48 Graphic 6.3 เคร่ืองใชพ้ ้ืนบ้าน - ไม้หนบี และม้ารองนวดขา้ ว ใช้นวดขา้ ว โดยใช้ไมห้ นบี มัดฟ่อนข้าว แล้วยกฟ่อนขา้ วฟาด พ้ืนลานนวดขา้ วหรือม้านวดข้าว เพื่อให้เมลด็ ขา้ วหลดุ ออกจากรวง - พลัว่ สาดขา้ ว ใช้ตกั ขา้ วเปลือกและเทลงมา ใหเ้ ศษฝนุ่ หญ้า ฟาง และขา้ วลบี ปลวิ ออก จากข้าวเปลอื ก
49 - พัดวี ใช้พดั เพื่อแยกฝุ่นผงเศษฝาง หญา้ และข้าวลีบออกจากขา้ วเปลือก - ครกตาขา้ ว ใชต้ าขา้ วแยกเปลือกออกจากเมล็ด มีหลายชนิด เช่น ครกซ้อมมือ และครกกระเด่ือง - ครกซอ้ มมือ ทาจากท่อนไม้ขนาดใหญ่ ขุดเอาเนื้อในออกใหเ้ ป็นหลมุ ลกึ ใชค้ กู่ ับตะลกุ พุก ทาจากไมท้ ่อนยาว ผู้ตาขา้ วต้องใชส้ องมือจบั ตะลมุ พกุ ยกขึ้นตาลงในครก
50 - ครกกระเดื่อง ทาจากด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่ ขดุ เอาเนื้อในออกใหเ้ ป็นหลมุ เช่นเดยี ว ใชค้ ่กู บั กระเดื่องซึ่งเป็นไม้ทอ่ นยาว ปลายด้านหวั มีสากสาหรับตาข้าว เวลาตาใช้เท้าเหยยี บปลายดา้ นท้าย ให้หวั สากกระดกขึ้นลง จึงทนุ่ แรงได้ดีกว่าครกซ้อมมือ - กระดง้ ภาชนะสานรปู กลมแบน ยกขอบ สานดว้ ยไม้ไผ่เป็นลายทบึ ใชฝ้ ัดขา้ วทตี่ าหรือสีแลว้ เพื่อร่อนแยกเอาแกลบหรอื เศษผงฝุน่ ออกจากเมล็ดขา้ ว - หวดนึ่งข้าว ภาชนะสาน ใช้น่ึงข้าวเหนยี ว สานด้วยตอกไม้ไผ่
51 2.3. การดแู ลรักษา นาผ้าเปยี กหมาดกงึ่ แหง้ เช็ดทาความสะอาด
52 บทบรรยาย สวสั ดคี รับ/ ค่ะ ยินดตี อ้ นรับทุกทา่ นสูน่ ทิ รรศการศนู ยเ์ รยี นรู้ขา้ วหอมมะลิโลก ข้าวถือเป็นอาหารหลกั ของคนไทย การทานาจึงถือเปน็ วิถชี วี ิตวัฒนธรรมทอ่ี ยู่คู่กับคนไทยมายาวนานโดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ขา้ วหอมมะลิ นอกจากจะเป็นอาหารหลักของผ้คู นแลว้ ยังเป็นผลิตผลจากธรรมชาติท่ีนา่ พิศวงมคี ุณภาพทางโภชนาการ และ มกี ล่ินหอมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในแถบถ่นิ ทุ่งกุลา สร้างช่ือเสยี งของจงั หวัดร้อยเอด็ และประเทศไทยใหเ้ ป็นท่ี รู้จักของนานาประเทศทัว่ โลก ซึง่ ในนทิ รรศการจะประกอบไปดว้ ย 6 โซน ดังนี้ ชน้ิ งาน คาบรรยาย โซน 1 ภูมศิ าสตรเ์ ขตทุง่ กลุ า ประวตั ศิ าสตร์และความเป็นมาของทุง่ กุลา 1. ประวัติศาสตรแ์ ละความเปน็ มาของทุ่ง ตานานแห่งทุ่งกว้างที่มีช่ือว่า “ทุ่งกุลาร้องไห้” น้ีมีเร่ืองเล่าว่า กลุ า พ่อค้าชาวเผ่ากุลาคนหน่ึงซึ่งมีอาชีพค้าขายสินค้าเคร่ืองประดับ และของใช้จิปาถะ เดินทางมาขายตามหมู่บ้านในภาคอีสาน หนทางไปนนั้ มแี ต่ทุ่งหญา้ ทีแ่ ห้งแล้ง พ่อค้าชาวกลุ าน้ันคิดวา่ ตนเอง เป็นนักต่อสู้ท่ีมีความเข้มแข็งอดทนเต็มเป่ียมและเดินได้เร็วคงจะ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน จึงเตรียมอาหารและน้าไปเท่าท่ีเคย เมื่อ พ่อค้าเดินทางไปจริงๆแล้วกลับพบว่าแสนกันดารเกินบรรยาย จนกระทั่งทนทุกข์ทรมานไม่ไหว จนต้องนั่งร้องไห้ ตั้งแต่น้ันมา ชาวบ้านกพ็ ากนั เรียกท้องท่งุ แหง่ นว้ี า่ “ทุ่งกลุ ารอ้ งไห้” โซน 1 ภมู ิศาสตร์เขตทุง่ กุลา ถัดมาจะเป็นจอพาโรนามาท่ีแสดงถึงสภาพภูมิศาสตร์เขตทุ่งกุลา 2. สภาพภมู ิศาสตรเ์ ขตท่งุ กุลา และภาพถา่ ย 360องศาของทงุ่ กุลารอ้ งไห้ ท่ี อาเภอสุวรรณภมู ิ VDO 1.1 สภาพภมู ิศาสตร์เขตทุง่ กลุ า ทุ่งกุลาร้องไห้ แหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลก มีอาณาเขต กว้างขวางที่สุดในภาคอีสาน ใหญ่กว่ากรุงเทพถึง 2 เท่าตัว ด้วย เนื้อท่ีประมาณ 2 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 13 อาเภอ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด มีพื้นท่ีมากที่สุดอยู่ใน อาเภอปทุมรัตน์ อาเภอ เกษตรวสิ ัย อาเภอสุวรรณภูมิ อาเภอโพนทราย และอาเภอหนองฮี พนื้ ท่ปี ระมาณ 986,807 ไร่ คิดเป็น 46.8%
ชิน้ งาน 53 โซน 2 รากเหงา้ แห่งวิถวี ัฒนธรรม คาบรรยาย 1. รากเหงา้ แห่งวถิ วี ัฒนธรรม จังหวัดสุรินทร์ อาเภอชุมพลบุรีและอาเภอท่าตูม พ้ืนที่ประมาณ 575,933 ไร่ คดิ เป็น 27.3% จังหวัดศรีสะเกษ อาเภอศิลาลาด อาเภอราษีไศล และอาเภอยาง ชุมนอ้ ย พ้นื ทปี่ ระมาณ 287,000ไร่ คดิ เปน็ 13.6% จงั หวดั มหาสารคาม อาเภอพยัคฆภูมพิ สิ ยั พืน้ ทีป่ ระมาณ 193,890 ไร่ คดิ เป็น 9.2% จังหวัดยโสธร อาเภอค้อวัง และอาเภอมหาชนะชัย พ้ืนท่ีประมาณ 64,000 ไร่ คดิ เป็น 3.1% - ในอดีตบริเวณทุ่งกุลาร้องไห้เป็นใต้ทะเลโบราณมาก่อน พบว่ามี เกลือละลายปนอยู่ในชั้นใต้ดินค่อนข้างสูง ดินชั้นบน เป็นดินร่วน ปนทรายสภาพเป็นกรดปานกลาง ดินชั้นล่างบางช่วง เป็นดิน เหนียวปนทรายเป็นดินจืดไมม่ ีแรธ่ าตุและอาหาร - ทุ่งกุลาร้องไห้ ภูมิประเทศอยู่บริเวณเขตศูนย์สูตร (Tropical Savannah Climate) ทม่ี ีฝนตกเปน็ ชว่ งๆ สภาพพน้ื ทร่ี ะบายน้าไม่ ค่อยดีนัก หากฝนตกจะเกิดน้าท่วมฉับพลัน ลักษณะดินที่ไม่อุ้มน้า พอฝนทิ้งช่วงก็จะแห้งแล้งทันที บางแห่งแตกระแหง บางแห่ง มองเห็นเมด็ เกลือเล็กๆ ขน้ึ จบั หน้าดนิ ผนวกกบั ภมู อิ ากาศ ทมี่ ีแดด จดั ราว 70% ของช่วงเวลาปลกู ขา้ ว - ทาให้ผืนดินแห่งนี่ต้องเผชิญกับสภาพ ดินทรายรสเค็ม น้าท่วม หนัก สภาพแห้งแล้ง อากาศหนาวเย็น และหมอกลงจัด ซ่ึงสภาพ เหล่านี้ท่ีบ่มเพาะให้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้มีเอกลักษณ์ด้าน รสชาตแิ ละกล่นิ อนั แตกตา่ งจากขา้ วหอมมะลทิ ี่ปลูกในพ้นื ท่อี ืน่ ๆ VDO 1.2 ภาพถ่าย 360องศาของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ อาเภอสุวรรณ ภูมิ รากเหงา้ แห่งวิถวี ัฒนธรรม พิธีกรรมความเชื่อเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีความสาคัญต่อคนไทย นัย หนึ่งก็เพราะพิธีกรรมของข้าวเกี่ยวข้องโดยตรงกับการดารงชีวิต ของคนไทยท่ีบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก และมีนาข้าวเป็นแหล่ง ข้าวปลาอาหารเป็นบ่อเกิดของกาลังกายอีกนัยหน่ึงพิธีกรรมก็ช่วย
ชิ้นงาน 54 โซน 2 รากเหง้าแห่งวถิ วี ัฒนธรรม คาบรรยาย 2. ฮีตสิบสอง คองสิบส่ี ให้มีขวัญกาลังใจและเกิดความม่ันคงในจิตวิญญาณ ความเช่ือที่ว่า ขา้ วมีแมโ่ พสพ ดนิ มีแมธ่ รณี นา้ มแี มค่ งคายังทาใหค้ นไทยเกดิ ความ อ่อนน้อมถ่อมตนต่อธรรมชาติท่ีเกื้อหนุนให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ บรรพบุรุษไทยอาศัยความเชื่อน้ีเป็นกุศโลบายในการรักษา ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเม่ือเช่ือว่าสิ่งต่างๆ มีเทพเทวาอารักษ์ก็ ทาให้เกิดความเคารพยาเกรง ไม่รุกล้ากระทาการท่ีก่อให้เกิดความ เสยี หายแก่ธรรมชาติกลายเป็นกฎกติกาที่คนในทุกชุมชนถือปฏิบัติ ร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง ช่วยให้สังคมมีความสงบสุขขึ้นอีกทาง หนึ่ง ประเพณีไทยอสี านเอาบญุ สิบสองเดือน ฮีตสิบสอง หมายถึง จารีตประเพณีประจาสิบสองเดือน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีท่ีชาวบ้านจะได้มาร่วมชุมนุมและทาบุญในทุกๆ เดือนของรอบปี และถอื เป็นจรรยาของสงั คม ผ้ทู ฝ่ี ่าฝนื กจ็ ะเป็นผู้ท่ี ผิดฮตี หรอื ผิดจารตี นัน่ เอง(หลายคร้งั ฮีตสิบสองมักจะกลา่ วควบคู่ \" คองสิบส่ี \" (คองสิบสี่) ท่ีเป็นดังแบบแผนหรือแนวทางดาเนิน ชีวิต (คอง=ครรลอง) แต่จะมุ่งเน้นไปทางศีลธรรมมากกว่าด้าน อาชีพ เดือนเจียง (เดือนอ้าย) มีการประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็น เดือนท่ีพระสงฆ์เข้ากรรม (ปริวาสกรรม) เพ่ือให้พระสงฆ์ผู้กระทา ผิด ได้สารภาพต่อหน้าคณะสงฆ์ เป็นการฝึกจิตสานึกถึงความ บกพร่องของตน และมุ่งประพฤติตนให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ต่อไป ชาวบา้ นก็จะมกี ารทาบญุ เลีย้ งผีตา่ งๆ เดอื นย่ี ในฤดูหลังการเกบ็ เกีย่ ว ชาวบา้ นจะทาบุญคูณข้าว หรือบุญคูณลาน โดยนิมนต์พระสวดมนต์เย็น เพ่ือเป็นมงคลแก่ ข้าวเปลือก รุ่งเช้าเมื่อพระฉันเช้าแล้วจะมีการทาพิธีสู่ขวัญข้าว นอกจากน้ชี าวบ้านจะเตรียมเก็บสะสมฟืนไวห้ ุงต้มทบ่ี ้าน เดือนสาม ในมื้อเพ็ง หรือวันเพ็ญเดือนสาม จะมีการ ทาบุญข้าวจี่และบุญมาฆบูชา การทาบุญข้าวจี่จะเริ่มตอนเช้าโดย ใช้ข้าวเหนยี วปัน้ ใส่น้าอ้อยนาไปจี่บนไฟอ่อนแลว้ ชุบด้วยไข่ เม่ือสุก แล้วนาไป ถวายพระ
55 ชนิ้ งาน คาบรรยาย เดือนสี่ ทาบุญพระเหวดฟังเทศน์มหาชาติ ในงานบุญน้ี มักจะมผี ้นู าของมาถวายพระ ซ่ึงเรยี กวา่ \"กัณฑ์หลอน\" หรือถ้าจะถวายเจาะจงเฉพาะพระนักเทศน์ที่ตน นิมนต์มาก็จะเรียกว่า \"กัณฑ์จอบ\" เพราะต้องแอบซุ่มดูให้แน่ เสยี กอ่ นวา่ ใชพ่ ระรูปท่ีจะถวายเฉพาะเจาะจงหรือไม่ เดือนห้า ประเพณตี รุษสงกรานต์ หรอื บุญสรงน้า หรือบุญ เดือนห้า ซ่ึงมีขึ้นในวันข้ึน 15 ค่า เดือนห้าและถือเป็นเดือนสาคัญ เพราะเป็นเดือนเร่ิมต้นปีใหม่ไทย การสรงน้าจะมีทั้งการรดน้า พระพุทธรูป พระสงฆ์ และผู้หลักผู้ใหญ่ ด้วยน้าอบน้าหอมเพ่ือขอ ขมาและขอพร ตลอดจนมีการทาบุญถวายทาน เดือนหก ประเพณีบุญบ้ังไฟและบุญวันวิสาขบูชา การ ทาบุญบั้งไฟเป็นการขอฝน พร้อมกับงานบวชนาค ซ่ึงการทาบุญ เดือนหกถือเป็นงานสาคัญก่อนการทานา หมู่บ้านใกล้เคียงจะ นาเอาบั้งไฟมาจุดประชันขันแข่งกัน หมู่บ้านท่ีรับเป็นเจ้าภาพจะ จัดอาหาร เหล้ายามาเลี้ยง เม่ือถึงเวลาก็จะตั้งขบวนแห่บ้ังไฟและ ราเซิ้งออกไป ณ ลานท่ีจุดบ้ังไฟ ด้วยความสนุกสนานคาเซิ้งและ การแสดงประกอบจะออกไปในเร่ืองเพศ แต่จะไม่คิดเป็นเรื่อง หยาบคายแต่อย่างใด ซ่ึงประเพณีบุญบ้ังไฟจะจัดขึ้นอย่างย่ิงใหญ่ ทุกปีท่ีจังหวัดยโสธร ส่วนการทาบุญวิสาขบูชาน้ัน จะมีการทาบุญ เล้ยี งพระ ฟังเทศน์ ช่วงเย็นมีการเวียนเทียนเชน่ เดียวกบั ภาคอื่นๆ เดือนเจ็ด ทาบุญซาฮะ (ล้าง) หรือบุญบูชาบรรพบุรุษ มี การเซ่นสรวงหลักเมือง หลักบ้าน ปู่ตา ผีตาแฮก ผีเมืองเป็นการ ทาบญุ เพ่อื ระลึกถึงผู้มีพระคุณ เดือนแปด ทาบุญเข้าพรรษาซึ่งเป็นประเพณีทางพุทธ ศาสนาโดยตรง ลักษณะการจัดงานจึงคล้ายกับทางภาคอ่ืนๆของ ประเทศไทย เช่น มีการทาบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่ พระภิกษุสงฆ์สามเณร มีการฟังธรรมเทศนาตอนบ่าย ชาวบ้าน หล่อเทียนใหญ่ถวายเป็นพุทธบูชาและเก็บไว้ตลอดพรรษา การ น า ไ ป ถ ว า ย วั ด จ ะ มี ข บ ว น แ ห่ ฟ้ อ น ร า เ พ่ื อ ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม คึ ก คั ก
56 ชนิ้ งาน คาบรรยาย สนุกสนาน ประเพณีแห่เทียนพรรษาที่ย่ิงใหญ่ที่สุดต้องเป็นท่ี จังหวดั อุบลราชธานี เดือนเก้า ประเพณีทาบุญข้าวประดับดิน เป็นการทาบุญ เพ่ืออุทิศแก่ญาติผู้ล่วงลับ เพื่อบูชาผีบรรพบุรุษและผีไร้ญาติ โดย ชาวบ้านจะทาการจัดอาหาร ประกอบด้วยข้าว ของหวาน หมาก พลู บุหรี่ ห่อด้วยใบตองกลว้ ย รอ้ ยเปน็ พวง เตรียมไว้ถวายพระชว่ ง เลี้ยงเพล บางพนื้ ท่อี าจจะนาห่อขา้ วน้อย เหลา้ บหุ รี่ แลว้ นาไปวาง หรือแขวนไวต้ ามตน้ ไม้ และกลา่ ว เชิญวิญญาณของบรรพบรุ ุษและ ญาติมิตรท่ีล่วงลับไปมารับส่วนกุศลในครั้งน้ี ต่อมาใช้วิธีการ กรวดน้าหลังการถวายภัตตาหารพระสงฆ์แทน การทาบุญข้าว ประดับดิน นิยมทากันในวันแรม 14 ค่า เดือนเก้า หรือท่ีเรียกว่า บุญเดอื นเกา้ เดือนสิบ ประเพณีทาบุญข้าวสากหรือข้าวสลาก (สลาก ภัตร) ตรงกับวันเพ็ญ เดือนสิบ ผู้ถวายจะเขียนชื่อของตนลงใน ภาชนะท่ีใส่ของทาน และเขียนช่ือลงในบาตร ภิกษุสามเณรรูปใด จับได้ สลากของใคร ผู้นั้นจะเข้าไปถวายของ เม่ือพระฉันเสร็จแลว้ จะมกี ารฟังเทศน์ เพ่อื เปน็ การอุทศิ ให้แกผ่ ้ตู ายเดือน เดือนสิบเอ็ด ประเพณีทาบุญออกพรรษา ในวันข้ึน 15 ค่าสิบเอ็ด พระสงฆ์จะแสดงอาบัติ ทาการปวารณา คือ การเปิด โอกาสใหว้ ่ากลา่ วตกั เตอื นกันได้ ตอ่ มาเจา้ อาวาสหรือพระผ้ใู หญ่จะ ใหโ้ อวาทเตอื นพระสงฆ์ ให้ปฏิบตั ิตนอย่างผูท้ รงศลี พอตกกลางคืน จะมีการจุดประทีป โคมไฟ นาไปแขวนไว้ตามต้นไม้ในวัดหรือตาม ริมร้วั วดั จึงเรยี กอีกอย่างหน่ึงวา่ บุญจุดประทีปในจงั หวดั นครพนม จะมีประเพณีการไหลเหลือไฟ ซึ่งตกแต่งด้วยตะเกียงน้ามันก๊าด เป็นรูปต่างๆ สวยงามกลางลาน้าโขง และมีหลายจังหวัดที่จัดงาน แห่ปราสาทผึง้ ขน้ึ แต่ทนี่ ับว่าเปน็ ตน้ ตารบั และมคี วามยง่ิ ใหญ่กว่าท่ี ใด ก็คอื จงั หวัดสกลนคร เดือนสิบสอง เป็นเดือนส่งท้ายปีเก่า ซ่ึงจะมีการทาบุญ กองกฐิน โดยเร่ิมตั้งแต่วันแรม หนึ่งค่า เดือนสิบเอ็ดถึงกลางเดือน สิบสอง แต่ชาวอีสานในสมัยก่อนนยิ มเร่ิมทาบุญทอดกฐินกันต้งั แต่
57 ชิ้นงาน คาบรรยาย ข้างขึ้นเดือนสิบสอง จึงมักจะเรียกบุญกฐินว่า บุญเดือนสิบสอง สาหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามริมฝ่ังแม่น้าใหญ่ เช่น แม่น้าโขง แม่น้าชี และแม่น้ามูล จะมีการจัดส่วงเฮือ (แข่งเรือ) เพื่อระลึกถึง อุสุพญานาค บางแห่งจะมีการทาบุญดอกฝ้ายเพ่ือใช้ทอเป็นผ้าห่ม กันหนาวถวายพระเณร มีการจุดพลุตะไลและบางแห่งจะมีการ ทาบญุ โกนจุกลูกสาว ซึง่ นิยมทากนั มากในสมยั ก่อน ประเพณีท้ังสิบสองเดือน ชาวอีสานโบราณถือว่าเป็น หน้าท่ีของทุกคนที่จะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง ตั้งแต่เดือนอ้าย จนถึงเดือนสิบสอง ใครท่ีไม่ไปช่วยงานบุญก็จะถูกสังคมต้ังข้อ รังเกียจ และไม่คบค้าสมาคมด้วย การร่วมประชุมทาบุญเป็น ประจาทาให้ชาวอีสานมีความสนิทสนมรักใคร่และสามัคคีกัน ท้ัง ภายในหมู่บ้านของตนและในหมู่บ้านใกล้เคียงสาหรับวันน้ีด้วย สภาพสังคมท่ีเปลี่ยนไป ส่งผลให้ประเพณี 12 เดือนหลายอย่าง ของชาวอีสานเปล่ียนแปลงไปตามยุคสมัย ในขณะที่บางประเพณีก็ เร่ิมสูญหาย ซึ่งหากประเพณีเหล่านี้ไม่มีการสืบต่อหรือไม่มีการ อนรุ กั ษไ์ ว้ บางทีในอนาคตเด็กรนุ่ ใหม่อาจไม่ร้จู ักประเพณีอนั ดีงาม อย่าง \"ฮีตสิบสอง\" ก็เป็นได้ โซน 2 รากเหง้าแหง่ วถิ ีวัฒนธรรม ให้ผใู้ ชบ้ รกิ ารทดลองเลน่ “มาเป็นชาวนาอสี านกัน” ผ่านโปรแกรม 3. “มาเปน็ ชาวนาอีสานกัน” AR TECHNIC
ชิ้นงาน 58 โซน 3 มารจู้ ัก...ขา้ วหอมมะลิ 1. จากหนึ่ง...เมลด็ พนั ธ์ุ คาบรรยาย โซน 3 มาร้จู กั ...ขา้ วหอมมะลิ ต่อมาโซน 3 จากหนงึ่ ...เมล็ดพนั ธุ์ใหผ้ ใู้ ชบ้ ริการชมส่อื วดี ที ัศน์ 2. Rice Bag บริเวณเก้าอี้ที่จดั ไวใ้ ห้ ระบบเซ็นเซอร์จับการเคลอ่ื นไหวและเล่น วดิ ีโออัตโนมัติ VDO 3.1 จากหนึง่ ...เมลด็ พันธ์ุ ข้าวหอมมะลิ ขา้ วพันธุ์ไทย ทีเ่ กิดจากรวบรวมพนั ธุ์ขา้ ว พน้ื เมืองในประเทศไทย นาไปทดลองปลกู เพื่อคดั เลือกพันธุ์ และ ปลกู เปรยี บเทียบพนั ธ์ุ ท่สี ถานีทดลองข้าวโคกสาโรง จากจานวน 199 รวง ไดข้ า้ วรวงที่ 105 ท่มี ลี กั ษณะทโี่ ดดเดน่ เมล็ดสวยงาม เรยี วยาว มคี วามมนั เลอื่ ม เมื่อหงุ สุกจะมคี วามนุ่ม เหนยี ว และ หอมกร่นุ ชวนรับประทานจากน้ันกรมการขา้ วนาไปขยายผลใน พน้ื ทป่ี ลูกข้าวทัว่ ประเทศ และพบว่าแหลง่ ท่ีปลกู ตน้ ขา้ วหอมมะลทิ ี่ ดีทสี่ ุดอยู่“ทงุ่ กลุ าร้องไห้” เน่ืองจากสภาพภมู ปิ ระเทศและดินฟา้ อากาศอยู่ในเง่อื นไข ทีเ่ หมาะสม ปัจจัยทท่ี าให้ข้าวขาวดอกมะลิ 105 มกี ลิน่ หอมเกิดมาจาก สาร 2AP (2-acetyl-1-pyrroline) ทมี่ กี ลน่ิ เหมือนใบเตย ตอ่ ภายหลังนักวทิ ยาศาสตรไ์ ทย กส็ ามารถถอดรหัสคน้ พบยีนความ หอมของข้าวหอมมะลิ อยู่ที่โคมโมโซมคู่ท่ี 8 นอกจากนีข้ ้าวหอม มะลิยังถูกนาไปวิจัยพฒั นาและปรบั ปรุงพันธ์ุ โดยการใช้รงั สีชกั นา ใหเ้ กดิ การกลายพันธุโ์ ดยใชร้ ังสแี กมมาปริมาณ 15 กิโลแรด อาบ เมล็ดพันธข์ุ ้าว แลว้ นามาปลกู คัดเลอื ก จนได้สายพันธุ์ใหม่ ขา้ ว กข ๑๕ ที่ต้องการนา้ นอ้ ยและให้ผลผลิตได้เรว็ ข้ึน ด้วยกลนิ่ ทห่ี อมกรุ่น หงุ แลว้ อ่อนน่มุ เมลด็ สขี าวเรียวยาว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จงึ ทาใหข้ า้ วหอมมะลถิ ูกรบั รองขึ้นทะเบียน ส่ิงบ่งช้ที างภูมิศาสตร์ หรือทีเ่ รยี กว่า Gi จากสหภาพยุโรป หรอื EU เป็นจดุ เด่นที่แตกต่าง และไม่มใี ครสามารถเลยี นแบบได้ข้าวหอม มะลิไทยจึงเปน็ ที่ต้องการในตลาดตา่ งประเทศมากมาย “ข้าวหอมมะล.ิ ..สดุ ยอดข้าวหอมไทย..พรีเม่ียมระดบั โลก” ขา้ วหอมมะลิ ขา้ วหอมพนั ธุ์ไทย มชี อื่ เสยี งไกลระดบั โลก มีกลิน่ หอมทีโ่ ดดเดน่ มีลักษณะเฉพาะตัว“หอม ยาว ขาว นมุ่ ”ได้ สัญลกั ษณ์ GI รบั รอง ขนึ้ ทะเบยี นเปน็ สงิ่ บ่งช้ที างภูมศิ าสตรท์ าให้
59 ชนิ้ งาน คาบรรยาย ขา้ วหอมมะลิ เปรยี บเสมือนสนิ ค้าพรีเมย่ี ม แบรนดเ์ นมระดับโลกท่ี หลายคนคนุ้ เคย วนั นีข้ ้าวหอมมะลิไทย กลายเป็นสนิ คา้ คุณภาพที่ สง่ ออกไปยงั ท่ัวโลก “ขา้ วหอมมะล.ิ ..สดุ ยอดขา้ วหอมไทย…พรี เมี่ยมระดบั โลก” โซน 3 มารู้จัก...ข้าวหอมมะลิ ประวตั พิ ันธ์ุ ขา้ วขาวดอกมะลิ 105 3. ประวัตพิ ันธ์ุ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ได้มาโดยนาย สุนทร สีหะเนิน เจ้าพนักงานข้าว รวบรวม จากอาเภอบางคลา้ จังหวดั ฉะเชิงเทรา เมอ่ื พ.ศ.2493- 2494 จานวน 199 รวง แล้วนาไปคัดเลือกแบบ คัดพนั ธุ์บริสทุ ธิ์ (pure line selection) และปลูกเปรียบเทยี บพนั ธท์ุ ่ีสถานที ดลองข้าวโคกสาโรง แลว้ ปลูก เปรียบเทยี บพันธุ์ในทอ้ งถ่ิน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื จนได้สายพันธ์ุ ขาวดอก มะลิ 4-2-105 ซึ่งเลข 4 หมายถึงสถานทเ่ี ก็บรวงข้าว คอื อาเภอ บางคลา้ เลข 2 หมายถึงพันธทุ์ ดสอบท่ี 2 คือ ขาวดอกมะลิ และ เลข 105 หมายถงึ แถวหรือรวงที่ 105 จากจานวน 199 รวง คณะกรรมการการพจิ ารณารับรองพันธุ์ ให้ใชข้ ยายพนั ธ์ุเป็นพันธุ์ รบั รอง เมือ่ วนั ท่ี 25 พฤษภาคม 2502 โซน 3 มารจู้ ัก...ข้าวหอมมะลิ เรามารจู้ ักขา้ วหอมมะลิกัน 4. เรามารู้จักขา้ วหอมมะลกิ ัน หลายคนคงเขา้ ใจผดิ คดิ ว่าข้าวหอมมะลิมกี ลน่ิ หอมเหมือนดอก มะลิ แต่จรงิ ๆแล้ว ขา้ วหอมมะลมิ กี ลน่ิ หอมเหมือนใบเตยต่างหาก ... ซ่งึ ชื่อของขา้ วหอมมะลนิ ้ัน มที มี่ าจาก เมล็ดท่ีมสี ีขาวเหมือน
60 ชน้ิ งาน คาบรรยาย กลบี ดอกมะลิ เมือ่ หุงสุกจะนุ่มเหนยี วและมกี ลนิ่ หอมชวน รบั ประทาน ลกั ษณะเชน่ นีจ้ ึงเป็นลกั ษณะเดน่ ของข้าวหอมมะลิ หรอื นยิ ามง่ายๆ คือ“หอม” “ยาว\" “ขาว” “นุม่ ”ขา้ วหอมมะลิไทย มอี ยู่ 2 พันธค์ุ อื ขาวดอกมะลิ 105 และ กข 15 เปน็ ข้าวทไ่ี วต่อ แสง ทต่ี อ้ งใช้แสงกระตุ้นการออกดอก แตล่ ะปีปลูกได้เพยี งหนึง่ ครง้ั เทา่ น้นั โซน 3 มาร้จู ัก...ขา้ วหอมมะลิ Graphic 3.9 ความเป็นมาและความหมายของข้าวหอมมะลิทงุ่ ความเป็นมาและความหมายของข้าวหอม กลุ า GI ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลารอ้ งไห้ เปน็ ขา้ วหอมท่ีไวตอ่ ชว่ งแสง พันธข์ุ าว มะลิทุง่ กุลา GI ดอกมะลิ 105 และพนั ธ์ุ กข15 ซ่งึ ปลกู ในฤดนู าปี ในพืน้ ท่ีทงุ่ กลุ าร้องไห้ ได้แก่ พน้ื ท่ี ร้อยเอด็ สุรินทร์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ ยโสธร ไดร้ บั การข้ึนทะเบยี นเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภมู ิศาสตร์ เม่อื เดือนกันยายน 2550 เลขท่ีสิ่งบ่งช้ที างภูมิศาสตร์ สช : 50100022 และเปน็ ข้าวสงิ่ บ่งช้ที างภูมศิ าสตร์สนิ คา้ แรกของ ภมู ภิ าคอาเซียนที่ได้รับขน้ึ ทะเบยี นสิง่ บ่งชี้ทางภมู ิศาสตร์ในสหภาพ ยโุ รป มผี ลบงั คับใช้ เมื่อวนั ท่ี 4 มนี าคม 2556 ส่งิ บง่ ชที้ างภูมิศาสตรค์ ืออะไร พระราชบญั ญัติคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภมู ิศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้ ความหมายไว้วา่ สง่ิ บง่ ช้ที างภมู ศิ าสตร์หมายความว่า ชอื่ สญั ลกั ษณห์ รือส่ิงอ่นื ใดทเ่ี รยี ก หรอื ใช้แทนแหล่งภมู ิศาสตร์ และทีส่ ามารถบ่งบอกวา่ สนิ ค้าที่เกิดจากแหลง่ ภมู ิศาสตร์น้ันเปน็ สนิ ค้าทีม่ ีคุณภาพชื่อเสยี ง หรอื คุณลักษณะเฉพาะของแหลง่ ภมู ศิ าสตร์ดังกล่าวลักษณะสาคัญของสิง่ บง่ ชีท้ างภูมิศาสตร์ - เปน็ ทรพั ย์สนิ ทางปญั ญาประเภทหนงึ่ - มคี วามเชื่องโยงระหว่างธรรมชาติและมนุษย์ - เน้นผลิตกบั พน้ื ท่ีผลติ / ทรัพยากรในพ้ืนท่ี - สินค้ามีเอกลักษณ์พเิ ศษ แตกต่างจากสนิ คา้ เดียวกัน - ผบู้ รโิ ภคม่ันใจ และพง่ึ พอใจที่จะซ้ือสนิ ค้าในราคาท่ีสงู กวา่ สินคา้ ชนิดเดยี วกันท่ีผลิตจากท่อี ืน่
61 ชนิ้ งาน คาบรรยาย โซน 4 ข้าวหอมมะลิ...ส่ตู ลาดโลก แนวทางการพฒั นาขา้ วหอมมะลสิ ตู่ ลาดโลก 1. แนวทางการพัฒนาข้าวหอมมะลิสู่ ขา้ วหอมมะลทิ ุ่งกุลารอ้ งไห้ ถอื เป็นสายพันธข์ุ ้าวที่ดีท่ีสดุ ในโลก ทม่ี ี ตลาดโลก ลกั ษณะความนุ่มของขา้ วและกล่นิ หอมอนั เป็นเอกลักษณ์ ซ่งึ เป็นข้าวพน้ื ถนิ่ ของจังหวดั รอ้ ยเอ็ด ทไ่ี ด้รับการ ผลักดันใหส้ ินคา้ ที่มสี ง่ิ บง่ ชี้ทางภูมิศาสตร์ “GI” หรือ Geographical Indication ซ่งึ เป็นผลิตภณั ฑ์ท่มี าจากแหล่งผลิต ท่ีมอี ตั ลักษณ์เฉพาะตวั ถือเป็นส่วนสาคญั ตอ่ การพัฒนาสนิ ค้า สง่ ออกของประเทศไทยให้มมี ูลคา่ สูงข้ึน โซน 4 ขา้ วหอมมะลิ...สู่ตลาดโลก การแปรรปู ผลติ ภัณฑ์จากข้าว 2. การแปรรปู ผลติ ภัณฑ์จากข้าว นบั ต้ังแต่อดีตสู่ปจั จบุ ัน พัฒนาของขา้ วไทยเพื่อให้สามารถ ตอบโจทย์ความต้องการของชีวติ ยงั คงเกดิ ขึ้นอยา่ งสม่าเสมอ จาก ภูมปิ ญั ญาพน้ื บ้านทส่ี ่ังสมมาเป็นเวลาอนั ยาวนาน กา้ วลา้ ไปส่กู าร นาเอาเทคโนโลยนี วัตกรรมมาใชพ้ ฒั นาในกระบวนการผลิตแบบ ครบวงจร โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง ในมติ ขิ องการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ เพือ่ ให้ผบู้ ริโภคยคุ ใหม่ ส่งผลให้ขา้ วไทยในวันน้ี ไม่ได้ถกู จากัดอยู่ แค่เพยี งเมนจู านหลกั บนโต๊ะอาหารอกี ต่อไป - ของว่างและขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์ประเภทพร้อมรับประทาน (Ready to eat) ชนิดต่างๆ ในกระบวนการผลติ อาจเตรียมเป็นลกั ษณะของวตั ถดุ บิ สุก แหง้ เปน็ แผ่นเลก็ ๆ (flake) หรือเป็นกอ้ นโต (dough) แล้วจึงทาให้พอง หรอื คั่ว ผลติ ภณั ฑ์เหล่าน้ีอาจมีการนาธญั พชื อนื่ มาผสม และมกี าร เติมสารปรุงรส วติ ามนิ แรธ่ าตุและโปรตีนเพ่ือเสริมโภชนาการ - เส้นก๋วยเตย๋ี ว
62 ชนิ้ งาน คาบรรยาย ได้แก่ เส้นเลก็ เส้นใหญ่ เสน้ หมี่ กวยจ๊บั ขนมจีน และแผน่ แป้ง ซง่ึ มลี กั ษณะแตกต่างกนั ไป นิยมนาไปประกอบอาหารประเภทต้ม หรอื ผัด - น้ามันราขา้ ว ราข้าว คอื ส่วนของเย่ือหุ้มเมล็ดข้าวและจมูกข้าว ซ่ึงถือว่าเป็นสว่ น ทีม่ ีสารอาหารมากทีส่ ุดในเมล็ด แต่ส่วนนี้จะถูกขัดออกในกระบวนการขดั สขี า้ วกล้องเปน็ ข้าวขดั ขาว ดงั นัน้ จึงมีนวัตกรรมในการนาราข้าวดบิ มาสกัดเปน็ นา้ มนั รา ข้าว ซึง่ มีทั้งแบบขวดและแบบแคปซลู จุดเดน่ ของนา้ มันราข้าวที่ เหนอื กว่านา้ มนั พืชชนดิ อ่ืน คอื อดุ มไปด้วยวิตามนิ อแี ละแกมมา ออไรซานอล ซ่ึงเป็นสารธรรมชาติท่มี ฤี ทธิต์ ้านอนุมลู อิสระ และ ชว่ ยลดคอเลสเตอรอล - เนยขาวและครมี เทียมปราศจากไขมนั ทรานส์ ไขมันทรานสค์ ือไขมนั ที่ข้ึนชอื่ ว่าอันตรายทส่ี ดุ ซง่ึ เปน็ สาเหตสุ าคญั ของโรคหวั ใจ โรคเบาหวาน และมะเร็ง ซงึ่ ปัจจุบันถูกใช้ใน ผลติ ภัณฑ์ เชน่ เนยขาว (สว่ นประกอบหลกั ของเบเกอรี่หลายชนดิ ) และครีมเทยี มดงั นัน้ เนยขาวและครมี เทียมที่ปราศจากไขมนั ท รานสท์ ่ีไดจ้ ากน้ามนั ราข้าวจงึ เป็นคาตอบ นอกจากจะไม่มี สว่ นประกอบของไขมันทรานส์แลว้ ยังมีสารอาหารท่มี ี คุณประโยชน์อยา่ งวิตามนิ ซี หรอื แกมมาโอไรซานอล รวมถงึ กรด ไขมันอมิ่ ตวั - กะทิจากธัญพืช จากน้ามันราข้าวซงึ่ นามาผสมกบั นา้ มันเมล็ดดอกทานตะวันและ โปรตนี จากถั่วเหลือง ได้มาเป็นผลติ ภณั ฑช์ นิดใหม่ท่ใี ช้แทนกะทิ จากมะพร้าว โดยยงั คงรสชาติและเนอื้ สมั ผสั ท่ีใกลเ้ คียงกะทิแบบ ด้งั เดิมเอาไว้ เพ่ือเปน็ “กะทิทางเลือก” สาหรบั ผ้ปู ่วยโรคหัวใจ หรอื คอเลสเตอรอลสูง ทีไ่ ม่สามารถบริโภคกะททิ วั่ ไปได้ ขอ้ ดขี อง กะทธิ ัญพชื น้ี คอื ไม่มคี อเลสเตอรอล และมีไขมันอิม่ ตวั นอ้ ยกวา่ กะทจิ ากมะพร้าวถงึ 3 เท่า อีกทัง้ มสี ารต้านอนุมูลอิสระทีไ่ ด้จากรา ขา้ ว - เครอื่ งดมื่ บารุงกาลัง
63 ชนิ้ งาน คาบรรยาย จากขา้ วกล้องหอมมะลทิ ผ่ี ่านกระบวนการเพาะใหง้ อก และใช้ เอนไซม์ในการเปลย่ี นแปง้ ใหเ้ ป็นนา้ ตาลกลโู คสท่ีให้พลงั งานเร็ว แล้วนามาผสมกับสมนุ ไพร วติ ามนิ บี 3 บี 6 บี 12 ไนอาซิน และ กรดอะมโิ นแอลอารจ์ ีนนี ไดเ้ ปน็ เครื่องดื่มให้พลังงาน ช่วยกระตนุ้ การทางานของระบบประสาท และสรา้ งความสดชื่น กะปร้ีกะเปรา่ - ผลิตภัณฑ์เสรมิ อาหาร สารสกัดจากข้าวกลอ้ งหลากหลายสายพันธุ์ อดุ มด้วยวติ ามินและ คณุ ประโยชนท์ ่ีแตกต่างนามาตอ่ ยอดเปน็ ผลิตภัณฑ์อาหารเพอ่ื บารุงสุขภาพ - เม็ดสครบั จากปลายขา้ วหัก เมด็ สครับสาหรับขัดผิวหน้า โดยทาจากขา้ ว 2 ชนดิ คือข้าวหอม มะลิและข้าวไรซเ์ บอรร์ ีท่ปี ลูกด้วยวธิ ธี รรมชาติจงึ มัน่ ใจได้ว่าครมี ส ครบั ท่ไี ด้ปลอดภยั จากสารเคมี - แป้งฝนุ่ จากขา้ ว แปง้ ฝุ่นทวั่ ไปมสี ว่ นผสมของสารทลั คมั ซ่งึ เปน็ แรห่ นิ และเป็นสาร ก่อมะเรง็ สามารถสะสมในปอด จนเกดิ อนั ตราย แปง้ ฝุ่นจากข้าวจา้ วนามาผ่านกระบวนการดดั แปร ทางเคมีและฟิสิกส์ จนกระทงั่ ได้เปน็ ‘แปง้ ไฮโดรโฟบิก’ ที่มี คณุ สมบัติดูดความชน้ื และความมนั ได้ดี โดยสามารถดูดซบั ความ มันไดส้ ูงกว่าแป้งท่ัวไปถงึ 3 เท่า จงึ เป็นผลติ ภัณฑ์ทางเลอื กที่ ปลอดภยั และยงั เป็นผลิตภณั ฑ์ท่เี ปน็ มิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้ เน่อื งจากย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่มสี ว่ นผสมของสารทลั คัม ไมส่ ะสมในปอดหรือใต้ร่มผ้า ไมก่ ่อใหเ้ กิดอาการแพ้ ไมร่ ะคายเคือง ตอ่ ผวิ บอบบางของทารก - แป้งพัฟทาหน้าจากข้าว นอกจากแปง้ ฝุน่ ทาตวั แล้ว แปง้ ข้าวเจา้ ของไทยยังสามารถนามา เปน็ วัตถดุ บิ ในการผลติ แป้งพัฟสาหรับหญงิ สาวได้ดว้ ย นอกจากจะ ไมม่ ีสว่ นผสมของสารอันตรายอยา่ งสารทัลคัมแลว้ แป้งนย้ี งั มี ชวี ภาพโมเลกลุ ทมี่ ฤี ทธติ์ ้านอนมุ ูลอสิ ระ ยับยั้งเอนไซม์ท่ีทาให้ผิว คลา้ มสี ารแอนตเิ อจจิงชว่ ยชะลอรว้ิ รอยกอ่ นวยั
64 ชนิ้ งาน คาบรรยาย คนท่เี ปน็ สวิ จะหายเร็วขน้ึ เพราะมสี ารชว่ ยลดการอักเสบ และ สามารถล้างออกได้หมดจด โดยไมม่ สี ารเคมีตกค้าง - ลิปสตกิ จากข้าว ลปิ สตกิ ทว่ั ไปในท้องตลาดมักทามาจากสสี งั เคราะห์ ซึ่งมักมี ส่วนผสมของโลหะหนกั นวตั กรรมลิปสตกิ จากวตั ถดุ บิ ธรรมชาตจิ งึ เกิดข้นึ โดยใชแ้ ป้งข้าวและนา้ มนั ราข้าวเปน็ องคป์ ระกอบหลัก โดย เนน้ ข้าวทีป่ ลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์และใช้สีจากผกั ผลไม้ ทดแทนสีสังเคราะห์ ทาใหม้ ่นั ใจได้ว่าลิปสตกิ น้ีปลอดภัยต่อสขุ ภาพ ร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากนน้ั น้ามนั ราข้าวในลปิ สตกิ ยังมีคุณสมบตั ิ ช่วยลดรอยเห่ียวย่นและความหมองคล้าบริเวณรมิ ฝปี าก ตลอดจน ชว่ ยลดอนั ตรายที่เกิดจากการสมั ผสั กับแสงแดด - ผลติ ภัณฑ์บารงุ ผิวหน้า จากขา้ วอนิ ทรยี ์ของไทย ได้ถูกนามาวิจยั และแปรรปู ใหเ้ ปน็ ผลติ ภณั ฑบ์ ารุงผวิ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นครมี บารุงผิวหน้าที่สกัด จากจมกู ขา้ วหอมมะลิผสมกับโปรตนี จากไหมและพชื สมุนไพร อ่ืนๆโฟมล้างหน้าท่ีไม่ใส่สารท่ีทาใหเ้ กิดฟอง ครมี พอกหนา้ ท่ี สามารถดดู ซบั เครอื่ งสาอางที่ตกคา้ งบนใบหน้าและเซลล์ผิวทีต่ าย แล้วเซรม่ั ขา้ วบารงุ ผมท่ีสกดั จากน้ามนั ราขา้ วและหมากเม่าสกดั พร้อมทง้ั มะกรดู สม้ โอ อัญชัน ช่วยลดการหลดุ ร่วงและกระตนุ้ การ งอกใหมข่ องเสน้ ผม - ชดุ เคร่ืองใช้บนโตะ๊ อาหาร (ผลิตภัณฑจ์ ากแกลบ) ผลิตภณั ฑจ์ ากวสั ดธุ รรมชาติอยา่ ง “แกลบ” ในชุดจาน ชาม ชอ้ น และของใชบ้ นโตะ๊ อาหารตอบโจทย์ กลุ่มคนท่ใี สใ่ จส่ิงแวดล้อมและ รักสขุ ภาพ - ครีมเคลอื บเงาอเนกประสงค์ ในกระบวนการคือ‘กากน้ามนั ราข้าว’ซ่ึงนวัตกรรมล่าสดุ สามารถ นามาแปรรปู ใหเ้ ปน็ ครีมเคลือบเงา อเนกประสงค์ได้ ซง่ึ ช่วยทดแทนการใชไ้ ขสงั เคราะหท์ ี่เปน็ ผลผลติ จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทาให้ไดค้ รีมเคลือบเงาท่ีปราศจากกลนิ่ เหม็น ปราศจากสารเคมี อีกทั้งยังมีสารแกมมาออไรซานอลจาก นา้ มนั ราข้าว ซึ่งช่วยลดการเสอื่ มสภาพของอุปกรณ์ภายในรถยนต์
65 ชน้ิ งาน คาบรรยาย เชน่ เบาะหนงั ชน้ิ สว่ นบริเวณหน้าปัดรถ และยังสามารถป้องกัน รงั สียูวีไดด้ ้วย โซน 4 ขา้ วหอมมะลิ...สูต่ ลาดโลก ขา้ วหอมมะลิ..แปรรูปสุดมหัศจรรย์ 3. ขา้ วหอมมะลิ..แปรรปู สุดมหศั จรรย์ ข้าวหอมมะลิ เมลด็ ใหญ่ / ขา้ วหอมมะลิ กล่นิ กหุ ลาบ / ขา้ วหอม มะลิ สใี บชาเขยี ว ขา้ วหอมมะลิ สามารถเลอื กสารอาหารได้ / ลกู อมข้าวหอมมะลิ ปริมาณข้าวหอมมะลิท่ีได้มาตรฐาน ข้าวหอมมะลิมีความชนื้ ได้ไม่เกนิ รอ้ ยละเท่าไหร่ เลอื กขา้ วหอมมะลทิ ม่ี ลี ักษณะสมบรู ณไ์ ด้มาตรฐาน เลอื กขา้ วหอมมะลิทม่ี ีปรมิ าณ อมิโลสไดม้ าตรฐาน โซน 5 ข้าวกับพระมหากษตั รยิ ์ พระบดิ าขา้ วไทย 1. พระบิดาข้าวไทย
66 ช้ินงาน คาบรรยาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ ัว รัชกาลท่ี 5 เป็น “ พระ บิดาแห่งการปฏิรูปข้าวไทย ” พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 เป็น “พระบิดาแหง่ การวจิ ยั และพัฒนาข้าวไทย ” โซน 5 ขา้ วกับพระมหากษัตริย์ พระราชพิธีพชื มงคล เปน็ พิธีทางพุทธศาสนา มีพระสงฆ์เจริญพระ 2. พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรก พทุ ธมนต์ เปน็ พิธีสงฆ์ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหามงกุฎ ทรงกาหนดให้มขี ึ้นเป็นครง้ั แรก เปน็ พิธที าขวัญเมลด็ พชื พนั ธ์ุตา่ งๆ นาขวัญ เช่น ขา้ วเปลอื กเจา้ ข้าวเหนยี ว ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถัว่ งา เป็นตน้ ฯลฯ มจี ดุ มงุ่ หมายทจ่ี ะใหเ้ มล็ดพนั ธ์ุเหล่านนั้ ปราศจากโรคภัยและ ใหอ้ ุดมสมบูรณเ์ จริญงอกงามดี วนั พืชมงคล เปน็ วนั ท่ี ประกอบพระราชพิธี 2 พระราชพธิ ีเขา้ ดว้ ยกนั คือ พระราชพธิ ีพชื มงคล : เป็นพิธสี งฆอ์ ยา่ งหนงึ่ ซึ่งจะ ประกอบพระราชพิธใี นวนั แรก พระราชพิธจี รดพระนังคลั แรกนาขวัญ: เป็นพธิ ี พราหมณ์อย่างหนง่ึ ซ่งึ จะประกอบพิธีในวนั ถัดไป พระราชพิธพี ชื มงคล คนไทยถือว่า “พธิ แี รกนาขวัญ” น้ี เป็นพิธที เี่ ปน็ มงคลอย่างย่ิง โดย จะมีชาวนาจากทว่ั สารทิศเดนิ ทางมาเปน็ สว่ นหน่ึงของพิธีจนเนอื ง แน่นทุกปี และทุกคนตา่ งกม็ ่งุ หวงั จะได้เมล็ดข้าวมงคลซึง่ เป็นขา้ ว พนั ธด์ุ ที ี่ผา่ นการคัดพนั ธ์ุมาแล้ว กลับไปเป็นม่ิงขวัญแก่ผนื นาของ ตน เมื่อพธิ กี ารเสร็จสนิ้ ก็ถือวา่ นมิ ติ รหมายอันดแี หง่ การเพาะปลกู ได้เร่ิมตน้ ขึน้ แล้ว ชาวนาท่รี ่วมพธิ ตี า่ งกก็ รูเข้าไปยงั ผนื นาศักด์สิ ทิ ธ์ิ
ชิ้นงาน 67 โซน 6 วิถชี ีวติ ชาวนาอีสาน คาบรรยาย กอบเอาดินและเมล็ดขา้ วดว้ ยใบหน้าทีเ่ ปีย่ มรอยย้ิม กอ่ นแยกยา้ ย กนั กลบั ไปเร่ิมต้นการหว่านไถในทน่ี าของตน จัดแสดงเถยี งนาน้อยและเครื่องใช้พื้นบ้าน ซ่งึ จะตั้งอย่นู อกตวั อาคารนิทรรศการหลัก - คนั ไถ หรอื ผาลไถนา อุปกรณ์ในการเตรียมดินทานาในสมัย โบราณท่ใี ชแ้ รงงาน วัว และควายเปน็ ต้นกาลังเพื่อลากคนั ไถ คันไถ สว่ นใหญท่ าจากไม้เน้ือแข็ง ส่วนหวั ไถทาจากเหล็กเปน็ รปู สามเหลี่ยมแบนจะทาหน้าท่ีพลกิ หน้าดินเพื่อทาให้ดินร่วนซุย เวลา ทางานกดหวั ไถใหจ้ มดนิ แล้วยกคนั ไถขน้ึ เพือ่ ให้หนา้ ดินพลิกหงาย ขน้ึ ปจั จุบันไม่ค่อยมีการใชง้ านแลว้ ชาวนาเปล่ยี นมาใช้รถไถนา แทน - คราดไถนา หรือ คราดนา ใชส้ าหรบั ในการรวบรวมเศษหญ้าที่ หลงเหลืออยู่ในแปลงนาหลังจากมกี ารไถดะและไถแปรแลว้ เอา ออกจากแปลงนา โดยส่วนใหญ่ตัวคราดนาสมยั ก่อนจะทาจากไม้ เนือ้ แข็งส่วนหมุดหรอื ซ่ีฟันจะทาจากไม้ไผห่ รือไม้เนอื้ แข็งเป็นลิ่ม ตอกเขา้ ไปในตัวคราด โดยจะทาเปน็ ชอ่ งฟันซี่ๆ โดยมรี ะยะหา่ ง พอสมควร เพ่ือใชค้ ราดหรือรวบรวมหญา้ ในแปลงนาให้เป็นกอง ๆ ใช้ต้นกาลงั จากสัตว์ เชน่ ววั และควาย เป็นตน้ ปจั จบุ นั ไม่มีการใช้ งานแล้ว - แอก ทาจากไม้ เป็นท่อนกลมโคง้ ใชว้ างขวางบนคอวัวหรอื ควาย เพอื่ ควบคุมให้วัวควายไถนา คราดนาหรือ เทียมเกวียน - เคียวเก่ยี วข้าว เคร่ืองมือเกี่ยวตน้ ขา้ ว ซงึ่ ทาจากเหล็กมลี ักษณะ เปน็ โค้งจันทรเ์ สย้ี ว ดา้ นในคมและมีฟันเล็กๆคล้ายซ่หี วตี ลอดคม เคียว มดี ้ามทาดว้ ยไมห้ รือเหลก็ - ไม้หนบี และม้ารองนวดขา้ ว ใชน้ วดข้าว โดยใชไ้ ม้หนบี มัดฟอ่ น ข้าว แลว้ ยกฟ่อนข้าวฟาดพน้ื ลานนวดข้าวหรือมา้ นวดขา้ ว เพื่อให้ เมล็ดข้าวหลุดออกจากรวง
68 ชนิ้ งาน คาบรรยาย - พลั่วสาดขา้ ว ใช้ตกั ข้าวเปลอื กและเทลงมา ใหเ้ ศษฝนุ่ หญ้า ฟาง และข้าวลบี ปลวิ ออกจากขา้ วเปลือก - พัดวี ใชพ้ ัดเพ่อื แยกฝุ่นผงเศษฝาง หญ้าและขา้ วลีบออกจาก ข้าวเปลือก - ครกตาขา้ ว ใช้ตาขา้ วแยกเปลอื กออกจากเมลด็ มีหลายชนิด เชน่ ครกซ้อมมือ และครกกระเด่อื ง -ครกซอ้ มมือ ทาจากท่อนไม้ขนาดใหญ่ ขุดเอาเน้ือในออกให้เปน็ หลุมลกึ ใชค้ ู่กับตะลุกพุกทาจากไม้ทอ่ น ยาว ผตู้ าขา้ วต้องใช้สองมอื จับตะลมุ พุกยกขึ้นตาลงในครก -ครกกระเดื่อง ทาจากด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่ ขุดเอาเน้ือในออกให้ เปน็ หลมุ เชน่ เดยี ว ใชค้ กู่ ับกระเด่อื งซึ่ง เปน็ ไมท้ ่อนยาว ปลายด้านหัวมสี ากสาหรับตาข้าว เวลาตาใชเ้ ทา้ เหยียบปลายดา้ นท้าย ใหห้ ัวสากกระดก ขน้ึ ลง จงึ ทุ่นแรงไดด้ ีกว่าครกซอ้ มมือ - กระดง้ ภาชนะสานรูปกลมแบน ยกขอบ สานด้วยไม้ไผ่เปน็ ลาย ทบึ ใชฝ้ ดั ข้าวท่ีตาหรือสแี ลว้ เพอ่ื ร่อนแยกเอาแกลบหรือเศษผงฝุ่น ออกจากเมลด็ ข้าว - หวดนึง่ ข้าว ภาชนะสาน ใชน้ ง่ึ ข้าวเหนียว สานดว้ ยตอกไมไ้ ผ่
69 คณะผู้จดั ทา ที่ปรึกษา โคตรพันธ์ ผอู้ านวยการ นายวรวฒุ ิ บษุ ราคัม รองผ้อู านวยการ นางโนรี โคตรพันธ์ ครชู านาญการ นางจงจติ ลาตะวงษ์ ครู คศ.1 นายสรุ พงษ์ เมืองโคตร ครูผชู้ ว่ ย นางวรุณยพุ า สงั ขแ์ กว้ นายช่างไฟฟา้ นายสริ ภพ ผู้ให้ขอ้ มูล พรหมบตุ ร นักวิชาการศกึ ษา นายตนั ตกิ ร ทศไชย นักวิชาการศกึ ษา นางสาววรรณิตา จนั ทร์คา นักวชิ าการศกึ ษา นายชาญวทิ ย์ คัดถาวร นกั วิชาการวทิ ยาศาสตร์ศึกษา นายสรุ ัติ สดุ ชาคา นกั วิชาการวิทยาศาสตรศ์ ึกษา นางสาววราพร พรหมบุตร นักวชิ าการวิทยาศาสตร์ศึกษา นางสาวรุง่ นภา มุสกิ สตู ร นักวิชาการวทิ ยาศาสตรศ์ ึกษา นางสาวจงกลรัตน์ ธรรมปิตสิ กุล นักวชิ าการวิทยาศาสตรศ์ ึกษา นายศราวุธ สภุ ารี นักวิชาการวิทยาศาสตรศ์ ึกษา นายชยั วฒั น์ พรหมบตุ ร นักวชิ าการวิทยาศาสตร์ศึกษา นางสาวรุง่ นภา ชศู รยี ่ิง นกั วิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา นางสาวณฐพร ศรีนอร์ นักวิชาการวทิ ยาศาสตรศ์ ึกษา นายสมคดิ ไหวดี นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา นางสาวรัตติยา ปุยฝา้ ย นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา นางสาวเบญจมาศ หนูภกั ดี นักวิชาการวทิ ยาศาสตร์ศึกษา นางสาววภิ าวี จ่ีมขุ นกั วชิ าการวิทยาศาสตรศ์ ึกษา นายปรญิ ญา รกั ฉิมพลี นกั วิชาการวิทยาศาสตรศ์ ึกษา นางสาวสวุ รรณรัตน์ คาสามารถ นกั วิชาการวทิ ยาศาสตรศ์ ึกษา นายสภุ ทั รศักดิ์ ผอ่ นจตั รุ ัส ผชู้ ่วยนักวชิ าการวิทยาศาสตร์ศึกษา นายศักดิ์สิทธิ์
70 ผเู้ รยี บเรียง พรหมบุตร นักวิชาการวทิ ยาศาสตรศ์ ึกษา นางสาวรุ่งนภา ธรรมปิติสกุล นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา นายศราวุธ
Search