี งหนงึ่ ครัง้ เท่านนั้ ขน้ั ตอนการปลกู ขา้ ว เริ่มจากเตรียมดิน เม่ือเข้าสู่ฤดูฝน หรือมีฝนตกจนน้าขัง ชาวนาจะเตรียมแปลงนา ดว้ ยการไถดะ เพ่ือพลิกหนา้ ดิน และกลบวชั พชื และเศษตอซังขา้ ว แลว้ ปล่อยไว้ 2 สัปดาห์ เพ่ือหมักให้ เศษฟาง วัชพืช และตอซังย่อยสลายจากนั้นจึงตีหน้าดินให้เละเป็นโคลนตม แล้วปรับหน้าดินให้เรียบ เรียกการเตรียมดินนี้ว่า ทาเทือกเสร็จจากทาเทือกแล้ว แปลงนาก็พร้อมท่ีจะทาการปลูกข้าว ด้วยการ หว่านเมล็ดพันธ์ุหรือปักดาต้นกล้า คราวนี้เรามาดูวิธีการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ด้วยน้าเกลือกัน เร่ิมจาก เตรียมน้าเกลือให้มีเข้มข้นพอดี แล้วเทเมล็ดพันธ์ุลงไป เมล็ดท่ีฝอลีบไม่สมบูรณ์จะลอยอยู่ท่ีผิวน้า ส่วนเมล็ดสมบูรณ์จะจมอยู่ในน้า ให้ช้อนเมล็ดที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งแล้วเทน้าออก และนาเมล็ดพันธุ์ข้าวมา ล้างให้สะอาด แล้วนาไปเพาะเมล็ดพันธ์ุให้เป็นต้นกล้า หรือเรียกว่า ตกกล้า เพาะเมล็ดประมาณ 25- 30 วนั จนตน้ กล้าเจริญเติบโตแข็งแรง กพ็ ร้อมทจ่ี ะนาไปปกั ดาต่อไป... การเจริญเติบโตของตน้ ข้าว - ต้นกล้าอายุ 1 เดอื น หลังจากนาตน้ กล้าไปปักดา ได้ประมาณ 5 - 10วัน ใหเ้ รม่ิ ใส่ปุย๋ สูตรสาหรบั ขา้ วโดยเฉพาะ... - ขา้ วแตกกอ แตล่ ะกอมี 5 - 30 หนอ่ ควรใส่ปุย๋ ไนโตรเจน เพ่ือช่วยสรา้ งลาตน้ และแตกกอ... - ขา้ วสรา้ งรวงออ่ น ลาต้นข้อสุดท้ายเร่มิ กลมขึ้น ช่วงนตี้ ้องควบคมุ ระดบั นา้ และกาจดั วชั พชื ... - ข้าวเริ่มต้ังทอ้ ง ต้นข้าวจะกลม ต้ังตรง มีรวงข้าวอ่อนอยู่ในกาบใบธง ช่วงนี้ให้สารวจดูโรคและแมลงอย่า สม่าเสมอ... - ข้าวออกดอก ชอ่ ดอกโผลพ่ น้ กาบใบทั้งรวงดอกข้าวจะบานและเกดิ การผสมเกสรภายในดอก... - เมล็ดสุกแก่ หรือ ระยะพลับพลึงรวงข้าวสุกแก่โน้มลงและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง พร้อมให้ เก็บเกีย่ วได้ .. “ขา้ วหอมมะล.ิ ..สดุ ยอดขา้ วหอมไทย..พรเี มีย่ มระดับโลก” ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมพันธ์ุไทย มีชื่อเสียงไกลระดับโลก มีกลิ่นหอมท่ีโดดเด่น มลี ักษณะเฉพาะตัว“หอม ยาว ขาว นุ่ม”ไดส้ ญั ลักษณ์ GI รับรอง ขึน้ ทะเบียนเปน็ สิ่งบง่ ช้ีทางภมู ศิ าสตร์ ทาให้ข้าวหอมมะลิ เปรียบเสมือนสินค้าพรีเมี่ยม แบรนด์เนมระดับโลกท่ีหลายคนคุ้นเคย วันนี้ข้าว หอมมะลิไทย กลายเป็นสินค้าคุณภาพท่ีส่งออกไปยังทั่วโลก “ข้าวหอมมะลิ...สุดยอดข้าวหอมไทย… พรีเมีย่ มระดบั โลก” อนิ โฟกราฟฟคิ #2 เทคนิคการปลกู ขา้ วขาวดอกมะลิ 105

12 ข้อบัญญติ 10 ประการ ที่ทาให้ข้าวขาวดอกมะลิ105 คงเอกลักษณ์ความหอมอย่าง ยั่งยืน โดย อดีตผูว้ ่าราชการจังหวัดรอ้ ยเอด็ นายสมศักด์ิ ขาทวพี รหม ปี 2555 1. พันธ์ุ : ต้องเป็นเมล็ดข้าวขาวดอกมะลิ 105 เป็นเมล็ดพันธ์ุท่ีได้จากแหล่งท่ีเช่ือถือได้ เช่น ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว และสหกรณ์การเกษตรท่ีน่าเชื่อถือและเป็นเมล็ดพันธ์ุข้าว ทุก 3 ปี เพ่ือคงความ บริสุทธิ์ของสายพนั ธ์ุ 2. ดิน : ดินร่วนปนทราย เป็นที่เหมาะสมในการปลูกข้าวหอมมะลิ ดังข้อความท่ีปรากฏ คือ ดินทราย ความเค็มและความแห้งแลง้ ของทุ่งกุลา กลายเป็น “แม่” ผู้ให้ความอุดมสมบูรณ์และบ่ม เพาะให้ข้าวมะลิเป็นธัญญาหารช้ันเลิศเลยพากันเรียกว่าข้าวหอมทุ่งกุลา แต่อย่าลืมปรับปรุงดินด้วย อินทรียวัตถอุ ยา่ งสม่าเสมอ เพราะจะมผี ลทาให้ดินแข็งมาก ทาใหก้ ารแทงทะลุของรากขา้ วยากข้ึน 3. น้า : ในช่วงข้าวเจริญเติบโต (เดือนมิถุนายน-สิงหาคม) ควรควบคุมน้าในนาให้อยู่ในระดับ 10-40 ซม. และในช่วงข้าวสร้างน้านมและแป้งเสร็จแล้ว (ช่วงพฤศจิกายน) ควรรีบปล่อยน้าให้แห้ง ภายใน 7 วนั เพราะมผี ลทาใหข้ า้ วหล่ังสารทีท่ าให้เกิดความหอม 4. สภาพภูมิประเทศ/อากาศ : ต้องเป็นพ้ืนท่ีท่ีไม่มีน้าท่วมขังตลอดปี เพราะสารท่ีทาให้เกิดความหอม จะเกดิ ขึน้ ในพน้ื ท่ีท่มี คี วามแหง้ แล้งหรอื ทาให้ขา้ วเกิดความเครยี ดข้าวจะมีความหอมมากข้ึน 5. การหว่าน/ปักดา : ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์รองพ้ืนก่อนการหว่านหรือปักดา และได้มีการศึกษา ทดลองแล้ววา่ การทานาหว่านจะสร้างสารท่ีทาใหเ้ กิดความหอมมากกว่านาดา เพราะตน้ ขา้ วจะไม่ค่อย สมบรู ณน์ กั จะแย่งอาหารกินหรอื ถา้ ปักดาควรสบั หว่างถ่ๆี 6. การจัดการดูแล : ควรกาจัดวัชพืชและคัดเมล็ดพันธ์ปน และในช่วงก่อนข้างต้ังท้องควร เสริมด้วยธาตุอาหารจาพวกกามะถันและโปรแตสเซ่ียม พร้อมงดธาตุไนโตรเจนในช่วงข้าวสารน้านม (ชว่ งเดือนตุลาคม-พฤศจกิ ายน) 7. การเก็บเกี่ยว : ต้องเก็บเกี่ยวข้าวให้เสร็จในระยะพลับพลึงเท่าน้ัน คือในช่วงที่ข้าวมีใบ สีไพลหรือใบสีเขียวอมเหลือง 80% จะทาให้ข้าวคงความหอมและต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกฝน หรือถูก ความช้นื ในชว่ งเกบ็ เกีย่ วและการเกบ็ รักษา 8. การเก็บรักษา : ต้องเก็บอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นและถ่ายเทสะดวกปราศจากละอองฝน และเมล็ดพันธ์ุควรมีความชื้นร้อยละ 14 จะทาให้ขา้ วคงความหอมได้ยาวนานขึ้น การเก็บเกิน 6 เดือน จะทาให้คณุ ภาพความหอมลดลง 9. การแปรรูปการสีข้าว : ควรขัดน้อย ความเรว็ รอบของเคร่ืองขัดข้าว ควรอยู่ระหวา่ ง 1,500 - 1,800 รอบต่อนาทีหรือความสีเป็นข้าวกล้องก่อน แล้วพักไว้ให้เย็นจึงนาไปขัดขาว จะทาให้ข้าว มคี ุณภาพดีกว่า คงความหอมมากกวา่ สีปกติ 10. การบรรจุภัณฑ์ : ในระบบสุญญากาศ จะทาให้ข้าวหอมมะลิคงคุณภาพหอมได้ยาวนาน กวา่ การบรรจภุ ัณฑ์ชนิดอ่นื ๆ การปลูกข้าวขาวดอกมะลิ 105 แบบประณีต เพื่อกระตุ้นสารหอมโครงการข้าวหอมมะลิ ยั่งยืน การเตรียมดนิ และเมลด็ พันธุ์

13 การปรับปรุงดิน - เริม่ จากเก็บตวั อยา่ งดินสง่ วเิ คราะห์เพือ่ กาหนดปรมิ าณการใช้ปยุ๋ ทเ่ี หมาะสม - ไถกลบตอซังทิง้ ไวห้ ลงั เกบ็ เกยี่ ว โดยในชว่ งทดี่ นิ มีความชื้นพรอ้ มใส่นา้ หมักชีวภาพ 5ลติ รตอ่ ไร่ และจลุ ินทรีย์ย่อยสลายตอซัง 200 กรัม แลว้ ทง้ิ ไว้ใหย้ ่อยสลายเป็นเวลา 1 สปั ดาห์ - ปลกู พชื ป๋ยุ สด หว่านเมลด็ พันุธ์ปอเทือง 7 กโิ ลกรมั ต่อไร่ หรือ ถ่ัวพรา้ 10 กิโลกรัมตอ่ ไร่ เมื่อออกดอกหรือมีอายุ 50 วัน จึงไถกลบพร้อมใส่น้าหมักชีวภาพ 5 ลิตรต่อไร่ และจุลินทรีย์ ย่อยสลายตอซงั 200 กรัมแลว้ ทงิ้ ไวใ้ ห้ย่อยสลายเป็นเวลา 1 สัปดาห์ - ไถพรวนให้ดินร่วนซุยและกาจัดวัชพืช กรณีนาดาให้คราดทาเทือกพร้อมใส่ปุ๋ยคอก 500 กิโลกรมั ต่อไรร่ ่วมกบั น้าหมักชวี ภาพ 5 ลติ รตอ่ ไร่ การเตรียมเมล็ดพันธข์ุ า้ วขาวดอกมะลิ 105 - ใชเ้ มล็ดพันธุ์คณุ ภาพจากแหลง่ ทเ่ี ช่อื ถือได้ - กรณีนาหว่านนาเมล็ดพันธ์ุข้าวอัตรา 15 -20 กิโลกรัมต่อไร่ คลุกกับปุ๋ยชีวภาพ 1 กิโลกรัม และราไตรโคเดอร์ มาอย่างละ 200 กรัม เป็นเวลา 1 คืน แล้วบ่มน้าประมาณ 12 ช่ัวโมง ให้รากข้าวงอกไมย่ าวเกินไป การปลกู ขา้ วขาวดอกมะลิ 105 แบบปราณตี แบง่ เปน็ 9 ระยะ ระยะท่ี 1 ระยะตกกลา้ และปักดา ควรตกกลา้ ในช่วงเดอื นพฤษภาคมถึงมถิ นุ ายน และปักดาในช่วง เดือนมิถุนายนถึง กรกฎาคม โดยหว่านแล้วคราดกลบให้ลกึ พอควร - ฉดี พ่นน้าหมักชีวภาพสมนุ ไพร 5 ลติ รตอ่ ไร่ และสารละลายราไตรโคเดอรม์ า 200 กรัมต่อไร่ เพื่อป้องกันเพลย้ี ไฟและโรคใบไหม้ - ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 ครงั้ ที่ 1 ในอัตรา 15 กิโลกรมั ต่อไร่ หลงั ปกั ดา 5-6 วัน หรอื หลงั หว่านข้าว 20-30 วัน (ถ้ามนี า้ ) ระยะที่ 2 ระยะแตกกอ ... 50 วัน หลังปักดา เพ่ิมนา้ เข้านา - ฉีดน้าหมกั ชีวภาพสมนุ ไพร 5 ลติ รตอ่ ไรแ่ ละสารละลายราไตรโคเดอร์มา 200 กรมั ต่อไร่ เพอ่ื ป้องกันหนอนกอและโรงใบไหม้ - ใสป่ ุย๋ สูตร 46-0-0 ในอตั รา 3 กิโลกรัมต่อไร่ ระยะที่ 3 ระยะขา้ วตั้งท้อง ยังคงรกั ษาระดับน้าไว้ - ฉีดนา้ หมักชีวภาพสมุนไพร 5 ลิตรตอ่ ไร่และสารละลายราไตรโคเดอร์มา 200 กรัมต่อไร่ เพ่อื ป้องกันหนอนกอและโรงใบไหม้ - ใสป่ ยุ๋ สูตร 46-0-0 ในอัตรา 7 กิโลกรมั ต่อไร่ ระยะท่ี 4 ระยะออกดอก ไม่ใหข้ าดนา้ อยา่ งเดด็ ขาด - ฉดี นา้ หมักชีวภาพสมุนไพร 5 ลติ รต่อไรแ่ ละสารละลายราไตรโคเดอร์มา 200 กรมั ต่อไร่ เพอ่ื ป้องกันหนอนกอและโรงไหมค้ อรว่ ง * หากพบพันธข์ุ ้าวอนื่ ปน ให้ถอนทาลายออกนอกแปลงนา

14 ระยะที่ 5 สร้างต้นทุนกลิ่นหอม#1... 7 วนั หลังออกดอก ลดระดบั น้าในนาใหเ้ หลอื ประมาณ 1 คบื จากผิวดิน เปน็ ระยะหลังผสมเกสรจนเกดิ เมล็ดอ่อนทีโ่ คน ดอก ต้องสรา้ งต้นทนุ ท่ขี ้าวจะนาไปใช้สรา้ งกลิน่ หอมมะลิ - ฉดี พ่นนา้ หมักชีวภัณฑ์ สตู ร1.. 5 ลิตรต่อไร่ บนแผน่ ใบบนและชอ่ ดอกให้ท่ัวถงึ ในเวลาเช้า ระยะท่ี 6 สร้างตน้ ทนุ กล่นิ หอม#2... 14 วันหลงั ออกดอก ยงั คงรกั ษาระดบั น้าในนาให้สูงประมาณ 1 คืบจากผวิ ดิน เปน็ ระยะท่ีจะพบเห็นเมล็ดอ่อนไดช้ ัดเจนข้นึ ปลายรวงเรม่ิ โน้ม - ฉดี พ่นน้าหมกั ชวี ภัณฑ์ สตู ร2.. 5 ลิตรต่อไร่ บนแผน่ ใบบนและชอ่ ดอกให้ท่ัวถึงในเวลาเชา้ ระยะที่ 7 กระตุ้นกล่นิ หอม... 21 วนั หลงั ออกดอก ลดระดบั นา้ ในนาให้ตา่ กว่า 1 คบื จากผิวดนิ เปน็ ระยะทเ่ี มลด็ ข้าวขยายขนาด จนเห็นนา้ ใสๆอยู่ภายในเมล็ด เมล็ดเรมิ่ เปล่ยี นจากสีเขียวเปน็ สี เหลอื ง - ฉดี พน่ น้าหมักชีวภัณฑ์ สูตร3.. 5 ลติ รตอ่ ไร่ ใหท้ ั่วใบบนและช่อดอกในเวลาเชา้ ระยะที่ 8 สะสมกลิน่ หอม... 28 วันหลังออกดอก ระบายน้าออกจากแปลงนาให้หมด เป็นระยะทร่ี วงเปน็ สีเขยี วโน้มรวงแล้วเห็นเมล็ดข้าวเต่งด้วยแป้งท่ีแข็งข้นึ เมล็ดกลายเปน็ สเี หลือง - ฉดี พ่นนา้ หมักชวี ภัณฑ์ สตู ร4.. บนแผ่นใบบนและช่อดอกให้ทวั่ ถึงในเวลาเชา้ ระยะที่ 9 สะสมกลน่ิ หอม... 35 วันหลงั ออกดอก เป็นระยะทช่ี อ่ เข้าระยะพลับพลึงแล้ว ตอ้ งเตรยี มการเกบ็ เก่ียวโดยการโน้มใหข้ ้าวนอนราบรอการเกบ็ เกย่ี วเมือ่ เกบ็ เก่ยี วได้จึงตากเมลด็ เฉพาะคร่งึ วนั เช้าจนกว่าความชนื้ จะลดลงเหลือ 14%

15 การปลกู ขา้ วอนิ ทรยี ์ ข้าวอินทรีย์ เป็นข้าวท่ีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้าน การเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ ท่ีได้มาจากการดัดแปรพันธุกรรมหรือพันธุวิศวกรรม มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความ ระมัดระวัง เพอ่ื รักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพท่สี าคัญในทกุ ขั้นตอนการผลิตและการ แปรรูป หลักการผลติ ข้าวอนิ ทรยี ์ - ท่ีดนิ อยใู่ นสภาพทด่ี หี า่ งไกลแหลง่ มลภาวะ - ใช้พนั ธท์ุ ่ปี ราศจาก GMOs และการฉายรังสี - ไม่ใชส้ ารเคมีสังเคราะห์ในทกุ ขน้ั ตอนของการผลติ - ใช้ปจั จัยการผลิตตามทมี่ าตรฐานกาหนด - กระบวนการผลิตต้องไม่เส่ียงต่อการปนเป้ือนของ สารตอ้ งห้ามและสารเคมสี งั เคราะห์ - อนุรักษส์ ่งิ แวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ Graphic 3.9 ความเป็นมาและความหมายของข้าวหอมมะลิทุ่งกลุ า GI ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นข้าวหอมท่ีไวต่อช่วงแสง พันธ์ุขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข15 ซ่ึงปลูกในฤดูนาปีในพ้ืนที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ได้แก่ พื้นท่ี ร้อยเอ็ด สุรินทร์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ ยโสธร ได้รับ การข้ึนทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เม่ือเดือนกันยายน 2550 เลขที่ส่ิงบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์ สช : 50100022 และเป็นข้าวส่ิงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สินค้าแรกของภูมิภาคอาเซียนท่ีได้รับขึ้นทะเบียนส่ิงบ่งช้ีทาง ภมู ิศาสตร์ในสหภาพยโุ รป มีผลบงั คบั ใช้เมื่อวนั ท่ี 4 มีนาคม 2556 สงิ่ บ่งชท้ี างภมู ศิ าสตร์คืออะไร พระราชบัญญัติคุ้มครองสิ่งบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้ความหมายไว้ว่าสิ่งบ่งช้ีทาง ภูมิศาสตร์หมายความว่าชื่อ สัญลักษณ์หรือส่ิงอื่นใดท่ีเรียก หรือใช้แทนแหล่งภูมิศาสตร์ และที่สามารถ บ่งบอกวา่ สินค้าท่เี กดิ จากแหล่งภมู ิศาสตร์นั้นเปน็ สินค้าทม่ี ีคณุ ภาพชอื่ เสยี ง หรือคุณลกั ษณะเฉพาะของแหลง่ ภมู ศิ าสตร์ดังกล่าวลกั ษณะสาคัญของส่ิงบง่ ชีท้ างภมู ศิ าสตร์ - เป็นทรัพย์สินทางปญั ญาประเภทหนึ่ง - มคี วามเชื่องโยงระหว่างธรรมชาติและมนุษย์ - เนน้ ผลติ กบั พน้ื ท่ผี ลิต / ทรพั ยากรในพ้นื ที่ - สินค้ามเี อกลักษณพ์ ิเศษ แตกตา่ งจากสนิ ค้าเดียวกนั - ผ้บู รโิ ภคมัน่ ใจ และพึ่งพอใจที่จะซ้ือสินค้าในราคาทสี่ งู กว่าสินคา้ ชนดิ เดียวกนั ท่ผี ลติ จากท่อี ่นื

16 4. ข้าวหอมมะลิ...ส่ตู ลาดโลก โซน 4 ขา้ วหอมมะลิ...สู่ตลาดโลก การแปรรปู ผลติ ภณั ฑจ์ ากขา้ ว

17 นับตั้งแต่อดีตสู่ปัจจุบัน พัฒนาของข้าวไทยเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการ ของชีวิตยังคงเกิดขึ้นอย่างสม่าเสมอ จากภูมิปัญญาพ้ืนบ้านที่สั่งสมมาเป็นเวลาอันยาวนาน ก้าวล้าไปสู่การนาเอาเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้พัฒนาในกระบวนการผลิตแบบครบวงจร โดยเฉพาะอย่างย่ิง ในมิติของการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคยุคใหม่ ส่งผลให้ข้าวไทย ในวนั นี้ไมไ่ ดถ้ ูกจากดั อย่แู คเ่ พยี งเมนูจานหลกั บนโตะ๊ อาหารอีกต่อไป - ของว่างและขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์ประเภทพร้อมรับประทาน (Ready to eat) ชนิดต่างๆในกระบวนการผลิตอาจเตรียมเป็นลักษณะของวัตถุดิบ สุก แห้ง เป็นแผ่นเล็กๆ (flake) หรือเป็นก้อนโต (dough) แล้วจึงทาให้พองหรือค่ัว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจมีการนา ธญั พชื อื่นมาผสม และมีการเติมสารปรุงรส วติ ามิน แร่ธาตแุ ละโปรตนี เพื่อเสริมโภชนาการ - เส้นก๋วยเตี๋ยว ได้แก่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหม่ี กวยจั๊บ ขนมจีน และแผ่นแป้ง ซ่ึงมี ลักษณะแตกต่างกนั ไป นยิ มนาไปประกอบอาหารประเภทต้มหรอื ผดั - น้ามันราข้าว ข้าว คือส่วนของเย่ือหุ้มเมล็ดข้าวและจมูกข้าว ซึ่งถือว่าเป็นส่วนท่ีมี สารอาหารมากที่สุดในเมล็ด แต่ส่วนน้ีจะถูกขัดออกในกระบวนการขัดสีข้าวกล้องเป็นข้าวขัด ขาว ดังน้ัน จึงมีนวัตกรรมในการนาราข้าวดิบมาสกัดเป็นน้ามันราข้าว ซึ่งมีท้ังแบบขวดและ แบบแคปซูล จุดเด่นของน้ามันราข้าวท่ีเหนือกว่าน้ามันพืชชนิดอ่ืน คือ อุดมไปด้วยวิตามินอี และแกมมาออไรซานอล ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลด คอเลสเตอรอล - เนยขาวและครีมเทียมปราศจากไขมันทรานส์ ไขมันทรานส์คือไขมันที่ข้ึนช่ือว่า อันตรายท่ีสุด ซึ่งเป็นสาเหตุสาคัญของโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และมะเร็ง ซึ่งปัจจุบันถูกใช้ใน ผลิตภัณฑ์ เช่น เนยขาว (ส่วนประกอบหลักของเบเกอร่ีหลายชนิด) และครีมเทียมดังนั้นเนย ขาวและครีมเทียมทป่ี ราศจากไขมนั ทรานส์ที่ไดจ้ ากนา้ มนั ราขา้ วจงึ เปน็ คาตอบ นอกจากจะไมม่ ี ส่วนประกอบของไขมนั ทรานสแ์ ล้ว ยงั มสี ารอาหารท่ีมคี ุณประโยชนอ์ ยา่ งวติ ามนิ ซี หรือแกมมา โอไรซานอล รวมถงึ กรดไขมันอิม่ ตัว - กะทิจากธัญพืช จากน้ามันราข้าวซ่ึงนามาผสมกับน้ามันเมล็ดดอกทานตะวันและ โปรตีนจากถ่วั เหลือง ได้มาเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ที่ใช้แทนกะทิจากมะพรา้ ว โดยยังคงรสชาติ และเน้ือสัมผัสที่ใกล้เคียงกะทิแบบด้ังเดิมเอาไว้ เพ่ือเป็น “กะทิทางเลือก” สาหรับผู้ป่วย โรคหัวใจหรอื คอเลสเตอรอลสูง ทไ่ี ม่สามารถบรโิ ภคกะทิทว่ั ไปได้ ข้อดีของกะทธิ ญั พชื นี้ คอื ไม่มี คอเลสเตอรอล และมีไขมันอิ่มตัวน้อยกว่ากะทิจากมะพร้าวถึง 3 เท่า อีกทั้งมีสารต้านอนุมูล อสิ ระที่ได้จากราข้าว - เครื่องดื่มบารุงกาลัง จากข้าวกล้องหอมมะลิที่ผ่านกระบวนการเพาะให้งอก และใช้ เอนไซม์ในการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้าตาลกลูโคสท่ีให้พลังงานเร็ว แล้วนามาผสมกับสมุนไพร

18 วิตามินบี 3 บี 6 บี 12 ไนอาซิน และกรดอะมิโนแอลอาร์จีนีน ได้เป็นเคร่ืองด่มื ให้พลังงานชว่ ย กระต้นุ การทางานของระบบประสาท และสร้างความสดช่นื กะปรี้กะเปรา่ - ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สารสกัดจากข้าวกล้องหลากหลายสายพันธุ์ อุดมด้วยวิตามิน และคุณประโยชนท์ แ่ี ตกตา่ งนามาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อบารงุ สขุ ภาพ - เม็ดสครับจากปลายข้าวหัก เม็ดสครับสาหรับขัดผิวหน้า โดยทาจากข้าว 2 ชนิด คือ ข้าวหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รีท่ีปลูกด้วยวิธีธรรมชาติจึงม่ันใจได้ว่าครีมสครับท่ีได้ ปลอดภยั จากสารเคมี - แป้งฝุ่นจากข้าว แป้งฝุ่นท่ัวไปมีส่วนผสมของสารทัลคัม ซึ่งเป็นแร่หินและเป็นสาร ก่อมะเร็ง สามารถสะสมในปอดจนเกิดอนั ตราย แป้งฝุ่นจากข้าวจ้าวนามาผ่านกระบวนการดดั แปรทางเคมีและฟสิ ิกส์ จนกระทั่งได้เป็น‘แป้งไฮโดรโฟบกิ ’ ทม่ี คี ุณสมบัตดิ ดู ความชนื้ และความ มันได้ดี โดยสามารถดูดซับความมันได้สูงกว่าแป้งทั่วไปถึง 3 เท่า จึงเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกท่ี ปลอดภัยและยังเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้ เน่ืองจากย่อยสลายได้ตาม ธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของสารทัลคัมไม่สะสมในปอดหรือใต้ร่มผ้า ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่ระคายเคืองตอ่ ผิวบอบบางของทารก - แปง้ พัฟทาหนา้ จากข้าว นอกจากแปง้ ฝุ่นทาตวั แลว้ แปง้ ข้าวเจา้ ของไทยยงั สามารถ นามาเป็นวตั ถดุ ิบในการผลติ แป้งพัฟสาหรบั หญงิ สาวไดด้ ้วย นอกจากจะไมม่ ีสว่ นผสมของสาร อันตรายอย่างสารทลั คมั แลว้ แปง้ นย้ี ังมีชวี ภาพโมเลกลุ ที่มีฤทธต์ิ า้ นอนมุ ูลอสิ ระ ยับยัง้ เอนไซมท์ ี่ ทาใหผ้ วิ คลา้ มสี ารแอนตเิ อจจิงชว่ ยชะลอรว้ิ รอยกอ่ นวยั คนที่เป็นสวิ จะหายเรว็ ขน้ึ เพราะมสี าร ช่วยลดการอกั เสบ และสามารถลา้ งออกไดห้ มดจด โดยไม่มีสารเคมตี กค้าง - ลิปสติกจากข้าว ลิปสติกท่ัวไปในท้องตลาดมักทามาจากสีสังเคราะห์ ซ่ึงมักมี ส่วนผสมของโลหะหนกั นวัตกรรมลิปสตกิ จากวัตถุดบิ ธรรมชาตจิ ึงเกิดขึ้น โดยใช้แป้งข้าวและ นา้ มันราข้าวเปน็ องค์ประกอบหลกั โดยเน้นข้าวทปี่ ลูกดว้ ยระบบเกษตรอินทรยี ์และใชส้ ีจากผัก ผลไม้ทดแทนสีสังเคราะห์ ทาให้ม่ันใจได้ว่าลิปสติกนี้ปลอดภัยต่อสุขภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากน้ัน น้ามันราข้าวในลิปสติกยังมีคุณสมบัติช่วยลดรอยเห่ียวย่นและความหมองคล้า บริเวณรมิ ฝปี าก ตลอดจนช่วยลดอันตรายท่เี กดิ จากการสัมผสั กับแสงแดด - ผลิตภัณฑ์บารุงผิวหน้า จากข้าวอินทรีย์ของไทย ได้ถูกนามาวิจัยและแปรรูปให้เป็น ผลิตภัณฑบ์ ารุงผวิ มากมาย ไม่ว่าจะเปน็ ครีมบารุงผิวหนา้ ท่ีสกัดจากจมูกขา้ วหอมมะลิผสมกับโปรตีน จากไหมและพืชสมุนไพรอื่นๆโฟมล้างหน้าท่ีไม่ใส่สารท่ีทาให้เกิดฟอง ครีมพอกหน้าท่ีสามารถดูดซับ เครอื่ งสาอางที่ตกค้างบนใบหน้าและเซลล์ผิวทตี่ ายแล้วเซร่ัมข้าวบารุงผมท่สี กัดจากน้ามันราข้าวและ หมากเม่าสกัด พร้อมท้ังมะกรูด ส้มโอ อัญชัน ช่วยลดการหลุดร่วงและกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้น ผม

19 - ผงพอกหน้า ข้าวหอมมะลิ จากภูมิปัญญาท้องถน่ิ นาสมุนไพรท่ีอยู่ในปา่ 7 ชนิด เช่น ไฟล กวาวเครือ ว่านนางคา เสลดพังพอน ฟ้าทะลายโจร เครือหมาน้อย และหญ้ายา (พม่า เรียกว่า ทานาคา ) มาบดแล้วผสมกับแป้งข้าวหอมมะลิ เพื่อใช้เป็นผงพอกหน้า มีสรรพคุณ บารงุ ใบหนา้ ลดการอักเสบของสิว และทาให้ใบหน้าผ่องใส - ชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร (ผลิตภัณฑ์จากแกลบ) ผลิตภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ อย่าง “แกลบ” ในชุดจาน ชาม ช้อนและของใช้บนโต๊ะอาหารตอบโจทย์ กลุ่มคนที่ใส่ใจ ส่ิงแวดล้อมและรกั สขุ ภาพ - ครีมเคลือบเงาอเนกประสงค์ ในกระบวนการคือ‘กากน้ามันราข้าว’ซึ่งนวัตกรรม ล่าสุดสามารถนามาแปรรูปให้เป็นครีมเคลือบเงาอเนกประสงค์ได้ ซ่ึงช่วยทดแทนการใช้ ไขสังเคราะห์ที่เป็นผลผลิตจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทาให้ได้ครีมเคลือบเงาท่ีปราศจากกลิ่น เหม็น ปราศจากสารเคมี อีกท้ังยังมีสารแกมมาออไรซานอลจากน้ามันราข้าว ซึ่งช่วยลดการ เส่ือมสภาพของอุปกรณ์ภายในรถยนต์ เช่น เบาะหนัง ช้ินส่วนบริเวณหน้าปัดรถ และยัง สามารถป้องกันรงั สียวู ไี ด้ด้วย วนั นี้...ข้าวไทยไดผ้ สานเขา้ กบั นวัตกรรมขั้นสงู และงานวจิ ัยพัฒนา จนนามาซง่ึ ผลติ ภัณฑ์ ต่างๆ ที่มีข้าวไทยมาเป็นส่วนประกอบสาคัญ ซ่ึงอยู่ในรูปของแป้งบริสุทธ์ิ (Starch) แป้งดัดแปลง (Modified starch) และสารสกดั จากข้าวท่มี ากดว้ ยคุณค่าและคณุ ประโยชน์ทใ่ี ช้ เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเกี่ยวเน่ืองได้ไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพ่ือสุขภาพ เครื่องอุปโภคบริโภค เคร่ืองสาอาง เวชภัณฑ์และวัสดุทางการแพทย์หรือแม้แต่วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ จนอาจกล่าวได้ว่า “ขา้ ว...อยรู่ อบตวั เรา”ผลิตภณั ฑ์ตา่ งๆ เหล่าน้ี นอกจากจะเปน็ การเพมิ่ มูลค่าให้กับข้าวไทยแล้ว ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ท่ีมีความหลากหลาย อันเป็นเครือ่ งสะท้อนอย่างเด่นชัดถึงพัฒนาการของข้าวไทย ที่ก้าวต่อไป อย่างไมห่ ยดุ ยง้ั ขา้ วหอมมะล.ิ .แปรรปู สดุ มหศั จรรย์

20 ขา้ วหอมมะลิ เมลด็ ใหญ่ / ขา้ วหอมมะลิ กล่ินกหุ ลาบ / ข้าวหอมมะลิ สีใบชาเขยี ว ข้าวหอมมะลิ สามารถเลอื กสารอาหารได้ / ลกู อมขา้ วหอมมะลิ ปรมิ าณขา้ วหอมมะลทิ ีไ่ ด้มาตรฐาน ข้าวหอมมะลิมคี วามชืน้ ไดไ้ ม่เกินรอ้ ยละเท่าไหร่ เลือกขา้ วหอมมะลทิ ีม่ ลี ักษณะสมบรู ณไ์ ด้มาตรฐาน เลอื กข้าวหอมมะลทิ ี่มปี ริมาณ อมิโลสได้มาตรฐาน แนวทางการพัฒนาข้าวหอมมะลสิ ูต่ ลาดโลก ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ถือเป็นสายพันธุ์ข้าวที่ดีท่ีสุดในโลก ท่ีมีลักษณะความนุ่มของ ข้าวและกล่ินหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นข้าวพ้ืนถิ่นของจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ได้รับการผลักดันให้ สินค้าที่มีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ “GI” หรือ Geographical Indication ซ่ึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจาก แหล่งผลติ ที่มอี ัตลักษณเ์ ฉพาะตวั ถอื เป็นสว่ นสาคญั ตอ่ การพฒั นาสินค้าส่งออกของประเทศไทยให้มี มลู คา่ สูงขน้ึ แนวทางพฒั นาในด้านการผลิต - ลดตน้ ทนุ การผลติ เพื่อเพิ่มขดี ความสามารถในการแข่งขัน - ส่งเสริมการวจิ ัย เพอ่ื ลดการสูญเสยี ขณะเก็บเก่ียวและหลังเก็บเก่ียว - สง่ เสริมเทคโนโลยใี หม่ มาชว่ ยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดตน้ ทนุ ค่าแรง - ส่งเสรมิ ผลติ ข้าวหอมมะลิอนิ ทรยี ์ แนวทางพฒั นาในด้านแปรรปู - พฒั นาตอ่ ยอดความรใู้ นการแปรรูปและสร้างนวตั กรรมใหม้ มี ลู ค่าสงู ข้นึ แนวทางพฒั นาในด้านการตลาด - ยกระดับสินค้าและสร้างโอกาสทางการตลาดในเวทีโลก

21 เทศกาลข้าวหอมมะลิโลก จังหวัดรอ้ ยเอด็ วันข้าวหอมมะลิโลก เป็นงานเทศกาล ท่ีจัดข้ึนในช่วงเดือนธันวาคม ของทุกๆปี ณ บริเวณ ลานสาเกตนคร สวนสมเด็จพระ ศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ จะเป็น การจัดงานครง้ั ที่ ๑๙ - เพื่อสร้างความสาคัญและส่งเสริมแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ ตราสัญลักษณ์สินค้าของจังหวัด ร้อยเอ็ด ให้เป็นทีร่ ู้จักอยา่ งกว้างขวางทงั้ ชาวไทยและตา่ งประเทศ - เพ่ือนาเสนอเทคโนโลยนี วัตกรรมการผลติ ข้าวหอมมะลิ คณุ ภาพดี - เพ่ือสรา้ งมลู ค่าเพ่มิ อย่างย่ังยืนและสร้างเครอื ข่ายผู้ผลิตข้าวหอมมะลิ - เพื่อเป็นการระดมแนวความคิดของผู้ที่มีส่วนได้เสียในการพัฒนา การผลิต การแปรรูป การตลาดท้ังระบบและยังส่งเสริมนโยบายการท่องเท่ียวตามยุทธศาสตร์จังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัด ในพ้ืนที่ทุ่งกุลา ซ่ึงภายในงานมีพิธีบวงสรวงพระแม่โพสพ นิทรรศการจากหน่วยภาครัฐและเอกชน และการแสดงแสงสเี สยี งยงั มีกจิ กรรมการประชุมสัมมนาวชิ าการและเจรจาธุรกจิ ขา้ ว สถานการณ์เศรษฐกจิ ขา้ วไทยในตลาดโลก - 5 อันดบั ประเทศสง่ ออกข้าวสูงสุด - 5 อันดบั ประเทศทนี่ าข้าวไทยสงู สดุ - 10 อนั ดับประเทศทบี่ ริโภคข้าวสูงสุด - 10 อนั ดบั ประเทศทผ่ี ลติ ข้าวสูงสดุ - ผลผลิตข้าวนาปีของจังหวัดร้อยเอ็ด 2558-2560 ผลผลิตข้าวนาปรังของ จังหวัดร้อยเอ็ด 2557-2561 ประเทศท่ีนาเข้าข้าวหอมมะลิไทย ท่ีมียอดมูลค่า มากกวา่ 200 ลา้ นบาทต่อปี สถานการณเ์ ศรษฐกจิ ขา้ วไทยในตลาดโลก ประเภทขา้ วเพอื่ การส่งออก ข้าวไทยท่ีส่งออกไปยงั ตลาดโลกมีความหลากหลายอนั เนื่องมาจากการมุ่งเน้นพัฒนา พันธุ์ข้าวให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อในตลาดโลกท่ีมีรสนิยมความชอบและพฤติกรรมการ บริโภคที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาคทั้งน้ี อาจสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์ข้าวไทยออกได้เป็นประเภท หลกั ๆ ได้ดงั นี้ ข้าวขาว สาหรับตลาด “ข้าวขาว”นับเป็นตลาดหลักตลาดใหญ่ท่ีมีการแข่งขันสูงและมีความผันผวน เพราะมีประเทศผู้ส่งออกข้าวมากรายและยังเกี่ยวพันกับผู้บริโภคหลายประเทศโดยมีการแบ่ง ประเภ ทข้าว ขาวเพ่ือการส่งออกเป็นหลายประเภท อาทิ ข้าว ขาว 100 เปอร์เซ็นต์ ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ข้าวขาว 10 เปอร์เซ็นต์ ข้าวขาว 15เปอร์เซ็นต์ และข้าวขาว 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น ทั้งน้ีปัจจุบัน ประเทศไทยมีปริมาณการส่งออกข้าวขาวมากกว่าร้อยละ 50 ของการส่งออก ข้าวทง้ั หมด โดยคดิ เปน็ สัดสว่ นท่ีมากท่ีสดุ เมื่อเทียบกบั ขา้ วชนดิ อื่น ๆ

22 ข้าวหอม “ข้าวหอม” เป็นข้าวท่ีรู้จักแพร่หลายและได้รับความนิยมสูงสุด ทั้งในกลุ่มชาวนาผู้เพาะปลูก ตลอดจนกลุ่มผู้ประกอบการ และผู้บริโภค อันเน่ืองจากคุณสมบัติของข้าวหอมที่มีคุณภาพและมี รสชาติดี เน้ือนุ่ม โดยเฉพาะกลิ่นหอมตามธรรมชาติอันเป็นคุณสมบัติพิเศษ ทาให้ปัจจุบันประชากร ในประเทศท่ีบริโภคข้าวเป็นอาหารหลักรู้จักและนิยมบริโภคข้าวหอมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ตลาด ข้าวหอมมีการขยายตัวต่อเนื่อง สาหรับข้าวหอมของไทยมีปลูกกระจัดกระจายทั่วทุกภาคของ ประเทศ โดยมีท้ังข้าวพันธ์ุพ้ืนเมืองและพันธุ์ข้าวท่ีเกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์ซึ่งมีช่ือเรียกต่างๆ กันออกไปมากมาย ด้วยคุณภาพท่ีโดดเด่นดังกล่าวทาให้ไทยมีจุดแข็งในตลาดส่งออกข้าวหอมซึ่งมี ราคาพรีเม่ียมเหนือประเทศผู้ส่งออกรายอ่ืนๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการมีพันธ์ุข้าวหอมสาคัญที่สร้าง ชอ่ื เสยี งใหก้ บั ประเทศไปทัว่ โลกมาช้านาน นน่ั คอื “ขา้ วหอมมะลไิ ทย” ข้าวหอมมะลไิ ทย 1 ใน 4 ของข้าวไทยท่ีส่งออกไปขายยังต่างประเทศ คือ “ข้าวหอมมะลิไทย” ที่ทารายได้เข้า ประเทศเป็นจานวนมหาศาลในแต่ละปี โดยมีตลาดส่งออกหลักอย่างสหรัฐอเมริกา และยังเปน็ ที่นิยม ในกลุม่ ประเทศผู้มีรายไดส้ ูงอาทิ ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และแคนาดาในแตล่ ะปีปริมาณความ ต้องการข้าวหอมมะลิไทยมีแนวโน้มเพ่ิมสูงข้ึนเป็นลาดับ เนื่องจากคุณภาพของข้าวหอมมะลิไทย ที่ยากจะหาข้าวชนิดใดมาเทียบเคียงได้ เนื่องจากเป็นข้าวหน่ึงเดียวของโลกท่ีมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ตามธรรมชาตทิ ่ีมาพร้อมกบั รสชาติอร่อยนุ่มละมุนลน้ิ ปัจจุบันข้าวหอมมะลไิ ทยยังคงครองความนิยม และเปน็ ท่ียอมรับจากผ้บู รโิ ภคในฐานะข้าวทด่ี ที ส่ี ุดของโลก ข้าวเหนยี ว “ข้าวเหนียว” เป็นที่นิยมและอยู่คู่กับวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านของไทยมาช้านาน ทาให้ผล ผลิตข้าวเหนียวของไทยส่วนใหญ่จงึ ถูกใช้ในการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตามประเทศไทยยัง เป็นแหล่งส่งออกข้าวเหนียวอันดับหนึ่งในตลาดโลกทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณโดยกว่าร้อยละ 50 ของผู้บริโภคข้าวเหนียวยังคงนิยมบริโภคข้าวจากประเทศไทย เนื่องจากคุณลักษณะที่โดดเด่นของ ข้าวเหนียวไทยที่มีลักษณะเม็ดเรียวยาวและกล่ินหอมกว่าข้าวจากแหล่งอ่ืนๆ โดยคู่ค้าของไทย กระจายไปในหลาย ๆ ประเทศ อาทิ ในกลุ่มอาเซยี น จีน ญป่ี ่นุ และสหรฐั อเมริกา ขา้ วน่ึง ไทยนับเป็นหน่ึงในประเทศผู้ส่งออก “ข้าวนึ่ง” รายสาคัญของโลก ในปัจจุบันข้าวน่ึงที่ไทย ผลิตได้น้ันพึ่งพิงการส่งออกท้ังหมด โดยตลาดส่งออกสาคัญ คือประเทศต่างๆ ในแอฟริกาและ ตะวันออกกลาง รวมท้ังตลาดข้าวน่ึงคุณภาพสูงในสหรัฐฯและยุโรป ความต้องการบริโภคข้าวน่ึงใน ตลาดข้าวยังขยายตัวต่อเนื่อง เน่ืองจากจานวนประชากรในประเทศที่นิยมบริโภคข้าวนึ่งมีแนวโน้ม เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงผลจากกระแสอาหารเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมเพิ่มข้ึนในกลุ่มผู้บริโภค ยุคปัจจุบัน โดยมีการค้นพบว่าข้าวนึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาวพันธ์ุเดียวกันใน กระบวนการผลิตแบบปกติ (ข้าวน่ึงคือข้าวเปลือกที่ผ่านกระบวนการแช่น้าเพ่ิมความช้ืนนาไปนึ่งให้ สกุ แล้วจงึ ลดความชนื้ กอ่ นนาไปขัดสีเอาเปลอื กและราออก)

23 ข้าวกลอ้ ง ข้าวกล้อง คือข้าวที่กะเทาะเปลือกออกแต่ไม่ได้ผ่านกระบวนการขัดสี ทาให้ยังคงคุณค่าทาง โภชนาการไว้อย่างครบถ้วน ตลาดข้าวกล้องเพื่อการส่งออกของไทยนับว่ายังอยู่ในชว่ งเร่ิมต้น แต่ก็มี แนวโน้มการขยายตัวอย่างรวดเร็วควบคู่กับการเติบโตและกระแสนิยมเกี่ยวกับอาหารเพ่ือสุขภ าพ และเกษตรอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องของไทยมีให้เลือกหลากหลายตามชนิดสายพันธ์ุข้าวสีและ ข้าวที่มีคุณลักษณะพิเศษซ่ึงตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคในตลาดเฉพาะ โดยมีการผลิตทั้งในระดับ ผู้ประกอบการรายใหญ่ และชุมชนเกษตรกรรายยอ่ ย มาตรฐานและกฎระเบียบในการสง่ ออก มาตรฐานข้าวหอมมะลไิ ทย สนิ ค้ามาตรฐานขา้ วหอมมะลไิ ทยทุกชัน้ ประเภท และชนิดตอ้ งมีมาตรฐานดงั ตอ่ ไปน้ี 1. มขี ้าวหอมมะลไิ ทยไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 92.0 2. มีความชน้ื ไม่เกินร้อยละ 14.0 3. มลี กั ษณะโดยทัว่ ไปเป็นขา้ วเมล็ดยาว 4. ไม่มแี มลงทย่ี งั มีชีวิตอยู่ 5. มขี นาดเมล็ด ดงั น้ี ◦ ความยาวเฉลยี่ ของขา้ วเต็มเมล็ด ที่ไมม่ ีสว่ นใดหกั ตอ้ งไม่ต่ากว่า 7.0 มิลลิเมตร ◦ อัตราส่วนความยาวเฉลี่ยต่อความกว้างเฉลี่ยของข้าวเต็มเมล็ดท่ีไม่มีส่วนใดหักต้องไม่ ต่ากวา่ 3.2 : 1 6. มคี ณุ สมบตั ิทางเคมี ดงั นี้ ◦ มีปริมาณอมิโลสไม่ต่ากว่าร้อยละ 13.0 และไม่เกินร้อยละ 18.0 ท่ีระดับความชื้น ร้อยละ 14.0 ◦ มคี ่าการสลายเมล็ดข้าวในด่าง ระดับ 6 – 7 พฤติกรรมการบรโิ ภคข้าวทัว่ โลก ข้าวเป็นธัญพืชและทรัพยากรอาหารท่ีสาคัญของโลก ประชากรโดยเฉพาะในกลุ่ม ประเทศแถบภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง รวมไปถึงในทวีปแอฟริกาอีกหลายประเทศนิยม รับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก ข้าว จึงเป็นพืชเศรษฐกิจสาคัญที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อ ประชากรโลก ด้วยวัฒนธรรมและรสนิยมในการบริโภคข้าวในแต่ละภูมิภาคของโลกมีความแตกต่าง กันไป โดยมีการคาดการณ์ว่าในระยะยาวแล้วความต้องการบริโภคข้าวจะมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงข้ึน อีกทั้งความต้องการของตลาดมีความซับซ้อนมากขึ้นจากการเติบโตของสังคมเมืองและชนช้ันกลาง ทาให้ความต้องการข้าวคุณภาพสูงขยายตัวเพ่ิมข้ึน และมีความหลากหลายท้ังทางโภชนาการและ ความปลอดภัย ในขณะทคี่ วามต้องการข้าวคุณภาพตา่ จะมีสัดสว่ นที่ถดถอยลง - ยโุ รปและอเมริกา

24 ประชากรส่วนใหญ่ในแถบยุโรปและอเมริกา แม้จะไม่ได้บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก แต่ก็มี ความตอ้ งการบริโภคขา้ วของประชากรเช้ือสายเอเซยี และแอฟริกัน อยา่ งไรก็ดี กลุ่มประเทศดงั กล่าว มีการนาเขา้ ข้าวอยบู่ า้ งและขา้ วซึ่งเปน็ ทน่ี ยิ มเปน็ อย่างสูงในการบริโภคก็คือ ข้าวหอมมะลไิ ทย - แอฟริกา เป็นภูมิภาคท่ีมีการผลิตข้าวน้อยแต่บริโภคมาก จึงเป็นภูมิภาคท่ีมีการนาเข้าข้าวสูง โดยในกลุ่ม ประเทศในแอฟรกิ านิยมบรโิ ภคข้าวนง่ึ และขา้ วหอมมะลสิ าหรับผู้มรี ายไดส้ ูง - เอเซีย ภูมิภาคเอเซียเป็นท้ังแหล่งผลิตและการบริโภคข้าวที่สาคัญที่สุดของโลก ประชากรส่วนใหญ่นิยม บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก โดยประชากรในส่วนของเอเซียตะวันออก นิยมบริโภคข้าวเจ้าเมล็ดสั้น หรือที่เรียกว่าข้าวญี่ปุ่น ส่วนกลุ่มประเทศในแถบเอเซียใต้และตะวันออกกลาง นิยมบริโภคข้าวเจ้า เมล็ดยาวเปน็ หลกั โดยเฉพาะขา้ วหอมทเ่ี ปน็ ทน่ี ยิ มใน กลุม่ ผูม้ รี ายได้สูง ส่วนขา้ วเหนียวจะเป็นทีน่ ยิ มในบางภมู ภิ าคของประเทศในแถบอาเซยี น 5.ขา้ วกับพระมหากษตั ริย์

25 โซน 5 ข้าวกับพระมหากษตั รยิ ์ ข้าวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ประเทศไทยเป็นประเทศกสิกรรม จึงตระหนัก ถงึ ความสาคญั ของการเพาะปลูกพชื ผลทางการเกษตรต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การเพาะปลูก “ขา้ ว” ซึง่ เปน็ รากฐานความมน่ั คงของประเทศมาทุกยุคทุกสมัย พระมหากษัตริยใ์ นฐานะเกษตรบดีจึงต้องมี พระราชภารกิจในการบารุงขวัญและกาลังใจแก่ชาวนาผู้ปลูกข้าวเล้ียงผู้คนท้ังประเทศ ความจริง ปรากฏเด่นชัดผ่าน “พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ”อันเป็นพระราชพิธีที่มี ความสาคัญยิ่งต่อการเพาะปลูกข้าวของคนไทยมาแต่โบราณกาล เพื่อเป็นมิ่งมงคลและสร้างขวัญ กาลังใจแก่ชาวนาผู้ปลูกขา้ ว พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือที่ผู้คนทั่วไปมักเรียกส้ันๆว่า “พิธีแรกนาขวัญ” เป็นวัฒนธรรมร่วมของชนเผา่ ชาติพันธไ์ุ ทท่ีจัดขึ้นเป็นประจาทุกปีในเดือนหกของ ไทย (ราวเดือนพฤษภาคม) ตามคติความเชื่อของสังคมกสิกรรมที่ว่าธรรมชาติได้มอบผืนดินอันอุดม สมบูรณ์ท้ังน้าท่า และดิน ฟ้าอากาศท่ีเหมาะสมแก่การเพาะปลูก หากได้พืชพันธ์ุที่ดีและเป็นมงคล ต่อสรรพชีวิตแล้ว ความร่มเย็นเป็นสุขจะบังเกิดขึ้นแก่มหาชน โดยพิธีเต็มรูปแบบตามโบราณราช ประเพณีนั้นเพิ่งรื้อฟ้ืนขึ้นในปี พ.ศ. 2503 นี้ หลังจากว่างเว้นไปกว่า 20 ปี โดยพระบาทสมเด็จ- พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสให้ปรับปรุงพิธีการให้เหมาะสมกับปัจจุบัน และเสด็จพระราช ดาเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีเป็นประจาโดยมีผู้รับหน้าท่ี “พระยาแรกนา” เป็นผู้จับคันไถ และหว่านเมล็ดข้ าว แล ะ พืช พันธ์ุ มง คล ที่ผ่า น การ ท าพิ ธีท าง พุ ทธ ศาส นา ใน อุ โ บ ส ถ วดั พระศรรี ัตนศาสดารามลงสู่ผนื นาแห่งทอ้ งสนามหลวง ข้าวมงคลบรรจุอยู่ในหาบกระบุงเงิน กระบุงทอง ที่มีหญิงสาวเป็นผู้หาบเดินเคียงเพื่อให้พระ ยาแรกนาได้หยิบหวา่ นลงบนผนื นาหลังจากที่พระโคได้ลากคันไถศักด์ิสิทธพ์ิ ลิกฟื้นผืนดินแลว้ เม่ือไถ เวยี นครบกาหนดจึงทาการเส่ียงทายว่าปีนนี้ ้าทา่ จะดี พชื พนั ธ์จุ ะอุดมสมบูรณ์หรือไม่ โดยทานายจาก ธัญญาหารและส่งิ ทพี่ ระโคกนิ คนไทยถือว่า “พิธีแรกนาขวัญ” นี้ เป็นพิธีท่ีเป็นมงคลอย่างยิ่ง โดยจะมีชาวนาจากท่ัวสารทิศ เดนิ ทางมาเป็นส่วนหน่ึงของพธิ จี นเนืองแนน่ ทุกปี และทุกคนตา่ งก็มงุ่ หวังจะไดเ้ มล็ดข้าวมงคลซ่ึงเป็น ข้าวพันธุ์ดีท่ีผ่านการคัดพันธุ์มาแล้ว กลับไปเป็นมิ่งขวัญแก่ผืนนาของตน เม่ือพิธีการเสร็จส้ินก็ถือว่า นิมติ รหมายอนั ดีแหง่ การเพาะปลูกไดเ้ ริ่มตน้ ขึน้ แล้ว ชาวนาทีร่ ่วมพธิ ีต่างก็กรูเข้าไปยังผืนนาศกั ด์ิสิทธ์ิ กอบเอาดินและเมล็ดข้าวด้วยใบหน้าที่เปี่ยมรอยย้ิม ก่อนแยกย้ายกันกลับไปเร่ิมต้นการหว่านไถ ในทน่ี าของตน พระบดิ าขา้ วไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็น “ พระบิดาแห่งการ ปฏิรูปข้าวไทย ”พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็น “พระบิดาแห่ง การวิจยั และพัฒนาข้าวไทย”

26 “พระบิดาแห่งการปฏริ ปู ขา้ วไทย” พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีพระมหากรุณาธิคุณต่อ การปฏิรูปข้าวไทยโดยทรงริเร่ิมการปฏิรูปและพัฒนาแนวทางการผลิตข้าวใหม่ท่ีส่งผลดี และเอ้ือ ประโยชน์ ต่อระบบการผลิตและการค้าข้าวของประเทศไทย มาแต่อดีตจนถึงปัจจุบันท้ังในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ การเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการโดยการยกเลิกกรมนาแล้วจัดต้ัง กระทรวงเกษตราธิการ เพ่ือสนับสนุนด้านการผลิต การยกเลิกระบบศักดินา การคัดเลือกข้าวพันธุ์ดี มีคุณภาพจากต่างประเทศ มาทดลองปลูก การจัดให้มกี ารประกวดพนั ธ์ุขา้ ว การขยายพ้ืนท่ีปลูกข้าว ด้วยการวางรากฐานระบบชลประทานสมัยใหม่ รวมทั้งนาเครื่องจักรไถนามาทดลองใช้ในการผลิต และเป็นแบบอย่างของการทาเกษตร สมัยใหม่แก่เกษตรกร นอกจากนี้ยังทรงสนับสนุนการค้าข้าว โดยริเร่ิมระบบขนส่งทางรถไฟและกิจการ ไปรษณีย์โทรเลข เพ่ือใช้ในการเดินทางและขนส่งลาเลียง ผลผลิตข้าว การวางรากฐานงานวิจัยและพัฒนาข้าวไทย โดยการจัดตั้งโรงเรียนเกษตราธิการเพ่ือ ผลิตบุคลากรเข้ารับราชการในกรม กองต่างๆ ของกระทรวงเกษตราธิการ รวมทั้งได้พระราชทาน ทนุ เล่าเรียนหลวงใหไ้ ปศกึ ษาด้านการเกษตรสาขาตา่ ง ๆ ยังต่างประเทศ “พระบิดาแหง่ การวิจยั และพัฒนาขา้ วไทย” พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 มีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อการวจิ ยั และพัฒนาข้าวไทย โดยทรงพระราชดาริและทรงดาเนินการเกยี่ วกับการวิจัยและพัฒนา ข้าว ทรงมุ่งม่ันทุ่มเทกาลังพระวรกายในการปรับใช้ผลการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้เกิดความมั่นคง ทางอาหาร เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม แก่เกษตรกรที่ประกอบอาชีพทานา อาทิ การฟื้นฟู พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ก่อให้เกิดขวัญกาลังใจและความภูมิใจในอาชีพ เกษตรกรรม ทรงคน้ คดิ วิธเี กษตรทฤษฎใี หม่ การทานาขน้ั บันได โครงการฝนหลวงเพือ่ บรรเทาปัญหา ความแห้งแล้ง การแก้ปัญหาดินเปรี้ยวในพื้นที่ต่างๆ ที่เรียกว่า “แกล้งดิน” การกระจายเมล็ดพันธ์ุ ข้าวพันธ์ุดี สู่เกษตรกร ท่ีเรียกว่า “พันธ์ุข้าวทรงปลูกพระราชทาน” ทรงพระราชทานที่ดินเพ่ือการ วิจัยและพัฒนาข้าวไร่ และธัญพืชเมืองหนาวทรงเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรวิจัยและพัฒนาข้าว ทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ ให้แก่มูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันวิจัยข้าวระหว่าง ประเทศ และพระราชทาน ทุนสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาข้าวให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานที่ เกี่ยวขอ้ งมาโดยตลอด วนั ชาวนาไทย 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เพ่ือเป็นการราลึกถึง ความสาคัญของข้าว รวมท้ังเพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกาลังใจให้แก่ชาวนา เนื่องจาก วั น ท่ี 5 มิ ถุ น า ย น 2489 พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ จ้ า อ ยู่ หั ว อ า นั น ท ม หิ ด ล (รั ช ก า ล ท่ี 8) เสด็จพระราชดาเนินพร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ (รัชกาลท่ี 9) ทอดพระเนตรการทานา ท่ีอาเภอบางเขน และทอดพระเนตรกิจการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

27 ทั้งได้ทรงหว่านข้าวด้วยพระองค์เองในแปลงนานับเป็นพระมหากรุณาธิคุณท่ีพระราชทานต่อ ชาวสยาม และขา้ วไทย และเปน็ วาระสาคัญต่อกจิ กรรมข้าวไทย 9 พระราชดารสั เก่ียวกับข้าวและชาวนาไทย 1. “.. ข้าวต้องปลูก เพราะอีก ๒๐ ปีประชากรอาจจะ ๘๐ ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเร่ือย ๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซ้ือข้าวจากต่างประเทศ เร่ืองอะไร ประชาชน คนไทยไม่ยอม คนไทยน้ีต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ตอ้ งปลูก..” - กระแสพระราชดารสั ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว (๒๕๓๖) 2. “ ข้าวทอ่ี อกเป็นสีลกั ษณะน้เี ปน็ ขา้ วทมี่ ปี ระโยชน์ อยา่ งข้าวกลอ้ งคนไทยสว่ นใหญ่ ไมค่ ่อยกินกนั เพราะเหน็ ว่าเป็นข้าวของคนจน ข้าวกล้องมีประโยชนท์ าให้รา่ งกายแขง็ แรง ข้าวขาว เมด็ สวยแตเ่ ขาเอาของดีออกไปหมดแล้ว มีคนบอกวา่ คนจนกินข้าวกล้อง เรากนิ ข้าวกลอ้ งทกุ วัน เรานก่ี ค็ นจน ” - กระแสพระราชดารสั ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวฯ (๒๕๔๑) 3. “ ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ศึกษาการทดลองและทานามาบ้าง และทราบดีว่าการทานา นั้นมีความยากลาบากอยู่มิใช่น้อย จาเป็นจะต้องอาศัยพันธุ์ข้าวที่ดี และต้องใช้วิชาการต่าง ๆ ด้วยจึงจะได้ผลเป็นล่าเป็นสัน อีกประการหนึ่งท่ีนาน้ัน เม่ือส้ินฤดูทานาแล้วควรปลูกพืชอ่ืนๆบ้าง เพราะจะเพิ่มรายได้ให้อีกไม่ใช่น้อย ทั้งจะช่วยให้ดินร่วน ช่วยเพิ่มปุ๋ยกากพืช ทาให้ลักษณะเนื้อดิน ดีขนึ้ เหมาะสาหรบั จะทานาในฤดูตอ่ ไป ” พระราชดารสั พระราชทานแกผ่ ้นู ากลุม่ ชาวนา เมื่อ พฤษภาคม ๒๕๐๔ จากหนังสอื พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั กับการพัฒนาข้าวไทย หนา้ 2 4. “…ในสมยั ปจั จุบนั อาชพี เพาะปลูกนี้มีความสาคัญมาก เพราะการเพาะปลูกนี้เป็น จุดเริ่มต้น ของชีวิตมนุษย์ ถ้าเราไม่มีการเพาะปลูก ก็จะไม่มีวัตถุดิบที่จะมาเป็นอาหาร หรือเป็น เครอ่ื งนุ่งหม่ หรือเปน็ สิง่ กอ่ สรา้ ง ฉะนนั้ ตอ้ งทาการกสกิ รรม…” พระราชดารัส พระราชทาน แก่ผู้นาสหกรณ์การเกษตรและสหกรณ์นิคม ณ ศาลาดุสิดาลัย เม่ือ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ จากหนงั สือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั กบั การพัฒนาขา้ วไทย หนา้ 2 5. “ เวลานึกถึงทาไมมีข้าวมาก ราคาข้าวกต็ ก ก็น่าจะเปน็ การดีทีม่ ีข้าวมาก พวกเรา ท่ีบริโภคข้าวก็จะได้ซื้อข้าวในราคาถูก แต่หารู้ไม่ว่าข้าวที่บริโภคทุกวันนี้ ราคาก็ยังแพงเป็นท่ี เดอื ดร้อนแกป่ ระชาชนท่ัวไป ก็ต้องหาเหตุผล ทาไมแพง ขา้ วท่ีบริโภคแพง และข้าวท่ีชาวนาขายถูก… เข้าไปหากลุ่มชาวนา ถามเขาว่าเป็นอย่างไร เขาบอกว่าแย่ ข้าวราคาถูก ก็ถามเขาว่า ยุ้งฉางมีหรือ เปล่าท่ีจะเก็บข้าว เขาบอกว่ามี ก็เลยเห็นว่าควรที่จะเก็บข้าวเอาไว้ก่อน หลังจากท่ีข้าวล้นตลาด แตว่ ่าไม่ทนั นึกดูวา่ ทาไมเขาเกบ็ ข้าวไมไ่ ด้ แมจ้ ะมียุ้งฉาง ก็เพราะเขาตดิ หน้ี เหตทุ ่ีติดหนี้กค็ ือ เสอื้ ผ้า เหล่าน้ันหรือกะปิ น้าปลา หรือแม้กระท่ังข้าวสารก็ต้องบริโภค ถ้าไม่ได้ไปซื้อท่ีตลาด หรือร่วมกันซื้อ

28 ก็คงเป็นพ่อค้าหรือผู้ที่ซ้ือข้าวเป็นผู้นามา อันน้ีก็เป็นจุดที่ทาให้ข้าวถูก… อันนี้เป็นปัญหาสาคัญถ้าจะ แก้ปัญหานี้ ต้องแก้ด้วยการรวมกลุ่มเป็นกลุ่มผู้บริโภคเหมือนกัน แล้วก็ไปติดต่อกับกลุ่มผู้ผลิต โดยท่ีไปตกลงกันและอาจจะต้องตั้ง หรือไปตกลงกับโรงสีให้แน่ จะได้ไม่ต้องผ่านหลายมือ ถ้าทุกคน ทบ่ี รโิ ภคขา้ วตั้งตัวเป็นกลมุ่ แล้วก็ไปซือ้ ขา้ วเปลือก แล้วไปพยายามสีเองหรอื ให้ผู้แทนของตวั สี ก็ผา่ น มอื เพียงผู้ท่ีผลิต ผู้ทีส่ ี และผู้ที่บรโิ ภค ก็ตดั ปัญหาอนั น้ี (คนกลาง) ลงไป ” พระราชดารัส ในวโรกาสเสด็จพระราชดาเนินไปทรงดนตรี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เม่อื วนั เสาร์ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๔ จากหนงั สอื พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั กบั การพัฒนาขา้ วไทย หน้า 6 – 7 6. “ ไม่จาเป็นต้องส่งเสริมผลผลิตให้ได้ปริมาณสูงสุดแต่เพียงอย่างเดียว เพราะเป็น การสิ้นเปลอื งคา่ โสหุย้ และทาลายคุณภาพดิน แต่ ควรศกึ ษาสภาวะการตลาดการเกษตร ตลอดจน การควบคุมราคาผลิตผลไมใ่ ห้ ประชาชนได้รบั ความเดอื นรอ้ น ” จากหนังสือ “ใตร้ ม่ พระบารม”ี 20ปี กปร. หน้า 66 7. “ ทฤษฎีใหม่เป็นวิธีการอย่างหนึ่งท่ีจะทาให้ประชาชน มีกิน แบบตามอัตภาพ คือ อาจไม่รวยมากแต่ก็พอกิน ไม่อดอยาก… หลักมีว่าแบ่งที่ดินเป็นสามส่วน ส่วนหน่ึงเป็นท่ีสาหรบั ปลกู ขา้ ว อีกส่วนสาหรบั ปลูกพืชไร่ พืชสวน และมีท่สี าหรบั ขุดสระน้า ” จากหนังสือ “ใต้ร่มพระบารม”ี 20ปี กปร. หน้า 45 8. “ ในอนาคต…ข้าวไร่มีบทบาทมากเพราะไม่ต้องใช้น้ามาก และอาศัยน้าฝนตาม ธรรมชาติ สาหรับพวกข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ให้เป็นพืชเสริมสาหรับแปรรูป เพื่อเป็นประโยชน์ ตอ่ ชาวเขาและเป็นรายไดอ้ ีกทางหนงึ่ ” กระแสพระราชดาริ เม่ือเสด็จทอดพระเนตรแปลงทดลองข้าว ณ สถานีทดลองข้าวสันป่าตอง วันที่ ๑๓ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๙ จากหนังสอื พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั กบั การพัฒนาข้าวไทย หน้า 13 9. “ ธนาคารข้าว… ให้มีคณะกรรมการควบคุม ท่ีคัดเลือกจากราษฎรในหมู่บ้าน เป็นผู้เก็บรักษา พิจารณาจานวนข้าวที่จะให้ยืมและรับข้าวคืน ตลอดจนจัดทาบัญชีทาการของ ธนาคารข้าว ราษฎรท่ีต้องการข้าวไปใช้บริโภคยามจาเป็นให้คงบัญชียืมข้าวไปใช้จานวนหน่ึง เมื่อสามารถเก็บเก่ียวข้าวได้แล้วก็นามาคืนธนาคาร พร้อมด้วยดอกเบี้ย (ข้าว) จานวนเล็กน้อยตาม แต่ตกลงกัน ซึ่งข้าวซ่ึงเป็นดอกเบี้ยดังกล่าวก็จะเก็บรวบรวมไว้ในธนาคาร และถือเป็นสมบัติของ ส่วนรวม…ราษฎรตอ้ งร่วมมือกันสรา้ งยุ้งทแ่ี ข็งแรง ทั้งนี้หากปฏิบัติตามหลกั การท่ีวางไว้ จานวนขา้ ว ที่หมุนเวียนในธนาคารจะไม่มีวันหมด แต่จะค่อย ๆ เพิ่มจานวนข้ึน และจะมีข้าวสาหรับบริโภค ตลอดไปจนถึงลูกหลาน ในท่ีสุดธนาคารข้าวจะเป็นแหล่งที่รักษาผลประโยชน์ของราษฎรในหมู่บ้าน และเป็นแหลง่ อาหารสารองของหม่บู ้านดว้ ย ” ทรงพระราชทานแนวทางดาเนินงานธนาคารข้าวแก่ราษฎรชาวเขาเผ่ากระเหร่ียง อาเภอจอมทอง จงั หวดั เชยี งใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๙

29 จากหนงั สอื พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวกบั การพัฒนาขา้ วไทย หนา้ 8 6.วถิ ีชีวิตชาวนาอสี าน

30 โซน 6 วถิ ีชีวติ ชาวนาอีสาน Graphic 6.2 เครอ่ื งมือทานา - คันไถ หรือ ผาลไถนา อุปกรณ์ในการเตรียมดินทานาในสมัยโบราณท่ีใช้แรงงาน วัว และ ควายเป็นต้นกาลังเพ่ือลากคันไถ คันไถส่วนใหญ่ทาจากไม้เนื้อแข็ง ส่วนหัวไถทาจากเหล็กเป็นรูป สามเหล่ียมแบนจะทาหน้าท่ีพลิกหน้าดินเพ่ือทาให้ดินร่วนซุย เวลาทางานกดหัวไถให้จมดินแล้วยก คันไถข้ึนเพื่อให้หน้าดินพลิกหงายขึ้น ปัจจุบันไม่ค่อยมีการใช้งานแล้ว ชาวนาเปล่ียนมาใช้รถไถนา แทน

31 - คราดไถนา หรือ คราดนา ใช้สาหรับในการรวบรวมเศษหญ้าที่หลงเหลืออยู่ในแปลงนา หลงั จากมกี ารไถดะและไถแปรแลว้ เอาออกจากแปลงนา โดยส่วนใหญต่ วั คราดนาสมัยกอ่ นจะทาจาก ไม้เนื้อแข็งส่วนหมุดหรือซ่ีฟันจะทาจากไม้ไผ่หรือไม้เน้ือแข็งเป็นล่ิมตอกเข้าไปในตัวคราด โดยจะทา เป็นชอ่ งฟนั ซ่ๆี โดยมีระยะห่างพอสมควร เพ่ือใชค้ ราดหรือรวบรวมหญา้ ในแปลงนาให้เป็นกอง ๆ ใช้ ต้นกาลงั จากสตั ว์ เชน่ ววั และควาย เปน็ ตน้ ปจั จุบันไมม่ กี ารใช้งานแล้ว - แอก ทาจากไม้ เป็นท่อนกลมโค้งใชว้ างขวางบนคอววั หรือควาย เพือ่ ควบคุมใหว้ ัวควายไถ นา คราดนาหรือเทยี มเกวยี น

32 - เคยี วเก่ยี วข้าว เครื่องมือเก่ียวต้นข้าว ซงึ่ ทาจากเหล็กมลี ักษณะเปน็ โค้งจนั ทรเ์ สยี้ ว ด้านใน คมและมฟี นั เล็กๆคล้ายซีห่ วีตลอดคมเคยี ว มีด้ามทาด้วยไม้หรอื เหลก็ เคร่ืองใช้พืน้ บา้ น - ไม้หนบี และม้ารองนวดข้าว ใชน้ วดข้าว โดยใชไ้ มห้ นบี มัดฟอ่ นขา้ ว แลว้ ยกฟ่อนข้าวฟาด พนื้ ลานนวดข้าวหรือม้านวดข้าว เพื่อให้เมลด็ ข้าวหลุดออกจากรวง

33 - พลว่ั สาดขา้ ว ใชต้ กั ข้าวเปลอื กและเทลงมา ใหเ้ ศษฝนุ่ หญ้า ฟาง และขา้ วลบี ปลวิ ออก จากขา้ วเปลอื ก - พดั วี ใชพ้ ัดเพือ่ แยกฝุ่นผงเศษฝาง หญ้าและข้าวลีบออกจากข้าวเปลือก

34 - ครกตาข้าว ใชต้ าขา้ วแยกเปลอื กออกจากเมล็ด มีหลายชนิด เช่น ครกซ้อมมือ และครกกระเดื่อง - ครกซอ้ มมือ ทาจากท่อนไม้ขนาดใหญ่ ขดุ เอาเน้ือในออกใหเ้ ปน็ หลมุ ลกึ ใชค้ ู่กบั ตะลกุ พุก ทาจากไม้ท่อนยาว ผูต้ าข้าวต้องใชส้ องมอื จบั ตะลุมพกุ ยกข้ึนตาลงในครก - ครกกระเดอื่ ง ทาจากด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่ ขุดเอาเนอื้ ในออกใหเ้ ป็นหลมุ เชน่ เดยี ว ใชค้ ู่กบั กระเดื่องซึ่งเปน็ ไม้ทอ่ นยาว ปลายด้านหัวมีสากสาหรบั ตาข้าว เวลาตาใช้เทา้ เหยยี บปลายดา้ นท้าย ให้หวั สากกระดกขน้ึ ลง จึงทนุ่ แรงไดด้ ีกว่าครกซ้อมมือ

35 - กระด้ง ภาชนะสานรปู กลมแบน ยกขอบ สานด้วยไม้ไผ่เป็นลายทบึ ใช้ฝดั ขา้ วที่ตาหรือสแี ลว้ เพอื่ ร่อนแยกเอาแกลบหรอื เศษผงฝุน่ ออกจากเมลด็ ข้าว - หวดนึ่งข้าว ภาชนะสาน ใช้นึ่งขา้ วเหนียว สานด้วยตอกไม้ไผ่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook