6 ชุดการสอนโดยใชก ลวิธีอภิปญญา ชดุ ท่ี 2 การซอนทบั กันของคลน่ื และสมบตั ิการสะทอ นของคลืน่ มาตรฐาน ว 5.1 มาตรฐาน ว 5.1 เขา ใจความสมั พันธร ะหวา งพลังงานกบั การดาํ รงชวี ิต การเปล่ียน รูปพลังงาน ปฏิสมั พนั ธร ะหวางสารและพลงั งาน ผลของการใชพ ลังงานตอชีวติ และ สงิ่ แวดลอ ม มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู ส่อื สารสง่ิ ท่เี รียนรูแ ละนําความรูไปใช ประโยชน มาตรฐานการเรยี นรชู วงช้นั ม.4-6 มาตรฐานการเรียนรชู วงชัน้ ม.4-6 สาํ รวจตรวจสอบ และอธบิ ายเกยี่ วกับสมบัตขิ อง คลนื่ กล ความสัมพันธระหวา งความถีแ่ ละความยาวคล่นื ผลการเรยี นรทู ีค่ าดหวงั (ปลายทาง) - ผลการเรียนรูทค่ี าดหวัง (นาํ ทาง) 1. อธิบายการซอ นทับของคลื่น 2. ใชหลกั การซอนทับเขยี นภาพของคล่นื ใหมท่เี กดิ จากการซอนทับของคลืน่ 2 ขบวน 3. บอกความหมายของการสะทอนของคลนื่ ได 4. ยกตัวอยา งเก่ียวกับการสะทอ นของคล่ืนได 5. ทําการทดลองเพื่อสรปุ เกย่ี วกับกฎการสะทอ นของคล่นื ได ชุดการสอนโดยใชกลวธิ ีอภิปญญา ชดุ ท่ี 2 การซอ นทับกันของคลืน่ และสมบัติการสะทอนของคล่นื
7 การซอนทับของคลนื่ เมื่อคลน่ื ตงั้ แต 2 คลนื่ ขนึ้ ไปเคลือ่ นที่มาพบกนั ณ ตําแหนง หนึง่ ขณะชั่วเวลาท่ีพบกัน จะ เกิดการรวมตัวกันตามหลักพีชคณิตของเวกเตอร หลังจากนั้นก็จะผานเลยกันไปเหมือนไมมีอะไร เกิดขนึ้ ดงั รูป รปู ที่ 1 แสดงการรวมคลนื่ เม่อื คลน่ื ยอย รูปท่ี 2 แสดงการรวมคลืน่ เมื่อคลนื่ ยอ ย มีการกระจดั ทิศเดียวกัน มกี ารกระจดั ทิศทางตรงขา ม (ก) เม่อื คลื่นทั้งสองเดนิ ทางมาพบกนั จะเกิดการรวมคลนื่ คลืน่ รวมทจี่ ดุ รวม คล่ืนจะมี แอมพลิจดู A 1 + A 2 ดังรปู ที่ 3 รูปท่ี 3 การรวมคลน่ื ทแ่ี อมพลิจูดทางเดยี วกันกันจะเสรมิ กัน ชดุ การสอนโดยใชก ลวธิ ีอภปิ ญ ญา ชดุ ท่ี 2 การซอนทับกนั ของคล่ืน และสมบัตกิ ารสะทอ นของคลน่ื
8 ถา คลื่นสองขบวนมีแอมพลิจดู ชี้ตรงขา มกัน เชน - A 1 กับ A 2 ดงั รปู 4.8 (ก) การ รวมกันทจ่ี ะรวมคล่นื แอมพลิจูดจะหกั ลา งกัน แอมพลจิ ดู ของคลนื่ รวมจะลดลง หลังจากน้ันคลืน่ แตละ ขบวนจะวงิ่ ไปในทศิ ทางเดิมแตแ ยกจากนั ดรู ูปท่ี 4 รูปท่ี 4 การรวมคลืน่ ทแ่ี อมพลจิ ูดตรงขามกนั จะหักลา งกนั หลักการรวมกันไดของคลน่ื ถา มีคลื่น 2ขบวนหรือมากกวาเดนิ ทางมาพบกนั การกระจัดของคลน่ื ลัพธ (แอมพลจิ ดู รวม)ท่ี ตําแหนง ใดๆ เทากบั ผลบวกแบบเวกเตอรของการกระจัดของคล่ืนยอยเหลานน้ั ดังนี้ รปู ท่ี 5 แสดง ผลบวกแบบเวกเตอร ของการกระจัดของ คล่นื ยอย ชุดการสอนโดยใชก ลวธิ ีอภปิ ญญา ชุดที่ 2 การซอ นทับกันของคลน่ื และสมบัติการสะทอ นของคลน่ื
9 สมบัติของคล่นื คล่นื โดยท่ัวไปจะมสี มบตั ิ 4 ประการ คือ - การสะทอน (reflection) - การหกั เห (refraction) - การแทรกสอด (interference) - การเล้ยี วเบน (diffraction) ก. การสะทอนของคลนื่ การสะทอ นของคลนื่ จะเกิดขน้ึ เม่ือคล่ืนเดนิ ทางไปปะทะสงิ่ กีดขวาง เชน คลื่นนํ้าเคลอ่ื นทไ่ี ปชนกําแพง หรอื คลน่ื เชือกเคล่อื นทไ่ี ปชนจุดทเี่ ชอื กตรงึ กบั เสา เปนตน การ สะทอ นของคลื่นมีหลกั สําคัญมา 2 ประการ คือ หลักเกยี่ วกับมมุ การสะทอนของคลนื่ จะตองมีหลักวา มุมตกกระทบ (1) เทา กบั มุม สะทอน (2) และรงั สตี กกระทบรังสีสะทอ น และเสน แนวฉากตองอยบู นระนาบเดยี วกัน ดูรูปท่ี 6 ประกอบ รปู ท่ี 6 มุมการสะทอนของคลน่ื หลักเกี่ยวกับเฟส คล่นื ท่ีสะทอนกบั จุดตรงึ แนน เชน คลื่นดลในเสนเชือกว่ิงไปสะทอนกบั ปลายเชอื กทผี่ กู ไว แนน (ก) ปรากฏวา เฟสของคลน่ื สะทอนตางกบั เฟสของคลื่นกอนสะทอ นอยู 180 เสมอ เหตทุ เี่ ปน เชน นีเ้ พราะธรรมชาตขิ องจุดตรงึ แนนจะรักษาใหจุดตรึงแนนมแี อมพลิจดู เปน ศนู ยเสมอ คล่นื ท่ีสะทอนกบั จุดอิสระ เชน คลื่นดลในเสนเชือกว่งิ ไปสะทอนกับปลายเชือกท่ีมหี ว ง คลอ งเสาใหสามารถเคลื่อนไดอิสระในแนวดิ่ง ดงั รปู ที่ 7 (ข) ปรากฏวา เฟสของคลืน่ สะทอนจะตรงกับ เฟสของคล่นื กอนสะทอ น เหตุท่ีเปน เชนนเ้ี พราะตรงจดุ สะทอ นอสิ ระแอมพลิจดู ของคลื่นไมจ ําเปน ตอง เปน ศูนย ชดุ การสอนโดยใชกลวธิ ีอภปิ ญญา ชุดท่ี 2 การซอ นทับกันของคลน่ื และสมบัตกิ ารสะทอนของคลน่ื
10 รปู ที่ 7 ลักษณะคลืน่ สะทอ นจากจุดตรงึ แนน (ก) ปรากฏวา เฟสของคลื่นสะทอนตางกับเฟสของคลืน่ กอนสะทอ นอยู 180 เสมอ และจุดอสิ ระ (ข) ปรากฏวาเฟสของคล่ืนสะทอนจะตรงกับเฟสของคลน่ื กอ นสะทอน เมื่อคล่ืนเคลอ่ื นที่ไปชนสิ่งกดี ขวาง หรือเคลื่อนท่ไี ปถงึ ปลายสุดของตัวกลางจะทําใหเกิดคลนื่ สะทอนขึน้ มา คล่ืนสะทอนท่ีเกิดขน้ึ มานั้น จะตอ งมีคุณสมบัตดิ งั น้ี 1. ความถี่ของคลื่นสะทอนมคี าเทา กบั ความถ่ขี องคลื่นตกกระทบ 2. ความเร็วและความยาวคล่ืนของคลื่นสะทอ นมคี า เทากับความเร็วและความยาวคล่ืน ของคล่นื ตกกระทบ 3. ถาการสะทอ นไมส ูญเสยี พลังงาน จะไดแอมพลจิ ดู ของคลน่ื สะทอ นมคี าเทา กบั แอม พลิจูดของคลื่นตกกระทบ ชดุ การสอนโดยใชก ลวธิ ีอภปิ ญญา ชุดท่ี 2 การซอนทับกันของคลนื่ และสมบัตกิ ารสะทอ นของคลน่ื
11 การสะทอ นของคลนื่ นํา้ แบบตาง ๆ 1. คลนื่ หนาตรงสะทอนจากผิวสะทอนเรียบตรง จะไดค ลน่ื สะทอ นหนา ตรง ดงั รูป รูปที่ 8 การสะทอนของคล่ืนหนาตรงจากผวิ สะทอนเรียบตรง 2. คลน่ื วงกลมสะทอนจากผิวสะทอ นเรยี บตรง จะไดคลื่นสะทอ นวงกลมเสมือนมีแหลง กาํ เนิด คลน่ื วงกลมอยูดา นหลงั ของสง่ิ กีดขวางดังรปู รูปท่ี 9 แสดงการสะทอนของคล่ืนหนาโคง จากผิวสะทอนเรียบตรง 3. คลื่นน้ําหนา ตรงสะทอนจากผวิ สะทอนโคง จะไดค ลนื่ สะทอนวงกลมดังรปู รปู ที่ 10 แสดงการสะทอนของคล่ืนหนาตรงจากผวิ สะทอ นโคง ชุดการสอนโดยใชก ลวิธีอภิปญญา ชดุ ท่ี 2 การซอนทบั กนั ของคลนื่ และสมบัติการสะทอนของคลน่ื
12 4. คล่นื วงกลมสะทอนจากผิวสะทอ นโคง จะไดคลนื่ สะทอนวงกลมดงั รปู รปู ท่ี 11 แสดงการสะทอนของคลน่ื หนา โคงจากผวิ สะทอนโคง 5. คล่ืนวงกลมสะทอนจากผวิ โคงรูปพาราโบลาเมื่อแหลงกาํ เนิดคลื่นอยทู ีจ่ ุดโฟกสั ของผิวโคง รูปพาราโบลา เม่อื คลืน่ ตกกระทบกับสว นผิวโคง จะไดค ลื่นสะทอ นหนาตรง รูปที่ 8 แสดงการสะทอนของคลนื่ วงกลมจากผิวสะทอนโคงรปู พาราโบลา 6. คล่นื หนา ตรงสะทอ นจากผิวโคงรูปพาราโบลา จะไดคลื่นสะทอนหนา วงกลมเสมือนมี แหลง กําเนดิ คลื่นอยูท่ีจุดโฟกัส ดงั รปู รปู ท่ี 9 แสดงการสะทอนของคลน่ื หนา ตรงจากผวิ โคงรูปพาราโบลา ชุดการสอนโดยใชก ลวิธีอภิปญ ญา ชดุ ที่ 2 การซอ นทับกันของคลน่ื และสมบัติการสะทอ นของคลืน่
13 ตวั อยา งการสรุปเนือ้ หา ชุดการสอนโดยใชก ลวิธีอภิปญญา ชุดท่ี 2 การซอ นทบั กันของคลื่น และสมบัติการสะทอ นของคลนื่
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: