Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 15พนาพร076

15พนาพร076

Published by aomsin0606, 2022-05-19 04:09:11

Description: 15พนาพร076

Search

Read the Text Version

ความสําคัญในการจัดการ ความหมายของเด็กพิเศษ เรียนการสอนให้เด็กพิเศษ บทที่ 9 จิตวิทยาเด็กพิเศษ ประเภทของเด็กพิเศษ แนวทางการจัดการเรียนการสอน ใหเ ด็กพิเศษแตล ะประเภท

ความสำคัญ ความหมาย ในศตวรรษที่ 20 มีการส่งเสริทการสอนเด็กพิเศษปกติเรื่อย -ศรีเรือน แก้วกังวาล (2545) กล่าวว่า คําว่า \"พิเศษ\" ภาษาไทยแปลภาษาจากคํา แต่เด็กพิเศษยังขาดการเอาใจใส่ มักได้เรียนแค่การศึกษาภาค ว่า \"exceptionality\" ในศาสตร์นี้หมายถึง ความเบี่ยงเบนด้านพัฒนาการและ บังคับแล้วก็ออกจากโรงเรียนไป เด็กที่ปัญญาเลิศก็ยังไม่ได้รับการ พฤติกรรม จากเกณฑ์ปกติอยาางมากและอย่างชัดเจนทั้งทางบวกและทางลบ ความ ดูแลอย่างถูกวิธี เพราะผู้ปกครองและครูขาดการเข้าใจเกี่ยวกับการ เบี่ยงเบนนั้น เป็นไป ได้ทุกมิติของพัฒนาการ ดูแล โดยทั่วไปมักให้ความสำคัญกับเด็กที่มีความพิการมากกว่า -กรองทอง จุลิรัชนีกร (2554) กล่าวว่า เด็กพิเศษ หรือ เด็กที่มีความต้องการพิเศษ หมายถึง เด็กที่ไม่อาจพัฒนาความสามารถได้เท่าที่ควรจากการเรียนการสอนตาม การวิจัยบังคงได้รับความสนใจ นักวิชาการหลากหลายความ ปกติ ชำนาญยังคงทำการศึกษาค้นคว้าวิจัย การสื่อสารที่ไม่ซับซ้อนเท่า -วงพักตร์ ภู่พันธ์ศรี(2543) กล่าวว่า \"เด็กพิเศษ\" หมายถึง (Exceptional ผู้ใหญ่ แก้ไปได้ง่ายกว่า และเป็นผลดีมากกว่า Children) หมายถึง เด็กที่มีลักษณะการเจริญเติบโต และการพัฒนาการที่แตก ต่างไปจากเด็กปกติ นางสาวพนาพร เฉากระโทก 6421126076 D15 -Doll (1963) กล่าวว่า \"เด็กพิเศษ\" หมายถึง เด็กที่มีลักษณะเฉพาะตัวซึ่งทําให้ มีอุปสรรคในการที่จะเรียนหรือกระทําบางสิ่งบางอย่างร่วมกับบุคคลธรรมดา -Haring & Lovitt (1967) กล่าวว่า \"เด็กพิเศษ\" หมายถึง บุคคลที่ต่างไปจาก เกณฑ์ เฉลี่ยด้านร่างกาย จิตใจ ปีญญา อารมณ์ และบุคลิกภาพทางสังคม จนถึง ขั้นที่ต้องการบริการ พิเศษอื่นๆ ที่ช่วยปรับปรุงพฤติกรรมทางสังคม และความ สามารถในการประกอบอาชีพ

ประเภทของเด็กพิเศษ มี 9 ประเภท 1. เด็กปัญญาอ่อน 6. เด็กที่มีความผิดปกติทางการสื่อความหมาย 2. เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน 7. เด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรม 3. เด็กที่มีความบกพร่องทางสายตา 8. เด็กออทิสติก 4. เด็กที่พิการทางร่างกายและสุขภาพ 9. เด็กปัญญาเลิศ 5. เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้

แนวทางการจัดการเรียนการสอนให้เด็กพิเศษแต่ละประเภท เด็กปัญญาอ่อน สําหรับเด็กที่มีภาวะปัญญาอ่อน ในระดับสติปัญญาของเด็ก ปัญญาอ่อนนั้นสามารถแบ่งตามความสามารถด้านการศึกษา 3) เด็กปัญญาอ่อนที่เรียนหนังสือไม่ได้ มีระดับเชาว์ปัญญา (IQ) 1) เด็กปัญญาอ่อนพอเรียนได้ มีระดับเชาว์ปัญญา (IQ) ระหว่าง 20-34 เทียบเท่าความสามารถของเด็กปกติประมาณ 2-3 ปี ระหว่าง 50-70เทียบเท่าความสามารถของเด็กปกติประมาณ เด็กกลุ่มนี้จะมีความพิการทางสติปัญญา ที่แสดงออกทางหน้าตา 7-10 ปี จะมีพัฒนาการทางด้านภาษาที่ล่าช้า แต่สามารถใช้ ชัดเจนมาก และมักมีความพิการอื่นซ้ํา มีพัฒนาการทางร่างกายและ ภาษาเพื่อการสนทนาในชีวิตประจําวันได้ความรู้ทางศัพท์มีจํา การพูดที่ช้ามาก สิ่งที่จําเป็นในการจัดการศึกษา นวนจํากัด เขียน ประโยคไม่ถูกต้อง 2) เด็กปีญญาอ่อนพอเรียนได้ มีระดับเชาว์ปัญญา (IQ) ระหว่าง 35-49เทียบเท่าความสามารถของเด็กปกติประมาณ 3-7ปีมีพัฒนาการทางร่างกายที่ล่าช้าหน้าตาบ่งบอกถึง ความ ผิดปกติ เด็กกลุ่มนี้มักมีปัญหาในการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ และมัดเล็ก

แนวทางการจัดการเรียนการสอนให้เด็กพิเศษแต่ละประเภท เด็กที่มีความบกพร่อง เด็กที่มีความบกพร่อง ทางการได้ยิน ทางสายตา โรงเรียนควรเน้นพัฒนาภาษา แลการสื่อ ความหมาย เด็กที่มีความบกพร่องทางสายตา จะต่างจากเด็กปกติ เรื่อง เนื่องจากเป็นเครื่องมีสําคัญที่จะทําให้เด็กได้รับความรู้ด้าน จากเด็กที่มีความบกพร่องทางสายตานั้น จะเรียนรู้สิ่งแวดล้อม เนื้อหาสาระได้อย่าง เต็มที่ ทั้งนี้หากเด็กกลุ่มนี้เรียนอยู่ใน โดยผ่านการฟัง การสัมผัส และใช้ประสาทสัมผัสอื่นร่วมด้วย ชั้นเรียนปกติแต่ได้รับความช่วยเหลือพิเศษ เด็กยังควร เด็กพิการทางสายตามี 2 ประเภท คือ บอดสนิทกับบอดไม่ ได้รับการบริการพิเศษ สนิท หรือบอดบางส่วน ผู้สอนเด็กที่บกพร่องทางตา ไม่ควร พูดกับเด็กในลักษณะที่ทําให้เขารู้สึกว่าพิการ 130 อย่า เสียงดังจนเกินไป ใช้น้ําเสียงปกติ การทักทายควรใช้มือ สัมผัส มอบหมายงานพิเศษ ให้เหมือนคนอื่นๆ และความ ฝากให้เด็กตาบอดได้มีโอกาสด้วย

แนวทางการจัดการเรียนการสอนให้เด็กพิเศษแต่ละประเภท เด็กที่พิการทาง เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้ ร่างกายและสุขภาพ ยังไม่มีการจัดการศึกษาเฉพาะพิเศษสําหรับ เด็กกลุ่มนี้ โดยตรง ทั้งนี้เพราะอาจมีความไม่แน่ชัดในการคัดแยกเด็ก การจัดการเรียนการสอนสามารถใช้หลักสูตรปกติได้ แนว ออกอย่างชัดเจน โดยอาจพบสาเหตุอื่นเข้ามาร่วมด้วย ไม่ การสอนหลักสูตร ทั้งประถมศึกษาและมัธยมศึกษาไม่ควร เหมือนกลุ่มเด็กที่มีความบกพร่องที่กล่าวมาในกลุ่ม ก่อน แตกต่างจากเด็กปกติ และมีการเพิ่มเติมหลักสูตร การ หน้าที่มีความชัดเจนของสาเหตุ พฤติกรรม และอาการ เปลี่ยนแปลงกิจกรรมบางอย่างให้เอื้ออํานวยต่อเด็กกลุ่มนี้ ต่างๆ ครูจึงควรทํา การประเมินผลการเรียน โดยเน้นการ เช่น วิชาพลศึกษา อาจให้เด็กเล่นกีฬาได้ แต่ควรเน้นการ วัดผลการเรียนของเด็กเป็นระยะๆ ต่อเนื่องกัน หากครู ใช้ ใช้กล้ามเนื้อในการออกกําลังกาย และ นันทนาการ วิธีสอนครั้งแรก แล้วไม่เป็นไปตามจุดประสงค์ ก็ควร เหมือนเด็กปกติได้ในกรณีเด็กที่มีความบกพร่องทาง เปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ ร่างกายและสุขภาพ

แนวทางการจัดการเรียนการสอนให้เด็กพิเศษแต่ละประเภท เด็กที่มีความผิดปกติ เด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรม ทางการสื่อความหมาย โรงเรียนควรจัดชั้นพิเศษให้เด็กอยู่ในที่ๆ เหมาะสม และ ให้เด็กสามารถกลับไปในชั้นเรียนปกติได้ ในห้องเรียน สําหรับเด็กที่มีความผิดปกติทางการสื่อความหมาย ส่วน ควรมีขนาดที่พอเหมาะ ให้อยู่ในการควบคุมดูแลของครู ใหญ่จะเริ่มพบตั้งแต่เริ่มเข้า โรงเรียน ดังนั้นครู ควรแนะ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ควร นําผู้ปกครองให้พาเด็กไปพบแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญใน มีตู้ เก็บให้มิดชิด ส่วนสถานที่บางอย่าง บรรยากาศในชั้น การแก้ไข ข้อบกพร่อง ซึ่งทางโรงเรียนควรมีครูเดินสอนที่ เรียนนั้น ครูควรใช้วาจาในการสื่อสาร แนะนําสิ่งต่างๆ ให้ มีความชํานาญในการแก้ไขการพูด เพื่อเวียน มาสอนเด็ก น้อยที่สุด แต่เน้นการปฏิบัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการโต้แย้งกับ กลุ่มที่มีความผิดปกติรุนแรง แต่ในกลุ่มที่มีความผิดปกติ เด็ก และพยายามอธิบาย สิ่งต่างๆ อย่างกระชับมากที่สุด ไม่มากนัก สามารถจัดการ เรียนการสอนให้เด็กเรียนร่วม ไม่ควรอธิบายวกวนไปมา กับเด็กปกติ และสามารถใช้หลักสูตรปกติได้

แนวทางการจัดการเรียนการสอนให้เด็กพิเศษแต่ละประเภท เด็กออทิสติก เด็กปัญญาเลิศ เด็กออทิสติกมีลักษณะที่มีความแตกต่างกับเด็กปกติทั่วไป ควรได้รับการเอาใจใส่จาก โรงเรียน และครู โดยการจัด โดยมีลักษณะ ย้ำคิดย้ำทํา และต่อต้านการเปลี่ยนแปลง โครงการพิเศษให้แก่เด็กกลุ่มนี้ เพื่อให้เขาได้พัฒนา ดังนั้นการเปลี่ยนบทเรียนหรือเปลี่ยนหัวข้อเรียน จึงเป็น ศักยภาพ และ ความสามารถของเขาอย่างเต็มที่ ทั้งนี้หาก เรื่องที่เด็กกลุ่มนี้ยังรับไม่ได้ อีกทั้งยังขาดแรงกระตุ้น และ ให้เขาไปเรียนรวมกับเด็กปกติทั่วไป อาจทําให้เกิด ความ แรงเสริมเชิงสังคมอีกด้วย เด็กกลุ่มนี้มักขาดความเข้าใจ เบื่อหน่าย และไม่อยากเรียนได้ โดยในระดับประถม เรื่องราวที่เป็นนามธรรม และความสามารถในการเชื่อมโยง ศึกษา อาจจัดโครงการเพิ่มพูน ความรู้ในชั้นเรียนขึ้น หาก ความรู้เก่า และความรู้ใหม่เข้าด้วยกัน การศึกษาพิเศษกับ กรณีเด็กไปเรียนรวมกับเด็กที่อายุมากกว่า อาจจะเกิดการ เด็กกลุ่มนี้ ต้องให้การศึกษาที่มีความเหมาะสมกับความ เรียน แข่งกันขึ้น หากสู้ไม่ได้ อาจทําให้เกิดความขับ พิเศษของ พวกเขาที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ข้องใจได้ และอาจมีปัญหาในการปรับตัวได้กับเด็กโตได้ โดยครูจําเป็นต้องรับรู้ถึงขีดจํากัดของเด็ก แต่ละคนใน ลักษณะของความเป็นออทิสติกของเขา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook