Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

06

Published by Chalermpon Laothiang, 2021-02-20 03:29:46

Description: 06

Search

Read the Text Version

1 กลมุ สาระการเรยี นรูส ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ ๒ ตาํ แหนง ครู วทิ ยฐานะครชู ํานาญการพิเศษ โรงเรียนมธั ยมศึกษาเทศบาลเมอื งปทมุ ธานี เทศบาลเมืองปทุมธานี อําเภอเมืองปทุมธานี จงั หวดั ปทมุ ธานี

ก รูปแบบการจัดการเรียนรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคําสอนของพระพุทธเจา เพื่อสงเสริมทักษะ การเรียนรูแบบ Active learning กลุมสาระการเรียนรสู ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศึกษา ปที่ ๒ เน้ือหาเลมน้ีสอดคลองกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เพ่ือเสริมสรางความรูและความเขาใจประวัติ ความสําคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ ถกู ตอ ง ยึดมนั่ และปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรมเพอื่ อยรู ว มกนั อยางสนั ตสิ ขุ รูปแบบการจัดการเรียนรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคําสอนของพระพุทธเจา เพื่อสงเสริม ทักษะการเรียนรูแบบ Active learning กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒ เลมที่ ๖ เรื่อง วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธี จัดทําเพื่อให นักเรียนสามารถบอกหลักธรรมสําคัญ ระเบียบพิธีและการปฏิบัติตนในวันสําคัญทางพระพุทธ ศาสนาได ปฏิบัติตนและวิเคราะหผลท่ีไดจากการประกอบพิธีกรรมในศาสนพิธีได วิเคราะห หลักธรรมวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาท่ีมีตอการดําเนินชีวิตของพุทธศาสนิกชนได ตระหนักและ เห็นคุณคาการปฏิบัติตนจากหลักธรรมวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและนําไปประยุกตใชเปน แบบอยางการปฏบิ ตั ติ นในชวี ิตประจาํ วนั ได ขอขอบพระคุณผูเช่ียวชาญทกุ ทานที่ใหคาํ ปรึกษา แนะนําในการจัดทํารปู แบบการจัดการเรียนรู พระพุทธศาสนา ตามแนวคําสอนของพระพุทธเจา เพื่อสงเสริมทักษะการเรียนรูแบบ Active learning กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี ๒ ชุดนี้จน สําเร็จสามารถ นําไปใชพัฒนาใหคงอยูตอไป หวงั เปนอยา งย่งิ วารูปแบบการจัดการเรียนรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคาํ สอนของพระพุทธเจา เพื่อสงเสริมทักษะการเรียนรูแบบ Active learning กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒ ชุดนี้จะเปนประโยชนตอการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของ ครู ชวยพัฒนานักเรียนและเยาวชนทุกคนใหเปนศาสนิกชนที่ดี และธํารงรักษาพระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนับถือสืบไป นางอมรรัตน ภูมิประหมัน

ข เร่ือง หนา คํานํา ก สารบญั ข คาํ ชีแ้ จง ค มาตรฐานและตวั ช้วี ดั ง จุดประสงคการเรียนรู ๑ แบบทดสอบกอนเรยี น ๒ ใบความรทู ่ี ๑ เรอ่ื ง ศาสนพธิ ี ๔ ใบกิจกรรมท่ี ๑ เรือ่ ง การปฏบิ ัตติ นท่เี หมาะสมในศาสนพิธี ๑๔ ใบความรูท่ี ๒ เรอื่ ง วันสําคญั ทางพระพุทธศาสนา ๑๖ ใบกิจกรรมที่ ๒ เร่อื ง หลักธรรมเบ้ืองตนวนั สาํ คญั ทางพระพทุ ธศาสนา ๒๑ ใบความรทู ่ี ๓ เรื่อง ระเบียบพิธแี ละการปฏบิ ตั ิตนในวันสาํ คญั ทางพระพุทธศาสนา ๒๓ ใบกิจกรรมท่ี ๓ เรื่อง ระเบียบพธิ แี ละการปฏบิ ตั ติ นในวนั สาํ คญั ทางพระพุทธศาสนา ๒๘ ใบความรทู ี่ ๔ เรอ่ื ง ปฏิบัติศาสนพิธีและพิธีกรรมตามแนวปฏบิ ตั ิของศาสนาอืน่ ๒๙ ใบกิจกรรมที่ ๔ เรือ่ ง ปฏิบัตศิ าสนพิธแี ละพิธีกรรมตามแนวปฏบิ ัตขิ องศาสนาอืน่ ๓๓ แบบทดสอบหลังเรยี น ๓๔ ภาคผนวก ๓๖ เฉลยแบบทดสอบกอ นเรียน ๓๗ เฉลยใบกจิ กรรมที่ ๑ เรื่อง การปฏบิ ัติตนที่เหมาะสมในศาสนพิธี ๓๘ เฉลยใบกจิ กรรมที่ ๒ เร่อื ง หลักธรรมเบื้องตนวนั สาํ คัญทางพระพุทธศาสนา ๔๐ เฉลยใบกิจกรรมท่ี ๓ เรอื่ ง ระเบยี บพิธีและการปฏบิ ัติตนในวนั สําคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ๔๒ เฉลยใบกิจกรรมที่ ๔ เรื่อง ปฏบิ ตั ศิ าสนพิธีและพธิ กี รรมตามแนวปฏบิ ตั ขิ องศาสนาอ่นื ๔๓ เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ๔๔ บรรณานุกรม ๔๕

ค รปู แบบการจดั การเรยี นรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคาํ สอนของพระพุทธเจา เพ่ือสง เสริมทกั ษะการ เรียนรูแบบ Active learning กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษา ปที่ ๒ พัฒนาขึ้นมาเพ่ือเปนแหลงเรียนรูของนักเรียนเขาใจ เรื่อง วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและ ศาสนพิธี รูปแบบการจัดการเรียนรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคําสอนของพระพุทธเจา เพ่ือสงเสริมทักษะ การเรียนรูแบบ Active learning กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้ันมัธยม ศกึ ษาปท ่ี ๒ มที ั้งหมด ๗ เลม ดังนี้ เลมท่ี ๑ เรอ่ื ง พระพทุ ธศาสนาในประเทศเพอื่ นบาน เลม ที่ ๒ เรอ่ื ง พุทธประวัติ พุทธสาวก และชาดก เลม ท่ี ๓ เรือ่ ง หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา เลมท่ี ๔ เรื่อง พระไตรปฎ กและพุทธศาสนสภุ าษิต เลม ที่ ๕ เรอ่ื ง หนาท่ชี าวพุทธและมารยาทชาวพุทธ เลมท่ี ๖ เร่อื ง วันสาํ คญั ทางพระพุทธศาสนาและศาสนพธิ ี เลมท่ี ๗ เร่อื ง การบรหิ ารจิตและการเจรญิ ปญ ญา เพ่ือใหบรรลุจุดประสงคของรูปแบบการจัดการเรียนรูพระพุทธศาสนา ตามแนวคาํ สอนของ พระพุทธเจา เพ่ือสงเสรมิ ทักษะการเรียนรแู บบ Active learning กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี ๒ เลมท่ี ๖ เร่ือง วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธี มขี อ เสนอแนะใหนกั เรียนปฏิบตั ติ ามขั้นตอน ดังนี้ ๑. ศกึ ษาทําความเขา ใจจดุ ประสงคของรูปแบบการจัดการเรยี นรู ๒. ทําแบบทดสอบกอนเรียนจํานวน ๑๐ ขอ กอนศึกษาเนื้อหาในเลม เพื่อตรวจความรู พ้ืนฐาน ๓. นกั เรียนศกึ ษาใบความรูแ ละทาํ ใบงานที่กําหนดให ๔. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน พรอมกับตรวจคําตอบจากเฉลยเพ่ือจะไดทราบ วาตนเองมีการพัฒนาดา นความรูเพม่ิ เตมิ เพียงใด

ง สาระท่ี ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๒ เขา ใจ ตระหนกั และปฏิบตั ติ นเปน ศาสนิกชนที่ดี และธํารงรักษาพระพุทธศาสนา หรือศาสนาทตี่ นนับถอื ตัวช้ีวดั ส ๑.๒ ม.๒/๓ วเิ คราะหคณุ คา ของศาสนพิธี และปฏิบัตติ นไดถ กู ตอ ง ส ๑.๒ ม.๒/๔ อธิบายคําสอนทเ่ี ก่ียวเนอ่ื งกับวันสาํ คัญทางศาสนาและปฏบิ ัติตนไดถ กู ตอง ส ๑.๒ ม.๒/๕ อธิบายความแตกตางของศาสนพิธพี ธิ ีกรรม ตามแนวปฏิบัติของศาสนาอื่น ๆ เพ่อื นําไปสูก ารยอมรบั และความเขา ใจซ่ึงกนั และกนั สาระสาํ คัญ สังคมไทยประกอบดว ยผูทีน่ ับถือศาสนาตางๆ กัน ศาสนาทกุ ศาสนามีพิธีกรรมท่ีดีงามท่พี ึง ปฏิบัติในทางศาสนา การเรียนรูถึงคณุ คา และปฏบิ ัติตนไดอยางถูกตองตามศาสนพิธีของแตละศาสนา และเปน หนา ท่ขี องทุกคนท่ีพึงปฏิบตั เิ พ่อื เปนการสืบทอดศาสนาตอไป และกอใหเกิดความสัมพันธอัน ดีระหวา งผูนบั ถือศาสนาเดยี วกนั และตา งศาสนากนั

๑ เมื่อศึกษารปู แบบการจัดการเรียนรพู ระพุทธศาสนา ตามแนวคาํ สอนของพระพทุ ธเจา เพอ่ื สง เสริมทกั ษะการเรียนรูแ บบ Active learning กลมุ สาระการเรยี นรสู งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี ๒ เลมที่ ๖ เรือ่ ง วนั สาํ คัญทางพระพทุ ธศาสนาและศาสนพธิ ี นักเรยี นสามารถแสดงพฤตกิ รรมดงั ตอ ไปนี้ ดานความรู (K) ๑. นักเรยี นบอกหลักธรรมสาํ คญั ในวันสําคัญทางพระพทุ ธศาสนาได ๒. นกั เรยี นบอกหลักธรรมสาํ คัญ ระเบียบพิธีและการปฏบิ ตั ติ นในวันสาํ คัญทาง พระพทุ ธศาสนาได ๓. นกั เรยี นปฏบิ ัติตนและวิเคราะหผ ลที่ไดจ ากการประกอบพิธีกรรมในศาสนพิธีได ๔. นักเรยี นบอกศาสนพธิ ีและพิธกี รรมตามแนวปฏิบัติของศาสนาอ่ืนได ๕. ตระหนักและเห็นคุณคาการปฏบิ ตั ติ นจากหลักธรรมวนั สําคัญทาง พระพุทธศาสนาและนาํ ไปประยุกตใชเ ปน แบบอยางการปฏิบตั ติ นในชีวติ ประจําวนั ได ดา นทกั ษะ (P) ๑. นกั เรียนมคี วามสามารถในการแกปญ หา ๒. นักเรยี นมีความสามารถในการใหเหตุผล ๓. นักเรยี นมคี วามสามารถในการสอื่ สาร สอ่ื ความหมาย ดานคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค (A) ๑. นกั เรยี นมีความซอ่ื สตั ยส ุจรติ ๒. นักเรียนมีการใฝเ รยี นรู ๓. นักเรยี นมีความมงุ มนั่ ในการทํางาน

๒ แบบทดสอบกอนเรียน เลม ที่ ๖ เร่อื ง วันสําคญั ทางพระพุทธศาสนาและศาสนพธิ ี คาํ ชีแ้ จง ใหนกั เรยี นทําเครอ่ื งหมาย  ลงบนหนาขอ ท่ีถกู ตองมากที่สุด ๑. พระพทุ ธเจาทรงแสดงธรรมเทศนา “โอวาทปาฏโิ มกข” ในวนั ใด ก. วนั วิสาขบูชา ข. วนั มาฆบชู า ค. วันเขา พรรษา ง. วนั ออกพรรษา ๒. วนั มาฆบูชาตรงกบั วนั ใด ก. ขน้ึ ๑๕ คา่ํ เดอื น ๓ ข. แรม ๑๕ ค่ํา เดอื น ๓ ค. ขึน้ ๑๕ คํ่า เดอื น ๖ ง. แรม ๑๕ ค่ํา เดอื น ๖ ๓. หลักธรรมทเ่ี กีย่ วเนอ่ื งในวันมาฆบูชา คืออะไร ก. เทศนา ๔ ข. อรยิ สจั ๔ ค. อิทธบิ าท ๔ ง. ฆราวาสธรรม ๔. ขอใดคอื ความสําคญั ของวนั อาสาฬหบูชา ก. เปนวนั สาํ คัญสากลของโลก ข. วนั ที่เกดิ เหตุการณจ าตุรงคสันนิบาต ค. วนั ท่ีพระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาติโมกข ง. วันทพี่ ระพุทธเจา แสดงปฐมเทศนาแกปญ จวัคคีย ๕. หลกั ธรรมทีเ่ กยี่ วเนอ่ื งในวันวสิ าขบูชา คืออะไร ก. อริยสจั ๔ ข. อทิ ธบิ าท ๔ ค. ฆราวาสธรรม ง. ทศพิธราชธรรม

๓ ๖. เพราเหตุใด เราจึงเรียกวนั มาฆบูชาวา “วันพระธรรม” ก. เกย่ี วของกบั ไตรสกิ ขา ข. เกี่ยวของกบั การแสดงปฐมเทศนา ค. เกย่ี วของกบั พิธกี รรมทางพระพทุ ธศาสนา ง. เกี่ยวของกับหลักคาํ สอนของพระพทุ ธศาสนา ๗. วนั ธรรมสวนะในปจจุบันชาวพุทธนิยมเรียกวาวนั อะไร ก. วันอัฏฐมบี ชู า ข. วนั เทโวโรหณะ ค. วนั พระหรอื วันอโุ บสถ ง. วนั สาํ คญั ทางศาสนา ๘. บคุ คลใดตอไปนี้ปฏบิ ัตติ น ไมถ กู ตอ งในวนั ขึน้ ๑๕ คํ่า เดือน ๓ ก. หมวยตนื่ มาตกั บาตรแตเ ชาตรู ข. ตี๋ไปถวายผาอาบนา้ํ ฝนแดพระสงฆทีว่ ดั ค. แดงชวนเพ่อื นๆ ไปเวยี นเทียนทว่ี ดั ตอนค่าํ ง. เหมียวไปฟงพระเทศนเร่อื งโอวาทปาฏิโมกข ๙. บคุ คลใดตอ ไปนี้ปฏิบัติตนไดถูกตองขณะกรวดนํ้า ก. พลใชกระโถนรองขณะกรวดนํา้ ข. พรนาํ น้ําท่ีกรวดแลว ไปเทในหอ งน้ํา ค. ไพรเริ่มกรวดน้าํ เม่ือพระสงฆส วด ยถา วาริวหา ง. พนาน่งั คยุ ขา วการเมอื งกับเพ่ือนขณะหลงั่ นาํ้ อุทศิ สว นกศุ ล ๑๐. ขอใดตอ ไปน้ไี มใชลกั ษณะสาํ คญั ของการทอดกฐนิ ก. วดั หนง่ึ จะรบั ผากฐนิ ไดปล ะ ๑ ครง้ั ข. การทอดกฐินสามารถทําไดต ลอดทัง้ ป ค. วดั ทไ่ี ดรับการทอดกฐินแลว จะมีธงรปู จระเขป ก ไวท ี่หนา วดั ง. การทอดกฐินจะตองนําผา กฐินไปวางหนาพระสงฆอยา งนอย ๕ รูป

๔ ใบความรทู ่ี ๑ เรื่อง ศาสนพธิ ี ศาสนพิธี ศาสนามีความสําคญั ตอวถิ ีการดาํ เนนิ ชีวติ ของมนุษย โดยเฉพาะ ในสงั คมไทยซึ่งมีพระพทุ ธศาสนาเปนเครอื่ งยึดเหนยี่ วจิตใจใหป ระพฤติ ปฏิบตั ชิ อบ และสื่อออกมาในลักษณะของศาสนพิธีที่ปฏิบัติอยางเปน แบบแผนสืบตอ กนั มา ทง้ั นพ้ี ุทธศาสนกิ ชนจะสามารถปฏิบตั ติ นใหถกู ตอ ง ตามศาสนพธิ ใี นพระพทุ ธศาสนาไดย อมอาศัยความเขาใจความหมายและ คุณคาของศาสนพธิ ีดวย ความหมายของศาสนพิธี ศาสนพิธี หมายถึง พิธีกรรมทางศาสนาหรือระเบียบแบบแผนตางๆ ท่ีดีงามท่ีพึงปฏิบัติในทาง ศาสนา ซึ่งเปรียบเสมือนเคร่ืองหอหุมศาสนาไวใหศาสนิกชนท่ัวไปไดเห็นและปฏิบัติอยางถูกตอง เปนการแสดงใหเห็นถึงความเจริญทางดา นจิตใจของผูนับถือพระพุทธศาสนา กอใหเกิดความศรัทธา ความเชือ่ ความเลือ่ มใส ตอพระพุทธศาสนามากขึ้น นอกจากน้ียังเปนเครือ่ งเชิดชูเกียรติและศักดิศ์ รี ของชาวพุทธ คณุ คาของศาสนพธิ ี พุทธศาสนิกชนควรตระหนกั ถึงคุณคา ของศาสนพธิ ี ดังตอไปน้ี ๑. ประโยชนท างใจ ชว ยใหเกิดคณุ ธรรมข้นึ ในตวั ผปู ฏิบตั ิไดแ ก ความมีสติ ความสามคั คี ความ เปน ระเบียบประณีตงดงาม เกิดความชุมช่นื เบกิ บานใจ และเกดิ ความฉลาด ๒. รักษาเอกลักษณของชาติท่ีไมมีชาติใดเหมือน เพราะศาสนพิธแี สดงถึงความเปนไทย ซงึ่ ไม เคยตกเปนทาสของชาติใด ทงั้ ยงั ปองกนั มิใหช าตถิ ูกลืมเลอื นไป ๓. ชว ยธํารงพระพุทธศาสนา ศาสนพิธีเปน ข้นั ตอนชกั จูงใหผูป ฏิบัตซิ าบซ้ึง เกิดความศรัทธาใน พระพทุ ธศาสนา มีใจมุงมนั่ ทจ่ี ะศกึ ษาแกนแทของพระพทุ ธศาสนาในขน้ั ลึกตอ ไป ศาสนพิธี เปนระเบียบแบบแผนที่พุทธศาสนิกชน ควรยึดถือปฏิบัติเปนแบบแผนเดียวกัน การเรียนรูและ ปฏบิ ตั ใิ หถ ูกตองตามศาสนพิธีที่สาํ คัญในพระพุทธศาสนา เพอื่ เปน การสืบตอ อายุพระพทุ ธศาสนา จึงเปนหนาที่ของ พทุ ธศาสนกิ ชนทด่ี ี

๕ การทาํ บญุ ตักบาตร การทาํ บุญตักบาตร เปน การทําบุญทีช่ าวพุทธท่วั ไปรจู กั และปฏิบัติมากกวาการทาํ บญุ ประเภท อื่นๆ การตักบาตรน้ันยงั ถือวาเปนการทําบุญประจาํ วนั ของชาวพุทธ และชาวไทยพุทธเชอ่ื วา การออก บิณฑบาตของ พระสงฆเ ปนการชวยโปรดสัตวใหไดรับสวนบุญ เหตุผลและคุณคาของการทําบุญตัก บาตรน้นั พอสรุปไดด ังน้ี ๑. เปนการส่ังสมบญุ ในแตล ะวัน เพราะการสง่ั สมบญุ เปน เหตุนําความสขุ มาให ๒. การเร่ิมตน วันใหมด วยการทาํ บญุ ทําใหจิตใจแจมใส และมกี ําลงั ใจท่เี ขมแขง็ ๓. เปน การชวยรกั ษาพุทธประเพณี และชวยสืบทอดพระพทุ ธศาสนา เพราะการบณิ ฑบาตถือ เปน ขอปฏบิ ตั ทิ ่ีพระพุทธเจาทรงวางไวใ หพระสงฆถือปฏิบตั สิ ืบตอ มาตัง้ แตค รั้งพทุ ธกาล เพือ่ เปนการ สงเคราะหช าวบา นเปดโอกาสใหพุทธศาสนิกชนไดทําบุญ ถวายทานสรางกุศลคุณงามความดีใหแ ก ตวั เอง พระสงฆเปนผสู ืบทอดพระพทุ ธศาสนาและศาสนพิธี ศกึ ษาปฏิบตั ิพระธรรมวนิ ัย แลวนํามาสั่ง สอนใหประชาชนไดร ับรสแหงพระธรรม พระสงฆดาํ รงชพี อยไู ดด ว ย ปจ จัยท่ีคฤหัสถจดั ถวาย ฉะนั้น ชาวพุทธควรทําบุญตกั บาตรเปนประจําทกุ วัน ภาพ : กิจกรรมการทําบญุ ตกั บาตรโรงเรยี นมธั ยมศึกษาเทศบาลเมอื งปทมุ ธานี ทมี่ า : นางอมรรตั น ภมู ิประหมนั การทําบญุ ตกั บาตร ๑. ตอ งเตรียมใจใหพรอ ม โดยรักษาเจตนาใหบริสุทธ์ิทั้ง ๓ ขณะ คือ ๑.๑ กอนถวาย ตง้ั ใจเสยี สละอยางแทจริง ๑.๒ ขณะถวาย ควรมใี จเสียสละอยา งแทจ รงิ ๑.๓ หลงั จากถวายแลว ตองยนิ ดใี นทานของตนเอง จิตใจเบิกบานเมอ่ื นึกถึงทานท่ีตน ไดถ วายไปแลว ๒. ผูรบั คือ พระภิกษุสามเณร เปน ผูสาํ รวมระวัง มีขอวตั รปฏบิ ัติทีด่ งี ามตามพระธรรมวนิ ัย ใฝศกึ ษา เลาเรยี นพระพุทธพจน แลวนํามาบอกกลา วสัง่ สอนได

๖ ๓. ส่งิ ของที่ถวาย อาจเปนภัตตาหาร เคร่ืองดื่ม เวชภณั ฑ ดอกไม หรอื ขา วของเครื่องใชอ่ืนๆ ท่ีจําเปน สาํ หรับพระสงฆ สิ่งของเหลา น้นั จะตอ งไดม าดว ยวธิ ีท่ีสุจรติ ไมเ บียดเบียนผอู น่ื ใหเดอื ดรอ น และตอ งเหมาะสม แกพระภกิ ษสุ ามเณรดว ย เมอ่ื องคประกอบ ๓ ส่ิงท่ีจะตองทํากอนตักบาตร คือ “การอธิษฐาน” กอนตกั บาตรควรอธิษฐาน ตามที่ตองการ จากนนั้ จึงถวายอาหารบิณฑบาตดว ยความเคารพ ไมสวมรองเทา หรอื ยนื สูงกวาพระสงฆ ถามีดอกไมธปู เทียนใหถวายหลังจากที่ถวายอาหารบิณฑบาตเสร็จแลว ควรทําความเคารพ พระสงฆ ดวยความนอบนอม หากพระสงฆใหพร ควรน่ังลงแลวประนมมือตั้งใจรับพรขณะรับพรควรตั้งจิต อธิษฐาน และอทุ ิศสวนกสุ ลใหแ กญาตมิ ิตร และผูม ีพระคณุ ดว ย ภาพ : กิจกรรมการทําบญุ ตักบาตรโรงเรยี นมัธยมศกึ ษาเทศบาลเมืองปทุมธานี ท่มี า : นางอมรรตั น ภูมิประหมัน การถวายภตั ตาหาร ภัตตาหาภร ตั ตาหาร หมายถึง อาหารสาํ หรับภกิ ษุสามเณรฉนั เชน ภัตตาหารเชา ภตั ตาหารเพล เปนตน การถวายภัตตาหารเปนประเพณีท่ียดึ ถือปฏบิ ัตกิ ันมานบั แตค รง้ั พทุ ธกาลสง่ิ ของท่คี วรถวายพระภกิ ษุ ๑. ขาวและอาหารที่นํามาถวายนิยมเปนขาวปากหมอและกับขาวปากหมอ คอื เปน สงิ่ ที่ปรุง เสรจ็ ใหมๆ ยงั ไมไ ดต กั ออกไปเพ่ือบริโภคหรือใชอ ยางอนื่ หรอื เปนภัตตาหารท่จี ัดทําอยางประณีต ๒. สงิ่ ของทนี่ าํ มาถวายพระทกุ อยางควร เปนส่งิ ของท่ีไดมาหรือใชท รพั ยท บี่ ริสทุ ธ์จิ ดั ซือ้ มา รวมทง้ั เจตนาทถี่ วายก็ตองบรสิ ุทธด์ิ วย ๓. ปกติส่ิงของที่นาํ มาถวาย ไดแก ขา ว กับขา ว และของหวาน แตใ นบางกรณอี าจถวาย สง่ิ ของอยางอนื่ รว มดว ย เชน ดอกไม ธปู เทียน ผาทส่ี มควรแกสมณะหรอื ส่งิ ของเครอ่ื งใชตา งๆ อันสมควรแกสมณะบรโิ ภค ภาพ : สิง่ ของทนี่ าํ มาถวาย ไดแก ขาว กับขาว และของหวาน ทมี่ า : นางอมรรตั น ภมู ิประหมัน

๗ ภาพ : การถวายภตั ตาหารพระภกิ ษุ ทม่ี า : นางอมรรัตน ภูมิประหมัน ส่งิ ของตองหามสาํ หรับพระภกิ ษุ ๑. ภัตตาหารทเี่ ปน เนอื้ สตั ว จะตองไมเปน เนือ้ สตั วท ี่ฆาเพอื่ ถวายพระโดยเฉพาะ และไมถวาย ของดิบ เชน เน้ือดิบ เปน ตน ๒. เนื้อสัตวจ ะตองไมเ ปนเนื้อสัตว ๑๐ ชนดิ ท่หี ามพระภิกษุฉัน ไดแก เนื้อมนุษย เน้ือชาง เนอ้ื มา เน้ือสนุ ัข เนอื้ งู เนอ้ื ราชสหี  เน้อื เสอื โครง เนื้อเสือเหลือง เนือ้ หมี และเนื้อเสือดาว ๓. ไมค วรถามพระภิกษุวา ชอบอาหารชนิดใด ชอบอาหารทถ่ี วายหรือไม เพราะเปน การไม สมควรอยา งยิง่ ๔. ไมถ วายบุหร่ี สุรา และยาเสพติดทุกชนิด การถวายภตั ตาหารแดพ ระภิกษุสามเณร อาจทําได ๒ วิธี คอื นิมนตทานมาฉันทบ่ี าน หรอื นาํ ไปถวายท่ีวดั เม่อื เตรียมอาหารเสรจ็ แลว ถวายอาหารแดพระสงฆในเวลาอนั สมควร เมอื่ ทานอนโุ มทนา ใหพร ผูถวายภตั ตาหารก็กรวดน้าํ และรับพรเปนเสร็จพธิ ี คาํ ถวายภัตตาหาร อมิ านิ มะยงั ภันเต ภัตตานิ สะปะรวิ ารานิ ภิกขุสงั ฆสั สะ โอนชะยามะ สาธุ โน ภนั เต ภกิ ขุ สงั โฆ อิมานิ ภตั ตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อมั หากัง ทีฆะรัตตัง หติ ายะ สขุ ายะ คําแปล ขาแตพ ระสงฆผเู จริญ ขา พเจา ทง้ั หลาย ขอนอ มถวาย ภตั ตาหาร พรอมท้งั ของบริวารท้ังหลาย เหลา นี้ แดพ ระภกิ ษุสงฆ ขอพระภกิ ษุสงฆจงรบั ภตั ตาหาร พรอมทั้งบริวารท้งั หลายเหลานข้ี องขา พเจา ท้ังหลาย เพ่ือประโยชนและเพอ่ื ความสุข แกขาพเจา ทงั้ หลาย ตลอดกาลนาน เทอญ

๘ การถวายสังฆทานและเครือ่ งสงั ฆทาน สงั ฆทาน หมายถงึ ทานทถ่ี วายแดพระสงฆทัว่ ไป มิไดเจาะจงแกรูปใดรปู หนง่ึ การถวาย สังฆทานจะถวายทวี่ ัด หรือนมิ นตพระสงฆม ารับท่ีบานกไ็ ด เครื่องสงั ฆทาน คอื ทานวัตถหุ รือของทเ่ี ตรยี มไวเพือ่ ถวายแดพระสงฆ เปน ของทค่ี วรแกสมณะ บริโภค เมื่อพระสงฆร ับแลวสามารถนําไปใชป ระโยชนไดโ ดยทัว่ ไป ไดแ ก ภตั ตาหาร และส่งิ ของ เคร่อื งใชตางๆ ทจ่ี าํ เปนสําหรบั พระสงฆ เชน เครือ่ งนงุ หม ดอกไม ธูปเทยี น สบู ยาสีฟน ผงซักฟอก ยารักษาโรคตา งๆ รวมทั้งปจจยั ซงึ่ อาจทําใบปวารณาถวายกไ็ ด ภาพ : เครื่องสงั ฆทาน ท่เี ตรยี มไวเ พื่อถวายแดพ ระสงฆ ท่ีมา : https://www.tnews.co.th/religion ขัน้ ตอนการถวายสังฆทาน ๑. เตรยี มเครอ่ื งสงั ฆทาน เชน อาหารคาวหวาน ที่จดั วางไวใ นสถานท่อี นั ควร ๒. เม่ือเตรียมของเสรจ็ แลว นมิ นตพ ระสงฆตามจาํ นวนทตี่ อ งการ แตต อ งไมเ จาะจงภิกษุรปู ใด รปู หน่ึง ๓. เมอ่ื พระสงฆมาน่ังพรอ มแลว เร่มิ ตนดวยการบชู าพระรัตนตรยั อาราธนาศีล สมาทาน ศลี ๕ กลาว นะโม ๓ จบ แลวกลาวคําถวายสังฆทาน ซึ่งกลาวเชนเดยี วกับคาํ ถวายภตั ตาหารขางตน ขณะกําลงั กลา วคําถวายสังฆทานจะประนมมอื เม่ือกลาวจบแลว พระสงฆจะรบั พรอมกันวา สาธุ จากน้ันใหผูถ วายสังฆทาน ยกอาหารหรอื สงิ่ ชองประเคนแดพระสงฆเ ม่ือถวายเรยี บรอ ยแลว ประธาน สงฆจะอนุโมทนาใหพรวา ยะถา...สัพพตี โิ ย...ผูถวายสงั ฆทานกรวดน้าํ และรบั พร เปน เสร็จพิธี ภาพ : การถวายสงั ฆทานแดพระสงฆ ท่มี า : http://sharedham.blogspot.com/2015/07/40.html

๙ การถวายผา อาบนา้ํ ฝน ผาอาบนํ้าฝน หรอื ที่เรยี กวา ผาวสั สิกสาฎก คือ ผาทีพ่ ระภิกษุใชนุงในเวลาอาบนํ้าฝน หรอื อาบนา้ํ ท่ัวไปเรยี กกันส้ันๆวา “ผาอาบ” ปจจบุ ันพุทธศาสนิกชนนิยมถวายผาอาบนํ้าฝนในวันข้ึน ๑๕ คํ่า เดอื น ๘ หรือวันอาสาฬหบชู า กอ นวันเขา พรรษา ๑ วัน ในการถวายมรี ะเบยี บปฏบิ ัติ ดงั นี้ ๑. ในวนั กําหนดถวายผาอาบนํา้ ฝน ใหภกิ ษุ สามเณร และอุบาสกอบุ าสิกามาพรอ มกนั ท่ีอโุ บสถ หรอื ศาลาการเปรยี ญตามความเหมาะสม กอนถวาย เจา อาวาสหรือภิกษุรปู หนึง่ แสดงธรรมอนโุ มทนา วัสสิกสาฎกทาน ของทายก ๑ กัณฑ ถาวนั ถวายกําหนด ในวันธรรมสวนะ (วนั พระ) เมือ่ เทศนกัณฑ วนั ธรรม สวนะแลว ควรตอทายอนุโมทนาวสั สกิ สาฎกทานดวย ๒. เมือ่ แสดงธรรมจบแลว ผนู าํ ในการถวายนํา ภาพ : การถวายผา อาบนาํ้ ฝน กราบพระและวา นะโม พรอมกัน ๓ จบ ตอ จากนนั้ นาํ ทีม่ า : https://www.springnews.co.th/society/526128 กลาวคําถวายผาวัสสิกสาฎก ซึ่งตง้ั ไวเ บ้อื งหนา พระสงฆท ง้ั คําบาลีและคาํ แปล คํากลา วถวายผา วัสสิกสาฎก อิมานิ มะยัง ภนั เต วัสสิกะสาฎกานิ สะปะรวิ ารานิ ภกิ ขุสงั ฆสั สะ โอโณชะยามะ สาธโุ น ภันเต ภิกขุสงั โฆ อิมานิ วสั สิกะสาฏกานิ สะปะรวิ ารานิ ปะฏคิ คัณหาตุ อัมหากงั ทฆี ะรัตตัง หติ ายะ สขุ ายะ คําแปล ขาแตพ ระสงฆผ ูเจริญ ขา พเจา ทงั้ หลาย ขอนอมถวาย ผาอาบนํ้าฝน กับทัง้ บริวารทั้งหลาย เหลานี้แดพระภกิ ษสุ งฆ ขอพระภกิ ษสุ งฆจงรับผา อาบนํา้ ฝน กบั ทั้งบริวารทัง้ หลายเหลาน้ี ของขาพเจา ทั้งหลาย เพ่ือประโยชนเพ่ือความสขุ แกขาพเจาทงั้ หลาย ตลอดกาลนานเทอญ ถาไมมเี ครอื่ งบรวิ ารถวายรว มดวย กต็ ดั คําบาลวี า “สะปะรวิ ารานิ” และ คําแปลวา “กับทง้ั บรวิ าร” ออกเสียทุกแหง ๓. ระหวางท่ีผูถวายกลาวคําถวาย พระสงฆทง้ั หมดประนมมอื พอจบคาํ ถวายแลว พระสงฆร บั “สาธ”ุ พรอมกนั แลวเจาอาวาสของวดั น้ันออกรับผาแทนสงฆ ๔. ประเคนเสร็จแลว พระสงฆอ นโุ มทนาบท วิเสสอนโุ มทนา ในทานนีใ้ ชบท กาเล ททนฺติ... ๕. ระหวางพระวา ยถา...ผูถ วายกรวดนาํ้ แลวประนมมอื รับพรไปจนจบเปนอันเสรจ็ พิธี ภาพ : การถวายผาอาบนาํ้ ฝน ท่ีมา : http://vateepra.blogspot.com/2019/07/blog-post_17.html

๑๐ การจัดเคร่อื งไทยธรรม เคร่อื งไทยทาน ไทยธรรม หมายถงึ ของควรให, ของทําบุญตางๆ ของถวาย ไทยทาน วาหมายถงึ ของสาํ หรับทาํ ทาน ในปจ จบุ นั ไทยธรรมหรอื ไทยทาน มักจะเรียกเปนสง่ิ เดียวกัน ปจจุบันเคร่อื งไทยธรรมหรอื เครื่องไทยทาน จะ เรียกเปนสิ่งเดยี วกนั ทงั้ เครื่องไทยธรรมและเครอ่ื งไทยทาน คอื ปจ จยั ๔ อันควรแกส มณอปุ โภคบรโิ ภค ไมข ดั ตอ พระธรรมวินัยอันไดแก ๑. อาหาร เชน อาหารคาวหวาน เครอ่ื งดมื่ หรอื ของขบฉันตา งๆ ๒. เครอ่ื งนงุ หม เชน สบง จีวร สงั ฆาฏิ รดั ประคด ยาม ผาเชด็ ตวั ผา เช็ดหนา ฯลฯ ๓. เครื่องใชสอย เชน โตะ เกาอ้ี เส่ือ มงุ หมอน ผงซักฟอก สบู ยาสฟี น กระดาษชาํ ระ เปนตน ๔. ยารักษาโรค เชน ยาตา งๆ รวมทั้งเภสัช ๕ คอื เนยขน เนยใส น้ํามนั น้าํ ผ้ึง นา้ํ ออ ย วัตถุประสงคของการ ภาพ : การถวายผา อาบนํ้าฝน ถวายเครอื่ งไทยธรรม เคร่อื งไทยทาน ท่ีมา : http://vateepra.blogspot.com/2019/07 วัตถุประสงคข องการถวายเครื่องไทยธรรม เคร่อื งไทยทาน ๑. เพ่ือถวายความอุปถมั ภแกพระสงฆ ๒. เพื่อลดกิเลส ความตระหน่ี ความโลภ ๓. เพอ่ื ความเปนสิรมิ งคลแกผูท ล่ี วงลับไปแลว ๔. เพื่ออุทศิ สวนบญุ กศุ ลแกผ ูทีล่ ว งลบั ไปแลว ขอควรระวังในการถวายเคร่อื งไทยธรรม เครอื่ งไทยทาน ๑. ไมถ วายของท่ีพระตอ งหาม เชน อาหารดิบ เปน ตน ๒. ไมถวายวัตถุอนามาส (สง่ิ ของทพ่ี ระสงฆ จบั ตอ งไมไ ด) เชน สัตวเลีย้ งตวั เมยี เส้อื ผาสตรี เงนิ ทอง หรือ อาวุธทุกประเภท เปน ตน ๓. ไมถ วายของมนึ เมา ยาเสพตดิ ทกุ ชนิด ๔. ถวายของใหเหมาะสมกับกาลเวลาของ พระสงฆ ๕. ตองเปนของท่ีไดมาโดยบริสทุ ธิ์ ภาพ : การถวายเครอ่ื งไทยธรรม เครอ่ื งไทยทาน ทีม่ า : http://vateepra.blogspot.com/2019/07

๑๑ การกรวดนาํ้ การกรวดน้าํ หมายถึง การต้ังใจแผสว นบญุ หรอื สวนกุศลที่ไดท ําไปใหแ กผทู ีล่ วงลบั ไป โดยการ รินน้าํ ใสภ าชนะเพื่อเปนเครอื่ งบง ถงึ เจตนาอุทิศน้นั การกรวดน้ําทน่ี ิยมโดยท่ัวไปมี ๒ วิธคี อื ๑. การกรวดนํา้ โดยใชน าํ้ หลงั่ ลงในภาชนะท่ีรองรับหากทีห่ ลง่ั มีปากเลก็ เวลากรวดนา้ํ ใหค อ ย ๆ รนิ ใสท ี่รองโดยมิใหขาดสาย เมอื่ กรวดเสร็จใหน าํ ไปเทไวท ี่โคนไมหรอื ทีก่ ลางแจง หา มเทใสถ ังขยะหรอื สถานท่สี กปรก ๒. การกรวดน้าํ โดยไมต อ งใชน้าํ ใชในกรณีท่ไี มไดจ ัดเตรียมน้ําสําหรับกรวดหรือหาน้ํากรวด ไมได ผูก รวดพงึ ตั้งใจอุทศิ สว นกศุ ลทีต่ นไดท ําใหแ กผ ูที่ตอ งการอทุ ิศไปให การกรวดนาํ้ สามารถทาํ ไดทุกเม่อื หลงั การบาํ เพญ็ บุญกุศล ทั้งงานมงคลและงานอวมงคล สว น ขั้นตอนการกรวดนํ้าเริม่ จากท่ีพระสงฆก ลาว อนโุ มทนาวา ยถา วาริวหา…ใหเ ร่มิ เทนํา้ กรวด พรอมกับตั้งในอุทิศสวนบุญกุศลใหแ กผ ทู ตี่ อ ง การใหร บั โดยอาจระบุชือ่ นามสกลุ ดว ยก็ได หรืออาจจะอทุ ิศโดยไมเ จาะจงผใู ดผูหนึง่ กไ็ ด เมอ่ื พระสงฆสวดบทวา สพพตี ิโย… ใหเทนํา้ ท่ี เหลอื ลงในภาชนะรองรบั ใหหมดแลวรบั พรท่ี พระสงฆสวดใหจนกวาจะจบ แลว นํานาํ้ ไปเทใน ภาพ : การกรวดน้ํา แผส ว นบญุ หรอื สว นกุศลใหแกผ ทู ี่ลวงลบั ทด่ี ังกลาวแลว และในขณะกรวดนา้ํ และรบั พร ท่มี า : https://today.line.me/th/v2/article/ZPWOmN ไมค วรลกุ ขึ้นไปทาํ กจิ อยางอืน่ หรือทํากิจอืน่ ใดควรตั้งใจฟง สวดจนจบ คาํ กรวดนา้ํ โดยยอ อิทัง เม ญาตนี ัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอผลแหงบญุ กุศลนี้ จงมีแกญ าตขิ องขา พเจาทั้งหลาย ขอญาติทง้ั หลายจงมคี วามสขุ กายสุขใจเถดิ การทอดกฐนิ การทอดกฐนิ คือ การทําพธิ ถี วายผา กฐินแด ภาพ : การทอดกฐิน สงฆ เปนประเพณบี ญุ สําคัญในทางพระพุทธศาสนา ท่มี า : https://dharma99.com/?p=1428 “กฐนิ ” แปลวา กรอบไมหรอื สะดงึ สาํ หรับขึงผา เยบ็ จีวร ตอมาเมอ่ื พระพทุ ธเจาทรงอนญุ าตใหช าวบา น ถวายผาไตรจีวรแดพระสงฆได คําวา “กฐนิ ” จึง หมายถึง ผาจีวรท่ีชาวบานนอมนําถวายแดพระสงฆ ผจู าํ พรรษาครบ ๓ เดอื น ในวดั หนง่ึ ๆ อยางนอย ๕ รูป ข้ึนไป การทอดกฐนิ นิยมทํากนั ตั้งแตว นั แรม ๑ คา่ํ เดอื น ๑๑ ไปจนถงึ กลางเดอื น ๑๒ ในวดั หน่ึงๆ จะ ทอดกฐนิ ไดเพียง ๑ ครั้งตอ ป

๑๒ กฐนิ แบง ออกเปน ๒ ประเภท ตามระยะเวลาในการจัดเตรียม คือ ๑. จุลกฐิน คือ กฐินที่ทกุ ฝายตอ งชว ยกนั ทาํ ใหเสร็จภายในกําหนดวันหนึ่ง ตง้ั แตป น ฝาย กรอ ทอ ตดั เยบ็ ยอ ม แลว ทอดถวายใหเ สรจ็ ในวันนนั้ ๒. มหากฐิน คอื กฐนิ ทีม่ กี ารเตรยี มตวั เปน เวลานาน อาศัยปจจัยไทยธรรมจํานวนมาก เพือ่ จะ ไดน ํามาเปนทนุ บํารุงวดั เชน กฐินสามัคคใี นปจ จุบัน นอกจากน้ีในประเทศไทย นิยมเรยี กช่อื กฐิน ตามประเภทวดั ทจ่ี ะนาํ กฐินไปทอด คือ ๑. กฐินหลวง หมายถึง กฐินท่พี ระมหากษัตริย หรอื พระบรมวงศานุวงศโ ปรดเกลา ฯ นาํ ไปทอดถวาย ภาพ : การทอดกฐินหลวง ทพี่ ระอารามหลวง ทม่ี า : https://www.wealthplustoday.com/post/oic30 ๒. กฐนิ พระราชทาน หมายถึง กฐนิ ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจาอยหู วั โปรดเกลาฯ ใหหนวยราชการ เอกชน องคกร หรอื บุคคลตา งๆ นําไปทอดทีพ่ ระอารามหลวง โดยผทู มี่ ีความประสงคจ ะทอดกฐินที่ พระอารามหลวงจะตอ งติดตอท่ีสาํ นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหงชาติ ๓. กฐินสามคั คี หมายถงึ กฐินท่หี นวยงาน องคก ร กลุม บุคคลหรือบคุ คลตางๆ นาํ ไปทอดถวาย ที่วัดราษฎร การเตรยี มการในพิธที อดกฐนิ ๑. จองกฐนิ หมายถึง การแจงความประสงคท่จี ะนาํ ผากฐินไปทอดยงั วดั ท่ีตองการ สําหรบั พระอารามหลวงใหแจงทสี่ ํานกั งานพระพุทธศาสนาแหงชาติ ๒. บอกบุญแกญาตพิ ี่นอ งเพ่ือรว มทําพิธใี นวันเวลาตามทก่ี ําหนด ๓. ตระเตรยี มเครื่องกฐินและบริวาร ไดแ ก ผาไตรจีวร สําหรบั ถวายพระผูค รองกฐินและคสู วด แตผ าทีจ่ ะเปนผา กฐนิ จริงๆ ใชเพียง ๑ ผนื เทา น้ัน สวนบรวิ ารกฐิน ไดแก จตปุ จจยั ไทยทานเครอ่ื งใช ของพระภกิ ษุ เครอื่ งนวกรรม เชน จอบ มีด ขวาน เปนตน การถวายกฐิน พธิ ถี วายผา กฐนิ ในการถวายกฐินพระราชทานจะนยิ มถวายกนั ในโบสถ สว นกฐินสามคั คีในวดั บางวดั นยิ มถวายกันทีศ่ าลาการเปรยี ญหรือวหิ ารสําหรับทาํ บญุ พธิ ถี วายผากฐนิ เรม่ิ จากการกลา วคํา ขอความเห็นชอบรวมกนั ท่ีเรียกวา อปุ โลกน และการสวดทตุ ิยกรรมของสงฆ คอื การยินยอมยกให ตอ จากนัน้ พระสงฆรูปท่ีไดรบั ความยนิ ยอมนําผาไตรไปครองขนึ้ นั่งยังอาสนะท่ีเดมิ ประชาชนผูถวายผา กฐิน และผูร ว มบําเพญ็ กุศลเขา ประเคนสิง่ ของซึง่ เปนบรวิ ารขององคก ฐินตามลาํ ดบั เสรจ็ แลวพระสงฆ ทั้งหมดจบั พัด ประธานสงฆส วดนําดว ยคาถาอนุโมทนา เจา ภาพหรือประธาน ผูถวายกฐนิ กรวดน้าํ เสรจ็ แลว นั่งประนมมือรับพรไปจนจบ เปน อนั เสรจ็ พิธี คําถวายผา กฐนิ โดยยอ อมิ ัง สะปะริวารงั กะฐนิ ะจวี ะระทสุ สัง สังฆสั สะ โอโณชะยะมะ (วา ๓ หน) คําแปล ขา พเจาทัง้ หลาย ขอนอ มถวาย ผากฐนิ จีวรกับทั้งบริวารนี้ แดพ ระสงฆ

๑๓ การทอดผา ปา ประเพณีการทอดผา ปามีมาแตครงั้ พทุ ธกาลสมยั น้ันพระพุทธเจายังไมไ ดท รงอนญุ าตใหภ ิกษุ รับจีวรทีช่ าวบานถวายโดยเฉพาะ ทรงอนุญาตแตเพียงใหภ ิกษุแสวงหาผาเปอ นฝนุ ทไี่ มมีเจา ของ หรือ ผา ท่หี อซากศพท้ิงไวต ามปาชา นํามาซักฟอกตัดเยบ็ เปน จีวรใชน ุง หม พุทธศาสนกิ ชนในสมัยนน้ั เหน็ ความลาํ บากของภกิ ษุในเรื่องนม้ี คี วามประสงคจําบําเพ็ญกุศลโดยไมข ดั ตอพุทธบญั ญัติ จงึ ไดจัดผาท่ี สมควรแกพ ระสงฆไปทอดทง้ิ ไวต ามทีต่ า งๆ โดยมากเปนปา ชา แตคร้งั น้ัน การทอดผา ปา ไมไ ดนิยมกาล แลวแตใครศรทั ธาจะทาํ เมือ่ ไร ก็ทอดเม่อื น้นั เม่อื ทรง บัญญตั ิจีวรกาล คอื การแสวงหาและทาํ จวี รขึน้ จาํ กัด ๑ เดอื น นับแตออกพรรษาแลว และถาไดก ราน กฐนิ ดว ยขยายออกไปอีก ๔ เดอื น จนถงึ วนั เพ็ญเดอื น ๔ การทอดผาปา จึงนิยมทํากนั ในระยะนี้ การทอดผาปา ในประเทศไทย แบงออกเปน ๒ ประเภท ไดแก ๑. ผา ปาหางกฐิน หรอื ผา ปาแถมกฐิน หมายถึง ผาปา ท่ีนาํ ไปถวายวดั พรอ มกับการทอดกฐิน โดยถวาย หลงั จากการทอดกฐนิ แลว ๒. ผาปา โยง หมายถึง ผาปา ทน่ี ําไปทอดตามวดั ตา ง ๆ มากกวา ๑ วดั ขนึ้ ไปในคราวเดียวกนั โดยจะนํา พุมผาปา ไปหลาย ๆ พุมเมอ่ื ถึงวดั ใดก็ถวายวัดนน้ั วดั ละ ๑ กองบาง ๒ กองบาง เร่อื ยไปจนกวาจะหมด ภาพ : ผาปาหางกฐิน ข้นั ตอนการทอดผาปามีดังน้ี ทมี่ า : https://www.silpathai.net/tag ๑. เมอื่ พระสงฆในวดั และเจาภาพพรอมกัน ณ บริเวณพธิ ีแลว เจา ภาพจดุ ธปู เทยี นบชู าพระ รัตนตรัย กราบ ๓ ครั้ง ๒. กราบพระสงฆ ๓ ครั้ง อาราธนาศีล เสรจ็ แลวกลาวคาํ ถวายผา ปา ดังน้ี คาํ ถวายผาปา อิมานิ มะยัง ภนั เต ปง สกุ ูลจวี ะรานิ สะปะรวิ ารานิ ภิกขุสงั ฆสั สะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภนั เต ภิกขุสงั โฆ อมิ านิ ปง สกุ ูลจีวรานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคณั หาตุ อัมหากงั ทีฆะรตั ตงั หติ ายะ, สุขายะ. คําแปล ขา แตพระสงฆผ ูเจรญิ ขา พเจา ท้ังหลาย ขอนอ มถวาย ผาบังสกุ ลุ จวี ร กับทง้ั บริวารเหลานี้ แด พระภิกษุสงฆ ของพระภกิ ษุสงฆ จงรับ ผา บังสกุ ุลจีวร กบั ทั้งบรวิ ารเหลา นข้ี องขาพเจา ท้งั หลาย เพ่ือ ประโยชนและความสขุ แกขาพเจา ทง้ั หลาย สิน้ กาลนานเทอญ ๓. พระสงฆพ จิ ารณาผาบังสุกลุ เรยี กวา ชกั ผาปาหรือชักผาบังสุกลุ ๔. ถวายจตปุ จ จัยไทยธรรมแกพระสงฆ (ถา ม)ี ๕. พระสงฆอ นุโมทนา ผูอ ยใู นพิธกี รวดนํ้า รับพร เปนเสรจ็ พิธ

๑๔ ใบกจิ กรรมที่ ๑ เร่อื ง การปฏิบัติตนทเี่ หมาะสมในศาสนพธิ ี ตอนที่ ๑ คาํ คําชแ้ี จง : ใหนกั เรยี นตอบคําถามตอ ไปนี้ ๑. ในฐานะทเ่ี ปน พทุ ธศาสนิกชน เห็นคุณคา ของศาสนพธิ สี ําคญั ในพระพทุ ธศาสนาอยางไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๒. การทําบญุ ตกั บาตรกับการถวายสงั ฆทานเหมือนกนั หรือตา งกนั อยา งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๓. การถวายภัตตาหารแดพระพุทธรปู และพระสงฆ มจี ดุ มงุ หมายอยา งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๔. เคร่ืองไทยธรรมและเคร่อื งไทยทาน มีความหมายอยางไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๕. เพราะเหตุใด จงึ เกดิ ประเพณกี ารทอดผาปามาแตค รัง้ พุทธกาล ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................

๑๕ ตอนท่ี ๒ คําชี้แจง : ใหน ักเรยี นยกตัวอยา งศาสนพิธีทตี่ นเองเคยปฏิบัติมา ๑ อยาง อธิบายขน้ั ตอนในการปฏบิ ัติ และตอบคําถาม ข้นั ตอนในการปฏิบตั ศิ าสนพิธขี องนกั เรียน ชอ่ื ศาสนพิธี ............................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .๑......น..กั...เ.ร.ยี นไดป ระโยชนจากการปฏบิ ตั ิศาสนพธิ นี ้อี ยา งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๒. ศาสนพธิ ีนีถ้ า ไมมกี ารอนุรกั ษไ วจะเกิดผลอยางไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๓. นกั เรยี นจะมีแนวทางในการอนุรักษศาสนพธิ ีใหคงอยตู อ ไปอยา งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................

๑๖ ใบความรทู ่ี ๒ เรือ่ ง วนั สําคญั ทางพระพุทธศาสนา วนั มาฆบชู า วนั มาฆบูชา คือ วนั เพญ็ ข้ึน ๑๕ คํ่า เดอื น ๓ พระศาสดาประชุม พระสาวก ณ พระวิหารเวฬุวนั ไดมีสันติบาตประกอบดวยองค ๔ คอื ๑. เปนวันอุโบสถข้ึน ๑๕ คํา่ ๒. ภิกษุ ๑,๒๕๐ รูปมาประชุมกนั โดยไมม ีใครนัดหมาย ๓. ภิกษุท้ังหมดเปนพระอรหนั ตผไู ดอภิญญา ๔. ภกิ ษุท้งั หมดเปน ผไู ดร บั การบวชแบบเอหิภิกขอุ ปุ สัมปทา หลักธรรมทีพ่ ระองคไดทรงแสดง คอื โอวาทปาฏโิ มกข โดยแสดงในทป่ี ระชมุ สงฆที่กรงุ พนั ธมุ ดี ราชธานี ดังนี้ ๑. ความอดทน คือ ความอดกลั้นเปน ตบะอยางย่งิ ๒. พระพุทธเจาท้งั หลายตรสั วา นพิ พาน เปนบรมธรรม คอื ธรรม เปนหลกั ธรรมสูงสดุ สามารถเขาถึงความหลุดพน เปน อิสระได ๓. การไมทาํ บาปทัง้ ปวง การทํากุศลใหถ ึงพรอม การทาํ จิตของตนใหผ องแผว (ทาํ ความดี ละเวน ความชวั่ ทําจิตใหแจมใสบริสุทธ์ิ)น้คี ือคาํ สอนของพระพทุ ธเจาท้งั หลาย ๔. การไมกลาวรายผอู น่ื ไมเบยี ดเบยี นผอู ่นื ความสํารวมในปาฏโิ มกข (เวนขอทีพ่ ระพทุ ธเจา หา ม เชน ศลี ๕ ปฏบิ ตั ติ ามท่ีพระพุทธเจาทรงอนุญาต) ความเปนผรู ูจักประมาณในอาหาร การอยใู น เสนาสนะท่ีสงัด การประกอบความเพียรนคี้ ือ คําสอนของพระพุทธเจา ทัง้ หลาย ภาพ : พระภกิ ษสุ งฆสาวกของพระพุทธเจา จํานวน ๑,๒๕๐ รปู มาประชุมพรอ มกันโดยมิไดนดั หมายลวงหนา ทีม่ า : https://www.facebook.com/ilovekingofthai/photos/

๑๗ วันวิสาขบูชา วันวิสาขบูชา ตรงกับวนั ขน้ึ ๑๕ ค่าํ เดอื น ๖ เปน วนั ท่ีพระพุทธเจา ประสตู ิ ตรสั รู และปรพิ พาน เปนวันสําคญั ทางศาสนาพทุ ธสาํ หรบั พุทธศาสนกิ ชนทุกนิกายทวั่ โลก หลกั ธรรมเนื่องใน วนั วิสาขบูชา มีดังนี้ ๑. การรําลึกถึงพุทธคุณ หรือความกตัญญู จุดมุงหมายการประกอบพิธีในวันวิสาขบูชา เพื่อรําลึกถึงพุทธคุณ คือ พระวิสุทธิคุณ พระปญญาคุณ และพระกรุณาคุณ ของพระพุทธเจาที่มี ตอมวลมนุษยและสรรพสัตว ๒. หลกั อริยสัจ ๔ คอื ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ คอื ทกุ ข (ความทุกข, ปญ หา) สมุทัย (เหตเุ กดิ แหงทกุ ข, ปญ หา) นโิ รธ (ความทกุ ข) และมรรค (วธิ ีการแกทกุ ข, ปญ หา) ๓. หลักความไมประมาท คือ การมีสติท้ังขณะที่ทํา ขณะพูดและขณะคิด ภาพ : วันวิสาขบชู าเปน วนั ที่พระพทุ ธเจา ประสูติ ตรสั รู และปริพพาน ทม่ี า : http://www.dhammathai.org/day/visaka.php การปฏิบัตติ นในวันมาฆบชู า ตอนเชาพุทธศาสนิกชนจะไป ทาํ บุญตักบาตรที่วัด ฟงพระธรรมเทศนา บําเพ็ญสาธารณ ประโยชน และในตอนคํ่าก็จะนําดอกไม ธูปเทียนไปยังวัดที่อยูใกลบาน การเดิน เวยี นเทยี นนตี้ อ งทําใจใหส งบจติ จริงๆ ควรสาํ รวจวาจา และละเวน การ ทําอาการคกึ คะนองตางๆ

๑๘ วันอาสาฬหบูชา วันอาสาฬหบชู า ตรงกับวันขึน้ ๑๕ ค่ํา เดือน ๘ แตถา เปน ปท ่ีมอี ธิกมาส จะตรงกบั วันข้ึน ๑๕ คาํ่ เดือน ๘ หลงั กอ น วันเขา พรรษา ๑ วนั ความสําคญั ของวันนี้ มี ๓ ประการ คอื ๑. เปนวันที่พระพุทธเจาทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ๒. เปนวันท่ีมีพระสงฆเกิดขึ้นในโลกเปนครั้งแรก ๓. เปนวันที่มีพระรัตนตรัยครบถวนสมบูรณ หลักธรรมที่ควรนําไปปฏิบัติ เนอื้ หาของพระธรรมเทศนาท่ีแสดงในวันนีเ้ กี่ยวกับ การทําตนใหส ุดโตง ๒ ประการ ท่ไี มค วรประพฤตปิ ฏิบัติ คอื ๑. อัตตกิลมถานุโยค คือ การทําตนใหล ําบากเกินไป คอื ความพยายามเพ่อื บรรลผุ ลทีม่ งุ หมายดวยวธิ ีทรมานตนเองใหไ ดรบั ความลําบากตาง ๆ ๒. กามสุขัลลกิ านุโยค คอื การทําตนใหหมกมนุ อยูในกามสุข การปฏิบัติสุดโตงทั้ง ๒ ประการ พระพุทธเจาจึงใหมนุษยปฏิบัติตนอยูในทางสายกลางที่ เรียกวา “มัชฌิมาปฏิปทา” หมายถึง ขอปฏิบัติท่ีทําใหบรรลุนิพพานไมตึง หรือไมหยอนจนเกินไป ประกอบดวยมรรคองค ๘ ไดแก ๑. สมั มาทิฏฐิ ความเห็นชอบ ๒. สัมมาสังกัปปะ ความดํารชิ อบ ๓. สมั มาวาจา การเจรจาชอบ ๔. สัมมากมั มนั ตะ การทาํ งานชอบ ๕. สมั มาอาชวี ะ การประกอบอาชพี ชอบ ๖. สมั มาวายามะ ความเพียรชอบ ๗. สมั มาสติ ระลึกชอบ ภาพ : พระพุทธเจา ทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ธรรมจักรกัปปวัตนสตู ร ๘. สัมมาสมาธิ ตงั้ ใจมั่นชอบ ท่มี า : https://pantip.com/topic/36289092 วนั อาสาฬหบูชาถอื เปน วันทม่ี พี ระรัตนตรยั ครบบริบูรณ คอื พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ

๑๙ วนั อฏั ฐมบี ชู า วันอัฏฐมีบูชา หมายถึง การบูชาในวันแรม ๘ คา่ํ เดือน ๖ ซึ่งเปนวันถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจา ถัดจากวันวิสาขบูชา ๘ วัน หลักธรรมทีเ่ ก่ยี วเนื่องในวนั อฏั ฐมบี ชู า วนั อฏั ฐมบี ชู า ถอื วา เปนวันบูชาพระสรรี ะของพทุ ธเจาหลังจากพระเพลิงไหมแ ลว พระสรรี ะในที่นี้ หมายถึง พระบรมสารรี กิ ธาตุของพระพุทธเจา จึงถือวาวนั อัฏฐมบี ูชาเปนวันระลึกถึงวนั คลายวันถวาย พระเพลิงพระพุทธสรีระ ทําใหพุทธศาสนิกชนไดตั้งอยูในความไม ประมาทและเขาใจหลักของไตร ลักษณ คือ ลักษณะท่ัวไปของสิง่ ท้งั ปวง ถือเปน สามญั ลกั ษณะ ประกอบดวย ๑. อนิจจัง หมายถึง ความไมเท่ียงไมคงท่ี ไมอยูในภาพเดมิ ตลอดไป ภาวะที่เกิดข้ึนแลวเส่ือม สลายไป กลา วคอื ทุกสงิ่ ทุกอยางมกี ารเปลยี่ นแปลงอยเู สมอ ไมมสี ่งิ ใดทจ่ี ะคงอยูสภาพเดมิ ไดต ลอดช่วั นิรันดร ดุจด่ังพระสัมมาสัมพุทธเจา ถึงแมจะเปนผูบรรลุพระสัมโพธิญาณหลุดพนแลวก็ยงั หนีไมพน หลกั ของอนจิ จตา มีภาวะการเกิด การเจ็บปวย การแก และการตายในที่สดุ เพียงแตว าพระพุทธองค ตอ แตนี้ไปจะหลดุ พน เปนนิพพาน สบู รมสขุ สงู สุด โดยไมเวยี นวา ยตายเกดิ ในสังสารวฏั อกี แลว ๒. ทุกขงั หมายถึง ความทุกข เปนภาวะท่ถี ูกบีบคัน้ ดวยการเกิดขนึ้ และการสลายตัว ภาวะท่ี กดดัน ฝนและขัดแยงอยูในตวั เพราะปจ จยั ปรงุ แตงใหมีสภาพเปนอยา งน้ันเปล่ียนแปลงไป จะทําใหคง อยูในสภาพนั้นไมไดนาน ภาวะเชนน้ี พระพุทธองคทรงคน พบหนทางพนทุกข ที่เรียกวาอริยมรรค ๘ ดังน้ัน หากพุทธศาสนิกชนสามารถประพฤติปฏิบัติตามหลักอริยมรรค ๘ ก็สามารถลวงพนจากความ ทกุ ขได หรอื สามารถแกไ ขปญหาท่ีเกิดขึ้นในชวี ิตประวันได ๓. อนัตตา คือ สภาวะความเปน อนตั ตา ความไมมตี ัวตน จากความเปนน่ันเปนน่ี ไมมีใครเปน เจาของ ไมเปนของใครจรงิ ไมอยูในอํานาจท่ีจะบังคบั ไดต ามปรารถนา เปนไปตามเหตุปจจัยโดย ธรรมชาติ ภาพ : วันอัฏฐมีบชู า วันถวายพระเพลงิ พระพุทธสรรี ะของพระพุทธเจา ทม่ี า : https://www.mokkalana.com/2169/

๒๐ วันธรรมสวนะ วนั ธรรมสวนะ คอื วันกาํ หนดประชุมฟงธรรม หรือเรยี กวา “วนั พระ” โดยเปนวนั ทีม่ กี าํ หนดตามปฏทิ ินจันทรคติ โดยมีเดือนละ ๔ วัน ไดแก วันข้นึ ๘ ค่ํา, วันขึ้น ๑๕ คํ่า (วนั เพ็ญ), วันแรม ๘ ค่ํา และวันแรม ๑๕ คํ่า (หาก เดอื นใดเปนเดือนขาด ถือเอาวนั แรม ๑๔ คาํ่ ) หลักธรรมท่ีศาสนกิ ชนควรยึดปฏบิ ตั ิ ไดแก เบญจศลี หรือศลี ๕ ไดแ ก ๑. เวน จากการฆาสตั ว ๒. เวนจากการลกั ทรพั ย และถอื เอา ของทเ่ี ขามไิ ดใ หเ ปนของตน ๓. เวนจากการประพฤตผิ ดิ ในกาม ๔. เวนจากการพดู เท็จ พดู โกหก พดู สอเสยี ด ภาพ : วนั ธรรมสวนะ หรอื วันพระ ๕. เวน จากการด่ืมสรุ าและสง่ิ เสพตดิ ท่ีมา : https://www.norkaew.net เบญจธรรม หรอื ธรรม ๕ ไดแ ก ๑. มคี วามเมตตาและกรณุ า ๒. ประกอบอาชพี สจุ ริต ๓. มีความสาํ รวม และระวงั ยับย้งั ใจในทางกามารมณ ๔. มีความซ่ือสตั ย ซื่อตรง ๕. มสี ตสิ มั ปชญั ญะ ระลึกไดอยเู สมอ อัฏฐศลี หรือศลี ๘ ไดแก ๑. เวนจากการฆาสตั ว ๒. เวน จากการลักทรพั ย และถือเอาของทเี่ ขามิไดใหเปน ของตน ๓. เวนจากการประพฤติผดิ พรหมจรรย คอื รวมประเวณี ๔. เวนจากการพูดเทจ็ ๕. เวนจากการด่ืมสรุ าและสงิ่ เสพติด ๖. เวน จากการบริโภคอาหารในยามวิกาล คือ หลังเท่ียงไปแลวจนถงึ เชา วันใหม ๗. เวนจากการฟอ นรํา ขบั รอ ง บรรเลงดนตรี ดูการละเลน อนั เปนขาศึกตอพรหมจรรย การ ทัดทรงดอกไมของหอม และเครอ่ื งลบู ไล ซ่ึงใชเ ปน เครอ่ื งประดบั ตกแตง ๘. เวน จากการนอนในทอี่ ันสูงและหรหู ราฟุมเฟอ ย

๒๑ ใบกจิ กรรมที่ ๒ เรือ่ ง หลกั ธรรมเบอ้ื งตน วนั สาํ คญั ทางพระพทุ ธศาสนา คําชี้แจง : ใหน ักเรยี นวเิ คราะหหลกั ธรรมทเ่ี กย่ี วกบั วนั สําคัญในทางพระพุทธศาสนา วันสําคัญ สาระสาํ คัญ หลักธรรมทีน่ ําไปปฏบิ ตั ิ วันวสิ าขบูชา วันมาฆบชู า วันอาสาฬหบชู า วันอัฏฐมบี ูชา วนั ธรรมสวนะ

๒๒ คาํ ชี้แจง : ใหนักเรยี นยกตัวอยา งคําสอนในวนั สาํ คัญทางพระพุทธศาสนาทสี่ นใจมา ๑ วนั และเสนอ แนวทางการปฏิบตั ติ น ผลที่เกดิ ขึ้นลงในแบบบนั ทึก วันสาํ คญั ................................................................................................................................................ เหตุการณสาํ คัญ ..................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ หลกั คําสอนในวนั สาํ คัญ.......................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ แนวทางการปฏิบัตติ นจากหลักคาํ สอน .................................................................................................. ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ผลจากการปฏิบัติตอตนเอง ................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ผลจากการปฏบิ ตั ิตอ ครอบครวั .............................................................................................................. ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ผลจากการปฏบิ ัตติ อ สังคม ..................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ถาพุทธศาสนิกชนปฏบิ ตั ิตนไดถูกตอ ง จะสงผลตอ พระพทุ ธศาสนาในวันสําคญั ทางพระพุทธศาสนาใน ปจจุบนั และอนาคตอยา งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ถ...า ..พ..ุท...ธ..ศ...า.ส...น..ิก...ช..น...ป..ฏ...ิบ...ัต..ิต..น...ไ..ม..ถ..ูก...ต..อ...ง.แ...ล..ะ..ไ..ม..เ.ห...ม...า..ะ..ส..ม...ใ.น...วนั สําคญั ทางพระพทุ ธศาสนาจะสง ผลตอ พระพุทธศาสนาในปจ จบุ ันและอนาคตอยางไร ...................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................

๒๓ ใบความรูท ่ี ๓ เรือ่ ง ระเบียบพิธีและการปฏิบตั ิตนในวันสาํ คัญทางพระพุทธศาสนา วนั ธรรมสวนะ ระเบยี บพธิ แี ละการปฏบิ ตั ติ น ๑. ในวนั ธรรมสวนะตอนเขาประมาณ ๐๙.๐๐ นาฬิกา พระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา ประชุมพรอมกันในสภาพที่กําหนดแสดงธรรมจะเปนวิหาร อุโบสถ ศาลาการเปรียญ วิหารคด หรือ ศาสนสถานแหงหน่ึงแหงใดก็ได จัดใหน่ังกันตามที่เปนสัดสวนเรียบรอย มีพระพุทธรูปและที่บูชา ประดษิ ฐานอยเู บื้องหนา จดั ใหม ีอาสนะสาํ หรับเปนท่นี ัง่ ของพระภิกษุสามเณรเปน สดั สว น ๒. เมอื่ พรอมกันแลว ภกิ ษุสามเณรเร่มิ ทําวัตรเชา ตามแบบนยิ มทัว่ ๆ ไป ๓. เมอื่ ภกิ ษุสามเณรทําวัตรเชาเสรจ็ แลว อุบาสกอุบาสิกาเรมิ่ ทําวตั รเชา ๔. เมื่อเสร็จพธิ ีทําวัตรแลว หวั หนาอุบาสก หรอื อบุ าสกิ าประกาศอุโบสถ พระธรรมกถกึ ข้ึน ธรรมาสน ๕. เมอื่ จบประกาศอุโบสถแลว อุบาสก อุบาสกิ าทง้ั หมด คุกเขา ประนมมอื กลาวคําอาราธนา อุโบสถศลี พรอมกัน พระธรรมกถกึ ใหศีล ๘ เปน อโุ บสถศีลเต็มท่ี แตถา ผใู ดมอี ุตสาหะจะรกั ษาเพียง ศีล ๕ กไ็ ด ๖. ตอ จากรบั ศีลแลว พระธรรมกถึกแสดงธรรม ระหวางแสดงธรรมพึงประนมมือรบั ฟงดว ย ความตง้ั ใจจนจบ ๗. เมื่อเทศนจบแลว หวั หนานํากลา วสาธุการ เปนอันเสรจ็ พิธีประชุมฟง ธรรมตอนเขาจะกลบั บานหรือจะอยูฟงธรรมในตอนบายก็แลวแตอัธยาศัย ภาพ : ระเบยี บพธิ แี ละการปฏบิ ัตติ นในวนั ธรรมสวนะ ทมี่ า : https://www.thairath.co.th/news/local/1478100

๒๔ วนั เขา พรรษา วันเขา พรรษา คอื การทพ่ี ระภิกษุอธษิ ฐานวาจะอยูประจําวัดใด วัดหน่งึ ตลอดเวลา ๓ เดอื นในฤดูฝนไมไปคา งแรมใหล วงราตรีในทีแ่ หง อนื่ ระหวางที่อธิษฐานน้ัน เปนพธิ ีกรรมสําหรับภกิ ษุโดยตรง ซ่งึ มีวนิ ัยนิยม ไวใ หปฏิบตั ทิ ุกรูป จะเวน เสียมิไดไมว าในกรณีใด ๆ มีเร่อื งราวปรากฏ อยูในวสั สูปนายิกขันธกะ พระวนิ ัยปฎกใจความยอ ๆ วา สมัยเม่ือผาน ปฐมโพธกิ าลไปแลวมกี ุลบุตรเขามาบวชเปนภกิ ษมุ ากขึ้น พระพุทธเจายงั มิไดท รงบัญญัตใิ หภ ิกษจุ าํ พรรษา ถึงฤดูฝนมี นํา้ ขังเตม็ พ้นื ท่ีไรนาท่ัวไป ชาวบานอาศยั พนื้ ท่เี หลา น้ันประกอบอาชพี ทางกสิกรรม ภกิ ษใุ นสมยั น้ันบางจําพวกหาพักการจารกิ ไมบ างพากัน ย่ําไรนาพืชผล ชาวบานพากันติเตยี น พระพุทธเจาจงึ ใหภกิ ษุจําพรรษา ในฤดูฝนตลอด ๓ เดอื น นับแตว นั แรม ๑ คา่ํ เดอื น ๘ ไปจนถึงวนั เพญ็ เดอื น ๑๑ เหลือเวลา ๑ เดือน ทายฤดูฝนคอื แรม ๑ คํ่า เดอื น ๑๑ ถึง เพ็ญเดือน ๑๒ ซ่ึงเปน เวลาพชื ผลเร่มิ สกุ แลว ภาพ : พระภิกษุ สามเณรออกบณิ ฑบาต ทมี่ า : https://www.thairath.co.th/news/local/1478100 ตอมาทรงบัญญัติซ้ําเติมในเรื่องการจําพรรษาน้ีอีกใหภิกษุทุกรูปถือเสนาสนะจะเปนถํ้า คูหา หรือกุฏิอยางใดอยา งหน่ึงก็ได ท่มี ีมุง ที่บังแดดฝนครบถวน หามจําพรรษาในที่กลางแจง ในโพรงไม ใน หลมุ ทีข่ ดุ หรอื ในกุฏิดินซึง่ มลี ักษณะเหมือนตุมอาจเปนอันตรายพังลงมาทับเพราะน้ําฝนได โดยพระพุทธ บญั ญัติดงั กลา วนี้จงึ ถอื เปนประเพณนี ิยมปฏบิ ตั สิ บื ๆ กนั มาจนถึงปจ จุบนั น้ี

๒๕ ระเบียบพธิ ี การเขาพรรษาเปน วตั รปฏบิ ตั ขิ องภกิ ษสุ ามเณร ซึ่งมีระเบยี บพธิ ีปฏบิ ัติ ดงั นี้ ๑. ถึงวันเขาพรรษา คือ วันแรมค่ําหนึ่ง เดือน ๘ ถาเปนปมีอธิกมาสก็เล่ือนเปน ๑ คํ่า เดือน ๘ หลัง พระภิกษุ สามเณรเตรียมดอกไมธปู เทียนใสพ านเพื่อใชสักการะปูชนียวัตถตุ าง ๆ ในวัด และใชทํา สามีจิกรรมกันตามธรรมเนยี ม ทายกทายกิ าผูถวายจตปุ จจัยแกภกิ ษุสามเณรทต่ี นนับถือ เชน ดอกไม ธูป เทียน ผาอาบนํ้าฝน เปนตน มักจะนิยมหลอเทียนขนาดใหญใหจุดอยูไดท้ังวันท้ังคืนตลอด ๓ เดือน ถวายสงฆเพื่อจดุ เปน พุทธบชู าเรม่ิ ต้งั แตวนั เขาพรรษา ๒. ถึงกําหนดเวลา สวนใหญจะเปนตอนเย็น พระภิกษุสามเณรลงพรอมกันในโรงอุโบสถ จัดให นง่ั ตามลําดับอาวโุ สกอนหลัง หันหนาไปทางพระพุทธรูป เรมิ่ ทําวตั รเย็น แสดงพระธรรมเทศนาหรอื อาน ประกาศเร่ืองวัสสูปนายิกาทาํ สามีจิกรรม คือ ขอขมาโทษตอกัน อธิษฐานพรรษา เสร็จแลวสักการบูชา ปูชนียสถานภายในวดั ๓. การประกาศวัสสูปนายิกาน้ัน เพ่ือบอกใหรูเรื่องเขาพรรษา บอกเขตของวัดนั้น ๆ ที่จะตอง รกั ษาพรรษา บอกเรอ่ื งการถือเสนาสนะ ประกาศใหรูวาจะใหถืออยา งไร ปฏบิ ัติอยางไร และหากมีกติกา อ่นื ใดอีกในเรอ่ื งจาํ พรรษารว มกนั กใ็ หบอกไดใ นประกาศน้ี ๔. การทําสามีจิกรรม ขอขมาโทษตอกัน เปนหนาที่ของภิกษุสามเณรทุกรูปในวัดน้ัน ๆ จะตอง ทาํ ตามวินัยนิยม ซ่งึ มีระเบียบพิธีดงั นี้ ๑) ผรู บั ขอขมาโทษ น่ังพบั เพียบหันหนามาทางผูขอขมา เม่ือผขู อขมากราบเรม่ิ ประนมมือรบั ๒) ผขู อขมาโทษคกุ เขา กราบพรอ มกนั ๓ คร้ัง เฉพาะรูปทเี่ ปน พระสงั ฆเถระและเจาอาวาส ๓) กราบแลว ยกพานเครอ่ื งสักการะขนึ้ ประคองแคอกนอ มกายลงเล็กนอ ย กลา วคาํ ขอขมา ๔) เม่ือผูรับขอขมากลาวคําอภัยโทษแลว ผูขอทั้งหมดรับคําใหอภัยพรอมกัน ดวยอาการยก พานเคร่อื งสักการะข้ึนในทาจบ ๕) เสร็จจากรูปหนึ่งแลวทํากับอีกรูปหน่ึง โดยวิธีดังกลาวตอเนื่องกันไปจนถึงสามเณรรูป สดุ ทา ยเปนอันเสรจ็ พธิ ี ๕. การอธิษฐานเขาพรรษา มีระเบียบปฏิบัติ คือ ใหภิกษุสามเณรท้ังหมดคุกเขาขึ้นพรอมกัน หันหนามาทางพระพุทธรูปประธาน กราบพระพุทธรูป ๓ คร้ังแลว พระสังฆเถระผูเปนประธานหรือ เจาอาวาสนําประนมมือวา นโม พรอมกัน ๓ จบ ตอจากนั้นนําเปลง คําอธิษฐานพรรษาพรอมกัน ๓ จบ วา “อิมสฺมึ อาวาเส อิมํ เตมาสํ วสสฺ ํ อุเปมิ” (หรือ อเุ ปมะ) กราบพระอกี 3 ครั้ง นั่งราบพับเพียบ ๖. การสักการะบูชาปูชนยี วัตถุสถานภายในวัด หากมิไดสักการบูชาปูชนียวัตถุสถานกอนเขา โรงอุโบสถ เมื่อออกจากโรงอุโบสถแลว พึงถือเคร่อื งสักการะรวมกันไปสักการะปูชนียสถานอื่น ๆ ใน บริเวณวัดเทาท่ีมี เชน พระเจดีย ตนพระศรีมหาโพธิ์ เปนตน เสร็จแลวถาตองการทําสามีจิกรรมกัน ตามกฎุ ีตอ กพ็ ึงทาํ ในระยะนี้ กลับถงึ กุฎีของตนแลว ถา จะอตุ สาหะอธษิ ฐานพรรษาซ้าํ จํากัดเฉพาะเขต กุฎขี องตนอกี ก็ทําได

๒๖ วันออกพรรษา วนั ออกพรรษา ตรงกันวนั ขึ้น ๑๕ ค่าํ เดือน ๑๑ เปนวันครบ ๓ เดือน หลังจากท่ีพระภิกษุอธิษฐานตั้งใจจําพรรษาไมจาริกไปตามสถานที่ตาง ๆ ใน วนั เขาพรรษา เรยี กอีกอยา งหน่งึ วา วันมหาปวารณา ท่ีเรียกเชนน้ีเปนเพราะ เปนวันท่ีภิกษุสงฆท่ีอยูรวมกัน ๓ เดือน ตลอดพรรษาไดปวารณาตนตอกัน คือ เปดโอกาสใหภ ิกษอุ ืน่ เตือนเกย่ี วกับความประพฤตเิ สื่อมเสีย ซึ่งเปน เร่ืองธรรมดาทภี่ ิกษผุ ูอยรู วมกันนาน ๆ ยอ มจะเหน็ ขอบกพรอ ง ของกันและกันจึงควรมกี ารวากลาวตักเตือนกนั ข้ึนเพื่อใหเ กดิ ความบรสิ ทุ ธ์ิความ สามัคคขี ึ้นภายในหมูสงฆ กอ นท่ีแตละรูปจะจาริกไปยังสถานทีต่ าง ๆ ตอไป ระเบยี บพิธี ปวารณากรรม หรอื การออกพรรษา มีระเบียบพิธที ภ่ี กิ ษุจะตอ งปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ๑. ในวันเพ็ญเดือน ๑๑ น้ัน ตองทําบุพกรณและบุพกิจเหมือนการทําสังฆอุโบสถ เวนแตในสวน บุพกิจไมนําปาริสุทธิ เปลี่ยนเปนนําปวารณาของภิกษุมา เม่ือถึงกําหนดเวลาท่ีพระสงฆเคยลงทํา อุโบสถกรรมสวดพระปาติโมกขตามปกติ ตีระฆังสญั ญาณใหภิกษุท้ังวัดลงประชุมพรอ มกันในโรงอุโบสถ นั่งบนอาสนสงฆตามลําดับพรรษาแกออนจากขวามาซายเรียงแถว ๆ ไป หันหนาเขาหาพระพุทธรูป ประธาน กลา วคําบูชา พระรตั น๒ต.รัยเจาอาวาส ชี้แจงเรื่องทําปวารณากรรมใหเขาใจ ทว่ั กันกอนแลวเริ่มบอกบุพกรณบุพกิจของปวารณากรรม เสร็จแลวต้ังญัตติปวารณากรรม ตอจากนั้นพระสงฆพึง ปวารณากัน ตามแบบโดยลําดับอาวุโส ถามีจํานวนภิกษุ จาํ พรรษามากเปน รอยๆ รูป ใหผูมีพรรษาเทา กันปวารณา พรอ มกันก็ได ทั้งนี้ตอ งบอกแจงในญัตตวิ า จะใชเอกวาจกิ า สมานวัสสิกาปวารณากอน ๓. ใหพระสงฆนั่งพับเพียบเรียงแถว ตามลําดับ อาวุโส หันเขาหาพระพุทธรูปประธาน ผูอาวุโสปวารณา กอน ถึงลําดับตนแลวพึงคุกเขาวาคําปวารณา จบแลวนั่ง ราบพบั เพยี บตามเดิม จนปวารณาทวั่ กนั ครบทกุ รูป ๔. เมื่อปวารณาเสร็จแลวสวนใหญจะมีสวดมนต ตอทาย ภาพ : พระภิกษุ สามเณรออกบณิ ฑบาต ๕. ภกิ ษุทุกรูปเมื่อปวารณาแลวในวนั ปวารณานั้น ทม่ี า : https://www.thairath.co.th/news/local/ เปนอันเสรจ็ พิธี

๒๗ วันเทโวโรหณะ วนั เทโวโรหณะ คอื วันทีพ่ ระพทุ ธเจาเสดจ็ ลงจาก เทวโลกหลังจากเสดจ็ ขน้ึ ไปจาํ พรรษาอยใู นดาวดงึ สพิภพ ถว นไตรมาส (๓ เดือน) และตรสั พระอภิธรรมเทศนาโปรด พระพทุ ธมารดาในเทวโลกนน้ั มาตลอด ๓ เดือน พอออก พรรษาแลว ก็เสดจ็ กลับมายังมนษุ ยโ ลก โดยพระพุทธเจาเสด็จลงทางบันไดสวรรคท่ีประตูเมืองสงั กัสนคร กรุงสาวัตถี วันเสดจ็ ลงจาก เทวโลกนั้นเรียกกันวา “วันเทโวโรหณะ” ตรงกันวันมหาปวารณาวันเพ็ญเดือน ๑๑ วันน้ันถือกันวา เปนวันบุญวันกุศลที่สําคัญวันหน่ึงของพุทธบริษัท โบราณเรียกอีกอยางหน่ึงวา “วันพระเจาเปด โลก” รุง ขึ้นจากน้ันเปนวันแรม ๑ คํ่า เดือน ๑๑ จึงมีการทําบุญตักบาตรเทโวโรหณะกันเปนการใหญ เพ่อื เฉลมิ ฉลองการเสดจ็ ลงจากเทวโลกของพระพุทธเจา ระเบียบพธิ ี ปฏบิ ัติ ดงั น้ี ๑. กอนถึงวันแรม ๑ คํ่า เดือน ๑๑ ซึ่งเปนกําหนดวันทําบุญตักบาตร ทางวัดที่จะจัดใหมีงาน ทําบุญตกั บาตรเทโวโรหณะ จะตองเตรยี ม ดงั น้ี ๑) รถทรงพระพุทธรูป หรือคานหามพระพุทธรูป เพื่อชักหรือหามนําหนาพระสงฆใน การรับบาตร มีท่ีต้ังบาตรสําหรับบิณฑบาตตรงหนาพระพุทธรูปดวย จัดตกแตงรถประดับ ดวยฉัตรธงใหสวยงาม ถาไมส ามารถจัดทรงหรือคานหามจะใชอ ุบาสกเปนผูเชิญ พระพุทธรูปก็ ไดแ ละมีผูถือบาตรตามสําหรับรบั บิณฑบาต ๒) พระพุทธรปู ยืน ๑ องค สําหรบั เชญิ ขึน้ ประดิษฐานบนรถทรงหรอื คานหาม ๓) เตรยี มสถานที่ใหทายก ทายิกาตัง้ เครอ่ื งใสบาตร ๔) แจงกําหนดการตา ง ๆ ใหทายก ทายิกาทราบลว งหนา ๒. สาํ หรับทายกทายิกาเมอื่ ทราบกาํ หนดจากทางวัดแลวจะตอ งตระเตรียมและดําเนนิ การ ดังน้ี ๑) เตรยี มภตั ตาหารสาํ หรับใสบาตร ๒) ถึงกําหนดนัดในวันน้ัน ก็นําเครื่องใสบาตรท้ังหมดไปวางบริเวณที่วัดตามที่วัด จัดเตรียมให รอจนขบวนพระมาถึงตรงหนาตนจึงใสบาตร ใหใสต้ังแตพระพุทธรูปในรถหรือคานหามที่ นําหนาพระสงฆไ ปเปนลาํ ดับ จนหมดพระสงฆรบั หรอื หมดของเตรยี มมา ๓) เมอื่ ใสบาตรแลว เปนอนั เสร็จพิธี

๒๘ ใบกจิ กรรมท่ี ๓ เรื่อง ระเบียบพิธแี ละการปฏบิ ัตติ นในวนั สาํ คญั ทางพระพุทธศาสนา คําช้แี จง : ใหนกั เรยี นเติมคําตอบลงในแผนผงั “การปฏิบัตติ นในวันสาํ คัญทางพระพุทธศาสนา” ใหถ ูกตอง วันธรรมสวนะ วนั เขา พรรษา กจิ กรรมทพี่ ุทธศาสนิกชนควรปฏบิ ัติ กิจกรรมที่พุทธศาสนกิ ชนควรปฏิบตั ิ ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... ผลที่ไดร ับจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ผลท่ีไดร บั จากการปฏิบัติกจิ กรรม ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... การปฏบิ ตั ิตนใน วันสําคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วันออกพรรษา วนั เทโวโรหณะ กจิ กรรมที่พุทธศาสนิกชนควรปฏบิ ัติ กิจกรรมท่ีพุทธศาสนกิ ชนควรปฏิบัติ ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... ผลทไี่ ดรบั จากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ผลทีไ่ ดร บั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... ............................................................................ ........................................................................... การปฏิบตั ิตนที่ถูกตอ งในวนั สําคญั ทางพระพุทธศาสนา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................

๒๙ ใบความรูท่ี ๔ เร่อื ง ปฏบิ ตั ศิ าสนพิธีและพธิ กี รรมตามแนวปฏิบัตขิ องศาสนาอื่น ศาสนพิธี หรอื พิธกี รรม หมายถงึ ระเบียบ แบบแผน หรอื แบบอยางทพ่ี งึ ปฏิบัตใิ นทางศาสนา เปนองคประกอบอยา งหนึ่งของศาสนา เปน ส่ิงแสดง ถึงความเชอื่ ความศรทั ธาของศาสนิกชนในศาสนานัน้ ๆ ศาสนาแตละศาสนามีแนวปฏิบัติของศาสนพธิ ี หรอื พิธกี รรมที่แตกตางกัน ศาสนาอิสลาม ศาสนาอิสลาม มีศาสดา คือ ทานนบีมุอัมหมัด มีคัมภีรทางศาสนาเรียกวา คัมภีรอัลกุรอาน นับถือ พระอลั ลอฮเ จา เปนพระเจาสูงสุด หลกั คําสอนของ ศาสนาอิสลาม มี ๒ หลักใหญๆ คอื ๑. หลกั ศรทั ธา ๖ ประการ ไดแ ก ศรัทธาตอพระเจา (พระอลั ลอฮ) ศรทั ธาตอเทวทูต (ผูร บั ใชพระเจา ) ศรทั ธา ตอ คัมภีรศ รัทธาตอศาสนทูต (นบี) ศรัทธาตอ วันส้นิ โลก และศรัทธาตอกฏของพระเจา ๒. หลกั ปฏบิ ตั ิ ๕ ประการ คอื การปฏิญาณตน ของผทู น่ี ับถือศาสนาอสิ ลามตอ งประกอบพิธปี ฏญิ าณ ตนวา “ไมมพี ระเจา ใดนอกจากอัลลอฮและนบีมุฮมั มดั คอื ภาพ : ทานนบมี อุ มั หมดั ท่ีมา : https://twitter.com/prophetmohammad/ ศาสนทูตของพระองค” เพอ่ื แสดงถงึ ความเชอ่ื ความศรัทธา พธิ ีกรรมของศาสนาอสิ ลามทีส่ ําคญั มดี ังนี้ ๑. การละหมาด คือ การแสดงความเคารพตอพระเจา (พระอัลลอฮ) ซง่ึ ชาวมุสลมิ จะตอ ง ทาํ การละหมาดวันละ ๕ คร้งั คือ ยํา่ รุงหรือกอนพระอาทิตยข้ึน กลางวัน เยน็ พลบค่ํา กลางคืน การทาํ ละหมาดจะทาํ ที่มสั ยดิ ทบี่ าน หรอื ทที่ ํางานก็ได ยกเวนเฉพาะวนั ศุกรใ หไ ปละหมาดท่ีมัสยิด ๒. การถอื ศีลอด ศาสนาอสิ ลามกําหนดใหชาวมสุ ลมิ ทุกคนตอ งถือศีลอด คือ การงดเวน จาก การกิน การด่มื ต้งั แตพ ระอาทิตยข ึ้นจนพระอาทิตยตกเปนเวลา ๑ เดือนในชวงเดือนรอมฎอน เพื่อ ฝกฝนรา งกายและจติ ใจใหม คี วามอดทนและหนกั แนน ๓. การบริจาคซะกาต หมายถึง การจายทานของชาวมุสลิมผูมีทรพั ยสินครบรอบหนึง่ ปเพ่ือ ชวยเหลอื คนยากจน เปน การขจัดความตระหนีใ่ หพน จากจติ ใจ ๔. การประกอบพธิ ฮี ัจญ หรือการไปแสวงบุญเปนการออกเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่เมือง เมกกะ ประเทศซาอุดอี าระเบีย

๓๐ ศาสนาคริสต ศาสนาคริสตมีคมั ภรี สาํ คัญเรียกวา คัมภีรไ บเบิล หลักคาํ สอนสําคัญของศาสนาคริสต คือ ตองมศี รัทธาในพระเยซู และรักเพื่อนบาน เพ่ือนมนุษยเหมือนรักตนเอง โดยยึดหลักบัญญัติ ๑๐ ประการ หลักตรีเอกานุภาพ คือ ศรทั ธาในพระเจาองคเดียว หลกั ความรกั และหลักอาณาจักรของ พระเจา พิธกี รรมทเี่ ปน แนวปฏบิ ัตขิ องศาสนาครสิ ตทส่ี าํ คัญ คอื พธิ รี บั ศลี ศกั ดิ์สิทธิ์ มีดงั น้ี ๑. ศลี ลา งบาปหรือศลี จุม คือ พิธีลางบาปใหแ กทารกท่เี กดิ ใหม หรือผูที่เขา มานบั ถือศาสนา คริสต โดยใชนํ้าศักด์สิ ทิ ธ์ิเทบนศรี ษะเพ่ือเปน การชําระบาป ๒. ศีลกาํ ลงั คือ พิธเี จมิ หนาผากดวยนาํ้ มัน เพ่ือเปน การแสดงถงึ ความเปน ครสิ ตศาสนกิ ชนอยา งสมบรู ณ ๓. ศลี แกบาป คอื พิธสี ารภาพบาป โดยชาวครสิ ต จะไปโบสถเ พอ่ื สารภาพบาปท่ีตนไดกระทาํ ไวกบั บาทหลวง ๔. ศีลมหาสนทิ คอื พิธรี บั ศีล โดยการรบั ขนมปง และเหลาองนุ ซ่ึงเปนสัญลักษณแทนกายและพระโลหิต ของพระเยซูมารับประทาน เพ่อื เปน การระลึกถึงพระเยซู ๕. ศีลเจมิ คนไข คอื พธิ ีเจิมคนไขเจ็บหนกั ดวยนาํ้ มัน ศกั ดิ์สิทธโ์ิ ดยบาทหลวงเปนผทู าํ พิธี เพื่อใหผปู วยมีสตริ ะลกึ วา พระเจาอยกู ับเขา ๖. ศลี บรรพชาหรอื ศีลบวช คือ พธิ ีสาํ หรับผูที่จะบวช ภาพ : พระเยซู เปน บาทหลวง โดยมสี ังฆราชเปน ผูทาํ พธิ ี ทมี่ า : https://chaisupar3.wordpress.com ๗. ศีลสมรส คือ พิธแี ตงงาน ซึง่ กระทาํ ในโบสถ บาทหลวงจะเปน ผทู ําพธิ ีทางศาสนา นอกจากนศ้ี าสนาครสิ ตย งั ทําเคร่อื งหมายกางเขน เพ่ือแสดงความเคารพตามหลักตรีเอกานุภาพ คือ พระบดิ า พระบุตร และพระจิตดว ย พธิ ีกรรมอีกอยา งหนึ่งของศาสนาคริสต คอื พิธมี สิ ซา เปนการไปเขารวมพิธที องบทสวดท่ี โบสถท ุกๆ วนั อาทิตยซ งึ่ มักกระทํารว มกันกบั พธิ ีรบั ศีลมหาสนิท ภาพ : พิธมี ิสซา ที่มา : http://www.cmdiocese.org/web/17177

๓๑ ศาสนาพราหมณ-ฮินดู ศาสนาพราหมณและศาสนาฮินดูเปนศาสนาเดียวกัน โดยท่ีศาสนาฮินดพู ฒั นามาจากศาสนา พราหมณ คมั ภีรท างศาสนาของศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู เรยี กวา คัมภรี ไ ตรเวท มี ๔ คัมภรี  คือ คมั ภรี  ฤคเวท คมั ภรี ย ชรุ เวท คัมภรี ส ามเวท และคมั ภรี อถรรพเวท แนวปฏิบตั ิในการประกอบพิธกี รรมทางศาสนาของศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดทู ่สี ําคัญ มดี ังนี้ ๑. หลักปฏิบตั ิเกี่ยวกับวรรณะ ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู มีการแบง ชนชนั้ วรรณะ เปน ๔ วรรณะ คอื พราหมณ กษัตรยิ  แพศย และศูทร แตละชน้ั วรรณะตา งกม็ แี นวปฏบิ ัตขิ องแตละวรรณะ ซงึ่ ผทู ่อี ยู ในวรรณะนัน้ ๆ จะละเมิดมิได ดงั น้ี ๑.๑ การหามแตง งานนอกวรรณะ ชายที่เปน วรรณะพราหมณแตง งานกบั หญิงวรรณะ อ่นื ได เรียกวา อนโุ ลม แตห ญงิ วรรณะพราหมณจ ะแตง งานกับชายวรรณะอื่นไมได ๑.๒ อาหารการกนิ ตองใหผ ูทอ่ี ยใู นวรรณะเดยี วกนั ปรงุ ใหก นั ๑.๓ อาชีพ บคุ คลเกิดในวรรณะใดตอ งประกอบอาชีพตามท่ีกาํ หนด สําหรบั บคุ คลใน วรรณะนนั้ ๑.๔ ทอี่ ยู หา มไมใหชาวฮินดูมีบานเรือนทอ่ี ยูอาศยั นอกประเทศอินเดยี และหามไมให เดินเรอื ในทะเล แตปจ จบุ ันขอ ปฏบิ ตั ิไดเปลี่ยนไป ๒. พธิ ีสงั สการ เปน พธิ กี รรมประจาํ บาน คอื พธิ ตี ั้ง ครรภ พธิ ีเมื่อเขาใจวา เด็กในครรภม ชี วี ิต พิธีแยกผูหญงิ เมื่อ มีครรภ พธิ ีคลอดบุตร พธิ ตี งั้ ชอ่ื บตุ ร พิธีนําเดก็ อายุ ๔ เดือน ออกไปดูดวงอาทติ ยร งุ อรณุ พิธปี อ นขาว พธิ ีโกนผมพธิ ีตัดผม พิธเี ร่มิ การศกึ ษา พิธีกลับบานเม่ือศึกษาจบ และพิธแี ตงงาน โดยพราหมณจ ะเปนผูท ําพิธีให ภาพ : พิธสี งั สการ ๓. พธิ ีศราทธ พธิ ีทําบญุ อุทิศใหแกบ ดิ า มารดา ทมี่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8% หรอื บรรพบรุ ษุ ผลู วงลับไปแลว จะทํากนั ในเดือน ๑๐ ตัง้ แตวันแรก ๑ คํ่า ถึงวนั แรม ๑๕ ค่าํ จะทํา ขา วบิณฑ (กอ นขาวสกุ ) อุทิศใหแกบรรพบุรุษ ๔. พิธีบชู าเทพเจา ซงึ่ แตละวรรณะจะมกี ารปฏิบัตติ า งกัน นอกจากน้ันจะมหี ลักธรรมคาํ สอนของศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ท่สี าํ คญั ไดแก หลกั ธรรม ๑๐ ประการ หลกั อาศรม ๔ (พรหมจารี คฤหัสถ วานปรสั ถ และสนั ยาส)ี หลักปรมาตมัน และโมกษะ ภาพ : พิธีบชู าเทพเจา ท่มี า : http://saranukromthai.or.th/

๓๒ ศาสนาสิกข ศาสนาสิกขเกิดขนึ้ เพ่อื ทาํ ใหชาวอินเดยี ท่ีนบั ถอื ศาสนาฮนิ ดูและศาสนาอิสลามมีความสามคั คี กนั ผทู ่ีนับถือศาสนาสกิ ขและผา นพธิ ี “ปาหุล” จะไดน ามวา “สงิ ห” ตอ ทายชอ่ื เหมอื นกันทกุ คน ศาสนาสิกขส อนใหนับถือเทพเจา องคเ ดยี ว และใหความสาํ คัญในเร่อื งความเสมอภาคและสอนวา ผหู ญิงกบั ผูชายมคี วามเทาเทียมกัน ซึง่ กลา วไวใ นคมั ภีรสําคญั ของศาสนาสิกข ท่เี รียกวา ครนั ถสาหิพ พิธกี รรมทางศาสนาที่สําคญั ของศาสนาสกิ ข มีดังนี้ ๑. พธิ ีอมฤตสังสการ เปนพิธรี ับคนเขา ในศาสนา โดยใหชาวสกิ ขนง่ั พรอมกันในทแ่ี หงเดียวกนั แลวหยบิ อาหารใสป ากใหแกกนั โดยไมคํานงึ ถึงชนชน้ั วรรณะ ๒. พิธสี งั คตั เปน พิธชี ุมนมุ ของศาสนกิ ชน ผเู ขารว มพิธีตอ งเชด็ รองเทา ตกั นํา้ ทําทกุ อยา งดวย ตนเอง ไมมผี ใู ดไดร บั การยกเวน โดยเชอ่ื กนั วาหากผูใ ดปฏิบตั ติ ามไดมากยิง่ เปนศาสนกิ ชนของศาสนา สิกขท่ดี มี ากเชน กนั ภาพ : พธิ ที างศาสนาสิกข ทม่ี า : https://www.google.com/

๓๓ ใบกจิ กรรมที่ ๔ เรอื่ ง ปฏบิ ัติศาสนพธิ ีและพธิ กี รรมตามแนวปฏิบัตขิ องศาสนาอน่ื คาํ ชี้แจง : ใหน ักเรยี นตอบคาํ ถามประเดน็ ทีส่ ําคญั ตอไปน้ี ๑. เพราะเหตใุ ดแตละศาสนาจึงมีการปฏบิ ตั ติ นทีแ่ ตกตางกัน ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ๒. การเรยี นรศู าสนพธิ ี พิธกี รรมของศาสนาอ่นื ๆ มีความสาํ คญั อยา งไร ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ๓. หลักธรรมของศาสนาตางๆ สามารถทําใหค นในสังคมอยูร ว มกนั อยางสงบสุขไดอยางไร ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ๔. มีวธิ กี ารปฏิบัติตนอยางไรในการอยูร ว มกันกบั บุคคลท่นี บั ถือศาสนาอืน่ ๆ ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ๕. ถา ทกุ คนเรียนรูและทาํ ความเขา ใจกบั ศาสนพธิ ีและพิธีกรรมของศาสนาตา งๆ จะทําใหส ง ผลตอ การอยรู วมกนั ในโลกอยางไร ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................

๓๔ แบบทดสอบหลังเรียน เลมท่ี ๖ เรอื่ ง วันสําคญั ทางพระพทุ ธศาสนาและศาสนพิธี คําช้แี จง ใหน กั เรยี นทําเครือ่ งหมาย  ลงบนหนาขอทถี่ ูกตอ งมากท่ีสุด ๑. ขอใดคือความสาํ คญั ของวนั อาสาฬหบูชา ก. เปนวนั สาํ คัญสากลของโลก ข. วันท่ีเกดิ เหตกุ ารณจาตุรงคสันนบิ าต ค. วันทพ่ี ระพุทธเจา ทรงแสดงโอวาทปาตโิ มกข ง. วนั ท่พี ระพุทธเจาแสดงปฐมเทศนาแกป ญจวคั คีย ๒. หลกั ธรรมท่ีเกยี่ วเนอ่ื งในวันวิสาขบูชา คืออะไร ก. อริยสัจ ๔ ข. อทิ ธบิ าท ๔ ค. ฆราวาสธรรม ง. ทศพิธราชธรรม ๓. พระพทุ ธเจาทรงแสดงธรรมเทศนา “โอวาทปาฏิโมกข” ในวนั ใด ก. วันวสิ าขบชู า ข. วนั มาฆบูชา ค. วนั เขา พรรษา ง. วนั ออกพรรษา ๔. วันมาฆบูชาตรงกับวันใด ก. ขึ้น ๑๕ คาํ่ เดอื น ๓ ข. แรม ๑๕ คา่ํ เดอื น ๓ ค. ข้นึ ๑๕ คาํ่ เดือน ๖ ง. แรม ๑๕ คํ่า เดือน ๖ ๕. หลักธรรมท่เี กยี่ วเนื่องในวนั มาฆบูชา คอื อะไร ก. เทศนา ๔ ข. อรยิ สัจ ๔ ค. อิทธบิ าท ๔ ง. ฆราวาสธรรม

๓๕ ๖. บคุ คลใดตอ ไปนีป้ ฏบิ ตั ติ น ไมถกู ตองในวนั ขนึ้ ๑๕ ค่าํ เดือน ๓ ก. หมวยตืน่ มาตักบาตรแตเชาตรู ข. ตีไ๋ ปถวายผา อาบนา้ํ ฝนแดพ ระสงฆทีว่ ดั ค. แดงชวนเพ่ือนๆ ไปเวยี นท่ีวดั ตอนค่าํ ง. เหมียวไปฟง พระเทศนเ รอ่ื งโอวาทปาฏิโมกข ๗. บคุ คลใดตอ ไปนี้ปฏิบัติตนไดถ กู ตองขณะกรวดนา้ํ ก. พลใชก ระโถนรองขณะกรวดน้ํา ข. พรนาํ น้ําทกี่ รวดแลว ไปเทในหอ งน้ํา ค. ไพรเริม่ กรวดนํา้ เม่อื พระสงฆส วด ยถา วารวิ หา ง. พนานั่งคุยขาวการเมืองกบั เพอ่ื นขณะหลั่งน้ําอุทิศสว นกศุ ล ๘. ขอ ใดตอ ไปนี้ไมใ ชลักษณะสําคญั ของการทอดกฐิน ก. วดั หน่ึงจะรับผา กฐนิ ไดป ล ะ ๑ คร้งั ข. การทอดกฐินสามารถทําไดต ลอดทั้งป ค. วดั ที่ไดร ับการทอดกฐนิ แลว จะมธี งรปู จระเขปกไวท ่หี นา วดั ง. การทอดกฐนิ จะตอ งนาํ ผากฐนิ ไปวางหนาพระสงฆอยางนอย ๕ รปู ๙. เพราเหตุใด เราจึงเรียกวนั มาฆบชู าวา “วนั พระธรรม” ก. เกีย่ วของกับไตรสิกขา ข. เก่ยี วขอ งกบั การแสดงปฐมเทศนา ค. เกี่ยวขอ งกับพธิ ีกรรมทางพระพุทธศาสนา ง. เกย่ี วของกับหลักคาํ สอนของพระพุทธศาสนา ๑๐. วันธรรมสวนะในปจจุบนั ชาวพทุ ธนยิ มเรียกวาวันอะไร ก. วันอัฏฐมีบชู า ข. วนั เทโวดรหณะ ค. วนั พระหรือวนั อุโบสถ ง. วันสําคญั ทางศาสนา

๓๖ ภาคผนวก

๓๗ เฉลยแบบทดสอบกอ นเรยี น ขอ เฉลย ๑ข ๒ก ๓ก ๔ง ๕ก ๖ง ๗ค ๘ข ๙ค ๑๐ ข

๓๘ เฉลยใบกิจกรรมท่ี ๑ เร่อื ง การปฏบิ ตั ติ นทเ่ี หมาะสมในศาสนพิธี ตอนที่ ๑ คาํ คําชแี้ จง : ใหนกั เรยี นตอบคาํ ถามตอ ไปน้ี ๑. ในฐานะที่เปน พทุ ธศาสนกิ ชน เหน็ คุณคาของศาสนพธิ สี าํ คัญในพระพุทธศาสนาอยางไร .......๑.....ป..ร..ะ...โ.ย..ช...น..ท...า..ง..ใ.จ....ช..ว..ย...ใ.ห...เ.ก..ดิ...ค..ุณ....ธ..ร..ร..ม..ข..ึ้น...ใ.น...ต..วั...ผ..ปู ...ฏ..ิบ...ัต..ไิ..ด..แ..ก... .ค...ว..า..ม..ม...สี ..ต..ิ..ค..ว..า..ม...ส..า..ม..ัค...ค..ี..ค..ว..า..ม........ .......เ.ป...น ..ร..ะ..เ..บ..ยี...บ..ป...ร..ะ..ณ...ตี...ง..ด..ง..า..ม....เ.ก..ดิ...ค..ว..า..ม...ช..มุ..ช...นื่ ..เ..บ..ิก...บ..า..น...ใ.จ....แ..ล...ะ..เ.ก..ิด...ค..ว..า..ม...ฉ..ล..า..ด...................................... .......๒.....ร..ัก..ษ...า..เ.อ..ก...ล..กั...ษ..ณ....ข..อ..ง..ช...า.ต...ทิ ..ไี่..ม..ม...ีช..า..ต...ใิ .ด...เ.ห..ม...อื..น....เ.พ...ร..า..ะ..ศ...า..ส..น...พ..ธิ...แี ..ส..ด...ง.ถ...ึง..ค..ว..า..ม...เ.ป..น...ไ.ท...ย.................... .......๓.....ช..ว..ย...ธ..าํ ..ร.ง..พ...ร..ะ..พ...ทุ...ธ..ศ..า..ส...น..า...ศ...า..ส..น...พ..ิธ...เี .ป..น...ข..ั้น...ต..อ...น..ช...ัก..จ..ูง..ใ..ห..ผ...ูป..ฏ...บิ...ตั ..ิซ..า..บ...ซ..ึ้ง...เ..ก..ดิ...ค..ว..า..ม..ศ...ร..ัท..ธ...า.ใ..น........ .......พ..ร..ะ...พ..ทุ...ธ..ศ...า.ส...น..า....ม..ีใ..จ..ม..ุง..ม...ัน่ ..ท...่จี..ะ..ศ...ึก..ษ...า..แ..ก...น..แ...ท..ข...อ..ง..พ..ร..ะ...พ..ุท...ธ..ศ...า.ส...น..า..ใ..น..ข...้ัน..ล...ึก..ต...อ..ไ..ป............................. ๒. การทาํ บญุ ตักบาตรกบั การถวายสังฆทานเหมอื นกนั หรอื ตางกนั อยา งไร .......ก..า..ร..ท..ํ.า.บ...ุญ...ต...ัก..บ...า..ต..ร...ถ...ือ..ว..า..เ.ป...น...ก..า..ร..ท...ํา..บ..ญุ...ป...ร..ะ..จ..ํา..ว...ัน..ข..อ...ง..ช..า..ว..พ...ทุ ..ธ....แ..ล...ะ..ช..า..ว..ไ..ท..ย..พ...ทุ...ธ..เ.ช...่ือ..ว..า................. .......ก..า..ร..อ..อ...ก..บ...ิณ...ฑ...บ..า..ต...ข..อ...ง.พ...ร..ะ..ส...ง..ฆ..เ.ป...น..ก...า..ร..ช..ว..ย...โ.ป...ร..ด..ส..ตั...ว..ใ .ห...ไ..ด..ร..ับ..ส...ว ..น...บ..ญุ............................................... .......ก..า..ร..ถ..ว..า..ย..ส...ัง..ฆ..ท...า..น....ห..ม...า..ย..ถ..ึง....ท..า..น...ท..ีถ่...ว..า..ย..แ..ก...พ...ร..ะ..ส..ง..ฆ..ท...วั่..ไ..ป....ม..ไิ..ด..เ.จ...า.ะ...จ..ง..แ..ก...ร .ูป...ใ.ด...ร..ปู...ห..น...่งึ ...ก..า..ร..ถ...ว..า..ย.... .......ส..งั..ฆ..ท...า..น..จ...ะ..ถ..ว..า..ย...ท..ี่ว..ัด....ห...ร..อื ..น...มิ ..น...ต..พ...ร..ะ..ส..ง..ฆ...ม ..า..ร..ับ...ท..ีบ่...า..น...ก..็ไ..ด................................................................ ................................................................................................................................................................ ๓. การถวายภัตตาหารแดพระพทุ ธรูปและพระสงฆ มีจดุ มงุ หมายอยา งไร .......เ.ป..น...ก..า..ร..ช...ว..ย..ร..ัก..ษ...า..ป...ร..ะ..เ.พ...ณ...ี..แ..ล..ะ...ช..ว..ย..ส...ืบ..ท...อ..ด...พ..ร..ะ...พ..ุท...ธ..ศ...า.ส...น..า....เ.ป...ด..โ..อ..ก..า..ส...ใ.ห...พ ..ุท...ธ..ศ...า.ส...น..กิ...ช..น...ไ.ด... ....... .......ท..ํา..บ...ุญ....ถ...ว..า..ย..ท...า..น..ส..ร...า.ง..ก...ุส..ล..ค...ณุ ...ง..า..ม..ค...ว..า..ม..ด...ีใ.ห...แ..ก..ต...ัว..เ.อ...ง...พ...ร..ะ..ส..ง..ฆ...เ.ป..น...ผ..ศู...กึ ..ษ...า...ป...ฏ..บิ...ตั..ิพ...ร..ะ..ธ..ร..ร..ม...ว..ิน..ัย.... .......แ..ล..ว..น...าํ..ม..า..ส...ั่ง.ส...อ..น...ใ.ห...ป ..ร..ะ...ช..า..ช..น...ไ.ด...ร ..ับ..ร..ส...แ..ห...ง ..พ..ร..ะ...ธ..ร..ร..ม...พ...ร..ะ..ส...ง..ฆ..ด..าํ..ร..ง..ช..พี...อ...ย..ไู..ด..ด ..ว..ย...ป..จ...จ..ยั ..ท...ค่ี ..ฤ...ห..สั...ถ.. ... .......จ..ัด..ถ...ว..า..ย.............................................................................................................................................. ๔. เครอ่ื งไทยธรรมและเครอ่ื งไทยทาน มคี วามหมายอยา งไร ......เ.ค...ร..อื่ ..ง..ไ.ท...ย..ธ..ร..ร..ม...แ..ล...ะ..เ.ค..ร..ื่อ...ง..ไ.ท...ย..ท...า..น....ค..อื....ป..จ...จ..ัย....๔....ไ.ม...ข ..ดั..ต...อ..พ...ร..ะ..ธ..ร..ร..ม...ว..ิน..ยั...อ..นั...ไ.ด...แ..ก............................. ......๑.....อ...า.ห...า..ร...เ..ช..น....อ..า..ห...า..ร..ค..า..ว..ห...ว..า..น....เ.ค...ร..อื่ ..ง..ด..ม่ื....ห...ร..อื ..ข..อ...ง..ข..บ..ฉ...ัน..ต...า..ง..ๆ....................................................... ......๒.....เ.ค...ร..ื่อ..ง..น...ุง .ห...ม....เ.ช..น....ส...บ..ง....จ..ีว..ร...ส...งั .ฆ...า..ฏ..ิ..ร..ดั ..ป...ร..ะ..ค..ด....ย...า .ม....ผ...า ..เ.ช..ด็...ต..ัว...ผ...า ..เ.ช..็ด...ห..น...า...ฯ...ล..ฯ........................... ......๓.....เ.ค...ร..อ่ื ..ง..ใ..ช..ส..อ...ย..อ..่นื...ๆ....เ.ช..น....โ..ต..ะ....เ.ก..า..อ...้ี .ม..งุ....ห..ม...อ..น....ผ..ง..ซ...ัก..ฟ...อ..ก....ส..บ...ู .ย..า..ส...ีฟ..น....ก...ร..ะ..ด..า..ษ...ช..ํา..ร..ะ....เ.ป...น ..ต...น ........ ......๔.....ย..า..ร..กั...ษ..า..โ..ร..ค....เ.ช..น....ย...า.ต...า..ง..ๆ...ร..ว...ม..ท...ั้ง.เ..ภ..ส...ัช...๕....ค...ือ....เ.น..ย...ข..น ....เ.น...ย..ใ..ส...น...าํ้ ..ม..นั....น...ํ้า..ผ..ึง้ ...น...้ํา..อ..อ ...ย..................... ๕. เพราะเหตใุ ด จึงเกดิ ประเพณกี ารทอดผา ปา มาแตครัง้ พทุ ธกาล ....ส...ม..ัย...น..ั้น...พ..ร..ะ...พ..ทุ...ธ..เ.จ...า..ย..ัง..ไ.ม...ไ .ด...ท..ร..ง..อ..น...ุญ...า..ต...ใ.ห...ภ..ิก...ษ..ุ.ร.บ.ั ..จ..ีว...ร.ท...ช่ี..า..ว..บ...า..น...ถ..ว..า..ย....ท..ร..ง..อ..น...ุญ...า..ต...ใ.ห...ภ ..ิก...ษ..ุ.แ..ส..ว..ง..ห...า. ....ผ...า ..เ.ป...อ ..น...ฝ..ุน...ท..ไ่ี..ม..ม...เี .จ..า..ข..อ...ง...ห...ร..ือ..ผ..า..ท...่ีห...อ ..ซ..า..ก...ศ..พ...ท..ง้ิ..ไ..ว..ต ..า..ม...ป..า..ช...า...น...าํ .ม...า..ซ..ัก...ฟ..อ...ก..ต...ดั ..เ.ย...บ็ ..เ.ป...น...จ..วี..ร..ใ.ช...น ..งุ..ห...ม... ....พ...ุท...ธ..ศ..า..ส...น..กิ...ช..น...ใ.น...ส..ม..ัย...น..้นั...เ.ห...น็ ..ค...ว..า..ม..ล...าํ ..บ..า..ก...ข..อ..ง..ภ...ิก..ษ...ุใ.น...เ.ร..ื่อ...ง.น...้ีม..คี...ว..า..ม..ป...ร..ะ..ส..ง..ค...จ..าํ..บ...าํ .เ..พ..ญ็....ก..ุศ...ล..โ.ด...ย..ไ..ม.... ....ข...ัด..ต...อ ..พ...ทุ ..ธ..บ...ญั...ญ....ตั ..ิ.จ...งึ .ไ..ด..จ..ดั...ผ..า..ท...่สี ..ม...ค..ว..ร..แ..ก...พ...ร..ะ..ส..ง..ฆ..ไ..ป...ท..อ...ด..ท...งิ้ ..ไ.ว..ต...า.ม...ท...ตี่ ..า..ง..ๆ....โ.ด..ย...ม..า..ก...เ.ป..น...ป...า..ช..า........... ................................................................................................................................................................

๓๙ ตอนท่ี ๒ คําช้ีแจง : ใหน ักเรยี นยกตวั อยางศาสนพิธีทต่ี นเองเคยปฏบิ ตั มิ า ๑ อยา ง อธบิ ายข้นั ตอนในการปฏิบตั ิ และตอบคาํ ถาม ข้นั ตอนในการปฏบิ ัตศิ าสนพธิ ีของนกั เรยี น ช่ือศาสนพิธี ............................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ..............................................................................................................................อ......ย....ูใ..น......ด.....ลุ.....พ......นิ ....จิ....ข......อ....ง....ค....ร....ผู......ูส ....อ....น.................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .๑......น..ัก...เ.ร.ยี นไดประโยชนจ ากการปฏบิ ัตศิ าสนพธิ ีนอ้ี ยา งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................อ..ย..ใู..น...ด..ุล..พ...ิน...จิ ..ข..อ...ง.ค...ร..ูผ..ูส...อ..น......................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๒. ศาสนพธิ ีนถี้ า ไมมกี ารอนรุ กั ษไวจ ะเกดิ ผลอยางไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................อ..ย...ูใ.น...ด..ุล..พ...นิ...จิ ..ข..อ...ง..ค..ร..ูผ..ูส...อ..น......................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๓. นักเรียนจะมแี นวทางในการอนุรักษศาสนพธิ ีใหคงอยตู อไปอยา งไร ................................................................................................................................................................ ..................................................................................................................................อ....ย....ใู....น....ด......ุล....พ......นิ......จิ ....ข....อ......ง..ค......ร....ผู ....ูส....อ......น................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................

๔๐ เฉลยใบกจิ กรรมที่ ๒ เรือ่ ง หนา ที่และบทบาทของพระภิกษุในฐานะตา งๆ คําช้แี จง : ใหน กั เรยี นวิเคราะหห ลักธรรมท่เี ก่ยี วกับวันสําคญั ในทางพระพุทธศาสนา วนั สาํ คญั สาระสําคัญ หลักธรรมที่นาํ ไปปฏบิ ตั ิ วันวสิ าขบชู า วันมาฆบูชา เปนวนั ที่พระพุทธเจา ประสูติ ตรัสรู หลกั ธรรมโอวาทปาฏิโมกข ๓ ประการ วันอาสาฬหบูชา และปรนิ พิ พาน คือ วนั อัฏฐมบี ชู า วนั ธรรมสวนะ ๑. ละเวนความช่วั ๒. ทาํ แตความดี ๓. ทําจติ ใจใหผอ งใส เปน วนั ทพ่ี ระพุทธเจา ทรงแสดงธรรม ๑. กตญั ู “โอวาทปาฏิโมกข” พระภกิ ษุทไ่ี ดรับ ๒. อรยิ สัจ ๔ การบวชแบบเอหภิ กิ ขอุ ปุ สมั ปทา ซ่ึง ๓. ความไมประมาท เปน พระอรหนั ตรวมทง้ั สนิ้ ๑,๒๕๐ รปู เปน วันท่พี ระพทุ ธเจาทรงแสดงปฐม ๑. การหมกมุนอยูใ นกาม (กามสขุ ัลลิ เทศนา คอื ธัมมจกั กัปปวัตนสูตร ทําให กานุโยค) เกิดพระสงฆขึน้ เปนคร้งั แรกในโลก คือ ๒. การทําใหล าํ บาก (อัตตกิลมถานุ พระอัญญาโกณฑัญญเิ ปนวนั ท่ีมีพระ โยค) รตั นตรยั ครบองคสาม คือ พระพทุ ธ ๓. ทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) พระธรรม และพระสงฆ คอื อริยมรรค หขอ ปฏบิ ตั ทิ ่ไี มตงึ หรอื ไมห ยอ นจนเกนิ ไป เปน วันท่ีตรงกับวันถวายพระเพลงิ พระ หลักธรรม ไตรลักษณ คือ พุทธสรีระ พุทธศาสนิกชนตระหนักวา ๑. อนจิ จตา ความไมเทย่ี ง ไมค งที่ ธรรมชาติของมนษุ ยนัน้ เปนของไมเ ท่ยี ง ๒. ทกุ ขตา ความเปน ทกุ ข ภาวะทถ่ี ูก การเกดิ แก เจ็บ ตาย เปนเรื่องธรรมดา บังคบั ดวยการเกิดข้นึ แลวสลายไป ของมนุษยท ุกคน ๓. อนันตตา คอื ความไมมตี วั ตน หรือวนั พระ เดือนหน่ึงๆ มีวนั พระ ๔ หลกั ธรรมทีควรปฏิบตั ิ ไดแ ก วนั ในวนั ดงั กลา วพทุ ธศาสนิกชนมี ๑. เบญจศลี หรอื ศลี ๕ โอกาสไดฟงเทศน ฟง ธรรม เพอ่ื ชาํ ระ ๒. เบญจธรรม หรือธรรม ๕ จติ ใจใหบริสุทธ์ิ ๓. อฏั ฐศลี หรอื ศีล ๘

๔๑ คาํ ชแี้ จง : ใหน กั เรยี นยกตวั อยางคาํ สอนในวนั สาํ คญั ทางพระพุทธศาสนาทสี่ นใจมา ๑ วัน และเสนอ แนวทางการปฏิบตั ิตน ผลที่เกิดข้นึ ลงในแบบบันทกึ วันสําคัญ ................................................................................................................................................ เหตุการณส ําคัญ ..................................................................................................................................... .................................................................อ..ย..ูใ..น..ด...ุล..พ...ิน..จิ...ข..อ..ง..ค...ร..ผู ..ูส..อ...น........................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ หลักคําสอนในวันสําคญั .......................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ .................................................................อ...ย..ใู .น...ด..ลุ...พ..นิ...จิ..ข...อ..ง..ค..ร..ผู...สู ..อ..น........................................................ ................................................................................................................................................................ แนวทางการปฏิบัติตนจากหลกั คาํ สอน .................................................................................................. ....................................................................................................................................อ......ย....ูใ ..น......ด....ลุ......พ......ิน....จิ ....ข......อ....ง....ค....ร....ผู......ูส....อ....น.............................................................................................................. ผลจากการปฏิบัตติ อ ตนเอง ................................................................................................................... ..................................................................อ..ย...ใู .น...ด..ุล..พ...นิ...จิ ..ข..อ...ง..ค..ร..ผู..ูส...อ..น....................................................... ................................................................................................................................................................ ผลจากการปฏิบัติตอ ครอบครวั .............................................................................................................. .................................................................อ...ย..ูใ..น..ด...ุล..พ...นิ ..ิจ..ข...อ..ง..ค..ร..ผู...สู ..อ...น....................................................... ................................................................................................................................................................ ผลจากการปฏบิ ัติตอ สงั คม ..................................................................................................................... ..................................................................อ..ย..ใู..น..ด...ลุ..พ...นิ...ิจ..ข..อ...ง.ค...ร..ผู ..สู..อ...น....................................................... ................................................................................................................................................................ ถาพุทธศาสนิกชนปฏิบัติตนไดถกู ตอ ง จะสง ผลตอ พระพุทธศาสนาในวันสาํ คัญทางพระพุทธศาสนาใน ปจ จบุ ันและอนาคตอยา งไร ..................................................................อ..ย...ูใ.น...ด..ลุ...พ..นิ...ิจ..ข..อ...ง..ค..ร..ูผ..สู...อ..น....................................................... ................................................................................................................................................................ ถ...า ..พ..ุท...ธ..ศ...า.ส...น..กิ...ช..น...ป..ฏ...ิบ...ัต..ติ..น...ไ..ม..ถ..กู...ต..อ...ง.แ...ล..ะ..ไ..ม..เ.ห...ม...า..ะ..ส..ม...ใ.น...วันสาํ คัญทางพระพุทธศาสนาจะสงผลตอ พระพุทธศาสนาในปจ จบุ ันและอนาคตอยา งไร ...................................................................................... ...................................................................อ..ย...ใู .น...ด..ลุ..พ...นิ...ิจ..ข..อ...ง..ค..ร..ูผ..สู...อ..น...................................................... ................................................................................................................................................................

๔๒ เฉลยใบกจิ กรรมท่ี ๓ เรือ่ ง ระเบียบพิธีและการปฏิบัตติ นในวันสาํ คญั ทางพระพทุ ธศาสนา คาํ ชี้แจง : ใหนักเรยี นเติมคาํ ตอบลงในแผนผงั “การปฏบิ ัติตนในวันสาํ คัญทางพระพุทธศาสนา” ใหถ ูกตอง วนั ธรรมสวนะ วนั เขาพรรษา กจิ กรรมท่พี ุทธศาสนกิ ชนควรปฏิบัติ กจิ กรรมที่พุทธศาสนกิ ชนควรปฏิบัติ ...น...าํ ..อ..า..ห...า.ร....ผ..ล...ไ.ม... .เ.ค...ร.่อื...ง..ส..กั..ก...า..ร..ะ...ไ..ป..ว...ดั ..เ.พ...อื่......... ..๑.....ง..ด..เ..ว..น ..บ...า..ป....ค..ว..า..ม...ช..ว่ั...แ...ล..ะ..อ...บ..า..ย...ม..ขุ..ต...า..ง..ๆ....... ...ถ..ว..า..ย...แ..ด..พ...ร..ะ..ภ...กิ..ษ...สุ..ง..ฆ... .ร..ว..ม...ท..งั้..ร..กั..ษ...า..ศ...ลี ...เ.จ...ร..ิญ..... ..๒.....พ...ุท..ธ...ศ..า..ส..น...กิ ..ช...น..ท...ัว่ ..ไ.ป...จ..ะ..บ...ํา..เ.พ...็ญ...ท...า..น....ร..กั ..ษ...า... ...จ..ติ...ภ..า..ว..น...า...แ...ล..ะ..ฟ...ง..พ..ร..ะ...ธ..ร..ร..ม..เ.ท...ศ..น...า.................... ..ศ..ลี....ฟ...ง ..ธ..ร..ร..ม...แ...ล..ะ..เ..จ..ร..ญิ...ภ...า..ว..น..า............................ ............................................................................ ........................................................................... ผลทไี่ ดรับจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม ผลที่ไดรับจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม ...ส..ง..ผ...ล..ใ.ห...ม..ีจ...ิต..ใ..จ..ท...ีเ่ .ป..ย...ม..ส...ุข...เ..ป..น...ศ..ิร..มิ...ง.ค...ล....ต..อ........ ..ม..สี...ขุ ..ภ...า..พ..ก...า..ย..ท...ีแ่ ..ข..ง็..แ...ร..ง...ม..ีส..ุข...ภ..า..พ...จ..ติ...ท..ีด่...ี.ม...ผี ..ล..ด...ี ...ต..น...เ.อ...ง...ค..ร..อ...บ..ค...ร..วั ...เ.พ...่ือ..น...ร..ว..ม...โ.ล..ก....แ..ล...ะ..ส..ร..ร..พ........ ..ต..อ...ส..งั..ค..ม....น...ั่น..ค...ือ....ส..ัง..ค..ม...ส..ง..บ..ส...ุข...ไ..ม..ม...ีก..า..ร..ท...ํา..ร..า..ย... ...ส..ัต...ว..ท...้ัง.ห...ล..า..ย....................................................... ..ก..ัน....ส...ัง.ค...ม..พ...ัฒ...น...า..แ..ล...ะ..เ.จ..ร..ิญ...ย...งิ่ ..ๆ...ข...้นึ ..ไ..ป................. ............................................................................ ........................................................................... การปฏบิ ตั ติ นใน วันสําคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วันออกพรรษา วนั เทโวโรหณะ กจิ กรรมทพ่ี ุทธศาสนกิ ชนควรปฏิบตั ิ กิจกรรมทพ่ี ุทธศาสนิกชนควรปฏบิ ัติ ...๑......บ..ํา..เ.พ...็ญ...ท...า..น....ร..กั..ษ...า..ศ..ีล....ฟ...ง ..พ..ร..ะ...ธ..ร..ร..ม..เ.ท...ศ..น...า... ....ร..ว ..ม..พ...ธิ..ีต..ัก...บ..า..ต...ร..เ.ท...โ.ว..โ..ร..ห..ณ....ะ...ท...ํา..บ..ุญ....ก..ุศ..ล........... ...แ...ล..ะ..เ..จ..ร..ิญ...ภ...า..ว..น..า................................................ ....เ.พ...่ือ..ค...ว..า..ม..เ.ป...น ..ศ...ริ..มิ ..ง..ค...ล...ต...อ ..ต...น..เ.อ...ง...ค..ร..อ...บ..ค...ร..วั .... ...๒......ง.ด...เ.ว..น...บ..า..ป....ค...ว..า..ม..ช...ัว่ ...แ..ล...ะ..อ..บ...า..ย..ม...ขุ ..ต..า..ง..ๆ....... ....เ.พ...ื่อ..น...ร..ว ..ม..โ..ล..ก.................................................... ............................................................................ ........................................................................... ผลทไี่ ดร ับจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ผลทไี่ ดรับจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม ...ม...สี..ุข...ภ..า..พ...ก..า..ย...ท..่ีแ...ข..ง็..แ..ร..ง...ม...สี ..ุข..ภ...า..พ...จ..ิต..ท...่ีด..ี..ม..ีผ...ล..ด..ี ....แ..ส..ด...ง..ใ.ห...เ .ห...็น..ถ...ึง.ค...ว..า..ม..เ..ป..น...น..้ํา..ห...น..่ึง..ใ..จ..เ.ด...ีย..ว..ก..ัน....ใ..น. ...ต...อ..ส...งั .ค...ม....น..่ัน...ค..ือ....ส..งั..ค...ม..ส..ง..บ...ส..ขุ....ไ.ม...ม..ีก...า..ร..ท..ํา..ร..า..ย... ....ก..า..ร..ท...ํา..น..บุ...ํา..ร..ุง..พ..ร..ะ...พ..ทุ...ธ..ศ..า..ส...น..า....ม..ีค...ว..า..ม..ส..ม...คั ..ร.... ...ก...นั ....ส..งั..ค..ม...พ...ฒั ...น..า..แ...ล..ะ..เ..จ..ร..ญิ ...ย..งิ่..ๆ....ข..ึน้...ไ.ป................. ....ส..ม...า.น...ส..า..ม...คั ..ค...ี .................................................. ............................................................................ ........................................................................... การปฏบิ ตั ติ นท่ีถูกตองในวนั สําคัญทางพระพทุ ธศาสนา ....พ...ุท..ธ..ศ...า..ส..น...กิ ..ช..น...ค..ว..ร..ป...ฏ...ิบ..ัต...ิศ..า..ส..น...ก..จิ...ใ.น...ว..ัน..ส...ํา..ค..ญั...ท...า..ง..พ...ร..ะ..พ..ุ.ท..ธ..ศ...า..ส..น...า...ด..ว..ย...ค..ว..า..ม...เ.ต..ม็...ใ.จ....ศ..ร..ัท...ธ..า...พ...ร..อ..ม... ....ก..นั...ช..กั...ช..ว..น...เ.พ...่อื ..น...บ..า..น....ส..ม...า..ช..กิ...ใ.น...ค..ร..อ..บ...ค..ร..วั...ใ.ห...เ .ห...็น..ค...ว..า..ม..ส..ํา..ค...ญั ...ข..อ...ง..ว..ัน..น...แ้ี ..ล..ะ...ไ.ป...ท..ํา..บ...ญุ...ต...กั ..บ...า..ต..ร..ร..ว..ม...ก..นั... ................................................................................................................................................................

๔๓ เฉลยใบกิจกรรมที่ ๔ เรอื่ ง ปฏบิ ตั ิศาสนพธิ ีและพิธีกรรมตามแนวปฏบิ ตั ขิ องศาสนาอ่ืน คาํ ช้แี จง : ใหนักเรยี นตอบคาํ ถามประเด็นท่สี ําคัญตอ ไปนี้ ๑. เพราะเหตุใดแตละศาสนาจึงมกี ารปฏบิ ัติตนทแี่ ตกตางกัน ......ก..า..ร..ป...ฏ..ิบ...ัต..ิต...น..ท...ีแ่..ต...ก..ต...า..ง.ก...นั ..แ...ต..ล..ะ...ศ..า..ส..น...า..แ..ต...ก..ต...า.ง..ก...ัน..ก...็ข..ึ้น...อ..ย..กู...บั ..อ...ุป..ล...ัก..ษ...ณ...ะ..แ...ล..ะ..ห...น..า..ท...ีท่ ...า.ง..ส...งั .ค...ม....... ......ภ..ูม...ศิ ..า..ส...ต..ร.. .ส...ิ่ง.แ...ว..ด..ล...อ..ม....แ..ล...ะ..ค..ว..า..ม...เ.ช..อ่ื...ถ..อื ....จ..งึ ..ท..ํา..ใ..ห...เ.ก..ดิ ....ศ..า..ส...น..า..ห...ล..า..ย..ร..ปู...แ..บ...บ...ข..ึน้ ................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ๒. การเรียนรศู าสนพธิ ี พิธีกรรมของศาสนาอน่ื ๆ มคี วามสําคญั อยา งไร ......ส...า..ม..า..ร..ถ..ป...ฏ...บิ ..ัต...ติ ..า..ม..ก...ฎ..เ..ก..ณ...ฑ...ก...า..ร..อ..ย..ูร..ว..ม...ก..ัน...ใ.น...ร..ปู ..ข...อ..ง..ก..ฎ...ร..ะ..เ.บ...ยี..บ....ม...ีค..ุณ....ธ..ร..ร..ม....จ..ร..ิย..ธ..ร..ร..ม...ใ.น...ก..า..ร......... ......ช...ว..ย..เ.ห...ล..อื...เ.ก..ื้อ...ก..ลู..ก...ัน....ก..า..ร..ม..ีส...ว ..น..ร..ว...ม..ก..จิ...ก..ร..ร..ม..ต...า..ง...ๆ...ม...สี ..ว..น...ร..ว ..ม..ใ..น..ก...จิ ..ก..ร..ร..ม...ป..ฏ...บิ...ตั ..ิต..า..ม...ค..ณุ....ธ..ร..ร..ม..ข..อ...ง.... ......ก...า..ร..อ..ย..ูร..ว..ม...ก..ัน...ต..า..ม...ห..ล...ัก..ศ..า..ส...น..า..ท...่ีต..น...เ.อ..ง..น...บั...ถ..ือ....จ..ะ..ท...าํ ..ใ.ห...ป ..ร..ะ...ช..า..ช..น...ส..า..ม...า..ร..ถ..อ..ย...รู ..ว..ม..ก..นั...อ..ย...า..ง..ส..ัน..ต...ิส..ขุ.... ............................................................................................................................................................... ๓. หลักธรรมของศาสนาตางๆ สามารถทําใหคนในสงั คมอยูรว มกนั อยางสงบสุขไดอยา งไร .....ศ..า..ส..น...า..เ.ป...น ..ท...ี่พ...่ึง..ท..า..ง..จ..ติ...ใ.จ..ท...กุ...ศ..า..ส..น...า...ส..อ...น..ใ..ห...เ.ค..า..ร..พ...ศ..ีล...ธ..ร..ร..ม....ใ.ห...ล..ะ..เ..ว..น ..ค...ว..า..ม..ช..่วั..แ...ล..ะ..ท...าํ..ค..ว..า..ม...ด..ี.......... .....ก..า..ร..ม..ีห...ล..า..ย...ศ..า..ส..น...า..จ..ึง..น...บั ..เ..ป..น...โ.อ...ก..า..ส..ใ..ห..ม...ว..ล..ม...น..ษุ...ย..ท...วั่..โ..ล..ก..ไ..ด..เ..ข..า..ถ..ึง..เ.ป...า..ห..ม...า..ย..ข...อ..ง..ช..วี..ิต...อ..ัน...เ.ป..น................ .....ค..ว..า..ม...ส..ุข..น...ริ ..นั ..ด...ร..ด..ว..ย...ว..ถิ ..ที...า..ง.ท...่ีต...น..ค...ดิ ..ว..า..เ.ห...ม..า..ะ..ส...ม..ท...สี่..ุด........................................................................... ............................................................................................................................................................... ๔. มวี ิธีการปฏิบัติตนอยางไรในการอยูรวมกันกบั บคุ คลท่นี บั ถือศาสนาอื่นๆ .....เ.ป...ด..ใ..จ..ย..อ...ม..ร..บั...ค..ว..า..ม...ต..า..ง..ท..า...ง.ศ...า..ส..น...า..เ.พ...ยี ..ง..แ..ต..ห...ม...า.ย...ถ..ึง..ก..า..ร..ล...ะ..เ.ว..น...จ..า..ก..ก...า..ร..เ.บ...ยี ..ด..เ.บ...ยี..น...ผ..ถู...อื ..ป...ฏ..ิบ...ัต..ิ......... .....ศ..า..ส...น..า..ท...ตี่ ..า..ง..อ..อ...ก..ไ..ป..จ...า..ก..ศ..า..ส...น..า..ป...ร..ะ..จ..าํ..ช...า.ต...ิ.ซ...่งึ .แ...ต..ก...ต..า..ง..จ..า..ก..เ..ส..ร..ภี...า..พ..ท...า..ง..ศ..า..ส..น...า...ซ...่ึง..ถ..ือ..ว..า..ท...ุก..ศ...า..ส..น...า.ม. ี .....ค..ว..า..ม...เ.ท...า ..เ.ท...ยี ..ม..ก...ัน................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ๕. ถาทกุ คนเรียนรูและทําความเขา ใจกบั ศาสนพธิ ีและพธิ ีกรรมของศาสนาตางๆ จะทําใหสง ผลตอ การอยรู วมกนั ในโลกอยางไร .....ช...ว ..ย..พ...ัฒ...น...า..ส..ัง..ค..ม...ใ.ห...ส..า..ม...า..ร..ถ..อ..ย...ูร..ว..ม..ก..นั...อ..ย...า..ง..ส..นั..ต...ิส..ขุ....ม..คี...ว..า..ม..ป...ล..อ...ด..ภ...ยั ...เ..ท..ุก...ค..าํ..ส..อ...น..ม...จี ..ดุ..ม...งุ..ห..ม...า..ย........ .....เ..ด..ยี..ว..ก...นั ..ค...อื ..ต...อ ..ง..ก..า..ร..ใ..ห..ท...ํา..ค..ว..า..ม...ด..ี.จ...ะ..เ.ว..น...ช..ั่ว..แ...ล..ะ..ท...าํ ..จ..ิต...ใ.จ..ใ..ห..บ...ร..ิส..ุท...ธ..ิ์.ม...เี .ม...ต..ต..า..เ..ป..น...ห..ล...ัก...ช...ว..ย..เ..ห..ล..อื......... .....เ..ก..้อื..ก...ูล..ก..ัน....ม...ีค..ว..า..ม...อ..ด...ท..น...อ..ด...ก..ล..้ัน...ก..า..ร..ม...ีส..ัม...ม..า..ค..า..ร..ว..ะ....ร..ัก..ก...นั ..ฉ...ัน..พ...ีน่...อ ..ง...ท...าํ ..ใ.ห...ผ..นู...ับ..ถ...ือ..ศ...า.ส...น..า..เ..ป..น...ม..ติ...ร.... .....ท...ด่ี..ตี...อ..ก...ัน..โ..ด..ย..ไ..ม..ค...ํา..น..ึง..ถ...งึ .เ..ช..้อื..ช...า..ต..ิ.ก...อ..ใ..ห..เ.ก...ิด..ส...นั ..ต...ิส..ุข..ต...อ ..ส..งั..ค...ม..แ..ล...ะ..ต...อ..โ.ล...ก.............................................

๔๔ เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น ขอ เฉลย ๑ง ๒ก ๓ข ๔ก ๕ก ๖ข ๗ค ๘ข ๙ง ๑๐ ค

๔๕ บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. สํานกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา. (๒๕๔๗). เรยี นรูจ ากกระแสพระราชดํารัสพระบาท สมเดจ็ พระเจาอยหู ัวพระราชทานเมื่อวนั ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๖ ทเ่ี กย่ี วของกบั การศึกษา. กรุงเทพฯ : สาํ นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. _______________. (๒๕๕๒). หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพชมุ นุมสหกรณก ารเกษตรแหง ประเทศไทย. _______________. (๒๕๕๑). หนงั สอื เรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน กลุมสาระการเรยี นรสู ังคมศกึ ษา ศาสนา และ วฒั นธรรม ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ พระพทุ ธศาสนา ม.๒. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพครุ สุ ภาลาดพรา ว. ณัทธนัท เลย่ี วไพโรจน. (๒๕๕๘). หนังสือเรียน รายวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ ๒ กลมุ สาระการเรยี นรสู ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : บริษทั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.) จํากัด. สถาบนั พฒั นาวชิ าการ. (๒๕๕๘). คูมอื ครหู นังสือเรียนสาระการเรียนรูพ ้ืนฐาน สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี ๒ ตามหลักสตู รการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัทพฒั นา คณุ ภาพวิชาการ(พว.) จํากัด. อรทิรา รตั นพงษโ สภติ . (๒๕๕๒). New สรปุ เขม สังคมศกึ ษา ม.๒. กรุงเทพฯ : สาํ นกั พิมพว ัฒนาพานิช.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook