บทที่ ๖ วรรณคดีสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ รชั กาลที่ ๑ – ๓ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นสมัยแห่งการเริ่มวางรากฐานทุกด้าน ทั้งในด้าน การเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ และสังคม ศิลปะและวฒั นธรรม ต่อมาในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว ไดท้ รงสืบสานตอ่ มาในสงิ่ ที่ยังไม่สมบูรณ์ และสรา้ งสรรค์สิง่ ใหม่ ๆ ขึน้ เพื่อความ เจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงต่อไป ความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองในแนวทางใหม่จะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว ภายหลังจากที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้เถลิงถวลั ย์ราชสมบตั ิขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช พระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ทรงโปรดให้สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นอย่าง เรง่ ด่วนเพอ่ื ใชเ้ ปน็ ราชธานแี ห่งใหม่ ทรงตัดสนิ พระทยั ย้ายเมืองหลวงมายังฝัง่ ตะวนั ออกและทรงโปรดใหส้ ร้างพระนครแห่ง ใหม่นี้โดยยึดแบบกรุงศรีอยุธยาเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้าง สถาปัตยกรรม ตลอดจนกฎหมาย และวัฒนธรรม ประเพณตี า่ ง ๆ ในสมัยรัชกาลท่ี ๑ แห่งกรุงรตั นโกสินทร์นี้ ยังคงมีศึกสงครามตดิ พันโดยตลอด ทั้งสงครามระหว่างสยามกบั พม่า และประเทศราชต่าง ๆ อาทิ กัมพูชา มลายู ญวน เป็นต้น แต่ถึงกระนั้นในสมัยเดียวกันนี้เองปรากฏว่าเป็นช่วงที่พระ ราชอาณาจักรกว้างขวางยิ่งกว่าในสมัยใด ๆ ในประวัติศาสตร์ชาติไทย กระท่ังต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ หลา้ นภาลัย การสงครามมีน้อยมาก สยามไดท้ ำสงครามกับพมา่ เพียงคร้งั เดยี วในตอนตน้ รัชกาล และยังคงมีบา้ งประปราย กระทั่งยุติกันโดยสิ้นเชิงในรัชกาลที่ ๓ เพราะพม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ขณะเดียวกันก็เริ่มติดต่อกับชาติตะวันตก โดยเฉพาะทางด้านการค้ากับอังกฤษและอเมริกา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นปัญหาทางการ ต่างประเทศที่จะเกิดขึ้นในรัชกาลภายหน้า ได้มีพระราชดำรัสกับพระยาศรีสุริยวงศ์ไว้เมื่อใกล้เสด็จสวรรคตว่า “การศึก สงครามข้างญวน ข้างพม่าก็เหน็ จะไมม่ ีแลว้ จะมอี ยู่กแ็ ต่พวกขา้ งฝรง่ั ใหร้ ะวังให้ดี อยา่ ใหเ้ สยี ทีแก่เขาได”้ ๖.๑ กวีและวรรณคดสี ำคญั ในสมยั รัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงมีพระราชปณิธานแรงกล้าที่จะทำนุบำรุงบ้านเมืองให้คงคืน บริบูรณ์เช่นสมัยอยุธยาสืบต่อจากสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช เนื่องจากรัชสมยั ของพระองค์เริ่มเมื่อไทยได้รับเอกราช คืนมาแล้วถึง ๑๕ ปีและมีความยาวนานถงึ ๒๘ ปี ประกอบกับพระองคท์ รงพระปรีชาสามารถทั้งในการปกครองและการ กวี พระองค์จึงทรงสามารถทำนุบำรุงบ้านเมืองในทุก ๆ ทาง ทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีและโปรดเกล้าฯ ให้นักปราชญ์ ๑
ราชกวีซึ่งสว่ นมากมีชวี ิตสบื ทอดมาแต่สมัยกรงุ ศรอี ยุธยาตอนปลาย ช่วยกันแต่งวรรณคดีมาใชใ้ นการพัฒนาประเทศ ทรง ยกย่องวรรณคดเี ป็นศรสี งา่ ของบา้ นเมือง ทรงใช้วรรณคดีเสริมสร้างสติปญั ญา ปลูกฝังจรยิ ธรรม ตลอดจนบำรุงขวัญ ความ กล้าหาญและความบันเทิงสุขแก่ประชาชน กวแี ละวรรณคดีสำคญั ในสมัยรชั กาลที่ ๑ (พ.ศ. ๒๓๒๕ – ๒๓๕๒) มีดังน้ี ๖.๑.๑ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ๑) รามเกียรต์ิ (เป็นฉบับที่มเี นื้อหาครบถว้ น) ๒) อณุ รุท (ชาดก) ๓) ดาหลัง ๔) อเิ หนา ๕) นิราศรบพม่าท่ที ่าดินแดง ๖) พระไตรปิฎก (โปรดเกล้าฯ ใหช้ ำระ) ๗) กฎหมายตราสามดวง (โปรดเกลา้ ฯ ให้นกั ปราชญ์ราชบัณฑติ ชำระ) ๘) พงศาวดารฉบบั พนั จนั ทนุมาศ (โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพพิ ิธพชิ ัยรวบรวมและเขยี นเพิ่มเตมิ ) ๙) นิทานอิหรา่ นราชธรรม (โปรดใหอ้ าลกั ษณ์ปรับปรุงจากของเก่า) (เนื้อหามีที่มาจากชาวเปอร์เชีย นิทาน สิบสองเหลยี่ ม ประเภทคำสอน) ๖.๑.๒ กรมพระราชวังบวรมหาสรุ สงิ หนาท (วังหนา้ ) ๑) กลอนปรารภเรื่องตพี มา่ ๒) กลอนนิราศไปปราบพมา่ ทน่ี ครศรีธรรมราช ๓) เพลงยาวถวายพยากรณเ์ มือ่ เพลิงไหม้พระท่นี ั่งอนิ ทราภเิ ษก ๖.๑.๓ กรมพระราชวงั หลัง (สมเด็จเจา้ ฟา้ กรมหลวงอนุรกั ษเ์ ทเวศร์) ๑) พงศาวดารจีน เรอ่ื ง ไซฮั่น (ทรงอำนวยการแปล) ๖.๑.๔ เจา้ พระยาพระคลัง (หน) (หรือ หลวงสรวิชติ ในสมัยธนบุรี) ๑) รา่ ยยาวมหาชาติ กัณฑก์ มุ ารและมัทรี (ว.ศาสนา) ๒) บทมโหรีเรื่องกากี ๓) ลิลิตพยหุ ยาตราเพชรพวง (มีเน้ือหาเกย่ี วกบั การจัดขบวนเรือเพ่อื เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค) ๔) สมบัติอมรินทร์คำกลอน (อ่านให้เพลิดเพลิน เกี่ยวกับความสุขสบายต่าง ๆ ของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของ พระอนิ ทร์ แสดงให้เหน็ ถงึ อทิ ธิพลของไตรภูมพิ ระร่วงในสมยั สุโขทัย) ๕) กลอนจารกึ เรื่องสร้างวดั ภูเขาทองทีว่ ดั ราชคฤห์ ๖) ลิลติ ศรวี ิชยั ชาดก ๗) สามกก๊ ๘) ราชาธริ าช (พงศาวดารมอญ) ๙) โคลงสภุ าษติ และเพลงยาวตา่ ง ๆ ๒
๖.๑.๕ พระยาธรรมปรชี า (แกว้ ) ๑) ไตรภมู ิโลกวนิ จิ ฉัย ๒) รตั นพมิ พว์ งศ์ (ตำนานพระแกว้ มรกต) ๓) มหาวงศ์ (ตำนานความเป็นมาของพระมหากษัตริย์และพุทธศาสนาในลังกา) ๖.๑.๖ พระเทพโมลี (กล่นิ ) ๑) ร่ายยาวมหาชาติกณั ฑม์ หาพน ๒) นริ าศตลาดเกรยี บ ๓) โคลงกระทูเ้ บ็ดเตลด็ ๖.๑.๗ สมเดจ็ พระวันรตั น วดั พระเชตุพน (องคท์ เี่ ปน็ อาจารย์ของสมเดจ็ กรมพระปรมานุชติ ฯ) ๑) สังคตี ยวงส์ (การชำระพระธรรมวินัย) ๒) มหายทุ ธการวงส์ ๓) จุลยุทธการวงส์ (ตำนานต่าง ๆ ทีเ่ กย่ี วกบั พุทธศาสนา) ๖.๒ กวีและวรรณคดสี ำคญั ในสมยั รชั กาลที่ ๒ เนื่องจากพระปรีชาสามารถในการปกครองบ้านเมืองของรัชกาลที่ ๑ ประกอบกับรัชสมัยอันยาวนานพอสมควรของ พระองค์ กรุงรัตนโกสินทร์จึงเจริญมั่นคงเป็นปึกแผ่นเข้ารูปเข้ารอย ทั้งในด้านระเบียบการปกครอง การพระศาสนา ศิลปกรรมด้านตา่ ง ๆ การพระราชไมตรีกบั ต่างประเทศและความเข้มแข็งในการป้องกนั ประเทศมาจนถึงรัชกาลที่ ๒ เป็น ผลให้วรรณคดีในรัชกาลที่ ๒ เปลี่ยนแนวทางจากการปลุกใจให้ฮึกเหิมกล้าหาญ และตั้งอยู่ในระเบียบแบบแผนและ ศีลธรรมอนั ดี มาเปน็ การบันเทงิ ใจมากข้นึ เช่น เกดิ วรรณคดนี ริ าศท่เี นน้ การบรรยายโวหารพศิ วาสและโลกทศั น์ด้านตา่ ง ๆ เช่น นิราศของพระยาตรังฯ นายนรินทร์ธิเบศร์และสุนทรภู่ บทละครก็แต่งข้ึนเพื่อใช้เลน่ ละคร มุ่งศิลปะการแสดงทั้งดา้ น กระบวนรำและร้อง ให้เกิดความสนกุ สนานเพลดิ เพลินโดยตรง นทิ านคำกลอนก็ประสงค์ใหค้ วามบันเทงิ ไปกับเนอ้ื เรือ่ งเปน็ สำคญั เชน่ นิทานคำกลอนเรอื่ งพระอภัยมณแี ละเร่อื งอนื่ ๆ ของสนุ ทรภู่ แต่อย่างไรก็ดี วรรณคดีในสมัยรัชกาลท่ี ๒ ก็ยังมีเรื่องเกี่ยวกับศาสนาและการสั่งสอนคติธรรมโดยตรงอยู่บ้าง เช่น วรรณคดีสุภาษิต ๓ เรื่อง กาพย์พระไชยสุริยาของสุนทรภู่ และมหาชาติคำหลวง ๖ กัณฑ์ ที่แต่งซ่อมใหม่ มีการแปล พงศาวดารจีนเร่อื ง เลียดกก๊ ห้องสินและต้ังฮัน่ ในดา้ นลักษณะคำประพนั ธ์วรรณคดใี นรัชกาลน้ีแต่งด้วยร้อยกรองประเภทกลอนและโคลงเปน็ ส่วนมาก มีกาพย์และ ร่ายบา้ ง ๖.๒.๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลยั (พ.ศ. ๒๓๕๒ – ๒๓๖๗) ๑) บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน หนุมานถวายแหวนจนถึงทศกัณฑ์ล้ม และตอนฆ่าสีดาจนถึงอภิเษกไกร ลาศ ๒) บทพากย์รามเกยี รต์ิ ๔ ตอน ได้แก่ นางลอย นาคบาศ พรหมาสตร์ และ เอราวณั ๓
๓) บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนพลายแก้วเป็นชู้กบั นางพิม ตอนขึ้นเรือนขุนช้าง ตอนขุนแผนเข้าห้อง นางแก้วกริ ยิ า และตอนพาวันทองหนี ๔) บทละครเร่อื งอิเหนา* (ไดร้ บั การยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรใหเ้ ปน็ ยอดแหง่ กลอนบทละครรำ) ๕) บทละครนอก ๕ เร่อื ง ไดแ้ ก่ ไชยเชษฐ์ สงั ขท์ อง ไกรทอง มณีพชิ ัย และคาวี ๖) บทละครจับระบำเร่อื ง รามเกยี รต์ิ ตอนพริ าพ ๗) บทเหเ่ รอื บางบท เชน่ บทเห่ชมเคร่อื งคาวหวาน เหช่ มงานนกั ขตั ฤกษ์ และเหเ่ จ้าเซน่ เป็นตน้ ๖.๒.๒ สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส ๑) พระปฐมสมโพธกิ ถา (เน้อื หาเก่ียวกับพุทธประวตั ิ แตง่ เปน็ รอ้ ยแกว้ ) ๒) มหาชาตริ า่ ยยาว ๑๑ กณั ฑ์ เว้นกัณฑ์มหาพนและมัทรี ๓) กฤษณาสอนน้องคำฉนั ท์ ๔) ฉันท์ดุษฎีสงั เวยกลอ่ มชา้ งพงั และกาพย์ขบั ไมก้ ล่อมช้างพงั ๕) รา่ ยทำขวัญนาค ๖) โคลงยอพระเกยี รติพระนัง่ เกลา้ ฯ ๗) ลลิ ติ ตะเลงพ่าย (ได้รับอทิ ธพิ ลมาจากเร่อื งลิลิตยวนพ่าย) ๘) ธรรมเทศนาพงศาวดารกรุงศรอี ยธุ ยา ๙) จักรทปี นี (ตำราโหราศาสตร)์ ๑๐) อภิธานศพั ท์ทางวรรณคดี ๑๑) โคลงดนั้ ปฏิสงั ขรณว์ ัดพระเชตพุ น พ.ศ. ๒๓๘๘ ๑๒) รา่ ยและโคลงบานแผนก ๑๓) ฉนั ท์สังเวยกลองวนิ จิ ฉยั เภรี (เป็นกลองท่ีเดิมมีไวใ้ ห้ เจ้าคุณพนกั งานตีหลังจากราษฎรมาร้องทกุ ข์กบั ทางการ) ๑๔) โคลงจารึกศาลาหนา้ พระมหาเจดยี ์ ๑๕) โคลงกลบท ๑๖) ลิลติ พยุหยาตรา พระกฐนิ ทางสถลมารค และชลมารค ๑๗) ฉนั ทม์ าตรพฤตแิ ละวรรณพฤติ (เป็นตำราการแต่งฉันท์) ๑๘) สรรพสิทธ์ิคำฉันท์ (มาจาก ชาดก) ๑๙) สมทุ รโฆษคำฉันท์ (ตอนปลาย) ๒๐) กลอนเพลงยาวเจ้าพระ ๖.๒.๓ พระศรีสนุ ทรโวหาร (สนุ ทรภู่) ๔
๑) นิทาน ๕ เร่อื ง ได้แก่ สิงหไกรภพ โคบตุ ร ลกั ษณวงศ์ พระอภัยมณี และพระไชยสรุ ยิ า ๒) สภุ าษิต ๒ เรื่อง ไดแ้ ก่ สวัสดริ ักษา และเพลงยาวถวายโอวาท ๓) นิราศ ๘ เรื่อง ได้แก่ นิราศเมืองแกลง นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศอิเหนา นิราศเมืองเพชร นิราศพระประธม นริ าศสุพรรณ นริ าศพระบาท และนิราศภูเขาทอง ๔) บทละครรำ เรือ่ ง อภัยนรุ าศ ๕) บทเห่กล่อม (พระบรรทม) หลายตอน ได้แก่ เห่เรื่องพระอภัยมณี เห่เรื่องกากี เห่เร่ืองจับระบำ และเห่ เรอื่ งโคบตุ ร ๖) เสภา เรอ่ื งขนุ ช้างขนุ แผน ตอนกำเนิดพลายงาม เสภาพระราชพงศาวดาร ๗) เบ็ดเตล็ด เชน่ กลอนรำพนั ความในใจ เรือ่ ง รำพันพิลาป ๖.๒.๔ พระยาตรังคภูมิบาล ๑) โคลงกวีโบราณ (เปน็ ผู้รวบรวมและชำระ) ๒) นริ าศตามเสดจ็ ลำนำ้ นอ้ ย ๓) นริ าศถลาง (หรือโคลงนริ าศพระยาตรงั ) ๔) โคลงด้ันเฉลิมพระเกยี รตพิ ระพุทธเลศิ หลา้ ฯ ๖.๒.๕ นายนรนิ ทรธ์ เิ บศร์ (อิน) ๑) นิราศนรินทร์ (ได้รับอิทธิพลจากกำสรวลโคลงด้นั อยา่ งชดั เจน) ๒) เพลงยาวเบ็ดเตลด็ ๖.๓ กวแี ละวรรณคดสี ำคญั สมัยสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจ้าอย่หู วั (พ.ศ. ๒๓๖๗ – ๒๓๙๓) วรรณคดีในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้เจริญก้าวหนา้ สืบต่อจากรัชกาลที่ ๒ การเล่นโขน ละครเสภาและสักวา และการแตง่ วรรณกรรมแพร่หลายไปตามวังเจ้านาย บ้านขุนนางและราษฎรทั่วไป รัชกาลท่ี ๓ ทรงเอาพระทัยใสส่ ่งเสริมวรรณคดีของ ชาติและการศึกษาของปวงชนเป็นการทั่วไป โดยโปรดเกล้าฯ ให้กวีปราชญ์ช่วยกันแตง่ ตรวจชำระและรวบรวมวรรณคดี บางประเภทและตำราสรรพวิชาต่าง ๆ จารึกบนแผ่นศิลาประดิษฐานไว้ ณ วัดพระเชตุพนฯ เพื่อประชาชนทั่วไปได้ใช้ ศกึ ษาหาความรดู้ ว้ ยตนเอง วัดพระเชตพุ นฯ จึงเปรยี บเสมอื นมหาวิทยาลัยแหง่ แรกของไทย ๖.๓.๑ พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกล้าเจ้าอยู่หัว ๑) โคลงปราบดาภเิ ษก ๒) โคลงยอพระเกยี รติรชั กาลท่ี ๒ ๓) บทละครนอกเรื่อง สงั ขศ์ ิลปช์ ัย ๔) เสภาเรอื่ ง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน ขุนช้างขอนางพมิ และตอนขุนช้างตามนางวันทอง ๕) บทเพลงยาวตา่ ง ๆ โคลง และบทกลอนกลบทอกั ษรอน่ื ๆ ๕
๖) กระแสพระราชดำริเร่ือง เมอื งเขมร ๗) นทิ านแทรกในเรือ่ ง นางนพมาส ๖.๓.๒ สมเดจ็ กรมพระยาเดชาดศิ ร ๑) โลกนติ คิ ำโคลง (คำสอน) ๒) โคลงนริ าศเสด็จไปทัพเวยี งจันทน์ ๖.๓.๓ กรมหลวงวงศาธิราชสนทิ ๑) นิราศพระประธมประโทน ๒) จนิ ดามณี (เล่ม ๒) ๓) โคลงนิราศสพุ รรณ ๔) กลอนกลบทสิงโตเลน่ หางในวัดโพธ์ิ ๕) ตำรายาเป็นรอ้ ยแก้ว (วรรณกรรมกลมุ่ ตำรา ให้ความร)ู้ ๖.๓.๔ พระมหามนตรี (ทรพั ย์) ๑) บทละครเร่อื งระเด่นลนั ได (ประเภทยว่ั ล้อเสยี ดส)ี ๒) เพลงยาววา่ พระมหาเทพ (ปาน) ๓) โคลงฤๅษดี ัดตน (เทยี บไดก้ ับตำราโยคะ) ๔) โคลงกลบทกบเตน้ สามตอน ๖.๓.๕ คณุ พมุ่ (นางขา้ หลวง เปน็ สตร)ี ๑) เพลงยาวเฉลมิ พระเกียรติ ๒) เพลงยาวฉลองสระบางขโมด ๓) บทสักวาตา่ ง ๆ ๔) นริ าศบางย่ขี ัน ๒๔๑๒ ๕) เพลงยาวโต้ตอบกบั สามชาย ๖.๓.๖ คุณสุวรรณ (นางขา้ หลวง เป็นสตรี) ๑) บทละครเรื่อง พระมะเหลเถไถ (อิทธิพลจากอิเหนา) ๒) บทละครเรื่องอุณรทุ รอ้ ยเรือ่ ง ๓) เพลงยาวจดหมายเหตุ เรอื่ ง กรมหมืน่ อปั สรสุดาเทพประชวร ๖.๓.๗ กรมหลวงภูวเนตรนรนิ ทรฤทธิ์ ๑) นริ าศฉะเชงิ เทรา ๒) นทิ านคำกลอนหลายเร่ือง ๓) เพลงยาว ๖.๓.๘ นายมี (หมื่นพรหมสมพตั สร) ๑) นิราศเดือน ๒) นริ าศพระแท่นดงรัง ๖
๓) นิราศฉลาง (ถลาง) ๔) นิราศสุพรรณ ๕) เพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจ้าอย่หู ัว ๖) ทศมลู เสือโค ๗) เสอื โค ก กา (หนงั สือฝึกหัดอ่านสำหรบั เดก็ ) ๖.๓.๙ กรมหมื่นไกรสรวิชติ ๑) โคลงเพลงยาว จารึกไว้ ณ วดั พระเชตุพนฯ ๖.๓.๑๐ พระเทพโมลี (ผ้งึ ) ๑) ปฐมมาลา (ตำรา/แบบเรยี นภาษาไทย) ๖.๓.๑๑ พระยาไชยวิชติ (เผอื ก) ๑) โคลงยอพระเกยี รติ ๓ รชั กาล คำถามทบทวน คำช้ีแจง จงตอบคำถามต่อไปน้ี ๑. หากมผี กู้ ลา่ ววา่ สมัยรัตนโกสนิ ทรต์ อนตน้ เปน็ สมัยแรกทส่ี ยามมกี วีหญิง คำกลา่ วน้ีถกู ตอ้ งหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ๒. เน้ือหาของวรรณคดีในสมัยรัตนโกสินทรต์ อนต้นทไ่ี ดร้ ับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมของเช้ือชาติใดบา้ ง เห็นได้จาก วรรณคดเี รือ่ งใดบา้ ง ๓. วรรณคดีประเภทนริ าศในสมัยรัตนโกสนิ ทร์ตอนตน้ นีแ้ ตกต่างกบั วรรณคดนี ิราศท่เี คยมีมาก่อนหนา้ นี้อย่างไร ๔. จงวิเคราะหว์ ่าจำนวนของกวใี นยคุ น้ีทม่ี เี พิ่มมากขนึ้ กวา่ ในยุคท่ีผ่าน ๆ มา น่าจะเกิดจากสาเหตแุ ละปจั จยั ใดบา้ ง ๕. วรรณคดสี มยั อยุธยาได้ส่งอิทธพิ ลต่อวรรณคดีในสมยั รชั กาลที่ ๑-๓ หรือไม่ อยา่ งไร (ขวัญจริ า+จนั จิรา) ๖. คำประพันธ์ประเภทกลอนในสมัยรชั กาลที่ ๑-๓ มีกลอนชนิดใดบ้าง และกลอนชนิดใดบ้างทีเ่ พิ่งมีปรากฏในยคุ น้ี ๗
เอกสารอา้ งองิ เปล้อื ง ณ นคร. (๒๕๑๐). ประวัติวรรณคดไี ทยสำหรับนักศึกษา (พิมพ์คร้ังที่ ๕). พระนคร: ไทยวัฒนาพานิช. มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช. (๒๕๒๖). เอกสารการสอนชุดวิชาภาษาไทย ๔ วรรณคดไี ทย. หนว่ ยท่ี ๑ – ๗ กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช. เสนีย์ วลิ าวรรณและคณะ. ๒๕๔๒. ประวัตวิ รรณคดี ๑. กรงุ เทพมหานคร: วัฒนาพานิช. ๘
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: