51 กำรแฮกนำ แฮกนา คอื การแรกนาของชาวบา้ น แบง่ ออกเป็น ๒ ระยะ คือ แฮกนาตอนหวา่ นกลา้ และ แฮกนาวนั ปลูกนา (ดานา) ประเพณีแฮกนาชาวบา้ นเชื่อวา่ เป็นการประกอบพธิ ีเพอ่ื กราบ ไหวพ้ ระแม่ธรณี รวมท้งั เจา้ ท่ีเจา้ ทางเพอื่ ขออนุญาตพลิกแผน่ ดินทากิน การแฮกนาหวา่ นกลา้ ก่อนประกอบพธิ ี จะตอ้ งไปขอ คาปรึกษาจาก อาจารยป์ ระจาหมู่บา้ นเพอ่ื ดูฤกษว์ นั ใหเ้ ป็นมงคลเสียก่อน ตาราระบวุ า่ บคุ คลใดก็ตามจะไถนา ใหด้ ูการกลบั ตวั ของนาคเวลาไถใหเ้ ร่ิมจากทิศหวั นาคไปยงั ทศิ หางของนาค ไม่ยอ้ นจากหางไปสู่หวั ของนาค เพราะมีความเชื่อวา่ เป็นการยอ้ นทวนเกล็ดนาค ทาใหเ้ ปลืองคลาดและอุปกรณ์การไถ การแฮกนาตอนปลกู การประกอบพธิ ีใชข้ า้ วเหนียว ๑ กอ้ น กลว้ ย ๑ ผล เรียกวา่ “ขา้ วป้ันกลว้ ยหน่วย” เพอื่ ไวบ้ อกกล่าวพระแม่ ธรณี โดยกล่าววา่ เอ่อ บดั เดี๋ยวน้ี ผขู้ า้ จกั ไดแ้ ฮกนาวนั น้ี จะไดป้ ลูกขา้ วก็ขอห้ือคุณแม่พระธรณี เจา้ ทมี่ า ปก ปักรกั ษาทา้ วองอาจนาฎสม กลมทวแี ม่นางนาฎนอ้ ย แม่ธรณีอนั เป็ นผหู้ ลา้ แลว้ ลืมตื่น ตนื่ แลว้ หรือยงั สาดตวั โสกวทิ รู ขา้ พเจา้ จกั แฮกนาน้ีขอพ่งึ เงาแขง้ เงาขา กบั แม่ธรณีเป็ นเจา้ ของกุ่งกา้ นฮกั ษาสตั วร์ า้ ยอยา่ งไดม้ า กระทารา้ ย เม่ือเร่ิมปักดาขา้ วกลา้ ตน้ แรกใหพ้ ดู วา่ พทุ ธ สรณ คจฉามิ ตน้ ท่ีสองพดู วา่ ธรรม สรณ คจฉามิ ตน้ ท่สี ามพดู วา่ สงั ฆ สรณ คจฉามิ ปักดาไปเรื่อย ๆ โดยกล่าว ไตรสรณคมไปจนจบ เรียกวา่ “สรณคมเกา้ บ้งั ” เป็นเสร็จพธิ ี กำรตำนข้ำวใหม่และกินข้ำวใหม่ ตานขา้ วใหม่และกินขา้ วใหม่ เป็นประเพณีท่ชี าวไทล้ือปฏบิ ตั ิตอ่ กนั มาเป็ นเวลาชา้ นานแลว้ กล่าวคือเมื่อเกบ็ เกี่ยวขา้ วมาไวใ้ นยงุ้ ฉางแลว้ ก่อนจะนาขา้ วไปตาหรือนาไปสี ตอ้ งหาฤกษย์ ามวนั ดีโดยดูจาก ตาราซ่ึงจารึกลงบนแผน่ ไมข้ นาดกวา้ งราว ๔ น้ิว ยาวราว ๑ ศอก เรียกวา่ ป๊ักกะตืน ซ่ึงจะมีอยปู่ ระจาทีย่ งุ้ ขา้ ว การตานขา้ วใหม่จะเร่ิมในตอนเชา้ โดยน่ึงขา้ วใหม่พรอ้ มท้งั ทาอาหารไปทาบุญทว่ี ดั เพอื่ อุทศิ ส่วนกศุ ล ของการกินขา้ วใหม่ไปยงั บพุ การีผทู้ ่ีล่วงลบั ไปแลว้ และเป็นการนาขา้ วใหม่ไปถวายพระดว้ ยภายหลงั กลบั จากการทาบญุ ที่วดั กจ็ ะนาขา้ วใหม่และอาหารไปใหบ้ ุพการีที่ยงั มีชีวติ อยรู่ ับประทานก่อนไดแ้ ก่ ป่ ู ยา่ ตา ยาย และ พอ่ แม่ เมื่อรับประทานเสร็จแลว้ ก็จะใหพ้ รแก่ลูกหลาน เช่นกล่าววา่ “ก๋ินอ่มิ ไปห้ือตก จก๊ อิ่มไปห้ือ ลง ห้ือก๋ินมน่ั กิ๋นยนื ก๋ินยาว” หมายถึงวา่ อยา่ งใหก้ ินเปลืองใหก้ ินไปไดน้ าน ๆ จะเห็นไดว้ า่ ประเพณีตานขา้ ว ใหม่และกินขา้ วใหม่ เป็นการแสดงกตญั ญกู ตเวที ตอบแทนแก่ผมู้ ีพระคุณ ไดแ้ ก่บุพการี ท้งั ผทู้ ่ไี ดล้ ่วงลบั ไป แลว้ และผทู้ มี่ ีชีวติ อยู่ เพราะทา่ นเหล่าน้ีไดบ้ กุ เบกิ สร้างไร่ไวใ้ หล้ ูกหลานทามาหากนิ ดงั น้นั เม่ือไดผ้ ลผลิต จึงตอบแทนบญุ คุณดว้ ยการตานขา้ วใหม่และกินขา้ วใหม่
52 ประเพณกี ำรตำย ประเพณีการตายของชาวไทล้ือในสมยั ก่อน จะมีลกั ษณะแตกต่างไปจากประเพณีไทย โดยทวั่ ไป ซ่ึงมีลกั ษณะเช่นเดียวกบั การทาศพสิบสองปันนา กล่าวคอื เมื่อมคี นตายจะนาศพห่อดว้ ยไม่ไผ่ แลว้ ใชผ้ า้ ขาวปิ ดทบั ขา้ งนอก ดา้ นบนสานไมไ้ ผป่ ิ ดทบั เรียกวา่ “หลอ้ ง” โดยทว่ั ไปจะเก็บศพไวเ้ พยี งคืน เดียวแลว้ รับนาไปฝัง ขณะที่นาศพไปยงั ป่ าชา้ เขย (สปั เหร่อ) จะใชไ้ มไ้ ผย่ าวประมาณ ๓ เมตร ๒ ลา ผกู ตดิ กบั หลอ้ งท้งั สอง แลว้ ใชเ้ ขยจานวน ๔ คน หามไปฝัง เสร็จแลว้ ใชแ้ ผน่ ไมป้ ิ ดทบั และตดั หนามไมไ้ ผม่ าคลุม อีกทีหน่ึงเพอื่ ป้องกนั สตั วม์ าคุย้ เข่ยี ส่วนคนตายทอ้ งกลมหรือเรียกวา่ ตายพราย เป็ นสิ่งทีน่ ่ากลวั มากสาหรบั ชาวบา้ น ถา้ หากมีคนตายทอ้ งกลมจะรีบนาไปฝงั ทนั ที โดยไม่ใหท้ นั ขา้ มวนั ขา้ มคนื ถา้ ตายตรงไหนจะเจาะ พ้นื บา้ นเป็นช่องตรงน้นั เพอื่ นาศพออกจากบา้ นโดยไม่ใหผ้ า่ นประตหู อ้ งหรือบนั ไดบา้ น การทาศพตอ้ ง ดาเนินการอยา่ งรีบเร่ง จะห่อดว้ ยเส่ือเพยี งอยา่ งเดียว แลว้ รีบนาไปฝังใหเ้ ร็วท่ีสุด บริเวณทีฝ่ ังตอ้ งแยกออกไป ตา่ งหาก ชาวบา้ นเรียกวา่ ป่ าชา้ ผดี ิบ ส่วนสามีของผตู้ ายตอ้ งรีบเขา้ วดั แลว้ บวช ๓ วนั หรือ ๗ วนั เป็ นอยา่ ง นอ้ ย ท้งั น้ีเชื่อวา่ ป้องกนั การติดตามรงั ควาน ประเพณีการทาศพของหมู่บา้ นไทล้ือในสมยั กอ่ น ส่วนใหญจ่ ะ ใชก้ ารฝัง ส่วนการเผาศพจะมีบา้ งเฉพาะศพผสู้ ูงอายเุ ทา่ น้นั ส่วนในปัจจบุ นั ไดเ้ ปลี่ยนไปมาก จะใชก้ ารเผา ท้งั หมดแตม่ ีขอ้ หา้ มคอื ถา้ เป็ นศพทอ้ งกลมตอ้ งแยกเผาต่างหากไม่เผาในบริเวณเชิงตะกอนที่ใชเ้ ผาศพ โดยทวั่ ไป
53 เร่ืองท่ี ๓.๓ 3.3 แหล่งเรียนรู้วฒั นธรรมและประเพณไี ทลือ้ วดั พระธำตุสบแวน เป็ นวดั เก่าแก่วดั หน่ึงของอาเภอเชียงคา ไม่ปรากฎหลกั ฐานวา่ สร้างเม่ือใด ภายในวดั มีพระธาตุ เจดียบ์ รรจุเสน้ พระเกศาและกระดูกส่วนคางของพระพทุ ธเจา้ สนั นิษฐานวา่ พระเจดียน์ ้ี น่าจะมีอายรุ าว ๗๐๐-๘๐๐ ปี ส่วนท่ีชื่อวา่ วดั พระธาตุสบแวน เพราะต้งั อยใู่ นบริเวณทีแ่ ม่น้าแวนไหลมาบรรจบกบั แม่น้าฮ่อง บริเวณวดั พระธาตุสบแวนยงั เป็นท่ีต้งั ของศนู ยท์ อผา้ ไทล้ือบา้ นธาตสุ บแวน เป็ นสถานท่ีจดั งาน สืบสานตานานไทล้ืออาเภอเชียงคา จงั หวดั พะเยา ซ่ึงจดั ข้นึ ประมาณเดือนมีนาคมของทกุ ปี
54 ศูนย์วฒั นธรรมไทลอื้ เชียงคำ ศนู ยว์ ฒั นธรรมไทล้ือเชียงคา ซ่ึงเป็นศูนยว์ ฒั นธรรมไทล้ือแห่งแรกของประเทศไทย ต้งั อยบู่ ริเวณ วดั บา้ นหยว่ น ซ่ึงเป็นวดั ทม่ี ีชาวไทล้ืออาศยั อยมู่ าก ศูนยว์ ฒั นธรรมไทล้ือเชียงคาแห่งน้ี จดั แสดงขา้ วของ เครื่องใช้ ในวถิ ีชีวติ ของชาวไทล้ือ และเกบ็ รวบรวมหนงั สือใบลานภาษาลา้ นนา ซ่ึงเป็ นตวั หนงั สือท่ี ชาวไทล้ือเคยใช้ และยงั เป็นทต่ี ้งั ของศนู ยท์ อผา้ ไทล้ือบา้ นหยว่ นอีกแห่งหน่ึงดว้ ย วัดแสนเมืองมำ วดั แสนเมืองมา เป็นวดั ทีม่ ีวหิ ารไทล้ือต้งั อยทู่ ่ีบา้ นมาง หมู่ท่ี ๔ตาบลหยว่ น อาเภอเชียงคา จงั หวดั พะเยา เป็นวดั ที่คงศลิ ปวฒั นธรรมไทล้ือไวอ้ ยา่ งครบรูปแบบ เป็ นวิหารไทล้ือทีส่ วยงาม
55 เรือนไทลือ้ เรือนไทล้ือท่ีอาเภอเชียงคา นิยมสรา้ งเป็ นเรือนเคร่ืองไม้ ยกสูง มุงหลงั คาดว้ ยแป้นเกลด็ เช่น เรือนไทล้ือของป้าแสงดา ทอ่ี าเภอเชียงคา ทยี่ งั คงรูปแบบด้งั เดิมโดยมีการปรบั เปลี่ยนนอ้ ยมาก นอกจากน้ียงั มีเรือนไทล้ือ ทรงป้ันหยา ทรงหนา้ จวั่ มุงหลงั คาดว้ ยหญา้ คา ส่วนประกอบหลกั ของเรือนไทล้ือนอกจาก เรือนสองหลงั หลงั ท่หี น่ึงเป็นเรือนนอน ประกอบดว้ ยหอ้ งนอนและหอ้ งครัวมี “เต๋นิ ” อยตู่ ่อจากหอ้ งนอน ออกมาไวส้ าหรับนง่ั พกั ผอ่ นเป็ นท่ีรบั แขก รวมท้งั เป็นทีน่ อนของแขกดว้ ย และอีกหลงั หน่ึงเป็ นยงุ้ ขา้ วซ่ึง แบง่ เป็ น ๒ ส่วน คอื ส่วนที่เป็นยงุ้ ขา้ วและส่วนท่ีเป็ นพน้ื ทีท่ ่เี หลือกอีกส่วนหน่ึงไวส้ าหรับทากิจกรรม เช่น ป่ันฝ้าย ตรงกลางท่ีเชื่อมตอ่ ระหวา่ งเรือนท้งั สองยงั มีชานกวา้ งทเ่ี รียกวา่ “แผแ้ หล”้ ใชเ้ ป็นทตี่ ากพชื ผกั อาหารแหง้ ทีน่ อน หมอนมุง้ ตลอดจนใหเ้ ป็ นท่ีนง่ั ลอ้ มวงกินขา้ วหรือนงั่ พกั ผอ่ น โดยชาวบา้ นทามา้ นง่ั ยาว ไวม้ ุมหน่ึง ในแต่ละบา้ นมกั มี “ฮ่างน้า” หรือ “ฮา้ นน้า” สาหรบั วาง “น้าหมอ้ ” หรือหมอ้ น้า คร่ืองป้ันดินเผาสาหรับใส่น้าด่ืม มีฝาปิ ดและน้าบวย หรือกระบวยตกั น้า ที่ทาจากกะลามะพร้าวอยมู่ ุมหน่ึง ของเรือน สมยั ก่อนยงั มีฮา้ นน้าต้งั อยหู่ นา้ บา้ นเพอ่ื ใหผ้ ผู้ า่ นไปมาไดแ้ วะด่ืมน้า อนั เป็ นการแสดงถึงความมี น้าใจของคนแตก่ ่อน ถึงแมว้ า่ สภาพบา้ นเรือน หรือส่ิงแวดลอ้ มจะพฒั นาไปอยา่ งไรชาวไทล้ือยงั คง รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวฒั นธรรมอนั ดีงามไวอ้ ยา่ งมน่ั คง
56 งำนสืบสำนตำนำนไทลอื้ ประชากรเกือบ ๑ ใน ๓ ของอาเภอเชียงคามีเช้ือสายไทล้ือซ่ึงบรรพบรุ ุษไดอ้ พยพมาจาก มณฑลยนู าน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจนี เป็ นกลุ่มประชากรที่มีคุณภาพขยนั ขนั แขง็ ใน การประกอบอาชีพ รักสงบ ยดึ มนั่ ในหลกั คาสอนของพระพทุ ธศาสนา และยงั คงอนุรกั ษไ์ วซ้ ่ึง วฒั นธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอนั ดีงามของกลุม่ ชนไวอ้ ยา่ งเหนียวแน่น ในวถิ ีชีวติ ประจาวนั ท้งั ในดา้ นของการ แต่งกาย อาหารการกิน การละเล่นพ้นื บา้ น พธิ ีกรรม ความเช่ือ วฒั นธรรม ประเพณี ซ่ึงเป็ นเอกลกั ษณ์ท่ี โดดเด่นของชาวไทล้ือ เพอื่ เป็นการอนุรกั ษแ์ ละเผยแพร่วฒั นธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไทล้ือ จึงไดจ้ ดั งานสืบสานตานานไทล้อื ต้งั แต่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ จนถึงปัจจบุ นั ซ่ึงงานน้ีจะจดั ข้ึนในราวเดือน มีนาคม ของทกุ ปี ณ บริเวณ วดั บา้ นธาตสุ บแวน ตาบลหยว่ น อาเภอเชียงคา จงั หวดั พะเยา ขบวนแห่งำนสืบสำนตำนำนไทลอื้
57 \\ ขบวนแห่แสดงกำรอพยพของชำวไทลื้อในสมยั ก่อน
58 ขบวนแห่ตุง ภำพจำลองบ้ำนของชำวไทลื้อ ขบวนกำรละเล่นของเดก็ ขบวนสำวไทลื้ออำเภอแม่สำย กำรแต่งกำยของผู้ชำยไทลือ้ กำรแห่ลูกแก้ว
59 กจิ กรรมท่ี ๓ เมื่อทา่ นไดศ้ ึกษาชุดวชิ า ตอนที่ ๓ จบแลว้ ใหต้ อบคาถามดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. จงอธิบายถึงความเช่ือของชาวไทล้ือ …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ๒. จงยกตวั อยา่ งประเพณีพน้ื บา้ นของชาวไทล้ือมาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ๓. ท่านจะเรียนรู้วถิ ีชีวติ ไทล้ือไดจ้ ากทใ่ี ดบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………
60 …………………………………………………………………………………………………………… แบบทดสอบตนเองหลงั ศึกษำชุดวชิ ำ ใหเ้ ขียนเคร่ืองหมาย X ลงบนตวั อกั ษรที่ท่านพจิ ารณาแลว้ วา่ ถูกตอ้ งทสี่ ุดเพยี งขอ้ เดียว ๑. บา้ นเรือนของชาวไทล้อื มีลกั ษณะอยา่ งไร ก. บา้ นเดี่ยวช้นั เดียว ข. บา้ นเด่ียวสองช้นั ค. บา้ นทรงไทย ง. บา้ นใตถ้ ุนสูงขนาดใหญ่ ๒. ไทล้ือ อพยพมาจากท่ีใด ก. พม่า ข. ลาว ค. เวยี ดนาม ง. แควน้ สิบสองปันนา ๓. อาเภอใดในจงั หวดั พะเยาท่ีมีชุมชนไทล้ืออาศยั อยเู่ ป็ นจานวนมาก ก. ปง ,จุน ข. เชียงคา ,เชียงม่วน ค. แม่ใจ ,เมือง ง. ถูกทุกขอ้ ๔. ภาษาล้ือจดั อยใู่ นกลุ่มภาษาใด ก. ไทยกลาง ข. ไท (ไต) ค. ไทยลา้ นนา ง. ไทยคาตี่
61 ๕. ประเพณีการแต่งกายของชาวไทล้ือ มกั จะยดึ ถือสีอะไร ก. แดง ,ดา ข. แดง ,ขาว ค. แดง ,เขยี ว ง. แดง ,น้าเงนิ ๖. ผหู้ ญงิ อยไู่ ฟหรือคลอดลูกใหม่ควรงดอาหารประเภทใด ก. ปลาดุก ข. ไข่ ค. ปลาหางขาว ง. ถูกทุกขอ้ ๗. ขอ้ ใดเป็นการละเล่นของชาวไทล้อื ก. การเล่นหมากเก็บ ข. การเล่นข่ีโก๊ะเก๊ะ ค. การเข่นโคบไขเ่ ต่า ง. ขอ้ ข. และขอ้ ค. ๘. ขนมท่นี ิยมทาในพธิ ีทาบญุ ข้ึนบา้ นใหม่ งานบวช งานฉลอง ของชาวไทล้ือคอื ขนมประเภทใด ก. ขนมเทยี น กบั ขนมปาด ข. ขนมขา้ วตม้ ผดั กบั ขนมเทียน ค. ขนมปาด กบั ขนมเสน้ ง. ถูกทุกขอ้ ๙. ภาษาทางภาคใดท่ีออกเสียงคลา้ ยกบั ภาษาของชาวไทล้ือ ก. ภาคเหนือ ข. ภาคใต้ ค. ภาคกลาง ง. ภาคอีสาน
62 ๑๐. งานสืบสานตานานไทล้ือจดั ข้ึนทใี่ ด ก. อาเภอจุน จงั หวดั พะเยา ข. อาเภอเชียงม่วน จงั หวดั พะเยา ค. อาเภอเชียงคา จงั หวดั พะเยา ง. อาเภอแม่ใจ จงั หวดั พะเยา ………………………………
63 เฉลยแบบทดสอบตนเองก่อนศึกษำชุดวิชำ ๑. ค ๖. ง ๒. ค ๗. ข ๓. ง ๘. ง ๔. ก ๙. ข ๕. ข ๑๐. ค เฉลยแบบทดสอบตนเองหลงั ศึกษำชุดวิชำ ๑. ง ๖. ง ๒. ง ๗. ง ๓. ข ๘. ค ๔. ข ๙. ข ๕. ก ๑๐. ค …………………………………………..
Search