แบบสรุปการดำเนินงาน Model Teacher อารีย์

แบบสรุปการดำเนนิ งาน Model Teacher โครงการ ส่งเสรมิ โรงเรียนคณุ ภาพของชุมชนด้วยนวตั กรรม SLC (School as Learning Community) เพ่ือพฒั นาสมรรถนะพลเมืองรนุ่ ใหม่ ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศกึ ษา 2564 ช่อื – สกลุ นางสาวอารีย์ ทศิ กระโทก ตำแหน่ง ครู โรงเรียน บา้ นละกอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2 หนา้ ทปี่ ฏิบัตกิ ารสอนทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย สอนกลุ่มการศกึ ษาปฐมวัย รายละเอยี ดการดำเนนิ งานตามกิจกรรม Lesson Study (PLAN DO SEE) ปฏิทนิ การดำเนินงาน ท่ี วัน วนั ท่ี คาบ เวลา กจิ กรรม 1 จันทร์ ๑ พ.ย. 64 1 0๙.๓0 – ๑๐.๓0 น. จัดตง้ั ทีมชุมชนแหง่ การเรียนรู้ 2 จันทร์ ๑ พ.ย. 64 1 ๑๐.๓0 – ๑๑.๓0 น. ประชุมค้นหาปญั หา หาสาเหตุ และแนวทางการแก้ปัญหาของ นกั เรยี น 3 องั คาร ๙ พ.ย. 64 ๒ ๑๖.๓0 – ๑๘.๓0 น. รว่ มออกแบบกจิ กรรมการเรียนรวู้ งรอบที่ 1 4 ศกุ ร์ ๒๖ ม.ิ ย. 64 1 ๑๘.๓0 – ๑๙.๓0 น. ร่วมออกแบบและสะท้อนส่อื /การวดั ผลและการประเมนิ ผล/ แบบฝึก/ใบงาน วงรอบที่ 1 5 พฤหัสบดี ๑6 ธ.ค. 64 1 ๐๙.30 – 10.30 น. การปฏบิ ัติการจดั กจิ กรรมเปดิ ช้นั เรยี น วงรอบท่ี 1 6 พฤหสั บดี ๑6 ธ.ค. 64 1 1๑.30 – 1๒.30 น. รว่ มสะทอ้ นคิดหลงั เปิดช้นั เรยี นวงรอบที่ 1 ๗ ศกุ ร์ ๑0 ธ.ค. 64 ๒ ๑๘.๓0 – ๑๙.๓0 น. ร่วมออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้วงรอบที่ 2 ๘ องั คาร ๑๔ ธ.ค.. 64 1 ๑๑.๐0 – 1๒.๐0 น. ร่วมออกแบบและสะทอ้ นสื่อ/การวัดผลและการประเมินผล/ แบบฝกึ /ใบงาน วงรอบท่ี 2 ๙ ศุกร์ 28 ม.ค.. 65 1 09.30 – ๑0.๓0 น. การปฏิบตั ิกจิ กรรมเปดิ ชัน้ เรียนวงรอบที่ 2 ๑๐ ศุกร์ 28 ม.ค.. 65 1 ๑0.30 – ๑1.๓0 น. รว่ มสะท้อนคดิ หลังเปดิ ชั้นเรยี นวงรอบที่ 2 ๑๑ จันทร์ ๒0 ธ.ค. 65 ๒ ๑๘.๓0 – ๑๙.๓0 น. ร่วมออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรวู้ งรอบท่ี ๓ ๑๒ พุธ ๒๒ ธ.ค.. 64 1 ๑๕.๓0 – 1๖.๓0 น. ร่วมออกแบบและสะทอ้ นส่อื /การวดั ผลและการประเมนิ ผล/ แบบฝึก/ใบงาน วงรอบที่ ๓ ๑๓ อังคาร 11 ก.พ. 65 1 09.30 – ๑0.๓0 น. การปฏิบัตกิ จิ กรรมเปดิ ช้นั เรียนวงรอบท่ี ๓ ๑๔ องั คาร 11 ก.พ. 65 1 ๑๔.๓0 – ๑๕.๓0 น. รว่ มสะทอ้ นคดิ หลงั เปิดชัน้ เรยี นวงรอบที่ ๓

แผนการจดั ประสบการณร์ ะดบั ปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีท่ี 2(แผนวงรอบท่ี 1) แผนการจัดประสบการณท์ ี่ 1 เรอื่ ง ตัวเลข 1-10 หน่วยการเรยี นรู้ที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ ตัวเรา สาระการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรือ่ งสื่งต่างๆรอบตัวเดก็ วันท่ี 1 (กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์) เรอ่ื งสนกุ กับตัวเลข เวลา (45 นาท)ี ประเดน็ ทา้ ทาย การแก้ปัญหาเด็กขาดสมาธิในการเรยี น มฐ 1 ตบช. 1.2 การใชก้ ลา้ มเนือ้ มัดเลก็ มฐ 4 ตบช. 4.1 สนใจมีความสุข และแสดงออกผ่าน งานศิลปะ ดนตรี และการเคล่ือนไหว มฐ 9 ตบช. 9.1 สนทนาโต้ตอบและเล่าเรอ่ื งให้ผอู้ ื่นเขา้ ใจ มฐ 10 ตบช. 10.1 มคี วามสารถในการคดิ รวบยอด มฐ 10 ตบช. 10.2 มี ความสามารถในการ คิดเชงิ เหตุผล มฐ. 11 ตบช. 11.1 ทำงานศลิ ปะตามจินตนาการและความคดิ สร้างสรรค์ 1. สาระสำคัญ 1. นบั และแสดงจำนวน 1-8 2. เปรียบเทยี บจำนวนของสิง่ ต่างๆ เชน่ เทา่ กนั หรือไม่เท่ากัน มากกวา่ หรือน้อยกว่า 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1. เพือ่ ให้เด็กนับและแสดงจำนวน 1-8 ได้ 2.2. เพ่ือใหเ้ ด็กสามารถจำแนกเปรยี บเทียบจำนวนของสงิ่ ต่างๆ เชน่ เท่ากันหรือไมเ่ ทา่ กัน มากกวา่ หรอื นอ้ ยกว่า ได้ 2.3 เพ่ือใหเ้ ดก็ มคี วามเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น 2.4 เพ่อื ใหเ้ ด็กสามารถแสดงออกความคดิ เห็น 2.5 เพ่ือให้เด็กสามารถปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงได้ 3. สาระการเรียนรู้ 4. ประสบการณส์ ำคัญ การนับตวั เลข คือ เครอื่ งหมาย หรือสัญลกั ษณทใ่ี ช้บอกจำนวนส่ิงของในหมู่ตา่ งๆ โดยอาจใชต้ ัวเลขอารบกิ 1-2-3-4-5 หรือตวั เลขไทย ๑-๒-๓-๔-๕ เป็นจำนวนนบั ท่เี พมิ่ ขึน้ ทีละหนึง่ ตามลำดบั สามารถเขียนแทนตัวเลข ฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทยและตัวหนังสือ 5. สมรรถนะของเด็กปฐมวัย 5.1 ความสามารถในการเคล่ือนไหว -การใช้กล้ามเน้ือมัดเล็ก-มัดใหญ่ 5.2 พัฒนาการด้านสงั คม -มปี ฏสิ ัมพันธ์กับเพือ่ น 5.3 พัฒนาการด้านอารมณ์ -มคี วามเชื่อม่นั ในความสารถ

5.4 พฒั นาการดา้ นการคิดและสติปัญญา -ความจำ -พัฒนาการความคดิ -มีเหตุผล -ความตัง้ ใจจดจอ่ 5.5 พฒั นาการดา้ นภาษา -การสอ่ื ความหมาย 5.6 พฒั นาการดา้ นการสรา้ งสรรค์ -ทศั นศลิ ป(์ ป้ันดินน้ำมัน) 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 6.1 ใชม้ อื - ตาประสานสัมพันธก์ นั 6.2 มคี วามร้สู ึกท่ดี ตี ่อตนเองและผอู้ ื่น 6.3 มีความรับผิดชอบ 6.4 มีปฏสิ มั พันธต์ อ่ คนอื่น 6.5 มีความสารถในการคิดท่เี ปน็ พน้ื ฐานในการเรยี นรู้ 6.6 มคี วามสารถในการแสวงหาความรู้ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ที่ 1 การเรียนรู้ตงั้ คำถาม (Learning to Question) ( 5 นาที) 1. ถ้าครูตง้ั คำถามเด็กคนไหนใหค้ นนน้ั ตอบ โดยตอบทีละคน เพราะทกุ คนตอ้ งไดต้ อบคำถามจากครู 2. เด็กๆทุกคนสามารถตอบคำถามจากตามความคดิ ของตนเองโดยไม่ตอ้ งกังวลคำตอบจะถูกหรือผิด 3. ครูอนญุ าตใหเ้ ด็กๆพดู ภาษาถิน่ ไดแ้ ล้วครูจะช่วยเปลีย่ นคำพูดเด็กเปน็ ภาษาทางการ และใหเ้ ด็ก พูดคำตอบที่เป็นทางการตามครอู กี คร้ัง 4. เมื่อตอบคำถามไม่ว่าจะถูกหรอื ผดิ ให้เดก็ ๆแค่รบั ฟงั คำตอบ และไม่หัวเราะเพอ่ื น 5 ให้เด็กดวู ีดโี อพร้อมแสดงท่าทางประกอบ เพลง “ลูกเป็ด 10 ตวั ” ครตู ง้ั คำถามใหเ้ ด็กชว่ ยกนั ตอบ เช่น คำถาม ”เด็กๆรจู้ ักตัวเลขอะไรบา้ ง” (สุ่มถามเด็กประมาณ 10 คน) คำตอบ “(1 2 3 4 5 6 7 8)’’ คำถาม ”เด็กๆชอบตวั เลขอะไรบา้ ง” (สุ่มถามเด็กประมาณ 10 คน) คำตอบ “(1 2 3 4 5 6 7 8)’’ คำถาม ”เดก็ ๆคดิ ว่า ตัวเลขมีกี่แบบ” (สุ่มถามเด็กประมาณ 10 คน) คำตอบ “(อารบิก ไทย)’’ ข้นั ที่ 2 การเรยี นรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) (10 นาท)ี 1. เด็กและครสู นทนา ร่วมกันเก่ียวกบั ตวั เลขตา่ ง ๆ โดยครูนำบตั รภาพตวั เลข ไทย และอารบิก มาใหเ้ ดก็ ได้สังเกต และอธบิ ายให้เด็กฟังว่า ตัวเลขแต่ละแบบก็มีคุณลักษณะท่แี ตกต่างกัน -( ตวั เลขไทย อารบิก)ท่ีเด็กๆเหน็ แตล่ ะแบบมลี ักษณะอยา่ งไร(สมุ่ ถามเดก็ ประมาณ 5 คน) คำตอบ ตัวเลขไทย เขยี นโค้งงอ ตวั เลขอารบิก เป็นเหลยี่ ม

2. (ครูเตรียมกล่องใส่ ดินสอ ลูกบอล กรรไกร ดินน้ำมัน ตุ๊กตา)เด็กและครู สนทนาเรื่อง ตัวเลข และ การนับจำนวนโดยให้เด็กๆนบั จำนวน1-8 พรอ้ มชูนว้ิ แสดงจำนวน ครหู ยบิ สงิ่ ของออกมาจาก กลอ่ งมา ตามจำนวน 1 2 3 4 5 6 7 8) (ส่มุ ถามเด็กประมาณ 10 คน) คำถาม “เด็กคิดว่าสิ่งของในมอื คุณครูคืออะไรและมีจำนวนเท่าไร” คำตอบ “ มี ดินสอ ลูกบอล กรรไกร ดนิ น้ำมนั ตุ๊กตา จำนวน 1 2 3 4 5 6 7 8’’ ขนั้ ที่ 3 การเรียนรเู้ พอื่ สร้างองคค์ วามรู้ (Learning to Construct) (15 นาที) 1. เดก็ และครรู ่วมกนั แบ่งกลุ่มเด็ก เป็น 8 กลุม่ ๆละ 3 – 4 คน (โดยใชว้ ธิ ีเขา้ แถวการนบั จำนวน1-8) 2. แต่ละกลุ่มส่งตัวแทน ออกมาสุ่มหยิบตัวเลขในกล่องแลว้ ให้เดก็ ๆสงั เกต รว่ มกันแสดงความ คิดเหน็ เกี่ยวกบั ตวั เลขที่ได้ไปวา่ คอื ตัวเลขอะไร มีลักษณะคลา้ ยอะไร และมคี ่าจำนวนเทา่ กับสิ่งของกชี่ ้นิ 3. ครูแจกกระดานป้นั พร้อมกบั ดินน้ำมนั ให้เดก็ ทุกคนปั้นดินน้ำมันเปน็ ตัวเลขตามที่ตวั แทน กลุ่มหยบิ ได้ และปั้นตามจนิ ตนาการให้เท่าจำนวนตวั เลขนัน้ 4. เด็กในกล่มุ ร่วมกนั สรปุ ความคดิ เหน็ และลักษณะ และจำนวน ตามตัวเลขทก่ี ล่มุ ได้ - ขั้นที่ 4 การเรียนรเู้ พ่อื การส่อื สาร (Learning to Communicate) (10 นาท)ี (เด็กแต่ละกลุ่ม กล่มุ ละ 3 – 4 คน) 1. แต่ละกลุ่มออกมาแสดงผลงาน และบอกได้ว่าคือเลขอะไร พร้อมแสดงงานปัน้ แทนจำนวน ของตวั เลขได้ 2. เพอ่ื นในห้องรว่ มซกั ถาม และแสดงความคิดเห็น พรอ้ มชว่ ยกนั เปรยี บเทียบจำนวน มากว่า น้อยกวา่ ระหว่างกล่มุ ครแู จกรางวัล เด็กทร่ี ว่ มแสดงความคิดเหน็ (หมวกคาดรูปเปด็ ) ขน้ั ที่ 5 การเรยี นรเู้ พ่อื ตอบแทนสงั คม ((Learning to Service) (5 นาท)ี ให้เด็กท่ีได้รับรางวัล(หมวกคาดรูปเปด็ )ออกมาเต้นประกอบเพลง ลกู เป็ด 10 ตวั ตาม จินตนาการ และนำผลงานการปนั้ มาจัดแสดง หน้าห้องเรยี น เพ่ือให้ตนเองและเพอื่ น รวมถงึ ผู้ปกครองชน่ื ชมผลงาน 8. สื่อการเรยี น / แหล่งการเรยี นรู้ 8.1. เพลง ลกู เปด็ 1 ตวั 8.2. กล่องและวสั ดุอปุ กรณ์(ดินสอ ลกู บอล กรรไกร ดนิ น้ำมนั ตกุ๊ ตา) 8. 3. บัตรภาพตวั เลข 8.4. ดนิ นำ้ มนั 8.5. หมวกคาดรูปเป็ดมหี มายเลข 1-10 9. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ สังเกต 9.1. การบอกตัวเลข 1-8

9.2. การเปรียบเทียบจำนวนมากกวา่ น้อยกวา่ 9.3. ผลงาน(กระดานปน้ั ) 10. เครื่องมอื วดั ผล 10.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมเดก็ 10.2 ผลงาน 11. เกณฑ์การวดั ผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรงุ กจิ กรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… (ลงชอื่ ) ผูส้ อน (นางสาวอารีย์ ทิศกระโทก) ตำแหนง่ ครู วนั ที่ …….. เดือน ……………………. พ.ศ. ………….

ข้อเสนอแนะของวชิ าการ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชอ่ื __________________ฝา่ ยวิชาการ (นางสาวจิราพร ปญั ญารตั นานนท)์ _____/_____/_____ ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนของ นางชุติกาญจน์ น้อมสำโรง แล้ว มคี วามคดิ เหน็ ดงั น้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้ 2. การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนสาระภาษาไทย มาจัดกิจกรรมโดย  เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั และจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนได้อย่างเหมาะสมดมี าก  เน้นผ้เู รยี นเป็นสำคัญ และจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสมดี  ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ 3. เป็นแผนการจัดการเรียนที่  นำไปใช้ได้จรงิ  ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้ ลงชอ่ื ว่าท่ี ร.ต. __________________ผู้บริหารสถานศึกษา (สญั ญา เขียวปาน) _____/_____/_____



ภาพถ่ายบรรยากาศการเปิดชนั้ เรยี นวงรอบท่ี 1

แผนการจดั ประสบการณร์ ะดับปฐมวัย ช้ันอนุบาลปีท่ี 2(วงรอบที่ 2) แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 4 เร่ือง ขนาดและรปู ทรง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ตัวเรา สาระการเรียนรู้ที่ 1 เร่ืองสิ่งต่าง ๆรอบตัวเด็ก วันที่ 1 (กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์) เรื่องขนาดและรปู ทรง เวลา (45 นาที) ประเด็นทา้ ทาย การแก้ปัญหาเดก็ ขาดสมาธใิ นการเรียน มฐ 1 ตบช. 1.2 การใช้กล้ามเนอ้ื มัดเลก็ มฐ 4 ตบช. 4.1 สนใจมคี วามสุข และแสดงออกผา่ น งานศิลปะ ดนตรี และการเคล่อื นไหว มฐ 9 ตบช. 9.1 สนทนาโต้ตอบและเล่าเรือ่ งให้ผอู้ ่นื เขา้ ใจ มฐ 10 ตบช. 10.1 มีความสารถในการคดิ รวบยอด มฐ 10 ตบช. 10.2 มี ความสามารถในการ คิดเชงิ เหตผุ ล มฐ. 11 ตบช. 11.1 ทำงานศิลปะตามจนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ 1. สาระสำคัญ 1.1 รูปทรงสเี่ หล่ยี ม รปู ทรงสามเหล่ียม และรปู ทรงกลมที่มีอยูร่ อบตัวเรา 1.2 จำแนกรูปทรงและวสั ดทุ รงกลม ทรงส่ีเหลี่ยม และรูปทรงสามเหลยี่ ม 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1. เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถอธบิ ายรปู ทรงสเี่ หล่ียม และทรงกลมท่มี ีอยู่รอบตัวเรา ได้ 2.2. เพ่ือใหเ้ ด็กสามารถจำแนกวสั ดุทรงกลม ทรงสี่เหลีย่ มและรูปวงกลม รปู สีเ่ หลยี่ มได้ 2.3 เพ่อื ใหเ้ ด็กมีสมาธใิ นการเรยี นรู้โดยใชก้ จิ กรรมศลิ ปะและดนตรี 2.4 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถแสดงออกความคิดเห็น 2.5 เพ่ือให้เด็กสามารถปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงได้ 3. สาระการเรยี นรู้ ทรงสี่เหลยี่ มมอี ย่รู อบตัวเราสามารถพบเหน็ ได้ในชวี ิตประจำวันมดี ้าน 4 ด้าน มีมมุ 4 มมุ เช่น กล่องนม กลอ่ งกระดาษ และไมบ้ ล็อกทรงส่เี หลีย่ มซ่ึงมีขนาดที่แตกตา่ งกนั ทรงสเ่ี หลีย่ มมปี ระโยชน์สามารถนาไปออกแบบ สง่ิ ของเครอื่ งใชต้ ่าง ๆ เช่น ประตู ตู้ กล่องใสข่ อง โทรศพั ท์และสรา้ งของเลน่ ไดเ้ ช่น กลอ่ งจบั คูร่ ปู ทรง บลอ็ กชนดิ ตา่ ง ๆ 4. สมรรถนะของเดก็ ปฐมวัย 4.1 ความสามารถในการเคลื่อนไหว -การใชก้ ล้ามเนื้อมัดเล็ก-มดั ใหญ่ 4.2 พฒั นาการดา้ นสังคม -มีปฏิสัมพันธก์ บั เพือ่ น 4.3 พัฒนาการด้านอารมณ์ -มคี วามเชือ่ ม่ันในความสารถ

4.4 พัฒนาการดา้ นการคิดและสตปิ ัญญา -ความจำ -พัฒนาการความคิด -มีเหตผุ ล -ความตงั้ ใจจดจอ่ 4.5 พฒั นาการด้านภาษา -การสื่อความหมาย 4.6 พฒั นาการด้านการสร้างสรรค์ -ทศั นศลิ ป์(ป้นั ดินน้ำมนั ) 5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.1 ใช้มอื - ตาประสานสัมพันธ์กนั 5.2 มีความรู้สึกทด่ี ีต่อตนเองและผู้อ่นื 5.3 มีความรบั ผดิ ชอบ 5.4 มปี ฏสิ มั พนั ธ์ต่อคนอน่ื 5.5 มคี วามสารถในการคิดทีเ่ ปน็ พน้ื ฐานในการเรยี นรู้ 5.6 มคี วามสารถในการแสวงหาความรู้ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ ท่ี 1 การเรยี นร้ตู งั้ คำถาม (Learning to Question) ( 5 นาที) เด็กน่ังเป็นกลุ่ม 6 กล่มุ ๆ ละ 4 คน (โดยใช้วธิ ีคละเดก็ เก่ง ปานกลาง อ่อน) มีปา้ ยช่อื แต่ละกล่มุ (ในสถานการณโ์ รคระบาดไวรสั โคโรนา่ ปรับเปลยี่ นใหเ้ ด็ก ๆรักษาระยะห่าง ใหน้ ่ังตามจดุ ของตัวเอง) 1. ครูและเดก็ ๆ ร่วมกำหนดข้อตกลงในการตอบคำถาม ดังน้ี 1.1 ยกมือตอบคำถามทีละคน (โดยครจู ะเรยี กผู้ท่ยี กมือก่อน) 1.2 ไม่ต้องกงั วลคำตอบจะถูกหรอื ผิด 1.3 เดก็ ๆ สามารถพูดภาษาถ่ินได้ (ครจู ะช่วยเปลยี่ นคำพูดเด็กเปน็ ภาษาทางการ) 1.4. เมอ่ื เพ่อื นตอบคำถามไมว่ า่ จะถูกหรือผดิ ให้เด็ก ๆ ชน่ื ชม และไม่หวั เราะเยาะเพ่ือน (แต่ละขอ้ ตกลง ใหเ้ ด็กพูดซำ้ คณุ ครทู ุกข้อ) 2. เด็กฟงั นิทาน เรอื่ ง “รูปทรง.....เจา้ ปัญหา” 3. เดก็ ตอบคำถาม เก่ียวกับนทิ าน เร่ือง รปู ทรง อยู่ไหน เช่น 3.1 คำถาม ”เด็ก ๆ เหน็ รปู ทรงอะไรบา้ ง” (ถามเด็กประมาณ 10 คน) คำตอบ “(รปู ทรง สเี หลี่ยม ทรงกลม สามเหลยี่ ม)’’ 3.2 คำถาม ”เด็ก ๆ ชอบรปู ทรงอะไรบ้าง” (ถามเด็กประมาณ 10 คน) คำตอบ “(รูปทรง สีเหลี่ยม ทรงกลม สามเหลยี่ ม)’’ 3.3 คำถาม ”เด็ก ๆคิดว่า รูปทรงมีกี่อย่าง” (สมุ่ ถามเด็กประมาณ 10 คน) คำตอบ “(ทรงส่เี หล่ยี ม ทรงกลม ทรงกรวย)’’ (ในการตอบคำถามคุณครูย้ำใหเ้ ดก็ ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง ทั้ง 4 ขอ้ ข้างตน้ และเสริมแรงนักเรียนตลอด) ขน้ั ที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) (10 นาที) 4. เด็กและครสู นทนา รว่ มกันเกีย่ วกับรูปทรงต่าง ๆ โดยครนู ำบตั รภาพรปู ทรงสีเหลีย่ ม ทรงกลม

มาใหเ้ ดก็ ไดส้ ังเกต และอธบิ ายใหเ้ ด็กฟังว่า ดงั น้ี 4.1 รูปทรง (ส่เี หล่ยี ม, สามเหลยี่ มและทรงกลม) มลี กั ษณะอยา่ งไร? (ถามเด็กประมาณ 5 คน) แนวคำตอบ กล่องสีเป็นเหลย่ี ม ลกู บอลเปน็ ทรงกลม 4.2 รปู ทรง (ส่เี หลีย่ ม,สามเหลี่ยม , ทรงกลม) มีลักษณะทแี่ ตกตา่ งกันอย่างไร? (ถามเดก็ ประมาณ 5 คน) แนวคำตอบ สีเ่ หลยี่ มเป็นกล่องส่ีเหลยี่ ม แต่ ทรงกลม เปน็ ลกั ษณะไมม่ เี หล่ียม 5. ครูเตรียมลกู ปิงปอง ลูกบอล กลอ่ งสี กล่องยาสฟี ัน ไวห้ นา้ หอ้ ง 6. เด็กและครู สนทนาเรื่องรูปทรงโดยให้เด็ก ๆ ดู วสั ดทุ ค่ี รูหยบิ สิง่ ของออกมาจากกลอ่ งมา) (ถาม เดก็ ประมาณ 10 คน) - คำถาม “เด็กคิดว่าสิง่ ของในมอื คณุ ครูคืออะไรและมีลักษณะรปู ทรงอะไร” - คำตอบ “ มี กล่องสี กล่องยาสฟี ัน ลูกบอล ลกู แก้ว ลกู เทนนสิ ขน้ั ท่ี 3 การเรียนรูเ้ พอื่ สร้างองคค์ วามรู้ (Learning to Construct) (15 นาที) 7. อาสาสมัคร ออกมารบั ใบงานไปแจกเพ่ือน ๆ 8. ครอู ธิบายรายละเอยี ดและวิธีการ ข้นั ตอนในการทำงาน 8.1 อุปกรณ์ชน้ิ นี้ คืออะไร (กระดาษใบงาน, สีไม้) 8.2 ใหัเดก็ ๆสงั เกตภาพตน้ แบบ(ด้ายซ้ายมือ) วา่ ตรงกบั ภาพรูปทรงใด(ทางขวามือ) แลว้ ให้เลือกระบายภาพรปู ทรงทมี่ ีลกั ษณะเหมือนกนั ใหถ้ กู ต้อง 9. เด็ก ๆ แต่ละคนลงมือทำใบงาน (ครูคอยสงั เกต ช่วยเหลือ ให้คำปรึกษานักเรยี น และเสริมแรงตลอดเวลา) ขั้นท่ี 4 การเรยี นรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) (10 นาท)ี 10. เด็ก ๆ นำเสนอผลงานท่นี ง่ั ของตนเอง (ตวั แทนยืนข้นึ พร้อมผลงาน) และนำเสนอผลงานตนเอง ข้ันที่ 5 การเรยี นร้เู พ่อื ตอบแทนสงั คม ((Learning to Service) (5 นาที) 11. เด็กนำใบงานรปู ทรงของแต่ละคน มาจดั แสดง หน้าห้องเรยี น 12. ครูนำนกั เรยี นทบทวนรปู ทรง (สเี่ หลี่ยม ,สามเหล่ียมและ ทรงกลม) ผลงานแต่ละชิน้ และ เปรียบเทยี บ ความแตกต่าง 13. ผลงานของเดก็ ทน่ี ำมาแสดงสามารถทำให้ตนเองและเพื่อน รวมถึงผ้ปู กครองมีความภาคภูมิใจ 7. ส่ือการเรยี น / แหล่งการเรียนรู้ 7.1 วสั ดุทรงกลม ประกอบดว้ ย - ลูกปงิ ปอง - ลูกแกว้ - ลกู เทนนิส 7.2 วัสดุทรงสี่เหลย่ี ม ประกอบดว้ ย - กล่องนม - กล่องดนิ สอ - กล่องยาสฟี นั 7.3 ภาพวงกลมสีและภาพสเี่ หลีย่ มสี อยา่ งละ 3 ภาพ

8. การประเมินผลการเรยี นรู้ สังเกต 8.1 การอธิบายรูปทรงวงกลมและรูปทรงสเ่ี หล่ยี ม 8.2 การจำแนกรูปทรงวงกลมและรูปทรงสเ่ี หลี่ยม 8.3 ผลงาน (กระดานปน้ั ) 9. เครือ่ งมือวดั ผล 9.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมเด็ก 9.2 ผลงาน 10. เกณฑ์การวัดผลและประเมนิ ผล ระดับ 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรบั ปรุง 11. เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล ดี ระดับ 3 พอใช้ ระดับ 2 ปรบั ปรุง ระดับ 1 ขอ้ เสนอแนะของวิชาการ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงช่อื __________________ฝ่ายวิชาการ (นางสาวจริ าพร ปญั ญารตั นานนท์) _____/_____/_____ ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา

ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรยี นของ นางชุติกาญจน์ น้อมสำโรง แล้ว มคี วามคดิ เห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้ 2. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสาระภาษาไทย มาจัดกจิ กรรมโดย  เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ และจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสมดมี าก  เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั และจดั กิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสมดี  ยงั ไมเ่ น้นผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญ 3. เป็นแผนการจัดการเรียนท่ี  นำไปใช้ได้จรงิ  ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้ ลงชื่อ วา่ ที่ ร.ต. __________________ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา (สญั ญา เขียวปาน) _____/_____/_____



ภาพถ่ายการวพิ ากษแ์ ผน

ภาพถา่ ยการสะท้อนแผนวงรอบท่ี 2

แผนการจัดประสบการณ์ระดับปฐมวัย ช้ันอนบุ าลปีที่ 2(วงรอบท่ี 3) แผนการจดั ประสบการณท์ ่ี 4 เรอ่ื ง โลกสวยด้วยสีสัน หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 30 ช่ือหน่วยการเรียนรู้ ตวั เรา สาระการเรียนร้ทู ี่ 1 เรื่องสิ่งต่าง ๆรอบตัวเดก็ วนั ที่ 1 (กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์) เร่ือง แมส่ ี และการผสมสี เวลา (45 นาที) ประเด็นทา้ ทาย การแกป้ ญั หาเด็กขาดสมาธิในการเรียน มฐ 1 ตบช. 1.2 การใช้กลา้ มเนอ้ื มัดเล็ก มฐ 4 ตบช. 4.1 สนใจมีความสขุ และแสดงออกผ่าน งานศลิ ปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว มฐ 9 ตบช. 9.1 สนทนาโต้ตอบและเลา่ เรื่องใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจ มฐ 10 ตบช. 10.1 มีความสารถในการคิดรวบยอด มฐ 10 ตบช. 10.2 มี ความสามารถในการ คดิ เชิงเหตผุ ล มฐ. 11 ตบช. 11.1 ทำงานศลิ ปะตามจินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ 1. สาระสำคญั 1.1 การสังเกตลกั ษณะ สว่ นประกอบ การเปล่ียนแปลง ความสัมพันธ์ของสิง่ ต่าง ๆโดยใช้ประสาทสัมผสั อย่างเหมาะสม 1.2 การคาดเดา หรือคาดคะเนสิ่งที่อาจจะเกิดขนึ้ และการมีส่วนร่วมในการลงความเหน็ จากข้อมลู อยา่ งมี เหตผุ ล 1.3 การสืบเสาะเพ่ือหาความรเู้ พ่อื ค้นหาคำตอบของขอ้ สงสยั ตา่ ง ๆ 1.4 การมสี ่วนรว่ มในการรวบรวมขอ้ มูลจากการสืบเสาะหาความรู้ ในรปู แบบตา่ ง ๆแผนภูมอิ ย่างง่าย 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2.1. เดก็ สามารถบอกชอ่ื แม่สีได้ 2.2. เดก็ สามารถบอกสที ีเ่ กดิ จากการผสมของแม่สไี ด้ 2.3 เพอื่ ให้เด็กมสี มาธิในการเรยี นรู้โดยใชก้ ิจกรรมศิลปะและดนตรี 2.4 เพอ่ื ให้เด็กสามารถแสดงออกความคิดเหน็ 2.5 เพ่ือให้เด็กสามารถปฏิบตั ติ ามข้อตกลงได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 แมส่ ี คือ สีทีเ่ ม่ือเรานำมาผสมกนั แลว้ เกดิ สใี หม่ขึ้นมา แมส่ ี มีอยู่ 3 สี คือ สแี ดง สเี หลือง และสนี ำ้ เงิน 3.2 สีท่ีเกิดจากการผสมของแมส่ ี - สแี ดง + สเี หลือง = สีส้ม - สเี หลือง + สนี ้ำเงิน = สีเขียว - สีน้ำเงนิ + สีแดง = สีมว่ ง 4. สมรรถนะของเด็กปฐมวัย 4.1 ความสามารถในการเคล่ือนไหว

-การใชก้ ลา้ มเน้ือมดั เล็ก-มดั ใหญ่ 4.2 พฒั นาการดา้ นสังคม -มปี ฏิสมั พนั ธก์ บั เพื่อน 4.3 พฒั นาการดา้ นอารมณ์ -มคี วามเชอื่ มน่ั ในความสารถ 4.4 พัฒนาการดา้ นการคดิ และสติปัญญา -ความจำ -พัฒนาการความคดิ -มีเหตผุ ล -ความตัง้ ใจจดจอ่ 4.5 พัฒนาการด้านภาษา -การสือ่ ความหมาย 4.6 พัฒนาการดา้ นการสร้างสรรค์ -ทัศนศลิ ป์ 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 ใชม้ ือ - ตาประสานสัมพันธก์ ัน 5.2 มีความรู้สกึ ท่ดี ีต่อตนเองและผู้อ่นื 5.3 มคี วามรับผดิ ชอบ 5.4 มีปฏิสมั พันธ์ต่อคนอ่นื 5.5 มคี วามสารถในการคดิ ที่เป็นพ้นื ฐานในการเรยี นรู้ 5.6 มีความสารถในการแสวงหาความรู้ 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 การเรยี นรู้ตัง้ คำถาม (Learning to Question) ( 5 นาที) ให้เด็กน่งั ตามจดุ ท่นี ่ัง เว้นระยะห่าง 1. ครแู ละเดก็ ๆ ร่วมกำหนดข้อตกลงในการตอบคำถาม ดังนี้ 1.1 ยกมือตอบคำถามทีละคน (โดยครูจะเรยี กผทู้ ่ียกมือก่อน) 1.2 ไม่ตอ้ งกงั วลคำตอบจะถูกหรอื ผดิ 1.3 เด็ก ๆ สามารถพดู ภาษาถ่ินได้ (ครจู ะช่วยเปลีย่ นคำพูดเด็กเปน็ ภาษาทางการ) 1.4. เมื่อเพ่ือนตอบคำถามไมว่ ่าจะถูกหรือผิด ให้เดก็ ๆ ช่นื ชม และไม่หัวเราะเยาะเพือ่ น (แต่ละข้อตกลง ให้เดก็ พดู ซำ้ คณุ ครทู ุกข้อ) 2. เด็กท่องคำคล้อง ช่ือเรื่อง “สปั ดาห์ 1 มี 7 วนั ” สัปดาห์ 1 มี 7 วัน คือ หนึ่งวนั อาทติ ย์ สีแดง สองวันจนั ทร์สีเหลอื ง สามสนั องั คาร สีชมพู สี่วนั พุธสเี ขยี ว หา้ วันพฤหัสบดี สสี ้ม หกวันศกุ ร์ สีฟ้า เจด็ วันสาร์ สีม่วง 3. เด็กตอบคำถาม เกีย่ วกบั คำคลอ้ งจอง “สัปดาห์ 1 มี 7 วนั ”

3.1 ในคำคล้องจองมีสีอะไรบา้ ง คำตอบ “สีแดง สเี หลือง สชี มพู สีเขยี ว สีส้ม สีน้ำเงนิ สีมว่ ง” 3.2 เด็กรจู้ ักสอี ะไรบ้าง คำตอบ “สแี ดง สีเหลือง สนี ้ำเงิน” 3.3 เด็ก ๆคิดวา่ สี ผสมกันแลว้ จะเกิดสีอะไร คำตอบ “สแี ดง สเี หลือง สชี มพู สเี ขียว สีสม้ สีนำ้ เงิน สมี ่วง” (ในการตอบคำถามคุณครูยำ้ ให้เดก็ ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง ทัง้ 4 ขอ้ ข้างตน้ และเสรมิ แรงนักเรียน ตลอด) ขน้ั ท่ี 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) (10 นาท)ี ครูเตรียมตะกร้าใส่อปุ กรณ์ 7 กลมุ่ ( สีผสมอาหาร แก้วใส 6 ใบ น้ำเปล่า ใบงานเพื่อบันทึกผลการทดลองการผสม สี) 4. เดก็ และครสู นทนา ร่วมกนั เกี่ยวกบั สีต่าง ๆ โดยครนู ำแม่สี แดง น้ำเงนิ เหลอื ง มาให้เดก็ ไดส้ ังเกต และอธบิ ายให้เด็กฟัง ดงั น้ี 4.1 สแี ต่ละส(ี แดง เหลือง นำ้ เงิน) มีชื่อเรียกว่าสีอะไร? (ถามเด็กประมาณ 5 คน) แนวคำตอบ สีแดง น้ำเงิน เหลือง 4.2 สีแดงนำมาผสมกันกบั เหลือง จะเกดิ สีอะไร ? (ถามเด็กประมาณ 5 คน) แนวคำตอบ สแี ดง สีส้ม สมี ่วง สชี มพู่ 4.3 สแี ดงนำมาผสมกันกับสีน้ำเงิน จะเกิดสีอะไร ? (ถามเด็กประมาณ 5 คน) แนวคำตอบ สีแดง สมี ว่ ง สชี มพู่ 4.4 สเี หลืองนำมาผสมกนั กับสีน้ำเงนิ จะเกดิ สีอะไร ? (ถามเดก็ ประมาณ 5 คน) แนวคำตอบ สีเขียว สฟี ้า ขน้ั ท่ี 3 การเรยี นรู้เพอื่ สร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) (15 นาที) 7. ให้เด็กจดั กล่มุ กลมุ่ ละ 4 คน ตวั แทนกลมุ่ ออกมารับใบงานไปแจกเพอื่ น ๆ 8. ครอู ธิบายรายละเอียดและวธิ ีการ ขนั้ ตอนในการทำงาน 8.1 อุปกรณ์ชิ้นนี้ คืออะไร (กระดาษใบงาน, สีไม้) 8.2 ใหเ้ ดก็ ๆสงั เกตการเปลีย่ นแปลงจากการผสมสี แล้วให้เลือกสีทีเ่ กิดการผสมระบายตรงชอ่ ง ผลท่ีเกดิ ใหถ้ ูกต้อง 9. เด็ก ๆ แต่ละคนลงมือทำใบงาน (ครคู อยสงั เกต ช่วยเหลอื ให้คำปรึกษานักเรียน และเสรมิ แรงตลอดเวลา) ขนั้ ท่ี 4 การเรียนรเู้ พอ่ื การสอื่ สาร (Learning to Communicate) (10 นาท)ี 10. เด็ก ๆ นำเสนอผลงานท่ีนั่งของตนเอง (ตวั แทนยืนขึ้นพร้อมผลงาน) และนำเสนอผลงานตนเอง ข้ันที่ 5 การเรยี นรูเ้ พื่อตอบแทนสงั คม ((Learning to Service) (5 นาที) 11. เด็กนำใบงานท่บี ันทกึ ผลการทดลอง มาจัดแสดง หนา้ ห้องเรียน

12. ผลงานของเด็กทนี่ ำมาแสดงสามารถทำให้ตนเองและเพ่ือน รวมถึงผ้ปู กครองมีความภาคภมู ใิ จ 7. สือ่ การเรยี น / แหล่งการเรียนรู้ 7.1 แมส่ ี ประกอบด้วย - สีแดง - สนี ้ำเงนิ - สีเหลือง 7.2 อุปกรณ์ ประกอบดว้ ย - แก้วพลาสตกิ ใส กลมุ่ ละ 6 ใบ - น้ำ - หลอดคนสี - ใบงานในกิจกรรมทดลองผสมแม่สี 8. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ สังเกต 8.1 บอกช่ือสี 8.2 อธบิ ายผลการผสมสี 8.3 ผลงาน (ใบงานบันทกึ ผลการทดลอง) 9. เครอื่ งมือวดั ผล ดี 9.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมเด็ก พอใช้ 9.2 ผลงาน ปรับปรุง 10. เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล ระดบั 3 ระดับ 2 ระดบั 1

ภาพถา่ ยการวพิ ากษแ์ ผนการสอน วงรอบท่ี 2 ภาพถ่ายบรรยากาศการเปิดชั้นเรยี นวงรอบท่ี 2

ภาพถ่ายบรรยากาศการเปิดชั้นเรยี นวงรอบท่ี 2 ภาพถา่ ยการสะทอ้ นการเปิดชน้ั เรียนวงรอบท่ี 3

ขอ้ เสนอแนะของวิชาการ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชอ่ื __________________ฝ่ายวิชาการ (นางสาวจริ าพร ปัญญารัตนานนท)์ _____/_____/_____ ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรยี นของ นางชตุ ิกาญจน์ นอ้ มสำโรง แลว้ มคี วามคิดเหน็ ดงั นี้ 1. เปน็ แผนการจัดการเรียนที่  ดีมาก  ดี  พอใช้ 2. การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนสาระภาษาไทย มาจดั กิจกรรมโดย  เน้นผเู้ รยี นเปน็ สำคญั และจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนได้อย่างเหมาะสมดมี าก  เน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั และจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสมดี  ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ 3. เป็นแผนการจัดการเรียนท่ี  นำไปใช้ได้จรงิ  ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้ ลงชอ่ื วา่ ที่ ร.ต. __________________ผู้บรหิ ารสถานศึกษา (สัญญา เขยี วปาน) _____/_____/_____