บทที่ 1 ความร้เู บ้ืองตน้ เกีย่ วกบั คอมพวิ เตอร์ (Introduction to Computer) อ.เรวดี พพิ ฒั นส์ งู เนนิ สาขาวชิ าวทิ ยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี
‚คอมพวิ เตอร์‛ คอื อะไร? คอมพิวเตอร์ คอื อปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนกิ ส์ท่สี ามารถคานวณผล และเปรยี บเทยี บคา่ ภายใตก้ ารควบคมุ ของชดุ คาสงั่ ทม่ี นษุ ยไ์ ด้ จดั เตรยี มไวล้ ว่ งหนา้ ดว้ ยความเรว็ สงู อยา่ งตอ่ เนอ่ื งและอตั โนมตั ิ พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2525 ไดใ้ หค้ า จากดั ความของ ‚คอมพวิ เตอร‛์ ไวว้ า่ ‚เครอื่ งอิเล็กทรอนกิ ส์ แบบอตั โนมตั ิ ทาหนา้ ท่ีเสมอื นสมองกล ใชส้ าหรบั แกป้ ญั หา ตา่ ง ๆ ทงั้ ทง่ี า่ ยและซบั ซ้อน โดยวธิ ที างคณติ ศาสตร‛์
‚ระบบคอมพวิ เตอร์‛ คอื อะไร? ระบบ(System) หมายถงึ กลุ่มขององคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ท่ีมคี วามสมั พันธก์ ันและทางานรว่ มกนั เพ่อื บรรลุ วตั ถปุ ระสงคข์ องระบบ ระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer System) คือ การ ทางานของแตล่ ะองคป์ ระกอบ เพอื่ ใหค้ อมพวิ เตอรส์ ามารถ ทางานไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและมปี ระสทิ ธภิ าพ
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ [ ประมาณ 3,000 ปีก่อนครสิ ตกาล ] ชาวจนี ไดป้ ระดษิ ฐ์ เครอ่ื งมอื เพื่อใชใ้ นการคานวณขน้ึ มาชนดิ หนึ่ง เรยี กวา่ ลูกคดิ ( Abacus)
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ ค.ศ. 1614 ] นกั คณติ ศาสตร์ชาวสกอ็ ตแลนดช์ อ่ื John Napier ไดส้ รา้ งตารางลอการทิ มึ (Logarithms) เพอื่ ชว่ ยในการคณู และ หาร ดว้ ยหลกั การบวกและลบ ตอ่ มปี ี ค.ศ. 1617 ประดิษฐเ์ ครอื่ งคานวณขน้ึ มาเรยี กวา่ Napier’s Bones เปน็ อปุ กรณท์ มี่ ลี กั ษณะคลา้ ยกบั ตารางสตู รคณู ในปจั จบุ นั Napier’s bone
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ พ.ศ.2173 ] วลิ เลยี ม ออตเทรต( William Oughtred) นกั คณติ ศาสตรช์ าวองั กฤษไดป้ ระดษิ ฐไ์ มบ้ รรทดั คานวณ ( Slide Rule) ซง่ึ ตอ่ มากลายเปน็ พนื้ ฐานของการสรา้ งคอมพวิ เตอรแ์ บบ อนาลอก (Analog computer) William Oughtred Slide rule
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ [ค.ศ. 1642] เบลส์ ปาสคาล ( Blaise Pascal) นักคณติ ศาสตร์ ชาวฝรงั่ เศสไดป้ ระดษิ ฐเ์ ครอ่ื งบวกลบเลขขนึ้ โดยใชห้ ลกั การหมนุ ของฟนั เฟอื ง และการทดเลขเมอ่ื ฟนั เฟอื งหมนุ ไปครบรอบ โดย แสดงตวั เลขจาก 0-9 ออกทหี่ นา้ ปดั Pascal ‘s Calculating Device Blaise Pascal
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ ค.ศ. 1671 ] กอตฟรติ วลิ เฮลม์ ไลบน์ ซิ ( Gottfried Wilhelm Leibniz ) นกั คณติ ศาสตรช์ าวเยอรมนั ไดป้ รับปรงุ เครอื่ งคิดเลขปาสคาล ใหท้ างานได้ดกี วา่ เดมิ โดยสามารถ บวก ลบ คณู หาร และคานวณหา รากทสี่ องได้ เรยี ก Arithmometer Machicne และเขายงั คน้ พบ เลขฐานสอง (Binary number) Gottfried Wilhelm Leibniz Arithmometer Machicne
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ ค.ศ. 1801 ] โจเซฟ แมรี่ แจคคารด์ ( Joseph Marie Jacquard) นกั ประดษิ ฐช์ าวฝรง่ั เศสได้คิด เครอื่ งทอผา้ โดยใชค้ าสงั่ จากบตั รเจาะรู ควบคมุ ลวดลายในการทดผา้ ใหม้ สี แี ละลวดลายตา่ ง ๆ เปน็ เครอื่ งแรกที่ ทางานตามคาสงั่ ของโปรแกรม และเปน็ แนวคดิ ตน้ แบบทน่ี าไปผลติ เครอื่ ง เจาะบตั ร(Punched Card Machine) Joseph Marie Jacquard Joseph Marie Jacquard's loom
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ [ ค.ศ. 1822 ] ชารล์ แบบเบจ ( Charles Babbage) นกั คณติ ศาสตรช์ าวองั กฤษไดป้ ระดษิ ฐเ์ ครอื่ งมอื ทเี่ รยี กวา่ เครอื่ งหา ผลตา่ ง ( Difference Engine) เพอ่ื ใชค้ านวณและพิมพค์ า่ โพลิ โนเมยี ล(Polynomial) และพมิ พต์ ารางคณติ ศาสตร์ แตเ่ ครอ่ื งไม่ สามารถทางานได้ Charles Babbage Difference Engine
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ ตอ่ มาปี ค.ศ. 1833 เขาไดส้ รา้ งเครอื่ ง Analytical Engine ดว้ ยหลกี การควบคมุ โดยบตั รเจาะรู ซึง่ ใชบ้ ตั รเจาะรใู นการเกบ็ คาสงั่ และขอ้ มลู ของ งาน และมหี นว่ ยควบคมุ ลาดบั การคานวณ และมหี นว่ ยความจาในการเกบ็ ผลลพั ธท์ ไ่ี ดจ้ ากการคานวณกอ่ นพมิ พอ์ อกกระดาษ แตเ่ ครอ่ื งยังสรา้ งไม่ เสร็จ เขากเ็ สยี ชวี ติ กอ่ น ซ่งึ หลกั การของเขาไดถ้ กู นามาใช้ ในเครอื่ งคอมพวิ เตอรย์ คุ ใหม่ Charles Babbage จึงไดร้ บั ขนานนาม วา่ เปน็ บดิ าแหง่ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ Analytical Engine
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ เลดี้ เอดา ออคสุ ตา เลฟเลค (Lady Ada Augusta Lovelace ) เปน็ นกั คณติ ศาสตรท์ ท่ี างานรว่ มกบั ชารล์ แบบเบจ ไดอ้ อกแบบโปรแกรมโดย ประยกุ ตใ์ ชบ้ ตั รเจาะรู ใหท้ างานกบั เครอื่ ง Anaytical Engine ตอ่ มา เลด้ี เอดา ออคสุ ตา เลฟเลค จงึ ไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ โปรแกรมเมอรค์ นแรกของโลก Lady Ada Augusta Lovelace
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ ค.ศ. 1887 ] Dr. Herman Hollerith นกั สถติ ชิ าวอเมรกิ นั ไดป้ ระดษิ ฐบ์ ตั รเจาะรรู ะบบ Character และสรา้ งเครอื่ งมอื Tabulation Machine สาหรบั อา่ นบตั รเจาะรู ใชป้ ระมวลผล สามะโนประชากร และไดร้ วมบรษิ ทั ตา่ ง ๆ เพอ่ื เพอ่ื ผลติ เครอื่ งมอื น้ี และเปน็ ตน้ กาเนดิ ของบรษิ ทั International Business Machine (IBM) Corporation
Tabulation Machine Dr. Herman Hollerith
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ พ.ศ.2393 ] ยอรจ์ บลู ( George Boole) นกั คณติ ศาสตรช์ าว องั กฤษ ไดค้ ดิ ระบบ พชี คณติ ระบบใหม่เรยี กวา่ Boolean Algebra โดยใชอ้ ธบิ ายหลกั เหตผุ ลทางตรรกวทิ ยาโดยใชส้ ภาวะเพยี งสองอยา่ งคอื True (On) และ False (Off) รว่ มกบั เครอื่ งหมายในทางตรรกะ พน้ื ฐาน ไดแ้ ก่ NOT AND และ OR ตอ่ มาระบบเลขฐานสอง และ Boolean Algebra กไ็ ด้ถกู นามาดดั แปลงใหเ้ ขา้ กบั วงจรไฟฟา้ ซง่ึ มี สภาวะ 2 แบบ คอื เปดิ , ปดิ จงึ นบั เปน็ รากฐานของการออกแบบวงจร ในระบบคอมพวิ เตอรใ์ นปจั จบุ นั (Digital Computer)
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ ค.ศ. 1937-1938 ] ดร.จอหน์ วนิ เซนต์ อตานาซอฟ ( Dr.Jobn Vincent Atansoff) และ คลฟิ ฟอรด์ แบร่ี ( Clifford Berry) ไดป้ ระดษิ ฐเ์ ครอื่ ง ABC ( Atanasoff- Berry) ขนึ้ โดยไดน้ าหลอดสญุ ญากาศมาใชง้ าน ABC ถอื เปน็ เครอ่ื งคานวณเครอ่ื งแรกท่ีเปน็ เครอื่ งอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ Atansoff ABC computer Berry
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ [ ค.ศ. 1937] ศาสตราจารยโ์ อเวริ ด์ ไอดเ์ คน (Howard Aiken) แหง่ มหาวทิ ยาลยั ฮาวารด์ รว่ มกบั วศิ วกรของบรษิ ทั IBMไดส้ รา้ งเครอ่ื งคานวณ อตั โนมตั เิ ครอ่ื งแรกของโลก ชอ่ื Autometic Sequence Controlled Calculator (ASCC) หรอื เรยี กกนั วา่ MARK I เปน็ ผลสาเรจ็ แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามเครอ่ื ง MARK I นย้ี งั ไมใ่ ชค่ อมพวิ เตอรท์ แ่ี ทจ้ รงิ เพราะ ไมม่ หี นว่ ยความจา แตเ่ ปน็ เครอ่ื งคดิ เลขไฟฟา้ ขนาดใหญเ่ ทา่ นน้ั MARK I
การใชง้ านเครอ่ื ง MARK I
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ ค.ศ. 1946 ] J. Presper Eckert และ Dr. John W. Mauchly มหาวทิ ยาลยั เพนซลิ เลเนยี ได้สรา้ งเครอื่ ง คอมพวิ เตอรอ์ ตั โนมตั ทิ ใ่ี ชว้ งจรไฟฟา้ ทง้ั หมด ชอ่ื Electronic Numerical Integrator And Calculator (ENIAC) โดยใชห้ ลอดสญุ ญากาศ ยงั ไมม่ ี หน่วยความจาในการเก็บขอ้ มลู และคาส่งั แตค่ วบคมุ การ ทางานโดยวธิ เี จาะชดุ คาส่งั ลงในบตั รเจาะรู
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ ENIAC
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ ค.ศ. 1949 ] ดร.จอหน์ ฟอน นวิ แมนน์ ( Dr.John Von Neumann ) นักตรรกวทิ ยาชาวอเมริกนั ได้ ประดษิ ฐเ์ ครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ สี่ ามารถเกบ็ คาส่ังการ ปฏบิ ตั งิ านทงั้ หมดไวภ้ ายในเครอื่ ง ช่ือวา่ Electronic Discrete Variable Automatic Computer (EDVAC) นบั เป็นคอมพวิ เตอร์เครอ่ี งแรกทีส่ ามารถเกบ็ โปรแกรม ไวใ้ นเครอื่ งได้
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ EDVAC (first stored program computer)
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ ค.ศ. 1951 ] Eckert และ Mauchly ไดส้ รา้ งเครอื่ ง คอมพวิ เตอรช์ อื่ Universal Automatic Computer (UNIVAC I) สาหรบั ใชง้ านทางธรุ กจิ เป็นเครอ่ื งแรก UNIVAC I
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ [ พ.ศ.2496-2497 ] บรษิ ทั ไอบเี อม็ ได้สรา้ งคอมพวิ เตอร์ ชอ่ื IBM 701 และ IBM 650 โดยใชห้ ลอดสญุ ญากาศ เป็นวสั ดุสรา้ ง ตอ่ มาเกดิ มีการพัฒนาส่ิงประดษิ ฐท์ เ่ี ป็นสาร กึ่งตวั นาขึ้นทห่ี อ้ งปฏบิ ตั กิ ารของบรษิ ทั Bell Telephone ได้เกิดทรานซสิ เตอรต์ วั แรกข้ึน ตอ่ มาทรานซิสเตอรไ์ ดถ้ กู นาไปแทนหลอดสญู ญากาศ จงึ ทาใหข้ นาดของคอมพวิ เตอร์ เลก็ ลงและเกิดความรอ้ นนอ้ ยลง (เครอื่ งทใี่ ชท้ รานซสิ เตอร์ ไดแ้ ก่ IBM 1401และ IBM 1620 )
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ หลอดสญู ญากาศ (Vacuum tube) ทรานซสี เตอร์ (Transistor)
ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ [ พ.ศ.2508 ] วงจรคอมพวิ เตอรม์ กี ารเปลยี่ นแปลงอกี มาก เมอื่ มวี งจรรวม ( Integrated Circuit: IC) เกดิ ขน้ึ ซ่ึง ไอบเี อม็ นี้ไดถ้ กู นาไปแทนทท่ี รานซสิ เตอร์ ในวงจร อิเล็กทรอนกิ ส์ของระบบคอมพิวเตอรอ์ กี ครง้ั ซง่ึ ผลก็คอื ทา ให้คอมพวิ เตอรม์ ีขนาดเล็กลง IC
ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ [ พ.ศ.2514 ] บรษิ ทั Intel ไดใ้ ชเ้ ทคโนโลยขี องการผลติ วงจรรวมแบบ ( Large Scale Integrated Circuit :LSI ) ทาการรวมเอาวงจรทใ่ี ชเ้ ปน็ หนว่ ยประมวลผลกลาง ( CPU) ของคอมพวิ เตอรม์ าบรรจอุ ยใู่ นแผน่ ไอซเี พยี งตวั เดยี วซง่ึ ICน้ีเรยี กวา่ ไมโครโปรเซสเซอร์ ( Microprocessor) Microprocessor
ประเภทของคอมพวิ เตอร์ จาแนกตามหลกั การตา่ ง ๆ ดงั น้ี แบง่ ตามลักษณะของขอ้ มลู แบง่ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการใชง้ าน แบง่ ตามความสามารถในการทางานและการเชอื่ มตอ่ กับ อุปกรณอ์ ื่นๆ
การแบง่ คอมพวิ เตอร์ตามลกั ษณะของขอ้ มูล แบ่งได้ 3 ประเภท คอมพวิ เตอรแ์ บบอนาลอก (Analog Computer) คอมพวิ เตอรแ์ บบดจิ ติ อล (Digital Computer) คอมพวิ เตอรแ์ บบไฮบรดิ (Hybrid Computer)
อนาลอกคอมพิวเตอร์(Analog computer) เปน็ เครอื่ งคอมพวิ เตอรท์ ส่ี รา้ งขน้ึ เปน็ พเิ ศษ เพอื่ ใชก้ บั งานเฉพาะ ดา้ น มกี ารทางานโดยใชห้ ลกั ในการวดั (Measuring) มลี ักษณะเปน็ วงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ี่แยกสว่ นทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ตวั กระทาและฟงั กช์ นั ทางคณติ ศาสตร์ โดยใชค้ า่ ระดบั แรงดนั ไฟฟา้ เปน็ หลกั ในการคานวณ การรบั ขอ้ มลู จะรบั ในลกั ษณะของปรมิ าณทม่ี คี า่ ตอ่ เนอ่ื ง ส่วนการ รบั ขอ้ มลู สามารถรบั ขอ้ มลู ไดโ้ ดยตรงจากแหลง่ เกดิ ขอ้ มลู แลว้ แสดงผลออกมาทางจอภาพ หรอื อา่ นคา่ ไดจ้ ากเครอื่ งวดั และแทนคา่ เปน็ อณุ หภมู ิ ความเรว็ หรอื ความดนั
อนาลอกคอมพวิ เตอร์(Analog computer) มคี วามละเอยี ดและสามารถคานวณไดน้ อ้ ยกว่าดจิ ทิ ลั คอมพวิ เตอร์ ไมส่ ามารถเกบ็ ขอ้ มลู ได้เปน็ จานวนมากเหมอื นกบั ดจิ ทิ ลั คอมพิวเตอร์ ไดแ้ ก่ เครอื่ งทใ่ี ชว้ ดั ปรมิ าณทางฟสิ กิ ส์ ซงึ่ ผลลพั ธท์ ไี่ ดจ้ ะออกมา ในรปู ของกราฟ เครอ่ื งคอมพิวเตอรท์ ต่ี รวจสภาพอากาศ และทใ่ี ช้ ในวงการแพทย์ เชน่ เครอ่ื งตรวจวดั สายตา ตรวจวดั คลน่ื สมอง และการเตน้ ของหวั ใจ เปน็ ตน้
อนาลอกคอมพวิ เตอร์(Analog computer)
ดจิ ติ อลคอมพิวเตอร์ (Digital Computer) เปน็ เครอื่ งคอมพิวเตอรท์ ที่ างานโดยใชห้ ลกั ในการคานวณแบบ ลกู คดิ หรอื หลกั การนบั และทางานกบั ขอ้ มลู แบบไมต่ ่อเนื่อง ลกั ษณะการคานวณจะแปลงเลขเลขฐานสบิ กอ่ น แล้วจงึ ประมวลผลดว้ ยระบบเลขฐานสอง แลว้ ใหผ้ ลลพั ธ์ออกมาอยใู่ น รูปของตวั เลข ซ่งึ คอมพวิ เตอรจ์ ะแปลงเปน็ เลขฐานสบิ เพอื่ แสดงใหผ้ ใู้ ชเ้ ขา้ ใจงา่ ย
ดจิ ิตอลคอมพวิ เตอร์ (Digital Computer) มคี วามสามารถในการคานวณและมคี วามแม่นยามากกวา่ อนาลอก คอมพวิ เตอร์ สามารถเกบ็ ขอ้ มลู ไดเ้ ป็นจานวนมากจงึ ต้องใชส้ อื่ ในการบนั ทกึ ขอ้ มลู เชน่ จานแมเ่ หลก็ และเทปแมเ่ หลก็ เปน็ ต้น สามารถทางานไดเ้ หมาะสมกบั สภาพงานทว่ั ไป เชน่ งานพมิ พ์ เอกสาร งานคานวณ งานวจิ ยั เปรยี บเทยี บคา่ ทางสถติ ิ งาน บนั ทกึ นดั หมาย งานสง่ ขอ้ ความในรปู เอกสาร ภาพและเสยี ง ตลอดจนงานกราฟกิ เพ่อื นาเสนอในรปู แบบตา่ ง ๆ เปน็ ตน้
ดจิ ติ อลคอมพวิ เตอร์ (Digital Computer)
ไฮบรดิ คอมพวิ เตอร์ (Hybrid Computer ) เป็นเครอื่ งคอมพวิ เตอรท์ ใ่ี ชก้ บั งานเฉพาะดา้ น มี ประสทิ ธภิ าพสงู และสามารถทางานทซ่ี ับซอ้ นได้ มีการนาเทคนคิ การทางานของอนาลอกคอมพวิ เตอรแ์ ละ ดจิ ทิ ลั คอมพวิ เตอรม์ าใชง้ านรว่ มกนั เชน่ การส่งยานอวกาศขององค์การนาซา จะใชเ้ ทคนคิ ของ อนาลอกคอมพวิ เตอรใ์ นการควบคมุ การหมนุ ของตวั ยาน อวกาศ ซึ่งเกย่ี วขอ้ งกบั ความกดดนั อากาศ อณุ หภมู ิ ความเรว็ และใชเ้ ทคนคิ ของดจิ ทิ ลั คอมพวิ เตอรใ์ นการ คานวณระยะทางจากพน้ื ผวิ โลก เปน็ ตน้
ไฮบรดิ คอมพวิ เตอร์ (Hybrid Computer )
การแบง่ คอมพวิ เตอรต์ ามวตั ถปุ ระสงคข์ องการใชง้ าน แบง่ ได้ 2 ประเภท การใชง้ านตามวตั ถปุ ระสงคท์ วั่ ไป (General Purpose Computer) ใช้กบั งานไดห้ ลายประเภท ขนึ้ อยกู่ บั ชดุ คาสง่ั สาหรบั งานนน้ั ๆ เชน่ งานดา้ นธรุ กจิ งานดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เปน็ ตน้ การใชง้ านตามวตั ถปุ ระสงค์เฉพาะอยา่ ง(Special Purpose Computer) ถกู ออกแบบมาเพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั งานเฉพาะอยา่ ง เชน่ คอมพิวเตอรส์ าหรบั ตรวนคลน่ื หวั ใจ คอมพวิ เตอรส์ าหรบั พิมพง์ านหนงั สอื พมิ พ์ เปน็ ตน้
การแบง่ คอมพวิ เตอร์ตามความสามารถในการทางาน แบ่งได้ 4 ประเภท Supercomputer Mainframe computer Minicomputer Microcomputer
ซเู ปอรค์ อมพิวเตอร์ (Supercomputer) เปน็ คอมพวิ เตอรท์ มี่ ขี นาดใหญท่ สี่ ดุ สามารถประมวลผลได้กวา่ 100 ลา้ นคาสงั่ ต่อวินาที จงึ ทาให้ ทางานไดร้ วดเร็วและมปี ระสทิ ธภิ าพสงู มีราคาแพงทสี่ ุด เหมาะกบั งานคานวณทต่ี อ้ งคานวณตวั เลขจานวนมหาศาลให้ เสรจ็ ภายในระยะเวลาอันสนั้ ตอ้ งอยใู่ นหอ้ งท่มี กี ารควบคมุ อุณหภมู แิ ละปราศจากฝุ่นละออง
ซเู ปอรค์ อมพวิ เตอร์ (Supercomputer) สามารถรองรบั การใชง้ านของผใู้ ชจ้ านวนมากพรอ้ ม ๆ กนั ได้ เรยี กวา่ มลั ตโิ ปรเซสซงิ่ (Multiprocessing) อนั เปน็ การ ใชห้ นว่ ยประมวลผลหลายตวั เพ่ือใหค้ อมพวิ เตอรส์ ามารถ ทางานหลายงานพรอ้ ม ๆ กนั ได้ นยิ มใชก้ บั งานทกี่ ารคานวณทซี่ บั ซอ้ น เชน่ การพยากรณ์ อากาศ การทดสอบทางอวกาศ การคานวณทางวทิ ยาศาสตร์ การบนิ อุตสาหกรรมนา้ มนั ตลอดจนการวจิ ยั ใน หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ทงั้ ของภาครฐั บาลและเอกชน เปน็ ตน้
ซเู ปอรค์ อมพวิ เตอร์ (Supercomputer)
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์(Mainframe computer) เปน็ เครอื่ งคอมพิวเตอรข์ นาดใหญม่ คี วามเรว็ ในการประมวลผล สงู รองลงมาจากซเู ปอรค์ อมพิวเตอร์ ตอ้ งอยใู่ นห้องท่ีควบคมุ อุณหภมู แิ ละปราศจากฝนุ่ ละออง ได้รบั การพฒั นาใหม้ หี นว่ ยประมวลผลหลายหนว่ ยทางาน พรอ้ ม ๆ กันเชน่ เดยี วกบั ซเู ปอรค์ อมพิวเตอร์ แตม่ จี านวน หน่วยประมวลผลทน่ี อ้ ยกวา่ จงึ ทาใหส้ ามารถประมวลผลคาสง่ั ไดห้ ลายสบิ ลา้ นคาสง่ั ต่อวนิ าที ระบบคอมพิวเตอรข์ องเคร่อื งเมนเฟรมสว่ นมากจะมรี ะบบ คอมพวิ เตอรย์ อ่ ย ๆ ประกอบอยดู่ ว้ ย เพอื่ ชว่ ยในการทางาน บางประเภทใหก้ บั เคร่อื งหลกั
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์(Mainframe computer) มีราคาแพงมาก (แตน่ ้อยกวา่ ซเู ปอรค์ อมพิวเตอร์) เหมาะกบั งานทม่ี ขี อ้ มลู ทม่ี ปี รมิ าณมากตอ้ งประมวลผลพรอ้ ม กนั โดยผใู้ ชน้ บั พนั คน (Multi-user) ใชก้ บั องคก์ รใหญ่ ๆ ทั่วไป เชน่ งานดา้ นวศิ วกรรม คอมพวิ เตอร์ วทิ ยาศาสตร์ การควบคมุ ระบบเครือขา่ ย งาน พฒั นาระบบ งานดา้ นธรุ กจิ ธนาคาร งานสามะโนประชากร งานสายการบนิ งานประกนั ชวี ติ และมหาวทิ ยาลยั เป็นตน้
เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์(Mainframe computer)
มนิ คิ อมพวิ เตอร์ (Minicomputer) เปน็ เครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ม่ี ขี นาดกลางทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ในการทางานนอ้ ยกวา่ เมนเฟรมแตส่ งู กวา่ ไมโครคอมพิวเตอร์ สามารถรองรบั การทางานจากผ้ใู ชห้ ลายรอ้ ยคน (Multi-user) ในการทางานทแ่ี ตกตา่ งกนั (Multi Programming) เช่นเดยี วกบั เครอื่ งเมนเฟรม
มินคิ อมพิวเตอร์ (Minicomputer) เหมาะกบั องคก์ รขนาดกลาง นยิ มนามาใชท้ างานเฉพาะดา้ น เชน่ การคานวณ ทางดา้ นวิศวกรรม การจองหอ้ งพกั ของโรงแรม การ ทางานดา้ นบญั ชขี ององคก์ ารธุรกจิ เปน็ ตน้ ใน สถานศกึ ษาตา่ ง ๆ และบางหนว่ ยงานของรฐั นยิ มใช้ คอมพิวเตอรป์ ระเภทน้ี
มนิ คิ อมพวิ เตอร์ (Minicomputer)
ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Microcomputer) เปน็ เครอื่ งคอมพวิ เตอรข์ นาดเล็ก สามารถใชง้ านโดยใชค้ นเดยี ว (Stand-alone) หรอื เชอื่ มตอ่ เปน็ เครอื ขา่ ยเพอื่ ตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั คอมพวิ เตอรเ์ ครอ่ื งอนื่ ได้ เหมาะกบั งานทั่วไป เชน่ การประมวลผลคา (Word Processing) การคานวณ (Spreadsheet) การบญั ชี (Accounting) จดั ทาสง่ิ พมิ พ์ (Desktop Publishing) และ งานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ฐานขอ้ มลู เปน็ ตน้ เราสามารถแบง่ คอมพวิ เตอร์ ส่วนบคุ คล ได้ดงั นี้
ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) ไมโครคอมพวิ เตอรส์ ามารถแบง่ ตามลักษณะไดเ้ ปน็ ประเภท ดังน้ี คอมพวิ เตอรแ์ บบเครอื่ งตง้ั โตะ๊ (Desktop computer) คอมพวิ เตอรแ์ บบแลปทอป (Laptop computer) คอมพวิ เตอรแ์ ทปเลท (Tablet computer) คอมพวิ เตอรแ์ บบพกพา (Handheld computer)
Search