Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ผอ.พนาวรรณ

รายงานการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ผอ.พนาวรรณ

Published by กศน.ตำบลท่าตะคร้อ, 2021-02-12 14:18:15

Description: รายงานการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ผอ.พนาวรรณ

Search

Read the Text Version

รายงานการศกึ ษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง โดย นางสาวพนาวรรณ บญุ จนี ตาแหน่ง ผูอ้ านวยการ ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอท่าม่วง สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวัดกาญจนบรุ ี หลักสตู รวิทยฐานะ ผู้อานวยการชานาญการพิเศษ ระหวา่ งวนั ท่ี 16 - 19 กุมภาพันธ์ 2564 ณ โรงแรมสวนดสุ ิตเพลส กรุงเทพมหานคร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564

คานา รายงานการศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเองฉบับนี้ จัดทาข้ึนเพื่อเปน็ ส่วนหนงึ่ ของการเข้ารับการอบรมการทาผลงาน ทางวิชาการเพ่อื เลื่อนวทิ ยฐานะชานาญการพิเศษ ซึง่ ผูเ้ ข้ารบั การอบรมต้องศึกษาค้นควา้ จากตารา เอกสาร บทความ งานวิจยั สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และแหลง่ เรยี นรอู้ น่ื ๆ ในหน่วยการเรยี นรดู้ งั น้ี หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 กลยทุ ธก์ ารบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษาสคู่ วามสาเร็จ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ภาวะผู้นาทางวิชาการ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 อดุ มการณ์ในการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษาสู่การปฏิบตั ิ จากการศึกษาค้นคว้า ข้าพเจ้าได้นามาสรุปองค์ความรู้ เพ่ือเป็นแนวทางการประยุกต์สู่การปฏิบัติใน สถานศึกษา อันจะทาให้เกิดผลสาเร็จต่อการปฏิบัติงาน รวมทั้งเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการและผู้รับบริการ เป็นอยา่ งดี หวังเป็นอย่างย่ิงว่ารายงานการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจศึกษาเรียนรู้ และนาไปประยกุ ตใ์ ชต้ อ่ ไป นางสาวพนาวรรณ บญุ จีน

สารบญั หนา้ 1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 กลยุทธก์ ารบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความสาเร็จ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 ภาวะผู้นาทางวิชาการ 6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 อดุ มการณใ์ นการบรหิ ารจัดการสถานศกึ ษาสกู่ ารปฏิบตั ิ บรรณานกุ รม 9

1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 กลยุทธก์ ารบริหารจดั การสถานศึกษาสูค่ วามสาเร็จ 1.1 การวางแผนกลยทุ ธ์และการประเมนิ แผนงาน (งาน/โครงการ) การวางแผนกลยุทธ์ เป็นการบวนการซ่ึงช้ีนาให้สมาชิกในองค์การกาหนดวิสัยทัศน์และพัฒนาแนวทางการ ปฎิบัติที่จาเป็นและดาเนินการให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ในอนาคต อีกประการหนึ่งการวางแผนกลยุทธ์ช่วยให้องค์การได้ ประดิษฐ์อนาคตไดด้ ้วยตนเอง แผนกลยทุ ธแ์ ตกตา่ งจากแผนระยะยาว คือ แผนระยะยาวเป็นความพยายาม พยากรณ์ อนาคตแลว้ วางแผนตามน้ัน แนวทางการวางแผนกลยุทธ์ 9 ข้นั ตอนท่เี พอ่ื นาไปปฏิบัติ ประกอบดว้ ย 1. การจัดระบบ เพื่อการวางแผน 2. สารวจค่านิยมองคก์ าร 3. การกาหนดภารกิจ/พนั ธกจิ 4. การกาหนดกลยุทธ์ 5. การตรวจสอบ การปฏบิ ัตงิ าน 6. การวิเคราะหช์ อ่ งว่าง 7. บรู ณาการแผนปฏบิ ตั ิการ 8. การวางแผนสารอง 9. การนาไปปฏบิ ัติ การประเมินแผนงาน (งาน/โครงการ) การประเมินโครงการเป็นกระบวนการท่ีก่อให้เกิดสารนิเทศในการ ปรับปรุงโครงการ และสารนิเทศในการตัดสินผลสัมฤทธ์ิของโครงการ การจัดการประเมินโครงการเพื่อให้ทราบว่า โครงการน้ันบรรลุผลตามเป้าหมายที่กาหนดไว้เพียงใด มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร จะได้เป็นข้อมูลในการปรับปรุง โครงการการประเมนิ โครงการในโรงเรยี นสามารถแบ่งการประเมนิ เปน็ 4 ระยะ คอื 1. ประเมินกอ่ นดาเนนิ โครงการ (Ex-ante’ Evaluation) 2. ประเมินระหว่างดาเนินโครงการ (Formative Evaluation) 3. ประเมินเสร็จสิ้น โครงการ (Summative Evaluation) 4. ประเมินหลังเสร็จส้ินโครงการ (Follow – up) กระบวนการประเมิน โครงการ ต้องกาหนดหลักการเหตุผลและความสาคัญ กาหนดวัตถุประสงค์ วิเคราะห์ทุกส่วนของโครงการ การ ออกแบบการประเมิน เช่น รูปแบบของTyler เหมาะสาหรับเร่ืองการเรียนการสอน วัดผลสัมฤทธ์ิทางการศึกษา รูปแบบของ CIPP เหมาะสาหรับการใช้ข้อมูลเพอ่ื ประกอบการตัดสินใจยตุ ิ/ขยายโครงการ และหาข้อบกพรอ่ งของ โครงการ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล การวิเคราะหข์ ้อมลู และการเขียนรายงานการประเมินโครงการ การวางแผนกลยุทธแ์ ละการประเมินแผนงาน เปน็ ภารกจิ ท่ีสาคัญในการบริหารโรงเรียน เปน็ วิธกี ารท่จี ะช่วย ใหท้ ราบแนวทางการดาเนนิ งานและผลการปฏิบัติงานวา่ บรรลวุ ัตถุประสงคท์ ีต่ ้งั ไวห้ รือไม่ 1.2 การเปลย่ี นแปลงการบรหิ ารจัดการงานวิชาการของสถานศึกษา เพ่ือผลิตและพฒั นาผู้เรยี น หรอื กาลงั คน สู่ประชาคมอาเซียน กระทรวงศึกษาธิการ กาหนดแนวการจัดการเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซียน กาหนดคุณลักษณะเด็กไทยใน ประชาคมอาเซียน เป็นลักษณะ 3 ด้าน คือ 1. ด้านความรู้ 2. ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ และ 3. ดา้ นเจตคติ โดย กาหนดตัวชีว้ ัดคณุ ภาพนักเรียน ไดแ้ ก่ 1. ดา้ นความรู้ รู้เกี่ยวกบั ประเทศอาเซยี น และกฎบตั รอาเซยี น 2. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ทกั ษะพนื้ ฐาน คือ ส่อื สารไดอ้ ย่างน้อย 2 ภาษา ภาษาอังกฤษและภาษาประเทศ ในอาเซียนอีก อย่างน้อย 1 ภาษา ทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ความสามารถในการแกป้ ัญหาอย่างสันตวิ ิธี ความสามารถในการทางานและอย่รู ว่ มกับผอู้ นื่ ทักษะพลเมอื ง/ความรบั ผดิ ชอบทางสังคม เปล่ยี นแปลง 3 ดา้ นเจตคติ คอื มคี วามภูมิใจในความเปน็ ไทย/ความเปน็ อาเซียน รว่ มกนั รบั ผดิ ชอบต่อประชาคมอาเซียน มีความตระหนักในความเป็นอาเซียน มีวิถีชีวิตประชาธิปไตย ยึดม่ันในหลักธรรมาภิบาล(คารวะธรรม ปัญญาธรรม สามคั คีธรรม) สนั ติวิธ/ี สนั ตธิ รรม ยอมรบั ความแตกต่างในการนับถือศาสนา ดาเนนิ ชีวิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ตัวชี้วัดคุณภาพครู ครูผู้สอนมีความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ครูสามารถใช้ภาษาต่างประเทศในการ ส่อื สาร ครูใช้หนงั สอื ตาราเรยี น และส่ือท่ีเป็นภาษาต่างประเทศในการจัดการเรียนรู้ ครใู ชส้ ื่ออเิ ล็กทรอนกิ ส์ (ICT) ใน การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และการเผยแพร่ ผลงาน ท้ังระบบออนไลน์ (Online) และออฟไลน์

