คำนำ ตามที่ท่ีประชุมสภาขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ ๙/๒๕๕๘ วันอังคารที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการ ยุติธรรม โดยมีอานาจหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ จัดทาแนวทาง แผนการปฏิรูป วิธีการปฏิรูป พร้อมกาหนดเวลา ปฏิรูป และข้อเสนอแนะเพ่ือการขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมายให้สัมฤทธิผล รวมทั้งมีอานาจหน้าท่ีอ่ืนตามท่ีสภามอบหมายนั้น คณะกรรมาธิการ ขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมได้พิจารณาจัดทารายงาน เรื่อง ระบบงาน บริการประชาชนในการรับแจ้งความและสอบสวน สาระสาคัญของรายงานฉบับนี้ คือ การเสนอแนวทาง ปรับปรุงระบบงานบริการประชาชนในการรับแจ้งความและสอบสวน เช่น การแก้ไข ปรับปรุงระเบียบ ท่ีเก่ียวข้องในการปฏิบัติงาน การปรบั ระบบการทางานให้งานสืบสวนและสอบสวนสามารถทางานควบคกู่ ันไป อย่างมีประสิทธิภาพโดยจดั ให้ทางานอย่ใู นชดุ เดียวกนั เปน็ ตน้ รายงานฉบับน้ี คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการ ยุติธรรมได้เสนอต่อสภาขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศ ในคราวประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คร้ังที่ ๔/๒๕๕๙ วันอังคารที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ ท่ีประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบรายงานแผนการปฏิรูป ดงั กล่าว แลว้ ให้คณะกรรมาธกิ ารนารายงานแผนการปฏิรปู ไปปรับปรุง ก่อนเสนอรายงานแผนการปฏิรปู พร้อม ความเห็นและข้อเสนอแนะของสมาชิกสภาขบั เคลือ่ นการปฏริ ูปประเทศต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือพจิ ารณาต่อไป บัดนี้ สภาขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศ ได้รวบรวมผลการศึกษารายงานดังกล่าวและจัดทา เป็นรูปเล่มรายงานฉบับสมบูรณ์แล้ว จึงได้เสนอรายงานฉบับน้ีต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นแนวทางสาคัญ ในการปฏิรูประบบงานบริการประชาชนในการรบั แจง้ ความและสอบสวนเพ่ือจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนใน ด้านต่าง ๆ อย่างสูงสดุ ต่อไป
สารบัญ รายงานของสภาขบั เคล่ือนการปฏิรปู ประเทศ หน้า เรอ่ื ง ระบบงานบรกิ ารประชาชนในการรับแจง้ ความและสอบสวน ๑ ๕ ๑. แผนการปฏิรูป - ระบบงานบรกิ ารประชาชนในการรับแจ้งความและสอบสวน - สภาพปญั หา ๒. วิธีการปฏิรปู - การวเิ คราะห์ จัดทาแนวทาง เก่ียวกับเรอื่ งข้อปฏิรูป - แนวทางการแก้ไขปัญหา ๓. กาหนดเวลาการปฏิรูป ๙ ๔. แหลง่ ทม่ี าของงบประมาณ (กรณีท่ีต้องใช้งบประมาณ) ๙ ๕. หนว่ ยงานทรี่ บั ผิดชอบ ๙ ภาคผนวก ๑๑ ๑๖ ภาคผนวก ก การจัดชุดพนักงานสอบสวน (แบบบูรณาการ) ตามแนวทางที่ได้ปฏิบตั ิ ในสถานีตารวจภธู รเมืองนครสวรรค์ ๒๐ ภาคผนวก ข สรปุ ความเหน็ ของสมาชิกสภาขบั เคลื่อนการปฏิรปู ประเทศในการพิจารณา ของทปี่ ระชุมสภาขบั เคล่ือนการปฏิรปู ประเทศ เรื่อง ระบบงานบริการ ประชาชนในการรับแจ้งความและสอบสวน ภาคผนวก ค รายนามคณะกรรมาธกิ ารขบั เคล่ือนการปฏริ ปู ประเทศดา้ นกฎหมาย และกระบวนการยุตธิ รรม สภาขับเคลอื่ นการปฏริ ูปประเทศ
รายงาน ของสภาขบั เคลอ่ื นการปฏิรูปประเทศ เร่ือง ระบบงานบริการประชาชนในการรบั แจ้งความและสอบสวน ______________ ๑. แผนการปฏิรปู เรื่อง ระบบงานบริการประชาชนในการรบั แจ้งความและสอบสวน ตามที่ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้ให้ความเห็นชอบแผนการปฏิรูปกิจการตารวจไว้แล้ว ในการประชุมสภาขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศ ครั้งท่ี ๑๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยมี ประเด็นการปฏิรูปท่ีจะตอ้ งดาเนินการให้แลว้ เสร็จ ภายในระยะเวลา ๑ ปี ๖ เดือน รวม ๙ ประเด็น ดงั นี้ เรอ่ื งท่ี ๑ ระบบงานบริการประชาชนในการรับแจ้งความและสอบสวน เรื่องที่ ๒ ความเปน็ อสิ ระในการบริหารงานของตารวจจากการแทรกแซงทางการเมือง เร่อื งท่ี ๓ การวางแนวทางมาตรฐานการแตง่ ต้ังโยกยา้ ยขา้ ราชการตารวจ เรื่องที่ ๔ การถา่ ยโอนภารกจิ ใหห้ น่วยงานทมี่ ีภารกิจหนา้ ท่ีโดยตรงไปดาเนนิ การ เรอ่ื งที่ ๕ ระบบงบประมาณของตารวจ เรอื่ งที่ ๖ การสร้างการมีส่วนรว่ มของภาคประชาชนในกจิ การของตารวจ เรอื่ งที่ ๗ การจดั ระบบนิติวิทยาศาสตร์ เรอ่ื งท่ี ๘ การป้องกันการทจุ รติ คอรร์ ปั ชั่น เรื่องที่ ๙ ระบบการสรรหาบคุ คลเข้ารับราชการตารวจ และระบบการฝกึ อบรม การดาเนนิ การปฏริ ูปทัง้ ๙ ประเด็นนน้ั จะตอ้ งเริ่มดาเนนิ การขบั เคลอ่ื นการปฏริ ูปไปพร้อม ๆ กัน และเมื่อดาเนินการจนแล้วเสร็จทุกประเด็นแล้ว (ภายใน ๑ ปี ๖ เดือน) คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูป ประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คาดว่ากิจการตารวจจะได้รับการปฏิรูปให้มีประสิทธิภาพ และเป็นที่พงึ พอใจของประชาชน อย่างไรก็ตาม มีประเด็นการปฏิรูปบางเรื่องท่ีสามารถดาเนินการให้แล้วเสร็จได้โดยเร็ว ใช้เวลา ไมเ่ กิน ๖ เดอื น สามารถดาเนินการได้โดยการปรับระบบงาน ระเบียบ ข้อบังคับภายในหน่วยงาน ซง่ึ ไม่กระทบ ต่องบประมาณของรัฐบาลมากนัก และผลการปฏิรูปจะส่งผลทางบวกต่อประชาชนโดยตรงในอันท่ีจะได้รับ การบริการที่ดีจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตารวจ ซ่ึงคณะกรรมาธิการขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มีมติเห็นว่า ประเด็นการปฏิรูป เร่ือง ระบบงานบริการประชาชน ในการรบั แจง้ ความและสอบสวน เปน็ ประเดน็ ปฏริ ูปทสี่ มควรไดร้ ับการดาเนนิ การเปน็ วาระเรง่ ดว่ น สภาพปัญหา จากผลการสารวจความพึงพอใจของประชาชนต่อการปฏิบัติงานของตารวจ พบว่า เร่ืองสาคัญ ที่ประชาชนมีความไม่พึงพอใจเจ้าหน้าที่ตารวจเป็นอันดับต้น ๆ คือ งานการให้บริการประชาชนในการรับแจ้ง ความและสอบสวน โดยประชาชนระบุถึงปัญหาที่พบเกิดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหนา้ ท่ีตารวจในการรบั แจ้ง ความและสอบสวน ณ สถานีตารวจ เช่น การบ่ายเบี่ยงไม่รับคาร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ การไม่ออกไปตรวจ สถานท่ีเกิดเหตุ หรือออกไปตรวจสถานที่เกิดเหตุล่าช้า มีการเลือกปฏิบัติในการให้บริการ ไม่ให้ความเป็นธรรม อย่างเท่าเทียมกัน ทาสานวนล่าช้า และปกปิดบ่ายเบ่ียงไม่แจ้งความคืบหน้าทางคดีให้ผู้เสียหายทราบ เป็นต้น จนส่งผลทาให้ประชาชนขาดความม่ันใจสาหรับการบริการจากพนักงานสอบสวน เกิดความคลางแคลงใจ หรอื ขาดความเชอ่ื มน่ั ในการทางานของพนักงานสอบสวน
-๒- สาเหตขุ องปัญหา จากสภาพปัญหาที่เป็นปรากฏการณ์ดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมาธิการขับเคล่ือนการปฏิรูป ประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้ทาการศึกษาและค้นพบถึงสาเหตุของปัญหาดังกล่าว มหี ลายประการ ดังนี้ ๑) การแบ่งงานสืบสวนสอบสวนออกจากกัน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ เนื่องจากขณะน้ันปริมาณคดี อาชญากรรมเพิ่มขน้ึ ทุกปี ๆ จนกระท่ังเกิดวิกฤตการณ์พนักงานสอบสวนมีงาน (สานวน) ปริมาณมาก ส่งผลให้ การสอบสวนล่าช้า ขาดประสทิ ธิภาพ กรมตารวจ (ในขณะน้ัน) จึงมแี นวคิดและคาสั่งให้แยกการทางานสบื สวน และการสอบสวนออกจากกนั โดยให้พนักงานสอบสวนอยู่รับคดีและทาการสอบสวน ณ ที่ทาการสถานีตารวจ ส่วนการสืบสวนหาพยานหลักฐาน ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวน ทาให้พนักงานสอบสวนไม่ได้ออกตรวจพ้ืนที่ แสวงหาพยานหลักฐาน ลักษณะดังกล่าวพนักงานสอบสวนจึงไม่รู้พ้ืนที่ ไม่รู้จักประชาชน ขาดความผูกพัน กับสภาพพ้ืนท่ีและประชาชน ไม่รู้ความเป็นไปของสภาพสังคมในพ้ืนท่ี ส่วนการทางานของฝ่ายสืบสวน ก็มีผู้บังคับบัญชาของตนโดยทางานสืบสวนหลาย ๆ ด้าน มิใช่เฉพาะแต่คดีอาญาท่ีเกิดข้ึนเท่าน้ัน และต้อง สบื สวนหลาย ๆ คดีให้กับพนักงานสอบสวนหลายคน งานสบื สวนจึงเพ่ิมสูง (เพราะคดีเพมิ่ ขึ้นทุกปี ๆ) และขาด ความผูกพันกับพนักงานสอบสวน เพราะแยกกันทางานและมีผู้บังคับบัญชาของแต่ละฝ่าย พนักงานสอบสวน จงึ ไม่ได้เป็นศูนยก์ ลางการบรหิ ารคดีเหมือนท่ีผา่ นมา ไม่อาจเร่งรัดสั่งการฝา่ ยสบื สวนได้ ทงั้ พยานหลักฐานที่จะ ได้จากการสืบสวนจึงน้อยมาก คดีขาดพยานหลกั ฐาน ส่งผลให้การสอบสวนล่าช้าขาดประสิทธิภาพ ประชาชน ขาดความเชือ่ มั่นและศรัทธา ไมเ่ ปน็ ท่ีพึงพอใจของประชาชนดงั เชน่ ทกุ วันนี้ นอกจากนี้ ในข้อเท็จจริง การสืบสวน การสอบสวน การป้องกันปราบปราม เป็นกระบวนการ ทางานเพ่ืออานวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนซึ่งต้องทางานอย่างเก่ียวเนื่องสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น ต่อเนื่อง เพราะการจะได้พยานหลักฐานมาพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธ์ิของผู้ต้องหา และการจะได้ตัว ผตู้ ้องหามาดาเนินคดีจะตอ้ งใช้ท้ังการสืบสวน สอบสวน การตรวจค้น จับกุม การคุ้มครองพยาน ซงึ่ เป็นอานาจ หน้าท่ีของตารวจและพนักงานสอบสวน ตามท่ีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา การสืบสวน สอบสวน ป้องกันปราบปราม จึงมิอาจแยกออกจากกันได้ การแก้ปัญหาของกรมตารวจ ต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จนกระทั่งปัจจุบันดังกล่าวจึงยังไม่ถูกต้องเหมาะสม จาเป็นต้องปรับระบบการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานในคดีอาญาเสียใหม่ โดยพนักงานสอบสวน ฝ่ายสืบสวน ฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายจราจร (คดีจราจร) และฝ่ายอานวยการ (แจ้งความคืบหน้า, อานวยความสะดวกแก่ประชาชน) ของสถานี ตารวจหรือหน่วยงานสอบสวน จักต้องปฏิบตั ิงานร่วมกันในแต่ละคดี ในลักษณะทางานเป็นทีม โดยให้พนกั งาน สอบสวนเป็นศูนย์กลางในการบริหารขับเคล่ือนคดี จึงจะสามารถทาการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ เกดิ ความสะดวก รวดเร็วและเปน็ ท่ยี อมรับแกป่ ระชาชนได้ ๒) การจัดเวรให้พนักงานสอบสวนเข้าเวรเพียงลาพัง (เวรเด่ียว) ส่งผลให้เกิดปัญหาไม่สามารถ ให้บริการประชาชนได้อย่างทันท่วงทีกรณีท่ีเกิดเหตุขึ้นพร้อม ๆ กันหลายเหตุ นอกจากน้ันยังส่งผลต่อ ประสิทธิภาพในการทาสานวนการสอบสวน เพราะขาดทีมงานที่จะปรึกษาหารือร่วมกัน ซ่ึงส่งผลต่อการ ตัดสินใจในการส่ังการว่าในแต่ละคดีควรดาเนินการอย่างไร หรือการทาการสอบสวนเพียงลาพัง อาจก่อให้เกิด การทุจรติ หรอื ความลาเอยี งในการทาสานวนได้ หรอื ไมม่ ีเวลาสะสางสานวนการสอบสวนเสรจ็ ทนั ส่งผลให้เกิด สภาพสานวนค้าง ไม่สามารถบริหารการทาสานวนการสอบสวนตามลาดับก่อนหลัง และการท่ีพนักงาน สอบสวนผู้ปฏิบัติหน้าท่ีเวรสอบสวนมีน้อย ทาให้ไม่เพียงพอต่อการให้บริการประชาชน เพราะสามารถดูแล ประชาชนไดค้ รั้งละ ๑ คน เท่าน้นั ๓) พนักงานสอบสวนขาดขวัญกาลังใจในการปฏิบัติหน้าท่ี เน่ืองจากขาดความชัดเจนในเส้นทาง การเจริญเติบโตในหน้าที่ ทั้งโอกาสท่ีจะได้รับการสนับสนุนแต่งต้ังเป็นหัวหน้าสถานีตารวจมีน้อยมาก เน่ืองจากการนาเอาระบบการเลื่อนไหลแบบ “ปรับตาแหน่ง” มาใช้ หากมีการแต่งต้ังพนักงานสอบสวน
-๓- ไปดารงตาแหน่งในสายงานบริหารหรือสายงานปฏิบัติการ จะทาให้ตาแหน่งเดิมของพนักงานสอบสวน ไมส่ ามารถแต่งต้ังข้าราชการตารวจอ่ืนมาดารงตาแหน่งเดมิ ของพนักงานสอบสวนได้ นอกจากตาแหน่งพนักงาน สอบสวนเช่นเดียวกนั จึงทาให้ผบู้ ังคบั บัญชาหลีกเล่ียงท่ีจะแต่งต้งั พนักงานสอบสวนไปดารงตาแหน่งในสายงาน บริหารหรือสายงานปฏิบัติการ หรือในกรณีที่พนักงานสอบสวนค้นพบว่า ตนเองไม่ถนัดงานสอบสวน ต้องการ เปลี่ยนแปลงโยกย้ายไปสายงานอ่ืนก็เป็นเรื่องที่กระทาได้ยากมาก ด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวแล้วจึงส่งผลให้มี พนักงานสอบสวนบางคนทางานด้วยความท้อแท้ และขาดแรงจูงใจในการทางาน นอกจากน้ันพนักงาน สอบสวนยังไมไ่ ด้รับความเป็นธรรมจากการพิจารณาให้ได้รับบาเหน็จความชอบจากผู้บังคับบัญชาเมอ่ื เทยี บกับ สายงานอืน่ ๔) การบรรจุแต่งตั้งพนักงานสอบสวนประจาสถานีตารวจอย่างไม่เท่าเทียมกัน จากการสารวจ ขอ้ มูลพบวา่ ในปี ๒๕๕๗ มีคดีเกิดข้ึน จานวน ๗๐๐,๑๕๓ คดี มีพนกั งานสอบสวน จานวน ๙,๕๒๑ คน คา่ เฉล่ีย ทพ่ี นักงานสอบสวน ๑ คนต้องรับผดิ ชอบทาสานวนคดี คือ ๗๓.๕ คดี แต่ในการบรรจุแต่งตั้งพนักงานสอบสวน ประจาสถานีตารวจของแตล่ ะสถานียงั ไม่เหมาะสมกับปริมาณงานทเ่ี กิดข้นึ ในแตล่ ะพื้นท่ี ทาใหบ้ างสถานีตารวจ พนักงานสอบสวนต้องรับผิดชอบสานวนคดีจานวนมาก ในขณะท่ีพนักงานสอบสวนบางสถานีตารวจว่างงาน เนือ่ งจากมคี ดเี กดิ ขึ้นในพ้นื ท่นี อ้ ย ตัวอย่าง สถานตี ารวจทพี่ นักงานสอบสวนต้องรับผดิ ชอบคดี (มากกวา่ ค่าเฉลีย่ ) ลาดบั สถานี จานวนสานวน พนักงานสอบสวน ค่าเฉลย่ี (๗๓.๕) ๑ สภ.หนองขาม จ.ชลบรุ ี ๒,๐๕๘ ๔ ๒ สภ.แม่ปงิ จ.เชยี งใหม่ ๖,๔๘๑ ๑๓ ๕๑๕ ๓ สภ.เสมด็ จ.ชลบรุ ี ๑,๖๔๖ ๔ ๔๙๙ ๔ สภ.บางพลนี ้อย จ.สมทุ รปราการ ๑,๑๕๗ ๔ ๔๑๒ ๕ สภ.เมอื งนราธิวาส ๙๐๔ ๙ ๒๘๙ ๑๐๐ ตัวอยา่ ง สถานตี ารวจท่ีพนักงานสอบสวนต้องรับผิดชอบคดี (นอ้ ยกวา่ ค่าเฉลีย่ ) ลาดับ สถานี จานวนสานวน พนักงานสอบสวน คา่ เฉลย่ี (๗๓.๕) ๑ สภ.เสาหิน จ.แม่ฮอ่ งสอน ๑๑ ๓ ๒ สภ.ประตเู มอื ง จ.แมฮ่ อ่ งสอน ๑๗ ๔ ๔ ๓ สภ.ท่าคันโท จ.กาฬสนิ ธุ์ ๑๘๐ ๕ ๔ ๔ สภ.หว้ ยผึง้ จ.กาฬสินธ์ุ ๑๘๗ ๔ ๓๖ ๕ สภ.สมเดจ็ จ.กาฬสนิ ธุ์ ๔๒๐ ๘ ๔๗ ๕๒
-๔- จากข้อมูลปี ๒๕๕๗ พบว่า สานักงานตารวจแห่งชาติ มีสถานีตารวจ จานวน ๑,๔๖๗ สถานี โดยสถานีตารวจที่มีสัดส่วนคดีต่อพนักงานสอบสวน (มากกว่าค่าเฉลี่ย) มีจานวนถึง ๕๑๔ สถานี มพี นักงานสอบสวน ๓,๗๒๘ คน มีจานวนคดรี วม ๔๓๙,๔๕๙ คดี (เปน็ สานวน ๓๙๙,๗๒๓ คดใี บแดง ๑๕๘,๙๔๒ คด)ี แตใ่ นขณะท่ี สถานีตารวจทมี่ ีสัดสว่ นคดตี อ่ พนกั งานสอบสวน (น้อยกว่าคา่ เฉล่ีย) มีจานวน ๙๕๓ สถานี มพี นักงานสอบสวน ๕,๗๙๓ คน มจี านวนคดรี วม ๒๖๐,๖๙๔ คดี (เป็นสานวน ๒๓๕,๖๖๐ คดใี บแดง ๑๐๐,๑๓๖ คด)ี ๕) เงินค่าใช้จ่ายในการสบื สวนและสอบสวนคดีอาญา มีไม่เพียงพอและไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่าย ท่ีเกิดข้ึนจริง ท้ังนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับพนักงานสอบสวนของหน่วยงานอื่น เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า ระเบียบการเบิกจ่ายค่าใชจ้ ่ายในการสืบสวนและสอบสวนคดีอาญาของสานักงานตารวจแห่งชาติ เบกิ ค่าใช้จ่าย ได้น้อยกว่าตามระเบียบกระทรวงยตุ ิธรรมว่าด้วยค่าใช้จา่ ยสาหรับการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษและวิธีการ เบกิ จา่ ยเงินทดรองจา่ ย (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) แตกต่างอย่างมาก ดงั นี้ พนกั งานสอบสวน สานักงานตารวจแหง่ ชาติ ๑) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจา่ ยเงินคา่ ตอบแทนการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๓๔ - อัตราการจา่ ย : ๑ คดี ได้ค่าใช้จา่ ยทาสานวนสูงสดุ ไม่เกนิ ๑,๕๐๐ บาท ๒) เงนิ กองทนุ เพอ่ื การสืบสวนและสอบสวน - บคุ คลภายนอกผู้ให้ข่าวสาร ทาใหจ้ บั กุมผู้ต้องหา ไมเ่ กิน ๒๐,๐๐๐ บาท พนกั งานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยค่าใช้จ่ายสาหรับการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ และวิธกี ารเบิกจ่ายเงนิ ทดรองจ่าย พ.ศ. ๒๕๔๘ (ตาม พ.ร.บ. การสอบสวนคดพี ิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗) - อัตราการจ่าย : ๑ คดี ได้คา่ ใชจ้ ่ายทาสานวนสูงสุด ไม่เกนิ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๖) เงินเพิ่มสาหรับตาแหน่งพนักงานสอบสวน จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันเงินเพิ่มสาหรับตาแหน่ง พนักงานสอบสวน ต่ากว่าพนกั งานสอบสวนของหน่วยงานอื่น เช่น กรมสอบสวนคดีพเิ ศษ อัตราเปรยี บเทียบดงั นี้ สานกั งานตารวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ พนักงานสอบสวน เดือนละ ๑๒,๐๐๐ บาท (เทยี บเท่ารองสารวัตร) เดือนละ ๑๔,๗๐๐ บาท ระดับ ๖ เดอื นละ ๒๐,๐๐๐ บาท พนกั งานสอบสวน ผูช้ านาญการ (เทียบเท่าสารวตั ร) เดอื นละ ๑๗,๓๐๐ บาท ระดับ ๗ เดอื นละ ๓๐,๐๐๐ บาท พนกั งานสอบสวน ผู้ชานาญการพิเศษ (เทียบเท่ารองผูก้ ากบั การ) เดือนละ ๒๐,๘๐๐ บาท ระดบั ๘ เดอื นละ ๓๕,๐๐๐ บาท พนกั งานสอบสวน ผทู้ รงคุณวฒุ ิ (เทยี บเท่าผู้กากบั การ) พนักงานสอบสวน เดอื นละ ๒๕,๐๐๐ บาท ผเู้ ชย่ี วชาญ (เทียบเท่ารองผบู้ ังคับการ) เดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท ระดบั ๙ เดอื นละ ๔๑,๐๐๐ บาท พนักงานสอบสวน ผเู้ ชยี่ วชาญพเิ ศษ (เทยี บเท่าผ้บู ังคบั การ) ระดับ ๑๐ เดือนละ ๔๒,๐๐๐ บาท
-๕- ๗) ขาดแผนและงบประมาณในการพัฒนาความรู้ ความสามารถให้กับพนักงานสอบสวน ขาดการทบทวนความรู้ และติดตามตัวบทกฎหมายหรือคาส่ังตา่ ง ๆ ท่ีเปลี่ยนแปลงไป ทาให้พนักงานสอบสวน แต่ละคน ต้องขวนขวายหาความรู้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนท่ีมารับหน้าที่ใหม่ อาจมีความรู้ไม่เพียงพอ ขาดประสบการณ์ในการทางาน ซ่ึงมีผลต่อการทาสานวน การสอบสวน อาจไม่ครอบคลุมทุกประเด็น ส่งผลให้เกิดความเครียดเม่ือเจอปัญหาจากการทาสานวนการสอบสวน โดยในที่สดุ ทาใหท้ าการสอบสวนเสร็จไมท่ นั ตามกาหนด ๘) ขาดกลไกในการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน และขาดการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนทราบถึงขั้นตอนการทางานของพนักงานสอบสวน ตั้งแต่การรับแจ้งความ การทาสานวน การแจ้ง ความคืบหน้าทางคดีให้ผู้เสียหายทราบ ตลอดจนการรับคาขอตาม พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและคา่ ใช้จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ตามนัยหนังสือ ตร. ด่วนทส่ี ุด ที่ ๐๐๑๑.๒๔/ ๘๑๗ ลงวันท่ี ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เรื่อง “แนวทางปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔” ซ่ึงจาเป็นต้องมีการทบทวน ปรับปรงุ แก้ไข ระเบยี บและคาสั่งที่เก่ียวข้อง เพื่อให้ผเู้ สียหายสามารถเขา้ ถงึ ข้อมูล ข่าวสารและไดร้ บั ความชว่ ยเหลือไดอ้ ยา่ งครบถว้ น ๒. วิธีการปฏริ ูป จากสภาพและสาเหตุของปัญหาดังกล่าวแล้ว จึงจาเป็นต้องปรับปรุงระบบงานบริการประชาชน ในการรับแจ้งความและสอบสวน ด้วยการแก้ไข ปรับปรุงระเบียบท่ีเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน ปรับระบบ การทางานให้งานสืบสวนและสอบสวนสามารถทางานควบคู่กันไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยจัดให้ทางานอ ยู่ ในชุดเดียวกัน การทบทวนแนวทางการสร้างความก้าวหน้าในสายงานสอบสวน มีการพัฒนาให้พนักงาน สอบสวนมีความเป็นมืออาชีพ มีขวัญกาลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ ในการเพิ่มประสทิ ธิภาพในการทางานและการให้บริการประชาชน เป็นต้น ซง่ึ แนวทางดังกล่าวจะส่งผลให้การ อานวยความยุติธรรมแก่ประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรมอย่างแท้จริง โดยมีรายละเอยี ด ดังนี้ ๑. ปรับระบบการเข้าเวรของพนักงานสอบสวน(เวร) ประจาสถานีตารวจ จากเดิมเข้าเวรเดี่ยว เปน็ เขา้ เวรเปน็ ชุดพนกั งานสอบสวนแบบบูรณาการ จากสาเหตุของปัญหาท่ีเกิดจากการแยกงานสืบสวนสอบสวนออกจากกันและการจัดพนักงาน สอบสวนเข้าเวรแต่เพียงลาพัง (เวรเด่ียว) ดังกล่าวน้ัน แนวทางในการแก้ไขปัญหาท่ีสามารถดาเนินการได้ คือ การจัดให้พนักงานสอบสวนเข้าเวรเป็นชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการ ซึ่งในทีมงานจะประกอบไปด้วย พนักงานสอบสวนหัวหน้าชุด พนักงานสอบสวนลูกทีม ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน ฝ่ายสืบสวน ฝ่ายนิติ วิทยาศาสตร์ ฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายธุรการ เป็นต้น โดยท้ังหมดจะเป็นทีมงานเข้าเวรรับผิดชอบคดี ที่เกดิ ข้นึ ในแต่ละผลดั รว่ มกันท้งั ทีม จะตอ้ งรับผดิ ชอบในการระงบั เหตุเบอ้ื งต้นเม่อื รบั แจ้งเหตุ ตอ้ งออกไปตรวจ สถานท่ีเกิดเหตุ สืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐาน สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ติดตามจับกุม ผตู้ ้องหาตามหมายจับในคดีที่รับผิดชอบและติดตามความคืบหน้าผลของคดีทส่ี ่งสานวนให้อยั การพจิ ารณาแล้ว ซึ่งรปู แบบการแบ่งมอบงานเป็นทีมงานนั้น เปน็ ระบบที่ใช้งานได้ผลดี และสานักงานตารวจแห่งชาติได้ใชร้ ะบบ น้ีมานานแล้วเม่ือเกิดคดีสาคัญ ๆ เป็นท่ีน่าสนใจของประชาชน เช่น คดีระเบิดท่ีบริเวณแยกราชประสงค์ คดีเกาะเต่า ฯลฯ จึงสมควรจาลองระบบนี้มาใช้ในสถานีตารวจเพ่ือให้การดาเนินการสืบสวน สอบสวน ระงับ เหตุ และตดิ ตามจบั กุมมปี ระสทิ ธิภาพมากยิ่งข้นึ ทั้งนี้ การจัดทมี ของแตล่ ะสถานตี ารวจสามารถออ่ นตวั ปรบั ไป ตามสภาพปริมาณงาน ปรมิ าณกาลังพลของแตล่ ะสถานตี ารวจได้
-๖- อนึ่ง ปัจจุบัน สถานีตารวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ได้นาระบบการจัดชุดพนักงานสอบสวน ไปทดลองใช้แล้ว โดยสานักงานตารวจแห่งชาติได้มีการวิจัยและประเมินผลการดาเนินการดังกล่าวร่วมกับ คณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปรากฏตาม รายงานการวิจัย เร่ือง “ความเช่ือม่ันของผู้เสียหายท่ีมีต่อการปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวนประจาปีบัญชี ๒๕๕๗” โดยการ สารวจข้อมูลจากประชาชนที่ได้รับบริการจากพนักงานสอบสวน(เวร) ประจาสถานีตารวจ พบว่า สถานีตารวจภูธร เมืองนครสวรรค์ ได้รับความพึงพอใจและเชอื่ มนั่ สูงทสี่ ุด คอื มคี วามพึงพอใจคิดเป็นรอ้ ยละ ๙๐.๓ ท้ังนี้ รายละเอียดการปฏิบัติในการจัดเวรสอบสวนเป็นชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการ ตามแนวทางของสถานตี ารวจภูธรเมืองนครสวรรค์ เป็นไปตามเอกสาร (ภาคผนวก ก) ๒. ทบทวน แก้ไข ปรับปรุง กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศและคาส่ังท่ีเก่ียวข้องกับ งานสอบสวน เน่ืองจากปจั จุบันพบว่า กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศและคาสั่งท่ีเก่ียวข้องกับงานสอบสวน มีอยู่จานวนมาก และบางฉบับมีการประกาศใช้มาเป็นระยะเวลานาน ไม่สามารถนาไปปรับใช้ให้สอดคล้อง กับสภาพความเป็นจริงท่ีเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเห็นควรต้องทบทวน แก้ไขปรับปรุง ให้เป็นปัจจุบัน ง่ายต่อการค้นคว้าและใช้งานเพ่ือความสะดวกและความชัดเจนในการปฏิบัติงานของพนักงาน สอบสวน ๓. ทบทวนและปรับปรุง ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนการสอบสวน คดีอาญา พ.ศ. ๒๕๓๔ เนื่องจากปัจจุบัน การเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนการสอบสวนคดีอาญาตามระเบียบดังกล่าว ยังไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง อีกท้ังบังคับใช้มาเป็นระยะเวลานานแล้ว กล่าวได้ว่า อัตราการ จา่ ยเงนิ ค่าตอบแทนการสอบสวนคดีอาญาไม่เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน จงึ เห็นควรให้มีการทบทวน ปรับปรุงระเบียบดังกล่าวเพื่อสร้างขวัญกาลังใจให้กับพนักงานสอบสวนและสามารถทาการสอบสวนคดีอาญา ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ๔. ทบทวนและปรับปรุง ระเบียบ ก.ตร. ว่าด้วยเงินเพ่ิมเป็นกรณีพิเศษสาหรับตาแหน่ง พนักงานสอบสวน พ.ศ. ๒๕๕๓ ปัจจุบัน เงินเพ่ิมเป็นกรณีพิเศษสาหรับตาแหน่งพนักงานสอบสวน เมื่อเปรียบเทียบกับพนักงาน สอบสวนคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่ายังมีความแตกต่างกัน จึงเห็นควรปรับเพิ่มเงินดังกล่าว ให้พนกั งานสอบสวน สานักงานตารวจแห่งชาติ สามารถดารงตนอยใู่ นความยุตธิ รรมไดอ้ ยา่ งมีเกียรติ ๕. ทบทวนหลักเกณฑ์ในการกาหนดเส้นทางความก้าวหน้าในสายงานสอบสวนให้เติบโต ตามความเหมาะสมกบั ลกั ษณะงานที่มคี วามเป็น “วชิ าชีพ” ปจั จุบนั พนักงานสอบสวนส่วนใหญ่มีทัศนคติตอ่ ตนเองว่าถูกปิดกั้นความเจรญิ ก้าวหน้าในหน้าที่ การงานจากผู้บังคับบัญชา อีกท้ังสานักงานตารวจแห่งชาติไม่ได้กาหนดเส้นทางการเจริญเติบโตในสายงาน สอบสวนให้มีความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม ท่ีจะทาให้พนักงานสอบสวนเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจ ว่าจะมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน จึงทาให้พนักงานสอบสวนพยายามที่จะเล่ียงงานสอบสวน และขอย้ายไป ดารงตาแหน่งในสายงานอื่นแทน เพราะเห็นว่าสายงานอ่ืน ๆ มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่า จึงเห็นสมควรต้องทบทวนหลักเกณฑ์ในการกาหนดเส้นทางความก้าวหน้าในสายงานสอบสวนให้เหมาะสม กบั ลักษณะงานท่มี คี วามเปน็ “วิชาชีพ”และได้รับความเป็นธรรมเชน่ เดยี วกนั กับเจา้ หนา้ ที่ตารวจสายงานอ่ืน ๆ ๖. จัดทาแผนพัฒนาบุคคลให้มีการพัฒนาความรู้อย่างต่อเน่ืองและทันต่อการเปลี่ยนแปลง ของกฎหมาย ท่ีเกย่ี วข้องกับกระบวนการยตุ ธิ รรม
-๗- การท่ี พ นัก งาน สอ บ สวน ได้รับ ก ารพั ฒ น าค วามรู้อย่างต่ อเน่ื องแ ล ะทัน ต่ อการเป ลี่ยน แป ล ง ของกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับกระบวนการยุติธรรม จะทาให้พนักงานสอบสวนสามารถอานวยความยุติธรรม ให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงจาเป็นต้องจัดสรรงบประมาณและจัดทาแผนการ พัฒนาบคุ คลอยา่ งต่อเนื่อง ๗. ขยายงานนิติวิทยาศาสตร์และนิติเวชศาสตร์ เพ่ือสนับสนุนงานสอบสวนให้ครอบคลุม ทั่วประเทศและเพยี งพอกับปริมาณงานทเ่ี พมิ่ มากขน้ึ งานนิติวิทยาศาสตร์ เป็นงานท่ีมีความสาคัญต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ที่สนับสนุน การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยปฏิบัติพื้นที่ของสานักงานตารวจแห่งชาติ มีหน้าที่เกี่ยวกับกา รตรวจพิสูจน์ หลักฐานการตรวจสถานที่เกิดเหตุ งานตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล งานตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันระบบงานนิติวิทยาศาสตร์มีเทคโนโลยี และองค์ความรู้เพียงพอที่จะใช้เป็นหลักฐาน ยืนยันทางวิทยาศาสตร์ในกระบวนการยุติธรรมได้ เพียงแต่สมควรได้รับการขยายหน่วยงานไปยังพ้ืนที่ ในภูมิภาคให้เพยี งพอและครอบคลุมทุกพื้นที่ เพอื่ สามารถสนับสนนุ หนว่ ยปฏบิ ัตไิ ด้อยา่ งรวดเร็วมากย่ิงขึน้ ๘. นาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสถานีตารวจ สานักงานตารวจแห่งชาติ เรียกว่า ระบบ “CRIMES” (Criminal Record Information Management Enterprise System) แ ล ะ อุ ป ก ร ณ์ อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราว (Electronic Monitoring : EM) มาใช้ในการปฏิบัติงาน สอบสวนและให้บริการประชาชน เพ่ือให้เกิดความรวดเร็ว ต่อเน่ือง เป็นธรรม ตรวจสอบได้และครอบคลุม อย่ใู นทกุ สถานีตารวจทว่ั ประเทศ โดยการวางระบบจัดต้งั “โรงพกั อเิ ลก็ ทรอนิกส์” ๙. จัดให้มีการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในช้ันสอบสวน โดยนาแนวคิด “กระบวนการยุติธรรม เชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice)” มาใช้เพื่อประโยชน์ของกลุ่มผู้ท่ีได้รับผลกระทบโดยตรง คือ เหยือ่ อาชญากรรม ผ้กู ระทาผิดและชมุ ชน ตามแนวทางการปฏิรูปกิจการตารวจดังกล่าวข้างต้น คณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปกิจการตารวจ พิจารณาแล้วเห็นว่าท้ัง ๙ เรื่อง จาเป็นต้องดาเนินการขับเคลื่อนควบคู่กันไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจาก มคี วามสัมพันธ์และเช่อื มโยงกันทุกเรอื่ ง แนวทางการแกไ้ ขปัญหา คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม พิจารณา แลว้ เห็นว่า แนวทางการปฏิรูป “ระบบงานบรกิ ารประชาชนในการรับแจ้งความและสอบสวน” นั้น สามารถ ดาเนินการได้โดยทันทีและไม่กระทบกับภาระงบประมาณ กล่าวคือ ปรับระบบการเข้าเวรของพนักงาน สอบสวน(เวร) ประจาสถานีตารวจ จากเดิมเข้าเวรเดี่ยวเป็นเข้าเวรเป็นชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการ ตามวิธีการปฏิรูป ข้อ ๑. และการทบทวน แก้ไข ปรับปรุง กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศและคาส่ัง ท่ีเก่ียวข้องกับงานสอบสวน ตามวิธีการปฏิรูป ข้อ ๒. ทั้งน้ี วิธีการปฏิรูปในเรื่องดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับ แผนการพัฒนาระบบงานสอบสวนคดีอาญาของสานักงานตารวจแห่งชาติ ตาม “คาส่ัง ตร.ที่ ๖๒๘/๒๕๕๘ ลงวนั ท่ี ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เร่ือง แต่งต้ังคณะทางานพัฒนาระบบงานสอบสวนคดอี าญา” และ “คาส่ัง คณะทางานพัฒนาระบบงานสอบสวนคดีอาญา ที่ ๑/๒๕๕๙ ลงวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๕๙ เรื่อง แต่งต้ังคณะทางานย่อยด้านระบบการทางานบนสถานีตารวจ” เพื่อดาเนินการในเร่ืองน้ีด้วยแล้ว ท้ังน้ี คณะกรรมาธิการขบั เคลื่อนการปฏริ ูปประเทศดา้ นกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจะได้ร่วมดาเนินการ กับสานักงานตารวจแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพ่ือให้สามารถขับเคล่ือนแผนการปฏิรูประบบงานบริการประชาชน ในการรับแจ้งความและสอบสวนใหส้ าเรจ็ ลลุ ว่ งอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป
-๘- ขัน้ ตอนและวิธีการขับเคลื่อน เพ่ือให้มีการเปล่ียนแปลงระบบการเข้าเวรของพนักงานสอบสวน (เวร) ประจาสถานตี ารวจ นัน้ มดี งั นี้ (๑) จัดทาหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการให้มีความ เหมาะสมกับปริมาณงานที่จะต้องรับผิดชอบ ซ่ึงในแต่ละชุดจะต้องประกอบด้วยฝ่ายสอบสวน ฝ่ายสืบสวน ฝา่ ยปอ้ งกนั ปราบปราม ฝา่ ยธุรการ ฝ่ายจราจรและฝา่ ยนิติวทิ ยาศาสตร์ เปน็ ต้น (๒) ให้แต่ละกองบัญชาการรับผิดชอบสารวจข้อมูลสถิติคดีของแต่ละสถานีตารวจ และคานวณ ความตอ้ งการอัตรากาลังพลท่เี หมาะสมกบั ปริมาณงานของแตล่ ะสถานีตารวจตามเกณฑ์ท่ี ตร.กาหนด (๓) ให้แต่ละกองบัญชาการปรับเกลี่ยกาลังพลภายในหน่วยของตนเอง จัดสรรให้แต่ละสถานี ตารวจตามความต้องการอัตรากาลังพลของแต่ละสถานี กรณีมีกาลังพลเกินกว่าปริมาณงานให้ส่งยอดคืน ตร. ส่วนกรณีมีกาลังพลไม่เพียงพอ ให้ร้องขอสนับสนุนจาก ตร. (๔) จัดสถานท่ี ในส่วนของห้องรับแจ้งความใหม้ ีความเหมาะสม สะดวกต่อประชาชนและต่อการ ทางานของชุดพนักงานสอบสวนแบบบรู ณาการ (๕) จัดทาแนวทางและวธิ ีปฏิบัติงานแบบบรู ณาการเพอื่ ใหเ้ กิดความเข้าใจรว่ มกันในการทางาน (๖) ประชุมสัมมนา“ปรับเปลี่ยนทัศนคติ”เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจในการทางาน เพ่ือร่วมกันขจัดปัญหาความไมพ่ ึงพอใจของประชาชน (๗) กาหนดตวั ชวี้ ัดและเกณฑก์ ารประเมินผลอย่างเป็นรูปธรรม ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับ ๑. ประชาชนเกิดความเชื่อม่ันในการทางานของพนักงานสอบสวนว่าจะทาการสอบสวน สอบปากคาได้อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมและเป็นกลาง และได้รับการบริการในการอานวยความยุติธรรมทางอาญา ในเบอ้ื งตน้ อยา่ งเสมอภาค รวดเรว็ ต่อเนอื่ งและเป็นธรรม ๒. ผู้เสียหายได้พบกับพนักงานสอบสวนหัวหน้าชุด ซึ่งเป็นผู้ท่ีมีประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ ส่งผลให้สามารถดาเนินการสอบสวนได้อย่างเป็นข้ันตอน ครบถ้วน เม่ือเดินทางมาติดตามเรื่อง หรือคดี สามารถปรึกษา ให้ข้อเสนอแนะ หรือเสนอข้อมูล,ประเด็นต่อหัวหน้าชุดสอบสวน หรือพนักงาน สอบสวนซง่ึ ทาการสอบสวนรว่ มได้ เน่อื งจากทราบขอ้ มลู หรือประเดน็ ของสานวนการสอบสวนเช่นเดยี วกัน ๓. พนกั งานสอบสวนรับผิดชอบคดีทางานในลักษณะเป็นทีม ทาให้การร้องทกุ ขด์ าเนินคดีเป็นไป อย่างครบถ้วน มีระบบและถูกข้อหา กรณีมีพนักงานสอบสวนหลายคน หัวหน้าชุดสามารถส่ังมอบหมาย ใหพ้ นกั งานสอบสวนแต่ละคนแยกทางานได้ และสามารถแยกการใหบ้ ริการต่อผู้เสียหายในแต่ละคดีได้พรอ้ ม ๆ กันหลายคดี สง่ ผลให้ผู้เสียหายหรอื พยานไม่เสียเวลานาน ๔. การพิจารณาสานวนการสอบสวนทาเป็นทีม มีการปรึกษาหารือกัน ส่งผลให้มีความรัดกุม ย่ิงขึ้น พนักงานสอบสวนมีการตัดสินใจที่ดี ภายใต้ความเห็นชอบร่วมกันในทีม อีกทั้งการสอบสวนร่วมกัน หลายคน ทาให้เกิดความโปร่งใส รวดเรว็ ตอ่ เนื่องและเปน็ ธรรม ๕. พนักงานสอบสวนหัวหน้าชุด สามารถบริหารมอบหมายการทาสานวนการสอบสวน ให้กับลูกชุดของตนไปดาเนินการอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้สามารถทาสานวนการสอบสวนเสร็จสิ้นตามกาหนด มีระบบตรวจสอบการทาสานวนการสอบสวนให้เป็นไปตามระเบียบ แม้ว่าพนักงานสอบสวนท่ีรับผิดชอบคดี ย้ายไปดารงตาแหน่งใหม่ พนักงานสอบสวนหัวหน้าชุดหรือพนักงานสอบสวนร่วม สามารถทาสานวน การสอบสวนต่อไปได้ ๖. พนักงานสอบสวนมีท่ีปรึกษาในการทางาน มีพนักงานสอบสวนท่ีมีประสบการณ์ถ่ายทอด การทาสานวนการสอบสวนได้อย่างถูกต้อง และทาให้พนักงานสอบสวนไม่รู้สึกเครียด เนื่องจากมีท่ีปรึกษา ในการทางานหลาย ๆ ดา้ น
-๙- ๓. กาหนดเวลาการปฏิรปู ระยะเวลาดาเนนิ การแล้วเสรจ็ ภายใน ๖ เดอื น ๔. แหลง่ ทม่ี าของงบประมาณ สานักงานตารวจแห่งชาติ กระทรวงการคลงั และหนว่ ยงานท่ีเกยี่ วข้อง ๕. หนว่ ยงานที่รบั ผดิ ชอบ สานักงานตารวจแหง่ ชาติ กระทรวงการคลังและหนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวขอ้ ง
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก การจัดชดุ พนกั งานสอบสวน (แบบบูรณาการ) ตามแนวทางที่ไดป้ ฏิบตั ิ ในสถานตี ารวจภธู รเมอื งนครสวรรค์
- ๑๒ - การจดั ชุดพนักงานสอบสวน ตามแนวทางที่ไดป้ ฏิบัตใิ นสถานีตารวจภธู รเมืองนครสวรรค์ ___________________ ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ได้ริเร่ิมดำเนินโครงกำรพัฒนำงำนด้ำนกำรอำนวยควำมยุติธรรม มุ่งเน้นไปที่กำรให้บริกำรประชำชนของพนักงำนสอบสวนผู้ทำหน้ำที่พนักงำนสอบสวน(เวร) ให้สำมำรถดูแล ประชำชนได้อย่ำงรวดเร็ว และเป็นธรรม โดยให้สถำนีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ เป็นสถำนีตำรวจต้นแบบ ในกำรดำเนินกำรจัดระบบกำรทำงำนของพนักงำนสอบสวน จำกเดิมท่ีพนักงำนสอบสวนต้อง เข้ำเวร และดำเนินกำรเพียงคนเดียว ปรับเปล่ียนเป็นกำรทำหน้ำที่เป็นทีม โดยจัดเป็น “ชุดพนักงำนสอบสวนแบบ บูรณำกำร” ๑. ทม่ี าของโครงการ ๑.๑ ปัจจัยภำยนอก เกิดจำกกระแสสังคมต่อควำมเช่ือมั่นในกำรทำงำนของพนักงำนสอบสวน จนนำไปสู่ควำมพยำยำมในกำรปฏิรูปโครงสร้ำงตำรวจ ตัดโอนงำนสอบสวนออกไปจำกสำนักงำนตำรวจ แหง่ ชำติ ๑.๒ ปัจจัยภำยใน เกิดจำกจำนวนพนักงำนสอบสวนที่ปฏิบัติหน้ำท่ีประจำแต่ละสถำนีมีไม่เพียงพอ ต่อประชำชนท่ีมำร้องทุกข์ มีปัญหำกำรร้องเรียนเก่ียวกับกำรทำงำนของพนักงำนสอบสวน และพนักงำน สอบสวนบำงคนยังขำดควำมรู้ ควำมสำมำรถ และประสบกำรณใ์ นกำรทำงำน ๒. เปา้ หมาย ๒.๑ สรำ้ งควำมเช่อื มั่นใหแ้ ก่ประชำชน ๒.๒ อำนวยควำมสะดวกดว้ ยสำนึกในหนำ้ ท่ี มคี วำมบรสิ ทุ ธ์ยิ ุตธิ รรม ๒.๓ สรำ้ งเสรมิ กำรทำงำนเป็นทีม โดยจดั ชดุ พนักงำนสอบสวนแบบบรู ณำกำร ๒.๔ ยกฐำนะพนักงำนสอบสวนให้เป็น “นักบริหำรงำนสืบสวนสอบสวน” โดยมีกำรบูรณำกำร ระหว่ำงหน่วยงำนภำยในสถำนีตำรวจ ๒.๕ ดำเนนิ กำรบริกำรประชำชนให้เกดิ ควำมพงึ พอใจ ๓. สภาพปัญหา ๓.๑ มติ ิดำ้ นประชำชน ๑) ต้องคอยพนักงำนสอบสวนเวรเป็นเวลำนำน เน่ืองจำกพนักงำนสอบสวนติดคดีกับ ผเู้ สียหำยคนก่อนหน้ำ ตำมลำดบั หรือพนักงำนสอบสวน(เวร) ออกไปตรวจสถำนทเ่ี กิดเหตุ ๒) หำกจะทำกำรปรึกษำกฎหมำยเก่ยี วกบั คดีต่อพนักงำนสอบสวนทร่ี ับแจ้งแล้วไม่สำมำรถ ติดต่อได้ และพนักงำนสอบสวนคนอ่ืนก็ไม่สำมำรถดำเนินกำรแทนได้ เพรำะไม่ทรำบข้อมูลในสำนวน กำรสอบสวน ๓) พนักงำนสอบสวน(เวร) อำจไม่เข้ำใจรำยละเอียดแห่งคดี และข้อกฎหมำย ส่งผลให้กำร ดำเนนิ คดีกบั ผตู้ ้องหำไมค่ รบถ้วน หรอื ผิดขอ้ หำ
- ๑๓ - ๓.๒ มิตดิ ำ้ นระบบงำนสอบสวน ๑) พนักงำนสอบสวนผู้ปฏิบัติหน้ำที่(เวร) สอบสวนมีน้อย ไม่เพียงพอต่อกำรให้บริกำร ประชำชน โดยสำมำรถดแู ลประชำชนได้ครง้ั ละ ๑ คน ๒) กำรสอบสวนรวบรวมพยำนหลกั ฐำนทำไดช้ ้ำ ไมล่ ะเอยี ดรอบคอบ ๓) กำรทำสำนวนกำรสอบสวนเพียงลำพังอำจก่อให้เกิดกำรทุจริต หรือควำมลำเอียงในกำรทำ สำนวนได้ ๔) พนักงำนสอบสวนไม่มีเวลำสะสำงสำนวนกำรสอบสวนได้ทันตำมกำหนด ส่งผลให้เกิด สำนวนค้ำง เนอ่ื งจำกไม่สำมำรถบรหิ ำรกำรทำสำนวนกำรสอบสวนตำมลำดับก่อนหลงั ได้ ๕) พนักงำนสอบสวนคมุ ระบบกำรทำสำนวนกำรสอบสวนเอง ๖) ปัญหำในกำรทำสำนวนกำรสอบสวนของพนกั งำนสอบสวนทมี่ ำชว่ ยรำชกำร หรอื ยำ้ ยไป รับรำชกำรทีอ่ นื่ ไม่มผี ดู้ ำเนินกำรตอ่ หรือดำเนนิ กำรตอ่ ยำก เนอื่ งจำกไมท่ รำบประเด็น ๓.๓ มิตดิ ้ำนพนกั งำนสอบสวน ๑) พนักงำนสอบสวนท่ีมำรับหน้ำท่ีใหม่อำจมีควำมรู้ไม่เพียงพอ และขำดประสบกำรณ์ ในกำรทำงำน ซง่ึ มผี ลต่อกำรทำสำนวนกำรสอบสวน ประเดน็ อำจไม่ครอบคลุม ๒) กำรที่พนักงำนสอบสวนทำงำนเพียงลำพังทำให้ขำดท่ีปรึกษำในกำรทำงำน ซ่ึงมีผลต่อ กำรตดั สนิ ใจในกำรส่ังกำรว่ำในแต่ละคดคี วรดำเนินกำรอยำ่ งไร ๓) ขณะปฏิบัติหน้ำท่ีพนักงำนสอบสวน(เวร) จะต้องทำกำรสอบสวนปำกคำในคดีหน่ึง ซง่ึ ในขณะเดียวกนั อำจมีคดเี กดิ ซอ้ น และตอ้ งออกไปตรวจสถำนท่เี กิดเหตุ ทำให้ผเู้ สยี หำยตอ้ งเสียเวลำนำน ๔) พนักงำนสอบสวนเกิดควำมเครียดเม่ือเจอปัญหำจำกกำรทำสำนวนกำรสอบสวนท่ีไม่รู้ ว่ำจะต้องทำอย่ำงไร หรอื ทำสำนวนกำรสอบสวนไมท่ นั ๕) พนักงำนสอบสวนไม่มีเวลำไปสืบสวนนอกเวลำ และไม่มีฝ่ำยสืบสวนช่วยในกำรติดตำม จบั กมุ เม่อื ประสำนฝำ่ ยสบื สวนไปแลว้ กลบั ไมไ่ ดร้ บั ควำมรว่ มมอื เท่ำท่คี วร ๓.๔ มติ ดิ ำ้ นสำธำรณชน ๑) เกิดควำมคลำงแคลงใจ และควำมเช่อื ม่ันในกำรทำงำนของพนักงำนสอบสวน ๒) กำรให้บริกำรในกำรอำนวยควำมยุติธรรม ประชำชนคำดหวังมำกว่ำพนักงำนสอบสวน ผู้รบั ผิดชอบคดีจะสำมำรถอำนวยควำมยตุ ธิ รรมใหต้ นเองไดห้ รือไม่ ๔. ผลทีไ่ ดร้ บั ๔.๑ มิติด้ำนประชำชน ๑) ผู้เสียหำยได้พบกับหัวหน้ำชุดพนักงำนสอบสวน ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบกำรณ์ มีควำมรู้ ควำมสำมำรถ สำมำรถดำเนนิ กำรสอบสวนได้อยำ่ งเป็นข้ันตอน ครบถว้ น โดยไม่ต้องรอพนักงำนสอบสวน(เวร) ซงึ่ ยังตดิ ภำระในคดอี น่ื ๒) เม่ือเดินทำงมำติดตำมเร่ืองคดี สำมำรถปรึกษำ ให้ข้อเสนอแนะ หรือเสนอประเด็น ต่อหัวหน้ำชุดสอบสวน หรือพนักงำนสอบสวนซ่ึงทำกำรสอบสวนร่วมได้ เน่ืองจำกทรำบข้อมูลหรือประเด็น ของสำนวนกำรสอบสวนเช่นเดยี วกัน ๓) พนักงำนสอบสวนรับผิดชอบคดีทำงำนในลักษณะเป็นทีม ทำให้กำรร้องทุกข์ดำเนินคดี เปน็ ไปอยำ่ งครบถ้วน มรี ะบบและถกู ขอ้ หำ
- ๑๔ - ๔.๒ มติ ิดำ้ นระบบงำนสอบสวน ๑) พนักงำนสอบสวนปฏิบัติหน้ำท่ีเป็นทีม มีพนักงำนสอบสวนหลำยคน ซึ่งหัวหน้ำชุด สำมำรถส่ังมอบหมำยให้พนกั งำนสอบสวนแต่ละคนแยกทำงำนได้ ๒) กำรพิจำรณำสำนวนกำรสอบสวนทำเปน็ ทีม มกี ำรปรึกษำหำรือกัน ส่งผลใหม้ คี วำมรัดกมุ ยง่ิ ข้นึ ๓) กำรสอบสวนร่วมกันโดยสอบสวนหลำยคน ทำให้เกิดควำมโปร่งใส รวดเร็ว ต่อเนื่อง และเปน็ ธรรม ๔) หัวหน้ำพนักงำนสอบสวนบริหำรมอบหมำยกำรทำสำนวนกำรสอบสวนให้กับลูกชุด ของตนไปดำเนนิ กำรอย่ำงเปน็ ระบบ ส่งผลใหส้ ำมำรถทำสำนวนกำรสอบสวนเสร็จส้ินตำมกำหนด ๕) มรี ะบบตรวจสอบกำรทำสำนวนกำรสอบสวนใหเ้ ป็นไปตำมระเบียบ ๖) หัวหน้ำทีมพนักงำนสอบสวนหรือพนักงำนสอบสวนร่วม สำมำรถทำสำนวนกำรสอบสวน ตอ่ ไปได้ แม้วำ่ พนกั งำนสอบสวนที่รบั ผดิ ชอบคดีย้ำยไปดำรงตำแหน่งใหม่ ๔.๓ มติ ิดำ้ นพนักงำนสอบสวน ๑) พนักงำนสอบสวนมีที่ปรึกษำในกำรทำงำน มีพนักงำนสอบสวนท่ีมีประสบกำรณ์ ถำ่ ยทอดกำรทำสำนวนกำรสอบสวนไดอ้ ยำ่ งถูกต้อง ๒) จำกกำรทำงำนเป็นทีม ส่งผลให้สำมำรถปรึกษำกำรดำเนินกำรในแต่ละคดี พนักงำน สอบสวนมกี ำรตดั สนิ ใจทด่ี ี ภำยใตค้ วำมเห็นชอบร่วมกนั ในทมี ๓) พนักงำนสอบสวนสำมำรถแยกกำรใหบ้ ริกำรต่อผเู้ สยี หำยในแต่ละคดีได้พร้อม ๆ กันหลำยคดี ส่งผลใหผ้ ู้เสยี หำยหรอื พยำนไมเ่ สยี เวลำคอยนำน ๔) พนกั งำนสอบสวนไมเ่ ครยี ด เนื่องจำกมที ีป่ รกึ ษำในกำรทำงำนหลำย ๆ ดำ้ น ๔.๔ มติ ดิ ้ำนสำธำรณชน ๑) เกิดควำมเช่ือม่ันในกำรทำงำนของพนักงำนสอบสวนว่ำจะทำกำรสอบสวนปำกคำ ได้อย่ำงบรสิ ุทธย์ิ ตุ ิธรรมและเปน็ กลำง ๒) ประชำชนจะไดร้ บั กำรบริกำรในกำรอำนวยควำมยตุ ิธรรมได้เปน็ อยำ่ งดี ๕. วธิ กี ารดาเนนิ การ กำรจัดระบบกำรทำงำนของพนักงำนสอบสวน จำกเดิมที่พนักงำนสอบสวนต้องเข้ำเวร และดำเนินกำรเพียงคนเดียว ปรับเปลี่ยนเป็นกำรทำหน้ำที่เป็นทีมโดยจัดเป็นชุดพนักงำนสอบสวน สำมำรถแบง่ กำรดำเนนิ กำรออกเป็น ๓ ดำ้ น ดังนี้ ๕.๑ ดำ้ นระบบงำนสอบสวน ๕.๑.๑ ร่วมกันวิเครำะห์หำค่ำเฉล่ียของจำนวนคดีที่เหมำะสมระหว่ำงจำนวนพนักงำน สอบสวนและคดีที่เกิดข้ึนในเขตพ้ืนที่รับผิดชอบของตนเอง เพื่อหำจำนวนพนักงำนสอบสวนท่ีเหมำะสมท่ีควร จะมใี นกำรปฏิบัตหิ นำ้ ที่ ๕.๑.๒ จัดพนักงำนสอบสวนที่ปฏิบัติหน้ำที่ออกเป็นทีม โดยให้พนักงำนสอบสวนอำวุโส (ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้ชำนำญกำรพิเศษ) ซึ่งทำหน้ำที่หัวหน้ำงำนสอบสวนยังคงทำหน้ำที่หัวหน้ำงำนสอบสวน เช่นเดิม ๕.๑.๓ แบ่งพนักงำนสอบสวน (ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้ชำนำญกำรพิเศษ) ท่ียังเหลืออยู่ ตำมลำดับอำวุโส ออกเป็นทีมพนักงำนสอบสวน จำนวน ๕ ทีม ให้ทำหน้ำท่ีเป็นหัวหน้ำทีมพนักงำนสอบสวน แล้วปรับเกลี่ยพนักงำนสอบสวนทั้งหมดเพ่ือปฏิบัติหน้ำท่ีประจำชุดพนักงำนสอบสวนให้เพียงพอต่อกำร ปฏิบัติงำน
- ๑๕ - ๕.๑.๔ กำหนดรูปแบบกำรทำงำนโดยให้พนักงำนสอบสวนหัวหน้ำทีม ทำหน้ำท่ีรับแจ้งเหตุ เป็นลำดับแรก และพิจำรณำรำยละเอียดแห่งคดี จำกน้ันทำกำรส่งมอบกำรทำคดีดังกล่ำวให้กับพนักงำน สอบสวนภำยในชุดเพ่ือดำเนินกำรต่อ โดยพิจำรณำตำมศักยภำพและควำมรู้ควำมสำมำรถในกำรทำคดีน้ัน ๆ หำกในระหว่ำงน้ันมีคดีเกิดขึ้นใหม่ หรือมีคดีอื่น ๆ เกิดซ้อนข้ึนมำ พนักงำนสอบสวนหัวหน้ำชุดจะพิจำรณำ มอบหมำยใหพ้ นักงำนสอบสวนภำยในชุดลำดับถดั ไปเปน็ ผดู้ ำเนนิ กำรในกำรสอบสวน ๕.๒ ด้ำนอำคำรสถำนที่ ๕.๒.๑ ปรับปรุงห้องกำรบริกำรแบบเบ็ดเสรจ็ (ONE STOP SERVICE) ให้มีควำมเหมำะสม มำกย่ิงขึน้ ๕.๒.๒ ปรับปรุงห้องทำงำนให้เหมำะสมกับกำรทำงำนเป็นทีม ได้แก่ กำรจัดโต๊ะทำงำน ของพนักงำนสอบสวนหัวหน้ำทีมไว้ภำยในห้องกำรบริกำรแบบเบ็ดเสร็จ และจัดห้องพนักงำนสอบสวน แยก สำหรับพนกั งำนสอบสวนลกู ทีม สำหรบั ทำกำรสอบสวนแยกออกเปน็ หอ้ ง ๆ เป็นอสิ ระจำกกนั ๕.๓ ด้ำนส่วนสนับสนนุ ๕.๓.๑ เตรียมควำมพร้อมด้ำนบุคลำกรท่ีจะให้กำรสนับสนุนกำรทำงำนของพนักงำน สอบสวน ประกอบดว้ ย - บคุ ลำกรภำยในสำยงำนสอบสวน ได้แก่ เจำ้ หน้ำทเี่ สมยี นคดี เจำ้ หนำ้ ท่ปี ระจำวัน เจ้ำหน้ำท่ีเปรียบเทียบปรับ เจ้ำหน้ำที่พิมพ์มือ ผู้ช่วยพนักงำนสอบสวนและพลขับประจำชุดรถพนักงำนสอบสวน (เวร) - บุคลำกรภำยนอกสำยงำนสอบสวน ไดแ้ ก่ เจำ้ หนำ้ ทต่ี ำรวจฝ่ำยสืบสวน เจ้ำหน้ำที่ ตำรวจสำยตรวจ เจ้ำหนำ้ ทีต่ ำรวจจรำจร ให้พรอ้ มปฏิบตั หิ น้ำท่รี ว่ มกบั พนักงำนสอบสวนเวรได้ตลอดเวลำ ๕.๓.๒ เตรียมควำมพร้อมด้ำนยำนพำหนะ และวัสดุอปุ กรณ์ทีจ่ ำเป็นของพนักงำนสอบสวน (เวร) ใหม้ ีควำมพรอ้ มในกำรทำงำน ๖. แนวทางการทางาน ๖.๑ เมื่อถึงกำหนดเวลำกำรปฏิบัติหน้ำท่ีเวร พนักงำนสอบสวนหัวหน้ำชุดจะทำกำรประชุม เพอ่ื ซักซอ้ มกำรปฏบิ ตั ิกับพนักงำนสอบสวนลูกทีมภำยในชุดสอบสวน ๖.๒ ปฏิบตั ิหน้ำที่พนกั งำนสอบสวน(เวร) โดยมีพนักงำนสอบสวนหัวหน้ำชุดทำหนำ้ ที่รับแจ้งเหตุ เป็นลำดับแรก และส่งมอบกำรดำเนินกำรให้กับพนักงำนสอบสวนภำยในชุดของตนเพ่ือดำเนินกำรต่อ สับเปล่ียนหมุนเวียนกันไปตำมควำมเหมำะสม โดยพิจำรณำตำมศักยภำพและควำมรู้ควำมสำมำรถในกำรทำคดีนั้น ๆ ๖.๓ เมอื่ เสรจ็ สิ้นกำรปฏิบตั หิ น้ำท่ีพนกั งำนสอบสวน(เวร) มกี ำรประชุมสรุปกำรดำเนินกำรในรอบเวร ปรับเกล่ียควำมรับผิดชอบกำรทำสำนวนกำรสอบสวน และรำยงำนผู้บังคับบัญชำทรำบถึงสถิติคดีอำญำจรำจร ทเ่ี กดิ ข้นึ ในหว้ งเวลำทีป่ ฏบิ ตั หิ น้ำที่เวรยำม ๖.๔ พนกั งำนสอบสวนหัวหน้ำชุด เป็นผ้รู บั ผดิ ชอบในกำรวำงแผนในกำรทำสำนวนกำรสอบสวน ให้กับลกู ทีม เพื่อจดั ลำดับควำมสำคัญในกำรดำเนนิ กำร เช่น กำรนดั หมำยสอบสวนปำกคำพยำน ส่งของกลำง ไปตรวจพิสูจน์ หรอื ดำเนนิ กำรตำ่ ง ๆ เพือ่ ใหส้ ำนวนกำรสอบสวนเสร็จส้นิ ตำมกำหนดเวลำ
ภาคผนวก ข สรุปความเห็นของสมาชกิ สภาขับเคล่อื นการปฏิรปู ประเทศ ในการพจิ ารณาของทป่ี ระชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรปู ประเทศ เรื่อง ระบบงานบริการประชาชนในการรับแจง้ ความและสอบสวน
- ๑๗ - สรปุ ความเหน็ ของสมาชิกสภาขบั เคลื่อนการปฏริ ปู ประเทศ ในการพจิ ารณาของทป่ี ระชุมสภาขับเคลื่อนการปฏริ ปู ประเทศ เรอ่ื ง ระบบงานบริการประชาชนในการรบั แจ้งความและสอบสวน -------------------------------- ในการประชุมสภาขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศ ครั้งท่ี ๔/๒๕๕๙ วันอังคารท่ี ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ ท่ีประชุมได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคล่ือนการปฏิรูปด้านกฎหมายและกระบวนการ ยุติธรรม เรื่อง ระบบงานบริการประชาชนในการรับแจ้งความและสอบสวน โดยมีสมาชิกสภาขับเคล่ือนการ ปฏิรูปประเทศอภิปราย ดังน้ี ๑. พลตารวจเอก เรอื งศักดิ์ จรติ เอก ๒. นายนิกร จานง ๓. พลตารวจตรี พสิ ิษฐ์ เปาอนิ ทร์ ๔. นายเสรี สวุ รรณภานนท์ ๕. นายสรุ นิ ทร์ จิรวศิ ิษฎ์ ๖. นายสงั ศิต พิรยิ ะรงั สรรค์ ๗. แพทย์หญิง พรพันธุ์ บญุ ยรัตพันธ์ุ ๘. นายชูชาติ อินสวา่ ง ๙. พลเอก สราวุฒิ ชะลออยู่ ๑๐. นายวทิ ยา แก้วภราดยั ๑๑. นายเฉลมิ ชยั เครอื งาม ๑๒. พลตารวจโท สวุ ิระ ทรงเมตตา สรุปความเห็นในการอภปิ รายของสมาชิกสภาขบั เคล่อื นการปฏริ ปู ประเทศได้ ดงั น้ี ๑. ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตารวจถูกร้องเรียนเรื่องไม่รับแจง้ ความมาก เป็นปัญหาที่สะสมมานาน ท้ังที่ พนักงานสอบสวนมจี านวนกวา่ ๙,๐๐๐ คน การรับแจ้งความในสถานีตารวจ ถือเป็นประตูหน้าในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งกระทบต่อ ความพึงพอใจของประชาชนมากที่สุด โดยเปรียบเทียบกับบริษัทเอกชน หรือโรงพยาบาล มักจะมีเจ้าหน้าที่ คอยคัดกรองว่า ป่วยเป็นโรคอะไร และส่งต่อแพทย์เฉพาะทางด้านใด ซึ่งปัจจุบันสถานีตารวจยังไม่มีการ จัดระบบแบบน้ี ทาให้มีการเก่ียงงาน หรือโยนงานไปมาระหว่างหน่วยงาน ระบบ one stop service ในสถานี ตารวจจงึ ไมม่ ปี ระสทิ ธิภาพ ๒. ปัญหากรณีพนักงานสอบสวนมีจานวนไม่เพียงพอ ในบางกรณีเกิดจากปัญหาของพนักงาน สอบสวนเอง เพราะรับแจ้งความบ้าง ไม่รับแจ้งความบ้าง สถิติคดีที่เกิดขึ้นจึงอาจไม่ตรงกันกับความเป็นจริง การวิเคราะห์จานวนพนักงานสอบสวนกับจานวนคดีในทางตัวเลขอย่างเดียว ไม่ได้พิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ เกิดขึ้นจริงอาจทาให้ผลการพิจารณาคลาดเคล่ือน จึงจาเป็นต้องทาให้สถิติคดีที่เกิดข้ึนสะท้อนคดีความท่ีเกิดขึ้น ในพื้นทจ่ี รงิ ด้วย ๓. การกาหนดตัวชี้วัดการปฏิบัติงาน (KPI) ต้องพิจารณาแยกส่วนระหว่างทฤษฎีทางอาชญาวิทยา กับระบบการบริหารจัดการ การกาหนดนโยบายให้แต่ละสถานีต้องมีจานวนคดีท่ีเกิดในปีถัด ๆ ไปลดลงเสมอ ยอ่ มกระทบกับคุณภาพการบริหารจัดการคดี ทงั้ ตวั ชว้ี ดั ต้องคานึงถงึ ความพึงพอใจของประชาชนด้วย
- ๑๘ - ๔. การปรับปรุงต้องปรับทั้งองคาพยพ ต้ังแต่การจัดทาสานวนสอบสวน การสอบสวนท่ีตรงตาม ความเป็นจริงย่อมทาให้การทางานมีประสิทธิภาพมากข้ึน รวมไปถึงการรวบรวมเอกสารสาคัญในสานวนคดี ซ่งึ ตอ้ งใชใ้ นกระบวนการยุติธรรมช้ันต่อ ๆ ไป ๕. จากผลการศึกษาในสหรัฐอเมริกาว่าตารวจเป็นองค์กรท่ีมีท้ังกาลังพลและอานาจ การดาเนินงาน ขององค์กรตารวจ ย่อมกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนตลอดเวลา องค์กรตารวจจึงเป็นหน่วยงานที่ เก่ียวพันกับประชาชนย่ิงกว่านักการเมือง ในแง่ของประชาชนมองว่า ตารวจท่ีดี คือ ตารวจที่เม่ือประชาชนแจ้ง ความแล้วมาถึงที่เกิดเหตุได้เร็วที่สุด ฉะน้ันในมุมนี้ ตารวจท่ีสาคัญท่ีสุด คือ ตารวจสายตรวจ เพราะเป็นฝ่ายท่ี ใกลช้ ิดกบั ประชาชนมากทส่ี ดุ อย่างไรก็ตามการจัดโครงสร้างองค์กรตารวจของไทยกลับไปมุ่งเน้นแบบทหาร คือ ใหค้ วามสาคญั กบั ระบบบังคับบญั ชาจากบนลงลา่ ง ซ่งึ แทจ้ ริงแลว้ หวั ใจของการปฏิบัตงิ านของตารวจแทจ้ ริง คอื ส่วนล่างทสี่ มั พันธ์ติดต่อกบั ประชาชนมากท่ีสุด ๖. องค์กรตารวจต้องการระบบ IT ที่ทันสมัยมากขึ้น แต่ปัจจุบันยังขาดเทคโนโลยีท่ีดีเพียงพอ ในการปฏิบัติงาน เช่น การยึดใบขับขี่ ยังตรวจไม่ได้ว่าใบขับข่ีของบุคคลใดถูกยึด หรือมีการกระทาความผิด มาแลว้ กี่ครงั้ ซึ่งหากมรี ะบบ IT จะช่วยสนบั สนนุ การปฏบิ ัติงานของพนกั งานสอบสวนไดม้ าก ๗. ในด้านกาลังพล สถานีตารวจต่าง ๆ เช่น ในจังหวัดชลบุรี เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว มักมี ประชากรแฝงมาก ทาให้จานวนคดีมากข้ึน ถ้าเพ่ิมงบประมาณในสถานีตารวจพื้นที่ดังกล่าว อาจไม่เป็นธรรม แต่ ควรใหท้ ้องถ่ินเข้ามามสี ่วนร่วมในการปฏบิ ตั ิงานมากขนึ้ ๘. ในด้านการให้บริการประชาชน สถานีตารวจควรขับเคล่ือนและเข้าถึงประชาชน โดยเฉพาะ ในต่างจังหวัด โดยกาหนดให้พนักงานสอบสวนจดั รถลงพืน้ ท่ีไปหาประชาชนเพอื่ รบั แจง้ ความร้องทุกข์ ไมใ่ หเ้ กิด ความเหลอื่ มลา้ ระหวา่ งคนจนกับคนรวย ปจั จบุ ันมีปัญหาจากความเหลือ่ มลา้ คอื ประชาชนท่ียากจนจะตดิ ตาม เร่ืองยากแต่ประชาชนที่มีฐานะดีจะทราบเร่ืองเร็ว โดยเสนอให้มีมาตรการวางแนวทางลดความเล่ือมล้า ให้ประชาชนทุกคนเขา้ ถึงขอ้ มูล ขั้นตอนการสอบสวนได้อยา่ งเท่าเทยี ม ๙. ปัญหาด้านความไม่เป็นธรรมในสานักงานตารวจแห่งชาติ เน่ืองจากปัจจุบันตารวจมักเป็น ผสู้ าเรจ็ การศึกษาแตกต่างกัน ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพส่วนหนึ่งมีผลมาจากสถาบันนยิ ม พวกพ้อง เครือญาติ ระบบอุปถัมภ์ โดยเฉพาะตารวจท่ีสาเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตารวจจะมีโอกาสก้าวหน้ามากกว่า ผู้ท่ีเรียนจบจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ดังน้ีจะเห็นได้ว่าแม้แต่ตารวจเองยังไม่ได้รับความยุติธรรม การปฏิบัติหน้าที่ ของตารวจจะสร้างความเป็นธรรมใหแ้ ก่ประชาชนไดอ้ ย่างไร ๑๐. ปัญหาฝ่ายสอบสวนขาดการสนับสนุนจากตารวจฝ่ายอื่น ๆ เม่ือมีการกระทาผิดเกิดข้ึน ฝ่ายสอบสวนจะเป็นผู้เริ่มกระบวนการสอบสวน ฝ่ายสืบสวนเป็นฝ่ายสนับสนุนคอยหาพยานหลักฐานร่วมกับ ฝา่ ยสอบสวน อย่างไรก็ตาม ปัจจบุ ัน มปี ัญหาว่าฝา่ ยสอบสวนไมค่ อ่ ยได้รับการสนบั สนนุ ไมม่ อี านาจสงั่ การ ๑๑. ผลประการสุดท้ายของการปฏิรูปกิจการตารวจ คือ ความสุขและความปลอดภัยของประชาชน ประชาชนต้องการได้รับความมั่นใจว่า เม่ือมีตารวจประชาชนจะมีชีวิตท่ีปลอดภัย ไม่ถูกกระบวนการ อาชญากรรมทั้งหลายมาทาร้าย เมื่อใดประชาชนได้รับผลกระทบ ไม่ว่าถูกทาร้ายหรือมีปัญหาต่าง ๆ จะได้รับการ แกไ้ ขได้ทันท่วงที การให้ความสาคัญในการจัดระเบียบของสถานีตารวจในการรับแจ้งความ เปรียบเสมือน มีเพียงมาตรการตั้งรับเหตุร้าย ซ่ึงไม่ใช่วัตถุประสงค์ท่ีดีที่สุดของงานเหล่าน้ี สิ่งท่ีต้องการคือ ทาอย่างไรไม่ให้ อาชญากรรมเกิดข้ึน หรือเกดิ ขน้ึ นอ้ ยลง จึงควรกาหนดให้มีทีมงานอกี ทมี งานหนง่ึ นอกจากทมี พนกั งานสอบสวน ฯ เพอ่ื จัดการกับพื้นที่ ให้เกิดสนั ติสขุ ปอ้ งกันไมใ่ หเ้ กิดอาชญากรรมข้ึน
- ๑๙ - ๑๒. ปัญหาด้านความไม่เข้าใจสิทธิของประชาชน ไม่ทราบขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตารวจ เป็นส่วนหนึ่งท่กี ่อให้เกิดการร้องเรียนการปฏิบัติงานของตารวจ จงึ ควรให้มีการจัดทาคูม่ ือการใชบ้ ริการ สถานีตารวจแก่ประชาชนเพ่ือแจ้งสิทธิ และขั้นตอนต่าง ๆ ในการใช้บริการสถานีตารวจ เพ่ืออานวย ความสะดวกแกป่ ระชาชน และก่อให้เกดิ ความโปร่งใสในการปฏิบตั หิ น้าท่ีของตารวจพร้อม ๆ กัน ๑๓. กรณีมีการนาผู้ต้องหาออกมาแถลงข่าวทางสื่อว่า มีความผิด ลักษณะเช่นนี้ไม่ทราบว่า ผิดหรือถูก เหมือนเป็นการพิพากษาก่อนกระบวนการยุติธรรมที่ถึงที่สุดแล้วหรือไม่ เป็นการขัดต่อสิทธิมนุษยชน หรือไม่ หากถูกขอให้ทาต่อไป หากเปน็ ความผดิ ขอให้พิจารณาในประเด็นน้ีดว้ ย ๑๔. ในการจัดการบริหารในสถานีตารวจน้ัน ควรเพ่ิมทีมเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยในชั้นโรงพักด้วย เพื่อใหป้ รมิ าณคดีของโรงพกั นนั้ ลดลง และจะทาให้เกิดความสมานฉนั ทใ์ นระดบั พ้นื ท่ี ๑๕. การปฏิรูปงานสอบสวนต้องต้องทาให้สิทธิเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของท้ังผู้เสียหาย ผู้ต้องหา จาเลยและพยาน ได้รับความคุ้มครองและความช่วยเหลือท่ีจาเป็น และเหมาะสมจากรรัฐ ได้รับการ สอบสวนอย่างถูกตอ้ ง รวดเรว็ เปน็ ธรรม และมมี าตรฐานทีช่ ัดเจน ๑๖. ทบทวนปรบั ปรุงแก้ไข กฎหมาย ระเบยี บ ประกาศและคาสัง่ ทีเ่ กย่ี วกับข้องกับงานสอบสวน ดงั นี้ - กฎหมายท่ีให้อานาจพนักงานสอบสวนและตารวจ สามารถไกล่เกล่ียคดีท่ีมีโทษเพียงเล็กน้อย เพือ่ ความสมานฉันท์และสงบเรียบรอ้ ยในสงั คมไดอ้ ย่างยั่งยนื - แก้ไขกฎหมายว่าด้วยเรื่องการควบคุมผู้ต้องหาเบื้องต้นในช้ันสอบสวนให้มีความเหมาะสม - แก้ไขระเบียบข้อบังคับให้สามารถขอหมายค้น หมายจับ ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ เพื่อความสะดวกและรวดเรว็ ในการปฏิบัติหน้าทขี่ องเจ้าหนา้ ท่ี - ต้องทาความชัดเจน ตีความ ในเร่ืองความผิดในราชอาณาจักร ความผิดนอกราชอาณาจักร และอาชญากรรมข้ามชาติ ให้ถูกต้องและชัดเจน เป็นเร่ืองเร่งด่วน เพราะกระทบต่อการสอบสวนที่ชอบ ดว้ ยกฎหมาย อนั จะนาไปสเู่ หตุให้ศาลยกฟอ้ งจากการสอบสวนมชิ อบด้วยกฎหมายได้ - การแบ่งแยกอานาจการสอบสวนระหว่างตารวจและกรมสอบสวนคดพี เิ ศษต้องชัดเจน - ปรับปรุง ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๓๔ เพราะทผี่ ่านมา ไมเ่ หมาะสม และตอ้ งการให้แตกตา่ งกนั ระหวา่ งค่าตอบแทนการทาสานวนการสอบสวน คดีอาญาในพื้นท่ีท่ัวประเทศกับพื้นท่ี ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ คดีมีความ ซับซอ้ น ยงุ่ ยากมากกวา่ ควรมีค่าตอบแทนทเี่ หมาะสม - ทบทวนปรับปรุง ระเบียบ ตร. และ ก.ตร. ว่าด้วยเงินเพ่ิมเป็นกรณีพิเศษ สาหรับตาแหน่ง พนักงานสอบสวน พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยพนักงานสอบสวนทั่วประเทศควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่สาหรับ พนักงานสอบสวนใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อาเภอในจังหวัดสงขลา ควรจะมีอีกมาตรฐานหน่ึง เพราะพนักงานสอบสวนใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จาเป็นต้องออกไปดูท่ีเกิดเหตุ อีกทั้งระหว่างการ สอบสวนน้ัน ตอ้ งตดิ ตามพยาน สอบสวนพยาน ถึงในชุมชน ซึง่ เกดิ ความเส่ยี งมากกว่าปกติ ดงั น้ัน ค่าตอบแทน ควรแตกต่างจากพนักงานสอบสวนท่ัวประเทศ เพื่อเป็นขวัญกาลังใจ และคุ้มค่าต่อการเส่ียงภัย เส่ียงชีวิต ของพนักงานสอบสวนในพืน้ ที่ ๓ จังหวดั ชายแดนภาคใต้ ดงั กลา่ ว
ภาคผนวก ค รายนามคณะกรรมาธิการขับเคลอื่ นการปฏริ ูปประเทศด้านกฎหมาย และกระบวนการยตุ ิธรรม สภาขบั เคล่ือนการปฏริ ูปประเทศ
- ๒๑ - รายนามคณะกรรมาธิการขับเคลอื่ นการปฏริ ูปประเทศด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม สภาขบั เคล่อื นการปฏิรูปประเทศ ๑. นายวริ ัช ชนิ วินิจกลุ ประธานกรรมาธิการ ๒. นายประสทิ ธ์ิ ปทมุ ารกั ษ์ รองประธานกรรมาธิการ คนที่หน่งึ ๓. พลตารวจเอก วรพงษ์ ชิวปรีชา รองประธานกรรมาธกิ าร คนที่สอง ๔. พลโท กฤษณะ บวรรตั นารกั ษ์ รองประธานกรรมาธิการ คนท่ีสาม ๕. นายตระกูล วินิจนยั ภาค ทป่ี รกึ ษากรรมาธิการ ๖. พลตารวจเอก อศั วนิ ขวญั เมอื ง ท่ีปรกึ ษากรรมาธิการ ๗. พลตารวจโท อานวย นิม่ มะโน โฆษกกรรมาธกิ าร ๘. พันตารวจเอก ณรชั ต์ เศวตนนั ทน์ โฆษกกรรมาธิการ ๙. นายจุมพล สุขมัน่ เลขานกุ ารกรรมาธกิ าร ๑๐. นายวิวรรธน์ แสงสุรยิ ะฉัตร ผูช้ ่วยเลขานุการกรรมาธกิ าร ๑๑. นายเขม็ ชยั ชตุ วิ งศ์ กรรมาธิการ ๑๒. พลตารวจเอก เดชณรงค์ สุทธชิ าญบญั ชา กรรมาธกิ าร ๑๓. พลตารวจโท ธรี จิตร์ อตุ มะ กรรมาธิการ ๑๔. นายบญั ชา ปรมีศณาภรณ์ กรรมาธกิ าร ๑๕. คณุ หญิงพรทพิ ย์ โรจนสนุ ันท์ กรรมาธกิ าร ๑๖. นายไวกูณฑ์ ทองอรา่ ม กรรมาธกิ าร ________________________
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: