พทุ ธพิชติ มาร
พุทธพชิ ติ มาร ๑ พุทธพชิ ิตมาร นพดล ฐิตสโุ ภ (นอ้ ยเหนอ่ื ย) พ.ศ. ๒๕๕๗ ศรีบรมโพธิสัตว์ประทับวัชรอาสน์ มุ่งม่ันหมายมาด พระทัยในพระสัพพัญญุตญาณ มิสะทกสะท้านวุ่นวายหวาดหวั่นไหว ผินพระพักตร์ไปสู่บูรพาทิศ หันพระปฤษฎางค์เข้าโคนไม้อัสสัตถะ แล้วทรงเอ้ือนออกพระโอษฐ์ดารัส ต้ังพระสัตยาธิษฐาน ด้วยพระ สุรเสียงกึงก้องกังวานหวานกว่าสาเนียงเสียงพญาการเวก มีเสน่ห์ เสนาะไพเราะเพราะเป็นเอกกว่าเสียงท้าวมหาพรหม อันบรมภาษิต ปณิธานนั้นเดิมพันด้วยชีวิต หวังสัมฤทธิ์สาเร็จสัมมาสัมโพธิญาณ ณ สถานร่มโพธิ์พฤกษ์เป็นแม่นมั่น แม้เนื้อเลือดน้ันจะเหือดแห้ง ส้ินเร่ียวแรงร่อยหลอเหลือเพียงหนงั ห้มุ อัฐิ หากมิสมดงั พระดารจิ กั มิลุก ลาจากพระโพธิบลั ลังกเ์ ลย โอโอ่โอ้เอ๋ยฝ่ายอมรเทเวศทุกช่องชั้นทิพยวิมาน เม่ือสดับ พระสัตยาธิษฐานผ่านทิพยโสต ต่างปรีดิ์เปรมปราโมทย์แย้มพระโอษฐ์
พุทธพชิ ติ มาร ๒ เกษมสขุ แสนโสมนัสสา แซซ่ ร้องสรรเสรญิ ด้วยทพิ ยสุรเสยี งสาธุโมทนา บ้างโปรยทิพย์มณฑาพวงมาลาบุหงาสุมาลี ฝ่ายสมเด็จอมรินทร์ปิ่น โกสีย์เจ้าฟ้าสุราลัย ผู้เป็นใหญ่ในไตรตรึงษ์สวรรค์ พร้อมด้วยนางสนม กานัลเทพนารีศรีสมร โฉมบังอรสุธรรมาสุนันทาสุจิตราสุชาดา ยอดยง่ิ มิ่งกัลยาแห่งท้าวศักรินทร์ โฉมเทพยุพินก็เรียงร้อยทิพยบุปผาลาวัลย์ วิไลกรอง เปน็ พวงแกว้ พวงทองมาโปรยปราย อันว่ากลิ่นผกานน้ั หอมมิ เหอื ดหายวายส้ินถงึ เจด็ วนั สว่ นองคท์ า่ นท้าวสักกะมฆวนั กเ็ ป่าสงั ข์วิชัย ยุตร เพ่ือสรรเสริญยอดมหาบุรุษป่ินพระธรณินทร์ อันว่าเสียงสังข์นั้น จะสิ้นสุดหยุดกังวาน นั้นยาวนานโดยประมาณจตุรมาส ฝ่ายท้าวมหา กาลนาคราชภุชงค์ ก็ทรงส่งสุรเสียงสรรเสริญเจริญพจน์ กว่าร้อยบท เรียงสุนทรถ้อยวาจา ฝ่ายว่าท้าวมหาพรหมก็กั้นกางเศวตฉัตร เหนือ พระแท่นรัตนวชั รอาสน์ เหล่าเทวราชเทวินทร์เทพเทวา ต่างมาสโมสร แวดล้อมพระโพธิสัตว์ ทกุ จังหวดั แวดวงท่วั แผน่ พ้นื พสธุ าธาษตรี จนถงึ กาแพงคีรีศิขรินเขตขอบพระจักรวาล มิว่างเว้นเหล่าเทวัญสุดที่จะ พรรณนานบั ให้ถว้ นแล ในกาลนั้นว่าท้าวพญาวสวัตตีมาราธิราช สถิตย์แท่นทิพย อาสน์ในสรวงสวรรค์ชั้นทหี่ ก เธอทราบความให้หวั่นหวาดวิตกพระทยั ดังไฟสมุ รมุ ล่มุ ลามลน เกรงวา่ ธ จะพน้ เง้ือมมอื ตนก้าวผา่ นอานาจมาร จึงจัดทัพพหลไปรอนราญขัดขวางโพธิญาณให้วายสิ้น ขึ้นข่ีพญาราช นาคินทร์คีรีเมขล์สูงเทียมฟ้า เนรมิตพระพาหามากถึงพัน ทุกหัตถ์น้ัน ล้วนถือซึ่งศัสตรา มีทั้งหอกคทาวราฤทธ์ิกริชจักร พระแสงปฏักทวน
พุทธพชิ ติ มาร ๓ แหลนหลาว ปืนส้ันปืนยาวของ้าวพลอง กระบี่กระบองพระขรรค์ชาญ ชัยศรี พระแสงตรีโตมรศรเกากัณฑ์ มีครบครันทั้งพันกรสุดที่บรรยาย ฝ่ายพลมารซ้ายขวายืนเหยียดยาวข้างละประมาณสิบสองโยชน์ ล้วน เห้ียมโหดคึกคะนองแกล้วกล้าหาญ ส่วนด้านหลังต้ังตระหง่านจรด จักรวาลบรรพต ครั้นเคลอื่ นทพั โยธาก็บังบดรัศมแี สงพระสุรีย์ มหานที สีทันดรก็ตีฟองนองระลอก คล่ืนก็กระฉอกกระฉ่อนกระแสชลก็ขนุ่ ข้น ปลาอานนท์หนุนดินดานกส็ ะท้านสะเทือน พระสุเมรุก็ล่ันเล่ือนเขยือ้ น โยกเอนเอียงอ่อน เหล่าสิงขรสัตบัณฑคีรีก็หวั่นไหวเพียงพังพับ มารก็ เคล่อื นกรธี าทัพมาถับถึงซงึ่ พระโพธบิ ลั ลังกแ์ ล ฝ่ายว่าเทพยดาท่ีมาประชุมสโมสรแวดล้อมพระมหาบุรุษ ครั้นเหน็ ทัพเทวบุตรวสวสั ตีมาราธิราช ก็ครั่นครา้ มขยาดหวาดหวนั่ ไหว ต่างองค์ต่างหนีไกลเกรงเดชฤทธิ์หมู่มาร ทั้งท้าวมัฆวานก็ซ่อนสังข์ วิชัยยุตรไว้หลังองค์ แล้วเสด็จมุ่งตรงสู่ขอบปากจักรวาลในทันที ท้าวมหากาลนาคราชก็ดาดิ่งปฐพีสู่นาคพิภพ ท้าวมหาพรหมก็พลัน หลบจับปลายเศวตฉัตร ไปสถิตยังรัตนสถานวิมานพรหม มีเพียงพระ บรมโพธสิ ัตว์ ประทบั ณ แท่นวชั รอาสน์โดยลาพังพระองคแ์ ล ในกาลน้ันเปน็ เวลาสายัณหต์ ะวันรอน ทพิ ากรกอ็ อ่ นแสงจะลับ เหลี่ยมยุคนธรคีรี พระสิทธัตถะโคตมะมุนลี ืมพระเนตรดูทัพมาร ก็มิได้ สะทกสะท้านหวาดหวัน่ ไหว วา่ โถโถ่โถ้เอย๋ หมู่มารนกี่ ็กระไรมามากมาย มุ่งมาดหมายการาบปราบเราเพียงผู้เดียว ซึ่งโดดเดี่ยวเปล่ียวองค์อยู่ เอกา ไรโ้ ยธาเสนาอามาตย์ ไร้พระขรรค์ชัยราชศาสตรา ท่ีจะพึ่งพาได้ก็
พทุ ธพิชติ มาร ๔ มีเพียงพระบารมีทั้งสิบทัศ ท่ีจะใช้แทนศัสตราแลเหล่าพหลพลทหาร ในการรบกบั หมู่มารทร่ี าวี จงึ ทรงน่งั น่ิงนกึ ราลกึ ถึงพระบารมที ัง้ สบิ แล ลาดับน้ันเทวปุตตมารจึงบันดาลมหาวาตะพัด ซัดทาลาย สิขเรศเขตขอบเขา ถอนเอาเหล่ารากกอโคนแมกไม้ ให้กลับกลายเป็น เศษจุรณมหาจุรณในทันที แต่พอพัดมาถับถึงสมเด็จจอมมุนีกลับสงบ มกิ ระทบแม้แตป่ ลายชายพระจวี รใหห้ ว่ันไหว แต่น้ันพญามาร จึงบันดาลฝนห่าใหญ่ให้หล่นร่วงจากเมฆา ดงั สายธารธาราไหลชาแรกแหวกวสธุ าเปน็ ช่องชอ่ ง แต่ก็มไิ ดก้ ระทบตก ต้องสมเด็จจอมมุนี แม้เพียงหยดหยาดวารีก็มิได้สาดซัดกระเซ็นเปียก ปลายชายพระจวี ร แต่น้ันจอมอมรหมู่มาร จึงบันดาลห่าฝนหิน เทียมเท่ายอด ศิขรินแผ่นผามหาศิลาให้ล่วงหล่นลง แต่ครั้นตกจวนถึงองค์สมเด็จ จอมมุนี ก็กลับกลายเป็นกลีบมาลีทิพย์มณฑา เรียงรายบูชาถวายแทบ ปลายชายพระจีวร แตน่ น้ั พญาอามรมาร จงึ บนั ดาลห่าฝนเครื่องศาสตรา ทงั้ หอก ดาบคทาธนูศร ขวานค้อนง้าวหลาวแหลนสุดแสนจะประมาณ แต่เม่ือ เคร่ืองประหัตประหารนั่นล่วงลง เข้าใกล้องค์สมเด็จจอมมุนี ก็กลับ กลายเป็นกลุ่มทิพย์มาลีหล่นเรียงราย โปรยปรายถวายแทบชาย พสั ตรจวี รา แตน่ น้ั ทา้ วสหัสพาหมุ าร จงึ บันดาลหา่ ฝนถ่านเพลงิ แดงดงั่ ดอก ทองกวาว ตกมาแต่เวหาหาวนภาลัย แต่เมื่อเข้าใกล้สมเด็จจอมมุนี
พทุ ธพชิ ติ มาร ๕ ถ่านอัคคีกลับกลายเป็นทิพย์บุปผาผกากรอง บูชาแทบสองพระบาท พระมุนนิ ทร์ แตน่ น้ั จอมเทวนิ ทรธ์ ิราชมาร จึงบนั ดาลห่าฝนเถ้ารึง รอ้ นระอุ ประหน่ึงไฟประลัยกลั ป์ คุกรุ่นเป็นควนั มิมไี ฟ แต่เม่ือตกลงตรงเข้าใกล้ สมเด็จจอมมุนี บรรดาถ่านประมาณมีกลับกลายเป็นฝุ่นไม้แก่นจนั ทน์ หอมถึงช้ันสวรรคว์ มิ านพรหม หลน่ โปรยปรายแทบพระบาทบรมเมธี แต่น้ันพญาวสวัตตีมาร จึงบันดาลห่าฝนทราย อันละเอียด กระจายกระจัดซัดสาดมาในนภากาศ ครั้นถับถึงซ่ึงวชิรอาสน์สมเด็จ จอมมุนี ก็กลับกลายเป็นมาลีวิลาวัณย์บุหงนั สุคันธชาติ หล่นล่วงโปรย ปรายแทบพระบาทพระมหาบรุ ุษ แต่น้ันเทพปุตตมาร จึงบันดาลห่าฝนเปือกตม หวังทลายถล่ม สมเด็จจอมมุนี แต่ครั้นถึงซึ่งชายพระพัสตรจีวร ก็โอนอ่อนกลับ กลายเป็นเคร่ืองลูบไล้ มไิ ด้เคืองระคายอันตรายแม้ปลายพระโลมา แต่น้ันเทวธิราชมาร จึงบันดาลห่าฝนอันมืดมิด ท่ัวทิศานุทิศ น้ันมืดดุจเดือนดับ ประหนึ่งว่าหลับตาเมื่อเท่ียงคืน ในแผ่นพ้ืนแว่น แคว้นแดนป่าชัฏ แรงวาตะก็พดั ซัดเมฆทึบคลาเคล่ือนเล่ือนเข้ามา พอ ถึงซึ่งสมเด็จพระมหาจอมมุนี กลับอันตรธานกลายเป็นแสงดังดวงพระ สรุ ยี ์ยามเที่ยงวนั สวา่ งพลันทัว่ ทั้งธาษตรผี ืนน้แี ล ลาดับนั้นพญามารจึงส่ังแกพหลพลโยธี ให้จู่โจมจับจอมมุนี สทิ ธตั ถะ แล้วตะคอกบอกให้ ธ ลุกขึ้นจากบัลลงั ก์ อา้ งวา่ มหามนุ ีมาน่ัง ยงั ทิพยอาสน์ตน หากแมน้ มลิ กุ ขึ้นจะรมุ พลเขา้ โจมตี
พุทธพิชิตมาร ๖ ฝ่ายพระโพธิสัตว์สดับถ้อยวจีมาร ก็มิได้สะทกสะท้านหวาด หวน่ั ไหว ทรงเอื้อนอรรถออกโอษฐ์ดว้ ยพระทยั บริสุทธิ์ วา่ หยดุ กอ่ นมาร ท่านยงั มถิ งึ ซง่ึ สมดงึ สบารมี ปางกอ่ นนี้กย็ ังมิไดบ้ าเพ็ญปัญจมหาบริจาค ในกาลนี้จงึ ยากที่ทา่ นจะได้ครองซง่ึ บัลลงั ก์ ครน้ั มารฟังดังต้องศรเสียบกรรณเพียงบรรลัย ก่อเกดิ ไฟโกรธา สุมอยู่ในทรวง มารจึงกวัดแกว่งควงศัตราวธุ ทั้งพันกร ขี่พญากุญชรคีรี เมขล์แล้วแสร้งเสกจักราวุธ ฤทธิรุทธแรงเหลือร้ายประมาณหมายตัด เสาหิน ก็ขาดว่ินประหน่ึงท่านตัดหน่อไผ่ มารขว้างจักรนั้นไปหวัง ทาลายจอมมุนี แต่จักรนั้นกลับกลายเป็นเพดานมาลีลอยอยู่เบ้ืองบน เหล่าพหลพลมารก็ถาโถมทิ้งยอดศิขริน หวังจะให้สมเด็จจอมมุนินทร์ น้ันถอยหนี แต่ศิลายอดคีรีศรีบรรพต ก็กลับกลายปรากฏเป็นทิพย์ มณฑา หล่นลงบูชายังภาคพ้ืน เทวดาซ่ึงยืนดูอยู่ยังเขาจักรวาล ต่าง ชะแง้แลมารเข้าผจญจอมมุนี ต่างองค์ต่างชมพระบารมีพระมหา โพธิสตั ว์แล ลาดับนั้นพระมหาบุรุษจึงตรัสแก่พญามาร ว่าใครเล่าเป็น พยานแห่งบัลลังก์ในกาลนี้ ท้าวพญาวสวัตตีมารจึงช้ียังเหล่าพหลพล ทหาร อ้างว่าน่ีแหละคือพยานสดุ ประมาณคณานับ แลว้ มารกลับย้อน ถามถึงพยานของสมเด็จจอมมุนี พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่ามหาปฐพีอัน หนาทบึ นีแ่ หละเปน็ พยาน พลนั พระผเู้ ผดจ็ มารเล่ือนพระหัตถข์ วาออก จากกลีบพระจีวร เหยียดลงตรงผงอนแล้วตรัสว่า คราเราเป็นพระ เวสสนั ดรไดบ้ าเพญ็ สัตตสตกมหาทาน พสธุ าอันหนาแนน่ เปน็ แผ่นพื้นก็
พทุ ธพชิ ิตมาร ๗ สะท้านสะเทือนถึงเจ็ดหน สิ้นดารัสมหาธราดลก็หวั่นไหว เทพธิดา อรไทธรณีก็ปรากฏ แล้วเอื้อนเอ่ยพจน์ประกาศว่า ข้าน้ีเป็นพยานของ สมเดจ็ จอมมุนี ด้วยเกล้าเกศเกศีขา้ รับน้าทกั ษิโณทก อันตกลงตรงมวย ผมของข้านี้สุดประมาณ พลันบีบมวยผมเป็นกระแสธารไหลเนอื งนอง เหล่ามารทงั้ ผองจาจรหนี พญากุญชรครี ีเมขล์ก็คกุ เข่าลง ตรงหน้าพระ มหาบุรุษสิทธัตถะ หมู่มารต่างละท้ิงเครื่องศาสตรา ล่าถอยไปยัง ทศิ านทุ ิศ พระโพธิสตั วก์ ็พิชิตพญามาร ดว้ ยบญุ ทานทง้ั ทศบารมี ลาดับนั้นเทพยดาเจ้าต่างปรีด์ิเปรมปราโมทย์ ตบพระหัตถ์ แย้มพระโอษฐ์ดีพระทัย เหล่าเวนไตรภุชงค์องค์เทวาพรหมาวิชชาธร ต่างมาสโมสรสรรเสริญพระทรงชัย บ้างโปรยทิพยบุปผามาลัยกรอง ราชรถทองพระสุรีย์ก็ลับเหล่ียมยุคนธร สมเด็จพระชินวรโพธิสัตว์จึง สาเรจ็ พระปรมาภเิ ษกสมั โพธิญาณ ตามลาดับแห่งกาลในราตรี ปฐมยามสมเด็จพระมุนีได้บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ล่วงรู้ อดีตชาติอนั ผ่านพ้นแตห่ นหลัง จนกระทง่ั ถบั ถึงยามมัชฉิมะ ทรงสาเร็จ จุตูปปาตญาณ หย่ังรู้การเกิดดับของเหล่าสรรพสัตว์ท้ังแดนไตร แลใน เมื่อปัจฉิมยามย่ารุ่งอรุณพระญาณก็หยั่งลงในปฏิจจสมุปบาท ทรง ปรีชาสามารถพิฆาตฆ่าอาสวะกิเลสน้ันให้ส้ิน สมเด็จจอมมุนินทร์ก็ บรรลอุ นตุ ตรสมั มาสัมโพธญิ าณ
พทุ ธพิชติ มาร ๘ อันว่าภาคพื้นพระมหาปัฐพินก็สะท้านสะเทือนเล่ือนลั่น พระสัตบริภัณฑคีรีเขยื้อนโยกดังจะพังพินาศ ราชบรรพตพระสุเมรุก็ หว่ันไหว โบกขรณีท้ังแปดในแดนดาวดึงส์ก็ตีฟองนองระลอก คล่ืน กระฉอกกระฉอ่ นเป็นอัศจรรย์ พฤกษาทิพย์ในสวรรค์ทุกช่องชั้น พลัน ออกดอกพร้อมกันทุกกิ่งก้าน แก้วประดับทิพยวิมานก็ส่องแสงสุกใส อมรสรุ างค์ตา่ งสาราญใจออกร่ายรา คนธรรพก์ ็รอ้ งรบั ขับลานาบรรเลง พิณ นวลนางกินรินก็บินร่อนฟ้อนราบนอัมพร วิทยาธรก็กรายกรเก้ยี ว กนิ รี เทพบตุ รเทพธิดาต่างปรดี ์ิเปรมปราโมทยส์ ุดราพัน สว่ นวา่ โลกนั ตมหานรกอันมดื มิด กบ็ ังเกิดแสงอาทติ ยด์ ว้ ยพระ บารมี สายนทีที่เคยไหลเชี่ยวก็ย้ังหยุด น้าในพระมหาสมุทรก็กลับ กลายเป็นน้าหวานทุกหยาดหยด คนหูหนวกได้ยินพจน์ถ้อยวาจา นัยนาคนตาบอดกลับมองเห็น คนพิการแสนเข็ญก็กลับกลายหายได้ โดยดี กรรมกรณ์จองจาบรรดามีกพ็ ลันหลดุ เหตุอัศจรรย์อนั กลา่ วน้ีเกิด ดว้ ยพระพุทธบารมีแล ๛ รอ้ ยเรียงพจน์พทุ ธพิชิตมาร พิษฐานสบื ศาสนพ์ ระชนิ สหี ์ เกิดชาติใดบนแผ่นพนื้ ธาษตรี ขอรปู มีกาสาว์เป็นพัสตรา .............................................................
พุทธพชิ ติ มาร ๙ ภาพปก: Kantabhak Noorintr. ภาพถ่ายเก่ียวกับศิลปะจิตรกรรมไทย ด้ังเดิมเก่ียวกับเร่ืองราวของพุทธศาสนา บนผนังวัดในวัดเนรมิตรวิปัสสนา จังหวัด เลย. จาก https://pin.it/6APWmb9
ท่มี า : https://pin.it/6APWmb9
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: