Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 91378_1807310885654

91378_1807310885654

Published by pringtch256, 2021-09-23 04:34:05

Description: 91378_1807310885654

Search

Read the Text Version

รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ เรอื่ ง อปุ กรณ์ช่วยกลดั กระดุม โดย นาย ไชยากร ลินดวง นาย ธีระภทั ร ชมเชย นางสาว เจนจิรา มูลยะ ระดบั ประกาศนียบตั รวิชาชพี ปพี ุทธศกั ราช 2561 วิทยาลยั เทคนคิ ลาปาง อาชวี ศึกษาจงั หวัดลาปาง

รายงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง อปุ กรณ์ชว่ ยกลดั กระดุม โดย ลนิ ดวง นาย ไชยากร ชมเชย นาย ธีระภัทร มลู ยะ นางสาว เจนจิรา ครูทปี่ รกึ ษา นายอธิวฒั น์ วงค์ชมุ ภู นางสาวยอดปรารถนา สมณะ นายกฤษดา ไชยปัญหา ครทู ่ีปรกึ ษาพิเศษ นางปราณี เสนาสงั ข์

ก ชอื่ โครงงาน อุปกรณช์ ว่ ยกลัดกระดมุ ช่อื ผู้ทาโครงงาน 1. นาย ไชยากร ลินดวง สาขางานไฟฟ้ากาลงั 2. นาย ธีระภัทร ชมเชย สาขางานไฟฟ้ากาลงั 3. นางสาว เจนจริ า มูลยะ สาขางานไฟฟ้ากาลงั ครทู ปี่ รึกษา 1. นาย อภวิ ัฒน์ วงคช์ ุมภู 2. นางสาวยอดปรารถนาสมณะ 3. นายกฤษดา ไชยปัญหา สถานศกึ ษา วทิ ยาลัยเทคนคิ ลาปาง ปีการศึกษา 2561 บทคดั ยอ่ โครงงานวทิ ยาศาสตร์เรื่อง “อปุ กรณ์ชว่ ยกลัดกระดุม” มีแนวคดิ มากจากการท่ีประเทศไทยมี แนวโน้มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากข้ึน และผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีอาการของกล้ามเน้ืออ่อนแรงตามมา เพราะฉะนน้ั ในการดารงชีวิตประจาวนั อาจทาให้เกิดปัญหา เช่น กลัดกระดุมไม่สะดวกหรือไม่สามารถ กลัดกระดุมได้ดว้ ยตนเองในบางคร้ัง และจาเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่นในการให้ความช่วยเหลือ ในการศึกษา ทดลองครงั้ นี้มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อออกแบบและสรา้ งอปุ กรณ์ช่วยกลัดกระดุม ศกึ ษาชนิดของกระดุมที่มี ผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ศึกษาขนาดของกระดุมที่มีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วย กลัดกระดุมและศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานท่ีมีต่ออุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม โดยมีขั้นตอน การศกึ ษาทดลองดงั นี้ เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัย คือ อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ผลการทดสอบอุปกรณ์ช่วยกลัด กระดุมกับกระดุมที่มีความแตกต่างทั้งชนิดและขนาดของเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางและแบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้ท่ีใช้งาน โดยประชากรท่ีใช้ในการตอบแบบสอบถามคือ ประชาชนผู้สูงอายุในจังหวัด ลาปาง จานวน 10 คน ผลการวิจัยมดี ังนี้ อปุ กรณ์ชว่ ยกลัดกระดมุ ท่ีสรา้ งข้นึ สามารถใชง้ านไดด้ ีกบั กระดุมทที่ าจากผ้า และมีขนาดเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางตั้งแต่ 1 เซนติเมตรขน้ึ ไป กลุม่ ประชากรที่ใช้อปุ กรณช์ ว่ ยกลดั กระดุม มี ความพึงพอใจอยใู่ นระดับ มาก ขนึ้ ไปท้ังในด้านโครงสร้างท่วั ไป ดา้ นการออกแบบและด้านการใช้งาน

ข กิตติกรรมประกาศ การจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ในคร้ังน้ี สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี เนื่องจากได้รับความร่วมมือ และความช่วยเหลือจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี คณะผู้จัดทาขอขอบคุณต่อท่านที่มีนาม ต่อไปนี้ ผู้บริหารสถานศึกษาทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ครูปราณี เสนาสังข์ ครูอภิวัฒน์ วงค์ชุมภู ครูยอดปรารถนา สมณะ และครูแผนกวิชาสามัญสัมพันธ์ (วิทยาศาสตร์) ที่ให้คาช้ีแนะแนวทางการดาเนินงาน ตลอดจนครูแผนกวิชาช่างเช่ือมโลหะที่ อนุเคราะห์อุปกรณ์ในการจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ครูกฤษดา ไชยปัญหา ท่ีได้อนุเคราะห์ให้ คาปรกึ ษาดา้ นการออกแบบและสรา้ งอปุ กรณ์ จนทาให้โครงงานวิทยาศาสตร์สาเร็จลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดี คณะผู้จัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ขอขอบคุณ ต่อท่านท้ังหลายที่ได้กล่าวนามมาข้างต้นเป็น อยา่ งสูง ณ ทีนดี้ ้วย นาย ไชยากร ลนิ ดวง นาย ธรี ะภทั ร ชมเชย นางสาว เจนจริ า มลู ยะ ผจู้ ัดทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์

สารบญั ค บทคดั ยอ่ หน้า กิตติกรรมประกาศ ก สารบัญ ข สารบญั ตาราง ค สารบญั ภาพ จ ฉ บทท่ี 1 บทนา ท่ีมาและความสาคัญของโครงงาน 1 จดุ มุ่งหมายของการศกึ ษาค้นควา้ 1 สมมตฐิ านการศกึ ษาค้นควา้ 2 ขอบเขตการศกึ ษาคน้ ควา้ 2 ตัวแปรในการศึกษาทดลอง 2 นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ 3 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ ได้รับ 3 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยทีเ่ ก่ียวข้อง 4 นยิ ามเก่ียวขอ้ งกับผสู้ งู อายุ 5 สาเหตุอาการอ่อนแรงในผูส้ งู อายุ 5 กล้ามเนือ้ ออ่ นแรง (Myasthenia Gravis: MG) 10 กระดุม 11 คาน 14 บทที่ 3 วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละวธิ ีการดาเนินงาน 14 บทที่ 4 วสั ดอุ ปุ กรณ์ท่ีใช้ 18 วธิ ีการดาเนนิ งาน ผลการศึกษาทดลอง 21 22 บทที่ 5 สรุปผลและอภปิ รายผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง อภปิ รายผลการทดลอง

สารบญั (ต่อ) ง ขอ้ เสนอแนะ หน้า เอกสารอา้ งองิ 22 ภาคผนวก ก 23 แบบสอบถามความพงึ พอใจของผ้ใู ชง้ านอุปกรณ์ชว่ ยกลัดกระดมุ

จ สารบัญตาราง หน้า 19 ตารางที่ 19 4.2 ผลการศกึ ษาชนดิ ของกระดุมท่ีมผี ลต่อการใช้งานอปุ กรณช์ ว่ ยกลดั กระดุม 20 4.3 ผลศกึ ษาขนาดของกระดุมทมี่ ผี ลต่อการใช้งานอปุ กรณช์ ว่ ยกลดั กระดุม 4.4 ผลศึกษาความพงึ พอใจของผู้ใชง้ านที่มตี อ่ อุปกรณ์ช่วยกลดั กระดุม

สารบญั ภาพ ฉ ภาพท่ี หน้า 2.1 กระดมุ 10 3.1 แบบรา่ งอุปกรณ์ช่วยกลดั กระดมุ รปู แบบที่ 1 14 3.2 แบบร่างอปุ กรณ์ชว่ ยกลดั กระดมุ รูปแบบที่ 2 15 3.3 รายละเอียดของอปุ กรณ์ช่วยกลดั กระดุม 15 18 4.1 อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมแบบมีเขีย้ ว

1 บทท่ี 1 บทนา ท่ีมาและความสาคัญของโครงงาน องค์การสหประชาชาติ ได้ใหน้ ิยามวา่ \"ผสู้ ูงอายุ\" คือ ประชากรทง้ั เพศชาย และเพศหญิงซึ่งมี อายุมากกว่า 60 ปีข้ึนไป โดยเป็นการนิยามนับตั้งแต่อายุเกิด ส่วนองค์การอนามัยโลก ยังไม่มีการให้ นยิ ามผสู้ งู อายุ โดยมีเหตผุ ลว่า ประเทศตา่ ง ๆทั่วโลกมกี ารนิยามผูส้ ูงอายุตา่ งกัน ทั้งนิยามตามอายุเกิด ตามสังคม (Social) วัฒนธรรม (Culture) และสภาพร่างกาย สาหรับประเทศไทย \"ผู้สูงอายุ\" ตาม พระราชบัญญตั ผิ ้สู งู อายุ พ.ศ.2546 หมายความว่า บคุ คลซึง่ มีอายเุ กินกว่าหกสิบปีบรบิ รู ณข์ น้ึ ไปและมี สญั ชาตไิ ทย ปัจจุบันประเทศกาลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุมากข้ึน และปัญหาท่ีตามของผู้สูงอายุทุกคน เมื่อ อายุมากขึ้น ก็มักจะมีอาการเบ่ืออาหาร กินได้น้อยลง จนอาจขาดสารอาหารบางอย่างโดยไม่รู้ตัว ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น กล้ามเน้ือลีบลง เคล่ือนไหวช้าลง เหนื่อยง่าย ซ่ึงอาการเหล่านี้ มักถูกเข้าใจผิด ว่าเป็นแค่อาการชรา และปล่อยปละละเลย ทั้ง ๆท่ีจริงแล้วหากได้รับการดูแลและเลือกอาหารท่ี เหมาะสม จะช่วยให้เสริมสรา้ งสุขภาพ เพิ่มรอยย้ิมและความสุขกลับมา เพราะสุขเหนือสิ่งอ่ืนใด คือมี สุขภาพท่ีดี อาการอ่อนแรง เป็นความผิดปกติทางระบบประสาทอย่างหน่ึง ทาให้กล้ามเน้ืออ่อนแรง และไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายให้ขยับได้ตามปกติได้ซ่ึงมักมีสาเหตุและปัจจัยดังต่อไปนี้ ความ ผิดปกติแต่กาเนิด พันธุกรรม อุบัติเหตุต่อสมอง ไขสันหลัง หรือเส้นประสาท โรคหลอดเลือดสมอง การอักเสบของกล้ามเนื้อหรอื เสน้ ประสาท โรคภมู ติ ้านทานผิดปกติและโรคระบบต่อมไร้ท่อโรคติดเช้ือ จากเหตผุ ลดังกลา่ วคณะผู้จัดทาจึงมีแนวคิดในการที่ประดิษฐ์อปุ กรณช์ ่วยกลัดกระดุมน้ีขึ้นมา เพื่อให้ผู้สูงอายุใช้อุปกรณ์ กลัดกระดุมได้อย่างสะดวก ช่วยเหลือตัวเองได้ และช่วยลดอาการการ เคลื่อนไหวที่ลาบากของผู้พิการทาง แขน มือ ข้างใดข้างหน่ึง รวมไปถึงผู้ท่ีเกิดอุบัติเหตุท่ีเกี่ยวกับ กระดูกทางแขน มือ ขา้ งใดขา้ งหนึ่งทอี่ ยใู่ นขณะรักษาตวั อยู่ที่บา้ นเนื่องจากไมส่ ามารถเคล่ือนไหวได้ จุดมงุ่ หมายของการศึกษาค้นคว้า 1 เพื่อออกแบบและสร้างอปุ กรณช์ ว่ ยกลดั กระดุม 2 เพ่อื ศึกษาชนิดของกระดุมที่มีผลตอ่ การใชง้ านอปุ กรณช์ ่วยกลัดกระดุม 3 เพอื่ ศึกษาขนาดของกระดมุ ที่มผี ลต่อการใช้งานอุปกรณช์ ่วยกลดั กระดมุ 4 เพอื่ ศึกษาความพงึ พอใจของผใู้ ชง้ านท่มี ีต่ออปุ กรณ์ช่วยกลัดกระดุม

2 สมมติฐานของการศกึ ษาคน้ ควา้ 1 วิธกี ารออกแบบและสร้างอปุ กรณ์ชว่ ยกลดั กระดมุ ที่แตกต่างกนั ส่งผลตอ่ การใชง้ านอุปกรณ์ ช่วยกลัดกระดมุ 2 กระดุมผา้ สามารถยดึ เกย่ี วกับอุปกรณ์ช่วยกลดั กระดุมได้ดีกวา่ ชนดิ อืน่ 3 ขนาดกระดมุ ทม่ี ีเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางอย่รู ะหว่าง 1-2 เซนติเมตร สามารถใช้งานกบั อปุ กรณช์ ว่ ย กลัดกระดุมไดด้ ี 4 ผลความพงึ พอใจของผ้ใู ช้งานอปุ กรณ์ช่วยกลัดกระดมุ อยใู่ นระดับมากขึ้นไป ขอบเขตการศึกษาค้นควา้ 1 อุปกรณช์ ว่ ยกลดั กระดุมมอี ยู่ 2 รปู แบบ คอื แบบไม่มีเขีย้ วกบั แบบมเี ข้ยี ว 2 รูปทรงของกระดมุ ท่ีใช้เป็นทรงกลม 3 ขนาดของกระดมุ ท่ีใชอ้ ยู่ระหว่าง 1-3 เซนตเิ มตร 4 กลุ่มของประชากรที่ใช้วัดความพึงพอใจได้แก่ กลุ่มผู้ที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงและผู้สูงอายุ จานวน 10 คน ตวั แปรของการศึกษาค้นควา้ การทดลองตอนที่ 1 เพอื่ ออกแบบและสร้างอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดมุ ตัวแปรตน้ วธิ ีการออกแบบและสร้างอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดมุ ตวั แปรตาม ลักษณะของอุปกรณช์ ว่ ยกลัดกระดุมและการใช้งาน ตัวแปรควบคมุ รูปทรงของอปุ กรณ์ กลุ่มประชากรทใ่ี ช้งาน การทดลองตอนที่ 2 เพ่ือศึกษาชนดิ ของกระดุมทีม่ ผี ลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลดั กระดุม ตวั แปรต้น ชนดิ ของกระดมุ ท่ีใช้ ตัวแปรตาม ผลการยึดเกาะของอปุ กรณช์ ่วยกลดั กระดมุ ตวั แปรควบคมุ จานวนของกระดมุ ,ลักษณะของเสือ้ การทดลองตอนท่ี 3 เพอ่ื ศกึ ษาขนาดของกระดมุ ทมี่ ีผลตอ่ การใช้งานอุปกรณช์ ่วยกลดั กระดุม ตัวแปรต้น ขนาดของกระดุมที่ใชท้ ดสอบ ตวั แปรตาม ผลการยึดเกาะของอุปกรณช์ ว่ ยกลดั กระดุม ตวั แปรควบคุม ชนิดของกระดมุ ท่ใี ช้,จานวนครัง้ ในการทดสอบ

3 การทดลองตอนท่ี 4 เพอ่ื ศกึ ษาความพึงพอใจของผูใ้ ช้งานท่ีมตี อ่ อุปกรณช์ ว่ ยกลัดกระดุม ตัวแปรตน้ แบบประเมินความพึงพอใจการใช้อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม พิจารณาจากองค์ประกอบ 3 ด้าน ด้านโครงสร้างทั่วไป ด้านการ ออกแบบและดา้ นการใช้งาน ตวั แปรตาม ความพึงพอใจของผใู้ ช้งาน ตวั แปรควบคุม กลมุ่ ตัวอยา่ ง,ชนิดของกระดมุ ท่ใี ช้,ขนาดของกระดุมที่ใช้ นิยามศัพทเ์ ฉพาะ 1 ผู้สงู อายุ หมายถึง ตามพระราชบัญญตั ิผู้สงู อายุ พ.ศ.2546 หมายความว่า บคุ คลซงึ่ มอี ายุ เกนิ กว่าหกสบิ ปีบรบิ ูรณ์ขึน้ ไป 2 อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม หมายถึง อุปกรณ์ท่ีประดิษฐ์ข้ึนโดยมีรูปทรงสี่เหล่ียมขนาด กวา้ ง x ยาว x สงู เทา่ กบั 2.5 x 15 x 1.4 เซนตเิ มตร วสั ดุทาจากเหล็กโดยมมี ือจบั ทีต่ ิดกับแหนบเพ่ือ ยดึ เกาะกบั กระดุม 3 ความพึงพอใจของผู้ใช้งาน หมายถึง การวัดระดับความรู้สึกชอบ ไม่ชอบต่อสิ่งประดิษฐ์ โดยมีระดับสเกลของความพึงพอใจ 5 ระดบั ไดแ้ ก่ มากทสี่ ุด มาก ปานกลาง นอ้ ยและนอ้ ยทส่ี ุด ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะได้รับ เป็นส่งิ ประดิษฐท์ ี่สามารถใช้กลัดกระดุมได้อย่างสะดวกสาหรับผสู้ ูงอายุหรือผู้พิการทาง แขน มือ ข้างใดข้างหน่ึง ผู้ที่เกิดอุบัติเหตุท่ีเกี่ยวกับกระดูกทางแขน มือ ข้างใดข้างหนึ่งที่อยู่ในขณะ รักษา ตวั อยูท่ ่บี ้านทไ่ี ม่สามารถเคล่อื นไหวได้

4 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ ก่ียวข้อง การดาเนินโครงงานวิทยาศาสตร์เรือ่ ง อปุ กรณช์ ว่ ยกลัดกระดุม คณะผ้จู ดั ทาไดศ้ กึ ษา ทบทวน ความหมายตลอดจนแนวคิด ทฤษฎี เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพ่ือใช้เป็นแนวทางในการ ศกึ ษาวจิ ยั ดังน้ี 1. นิยามทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั ผ้สู ูงอายุ 2. สาเหตุอาการอ่อนแรงในผู้สงู อายุ 3. กลา้ มเน้ืออ่อนแรง (Myasthenia Gravis: MG) 4. กระดุม 5. คาน 1. นยิ ามที่เกีย่ วข้องกบั ผูส้ งู อายุ องค์การสหประชาชาติ ไดใ้ หน้ ยิ ามวา่ \"ผู้สงู อาย\"ุ คือ ประชากรทงั้ เพศชาย และเพศหญิงซึ่งมี อายุ มากกว่า 60 ปีข้นึ ไป โดยเป็นการนยิ าม นบั ต้ังแตอ่ ายเุ กดิ ส่วนองคก์ ารอนามยั โลก ยงั ไม่มกี ารให้ นิยามผู้สูงอายุ โดยมีเหตุผลว่า ประเทศต่าง ๆท่ัวโลกมีการนิยาม ผู้สูงอายุต่างกัน ทั้งนิยามตาม อายุเกิด ตามสังคม (Social) วัฒนธรรม (Culture) และสภาพร่างกาย (Functional markers) เช่น ในประเทศท่ีเจริญแล้ว มักจัดผู้สูงอายุ นับจากอายุ 65 ปีขึ้นไป หรือบางประเทศ อาจนิยามผู้สูงอายุ ตามอายุกาหนดให้เกษียณงาน (อายุ 50 หรือ 60 หรือ 65 ปี) หรือนิยามตามสภาพของร่างกาย โดย ผู้หญงิ สูงอายอุ ยูใ่ นชว่ ง 45-55 ปี สว่ นชายสงู อายุ อยใู่ นชว่ ง 55-75 ปี สาหรบั ประเทศไทย \"ผ้สู งู อาย\"ุ ตามพระราชบัญญตั ิผ้สู งู อายุ พ.ศ.2546 หมายความวา่ บุคคล ซ่งึ มีอายเุ กินกว่าหกสบิ ปีบริบูรณ์ขนึ้ ไป และมสี ญั ชาติไทย ส่วนคาว่า \"สังคมผู้สงู อาย\"ุ องค์การสหประชาชาติ แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับการก้าวเขา้ สู่ สังคมผู้สูงอายุ (Ageing society หรือ Aging society) ระดับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged society) และระดับ Super-aged society โดยให้นิยามของระดับต่าง ๆ ซึ่งท้ังประเทศไทย และ รวมทง้ั ประเทศตา่ ง ๆทว่ั โลก ใชค้ วามหมายเดียวกนั ในนยิ ามของทกุ ระดบั ของสงั คมผสู้ งู อายุ ดังน้ี การก้าวเขา้ สสู่ ังคมผสู้ ูงอายุ คอื การมปี ระชากรอายุ 60 ปีขน้ึ ไปรวมทง้ั เพศชายและเพศหญิง มากกว่า 10% ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปี เกิน 7% ของประชากรทั้ง ประเทศ สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ คือ เมื่อประชากรอายุ 60+ปี เพ่ิมข้ึนเป็น 20% หรือ ประชากร

5 อายุ 65 ปี เพิ่มเป็น 14% ของประชากรโดยรวมท้ังหมดของท้ังประเทศ Super-aged society คือ สงั คมทีม่ ปี ระชากรอายุ 65 ปีข้ึนไปมากกว่า 20% ของประชากรทงั้ ประเทศ 2. สาเหตอุ าการอ่อนแรงในผสู้ ูงอายุ ผ้สู งู อายุทุกคน เม่อื อายมุ ากข้ึน คนเรามักจะเบอ่ื อาหาร กนิ ได้น้อยลง จนอาจขาดสารอาหาร บางอย่างโดยไม่รู้ตัว ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น กล้ามเนื้อลีบลง เคล่ือนไหวช้าลง เหน่ือยง่าย ซ่ึงอาการ เหล่าน้ี มกั ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแค่อาการชรา และปลอ่ ยปละละเลย ทงั้ ๆทีจ่ ริงแลว้ หากได้รบั การดูแล และเลือกอาหารที่เหมาะสม จะช่วยให้เสริมสร้างสุขภาพ เพิ่มรอยยิ้มและความสุขกลับมา เพราะสุข เหนือส่ิงอ่ืนใด คือมีสุขภาพที่ดี อาการอ่อนแรง เป็นความผิดปกติทางระบบประสาทอย่างหนึ่ง ทาให้ กล้ามเน้ืออ่อนแรง และไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายให้ขยับได้ตามปกติได้ซึ่งมักมีสาเหตุและปัจจัย ดังต่อไปน้ี - ความผิดปกติแต่กาเนิด และพนั ธุกรรม - อุบัตเิ หตุต่อสมอง ไขสนั หลงั หรอื เส้นประสาท - โรคหลอดเลือดสมอง การอักเสบของกลา้ มเน้ือหรอื เส้นประสาท โรคภูมิตา้ นทานโรค ผิดปกติ - โรคระบบต่อมไร้ทอ่ ติดเชอ้ื 3. กลา้ มเนื้อออ่ นแรง (Myasthenia Gravis: MG) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอ็มจี คือโรคท่ีมีสาเหตุมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทางาน ผิดปกติ ผู้ป่วยจะมีอาการหนังตาตก ยิ้มได้น้อยลง หายใจลาบาก มีปัญหาการพูด การเคี้ยว การกลนื รวมไปถึงการเคล่ือนไหวของร่างกาย โรคกล้ามเน้ืออ่อนแรงเกิดข้ึนได้ในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย ปัจจุบัน การรักษาทาได้เพียงเพ่ือบรรเทาอาการ ผู้ป่วยจาเป็นต้องได้รับการดูแลท่ีเหมาะสมและเอาใจใส่จาก คนรอบข้างอย่างสม่าเสมอ 3.1.1 อาการของโรคกล้ามเนอื้ อ่อนแรง โดยปกติแล้วมักไม่พบอาการเจ็บหรือปวด แต่ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บหรือปวดหลังมี ประจาเดือนหรือหลังออกกาลังกาย อาการที่สังเกตได้ตามบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ตา ใบหนา้ ลาคอ แขนและขา โดยอาการตา่ ง ๆ ที่เกิดขึน้ มักมรี ายละเอยี ดดังนี้ 1) กล้ามเน้ือรอบดวงตา หนังตาตกข้างใดข้างหนง่ึ หรือทั้ง 2 ข้าง เป็นอาการแรกท่ี สงั เกตได้ รวมถึงพบปัญหาด้านการมองเห็น เชน่ มองไม่ชดั หรือเห็นภาพซ้อน เป็นต้น อาการจะดีข้ึน เม่ือหลับตาขา้ งใดขา้ งหนึง่ ลง

6 2) ใบหน้า หากกล้ามเน้ือที่เก่ียวข้องกับการแสดงออกบนใบหน้าได้รับผลกระทบ จะทาให้การแสดงออกทางสีหน้าถูกจากัด เช่น ย้ิมได้น้อยลง หรือกลายเป็นย้ิมแยกเขี้ยวเน่ืองจากไม่ สามารถควบคุมกลา้ มเนอ้ื บนใบหน้าได้ 3) การหายใจ ผู้ป่วยกล้ามเน้ืออ่อนแรงจานวนหน่ึงมีอาการหายใจลาบาก โดยเฉพาะเมอ่ื นอนราบอยู่บนเตยี งหรอื หลังออกกาลังกาย 4) การพูด การเคี้ยวและการกลืน เกิดจากกล้ามเนื้อรอบปาก เพดานอ่อน หรือล้ิน อ่อนแรง ส่งผลใหเ้ กดิ อาการผิดปกตบิ างอย่าง เช่น พดู เสียงเบาแหบ พูดเสียงขึ้นจมกู เคี้ยวไมไ่ ด้ กลนื ลาบาก ไอ สาลักอาหาร บางกรณอี าจเป็นสาเหตไุ ปสูก่ ารตดิ เชอ้ื ทป่ี อด 5) ลาคอ แขนและขา อาจเกิดข้ึนร่วมกับอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อส่วนอ่ืน ๆ มักเกิดข้ึนที่แขนมากกว่าที่ขา ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น เดินเตาะแตะ เดินตัวตรงได้ ยาก กล้ามเน้อื บรเิ วณคออ่อนแรง ทาใหต้ งั้ ศรี ษะหรือชนั คอลาบาก เกดิ ปัญหาในการแปรงฟัน การยก ของ รวมไปถึงการปีนบันได หากพบว่ามีปัญหาด้านการมอง การหายใจ การพูด การเคี้ยว การกลืน รวมไปถึงการเคล่อื นไหวรา่ งกายท่ีเป็นไปโดยลาบาก เชน่ การใช้มอื และแขน การทรงตัว การเดนิ เป็น ตน้ ควรรีบไปพบแพทย์ 3.1.2 สาเหตุของโรคกลา้ มเน้ืออ่อนแรง โรคกลา้ มเนอ้ื อ่อนแรงมกั เกิดขึ้นจากปัญหาการแพภ้ ูมติ ัวเอง (Autoimmune Disorder) โดย มีรายละเอยี ดสาเหตุของอาการกล้ามเน้ืออ่อนแรง ดังน้ี 1) สารภมู ิตา้ นทานหรอื แอนติบอดี้ (Antibodies) และการสง่ สญั ญาณประสาท ปกตริ ะบบ ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะผลิตแอนติบอด้ีออกมาเพ่ือทาลายเชื้อโรคหรือส่ิงแปลกปลอมที่เข้ามาใน ร่างกาย แต่ในผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง แอนติบอดี้จะไปทาลายหรือขัดขวางการทางานของสารสื่อ ประสาทแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) โดยถูกส่งไปที่ตัวรับ (Receptor) ซ่ึงอยู่ท่ีปลายระบบ ประสาทบนกลา้ มเน้อื แตล่ ะมัด ทาให้กลา้ มเน้อื ไมส่ ามารถหดตวั ได้ 2) ต่อมไทมัส (Thymus Gland) เป็นต่อมท่ีอยู่บริเวณกระดูกอก มีส่วนในการทางานของ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ผลิตสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอด้ีไปขัดขวางการทางานของสารส่ือ ประสาทแอซิติลโคลีน เด็กจะมีต่อมไทมัสขนาดใหญ่และจะค่อย ๆ เล็กลงเม่ือโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ผู้ป่วย กล้ามเนื้ออ่อนแรงจะมีขนาดของต่อมไทมัสที่ใหญ่ผิดปกติ หรือผู้ป่วยบางรายมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อน แรงที่มีสาเหตุมาจากเนือ้ งอกของต่อมไทมสั ซึ่งพบประมาณรอ้ ยละ 10 ในผู้ปว่ ยสูงอายุ 3.1.3 การวินจิ ฉัยโรคกลา้ มเนื้ออ่อนแรง การวินิจฉัยโรคกล้ามเน้ืออ่อนแรง แพทย์จะเร่ิมวินิจฉัยเบื้องต้นจากประวัติและอาการของ ผู้ป่วยว่าอาการท่ีพบอยู่ในกลุ่มของผู้ป่วยกล้ามเน้ืออ่อนแรงหรือไม่ ขยับลูกตาและเปลือกตาได้

7 ตามปกติหรือผิดปกติอย่างไร แพทย์อาจส่งตัวผู้ป่วยไปให้นักประสาทวิทยาหรือจักษุแพทย์วินิจฉัย เพ่ิมเติม และอาจมีการทดสอบด้วยวธิ ีดังตอ่ ไปนี้ร่วมด้วย 1) การตรวจระบบประสาท ด้วยการทดสอบการตอบสนอง กาลังความแข็งแรงของ กล้ามเนอื้ ความรู้สกึ จากการสมั ผัส การทรงตวั หรือการมองเหน็ เป็นต้น 2) การตรวจเลือด แพทย์จะตรวจนับจานวนของแอนติบอด้ี ผู้ที่มีความเส่ียงต่อการเป็นโรค กล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้นจะมีจานวนของแอนติบอด้ีท่ีไปยับย้ังการทางานของกล้ามเน้ือมากผิดปกติ สว่ นมากจะตรวจพบแอนตบิ อดชี้ นิด Anti-MuSK 3) การตรวจการชักนาประสาท (Nerve Conduction Test) ทาได้ 2 วิธี คือ Repetitive Nerve Stimulation Test เป็นการทดสอบด้วยการกระตุ้นเส้นประสาทซ้า ๆ เพ่ือดูการทางานของ มัดกล้ามเนื้อ โดยการติดขั้วไฟฟ้าท่ีผิวหนังบริเวณท่ีพบอาการอ่อนแรง และส่งกระแสไฟฟ้าปริมาณ เล็กน้อยเข้าไปเพ่ือตรวจสอบความสามารถของเส้นประสาทในการส่งสัญญาณไปที่มัดกล้ามเนื้อ และ การตรวจดว้ ยไฟฟ้า (Electromyography) เปน็ การวัดกระแสไฟฟ้าจากสมองท่ีส่งไปยังกล้ามเนื้อเพ่ือ ดูการทางานของเสน้ ใยกลา้ มเนือ้ เพยี งเสน้ เดียว (Single-fiber Electromyography หรือ EMG) 4) Edrophonium Test หรือ Tensilon Test โดยการฉดี Edrophonium Chloride ปกติ กล้ามเนื้อหดตัวทางานจากการที่สารส่ือประสาทแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ไปจับตัวรับที่ กล้ามเนื้อ จากนั้นจะมีกระบวนการที่ทาให้แอซิติลโคลีนปล่อยจากตัวรับที่กล้ามเนื้อ ทาให้กล้ามเนื้อ คลายตัว การฉีด Edrophonium จะไปยับย้ังขั้นตอนการปลอ่ ยตัวจากตวั รับ ทาให้แอซิติลโคลีนเกาะ ตัวกับตัวรับนานข้ึนจึงทาให้กล้ามเน้ือยังคงทางานหดตัวได้นานข้ึน ไม่เกิดอาการอ่อนแรง แต่อาจทา ให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปัญหาการเต้นของหัวใจและการหายใจ แพทย์จะวินิจฉัยด้วยวิธีนี้ก็ต่อเม่ือ พบความผิดปกติจากการตรวจเลือดและการตรวจด้วยไฟฟ้า ทาโดยแพทย์ประสาทวิทยาท่ีมีความ เชย่ี วชาญและมีอปุ กรณค์ รบครัน จึงเป็นผลใหแ้ พทย์ไม่นิยมวินจิ ฉัยด้วยวธิ ีน้ี 5) การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computerized Tomography) หรือ การตรวจด้วย คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging) เพื่อหาเนื้องอกหรือความผิดปกติท่ีบริเวณ ตอ่ มไทมสั 6) การทดสอบการทางานของปอด (Pulmonary Function Tests) เพือ่ ประเมินสภาพการ ทางานของปอดและการหายใจ 7) Ice Pack Test เป็นการทดสอบเสริม โดยแพทย์จะนาถุงน้าแข็งมาวางในจุดท่ีมีอาการ ตาตกเป็นเวลา 2 นาที และวเิ คราะหก์ ารฟืน้ ตัวจากหนงั ตาตกเพ่อื วนิ ิจฉัยโรคตอ่ ไป

8 3.1.4 การรกั ษาโรคกล้ามเนอื้ ออ่ นแรง ในปัจจุบัน การรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมีหลายวิธี แต่ส่วนใหญ่รักษาตามอาการและเนน้ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ทั้งนี้แพทย์จะเลือกวิธีการรักษาท่ีเหมาะสมกับ เงื่อนไขของผู้ปว่ ยกล้ามเนอ้ื อ่อนแรงแต่ละราย เช่น อายุ ความรุนแรงของอาการ ตาแหนง่ ท่ีเกดิ อาการ กล้ามเนอื้ อ่อนแรง เป็นต้น โดยมวี ธิ ีการรักษาดงั นี้ 1) การรับประทานยา ยาในกลุ่ม Cholinesterase Inhibitors เช่น ไพริโดสติกมีน (Pyridostigmine) เหมาะ แก่ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงระดับเบาหรือผู้ท่ีเพ่ิงเริ่มมีอาการ โดยยาจะช่วยเพ่ิมการทางานระหว่าง เส้นประสาทและกล้ามเน้ือ ทาให้กล้ามเน้ือมีการหดตัวและแข็งแรงขึ้น การใช้ยานี้อาจมีผลข้างเคียง ต่อระบบทางเดินอาหาร ทอ้ งเสยี คลน่ื ไส้ เหงื่อออกและน้าลายไหลมาก เป็นตน้ ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เช่น เพรดนิโซน (Prednisone) เป็น ยาชนิดเม็ดที่ใช้ในปริมาณต่า เพ่ือยับยั้งการผลิตแอนติบอดี้ การใช้ยาน้ีอาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น กระดูกบางลง น้าหนกั ตัวเพิม่ ขึ้น เสย่ี งตอ่ การติดเชือ้ อื่น ๆ รวมไปถึงโรคเบาหวาน ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants) เช่น อะซาไธโอพรีน, ไมโคฟีโนเลต โมฟีทิล, ไซโคลสปอริน, เมทโธเทร็กเต หรือทาโครลิมัส การใช้ยานี้อาจมีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน เส่ียงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ รวมไปถึงตับและไตอักเสบ การใช้ยาน้ีจาเป็นต้อง ใช้ต่อเน่ืองเป็นเวลานานจึงจะเห็นผล ควรตรวจเลือดอย่างสม่าเสมอร่วมด้วย เพื่อตรวจสอบระบบ ภูมคิ ุม้ กันและผลขา้ งเคยี งอ่นื ๆ 2) การเปล่ียนถ่ายพลาสม่า (Plasmapheresis) โดยเป็นการกาจัดแอนติบอดี้ที่จะไป ขัดขวางการทางานของกล้ามเนื้อออกจากร่างกาย โดยวิธีการรักษาน้ีจะให้ผลอยู่เพียงไม่ก่ีสัปดาห์ และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ความดันเลือดลดลง มีเลือดไหล จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ ปวดกลา้ มเนือ้ เปน็ ตน้ การรักษาด้วยวธิ ีน้เี หมาะสาหรบั ผู้ปว่ ยทม่ี อี าการรุนแรง 3) การบาบัดด้วยอิมมูโนโกลบูลิน (Intravenous Immunoglobulin) หรือ IVIg จะช่วย เพิ่มจานวนแอนติบอด้ีที่มีความเป็นปกติ ซ่ึงจะช่วยปรับการทางานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การรักษาด้วยวิธีน้ีเส่ียงน้อยกว่าการเปลี่ยนถ่ายพลาสม่า เห็นผล 3-6 สัปดาห์ แต่ส่งผลข้างเคียงใน ระดับท่ีไม่รุนแรงนัก เช่น หนาวสั่น วิงเวียน ปวดศีรษะ และบวมน้า การรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะสาหรบั ผูป้ ่วยที่มอี าการรุนแรง 4) การฉีดยา Rituximab เข้าเส้นเลือด จะใช้กับผู้ป่วยในบางกรณี มีผลในการกาจัดเซลล์ เม็ดเลือดขาว และเสรมิ ระบบภูมิคมุ้ กันของรา่ งกาย 5) การผ่าตัดต่อมไทมัส พบว่าในผู้ป่วยกล้ามเน้ืออ่อนแรงจานวน 15% มีเนื้องอกเกิดข้ึนที่ บริเวณต่อมไทมัส ซึ่งเป็นต่อมที่มีหน้าท่ีเก่ียวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แพทย์จะผ่าตัดต่อม

9 ไทมัสเพื่อลดความเส่ยี งต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต เช่น เนื้องอกท่ีต่อมไทมัสที่อาจกระจาย สู่หน้าอก เปน็ ตน้ แนวทางปฏบิ ัติติสาหรับผู้ป่วยกล้ามเนอ้ื อ่อนแรงและคนใกลช้ ดิ - พักผอ่ นใหม้ าก เพื่อลดการเกดิ อาการกลา้ มเน้ืออ่อนแรง - หลกี เลี่ยงความร้อนและความเครยี ด เพราะอาจทาใหอ้ าการกล้ามเนอื้ ออ่ นแรงแยล่ งได้ - ติดตงั้ ราวจบั สาหรบั ผ้ปู ่วย เช่น ในหอ้ งนา้ รวมถงึ เก็บกวาดบา้ นเพอื่ ปอ้ งกนั ผปู้ ว่ ยสะดดุ - เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าแทนการออกแรงเอง เพื่อป้องกันอาการเหนื่อยในผู้ป่วย เช่น แปรงสีฟันไฟฟ้า - รับประทานอาหารที่อ่อนนุ่มและไม่ต้องเคี้ยวมาก แบ่งม้ืออาหารเป็นหลาย ๆ มื้อ และ เพลิดเพลินกบั การรบั ประทานและการเคี้ยวในชว่ งทีก่ ล้ามเนื้อมีความแข็งแรง - ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ผ้าปิดตาในผู้ป่วยท่ีเห็นภาพซ้อน เพ่ิมประสิทธิภาพใน กระทากิจกรรมต่าง ๆ เช่น เขียนหรืออ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ และเพื่อลดการเกิดภาพ ซอ้ น 3.1.5 ภาวะแทรกซอ้ นของโรคกลา้ มเนื้ออ่อนแรง โรคกล้ามเนือ้ อ่อนแรง รักษาใหอ้ าการดีขนึ้ ได้ แตถ่ ้าไม่ไดเ้ ข้ารับการรกั ษาที่ทันท่วงที อาจมี แนวโนม้ ทาใหเ้ กิดภาวะแทรกซอ้ นตามมาได้ เชน่ ภาวะหายใจล้มเหลว (Myasthenic Crisis) เกิดข้ึนเมื่อกล้ามเนื้อที่มีหน้าท่ีควบคุมการ หายใจอยู่ในภาวะอ่อนแอ แทาให้ผู้ปว่ ยไม่สามารถหายใจได้ดว้ ยตนเอง เนื้องอกท่ีต่อมไทมัส มีโอกาสเกิดขึ้นได้ประมาณ 15% ในผู้ป่วยกล้ามเน้ืออ่อนแรง ซ่ึงต้อม ไทมัสนเ้ี ปน็ ต่อมท่มี คี วามเก่ียวขอ้ งกับระบบภูมคิ ุ้มกนั ของรา่ งกาย ภาวะพร่องไทรอยด์ (Hypothyroid) หรือภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroid) ต่อม ไทรอยด์เป็นตอ่ มทีอ่ ยูบ่ ริเวณด้านหน้าของลาคอ มหี นา้ ท่หี ล่ังฮอร์โมนทค่ี วบคุมการเผาผลาญ หากเกิด การแทรกซ้อนของภาวะพร่องไทรอยด์ ผู้ป่วยจะมีอาการข้ีหนาว น้าหนักข้ึน ส่วนในผู้ป่วยที่มีการ แทรกซ้อนของภาวะไทรอยดเ์ ปน็ พิษ จะมีอาการข้รี ้อน นา้ หนกั ลดลง มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองอื่น ๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรดเอสแอลอี (Systemic Lupus Erythematosus) หรือทีร่ ู้จักในชอ่ื โรคพมุ่ พวง

10 3.1.6 การปอ้ งกันโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ในปัจจุบนั โรคกล้ามเนอื้ อ่อนแรงยังไม่สามารถป้องกนั ได้ แต่หลกี เล่ยี งโอกาสเสี่ยงท่ี จะเกิดโรคกลา้ มเนอ้ื อ่อนแรงได้ดว้ ยวธิ กี ารดงั ต่อไปน้ี 1) ป้องกันการติดเช้ือต่าง ๆ ด้วยการมีสุขอนามยั ที่ดี และหลีกเล่ียงการคลกุ คลีกบั ผปู้ ่วย 2) หากเกิดการติดเชอ้ื หรือป่วย ควรรีบรักษาด้วยวธิ ีท่ีถกู ต้องทนั ที 3) หลกี เลย่ี งการออกกาลังทีห่ นกั เกนิ ไป 4) ไม่ควรทาให้ตวั เองรสู้ ึกร้อนหรอื หนาวมากจนเกินไป 4. กระดมุ ภาพท่ี 2.1 กระดุม (ทีม่ า: https://www.jeab.com/home-living/diy-button-frame) กระดุม หมายถึงวัตถทุ ีเ่ ป็นชิ้นสว่ นเล็ก ๆ ลักษณะโค้งมนหรือกลมแบนและอาจมลี วดลาย ใช้ สาหรับผูกติดเข้ากับเส้ือผ้าเพื่อปกปิดหรือไม่ให้หลดุ ออกจากร่างกาย หรือเพ่ือใช้ในการตกแต่งเสื้อผ้า เพียงเทา่ นัน้ ใช้งานโดยการกลัดเข้ากับรังดุมหรือห่วงบนผ้าอีกชิ้นหนึ่ง จะทาใหป้ ลายผ้าที่มีกระดุมกับ รังดุมอยู่ติดกัน กระดุมสามารถผลิตได้ด้วยวัสดุหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุจากธรรมชาติ อาทิ เขา สัตว์ กระดกู เปลอื กหอย ไม้ หรือวัสดุสังเคราะหเ์ ช่น แกว้ โลหะ พลาสติก เปน็ ต้น กระดุมมีก้าน คือกระดุมที่มีส่วนย่ืนออกมาจากใต้เม็ดกระดุมเพ่ือใช้เย็บติดกับเส้ือผ้าการติด กระดุมชนิดน้ีจะไม่มีเส้นด้ายเย็บปรากฏบนเม็ดกระดุมวิธีติดกระดุมมีก้านนิยมใช้เศษผ้ารองใต้ผ้าให้ ตรงตาแหน่งก้านตอ้ งทาเครื่องหมายด้ายเยบ็ จนตงึ เพราะจะทาให้เสอื้ ยน่ มขี น้ั ตอนการติดดังนี้ 1. วางกระดุมลงบนผ้าในตาแหน่งที่จะติดกระดุม สอดเข็มหมุดที่ห่วงก้านกระดุมเพื่อยึดไว้ ชวั่ คราว

11 2. แทงเข็มขึ้นด้านบนสอดเข้าไปในห่วงกระดุม แทงเข็มลงให้ทะลุผ้าด้านล่าง ดึงด้ายให้ตึง เอาเขม็ หมดุ ออก 3. ทาแบบข้อ 2 ซ้าประมาณ 3 – 4 ครั้ง พันก้านกระดุมด้วยด้าย 3 รอบ แทงเข็มลงใต้ช้ิน ผา้ ผูกปมให้แนน่ ตดั ด้ายออก กระดุมไม่มีก้าน คือกระดุมที่มีรู 2 รู หรือ 4 รู ปรากฏให้เห็นบนเม็ดกระดุม การเย็บกระดุม ชนิดนี้จะมองเห็นเส้นด้ายที่เยบ็ วิธกี ารเยบ็ กระดุมไม่มีกา้ นถา้ เป็นกระดุม 2 รู ให้ขมวดปลายหนึ่งของ ด้ายเย็บให้เป็นปม ทาเช่นเดียวกับเย็บกระดุม 2 รูหรืออาจแทงเข็มให้เส้นด้ายด้านบนทแยงไขว้กันก็ ได้ มขี ั้นตอนการทาดงั นี้ 1. กาเครื่องหมายตรงตาแหน่งที่ต้องการจะตดิ กระดุม 2. ใช้ด้าย 2 ทบ ร้อยเข็ม เพื่อให้กระดุมแน่นหนาไม่หลุดลุ่ยง่าย ขมวดปลายด้ายทาปม ใช้ เข็มแทงข้นึ ตรงบริเวณที่ทาเคร่อื งหมายไว้ถึงด้ายให้แน่น 3. วางกระดุมลงตรงกลางแล้วสอดเข็มลอดรูกระดุม ร้ังด้ายให้ตึง แทงขึ้นลงตามรูกระดุม กลับไปกลบั มาหลายครั้งจนกระดุมแนน่ 4. สอดดา้ ยใตก้ ระดุมซ่อนปมอีกครงั้ แล้วตัดด้ายออก กระดุมแป๊บ ทาด้วยโลหะผสม มีลักษณะต่างไปจากกระดุมธรรมดา คือประกอบด้วยฝาบน ซ่ึงมีปุ่มนูนตรงกลางและตัวรับซึ่งตรงกลางเป็นแอ่ง ต้องใช้คู่กันเสมอทาให้ประกบกันสนิท การติด กระดุมแป๊บถ้าเป็นผ้าบางควรจะมีผ้าช้ินเล็ก ๆ รองข้างในตรงตาแหน่งที่เย็บกระดุมเพื่อความคงทน สว่ นใหญ่ใชก้ บั เสื้อสตรสี าหรบั ยดึ สาบเส้ือหรือขอบแขนให้ติดกัน มขี ั้นตอนการตดิ ดงั นี้ 1. วางกระดุมลงในตาแหน่งท่ีต้องการ แป๊บตัวผู้วางบนสาบเส้ือชิ้นบน แป๊บตัวเมียวางบน สาบเส้ือชนิ้ ล่าง สนด้ายใส่เข็มขมวดปลายดา้ ยให้เปน็ สองทบ 2. แทงเข็มสอดข้ึนลงในรูกระดุมทีละรู รูละ 3 ครั้ง เมื่อจะเย็บรูต่อไปให้แทงเข็มโดยซ่อน ด้ายไว้ใต้ผ้าแล้วดึงเข็มขึ้น เมื่อเย็บครบ 4 รู้จึงผูกปมด้าย ท้ังแป๊บตัวผู้และตัวเมียมีวิธีการเย็บ เหมือนกนั 5. คาน ( Lever ) คาน เปน็ เครอ่ื งกลชนิดหนึง่ มีลกั ษณะเป็นแท่งยาวสม่าเสมอวางอยูบ่ นจดุ หมุน สว่ นประกอบ ของคาน 1. จดุ หมุน ( F ) ( Fulcrum ) หมายถงึ ตาแหนง่ บนเคร่ืองกลประเภทคาน ซง่ึ คานจะหมุนได้ รอบจดุ 2. น้าหนกั (W ) ( Weight ) หรอื แรงความต้านทาน ( Resistance ) หมายถึง นา้ หนกั หรอื แรงท่กี ระทากบั คานในแนวดง่ิ ซงึ่ ทาใหค้ านเคล่ือนท่ไี ด้

12 3. แรงความพยายาม ( E ) ( Effort ) หมายถึง แรงทีใ่ ห้แก่เคร่ืองกลเพื่อให้เครื่องกลทางาน 4. L 1 คอื ระยะตั้งฉากจากนา้ หนกั ถึงจุดหมนุ 5. L 2 คอื ระยะตง้ั ฉากจากแรงความพยายามถึงจดุ หมนุ คานมลี กั ษณะเปน็ แท่งยาว ทาด้วย วัตถุที่แข็งแรง เชน่ ไม้ โลหะ เครือ่ งมือและอุปกรณ์ท่มี ีลกั ษณะการทางานแบบคานได้แก่ ไม้คาน ไม้ กระดก ไม้พายเรือ เป็นตน้ ดังน้นั เคร่ืองกลทใ่ี ช้หลกั การของคาน มหี ลายชนดิ ซง่ึ สามารถแบง่ ประเภท ของคานได้ 3 อนั ดบั ดงั นี้ คานอนั ดับหนงึ่ คือ คานทีม่ ีจุดหมุนอยรู่ ะหว่างแรงความพยายามกบั แรงความตา้ นทาน การ ผ่อนแรงของคานอนั ดบั น้จี ะผ่อนแรงไดม้ ากเมื่อจุดหมุนอยใู่ กล้ แรงความต้านทาน (W) และอยู่หา่ ง จากแรงความพยายาม (E) คานอันดับสอง คือ คานที่มีแรงความต้านอยู่ระหว่างแรงความพยายามกับจุดหมุน การผ่อน แรงคานอนั ดับนี้จะผ่อนแรงได้มากเพราะแรงความต้านทานอยรู่ ะหว่างจุดหมนุ และแรงความพยายาม ดังน้นั แรงความต้านทาน (W) จะอยูใ่ กล้จุดหมุนมากกว่าแรงความพยายาม (E) คานอันดับสาม คือ คานที่มีแรงความพยายามอยู่ระหว่างแรงความต้านทานกับจุดหมุน การ ผ่อนแรงของคานอันดับน้ีไม่ค่อยผ่อนแรงเพราะแรงความพยายาม (W) อยู่ระหว่างจุดหมุนและแรง ความตา้ นทาน ดงั นน้ั แรงความพยายามจะอย่ใู กล้จดุ หมุนมากกวา่ แรงความตา้ นทาน (E) โมเมนต์ของแรง การทางานของคานจะทาให้เกิดโมเมนต์ของแรง ( Moment of force ) กล่าวคือเม่ือเรา ทางานโดยใชค้ าน เช่น เม่อื เรากาลังคีบนา้ แข็งจะมโี มเมนต์ของแรงเกดิ ขึน้ โมเมนต์ของแรง หมายถงึ ปรมิ าณทีแ่ สดงแนวโน้มของแรงท่ีจะหมุนวัตถุที่ถูกแรงน้ันกระทามี ค่าเท่ากับผลคูณของระยะทางจากแนวแรงตั้งฉากกับจุดหมุน หรือจุดท่ีคิดค่าโมเมนต์ถึงจุดท่ีแรง กระทา โมเมนตข์ องแรง = แรง x ระยะจากแนวแรงตงั้ ฉากกับจุดหมนุ โมเมนตข์ องแรงสามารถแบง่ ตามทิศของการหมุนได้ 2 ชนดิ ดงั นี้ 1.โมเมนต์ตามเข็มนาฬกิ า เกดิ แรงพยายามทาใหค้ านหมุนรอบจุดหมุนในทศิ ตามเข็มนาฬิกา 2.โมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกา เกิดแรงพยายามท่ีทาให้คานหมุนรอบจุดหมุนในทิศทวนเข็ม นาฬกิ า ภาวะสมดลุ ของคาน สภาวะที่คานอยู่ในแนวสมดุลหรือขนานกับพ้ืนนั้นเราเรียกว่า ภาวะคานสมดุล และเมื่อคาน อยู่ในสภาวะสมดุล ผลรวมของโมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกา จะเท่ากับ ผลรวมของโมเมนต์ตามเข็ม นาฬิกา เมือ่ คานสมดุล ผลรวมของโมเมนต์ทวนเขม็ นาฬกิ า = ผลรวมของโมเมนต์ตามเขม็ นาฬกิ า

13 ตัวอย่างการคานวณเกย่ี วกับโมเมนต์ของแรง โจทย์ กล่องหนกั 60 กิโลกรัม วางบนไม้กระดานหกห่างจากจุดหมนุ 1.50 เมตรจะตอ้ งใหเ้ ดก็ นา้ หนกั 40 กโิ ลกรัม นงั่ ห่างจากจุดหมุนเทา่ ไร ไมก้ ระดานจึงจะอยู่ในภาวะสมดุล วธิ ีทา โจทย์กาหนดให้ W = 60 กโิ ลกรมั E = 40 กโิ ลกรัม L1 = 1.5 เมตร L2 = X เมตร สมมตุ ิใหร้ ะยะหา่ งทต่ี อ้ งการเป็น X จะได้ เม่อื คานสมดุล ผลรวมของโมเมนต์ทวนเข็มนาฬกิ า = ผลรวมของโมเมนตต์ ามเขม็ นาฬกิ า W x L1 = E x L2 60 x 1.5 = 40 x X X = 2.25

14 บทที่ 3 วสั ดุอปุ กรณ์และวธิ ีการดาเนินงาน การดาเนินโครงงานเรื่อง อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม มีจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้าเพื่อ ประดิษฐ์อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมเพ่ือช่วยผู้สูงอายุท่ีมีอาการอ่อนแรง โดยมีรายละเอียดวิธีการ ดาเนินงานวจิ ยั ดังน้ี วัสดุและอปุ กรณท์ ใ่ี ช้ 1.ลางเล่อื นล้ินชกั Hefele 1 ลาง 2.แหนบสแตนเลส 1 อนั 3.แผน่ สแตนเลส 60 x 60 cm x 4 mm 1 แผ่น 4.กรรไกรตัดเล็บ 1 อนั วิธดี าเนินการศกึ ษาทดลอง การทดลองข้ันตอนท่ี 1 เพื่อออกแบบและสร้างอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมรูปแบบท่ี 1 และ ปรับปรุงพฒั นาเป็นรูปแบบที่ 2 1) การออกแบบ 15 cm 2.5 cm 1.4 cm ภาพท่ี 3.1 แบบร่างอุปกรณ์ช่วยกลดั กระดุม รปู แบบท่ี 1

15 15 cm 2.5 cm 1.4 cm ภาพท่ี 3.2 แบบร่างอุปกรณ์ช่วยกลดั กระดุม รูปแบบท่ี 2 ภาพที่ 3.3 รายละเอียดของอุปกรณ์ช่วยกลดั กระดุม รายละเอยี ดของอปุ กรณ์ช่วยกลัดกระดมุ 1. รางเลื่อน 2. รางลกู ปืน 3. ลูกปนื 4. ลกู เลือ่ น 5. คมี คีบกระดุม 6. ตวั จบั 7. ฝาปดิ ดา้ นบน

16 การทดลองข้ันตอนที่ 2 เพื่อศึกษาชนิดของกระดุมที่มีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัด กระดมุ 2.1 เตรียมเสื้อพร้อมกระดมุ ท่ีทาจากพลาสตกิ ผ้า ไม้และโลหะ โดยเลอื กกระดมุ ทรงกลม ใหม้ ขี นาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 1 เซนติเมตร 2.2 ทาการทดลองใช้อุปกรณ์ช่วยกลัดดกระดุม โดยเริ่มกลัดกระดุมแต่ละชนิด ทาซ้าอย่าง ละ 3 คร้งั 2.3 บนั ทกึ ผลการทดลองใชอ้ ุปกรณช์ ่วยกลดั กระดุมลงในตารางบนั ทึกผลการทดลอง การทดลองข้ันตอนที่ 3 เพ่ือศึกษาขนาดของกระดุมที่มีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัด กระดมุ 3.1 เตรียมเส้ือพร้อมกระดุมท่ีทาจากผ้าโดยเลือกกระดุมทรงกลมให้มีขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลางตง้ั แต่ 0.5 – 3 เซนตเิ มตร 3.2 ทาการทดลองใช้อุปกรณ์ช่วยกลัดดกระดุม โดยเร่ิมกลัดกระดุมแต่ละขนาดและ ทาซ้า อย่างละ 3 ครัง้ 3.3 บันทึกผลการทดลองใชอ้ ปุ กรณช์ ่วยกลดั กระดมุ ลงในตารางบันทึกผลการทดลอง การทดลองข้ันตอนที่ 4 เพอื่ ศึกษาความพึงพอใจของผ้ใู ชง้ านท่ีมตี อ่ อุปกรณช์ ว่ ยกลัดกระดมุ 4.1 ทาการคัดเลือกกลุ่มประชากรโดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) ซ่ึงคือ ประชาชนในจังหวัดลาปาง ที่เป็นผู้พิการทาง แขน มือ ข้างใดข้างหน่ึง ผู้ท่ีเกิด อุบัติเหตุที่เกี่ยวกับกระดูกทางแขน มือ ข้างใดข้างหน่ึงที่อยู่ในขณะรักษาตัวอยู่ท่ีบ้านท่ีไม่สามารถ เคลื่อนไหวได้ และผสู้ ูงอายุ จานวน 10 คน 4.2 ใช้เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัด กระดมุ เป็นมาตราส่วนประมาณคา่ 5 ระดบั โดยใหผ้ ตู้ อบเลือกขอ้ ความท่ีตรงกับความคิดเหน็ ของตน มากทีส่ ุดเพียงหน่ึงข้อ ข้อคาถามทงั้ หมดมี 8 ขอ้ เกณฑใ์ นการพิจารณาใหค้ ะแนนการตอบแบบสอบถาม ระดบั คะแนน แปรผล 5 ดีมาก 4 ดี 3 ปานกลาง 2 พอใช้ 1 ควรปรับปรงุ

17 การคิดคะแนนของผู้ตอบแบบสอบถาม มีดังน้ีคือเมื่อได้แบบสอบถามแต่ละฉบับ ก็จะรวม คะแนนในแต่ละด้าน แล้วจึงทาการวิเคราะห์ผลโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป คะแนนเฉล่ียท่ีได้จะอยู่ ระหวา่ ง 1 – 5 และได้ระดบั ของคะแนนในการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจในการใชง้ านอุปกรณ์ ชว่ ยกลดั กระดุม ดังน้ี คะแนน 4.50 – 5.00 หมายถึง มีความพึงพอใจอยใู่ นระดบั ดมี าก คะแนน 3.50 – 4.49 หมายถงึ มีความพงึ พอใจอยใู่ นระดับ ดี คะแนน 2.50 – 3.49 หมายถึง มคี วามพึงพอใจอยูใ่ นระดับ ปานกลาง คะแนน 1.50 – 2.49 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจอยใู่ นระดับ นอ้ ย คะแนน 1.00 – 1.49 หมายถึง มีความพงึ พอใจอยู่ในระดบั ควรปรับปรุง

18 บทที่4 ผลการศกึ ษาค้นคว้า การดาเนินโครงงานเร่ือง อปุ กรณ์ช่วยกลดั กระดุม มจี ดุ มุ่งหมายของการศกึ ษาคน้ ควา้ ซึ่งแบ่ง ออกเป็น 4 ตอนดังน้ี 1 เพอื่ ออกแบบและสร้างอุปกรณช์ ่วยกลัดกระดุม 1 เพื่อศกึ ษาชนดิ ของกระดุมท่ีมีผลตอ่ การใช้งานอุปกรณช์ ว่ ยกลัดกระดมุ 2 เพอ่ื ศกึ ษาขนาดของกระดุมท่ีมผี ลต่อการใชง้ านอปุ กรณ์ช่วยกลดั กระดมุ 3 เพ่ือศกึ ษาความพงึ พอใจของผูใ้ ชง้ านทมี่ ีต่ออปุ กรณช์ ่วยกลัดกระดุม ตอนที่ 1 ออกแบบและสรา้ งอปุ กรณช์ ่วยกลัดกระดุม ภาพที่ 4.1 อุปกรณช์ ่วยกลดั กระดุมแบบมเี ข้ยี ว ผลการออกแบบอุปกรณ์ชว่ ยกลัดกระดุมท้ัง 2 แบบ คือ แบบไมม่ ีเขย้ี วกบั แบบมีเขี้ยว ผลการ ใชง้ านพบวา่ อุปกรณช์ ว่ ยกลัดกระดุมแบบมเี ข้ียวสามารถใชง้ านในการกลดั กระดุมได้ดกี วา่ แบบท่ไี ม่มี เขย้ี ว

19 ตอนท่ี 2 ศกึ ษาชนดิ ของกระดุมที่มีผลต่อการใชง้ านอปุ กรณช์ ว่ ยกลัดกระดุม ชนดิ ของกระดมุ ผลการใช้อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดมุ หมายเหตุ กระดมุ พลาสตกิ กระดุมพลาสติกแบบมีขอบอุปกรณ์สามารถยดึ เกาะได้ ยกเว้นกระดุมพลาสติก แบบกลมเกลย้ี ง กระดุมผา้ สามารถยึดเกาะกระดุมไดด้ ี ใช้งานงา่ ย - กระดมุ ไม้ ตอ้ งออกแรงในการยดึ เกาะมากกว่ากระดุมผา้ - กระดุมโลหะ กระดมุ ลนื่ ไมส่ ามารถยึดเกาะได้ - ผลการศึกษาชนดิ ของกระดุมที่มีผลการใชง้ านอปุ กรณช์ ว่ ยกลดั กระดมุ โดยศกึ ษากระดมุ ทที่ า จากพลาสตกิ ผ้า ไม้และโลหะ พบวา่ อปุ กรณ์ชว่ ยกลดั กระดุมสามารถยึดเกาะกบั กระดุมที่ทาจากผ้า ได้ดีกวา่ กระดุมชนดิ อ่นื กระดุมทีท่ าจากไม้ โลหะและพลาสตกิ ไม่สามารถใชง้ านกบั อุปกรณช์ ่วยกลดั กระดมุ ได้ ตอนท่ี 3 ศกึ ษาขนาดของกระดมุ ที่มีผลต่อการใชง้ านอุปกรณช์ ่วยกลัดกระดุม ขนาดเสน้ ผา่ น ผลการใชอ้ ุปกรณช์ ่วยกลัดกระดุม หมายเหตุ ศนู ย์กลางของกระดุม ยากต่อการใชง้ าน ยึดจบั ไดย้ ากเพราะลนื่ - (เซนตเิ มตร) สามารถใชง้ านได้ดี ยึดเกาะงา่ ย - นอ้ ยกวา่ 1เซนตเิ มตร สามารถใช้งานได้ดี แต่ต้องออกแรงมากกว่า กระดมุ ทีม่ ี - ขนาด 1 เซนตเิ มตร 1 เซนตเิ มตร 2 เซนติเมตรขึ้นไป ผลการศึกษาขนาดของกระดุมที่มีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม โดยใช้กระดุม ทงั้ หมด 3 ขนาด ไดแ้ ก่ กระดุมท่ีมขี นาดเสน้ ผ่านศูนย์กลางนอ้ ยกว่า 1 เซนตเิ มตร ขนาด 1 เซนติเมตร และขนาดใหญ่กว่า 2 เซนติเมตร พบว่าอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมสามารถใช้งานกับกระดุมที่มีขนาด เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 1-2 เซนตเิ มตรได้ดกี ว่าขนาดอ่นื

20 ตอนท่ี 4 ศกึ ษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มตี อ่ อุปกรณ์ชว่ ยกลัดกระดุม ระดบั ความพึงพอใจของผใู้ ช้อุปกรณช์ ่วยกลดั กระดุม รายการประเมนิ ค่าเฉล่ยี สว่ นเบีย่ งเบน แปรผล มาตรฐาน 1.ดา้ นโครงสร้างทวั่ ไป 1.1 ขนาดน้าหนกั มีความเหมาะสม 4.34 0.79 มาก 1.2 มีความมนั่ คงแข็งแรง 4.36 0.79 มาก 2.ด้านการออกแบบ 2.1 เลอื กใช้วสั ดุมีความเหมาะสม 4.37 0.78 มาก 2.2 รปู ร่างมคี วามเหมาะสมกบั การใช้ 4.33 0.82 มาก 3.ดา้ นการใชง้ าน 3.1 ใชง้ านไดง้ ่าย 4.34 0.82 มาก 3.2 ดแู ลรกั ษาง่าย 4.44 0.74 มาก 3.3 ใช้งานไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ 4.66 0.47 มากท่สี ุด 3.4 มีความปลอดภัยในการใช้งาน 4.72 0.45 มากท่สี ุด จากตารางผลการทดลองตอนท่ี 4 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตราฐานความพึงพอใจ ของผู้ใช้งานที่มีต่ออุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมซ่ึงแบ่งผลการประเมินออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านโครงสร้างทั่วไป ด้านการออกแบบ และ ด้านการใช้งาน โดยภาพรวมพบว่าความพึงพอใจของ ผ้ใู ชง้ านทมี่ ีต่ออปุ กรณช์ ว่ ยกลัดกระดมุ โดยเฉลี่ยอยใู่ นระดบั มาก ขึ้นไปทง้ั 3 ดา้ นและดา้ นท่มี ีค่าเฉล่ีย สูงสูดคือ ด้านการใช้งาน ได้แก่ ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.66 ค่าเบ่ียงเบน มาตรฐาน 0.47 รองลงมาคือมีความปลอดภัยในการใช้งาน มีค่าเฉล่ีย 0.72 มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.45

21 บทที่ 5 สรุปและอภิปรายผลการศกึ ษาค้นคว้า การดาเนินโครงงานวิทยาศาสตร์เร่ือง อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม มีจุดมุ่งหมายของการศึกษา ค้นคว้าเพ่ือออกแบบและสร้างอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ศึกษาชนิดของกระดุมท่ีมีผลต่อการใช้งาน อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ศึกษาขนาดของกระดุมท่ีมีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมและ ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่ออุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม โดยผู้จัดทาได้สรุป อภิปรายผลและ ข้อเสนอแนะดงั นี้ สรปุ ผลการศึกษาค้นคว้า จากการศกึ ษาทดลอง 4 ขน้ั ตอน สรปุ ผลการทดลองได้ดังนี้ ตอนที่ 1 ออกแบบและสร้างอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ผลการออกแบบอุปกรณ์ช่วยกลัด กระดุมทัง้ 2 แบบ คอื แบบไมม่ เี ข้ยี วกับแบบมเี ขย้ี ว ผลการใช้งานพบวา่ อุปกรณช์ ว่ ยกลัดกระดมุ แบบ มเี ขย้ี วสามารถใชง้ านในการกลดั กระดมุ ได้ดีกว่าแบบทไี่ มม่ เี ขยี้ ว ตอนที่ 2 ศึกษาชนิดของกระดุมท่ีมีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ผลการศึกษา ชนิดของกระดุมที่มีผลการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม โดยศึกษากระดุมท่ีทาจากพลาสติก ผ้า ไม้ และโลหะ พบว่าอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมสามารถยึดเกาะกับกระดุมที่ทาจากผ้าได้ดีกว่ากระดุมชนิด อ่ืน กระดมุ ทที่ าจากไม้ โลหะและพลาสตกิ ไมส่ ามารถใช้งานกบั อุปกรณช์ ว่ ยกลัดกระดมุ ได้ ตอนท่ี 3 ศึกษาขนาดของกระดุมท่ีมีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ผลการศึกษา ขนาดของกระดุมท่ีมีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม โดยใช้กระดุมท้ังหมด 3 ขนาด ได้แก่ กระดุมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 1 เซนติเมตร ขนาด 1 เซนติเมตรและขนาดใหญ่กว่า 2 เซนติเมตร พบว่าอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมสามารถใช้งานกับกระดุมท่ีมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 เซนตเิ มตรได้ดกี ว่าขนาดอืน่ ตอนที่ 4 ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานท่ีมีต่ออุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม จากตารางการ แสดงค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตราฐานความพึงพอใจของผู้ใช้งานท่ีมีต่ออุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ซงึ่ แบง่ ผลการประเมนิ ออกเป็น 3 ดา้ น ได้แก่ ดา้ นโครงสรา้ งทัว่ ไป ดา้ นการออกแบบ และ ดา้ นการใช้ งาน โดยภาพรวมพบวา่ ความพึงพอใจของผู้ใช้งานท่ีมีต่ออปุ กรณ์ช่วยกลัดกระดุมโดยเฉลย่ี อยู่ในระดับ มาก ขน้ึ ไปท้ัง 3 ด้านและด้านท่ีมคี ่าเฉลยี่ สงู สดู คอื ด้านการใชง้ าน ได้แก่ ใช้งานได้ตามวตั ถุประสงค์ มี ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.66 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.47 รองลงมาคือมีความปลอดภัยในการใช้งาน มี คา่ เฉลีย่ 0.72 มคี ่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.45

22 อภปิ รายผลการศกึ ษาค้นควา้ จากสรุปผลการศกึ ษาคน้ ควา้ สามารถอภปิ รายไดด้ ังน้ี จากการศึกษาพบว่าการออกแบบอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมในครั้งแรกมีปัญหาในส่วนปลาย ของตัวจับ เนื่องจากตัวอุปกรณ์ที่ใช้ยึดจับเป็นแหนบปลายเกล้ียง จึงทาให้ยึดกับกระดุมได้ค่อนข้าง ยาก ดงั น้ันจึงพัฒนาอปุ กรณช์ ่วยกลดั กระดมุ แบบที่ 2 โดยการเพ่มิ เขีย้ วที่ปลายของแหนบเพอื่ เป็นการ เพ่ิมการยึดเกาะกับกระดุม ในส่วนของการทดสอบกระดุมพบว่า อุปกรณ์สามารถใช้งานได้ดีกับ กระดุมทาจากผ้ามากกว่า เพราะวัตถุท้ังสองมีแรงเสียดทานต่อกันมากกว่ากระดุมพลาสติก ไม้และ โลหะ ขณะท่ีความเหมาะสมของขนาดกระดุมที่ใช้คือ อยู่ระหว่างเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร แต่อยา่ งไรกต็ ามความยากงา่ ยของการใชง้ านอุปกรณ์ยังขนึ้ กบั ความกลา้ งของรังดุมอีกดว้ ย ขอ้ เสนอแนะ ในการศกึ ษาค้นควา้ ครัง้ นี้ผจู้ ักทามีขอ้ เสนอแนะดงั นี้ 1) ควรปรับปรุงลักษณะโครงสร้างให้มีขนาดเล็กลง เพ่ือความกะทัดรัดในการใช้งานและ การเก็บรกั ษา 2) ควรเลือกใช้วัสดชุ นดิ อืน่ ๆ ที่ไม่ใช่โลหะเพื่อป้องกันการเกิดบาดแผลขณะใชง้ าน 3) ควรทาบรรจภุ ัณฑ์ เพอ่ื เหมาะแกก่ ารจาหน่าย

23 เอกสารอ้างองิ “กลัดกระดุม” (ออนไลน)์ . เข้าถึงไดจ้ าก : http://dictionary.sanook.com/search/ สืบคน้ 17 ตุลาคม 2560. ประทปี ระงับทุกข.์ งานเชือ่ มโลหะ 1. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พ์เอมพันธ์, 2548. วกิ พิ เี ดียสารานุกรม. “กระดุม” (ออนไลน)์ . เข้าถงึ ได้จาก : https://th.wikipedia.org/ สบื คน้ 30 ตลุ าคม 2560. สมาคมคนพิการทางการเคล่อื นไหวสากล.“ประเภทของผพู้ ิการ” (ออนไลน)์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.apdi2002.com/ สืบค้น 30 ตุลาคม 2560.

ภาคผนวก

ตัวอย่างแบบสอบความพึงพอใจของผใู้ ช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งาน โครงงานวิทยาศาสตร์ เร่ือง อุปกรณ์ช่วยกลดั กระดุม ตอนท่ี 1 ข้อมลู ท่วั ไป คาชี้แจง โปรดใสเ่ คร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องตามความจรงิ ท่ีมีประโยชน์อย่างยง่ิ ต่อการดาเนินโครงงาน วทิ ยาศาสตร์ เพศ ชาย หญงิ อายุ ตา่ กว่า 20 ปี 21 – 30 ปี 31 – 40 ปี 41 – 50 ปี 51 - 60 ปี สถานะภาพ นักศึกษาระดบั ปวช. นักศึกษาระดบั ปวส. ครู เจา้ หนา้ ที่ อื่นๆระบ.ุ .................... ตอนท่ี 2 ประเมินความพงึ พอใจของผ้ใู ช้งานที่มีต่ออปุ กรณช์ ว่ ยกลัดกระดมุ คาชี้แจง โปรดใสเ่ ครื่องหมาย ✓ ลงในช่องความคดิ เหน็ ของท่านท่ีมีต่อเกณฑ์การประเมนิ ทม่ี ีตอ่ อปุ กรณ์ชว่ ยกลดั กระดมุ โดยมีระดับการยอมรับ ดังน้ี ระดบั 5 หมายถึง มากทีส่ ดุ ระดบั 4 หมายถงึ มาก ระดบั 3 หมายถึง ปานกลาง ระดับ 2 หมายถงึ น้อย ระดบั 1 หมายถึง น้อยที่สดุ ระดบั ความพงึ พอใจของผู้ใช้งานอุปกรณช์ ่วยกลดั กระดมุ รายการประเมนิ มากท่สี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทส่ี ดุ 5 4 321 1.ด้านโครงสรา้ งทัว่ ไป 3.1 ขนาดนา้ หนักมีความเหมาะสม 1.2 มคี วามม่นั คงแขง็ แรง 2.ดา้ นการออกแบบ 2.1 เลือกใช้วสั ดมุ ีความเหมาะสม 2.2 รปู ร่างมีความเหมาะสมกบั การใช้ 3.ดา้ นการใชง้ าน 3.1 ใชง้ านได้งา่ ย 3.2 ดแู ลรกั ษาง่าย 3.3 ใชง้ านไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์ 3.4 มคี วามปลอดภัยในการใชง้ าน ข้อเสนอแนะ ....................................................................................................................................................................................... คณะผจู้ ัดทา วทิ ยาลยั เทคนิคลาปาง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook