การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาพลศึกษา ด้วยกระบวนการคดิ วเิ คราะห์อย่างมวี ิจารณญาณ The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education ถนอมจิตต์ สารอต1, พรี ดล เพชรานนท2์ และชวนิดา สวุ านชิ 3 Thanomjit Sarot1, Peeradol Bejrananda2 and Chawanida Suwanich3 1สาขาวชิ าภาษาองั กฤษธรุ กจิ 1Business English 2สาขาพลศึกษา 2Physical Education 3สาขาเทคโนโลยกี ารศกึ ษา 3Educational Technology 1,2,3มหาวิทยาลัยราชภฏั จนั ทรเกษม 1,2,3Chandrakasem Rajabhat University บทคัดยอ่ งานวจิ ยั นม้ี จี ดุ มงุ่ หมาย 1) เพอ่ื พฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษา สาขาพลศึกษา ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ย่างมวี ิจารณญาณ และเพื่อประเมนิ ผล อัตราความก้าวหน้าด้านทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาแบบรายบุคคล 2) เพอื่ ประเมนิ ผลความพงึ พอใจของการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ท่ีเรียนรู้ ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ ประชากรท่ีใช้ในการวิจัย ในครง้ั นี้ ประกอบดว้ ย นกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จันทรเกษม จำ� นวน 90 คน โดยเลอื กแบบเจาะจง การด�ำเนินการวจิ ัยเปน็ 2 ขั้นตอน ไดแ้ ก่ 1) วางแผน กำ� หนดแผนงานและเครอ่ื งมอื วจิ ยั 2) สงั เคราะหแ์ ละกำ� หนดรปู แบบ กิจกรรม เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี ได้แก่ แบบฝึกทักษะ การอ่าน แบบประเมิน คณุ ภาพแบบฝกึ ทกั ษะการอา่ นแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นกอ่ นเรยี น–หลงั เรยี น
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียน มีค่าสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมี นยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .01 และผเู้ รยี นทไี่ ดร้ ว่ มกจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื พฒั นา ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุดในภาพรวม โดยมี ค่าเฉล่ยี ท่ี 4.50 (SD.= .55) ค�ำส�ำคัญ : รูปแบบการเรียนการสอน, การคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ, ทักษะ การอ่านภาษาอังกฤษ 40 มนุษยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education Abstract There were two objectives of the study: 1) to develop and evaluate individually the progress of physical education major students in their reading skills; 2) to survey the satisfaction of physical education major students by using the critical thinking process. The samples consisted of 90 educational students majoring in physical education from Chandrakasem Rajabhat University. There were two steps in the research process: 1) to plan the research methodology and design the research instrument 2) to synthesize and design the model of activity. The Instruments employed in this study were the English reading skill exercises, English reading quality assessment form, Pre-test and Post-test. The findings revealed that the participating students who studied by using the critical thinking process in English reading activities scored higher than in the pre-test significantly at .01 level. The participants were also satisfied with the implementation of critical thinking process to develop their reading skills with the mean level of satisfaction at 4.50. (SD = .55) Keywords : Instructional Model, Critical Thinking, English Reading Skills Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 41
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ บทนำ� ในมุมมองของผู้คนในแทบทุกส่วนของโลก ความส�ำคัญของภาษาอังกฤษ ในฐานะภาษาโลกไดป้ รากฏเดน่ ชดั ขน้ึ เรอื่ ยๆ ทง้ั นเ้ี นอ่ื งมาจากอทิ ธพิ ลทางดา้ นการเมอื ง และเศรษฐกจิ ของประเทศทใี่ ชภ้ าษาองั กฤษเปน็ ภาษาพดู ซง่ึ ดำ� เนนิ ตอ่ เนอ่ื งมานานกวา่ 200 ปี และสถานะของภาษาอังกฤษก็ม่ันคงขึ้นเร่ือยๆ ตามเวลาท่ีผ่านไปจากข้อมูล ใน The Cambridge Encyclopedia of Language (Crystal, 1987) มกี ารประมาณว่า ผพู้ ูดภาษาองั กฤษเปน็ ภาษาแม่มีอย่มู ากถึงประมาณ 300 ล้านคน มผี ู้ใชภ้ าษาอังกฤษ เปน็ ภาษาทสี่ องอกี ถงึ 300 ลา้ นคน แลว้ ยงั มอี กี ประมาณ 100 ลา้ นคนทใ่ี ชภ้ าษาองั กฤษ เป็นภาษาต่างประเทศได้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ ผลการสำ� รวจขององค์การ UNESCO และ องคก์ ารระดบั โลกอนื่ ๆ ยงั ไดเ้ นน้ ใหเ้ หน็ ชดั ยง่ิ ขนึ้ ถงึ ความสำ� คญั ของภาษาองั กฤษทเี่ ปน็ ภาษาทางการและกึ่งทางการในประเทศกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และในปี 2020 จะมีคนเรียนภาษาอังกฤษทั่วโลกเพ่ิมข้ึนถึง 2 พันล้านคน เดวิด แกรดดอล (Davis Graddol) นักภาษาศาสตร์ประยุกต์ชาวอังกฤษผู้ท�ำงานวิจัยเร่ือง “English Next (2006)” ให้กับ British Council กล่าวถึงแนวโน้มของภาษาอังกฤษว่า นับจากน้ีไป จ�ำนวนผู้เรยี นภาษา องั กฤษท่วั โลกจะขยายตัวเพม่ิ ขนึ้ อย่างตอ่ เน่ือง และคาดวา่ ในอีก 10–15 ปขี า้ งหน้า (ประมาณปี ค.ศ. 2015–2020) จ�ำนวนผู้เรียนจะเพิ่มสูงสุดถงึ 2 พนั ล้านคน ข้อมูลจากงานวิจัยน้ีได้สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนบนโลกนี้ต่างตระหนักถึง ความส�ำคัญของภาษาองั กฤษ ในสังคมโลกยคุ ใหม่ (British Council, 2557:online) ซึ่งสอดคล้องกับปัญหาที่ พบในประเทศไทย ดังท่ี สภาเลขาธิการการศึกษา (2556) ได้กล่าวถึง ประเทศไทยเรามีปัญหาด้านการศึกษาท้ังในระบบและนอกระบบ เพราะขาดยทุ ธศาสตรแ์ ละนโยบายทชี่ ดั เจนดา้ นภาษาองั กฤษ ทา่ นจงึ เสนอวา่ ควรจะมี การปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาอย่างเป็นระบบ “ท่ีผ่านมา ประเทศไทยมักจะกระเต้ือง ก็ต่อเมื่อจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหา แล้วค่อยมาแก้ไข อีกไม่ถึง 3 ปี เราจะเปิดเสรี อาเซียนแล้ว แต่ภาษาอังกฤษของเรายังด้อยกว่าประเทศอ่ืนๆ ในอาเซียน จึงต้องเร่ง ปฏริ ปู ตอ้ งเรง่ ทำ� ยทุ ธศาสตรเ์ พอ่ื เปลยี่ นวธิ คี ดิ ดา้ นการเรยี นรภู้ าษาใหเ้ ปน็ รปู ธรรม และ ทำ� อยา่ งไรให้ภาษามคี วามส�ำคัญในทกุ วิชาชพี ...” 42 มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education จากปญั หาดงั กลา่ วผวู้ จิ ยั ไดน้ ำ� ขอ้ มลู ทว่ั ไปของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา มาจาก สอื่ ออนไลนท์ ไี่ ดใ้ หว้ สิ ยั ทศั นแ์ ละคณุ ลกั ษณะพน้ื ฐานของนกั ศกึ ษาสงั กดั คณะศกึ ษาศาสตร์ ซ่งึ เปิดหลักสูตรวชิ าเอกพลศึกษา (หลกั สตู รครุศาสตรบัณฑิต ค.บ. 5 ปี) เป็นประชากร กลุ่มตัวอย่างของงานวิจัยน้ี เพื่อการเสริมความสามารถทางด้านภาษา และเพ่ือให้ สอดคลอ้ งกบั วสิ ยั ทศั น์ ทวี่ า่ “มงุ่ ผลติ บณั ฑติ ครู และพฒั นาบคุ ลากรทางการศกึ ษาใหม้ ี ความรู้ความสามารถมีความรับผิดชอบ มีวินัย มีคุณธรรม เน้นการวิจัยและการใช้ เทคโนโลยี เพ่ือพัฒนากระบวนการเรียนรู้ และให้บริการวิชาการแก่สังคมอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ” (มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม, 2556: Online) ยงิ่ ไปกวา่ นน้ั จากการ ท่ีได้สอบถามนักศึกษาที่ส�ำเร็จการศึกษาในสาขาดังกล่าว ได้ให้ความคิดเห็นและ กลา่ วถงึ ความสำ� คญั ในการใชท้ กั ษะทางภาษา เชน่ ใชใ้ นการอา่ นขา่ วกฬี าตา่ งประเทศ เพอ่ื นำ� มาปรบั ใชก้ บั การทำ� งาน หรอื ใชใ้ นการประกอบอาชพี เพอื่ เปน็ ครสู อนในโรงเรยี น นานาชาติ รวมถงึ นกั ศกึ ษาที่ตอ้ งการศึกษาตอ่ ในระดบั ปรญิ ญาโท เนอ่ื งจากผวู้ จิ ยั เปน็ หนง่ึ ในอาจารยผ์ สู้ อนภาษาองั กฤษ จงึ พบปจั จยั อกี ประการ ของนักศึกษาพลศึกษา ซึ่งมีทักษะทางด้านการใช้ภาษาอังกฤษในระดับน้อยที่สุด ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั การสมั ภาษณอ์ าจารยผ์ สู้ อนสาขาพลศกึ ษาเกย่ี วกบั ปญั หาการจดั การ เรียนการสอนและปัญหาทางการเรียนของผู้เรียน พบว่า ผู้เรียนมีปัญหาในรายวิชา นอกสาขาวิชาเป็นส่วนใหญ่ เช่น วิชาภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร และเพ่ือการ สมัครงาน จากการส�ำรวจผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาสาขาพลศึกษา ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เป็นรายวิชาบังคับ โดยข้อมูล จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในปี การศึกษา 2/2555 พบว่า นักศึกษาสาขาพลศึกษา ลงทะเบียนเรียนรายวิชา ภาษา อังกฤษเพอ่ื การส่ือสาร จำ� นวน 75 คน ผูเ้ รียนสว่ นใหญ่มผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นอยใู่ น ระดับต่�ำ กล่าวคือ F จ�ำนวน 15 คน D จ�ำนวน 28 คน D+ จ�ำนวน 21 และ C จ�ำนวน 11 คน ซ่ึงถือว่าเป็นระดับผลการเรียนท่ีน่าเป็นห่วงและควรปรับปรุงแก้ไขโดยเร่งด่วน สาชาวชิ าพลศกึ ษา มคี วามมงุ่ หวงั ในการผลิตบัณฑิตส�ำหรบั นักศึกษาวชิ าชพี ครูสาขา พลศึกษา ตามคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของหลักสูตรสาขาวิชาท่ีกำ� หนด คือ มีความ มงุ่ หวงั และมคี วามตอ้ งการใหผ้ เู้ รยี นมพี ฤตกิ รรมทมี่ กี ารคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ จำ� นวน Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 43
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ 2 ดา้ น ซง่ึ ไดแ้ ก่ 1. ดา้ นการแสดงออก เชน่ พดู เขยี น หรอื สอื่ ความหมายไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจ และมีความหมายชัดเจน สามารถก�ำหนดปัญหา และแสวงหาเหตุผลเปิดกว้างทาง ความคิด ไม่ด่วนตัดสินใจ เป็นต้น 2. ด้านความสามารถ เป็นผู้สามารถบอกได้ว่า สงิ่ ทต่ี อ้ งการตอบมคี วามถกู ตอ้ งชดั เจน โดยผา่ นการวเิ คราะห์ การใหเ้ หตผุ ล การวนิ จิ ฉยั กอ่ นตดั สนิ ใจ และสามารถนำ� เสนอผสมผสานพฤตกิ รรมอน่ื ๆ ในการนำ� เสนอ ความคดิ ของตนเองดว้ ยวธิ พี ดู ท่ีเหมาะสมและเปน็ ทย่ี อมรบั ในการวจิ ัยครัง้ น้ผี ู้วจิ ัยได้ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วข้องดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การพฒั นาทักษะการอา่ น การพัฒนาทักษะการอ่าน คือ การฝึกฝน และปรับพ้ืนฐานความรู้เดิมที่ ผู้เรียนมี ให้มีความเพ่ิมพูนย่ิงขึ้น โดยการให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้กลวิธีในการอ่านท่ี เหมาะสม เพอ่ื ปรบั ใชใ้ นการพฒั นาตนเองได้ ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั ความสำ� คญั ของการอา่ น ดงั นี้ (บันลอื พฤกษะวนั , 2544: 10-15 อา้ งใน ศรที ลู ถาธัญ และคณะ, 2553) การอา่ นสำ� คัญตอ่ ชวี ิต การอ่านเปน็ ส่ือของการเรียนรู้ ท่ีสามารถน�ำความรู้ ปรับใช้กับการอยู่อย่างเป็นประโยชน์ในสังคม ดังน้ันการอ่านจึงเป็นพ้ืนฐานในการ เรียนร้อู ย่างต่อเนอื่ งในการใชช้ ีวิต การอ่านส�ำคัญต่อการเรียน การอ่านเป็นปัจจัยส�ำคัญในการท�ำกิจกรรม การเรียนการสอน ซ่ึงส่งผลในทุกกลุ่มทักษะของผู้เรียน ดังน้ันหากมีทักษะการอ่านท่ีดี ผเู้ รยี นจะมพี ้ืนฐานท่ีดแี ละสง่ ผลต่อการเรียนทกุ ๆ ด้าน ดงั นัน้ จงึ สรุปไดว้ า่ การพฒั นาทกั ษะการอา่ น เป็นปัจจยั สำ� คญั ที่สง่ ผลตอ่ การที่ผู้เรียนจะรับรู้และฝึกฝนกิจกรรมใดๆ ก็ตามท่ีเกี่ยวข้องกับทั้งในการเรียน และ การด�ำรงชีวิตในสังคม เพ่ือให้เกิดการพัฒนาและความก้าวหน้าในประเทศ คนใน ประเทศ หรือผู้เรียนที่จะเป็นวัยท�ำงานและเป็นก�ำลังในการสร้างความก้าวหน้าให้กับ ประเทศ จะตอ้ งมพี ้ืนฐานทางการอา่ น และความเขา้ ใจในการอา่ นในระดับท่ดี ี 2. รูปแบบการสอนภาษาองั กฤษ การสอนตามแนวธรรมชาติ (PPP Teaching Model) ตามแบบที่ Jeremy Harmer (2009)ได้ให้แนวคิดที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้รับความรู้จากการสอนโดย กระบวนการทผี่ สู้ อนแนะแนว และผเู้ รยี นนำ� มาปฎบิ ตั ิ และสรปุ ผลดว้ ยตามความเขา้ ใจ ของตน ซงึ่ เปน็ การบูรณาการวธิ ีการสอนต่างๆ 44 มนุษยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education 3. การคิดวเิ คราะห์อยา่ งมวี ิจารณญาณ การคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ คือ การคิดทบบทวนสิ่งท่ีผู้ฟัง หรือ ผู้อ่านได้รับสาร โดยการพิจารณารายละเอียด หรือ บทความ โดยใช้เหตุผลประกอบ โดยไมด่ ว่ นตดั สนิ โดยทนั ทวี า่ สง่ิ ทไี่ ดร้ บั มานนั้ เปน็ จรงิ หรอื เปน็ เทจ็ ตามนน้ั ซงึ่ สอดคลอ้ ง กับแนวการคิดวเิ คราะห์อยา่ งมวี ิจารณญาณที่ Norris & Ennis (1989) ได้กลา่ วไวว้ ่า การคิดอย่างมีวิจารณญาณ คือ การคิดอย่างมีเหตุผล ไตร่ตรอง เพื่อการตัดสินใจว่า สง่ิ ใดควรเชอื่ และส่ิงใดควรท�ำ เอนนสิ (Ennis, 1985: 1 อา้ งใน ดารารตั น์ นาคมที รพั ย,์ 2553: 19) ไดศ้ กึ ษา เก่ียวกับกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณมานานกว่า 30 ปี ได้อธิบายว่า การคิด อย่างมีวิจารณญาณในลักษณะท่ีเป็นการคิดเชิงเหตุผล ไตร่ตรองอย่างมีสติใช้เหตุผล ในการตดั สนิ ใจวา่ ควรเช่ือปฎบิ ตั ิอยา่ งไร เวด (Wade, 1995: 24-28 อา้ งในสุภาพ โสรส : 37) ได้เสนอลักษณะของ ผู้ทมี่ ีการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ คอื 1. คดิ ตง้ั คำ� ถาม 2. ท�ำให้ค�ำถามมีความชัดเจน 3. ตรวจสอบหาข้อมูล 4. วิเคราะห์ข้อสันนิษฐานและความล�ำเอียงท่ีอาจมีขึ้น 5. หลีกเล่ียงที่จะใช้อารมณ์มาเป็นเคร่ืองตัดสิน 6. หลีกเลี่ยงการคิดแบบต้ืนๆ ง่ายๆ เกินไป 7. พจิ ารณาถงึ ความตคี วามทอี่ าจเป็นไปได้หลายทาง 8. ยอมรับว่าอาจมีภาวะ กำ� กวมไม่ตรงไปตรงมาเกดิ ขน้ึ ได้ 9. ตระหนักรเู้ กี่ยวกบั ความคิด รู้ตวั ว่าคดิ อะไรอยู่ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะหว์ จิ ารณ์ หมายถงึ ความสามารถในการคดิ ทใ่ี ชท้ กั ษะ การแสวงหาความรู้ ทักษะการใช้เหตผุ ล ทกั ษะการประเมินขอ้ มลู และทกั ษะการเลอื ก และตดั สนิ ใจอยา่ งผสมผสานจนได้ข้อสรุปหรือคำ� ตอบ (บ�ำรงุ ใหญ่สูงเนิน, 2536: 8) ความคิดเชิงวิจารณ์ (Critical Thinking) เป็นทัศนคติพื้นฐานและทักษะท่ี ช่วยให้ปัจเจกชนสามารถแก้ปัญหาต่างๆ และมีหลักการในการเชื่อและการตัดสินใจ (โสรัจจ์ หงศล์ ดารมภ์, 2543) Critical thinking คือ การคิดไตร่ตรองที่เน้นในเร่ืองการตัดสินใจว่าจะเช่ือ หรือไม่เชื่อสิ่งใด หรือจะท�ำหรือไม่ท�ำสิ่งใด ความหมายน้ีได้นับรวมเอาความคิด สร้างสรรค์ (Creative thinking) เข้าไว้ในค�ำจ�ำกัดความของ Critical thinking ด้วย (อำ� พร ไตรภัทร, 2543: 1) Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 45
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ 4. กระบวนการคิดวเิ คราะห์อย่างมีวจิ ารณญาณ จดุ มงุ่ หมายของการคดิ ผคู้ ดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณมคี วามสามารถในการคดิ ท่ีเหมาะสม คิดทบทวนถึงข้อเท็จจริง โดยสอดคล้องกับแนวทางท่ี ศุภวรรณ์ เล็กวิไล (2539: 23) ได้ระบถุ ึง วธิ คี ดิ มดี งั น้ี 1. ตงั้ เปา้ หมายในการคดิ 2. ระบปุ ระเดน็ ในการคดิ 3. ประมวล ข้อมูลทั้งทางด้านข้อเท็จจริง ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่คิดทางกว้าง ลึก และไกล 4. วิเคราะห์ จำ� แนกแยกแยะขอ้ มลู จดั หมวดหม่ขู ้อมูล และเลอื กข้อมลู ที่จะ นำ� มาใช้ 5. ประเมินข้อมลู ทจี่ ะใชใ้ นแงค่ วามถกู ตอ้ ง ความเพียงพอ และความน่าเชอื่ ถือ 6. ใชห้ ลักฐานในการพิจารณาข้อมลู เพอื่ แสวงหาทางเลอื ก/ค�ำตอบทีส่ มเหตุสมผล ตามข้อมูลที่มี 7. เลือกทางเลือกที่เหมาะสมโดยพิจารณาถึงผลท่ีตามมา และคุณค่า หรอื ความหมายทแี่ ท้จริงของสง่ิ นน้ั 8. ช่งั น้�ำหนักผลได้ผลเสีย คุณ – โทษ ในระยะส้นั และระยะยาว 9. ไตรต่ รอง ทบทวนกลับไปกลับมา ให้รอบคอบ 10. ประเมินทางเลือก และลงความเห็นเกย่ี วกับประเดน็ ที่คดิ 11. การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ เปน็ การอา่ น โดยใช้ความคิด พิจารณาสิ่งท่ีอ่านอย่างมีเหตุผล สามารถเข้าใจความคิดของผู้เขียน แยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น สรุปเรื่องราวท่ีอ่านได้ ตลอดจนลงความเห็น ประเมิน ตดั สินสง่ิ ทอี่ ่านไดโ้ ดยใช้ความรูแ้ ละประสบการณ์เดมิ ของผอู้ ่าน การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ หมายถึง การพิจารณาสิ่งท่ีอ่านอย่างทะลุ ปรุโปร่ง เพ่ือค้นหาความหมาย ข้อสมมุติฐาน เหตุผล และกลวิธีในการน�ำเสนอของ ผู้เขียน ผู้อ่านที่อ่านอย่างวิเคราะห์วิจารณ์ต้องพยายามเรียนรู้ว่าข้อเขียนน้ันส่ือความ หมายและสรา้ งความสนใจอยา่ งไร ผเู้ ขยี นเสนอประเดน็ โตแ้ ยง้ และเหตผุ ลทงั้ ในลกั ษณะ ที่สามารถมองเห็นได้อยา่ งชดั เจนและไม่ชัดเจน อยา่ งไรบา้ ง การเรียนรทู้ จ่ี ะเป็นผู้อา่ น ทม่ี คี วามคดิ วเิ คราะหว์ จิ ารณน์ น้ั ผอู้ า่ นตอ้ งตง้ั สมมตุ ฐิ านวา่ การสอ่ื สารในรปู แบบตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ขอ้ เขยี นหรอื ภาพวาดลว้ นเปน็ สง่ิ แทนการแสดงออกทง้ั สน้ิ ขอ้ เขยี นทง้ั หลาย ไมใ่ ชส่ งิ่ ทถี่ กู พดู ถงึ แตม่ นั คอื ตวั แทนของสง่ิ ทเ่ี ราพดู ถงึ การเรยี นรทู้ จี่ ะเปน็ ผอู้ า่ นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ หมายถงึ การนำ� ทกั ษะทจ่ี ำ� เปน็ มาใชใ้ นการวเิ คราะหแ์ ละตคี วาม เพอื่ ใหส้ ามารถ อยใู่ นโลกทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยการสอื่ สารอนั หลากหลายนไ้ี ดอ้ ยา่ งฉลาด (Mickahail, n.d. 2014: Online) 46 มนษุ ยศาสตร์ สังคมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education ดังนั้นในการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์ผู้อ่านต้องพิจารณาส่ิงที่อ่านทุกตอน ตลอดจนกระบวนการน�ำเสนอข้อเขียนนั้นๆ ด้วยความรอบคอบ ตระหนักถึงบริบท ของการสรา้ งสรรคข์ อ้ เขยี นทกุ ชน้ิ ทงั้ นเี้ พราะในการเขยี นนน้ั เนอ้ื หาทกุ ตอน ทกุ ชน้ั จะถกู น�ำมาหลอมรวมเข้าด้วยกันด้วยกระบวนการเขียนท่ีท�ำให้ส่วนต่างๆ มีความกลมกลืน เปน็ เร่ืองเดยี วกันท้งั หมด สรุปแลว้ การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ คอื การคดิ แบบละเอยี ดถถ่ี ้วน พิจารณา ในสิ่งท่ีควร หรือไม่ควรก่อนที่จะท�ำ เพ่ือป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดข้ึนใน ภายหน้า และกระบวนการอ่านอย่างมีวิจารณญาณนั้นคือ การอ่านที่ผู้อ่านใช้สมาธิ และสติปัญญาในการอ่านเพ่ือท�ำความเข้าใจโดยละเอียด รวมทั้งวิเคราะห์ออกมา อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสมกบั สิ่งทีอ่ ่าน 5. ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น ความหมายของผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น คอื คณุ ลกั ษณะ และความสามารถ ของบุคคลที่เกิดจากการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม และประสบการณ์จากการที่ได้อบรม ส่วนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็นการตรวจสอบระดับความสามารถของแต่ละบุคคล (ประภัสสร วงษศ์ ร,ี 2541: 42 อ้างใน ปญั จา ชชู ว่ ย, 2551) บลูม (Bloom, 1976 อ้างใน ปัญจา ชูช่วย, 2551) กล่าวถึง ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นที่บลูมไดใ้ หแ้ นวคดิ ไว้มี 3 ประการ คอื 1. พฤติกรรมทางดา้ นความรูแ้ ละ ความคิด (Cognitive Entry Behaviors) หมายถึง ความสามารถและความถนัดของผู้ เรียนท่ีมีแต่แรกเร่ิม 2. คุณลักษณะด้านจิตใจ (Affective Entry Characteristics) หมายถงึ สง่ิ ทผ่ี เู้ รยี นเกดิ ความสนใจ และเกดิ แรงจงู ใจ ทจี่ ะคน้ หาสงิ่ ใหมๆ่ เชน่ มคี วาม สนใจในเนอื้ หาวชิ า 3. คณุ ภาพการสอน (Quality of Instruction) หมายถงึ ประสทิ ธภิ าพ ในการเรียนท่ีผู้เรียนได้รับ และแนวการสอนที่ผู้เรียนเกิดความพอใจ เช่น การสอนที่ดี หรือคำ� แนะนำ� ในการสอนจะช่วยสรา้ งแรงผลกั ดันในการเรยี นทป่ี ระสบผลสำ� เรจ็ สรุปได้ว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็นเคร่ืองมือช้ีวัดความสามารถของ ผู้เรียนแต่ละคน ซึ่งบ่งบอกถึงพฤติกรรมในด้านต่างๆ ท่ีผู้เรียนได้รับการฝึกฝนและ แนะนำ� จากการเรยี นรู้ด้วยตวั เอง และรับจากผสู้ อน Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 47
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ 6. ขอ้ มูลทวั่ ไปของนักศกึ ษาสาขาพลศึกษา ผู้วิจัยได้น�ำข้อมูลท่ัวไปของนักศึกษาสาขาพลศึกษา มาจากสื่อออนไลน์ ท่ีได้ให้วิสัยทัศน์และคุณลักษณะพ้ืนฐานของนักศึกษาสังกัดคณะศึกษาศาสตร์ ซึ่งเปิดหลักสตู รวชิ าเอกพลศึกษา (หลักสูตรครุศาสตรบัณฑติ ค.บ. 5 ปี) เป็นประชากร กลุ่มตัวอย่างของงานวิจยั นี้ ผู้วิจัยจึงเล็งเห็นความส�ำคัญของปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากผู้จัยเป็นหน่ึง ในอาจารย์ผู้สอนภาษาอังกฤษ จึงพบปัจจัยอีกประการของนักศึกษาพลศึกษา ซง่ึ มที กั ษะทางดา้ นการใชภ้ าษาองั กฤษในระดบั นอ้ ยทส่ี ดุ ดงั นนั้ ผวู้ จิ ยั จงึ มคี วามประสงค์ ทจ่ี ะดำ� เนนิ การศกึ ษา และพฒั นาทกั ษะทางการอา่ นภาษาองั กฤษใหก้ บั ประชากรกลมุ่ เปา้ หมายดงั กล่าว 7. งานวจิ ยั ทเี่ ก่ียวข้อง Omar (2010: 471-483 อา้ งในสุภาพ โสรส, 2555: 56) ได้ทำ� การศกึ ษา เก่ียวกับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เร่ืองการพัฒนาทักษะการอ่าน ซงึ่ เปน็ การวจิ ยั กงึ่ ทดลองเปรยี บเทยี บระหวา่ งการสอนดว้ ยเทคนคิ KWL (Know/Want/ Leaned) และการสอนปกติ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการทดลองเป็นนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ซ่ึงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มทดลอง 40 คน และกลุ่มควบคุม 40 คน เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ไดแ้ ก่ แบบทดสอบวดั ทกั ษะการอา่ น จำ� นวน 25 ขอ้ โดยทำ� การ ทดสอบก่อนเรียนท้ังสองกลุ่มพบว่า นักเรียนท่ีเรียนด้วยเทคนิค KWL มีคะแนนเฉล่ีย 10.37 และนักเรียนกลุ่มควบคุมมีคะแนนเฉล่ีย 8.97 และท�ำการทดสอบหลังเรียน พบว่า นกั เรียนทสี่ อนด้วยเทคนคิ KWL มคี ะแนนเฉล่ยี 22.15 และนักเรียนกลมุ่ ท่สี อน ตามปกตมิ คี ะแนนเฉลยี่ 15.62 เมื่อน�ำผลท่ไี ดม้ าวเิ คราะห์ด้วยวิธีทางสถติ ิ Analysis of Covariance (ANCOVA) พบว่า นักเรียนที่สอนด้วยเทคนิค KWL มีผลสัมฤทธิ์ทาง การเรยี นสูงกวา่ นกั เรยี นที่สอนดว้ ยวิธปี กตอิ ย่างมนี ัยสำ� คญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 จนั ทรา พรหมนอ้ ย และคณะ (2555:1) ผลการศกึ ษา พบวา่ นกั ศกึ ษาพยาบาล ชั้นปีท่ี 4 มีความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ อยู่ในระดับปานกลาง โดยมี คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 22.78 (S.D. = 4.70) เม่ือจ�ำแนกตามองค์ประกอบของการคิด อยา่ งมวี ิจารณญาณ 7 ดา้ น พบวา่ ดา้ นการก�ำหนดสมมติฐาน มคี า่ เฉล่ยี สงู สดุ เทา่ กบั 48 มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education 4.29 (S.D. = 1.22) สำ� หรบั ดา้ นการประเมนิ ขอ้ สรปุ มคี า่ เฉลยี่ ตำ่� สดุ เทา่ กบั 2.26 (S.D. = 1.24) การศึกษาครงั้ นีแ้ สดงใหเ้ ห็นวา่ ควรมีการพฒั นากลยทุ ธ์ใน การเรยี นการสอน ท่ีมีประสิทธิภาพต่อการพัฒนาความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณของ นกั ศกึ ษา โดยเฉพาะองคป์ ระกอบดา้ นการประเมนิ ผล และควรตดิ ตามระดบั ความสามารถ ในการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษาภายหลังการสอนด้วยวิธีดังกล่าวอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง เพือ่ เป็นแนวทางในการพฒั นาเทคนคิ การสอนทมี่ ีคุณภาพตอ่ ไป ภมู นิ ทร์ เหลาอาํ นาจ (2555) ศกึ ษาผลสมั ฤทธก์ิ ารอา่ นภาษาองั กฤษ เพอ่ื ความ เข้าใจ โดยใช้วิธีการสอนแบบ SQ4R (ซ่ึงประกอบด้วย 1.Survey คือ การอ่านจับใจ ความ 2.Question คือ การตั้งค�ำถาม 3.Read คือ การอ่านบทความโดยละเอียด 4.Record คือ การบันทึกส่ิงที่อ่าน 5. Recite คือ สรุปใจความท่ีอ่าน 6. Reflect คือ วเิ คราะหส์ ง่ิ ทอ่ี า่ น) ของนกั ศกึ ษาสาขาวชิ าการศกึ ษาภาษาองั กฤษ ชน้ั ปที ่ี 2 มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเพชรบูรณ์ ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยใชว้ ธิ กี ารสอนแบบ SQ4R ของนกั ศกึ ษาสาขาวชิ าการศกึ ษาภาษาองั กฤษ ชนั้ ปที ่ี 2 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เพชรบรู ณ์ กอ่ นและหลงั เรยี นแตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สาํ คญั ทางสถติ ิ ท่ีระดับ .05 ด้านความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อ การเรียนการอ่านภาษาอังกฤษ เพื่อความเขา้ ใจโดยใช้วิธกี ารสอนแบบ SQ4R โดยรวมอยใู่ นระดับมากทส่ี ุด สรปุ งานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งนจ้ี ะเหน็ ไดว้ า่ ผวู้ จิ ยั มงุ่ ใหค้ วามสำ� คญั ในการพฒั นาผล สมั ฤทธท์ิ กั ษะดา้ นการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษา โดยใชร้ ปู แบบวธิ กี ารและเทคนคิ การสอนท่ีแตกต่างกันตามความสนใจด้านตัวแปรต้นท่ีสนใจศึกษา แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีวิธีการที่ระบุได้ชัดเจนว่าวิธีการใดเทคนิคการสอนใด หรือสื่อใดที่ดีท่ีสุด เหมาะสมท่ีสุดต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทักษะด้านการอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษา โดยในงานวิจัยน้ีคณะผู้วิจัยมีความสนใจท่ีจะศึกษาวิธีการสอนท่ีสามารถพัฒนา ความก้าวหน้าด้านทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษของนกั ศึกษา รวมถงึ ศกึ ษาวธิ กี ารสอน ที่สร้างความพึงพอใจ ให้นักศึกษาโดยที่นักศึกษาได้รับความเพลิดเพลินและได้ทักษะ ทางด้านภาษาพร้อมกนั เพ่อื ประโยชน์ในการนำ� ไปใช้ในการท�ำงาน Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 49
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั 1. เพ่ือพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาพลศึกษา ด้วย กระบวนการคดิ ทวี่ เิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ และเพอื่ ประเมนิ ผลอตั ราความกา้ วหนา้ ดา้ นทกั ษะการอา่ นภาษาอังกฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศึกษาแบบรายบคุ คล 2. เพื่อประเมินผลความพึงพอใจของการอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษา สาขาพลศกึ ษา ที่เรียนร้ดู ้วยกระบวนการคิดวเิ คราะห์อย่างมีวิจารณญาณ ประชากรกลมุ่ เปา้ หมาย กลมุ่ เป้าหมายเป็นนกั ศกึ ษา สาขาพลศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย ราชภัฏจันทรเกษม ที่ลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนที่ 2/2556 จ�ำนวน 90 คน ได้มา โดยวิธเี ลือกแบบเจาะจง เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการวิจัย การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาพลศึกษาด้วย กระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ ของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา คณะศกึ ษา ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม มีการสร้างเครื่องมือในการศึกษาค้นคว้า โดยแบ่งออกเปน็ 2 ชดุ ดังน้ี ชุดท่ี 1 เครือ่ งมือทดลอง 1.1 แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาพลศึกษา ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณของ มีลักษณะ เปน็ หัวขอ้ ข่าว และการวิเคราะห์สรปุ ขา่ วส้นั 1.2 แบบประเมินคุณภาพและแบบฝึกทักษะการอ่าน มีลักษณะเป็น อัตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับ ชดุ ที่ 2 เครอ่ื งมอื เก็บข้อมูล 2.1 แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นดา้ นการอา่ นภาษาองั กฤษ ขอนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา กอ่ นเรยี น-หลงั เรยี น มลี กั ษณะเลอื กตอบ จ�ำนวน 30 ข้อ 50 มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education 2.2 แบบประเมินความพึงพอใจกิจกรรมกระบวนการคิดวิเคราะห์ อย่างมีวิจารณญาณ ของนักศึกษาสาขาพลศึกษามีลักษณะเป็น อตั ราส่วนประเมนิ ค่า 5 ระดับ การเก็บรวบรวมข้อมูล คณะผวู้ จิ ยั ไดด้ ำ� เนนิ การตามระเบยี บวธิ ที วี่ างไวใ้ นตารางเพอื่ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การวจิ ยั ดงั ตารางท่ี 1 ซง่ึ มีกิจกรรม ดังนี้ Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 51
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ 10 ตตาารราางงทที ี่ ก1ารกจาดั รกจจิ กัดรกรมจิ เกพรอื รพมฒั เนพาอื่ทพกั ษฒั ะในนกาาทรกัอา่ษนะในการอ่าน ระดับขัน กิจกรรมพัฒนาทกั ษะ ผู้เรียนเกิดทกั ษะ ระยะเวลา Pre-test (การทดสอบ เพือทดสอบความรู้พืน ฐานเดิม สปั ดาห์ที ของการเริมทดสอบ โดยข้อสอบ จํานวน ข้อ) ของผ้เู รียน ขนั ที กิจกรรมปรับพืน ฐาน เพือเป็นปรับการออกเสยี งของ สปั ดาห์ที - การอ่านออกเสียง ผ้เู รียนให้ถกู ต้อง และสร้าง การผสมคาํ (สระและพยญั ชนะ) ความเข้าใจ และ การอา่ นในระดบั ประโยค (ใช้ทกั ษะการฟัง และการพูดใน การอ่านออกเสียง รวมถงึ จะต้อง เขียนตวั สะกดอย่างถกู ต้อง) ขนั ที กิจกรรมการเรียนรู้คําศพั ท์ เพือสร้างคลงั คําศพั ท์และ สปั ดาห์ที เรียนรู้คําศพั ท์ทวั ไป และศพั ท์ ทบทวนความรู้ด้านคาํ ศพั ท์ ทเี กียวกบั วชิ าชีพ ของผ้เู รียน (เรียนกบั บตั รคํา นําคําศพั ท์ที เกียวกบั วิชาชีพมาสอน และ ทบทวน โดยใช้ทกั ษะการฟัง การอ่านออกเสยี ง และพดู ประโยคอย่างง่าย และนํา ประโยคมาเขียน) ขนั ที กิจกรรมการฝึกการอา่ นประกาศ ให้ผ้เู รียนได้ฝึกการอา่ นใน สปั ดาห์ที หรือโฆษณา การอ่านประกาศ ลกั ษณะของประกาศสนั ๆ และโฆษณาสนั ๆ เพือเสริมทกั ษะการแปล และ (มีเอกสาร ชดุ แบบฝึกแจก ความสรุปเข้าใจได้ ให้นกั ศกึ ษา อ่านโฆษณาสนั ๆ พร้อมทงั สรุป เพือฝึกทกั ษะการ อา่ น และพดู รวมถงึ การเขียน สรุปสนั ) 52 มนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education 11 ตารางที่ 1 การจดั กจิ กรรมเพ่อื พัฒนาทกั ษะในการอ่าน (ตอ่ ) ระดบั ขนั กิจกรรมพฒั นาทกั ษะ ผ้เู รยี นเกิดทกั ษะ ระยะเวลา ขนั ที สปั ดาหท์ ี กจิ กรรมการอา่ นและฝึก ผเู้ รยี นสามารถวเิ คราะห์ และ ขนั ที สปั ดาหท์ ี วเิ คราะหห์ วั ขอ้ ขา่ ว ทาํ ความเขา้ ใจความหมาย ขนั ที สปั ดาหท์ ี การวเิ คราะหค์ วามหมายของ จากหวั ขอ้ ข่าวไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ขนั ที หวั ขอ้ ข่าว สปั ดาหท์ ี ( ฝึกทกั ษะการวเิ คราะหโ์ ดยการ อา่ น และเขยี นสรปุ เพอื ออกมา พดู สนั ๆ ) กจิ กรรมชแี นะ กลยุทธก์ ารอ่าน ผเู้ รยี นไดฝ้ ึกทกั ษะการอ่านเอา การอา่ นแบบ Scanning และ ความและทาํ ความเขา้ ใจในเรอื ง skimming ทอี ่านไดอ้ ย่างรวดเรว็ (ฝึกการอา่ นจบั ใจความ และคดิ วเิ คราะห์ ใชท้ กั ษะการอา่ น และ การเขยี นสรปุ แบบสนั ) กจิ กรรมฝึกอ่านขา่ วสนั โดย ฝึกใหผ้ เู้ รยี น เรยี นรู้ วเิ คราะหจ์ ากกลยทุ ธก์ ารอ่าน ( กลยุทธ์การอ่านมากขนึ อา่ นขา่ วสนั วเิ คราะหอ์ ย่างมี วจิ ารณญาณและเขยี นคาํ ศพั ท์ ทนี ่าสนใจ โดยใชท้ กั ษะการ อา่ น และการเขยี น) กจิ กรรมการอ่านและวเิ คราะห์ ผเู้ รยี นสามารถวเิ คราะหข์ า่ ว เพอื ความเขา้ ใจและสอื หรอื บทความและเขา้ ใจ ความหมาย ความหมายไดม้ ากชดั เจน (มกี ารอ่านขา่ ว และวเิ คราะห์ ถกู ตอ้ งยงิ ขนึ และฟังขา่ วทอี า่ น รวมถงึ เขยี น ตอบอย่างสนั ) Post- test(การทดสอบ โดย เพอื ทดสอบความรหู้ ลงั ขอ้ สอบ จํานวน ขอ้ ) จากเรยี น 53 Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ การวิจัยครั้งนี้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านการพัฒนาทักษะการอ่านของ นักศกึ ษา สาขาพลศึกษา จ�ำนวน 90 คน โดยแบ่งเกบ็ ขอ้ มูลเปน็ รายสัปดาห์ มีการสอน ฝึกทักษะการอ่านและสรุปใจความส้ันๆ จากข่าว โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน เพ่ือปูพื้นฐานความรู้ รวมทั้งสังเกตพัฒนาการของนักศึกษาไปพร้อมๆ กัน ดังที่แสดง ในตาราง 1 สถิติทใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมลู 1. การหาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นจากการพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษ ของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ ในครง้ั น้ี มีการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทาง การเรียน มาวิเคราะห์เพื่อทดสอบสมมุติฐานเก่ียวกับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน โดยใช้ T-test แบบ Dependent Sample 2. ศกึ ษาความพงึ พอใจของผเู้ รยี นโดยใชแ้ บบประเมนิ ความพงึ พอใจ โดยแบบ ประเมินมีลักษณะเป็นมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating scale) ใช้เกณฑ์การ ใหค้ ะแนนดังนี้ 5 หมายถึง ระดับมากทส่ี ดุ 4 หมายถึง ระดับมาก 3 หมายถึง ระดับปานกลาง 2 หมายถงึ ระดบั น้อย 1 หมายถึง ระดับน้อยท่สี ุด จากนน้ั ทำ� การวเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยการหาคา่ เฉลย่ี ( x ) สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (SD.) ของระดับความพึงพอใจในการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ของนักศกึ ษาสาขาพลศึกษา ด้วยกระบวนการคดิ วิเคราะหอ์ ยา่ งมีวิจารณญาณ ซ่ึงตามเกณฑ์ในการแปลความหมายผลการประเมิน (ชูศรี วงศ์รัตนะ, 2544 อ้างใน ปริญญา เพชรรงุ่ ฟ้า, 2553) มีดงั น้ี 54 มนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education คะแนนเฉลยี่ ตั้งแต่ 4.50 – 5.00 หมายถงึ มคี ณุ ภาพระดับมากท่ีสุด คะแนนเฉลี่ย ตั้งแต่ 3.50 – 4.49 หมายถงึ มคี ุณภาพระดับมาก คะแนนเฉล่ีย ตั้งแต่ 2.50 – 3.49 หมายถึง มีคุณภาพระดับปานกลาง คะแนนเฉลีย่ ตั้งแต่ 1.50 – 2.49 หมายถงึ มคี ณุ ภาพระดับน้อย คะแนนเฉลี่ย ตั้งแต่ 1.00 – 1.49 หมายถงึ มีคุณภาพระดบั นอ้ ยท่สี ดุ ผลการวิจยั คณะผู้วิจัยด�ำเนินการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขา พลศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ จำ� นวน 90 คน โดยใชเ้ วลา ในการศกึ ษา จำ� นวน 5 สปั ดาห์ โดยกำ� หนดชว่ งเวลาในการเรยี นเนอ้ื หาและทำ� กจิ กรรม สัปดาห์ละ 1–2 คร้ัง เม่ือผู้เรียน เรียนและท�ำกิจกรรมครบทุกเน้ือหาแล้ว ให้ท�ำแบบ ทดสอบหลงั เรยี นเพอ่ื วดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น โดยมผี ลการวเิ คราะหพ์ บวา่ ผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรียนของผู้เรียนหลังเรียน มีค่าสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01 คณะผวู้ จิ ยั ไดส้ ำ� รวจความพงึ พอใจของผเู้ รยี นทม่ี ตี อ่ การพฒั นาทกั ษะการอา่ น ภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาพลศึกษา ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างมี วิจารณญาณ พบว่า ผเู้ รยี นทไ่ี ดร้ บั การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะ การอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาพลศึกษา ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์ อย่างมีวิจารณญาณมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุดในภาพรวม โดยมีค่าเฉลี่ย ที่ 4.50 (S.D = .55) ดังตารางที่ 4 Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 55
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ ตารางท่ี 4 ระดับความพึงพอใจของผู้เรียน ท่ีมีต่อการพัฒนาทักษะการอ่านภาษา อังกฤษของนักศึกษาสาขาพลศึกษา ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างมี วจิ ารณญาณ 14 ด้าน ความพงึ พอใจ การแปล x SD. ความหมาย ด้านเนือ หา 4.32 .56 . เนือ หาภาษาองั กฤษทีเรียนเป็นเรืองน่าสนใจและสามารถ 4.60 .50 มาก มากทีสดุ ทีนําไปใช้ในการเรียน สาขาวพลศกึ ษาของท่าน 4.20 .58 . เนือ หาทีเรียนและกระบวนการจดั กิจกรรมมีสว่ นช่วยให้รู้สกึ วา่ 4.52 .59 มากทีสดุ มากทีสดุ เนือ หาไม่ยากเกินไป 4.0 .50 ด้านการจัดกิจกรรมการสอน 4.2 . มากทีสดุ 3. บทเรียนในชดุ ฝึกแต่ละชดุ กําหนดเนือ หาเหมาะสมกับเวลา มากทีสดุ 4.0 .50 ทีใช้ในการจดั กิจกรรม มากทีสดุ 4. ผ้เู รียนพอใจกบั การเรียนด้วยการพฒั นาทกั ษะการอา่ น 4.2 . 4.0 .50 มากทีสดุ ภาษาองั กฤษของนักศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ด้วยกระบวนการ 4.52 .59 มากทีสดุ คดิ วิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ มากทีสดุ ด้านสือการสอน 4.50 .55 5. สือการสอนในแต่ละกิจกรรมน่าสนใจ มากทีสดุ 6. ผ้เู รียนพอใจสือการสอนและการนําเสนอทีใช้ในการ จดั กิจกรรมการเรียนการสอนเพือพฒั นาทกั ษะการอ่าน ภาษาองั กฤษของนักศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ด้วยกระบวนการ คดิ วิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ 7. สือการสอน การนําเสนอ และกิจกรรมชว่ ยให้ทา่ นได้ใช้ กระบวนการคิดวเิ คราะห์อย่างมีวิจารณญาณ และส่งผล ให้ท่านเข้าใจเนือ หายงิ ขนึ ด้านการวัดผลประเมนิ ผล 8. พอใจในวิธีประเมนิ ผล 9. อาจารย์ประเมนิ ผลด้วยความยตุ ิธรรม 10. รูปแบบการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเพือพฒั นาทกั ษะ การอ่านภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ด้วยกระบวนการคดิ วิเคราะห์อยา่ งมีวิจารณญาณ มีการ ประเมินผลภายในกิจกรรมอยา่ งสมําเสมอ ความพงึ พอใจในภาพรวม 56 มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education 15 ตารางที่ 4.1 อัตราความก้าวหน้าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่านภาษา ตารางที 4.1 อตั อราังคกวฤามษกแา้ วบหบน้ารผาลยสบมั ฤคุ ทคธลทิ างการเรยี นดา้ นทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษแบบรายบุคคล ลาํ ดบั คะแนน คะแนน คะแนนทีเพิมขึน คิดเป็นร้อยละ Pre-test Post-test 1 13 23 10 33.33 2 14 25 11 36.67 3 6 19 13 43.33 4 7 23 16 53.33 5 12 26 14 46.67 6 14 26 12 40.00 7 13 27 14 46.67 8 12 23 11 36.67 9 9 20 11 36.67 10 7 19 12 40.00 11 12 21 9 30.00 12 10 22 12 40.00 13 12 24 12 40.00 14 9 20 11 36.67 15 14 23 9 30.00 16 10 24 14 46.67 17 12 20 8 26.67 18 11 22 11 36.67 19 13 24 11 36.67 20 10 20 10 33.33 21 9 19 10 33.33 22 7 19 12 40.00 23 12 22 10 33.33 24 14 26 12 40.00 25 14 24 10 33.33 26 10 23 13 43.33 27 10 22 12 40.00 28 11 23 12 40.00 Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 57
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ ตารางท่ี 4.1 อัตราความก้าวหน้าผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนด้านทักษะการอ่านภาษา องั กฤษแบบรายบคุ คล (ตอ่ ) 16 ลาํ ดบั คะแนน คะแนน คะแนนทีเพิมขึน คิดเป็นร้อยละ Pre-test Post-test 29 8 24 16 53.33 30 8 25 17 56.67 31 10 20 10 33.33 32 12 24 12 40.00 33 9 26 17 56.67 34 10 23 13 43.33 35 13 25 12 40.00 36 15 27 12 40.00 37 12 20 8 26.67 38 8 19 11 36.67 39 10 23 13 43.33 40 8 21 13 43.33 41 8 23 15 50.00 42 10 23 13 43.33 43 8 19 11 36.67 44 11 21 10 33.33 45 12 20 8 26.67 46 7 24 17 56.67 47 9 23 14 46.67 48 9 23 14 46.67 49 12 19 7 23.33 50 8 17 9 30.00 51 10 20 10 33.33 52 11 19 8 26.67 53 9 21 12 40.00 54 10 22 12 40.00 55 12 24 12 40.00 56 10 22 12 40.00 57 8 20 12 40.00 58 9 21 12 40.00 58 มนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education ตารางท่ี 4.1 อัตราความก้าวหน้าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่านภาษา อังกฤษแบบรายบคุ คล (ต่อ) 17 ลาํ ดบั คะแนน คะแนน คะแนนทีเพิมขึน คิดเป็นรอ้ ยละ Pre-test Post-test 59 10 24 14 46.67 60 9 23 14 46.67 61 12 14 2 6.67 62 11 13 2 6.67 63 4 13 9 30.00 64 12 20 8 26.67 65 14 21 7 23.33 66 7 19 12 40.00 67 10 22 12 40.00 68 8 19 11 36.67 69 9 24 15 50.00 70 12 23 11 36.67 71 9 21 12 40.00 72 11 20 9 30.00 73 12 24 12 40.00 74 7 19 12 40.00 75 10 23 13 43.33 76 8 24 16 53.33 77 7 20 13 43.33 78 9 19 10 33.33 79 7 20 13 43.33 80 14 24 10 33.33 81 7 19 12 40.00 82 8 21 13 43.33 83 6 18 12 40.00 84 11 22 11 36.67 85 10 23 13 43.33 86 12 25 13 43.33 87 10 19 9 30.00 88 9 18 9 30.00 Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 59
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ ตารางท่ี 4.1 ออังัตกรฤาษควแาบมบกร้าาวยหบนคุ ้าคผลล(สตัมอ่ ฤ) ทธ์ิทางการเรียนด้านทักษะการอ่านภาษ1า8 ลาํ ดบั คะแนน คะแนน คะแนนทีเพิมขึน คิดเป็นร้อยละ Pre-test Post-test 89 9 30.00 90 14 23 12 40.00 รวมเฉลีย 6 18 11.49 38.30 10.09 21.58 จากตารางที 4.1 อตั ราความก้าวหน้าผลสมั ฤทธทิ างการเรยี นดา้ นทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษ แบบรายบจุคาคกลตโาดรยารงวทม่ีม4ีค.ะ1แนอนัตกร่อานคเรวยี านมเฉกล้าียวโหดยนร้าวผมลอยสู่ทัมี 1ฤ0ท.0ธ9ิ์ทคาะงแกนานรมเรีคียะแนนดน้าหนลทงั เักรยีษนะเกฉลาียร อคโคา่ะดดิ นยแเปรภน็วนามคนษอา่ ยรามอ้่ทู อยีีค2ังล1ะะก.โ5แฤด8ยษนรคแนวะมแบหอนบลยนทู่รังซาีเรงึยรอ้ คียบยดิ ลนคุเะปเค็น3ฉล8อล.ตั3โี่ยร0ดาโยคดวรายวมมรกวมา้ วมคี หอะนแย้าทนู่ทาน่ีงก2กา1อ่ รเ.นร5ยีเ8รนยี เฉคนลเะยีฉแโลดนยยี่ รนโวดมยซอร่ึงยวคู่ทมิดี 1อ1เยป.4ทู่ 9็นี่ 1คอะ0ัตแ.น0รน9า คอวภาิปมรกายา้ ผวลหกนาา้ รทวิจายังการเรยี นเฉลย่ี โดยรวม อยทู่ ี่ 11.49 คะแนน คดิ เปน็ คา่ รอ้ ยละโดยรวม อยูท่ ี่ ร้อยกลาระวจิ3ยั 8เร.3อื ง0การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการ คดิ วเิ คราะห์อย่างมวี จิ ารณญาณ ของนักศกึ ษาวชิ าชพี ครู คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏจนั ทร อนเกภกั ษปิศมกึ รใษนาาคยกสตรางผัอาขนนลราีแทวพบกีิจล่ง1าอศัยรอผกึ เวกลษรไิจกา่ือดายั เ้ดรงปศว้ก็นยึกากษ2รราะพผตบอลัฒวนสนมันกดฤางัาทรนทคธี ดิทัิก วาษเิงคกะราากระเาหรรอ์ยี ยอน่าข่างอมนงวี กภจิ าาารรพษณฒั าญนอาาณังทกกัพฤษบษะวก่าขาผรออลง่าสนนมั ภฤักทาศษธึกทิา อาษงังกกาฤาสรษาเรขขยี อนาง พขลอศงผึกู้เรษยี านหดล้วงั เยรยีกนระมบคี ่าวสนงู กวา่ารกค่อิดนเวริเยี คนรอายะ่างหม์อนี ยัย่าสาํงคมญั ีวทิจาางรสณถติ ญทิ รี าะณดบั ข.อ01งนผลักกศาึกรวษจิ ายั ดวงัิชกาลช่าวีพเปค็นรู คภเวสขณหาจิน้อมษาบัมะารูสลาะศณนทสอกึ ุญมนีสังษตกสนากบมัณัอาบผมฤศสนทเูุ้ตนษารีพทิฐยุีนสขาฒั่ีนกนต1อนวกทราง่าาผผ์ี ขมกนรูว้ลอึนาหัจิกอรกมยัากเศปีาตรวแึกียรงรับทิ ไะนศษบวยสกึก้สทิาาเาอืนษธลสรกือิผสายัาางอลรผจรขสตนาาลาอ่อดกชสนพทก้วภัมยจิกัแลฏักกษลฤศรระจะทรวะึกกนัมธบิธาษทกีทวิ์ทราสีนอราาร่ง่เกานงเกนสาํดากษรรเภส้วามจิ ามนดัรกยษอใเกรการนระิจอะียบรคกหังวะนรรกวนบรขงา่้ัฤกมงนอวษาผรแ้ีทงนขูเ้ ครกีสอบกยีดิ ่งงาง่นอาเนรอสยกรักพรา่บอัคศิมงัฒผกมึิกดกเู้ ไวษีรรนวดยจีิะาิเาานเ้บสคปรทวาณสรน็ขนักาาญามกษ2พะาาาะณรหรลตถคกศทอ์อเดิึกาชสีนยอษรรอื ยา้่อามดาง่าโ่งางัขซงยมนนนมึึงงีี้ี วคจิ วาารมณรพู้ ญนื ฐานณขอพงผบูเ้ วรยีา่ นผดลา้ นสพมั ลฤศกึทษธาท์ิ แลาะงรกว่ มาบรเูรรณยี านกาขรอพงฒั ผนเู้ ารทยี กั นษหะกลางั รเอร่ายี นนขอมงผคี ูเ้ า่รยีสนงู ทกมี วคี า่ วกามอ่ แนตเกรตยี ่านง วกอใพรอิจยานะยฒัาหร่าส่านรวเงุภงรมา่าณมาทีงยวีพีนบกจิัญนุคาษัยโรกสคาะสณรกลาณ�สำแาญรร,คลทาสอ2ะณัญา่่ีพส5อน5ขง่ ัฒนท5เอซส:าดงงึรน5ตงเมิ้ว6ปนาสค)็ยนเขวถอไกกึ้นาดงิตามตรท้มริทรละวําี่วปอจ่ีิรกบมดยัะรามวกกระดอืงาึศนสับทรรึกกะจิทดษหดั ลา.ธากว0อริเผ่าจิ1งกจงกเลยีปผัดรผตวูเ้รรรกกยมีล่อยีบับิทจกทนผเุกกทาักลขจยรีรสงึษนั วบรทมัตะิมรจําฤอะกใัยทนหหาทดธวผ้สิทรา่ี่ัสงูเ้องอรากด่กงยีง่าคลากนเนรลสา่สาสอ้รภารวองเมิมรเานกาปยีบดัษกรน็นว้ถราOวยใขะอชิชเmท้อบาัก้งaคภมรกrวนะาูลฤน(บิษคทษวกาKนอ่ีสขาWกงั นอร:กาLครังบฤแคนษิดสลดิ เักะ-อนวรกศเิอืยุนาคงึกร่รากสากอษงวอะาา้ มหน่าารง์ี สปากขตาิ กพลุ่มลตศวั ึกอยษ่าางทใีซช่ึงใ้ นสกนาับรทสดนลอุนงสเปม็นมนุตักเิฐรยีานนรทะด่ีผบั ู้วมิจธั ยัยมตศั้งกึ ไษวาป้ ีทเนี ื่อซงงึ จแาบก่งเกป็นิจกรกรลมุม่ ทกี่สลุ่ม่งทเดสลรอิมง กกนารกั ะรเคสรบนยี อวนนแนทลกสกี แะาอกาลรนลรศะด่มุ คึกว้วคิดษยธิววาบอกี ธิอคยาปี ตั ุมรก่ารนตงาอิคม�ำยวเีคว่าสานิจงมนมากพนอี ร้าบยัรวณวสะห่าาํ หญนคน้วาญั าักผา่ ทเณลงราสยีผงทมนัส้เู ร่ีถสฤทียติทสีรทินอ้าธนรีิทงก ะดขาดับว้งึ้นบัยผกเเาู้เ.ทหรรคียเมรนนยีาิคนะสKดสาW้ามมนLกทาับรักมถษผผี เะลู้เชกรสอื่ีายมั รมฤนอทโ่ายธกนทิง ภาาคารงวษกอาาาอรมอกเงัรรแกยีูพ้ ฤนบื้นษสบฐงูแกสาบวนื่อบ่า ร6าย0บุคคล พบว่า อัตราความก้าวหน้าผลสมั ฤทธิท างการเรียนด้านทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษแบบ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education ของผู้เรียนด้านพลศึกษาและร่วมบูรณาการพัฒนาทักษะการอ่านของผู้เรียนที่มีความ แตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและสง่ เสรมิ ความรว่ มมอื ระหวา่ งผเู้ รยี น จงึ ทำ� ใหผ้ เู้ รยี นสามารถ ใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณของตนเองตลอดการจัดกิจกรรมทุก ขนั้ ตอน สอดคลอ้ งกบั Omar (2010: 471-483 อา้ งในสภุ าพ โสรส, 2555: 56) ไดท้ ำ� การ ศกึ ษาเกยี่ วกบั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นวชิ าภาษาองั กฤษเรอื่ ง การพฒั นาทกั ษะการอา่ น ซง่ึ เปน็ การวจิ ยั กง่ึ ทดลองเปรยี บเทยี บระหว่างการสอนด้วยเทคนิค KWL และการสอน ปกติ กลุ่มตัวอยา่ งที่ใช้ในการทดลอง เป็นนกั เรยี นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซงึ่ แบ่งเปน็ 2 กลมุ่ กลมุ่ ทดลอง 40 คน และกลมุ่ ควบคมุ 40 คน พบวา่ นกั เรยี นทีส่ อนดว้ ยเทคนิค KWL มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงกว่านักเรียนที่สอนด้วยวิธีปกติอย่างมีนัยส�ำคัญ ทางสถิตทิ ร่ี ะดับ .05 การศกึ ษาอตั ราความกา้ วหนา้ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นดา้ นทกั ษะการอา่ นภาษา อังกฤษแบบรายบุคคล พบว่า อัตราความก้าวหน้าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะ การอ่านภาษาอังกฤษแบบรายบุคคลโดยรวมมีคะแนนก่อนเรียนเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ 10.09 คะแนน มีคะแนนหลังเรียนเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ 21.58 คะแนน ซ่ึงคิดเป็นอัตรา ความกา้ วหนา้ ทางการเรยี นเฉลยี่ โดยรวมอยทู่ ่ี 11.49 คะแนน คดิ เปน็ คา่ รอ้ ยละโดยรวม อยู่ท่ี ร้อยละ 38.30 ซง่ึ สอดคลอ้ งกับงานวิจยั ของโรงเรียนอัสสมั ชัญธนบรุ ี ทีไ่ ดด้ �ำเนิน การวิจัย เพื่อศึกษาความก้าวหน้าทางการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ 5 ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้ส่ือการสอน หน่วยย่อยที่ 9.1 เรื่องลักษณะแผนภูมิ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ คือ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ที่ 5/6 ที่ศึกษาวิชาคอมพิวเตอร์ใน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2553 จ�ำนวน 50 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง ผลการวิจยั พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 ที่เรียนวิชาคอมพิวเตอร์ โดยใช้สื่อการสอน หน่วยย่อยที่ 9.1 เร่ืองลักษณะแผนภูมิ มีความก้าวหน้าทางการเรียนเพ่ิมข้ึนอย่างมี นยั สำ� คญั ทางสถติ ิท่รี ะดับ .05 ตอนที่ 2 ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนท่ีมีต่อการพัฒนาทักษะการ อ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาพลศึกษา ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างมี วิจารณญาณ พบวา่ ผเู้ รยี นทไ่ี ดร้ บั การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะ การอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาพลศึกษาด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์ Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 61
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ อย่างมีวิจารณญาณมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดในภาพรวม โดยมีค่าเฉลี่ย ที่ 4.50 ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ ภมู นิ ทร์ เหลาอาํ นาจ (2555) การศกึ ษาผลสมั ฤทธ์ิ การอา่ นภาษาองั กฤษเพอ่ื ความเขา้ ใจ โดยใชว้ ธิ กี ารสอนแบบ SQ4R ของนกั ศกึ ษาสาขา วชิ าการศกึ ษาภาษาองั กฤษ ชน้ั ปที ี่ 2 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เพชรบรู ณ์ ผลการวจิ ยั พบวา่ ผลสัมฤทธ์ิการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยใช้วิธีการสอนแบบ SQ4R ของนกั ศกึ ษาสาขาวชิ าการศกึ ษาภาษาองั กฤษ ชน้ั ปที ี่ 2 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เพชรบรู ณ์ กอ่ นและหลงั เรยี นแตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สาํ คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 ดา้ นความพงึ พอใจ ของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการอ่านภาษาอังกฤษ เพ่ือความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอน แบบ SQ4R โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สดุ ขอ้ เสนอแนะการวจิ ยั 1. ข้อเสนอแนะสำ� หรับการปฏบิ ตั ิ 1.1 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการพัฒนาทักษะการอ่านภาษา องั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ ควรมีการเตรียมความพร้อมของผู้เรียนในส่วนของกระบวนการจัดการเรียนการสอน การสอนและแบบทดสอบหลากหลาย รวมถึงเพ่ิมกระบวนการเรียนรู้ในแต่ละทักษะ เพม่ิ ขนึ้ 1.2 บทบาทของผู้จัดกิจกรรมในแต่ละสัปดาห์จะต้องใช้เวลาในการดูแล ให้ความใส่ใจตดิ ตามนกั ศกึ ษาให้ทวั่ ถึง ทกุ คน คอยแนะนำ� และยงั ต้องคอยใหก้ ำ� ลงั ใจ ให้นกั ศกึ ษาให้มีความพยายามในการเรียน การท�ำกิจกรรมต่างๆ ในการเรียน ส่งเสรมิ ช่วยเหลือให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์จากกิจกรรมแต่ละกิจกรรมในแต่ละสัปดาห์ให้ มากท่ีสุด 2. ขอ้ เสนอแนะส�ำหรับการวจิ ัยคร้ังตอ่ ไป 2.1 ควรมีการวิจัยเก่ียวกับการเรียนแบบร่วมมือเพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน หรือทักษะดา้ นอ่นื ๆ ของการเรียนภาษาองั กฤษ 2.2 ควรมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเนื้อหากิจกรรมท่ีเหมาะสมกับการเรียน การสอน การอา่ นภาษาอังกฤษในคำ� ศัพท์ ท่ีเก่ยี วข้องกบั รายวิชาชีพครบู งั คับอ่ืนๆ 62 มนุษยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education ผลผลิต ผลผลติ ทไี่ ดจ้ ากการศกึ ษานี้ มดี ังน้ี 1. ได้รูปแบบ และผลการใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมสันทนาการผสานความรู้ ดว้ ยกระบวนการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณดา้ นทกั ษะภาษาองั กฤษ 4 ดา้ น (ฟัง พดู อ่าน เขยี น) ส�ำหรบั นักศึกษาวิชาชีพครู สาขาวชิ าพลศึกษา ทไ่ี ดป้ ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 2. ได้ทราบผลประเมินและผลงานเชิงทักษะภาษาอังกฤษของผู้เรียนที่ผ่าน การประเมิน ในรูปแบบแผนผังความคิด (Mind-Map) และได้ทราบผลความพึงพอใจ ของผู้เรียนท่ีมีต่อรูปแบบกิจกรรมสันทนาการความรู้ด้วยกระบวนการวิจารณญาณ ดา้ นทักษะภาษาองั กฤษสำ� หรับนกั ศกึ ษาวิชาชีพครสู าขาวชิ าพลศึกษา Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 63
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ เอกสารอ้างองิ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม.(2556). วิสัยทัศน์. จาก http:// www.chandra.ac.th/th/edu.php. จนั ทรา พรหมนอ้ ย และคณะ. (2555). ความสามารถในการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ของนักศึกษาพยาบาล ชั้นปีท่ี 4 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครนิ ทร.์ ว.พยาบาลสงขลานครนิ ทร.์ 32(3): 1. ชาลณิ ี เอย่ี มศร.ี (2536). การพฒั นาแบบสอบการคดิ วจิ ารณญาณสำ� หรบั นกั เรยี น ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6. วิทยานพิ นธ์ครุศาสตร มหาบณั ฑติ สาขาวิชาการวัด และประเมินผลการศึกษา จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , เอกสารอดั ส�ำเนา. ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2544). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. (พิมพ์คร้ังที่ 8). กรุงเทพมหานคร: สำ� นักพิมพเ์ ทพเนรมิตการพมิ พ์. ดารารัตน์ มากมีทรัพย์. (2553). การศึกษาผลการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้กระบวนการ แกไ้ ขปญั หา วชิ าการเลอื กและการใชส้ อ่ื การเรยี นการสอนของนกั ศกึ ษา ระดับปรญิ ญาตร.ี วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญาศึกษาศาสตรม์ หาบัณฑติ สาขาวิชา เทคโนโลยีการศกึ ษา บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. บำ� รุง ใหญ่สงู เนนิ . (2536). การพัฒนาชุดการเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อเสริมความรู้ เก่ียวกับการสอน ทักษะการคดิ วเิ คราะหว์ จิ ารณข์ องครูประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประถมศึกษา จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั , เอกสารอดั สำ� เนา. บนั ลือ พฤกษะวนั . (2544). มิตใิ หม่ในการสอนอ่าน. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ . ปญั จา ชชู ว่ ย. (2551). ปจั จยั เชงิ สาเหตทุ มี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของ นักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. วิทยานพิ นธ์ ปรญิ ญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร.์ ประภัสสร วงษ์ศรี. (2541). การรับรู้อัตสมรรถนะ ความภูมิใจในตนเองกับผล สัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลศรี มหาสารคาม. วทิ ยานพิ นธก์ ารศกึ ษามหาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. (อัดสำ� เนา). 64 มนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Thanomjit Sarot et al. The Development of English Reading Skills by Using the Critical Thinking Process of Students Majoring in Physical Education เพ็ญพิศุทธิ์ เนคมานุรักษ์. (2536). การพัฒนารูปแบบพัฒนาการคิดอย่างมี วจิ ารณญาณสำ� หรบั นกั ศกึ ษาคร.ู วทิ ยานพิ นธ์ ครศุ าสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ สาขา วชิ าจติ วทิ ยาการศกึ ษา จฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลยั , เอกสารอัดสำ� เนา. ภูมินทร์ เหลาอํานาจ. (2555). การศึกษาผลสัมฤทธิ์การอ่านภาษาอังกฤษ เพื่อ ความเขา้ ใจ โดยใชว้ ิธกี ารสอนแบบ SQ4R ของนกั ศกึ ษาสาขาวิชาการ ศกึ ษาภาษาอังกฤษ ช้นั ปีท่ี 2 มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบูรณ์. งานวจิ ัย เพอ่ื พฒั นาการเรยี นการสอน,สาขาวชิ าภาษาองั กฤษคณะครศุ าสตร์มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั เพชรบรู ณ์. เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. (2556). ความสามารถในการใชภ้ าษาองั กฤษศกั ยภาพ การแข่งขนั ของคนไทยในอาเซียน ส�ำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. จาก http://www.m-society.go.th/article_attach/11993/16255.pdf. ศรที ลู ถาธญั และคณะ. (2553). การพฒั นาทกั ษะการอา่ นและการเขยี นภาษาไทย ของนกั เรยี นทค่ี วามตอ้ งการพเิ ศษในโรงเรยี นสงั กดั สำ� นกั งานเขตพน้ื ที่ การศกึ ษาเชยี งใหม่ เขต 4. รายงานผลการวจิ ยั . มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม.่ ศุภวรรณ เล็กวิไล. (2539). การพัฒนารูปแบบการสอนอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ดว้ ยกลวธิ กี ารเรยี น ภาษาไทยโดยใชห้ ลกั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื สําหรบั นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต บณั ฑิตวิทยาลัยจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . สถาบนั ภาษาบรติ สิ เคาทซ์ ลิ . (2557). จาก http://www.britishcouncil.org/learning-re- search-englishnext.htm. สภุ าพ โสรส. (2555). การเปรยี บเทยี บการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ และผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรยี น ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ทไ่ี ดร้ บั การจดั การเรยี นรดู้ ว้ ยเทคนคิ KWDL และเทคนิค SCSS ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยการศึกษา มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์. (2543). รายงานการวิจัยเรื่องความคิดเชิงวิจารณ์กับ วฒั นธรรมไทย. ทนุ วจิ ยั กองทนุ รชั ดาภเิ ษกสมโภช จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . Humanities & Social Sciences 33 (3) September - December 2016 65
การพฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาพลศกึ ษา ถนอมจติ ต์ สารอต และคณะ ดว้ ยกระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ อ�ำพร ไตรภัทร. (2543). คู่มือการเรียนการสอนการคิดวิเคราะห์วิจารณ์ คณะอนุกรรมการส่งเสริมการเรียนการสอนเน้นการพัฒนาความคิด วเิ คราะหว์ ิจารณ.์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ , ขอนแกน่ : ขอนแกน่ การพมิ พ์. Bloom, Benjamin S. (1976). Human Chartacteristics and School Learning. New York: McGraw-Hill. Crystal, D.(1987). The Cambridge encyclopedia of Language. New York: Cambridge University Press. David Kolb. เอกสารอัดสำ� เนา. มปท. , มปป. Graddol, D.(2006). English Next “Why global English may me the end of ‘English as foreign language’.” British Council. Harmer , J.(2009) How to Teach. 5th ed. Harlow. Longman. Mickahail, A. (n.d.). (2014). Reading across borders. [online]. The Centre for Electronic Projects in American Culture Studies (CEPACS). Norris & Ennis, 1989. เอกสารอัดสำ� เนา. มปท. , มปป. Omar. 2010: 471-483 อ้างในสุภาพ โสรส, 2555: 56 เอกสารอดั สำ� เนา. มปท., มปป. Wade. 1995: 24-28 อา้ งในสภุ าพ โสรส: 37. เอกสารอดั ส�ำเนา. มปท., มปป. 66 มนษุ ยศาสตร์ สังคมศาสตร์ 33 (3) ก.ย. - ธ.ค. 2559
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: