Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

Description: รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

Search

Read the Text Version

หนังสอื อา่ นนอกเวลา วชิ าประวัติศาสตรไ์ ทย ระดับประถมศึกษา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชดุ พระมหากษัตรยิ ์ไทย ๙ รัชกาล เล่มที่ ๑ เรือ่ ง พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช สำ� นักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สำ� นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน

หนังสอื อ่านนอกเวลา วิชาประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ระดบั ประถมศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชดุ พระมหากษตั ริยไ์ ทย ๙ รชั กาล เลม่ ท่ี ๑ เร่ือง พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช ลขิ สิทธ์ขิ องสำ� นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน ผจู้ ดั พมิ พ์ กลมุ่ พฒั นาสอื่ การเรยี นรู้ สำ� นกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ถนนราชดำ� เนนิ นอก เขตดสุ ติ กรงุ เทพมหานคร ๑๐๓๐๐ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๓๗ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๒๖๐๒ พิมพ์ครั้งท่ี ๑ แจกสถานศกึ ษาและหนว่ ยงานท่ีเกี่ยวข้อง พ.ศ. ๒๕๕๘ จ�ำนวน ๓๒,๐๐๐ เล่ม ISBN : 978-616-372-764-0 พิมพท์ ีโ่ รงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว ๒๒๔๙ ถนนลาดพร้าว แขวงสะพานสอง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๑๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๕๓๘ ๓๐๒๒, ๐ ๒๕๑๔ ๔๐๓๓ โทรสาร ๐ ๒๕๓๙ ๓๒๑๕ www.suksapan.or.th เลขงาน ๕๘๐๒๐๑๑

คำ� นำ� เรอื่ ง พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช เปน็ หนงั สอื เลม่ ที่๑ในชดุ “พระมหากษตั รยิ ไ์ ทย๙รชั กาล”กรมวชิ าการ(เดมิ ) กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้นางสาววนิดา สถิตานนท์ เป็นผู้เรียบเรียงเน้ือหา และจัดพิมพ์ครั้งแรกเม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยกำ� หนดใหเ้ ปน็ หนงั สอื อา่ นเพมิ่ เตมิ ระดบั ประถมศกึ ษา มเี นอ้ื หา เกย่ี วกบั พระมหากษตั รยิ แ์ ละประวตั ศิ าสตรไ์ ทยรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช คณะกรรมการจดั ทำ� และคดั เลอื ก หนังสืออ่านนอกเวลา วิชาประวัติศาสตร์ไทยและหน้าท่ีพลเมือง สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานพจิ ารณาเหน็ วา่ หนงั สอื เลม่ นมี้ แี นวการเขยี นในการนำ� เสนอเนอ้ื หาทค่ี ำ� นงึ ถงึ ความเหมาะสม กบั วยั ความสามารถทางการอา่ น และจติ วทิ ยาการเรยี นรขู้ องนกั เรยี น ในระดบั ประถมศกึ ษา จงึ ได้ประกาศใหเ้ ปน็ หนงั สืออา่ นนอกเวลา กลมุ่ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ และกลมุ่ ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย สำ� หรบั นกั เรยี นระดบั ประถมศกึ ษา ในการจัดพิมพ์คร้ังนี้ ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขนั้ พน้ื ฐาน ไดม้ อบหมายใหน้ างสายไหม จบกลศกึ ทปี่ รกึ ษาเกย่ี วกบั งาน ดา้ นเอกสารและหนงั สอื สำ� นกั พระราชวงั นางสาวพรรณงาม แยม้ บญุ เรอื ง ขา้ ราชการบำ� นาญ สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ

นางปราณีปราบรปิ ูขา้ ราชการบำ� นาญสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา ขน้ั พนื้ ฐาน เปน็ ผตู้ รวจเพมิ่ เตมิ เนอื้ หาและภาพประกอบใหเ้ หมาะสม ยิง่ ข้ึนโดยใชโ้ ครงสรา้ งเดมิ ท่ผี ูท้ รงคณุ วฒุ ไิ ดเ้ รียบเรยี งไว้ สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานหวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ หนงั สอื อา่ นนอกเวลาเลม่ น้ี จะชว่ ยใหเ้ กดิ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น และ สร้างบรรยากาศในการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอ่าน รวมทงั้ การจดั การเรยี นการสอนวชิ าประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใหน้ า่ สนใจและบรู ณาการ ค่านิยมหลัก ๑๒ ประการไปพรอ้ มกัน ขอขอบคุณคณะกรรมการ จัดท�ำและคัดเลือกหนังสืออ่านนอกเวลาฯ และผู้มีส่วนเก่ียวข้อง ท่ีได้ร่วมมอื กันทำ� ใหห้ นงั สือสำ� เร็จลลุ ่วงดว้ ยดีมา ณ โอกาสนี้ (นายกมล รอดคล้าย) เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน ๑ ธนั วาคม ๒๕๕๗

สารบญั หนา้ ๑. เสด็จเถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ ๑ ๒. ทรงจดั ระเบยี บการปกครองประเทศ ๑๑ ๓. ทรงท�ำนุบ�ำรงุ ศาสนา ๑๖ ๔. ทรงสร้างสรรคแ์ ละสง่ เสริมศิลปวัฒนธรรม ๒๔ ๕. ทรงอย่คู ู่สยาม ๓๐

ปฐมบรมราชานสุ รณ์ ณ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟา้

๑. เสด็จเถลิงถวลั ยราชสมบตั ิ ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย ไดบ้ นั ทกึ เรอ่ื งราวของการสรา้ งราชธานี หลายแห่ง เร่ืองราวของพระมหากษัตริย์หลายพระราชวงศ์ และ หลายพระองค์ แต่ละพระองค์ทรงมีวิธีการปกครองประเทศชาติ บ้านเมืองเน้นหนักในเร่ืองท่ีแตกต่างกันไปตามสถานการณ์และ ยคุ สมยั ซงึ่ ไมเ่ หมอื นกนั บางพระองคม์ พี ระราชกรณยี กจิ เดน่ ในการ ปอ้ งกนั ขา้ ศกึ ศตั รทู ม่ี ารกุ ราน บางพระองคม์ พี ระราชกรณยี กจิ เดน่ ในดา้ นงานสรา้ งสรรคศ์ ลิ ปกรรม เฉพาะพระราชกจิ ในฐานะของ พระมหากษัตรยิ แ์ ล้ว ทกุ พระองคท์ รงปฏิบตั ิอยา่ งสมบรู ณ์ยิ่ง พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช (พ.ศ. ๒๓๒๕-๒๓๕๒) พระมหากษัตริย์พระองค์แรก แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ผู้ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็น ราชธานี เป็นประวัติศาสตร์ส�ำคัญตอนหนึ่งทน่ี า่ ศกึ ษา ราชธานี ท่ีพระองคท์ รงสรา้ งไดม้ นั่ คงถาวรและเจริญรงุ่ เรืองมาถึงทุกวันนี้ ชาติไทยได้เป็นปึกแผ่นม่ันคงนับแต่รัชสมัยของพระองค์ ท้ังน้ี เพราะพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มิได้ทรง สรา้ งราชธานใี หเ้ ปน็ ปกึ แผน่ มน่ั คงเทา่ นนั้ หากไดท้ รงฟน้ื ฟสู รา้ งสรรค์ ศลิ ปวัฒนธรรม ระเบยี บแบบแผน รากฐานความเป็นชาตทิ ี่เจริญ รงุ่ เรอื งทางวฒั นธรรมทดี่ งี ามมานานนบั รอ้ ยๆ ปี ใหค้ งอยู่ ตลอดจน สร้างขวัญอันมั่นคงให้แก่ประชาชนพลเมือง เร่ืองราวในรัชสมัย ของพระองคจ์ งึ เป็นประวัตศิ าสตร์ชาติทงี่ ดงามอย่างย่ิง 1

พระราชดำ� ริในการสรา้ งราชธานีใหม่ เรม่ิ ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๓๒๕ เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชเสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ มพี ระราชดำ� รวิ า่ กรงุ ธนบรุ ี ไมเ่ หมาะสมทจ่ี ะเปน็ เมอื งหลวงถาวร เพราะคบั แคบ พระราชวงั มวี ดั ตง้ั ขนาบอยสู่ องดา้ นคอื วดั แจง้ กบั วดั ทา้ ยตลาด ขยายออกได้ยาก นอกจากน้ี กรงุ ธนบรุ ยี งั ตงั้ อยบู่ นฝง่ั แมน่ ำ้� เจา้ พระยาตอนทน่ี ำ�้ เซาะ นานไปอาจพงั ทลาย สว่ นอกี ฝง่ั หนงึ่ ของแมน่ ำ้� เจา้ พระยา พระองคท์ รงพจิ ารณา เหน็ วา่ เปน็ พน้ื ทรี่ าบกวา้ งขวาง สามารถขยายตวั เมอื งออกไปไดม้ าก ทง้ั เปน็ ทำ� เลที่แมน่ �้ำเจ้าพระยาล้อมอยสู่ องดา้ น เสมอื นเปน็ คูเมือง ป้องกันข้าศึกได้ สมควรสร้างเมืองราชธานีเพ่ือให้เป็นเมืองหลวง ท่ีมั่นคงกว้างใหญ่ไพศาลและรุ่งเรืองสถาพรสืบไปในภายหน้าได้ เม่ือทรงพิเคราะห์ทั้งทางยุทธศาสตร์และเศรษฐศาสตร์แล้ว กท็ รงตดั สนิ พระราชหฤทยั สรา้ งเมอื งหลวงถาวรใหม่ พระราชวงั เดมิ หรือ พระราชวังกรงุ ธนบุรี ปัจจุบันอยู่ในกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรงุ เทพมหานคร 2

บรเิ วณทดี่ นิ ทท่ี รงกำ� หนดจะสรา้ งเมอื งหลวงใหมช่ อื่ ตำ� บล บางกอก ขณะนั้นเป็นท่ีอยู่ของพระยาราชาเศรษฐีกับชาวจีนท�ำ สวนพลู ทรงขอใหพ้ ระยาราชาเศรษฐแี ละชาวจนี ยา้ ยไปตง้ั บา้ นเรอื นใหม่ บรเิ วณพนื้ ทตี่ ้งั แตค่ ลองวัดสามปล้มื วัดสามเพ็ง (สำ� เพง็ ในปจั จบุ นั ) โดยทรงชดใช้ค่าเสียหายให้ เป็นการไม่เอารัดเอาเปรียบราษฎร หรอื ใชพ้ ระราชอำ� นาจโดยไมเ่ ปน็ ธรรม การสร้างเมืองน้ันมีสิ่งซ่ึงจะต้องท�ำมากหลายประการ จะสร้างให้เสร็จคราวเดียวครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ได้ ทรงจัดล�ำดับ การดำ� เนนิ งานกอ่ นหลงั โดยทรงคำ� นงึ ถงึ ความจำ� เปน็ ความเปน็ ไปได้ และความเหมาะสมกับเหตุการณ์ในขณะน้ัน โปรดเกล้าฯ ให้ เจา้ พระยาธรรมาธกิ รณข์ ณะยังเป็นพระยาและพระยาวิจิตรนาวี เป็นผู้อ�ำนวยการวางแบบแปลนสร้าง และกำ� หนดเขตราชธานี สร้างปอ้ มปราการเพ่ือปอ้ งกันข้าศกึ ศตั รู สรา้ งพระราชมนเทยี ร ด้วยเคร่ืองไม้พอเปน็ ท่ีประทับไปพลางก่อน แล้วจึงสรา้ งเครื่อง ราชปู โภคเพอื่ การพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก จากนนั้ เม่ือทรงเห็นว่าพระราชภารกิจเรง่ ด่วน โดยเฉพาะ การป้องกันข้าศึกศัตรูบรรเทาเบาบางลง จึงทรงเริ่มการก่อสร้าง ถาวรวัตถุสถานด้วยงานฝีมือช่างอันวิจิตรประณีต สร้างความ เชื่อม่ันทางดา้ นจติ ใจแกป่ ระชาชนไปพรอ้ มกนั 3

พระท่ีนงั่ บุษบกมาลาจกั รพรรดพิ มิ าน ซึ่งใชใ้ นพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก ทรงรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของราษฎรในการสรา้ งราชธานี ตามพระราชพงศาวดารเลา่ วา่ ในการสรา้ งกำ� แพงพระนคร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระราชด�ำริ จะใหส้ รา้ งสะพานชา้ งขา้ มคลองรอบกรงุ ทางใตป้ ากคลองมหานาค แตพ่ ระพมิ ลธรรมแหง่ วดั โพธารามไดท้ กั ทว้ งวา่ การสรา้ งสะพานชา้ ง ข้ามคูพระนครนั้นผิดธรรมเนียมโบราณ ถ้ามีสงครามข้าศึกจะใช้ สะพานขา้ มถงึ พระนครไดโ้ ดยงา่ ย อกี ประการหนงึ่ ถา้ มแี หข่ บวนเรอื รอบพระนคร สะพานน้ันจะกีดขวางเกะกะ พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงเห็นชอบตามที่พระพิมล- ธรรมถวายพระพรทกั ทว้ ง ทรงใหง้ ดการสรา้ งสะพานชา้ งทไี่ ดม้ ี พระราชดำ� รไิ วแ้ ตเ่ ดมิ 4

ในการสรา้ งราชธานี ทรงนกึ ถงึ ราษฎรด้วยเสมอ เชน่ เมอ่ื ขดุ คลองเปน็ คเู มอื งช้ันในและคูเมอื งชน้ั นอก ได้โปรดเกล้าฯ ใหข้ ดุ คลองมหานาคเพ่ือราษฎรจะได้ใช้เป็นทางสัญจร และในหน้าน้�ำ กจ็ ะไดเ้ ล่นเพลงยาวและสกั วาเปน็ ทีร่ ่นื เริงด้วย คลองมหานาค ครั้งรชั กาลที่ ๔ ทรงประกอบพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก มพี ระบรมราชโองการ เรอื่ งการใชท้ รพั ยากรของแผน่ ดนิ เมอ่ื สถาปนาพระนคร สรา้ งพระบรมมหาราชวงั มปี ราสาท ราชมนเทยี ร และวดั พระศรีรตั นศาสดารามแลว้ พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงประกอบพระราชพิธี บรมราชาภเิ ษก เพื่อความสมบรู ณ์แห่งพระมหากษตั รยิ ์ เปน็ การ บ�ำรงุ ขวญั ไพร่ฟา้ ประชาชนและเป็นศนู ยร์ วมประเทศ มพี ระบรม ราชโองการในพระราชพิธี ความตอนหนึ่งวา่ 5

พรรณพฤกษ์ ชลธี และสงิ่ ของในแผน่ ดนิ ทวั่ ทงั้ พระราชอาณาเขตซงึ่ หาผหู้ วงแหนมไิ ดน้ น้ั ตามแต่ สมณชพี ราหมณาจารย์ ราษฎรจะปรารถนาเถิด การแสดงพระราชประสงคท์ จี่ ะใหเ้ สรภี าพแกร่ าษฎรในการใช้ ทรัพย์ในดินสินในน�้ำ โดยมิให้ละเมิดสิทธิของผู้อ่ืนน้ัน แสดงถึง ความมงุ่ หมายทจ่ี ะใหร้ าษฎรทำ� มาหากนิ ไดโ้ ดยสะดวกสบายอยา่ ง เห็นไดช้ ดั ทรงเร่งรุดแกป้ ัญหาทุกข์สขุ ของราษฎร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรง ตรวจตราทกุ ข์สขุ นานาประการของราษฎร ครั้งหนึง่ ได้ทรงพบว่า คลองปากลัดขยายกว้างออก น�้ำทะเลซ่ึงเป็นน้�ำเค็มนั้นข้ึนแรง มาถงึ พระนคร นอกจากจะไมเ่ หมาะแกก่ ารอาบกินแลว้ ยงั ท�ำลาย เรือกสวนไร่นาด้วย จึงเสด็จพระราชด�ำเนินพร้อมด้วยสมเด็จ พระบวรราชเจา้ มหาสรุ สงิ หนาท กรมพระราชวงั บวรสถานมงคล ไปอ�ำนวยการปดิ คลองปากลดั โดยท�ำทำ� นบให้สงู เทา่ กบั ฝ่งั คลอง น้�ำทะเลเข้าคลองไม่ได้ก็ไหลอ้อมไปทางแม่น�้ำใหญ่ กว่าจะไหล มาถงึ พระนครกค็ ลายความเคม็ ลงหมดกลายเปน็ นำ้� จดื แลว้ ราษฎร จงึ ได้อาศัยน้ำ� จืดอาบกินและทำ� สวนท�ำไร่ได้ต่อไป เมอ่ื เกดิ อทุ กภยั ไรน่ าเสยี หาย ราษฎรอดอยาก กท็ รงหาทาง ชว่ ยเหลอื ในทนั ที พระราชพงศาวดารบนั ทกึ เหตกุ ารณต์ อนหนงึ่ วา่ 6

ในเดอื น ๑๒ ปนี น้ั นำ้� มากลกึ ถงึ ๘ ศอกคบื ๑๐ นวิ้ ขา้ วกลา้ ในทอ้ งนาเสยี เปน็ อนั มาก ยงั เกดิ ทพุ ภกิ ขภยั ขา้ วแพงถงึ เกวยี นละชงั่ ประชาราษฎร ทงั้ หลายไดค้ วามขดั สนดว้ ยอาหารกนั ดารนกั จงึ มี พระราชโองการให้กรมนาจ�ำหน่ายข้าวเปลือก ในฉางหลวงออกแจกจา่ ยราษฎรเปน็ อนั มาก อกี คราวหนงึ่ เปน็ เรอ่ื งไฟไหม้ พระราชพงศาวดารบนั ทกึ วา่ ครนั้ ณ วนั ศกุ ร์ เดอื น ๔ แรม ๑๕ คำ่� ปรี ะกา ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๓ เวลายามเศษ เกดิ เพลงิ ไหม้ มณฑปวดั พระศรสี รรเพชญ์ ดว้ ยพระสงฆส์ ามเณร ศษิ ยว์ ดั จดุ ดอกไมเ้ พลงิ เลน่ จะเปน็ กรวดหรอื นกบนิ เขา้ ไปตดิ รงั นกพริ าบเปน็ เชอื้ ขนึ้ ไหมพ้ ระมณฑป จนสน้ิ เหลอื แตผ่ นงั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และสมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวัง บวรสถานมงคล ไดเ้ สด็จไปชว่ ยดับเพลงิ เรอื่ งการหาทางแกไ้ ขในเมอ่ื เกดิ ภยั ตา่ งๆ ไมว่ า่ นำ�้ ทว่ มหรอื ไฟไหมเ้ ชน่ น้ี พระมหากษตั รยิ ์แห่งพระบรมราชจกั รวี งศ์ในรัชกาล ต่อมาจนถึงปัจจุบัน ได้ทรงถือเป็นพระราชกิจของพระองค์ เช่นเดียวกัน ความผูกพันระหว่างพระมหากษัตริย์กับราษฎรไทย จึงเปน็ ความผูกพันและใกล้ชิดอย่างตอ่ เนอื่ งมาช้านาน 7

มีพระราชปณิธานอปุ ถัมภบ์ ำ� รุงราษฎรใหร้ ่มเย็นเป็นสุข ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก มหาราชกบั ราษฎร เปน็ ความสมั พันธท์ ่ีนา่ ช่ืนชม พระมหากษตั รยิ ์ ทรงนกึ ถงึ ราษฎร ทรงปรารถนาจะใหร้ าษฎรสมบรู ณพ์ นู สขุ สนกุ สนาน ราษฎรกม็ คี วามรสู้ กึ ชน่ื ชมยนิ ดใี นพระองค์ พระชำ� นโิ วหาร กวใี นสมยั กรงุ ธนบรุ แี ละกรงุ รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ เขยี นโคลงสรรเสรญิ พระเกยี รติ บรรยายความยนิ ดขี องราษฎรเม่ือเสด็จขนึ้ ครองราชย์วา่ เสยี งสรวลทุกถ่นิ ทอ้ ง แถวถนน มีแตเ่ กษมกมล เพรยี บเพรย้ี ม ผวิ พักตร์ดั่งอบุ ล เบิกกลบี ยามเม่ือสรุ เิ ยศเย้ียม ยอดเย้อื งยุคนธร ราษฎรชนื่ ชมยนิ ดใี นพระมหากษตั รยิ ์ พระมหากษตั รยิ ก์ ท็ รง ถือเอาชาติ ศาสนา ประชาชน เป็นแนวในการปกครองประเทศ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมีพระราช ปฏสิ นั ถารแกเ่ จา้ พระยาและพระยาทงั้ ปวงเมอ่ื ทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ ม ถวายราชสมบัติในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกวา่ ส่งิ ของทัง้ น้ี จงจัดท�ำนุบำ� รงุ ไวใ้ หด้ ี จะได้ ปอ้ งกนั รกั ษาแผน่ ดนิ ทำ� นบุ ำ� รงุ พระพทุ ธศาสนา และพระราชอาณาเขตสืบไป 8

พระราชปณิธานนี้ได้ทรงย�้ำไว้อีกคร้ังหนึ่งในคราวเสด็จ พระราชด�ำเนินไปรบป้องกันข้าศึกที่ท่าดินแดง เมืองกาญจนบุรี ซงึ่ ไดพ้ ระราชนพิ นธเ์ รอ่ื ง “นริ าศรบพมา่ ทที่ า่ ดนิ แดง” ทรงกลา่ วถงึ ชาติ ศาสนา ประชาชน ไว้ว่า ดว้ ยเดชะบารมีทีท่ ำ� มา ต้ังใจจะอปุ ถมั ภก ยอยกพระพทุ ธศาสนา จะป้องกนั ขอบขณั ฑสีมา รกั ษาประชาชนแลมนตรี ทรงแตง่ ตงั้ ขา้ ราชการตามความรคู้ วามสามารถและความซอื่ สตั ย์ การทพี่ ระองคท์ รงแสดงพระราชปณธิ าน ขอใหเ้ จา้ พระยา และพระยาซึ่งล้วนเป็นกลไกส�ำคัญในการบริหารประเทศสมัยน้ัน ชว่ ยกนั บำ� รงุ รกั ษาประเทศ ยนื ยนั ใหเ้ หน็ ถงึ ความหว่ งใยทที่ รงมีต่อ ประเทศชาติและประชาชน และโดยท่ีข้าราชการเป็นผู้มีบทบาท สำ� คญั มากตอ่ ความเปน็ อยขู่ องประชาชนและความอยรู่ อดของชาติ ในการแตง่ ตง้ั ขา้ ราชการนอกจากจะทรงคำ� นงึ ถงึ ความรคู้ วามสามารถ แล้ว ยงั ทรงค�ำนงึ ถงึ ความซือ่ สตั ย์ด้วย เช่น นายหงส์ เสมยี น เปน็ คนเกา่ ซงึ่ ซอื่ สตั ยส์ จุ รติ รู้ขนบธรรมเนียมราชการ ใช้สอยได้ดังพระทัย เปน็ พระยาพิพิธไอศรู ย.์ .. 9

ตรสั เอาขนุ กลาง ผมู้ คี วามชอบ ไดโ้ ดยเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ใชง้ านพระราชสงคราม ตอ่ รบดว้ ย ข้าศึกเป็นหลายครั้งแล้วมีความซื่อสัตย์มาก เปน็ พระยาอภยั รณฤทธ์.ิ .. ใหห้ ลวงนรา ซง่ึ มคี วามชอบเปน็ คนสตั ยซ์ อื่ และเขม้ แขง็ การสงคราม เปน็ พระยาพษิ ณโุ ลก... ในการต้ังต�ำแหน่งพระราชาคณะและสถาปนาสมณศักดิ์ กไ็ ด้ทรงสรรเสริญถึงความซอ่ื สตั ยว์ า่ พระผ้เู ปน็ เจา้ ท้งั ๓ พระองคน์ ้ี มสี ันดาน สัตย์ซ่ือมั่นคง ด�ำรงพระพุทธศาสนาโดยแท้ มไิ ดอ้ าลยั แกร่ า่ งกายและชวี ติ ควรเปน็ ทนี่ บั ถอื ไหว้นบเคารพสกั การะ เมอื่ ขา้ ราชการมคี วามซอ่ื สตั ย์ พระภกิ ษสุ งฆซ์ ง่ึ เปน็ ทเี่ คารพ ของราษฎรตง้ั มน่ั ในความดงี าม ประเทศชาตกิ ย็ อ่ มจะเจรญิ รงุ่ เรอื ง โดยไม่ยาก ราษฎรมีความสงบสุข ไม่ถูกเบียดเบียน การเริ่มต้น ของพระบรมราชจักรวี งศแ์ ละกรงุ เทพมหานคร จงึ เปน็ การเรมิ่ ตน้ ทมี่ รี ากฐานอนั หนักแนน่ ม่ันคงและงดงามมาก 10

๒. ทรงจดั ระเบยี บการปกครองประเทศ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติน้ัน กล่าวได้ว่าประเทศไทยต้องตงั้ ตวั ขนึ้ ใหมเ่ กอื บทง้ั หมด สรา้ งราชธานใี หม่ สถาปนาพระราชวงศใ์ หม่ ราษฎรกร็ วมกนั ตง้ั บา้ นเรอื นใหม่ จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งวางระเบยี บแบบแผน การจัดการปกครองประเทศให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและชัดเจน ไมก่ า้ วกา่ ยซำ้� ซอ้ นกนั หรอื แบง่ แยกจากกนั จนขาดการประสานงาน และความรว่ มมือร่วมใจ การจดั การปกครองประเทศ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช ไดท้ รง แบ่งการปกครองประเทศออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายทหาร และ ฝ่ายพลเรอื น การปกครองภายใน ทรงจดั เปน็ แบบจตสุ ดมภ์ ประกอบดว้ ย กรมเวียง มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของราษฎร กรมวัง มีหน้าท่ี ดูแลภายในพระบรมมหาราชวัง และพิจารณาตัดสินความ กรมพระคลัง มีหน้าท่ีดูแลพระราชทรัพย์ และดูแลรับผิดชอบ การค้าขายกับต่างประเทศ กรมนา มหี นา้ ท่ดี แู ลไร่นา 11

การปกครองหัวเมือง ทรงแบ่งออกเป็นหัวเมืองปักษ์ใต้ หัวเมืองฝ่ายเหนือ หัวเมืองชายทะเล และหัวเมืองประเทศราช แล้วจัดล�ำดับความสำ� คญั ของหวั เมอื ง เปน็ หวั เมอื งชนั้ เอก หวั เมอื ง ชน้ั โท หวั เมอื งช้ันตรี หัวเมืองชั้นจัตวา ทรงแต่งตั้งผู้ที่ออกไป ปกครองหวั เมอื งใหม้ หี นา้ ทดี่ แู ลทกุ ขส์ ขุ ราษฎร โดยกำ� หนดไวแ้ นช่ ดั ในกฎหมายวา่ พระเจ้าอยู่หัวตรัสส่ังให้ไปร้ังเมือง ครองเมือง ใหร้ กั ษาพยาบาลไพรฟ่ า้ ขา้ ไททา่ น แลให้รับรองสุขทุกข์ราษฎรทั้งปวง แลรักษา ถ่ินฐานบ้านนอกขอบชนบท มิให้มีโจรผู้ร้าย แลคนกรรโชกราษฎร ถ้าผู้ร้ังเมืองผู้ครองเมือง ผู้ใดรักษาได้ ท่านว่ามีบ�ำเหน็จในแผ่นดิน ถ้า แลโจรผกู้ รรโชกราษฎรเกดิ ชกุ ชมุ ขนึ้ เหลอื กำ� ลงั ระงับมิได้ ก็ให้บอกมายังลูกขุน ณ ศาลา ให้ บังคมทูลแด่สมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้า อยู่หัว จึงจะพ้นโทษ ถ้าแลผู้รั้งเมืองผู้ครอง เมอื งมไิ ดก้ ำ� ชบั จบั กมุ ละเลยใหโ้ จรแลผกู้ รรโชก ราษฎรชกุ ชมุ ขนึ้ ได้ ทา่ นวา่ ผนู้ นั้ ละเมดิ ตอ้ งใน ระวางกรรโชก ใหล้ งโทษ ๖ สถาน 12

การช�ำระกฎหมาย การสรา้ งระเบยี บแบบแผนเพอื่ ความสงบสขุ ของราษฎรนนั้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงเห็นว่า กฎหมายเป็นส่ิงจ�ำเป็นยิ่ง เมื่อทรงทราบถึงสภาพความเป็นจริง ของข้าราชการบางคนที่มักฉวยโอกาสประพฤติมิชอบเม่ือ มีโอกาสและช่องทาง ได้มีพระราชปรารภที่แสดงให้เห็นว่า ได้ทรงสอดส่องความประพฤติของข้าราชการและความเป็นอยู่ ของราษฎรอย่างใกลช้ ิด จนทราบความจริงในเรอ่ื งนเี้ ปน็ อยา่ งดวี า่ มีการนำ� กฎหมายไปใช้ผดิ ๆ คอื กษตั รยิ ผ์ ดู้ ำ� รงแผน่ ดนิ นนั้ อาศยั ซงึ่ โบราณ ราชนิติกฎหมายพระอัยการอันกษัตริย์แต่ก่อน บญั ญตั ไิ วไ้ ดเ้ ปน็ บรรทดั ฐาน ซงึ่ พพิ ากษาตราสนิ เนื้อความราษฎรทั้งปวงได้โดยยุติธรรม และ พระราชก�ำหนดบทพระอัยการน้ัน ก็ฟั่นเฟือน วิปริตผิดซ�้ำ ต่างกันไปเป็นอันมาก ด้วยคนอัน โลภหลงหาความละอายแก่บาปมิได้ ดัดแปลง แต่งตามชอบใจไว้ พิพากษาให้เสียยุติธรรม สำ� หรับแผน่ ดนิ ไปกม็ บี า้ ง 13

พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช มพี ระราช ประสงคจ์ ะ “รกั ษาประชาชนแลมนตร”ี การจะรกั ษาประชาชนให้ ไดร้ บั ความยตุ ธิ รรม รกั ษาขา้ ราชการทด่ี มี ใิ หด้ า่ งพรอ้ ย และกำ� จดั ขา้ ราชการผโู้ ลภหลงหาความละอายแกบ่ าปมไิ ด้ ไดท้ รงดำ� เนนิ การ ในเร่ืองกฎหมายซึ่งเป็นเครื่องมือที่ข้าราชการจะน�ำไปใช้ มิให้ใช้ ผดิ ทาง โดยโปรดเกลา้ ฯ ใหช้ ำ� ระกฎหมายขนึ้ ใหม่ ทรงตงั้ คณะบคุ คล ผูม้ ีสติปญั ญาจากหน่วยงานตา่ งๆ ประกอบดว้ ย ข้าราชการกรมพระอาลักษณ์ ๔ นาย มีขุนสุนทรโวหาร ขนุ สารประเสริฐ ขุนวิเชียรอักษร ขุนวจิ ติ รอกั ษร ลกู ขุน ๓ นาย ได้แก่ ขุนหลวงพระไกรศรี พระราชพนิ ิจจัย ราชปลดั หลวงอธั ยา ราชบณั ฑติ ๔ นาย ไดแ้ ก่ หลวงมหาวชิ าธรรม ขนุ ศรโี วหาร นายพิมพ์ นายดว่ นเปรยี ญ โปรดเกลา้ ฯ ใหค้ ณะบคุ คลชดุ นท้ี ำ� หนา้ ทช่ี ำ� ระกฎหมายทมี่ อี ยู่ ในหอหลวงทง้ั หมด แลว้ จดั เปน็ หมวดหมู่ เมอื่ จดั เปน็ หมวดหมแู่ ลว้ ไดเ้ ขยี นไวเ้ ปน็ ๓ ชดุ ประทบั ตราราชสหี ์ คชสหี ์ และบวั แกว้ ทกุ เลม่ เรยี กวา่ “กฎหมายตราสามดวง” ถอื เปน็ กฎหมายฉบบั หลวง สำ� หรบั พจิ ารณาตดั สนิ ความตา่ งๆ ผใู้ ดจะไปตคี วามเอาตามอำ� เภอใจตอ่ ไป อีกไม่ได้ 14

กฎหมายตราสามดวง การช�ำระกฎหมายที่ชื่อว่า “กฎหมายตราสามดวง” น้ี ถือได้ว่าทรงวางรากฐานกฎหมายของชาติบ้านเมืองให้ก้าวหน้า มัน่ คง ทง้ั ยังเป็นแบบอยา่ งการช�ำระกฎหมายฉบบั ต่อๆ มาดว้ ย นอกจากการชำ� ระกฎหมายแลว้ ยงั ทรงปราบปรามผทู้ จุ รติ ประพฤติมชิ อบอย่างเฉียบขาดดว้ ย 15

๓. ทรงทำ� นบุ �ำรุงศาสนา ศาสนาเป็นสิ่งยึดเหน่ียวจิตใจ ท�ำให้จิตใจ ของคนมีระเบียบและประพฤติตนไปในทางท่ีดีงาม ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนท�ำความดี ละเว้น ความช่ัว ช่วยเหลือเอ้ือเฟื้อกัน ไม่เบียดเบียน ทำ� รา้ ยกนั ประเทศไทยมีหลายศาสนา และคนไทย ได้รบั การสนบั สนนุ ส่งเสรมิ ใหเ้ ป็นศาสนิกชนทด่ี ี เมอ่ื สรา้ งกรงุ เทพมหานครเปน็ ราชธานนี น้ั พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราชได้มีพระราชปณิธานท่ีจะบ�ำรุง พระพุทธศาสนาซ่ึงเป็นศาสนาประจ�ำ ชาติไทย และได้ทรงจัดท�ำอย่างจริงจัง พระองค์เองทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่าง ท่ีดีแก่ราษฎรในเรื่องที่เก่ียวกับ พระพุทธศาสนา เช่น ทรงรบั ฟงั ความเห็นพระราชาคณะ มีเรื่อง บันทึกไว้ว่า ในคราวสร้างวัด พระเชตุพนวิมลมังคลาราม ได้ โปรดเกลา้ ฯ ใหอ้ ญั เชิญพระพุทธ ศรีสรรเพชญดาญาณ ซึ่งช�ำรุด 16

จากกรงุ ศรอี ยธุ ยาลงมากรุงเทพมหานคร เพื่อจะทรงปฏิสังขรณ์ แต่พระพุทธศรีสรรเพชญดาญาณช�ำรุดเกินกว่าจะปฏิสังขรณ์ได้ จึงมีพระราชด�ำริน�ำทองมาหลอมหล่อเป็นพระพุทธรูปขึ้นใหม่ ได้ทรงหารือพระราชาคณะ พระราชาคณะถวายพระพรว่า ไม่สมควร ก็ทรงเปล่ียนเป็นอัญเชิญส่วนต่างๆ ของพระพุทธรูป เข้าบรรจุในพระเจดีย์แทน แล้วพระราชทานช่ือว่า “พระเจดีย์ ศรสี รรเพชญดาญาณ” เกยี่ วกบั ประเพณที างพระพทุ ธศาสนา กท็ รงถอื ปฏบิ ตั ิ เชน่ โปรดเกลา้ ฯ ใหท้ รงผนวชพระเจา้ ลกู ยาเธอพระองคใ์ หญ่ เจา้ ฟา้ กรมหลวงอศิ รสนุ ทรซง่ึ มพี ระชนมายุ ๒๑ พรรษา เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปพระราชทานผา้ พระกฐนิ และโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ีเทศนม์ หาชาติ การทำ� นบุ ำ� รงุ พระพทุ ธศาสนา ไดท้ รงจดั ระเบยี บและสรา้ ง สง่ิ ตา่ งๆ ทเี่ ป็นหลกั สำ� คญั หลายประการคอื สังคายนาพระไตรปฎิ ก พระไตรปิฎกหรือพระธรรมค�ำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซ่ึงเป็นหลักส�ำคัญของพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็น ๓ หมวด ไดแ้ ก่ พระวนิ ยั พระสตู ร และพระอภธิ รรม ทรงพบวา่ พระไตรปฎิ ก ทม่ี อี ยใู่ นขณะนน้ั ผดิ เพยี้ นอยมู่ าก ไดท้ รงหารอื กบั พระสงั ฆราช และ พระราชาคณะ เห็นสมควรจะชำ� ระใหถ้ ูกต้อง จงึ โปรดเกล้าฯ ให้ มีการสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้น โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ 17

สว่ นพระองคเ์ ปน็ คา่ ใชจ้ า่ ย การสงั คายนาพระไตรปฎิ กไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ให้จัดท�ำ ณ วัดนิพพานาราม (คือวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ิ ในปัจจบุ นั ) ใชเ้ วลาในการสังคายนา ๕ เดือน เม่อื เสรจ็ เรียบร้อย โปรดเกล้าฯ ให้จารลงใบลานใหญ่ ปิดทองทึบทั้งปกหน้าหลัง และกรอบทงั้ สนิ้ เรยี กวา่ “พระไตรปฎิ กฉบบั ทอง” ถอื เปน็ แบบแผน อนั ถูกต้องส�ำหรับภิกษุสามเณรได้ศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาสืบไป ออกกฎหมายพระสงฆ์ ตามประเพณีไทย ชายไทยที่นับถือศาสนาพุทธเม่ือมีอายุ ครบปบี วช กจ็ ะบวชเพอื่ ศกึ ษาเลา่ เรยี นสำ� หรบั จะไดเ้ ปน็ คนดตี อ่ ไป พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ทรงพบวา่ สมยั นน้ั พระสงฆ์บางรูปปฏิบัติไม่เหมาะสม และราษฎรก็ยังไม่เข้าใจถงึ การปฏบิ ตั ติ วั ตอ่ พระสงฆ์ ไดม้ พี ระราชปรารภถงึ ความไมเ่ หมาะสม หลายประการท่ีมีอยู่ เช่น อาณาประชาราษฎรทั้งปวงลางบาง ให้มี พระมหาเวสสนั ดรชาดกน้ี มไิ ดม้ คี วามสงั เวชเลอ่ื มใส เป็นธรรมคารวะ ฟังเอาแต่ถ้อยค�ำตลกคะนอง อันหาผลประโยชน์มิได้ พระสงฆ์ผู้ส�ำแดงนั้น บางจำ� พวกมไิ ดเ้ ลา่ เรยี นพระไตรปฎิ ก ไดแ้ ตเ่ นอื้ ความ แปลรอ้ ยเปน็ กาพยก์ ลอน แลว้ กม็ าสำ� แดงถอ้ ยคำ� 18

ตลกคะนองหยาบชา้ เหน็ แตล่ าภสการเลย้ี งชวี ติ มไิ ดค้ ดิ จะรำ�่ เรยี นสบื ไป ทำ� ใหพ้ ระศาสนาฟน่ั เฟอื น เสื่อมสญู ฉะน้ัน เพ่ือให้พระสงฆ์ได้ปฏิบัติถูกต้องตามแก่สมณเพศ เปน็ ทเี่ คารพนบั ถอื ศรทั ธาของคนทว่ั ไป ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้ออกกฎหมายพระสงฆ์ข้ึน ทั้งก�ำหนดข้อปฏิบัติส�ำหรับราษฎร ในการบ�ำเพญ็ ตนในเรอื่ งทเ่ี กี่ยวกับพระสงฆด์ ้วย เช่น ห้ามอย่าให้อาณาประชาราษฎร ลูกค้า ร้านแพ แขก จีน ไทย ขายผ้าแพรพรรณแก่ พระสงฆส์ ามเณรเปน็ อนั ขาดทเี ดยี ว ถา้ ผใู้ ดมฟิ งั ยังขืนคบหาพระสงฆ์สามเณรให้สวดพระมาลัย เล่นตลกคะนอง แลขายผ้าแพรพรรณแก่ พระสงฆส์ ามเณรดุจหน่ึงแต่หลัง จะเอาตัวเป็น โทษจงหนกั การทท่ี รงสนพระราชหฤทยั ในพระพทุ ธศาสนาอยา่ งกวา้ งขวาง เชน่ นย้ี อ่ มมผี ลในการบำ� รงุ จติ ใจราษฎรดว้ ย ราษฎรจะไดม้ ศี าสนา เป็นเครอื่ งยึดเหนย่ี วไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจและดว้ ยความศรัทธาแท้จรงิ 19

ทรงสร้างและบูรณปฏสิ ังขรณว์ ัด เมอื่ สรา้ งกรงุ เทพมหานคร พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม หรือวัดพระแก้วพร้อมกันด้วย ให้ ราษฎรได้แน่ใจในการจะยึดมั่นใน พระพุทธศาสนา และได้ทรงอัญเชิญ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต จากพระราชวังเดิม กรุงธนบุรีมาประดิษฐานเป็นที่เคารพ สักการะ พระพุทธมหามณรี ัตนปฏิมากร (พระแกว้ มรกต) วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม (วดั พระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวงั 20

เนอ่ื งจากวดั มคี วามสำ� คญั ตอ่ ราษฎรในสมยั นนั้ มาก การศกึ ษา เลา่ เรยี นทง้ั ในทางวชิ าการและศลี ธรรมจรรยา ใชว้ ดั เปน็ สถานศกึ ษา เลา่ เรยี นและอบรมบม่ นสิ ยั ชวี ติ คนไทยสมยั กอ่ นผกู พนั กบั วดั มาก ตง้ั แตเ่ กดิ จนตาย เรมิ่ ตง้ั แตก่ ารตง้ั ชอื่ การศกึ ษาเลา่ เรยี น การรนื่ เรงิ ตา่ งๆ กม็ กั จะเกยี่ วขอ้ งกบั งานบญุ แมก้ ระทงั่ พธิ ศี พกม็ าจบลงทวี่ ดั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ทรงพระกรณุ า โปรดเกล้าฯ ให้สรา้ งวัดและบูรณปฏสิ ังขรณว์ ัดเพื่อประโยชน์ของ ราษฎร ท้ังในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้แก่ วัดพระ เชตุพนวิมลมังคลาราม วดั สระเกศ วดั ราชบูรณะ วัดคหู าสวรรค์ วัดยานนาวา วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ิ วัดชนะสงคราม และ วดั สุวรรณดาราราม เป็นต้น ประดษิ ฐานพระพทุ ธรูป พระพทุ ธรูปเป็นสญั ลกั ษณแ์ ทนองคพ์ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ เมื่อครั้งสร้างกรุงเทพมหานครขึ้นใหม่ พระองค์ได้ทรงพบว่า พระพทุ ธรปู สำ� คญั หลายองคถ์ กู ทงิ้ รา้ งอยตู่ ามหวั เมอื ง จงึ อญั เชญิ มา ประดษิ ฐานไว้ในกรงุ เทพมหานคร ไมใ่ หแ้ ลดเู ศรา้ หมองชำ� รดุ ทรดุ โทรม อนั จะกอ่ ใหเ้ กดิ ความหดหใู่ จแกร่ าษฎรผเู้ คารพสกั การะ พระพทุ ธรปู ส�ำคัญที่ทรงอัญเชิญมา เช่น พระโตหรือพระศรีศากยมุนี จาก วัดมหาธาตกุ รงุ สโุ ขทยั มาประดษิ ฐานทพี่ ระวหิ ารวดั สทุ ศั นเทพ- วราราม พระโลกนาถ จากวัดพระศรีสรรเพชญ์กรุงศรีอยุธยามา 21

ประดษิ ฐานทว่ี หิ ารทศิ ตะวนั ออก พระศรศี ากยมนุ ี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วดั สุทัศนเทพวราราม สว่ นพระพทุ ธรปู ทชี่ ำ� รดุ ปรกั หกั พงั แต่พอท่ีจะบูรณะซ่อมแซมได้ ตามเมอื งตา่ งๆ กโ็ ปรดเกลา้ ฯ ให้ บรู ณะซอ่ มแซม แลว้ ประดษิ ฐาน ไวท้ พ่ี ระระเบยี งคดของวดั นเี้ ชน่ กนั พระพทุ ธรปู ทีพ่ ระระเบยี งคด วดั พระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม 22

แต่งตั้งพระราชาคณะ เพ่ือจัดระเบียบต�ำแหน่งพระราชาคณะให้เหมาะสม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้โปรดเกล้าฯ ตั้งพระราชาคณะเพ่ือด�ำรงสมณศักดิ์ โดยทรงพิจารณาอย่าง ละเอียดถี่ถ้วนและด้วยเหตุผลท่ีเห็นได้ชัดแจ้งมิให้เป็นท่ี เคลือบแคลงสงสยั ตอ่ ไป กบั ไดท้ รงพจิ ารณาเห็นว่า การท่พี ระสงฆ์ ราชาคณะฐานานุกรมและเปรียญ ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด เหมือนข้าราชการเปน็ การไม่สมควร จึงพระราชทานนิตยภัตแทน ซ่ึงย่อมเป็นผลดีเป็นอันมากท่ีทรงแยกฐานะของผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ทางโลกและทางธรรมจากกันให้เด่นชัดยิ่งขึ้น เพื่อความบริสุทธ์ิ ผุดผ่อง ปราศจากกิเลสของผูอ้ ยู่ในสมณเพศ 23

๔. ทรงสร้างสรรค์ และสง่ เสรมิ ศลิ ปวัฒนธรรม ศลิ ปะหรอื งานทปี่ ระณตี งดงาม ทำ� ใหผ้ พู้ บเหน็ ไดย้ นิ ไดฟ้ งั เกดิ ความพงึ พอใจ เปน็ สง่ิ บำ� รงุ จติ ใจใหม้ คี วามสขุ ความเพลดิ เพลนิ ส่วนวัฒนธรรมหรือความเจริญงอกงามท่ีคนเราปฏิบัติต่อกันมา โดยมีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นเป็นล�ำดับ ล้วนเป็นสมบัติล�้ำค่า ของชาติ ไทยเรามศี ลิ ปวฒั นธรรมอนั ดงี ามมาแตส่ มยั โบราณ เพอ่ื มใิ ห้ ศลิ ปวฒั นธรรมทป่ี ระเทศไทยมอี ยสู่ ญู หายไป และเพอื่ สรา้ งสรรค์ ศลิ ปวฒั นธรรมใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งยง่ิ ขน้ึ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช ไดท้ รงรวบรวมศิลปวัฒนธรรมไว้หลายสาขา ทรงสง่ เสรมิ ชา่ งฝีมือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ไดท้ รง รวบรวมศิลปวัฒนธรรมหลายสาขา ที่ปรากฏเด่นชัด เร่ิมจาก การส่งเสริมฝีมือช่าง งานช่างฝีมือของไทยมีมานาน ผู้ท่ีท�ำงาน ช่างฝมี อื จะต้องมคี วามช�ำนาญและมีความสามารถพิเศษ ทง้ั ตอ้ ง ใชเ้ วลาฝกึ ฝนดว้ ย จะสรา้ งขน้ึ ในทนั ทที นั ใดไมไ่ ด้ เมอ่ื กรงุ ศรอี ยธุ ยา เสยี แกข่ า้ ศกึ นนั้ ชา่ งฝมี อื ของไทยถกู กวาดตอ้ นไปและลม้ หายตายจาก ไปมาก งานศลิ ปะถกู ทำ� ลาย ชา่ งฝมี อื ทเ่ี หลอื อยกู่ ย็ ากทจ่ี ะสรา้ งงานฝมี อื ข้ึนใหม่ได้ เพราะงานช่างฝีมือเป็นงานประณีตต้องทุ่มเททั้งเวลา ทนุ รอนและกำ� ลงั ใจ ราษฎรโดยทว่ั ไปตามปกตติ อ้ งทำ� มาหาเลยี้ งชพี 24

ยากทจี่ ะสรา้ งงานฝมี อื ขนึ้ ไดโ้ ดยลำ� พงั ตน พระบาทสมเดจ็ พระพุทธ- ยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหร้ วบรวมชา่ งฝมี อื มาจดั ทำ� งานชา่ งทเ่ี ปน็ งานของหลวงขน้ึ งานชา่ งฝมี อื ทสี่ รา้ งขนึ้ ไดแ้ ก่ การสรา้ ง พระบรมมหาราชวงั วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม การบรู ณปฏสิ งั ขรณ์ พระมณฑปวดั พระพทุ ธบาท สระบรุ ี การจดั ทำ� เครอ่ื งราชกกุธภัณฑ์ เคร่ืองราชูปโภค ตู้มณฑปประดับมุกส�ำหรับไว้พระไตรปิฎก ฉบับทอง การซ่อมแซมวัดวาอารามต่างๆ งานสร้างเหล่าน้ีล้วน ต้องใช้ช่างหลายสาขา เช่น ช่างปูน ช่างไม้ ช่างหล่อ ช่างกลึง ช่างแกะ ช่างมุก ช่างเขียน ช่างปั้น งานส่งเสริมฝีมือช่างของ พระองค์ท�ำให้ช่างฝีมือได้มีโอกาสและแสดงก�ำลังฝีมือ ท�ำให้ชาติ ได้มีสมบัติทางช่างฝีมือไว้ให้ปรากฏและมีการถ่ายทอดสืบต่อ ฝมี อื ชา่ งไวม้ ใิ ห้สญู ไปดว้ ย พระมณฑปวดั พระพทุ ธบาท เครื่องราชกกุธภณั ฑ์ 25

ทรงอนุรกั ษศ์ ลิ ปวฒั นธรรม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอนรุ กั ษศ์ ลิ ปวฒั นธรรม โดยฟน้ื ฟแู ละวางรากฐานราชประเพณี อันเป็นพระราชพิธีส�ำคัญของแผ่นดิน ได้แก่ พระราชพิธีบรม ราชาภเิ ษก เมอ่ื สรา้ งพระบรมมหาราชวงั แลว้ เสรจ็ โปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั พระราชพธิ ตี ามโบราณราชประเพณเี พอ่ื ความถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ อนั จะ เปน็ แบบแผนตอ่ ไป เชน่ พระราชพธิ โี สกนั ตส์ มเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีตามพระราชพิธีครั้งสมัยอยุธยา ประเพณี การแห่ผ้าพระกฐินในพระราชพิธีบ�ำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้า พระกฐนิ ณ วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ซ่ึงพระราชพงศาวดาร บนั ทึกว่า มกี ารแห่ผา้ พระกฐินเปน็ การใหญ่ ดังน้ี พระราชวงศานวุ งศ์ และขนุ นางขา้ ราชการ ทำ� เรอื แหต่ า่ งๆ ตามแตป่ ญั ญา ทำ� เปน็ จระเขบ้ า้ ง เปน็ หอยบา้ ง เปน็ ปลาบา้ ง เปน็ สตั วน์ ้�ำตา่ งๆ และ มเี ครอ่ื งเลน่ ไปในเรอื นนั้ ดว้ ย แหร่ อบพระนครแลว้ จงึ ไดเ้ สดจ็ พระราชทานผา้ พระกฐนิ ตามธรรมเนยี ม เปน็ การเอกิ เกรกิ มาก การแหร่ อบพระนครนนั้ ราษฎรกย็ อ่ มไดม้ โี อกาสชมขบวน แห่เปน็ การบ�ำรงุ ขวัญราษฎรไปพรอ้ มกันดว้ ย 26

ทรงส่งเสรมิ และสรา้ งสรรคว์ รรณคดี ส่ิงงดงามอีกอย่างหนึ่งที่ชาติอันมีวัฒนธรรมพึงมีไว้เพื่อ บำ� รุงจติ ใจ สตปิ ัญญาประชาชนและเปน็ สมบตั ิประดับชาติ ได้แก่ วรรณคดี เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสร้างพระนคร จงึ ทรงส่งเสรมิ และสร้างสรรค์วรรณคดดี ้วย ชาตไิ ทยมวี รรณคดมี าแตโ่ บราณ เมอ่ื กรงุ ศรอี ยธุ ยาลม่ สลาย วรรณคดเี ก่ากถ็ กู ทำ� ลายสญู หายไปด้วย เพือ่ รวบรวมวรรณคดเี ก่า และสร้างสรรค์วรรณคดีใหม่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จฬุ าโลกมหาราชโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ กั ปราชญร์ าชบณั ฑติ รบั ไปชว่ ยกนั สร้างสรรค์วรรณคดีตามความถนัด เช่น บทละครสมัยอยุธยา ท่ีสูญหายไป โปรดเกล้าฯ ใหก้ วีสมยั นัน้ แบง่ กนั ไปแต่งเปน็ ตอนๆ แลว้ นำ� มาแกไ้ ขตชิ มหนา้ พระทน่ี ง่ั เรอ่ื งทางพทุ ธศาสนากท็ รงมอบให้ ผเู้ ชย่ี วชาญในทางนน้ั รบั ไป บางเรอ่ื งทรงพระราชนพิ นธเ์ อง ในรชั กาลนี้ จึงมีวรรณคดีที่แก้ไขและเกิดใหม่หลายเร่ือง เช่น พระราชนิพนธ์ รามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์อิเหนา พระราชนิพนธ์นิราศรบพม่า 27

พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยา ฉบับพันจนั ทนุมาศ ทที่ า่ ดนิ แดง และมกี วคี นสำ� คญั คอื เจ้าพระยาพระคลงั (หน) ผแู้ ตง่ วรรณคดหี ลายเรอื่ ง เช่น อเิ หนาค�ำฉนั ท์ เพลงยาวต่างๆ ร่ายยาว มหาชาติกณั ฑก์ มุ าร กณั ฑ์มทั รี บทรอ้ งมโหรีเรอ่ื งกากี หนังสือท่ีมีค่าย่ิงอีกอย่างหนึ่ง ได้แก่ พระราชพงศาวดาร ไดโ้ ปรดเกล้าฯ ใหน้ กั ปราชญ์ราชบณั ฑติ ชำ� ระพระราชพงศาวดาร ของชาติไทย ได้แก่ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา และ โปรดเกล้าฯ ให้แปลพงศาวดารจีนกับพงศาวดารมอญ โดย 28

เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นแม่กองจัดแปล ซึ่งเจ้าพระยา- พระคลัง (หน) ได้แปลเป็นภาษาไทยท่ีดีถึงข้ันเป็นวรรณคดี ได้แก่ พงศาวดารจีนเรื่อง “สามก๊ก” และพงศาวดารมอญเรื่อง “ราชาธริ าช” 29

๕. ทรงอย่คู ่สู ยาม พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ทรงเปน็ นักรบผู้ย่ิงใหญ่ พระราชประวัติของพระองค์นับแต่ทรงเข้า รับราชการ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีต�ำแหน่งเป็น ยกกระบัตรเมืองราชบุรี ในสมัยธนบุรีได้เสด็จออกศึกสงคราม หลายครง้ั ไดท้ รงเลอ่ื นยศจากหลวงยกกระบตั ร เปน็ พระราชวรนิ ทร์ พระยาอภัยรณฤทธ์ิ พระยายมราช เจ้าพระยาจักรี และสมเด็จ เจา้ พระยามหากษตั รยิ ศ์ กึ ลว้ นเนอื่ งมาจากการรบชนะ เมอ่ื ทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ ์ ประเทศไดถ้ กู คกุ คามจากขา้ ศกึ ศตั รอู ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ทรงบัญชาการรบ และเสด็จออกปอ้ งกนั ประเทศดว้ ยพระองคเ์ อง ไดท้ รงนำ� ประเทศผา่ นพ้นได้อย่างปลอดภยั แมจ้ ะมีศกึ สงครามแทบจะตลอดรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงจัดเวลามาสร้างสรรค์ สง่ิ ตา่ งๆ ใหแ้ กป่ ระเทศชาตเิ ปน็ อเนกประการ ทรงปกครองประเทศ เปน็ เวลา ๒๗ ปี จาก พ.ศ. ๒๓๒๕ ถึง พ.ศ. ๒๓๕๒ ประเทศไทย มีกรุงเทพมหานครและวัดพระศรีรัตนศาสดารามท่ีงามสง่า มี พระบรมราชจกั รวี งศท์ ม่ี นั่ คงเปน็ มงิ่ ขวญั ของชาตไิ ทยและชาวไทย มแี บบแผนการปกครองประเทศเปน็ แนวการปกครองในสมยั ตอ่ มา เป็นกฎหมายท้ังทางโลกและทางธรรมท่ีสร้างความเป็นระเบียบ แบบแผนใหแ้ กบ่ า้ นเมอื ง มรี ากฐานของวรรณกรรมและศลิ ปกรรม 30

ซง่ึ เปน็ บอ่ เกดิ แหง่ ความเจรญิ รงุ่ เรอื งในสมยั ปจั จบุ นั งานสรา้ งสรรค์ ของพระองค์จึงคงอย่คู ู่ชาตไิ ทยอย่างมัน่ คงตลอดมา พระนามของพระมหากษัตริย์พระปฐมบรมราชจักรีวงศ์ ผู้ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีน้ี เดิมประชาชน ขานพระองค์ว่า แผ่นดินต้น และรัชกาลท่ี ๒ ว่า แผ่นดินกลาง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี ๓ ทรงเกรงว่า แผน่ ดนิ ของพระองคจ์ ะเปน็ แผน่ ดนิ ปลายอนั เปน็ อปั มงคล เมอื่ ทรง หล่อพระพุทธรูปทองคำ� ปางหา้ มสมทุ ร ๒ องค์ เปน็ พระพุทธรปู ทรงเครอื่ งยศอยา่ งพระมหาจกั รพรรดิ ประดษิ ฐานไวใ้ นพระอโุ บสถ วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม เพอื่ ถวายเปน็ พระราชกศุ ลแด่พระบาท สมเด็จพระอัยกาธิราชและพระราชบิดา ได้ถวายพระนามว่า พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก และพระพทุ ธเลศิ หลา้ สลุ าลยั จึงทรง พระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหข้ านพระนาม รชั กาลท่ี ๑ ว่า พระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และรชั กาลท่ี ๒ วา่ พระบาท สมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้าสลุ าลยั (ต่อมารัชกาลท่ี ๔ ทรงแปลง สรอ้ ยพระนาม จาก “สลุ าลยั ” เปน็ “นภาลยั ”) ดว้ ยเหตนุ ี้ พระนาม รชั กาลท่ี ๑ และรชั กาลที่ ๒ จงึ มีค�ำ “พระพุทธ” อยูด่ ว้ ย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ กรุงรัตนโกสินทร์เจริญมาครบ ๑๕๐ ปี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๗ ได้จัดงาน เฉลิมฉลอง เรียกว่า “พระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ ๑๕๐ ปี” สง่ิ สำ� คัญสิง่ หนงึ่ เพอ่ื เปน็ การนอ้ มรำ� ลึกถึงการสถาปนา 31

สะพานพระพุทธยอดฟ้า กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ คอื การสรา้ ง “ปฐมบรมราชานสุ รณ”์ ประกอบดว้ ย พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประทับบนพระแท่น ผินพระพกั ตร์มายงั ฝง่ั พระนคร และสะพาน พระพุทธยอดฟา้ เป็นการเชอื่ มการคมนาคมให้ประชาชนชาวไทย ทงั้ สองฝง่ั ไปมาหากนั ไดส้ ะดวกขึน้ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ ซึ่งเป็นช่วงครบรอบ ๒๐๐ ปี ของ การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี คณะรัฐมนตรีได้มีมติ ถวายพระราชสมัญญา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก วา่ “พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” เพ่อื เปน็ การเฉลิมพระเกียรติ และก�ำหนดให้วันท่ี ๖ เมษายน ของทุกปี เป็นวันส�ำคัญของชาติ รัฐบาล ข้าราชการและประชาชนท่ัวไป จะร่วมกันจัดงานวันท่ีระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ถวายสักการะ และวางพานพุ่ม ณ บริเวณปฐมบรมราชานุสรณแ์ หง่ นี้ 32

ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอื่ ง อนุญาตใหใ้ ชห้ นงั สือในโรงเรยี น ___________________________ ดว้ ยสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน ไดจ้ ดั ทำ� หนังสอื วิชาประวัตศิ าสตร์ ชุด “พระมหากษตั รยิ ไ์ ทย ๙ รัชกาล” เรอื่ ง “พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช” ระดบั ประถมศกึ ษา เพอ่ื ใชเ้ ปน็ หนงั สอื อา่ นนอกเวลา วชิ าประวตั ศิ าสตรไ์ ทย กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม สำ� นกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานได้พิจารณาแล้ว อนุญาต ใหใ้ ช้ในสถานศกึ ษาได้ ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ (นายกมล รอดคล้าย) เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน

คณะกรรมการจดั ทำ� และคดั เลอื กหนงั สอื อา่ นนอกเวลา วิชาประวตั ศิ าสตร์ไทย เร่อื ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ระดับประถมศึกษา ผเู้ รียบเรียง นางสาววนิดา สถิตานนท์ คณะกรรมการทปี่ รึกษา นายกมล รอดคล้าย เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน นายวนิ ัย รอดจา่ ย กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน นายสุชาติ วงศ์สวุ รรณ ผเู้ ชยี่ วชาญพเิ ศษด้านการพัฒนาหลักสตู ร พลโทอชุ กุ ร สาครนาวิน อดตี ผู้ทรงคณุ วุฒิกองบญั ชาการกองทพั ไทย นายสุรชยั จติ ภักดีบดนิ ทร์ สมาชกิ สภาทปี่ รกึ ษาการบรหิ ารและการพฒั นาจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ นางสาววณี า อคั รธรรม อดีตทปี่ รึกษาด้านพัฒนากระบวนการเรียนรู้ นางสาวไพรวลั ย์ พทิ ักษส์ าลี อดีตผู้อำ� นวยการสำ� นักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา ประธาน นางสกุ ญั ญา งามบรรจง ผู้อ�ำนวยการส�ำนกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา กรรมการ รองศาสตราจารยม์ ลั ลกิ า ตณั ฑนนั ทน ์ นายประยงค์ อนนั ทวงศ์ นางสายไหม จบกลศกึ นางระววิ รรณ ภาคพรต นางวนั เพญ็ สทุ ธากาศ นางปราณี ปราบรปิ ู นางสาวพรรณงาม แยม้ บญุ เรอื ง นางสาวเยาวลกั ษณ์ เตยี รณบรรจง นางสาวเกอ้ื กมล นยิ ม นางศรปี ญั ญา พงศส์ วุ รรณ นางสวุ คนธ์ ศริ วิ งศว์ รวฒั น ์ นายชะเอม แกว้ คลา้ ย วา่ ทพี่ นั ตรนี ภดล เจนอกั ษร รองศาสตราจารยก์ ลุ วรา ชพู งศไ์ พโรจน ์ นายประจกั ษ์ วฒั นานสุ ทิ ธ ์ิ นายชัยฤทธ์ิ ศรโี รจน์ฤทธ์ิ นายเฉลมิ ชัย พันธเ์ ลิศ กรรมการและเลขานกุ าร กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร นางสาวอรณุ วรรณ ผธู้ นดี นางสาวปรญิ ญา ฤทธเิ์ จรญิ นางสาวอรอร ฤทธก์ิ ลาง นางสาวเจตนา พรมประดษิ ฐ ์ ผตู้ รวจขนั้ สดุ ทา้ ย นางสาวพรรณงาม แยม้ บญุ เรอื ง นางปราณี ปราบรปิ ู นางสายไหม จบกลศกึ บรรณาธกิ าร นางสาวปรญิ ญา ฤทธเิ์ จรญิ นางสาวอรณุ วรรณ ผธู้ นด ี ออกแบบและถา่ ยภาพประกอบ นายพนิ จิ สขุ ะสนั ต ์ิ ฝา่ ยศลิ ป์ องคก์ ารคา้ ของ สกสค.