Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศไทย

พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศไทย

Description: พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศไทย

Search

Read the Text Version

พฒั นาการทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยปรับปรงุ และปฏิรปู ประเทศไทย



การมผี ู้นาท่ดี ี

พระมหากษัตรยิ ์ทกุ พระองคต์ ง้ั แต่รชั กาลที่ 4 เปน็ ตน้ มา ทรงมี ความทันสมยั รูท้ ันความเปลย่ี นปลงของโลก และเหน็ ความสาคัญ ของการปฏิรปู ประเทศ • รัชกาลที่ 4 ทรงมีความรดู้ า้ นภาษาอังกฤษ และดาราศาสตร์ ทรงตดิ ต่อกับต่างประเทศอยา่ งกวา้ งขวาง • รชั กาลท่ี 5 ทรงมคี วามรอบรู้ การเสด็จประพาสต่างประเทศ เป็นการเจรญิ สัมพันธไมตรี และนาความเจริญมาปรบั ใช้ • รัชกาลท่ี 6 และรัชกาลท่ี 7 ทรงได้รบั การศึกษาอยา่ งดี

ท่ตี ั้งทางภมู ศิ าสตร์

• ประเทศไทยเปน็ รฐั ที่อย่ตู รงกลางระหว่างเขตอานาจขององั กฤษ ในพม่า มลายู และเขตอานาจของฝร่งั เศส ในเวียดนาม กมั พชู า และลาว • ไทยจงึ เปรียบเสมอื นรัฐกันชนระหวา่ งอังกฤษและฝร่งั เศส • ทาใหท้ ้งั สองชาตไิ ม่ใช้กาลังหกั หาญยึดครองไทย เพราะเกรงว่าอาจ ต้องปะทะกับอกี ฝ่าย

การดาเนนิ นโยบายต่างประเทศทด่ี ี • รัฐบาลดาเนินนโยบายตา่ งประเทศในลักษณะทเี่ ปน็ มิตร โอนอ่อน ผ่อนตาม • แสวงหาพนั ธมติ ร เช่น รสั เซีย เพอ่ื มาคานอานาจกบั อังกฤษและ ฝรงั่ เศส



การสร้างความเจรญิ ภายใน และลดความขดั แยง้

• ยกเลกิ ธรรมเนยี มทีล่ า้ สมัย เช่น การหมอบคลานเปล่ียนเปน็ การเดนิ การหมอบกราบเปลย่ี นเปน็ กม้ ศีรษะ ถวายคานบั • ปฏิรปู การศาล เพื่อไม่ใหช้ าตติ ะวันตกใชเ้ ปน็ ขอ้ อา้ งแทรกแซงและ ยึดครองไทย



พฒั นาการดา้ นการเมอื งการปกครอง

ด้านการเมอื ง • สมยั รชั กาลที่ 4 อานาจทางการเมืองขึ้นอยู่กบั ตระกลู บุนนาค • สมัยรชั กาลที่ 5 ทรงพยายามลดอานาจขุนนางตระกลู บุนนาค ทาให้อานาจของพระองค์มากขึ้น

ด้านการปกครอง • สมัยรชั กาลท่ี 4 ทรงเริ่มเปล่ยี นแปลงธรรมเนยี มท่ีลา้ สมัย รวมท้งั การติดต่อกับชาวต่างชาติ • สมัยรชั กาลที่ 5 ทรงตงั้ สภาทป่ี รกึ ษา 2 สภา คอื สภาท่ีปรกึ ษา ราชการแผ่นดินกับสภาท่ปี รกึ ษาในพระองค์

• ทรงปฏริ ปู การปกครองส่วนกลาง โดยเพม่ิ หนว่ ยงานจาก 6 กรม เป็น 12 กรม ทง้ั 12 กรมเปลี่ยน 12 กระทรวง ซ่ึงเป็นรากฐาน ของกระทรวงต่างๆ ในปจั จบุ นั • การปฏิรปู การปกครองสว่ นภูมิภาค ทรงยกเลิกระบบกนิ เมือง เมอื ง ทั้งหลาย รวมเปน็ มณฑลเทศาภิบาล • การปฏิรปู การปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ทรงนาระบบการปกครองแบบ สขุ าภิบาลมาใช้ แตง่ ต้งั กานนั ผูใ้ หญบ่ ้าน • ทรงตั้งเสนาบดีสภา องคมนตรีสภา และรฐั มนตรสี ภา

• สมัยรัชกาลที่ 6 กลมุ่ ยังเติร์ก พยายามเปลยี่ นแปลงการปกครองเปน็ ประชาธิปไตยแตไ่ มส่ าเร็จ • ทรงให้ประชาชนมีเสรภี าพในการแสดงออก • สมยั รัชกาลท่ี 7 ทรงมีพระราชดารใิ นการปกครองระบอบ ประชาธิปไตย และเตรียมการพระราชทานรฐั ธรรมนญู แตม่ ผี ูถ้ วาย ความเห็นวา่ ประชาชน ยงั ไมพ่ ร้อม เพราะการศกึ ษาไม่แพรห่ ลาย • อย่างไรก็ตาม ทรงวางรากฐานการปกครองท้องถ่ินแบบเทศบาล เพอ่ื ใหร้ าษฎรรูจ้ ักปกครองตนเอง

พฒั นาการด้านเศรษฐกจิ

ดา้ นการเงิน การคลัง • กาหนดอตั ราแลกเปลี่ยนเพ่ือการซ้อื ขาย • ตงั้ หอรัษฎากรพิพฒั นแ์ ละกระทรวงการคลงั ในเวลาตอ่ มา

ดา้ นเกษตรกรรม • บกุ เบิกทดี่ นิ เพือ่ การเพาะปลกู มกี ารขุดคลองเพ่ิม • มกี ารตั้งโรงสี และมกี ารส่งเสรมิ การพฒั นาพนั ธขุ์ า้ ว ส่งเสรมิ การเล้ยี งไหม

ดา้ นการคา้ และการลงทุน • เกิดโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มมากข้นึ • เศรษฐกจิ ขยายตัว และผูกพันกบั เศรษฐกิจโลกเพ่มิ มากข้นึ

พฒั นาการด้านสังคม การเลิกทาส • รชั กาลท่ี 5 ทรงดาเนนิ การเลิกทาสใน พ.ศ. 2417 แตใ่ หม้ ผี ล ย้อนหลงั ไปถงึ พ.ศ. 2411 • พ.ศ. 2448 ทรงประกาศยกเลิกระบบทาสในไทย ห้ามผ้เู ปน็ ไทขาย ตวั เปน็ ทาสอีกตอ่ ไป • ส่วนผูเ้ ปน็ ทาสใหล้ ดค่าตัวลงเดือนละ 4 บาท จนหมดค่าตัวหรือ หมดหนี้

การเลิกไพร่ • รัชกาลที่ 5 ทรงเลกิ ไพร่โดยเรม่ิ จากการกาหนดว่าชายฉกรรจท์ ถ่ี กู สกั ข้นึ ทะเบียนตอ้ งมอี ายุ 18 ปี • หา้ มเกณฑแ์ รงงานราษฎร เปลย่ี นเป็นใหจ้ า้ งแทน • กาหนดให้ผชู้ ายอายุ 18 ปี เป็นทหาร 2 ปี แลว้ ไม่ต้องรบั ราชการ (เขา้ เดือน) อกี ต่อไป • ผูท้ ่ีไม่เป็นทหารให้เสยี เงินค่าราชการไม่เกนิ 6 บาทตอ่ ปี • ระบบไพรส่ น้ิ สดุ ลง ไพร่มสี ถานะเปน็ ราษฎรทม่ี ีอิสระในการต้งั ถ่ินฐาน และประกอบอาชีพ

การศกึ ษา • รัชกาลท่ี 5 โปรดเกลา้ ฯ ให้ต้งั โรงเรยี นสอนหนงั สอื ขนึ้ • ทรงตั้งกระทรวงธรรมการ • ต่อมารัชกาลท่ี 6 โปรดเกล้าฯ ให้มีการศึกษาภาคบงั คบั 4 ปี

พฒั นาการด้านความสัมพันธร์ ะหว่างประเทศ ด้านการทตู และการทาสนธิสญั ญาระหว่างประเทศ • รชั กาลท่ี 4 ทรงเหน็ ความจาเป็นท่จี ะตอ้ งยอมแกไ้ ข และทาสนธสิ ัญญาใหมก่ ับชาติตะวนั ตก ดา้ นการป้องกันการคุกคามของชาติตะวนั ตก • รัชกาลท่ี 5 เสด็จประพาสยุโรปถึง 2 ครง้ั เพ่อื เจรจาและหาพันธมิตรที่จะชว่ ยสนับสนุนไทย พระยากัลยาณไมตรี ทปี่ รึกษา ด้านการแก้ไขสทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขต ดา้ นการต่างประเทศของไทย • ทาให้ยกเลกิ การมสี ิทธิสภาพนอกอาณาเขตของ คนในบงั คับของตา่ งชาติ

แผนที่แสดงการเสียดนิ แดนของไทยสมัยรชั กาลท่ี 5



การทาสนธิสญั ญาเบาว์รงิ • องั กฤษได้สทิ ธิสภาพนอกอาณาเขต • ยกเลิกภาษีปากเรอื ให้เก็บภาษีสนิ คา้ ขาเข้า เซอร์ จอห์น เบาวร์ ิง ร้อยละ 3 แทน • ใหม้ ีการค้าเสรี และไทยอนญุ าตให้นาข้าว ปลา เกลอื ไปขายตา่ งประเทศได้ • คนในบงั คับองั กฤษนาฝิน่ มาขายในไทยได้ แต่ตอ้ งขายให้เจา้ ภาษีฝิน่ เทา่ นั้น ถ้าเจา้ ภาษี ไมซ่ ้ือต้องนาออกไป • ถ้าชาติอืน่ ได้สทิ ธพิ ิเศษเพิม่ เติม อังกฤษจะได้ สทิ ธิพเิ ศษนนั้ ดว้ ย • สินค้าทีเ่ ป็นสนิ ค้าออกใหเ้ กบ็ ภาษีได้ เพยี งคร้ังเดยี ว • สนธิสัญญานีจ้ ะแก้ไขไดเ้ มอ่ื พน้ 10 ปีไปแล้ว

ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ • การเปล่ยี นแปลงระบบเศรษฐกจิ ของประเทศ จากแบบยงั ชีพเป็นระบบ เศรษฐกิจการตลาด • การเปลย่ี นแปลงประเภทสินค้าหลกั ของประเทศ ทาใหข้ า้ วกลายเป็น สนิ ค้าออกทส่ี าคัญมาจนถึงปจั จุบัน • การขยายตัวของการค้าภายในประเทศ ประกอบกับการพัฒนาเสน้ ทาง คมนาคม ทาให้การคา้ ขยายตัวอย่างรวดเรว็ • การพัฒนาอุตสาหกรรม และรฐั ไดป้ รับปรงุ ระบบสาธารณูปโภคให้ สอดคล้องกบั ความกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกิจ • การปฏริ ปู ระบบภาษีอากรและการคลงั จัดตัง้ หอรัษฎากรพพิ ฒั น์ และ มีการจัดทางบประมาณแผน่ ดินเป็นครั้งแรก

ผลกระทบด้านการเมอื ง • ผ่อนคลายแรงกดดันจากมหาอานาจตะวันตก และเปน็ การเปิด สัมพันธท์ างการทตู ระหว่างไทยกับนานาชาติ • สทิ ธิสภาพนอกอาณาเขตและคนในบงั คบั ซ่ึงถือเป็นความเสียเปรียบ ในระยะยาวมาก ซง่ึ ไทยก็เร่ิมเจรจาเพ่อื จากัดปัญหานี้

ผลกระทบด้านสงั คม •การเปลีย่ นแปลงกลุม่ ผู้มีบทบาททางเศรษฐกจิ พ่อคา้ และนายทุน ชาวตะวนั ตกเข้ามาค้าขายและลงทุนทาธรุ กิจแขง่ ขันกับนายทุน ชาวจนี •การเปลีย่ นแปลงวิถีชีวติ การท่สี นิ คา้ ของตะวันตกซึ่งเป็นสนิ คา้ แปลกใหม่ กระจายไปยังประชาชนทงั้ ในเมอื งและชนบท ทาให้ ประชาชนเข้าสูร่ ะบบเศรษฐกจิ ทีใ่ ชเ้ งนิ ตราหาซื้อสงิ่ ของแทนที่ วิถชี วี ิตแบบเดิม

การปฏริ ูปประเทศสมยั พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว การปฏริ ูปประเทศระยะแรก การปฏิรูปประเทศระยะที่ 2 • ทรงต้งั หอรัษฎากรพิพฒั น์ • ทดลองขยายการปกครองจาก • ทรงเปลี่ยนแปลงธรรมเนียม 6 กรม เป็น 12 กรม การเขา้ เฝ้า • พระบรมวงศานวุ งศ์ และขนุ นาง • ทรงต้ังสภาทีป่ รกึ ษาราชการ ท่ีได้รับการศึกษาแบบใหม่มา ชว่ ยราชการ แผ่นดิน และสภาที่ปรกึ ษา ส่วนพระองค์ • ทรงจา้ งชาวตา่ งประเทศมาเปน็ ทป่ี รกึ ษาและทางาน

ดา้ นการบรหิ าราชการแผ่นดนิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงมรุ ธาธร กระทรวงนครบาล กระทรวงยทุ ธนาธิการ กระทรวงโยธาธิการ กระทรวงพระคลังมหาสมบตั ิ กระทรวงธรรมการ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรพานิชการ กระทรวงกลาโหม กระทรวงยตุ ธิ รรม กระทรวงวัง

พระเจา้ ลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ี ด้านกฎหมายและการศาล ดิเรกฤทธ์ิ “บิดาแหง่ กฎหมายไทย” • ปฏริ ปู กฎหมายและการศาลให้เป็นแบบ ตะวนั ตก เพอ่ื ยกเลกิ สนธสิ ญั ญาท่ีไม่เป็นธรรม และสิทธสิ ภาพนอกอาณาเขต • ต้ังกระทรวงยตุ ธิ รรมเพอ่ื ดูแลงานด้าน การศาล • ตั้งโรงเรยี นกฎหมาย จ้างนกั กฎหมาย ชาวต่างชาตมิ าชว่ ยรา่ งประมวลกฎหมาย ตามแบบตะวนั ตก • พระเจ้าลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดเิ รกฤทธ์ิ เป็นแกนนาสาคัญในการปฏริ ปู กฎหมาย

ด้านสงั คม • ทรงเลกิ ทาสและระบบไพร่ • ประชาชนมอี ิสระในการประกอบอาชีพ ต้งั ถน่ิ ฐาน และศกึ ษาเล่าเรยี น ด้านการศึกษา • ทรงจัดระบบการศกึ ษาแผนใหม่แบบตะวนั ตก • ตง้ั โรงเรียนหลวงสาหรับลกู ขุนนาง และราษฎร • ตั้งกระทรวงธรรมการดแู ลเรือ่ งศาสนาและการศึกษา

ดา้ นเศรษฐกิจและการคลงั • จัดระบบเงนิ ตราโดยใชม้ าตรฐานทองคาแทนมาตรฐานเงนิ • ต้งั กระทรวงพระคลงั มหาสมบตั ิ ดูแลดา้ นการคลงั ของแผ่นดนิ ด้านการคมนาคมและการสือ่ สาร • มีการสรา้ งถนน ทางรถไฟ รถราง • มีการขุดคคู ลอง • จดั ระบบไปรษณยี โ์ ทรเลข ไฟฟ้า ประปา และโรงพยาบาล

การเขา้ รว่ มสงครามโลกครั้งที่ 1 รชั กาลท่ี 6 ไม่ไดร้ บี รอ้ นทรงรอเวลาที่เหมาะสม และในวันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 จงึ ไดท้ รงประกาศสงครามตอ่ ฝา่ ยมหาอานาจ กลาง

ผลของสงคราม • ได้ยกเลิกสนธสิ ัญญาที่ไมเ่ ป็นธรรมกบั เยอรมนี และออสเตรยี - ฮงั การี • ต่างชาตริ จู้ กั ไทยดีขึน้ ได้รับการยกย่องให้มฐี านะเท่าเทียมกับ ประเทศฝ่ายสัมพนั ธมิตร • ไดเ้ ปน็ สมาชกิ ของสันนบิ าตชาติ • ขอแกไ้ ขสนธสิ ัญญาที่ไม่เปน็ ธรรมกบั ชาตติ ะวันตก



พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั พระราชกรณียกิจสาคญั • ด้านการตา่ งประเทศ ทรงส่งคณะราชทูตไปองั กฤษและฝรัง่ เศสเพ่อื เจริญ พระราชไมตรี • ดา้ นการปรบั ปรงุ ประเทศ ทรงยกเลกิ ประเพณีเกา่ ๆ ทล่ี า้ สมยั และทรงนาความรู้ ของตะวนั ตกมาปรับปรงุ บ้านเมือง • ดา้ นเศรษฐกจิ ทรงทาสนธิสญั ญากับตา่ งชาติ และโปรดเกลา้ ฯ ให้ต้ัง โรงกษาปณ์ผลิตเงิน • ด้านสงั คมและวฒั นธรรม ทรงตงั้ ธรรมยุติกนิกาย และโปรดเกล้าฯ ใหช้ าระและ เขียนพงศาวดารข้นึ ใหม่

พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั พระราชกรณยี กจิ สาคัญ • ด้านการปฏริ ปู ประเทศ - ทรงปฏิรูปการปกครองส่วนกลาง และสว่ น ภมู ภิ าค ทรงปฏริ ปู ระบบกฎหมายและการศาล - ทรงเลกิ ทาส และทรงเลกิ ระบบไพร่ และทรง ปฏริ ปู การศกึ ษา • ด้านการรกั ษาเอกราชของชาติ - โดยวธิ ที างการทตู การทหาร และการแสวงหา ความชว่ ยเหลือจากมหาอานาจอนื่ - ทรงพยายามดาเนินนโยบายตา่ งประเทศอย่าง อดทน และผ่อนปรน

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว พระราชกรณยี กจิ สาคญั การสรา้ งชาตินิยม ทรงใชว้ ิธีการสร้างสญั ลักษณ์ เพ่อื เป็นศนู ย์รวมใจใหเ้ กดิ ความรัก ความสามัคคี สานึกในหนา้ ท่พี ลเมอื งท่ีดขี องชาติ และสานกึ ในความเสยี สละของบรรพบรุ ุษ การสรา้ งความเป็นสากลและนาไทยเขา้ สู่สังคม นานาชาติ ทรงกาหนดให้คนไทยมนี ามสกุลใช้ ทรงเปล่ยี นธงชาติ ใหม่ และการเขา้ ร่วมสงครามโลกครงั้ ที่ 1 การสร้างความรงุ่ เรืองทางวัฒนธรรม ทรงมีพระปรชี าสามารถดา้ นอกั ษรศาสตร์ ทรงมบี ทพระ ราชนิพนธม์ ากมาย จนได้รบั การถวายพระราชมัญญาวา่ “พระมหาธรี ราชเจ้า”

พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั พระราชกรณียกิจสาคัญ • การวางรากฐานประชาธปิ ไตย ทรงเตรียมการหลายประการเพอื่ ปลูกฝังให้ ประชาชน มสี านึกทางการเมือง พร้อมที่จะมสี ่วนรว่ ม ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย เมอ่ื เกดิ การ เปลยี่ นแปลงการปกครอง จึงทรงเต็มพระราชหฤทัย สละพระราชอานาจของพระองค์ • การเปน็ แบบอยา่ งท่ีดใี นการเสยี สละผลประโยชนส์ ่วนตัว ทรงยอมลดค่าใชจ้ ่ายส่วนพระองค์ในยามทบี่ า้ นเมอื งเผชญิ กับปัญหาเศรษฐกิจ ตกตา่