2 (Offline) ครูใช้เทคนิคและวิธีสอนที่หลากหลายในการจัดการเรียนรู้ ครูสามารถแลกเปล่ียนประสบการณ์ ในการ จัดการเรียนรู้ท้ังในประเทศ และในกลุ่มประชาคม อาเซียน ครูใช้ประสบการณ์การวิจัย สื่อ นวัตกรรมเพื่อพัฒนา ผู้เรยี นอย่างต่อเน่ือง ตัวชี้วัดคุณภาพผู้บริหาร มีวิสัยทัศน์ในการจัดการศึกษาสู่ประชาคมอาเซียน มีความสามารถในการบริหาร จัดการภายใต้สภาวการณ์ มีทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษเพือ่ การสื่อสารและทักษะในการใช้ ICT มีความสามารถใน การประสานภาคีเครือข่ายเพ่อื ความร่วมมือมีความสามารถในการนิเทศ ติดตามผลการดาเนินงาน มีความสามารถใน การใช้เทคโนโลยีในการติดต่อส่ือสารกบั ภาคีเครือข่ายในกลุ่มประชาคมอาเซียน การเตรียมความพร้อมรับประชาคม อาเซียนในปี พ.ศ. 2558 หรอื ค.ศ. 2015 จาเป็นที่จะต้องมกี ารเตรยี มความพรอ้ มกาลงั คนและความรู้ 1.3 การมอบหมายงาน การกากับติดตามงานและการส่งเสรมิ การพฒั นาครเู พื่อพัฒนาผูเ้ รียน การมอบหมายงาน การกากับติดตามงานและการส่งเสริมการพัฒนาครูเพ่ือพัฒนาผู้เรียนต้องยึดหลักการ บริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์(RBM) โดยใช้หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดีด้วย (ตามระเบียบสานัก นายกรฐั มนตรวี า่ ด้วยการสรา้ งระบบบรหิ ารกจิ การบ้านเมอื งและสังคมทด่ี ี พ.ศ.2542) หลกั ปฏบิ ัติ 6 ประการ หลกั นิติธรรม(Rule of Law) หลักคุณธรรม(Ethics) หลักความโปร่งใส(Transparency) หลักการมีส่วนร่วม (Participation) หลักความรับผิดชอบ (Accountability) หลักความคุ้มค่า(Utility) RBM : Results เก่ียวข้องกบั ทุกกระบวนการของการบรหิ าร ได้แก่ (เมธินี จิตติชานนท์. ออนไลน์) Plan ตอ้ งกาหนดวัตถปุ ระสงค/์ เปา้ หมายชดั เจน (ต้องการผลสัมฤทธิ์อะไร) Do ปฏิบตั มิ ุง่ ให้เกิดผลสัมฤทธ์ติ ามทวี่ างแผนไว้ Check วัดวา่ ปฏิบัติได้ผลสัมฤทธิต์ ามที่วางแผนหรือไม่ (KPI ชัดเจน) Act ปรบั ปรุงแกไ้ ขใหไ้ ด้ผลสัมฤทธิ์ตามท่วี างแผนไว้ การติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน(Performance Monitoring) เป็นเร่ืองที่สาคัญอย่างย่ิงเพราะเป็น กระบวนการวัดผลก าร ปฏิบัติง านของหน่ วยง านอ ย่าง ส ม่าเสมอ และ ต่อ เนื่อง ตรว จสอบการ ใช้ ทรั พย าก รใน ก า ร ปฏบิ ตั ิงาน และสามารถนาไปประยุกต์ใชก้ ับโครงการของรฐั ได้ การมอบหมายงาน การกากับติดตามและการส่งเสริมการพัฒนา เป็นแนวทางช่วยให้บุคลากรในโรงเรียน ปฏิบัติงานอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 1.4 การนากฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีเก่ียวขอ้ งไปใชใ้ นการบริหารจดั การสถานศึกษาและวิชาชพี นอกจากการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ นโยบายสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน นโยบายสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา นโยบายผู้ว่าราชการจังหวัด ในการบริหารงานต้องมี ความร้กู ฎ ระเบียบตา่ ง ๆ ท่เี กย่ี วขอ้ งกับการบรหิ ารงาน เช่น 1. รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 2. พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่มิ เติม 3. พระราชบัญญตั ิการศึกษาภาคบงั คบั พ.ศ. 2545 4. พระราชบญั ญัตริ ะเบียบบรหิ าราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. 2546 5. พระราชบญั ญตั ิสภาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 6. กฎกระทรวงกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรือ่ ง การแบง่ สว่ นราชการในสถานศกึ ษา พ.ศ. 2546

3 7. ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการบริหารจัดการและขอบเขตการปฏิบัติหน้าท่ีของสถานศึกษาขน้ั พื้นฐานที่เปน็ นิตบิ ุคคลสงั กัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา พ.ศ.2546 8. อานาจหน้าที่ของผู้บริหารสถานศึกษาตามระเบียบ กฎหมายอื่น เช่น ระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการ กาหนดเวลาทางานและวนั หยดุ ราชการของสถานศกึ ษา พ.ศ.2547, ระเบียบ ศธ.วา่ ดว้ ยการชักธงชาติ ในสถานศึกษา พ.ศ.2547, ระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการตั้งชื่อสถานศึกษา พ.ศ.2547, ระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการขอบคุณหรืออนุโมทนา พ.ศ. 254, ระเบียบ ศธ.วา่ ดว้ ยการแกไ้ ขวันเดือนปเี กิดของนักเรยี นนกั ศกึ ษา 2547,ระเบยี บ ศธ. ว่าดว้ ยใบสุทธแิ ละ หนังสือรับรองของสถานศึกษา พ.ศ.2547, ระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนนกั ศึกษา พ.ศ.2548, ระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนฯ พ.ศ.2548, กฎกระทรวง ว่าด้วย ความประพฤติของนักเรียนนกั ศึกษา การนากฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการท่ีเก่ียวข้องไปใช้ในการบริหาร จดั การสถานศึกษา และวิชาชีพ ผูบ้ รหิ ารตอ้ งศึกษากฎระเบยี บที่เก่ียวข้องกับการปฏิบตั งิ าน เพราะสามารถปฏิบัติได้ ถกู กฎ ระเบียบ 1.5 การระดมทรัพยากรและการสร้างเครือขา่ ยความรว่ มมอื จากทุกภาคส่วน เพ่อื พฒั นาคุณภาพการบรหิ าร จัดการสถานศึกษา การระดมทรัพยากรเพ่ือการศึกษาในโรงเรียนสามารถปฏิบัติได้หลายวิธี เช่น การขอรับการสนับสนุนจาก ผู้ปกครอง โยผา่ นความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการสถานศกึ ษา การจัดผ้าปา่ การศกึ ษาแหล่งทรพั ยากรเพื่อการศึกษา น้ัน นอกจากรัฐแล้ว ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 58 ได้ กาหนดให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สินจากแหล่งต่าง ๆ อย่า ง หลากหลาย ท้ังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน เอกชน องค์กรเอกชน องคก์ รวชิ าชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สถาบันสังคมอนื่ และต่างประเทศมาใชจ้ ัดการศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช (2532) ได้แบ่งรูปแบบของเคร่ืองมือท่นี ิยมใช้ในการระดมทนุ ขององค์การ สาธารณประโยชน์ดังต่อไปนี้ 1) ขายสิ่งของท่ีระลึก (Sale of Seals) 2) การส่งจดหมายเชิญชวน (Direct mail) 3) หนังสือพิมพ์ (Newspaper Promotion) 4) โทรทศั น์ (TV appeals & marathons) 5) การออกเร่ียไรตามบา้ นเรอื น (Direct door-to-door canvass) 6) ภาพยนตร์ (Motion pictures) 7) กล่องรับบริจาค (Donor boxes) 8) จัด งานการกศุ ล (Bazaars, balls and dinners) 9) สลากรบั เงนิ รางวัล (Sweepstake) 10) สิ่งพมิ พ์ (Printed media) 11) การจดั ประกวด (Contest) 12) การจัดวนั รับบริจาคสมทบทุนการกุศล (Tag day) นคร ตังคะพิภพ (2549) ได้ จาแนกประเภทของทรพั ยากรเพื่อการศึกษาของสถานศกึ ษาออกเปน็ 6 ประเภท คอื 1) เงนิ ทนุ ได้แก่ เงนิ ทนุ การศกึ ษา เงินพัฒนาสถานศึกษาในลักษณะตา่ งๆ ที่สามารถจะนามาจดั ซอื้ จัดจ้างทา สิ่งของ หรือจัดสร้างส่ิงกอ่ สร้างต่าง ๆ และการใชจ้ ่าย เพอ่ื ทากิจกรรมหรอื ทาประโยชนท์ างการศกึ ษาให้มากข้ึน 2) วัสดุอุปกรณ์ การระดมทรัพยากรเพ่ือให้ได้มาซึ่งวัสดุอุปกรณ์ ได้แก่ ชิ้นส่วนต่างๆ ท่ีสามารถนามา ประกอบเป็นส่งิ ของทใี่ ช้ได้ และสง่ิ ของทสี่ ามารถใช้ได้ทนั ที เช่น ส่ือการสอน คอมพวิ เตอร์ เป็นตน้ 3) ที่ดินและสง่ิ กอ่ สรา้ ง ได้แก่ ทีด่ นิ ทใี่ ช้ประโยชน์ในการจัดการศึกษา อาคารเรยี น อาคารประกอบอ่นื ๆ และ สิง่ ก่อสร้างต่างๆ ท่ีมีผู้สรา้ งให้โดยไมต่ อ้ งใชง้ บประมาณแผน่ ดนิ 4) บุคคล ซ่ึงได้แก่ ผู้เช่ียวชาญหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ีมีความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องท่ีโรงเรียนได้รับความ อนเุ คราะหม์ าถ่ายทอดความร้แู ละประสบการณ์ใหก้ บั ครู บคุ ลากรและนกั เรียน 5) แหล่งเรยี นรูท้ ีม่ นุษย์สร้างขึ้น ได้แก่ สถานประกอบการ สาธารณสถานโบราณสถาน สถานทรี่ าชการและ เอกชน ซึง่ นามาใช้ประโยชน์เพอ่ื การจัดการเรียนการสอนได้

4 6) แหล่งเรียนรตู้ ามธรรมชาติ ได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่อยา่ งหลากหลาย เช่น ภูเขา ป่าไม้ แม่น้าลา ธาร น้าตก ปา่ ชายเลน ทะเล เปน็ ต้น ถา้ โรงเรยี นสามารถเสาะแสวงหาและนามาใช้ประโยชน์ในการจดั การศึกษา ก็จะ เป็นทรพั ยากรทางการศกึ ษาทม่ี ีอยู่แลว้ ตามธรรมชาติโดยไม่ต้องลงทุน ในการระดมทรัพยากรทางการศึกษา 3 ประเภทแรกนั้น อาจจะมีจุดเน้นของการระดมจากรายใหญ่เป็น บคุ คลหรือเปน็ รายยอ่ ยกไ็ ด้ ซง่ึ ตอ้ งมียทุ ธศาสตร์พเิ ศษท่จี ะระดมทรพั ยากรจากบุคคลเหลา่ น้ีเปน็ กรณี ๆ การสร้างเครือข่าย หมายถึง การทาให้มีการติดต่อ สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการ ร่วมมือกันด้วยความสมัครใจ การสร้างเครือข่ายควรสนับสนุนและอานวยความสะดวก ให้สมาชิกในเครือข่ายมี ความพัมพันธ์กันฉันท์เพ่ือน ท่ีต่างก็มีความเป็นอิสระมากกว่าสร้างการคบค้าสมาคมแบบพึ่งพิง นอกจากนกี้ ารสร้าง เครือข่ายต้องไม่ใช่การสร้างระบบติดตอ่ ด้วยการเผยแพร่ข่าวสารแบบทางเดียว เช่นการส่งจดหมายข่าวไปให้สมาชิก ตามรายชอ่ื แต่จะตอ้ งมกี ารแลกเปล่ยี นข้อมูลขา่ วสารระหว่างกนั ดว้ ย ความจาเปน็ ทตี่ อ้ งมเี ครอื ขา่ ย การพัฒนางานหรือการแก้ปัญหาใดๆ ท่ีใชว้ ิธีดาเนินงานในรูปแบบท่ีสืบทอดกันเป็นวัฒนธรรมภายในกลุ่มคน หน่วยงาน หรือองค์กรเดียวกัน จะมีลักษณะไม่ต่างจากการปิดประเทศที่ไม่มีการติดต่อสื่อสารกับภายนอก การ ดาเนินงานภายใต้กรอบความคิดเดิม อาศัยข้อมูลข่าวสารที่ไหลเวียนอยู่ภายใน ใช้ทรัพยากรหรือสิ่งอานวยความ สะดวกทีพ่ อจะหาได้ใกล้มือ หรอื ถา้ จะออกแบบใหม่ก็ตอ้ งใชเ้ วลานานมาก จะเปน็ อปุ สรรคต่อการพฒั นางานอยา่ งย่ิง และไม่อาจแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ การระดมทรัพยากรเพ่ือการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ต้องผ่านความเห็นชอบจาก คณะกรรมการสถานศึกษา และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งเครือข่ายท่ีเป็นทางการและ เครือข่ายท่ีไมเ่ ป็นทางการ จะช่วยใหผ้ ้บู รหิ ารสามารถนาข้อมูลมาใช้ในการพัฒนาคณุ ภาพการบริหาร 1.6 การสง่ เสริมสนบั สนุนการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ เพอื่ การบรหิ ารจัดการสถานศกึ ษาและการจดั การเรียนรู้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม หมวด 9 เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา กล่าวถึงเทคโนโลยีการศึกษาไว้ว่า รัฐจัดสรรคลื่นความถี่ ส่ือตัวนาและโครงสร้างพื้นฐานท่ีจาเป็นต่อการส่ง วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการส่ือสารในรูปอื่นเพื่อประโยชน์สาหรับการศึกษา การ ทะนุบารุง ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมตามความจาเป็น รัฐส่งเสริมสนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิตและ พัฒนาแบบเรียน ตารา ส่อื สิง่ พิมพอ์ ืน่ วสั ดุอปุ กรณ์และเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาอ่นื โดยจดั ใหม้ ีเงินสนับสนนุ และเปิด ให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยเี พือ่ การศกึ ษา ให้มีการพัฒนาบคุ ลากรท้งั ดา้ นผู้ผลิตและผ้ใู ชเ้ ทคโนโลยีเพื่อการศกึ ษา เพอื่ ให้ผู้เรียนได้พฒั นาขีดความสามารถในการ ใช้เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาในโอกาสแรกท่ีทาได้ อันจะนาไปสู่การแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเน่ืองตลอด ชีวิต สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (2555 : 44-46) ได้กาหนดมาตรฐาน เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารเพ่อื การศึกษา สาหรบั สถานศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานไว้ดังน้ี ดา้ นการบริหารจัดการภายในสถานศกึ ษา 1.มีแผนพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกระยะกลาง (3-5 ปี ) และพัฒนาเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ท่อี ยู่ในแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปี 2.มีการสนบั สนุนงบประมาณดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารเพ่ือการเรียนการสอน 3.มีการสง่ เสรมิ และประสานเครอื ข่ายจากชุมชน องค์กรภาครัฐและเอกชน ใหเ้ ข้ามามสี ่วนร่วมสนบั สนุนดา้ น เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร ทต่ี ่างได้รับประโยชน์ร่วมกนั

5 4. มรี ะบบกากบั ตดิ ตามกประเมนิ ผลการดาเนินงานและรายงานผลอย่างตอ่ เนือ่ ง 5. มรี ะบบงานขอ้ มลู สารสนเทศท่เี ปน็ ปัจจุบนั ตามมาตรฐานของกระทรวงศึกษาธิการ 6.มีบุคลากรรับผดิ ชอบงานดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยตรง ด้านโครงสรา้ งพน้ื ฐาน 1. มรี ะบบเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ และระบบเครือข่ายภายใน ในสถานศึกษา 2. มีระบบอนิ เทอรเ์ น็ตท่ใี ชเ้ พื่อการบรหิ ารจดั การกและการจดั การเรยี น การสอน 3. มีซอฟต์แวรท์ จ่ี า เป็นสาหรบั ใช้ในสถานศึกษาท่ีไมล่ ะเมดิ ลิขสทิ ธ์ 4. มกี ารจัดหอ้ งเรยี นท่หี ลากหลาย เช่น ห้องปฏบิ ัตกิ ารคอมพวิ เตอร์ และ/หรือหอ้ งเรียนคอมพวิ เตอร์ 5 มรี ะบบการบารุงรักษาและความม่ันคงของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ด้านการเรยี นการสอน 1.มหี ลักสูตรและแผนจัดการเรียนการสอนแต่ละสาระการเรียนรู้โดยใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร เปน็ เครือ่ งมือและการจดั การเรียนรูต้ ามแผนฯ ทกี่ าหนด 2.มรี ปู แบบการเรยี นรู้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารทหี่ ลากหลาย 3. ผ้สู อนสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปน็ เครื่องมอื ในการออกแบบและจดั กจิ กรรมการ เรียนรใู้ ห้กับผู้เรยี นอย่างมีประสิทธภิ าพ 4. ผูส้ อนเปน็ แบบอย่าง และสอนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารโดยคานงึ ถึงกฎหมาย คณุ ธรรม และจริยธรรม 5. มีระบบแนะแนวและใหค้ าปรึกษาทางการเรยี นรูแ้ ก่ผู้เรยี น และประชาชน ผู้รบั บรกิ าร ดา้ นกระบวนการเรยี นรู้ 1. ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือในรูปแบบท่ีหลากหลายใน แตล่ ะกลุม่ สาระการเรยี นรแู้ ละได้ทา กจิ กรรมต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารตามความสนใจของ ผ้เู รียน 2. ผู้เรียนมีทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ สามารถสร้างสรรค์และนาเสนอ ผลงานกทไี่ ดจ้ ากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเคร่อื งมอื ในการเรยี นรู้ 3.ผู้เรียนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารกอย่างมีคุณธรรม จริยธรรมและมคี ณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ ตามหลกั สตู รการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานกาหนด ดา้ นทรัพยากรการเรยี นรู้ 1.มีเวบ็ ไซตท์ ีใ่ ชใ้ นการจัดการเรยี นการสอนใหก้ บั ผ้เู รยี น 2. มีระบบจดั การแหลง่ การเรียนรูก้ ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3. มีการจัดรวบรวมสื่อกนวัตกรรมการเรียนการสอนกด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างเป็น ระบบ จัดเป็นคลังแหล่งเรียนรู้ ศูนย์สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารหรือห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ตาม ศกั ยภาพของสถานศกึ ษา จากทก่ี ลา่ วมาพอสรุปไดว้ ่าในการพัฒนาสมรรถนะในการปฏบิ ัตงิ าน ต้องมีการวางกลยุทธ์การบรหิ ารจัดการ สถานศกึ ษาสคู่ วามสาเร็จบรรลวุ ัตถุประสงค์ที่ตง้ั ไว้ โดยมีการวางแผนกลยุทธ์ทป่ี ฏบิ ัติได้จรงิ และการประเมนิ แผนงาน ตามรูปแบบที่เหมาะสมกับโครงการนั้น ในการบริหารและการพัฒนาสมรรถนะในการปฏิบัติงาน ต้องสอดคล้องกับ นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ นโยบายต้นสังกัด และต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบราชการ มุ่งเน้นการบริหารแบบมุ่ง

6 ผลสัมฤทธิ์ที่ดาเนินงานตามวงจร PDCA ของเดมมิ่ง การมอบหมายงาน การกากับติดตามงานจัดบริหารงานสู่สากล เพ่ือผลิตและพัฒนาผู้เรยี น หรือกาลังคนสู่ประชาคมอาเซยี น ใช้แนวการการระดมทรัพยากรและการสร้างเครือขา่ ย ความรว่ มมือจากทุกภาคสว่ น เพื่อพัฒนาคุณภาพการบรหิ ารจัดการสถานศึกษา ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหาร จดั การสถานศกึ ษา แนวทางประยกุ ต์ส่กู ารปฏิบตั ิ การบริหารการเปลี่ยนแปลงเพื่อเปล่ียนแปลงกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติจะบังเกิดผลเป็นรูปธรรมได้น้ันจาเป็น จะต้องเปล่ียนวิธีคิดและวิธีการทางานอย่างจริงจังจากการคิดแยกส่วนมาเป็นบูรณาการ มุ่งภารกิจร่วมกันและตอ้ ง ระดมพลังร่วมจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันดาเนินการอย่างจรงิ จังต่อเน่อื งโดยเริ่มจากกระบวนการสร้างความเข้าใจใน กลยุทธห์ น่วยงานไปพรอ้ มกับการสรา้ งองค์กรความรู้และสรา้ งภาวะผูน้ าในการบริหารการเปล่ียนแปลง ขณะเดยี วกัน ต้องมกี ารบรหิ ารกลยุทธ์ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 ภาวะผู้นาทางวชิ าการ ภาวะผนู้ า (Leadership) หมายถงึ กระบวนการหรอื พฤติกรรมการใช้อิทธพิ ลเพอ่ื ควบคุม สง่ั การ เกลี้ยกลอ่ ม จูงใจ ใหผ้ ตู้ ามหรือกลมุ่ ปฏิบัติตามเพอ่ื การบรรลเุ ปา้ หมาย หรือความเป็นผนู้ า ภาวะผู้นา คือคุณสมบัติ เช่น สติปัญญา ความดีงาม ความรู้ ความสามารถของบุคคลท่ีชักนาให้คนท้ังหลาย มาประสานกัน และพากันไปสู่จุดมุ่งหมายที่ดีงาม คุณสมบัติของผู้นามีหลายอย่าง หลายด้าน ผู้นาจะต้องมี ความสามารถในการปฏิบัติต่อส่ิงเหล่านั้นให้ถูกต้องและได้ผลดี โดยมีองค์ประกอบ คือ ตัวผู้นา ผู้ตาม จุดหมาย หลักการและวิธีการ สิ่งท่ีจะทา และสถานการณ์ ผู้นาจะต้องพัฒนาตนเองให้มีคุณสมบัติท่ีจะทาให้เป็นผู้พร้อมที่จะ ปฏบิ ัติ ตอ่ ส่งิ เหล่านนั้ ได้อย่างถกู ตอ้ งบังเกิดผลดี ภาวะผู้นา สามารถจาแนกออกได้ 2 ลกั ษณะ คอื ในลักษณะของการ ใช้อานาจบังคับ กากับควบคุมเพ่ือให้ผู้ตามเกิดพฤติกรรมตามท่ีตนต้องการ เพื่อการบรรลุเป้าหมาย ส่วนอีกลักษณะ หน่ึงก็คือ การใช้สัมพันธภาพท่ีดีระหว่างผู้นากับผู้ตามสร้างความเป็นกันเองเพื่อ กระตุ้น จูงใจ ให้ผู้ตามเต็มใจที่จะมี ส่วนรว่ ม หรือมพี ฤตกิ รรมทพี่ ึงประสงค์ เพอ่ื การบรรลุเปา้ หมายเชน่ เดยี วกนั 1. การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กาหนดแนวทางการบริหารจัดการหลักสูตร 7 ภารกิจ (สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน. 2550 : 228 - 232) 1. การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา 2. การจดั ทาหลักสตู รสถานศกึ ษา 3. การวางแผนดาเนินการใช้หลกั สตู ร 4. การดาเนินการบริหารหลักสตู ร ดาเนนิ การใช้หลักสูตรเป็นไปตามภารกจิ ท่ี 2 และภารกิจท่ี 3 5. การนิเทศ กากับ ตดิ ตาม ประเมินผล 6. การสรุปผลการดาเนินงานของสถานศึกษา สถานศึกษาสรุปผลการดาเนินงานและเขียนรายงาน มีการ สรุปผลการดาเนนิ งานของสถานศึกษาที่ชดั เจน เป็นระบบ ชดั เจน 7. การปรับปรุงพัฒนากระบวนการบรหิ ารจดั การหลักสูตร ผู้บริหารสถานศึกษามีบทบาทสาคัญในการบริหารจัดการด้านหลักสูตร ดังนี้ (สานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน. 2555 : 33 - 34) 1. วางแผนปรับปรงุ และพัฒนาหลักสตู ร 2. ประเมินความเหมาะสม และคณุ ภาพของโครงการการพัฒนาหลกั สตู ร

7 3. อานวยการให้เป็นไปตามนโยบาย และปรัชญาของการศกึ ษาและหลักสูตร 4. อานวยการในการพฒั นาวสั ดอุ ปุ กรณท์ ี่ใช้ในหลกั สตู ร 5. ใชข้ ้อมูลจากการวิจัยและส่งเสรมิ การวจิ ัยในโรงเรยี น 6. ประสานงานกับบุคคลอน่ื ในการจัดหลกั สูตรการเรียนการสอน 7. ทางานรว่ มกบั ผ้นู ิเทศในการใช้หลักสตู ร ใหส้ มั พนั ธ์กบั ผู้เก่ียวขอ้ งทุกฝา่ ย 8. เตรียมผมู้ ีสว่ นรว่ มในการพฒั นาหลักสตู ร 9. อานวยความสะดวกในเรือ่ งเวลา และทปี่ รกึ ษาเกีย่ วกบั การพัฒนาหลักสตู ร 10. ชว่ ยเหลอื ครูโดยใชเ้ ทคนคิ การแนะแนว และท่ีปรึกษาเก่ยี วกับการใชห้ ลักสูตร 11. จัดองคก์ ร และอานวยการโครงการท่เี ก่ียวกับการจัดบรกิ ารทางการศึกษาทจ่ี ดั ข้ึนเป็นพิเศษ 12. แนะนาเก่ยี วกับการใชห้ ลกั สตู รใหช้ มุ ชนเข้าใจ 13. สง่ เสรมิ การตดิ ต่อ การประสานงานกับโรงเรยี นเดียวกนั ในการพฒั นาหลกั สูตร ด้านหลักสูตรและการนาหลักสูตรไปใช้ ผู้บริหารควรมีการแนะนาให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเก่ียวกับ หลักสูตรและ การใช้หลักสูตร ควรมีการจัดเตรียม/จัดหาเอกสารประกอบหลักสูตร ส่งเสริมให้ครูจัดกิจกรรมการ เรยี นการสอนให้ตรงกับจุดม่งุ หมายของหลักสูตร ควรมีการกาหนดนโยบายและแผนงานวิชาการของโรงเรยี นไว้ตลอด ปีการศึกษา (เนตรทราย บัลลงั กป์ ทั มา 2551 : ออนไลน)์ สรุปได้ว่าผู้บริหารต้องมีภาวะผู้นาในการบริหารจัดการหลักสูตร ทั้งการวางแผน การอานวยการ อานวย ความสะดวก ประสานงานกับองคก์ รต่าง ๆ 2. กระบวนการจัดการเรยี นร้ทู ีเ่ น้นผูเ้ รียนเปน็ สาคญั พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่แี ก้ไขเพิม่ เตมิ หมวดท่ี 4 วา่ ด้วยแนวการจัดการศึกษา มาตรา 22 ได้กล่าวถึงแนวทางในการจัดการศึกษาไว้ว่า “การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมี ความสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญท่ีสุด” การจัดการเรยี นรู้ของครูจึงตอ้ งยึด หลักการจัดการเรยี นร้ทู ่ีเน้นผู้เรียน เปน็ สาคญั ครตู อ้ งเปลี่ยนบทบาทจากผูส้ อนเป็นผู้แนะนาให้ความรู้ โดยสนับสนุน สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ บทบาทของผู้บริหารสถานศกึ ษา ในฐานะเป็นผู้นาในการบริหารจัดการเรียนการสอนเนน้ ผู้เรยี น เป็นสาคัญ มีดังน้ี (สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน. 2555 : 35) 1. จะต้องเปิดโอกาสให้ครูรู้จักปัญหา ความต้องการและพฤติกรรมของนักเรยี นท่สี อนเป็นอยา่ งดี 2. จะต้องชว่ ยให้นกั เรยี นได้รับความเสมอภาคทุกคน 3. จะต้องเหมาะสมกับจุดมงุ่ หมายของสถานศกึ ษา 4. จะตอ้ งสง่ เสรมิ ให้นกั เรียนดารงชีวติ ร่วมกบั เพ่อื นในหม่คู ณะได้อย่างมีความอบอนุ่ และมคี วามสุข 5. จะต้องเปดิ โอกาสใหเ้ กดิ การฝึกฝนการอยู่ร่วมกนั ของนกั เรยี นในระบอบประชาธิปไตยอย่างมากท่สี ุด 6. จะตอ้ งชว่ ยใหเ้ กิดบรู ณาการประสบการณ์ทัง้ มวลของนกั เรียน 7. จะต้องกระตุ้นให้ครู ไดใ้ หค้ วามสนใจกบั การพฒั นาการทุก ๆ ดา้ นของนักเรยี น 8. จะตอ้ งยดื หยุน่ ให้เหมาะสมกับความตอ้ งการ และความสนใจของนกั เรียน 9. จะตอ้ งส่งเสริมสมรรถภาพในการสอนของครใู หด้ ยี ิ่งขน้ึ สรุปได้ว่าผู้บริหารต้องมีภาวะผู้นาในการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียน เป็นสาคัญ และส่งเสริมให้ครูจัดการ เรียนรู้โดยเน้นผู้เรยี นเป็นสาคญั

8 3. การสร้างพลังเครือขา่ ยความรว่ มมอื เพอื่ ปฏริ ปู การเรียนรู้ การดาเนนิ การความรว่ มมือทางเครือขา่ ยท่แี ท้จริงน้นั ควรมีการดาเนินการดังน้ี 1. มกี ารสร้างความไว้วางใจกันและกันของสมาชิกภายในเครอื ข่าย ในการดาเนินการทางเครอื ข่ายสิ่งแรกที่ ตอ้ งมี คอื ความไว้เนื้อเชอื่ ใจซง่ึ กนั และกนั (Trust) 2. มีการแลกเปลย่ี นโครงการและการรับรู้ขอ้ มูลขา่ วสารรว่ มกัน หรอื การจดั กิจกรรมประชุม/สมั มนารว่ มกัน ทาให้รู้จักซึ่งกันและกันมากข้ึน รู้ว่าสมาชิกแต่ละคนเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไร แลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร และองค์ ความรซู้ ึ่งกันและกัน สรา้ งความใกลช้ ดิ สนทิ สนม ทาให้เกดิ การเรยี นรซู้ ่งึ กันและกัน ควรมกี ารพบปะกันอยา่ งนอ้ ยปีละ 3 คร้ัง ในแต่ละคร้ังของการพบปะกันจะต้องมสี มาชิกใหม่ ๆ เข้ามาร่วมกิจกรรม/สัมมนาด้วยเสมอ เพื่อเพิ่มสมาชิก ในเครอื ขา่ ย 3. การใช้ทรัพยากรร่วมกัน เป็นการทางานร่วมกันโดยใช้ทรพั ยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพมากท่ีสุด ท้ัง ในด้านมีการจัดสรร/จัดหางบประมาณ อาจใช้วิธีการต้ังโครงการร่วมกัน แล้วนาไปจัดสรรงบประมาณจากหน่วยงาน ตนเอง เปน็ การประสานการใชง้ บประมาณอย่างชาญฉลาด เปน็ ใช้งบประมาณรว่ มกัน รวมท้งั การใช้ทรัพยากรบุคคล ทางานร่วมกัน เช่น ใชผ้ ูเ้ ชีย่ วชาญในแตล่ ะด้านเพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน เป็นตน้ 4. มีวิธีการประสานการทางาน เพ่ือให้การดาเนินงานของระบบเครือข่ายเป็นไปด้วยดีมีประสิทธิภาพ เช่น ประสานการจดั กิจกรรมร่วมกัน การใชท้ รัพยากรรว่ มกนั การแลกเปลย่ี นบุคลากรซง่ึ กนั และกนั และการแก้ไขปัญหา อปุ สรรคร่วมกัน เป็นต้น 4. กระบวนการสรา้ งองค์กรแหง่ การเรียนร้ใู นสถานศกึ ษา องค์การเรียนรู้ (Learning Organization) (ออนไลน์) เป็นแนวคิดในการพัฒนาองค์การโดยเน้นการ พัฒนาการเรยี นรู้สภาวะของการเป็นผู้ นาในองคก์ าร (Leadership) และการเรียนร้รู ว่ มกนั ของคนในองคก์ าร (Team Learning) เพ่ือใหเ้ กิดการถา่ ยทอดแลกเปลยี่ นองค์ความรู้ ประสบการณ์ และทักษะร่วมกัน และพัฒนาองค์การอย่าง ต่อเนอ่ื งทนั ต่อสภาวะการเปล่ียนแปลงและการแข่งขนั มกี ระบวนการทางานทมี่ ีประสิทธภิ าพและมีผลการปฏิบตั ิงาน ท่ีมีประสิทธิผล โดยมีการเช่ือมโยงรปู แบบของการทางานเป็นทีม (Team working) สร้างกระบวนการในการเรียนรู้ และสร้างความเข้าใจเตรียมรับกับความเปลี่ยนแปลง เปิดโอกาสให้ทีมทางานและมีการให้อานาจในการตัดสินใจ (Empowerment) เพ่ือเป็นการส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศของการคิดริเร่ิม (Initiative) และการสร้างนวัตกรรม (Innovation) ซงึ่ จะทาให้เกดิ องคก์ ารทีเ่ ข้มแขง็ พร้อมเผชญิ กบั สภาวะการแข่งขัน หัวใจของการสร้าง Learning Organization อยู่ที่การสร้างวินัย 5 ประการในรปู ของการนาไปปฏบิ ัติ ของ บคุ คล ทมี และองค์การอย่างตอ่ เนื่อง วนิ ัย 5 ประการ มดี ังน้ี 1. Personnal Mastery : ม่งุ สคู่ วามเปน็ เลิศ และรอบรู้ 2. MentalModel มรี ปู แบบวิธกี ารคิดและมุมมองที่เปิดกวา้ ง 3. Shared Vission การสร้างวสิ ยั ทศั น์องคก์ าร เปน็ ความมุ่งหวงั ขององค์การทที่ กุ คนตอ้ งรว่ มกันปฏิบตั ิ 4. Team Learn การเรียนรรู้ ่วมกนั เปน็ ทมี 5. System Thinking มีความคดิ ความเขา้ ใจเชงิ ระบบ สรุปได้ว่าองค์กรแห่งการเรียนรู้เน้นการพัฒนาการเรียนรู้สภาวะของการเป็นผู้ นาในองค์การ และการ เรียนรู้ร่วมกันของคนในองค์การ ส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดแลกเปล่ียนความรู้ ประสบการณ์ และทักษะร่วมกัน มี กระบวนการทางานทีม่ ปี ระสิทธภิ าพและมีผลการปฏิบตั งิ านทม่ี ีประสิทธผิ ล

9 จากทก่ี ลา่ วมาจะเหน็ ไว้ว่า ผู้บรหิ ารต้องเปน็ ผู้ท่ีมีภาวะผนู้ าทางวิชา เปน็ ผู้นาในการบริหารจัดการหลักสูตร ซ่ึงถือเป็นหัวใจของการจัดการเรียนการ สอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นผู้นาในการการสร้างพลังเครือข่าย ความ ร่วมมอื เพอ่ื ปฏิรปู การเรยี นรู้ และเปน็ ผนู้ าในการสรา้ งองค์กรแหง่ การเรยี นร้ใู นสถานศึกษา หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 อดุ มการณใ์ นการบริหารจัดการสถานศกึ ษาสูก่ ารปฏิบัติ 3.1 ผนู้ าดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและการปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอยา่ งท่ดี ี ผู้บริหารต้องมีคุณธรรมขั้นพ้ืนฐาน 8 ประการของกระทรวงศึกษาธิการ คือ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย สภุ าพ สะอาด สามัคคี มีนา้ ใจ เพือ่ เป็นผู้นาในการพัฒนาคุณธรรมพ้ืนฐานสคู่ รู บุคลากรทางการศกึ ษา นกั เรยี น ชุมชน การดารงชวี ิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผู้บริหารต้องยึดม่ันใน พรหมวิหาร 4 เป็นหลักธรรมของผู้ใหญ่(ผู้บังคับบัญชา) ที่ควรถือปฏิบัติ 4 ประการ เมตตา (ความรักใคร่ ปรารถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุข) กรุณา (ความสงสาร คิดช่วยเหลือผู้อ่ืนให้พ้นทุกข์) มุทิตา (ความพลอยยินดีเมอ่ื ผ้อู ่ืนได้ดมี ีสุข) อเุ บกขา (วางตนเปน็ กลาง ไมด่ ใี จ ไม่เสยี ใจ เม่อื ผอู้ ื่นถงึ วิบตั ิ มที กุ ข์)ผบู้ ริหารต้องมี ธรรมะของผู้นาวิชาการ ครองใจคน สร้างมนุษยสัมพันธ์ด้วยสังคหวัตถุ 4 ทาน- การให้ ปิยวาจา- การมีวาจางาม อัตถจรยิ า - ทาประโยชน์ให้เพือ่ นรว่ มงาน สมานัตตถา- ปฏิบัติตนคงเส้นคงวา 3.2 วนิ ยั และจรรยาบรรณวิชาชพี ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา จรรยาบรรณตอ่ อาชีพ ตอ้ งมีความรักและศรทั ธาตอ่ วิชาชีพครู ธารงและปกป้องวิชาชพี พฒั นาองค์ความรู้ใน วิชาชีพ สร้างองค์กรวิชาชีพให้แข็งแกร่งสมาชิกในวงวิชาชีพ ร่วมมือในกิจกรรมขององค์กรวิชาชีพ ตั้งใจถ่ายทอด วิชาการ รักและเข้าใจเพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาและศิษย์ ส่งเสริมการเรียนรู้แก่ครูและนักเรียน ไม่แสวงหา ประโยชน์จากผู้เรยี น ทาตนเป็นแบบอย่างท่ดี ี ให้เกียรติผู้รว่ มงานและผูเ้ รยี น อบรมบม่ นิสัย ช่วยเหลือศิษยผ์ ู้เรยี น 3.3 การมีจิตสานึก ความมุ่งม่นั การสร้างศรทั ธา และมอี ุดมการณ์ในวิชาชีพ จากการศกึ ษาเอกสารและประสบการณน์ การสร้างจิตสานึก ความมุง่ มั่น การสรา้ งศรทั ธา และมอี ดุ มการณ์ ในวชิ าชพี ผบู้ ริหารมบี ทบาทสาคญั ในการเป็นแบบอย่างแก่ผู้ใต้บงั คับบัญชาและนกั เรยี น การปฏบิ ัตติ นเป็นแบบอย่าง เช่น การตรงต่อเวลา การไปถึงโรงเรียนแต่เช้า การแต่งกายสุภาพ การดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง การยึดมนั่ ในคุณธรรม จรยิ ธรรม มีความซอ่ื สัตย์สุจรติ รกั และศรทั ธาในวชิ าชพี หลกั การครองตน ครองคน ครองงาน การครองตน ๑.การพ่งึ ตนเอง ขยนั หม่ันเพียร และมีความรบั ผดิ ชอบมี ความวิรยิ ะ อตุ สาหะ ในงานหนา้ ทีค่ วามรับผิดชอบ โดยการอานวยการ ควบคมุ กากับตดิ ตามงานทั้งในรูปแบบการประชุม และติดตามในพ้ืนทอ่ี ย่างสมา่ เสมอ และมคี วาม ตงั้ ใจท่จี ะทางานในหน้าท่ีให้ได้รับความสาเรจ็ ด้วยการ บรหิ ารจดั การทรพั ยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดให้เกิดประสิทธิภาพ สูงสุด มคี วามอดทนไม่ยอ่ ท้อตอ่ ปญั หาอปุ สรรคไมเ่ คยแสดงออกถงึ ความย่อท้อ ๒. การประหยัดและเก็บออมรู้จัก ใช้จ่ายตามควรแห่งฐานะ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และรู้จักใช้ ทรัพย์สินของทางราชการให้เป็นประโยชนแ์ ละประหยัด ๓. การรักษาระเบยี บวินัยและเคารพกฎหมายเปน็ ผูร้ กั และปฏบิ ตั ิตามระเบียบและกฎหมายทีก่ าหนดไว้โดย ได้กาชับและมุ่งเน้นให้ ผู้ใต้บังคับบัญชาถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยได้มีการนาระบบควบคุมภายในและตรวจสอบ ภายในมาใช้ในหน่วยงาน พร้อมทั้งได้ประพฤตแิ ละปฏบิ ัติตน ให้เป็นตัวอย่างแกผ่ ู้ใต้บังคับบัญชาและบุคคลโดยทั่วไป อยา่ งสม่าเสมอ

10 ๔. การปฏิบตั ติ ามคุณธรรมของศาสนาเปน็ บุคคลที่ประพฤติปฏบิ ัติตนในฐานะพุทธศาสนิกชนที่ดีโดยละเว้น ตอ่ การประพฤตชิ ว่ั และไม่ลุม่ หลงอบายมขุ เอ้ือเฟื้อเผอ่ื แผ่ เสยี สละ เห็นแกป่ ระโยชน์สว่ นรวม ๕. การมีความจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ไ์ ด้ สง่ เสริม สนับสนนุ ระบบประชาธปิ ไตย และ ปฏบิ ตั ิตามนโยบายของทางราชการและรฐั บาลอย่างจริงจังและทมุ่ เทโดยไดถ้ ่ายทอดออกมาในรปู แบบแผนปฏิบัติการ ของหนว่ ยงานเพ่ือให้เกิดผลในเชงิ รปู ธรรม การครองคน ๑. ความสามารถในการประสานสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจอันดีกับผู้บังคับบัญชา เพ่ือนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบญั ชา และผู้มาติดตอ่ งานเป็นผู้มีมนุษยสมั พันธ์ดี ยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื กล้าและรับผดิ ชอบในสิ่ง ท่ไี ดก้ ระทามี นา้ ใจ ช่วยเหลอื และให้ความร่วมมือในการปฏิบัตงิ าน ๒. ความสามารถในการร่วมทางานเป็นกลุ่ม สามารถจูงใจให้เกิดการยอมรับและให้ความช่วยเหลือเป็นผู้มี ความสามารถในด้านองค์ความรู้และทักษะในการในการคิดและเสนอเหตุผล ให้ความเห็น ปรึกษา และเสนอแนะใน งานท่ีรับผิดชอบ และได้มีการสรา้ งเครอื ข่ายการมสี ว่ นร่วมในงานท่ีรบั ผดิ ชอบ ๓.ให้บริการแก่ผู้มาติดต่องานด้วยความเสมอภาค แนะนาส่ิงท่ีเป็นประโยชน์เป็นผู้มีความสานกึ และถือเป็น หน้าที่ที่จะต้องให้บริการ ช่วยเหลือ แนะนาในส่ิงที่ดี ตลอดจนให้ข้อมูลข่าวสารท่ีเป็นประโยชน์ ให้การบริการด้วย ความเต็มใจ และเสมอภาคกันทุกระดับ มอี ัธยาศัยดี เปน็ กันเอง และสภุ าพต่อทกุ คน ๔. การเป็นผู้มีความเป็นธรรมท้ังต่อตนเองและต่อผู้อื่นเป็นผู้ประพฤติและปฏิบัติตรงตามหลักเกณฑ์ กฎ ระเบียบ ทก่ี ารกาหนดถือประโยชนข์ องทางราชการหรอื ส่วนรวมเปน็ ทตี่ งั้ ตัดสิน วนิ ิจฉยั หรอื แก้ปญั หาโดยใช้เหตผุ ล ๕. การเสริมสร้างความสามัคคีและร่วมกจิ กรรมของหมู่คณะ ท้ังในและนอกหนว่ ยงานเป็นผู้ให้ความร่วมมือ หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดข้ึนภายนอกหน่วยงาน และที่สาคัญเป็นบุคคลท่ีให้ความสาคัญ ยกย่อง หรือให้เกียรติแก่ ผรู้ ว่ มงานอย่างดยี งิ่ การครองงาน ๑. ความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี strong>เป็นผู้ใฝ่ศึกษา ค้นคว้า หาความรู้ที่จาเป็นต้องใช้ในการปฏบิ ัติงานอยู่ เสมอ มีความต้ังใจปฏิบัติงานให้ได้รับความสาเร็จ สนใจและเอาใจใส่งานท่ีรับผิดชอบโดยการกาหนดนโยบาย การ บริหารแบบมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ สนับสนนุ ชว่ ยเหลอื ให้ผใู้ ต้บังคบั บัญชาปฏบิ ตั งิ านทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ๒. ความรู้ ความสามารถ และความพงึ พอใจในการปฏิบัตงิ านเปน็ ผ้มู ีความรู้และเข้าใจในหลักเกณฑ์ วิธกี าร ระเบยี บ กฎ ข้อบังคบั มติ กฎหมาย และ นโยบายอย่างถอ่ งแท้ และมีทกั ษะ ความสามารถในการนาความร้ทู ่ีมีอยู่ไป ใชใ้ นการปฏบิ ตั งิ านไดเ้ ป็นอยา่ งดี ๓. ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์และปรับปรุงงานเป็นผู้ มีความสามารถในการคิดริเร่ิม หาหลักการ แนวทาง วิธีการใหม่ ๆ มาใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงาน ให้มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน และสามารถทางานท่ียาก หรืองานใหม่ให้ สาเร็จเป็นผลดี ๔. ความพากเพียรในการทางาน และมีผลงานที่เป็นท่ีน่าพอใจเป็นผู้ มีความกระตือรือร้น ต้องการที่จะ ปฏิบตั งิ านท่ีไดร้ บั มอบหมายจนสาเร็จ ขยนั หมนั่ เพยี ร เสยี สละ และอุทิศเวลาใหง้ าน ๕. การคานงึ ถงึ ประโยชน์ของสว่ นรวมและประชาชนการ ปฏิบตั งิ านได้ยึดหลกั ผลประโยชนข์ องสว่ นรวมและ ประชาชนเป็นสาคัญ และ สอดคล้องกับความต้องการของส่วนรวมและประชาชน โดยคานึงถึงการใช้วัสดุ อุปกรณ์ และสาธารณูปโภคได้อย่างประหยัดและเหมาะสม ตลอดจนร่วมมือ ช่วยเหลือ และประสานงานระหว่างราชการกับ ประชาชนอย่างทุ่มเทและจรงิ ใจ

บรรณานกุ รม การสร้างเครือข่าย (Networking). สมัยใหม่. (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http;//med.md.kku.ac.th/site_data/ mykku_med/...//Networking.doc เมอ่ื วันที่ 18 กรกฎาคม 2555. กลั ยาณี สงู สมบัต.ิ บทบาทผู้บรหิ าร ผนู้ าสมัยใหม่. (ออนไลน์) เข้าถึงไดจ้ าก http://uhost.rmutp.ac.th/ kanlayanee.so/L4/4-1-3.htm เมอื่ วนั ที่ 17 กรกฎาคม 2555. เครือข่ายความร่วมมอื ระหว่างสถาบนั ในยุคโลกาภิวัฒน์. http://dtad.dti.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=126:network&catid=8:specia l-article&Itemid=10 เมื่อวนั ที่ 17 กรกฎาคม 2555. นคร ตงั คะพิภพ (2549) การระดมทรัพยากรเพือ่ การศกึ ษาของสถานศึกษาข้ันพน้ื ฐาน.เพชรบรุ ี: โรงเรียนเบญจม เทพอทุ ิศ. เนตรทราย บัลลังก์ปัทมา. (2551). บริหารงานวิชาการ...ให้เป็นผู้นาการเปล่ียนแปลง. (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.gotoknow.org/blogs/posts/205609. เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2555. ประชุม โพธิกุล. การวางแผนกลยุทธ์เชิงประยุกต์. สถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ).(ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.moe.go.th/wijai/strategic%20applies.htm เม่อื วันท่ี14 กรกฎาคม 2555 มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช (2532) องค์การสาธารณประโยชน.์ นนทบรุ ี: โรงพิมพม์ หาวิทยาลัยสโุ ขทัย ธรรมาธิราช. เมธินี จิตติชานนท์. การบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์(Results Based Management) (ออนไลน์) เข้าถึงได้ จาก http://iad.dopa.go.th/subject/RBM.doc เมอ่ื วันท่ี 15 กรกฎาคม 2555. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน. กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). แนวการจัดการเรียนรู้สู่ประชาคม อาเซียน ระดับประถมศึกษา. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด. ..... (2555). ใบความรู้ รหัส UTQ-2301: การพัฒนาภาวะผนู้ าทางวชิ าการ (ออนไลน์) เข้าถงึ ไดจ้ าก http://www.utqonline.com (วันที่16 กรกฎาคม 2555) สานักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย, กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). คู่มือการสร้างเครือข่ายร่วมพฒั นาและ การส่งเสริมศกั ยภาพผ้เู รยี น. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั . อรทัย ศกั ดส์ิ งู . การประเมนิ โครงการ. (ออนไลน์) เข้าถงึ ได้จาก http://www.moe.go.th/wijai/project.htm เม่อื วันที่ 16 กรกฎาคม 2555. องคก์ รแหง่ การเรยี นรู(้ Learning Organization).(ออนไลน)์ เข้าถึงได้จาก http://www.bloggang.com/ mainblog.php?id=wbj&month=07-12-2007&group=29&gblog=11 เมอื่ วันท่ี 14 กรกฎาคม 2555.