Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สัมมนา ผู้บริหาร ในอนาคต (4)

สัมมนา ผู้บริหาร ในอนาคต (4)

Published by N06 โชติการ ศรีจรัญ ส1-4, 2021-12-03 05:14:21

Description: สัมมนา ผู้บริหาร ในอนาคต (4)

Search

Read the Text Version

228800

คำอธิบายรายวิชา จุดประสงค์รายวิชาเพื่ อให้ ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการและ 1. เข้าใจหลักการ กระบวนการคิดสื่อสร้างสรรค์ทาง กระบวนการคิดสื่อ ธุรกิจ องค์ประกอบ และรูปแบบของ สร้างสรรค์ทางธุรกิจ สื่อดิจิทัล เทคนิคการสร้างสรรค์สื่อ 2. สามารถผลิตสื่อ ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว สร้างสรรค์ทางธุรกิจ เสียง วีดีโอตามแนวคิดกลยุทธ์เนื้อหา 3. มีเจตคติและกิจนิสัยที่ดี และการออกแบบให้สอดคล้องกับ ในการปฏิบัติงานด้วยความ วัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ผลิตสื่อ รับผิดชอบ ซื่อสัตย์ สร้างสรรค์ทางธุรกิจโดยใช้เครื่องมือ ละเอียดรอบคอบ ดิจิทัลให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ ธุรกิจที่กำหนด สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้ หลักการ กระบวนการ คิดสื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจ 2. ออกแบบสื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจ 3. ผลิตสื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจ

หลักการนำเสนอข้อมูลและสร้างสื่อนำเสนอ การนำเสนองานหรือผลงานนั้นสื่อนำเสนอเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมเนื้อหา ของผู้บรรยายไปยังผู้ฟังและผู้ชม ดังนั้นสื่อจึงมีบทบาทสำคัญอย่างมาก สื่อที่ดี จะช่วยให้การถ่ายทอดเนื้อหาสาระทำได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ผู้ฟังและผู้ชมจะ สามารถ จดจำเนื้อหาสาระได้นานและเข้าใจในเนื้อหาได้ดีมากขึ้น ความหมาย การนำเสนอ การนำเสนอข้อมูล หมายถึง การสื่อสารเพื่อเสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น หรือความต้องการไปสู่ผู้ชม ผู้ฟังโดยใช้เทคนิคหรือวิธีการต่าง ๆ อันจะทำให้บรรลุ ผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมายของการนำเสนอ จุดมุ่งหมายในการนำเสนอ 1. เพื่อให้ผู้ชม ผู้ฟังรับเข้าใจสาระสำคัญของการนำเสนอข้อมูล 2. ให้ผู้ชม ผู้ฟังเกิดความประทับใจและนำไปสู่ความเชื่อถือในข้อมูลที่นำ เสนอ การนำเสนอผลงานโดยใช้สื่อโสตทัศนูปกรณ์ มีผลในทางจิตวิทยาการเรียนรู้ ซึ่งได้มีการ ค้นพบจากการวิจัยว่าการรับรู้ข้อมูลโดยผ่านทางประสาทสัมผัส สองอย่าง คือ ตา และหูพร้อมกันนั้น ทำให้เกิดการรับรู้ที่ดีกว่าส่งผลในด้าน ความสามารถในการจดจำได้มากกว่าการรับรู้โดยผ่านตา หรือ หูอย่างใดอย่าง หนึ่งเพียงอย่างเดียว จึงได้มีการพัฒนาสื่อโสตทัศนูปกรณ์รูปแบบต่าง ๆ ขึ้น มาใช้งาน โดยเฉพาะสื่อประสม

หลักการพื้ นฐานของ การนำเสนอผลงาน มีจุดเน้นสำคัญดังนี้ 1) การดึงดูดความสนใจ โดยการออกแบบให้สงิ่ ที่ปรากฏต่อสายตานั้นชวนมอง และมีความสบายตาสบายใจขึ้น เมื่อชมการนำเสนอ ดังนั้นการเลือกองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น สีพื้ น แบบ สี และขนาด ของตัวอักษร รูปประกอบ ต้องเหมาะสม สวยงาม 2) ความชัดเจนและคว ามกระชับของเนื้อหา ส่วนที่เป็นข้อความต้องสั้นแต่ได้ใจความชัดเจน ส่วนที่เป็นภาพประกอบต้องมี ส่ปวเWทนร่าะสOกักมัRบอพบคัTนำHมธพี์ูปอAดรยห่TะาโนงึHย่งสOชพรนั้U์านมงSคาสAำกร\"NรดแัคDง์ตก่คัWปบำรขพO้ัะองโRยคเDพควSายนีม้\"ภคทีางห่ตษไร้ืมอาอ่อเงัป\"งก็ภนกาาจรฤพรสษืิ่งภอทีหาค่วพา่วากหา\"ภมนึA่าหงพมนPัน้าันI้CยนมีTไกคม่U่าามรีRเคทใีEชวย้ภาบIมSาพ สัมพันธ์ อย่างสร้างสรรค์กับความหมายที่ต้องการสื่อ ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจ ใช้ภาพใดประกอบ จึงควรตอบคำถาม ให้ได้เสียก่อนว่าต้องการใช้ภาพเพื่อสื่อ ความหมายอะไรและภาพที่เลือกมานั้นสามารถทำหน้าที่สื่อความหมายเช่นนั้น จริงหรือไม่

3) ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย การสร้างจุดเน้นตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้นต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น กลุ่มเป้าหมายเป็นเด็ก การใช้สีสด ๆ และภาพการ์ตูนมีความเหมาะสม แต่ถ้ากลุ่ม เป้าหมายเป็นผู้ใหญ่และเนื้อหาที่นำเสนอเป็นเรื่องวิชาการหรือธุรกิจ การใช้สีสันมาก เกินไปและการใช้รูปการ์ตูนอาจทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือเพราะขาดภาพลักษณ์ของการ เอาจริงเอาจังไป หลักการเลือกใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเพื่ อการนำเสนองาน พรพิ มล อรัญเวศ ได้เสนอหลักการเลือกซอฟต์แวร์ และหลักการนำเสนอ ผลงานโดยใช้ซอฟต์แวร์ไว้ ดังนี้ 1) ทำความเข้าใจกับงานที่เราต้องการนำเสนอ ก่อนการเลือกระบบสารสนเทศมาใช้ในการนำเสนองาน นั้น เราต้องเข้าใจถึงลักษณะงานที่เราต้องการนำเสนอ ก่อนว่า เป็นงานในลักษณะใด เช่น เป็นข้อความ หรือมี การคำนวณหรือเป็นงานที่เกี่ยวกับการค้น การเก็บรักษา ข้อมูล เพื่ อเป็นแนวทางในการเลือกระบบสารสนเทศที่ เหมาะสมกับงานนั้น ๆ

2) เลือกโปรแกร มสำเร็จรูปมาใช้ เมื่อทราบลักษณะของงานที่ต้องการนำเสนอแล้ว เราจะ เลือกระบบสารสนเทศที่เหมาะสมกับการนำเสนองานนั้น งานบางอย่างเราอาจใช้ระบบสารสนเทศในการนำเสนอ ได้หลายอย่าง เราอาจต้องเลือกว่าจะใช้ระบบใด ผู้ใช้ต้อง มีความเข้าใจในความสามารถของระบบนั้น โดยเฉพาะใน ส่วนของซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมว่าแต่ละโปรแกรมมี ความสามารถใดบ้าง เราอาจจะต้องทำการประเมินว่า โปรแกรมใดมีความเหมาะสมเพียงใด แล้วจึงเลือก โปรแกรมที่เห็นว่าเหมาะสมที่สุด

3) จัดหาเครื่องมือตามควา มต้องการของซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมแต่ละโปรแกรมมีความสามารถไม่เหมือนกัน ขนาดของ โปรแกรมก็ไม่เท่ากัน ทำให้ความต้องการของฮาร์ดแวร์ในการทำงานตาม โปรแกรมนั้นแตกต่างกัน ในคู่มือการใช้งานโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์นั้นจะบอกข้อ กำหนดของฮาร์ดแวร์ที่ต้องการสำหรับการใช้งานไว้ว่าจะต้องมีส่วนประกอบอะไร บ้าง เราจะต้องจัดหาฮาร์ดแวร์ให้ได้ตามข้อกำหนดนั้นเพื่อให้สามารถใช้งาน ซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับระบบโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้กับไมโคร คอมพิวเตอร์นั้น ส่วนใหญ่สามารถนำมาใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์มาตรฐานที่มีขาย ทเัป่ว็นไปเคไดร้ื่เอลงยพิยมกพ์เสวี้นขาอุวป/กดำรณห์รปือรหะเลภาทยเสคี จรื่อองภพาิพมจพ์ะทใีช่อ้ขานจเาลดือใหกญได่้กตี่นาิ้มว คหวรืาอมฮตา้รอ์ดงดกิสารก์วท่ีา่ อาจต้องดูขนาดความต้องการว่าซอฟต์แวร์มีขนาดเท่าใด และฮาร์ดดิสก์จะพอใช้ หรือไม่ เพราะในไมโครคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องนั้นเรามักจะบรรจุโปรแกรมหรือ ซอฟต์แวร์ไว้หลายชนิด และปริมาณแฟ้มข้อมูลที่มีอยู่เดิมอาจมากจนกระทั่งพื้นที่ที่ เหลือไม่เพียงพอต่อการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูปใหม่นั้น

4 ) การใช้งา นโปรแกรม ในการใช้งานนั้น นอกาจากผู้ใช้จะต้องทำความเข้าใจการทำงานของฮาร์ดแวร์ ว่าใช้งานอย่างไรแล้ว รายละเอียดการใช้งานซอฟต์แวร์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ จะต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนการใช้งาน ส่วนใหญ่จะศึกษาจากคู่มือของ โปรแกรมสำเร็จรูปนั้นเพื่อความเข้าใจในความสามารถก่อน ปกติแล้วคู่มือการ ใช้งานมาจากเจ้าของผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ซึ่งมักจะอธิบายถึงความสามารถตาม ฟังก์ชั่นที่มีอยู่ แต่มักจะไม่ค่อยมีตัวอย่างการประยุกต์ใช้ ผู้ใช้ต้องทดลองเอง จึงได้มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถในโปรแกรมนั้น ๆ ทำคู่มือการใช้งานใน ลักษณะการประยุกต์ มีตัวอย่างของงานแสดงให้เห็น ทำให้สามารถเรียนรู้ได้ รวดเร็วขึ้นและในปัจจุบันนี้มีการทำคู่มือการใช้งานในรูปของสื่อคอมพิวเตอร์ที่ เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น ทำเป็นซีดีการใช้งาน เป็นต้น ฉะนั้นผู้ใช้งานที่ยังไม่มี ประสบการณ์จึงควรเรียนรู้จากคู่มือการใช้งาน ทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อน แล้วจึงลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง

1. การนำเสนอแบบ WEB PAGE เป็นรูปแบบการนำเสนอที่ใช้บนอินเทอร์เน็ต การนำ เสนอแบบนี้สามารถสร้างการเชื่อมโยงที่สลับซับซ้อน ระหว่างส่วนต่าง ๆ ตลอดจน สามารถสร้างการเชื่อม โยงเอกสารที่ต่างรูปแบบกันได้แต่ต้องใช้เวลาในการ จัดทำมากกว่า รูปแบบอื่นและผู้จัดทำต้องมีความรู้ ความชำนาญในโปรแกรมที่ใช้สร้างเว็บเพจ

2. การนำเสนอแบบ Slide Presentation เป็ นการนำเสนอโดยใช้โปรแกรมนำเสนอ ซึ่งเป็ นโปรแกรม ที่ใช้ง่ายมากมีรูปแบบ การนำเสนอให้เลือกใช้หลายแบบ สามารถเรียกใช้ตาราง แผนภูมิ หรือรูปภาพ ประกอบ และตกแต่งด้วยสีสัน ทั้งสีพื้น สีของตัวอักษร รูปแบบฟอนต์ ของตัว อักษรได้ง่ายและสะดวก ในปั จจุบันสื่อนำเสนอรูปแบบ Slide Presentationหรือ สไลด์ดิจิทัล มักจะสร้างด้วยโปรแกรมในกลุ่ม Presentation เช่น Microsoft PowerPoint, OfficeTLE Impress เทคนิคการออกแบบสื่อนำเสนอ สื่อนำเสนอที่ดี ความมีความโดดเด่น น่าสนใจ จะเน้นความคิด “ หนึ่งสไลด์ต่อ หนึ่งความคิด ” มีการสรุปประเด็น หรือสาระสำคัญโดยมีแนวทาง 3 ประการในการออกแบบ ได้แก่ 1) สื่อความหมายได้รวดเร็ว สื่อนำเสนอที่ดีต้องสามารถสื่อความหมายให้ผู้ฟั ง ผู้ ชมได้อย่างรวดเร็ว การออกแบบ สื่อนำเสนอในประเด็นนี้ผู้ออกแบบจะต้องทราบ กลุ่มเป้ าหมาย เนื้อหาสาระที่ต้องการนำเสนอ สถานที่ และเวลาที่ต้องการนำเสนอ เพื่อประกอบการออกแบบสื่อ เช่น กลุ่มเป้ าหมายขนาดเล็ก สื่อควรมีให้ความ สำคัญกับผู้ฟั งมากกว่าเนื้อหา สามารถนำเทคนิค หรือ Effect ต่าง ๆ ของ โปรแกรมสร้างสื่อมาใช้ได้อย่างเต็มที่ กลุ่มเป้ าหมายที่มีลักษณะโต้ตอบ เช่น การนำเสนอทางวิชาการ การบรรยาย หรือฝึ กอบรม สื่อนำเสนอควรให้ ความ สำคัญกับเนื้อหารวมทั้งยังสามารถนำเทคนิค หรือ Effect ต่าง ๆ ของโปรแกรม สร้างสื่อ มาใช้ได้อย่างเต็มที่เช่นกัน กลุ่มเป้ าหมายเฉพาะกิจ เช่นผู้บริหาร นัก วิชาการ สื่อนำเสนอจะต้องให้ความสำคัญกับเนื้อหาและตัว ผู้นำเสนอเป็ นสำคัญ เนื้อหาควรมุ่งเฉพาะเป้ าหมายของการนำเสนอ ไม่เน้น Effect มากนัก กลุ่มเป้ า หมายขนาดใหญ่ การนำเสนอมักใช้ความสำคัญกับผู้บรรยายมากกว่าเนื้อหาที่นำ เสนอ ดังนั้น สื่อนำเสนอไม่ควรเน้นที่ Effect แต่ควรให้ความสำคัญกับขนาดตัว อักษร สีตัวอักษร และลักษณะของสีพื้นสไลด์

2) เนื้อหาเป็นลำดับ สื่อนำเสนอที่ดีควรมีการจัดลำดับเนื้อหาเป็นลำดับ มี ระเบียบ ดูง่าย ไม่สับสนสิ่งที่ จะช่วยให้การออกแบบสื่อนำเสนอที่ต้องการ จัดลำดับเนื้อหาให้เป็นระเบียบ และดูง่าย คือ 2.1) รูปแบบเนื้อหา สื่อนำเสนอแต่ละสไลด์ ควรหลีกเลี่ยงการนำเสนอ แบบย่อหน้า หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรใช้ เทคนิคการเน้นแนวคิด หลัก( Main Idea) ในแต่ละย่อหน้าด้วยสีที่โดดเด่น เช่น พื้นหลังสีขาว ตัว อักษรสีดำ ควรเน้นแนวคิดหลัก ( Main Idea)ด้วยสีแดงเป็นต้น แต่ละ สไลด์เนื้อหาไม่ควรเกิน 6 – 8 บรรทัด ควรสรุปเนื้อหาให้เป็นหัวเรื่อง (Title) และหัวข้อ(Topic) หรือแนวคิดหลัก (Main Idea) 2.2) แบบอักษร การควบคุมการแสดงข้อความในแต่ละสไลด์ ควรให้ความ สำคัญ กับขนาดตัวอักษร ดังนี้ - หัวข้อใหญ่กำหนดขนาดตัวอักษรใหญ่กว่าหัวข้อย่อย - เลือกใช้แบบอักษรที่เหมาะสม - เปลี่ยนลักษณะของตัวอักษรนั้น ใช้ตัวหนาในข้อความที่ต้องการเน้น - ใช้ช่องว่างในการจัดกลุ่มของเนื้อหา - ข้อความที่ต้องการให้อ่านก่อน ควรจัดไว้ที่ตำแหน่งมุมซ้ายบนของหน้า - พิมพ์ตัวอักษรลงกรอบที่วางแบบไว้แล้ว - ขึ้นหัวข้อก่อนแล้วจึงอธิบายอย่างละเอียด - ใช้สีที่แตกต่างกัน หรือตัวอักษรสีสลับกัน

3) สื่อนำเสนอต้องสะดุดตาและน่าสนใจ สื่อนำเสนอที่ดีนั้นจะต้องมีจุดเด่นน่า สนใจ สามารถดึงดูดสายตาของผู้ดู ผู้ฟังได้ ซึ่งจุดเด่นนี้ได้มาจากขนาดของตัว อักษรที่ใหญ่ หรือจากการใช้สีที่แตกต่างออกไป รวมถึง การเลือกใช้ภาพ การ ใช้สี และการใช้ Effect ควบคุมการนำเสนอ ที่เหมาะสมประกอบ การนำเสนอ 3.1) การใช้ภาพ เนื่องจากภาพจะช่วยให้ผู้ชม ผู้ฟัง สามารถจดจำได้นานกว่าตัว อักษร ดังนั้น การแปลงเนื้อหาให้เป็นรูปภาพหรือผังภาพก็เป็นเทคนิคหนึ่งที่ สามารถสร้างความน่าสนใจ ให้กับสื่อที่นำเสนอการเลือกใช้ภาพก็ควรเลือกใช้ ภาพที่มีลักษณะที่เหมาะสมกันและกัน คือถ้าในสไลด์นั้นเลือกใช้ ภาพถ่ายก็ควร ใช้ภาพถ่ายกับภาพทุกภาพในสไลด์ แต่ถ้าเลือกใช้ภาพวาด ก็ควรเลือก ภาพวาด ทั้งสไลด์เช่นกันดังนั้นจึงไม่ควรใช้ภาพวาดผสมกับภาพถ่าย ใส่เทคนิคที่น่าสนใจ ให้กับภาพเพื่อสร้างจุดเด่น การเอียงภาพ การเว้นช่องว่างรอบภาพ การเปลี่ยนสีภาพให้แตกต่างจากปกติ ควรระวังการเลือกใช้ภาพเป็นพื้นหลัง สไลด์ เพราะอาจจะทำให้ผู้ชมสนใจ พื้นสไลด์มากกว่าเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ หรืออาจทำให้ผู้ชมไม่สนใจมองสไลด์เลยก็ได้ เนื่องจากภาพทำให้ตัวอักษรไม่โดด เด่น ไม่น่ามอง หรืออ่านยาก 3.2) การใช้สี การเลือกใช้สี ควรเลือกใช้สีที่ตัดกันระหว่างสีตัวอักษร สีวัตถุ และ สีพื้น เช่น เลือกใช้พื้นสไลด์เป็นสีขาวหรือสีอ่อน ๆ สีตัวอักษรก็ควรจะเป็นสีดำ สีน้ำเงินเข็มหรือสีแดงเลือดหมู กรณีเลือกใช้พื้นสไลด์เป็นสีเข็ม ควรเลือกใช้สีตัว อักษรที่มองเห็นได้ชัด ในระยะไกลเช่น สีขาว สีฟ้าอ่อน ควรหลีกเลี่ยงการใช้สีใน โทนร้อน เช่น สีแดงสด สีเหลือกสด สีเขียวสด สีวัตถุ สีแท่งกราฟหรือสีของ ตาราง ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับสีตัวอักษร และสีพื้นด้วย การเลือกใช้สีใด ๆ ก็ ควรเป็นสีในชุดเดียวกันสำหรับสไลด์ทั้งหมด ไม่ควรใช้หนึ่งสี หนึ่งไลด์ 3.3) การใช้ Effect ควบคุมการนำเสนอ ไม่ควรใส่ Effect มากเกินไป เพราะ จะส่งผลให้ผู้ชม ผู้ฟัง สนใจ Effect มากกว่าเนื้อหาที่นำเสนอ หรืออาจไม่สนใจ การนำเสนอเลยก็ได้ และ Effect ที่มากนี้จะเป็น การรบกวนการจดจำ การ อ่าน หรือการชมอย่างรุนแรง เลือกใช้ Effect ไม่ควรเกิน 3 แบบ ในแต่ละ สไลด์ควรเลือกใช้ Effectแสดงข้อความที่เลื่อนจากขอบ ซ้ายมาขอบขวา ของ จอ เนื่องจากธรรมชาติการอ่านของคนไทยจะอ่านข้อความจากกรอบบนลงมา และอ่านจากด้านซ้ายไปด้านขวา

หลักการออกแบบการนำเสนอด้วยส่อธุรกิจดิจิทัล หลักการออกแบบการนำเสนอข้อมูลข้อมูลโดยทั่วไปจะมีหลัก การคล้ายๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ เช่น สไลด์ เว็บเพจ สื่อการสอน วึ่งส่วนใหญ่จะมีวิธีการดังนี้ 1.) ความเรียบง่าย : จัดทำสไ ลด์ให้ดูเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะ ทำได้ เช่น ใช้สีอ่อนเป็นพื้นหลั งเพื่อไม่รบกวนสายตาในการ อ่าน และสามารถเห็นเนื้อหาได้อย่างชัดเจน หรือใช้พื้นหลัง ตามลักษณะเนื้ อหา 2.) มีความคงตัว : เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการนำเสนอสไลด์ซึ่ง เป็นเนื้อหาเนื้อหาในเรื่องเดียวกัน คือ ต้องมีความคงตัวในการ ออกแบบสไลด์ซึ่งหมายถึงต้องใช้รูปแบบสไลด์เดียวกันทุก แผ่นที่เกี่ยวกับเนื้อหานั้น โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสี พื้นหลัง หรือขนาดและแบบอักษร แต่หากต้องการเน้ นจุดสำคัญหรือ เป็นเนื้อหาย่อยออกไปจะสามารถเปลี่ยนบางสิ่ง เช่น สีตัว อักษรในสไลด์ให้ดูแตกต่างไปได้บ้างหรืออาจมีการเปลี่ยนสีพื้น หลังให้แตกต่างจากเนื้อหาเล็กน้ อย

3.) ใช้ความสมดุล : การออกแบบส่วนประกอบของสไลด์ ให้ มีลักษณะสมดุลมีแบบแผน หรือ สมดุลไม่มีแบบแผน ก็ได้แต่ต้องระวังสไลด์ทุกแผ่นให้มีลักษณะของความสมดุล ที่เลือกใช้ให้เหมือนกันเพื่ อความคงตัว 4.) มีแนวคิดเดียวในสไลด์แต่ละแผ่น : ข้อความและภาพ ที่บรรจุในสไลด์แผ่นหนึ่งๆ ต้องเป็ นเนื้อหาของแต่ละ แนวคิดเท่านั้น หากเนื้อหานั้นมีหลายแนวคิด หรือเนื้อหา ย่อยต้องใช้สไลด์แผ่นใหม่ 5.) สร้างความกลมกลืน : ใช้แบอักษรและภาพกราฟิ กให้ เหมาะสมกับลักษณะของเนื้อหาใช้แบบอักษรที่อ่านง่าย และใช่สีที่ดูแล้วสบายตา เลือกกราฟิ กที่ไม่ซับซ้อน และให้ ถูกต้องตรงตามเนื้อหารวมถึงให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่เป็ น ทางการ หรือไม่เป็ นทางการด้วย 6.) แบบอักษร : ไม่ใช่อักษรมากกว่า 2 แบบ ในสไลด์เรื่อง หนึ่ง โดยใช้แบบหนึ่งเป็ นหัวข้อ และอีกแบบหนึ่งเป็ น เนื้อหา หากต้องการเน้นข้อความตอนใดให้ใช้ตัวหนา หรือ ตัวเอน แทนเพื่อการแบ่งแยกให้เป็ นความแตกต่าง

7.) เนื้อหา และจุดนำข้อความ : ข้อความในสไลด์ควรเป็น เฉพาะหัวข้อ หรือเนื้อหาสำคัญเท่านั้นโดยไม่มีรายละเอียดของ เนื้อหา และควรนำเสนอเป็นแต่ละย่อหน้ า โดยอาจมีจุดนำข้อ ความอยุ่ข้างหน้ าเพื่อแสดงให้ทราบถึงเนื้อหาแต่ละประเด็น และ ไม่ควรมีจุดนำข้อความมากว่า 4 จุดในสไลด์หนึ่งแผ่น 8.) เลือกใช้กราฟิกอย่างระมัดระวัง : การใช้กราฟิกที่เหมาะสม จะสามรถเพิ่มการเรียนรุ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากใช้ กราฟิกที่ไม่เหมาะสมกับเนื้อหาจะทำให้การเรียนรู้นั้นลดลง และ อาจทำให้สื่อความหมายผดไปได้ 9.) ความคมชัดของภาพ : เนื่องจากความคมชัดของจอ มอนิเตอร์มีเพียง 72-96 DPI เท่านั้น ภาพกราฟิกที่นำเสนอ ประกอบในเนื้ อหาจึงไม่จำเป็ นต้องใช้ภาพที่มีความชัดสูงมาก ควรใช้ภาพในรุปแบบ JPEG ที่มีความคมชัดปานกลาง และ ขนาดใหญ่มากนัก ประมาณ 20-50 KB จึงควรทำการบีบอัด หรือ compress และลดขนาดก่อนเพื่อไม่ให้เปลืองเนื้อที่ในการ เก็บบันทึก 10.) เลือกต้นแบบสไลด์ และแบบอักษรที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ ร่วม : เนื่องจากการนำเสนอต้องมมีการเชื่อม



หลักการนำเสนอข้อมูลและสร้างสื่อนำเสนอ การนำเสนองานหรือผลงานนั้นสื่อนำเสนอเปรียบเสมือนสะพานเชื่อม เนื้อหา ของผู้บรรยายไปยังผู้ฟังและผู้ชม ดังนั้นสื่อจึงมีบทบาทสำคัญ อย่างมาก สื่อที่ดี จะช่วยให้การถ่ายทอดเนื้อหาสาระทำได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งขึ้น ผู้ฟังและผู้ชมจะสามารถ จดจำเนื้อหาสาระได้นานและเข้าใจใน เนื้อหาได้ดีมากขึ้น ความหมายการนำเสนอ การนำเสนอข้อมูล หมาย ถึง การสื่อสารเพื่อเสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น หรือความต้องการ ไปสู่ผู้ชม ผู้ฟังโดยใช้เทคนิคหรือวิธีการต่าง ๆ อันจะทำให้บรรลุ ผล สำเร็จตามจุดมุ่งหมายของการนำเสนอ จุดมุ่งหมายในการนำเสนอ 1. เพื่อให้ผู้ชม ผู้ฟังรับเข้าใจสาระสำคัญของการนำเสนอข้อมูล 2. ให้ผู้ชม ผู้ฟังเกิดความประทับใจและนำไปสู่ความเชื่อถือในข้อมูลที่ นำเสนอ การนำเสนอผลงานโดยใช้สื่อโสตทัศนูปกรณ์ มีผลในทางจิตวิทยาการ เรียนรู้ ซึ่งได้มีการ ค้นพบจากการวิจัยว่าการรับรู้ข้อมูลโดยผ่านทาง ประสาทสัมผัสสองอย่าง คือ ตา และหูพร้อมกันนั้น ทำให้เกิดการรับรู้ที่ ดีกว่าส่งผลในด้านความสามารถในการจดจำได้มากกว่าการรับรู้โดย ผ่านตา หรือ หูอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว จึงได้มีการพัฒนาสื่อ โสตทัศนูปกรณ์รูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาใช้งาน โดยเฉพาะสื่อประสม

หลักการพื้นฐานของการนำเสนอผลงาน มีจุดเน้ นสำคัญดังนี้ 1) การดึงดูดความสนใจ โดยการออกแบบให้สิ่งที่ปรากฏต่อสายตานั้นชวนมอง และมีความสบายตาสบายใจขึ้น เมื่อชมการนำเสนอ ดัง นั้นการเลือกองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น สีพื้น แบบ สี และ ขนาดของตัวอักษร รูปประกอบ ต้องเหมาะสม สวยงาม 2) ความชัดเจนและความกระชับของเนื้อหา ส่วนที่เป็นข้อความต้องสั้นแต่ได้ใจความชัดเจน ส่วนที่ เป็ นภาพประกอบต้องมีส่วนสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์กับ ข้อความที่ต้องการสื่อความหมาย การใช้ภาพประกอบ มี ประโยชน์มาก ดังคำพังเพยภาษาอังกฤษที่ว่า \"A picture is worth a thousand words\" หรือ \"ภาพภาพหนึ่งนั้นมี ค่าเทียบเท่ากับคำพูดหนึ่งพันคำ\" แต่ประโยคนี้คงไม่เป็น จริงหากภาพนั้นไม่มีความสัมพันธ์ อย่างสร้างสรรค์กับ ความหมายที่ต้องการสื่อ ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจใช้ภาพ ใดประกอบ จึงควรตอบคำถาม ให้ได้เสียก่อนว่าต้องการ ใช้ภาพเพื่อสื่อความหมายอะไรและภาพที่เลือกมานั้น สามารถทำหน้ าที่สื่อความหมายเช่นนั้นจริงหรือไม่

3) ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้ าหมาย การสร้างจุดเน้นตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้นต้อง คำนึงถึงกลุ่มเป้ าหมายด้วย เช่น กลุ่มเป้ าหมาย เป็ นเด็ก การใช้สีสด ๆ และภาพการ์ตูนมีความ เหมาะสม แต่ถ้ากลุ่มเป้ าหมายเป็ นผู้ใหญ่และ เนื้อหาที่นำเสนอเป็ นเรื่องวิชาการหรือธุรกิจ การใช้สีสันมากเกินไปและการใช้รูปการ์ตูนอาจ ทำให้ดูไม่น่ าเชื่ อถือเพราะขาดภาพลักษณ์ ของ การเอาจริงเอาจังไป หลักการเลือกใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเพื่ อการนำ เสนองาน พรพิมล อรัญเวศ ได้เสนอหลักการเลือก ซอฟต์แวร์ และหลักการนำเสนอผลงานโดยใช้ ซอฟต์แวร์ไว้ ดังนี้

1) ทำความเข้าใจกับงานที่เราต้องการนำเสนอ ก่อนการเลือกระบบสารสนเทศมาใช้ในการนำเสนอ งานนั้น เราต้องเข้าใจถึงลักษณะงานที่เราต้องการ นำเสนอก่อนว่า เป็นงานในลักษณะใด เช่น เป็น ข้อความ หรือมีการคำนวณหรือเป็นงานที่เกี่ยวกับ การค้น การเก็บรักษาข้อมูล เพื่อเป็นแนวทางในการ เลือกระบบสารสนเทศที่เหมาะสมกับงานนั้น ๆ 2) เลือกโปรแกรมสำเร็จรูปมาใช้ เมื่อทราบลักษณะของงานที่ต้องการนำเสนอแล้ว เราจะเลือกระบบสารสนเทศที่เหมาะสมกับการนำ เสนองานนั้น งานบางอย่างเราอาจใช้ระบบ สารสนเทศในการนำเสนอได้หลายอย่าง เราอาจต้อง เลือกว่าจะใช้ระบบใด ผู้ใช้ต้องมีความเข้าใจในความ สามารถของระบบนั้น โดยเฉพาะในส่วนของ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมว่าแต่ละโปรแกรมมีความ สามารถใดบ้าง เราอาจจะต้องทำการประเมินว่า โปรแกรมใดมีความเหมาะสมเพียงใด แล้วจึงเลือก โปรแกรมที่เห็นว่าเหมาะสมที่สุด

3) จัดหาเครื่องมือตามความต้องการของซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมแต่ละโปรแกรมมีความสามารถไม่เหมือน กัน ขนาดของโปรแกรมก็ไม่เท่ากัน ทำให้ความต้องการของ ฮาร์ดแวร์ในการทำงานตามโปรแกรมนั้นแตกต่างกัน ในคู่มือการ ใช้งานโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์นั้นจะบอกข้อกำหนดของฮาร์ดแวร์ ที่ต้องการสำหรับการใช้งานไว้ว่าจะต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้าง เราจะต้องจัดหาฮาร์ดแวร์ให้ได้ตามข้อกำหนดนั้นเพื่อให้สามารถใช้ งานซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับระบบโปรแกรม สำเร็จรูปที่ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์นั้น ส่วนใหญ่สามารถนำมาใช้ กับไมโครคอมพิวเตอร์มาตรฐานที่มีขายทั่วไปได้เลย ยกเว้น อุปกรณ์ประเภทเครื่องพิมพ์ที่อาจเลือกได้ตามความต้องการว่าเป็น เครื่องพิมพ์สีขาว/ดำ หรือหลายสี จอภาพจะใช้ขนาดใหญ่กี่นิ้ว หรือฮาร์ดดิสก์ที่อาจต้องดูขนาดความต้องการว่าซอฟต์แวร์มีขนาด เท่าใด และฮาร์ดดิสก์จะพอใช้หรือไม่ เพราะในไมโครคอมพิวเตอร์ หนึ่งเครื่องนั้นเรามักจะบรรจุโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ไว้หลายชนิด และปริมาณแฟ้มข้อมูลที่มีอยู่เดิมอาจมากจนกระทั่งพื้นที่ที่เหลือไม่ เพียงพอต่อการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูปใหม่นั้น

4 ) การใช้งานโปรแกรม ในการใช้งานนั้น นอกาจากผู้ใช้จะต้องทำความเข้าใจการทำงานของ ฮาร์ดแวร์ว่าใช้งานอย่างไรแล้ว รายละเอียดการใช้งานซอฟต์แวร์ ก็ เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้จะต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนการใช้งาน ส่วนใหญ่จะศึกษาจากคู่มือของโปรแกรมสำเร็จรูปนั้นเพื่อความ เข้าใจในความสามารถก่อน ปกติแล้วคู่มือการใช้งานมาจากเจ้าของ ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ซึ่งมักจะอธิบายถึงความสามารถตามฟังก์ชั่นที่มี อยู่ แต่มักจะไม่ค่อยมีตัวอย่างการประยุกต์ใช้ ผู้ใช้ต้องทดลองเอง จึงได้มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถในโปรแกรมนั้น ๆ ทำคู่มือการใช้ งานในลักษณะการประยุกต์ มีตัวอย่างของงานแสดงให้เห็น ทำให้ สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้นและในปัจจุบันนี้มีการทำคู่มือการใช้งาน ในรูปของสื่อคอมพิวเตอร์ที่เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น ทำเป็นซีดีการใช้ งาน เป็นต้น ฉะนั้นผู้ใช้งานที่ยังไม่มีประสบการณ์จึงควรเรียนรู้จาก คู่มือการใช้งาน ทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อน แล้วจึงลงมือปฏิบัติ ด้วยตนเอง

รูปแบบการนำเสนอข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันที่นิยมใช้ กันมี 2 รูปแบบ คือ 1. การนำเสนอแบบ Web page เป็นรูปแบบการนำเสนอที่ใช้บนอินเทอร์เน็ต การนำเสนอแบบนี้ สามารถสร้างการเชื่อมโยงที่สลับซับซ้อนระหว่างส่วนต่าง ๆ ตลอดจน สามารถสร้างการเชื่อมโยงเอกสารที่ต่างรูปแบบกัน ได้แต่ต้องใช้เวลาในการจัดทำมากกว่า รูปแบบอื่นและผู้จัดทำ ต้องมีความรู้ความชำนาญในโปรแกรมที่ใช้สร้างเว็บเพจ 2. การนำเสนอแบบ Slide Presentation เป็นการนำเสนอโดยใช้โปรแกรมนำเสนอ ซึ่งเป็นโปรแกรม ที่ใช้ ง่ายมากมีรูปแบบการนำเสนอให้เลือกใช้หลายแบบ สามารถ เรียกใช้ตาราง แผนภูมิ หรือรูปภาพประกอบ และตกแต่งด้วย สีสัน ทั้งสีพื้น สีของตัวอักษร รูปแบบฟอนต์ ของตัวอักษรได้ ง่ายและสะดวก ในปัจจุบันสื่อนำเสนอรูปแบบ Slide Presentationหรือ สไลด์ดิจิทัล มักจะสร้างด้วยโปรแกรมใน กลุ่ม Presentation เช่น Microsoft PowerPoint, OfficeTLE Impress เทคนิคการออกแบบสื่อนำเสนอ สื่อนำ เสนอที่ดี ความมีความโดดเด่น น่าสนใจ จะเน้นความคิด “ หนึ่งสไลด์ต่อ หนึ่งความคิด ” มีการสรุปประเด็น หรือสาระ สำคัญโดยมีแนวทาง 3 ประการในการออกแบบ ได้แก่

1) สื่อความหมายได้รวดเร็ว สื่อนำเสนอที่ดีต้องสามารถ สื่อความหมายให้ผู้ฟัง ผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว การ ออกแบบ สื่อนำเสนอในประเด็นนี้ผู้ออกแบบจะต้อง ทราบกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาสาระที่ต้องการนำเสนอ สถานที่ และเวลาที่ต้องการนำเสนอเพื่อประกอบการ ออกแบบสื่อ เช่น กลุ่มเป้าหมายขนาดเล็ก สื่อควรมีให้ ความสำคัญกับผู้ฟังมากกว่าเนื้อหา สามารถนำเทคนิค หรือ Effect ต่าง ๆ ของโปรแกรมสร้างสื่อมาใช้ได้ อย่างเต็มที่ กลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะโต้ตอบ เช่น การนำเสนอทางวิชาการ การบรรยาย หรือฝึกอบรม สื่อนำเสนอควรให้ ความสำคัญกับเนื้อหารวมทั้งยัง สามารถนำเทคนิค หรือ Effect ต่าง ๆ ของโปรแกรม สร้างสื่อ มาใช้ได้อย่างเต็ม ที่เช่นกัน กลุ่มเป้าหมาย เฉพาะกิจ เช่นผู้บริหาร นักวิชาการ สื่อนำเสนอจะต้อง ให้ความสำคัญกับเนื้อหาและตัว ผู้นำเสนอเป็นสำคัญ เนื้อหาควรมุ่งเฉพาะเป้าหมายของการนำเสนอ ไม่เน้น Effect มากนัก กลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ การนำเสนอ มักใช้ความสำคัญกับผู้บรรยายมากกว่าเนื้อหาที่นำ เสนอ ดังนั้น สื่อนำเสนอไม่ควรเน้นที่ Effect แต่ควร ให้ความสำคัญกับขนาดตัวอักษร สีตัวอักษร และ ลักษณะของสีพื้นสไลด์

2) เนื้อหาเป็นลำดับ สื่อนำเสนอที่ดีควรมีการจัดลำดับเนื้อหา เป็นลำดับ มีระเบียบ ดูง่าย ไม่สับสนสิ่งที่ จะช่วยให้การ ออกแบบสื่อนำเสนอที่ต้องการจัดลำดับเนื้อหาให้เป็นระเบียบ และดูง่าย คือ 2.1) รูปแบบเนื้อหา สื่อนำเสนอแต่ละสไลด์ ควรหลีกเลี่ยง การนำเสนอแบบย่อหน้า หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรใช้ เทคนิคการเน้นแนวคิดหลัก( Main Idea) ในแต่ละย่อหน้าด้วยสี ที่โดดเด่น เช่น พื้นหลังสีขาว ตัวอักษรสีดำ ควรเน้นแนวคิด หลัก ( Main Idea)ด้วยสีแดงเป็นต้น แต่ละสไลด์เนื้อหาไม่ควร เกิน 6 – 8 บรรทัด ควรสรุปเนื้อหาให้เป็นหัวเรื่อง (Title) และ หัวข้อ(Topic) หรือแนวคิดหลัก (Main Idea) 2.2) แบบอักษร การควบคุมการแสดงข้อความในแต่ละสไลด์ ควรให้ความสำคัญ กับขนาดตัวอักษร ดังนี้ - หัวข้อใหญ่กำหนดขนาดตัวอักษรใหญ่กว่าหัวข้อย่อย - เลือกใช้แบบอักษรที่เหมาะสม - เปลี่ยนลักษณะของตัวอักษรนั้น ใช้ตัวหนาในข้อความที่ ต้องการเน้น - ใช้ช่องว่างในการจัดกลุ่มของเนื้อหา - ข้อความที่ต้องการให้อ่านก่อน ควรจัดไว้ที่ตำแหน่งมุมซ้าย บนของหน้า - พิมพ์ตัวอักษรลงกรอบที่วางแบบไว้แล้ว - ขึ้นหัวข้อก่อนแล้วจึงอธิบายอย่างละเอียด - ใช้สีที่แตกต่างกัน หรือตัวอักษรสีสลับกัน

3) สื่อนำเสนอต้องสะดุดตาและน่าสนใจ สื่อนำเสนอที่ดี นั้นจะต้องมีจุดเด่นน่าสนใจ สามารถดึงดูดสายตาของผู้ดู ผู้ฟั งได้ ซึ่งจุดเด่นนี้ได้มาจากขนาดของตัวอักษรที่ใหญ่ หรือจากการใช้สีที่แตกต่างออกไป รวมถึง การเลือกใช้ ภาพ การใช้สี และการใช้ Effect ควบคุมการนำเสนอ ที่ เหมาะสมประกอบ การนำเสนอ 3.1) การใช้ภาพ เนื่ องจากภาพจะช่วยให้ผู้ชม ผู้ฟั ง สามารถจดจำได้นานกว่าตัวอักษร ดังนั้น การแปลงเนื้อหา ให้เป็ นรูปภาพหรือผังภาพก็เป็ นเทคนิคหนึ่งที่สามารถสร้าง ความน่าสนใจ ให้กับสื่อที่นำเสนอการเลือกใช้ภาพก็ควร เลือกใช้ภาพที่มีลักษณะที่เหมาะสมกันและกัน คือถ้าใน สไลด์นั้นเลือกใช้ ภาพถ่ายก็ควรใช้ภาพถ่ายกับภาพทุกภาพ ในสไลด์ แต่ถ้าเลือกใช้ภาพวาด ก็ควรเลือก ภาพวาดทั้ง สไลด์เช่นกันดังนั้นจึงไม่ควรใช้ภาพวาดผสมกับภาพถ่าย ใส่เทคนิคที่น่าสนใจให้กับภาพเพื่อสร้างจุดเด่น การเอียง ภาพ การเว้นช่องว่างรอบภาพ การเปลี่ยนสีภาพให้แตกต่างจากปกติ ควรระวังการเลือก ใช้ภาพเป็ นพื้นหลังสไลด์ เพราะอาจจะทำให้ผู้ชมสนใจ พื้น สไลด์มากกว่าเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ หรืออาจทำให้ผู้ชม ไม่สนใจมองสไลด์เลยก็ได้ เนื่ องจากภาพทำให้ตัวอักษรไม่ โดดเด่น ไม่น่ามอง หรืออ่านยาก

3.2) การใช้สี การเลือกใช้สี ควรเลือกใช้สีที่ตัดกัน ระหว่างสีตัวอักษร สีวัตถุ และสีพื้น เช่น เลือกใช้พื้น สไลด์เป็ นสีขาวหรือสีอ่อน ๆ สีตัวอักษรก็ควรจะเป็ น สีดำ สีน้ำเงินเข็มหรือสีแดงเลือดหมู กรณีเลือกใช้พื้น สไลด์เป็ นสีเข็ม ควรเลือกใช้สีตัวอักษรที่มองเห็นได้ ชัด ในระยะไกลเช่น สีขาว สีฟ้ าอ่อน ควรหลีกเลี่ยง การใช้สีในโทนร้อน เช่น สีแดงสด สีเหลือกสด สี เขียวสด สีวัตถุ สีแท่งกราฟหรือสีของตาราง ก็ควร เลือกให้เหมาะสมกับสีตัวอักษร และสีพื้นด้วย การ เลือกใช้สีใด ๆ ก็ควรเป็ นสีในชุดเดียวกันสำหรับ สไลด์ทั้งหมด ไม่ควรใช้หนึ่งสี หนึ่งไลด์ 3.3) การใช้ Effect ควบคุมการนำเสนอ ไม่ควรใส่ Effect มากเกินไป เพราะจะส่งผลให้ผู้ชม ผู้ฟั ง สนใจ Effect มากกว่าเนื้อหาที่นำเสนอ หรืออาจไม่สนใจ การนำเสนอเลยก็ได้ และ Effect ที่มากนี้จะเป็ น การ รบกวนการจดจำ การอ่าน หรือการชมอย่างรุนแรง เลือกใช้ Effect ไม่ควรเกิน 3 แบบ ในแต่ละสไลด์ ควรเลือกใช้ Effectแสดงข้อความที่เลื่อนจากขอบ ซ้ายมาขอบขวา ของจอ เนื่ องจากธรรมชาติการอ่าน ของคนไทยจะอ่านข้อความจากกรอบบนลงมา และ อ่านจากด้านซ้ายไปด้านขวา

อุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยในการนำเสนอผลงาน อุปกรณ์ดิจิทัลที่สามารถถ่ายทอดภาพและเสียงในงานนำ เสนอเพื่อให้งานนำเสนอมีคุณภาพ เข้าถึงผู้ชมและผู้ฟังได้ อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้ 1. โพรเจกเตอร์ (Projector) เป็นอุปกรณ์ฉายภาพที่ใช้ ในการนำเสนอ โดยสามารถรองรับสัญญาณภาพจาก คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวีซีดี เครื่องเล่นดีวีดี และเครื่อง กำเนิดภาพอื่น ๆ แล้วแสดงผล ขยายขนาดบนจอรับภาพ ช่วยให้มองเห็นได้ไกลขึ้น เหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูล ในห้องประชุม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถมองเห็น ภาพหรือข้อความได้อย่างชัดเจน 2. วิชวลไลเซอร์ (Visualizer) เป็นอุปกรณ์ฉายภาพ ระบบดิจิทัลประเภทหนึ่ง ซึ่งพัฒนามาจากโอเวอร์เฮดหรือ เครื่องฉายข้ามศีรษะ ใช้แสดงภาพวัตถุและเอกสารสู่จอรับ ภาพที่มีอยู่จริงได้เลย โดยไม่ต้องดัดแปลง อุปกรณ์นี้ เหมาะสำหรับใช้ในการนำเสนองานต่าง ๆ โดยเฉพาะครู- อาจารย์ที่สอนหนังสือ และใช้ได้ดีในการนำเสนอภาพนิ่ง มากกว่าภาพเคลื่อนไหว แต่ภาพที่แสดงออกมานั้นก็ให้ ความคมชัด มีสีสดใส และมีโหมดของการแสดงภาพให้ ปรับการทำงานด้วย การควบคุมการทำงานสามารถทำได้ โดยใช้รีโมต

อุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยในการนำเสนอผลงาน อุปกรณ์ดิจิทัลที่สามารถถ่ายทอดภาพและเสียงในงานนำเสนอเพื่อ ให้งานนำเสนอมีคุณภาพ เข้าถึงผู้ชมและผู้ฟังได้อย่างมี ประสิทธิภาพ มีดังนี้ 1. โพรเจกเตอร์ (Projector) เป็นอุปกรณ์ฉายภาพที่ใช้ในการนำ เสนอ โดยสามารถรองรับสัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่น วีซีดี เครื่องเล่นดีวีดี และเครื่องกำเนิดภาพอื่น ๆ แล้วแสดงผล ขยายขนาดบนจอรับภาพช่วยให้มองเห็นได้ไกลขึ้น เหมาะสำหรับ การนำเสนอข้อมูลในห้องประชุม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถ มองเห็นภาพหรือข้อความได้อย่างชัดเจน 2. วิชวลไลเซอร์ (Visualizer) เป็นอุปกรณ์ฉายภาพระบบดิจิทัล ประเภทหนึ่ง ซึ่งพัฒนามาจากโอเวอร์เฮดหรือเครื่องฉายข้ามศีรษะ ใช้แสดงภาพวัตถุและเอกสารสู่จอรับภาพที่มีอยู่จริงได้เลย โดยไม่ ต้องดัดแปลง อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับใช้ในการนำเสนองานต่าง ๆ โดยเฉพาะครู-อาจารย์ที่สอนหนังสือ และใช้ได้ดีในการนำเสนอภาพ นิ่งมากกว่าภาพเคลื่อนไหว แต่ภาพที่แสดงออกมานั้นก็ให้ความคม ชัด มีสีสดใส และมีโหมดของการแสดงภาพให้ปรับการทำงานด้วย การควบคุมการทำงานสามารถทำได้โดยใช้รีโมต 3. กล้องถ่ายรูปดิจิทัล (Digital Camera) เป็นอุปกรณ์รับภาพที่ เปลี่ยนจากฟิล์มมาเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อถ่ายรูปที่ ต้องการแล้ว รูปจะถูกเก็บลงในหน่วยความจำ (memory) ที่อยู่ใน กล้อง เมื่อต้องการดูรูปทำได้โดยการถ่ายข้อมูลจากหน่วยความจำ ลงบนเครื่องพิมพ์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาพที่ได้จะมีขนาดตามที่ ต้องการ สามารถย่อหรือขยาย ปรับแสงหรือเงาแล้วแต่ความพอใจ หรือจะเพิ่มรูปแบบก็สามารถทำได้ และเมื่อจะถ่ายใหม่ ก็สามารถใช้ หน่วยความจำเดิมได้เลย โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อฟิล์ม

4. กล้องถ่ายวีดิทัศน์ดิจิทัล เป็นอุปกรณ์รับภาพที่บันทึก ข้อมูล ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เก็บไว้ในหน่วย ความจำแบบแฟลชภายในกล้อง สามารถย่อหรือขยาย ปรับ แสงเงาของภาพได้ และในปัจจุบันสามารถคัดลอกข้อมูลลง ในแผ่นดีวีดีได้เลย โดยไม่ต้องโอนลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ 5. คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์ขนาดสมุดบันทึก หรือโน้ตบุ๊ก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สร้างงานนำเสนอ เป็นสื่อกลาง ในการเชื่อมโยงอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น โพรเจกเตอร์ เพื่อนำเสนอ งาน และใช้นำเสนองานผ่านจอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ 6. เครื่องเล่นเสียง หรือเครื่องเล่นเอ็มพีสาม (MP3) เป็น อุปกรณ์ซึ่งบรรจุข้อมูลเสียงที่ใช้เล่นในคอมพิวเตอร์และ สามารถถ่ายโอนข้อมูลเข้าไปในคอมพิวเตอร์ได้ โดยข้อมูล เสียงนั้นใช้เทคโนโลยีบีบอัดให้มีขนาดเล็กลงมากกว่าข้อมูล เสียงปกติถึง 12 เท่า แม้ขนาดข้อมูลจะเล็กลง แต่คุณภาพ เสียงไม่ได้เสียไป อย่างไรก็ตาม หากเรานำข้อมูลเสียงจาก เครื่องเล่น MP3 ไปเล่นในเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า จะได้ เสียงในลักษณะกระตุกหรือใช้การไม่ได้เลย 7. โทรศัพท์เคลื่อนที่บางรุ่น เป็นอุปกรณ์ตัวกลางที่ผู้ใช้ สามารถนำเสนองานที่สร้างด้วยซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์เพา เวอร์พอยต์ผ่านเครื่องโพรเจกเตอร์ได้สะดวก ง่ายต่อการติด ตั้ง เพียงเชื่อมต่อโพรเจกเตอร์เข้ากับโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่าน สายเคเบิล แล้วเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยบลูทูธ

นอกจากอุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยในการนำเสนอผลงาน แล้ว ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญในการนำเสนองาน คือ คำบรรยาย หรือบทพากย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบ ด้านโสตหรือเสียงนั่นเอง โดยมีวิธีการและหลักใน การพิจารณาดังนี้ 1. การบรรยายสด เหมาะสำหรับการประชุมหรือ สัมมนาที่ต้องการให้ผู้ชมมีส่วนร่วม เพราะผู้บรรยาย ในกรณีนี้เป็นผู้ที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเนื้อหาเป็นอย่าง ดีรู้ว่าควรจะเน้นตรงจุดใดและปฏิกิริยาจากผู้ชม ทำให้ผู้บรรยายรู้ว่าผู้ชมสามารถติดตามทำความ เข้าใจได้เพียงพอหรือไม่รู้ว่าส่วนไหนจะต้องอธิบาย ขยายความมากน้อยเพียงใด 2. การพากย์ เหมาะสำหรับเนื้อหาที่สามารถ ถ่ายทอดได้โดยไม่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้ชม ข้อดีคือสามารถเลือกใช้เสียงพากย์ที่มีความไพเราะ น่าฟัง สามารถเลือกใช้ดนตรี หรือเสียงประกอบ (Sound effect) เพื่อสร้างบรรยากาศ แต่ข้อเสีย คือไม่มีความยืดหยุ่น ไม่สามารถปรับให้เหมาะสมกับ ความรู้สึกของผู้ชมในขณะนั้น



มื่อคุณต้องนำเสนองานที่สำคัญ PowerPoint เป็นหนึ่งในเพื่อนที่คู่ใจกับ หลายๆคนมากที่สุดในการแสดงออก สามารถดึงดูดและเรียกความสนใจต่อ สายตาของผู้ฟังเป็นอย่างดี ในการใส่การเคลื่อนไหว (Animations) ในสไลด์เป็นเพียงวิธีการง่ายๆ ซึ่งใน การบทเรียนนี้คุณจะได้เรียนการใส่ลูกเล่นการเคลื่อนไหวลงใน Microsoft PowerPoint Note: ในบทเรียนวันนี้เราได้ใช้บทความยอดนิยมอย่าง Simplicity PowerPoint Template และคุณสามารถเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก great PowerPoint templates ใน GraphicRiver.

คำอธิบายรายวิชา ศึ ก ษ า แ ล ะ ป ฏิ บั ติ เ กี่ ย ว กั บ ห ลั ก ก า ร แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร คิ ด สื่ อ ส ร้า ง ส ร ร ค์ ท า ง ธุ ร กิ จ องค์ประกอบ และรูปแบบของสื่อดิจิทัล เทคนิคการสร้างสรรค์สื่อข้อความ ภาพ นิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดีโอ ตาม แนวคิด กลยุทธ์ เนื้อหาและการออกแบบ ให้สอดคล้องกบวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ผ ลิ ต สื่ อ ส ร้า ง ส ร ร ค์ ท า ง ธุ ร กิ จ โ ด ย ใ ช้ เ ค รื่ อ ง มือ ดิ จิทั ล ใ ห้ ส อ ด ค ล้ อ ง ก บ ก ล ยุ ท ธ์ ของธุรกิจที่กาหนด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook