Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการคัดเลือกการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศด้านกระบวนการบริหารจัดการเรียนรวม 2564

เอกสารประกอบการคัดเลือกการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศด้านกระบวนการบริหารจัดการเรียนรวม 2564

Published by weeradech.mapaet, 2021-09-27 06:26:36

Description: เอกสารประกอบการคัดเลือกการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศด้านกระบวนการบริหารจัดการเรียนรวม 2564

Keywords: การเรียนเรียนรวม

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบ ผลการปฏบิ ตั งิ านทเี่ ปน็ เลศิ BP : BEST PRACTICE ดา้ นกระบวนการบรหิ ารจดั การเรยี นรวม โดยใชน้ วตั กรรม 3R4T Model ประเภท โรงเรยี นจดั การเรยี นรวมทว่ั ไป ประจาปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นทบั โพธพ์ิ ฒั นวทิ ย์ สานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาสรุ นิ ทร์ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ก คำนำ เอกสารฉบบั น้ีจัดทำขน้ึ เพ่ือเป็นคู่มือและเปน็ เอกสารหลักฐานการจดั การศึกษาสำหรับ นกั เรยี นเรียนรวมในโรงเรียนทับโพธพ์ิ ัฒนวิทย์ สังกดั สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาสรุ นิ ทร์ โดยได้ลำดับความสำคัญของการจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนเรยี นรวม ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบได้แก่ 1. ความสอดคล้องกับกฎหมายนโยบาย กลยุทธ์จุดเน้น ความต้องการพัฒนาของสถานศึกษาและชุมชน 2. การแสดงแนวคิดทฤษฎี หลักการของการพัฒนา Best practicesท่ีพัฒนาข้ึน อาศัยแนวคิด ทฤษฎี หลักการ 3. กระบวนการพัฒนา Best practices อย่างเป็นระบบ 4. ผลสำเร็จที่เกิดข้ึนจากการนำ Best practices ไปใช้ 5.กระบวนการตรวจสอบซำ้ เพือ่ ปรับปรุงพฒั นา Best practices และ 6.การประชาสมั พนั ธ์ เผยแพร่ และขยายผลในวงกว้าง กระบวนการคัดแยก คัดกรอง วินิจฉัย การจัดทำแผนการจัดการศึกษา เฉพาะบุคคล (IEP) และแผนการสอนรายชั่วโมง (IIP) การวัดและประเมินผล การส่งต่อในช้ันที่สูงขึ้น ตลอดจนแนวทางในการดำเนนิ งานจัดการศึกษาสำหรับนกั เรียนเรยี นรวม หวังเปน็ อย่างยิ่งวา่ เอกสารฉบับนี้จะเป็นเคร่ืองมือเปน็ แนวทางในการจัดการศึกษาสำหรับนักเรยี นทม่ี ี ปัญหาดา้ นการเรยี นรู้ LD ใหแ้ ก่ผู้ท่ีเก่ียวข้องในการพัฒนาช่วยเหลอื จัดการเรียนการสอนให้นกั เรยี นเรียนรวม ให้มคี วามเขา้ ใจและสามารถนำไปปฏบิ ัตไิ ดอ้ ยา่ งถูกต้อง ทำใหน้ ักเรยี นทบ่ี กพร่องทางการเรียนทกุ คนมโี อกาส เขา้ ถงึ การศกึ ษาและไดร้ บั การพัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพแต่ละบคุ คลต่อไป โรงเรยี นทับโพธพิ์ ัฒนวิทย์

ข สารบัญ คำนำ ความสอดคลอ้ งกับกฎหมายนโยบาย กลยุทธ์จุดเนน้ ความตอ้ งการพัฒนาของ หน้า สารบญั สถานศึกษาและชมุ ชน ก องคป์ ระกอบท่ี 1 ข 1.1 กฎหมายและสิทธคิ นพกิ าร 2 องคป์ ระกอบท่ี 2 1.2 นโยบาย 1.3 กลยทุ ธ์ 2 องค์ประกอบที่ 3 1.4 จดุ เนน้ สถานศกึ ษา 4 1.5 ความตอ้ งการพัฒนาของสถานศึกษาและชุมชน 7 องค์ประกอบที่ 4 การแสดงแนวคดิ ทฤษฎี หลักการของการพฒั นา Best practices 8 ที่พฒั นาข้ึน อาศัยแนวคิด ทฤษฎี หลกั การ 8 องค์ประกอบท่ี 5 2.1 ตามกรอบโครงสร้าง SEAT 10 องคป์ ระกอบท่ี 6 2.2 การบรหิ ารงานโดยใช้สถานศึกษาเปน็ ฐาน(SBM) ภาคผนวก 2.3 มีการนำแนวคิดทฤษฎหี ลักการท่ีเก่ียวขอ้ งมาประยกุ ต์ใช้ 10 กระบวนการพฒั นา Best practices อย่างเปน็ ระบบ 12 3.1 กลุ่มเปา้ หมายในการพฒั นา Best practices 13 3.2 การกำหนดวตั ถุประสงค์การพฒั นา Best practices 16 3.3 ขนั้ ตอนการพฒั นา Best practices 17 3.4 การตรวจสอบคุณภาพของ Best practices 19 20 ผลสำเรจ็ ทเ่ี กิดขน้ึ จากการนำ Best practices ไปใช้ 24 25 4.1 ผลสำเรจ็ ท่ีเกิดข้นึ บรรลุตามเป้าหมาย 4.2 บุคลากรทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั พึงพอใจกบั Best practices 25 4.3 สรปุ ปัจจยั แห่งความสำเรจ็ ประสบการณก์ ารเรียนรู้ 25 25 กระบวนการตรวจสอบซ้ำ เพอื่ ปรบั ปรงุ พัฒนา Best practices 5.1 กระบวนการตรวจสอบซ้ำ เพ่อื ปรบั ปรุงพัฒนา Best practices 28 5.2 นำผลจากการตรวจสอบซำ้ Best practices มาปรับปรุง 28 29 การประชาสัมพนั ธ์ เผยแพร่ และขยายผลในวงกวา้ ง 30 6.1 การแลกเปล่ียนเรยี นรู้ความสำเรจ็ ของ Best practices 30 6.2 การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ Best practices 31 32

บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาของแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบคุ คล พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาสำหรับคนพกิ าร พ.ศ.2551 มาตรา 8 กำหนดให้สถานศึกษาในทกุ สังกัด จดั ทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบคุ คล โดยใหส้ อดคล้องกับความต้องการจำเป็นพิเศษของผูเ้ รียน และต้องมี การปรบั ปรงุ แผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบุคคล ซงึ่ ในการจดั ทำแผนการจัดการศึกษานจี้ ะต้องดำเนนิ การ ให้ถูกต้องตามองค์ประกอบที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการ จัดทำ แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ.2552 สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้จัดทำคู่มือการจัดทำแผนการจัด การศึกษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้สถานศึกษาที่จัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ทั้ง ๓ กลุ่ม ได้แก่ ศูนย์การศึกษา พเิ ศษ โรงเรยี นท่ีจดั การเรียนรวม และโรงเรียนเฉพาะความพกิ าร ได้ใช้เป็น แนวทางในการจดั ทำแผนการจัด การศกึ ษาเฉพาะบคุ คลใหเ้ ปน็ ไปในรูปแบบเดียวกนั การบรหิ ารงานสถานศึกษาของผู้บรหิ ารสถานศึกษาทจ่ี ดั การเรียนรวม สงั กัดสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานอย่างเป็นระบบมกี ระบวนการปฏิบตั ิงานทเ่ี ชือ่ ถือและตรวจสอบได้ มคี วามคดิ ริเริ่มสร้างสรรคเ์ กิดการเรียนรดู้ า้ นการบรหิ ารจดั การเรยี นรวมจากการปฏบิ ัตจิ ริง มีการต่อยอด พฒั นา นำไปเผยแพรข่ ยายผล จนเกดิ ผลสำเรจ็ ในการพฒั นาการบรหิ ารงานอย่างมีคณุ ภาพ สง่ ผลต่อการ ยกระดับคุณภาพการศึกษาเรียนรวมอย่างต่อเน่อื งและเป็นแบบอย่างได้ การบริหารจัดการที่มงุ่ พฒั นาคุณภาพการจัดการศกึ ษาเรยี นรวมการพฒั นาศกั ยภาพครูผเู้ รียนทมี่ ี ความตอ้ งการจำเป็นพิเศษในสถานศกึ ษา การวิจยั และพัฒนา ปรับหลกั สตู ร ระบบสารสนเทศ ระบบการ บรหิ ารและการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคณุ ภาพการจดั การศึกษาเรยี นรวม เชน่ การจัดทำแนวทางด้านการปรบั หลักสตู ร การสนบั สนุนการจัดการเรยี นการสอน การวดั และประเมนิ ผลการปรบั ปรุงอาคารสถานท่ี งาน ธุรการ การสนับ สนุนงบประมาณ สอื่ เทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก สอ่ื บริการและความช่วยเหลืออ่นื ใด ทางการศึกษาตามกฎกระทรวงฯ การสรา้ งความร่วมมือกบั ชมุ ชน การจดั กิจกรรมนกั เรยี นหรอื การบริหาร โครงการในสถานศกึ ษา การบรหิ ารกิจกรรม มีการสง่ เสรมิ ให้ครจู ัดทำเป็นตำราชุดฝกึ อบรม หนังสือ งานวจิ ัย บทความวิชาการ หรืออน่ื ๆ ท่ีแสดงถงึ การพัฒนาการศึกษาใหเ้ หมาะสมสอดคล้องกบั ศักยภาพของผเู้ รียนทมี่ ี ความตอ้ งการจำเป็นพิเศษ โรงเรียนทบั โพธิพ์ ฒั นวิทย์ สงั กัดสำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาสรุ ินทร์ ได้จัด ดำเนินการเรยี นการสอนตามพระราชบญั ญตั ิ และกฎกระทรวงเรม่ิ มาต้งั แตป่ กี ารศึกษา 2553 เรอ่ื ยมาจนถงึ ปี ปจั จุบัน มีการจัดกระบวนการครบองค์ประกอบตามแนวทางการจัดดำเนนิ การของหนว่ ยงานตน้ สงั กัด มีการ ประเมนิ ภายในทุกปีการศกึ ษา และรายงานผลการดำเนินการทกุ คร้งั เนอ่ื งจากมีผเู้ รียนที่มีความบกพร่อง ทางการเรียนทุกปี มากบ้างนอ้ ยบา้ งซงึ่ ตอ้ งเข้าใจวา่ นกั เรยี นทกุ คนมพี ืน้ ฐานความเป็นอยู่ที่แตกตา่ งกนั ครแู ละ บคุ ลากรทางการศึกษาจะตอ้ งทำหน้าทใี่ นการจดั ดำเนินงานอย่างรอบครอบระมัดระวงั ให้ถกู ต้องกับระเบยี บ ขอ้ กำหนดโดยตัง้ ปณิธานไวว้ า่ จะสรา้ งคนดีใหก้ บั สังคมตอ่ ไป

2 องค์ประกอบที่ 1 ความสอดคล้องกบั กฎหมายนโยบาย กลยทุ ธจ์ ดุ เน้น ความตอ้ งการพฒั นาของสถานศึกษาและชุมชน 1.1 กฎหมายและสทิ ธคิ นพิการ ปัจจบุ นั สังคมโลกเกดิ กระแสการยอมรับสทิ ธิ ความเท่าเทียมกันของมนุษยชน ข้อบ่งชสี้ ำคัญของ สทิ ธคิ วามเทา่ เทียมกนั คอื “สิทธิทางการศกึ ษา” ซ่ึงเป็นขอ้ ความท่ปี ระกาศไว้ในปฏิญญาสากลวา่ ด้วย สิทธิ มนษุ ยชน (Universal Declaration of Human Rights) และไดร้ ับการยนื ยันอีกคร้ังในปฏญิ ญาสากลว่าดว้ ย การศกึ ษาเพ่อื ปวงชน (World Declaration on Education for All) ซึง่ ระบวุ ่าผู้ด้อยโอกาสทุกคนมีสิทธิทจ่ี ะ ไดร้ ับการศกึ ษาตามท่พี วกเขาตอ้ งการ พ่อ แม่ผู้ปกครองมีสทิ ธิโดยชอบธรรมทจี่ ะไดร้ ับคำปรกึ ษา แนะนำ เก่ยี วกบั รูปแบบการศึกษาท่ีเหมาะสมทส่ี ุดกับสภาพแวดล้อมและตามความตอ้ งการจำเป็นพิเศษของคนพิการ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2550 ไดร้ ับรองสิทธิ เสรภี าพ และคุม้ ครองสิทธิ ของคนพกิ ารไวอ้ ยา่ งครอบคลมุ โดยระบุในมาตราต่างๆ ดงั น้ี มาตรา 30 วรรคสาม การเลอื กปฏิบัตโิ ดยไมเ่ ปน็ ธรรมตอ่ บคุ คลเพราะเหตุแหง่ ความแตกตา่ งใน เรือ่ งถิ่นกำเนิด เชอ้ื ชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพกิ าร สภาพทางกายหรอื สขุ ภาพ สถานะของบคุ คล ฐานะทาง เศรษฐกจิ หรือสังคม ความเช่ือทางศาสนา การศึกษาอบรม หรอื ความคิดเห็นทางการเมืองอนั ไมข่ ัดต่อ บทบัญญัติแห่งรฐั ธรรมนญู จะกระทำมิได้ วรรคส่ี มาตรการท่ีรฐั กำหนดขึ้นเพ่ือขจัดอปุ สรรคหรือสง่ เสรมิ ให้ บุคคลสามารถใช้สทิ ธิและเสรีภาพไดเ้ ชน่ เดยี วกบั บคุ คลอน่ื ย่อมไมถ่ อื เปน็ การเลือกปฏบิ ตั โิ ดยไม่เป็นธรรมตาม วรรคสาม มาตรา 49 บุคคลยอ่ มมสี ทิ ธิเสมอกนั ในการรบั การศึกษาไมน่ อ้ ยกว่าสิบสองปี ทรี่ ัฐจะตอ้ งจัดให้ อยา่ งทว่ั ถงึ และมีคุณภาพ โดยไม่เก็บคา่ ใชจ้ า่ ย วรรคสอง ผยู้ ากไร้ ผู้พกิ ารหรอื ทุพพลภาพ หรือผอู้ ยู่ในสภาวะ ยากลำบาก ต้องได้รับสิทธิตามวรรคหน่งึ และการสนับสนนุ จากรฐั เพอ่ื ให้ไดร้ บั การศึกษาโดยทัดเทยี มกับ บุคคลอื่น มาตรา 80 รฐั ต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านสังคม การสาธารณสุข การศกึ ษา และ วัฒนธรรม (1) คมุ้ ครองและพฒั นาเดก็ และเยาวชน สนบั สนุนการอบรมเลยี้ งดูและใหก้ ารศึกษาปฐมวยั ส่งเสรมิ ความเสมอภาคของหญงิ และชาย เสรมิ สร้างและพัฒนาความเปน็ ปึกแผ่นของสถาบนั ครอบครวั และ ชุมชน รวมท้ังต้องสงเคราะหแ์ ละจัดสวสั ดกิ ารใหแ้ กผ่ สู้ ูงอายุ ผู้ยากไร้ ผ้พู กิ ารหรอื ทพุ พลภาพ และผู้อย่ใู น สภาวะยากลำบาก ให้มีคุณภาพชีวติ ทดี่ ีขึ้นและพงึ่ พาตนเองได้เพื่อใหเ้ ปน็ ไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย จึงได้มกี ารตรากฎหมายท่ีเกย่ี วข้องกับคนพกิ ารให้ได้รับสิทธิทางการศึกษา ซึ่ง ประกอบดว้ ยกฎหมายสำคัญดงั น้ี 1. พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พทุ ธศกั ราช 2542 และทแี่ ก้ไขเพิ่มเตมิ ทุกฉบับ มาตรา 10 ระบวุ ่า การจัดการศึกษาต้องจดั ใหบ้ ุคคลมสี ิทธแิ ละโอกาสเสมอกันในการรับการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน ไมน่ ้อยกวา่ สิบสองปที ่ีรัฐต้องจดั ให้อย่างทว่ั ถงึ และมีคณุ ภาพโดยไม่เก็บค่าใชจ้ า่ ย การจดั การศึกษาสำหรบั บุคคลซึ่งมีความบกพรอ่ งทางร่างกาย จิตใจ สติปญั ญา อารมณ์ สังคม การสอื่ สารและ การเรยี นรู้ หรอื มรี ่างกายพิการ หรือทพุ พลภาพหรอื บคุ คลซึ่งไม่สามารถพง่ึ ตนเองได้หรอื ไมม่ ผี ้ดู แู ลหรือดอ้ ย โอกาส ต้องจัดให้บุคคลดงั กล่าวมสี ทิ ธิและโอกาสไดร้ บั การศึกษาขั้นพนื้ ฐานเปน็ พเิ ศษการศึกษาสำหรับคน พกิ ารในวรรคสอง ใหจ้ ดั ตั้งแต่แรกเกิดหรอื พบความพิการโดยไมเ่ สียค่าใช้จ่าย และให้บุคคลดงั กล่าวมีสทิ ธิ ได้รบั ส่งิ อำนวยความสะดวก ส่ือ บริการ และความชว่ ยเหลอื อ่นื ใดทางการศกึ ษาตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการท่ี กำหนดในกฎกระทรวง

3 มาตรา 22 การจดั การศกึ ษาต้องยึดหลักวา่ ผ้เู รยี นทุกคนมคี วามสามารถเรยี นรูแ้ ละพัฒนาตนเองได้ และถอื ว่าผเู้ รียนมคี วามสำคัญท่ีสุด กระบวนการจดั การศกึ ษาต้องสง่ เสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตาม ธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศกั ยภาพ มาตรา 24 การจดั กระบวนการเรยี นร้ใู หส้ ถานศกึ ษาและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องดำเนินการ (1) จัด เนื้อหาสาระและกจิ กรรมให้สอดคลอ้ งกบั ความสนใจและความถนดั ของผ้เู รยี น โดยคำนึงถงึ ความแตกต่าง ระหวา่ งบุคคล มาตรา 28 หลักสูตรการศึกษาระดบั ต่างๆ รวมทั้งหลักสูตรการศกึ ษาสำหรบั บุคคลตาม มาตรา 10 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคส่ี ต้องมลี กั ษณะหลากหลาย ทงั้ น้ี ให้จัดตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ โดยมุง่ พฒั นาคุณภาพชีวิตของบคุ คลให้เหมาะสมแก่วยั และศกั ยภาพ มาตรา 60 ใหร้ ัฐจัดสรรงบประมาณแผ่นดนิ ให้กบั การศึกษาในฐานะทีม่ ีความสำคญั สงู สุดตอ่ การ พฒั นาท่ยี ่ังยืนของประเทศโดยการจดั สรรเปน็ เงินงบประมาณเพ่ือการศึกษา (3) จัดสรรงบประมาณและ ทรัพยากรทางการศึกษาอืน่ เปน็ พเิ ศษใหเ้ หมาะสม และสอดคลอ้ งกับความจำเปน็ ในการจัดการศกึ ษาสำหรับ ผเู้ รียนที่มคี วามต้องการเป็นพเิ ศษแตล่ ะกลมุ่ ตามมาตรา 10 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคส่ี โดยคำนึงถึง ความเสมอภาคในโอกาสทางการศกึ ษาและความเปน็ ธรรม ท้ังนี้ ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการที่กำหนด ในกฎกระทรวง 2. พระราชบัญญตั ิการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 มาตรา 12 ให้กระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษา องคก์ รปกครองส่วน ทอ้ งถิน่ และสถานศกึ ษา จดั การศกึ ษาเป็นพเิ ศษสำหรบั เด็กที่มีความบกพร่องทางรา่ งกาย จติ ใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การส่อื สารและการเรียนรู้ หรอื มรี ่างกายพิการ หรือทุพพลภาพหรือเดก็ ซึง่ ไมส่ ามารถพง่ึ ตนเอง ได้ หรือไม่มีผ้ดู แู ล หรอื ด้อยโอกาส หรอื เดก็ ท่มี ีความสามารถพิเศษให้ไดร้ บั การศึกษาภาคบงั คับด้วยรปู แบบ และวิธีการท่เี หมาะสม รวมทงั้ การได้รบั สงิ่ อำนวยความสะดวก ส่อื บริการ และความชว่ ยเหลืออื่นใดตาม ความจำเปน็ เพ่ือประกันโอกาสและความเสมอภาคในการได้รับการศกึ ษาภาคบงั คบั 3. พระราชบัญญตั ิการจดั การศกึ ษาสำหรบั คนพิการ พ.ศ. 2551 มาตรา 5 คนพิการมีสิทธิทางการศกึ ษาดังนี้ (1) ได้รบั การศกึ ษาโดยไม่เสยี ค่าใช้จ่ายตง้ั แตแ่ รกเกดิ หรอื พบความพิการจนตลอดชีวติ พร้อมทงั้ ไดร้ ับเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก สอ่ื บรกิ ารและความช่วยเหลอื อื่นใดทางการศึกษา (2) เลือกบรกิ ารทางการศึกษา สถานศึกษา ระบบและรปู แบบการศกึ ษา โดยคำนงึ ถึง ความสามารถ ความสนใจ ความถนดั และความต้องการจำเป็นพเิ ศษของบุคคลนั้น (3) ไดร้ ับการศกึ ษาทีม่ มี าตรฐานและประกันคณุ ภาพการศกึ ษา รวมทั้งการจดั หลกั สูตร กระบวนการเรยี นรู้ การทดสอบทางการศึกษา ทเี่ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการจำเปน็ พเิ ศษของคน พกิ ารแตล่ ะประเภทและบุคคล มาตรา 8 ให้สถานศึกษาในทุกสังกดั จัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล โดยใหส้ อดคลอ้ งกับ ความตอ้ งการจำเป็นพเิ ศษของคนพิการ และตอ้ งมีการปรบั ปรงุ แผนการจัดการศกึ ษาเฉพาะบุคคลอย่างน้อย ปี ละหน่งึ ครงั้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารท่ีกำหนดในประกาศกระทรวง 4. กฎกระทรวง กำหนดหลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารให้คนพิการ มสี ทิ ธิได้รับส่งิ อำนวยความสะดวก สอ่ื บรกิ าร และความช่วยเหลืออืน่ ใดทางการศกึ ษา พ.ศ. 2550 ออกตามความในมาตรา 10 วรรคสาม แหง่ พระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 และทแี่ กไ้ ขเพิ่มเตมิ ทกุ ฉบับ ซง่ึ กำหนดให้คนพิการ มีสทิ ธิได้รบั

4 สิง่ อำนวยความสะดวก สอ่ื บริการ และความชว่ ยเหลืออนื่ ใดทางการศึกษาตามท่ีกำหนดไวใ้ นแผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบคุ คล 5. ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เรอื่ งหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารจัดทำแผนการจดั การศึกษาเฉพาะ บุคคลระดับการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พ.ศ.2552 ได้กำหนดองค์ประกอบ กระบวนการจัดทำ บคุ คลที่เกี่ยวขอ้ ง การนำแผนไปสู่การปฏบิ ตั ิ การทบทวน ปรบั ปรุงและความสำคญั ของแผนการสง่ ต่อไวอ้ ย่างชดั เจน 6. แผนพัฒนาการจดั การศึกษาสำหรับคนพกิ ารระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2555 – 2559) เป็นแผน ยุทธศาสตรท์ ี่จดั ทำขึน้ เพ่ือเป็นกรอบและแนวทางในการดำเนนิ งานพัฒนาการจัดการศกึ ษาสำหรับคนพิการ โดยมีเป้าหมายสงู สุด คอื คนพิการทกุ ประเภทมีสิทธิได้รบั การศึกษาและได้รับความชว่ ยเหลอื ทางการศึกษา ต้งั แตแ่ รกเกิดหรือแรกพบความพิการ มีสทิ ธิไดร้ ับสง่ิ อำนวยความสะดวก สอื่ บริการ และความช่วยเหลืออืน่ ใด ทางการศึกษา และการจดั บรกิ ารทางการศกึ ษาให้กบั คนพิการตอ้ งจัดใหอ้ ยา่ งมคี ุณภาพ ประสทิ ธภิ าพ ท่วั ถึง และเสมอภาคด้วยเหตุจากรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญตั ิ กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง แผนพฒั นาการจดั การศึกษาสำหรับคนพกิ าร ดังกลา่ วข้างตน้ หน่วยงานทจี่ ัดการศกึ ษาสำหรับคนพิการ จงึ ตอ้ ง จดั การศึกษาใหเ้ ปน็ ไปตามทก่ี ฎหมายกำหนด เพื่อพัฒนาศกั ยภาพของคนพกิ ารให้สอดคลอ้ งกับความต้องการ จำเป็นพเิ ศษ โดยการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลใหก้ บั คนพิการในวัยเรียนทกุ คน 1.2 นโยบาย กระทรวงศึกษาธิการสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การจัดการศึกษาแบบเรียนรวมใหม้ ีความชดั เจนเป็น รูปธรรมและจดั การศึกษาที่มีความเชอื่ มโยงท้งั ผู้พิการ ผู้ดอ้ ยโอกาส และ บุคคลปกติในสถานศกึ ษาเดยี วกนั เนน้ ใหส้ ถานศกึ ษาดูแลเด็กทงั้ ระบบภายใต้ความรว่ มมอื ทงั้ จากทุกภาคส่วน และตรงตามวตั ถุประสงค์ทบี่ ญั ญัติ ไวช้ ดั เจนในแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 เพอ่ื ลดความเหลือ่ มลำ้ ด้านการศกึ ษา เรง่ พัฒนาระบบ และกระบวนการจดั การศึกษาท่ีมีคุณภาพและมีประสิทธภิ าพ ซึง่ จากการวจิ ัยความทว่ั ถึงและเท่าเทียมของการ จดั การศึกษาในสถานศกึ ษาข้ันพื้นฐาน เพอ่ื ทบทวนการนำนโยบายการจดั การศกึ ษาแบบทั่วถึงและเทา่ เทียมสู่ การปฏิบตั ิ และจดั ทำข้อเสนอนโยบายการจัดการศึกษาดงั กล่าวท่ีเหมาะสมสำหรับประเทศไทย มี 6 ปัจจัย สำคญั นำไปสู่การเป็นสถานศกึ ษาแบบเรียนรวม ประกอบดว้ ย 1. ผู้บรหิ ารสถานศึกษามีภาวะความเปน็ ผูน้ ำสงู วิสัยทัศนก์ ว้างไกล และปรับใช้นโยบายสู่การปฏิบตั ิได้ 2. ความเสมอภาคของผเู้ รียน ลดความแตกตา่ งระหวา่ งภูมหิ ลงั และประสบการณ์สำคัญของผู้เรียนให้ เหลอื น้อยท่สี ุด มคี วามยืดหยุ่นในการจดั นักเรียนเข้าเรยี น 3. การจัดการชัน้ เรยี นรวมเพอ่ื เปิดโอกาสให้นกั เรยี นทกุ คนมโี อกาสกวา้ งในการพัฒนาทกั ษะสงั คม ภาษา ปญั ญา และเนน้ กลยทุ ธ์สนบั สนนุ ใหน้ ักเรยี นทกุ คนเรยี นรใู้ นชั้นเรยี นรวมให้มากที่สดุ 4. การจัดการเรยี นการสอนแบบยดื หย่นุ ปรับปรงุ หลกั สตู รการเรยี นการสอนใหเ้ หมาะสมกับ สถานการณ์ ยึดผ้เู รยี นเป็นสำคญั ใชง้ านวจิ ัยเป็นพ้ืนฐานในการจัดการเรียนรู้ 5. สง่ เสริมครมู ีความร้คู วบคกู่ บั ความรู้ด้านนโยบายและกฎหมาย และมจี ติ วิญญาณความเป็นครทู ดี่ ี สามารถสง่ เสรมิ การเรียนรขู้ องผเู้ รียนได้ดี 6. สง่ เสริมความร่วมมอื กบั ภาคส่วนตา่ งๆ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง สถานศกึ ษาอน่ื ๆ องคก์ รวิชาชีพ สร้าง ความรว่ มมอื ในการระดมทรัพยากรทง้ั ทางกายภาพ ทรัพยากรบคุ คล และมกี ารแลกเปลีย่ นเรยี นรรู้ ว่ มกนั ทกุ ฝา่ ย สร้างความรู้สึกมีเพอ่ื นร่วมเสน้ ทางเดียวกนั

5 นโยบาย 3 ระดบั คอื ระดบั ชาติ ระดับพืน้ ที่ และระดับสถานศกึ ษา ภายใต้แนวคดิ ก้าวไปข้างหน้า ขับเคลอ่ื นอยา่ งมัน่ คง และขยายโอกาสเด็กและเยาวชนไดร้ ับการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานเตม็ ศักยภาพอย่างทวั่ ถึง เทา่ เทียม และมีคุณภาพแข่งขันไดใ้ นระดบั โลกภายในปี 2573 โดยให้ผ้บู รหิ ารการศึกษาระดบั นโยบายนำ ผลการวิจยั มาใช้ทบทวนนโยบายการจัดการศกึ ษาอยา่ งท่ัวถงึ และเท่าเทยี ม พร้อมพัฒนาปรบั ใช้นโยบายการ จัดการศึกษาแบบเรียนรวม โดยกระจายอำนาจในการขับเคล่อื นลงสู่ท้องถิน่ สง่ เสริมผู้บริหารการศกึ ษาระดบั พืน้ ที่ขบั เคลื่อนแปลงนโยบายสู่การปฏบิ ัติในการปรบั สถานศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานกระแสหลกั ใหเ้ ปน็ สถานศึกษา แบบเรยี นรวมเตม็ รูปแบบตามนโยบายระดบั ชาติและสง่ เสรมิ ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พัฒนา สถานศกึ ษาเปน็ สถานศกึ ษาแบบเรยี นรวมเตม็ รูปแบบด้วยแนวคิดเชิงนวตั กรรมใหค้ วามสำคัญกับกล่มุ ผูม้ ีสว่ น ได้สว่ นเสีย และนำเข้ามามีสว่ นร่วมในการวางระบบงาน พรอ้ มใหค้ วามรเู้ พอ่ื สร้างความเขา้ ใจใหต้ รงกัน นโยบายการจัดการศกึ ษาของกระทรวงศกึ ษาธิการ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ดงั นี้ นโยบายการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธกิ าร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 การปรับปรุงหลกั สูตรและกระบวนการเรยี นรู้ใหท้ ันสมัย และทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 โดยมุง่ พัฒนาผ้เู รยี นทกุ ระดบั การศึกษาให้มีความรู้ ทักษะและคณุ ลกั ษณะ ทเ่ี หมาะสมกับบรบิ ทสงั คมไทย การพฒั นาคณุ ภาพและประสิทธภิ าพครูและอาจารย์ ในระดับการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานและอาชีวศึกษาให้มี สมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล เพอื่ ให้ครแู ละอาจารยไ์ ด้รับการพฒั นาให้มีสมรรถนะ ท้ังดา้ นการจัดการเรยี นรู้ ดว้ ยภาษาและดิจทิ ัล สามารถปรบั วิธกี ารเรยี นการสอนและการใช้สอื่ ทันสมยั และมีความรับผดิ ชอบตอ่ ผลลัพธ์ ทางการศกึ ษาทเ่ี กิดกับผู้เรียน การปฏิรูปการเรยี นรดู้ ว้ ยดจิ ทิ ลั ผา่ นแพลตฟอร์มการเรยี นรดู้ ว้ ยดิจทิ ัลแหง่ ชาติ (NDLP) และการ ส่งเสริมการฝึกทกั ษะดจิ ิทัลในชวี ิตประจำวนั เพอื่ ใหม้ ีหนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบพัฒนาแพลตฟอรม์ การเรียนรูด้ ว้ ย ดจิ ิทัลแหง่ ชาติ ทส่ี ามารถนำไปใช้ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ท่ที ันสมัย และเข้าถงึ แหล่งเรยี นรูไ้ ดอ้ ยา่ ง กวา้ งขวางผ่านระบบออนไลน์ และการนำฐานข้อมลู กลางทางการศกึ ษา มาใชป้ ระโยชน์ในการพฒั นา ประสิทธภิ าพการบรหิ ารและการจดั การศกึ ษา การพฒั นาประสิทธภิ าพการบริหารและการจัดการศกึ ษา โดย การสง่ เสรมิ สนับสนุนสถานศึกษาใหม้ ีความเปน็ อิสระและคลอ่ งตวั การกระจายอำนาจการบริหารและการจดั การศึกษาโดยใช้จังหวดั เป็นฐาน โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายการศึกษาแหง่ ชาติที่ได้รับการปรับปรงุ เพอื่ กำหนดใหม้ ีระบบบรหิ ารและการจัดการ รวมถงึ การจดั โครงสรา้ งหน่วยงานให้เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอน ให้มีคุณภาพ สถานศกึ ษาใหม้ ีความเปน็ อิสระและคลอ่ งตวั การบรหิ ารและการจัดการศึกษาโดยใช้จังหวดั เปน็ ฐาน มีระบบการบรหิ ารงานบุคคลโดยยดึ หลกั ธรรมาภิบาล การปรับระบบการประเมนิ ผลการศกึ ษาและการ ประกันคุณภาพ พรอ้ มจัดทดสอบวัดความรู้ และทกั ษะท่จี ำเปน็ ในการศกึ ษาต่อระดับอดุ มศึกษาท้งั สาย วิชาการและสายวิชาชพี เพือ่ ใหร้ ะบบการประเมินผลการศกึ ษาทุกระดับและระบบการประกันคณุ ภาพ การศึกษา ไดร้ บั การปรบั ปรงุ ให้ทนั สมยั ตอบสนองผลลัพธท์ างการศกึ ษาได้อยา่ งเหมาะสม การจัดสรรและ การกระจายทรัพยากรใหท้ ่วั ถึงทกุ กลมุ่ เปา้ หมาย รวมถึงการระดมทรพั ยากรทางการศึกษาจากความรว่ มมือทุก ภาคสว่ น เพอื่ ให้การจดั สรรทรพั ยากรทางการศกึ ษามีความเป็นธรรมและสร้างโอกาสให้กลมุ่ เป้าหมายไดเ้ ขา้ ถงึ การศกึ ษาที่มคี ุณภาพทัดเทยี มกลุ่มอนื่ ๆ กระจายทรพั ยากรท้งั บคุ ลากรทางการศกึ ษา งบประมาณและสอื่ เทคโนโลยไี ด้อยา่ งท่วั ถงึ การพัฒนาเดก็ ปฐมวัย ให้ไดร้ บั การดแู ลและพัฒนาก่อนเขา้ รบั การศกึ ษาเพ่ือพัฒนาร่างกาย จติ ใจ วินยั อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญาให้สมกับวัย เพ่ือเป็นการขบั เคลอ่ื นแผนบรู ณาการ การพัฒนาเด็กปฐมวยั

6 ตามพระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. 2562 สู่การปฏบิ ตั ิเปน็ รูปธรรม โดยหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ ง นำไปเปน็ กรอบในการจดั ทำแผนปฏบิ ัติการเพ่อื พฒั นาเด็กปฐมวัย และมีการตดิ ตามความก้าวหน้าเปน็ ระยะ การศึกษาเพ่อื อาชีพและสร้างขดี ความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ เพื่อใหผ้ ู้จบการศึกษาระดับปรญิ ญา และอาชีวศึกษามีอาชพี และรายได้ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพและคณุ ภาพชวี ิตทดี่ ี มีส่วนชว่ ยเพม่ิ ขีด ความสามารถในการแขง่ ขนั ในเวทีโลกได้ การพลิกโฉมระบบการศึกษาไทย ดว้ ยการนำนวตั กรรมและ เทคโนโลยที ี่ทนั สมยั มาใชใ้ นการจัดการศึกษาทุกระดบั การศึกษา เพ่ือให้สถาบนั การศกึ ษาทกุ แหง่ นำนวตั กรรม และเทคโนโลยีทที่ นั สมัยมาใช้ในการจดั การศกึ ษาผ่านระบบดจิ ิทัล การเพ่ิมโอกาสและการเขา้ ถงึ การศกึ ษาท่ี มีคุณภาพของกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา และผเู้ รียนที่มคี วามต้องการจำเปน็ พเิ ศษ เพ่อื เพิ่มโอกาสและ การเข้าถึงการศึกษาทีม่ ีคณุ ภาพของกล่มุ ผู้ดอ้ ยโอกาสทางการศกึ ษา และผู้เรยี นทมี่ คี วามตอ้ งการจำเปน็ พิเศษ การจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศยั โดยยึดหลักการเรียนรูต้ ลอดชวี ติ และการมีสว่ นรว่ ม ของผู้มสี ว่ นเกยี่ วขอ้ ง เพื่อเพิ่มโอกาสและการเข้าถึงการศกึ ษาทมี่ ีคณุ ภาพของกลมุ่ ผ้ดู อ้ ยโอกาสทางการศกึ ษา และผู้เรยี นทมี่ คี วามตอ้ งการจำเป็นพเิ ศษ นโยบายระยะเร่งด่วน (Quick Win) ความปลอดภยั ของผ้เู รยี น โดยจัดให้มีรปู แบบ วธิ ีการ หรือกระบวนการในการดูแลช่วยเหลือ นกั เรยี น เพื่อใหผ้ ูเ้ รียนเกิดการเรียนร้อู ยา่ งมคี ณุ ภาพ มคี วามสุข และไดร้ ับการปกป้องค้มุ ครองความปลอดภัย ทงั้ ดา้ นร่างกายและจติ ใจ รวมถึงการสรา้ งทกั ษะให้ผเู้ รียนมคี วามสามารถในการดแู ลตนเองจากภัยอนั ตรายต่าง ๆ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางสังคม หลักสตู รฐานสมรรถนะ มุ่งเน้นการจดั การเรยี นรู้ทห่ี ลากหลายโดยยึด ความสามารถของผู้เรียนเป็นหลัก และพฒั นาผเู้ รียนให้เกดิ สมรรถนะทตี่ อ้ งการฐานขอ้ มูล Big Data มงุ่ พัฒนาการจัดเกบ็ ขอ้ มลู อยา่ งเป็นระบบและไมซ่ ำ้ ซอ้ น เพื่อให้ได้ขอ้ มูลภาพรวมการศกึ ษาของประเทศทม่ี ีความ ครบถ้วน สมบรู ณ์ ถูกตอ้ งเป็นปัจจุบัน และสามารถนำมาใช้ประโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ ขับเคล่ือนศูนย์ความ เป็นเลิศทางการอาชวี ศกึ ษา (Excellent Center) สนับสนนุ การดำเนนิ งานของศนู ยค์ วามเป็นเลศิ ทางการ อาชวี ศกึ ษา (Excellent Center) ตามความเปน็ เลิศของแต่ละสถานศกึ ษาและตามบริบทของพื้นที่ สอดคลอ้ ง กบั ความต้องการของประเทศท้งั ในปัจจุบนั และอนาคต ตลอดจนมกี ารจดั การเรยี นการสอนด้วยเครอ่ื งมือที่ ทันสมัย สอดคล้องกบั เทคโนโลยปี ัจจุบัน พัฒนาทักษะทางอาชีพ ส่งเสรมิ การจัดการศกึ ษาทีเ่ นน้ พฒั นา ทกั ษะอาชพี ของผู้เรียน เพ่อื พัฒนาคุณภาพชีวิต สรา้ งอาชพี และรายได้ท่เี หมาะสม และเพิ่มขดี ความสามารถใน การแขง่ ขนั ของประเทศ การศกึ ษาตลอดชวี ติ การจัดเรียนร้ตู ลอดชวี ิตสำหรับประชาชนทุกชว่ งวยั ใหม้ ี คณุ ภาพและมาตรฐาน ประชาชนในแต่ละชว่ งวัยไดร้ บั การศึกษาตามความตอ้ งการอย่างมมี าตรฐาน เหมาะสม และเต็มตามศกั ยภาพตัง้ แตว่ ัยเด็กจนถงึ วัยชรา และพัฒนาหลกั สตู รที่เหมาะสมเพอื่ เตรียม ความพร้อมในการ เข้าสู่สงั คมผู้สงู วัย การจัดการศึกษาสำหรบั ผทู้ ่ีมีความต้องการจำเป็นพเิ ศษ ส่งเสรมิ การจดั การศึกษาให้ผู้ท่มี คี วาม ตอ้ งการจำเปน็ พเิ ศษไดร้ ับการพัฒนาอยา่ งเต็มศกั ยภาพ สามารถดำรงชีวิตในสงั คมอยา่ งมเี กียรติ ศักด์ศิ รีเทา่ เทียมกบั ผู้อ่ืนในสงั คม สามารถชว่ ยเหลอื ตนเอง และมสี ่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ การขบั เคล่อื นนโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั ิให้สว่ นราชการ หน่วยงานในสงั กัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร นำ นโยบายการจัดการศึกษาของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ขา้ งตน้ เพอ่ื เป็นกรอบ แนวทางในการจัดการศึกษา โดยดำเนินการจัดทำแผนและจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ใหค้ ณะกรรมการขับเคลอ่ื นงานตามนโยบายของกระทรวงศกึ ษาธิการ ใหค้ ำแนะนำ แกไ้ ขในระดับพ้ืนท่ี โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันทุกภาคสว่ นทเี่ กย่ี วขอ้ งทัง้ ภายในและภายนอก กระทรวงศึกษาธิการ ใหม้ คี ณะกรรมการตดิ ตาม ประเมนิ ผล และรายงานการขบั เคล่อื นนโยบายการจดั

7 การศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ สกู่ ารปฏิบตั ิระดบั พื้นที่ ทำหนา้ ท่ีตรวจราชการ ติดตาม ประเมนิ ผลใน ระดบั นโยบาย และจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร และคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมนิ ผลการจัดการศึกษาของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ทราบตามลำดับ กรณีมีปญั หาในเชิง พน้ื ท่ีหรอื ขอ้ ขดั ข้องในการปฏบิ ัตงิ าน ใหค้ ณะกรรมการศกึ ษาธกิ ารจังหวัด ดำเนนิ การบรหิ ารจดั การในการ แก้ไขปญั หาและขอ้ ขดั ข้อง พร้อมท้ังรายงานต่อคณะกรรมการฯ ตามขอ้ 2 สำหรบั ภารกจิ ของสว่ นราชการ หลกั และหน่วยงานท่ปี ฏบิ ตั ิในลักษณะงานในเชงิ หนา้ ที่ (Function) งานในเชงิ ยทุ ธศาสตร์ (Agenda) และงาน ในเชงิ พืน้ ท่ี (Area) ซึ่งไดด้ ำเนินการอยกู่ ่อนแลว้ หากมคี วามสอดคลอ้ งกับหลักการนโยบายการจดั การศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ข้างต้น ใหถ้ ือเปน็ หน้าท่ีของส่วนราชการหลัก และหน่วยงานทีเ่ กี่ยวขอ้ งตอ้ งเรง่ รดั กำกับ ตดิ ตาม ตรวจสอบใหก้ ารดำเนินการเกิดผลสำเรจ็ และมี ประสิทธภิ าพอย่างเปน็ รปู ธรรม นโยบาย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน นโยบายที่ 1 จัดการศึกษาเพอื่ ความม่นั คง นโยบายท่ี 2 พฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี น นโยบายท่ี 3 พฒั นาผบู้ รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา นโยบายที่ 4 สร้างโอกาสในการเข้าถงึ บรกิ ารการศกึ ษาที่มีคุณภาพ มมี าตรฐาน และลดความ เหล่ือมล้ำทางการศึกษา นโยบายท่ี 5 เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจัดการ 1.3 กลยทุ ธ์ 1.การพฒั นาประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจัดการศกึ ษาเพอ่ื คนพกิ ารและผดู้ อยโอกาส 2.การเสริมสรา้ งประสทิ ธภิ าพในการให้บริการทางการศึกษา และการฝึกอบรมเพือ่ คนพกิ ารและ ผ้ดู ้อยโอกาสสามารถศกึ ษาต่อในระดบั ทสี่ ูงขนึ้ สามารถประกอบอาชีพและพงึ่ ตนเองได้ตามศักยภาพ 3.การพัฒนาครู ผู้บริหารสถานศกึ ษา และบุคลากรทเี่ ก่ยี วข้องกบั การจัดการศกึ ษาเพอ่ื คนพกิ ารและ ผู้ดอ้ ยโอกาส ใหม้ ีความรคู้ วามเข้าใจเรอ่ื งคนพกิ ารและผู้ดอยโอกาส สามารถบรหิ ารจัดการ บรหิ ารหลักสูตร และวางแผนการจัดการศกึ ษาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 4.การผลติ พัฒนากระจายส่ือเทคโนโลยกี ารศึกษาและสิง่ อำนวยความสะดวกสำหรบั คนพกิ ารให้ท่วั ถงึ เพียงพอและเหมาะสมตามความต้องการจำเปน็ พิเศษของแต่ละบคุ คล 5.การประสานเครือขา่ ยการทำงานระหว่างหน่วยงานทง้ั ภายในและภายนอกประเทศ รวมทั้งการ ระดมทรพั ยากรในการพฒั นาการจัดการศกึ ษาเพ่ือคนพกิ ารและผดู้ อ้ ยโอกาส ยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) 1. ยุทธศาสตรด์ า้ นความม่ันคง 2. ยทุ ธศาสตรด์ า้ นการสรา้ งความสามารถในการแข่งขนั 3. ยุทธศาสตร์การพฒั นาและเสริมสรา้ งศักยภาพคน 4. ยุทธศาสตรด์ ้านการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทยี มกันทางสังคม 5. ยุทธศาสตรด์ ้านการสร้างการเตบิ โตบนคุณภาพชีวติ ท่เี ปน็ มิตรกบั สิง่ แวดลอ้ ม 6. ยทุ ธศาสตร์ด้านการปรบั สมดลุ และพฒั นาระบบการบริหารจดั การภาครัฐ

8 กลยทุ ธห์ ลักของโรงเรยี นทบั โพธพิ์ ฒั นวิทย์ กลยุทธห์ ลักของโรงเรยี นทบั โพธิ์พัฒนวิทย์ ปีการศึกษา 2560-2564 มี 5 กลยทุ ธ์ ดงั น้ี 1.พฒั นานักเรยี นให้มีศักยภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาระดับชาติ 2.พฒั นาหลกั สูตรและจดั การเรยี นการสอนใหม้ คี ุณภาพตามหลกั สตู รแกนกลาง 3.พัฒนาแหลง่ เรยี นรู้ โครงสร้างพนื้ ฐาน อาคารสถานทใี่ ห้เพียงพอ มสี ่ิงแวดล้อมท่ีเอื้อตอ่ การเรยี นรู้ 4.พฒั นาผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรให้มีคุณภาพตามมาตรฐานวชิ าชพี 5.พฒั นาระบบการบริหารจดั การแบบมีส่วนรว่ มตามหลักธรรมาภบิ าล 1.4 จุดเน้นสถานศกึ ษา โรงเรยี นทับโพธิ์พัฒนวิทย์กำหนดจุดเนน้ กบั ผู้มีส่วนไดเ้ สยี มสี าระสำคญั ได้แก่ ผู้เรียนอ่านหนังสอื ออก และอา่ นคลอ่ ง รวมทั้งสามารถเขยี นเพือ่ การสอื่ สารได้ ทกุ คนสามารถใช้เทคโนโลยีในการแสวงหาความรไู้ ด้ ด้วยตนเอง สง่ ผลให้ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรยี นอยใู่ นระดบั ดี มีคะแนนเฉลยี่ ผลการทดสอบทาง การศกึ ษาระดับชาติขน้ั พน้ื ฐาน(O-NET) ทกุ กลมุ่ สาระที่มกี ารทดสอบไมต่ ่ำกว่าเกณฑม์ ากนัก และผู้เรียนมี สุขภาพร่างกายแขง็ แรง มสี มรรถภาพทางกายและนำ้ หนกั สว่ นสูงตามเกณฑ์ มรี ะเบยี บวนิ ยั มีจิตสาธารณะ ตามโครงการโรงเรียนคุณธรรม เป็นท่ยี อมรับของชมุ ชนโดยรอบ สรุปเปน็ ลำดบั ขอ้ ดงั นี้ 1.นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นท่ีสูงขน้ึ อย่างต่อเน่อื ง 2.นักเรียนมคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์ 3.นกั เรียนมคี วามสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียนส่ือความ 4.นักเรยี นมีทักษะด้านการสือ่ สารภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ และเทคโนโลยี 5.นักเรยี นมสี ุขภาพกายและสขุ ภาพจิตที่ดี มีสนุ ทรยี ภาพดา้ นศลิ ปะ ดนตรี และกีฬา 6.นกั เรียนมีจติ สำนึกในการอนุรักษ์และพัฒนาสง่ิ แวดล้อม 7.สง่ เสริมความเป็นเลศิ ใหก้ ับนักเรยี นทกุ ดา้ นในทุกระดบั 1.5 ความตอ้ งการพฒั นาของสถานศึกษาและชมุ ชน การมสี ่วนร่วมในการจัดการศกึ ษา การสรา้ งความรว่ มมือระหวา่ งสถานศกึ ษากบั ผ้ปู กครองและ ชุมชนเป็นยุทธศาสตรท์ ่ีจำเป็นอยา่ งยิ่ง โรงเรียนเปิดโอกาสใหผ้ ปู้ กครองและชมุ ชนจัดสร้างหลกั สตู ร สถานศกึ ษา และกำกับ ตดิ ตามการใช้หลกั สูตรสถานศกึ ษาในลักษณะของคณะกรรมการสถานศึกษา และสถานศึกษามีหลกั การ 10 ประการ คือ 1) สร้างความศรทั ธาและความเช่ือมั่นตอ่ ชุมชน 2) ฝกึ ให้เปน็ คนใจกวา้ งและมีจิตสาธารณะ 3) ตระหนักในสง่ิ ที่จำเปน็ และขาดแคลนไม่วา่ งเฉยทุกอยา่ งทำได้หากต้งั ใจทำ 4) ตอ้ งหมน่ั สร้างและปรงุ แต่งตนเองให้เปน็ บคุ คลทมี่ ีเสนห่ เ์ ปน็ ท่ชี ่ืนชมศรัทธาของชมุ ชนและเพื่อ รว่ มงาน 5) อ่อนนอ้ มถ่อมตนวางตวั เรยี บง่ายอยกู่ บั ชมุ ชนและเพอ่ื นรว่ มงานไดท้ กุ เวลา 6) หลกี เล่ยี งการโต้แย้งทไ่ี รเ้ หตผุ ล พฒั นาทกั ษะการประนปี ระนอม 7) ใหก้ ารต้อนรบั ชมุ ชนด้วยบรรยากาศมิตรภาพ 8) พฒั นาเทคนิคการวิเคราะหช์ มุ ชนให้ลกึ ซง้ึ เพือ่ สำรวจจุดเดน่ จดุ ด้อย เพือ่ เป็นฐานขอ้ มลู ในการ พัฒนา

9 9) หมน่ั แสวงหาแหลง่ งบประมาณ วัสดุ ครภุ ัณฑ์ จากหน่วยงาน บริษทั หา้ ง ร้านคา้ โดยใช้ โครงการท่ีมปี ระสิทธิภาพ 10) สร้างและพฒั นาคา่ นิยมการสร้างสมั พนั ธภาพกับชมุ ชนอยา่ งสม่ำเสมอ โรงเรยี นทับโพธิพ์ ัฒนวทิ ยร์ ว่ มกับคณะกรรมการสถานศกึ ษารว่ มกันกำหนดบทบาทของชมุ ชนใน การทีสว่ นร่วมจดั การศกึ ษา มีดงั นี้ 1) การมสี ่วนรว่ มในการจัดและสง่ เสริมกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรยี นทง้ั ทบ่ี า้ นและทสี่ ถานศึกษา 2) การกำหนดนโยบายเปา้ หมายการจัดการศกึ ษาแก่สถานศกึ ษา 3) การประชาสัมพันธส์ นับสนนุ กิจกรรมทางการศกึ ษา 4) การเปน็ ผสู้ นบั สนุนทรัพยากรและบุคลากรในการจัดการศกึ ษา ผลจากการประชมุ คณะกรรมการสถานศกึ ษาและการประชุมผ้ปู กครองนกั เรยี นตลอดท้งั การประชุมภาคี 4 ฝา่ ยของโรงเรียนทับโพธพิ์ ัฒนวทิ ย์ได้ขอ้ สรุปความต้องการพฒั นาดังนี้ 1) การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ที่เน้นการพัฒนาผเู้ รียนเป็นรายบุคคลให้ชัดเจนข้ึน 2) ผูเ้ รียนอ่านหนงั สอื ออกและอ่านคลอ่ ง รวมทงั้ สามารถเขียนเพื่อการสอ่ื สารได้ 3) การส่งเสรมิ ใหค้ รเู ห็นความสำคัญของการจดั การเรียนรู้โดยเน้นผเู้ รียนเป็นสำคญั 4) การจดั ทำวจิ ยั ในชน้ั เรยี นเพ่อื พฒั นาผเู้ รยี นใหส้ ามารถเรียนรไู้ ด้เต็มศกั ยภาพ 5) การพัฒนาบคุ ลากรโดยส่งเข้ารบั การอบรม แลกเปลย่ี นเรียนรใู้ นงานทไี่ ด้รบั มอบหมาย 6) มีการติดตามผลการนำไปใช้และพัฒนาศกั ยภาพของครแู ละนักเรยี น 7) การพัฒนาสถานศกึ ษาใหเ้ ปน็ สงั คมแห่งการเรยี นรขู้ องชุมชน 8) การพัฒนาครูผสู้ อนและผู้เรียนในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทสี่ อดคลอ้ งกับการพัฒนาผู้เรียนใน ศตวรรษท่ี 21

องค์ประกอบที่ 2 10 การแสดงแนวคิดทฤษฎี หลักการของการพฒั นา Best practices ท่ีพัฒนาข้นึ อาศัยแนวคิด ทฤษฎี หลกั การ โรงเรียนมกี ารบริหารและการจัดการอยา่ งเปน็ ระบบโดยใชส้ ถานศกึ ษาเป็นฐาน(SBM) โรงเรียนไดใ้ ช้ เทคนิคการประชมุ ที่หลากหลายวิธี เช่น การประชุมแบบมีสว่ นรว่ ม การประชมุ ระดมสมอง การประชุมกลมุ่ เพือ่ ใหท้ กุ ฝ่ายมสี ่วนร่วมในการกำหนดวิสัยทัศน์ พนั ธกิจ เป้าหมาย ทช่ี ดั เจน มกี ารปรับแผนพัฒนาคณุ ภาพ การจดั การศกึ ษา แผนปฏิบัติการประจำปี ท่ีสอดคลอ้ งกับผลการจดั การศึกษาสภาพปญั หา ความต้องการ พฒั นา และนโยบายการปฏิรูปการศึกษา ท่ีมุ่งเน้นการพฒั นาใหผ้ ู้เรยี นมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรตู้ าม หลกั สูตรสถานศึกษา ครูผู้สอนสามารถจัดการเรยี นรไู้ ดอ้ ย่างมีคณุ ภาพ มีการดำเนินการนเิ ทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผล การดำเนนิ งานและจดั ทำรายงานผลการจัดการศกึ ษา และโรงเรยี นไดใ้ ชก้ ระบวนจัดการเรยี นรวม สำหรบั นกั เรียนทม่ี ปี ญั หาทางการเรียนเพ่อื ให้บรรลตุ ามความตอ้ งการของทกุ ฝ่ายท่มี ีส่วนได้เสยี โดยนำแนวคดิ ทฤษฎี หลักการของการพัฒนา Best practices ทพ่ี ฒั นาข้นึ ดงั นี้ 2.1 การบริหารจัดการเรียนร่วมตามกรอบโครงสรา้ ง SEAT การบริหารจัดการเรยี นร่วมโดยใชโ้ ครงสร้าง SEAT ซึง่ เปน็ การบรหิ ารจัดการในด้านตา่ งๆ ดงั น้ี 2.1.1. ด้านนกั เรยี น (S: Students) พบวา่ นักเรยี นพกิ ารเรยี นร่วมมคี วามพร้อมทางดา้ นรา่ งกาย และจิตใจต่างจากนกั เรียนทั่วไป ทางโรงเรยี นเกดิ ความตระหนกั ถึงการให้ความช่วยเหลอื เดก็ พิการ เปน็ การ สร้างคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมให้กบั นกั เรียน เป็นท่ีพึงพอใจของนกั เรยี น ผู้ปกครอง และผ้ทู ีเ่ ก่ียวข้องโดยมี วิธกี ารดำเนินการ ดงั นี้ 1) เตรียมความพร้อมนกั เรียนท่ีมีความบกพรอ่ ง ดงั นี้ 1.1) ด้านรา่ งกายคอื การเตรยี มตัวเด็ก การทำความสะอาดรา่ งกาย เช่น ผม เลบ็ มือ เลบ็ เท้า ผวิ หนงั เสอ้ื ผ้าที่สวมใส่ 1.2) ดา้ นวชิ าการ คอื มีการทดสอบการพัฒนาตนเอง การช่วยเหลอื ตนเอง เชน่ การแต่งกาย การรับประทานอาหาร 1.3) ดา้ นอารมณแ์ ละสังคม คอื สังเกตการณอ์ ยรู่ ว่ มกันในสังคมและการใช้อุปกรณ์ ทเี่ กีย่ วขอ้ งในชวี ิตประจำวันของนกั เรียน เพ่ือใหน้ กั เรียนพกิ ารเรียนรว่ มสามารถดำรงชีวิตรว่ มกบั ผู้อ่ืนไดอ้ ย่างมี ความสขุ 2) เตรียมความพรอ้ มนักเรียนท่ัวไปหรือนักเรยี นปกติ ดงั นี้ 2.1) จดั ประชุมนักเรยี นปกตทิ ัว่ ไปใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจ ยอมรับความบกพร่องของ นกั เรียนพกิ าร ร้จู ักช่วยเหลอื และปฏบิ ตั ิตอ่ นกั เรยี นพิการอย่างถูกวธิ ี 2.2) จัดอบรมนกั เรียนปกตทิ ว่ั ไป รจู้ ักใหค้ วามช่วยเหลือ ให้มคี วามรู้ ความเข้าใจและยอมรบั ความบกพรอ่ งของนกั เรยี นพกิ ารและปฏบิ ตั ิต่อนักเรยี นทีพ่ กิ ารอยา่ งถูกวธิ ี โดยให้นักเรยี นปกติแสดงบทบาท สมมุติ เชน่ ลองให้หลบั ตาเดนิ ลองให้ใช้สำลอี ุดหู ลองเดินขาข้างเดียว หรือบวกลบเลขไม่ได้ อ่านหนังสอื ไม่ออก แล้วใหน้ กั เรียนปกตพิ ูดแสดงความรู้สกึ และหาวธิ ีชว่ ยเหลอื เปน็ งาน เพื่อให้นกั เรยี นที่มคี วาม บกพรอ่ งและนักเรยี นปกติจะไดอ้ ย่รู ่วมกนั อย่างมคี วามสุข 3) สรา้ งความเขา้ ใจให้กับครู ผูป้ กครอง โดยจัดประชมุ เพื่อให้เข้าใจและช่วยเหลอื นักเรยี นพกิ าร เรียนรว่ ม

2.1.2. ด้าน E : Environment (สงิ่ แวดลอ้ ม) 11 เพือ่ ให้ชมุ ชนเข้าใจในการจดั การศึกษาพเิ ศษเรยี นร่วมกับเด็กปกติทวั่ ไปมากขึน้ จึงดำเนินการดงั น้ี 1) จดั สภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศในห้องเรียนให้เอื้อตอ่ การเรียนรู้ใหเ้ ด็กพกิ ารเรียนรว่ ม สามารถเรียนรไู้ ดอ้ ยา่ งมคี วามสุขจดั เช่น จดั ใหม้ ีหอ้ งน้ำ ห้องส้วมสำหรบั เด็กพกิ าร 2) บุคคลสำคญั ในชีวติ เด็ก โดยแต่งตั้งคณะกรรมการจดั การเรยี นร่วมประจำ โรงเรียน เพ่อื กำหนดนโยบาย แนวทางการดำเนนิ งาน บทบาทของบุคลากรและรปู แบบการจดั การ เรียนร่วม 2.1.3. ด้าน A : Activities (กิจกรรมการเรยี นการสอน) 1) นำผลการคัดกรองเด็กพกิ ารเรยี นรว่ มจดั ทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบคุ คล (IEP.) เพ่อื จัดหา สือ่ สิ่งอำนวยความสะดวก 2) จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนตามแผนการศกึ ษาเฉพาะบุคคล (IEP.) เน้นทกั ษะ กระบวนการตามความบกพรอ่ งของนกั เรียนพกิ ารเรยี นรว่ ม เพอื่ ใหน้ ักเรยี นมีพัฒนาการทดี่ ยี ิง่ ข้ึน 3) จดั อบรมและให้ความรคู้ รใู นโรงเรียน ในการจดั การจัดทำแผนการศกึ ษาเฉพาะบุคคล 4) จัดการเรยี นการสอนท่นี ำศิลปะมาผสมผสานกบั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยไมเ่ น้น เนอ้ื หา เพ่ือให้นักเรยี นเรยี นร้อู ยา่ งมีความสุข แลว้ จดั ทำแฟ้มสะสมงานของนักเรียนพิการเรยี นรว่ มทกุ คนทกุ ปี 2.1.4. ด้าน T : Tools (เครือ่ งมือ) เคร่ืองมอื มคี วามหมายกว้างมากแต่ขอพูดถึงสอื่ ทางการศึกษา ได้แก่ วสั ดุอปุ กรณ์เทคโนโลยี เพอื่ การศกึ ษาหรือเครอื่ งมือช่วยใหค้ นท่ีมีความบกพร่องเกิดการเรียนรไู้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมเกดิ ความเข้าใจดีข้ึนใน โรงเรยี นทบั โพธ์พิ ฒั นวทิ ย์มอบหมายให้ครูผสู้ อนจัดทำแบบฝกึ ทักษะการอา่ น การเขยี นและการคดิ คำนวณเพอ่ื ใชเ้ ปน็ เครือ่ งมอื ในการพฒั นาผูเ้ รยี นให้บรรลุตามจุดประสงค์ โดยนำแบบคัดกรองท่ีได้ทำการ คัดกรองผ้เู รียน มาวเิ คราะห์ว่ามปี ัญหาดา้ นใดแลว้ สร้างแบบฝกึ ทกั ษะท้ัง 3 ดา้ นซ่ึงสอดคล้องกับ 3R4T model (ตัวขบั เคล่ือน) ใหผ้ ู้เรยี นได้ฝึกจนบรรลุตามเปา้ หมายของโครงสรา้ ง SEAT (ตัวกระทำ) ดงั นี้

12 2.2 การบริหารงานโดยใช้สถานศึกษาเป็นฐาน(SBM) การบรหิ ารโดยใช้โรงเรยี นเปน็ ฐาน (School Based Management : SBM) เปน็ แนวคดิ ในการ บริหารโรงเรียนทเ่ี น้นความพึงพอใจของ ผ้รู ับบรกิ ารและผลักดันให้มีการกระจายอ านาจไปสู่หนว่ ยปฏบิ ตั ใิ ห้ มากท่สี ุด ในทางการศึกษา เนน้ การกระจายอ านาจการบริหารและการจัด การศึกษาไปยังสถานศึกษา และให้ ผมู้ ีสว่ นเกี่ยวข้องไดม้ สี ว่ นร่วมในการจัดการศึกษา รูปแบบการบริหารโดยใชโ้ รงเรยี นเป็นฐาน ประกอบไปด้วย 4 รปู แบบไดแ้ ก่ 1. รูปแบบที่มผี ู้บริหารโรงเรียนเป็นหลกั (Administration Control SBM) ผ้บู ริหารเป็น ประธานคณะกรรมการ ส่วนกรรมการอื่น ๆ ได้จากการเลอื กต้งั หรอื คัดเลอื กจากกลุ่มผปู้ กครอง ครู และชุมชน คณะกรรมการมีบทบาทให้คำปรึกษา แต่ อำนาจการตัดสินใจยังคงอยู่ท่ีผู้บริหารโรงเรียน 2. รูปแบบท่ี 2 มีครเู ป็นหลัก (Professional Control SBM) เกดิจากแนวคิดทว่ี า่ ครูเป็นผู้ ใกลช้ ิดนกั เรยี นมากที่สุด ย่อมร้ปู ญั หาไดด้ ีกว่าและสามารถแกป้ ัญหาไดต้ รงจุด ตัวแทนครูจะมสี ัดสว่ นมากทส่ี ดุ ในคณะกรรมการโรงเรียน ผู้บริหารยงั เป็นประธานคณะกรรมการโรงเรียน บทบาทของคณะกรรมการโรงเรยี น เป็นคณะ กรรมการบริหาร 3.รปู แบบที่ 3 แบบชุมชนมีบทบาทเปน็ หลกั (Community Control SBM) แนวคิดสำคญั คอื การจัดการศึกษาควรตอบสนองความต้องการและคา่ นิยมของผู้ปกครองและชุมชนมากท่ีสดุ ตัวแทนของ ผปู้ กครอง และชมุ ชนจงึ มสี ัดส่วนในคณะกรรมการโรงเรียนมากท่ีสุด ตวั แทนผูป้ กครองและชมุ ชนเป็น ประธานคณะกรรมการ โดยมีผูบ้ ริหารโรงเรียน เป็นกรรมการและเลขานุการ บทบาทหน้าท่ีของ คณะกรรมการโรงเรยี นเป็นคณะกรรมการบริหาร 4.รปู แบบท่ี 4 แบบทีค่ รูและชมุ ชนมบี ทบาทหลัก (Professional Community Control SBM) แนวคดิ เรื่องนเ้ี ชื่อวา่ ทั้งครแู ละผู้ปกครองตา่ งมคี วามสำคญั ในการจัด การศึกษาใหแก้ ่เด็กเนอ่ื งจากท้งั 2 กลมุ่ ตา่ งใกลช้ ดิ นักเรยี นมากท่ีสดุ ร้ปู ัญหาและความต้องการได้ดีท่ีสดุ สดั ส่วนของครูและผู้ปกครอง (ชุมชน) ใน คณะกรรมการโรงเรยี นจะมีเทา่ ๆ กัน แต่มากกวา่ ตวั แทน กลุ่มอื่น ๆ ผู้บรหิ ารโรงเรยี นเปน็ ประธาน บทบาท หน้าที่ของคณะกรรมการโรงเรียนเปน็ คณะกรรมการบริหาร

13 โรงเรยี นทับโพธิ์พัฒนวิทย์ได้ใช้รปู แบบที่ 3 ดำเนนิ งานอยู่ในปัจจบุ นั ดังนี้ 2.3 มกี ารนำแนวคดิ ทฤษฎหี ลักการท่ีเกยี่ วข้องมาประยกุ ตใ์ ช้ จากการจัดดำเนินการในด้านผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ ผู้เรียนสามารถอ่านออกและ อ่านคล่องตามมาตรฐานการอา่ นในแต่ละระดับช้นั สามารถเขียนส่ือสารได้ดี รู้จักการวางแผนสามารถทำงาน รว่ มกับผู้อน่ื ได้ดีตามหลักประชาธิปไตย กลา้ แสดงออก และแสดงความคิดเห็นได้อย่างสรา้ งสรรค์ สืบคน้ ขอ้ มูล หรอื แสวงหาความรู้จากสื่อ เทคโนโลยีได้ด้วยตนเอง รวมท้ังสามารถวิเคราะห์ จำแนกแยกแยะได้ว่าส่ิงไหนดี สำคัญ จำเป็น รวมท้ังรู้เท่าทันส่ือและสังคมท่ีเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้เรียนรแู้ ละตระหนักถงึ โทษและพิษ ภัยของส่งิ เสพตดิ ต่างๆ เลือกรบั ประทานอาหารทส่ี ะอาด และมีประโยชน์ รักการออกกำลังกาย นกั เรยี นทุกคน สามารถเลน่ กฬี าไดอ้ ย่างนอ้ ยคนละประเภท ยอมรบั ในกฎกติกาของกลุม่ ของสถานศึกษาของสังคม มีทศั นคติท่ี ดีต่ออาชีพสุจริต รวมถึงมีความเข้าใจเร่ืองความแตกต่างระหว่างบุคคลและระหว่างวัย ท้ังนี้ มีผลการ ดำเนนิ งานเชงิ ประจักษจ์ ากการประเมินในด้านต่าง ๆ เปน็ ผลมาจากทีท่ กุ คนนำทฤษฎีความต้องการ 5 ข้นั ของ มาสโลว์มาใชซ้ งึ่ มีข้ันตอนดงั น้ี 1. Physiological Needs ความต้องการพื้นฐาน เชน่ อาหาร นำ้ เครอ่ื งนงุ่ ห่ม และท่อี ยอู่ าศยั 2. Safety Needs ความต้องการด้านความปลอดภัย 3. Love and belonging Needs ความต้องการเปน็ ทีร่ กั และเปน็ ส่วนหน่ึง 4. Esteem Needs ความตอ้ งการมคี ณุ ค่า 5. Self-Actualization Needs ความปรารถนาทจี่ ะสามารถเติมเต็มภายในตนเองได้อย่างสมบูรณ์

14 นอกจากหลกั การและทฤษฎีขา้ งตน้ ทถี่ ือวา่ เปน็ แนวคดิ และหลกั การพนื้ ฐานในการนำรูปแบบ กระบวนการบรหิ ารการจดั การเรยี นรวมโดยใช้ 3A4T model นวตั กรรมขบั เคลื่อนสูค่ วามสำเร็จมาประยุกตใ์ ช้ ซึง่ ทำใหท้ กุ คนได้ตระหนกั ว่า การทำงานเป็นทีม ประกอบกับการมีส่วนรว่ มการใหก้ ารยอมรบั ในความสามารถ ของแต่ละบุคคลและการทำงานอย่างเป็นระบบ ถอื เปน็ องคป์ ระกอบที่สำคัญ เม่ือนำมาประยกุ ตใ์ ช้ จะสามารถ ขับเคลอ่ื นการทำงานไดอ้ ยา่ งราบรนื่ บรรลุวัตถปุ ระสงค์ และทำให้เกิดประสิทธิภาพอยา่ งสูงสดุ 3A4T model นวตั กรรมขับเคล่อื นสูค่ วามสำเร็จ 1. Reading คอื สามารถอ่านออก ตามแบบฝึกทักษะการอา่ นทโี่ รงเรียนกำหนด 2. (W) Riteing คอื สามารถเขยี นได้ ตามแบบฝึกทกั ษะการเขียนท่โี รงเรยี นกำหนด 3. (A) Rithmatic คือ มีทักษะในการคำนวณ ตามแบบฝกึ ทกั ษะการคำนวณทโ่ี รงเรียนกำหนด นอกจากการใช้ 3R พฒั นาผู้เรยี นแล้ว ทางโรงเรยี นกไ็ ด้ใช้ 4T คุณสมบตั ิของครผู สู้ อนที่จะต้องจัด กระบวนการเรยี นการสอนใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ โดยใช้ 4T เปน็ เคร่ืองกำหนดทิศทางและนำเอาโครงสรา้ ง SAET มาเป็นเคร่อื งมอื ในการจดั การอย่างเปน็ ระบบ ได้แก่ 1) Teacher 2) Target 3) Teach -Test 4) Trying (1) Teacher ครผู ู้สอนเป็นผ้ทู ีม่ ีความรู้ความสามารถและเขา้ ใจสภาพผ้เู รยี นรู้จักแบบคัดกรอง แบบเดมิ คอื KUS-SI Rating Scales ทม่ี ีความละเอยี ดมากและปัจจุบนั เลิกใช้แลว้ ใหใ้ ช้แบบคัดกรองของ กระทรวงแทน ครูมใี บประกอบวชิ าชีพครแู ละหรอื ผ่านการอบรมหลักสูตรการจัดการเรยี นรวม มคี วามรู้ความ ชำนาญเฉพาะเรือ่ ง ตามวชิ าท่ีตนถนัดหรือสนใจ มคี วามซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ รักเดก็ มีจิตใจโอบอ้อมอารี ศรัทธาต่อ วิชาชีพครู รกั การแสวงหาความรู้ ชอบการสอน (2) Target จดุ มุ่งหมายหรือเปา้ หมาย ครูผสู้ อนมคี วามเข้าใจเรียนแล้วตั้งเป้าหมาย 1.) เพ่ือให้ นกั เรยี นท่ีมคี วามบทพร่องทางการเรยี นรู้สามารถเรยี นรูแ้ ละมที กั ษะชวี ิตปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กับสังคมปกติไดอ้ ยา่ งมี ความสขุ และไม่เป็นปญั หาสงั คมในอนาคต 2.) เพ่ือกระต้นุ ให้เด็กท่ีมีความตอ้ งการพิเศษหรอื พิการใหฟ้ ้ืนคืน สภาพไดม้ ากท่ีสุด 3.) เพื่อสร้างคนดีใหก้ ับสังคมตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลย เดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลท่ี ๙ ว่า “เปน็ ครูใชไ่ หม....ขอฝากเดก็ เดก็ ด้วยนะ ช่วยสอนให้เขา เปน็ คนดี ” (3) Teach -Test สอนและทดสอบซำ้ ๆ ครูผู้ปฏิบัตกิ ารสอนนำโครงสร้าง SEAT มาใช้อย่างเปน็ ระบบและตอ่ เนื่อง ซ่ึงต้องเตรยี มความพร้อมของผู้เรียนปกตแิ ละผู้เรยี นเรยี นรวมตามโครงสรา้ ง SEAT ดงั น้ี 1. S : Students (นักเรียน) 1.1 เตรยี มความพร้อมของนกั เรียนทมี่ คี วามบกพรอ่ ง 1) ด้านรา่ งกาย การเตรยี มตัวเด็ก การทำความสะอาดร่างกาย เชน่ ผม เล็บมอื เล็บเทา้ ผิวหนัง เสอื้ ผ้าท่ีสวมใส่ 2) ด้านวิชาการ มีการทดสอบ การพฒั นาตนเอง การชว่ ยเหลือตนเอง เชน่ การแต่งกาย การรับประทานอาหาร 3) ดา้ นอารมณ์และสงั คม

15 โดยดกู ารอยรู่ ว่ มกนั ในสังคมและการใช้อุปกรณท์ ี่เก่ยี วข้องในชวี ติ ประจำวันของนกั เรียน เพ่อื ใหน้ กั เรยี นมี ความสามารถดำรงชวี ติ รว่ มกบั ผู้อน่ื ไดอ้ ยา่ งมีความสขุ 1.2 เตรยี มความพรอ้ มนกั เรียนทัว่ ไป 1) จัดประชุมนกั เรียนทัว่ ไปให้มีความร้คู วามเข้าใจเกิดการ ยอมรับความบกพรอ่ งของนักเรียนพกิ าร รจู้ กั ช่วยเหลอื และปฏิบัติตอ่ นักเรยี นพกิ ารอยา่ งถกู วิธี 2) จดั อบรม นักเรยี นทั่วไป โดยให้นักเรยี นปกติใชบ้ ทบาทสมมตเิ ช่นลองให้หลับตาเดนิ การใชส้ ำลอี ุดหู การเดนิ ขาขา้ งเดียว เป็นต้น 3) สร้างความเข้าใจใหก้ บั ครู ผูป้ กครอง โดยจัดประชมุ เพ่อื ให้เข้าใจและช่วยเหลอื นักเรยี นพิการ เรยี นร่วม 2. E: Environment (สิ่งแวดล้อม) 2.1 สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพ การจัดสภาพแวดล้อมทีข่ อ้ จำกดั น้อยท่ีสดุ มหี อ้ งนำ้ ห้องส้วม สำหรับเด็กพกิ าร 2.2 บุคคลสำคญั ในชวี ติ เด็ก แต่งตง้ั คณะกรรมการจัดการเรยี นรว่ มประจำโรงเรียน เพอ่ื กำหนด นโยบาย แนวทางการดำเนนิ งาน บทบาทของบุคลาการ รปู แบบการจดั การเรียนรว่ ม 3. A: Activities ( ด้านกจิ กรรมการเรียนการสอน) ครูผูส้ อนจะตอ้ งมีแผนการจดั การศึกษา ( IEP) ใหก้ ับนักเรียนเป็นรายบุคคล และจดั ทำแผนการจัดการเรยี นรู้รายชัว่ โมง (IIP) จดั ทำแฟม้ สะสมงานของ นกั เรยี นพกิ ารเรียนรว่ มทุกคนทุกปี ครูทุกคนในโรงเรียนและผมู้ สี ่วนเกยี่ วข้องมีโอกาสเขา้ รับการอบรม และ นำผลงานการจดั การเรยี นการสอนเป็นผลงานวชิ าการได้ 4. T: Tools ( เคร่อื งมือ) ครผู ู้สอนจัดทำแบบฝึกทักษะการอา่ น การเขยี นและการคิดคำนวณเพื่อ ใชเ้ ป็นเครือ่ งมอื ในการพัฒนาผู้เรยี นให้บรรลุตามจุดประสงค์ โดยนำแบบคัดกรองท่ีได้ทำการ คัดกรองผูเ้ รียน มาวเิ คราะหว์ ่ามปี ัญหาดา้ นใดแลว้ สร้างแบบฝึกทกั ษะท้ัง 3 ดา้ นซ่ึงสอดคลอ้ งกับ 3R ให้ผเู้ รยี นไดฝ้ ึกจนบรรลุ ตามเป้าหมาย (4) Trying พยายามเอาใจใสถ่ ึงยากลำบากกต็ ้องอดทน ครูผสู้ อนต้องพยายามปฏบิ ัติอยา่ งต่อเน่อื ง ใชค้ วามอดทนสงู ทำการสอนและประเมินผู้เรียนซ้ำๆ ไมล่ ะความพยายามจนกวา่ จะสำเร็จตามจุดมงุ่ หมายท่ี กำหนดไว้ อุทิศเวลาใหก้ บั การเรยี นการสอนโดยเฉพาะการสอนเสรมิ นักเรียนเรียนรวมนอกตารางเรียน ครูผ้สู อนต้องมคี วามเมตตากรุณา และขยนั ทำการสอนอยา่ งเป็นระบบสอดคล้องกับหลกั การบรหิ ารงาน ด้วยวฏั จกั รเดม่ิง หรือวงจรคุณภาพ ประกอบด้วย 4 ขัน้ ตอน คอื ขน้ั ที่ 1 การวางแผน (Plan – P) ข้ันที่ 2 การปฏิบัตติ ามแผน (Do – D) ข้ันที่ 3 การตรวจสอบผลการปฏบิ ัติ (Check – C) ขัน้ ท่ี 4 การแก้ไขปัญหา (Act – A)

16 องคป์ ระกอบที่ 3 กระบวนการพฒั นา Best practices อย่างเปน็ ระบบ ในสถานการณ์ปจั จบุ นั โรงเรยี นทบั โพธ์ิพัฒนวทิ ย์มีการจัดการเรียนรวมตามบริบทของสถานศึกษา โดยปัจจยั หลักคือผูเ้ รียนทม่ี ีความตอ้ งการท่แี ตกต่างกัน ครตู ้องทำการคดั กรอง วเิ คราะห์ขอ้ มูลร่วมกันกบั ผูเ้ กย่ี วข้องทุกด้านแล้วจึงจัดกระบวนการเรยี นการสอนให้เปน็ ไปตามแผนการศกึ ษาของชาติคอื พัฒนาคน พฒั นาครอู าจารย์ พัฒนาสงั คม ในหลากหลายรูปแบบ ผลจากการคัดกรองผูเ้ รยี นทำใหท้ ราบวา่ มีผู้เรยี นหลาย คนมีปัญหาดา้ นการอ่านการเขียนและคดิ คำนวณเลข ดังนน้ั ทางโรงเรียนจึงได้นำเอา 3R คือทักษะพื้นฐานที่ จำเปน็ ต่อผู้เรียนทกุ คนนำมาดำเนินการใช้พัฒนาผู้เรียนที่มีปัญหาทางการเรียนหรือเดก็ LD มลี ำดับข้ันตอน ดังน้ี จากภาพ Flowchart ผงั งานท่ีเป็นเครือ่ งมือแสดงนี้ทำใหเ้ ห็นภาพรวม ขั้นตอนกระบวนการพฒั นาท่กี ระชบั เข้าใจง่าย โดยใช้สญั ลักษณ์ทีเ่ ปน็ มาตรฐานเดียวกัน และใชข้ ้อความสั้น ๆ อธิบายข้อมูล ผลลัพธ์ คำสัง่ หรือจดุ ตัดสนิ ใจของข้ันตอน และเชอ่ื มโยงข้ันตอนเหลา่ น้ันดว้ ยเส้นท่มี ลี ูกศรช้ีทิศทางการทำงานตง้ั แต่ขัน้ ตอนท่ี 1 คอื ข้นั เตรยี มการจนจบขนั้ ตอนสุดท้ายคือการส่งต่อ ซงึ่ การส่งตอ่ มที ง้ั ภายในและภายนอกและหรือสง่ ไปใน ระดบั สงู ขึน้ เชน่ จากมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 เลอื่ นข้ึนไปช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เปน็ ตน้

17 3.1 กลุม่ เป้าหมายในการพัฒนา Best practices 1. ประชากรกลุ่มผู้เรียน คอื นกั เรียนโรงเรยี นทับโพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ จำนวน 138 คน กลุ่มเป้าหมาย คอื นกั เรยี นท่ีมคี วามบกพร่องดา้ นการเรยี นรู้/พิการ จำนวน 30 คน 2. ประชากรกลุ่มผ้ปู ฏิบัติงาน คอื ครูโรงเรยี นทับโพธิ์พัฒนวทิ ย์ จำนาน 14 คน ครพู ่เี ลีย้ งเด็กพิการเรียน จำนวน 1 คน กลุม่ เปา้ หมาย คือ ครูผ้สู อน จำนวน 10 คน

18 ขอ้ มูลที่นำกลา่ วถึงนเ้ี ป็นขอ้ มลู ปกี ารศกึ ษา 2564 ที่ตอ่ เนื่องมากจากปกี ารศกึ ษาทผ่ี ่านมาโดยได้จาก กระบวนการคดั กรองด้วยแบบคัดกรองของกระทรวงศึกษาธกิ าร ส่วนใหญม่ ปี ญั หาด้านการอา่ น-การเขยี นและ การคดิ คำนวณเลข ซง่ึ ครูผู้สอนไดท้ ำการคัดกรองซ้ำ ๆ เพอ่ื การพฒั นานับวา่ เป็นคุณปู การของครูท่ีมตี อ่ นกั เรียนและครผู ู้สอนเปน็ ผทู้ ม่ี ีความรู้ความสามารถและเข้าใจสภาพผเู้ รียน ร้จู กั แบบคดั กรองแบบเดิม คอื KUS-SI Rating Scales ที่มคี วามละเอียดมากและปจั จุบนั เลิกใชแ้ ลว้ ให้ใช้แบบคดั กรองของกระทรวงแทน ครูมใี บประกอบวิชาชพี ครูและหรอื ผา่ นการอบรมหลกั สตู รการจัดการเรยี นรวม มคี วามรู้ความชำนาญเฉพาะ เรอ่ื ง ตามวิชาทต่ี นถนดั หรือสนใจ มีความซ่ือสตั ย์ สจุ ริต รกั เดก็ มจี ิตใจโอบออ้ มอารี ศรทั ธาตอ่ วิชาชพี ครู รัก การแสวงหาความรู้ ชอบการสอน ขอยกตวั อย่างแบบคดั กรองแบบ KUS-SI และแบบปัจจุบันมาดูพอเขา้ ใจ ดังน้ี 1.แบบที่โรงเรียนใช้อย่ใู นปัจจุบัน 2.แบบที่เคยใชเ้ มือ่ เร่ิมต้น

19 3.2 การกำหนดวัตถปุ ระสงคก์ ารพัฒนา Best practices เมื่อทางโรงเรยี นทับโพธ์ิพัฒนวทิ ย์ ได้ดำเนนิ การคัดกรองเพ่อื จดั การเรียนรวมทว่ั ไปให้เปน็ ไปตาม ความต้องการของชุมชนและแผนพฒั นาการศกึ ษาชาติตลอดทั้งกลยุทธของหนว่ ยงานตน้ สงั กัดแลว้ ก็ไดจ้ ำนวน นกั เรยี นทม่ี ีปัญหาทางการเรยี นจำนวน 30 คน จึงได้มีกำหนดวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือพฒั นาจำนวน 3 ขอ้ ดังน้ี 1.เพอื่ ให้นกั เรียนทีม่ ีความบทพร่องทางการเรยี นรู้สามารถเรียนรู้และมีทกั ษะชีวติ ปรับตัวให้เขา้ กับ สงั คมปกตไิ ดอ้ ย่างมคี วามสุขและไมเ่ ป็นปญั หาสังคมในอนาคต 2.เพ่อื กระตนุ้ ใหเ้ ด็กทีม่ คี วามตอ้ งการพิเศษหรือพกิ ารให้ฟ้นื คืนสภาพไดม้ ากท่ีสดุ 3. เพอื่ สร้างคนดีให้กบั สงั คมตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระมหาภมู ิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรชั กาลท่ี 9 ว่า “เปน็ ครูใช่ไหม....ขอฝากเด็กเดก็ ด้วยนะ ชว่ ยสอนให้เขาเปน็ คนดี” จากวตั ถุประสงคเ์ พยี ง 3 ขอ้ เหมอื นวา่ มเี พียงนอ้ ยนดิ แตค่ วามจรงิ ความบกพรอ่ งทางการเรียนรู้และ ทักษะชวี ติในวตั ถุประสงคข์ อ้ ที่ 1 เป็นปญั หาท่ีต้องแก้ไขอย่างตอ่ เนอ่ื งโดยเฉพาะการอ่านออกเขียนไดแ้ ละการ คิดเลขเปน็ นับวา่ เปน็ ทกั ษะพื้นฐานท่ที กุ คนต้องมี สว่ นวตั ถุประสงคใ์ นข้อ 2 นนั้ เป็นการกระตนุ้ เพ่อื สง่ เสริมให้ นกั เรียนเรียนรวมทมี่ ีความต้องการพิเศษไดบ้ รรลุส่ิงทพ่ี วกเขาต้องการให้เรว็ ท่สี ุด และวตั ถุประสงคใ์ นข้อที่ 3 เปน็ วตั ถุประสงคท์ ี่สำคัญยงิ่ เพราะเป็นการสนองพระบรมราโชวาทของสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ในการสร้าง นักเรยี นทีด่ ถี วายพระองค์ทา่ น และครผู ู้ทำหนา้ ที่สอนกจ็ ะตระหนักดตี ่ืนร้พู ยายามทำใหบ้ รรลุอยา่ งภาคภูมใิ จ จากรางวลั ท่ีนักเรยี นเรยี นรวมได้รบั ในหลายๆปที ่ผี ่านมาเปน็ เครอ่ื งการันตีไดว้ ่าวัตถปุ ระสงคท์ ้งั 3 ข้อนี้ สามารถปฏิบัติไดจ้ ริงและเปน็ ไปไดจ้ รงิ

20 3.3 ข้นั ตอนการพฒั นา Best practices โรงเรียนทบั โพธพิ์ ฒั นวิทยไ์ ด้พัฒนา Best practices ตามข้ันตอนดงั นี้ 1 ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรยี น 2 ประชุมผู้เก่ยี วข้องในการพฒั นาร่วมวางแผนแนวทางการจัดการเรยี นรวมด้วย การประยุกต์รปู แบบการบรหิ ารจัดการคุณภาพการศกึ ษาโดยใช้ TPS Model สำหรบั การบรหิ ารสถานศกึ ษา สังกดั สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษาสรุ ินทร์ (TPS Model for Schools) ปกี ารศกึ ษา 2563 ใชเ้ ป็นกรอบพฒั นาและควบคมุ ให้เกดิ คุณภาพตามจดุ เนน้ ทหี่ น่วยงานตน้ สังกดั กำหนด ดังน้ี แนวทางบรหิ ารแบบการบรหิ ารจัดการคุณภาพการศกึ ษาโดยใช้ TPS Model

21 3 กำหนดเครอ่ื งมือทีเ่ รยี กว่าตวั ขับเคลือ่ นและตัวกระทำ ได้แก่ 3R4T model (ตวั ขบั เคลอื่ น) และโครงสรา้ ง SEAT (ตวั กระทำ) ซึ่งเครอื่ งมือทัง้ 2 ตวั ท่ีกล่าวถึงนี้เปรยี บเหมือนด้ายกับเข็มเยบ็ ผา้ สกรนู อด รถเกี่ยวข้าว ฯลฯ ซง่ึ เครือ่ งมือท่กี ลา่ วถึงนี้มีคุณสมบัติที่ต้องอาศัยกันและกนั ถึงจะบรรลคุ วามสำเร็จ ได้อย่างรวดเร็ว ไดแ้ ก่ 3R4T model (ตวั ขบั เคลื่อน) โครงสร้าง SEAT (ตัวกระทำ) แบบฝกึ ทกั ษะการอา่ น รายวชิ าภาษาไทย

22 4 กำหนดแนวทางการพัฒนา / แก้ไขปัญหา คณะกรรมการผรู้ บั ผดิ ชอบชว่ ยกันกำหนดแนวทางการพัฒนาโดยเน้นความพรอ้ มของนักเรียนทั้ง ในด้านความคิด ความจำ ร่างกาย อารมณ์ และสงั คมของนักเรยี น ความพร้อมของนกั เรียนเป็นพ้ืนฐานสำคัญ ในการเรียนการพฒั นาทักษะของนักเรียนควรเนน้ ทักษะทจี่ ะจำเป็นที่จะชว่ ยใหม้ ีความพรอ้ มในการเรยี น เช่น การฝึกให้นักเรียนมีความสนใจในบทเรียนนานข้ึน การฝึกความคิดความจำ ฝึกภาษา ฝึกพูด เป็นต้น เน้น เก่ียวกับการอ่าน คณิตศาสตร์ ภาษา ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์และสังคมศึกษานั้นมีความสำคัญรองลงไป ใน หลกั สตู รแตกต่างไปจากหลักสูตรสำหรบั นกั เรยี นปกตติ ลอดจนเอกสารการเรยี นการสอนให้สอดคลอ้ งกับความ สนใจและความสามารถของนักเรยี น ส่วนเนอ้ื หาวชิ าดนตรี และศลิ ปะ ควรจัดให้เหมาะสม ความตอ้ งการและ ความสามารถของนักเรยี นก็เป็นสิง่ สำคัญ หากนักเรียนมีความสามารถในการเรียน กค็ วรไดร้ ับการส่งเสริมให้ เรียนวิชาทเ่ี หมาะสม หากนักเรียนไม่มคี วามพรอ้ ม ควรให้นักเรยี นเรียนในด้านอาชพี และฝึกทกั ษะทีจ่ ำเปน็ ใน การดำรงชีวิต เพื่อเตรียมเด็กใหส้ ามารถดำรงชีพในสังคมได้ ควรฝึกให้นักเรียนมีทักษะพ้ืนฐานในด้านตอ่ ไปน้ี คือ ทักษะการอ่านการเขียนการคิดคำนวณเลข ทักษะด้านการงานและอาชีพ การครองเรือน นันทนาการ การดูแลสุขภาพ การดำรงชีพในชุมชน ครผู ู้สอนตอ้ งมีความอดทนและพยายามอย่างมาก เน่ืองจากนักเรยี นท่ี มคี วามบกพร่องทางการเรียนรู้มรี ะดับสตปิ ัญญาต่ำ มีความสามารถในการเรียนรนู้ ้อย และมักจะมีความพิการ อนื่ ๆ ร่วมด้วย เช่น ความบกพร่องทางรา่ งกาย ทางการพูด และปัญหาพฤติกรรมต่าง ๆ ท่ีครูผู้สอนจะต้องมี ความเข้าใจและแก้ไขปัญหาดังกลา่ วด้วย ครผู สู้ อนสรา้ งสรรแก้ปญั หาดว้ ยการจัดกิจกรรม เชน่ 1.เนน้ ให้เด็กไดฝ้ กึ ปฏิบัติจริง 2.ทำบัตรคำหรือสัญลกั ษณ์ตดิ ในทต่ี า่ งๆ 3. การจัดสงิ่ แวดล้อม 4. สอนให้ปฏิบตั ติ ามระเบียบ 5. สอนใหร้ ู้จักการเก็บรักษาของ 6. จัดให้นัง่ แถวหน้าดา้ นใน เลือกนักเรียนปกตทิ ่ีไม่เกเรนง่ั คู นอกจากครจู ะจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนดังกล่าวแลว้ ครกู ใ็ ห้ภาระงานที่เหมาะสมเชน่ 1) การมอบงาน 2) ให้ทำกิจกรรมกับเพอ่ื น 3) ให้กำลังใจ 4) ให้อย่กู ลมุ่ เพือ่ นทเี่ ข้าใจ 5) กระตุน้ ทกั ษะทีข่ าด 6) ครตู ้องเป็นนกั ทบทวน 7) อยา่ ให้การบ้านมากเกนิ ไป 8) ให้เวลาในการสอบ 9) ครูจะตอ้ งร่วมมือกับผูป้ กครอง 5. ตรวจสอบซ้ำ ครจู ะตอ้ งใช้หลัก 3 R’s อีกตวั ทีเ่ น้นการสอนของครเู องประกอบด้วย 1. Repetition คือ การสอนซำ้ ๆ ซากๆ ทบทวนบอ่ ยๆ สอนง่ายๆ ส้นั ๆ และสอนจากงา่ ยไปหายาก

23 2. Relaxation คือ การสอนจะตอ้ งไม่เคร่งเครยี ด ให้บรรยากาศผ่อนคลายดัดแปลงการสอนเปน็ การเล่น การรอ้ งเพลง การเลา่ นิทาน 3. Routine คอื การสอนจะต้องสม่ำเสมอเป็นประจำ 6. ประเมนิ ผลการดำเนนิ การ จากที่ครไู ด้วางแผนการสอนทลี่ ะเอียดแยกยอ่ ยเร่ืองทีจ่ ะสอนจงึ เปน็ สง่ิ ทีส่ ำคญั ซ่งึ ในแตล่ ะข้ันตอน ครจู ะต้องเขา้ ไปชว่ ยเพ่ือให้นักเรียนทำใหไ้ ด้ การช่วยเหลอื น้ี ครจู ำเป็นตอ้ งใช้เทคนิคท่ีเหมาะสม เพ่ือให้ นกั เรียนทำได้ในระยะแรกครูต้องชว่ ยทุกข้นั ตอน และลดลงเมือ่ นกั เรียนทำได้มากขึน้ การปฏิบตั เิ ช่นนีจ้ ะเปน็ การประเมินผลการดำเนินการ และคณะกรรมการก็ประเมินภายในทุกดา้ นทีเ่ กย่ี วขอ้ ง สอดคล้องกับ TPS model จากเครอื่ งมอื ประเมินคุณลกั ษณะของครู “KRUDEE” และจากเคร่อื งมอื ประเมนิ คุณลักษณะของนกั เรียน “DEKSAREN”

24 3.4 การตรวจสอบคุณภาพของ Best practices 1.รายงานผลการดำเนนิ งานประจำเดอื นหรอื ขอ้ สังเกตสภาพการดำเนนิ การ ตามกรอบคุณภาพ PTS model และเครื่องมือ 3R4T model (ตัวขับเคล่อื น) และโครงสรา้ ง SEAT (ตวั กระทำ) ท่นี ำมาใช้พัฒนา พบว่า ครูผู้สอนทกุ คนมีความรดู้ มี เี มตตาเอาใจใส่ใหค้ วามรว่ มมือเปน็ อย่างดี ดำเนินการชว่ ยเหลือ ดูแล นักเรียนได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ นกั เรียนสามารถเรียนรวมไดอ้ ย่างมคี ณุ ภาพตามศักยภาพและมีความสุข 2 ช่วยแก้ปัญหาและสนบั สนนุ โดยช่วยกันวิเคราะหป์ ญั หาท่ีเกิดขึ้นระหว่างการจดั การเรียนการ สอน รว่ มกนั ผลติ สอ่ื การสอนเช่นแบบฝึกทกั ษะการอ่านการเขียนและทักษะการคิดคำนวณเลข 3 ตรวจสอบความพึงพอใจของผปู้ ฏิบตั ิงาน นักเรียนและผู้ปกครองด้วยแบบสอบถาม ทงั้ น้ีการตรวจสอบวา่ Best practices ท่พี ัฒนามคี ุณภาพเพยี งใดนั้นจะต้องยึดหลกั การกระบวนการของ เครอ่ื งมอื ทน่ี ำมาใช้ ได้แก่ TPS Model / 3R4T Model / SEAT / ภาพแสดงกระบวนการพัฒนา Best practices องค์ประกอบที่ 4 ผลสำเรจ็ ท่ีเกิดขน้ึ จากการนำ Best practices ไปใช้

25 กระบวนการบริหารจดั การเรียนรวมเปน็ กระบวนการปฏบิ ัติงานทเ่ี ชื่อถอื และตรวจสอบ ได้ มีความคิดรเิ ริม่ สร้างสรรคเ์ กิดการเรียนร้ดู า้ นการบรหิ ารจัดการเรียนรวมจากการปฏิบัตจิ ริง มีการตอ่ ยอดพัฒนา นำไปเผยแพร่ขยายผล จนเกดิ ผลสำเร็จในการพัฒนาการบรหิ ารงานอย่างมี คณุ ภาพ ส่งผลต่อการยกระดับคณุ ภาพการศึกษาเรียนรวมอย่างต่อเนอื่ งและเป็นแบบอย่างได้ดังน้ี 4.1 ผลสำเร็จทเี่ กดิ ขนึ้ บรรลตุ ามเปา้ หมาย 1 ผลสำเร็จเชิงปริมาณ (1) นกั เรยี นเรียนรวมรอ้ ยละ 100 ได้รับการพัฒนาทัง้ ทางดา้ น ร่างกาย อารมณ์ สังคมและ สตปิ ญั ญา (2) ครูร้อยละ 100 จัดการเรียนการสอนตามแบบ IEP/ IIP ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ (3) ผู้ปกครองรอ้ ยละ 98 ให้ความร่วมมอื กบั กิจกรรมทีท่ างโรงเรยี นกำหนด 2 ผลสำเร็จเชิงคณุ ภาพ (1) นกั เรียนเรยี นร่วมไดร้ ับการพฒั นา สามารถปรับตวั อย่ใู นสังคมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข (2) ครูมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ สามารถใชส้ ่ือ และจดั กิจกรรมไดอ้ ยา่ งหลากหลาย (3) ผูป้ กครองยอมรับและเข้าใจ พรอ้ มใหค้ วามรว่ มมอื กับกิจกรรมของทางโรงเรยี น 4.2 บุคลากรทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั พึงพอใจกับ Best practices 1 ครูผสู้ อนกลุ่มเป้าหมายเกิดความพงึ พอใจตอ่ การปฏบิ ัตงิ านการจดั การเรยี นรว่ มมากกวา่ ร้อยละ 95 2 นักเรยี นกลุ่มเป้าหมาย เกิดความพึงพอใจต่อระบบการดูแลชว่ ยเหลือ อำนวย สิ่งทเี่ ปน็ ประโยชน์มากกว่ารอ้ ยละ 98 3 ผูป้ กครองเกิดความพงึ พอใจต่อระบบการดแู ลช่วยเหลอื สิง่ อำนวยทเ่ี ป็นประโยชนใ์ ห้กับเด็กพกิ าร เรยี นรว่ ม 4.3 สรปุ ปจั จยั แหง่ ความสำเรจ็ ประสบการณก์ ารเรียนรู้ 1. ปัจจัยความสำเรจ็ 1) ผู้บรหิ ารมคี วามรู้ ความเข้าใจและสามารถบริหารงานจดั การแบบการบริหารจดั การ คณุ ภาพการศกึ ษาโดยใช้ TPS Model

26 2) ครูผู้สอนมีคุณสมบตั ิครบไดร้ บั ความรู้แนวทางการบรหิ ารจัดการเรยี นรวม ได้ให้ ความรว่ มมอื ในการจดั กจิ กรรมสำหรับเด็กเรียนรวมได้อยา่ งดแี ละเตม็ เวลาเต็มความสามารถตามเครอื่ งมอื 3R4T model (ตวั ขับเคลื่อน) และโครงสร้าง SEAT (ตวั กระทำ) ทน่ี ำมาใชพ้ ัฒนา 3) ผปู้ กครองมีความเขา้ ใจในจดุ ประสงค์ของโรงเรยี นในการพัฒนาบตุ รหลานของตน ตามศักยภาพ ได้ใหค้ วามรว่ มมอื เปน็ อย่างดแี ละเกิดความพึงพอใจ 4) ผ้เู รียนตระหนกั และยอมรบั ในความพร้อมของตนเอง ยินดปี ฏิบัติตามกระบวนการ 3R4T model (ตัวขับเคลอ่ื น) อยา่ งมคี วามสุข

2. ประสบการณก์ ารเรียนรจู้ ากการนำไปใช้ 27 1) จากการดำเนินการส่งผลให้โรงเรยี นเกดิ แนวทางการบรหิ ารจดั การเพอ่ื การเรยี นรู้ และประเมนิ ผูเ้ รยี นตามสภาพจรงิ 2) ผู้ปฏิบัตหิ รอื ผมู้ ีส่วนเกี่ยวข้องเหน็ ความสำคญั ของการพฒั นาเครอ่ื งมอื ส่งิ อำนวยท่เี อือ้ ต่อ การเรียนรซู้ ง่ึ จะประสบผลสำเรจ็ ได้จะตอ้ งประกอบด้วยนวตั กรรมที่ดมี รี ะบบทดี่ แี ละมีระบบสนบั สนุนอย่าง ตอ่ เนอ่ื งเฉกเช่นเคร่ืองจกั รกลต้องอาศยั พลงั งาน องค์ประกอบท่ี 5

28 กระบวนการตรวจสอบซ้ำ เพ่อื ปรับปรงุ พัฒนา Best practices กระบวนการจัดการเรยี นรสู้ ำหรับการเรยี นรวม มีเอกสารในช้ันเรยี นตลอดทั้งระบบการนิเทศและ รายงานลว้ นเป็นรอ่ งรอย หลักฐาน แสดงใหเ้ ห็นถึงกระบวนการตรวจสอบ Best practices รวมทง้ั มีการ ปรบั ปรงุ พัฒนาเครอ่ื งมอื นวตั กรรมที่นำมาใชโ้ ดยคำนงึ ถึงความแตกตา่ งของนกั เรยี นเรยี นท่ีมที ุกปกี ารศกึ ษา ตัง้ แตก่ ระบวนกาที่ 1 คือการเตรยี มการรวบรวมข้อมลู เรียนจนจบสน้ิ กระบวนสุดท้ายคอื สง่ ต่อหรือจบ การศึกษาขั้นสงู สุดในสถานศึกษา กระบวนการดงั กลา่ ว ให้เกิดผลดีอยา่ งต่อเน่อื ง ทง้ั ในช่วงระหวา่ งการพัฒนา เสรจ็ สิน้ การพัฒนา เมือ่ เริม่ ปกี ารศกึ ษาใหมก่ ็ได้นวตั กรรมท่ไี ดพ้ ัฒนาน้ันใชก้ บั นกั เรยี นเรียนรวมรนุ่ ใหมจ่ งึ ถือ ว่าเป็นการทดลองซำ้ กบั กล่มุ เป้าหมายใหม่ (Re check) ดังน้ี 5.1 กระบวนการตรวจสอบซำ้ เพอ่ื ปรบั ปรุงพัฒนา Best practices วธิ กี ารตรวจสอบซ้ำทางโรงเรียนได้นำแนวทางแบบการบรหิ ารจัดการคุณภาพการศกึ ษาโดยใช้ TPS Model และกระบวนการ 3R4T model (ตวั ขบั เคล่ือน) ตลอดท้งั โครงสร้าง SEAT (ตัวกระทำ) มาใชอ้ กี ในปีการศกึ ษา ตอ่ ๆ ไป 5.2 นำผลจากการตรวจสอบซำ้ Best practices มาปรับปรุง

29 ผลการตรวจสอบซำ้ เพื่อการพัฒนาและปรบั ปรงุ Best Practice จากการปฏบิ ัตติ ามเครื่องมอื ท่กี ล่าวมาแล้วข้างตน้ พบวา่ การดำเนนิ งานเกิดผลดี มีการพฒั นาดา้ นเครอ่ื งมือ ที่ใช้คดั กรอง แบบฝกึ ทกั ษะและไดร้ บั การยอมรบั ด้านกระบวนการสามารถบรรลตุ ามวัตถปุ ระสงค์

30 องค์ประกอบท่ี 6 การประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ และขยายผลในวงกวา้ ง โรงเรียนทับโพธ์ิพฒั นวทิ ย์ สังกดั สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาสรุ นิ ทร์ไดด้ ำเนินการจัดการเรียน การสอนตามโครงการโรงเรยี นเรยี นรวมให้เปน็ ไปตามความต้องการของชุมชนและปณธิ านการสรา้ งคนดีใหก้ ับ สงั คม ไดด้ ำเนินการเป็นระบบเปน็ กระบวนการมานานนบั สบิ ปมี ีการรายงานขอ้ มูล มกี ารเข้าร่วมประกวด แขง่ ขันและได้รับรางวลั เหรียญทองหลายระดับเช่นระดับเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาทเี่ ข้าร่วมแขง่ ขนั ในจังหวัดของ ตนเอง ระดับภาคได้เขา้ รว่ มแขง่ ขนั ในตา่ งจงั หวัด ตลอดท้งั ในระดบั ภาคก็ได้นำนกั เรียนเรียนเข้ารว่ มจน สามารถได้รับเหรยี ญทอง ในส่วนของโรงเรยี นเองก็ได้ประชาสมั พันธใ์ นรายการวิทยทุ ่ีสถานีวทิ ยุ พระพทุ ธศาสนาวดั ดอกจานรตั นารามคลนื่ 91.75 Mhz 6.1 การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความสำเร็จของ Best practices 6.1.1 จัดทำแผ่นพับ เสียงตามสาย และขยายผลงานให้กับกลุ่มเครอื ขา่ ย ครผู ู้สนใจภายใน สถานศกึ ษาใกล้เคียงท่มี ีการจัดการเรยี นรวม 6.1.2 ผู้บรหิ ารและครูผู้ดำเนนิ การได้นำเสนอผลงานแลกเปลี่ยนเรยี รหู้ รือเป็นวิทยากร สามารถ เผยแพรผ่ ลงานได้ในระดับสหวิทยาเขตและเขตพ้ืนที่การศกึ ษา

31 6.1.3 เผยแพรข่ ้อมลู ทางจดหมายข่าว , รายการวิทยุ และwebsite / Facebook ของโรงเรียน 6.2 การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ Best practicesทางเวบ็ ไซต์โรงเรยี นตามลิงค์ดา้ นล่าง

32 ภาคผนวก

33 ผลสำเรจ็ ท่ีเกิดขึน้ จากการนำ Best Practice ไปใช้สง่ ผลใหน้ ักเรียนเรยี นรวมไดร้ บั รางวัลดังนี้

34

35