Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทเห่กล่อมพระบรรทม ตอน เห่เรื่องจับระบำ

บทเห่กล่อมพระบรรทม ตอน เห่เรื่องจับระบำ

Published by Nihusnee Nirong, 2021-11-07 14:51:24

Description: บทเห่กล่อมพระบรรทม ตอน เห่เรื่องจับระบำ

Search

Read the Text Version

ครูณปภัช แสงช่วง

ระบาสายฟ้า วรรณคดีลานา ครูณปภชั แสงช่วง ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔









ประวตั ิผูแ้ ตง่ พระสุนทรโวหาร (ภู่) หรือสุนทรภู่ เกิดเม่ือวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ บิดาเป็นชาวบ้านกร่า อ่าเภอแกลง จังหวัดระยอง มารดาเป็นพระนมของพระองค์เจา้ หญิงจงกล พระธิดาในกรมพระราชวัง หลัง สุนทรภู่ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดกวีแห่งกลอนสุภาพ บทกลอน ของท่านมีความไพเราะ ประทับใจผู้อ่านด้วยถ้อยค่าท่ีคมคาย สละสลวย ให้แง่คดิ แสดงสัจธรรม ซงึ่ สามารถน่าไปใช้ได้ทกุ กาลสมัย

ลกั ษณะการแต่งบทประพนั ธ์ บทประพันธ์บทนี้ (เห่เร่ืองจับระบา) แต่งเป็นบทเห่กล่อมพระบรรทม คือ บทเห่กล่อมส่าหรับ พระราชโอรสหรอื พระราชธดิ าของพระมหากษตั รยิ ์ตลอดจนพระโอรสหรือพระธดิ าของเจา้ นายชัน้ สูง

บทเหก่ ลอมพระบรรทม สมเด็จพระเจ้าพรมวงศเ์ ธอ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า กรมพระยาเดชานภุ าพ สุนทรภู่แต่งข้ึนในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) เพ่ือ ถวายส่าหรับขับกล่อมพระโอรสพระธิดาในพระองค์เจ้า ลักขณานุคุณ และพระราช โอสรพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระป่ินเกล้าเจ้าอยู่หวั และต่อมาบทเหก่ ล่อมนี้ ได้ใช้กล่อมพระบรรทมพระราชโอรสพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยูห่ ัวดว้ ย

ลักษณะการแตง่ บทประพันธ์ - วรรคหนา้ ตวั อย่างบทประพนั ธ์ มี ๕ คา - วรรคหลงั เปร้ยี งเปรีย้ งเสยี งขวาน (๔ คา) ก้องสะท้านสากล (๕ คา) มี ๖ คา - แต่ละบาท ไลน่ างกลางฝน (๔ คา) มดื มนในเมฆา (๕ คา) มี ๑๑ คา ลักษณะค่าประพันธ์ของบทเห่กล่อมพระบรรทมเรื่องน้ี คล้ายกาพย์ยานี แต่ไม่เคร่งครัดเคร่ือง จานวนคา สันนิษฐานว่าแต่งเช่นนี้เพราะใหเ้ อ้อื ส่าหรบั การเอ้ือนขบั ร้องเปน็ ท่านอง



บทเห่กลอ่ มพระบรรทม ๑. เหเ่ รอ่ื งกากี ๒. เหเ่ รอื่ ง พระอภัยมณี ๓. เห่เรื่อง ๔. เหเ่ ร่อื ง โคบตุ ร จบั ระบา



แนะนาตัวละคร









เนือ้ เรื่อง ระบาสายฟา้

เนื้อเร่ือง เห่เอยนางเอก มณีเมขลา คาศพั ท์ ลอยเรใ่ นเมฆา ถือจินดาดงั ดวงดาว เมฆา หมายถึง เมฆ จนิ ดา หมายถึง แก้วอนั มคี า่ โยนเล่นเห็นแก้ว สวา่ งแวววามวาว เวหา หมายถึง ฟา้ อากาศ กนิ รี หมายถึง กินนรเพศหญิง ลอยฟ้าเวหาหาว รปู ราวกับกนิ รี รศั มี หมายถงึ แสงสวา่ ง ดวงมณี หมายถึง ดวงแก้ว ทรงเครือ่ งเรืองจ่ารสั อร่ามรัศมีฉวี ชชู ่วงดวงมณี เล่อื นลอยลลี ามา กล่าวถึงเทพธิดาองค์หนึ่งนามว่านางมณีเมขลา มีรูปโฉม งดงามราวกับกินรีซึ่งแต่งองค์ทรงเคร่ืองสวยงามอร่ามตา นางเหาะเหินเดินอากาศบนฟา้ พร้อมกับถือดวงแก้ววิเศษที่มี แสงสว่างไสวสวยงามเป็นประกาย

เนอ้ื เรื่อง(ต่อ) เลียบรอบขอบทวปี อยกู่ ลางกลีบเมฆา คา่ ศัพท์ เชยชมยมนา เฝา้ รักษาสนิ ธู ยมนา หมายถงึ แม่นา้่ ใหญ่ สินธู หมายถงึ แม่นา่้ สนิ ธุ คร้นั ปัจฉมิ คมิ หันต์ ถงึ วสนั ตฤดู คิมหันต์ หมายถงึ ฤดรู ้อน วสันตฤดู หมายถงึ ฤดใู บไมผ้ ลิ ฟ้าคา่ รนฝนฟู เสยี งซซู่ ู่สาดเซน็ กระสนิ ธ์ุ หมายถงึ แม่นา่้ เทวญั หมายถึง เทวดา ลอยล่องละอองอาบ กระสนิ ธุ์ซาบทรวง เยน็ เคยรา่ ระบา่ เบน ลอ่ เล่นกบั เทวญั นางมณีเมขลาเป็นเทพธิดาท่ีคอยปกปักรักษามหาสมุทรคอย ช่วยเหลือคนดี ในช่วงฤดูฝนท่ีมีฝนตก ละอองฝนให้ความชุ่มชื้น สบายใจ นางมณีเมขลาและเหลา่ เทวดากม็ ีการระบา่ ร่าเลน่ กนั

เน้ือเรอื่ ง(ต่อ) ชแู กว้ แววสวา่ ง รา่ ด้วยนางสาวสวรรค์ ลอ่ เลี้ยวเกี่ยวพัน พวกเทวัญกัน้ กาง คาศพั ท์ ฉวยฉุดยุดหยอก สพั ยอกเย้านาง สัพยอก หมายถงึ หยอกเยา้ เนตร หมายถงึ ดวงตา โยนแกว้ แววสวา่ ง ให้เนตรพรา่ งพรายเอย ขณะที่ระบ่ากันเหล่าเทพธิดาและเทวดาก็มีการหยอกเย้า หยอกล้อกัน นางมณีเมขลาก็ถือดวงแก้วมณีท่ีส่องแสงสว่างแวว วับเขา้ ไปในดวงตาใหเ้ หล่าเทวดาและเทพธดิ าชม

เนื้อเรอ่ื ง(ต่อ) เหเ่ อยเห่นาม เทพรามสรู มาร มีมือถอื ขวาน อยวู่ มิ านมณนี ิล หนา้ เขยี วเขียวงอก สีเหมือนดอกอินทนิล คาศัพท์ เมืองสวรรค์ชน้ั อินทร์ เกรงส้ินทกุ เทวา พระเมรุ หมายถึง เขาพระสุเมรุ สรุ างค์ หมายถึง ผมู้ ีรา่ งเป็นทิพย์ เล้ยี วรอบขอบพระเมรุ ตรวจตระเวนหา เห็นนางเอกเมขลา โยนจินดาดงั เปลวเพลิง กบั สรุ างค์นางสวรรค์ ฝงู เทวัญบนั เทงิ จบั ระบ่าทา่ เชงิ ร่ืนระเริงบนั เทงิ ใจ กล่าวถงึ ยักษน์ ามว่ารามสรู อาศยั อยทู่ ีว่ มิ านมณนี ลิ เปน็ ยกั ษ์ที่มีตวั สีเขยี ว มเี ข้ยี วงอก อีกท้ังยังมีอาวุธ คูก่ ายคือขวานวิเศษ ด้วยความท่รี ามสรู มฤี ทธมิ์ ากเทวดาทั้งหลายต่างก็เกรงกลัว รามสูรลอยไปมาตาม เขาเพ่อื หาตัวนางเมขลาเพ่อื หวังจะไดด้ วงแก้วมณีและตัวนางเมขลา จงึ ได้ไปเห็นนางเมขลาท่ีก่าลังโยน ดวงแกว้ แก้วมณีไปมาและก่าลงั เลน่ สนุกกับเหลา่ เทวดา

เนอื้ เรอ่ื ง(ตอ่ ) เลิศแลว้ แววไว โลดไล่เทวา คิดจะใครไ่ ดแ้ กว้ โทนทับรา่ มะนา แกว่งขวานชาญชยั หลบหน้าหนไี ป ตา่ งวงิ่ ท้ิงกรับ กลัวยกั ษ์นักหนา รามสูรหวังอยากจะได้ดวงแก้วมณีท่ีสว่างไสวนั้นจึงแกว่ง ขวานออกไปเพื่อขับไล่เหล่าเทพธิดาและเทวดา เหล่าเทวดา ตา่ งก็เกรงกลวั รามสูรจงึ รีบหลบหายหนไี ปจากการระบ่าร่าเลน่

เนอื้ เร่ือง(ตอ่ ) เมขลากล้าแกล้ว ลอ่ แกว้ แววไว คาศัพท์ กริ้ว หมายถึง โกรธ โยนสว่างเหมือนอยา่ งไฟ ปลาบนยั น์เนตรขนุ มาร โลกา หมายถึง โลก หน้ามืดฮืดฮาด กรว้ิ กราดโกรธทะยาน แคน้ นางขวา้ งขวาน เปรี้ยงสะท้านโลกา ฤทธแ์ิ กว้ แคลว้ คลาด ยง่ิ กริว้ กราดโกรธา โลดไลไ่ ขว่ควา้ เมขลาล่อเวียน นางเมขลาไมไ่ ด้เกรงกลวั ต่อรามสรู เพราะเห็นว่ามารตนนเ้ี ป็นยักษ์เลวท่ีคอยระรานเทวดา ไปท่ัว จึงคิดจะย่ัวโทสะจอมมารรามสูรโดยการลอยไปบนฟ้าพร้อมแกว่งดวงแก้วมณีไปมา เพ่อื ลอ่ รามสรู รามสรู เห็นดงั น้นั ก็หนา้ มดื ตามัวโกรธนางเมขลา จงึ ไล่ขว้างขวานใสน่ างเมขลา หลายครั้งแต่ก็ไม่โดนนางสักทีเป็นเพราะอ่านาจของดวงแก้วท่ีช่วยให้นางรอดจากขวานของ รามสรู ไดท้ กุ ครง้ั เมื่อขวานพลาดไมโ่ ดนจึงท่าใหเ้ กิดเสียงกกึ กอ้ งกมั ปนาท

เน้อื เรอ่ื ง(ต่อ) ยกั ษโ์ ถมโจมโจน นางกโ็ ยนวเิ ชยี ร หลกี ลัดฉวดั เฉวียน ลอ่ เวียนวงวน คาศัพท์ สากล หมายถึง ทั่วไป ท้งั หมด เปร้ยี งเปรี้ยงเสยี งขวาน กอ้ งสะทา้ นสากล ไลน่ างกลางฝน มืดมนในเมฆา นวลนางนน้ั ชา่ งลอ่ รงั้ รอร่อนรา จะเวียนไวไปมา ในจกั รราศีเอย เมื่อขว้างขวานไม่โดนสักที รามสูรก็กระหน่าขว้างขวานไล่นาง เมขลาไปดว้ ยความโกรธเรื่อย ๆ ท้ามกลางฟ้าฝน ท่าใหเ้ กดิ เสียงก้อง สะท้านไปท่ัว นางเมขลาก็ล่อรามสูรให้โมโห ท่าทีท่าเหมือนจะให้ ดวงแก้วมณี แต่พอรามสูรเข้าใกลก้ ็ลอยหนี เป็นอยา่ งน้ซี า่้ ไปซา่้ มา

สรปุ เนื้อเร่อื ง บทเห่เรื่องจับระบ่า ได้เค้าเรื่องจากต่านานการเกิดฟ้า แลบ ฟ้าร้อง เป็นเรื่องของนางเมขลาผู้เป็นเทพธิดารักษามหาสมุทร ถือแก้วมณี ร่ายร่ากับเหล่าเทวาและนางฟ้าอย่างสนุกสนาน ยักษ์ รามสูรผู้มีฤทธ์ิและ มีขวานเป็นอาวุธผ่านมา ปรารถนาจะได้ดวงแก้ว วิเศษ จึงพยายามไล่ แย่งชิง นางเมขลาชูแก้วมณีหลอกล่อท่าให้เกิด แสงแปลบปลาบเป็นท่ีมา ของฟ้าแลบ ฝ่ายรามสูรโกรธจึงขว้างขวาน ใส่นาง เกิดเสียงกึกก้องเป็น ที่มาของเสียงฟ้าร้อง แต่ด้วยอ่านาจดวง แกว้ ที่คมุ้ ครองบันดาลให้ขวาน พลาดเปา้ หมายไปทกุ

สรปุ ความรู้ ๑. ตานานเมขลากับรามสูรเป็นวิธี ๒. จากนิสัยของเมขลาและรามสูร อธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ สะท้อนให้เห็นว่าต่างคนต่างมีข้อดี ของคนสมัยโบราณโดยเช่ือมโยง และข้อเสีย เราจึงควรนาส่วนดีมา เกีย่ วกับความเชอ่ื ของคนไทย เปน็ แบบอยา่ ง









































จบแลว้ คะ่ CREDITS: This presentation template was created by Slidesgo, including icons by Flaticon, and infographics & images by Freepik


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook